Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สมุด e-book อัฟฟาร์น

สมุด e-book อัฟฟาร์น

Published by Affan Mawee, 2021-11-04 04:20:22

Description: สมุด e-book อัฟฟาร์น

Search

Read the Text Version

คำนำ หนังสือฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชากาย วิภาคศาสตร์ (NURBNO4) โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ศึกษาความรู้ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ อวัยวะต่างๆใน ANATOMY คำศัพท์ในระบบต่างๆ ของร่างกาย ความรู้รวมถึงแบบทดสอบของการ ทำงานของระบบต่างๆในรา่ งกาย การจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-BOOK) ของข้าพเจ้าขอขอบคุณอาจารย์วายุรี ลำโปที่ให้ คำแนะนำในการจัดทำหนังสือและข้าพเจ้าหวังเป็น อย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ ต้องการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ นายอฟั ฟาร์น มะวี ผู้จดั ทำ

สารบญั เร่ือง หนา้ Cell/Skin 4-31 ระบบสบื พนั ธเุ์ พศหญงิ 32-44 ระบบต่อมไรท้ อ่ 45-51 ระบบกระดกู และขอ้ ต่อ 52-59 ระบบขบั ถ่ายปัสสาวะ 60-71 ระบบยอ่ ยอาหาร 72-80 ระบบกลา้ มเนDือ 81-97 ระบบหายใจ 98-107 ระบบไหลเวยี นเลอื ด 108-115 ระบบประสาท 116-132 อา้ งองิ 133



เซลล์ (Cell) หมายถึง หน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุด ของสิ่งมีชีวิตมีรูปร่างลักษณะและขนาดแตกต่าง กันขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งมีชีวิตและหน้าที่ของเซลล์ เหล่านน้ั https://1th.me/DnbY2 https://1th.me/mA6nX

เซลล์มีโครงสรา้ งพืน้ ฐาน 3 ส่วนหลักๆ ดังน้ี 1. ส่วนท่ีทำหนา้ ทห่ี อ่ มหุ้ม ไดแ้ ก่ ผนงั เซลล์ (Cell wall) เยอJื หมุ้ เซลล์ (Cell membrane) 2. ไซโตพลาสซมึ แบง่ เป็น สว่ นทไJี มม่ ชี วี ติ (Cytoplasmic inclusion) และ สว่ นทมJี ชี วี ติ (Organelle) 3. นิวเคลียส ประกอบดว้ ย เยอJื หมุ้ นิวเคลยี ส (Nuclear membrane) นิวคลโี อลสั (Nucleolus) และ สารพนั ธกุ รรม https://1th.me/iD60l

https://1th.me/kSsU2 https://1th.me/a5dIt

เยอ่ื หุ้มเซลล์ (Cell Membrane) เป็นเยอ'ื หมุ้ ทอ'ี ยชู่ ดิ กบั ผนงั เซลล์ เพอ'ื ขยายขนาดเยอ'ื หมุ้ เซลลเ์ ขา้ ไปใน เซลล์ เรยี กวา่ มโี ซโซม (mesosome) หรอื ทเ'ี รยี กกนั อกี อยา่ งวา่ \"เซลลค์ มุ \" มหี น้าทค'ี วบคมุ การเขา้ ออกของนFํา สารอาหาร และออิ อนโลหะต่าง ๆ https://1th.me/hQ50z ไซโทพลาสซมึ ( Cytoplasm ) คอื ส่วนประกอบของเซลล์ทอ'ี ยู่ภายใต้เย'อื หุม้ เซลล์ แต่อยู่นอกนิวเคลยี สไซโทพลาซมึ ป ร ะ ก อ บ ไ ป ด้ว ย ส่ ว น ท'ีเ ป็ น โ ค ร ง ส ร้า ง ย่ อ ย ๆ ภ า ย ใ น เ ซ ล ล์ เ รีย ก ว่ า อ อ ร์ แกเนลล์ (organelle)และไซโทซอล(cytosol)องคป์ ระกอบประมาณ 80% ของ ไซโทพลาซมึ เป็นนFํา https://1th.me/HJvLh

นวิ เคลยี ส (Nucleus) เป็นส่วนประกอบทส'ี าํ คญั ของเซลล์ มีลักษณะค่อนข้างกลม มเี ย'อื หุม้ 2 ชนัF มรี ู เล็ก ๆ เป็นเย'ือเลือกผ่านซ'ึงเป็นทางผ่านของสารต่าง ๆ เข้าและออกจากนิวเคลียส ภายในมโี ครโมโซม หน้าที่ ของนิวเคลยี ส เป็นศูนย์กลางในการควบคุมการถ่ายทอด ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของ สว่ นประกอบของนวิ เคลยี ส 1. เยอื่ หุ้มนิวเคลียส (Nuclear membrane) - มลี กั ษณะเหมอื นกบั เซลลเ์ มมเบรนด์ - ประกอบไปดว้ ยโปรตนี และไขมนั 2. โครมาติน (Chromatin) - เป็นสว่ นของนิวเคลยี สทต'ี ดิ สยี อ้ ม - สว่ นทต'ี ดิ สยี อ้ มเขม้ เรยี กวา่ เฮทเทอโรโครมาติน (heterochromatin) 3. ส่วนประกอบของนวิ เคลียส - มรี ปู รา่ งกลม ๆ จาํ นวนไมแ่ น่นอนเกาะตดิ กบั โครโมโซม - เป็นสว่ นทต'ี ดิ สยี อ้ มชดั เจน https://1th.me/XJjnu

ไมโทคอนเดรยี (Mitochondrion) คอื แหล่งสรา้ งพลงั งานของเซลล์ พบโดย คอลลคิ เกอร์ (Kollicker) ไมโทคอนเดรยี คอื ออรแ์ กเนลลท์ อ'ี ยใู่ นไซโตพลาสซมึ ทม'ี เี ยอ'ื หมุ้ 2 ชนัF ชนัF นอกผวิ เรยี บ สว่ นชนัF ในพบั เขา้ ไปดา้ น ใน เรยี กว่า ครสิ ตี (cristae) ภายในไมโตคอนเดรยี มขี องเหลวซ'งึ ประกอบดว้ ยสารหลาย ชนิด เรยี กว่า เมทรกิ ซ์ (matrix) หน้าทข'ี อง mitochondria ทําหน้าทเ'ี สมอื นโรงงาน แปรรปู อาหารหรอื เรยี กวา่ กระบวนการเผาผลาญเป็นแหลง่ กาํ เนิดพลงั งาน ATP https://1th.me/NM9G2

ร่างแหเอนโดพลาสซึม (endoplasmic reticulum) ออรแ์ กเนลเป็นเยอ'ื หมุ้ ชนัF เดยี ว สว่ นของเมมเบรนมลี กั ษณะทบเวา้ เป็นทอ่ กลมหรอื แบนเชอ'ื มต่อกนั แบง่ ไดเ้ ป็น 2 ชนิด คอื 1. ร่างแหเอนโดพลาซมึ แบบขรขุ ระ (rough endoplasmic reticulum : R มไี รโบโซมเกาะอยทู่ ผ'ี วิ ดา้ นนอก 2. ร่างแหเอนโดพลาซึมแบบเรียบ (smooth endoplasmic reticulum : SER) มไี รโบโซมเกาะอยทู่ ผ'ี วิ ดา้ นใน หนา้ ที่ของร่างแหเอนโดพลาสซึม รา่ งแหเอนโดพลาซมึ แบบขรุขระ (rough endoplasmic reticulum : RER) สงั เคราะหโ์ ปรตนี สง่ ไปนอกเซลล์ เตมิ หมนู่ Fําตาล (glucosylation) ใหโ้ ปรตนี ทส'ี งั เคราะหข์ นFึ ร่างแหเอนโดพลาซึมแบบเรียบ(smooth endoplasmic reticulum : SER) สงั เคราะลพิ ดิ (lipid sythesis) ฟอสโฟลพิ ดิ และสเตอรร์ อยด์ กาํ รจดั สารพษิ (detoxification) พบในตบั . ความคมุ การสะสมและหลงั' Ca2+ ภายในเซลลก์ ลา้ มเนFือ เกย'ี วขอ้ งกบั การดดู ซมึ ไขมนั ในลาํ ไสเ้ ลก็ https://1th.me/VbGtu

กอลจคิ อมเพลก็ ซ(์ Golgi Complex) เป็น ออร์แกเนลล์ทม'ี เี ย'อื หุม้ ชนัF เดยี ว มลี กั ษณะเป็นถุงแบนบางเรยี งซ้อนกนั เป็นชนัF ๆ หน้าทข'ี อง กอลจคิ อมเพลก็ ซ์ (GolgiComplex) บรรจุและขนส่งโปรตนี สําหรบั ส่งออก นอกเซลล์ ดัดแปลงโปรตีนท'ีมาจาก RER โดยการเติมนFําตาลหรือหมู่ฟังก์ชันต่างๆ สงั เคราะห์สารเพกตนิ (Pectin)ทเ'ี ป็นองคป์ ระกอบของผนังเซลล์และสงั เคราะหไ์ ลโซโซม (Lysosome) https://1th.me/Ji1i3 ไรโบโซม (Ribosome) คอื ออร์แกเนลล์(organelle) หน'ึงภายในเซลล์(cell)ท'สี ามารถพบได้ทงัF ในเซลล์ ของโปรคารโิ อตและเซลลข์ องยคู ารโิ อต มลี กั ษณะกลมและมขี นาดเลก็ มาก ไมม่ เี ยอ'ื หุม้ และ มกั มจี าํ นวนมากภายในเซลล(์ cell) มหี น้าทส'ี าํ คญั ในการสงั เคราะหโ์ ปรตนี ทงัF ในเซลลข์ อง โปรคารโิ อตและเซลลข์ องยคู ารโิ อต https://1th.me/iKoLJ

ไลโซโซม (lysosome) พบเฉพาะในเซลลส์ ตั วเ์ ทา่ นนัF มกั พบใกลก้ บั กอลจบิ อดแี ละยงั เป็นสว่ นสาํ คญั ในการยอ่ ย สลาย ไลโซโซม มีหน้าทีส่ ำคญั คอื ยอ่ ยสลายอนุภาค และโมเลกุลของสารอาหาร ภายในเซลล์ ยอ่ ยหรอื ทาํ ลายเชอFื โรค และสง'ิ แปลกปลอมต่างๆ ทเ'ี ขา้ สรู่ า่ งกาย ทาํ ลายเซลลท์ ต'ี ายแลว้ หรอื เซลลท์ ม'ี อี ายมุ าก https://1th.me/NnWbU เซนทรโิ อล (centriole) เป็นออรแ์ กแนลทไ'ี ม่มเี ย'อื หุม้ พบในเซลลส์ ตั วท์ ุกชนิดและเซลลข์ องโพรตสี ทบ์ างชนิด เซ นทรโิ อล มลี กั ษณะเป็นทรงกระบอกสองอนั วางตวั ในแนวตงัF ฉากกนั หน้าที่ของเซนทริ โอลสรา้ งเสน้ ใยไมโทตกิ ซง'ึ จะเกย'ี วขอ้ งกบั การเคล'อื นทข'ี องโครโมโซมในการบวนการแบ่ง เซลล์ของสตั ว์ ในเซลล์พชื จะมโี พลาร์แคป ทําหน้าท'คี ล้ายเซนทรโิ อลในเซลล์สตั ว์ไมโท ตกิ สปินเดลิ https://1th.me/RtFXr

การแพรแ่ บบธรรมดา การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต เป็นการเคล่อื นท่ีของอนภุ าคจาก เป็นการแพรข่ องสารท่ีไม่ บรเิ วณทีม่ คี วามเข้มข้นสงู ไปความ สามารถแพรผ่ า่ นเยื่อห้มุ เซลล์ ได้โดยตรงตอ้ งเคล่ือนผ่านช่อง เข้มข้นตำ่ โปรตีน การลำเลยี งแบบไม่ใช้พลังงาน การออสโมซสิ เปน็ การแพรข่ องน้ำจะแพรผ่ ่านเย่อื หุม้ เซลลจ์ ากความเข้มข้นตำ่ ไปยงั ควม เข้มขน้ สูงกวา่ สารละลายไอโซโทนกิ สารละลายไฮเพอรโ์ ทนกิ สารละลายไฮโพโทนกิ สารละลายภายนอกเซลล์ สารละลายท่ีมคี วามเขม้ ขน้ คอื สารละลายที่มีความ ท่ีมคี วามเข้มข้นเท่ากับ สงู กวา่ สารละลายภายใน เข้มข้นต่ำกว่าสารละลาย สารละลายภายในเซลล์ เซลล์ ภายในเซลล์

การออสโมซสิ ท้งั 3 รปู แบบ https://1th.me/AWVhA

การลำเลยี งแบบใช้พลังงาน การลาํ เลยี งสารแบบใชพ้ ลงั งาน เป็นการลำเลียงสารผา่ นเยอ่ื ห้มุ เซลล์ จากบรเิ วณ ท่ีมีความเข้มข้นต่ำ ไปยงั บรเิ วณทม่ี คี วามเข้มข้น สงู โดยเซลลต์ ้องนำพลงั งานที่ได้จากการสลาย สารอาหารมาใช้ การลำเลียงแบบใช้พลังงาน อาศัยโปรตีนทแ่ี ทรกอย่ใู นเยอื่ หมุ้ เซลล์ทำหนา้ ที่ เปน็ ตวั ลำเลียง



คือกลุ่มของเซลล์ที่มกั จะมีลกั ษณะเหมือนกนั ทำงานประสานกัน มีการพฒั นามาเป็นอวยั วะ หรือโครงสรา้ งท่ีทำหนา้ ท่เี ฉพาะ ปกตแิ บ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คอื เนFือเยอ'ื บผุ วิ (Epithelial tissue or Epithelium) เนFือเยอ'ื เกย'ี วพนั ( Connective tissue ) เนFือเยอ'ื กลา้ มเนFือ (Muscular tissue) เนFือเยอ'ื ประสาท ( Nervous tissue ) https://1th.me/c1V9K

เนอ้ื เย่อื บุผิว (Epithelial tissue) เป็นเนFือเย'อื ทป'ี กคลุมผวิ นอกร่างกายหรอื ผวิ ท่ออวยั วะภายใน มหี น้าทร'ี บั ความรูส้ กึ เช่น ทผ'ี วิ หนัง เกย'ี วกบั การดูดซมึ เช่น เย'อื บุผวิ ทางเดนิ อาหาร การสรา้ งสาร และการหลงั' สาร เชน่ ทต'ี ่อมนFําลายและต่อมเหงอ'ื เป็นตน้ เซลลเ์ ยอ่ื บผุ ิวมลี กั ษณะแตกต่างกนั 3 แบบ คอื รปู รา่ งแบนบาง (squamous) รปู ลกู บาศก์ (cubic) ลกั ษณะเป็นแทง่ หรอื รปู ทรงสงู (column) https://1th.me/5cs1M

เน้อื เย่ือเกย่ี วพัน Connective tissue เนFือเย'อื นFีมลี กั ษณะสําคญั ร่วมกนั คอื มหี น้าทเ'ี ก'ยี วกบั การคFําจุนและรกั ษาโครงสรา้ ง มกั จะพฒั นามาจากเมโซเดรมิ แ์ บ่งประเภทตามลกั ษณะของเนFือเย'อื ทไ'ี ม่มชี วี ติ เลอื ดกระดกู ออ่ นและกระดกู จดั เป็นเนFือเยอ'ื เกย'ี วพนั https://1th.me/IN4WT กระดกู ออ่ น (cartilage) เป็นเนFือเยอ'ื เกย'ี วพนั ชนิดหน'ึงพบไดท้ วั' ร่างกายมนุษยแ์ ละสตั วอ์ 'นื ๆ โดยเฉพาะบรเิ วณ ขอ้ ต่อต่าง ๆซโ'ี ครง หู จมูก หลอดลม และ กระดูกขอ้ ต่อสนั หลงั กระดูกอ่อนมหี น้าทห'ี ลาย อยา่ ง ประกอบไปดว้ ย การเตรยี มโครงรา่ งของการสะสมการสรา้ งกระดกู https://1th.me/L4tQc

กระดกู Bone เป็นอวยั วะทป,ี ระกอบขน2ึ เป็นโครงรา่ งแขง็ ภายใน (endoskeleton) ของสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั หน้าทห,ี ลกั ของกระดกู คอื การค2าํ จุนโครงสรา้ งของร่างกาย การเคล,อื นไหว การสะสมแร่ธาตุและ การสรา้ งเซลลเ์ มด็ เลอื ด https://1th.me/ApQYz เลือด blood เป็นของเหลวชนิดหน,ึงในร่างกาย ประกอบดว้ ย น2ําเลอื ด เกลด็ เลอื ด เซลล์เมด็ เลอื ดแดง เซลล์ เมด็ เลอื ดขาว ร่างกายเรามเี ลอื ดอย่ปู ระมาณ 5 ลติ รหรอื คดิ เทยี บกบั น2ําหนักตวั เท่ากบั รอ้ ยละ 7-8 ของน2ําหนกั ตวั https://1th.me/GfnmG

เนื้อเย่ือกลา้ มเน้อื (Muscular tissue) เป็นเน2ือเยอ,ื ทพ,ี บไดใ้ นรา่ งกายและจดั เป็นเน2ือเยอ,ื ออ่ น (soft tissue) เมอ,ื เน2ือเยอ,ื กลา้ มเน2ือมา รวมกนั จะกลายเป็นเสน้ ใยกลา้ มเน2ือ (muscle fibers) ซง,ึ เป็นหน่วยยอ่ ยของมดั กลา้ มเน2ือ โดย เน2ือเยอ,ื กลา้ มเน2ือนนั2 สามารถหดตวั ได้ และทาํ หน้าทเ,ี กย,ี วกบั การเคลอ,ื นไหวของรา่ งกาย https://1th.me/pXD10 เนื้อเย่ือประสาท (Nervous tissue) เนื้อเยื่อประสาททำหน้าที่ในการติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนต่างๆ ของ ร่างกาย เนื้อเยื่อนี้ประกอบด้วยเซลล์ประสาทหรือนวิ รอน (neuron) ทำหน้าท่ี ช่วยในการส่งสัญญาณประสาทและให้สารอาหารต่างๆ แก่เซลล์ประสาท เนือ้ เย่อื ประสาทในสิ่งมชี ีวติ รวมตวั กันเป็นระบบประสาท https://1th.me/jUlBu



ระบบปกคลุมร่างกาย (Integumentary system) ผวิ หนงั (skin) อวัยวะทม่ี ตี น้ กำเนิดมาจากผวิ หนัง ผิวหนังเปน็ หนงึ่ ในอวัยวะทีม่ ขี นาด (เลบ็ ผม/ขน และรูขมุ ขน ต่อมไขมัน ใหญ่ท่สี ดุ ของร่างกาย โดยคิดเป็น ต่อมเหงอ่ื ) 16% ของ น้ำหนักตัว

Epidermis หนงั กำพรา้ Thick skin คือ ผิวหนงั ท.ีมีชนั1 epidermis หนาพบบรเิ วณฝ่ามือฝ่าเทา้ ซง.ึ จะไมม่ ีขน รูขมุ ขน แตจ่ ะมีตอ่ มเหง.ือ Thin skin คือ ผิวหนงั ท.ีมีชนั1 epidermis บาง พบได้ ท.วั รา่ งกาย ซง.ึ ผิวหนงั ชนิดนีจ1 ะมีรูขมุ ขน ตอ่ มไขมนั ตอ่ ม เหง.ือ

Epidermis ประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนดิ คอื -Keratinocyte เป็นเซลลท์ เ,ี ป็นองคป์ ระกอบหลกั ของ epidermis ประมาณ 85 % ทาํ หน้าทส,ี รา้ ง keratin จนไดเ้ ซลลช์ นั2 บนทต,ี ายแลว้ -Melanocyte ทาํ หน้าทส,ี รา้ งเมลานิน ซง,ึ เป็นสารทท,ี าํ ใหเ้ กดิ เมด็ สี -Langerhans cell เกย,ี วขอ้ งกบั ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกาย -Merkel cell เป็นเซลลเ์ กย,ี วกบั การรบั ความรสู้ กึ Epidermis ประกอบด้วย 5 ชัน้ Stratum basale Stratum spinosum Stratum granulosum Stratum lucidum Stratum corneum

Dermis (หนงั แท้) -เป็นชนั2 ทอ,ี ยใู่ ตช้ นั2 หนงั กาํ พรา้ ประกอบไปดว้ ย connective tissue ระบบเสน้ เลอื ด เสน้ ประสาท ต่อมไขมนั และต่อมเหงอ,ื ระหวา่ งหนงั กาํ พรา้ เรยี กวา่ Dermal papillae -เป็นทอ,ี ยขู่ อง collagen และ elastin https://1th.me/JVaJt Hypodermis หรอื Subcutaneous fatty tissues อยใู่ ตช้ นั2 หนงั แท้ ประกอบไปดว้ ย เน2ือเยอ,ื เกย,ี วพนั ทอ,ี ยกู่ นั อยา่ ง หลวมๆ (loose connective tissues) และไขมนั (Adipose tissues) ทาํ หน้าทส,ี ะสมไขมนั อยใู่ ต้ ผวิ หนงั และเกบ็ สะสม พลงั งานความรอ้ น ภายในรา่ งกาย https://1th.me/fuqul

ผม/ขน (HAIRS) -Hair shaft ปกปิดไมใ่ หส้ งิ, สกปรกเขา้ สผู่ วิ หนงั -Hair root รากขนเป็นทย,ี ดึ เกาะของขน -Hair follicle รขู มุ ขน ชว่ ยปกป้องสว่ นชนั2 ในของขน ตอ่ มไขมนั (Sebaceous glands) ต่อมไขมนั จะพบอยรู่ ว่ มกบั hair follicle ทวั, รา่ งกาย มหี น้าทเ,ี คลอื บผวิ หนงั และเสน้ ผม ทาํ ใหม้ คี วามชมุ่ ชน2ื ต่อมเหงือ่ (Sweat glands) -ECCRINE SWEAT GLAND ต่อมเหงอ,ื ทวั, ๆ ไปทพ,ี บตามรา่ งกายมหี น้าทห,ี ลงั, เหงอ,ื เพอ,ื ระบายความรอ้ นออกจากรา่ งกาย -APOCRINE GLANDS เป็นต่อมเหงอ,ื ชนิดหน,ึงทพ,ี บเฉพาะรกั แร้ (axillae) และ อวยั วะสบื พนั ธุ์ (genitalia) ไมม่ กี ลนิ, ต่อมาเชอ2ื bacteria ทอ,ี ยบู่ รเิ วณ ผวิ หนงั จะมายอ่ ยทาํ ใหเ้ กดิ กลน,ิ ขน2ึ https://1th.me/hgz1x

เลบ็ (Nails) -Nail plate คอื แผน่ เลบ็ ประกอบดว้ ย เซลลท์ ,ี ตายแลว้ (Dead keratinized plate) -Nail matrix เป็นเซลลเ์ ยอ,ื บุทอ,ี ยใู่ ตช้ นั2 lanula ทาํ หน้าทเ,ี ป็นตวั สรา้ งแผน่ เลบ็ (nail plate) -Nail bed คอื เน2ือเยอ,ื ทอ,ี ยใู่ ต้ nail plate และยดึ ตดิ แน่นกบั nail plate https://1th.me/Olqgk ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึกของผวิ หนัง -Free nerve ending จะพบมากแถว dermal papillae มหี น้าทร,ี บั ความรสู้ กึ เจบ็ ปวดรอ้ น เยน็ -Meissner’ s corpuscle รบั สมั ผสั เบาๆ -Pacinian corpuscle รบั สมั ผสั ทเ,ี ป็นแรงกดการสนั, สะเทอื น (Vibration) -Artery ขนสง่ เลอื ดทม,ี อี อกซเิ จนสงู -Vein ขนสง่ เลอื ดทม,ี อี อกซเิ จนต,าํ

ร้หู รอื ไม่ว่า? โปรตีนทที่ ำหน้าทใ่ี นการถา่ ยทอด อเิ ล็กตรอนในกระบวนการหายใจ ระดบั เซลล์อยทู่ ี่บรเิ วณ

คำศัพท์ทา้ ยบท Cell / Tissue stucture and funtion เซลล์ Cell เย่อื ห้มุ เซลล์ cell membrane ไซโตพลาซมึ cytoplasm นิวเคลียส nucleus เนอื้ เยอ่ื บผุ ิว Tissue ไกลโคโปรตนี glycoprotein ไกลโคซามโิ นไกลแคน glycosaminoglycan ปกคลมุ ผิว covering epithelium ท่อรวม collecting duct เน้ือเยอ่ื ไขมัน Adipose tissue



โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิ https://1th.me/LoZlA FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM -external genitalia -vagina -uterus -ovary -uterine tube or fallopian tube -mammary glands -perineum -pelvis

external genitalia or vulva or pudendum https://o.quizlet.com/rGyCFC4h9jnjq6ZAIetAAg .jpg - mons pubis - labia majora - labia minora - Clitoris - vestibule of vagina - greater vestibular gland or bartholine’s glands - hymen

vagina https://1th.me/FL0wf -เป็น muscular -tube -มี hymen -cervical canal -internal os -external os -Cervix -rugae มชี นัF *mucous *membrane สรา้ งสารทเ'ี ป็นกรด UTERUS Uterus อยทู่ ,ี lesser pelvis https://1th.me/ryjsu แบง่ เป็น 4 สว่ นไดแ้ ก่ สว่ นท1,ี fundus สว่ นท2,ี bodyofuterus สว่ นท3,ี isthmus:แคบอยรู่ ะหวา่ งตวั มดลกู และปากมดลกู สว่ นท4,ี cervix:สว่ นลา่ งสดุ ทอ,ี ยตู่ ดิ กบั ชอ่ งคลอด โครงสร้างของผนงั มดลูก ชนั2 นอก : perimetrium หรอื serosa ชนั2 กลาง : myometrium เป็นชนั2 ของกลา้ มเน2ือทเ,ี รยี งตวั ทงั2 แบบตามยาว วงกลม ชนั2 ใน : endometrium มเี ยอ,ื บุผวิ ชนิด simple columnar epithlium มี cilia มตี ่อม uterine gland มเี น2ือเยอ,ื เกย,ี วพนั อยกู่ นั อยา่ งหลวม ๆ

OVARY https://1th.me/redMx Ovary มี 2 ขา้ ง อยใู่ นอุง้ เชงิ กรานตอนบน เน2ือ ภายในรงั ไขม่ ี 2 ชนั2 คอื cortex และ medulla -ชนั2 cortex เป็นบรเิ วณรอบๆ ใตช้ นั2 tunica albuginea -ชนั2 medulla อยบู่ รเิ วณทอ,ี ยตู่ อนกลาง มี stroma ทเ,ี ป็น elastic fibers และหลอดเลอื ด หลอดน2ําเหลอื ง เสน้ ประสาท -ทาํ หน้าทส,ี รา้ งฮอรโ์ มนเพศหญงิ และผลติ ไข่ (ovum) UTERINE TUBE OR FALLOPIAN TUBE มี 2 ขา้ งอย่ขู อบบนของ broad ligament ยาว 10 ซม. ทำหน้าที่นำ ovum จาก ovary ไปยงั uterus มปี ลาย 2 ข้าง รูปรา่ งคลา้ ยกรวย fallopian tube แบง่ เป็น 4 สว่ น -Infundibulum -Ampulla -Isthmus -Intramural segment https://1th.me/EYC9M การทาํ งานของ fallopian tube มี 3 ชนั2 ชนั2 ใน : mucosa ทาํ หน้าทใ,ี ห้ mucoid secretion เป็นอาหารแก่ ovum ชนั2 กลาง : lamina propria มเี ซลลก์ ลา้ มเน2ือเรยี บ การหดรดั ตวั ของ กลา้ มเน2ือเรยี บจงึ ทาํ ให้ ovum เคลอ,ื นตวั ลงสู่ uterus ชนั2 นอก : serosa

MAMMARY GLANDS ทาํ หน้าทข,ี บั น2ํานมเลย2ี งทารก -ขนาดโตเมอ,ื เขา้ สวู่ ยั รนุ่ เพราะ connective tissue และ fat เพม,ิ มาก -ขนาดขน2ึ อยกู่ บั ปรมิ าณไขมนั แต่จาํ นวนน2ํานมไมต่ ่างกนั -ตรงกลางของเตา้ นมจะมี nipple รอบๆ จะมี areola มสี คี ล2าํ เพราะมี pigment -ระยะไมต่ งั2 ครรภ์ พบภาวะ resting or inactive พบ duct จาํ นวนมาก alveoli ขนาดเลก็ -ระยะปลาย menstrual cycle มเี ลอื ดมาเลย2ี งมาก เตา้ นมโตขน2ึ -ระยะตงั2 ครรภ์ มี alveoli เพม,ิ ขน2ึ glandular tissue มากขน2ึ และขยายใหญ่ขน2ึ -ระยะปลายการตงั2 ครรภพ์ บ colostrum ประกอบดว้ ยโปรตนี lactose และมี antibodies ชว่ ยตา้ นทานโรค https://1th.me/vWlYH

PERINEUM สว่ นประกอบของกลา้ มเน2ืออุง้ เชงิ กราน Levator ani ประกอบดว้ ยกลา้ มเน2ือยอ่ ย -Pubovisceral -Puboretalis muscle -Ilecoccygeus muscle Coccygeus (Ischiococcygeus) PUBOVISCERAL MUSCLE https://1th.me/r8k0A -สาํ คญั ทส,ี ดุ -เคลอ,ื นไหวมากทส,ี ดุ -มกี ารหยอ่ นตวั และฉกี ขาดไดบ้ อ่ ยทส,ี ดุ มดลกู ปลน2ิ ปัสสาวะเลด็ -ทาํ หน้าทใ,ี นการควบคมุ การเปิดปิดของทอ่ ปัสสาวะ และทวารหนกั รว่ มกบั -กลา้ มเน2ือหรู ดู PUBORECTALIS MUSCLE -เหมอื นแถบรบิ บน2ิ วางซอ้ นอยใู่ ตต้ ่อกลา้ มเน2ือ Pubovisceral muscle และ Iliococcygeus muscle ทาํ ใหม้ องไมเ่ หน็ ถา้ มองกลา้ มเน2ือน2ีจากดา้ นบนของ กลา้ มเน2ืออุง้ เชงิ กรานลงมา -มหี น้าทห,ี ลกั ในการควบคมุ การเคลอ,ื นของอุจจาระลงมาทห,ี วารหนกั ใหช้ า้ ลงเหมอื นทาํ หน้าทเ,ี ป็น กลา้ มเน2ือหรู ดู Ilecoccygeus muscle กลา้ มเน2ือน2ีมจี ดุ ตงั2 ตน้ มาจาก White line ของ Pelvic fascia ซง,ึ อยหู่ ลงั ต่อ Obturator canal กลา้ มเน2ือน2ีจะมาเชอ,ื มกบั Pubovisceral muscle และไปเกาะท,ี ขอบดา้ นขา้ งของกระดกู Coccyx

กระดูกเชิงกราน PELVIC BONE ประกอบดว้ ยกระดกู 4 ชน2ิ - sacrum, coccyx และ innominate bone 2 ชน2ิ อุง้ เชงิ กรานประกอบดว้ ย false pelvis และ true pelvis ซง,ึ แบง่ กนั ท,ี lamina ternimalis โดย fale pelvis จะอยู่ เหนือต่อเสน้ น2ี และ true pelvis จะอยใู่ ตต้ ่อเสน้ น2ี https://1th.me/76Jf5 การแบง่ เซลลแ์ บบ MITOSIS https://1th.me/ansok

การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ (MEIOTIC DIVISION) การเพมิ, จํานวนเซลล์ในสง,ิ มชี วี ติ ทม,ี คี วามซบั ซ้อนและมขี นั2 ตอนมากขน2ึ เพ,อื การสรา้ งเซลล์ สบื พนั ธุ์ เป็นการเพมิ, จํานวนเซลลจ์ ากเซลลด์ งั2 เดมิ 1 เซลล์ ก่อกําเนิดเซลลใ์ หม่ 4 เซลล์ เม,อื เกดิ การปฏสิ นธหิ รอื เขา้ กระบวนการผสมพนั ธุ์ จะเกดิ การเปลย,ี นแปลงภายในสารพนั ธุกรรม ซง,ึ เป็นจุด กาํ เนิดของการพฒั นาความหลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ฒั นาการของสง,ิ มชี วี ติ https://1th.me/QJIIE การกำเนิดไข่ เมอ$ื แรกเกดิ ผหู้ ญงิ จะมไี ขท่ งั9 หมดประมาณสองลา้ นฟองและจะคอ่ ยๆ ลดเม$อื เขา้ สู่ระยะก่อนหมดประจําเดอื น เม$อื เขา้ สู่วยั รุ่นแต่ละรอบของ ประจําเดือนจะมไี ข่หลายฟองเติบโตในระยะเวลา 2-3 สปั ดาห์ ใน จํานวนนัน9 มกั จะมเี พยี งฟองเดยี วทเ$ี จรญิ เตบิ โตไดเ้ ตม็ ท$ี เม$อื ไขฟ่ องนัน9 เจริญเติบโตเต็มท$ีจะถูกปล่อยออกจากรังไข่พร้อมกับเซลล์พ$ีเล9ียง ขบวนการดังกล่าวเรียกว่า“การตกไข่” ไข่จะพร้อมทําการปฏิสนธิ ในชว่ ง12ถงึ 24ชวั$ โมงหลงั การตกไข่

พฒั นาการของฟอลลเิ คลิ ในรังไข่ OOGENESIS https://1th.me/pG0A9 การปฏสิ นธิ (FERTILIZATION) เช2ืออสุจิของผู้ชายผสมกับไข่ของผู้หญิง ไข่จะพบกับอสุจิเกิดการปฏิสนธิข2ึนในท่อนําไข่ กลายเป็นตวั อ่อนทจ,ี ะฝังตวั ในมดลูก ซง,ึ จะเกดิ ขน2ึ ในสปั ดาหท์ ,ี 3 ของการตงั2 ครรภ์นะคะ เม,อื มกี าร ปฏสิ นธเิ กดิ ขน2ึ ไขท่ ผ,ี สมแลว้ เรยี กวา่ ไซโกต (zygote) จะเคลอ,ื นทจ,ี ากทอ่ นําไขล่ งไปยงั มดลกู ผนงั มดลกู จะหนาตวั ขน2ึ เพอ,ื รองรบั การฝังตวั ของไข่ ระหว่างน2ีไซโกตเรมิ, แบ่งอยา่ งรวดเรว็ เป็นเซลล์ เลก็ ๆ จาํ นวนมาก https://1th.me/C8DjL

การฝั งตัว (IMPLANTATION) หลงั การปฏสิ นธไิ ขแ่ ละอสจุ จิ ะรวมกนั แปรสภาพเป็นตวั อ่อนระยะตน้ (zygote) และจะอยใู่ น ท่อนําไข่ประมาณ 3-4วนั ในระหว่างนัน2 จะมกี ารพฒั นาอย่างต่อเน,ือง เม,อื ตวั อ่อนเคล,อื นไปถงึ มดลกู จะมขี นาด 20-40 เซลล์ ตวั อ่อนจะลอยอยใู่ นมดลกู อกี ประมาณ 2-3 วนั ก่อนทจ,ี ะฝังตวั กบั ผนงั มดลกู ขบวนการน2ีเรยี กวา่ การฝังตวั ของตวั ออ่ น https://1th.me/7SetR การเจริญของมนุษย์ คอื การรวมตวั กนั ของอสจุ กิ บั เซลลไ์ ขใ่ นรา่ งกายของสตรเี กดิ เป็น Zygote จากนนั2 Zygote จะเจรญิ เป็น Embryoเมอ,ื เขา้ สเู่ ดอื นท,ี 3 ของการตงั2 ครรภเ์ รยี กวา่ Fetus เม,ื อครบ 38-40 สปั ดาห์ ทารกจะคลอดเป็น Infant

รหู้ รือไม่วา่ ? การปฎิสนธขิ องคนเกดิ ขึ้นท่บี รเิ วณ

คำศัพทท์ า้ ยบท คลิทอริส clitoris แคมใหญ่ labia majora แคมเล็ก labia minora รังไข่ Ovary มดลกู Uterus ชอ่ งคลอด Vagina เนินหัวเหนา่ mone pubis เย่ือพรหมจารยี ์ hymen ฝีเย็บ perineum ปีกมดลูก Fallopian Tube



ระบบตอ่ มไรท้ ่อ สงิ' มชี วี ติ จะสามารถดาํ รงชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งปกติ จาํ เป็นตอ้ งมกี ารทาํ งานท'ี สอดคลอ้ งกนั อยา่ งเหมาะสม ของระบบต่างๆ การ ควบคมุ ดงั กลา่ ว จดั แบ่งได้ 2 ระบบ ระบบประสาท ( nervous system ) ระบบต่อมไรท้ อ่ ( endocrine system ) ต่อมในรา่ งกายคน ต่อม ( gland ) หมายถงึ กลุม่ เซลลห์ รอื กลุม่ ของเนFือเยอ'ื ทเ'ี ปลย'ี นแปลงรปู รา่ งเพอ'ื ผลติ สารเคมใี หก้ บั รา่ งกาย ประเภทตอ่ ม exocrine gland endocrine gland

Essential endocrine gland เป็นต่อมไรท้ อ่ ทจ'ี าํ เป็นมาก ถา้ หากขาดต่อมต่อไปนFีแลว้ แลว้ ทาํ ใหเ้ สยี ชวี ติ ทนั ที parathyroid adrenal cortex islets of Langerhans Non - Essential endocrine gland เป็นตอ่ มทไ'ี มจ่ าํ เป็นหรอื จาํ เป็นน้อยมากต่อรา่ งกาย ถา้ หากขาดต่อมต่อไปนFีแลว้ ไมท่ าํ ใหถ้ งึ ตาย pituitary thyroid adrenal medulla pineal thymus gonads ในฮอร์โมนมีสารอยู่หลายประเภท แตส่ ่วนใหญจ่ ะเปน็ สาร ประเภทดงั ต่อไปน้ี 1) สารประเภทโปรตนี และพอลเิ พปไทด์ 2) สารประเภทสเตรอยด์ 3) สารประเภทอนุพนั ธข์ องกรดอะมโิ น 4) สารประเภทอนุพนั ธข์ องกรดไขมนั

ตอ่ มใตส้ มอง ผลติ ฮอรโ์ มนทส?ี าํ คญั เชน่ -Growth Hormone -Thyroid Stimulating Hormone -Gonadotrophic Hormone -Antidiuretic Hormone https://1th.me/rzKq8 ตอ่ มไทรอยด์ ผลติ ฮอรโ์ มนทส?ี าํ คญั คอื ไทรอ็ กซนิ มหี น้าทส?ี าํ คญั -ชว่ ยในการเจรญิ เตบิ โตของกระดกู -ชว่ ยในการเปลย?ี นแปลงรปู รา่ งเมอ?ื เป็นผใู้ หญ่ -ชว่ ยควบคมุ อตั ราเมตาบอลซิ มึ ในรา่ งกาย ต่อมพาราไทรอยด์ ผลติ ฮอรโ์ มนทส?ี าํ คญั ชอ?ื พาราธอรโ์ มน ซง?ึ ทาํ หน้าทเ?ี กย?ี วกบั การควบคมุ เมตาบอลซิ มึ ของ แคลเซยี มและฟอสฟอรสั ในรา่ งกาย https://1th.me/rEU2P

ตับออ่ น สว่ นทเ?ี ป็นต่อมไรท้ อ่ จะผลติ ฮอรโ์ มนทส?ี าํ คญั ดงั นQี 1) อนิ ซลู นิ เป็นฮอรโ์ มนทท?ี าํ ใหร้ ะดบั นQําตาลในเลอื ดต?าํ ลง 2) กลคู ากอน เป็นฮอรโ์ มนทท?ี าํ งานตรงขา้ มกบั อนิ ซลู นิ คอื ทาํ ให้ ระดบั นQําตาลใน เลอื ดสงู ขนQึ https://1th.me/kf4Se ต่อมหมวกไต เป็นกอ้ นสเี หลอื งๆ อยเู่ หนือไตขา้ งละ 1 ต่อม แบง่ ฮอรโ์ มน ออกเป็น 3 กลุม่ ทส?ี าํ คญั คอื -Glucocorticoid hormone -Mineralocorticoid hormone -Sex hormone ตอ่ มเหนอื สมอง https://1th.me/Y6Q8K 1. ฮอรโ์ มนประสาท ( RH, IH ) กระตุน้ และยบั ยงัQ การหลงั? ฮอรโ์ มนของตอ่ มใตส้ มองสว่ นหน้า , สว่ นกลาง 2. Oxytocin กระตุน้ กลา้ มเนQือมดลกู ใหห้ ดตวั เพอ?ื ชว่ ยลดในการคลอด 3. ADH ( Antidiuretic Hormone ) หรอื Vasopressin กระตุน้ ใหเ้ สน้ เลอื ดแดงเลก็ ๆ หดตวั ทาํ ใหค้ วามดนั โลหติ สงู ขนQึ

คำศัพทท์ า้ ยบท ต่อมพาราไทรอยด์ parathyroid ต่อมหมวกไตชนั7 นอก adrenal cortex ต่อมใตส้ มอง pituitary ต่อมไทรรอยด์ thyroid ต่อมไพเนียล pineal ต่อมไทมสั thymus ต่อมเพศ gonads ไฮโปทาลามสั Hypothalamus โกรทฮอรโ์ มน growth hormone โพรแลกทนิ prolactin


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook