รายวิชาวทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 -โครงสรา้ งภายในโลก เเละการเปลย่ี นแปลงบนผวิ โลก -ดินและน้า -ภยั ธรรมชาตบิ นผิวโลก
โครงสรา้ งภายในโลก เเละการเปล่ยี นแปลงบนผิวโลก
โครงสรา้ งภายในโลก
โลกเปน็ ดาวเคราะห์หินทใี่ หญ่ท่ีสุดในระบบสรุ ยิ ะ ������ แบง่ ออกเปน็ 4 ภาค ใหญ่ๆ 1. ธรณภี าค : พน้ื ดิน หนิ เเร่ 2. อทุ กภาค : นา้ 3. บรรยากาศภาค : บรรยากาศ 4. ชวี ภาค : สง่ิ มีชีวิต
������ พื้นดนิ 1 สว่ น (29 %) พื้นดิน ������ พ้นื น้า 3 สว่ น (71 %) พ้นื นา้ โลกของเรามีลกั ษณะเปน็ ทรงกลม และมีบรรยากาศปกคลุมผวิ โลกอยเู่ ป็นช้ันบางๆ เราสามารถเหน็ ผวิ โลกท่ีมลี กั ษณะแตกต่างกัน บางแหง่ เปน็ พ้ืนทวีป บางแหง่ เปน็ พ้นื สมทุ ร แตภ่ ายในโลกเราไม่สามารถสงั เกตไดโ้ ดยตรง ต้องอาศัยการเจาะสารวจ
โลกเปน็ ดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ยิ ะ ทีเ่ กิดขึน้ ประมาณ 4,600 ลา้ นปีมาเเลว้ #ขอ้ : ระบบสุรยิ ะเกดิ จากการหมนุ วนของแก๊สในอวกาศ (เนบวิ ลา่ ร)์ ������ ทางตรง : การเจาะสารวจ ศกึ ษาองคป์ ระกอบของอุกาบาต การศกึ ษาหนิ บนดวงจนั ทร์ ������ ทางอ้อม : ศกึ ษาจากคล่นื ไหวสะเทอื น
มี 3 สถานะ ☄️ หลกั ฐานท่ี 1 นกั วทิ ยาศาสตรข์ ดุ เจาะหลมุ เเล้วพบ หนิ นา้ แก๊สตา่ งๆ ☄️ หลักฐานท่ี 2 การเกดิ ภเู ขาไฟ เกดิ จากการปะทุของเเมกมา
แบง่ ตามองค์ประกอบทางเคมี สามารถแบ่งได้ 3 ชนั้
• เปน็ ช้นั นอกสุดของโลก • เป็นช้ันทบ่ี างทส่ี ดุ • มีความหนาตัง้ แต่ 5-70 กิโลเมตร ������ มี 2 ประเภท ������เปลือกโลกส่วนบน : พนื้ ทวีปพบหินแกรนิต ประกอบดว้ ยสารประกอบของธาตซุ ิลกิ อน(Si) อะลูมเิ นียม(Al) และออกซิเจน(O) ������������เ���ป���ลไซอื อกลั โ(ลSiกAlส) ่วนล่าง : พน้ื มหาสมุทรพบหินบะซอลต์ ประกอบดว้ ยสารประกอบของธาตุซลิ ิกอน(Si) แมกนเี ซียม(Mg) และออกซเิ จน(O) ������������ ไซมา (SiMa)
• เปน็ ชนั้ ทอ่ี ยูถ่ ดั จากเนื้อโลกลงไปด้านใน • มคี วามหนาประมาณ 2,900 กโิ ลเมตร • มอี ณุ หภูมปิ ระมาณ 870 – 2,200 องศาเซลเซยี ส ������ มี 2 ประเภท เปน็ ช้ันของหนิ หนดื (Magma) ประกอบดว้ ยสารประกอบของธาตุ ซิลิกอน อะลมู เิ นยี ม แมกนเี ซยี ม ออกซเิ จน และเหล็ก ������เน้ือโลกสว่ นบน : ลกั ษณะคลา้ ยพลาสตกิ - มลี กั ณะเป็นหินทเี่ ยน็ ตัวลงเเล้ว บางสว่ นเป็นหินเปราะ เกิดรอยแตก ������เน้อื โลกสว่ นลา่ ง : ลกั ษณะเป็นของเเขง็ - อยใู่ ต้ชั้นฐานธรณภี าค ส่วนใหญ่เปน็ ซลิ ิเกตของเหลก็ และแมกนเี ซยี ม
• เปน็ ชัน้ ในสดุ ของโลก • มคี วามหนาประมาณ 3,470 กโิ ลเมตร ������ ประกอบด้วยโลหะผสมของธาตุเหล็กเเละนกิ เกลิ ������ มี 2 ประเภท ������แกน่ โลกชนั้ นอก มคี วามหนาประมาณ 2,250 กม. - มสี ถานะเปน็ ของเหลว - มอี ณุ หภูมิประมาณ 2,200 – 5,000 องศาเซลเซยี ส ������แก่นโลกชน้ั ใน มขี นาดรศั มีประมาณ 1,220 กม. - มสี ถานะเปน็ ของแข็ง - มีอุณหภูมิประมาณ 5,000 องศาเซลเซยี ส
เรยี งลาดับโครงสร้างภายในโลก ท่ีมีความหนา อณุ หภูมิ และความดัน จากที่สุดไปหานอ้ ยท่สี ดุ ได้แก่ แกน่ โลก เนื้อโลก และเปลือกโลกตามลาดบั เราทราบมาแล้วว่าภายในโลกมอี ณุ หภูมิและความดันสูงมาก จนทาให้ ภายในโลกเกิดการเปล่ียนแปลง และส่งผลกระทบขนึ้ มาสูผ่ วิ โลก เช่น การเกดิ นา้ พรุ อ้ น การระเบดิ ของภเู ขาไฟ
นอกจากการแบง่ องค์ประกอบโลกทางเคมีเเล้ว ยังมีการเเบง่ ตามคลนื่ เเผน่ ดนิ ไหว อีกดว้ ย ⏩ ธรณภี าค มหาสมทุ ร พืน้ ทวปี - ชนั้ เปลือกโลกและชั้นเนอื้ โลกสว่ นบนรวมกนั - สัน่ สะเทือน ความเร็วเพ่ิมต่อเนอ่ื ง เปลือกโลกมหาสมทุ ร เปลอื กทวีป ธรณภี าค - ความลึก : 0-100 km. ฐานธรณีภาค เนื้อโลกสว่ นบน ⏩ ฐานธรณภี าค เนอื้ โลกส่วนล่าง - ตงั้ เเตช่ ัน้ เน้ือโลกสว่ นล่างลงไป - สั่นสะเทือน ความเรว็ ลดลง - ความลกึ : 100-350 km.
โครงสรา้ งแผ่นเปลอื กโลก - มลี กั ษณะเป็นเเผ่นหินเเข็ง คล้ายจิ๊กซอว์ ������อดตี : โลกมที วีปเป็นแผ่นเดียวกนั (พนั เจยี ) - ประกอบดว้ ย แผ่นทวีป+แผน่ มหาสมุทร ������ปัจจบุ นั : เเยกเปน็ ทวีปต่างๆ ⭐️นกั ธรณีวิทยา บง่ ช้ีวา่ มแี ผ่นเปลอื กโลกขนาดใหญ่ 6 แผ่น 1.แผน่ Urasia = รองรบั ทวปี ยโุ รป เเละเอเชีย 2.แผ่น Pasific = รองรับมหาสมทุ รแปซฟิ ิก 3.แผน่ Antarctic = รองรับทวปี แอนตารก์ ตกิ 4.แผน่ Africa = รองรบั ทวีปแอฟรกิ า 5.แผ่น Australia = รองรับทวปี ออสเตรเลีย เเละอนิ เดยี 6.แผ่น America = รองรับทวปี อเมรกิ าเหนือ/ใต้
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลอื กโลก 1. แผ่นธรณชี นกนั ������แผ่นดินไหว+สึนามิ ������เเนวสนั เขา,ภเู ขาไฟ ������เทอื กเขา เชน่ : เทอื กเขาหมิ าลยั
การเคล่ือนทขี่ องแผน่ เปลอื กโลก 2. แผ่นธรณเี เยกออกจากกนั ������หุบเขาทรุดตวั ������เทือกเขาสันกลางมหาสมทุ ร
การเคลื่อนทขี่ องแผน่ เปลอื กโลก 3. แผ่นธรณผี า่ นกนั ������รอยเลื่อน ������แผ่นดนิ ไหว
กระบวนการเปลี่ยนแปลง บนผิวโลก
ผิวโลกท่ีเราอาศยั อยูก่ เ็ กิดการเปลีย่ นแปลงทางธรณขี น้ึ มากมาย จนทาใหผ้ วิ โลกเกิดการเปลีย่ นแปลงเป็นรปู พรรณสณั ฐานตา่ งๆ ลักษณะเปลอื กโลกทีม่ ีรปู พรรณสัณฐานตา่ งๆ เรียกว่า ภมู ิลกั ษณ์ เชน่ ภูเขา ทะเลสาบ ทีร่ าบ ทีร่ าบสงู ดนิ ดอนสามเหลีย่ ม
มนุษย์ทาเหมืองหนิ เหมืองแร่ เพ่อื นาหนิ และแรม่ าใช้ประโยชน์ รวมถึงมกี ารสรา้ งเข่อื น อุโมงค์ ถนน การกระทาของมนุษย์ทาให้ดนิ หิน และแร่ เกิดการผพุ งั ไดร้ วดเรว็ ข้ึน ⭐️แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1. การผพุ ังอยกู่ ับที่ทางกายภาพของหิน 2. การผพุ ังอยกู่ บั ที่ทางชวี ภาพของหนิ 3. การผพุ ังอยกู่ บั ท่ีทางเคมีของหนิ
การผุพังท่มี ีการเปลีย่ นแปลงเฉพาะขนาด และรปู รา่ งของหิน เช่น หินมีขนาดเลก็ ลง แต่ชิน้ ส่วนต่างๆ ไมถ่ ูกนาพาหรอื กระจดั กระจายไปจากที่เดิม ตามธรรมชาติหนิ อาจมรี อยแตก มชี ่องว่างหรอื มโี พรงเกดิ ขึ้นภายในเนอื้ หนิ และอาจจะมนี ้ามาขัง อย่ใู นบริเวณรอยแตกในชอ่ งวา่ ง หรือโพรงเหล่านั้น เมื่ออณุ หภูมิของอากาศลดลง อาจทาใหน้ า้ เปลย่ี นสถานะจากของเหลวเปน็ ของแข็งและมปี ริมาตร เพิ่มขึ้น ทาใหเ้ กดิ แรงดันในรอยแตกของหิน ทาใหเ้ กิดรอยแตกหรือเกดิ โพรงทีใ่ หญ่ขึ้น ������สาเหตุ/ปจั จัย - สภาพอากาศ - ระยะเวลา - ประเภทและชนดิ ของหนิ - แรงโนม้ ถว่ ง - โครงสร้างทางธรณีวิทยา - ภมู ิประเทศ
#คลา้ ยกบั การผพุ ังอยกู่ ับทที่ างกายภาพของหิน การผุพังที่มีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะขนาด และรปู ร่างของหิน เชน่ หินมขี นาดเลก็ ลง แตช่ นิ้ ส่วนตา่ งๆ ไมถ่ ูกนาพาหรอื กระจัดกระจายไปจากที่เดมิ ������สาเหตุ/ปัจจยั - การเจริญเติบโตของต้นไม้ รากของตน้ ไมท้ ี่ชอนไชลงไปในพนื้ ดิน หรอื หินทาให้หินมรี อยเเตกมากข้ึน
การผพุ ังท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงลักษณะของหนิ คอื ทาให้หินมลี ักษณะเว้าแหวง่ หรอื มลี ักษณะเปน็ ริว้ ร่อง ลกึ ลงไปในเนื้อหิน ������สาเหตุ/ปจั จัย - กรดอ่อน หนิ งอก หินยอ้ ย การผุพังของหินปนู
ในธรรมชาตแิ กส๊ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในอากาศจะทาปฏิกิริยาเคมีกับแก๊สออกซิเจนใน อากาศ ทาให้เกิดแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งสามารถทาปฏิกิริยาเคมีกับฝน จนได้ สารละลายที่เป็นกรด เมื่อสารละลายที่เป็นกรดมาสัมผัสกับหินที่มีสารประกอบแคลเซียม คาร์บอเนตเป็นองค์ประกอบ เช่น หินปูน หินโดโลไมต์ หินอ่อน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น ก็คือ เกิดฟองแกส๊ ซึ่งการผุพังอยู่กับที่ทางเคมีของหินในลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดทั่วไปในธรรมชาติ แต่จะ พบได้ในบริเวณทมี่ ีแก๊สซลั เฟอร์ออกไซด์ออกมาในปริมาณมาก เช่น บริเวณที่เกิดการระเบิด ภูเขาไฟ และบรเิ วณโรงงานอุตสาหกรรม
ในธรรมชาติ เมื่อหนิ ในพน้ื ทีห่ น่งึ มีการผุพังอยูก่ ับท่ี เป็นเศษหนิ หรือเป็นตะกอนตา่ งๆ อาจเกดิ การนาพาให้เศษหินหรือตะกอนดงั กลา่ วกระจัดกระจายออกไป ⭐️กระบวนการท่ที าใหว้ ัตถบุ นผิวโลกเคลอ่ื นทหี่ ลดุ ไป 1. การกร่อน 2. การสะสมตวั ของตะกอน
คือ กระบวนการทท่ี าให้เปลือกโลก หลุด สลายไป โดยธรรมชาติ หรอื หินทีเ่ กิดจากการผุพงั อยู่กับท่ี เกิดการพดั พาใหเ้ คลื่อนที่ไปจากเดมิ โดยตวั นาพา เช่น ลม น้า ผลของการกรอ่ น = ผวิ เรยี บมนมากข้นึ
กมุ ภลกั ษณ์ สามพนั โบก จ.อบุ ลราชธานี
เสาเฉลยี ง จ.อบุ ลราชธานี
ออบหลวง จ.เชยี งใหม่
คือ การสะสมตัวของตะกอน จากการนาพาของกระแสน้า กระเเสลม บริเวณ ข บรเิ วณ ง ������บรเิ วณ ข ค : ถูกปะทะด้วยกระแสน้าโดยตรง เกิดการกดั เซาะ เเมน่ า้ กวา้ งข้นึ แผ่นดนิ ลดลง บรเิ วณ ก ������บริเวณ ก ง : ตะกอนทีเ่ กิดการนาพามาจะ เกดิ การสะสม เเมน่ ้าเเคบลง เเผน่ ดนิ เพิ่มขึ้น บริเวณ ค
- เกิดจากการกดั เซาะเเละการสะสมตวั ของ ทะเลสาบ ตะกอนเป็นระยะเวลานาน มีลกั ษณะตวัดมากขึ้น ตะกอนสะสม สว่ นตวดั เเม่น้าทตี่ ัดไป ประชิดมากข้ึน
1. เเมน่ ้าหลายสายมารวมกันไหลออกส่ทู ะเล 2. ความเร็วลดลง 3. เกิดการตกตะกอนของตะกอนทีน่ าพามาทป่ี ากเเมน่ า้ 4. ตะกอนทับถมเป็นเวลานาน 5. มีความสงู เพ่มิ ขึน้ เรื่อยๆ จนกลายเปน็ แผน่ ดนิ
ดนิ เเละนา้
ดนิ
ดนิ เกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ โดยอาศัยการผพุ งั อยู่กับท่ที ั้งทางกายภาพ และทางเคมขี องหนิ จนหนิ มีขนาดเล็กลงแล้วผสมคลกุ เคล้ากบั อินทรยี วตั ถุ ท่เี กิดจากการสลายตวั ของซากพชื และสัตว์ กระบวนการเกดิ ดนิ อาศัยระยะเวลา ทตี่ อ่ เนือ่ งกนั เปน็ เวลานาน หนิ ทม่ี ีการผพุ ัง แลว้ มีขนาดเล็กลงจนเกิดเป็น ตะกอนขนาดต่างๆ เรียกวา่ วัตถตุ ้นกำเนดิ ดิน
กระบวนการเกิดดนิ นอกจากอาศยั ปจั จยั วตั ถุต้นกาเนดิ ดินแลว้ ยังอาศัยตวั นาพา เเละปจั จยั ต่างๆ : ตวั นาพา และปจั จยั ตา่ งๆ ? ⏩ น้า ⏩ สง่ิ มชี ีวติ ⏩ ลม ⏩ อณุ หภูมอิ ากาศ ⏩ ปริมาณฝน ⏩ ความชน้ื ⏩ การเกิดปฏิกิริยาเคมี
ดนิ เป็นวัตถุท่เี กิดขึ้นตามธรรมชาติ ปกคลุมผิวโลกอยเู่ ป็นช้ันบางๆ ดนิ มีความสาคญั ตอ่ มษุ ย์ เชน่ ใช้ในการเพาะปลูก เปน็ แหลง่ ธาตุอาหาร เปน็ แหลง่ กกั เก็บนา้ และความชืน้ ท่ีจาเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืช รวมถงึ รากพืชใช้ดนิ ในการเกาะยดึ ลาตน้ เพ่ือไมใ่ หไ้ มล้ ม้ เอยี ง ดิน ณ บริเวณตา่ งๆ มสี แี ตกตา่ งกันออกไป ในบางบริเวณมสี ีดา แดง น้าตาล สีของดินเป็นลกั ษณะทางกายภาพท่ีสามารถสงั เกตได้ง่าย
เมือ่ ขดุ ดินไปตามแนวด่ิงจะพบดินท่มี ลี ักษณะ แบง่ ออกเป็นช้ันๆ ขนานหรอื เกือบขนานไปกบั หนา้ ดนิ เรยี กดนิ ท่พี บในแต่ละช้ันน้ีวา่ ชน้ั ดนิ ชั้นดนิ แตล่ ะชัน้ และในแต่ละพ้นื ที่มีลักษณะและสมบตั ิแตกต่างกันออกไป เชน่ มสี ี เนอ้ื ดิน ความหนาของชัน้ ดนิ จานวนชน้ั และความเป็นกรดเปน็ เบสแตกต่างกนั
ช้ันดินทมี่ ีลกั ษณะปรากฏให้เหน็ เรียงตามลาดับชนั้ จากช้ันบนสดุ จนถงึ ชั้นลา่ งสดุ เรยี กว่า หน้าตัดของหนา้ ดิน หรอื ชั้นหนา้ ตดั ดนิ
ช้นั หน้าตดั ดนิ ท่มี กี ารพัฒนาอยา่ งสมบรู ณ์ จะมชี ้ันดินหลกั จานวน 6 ชั้น ������ ได้แก่ ชัน้ โอ ช้ันเอ ชน้ั อี ชั้นบี ชั้นซี และช้ันอาร์ -ชน้ั O : อนิ ทรยี วัตถุ -ชั้น A : ชนั้ ดินเเร่ -ช้ัน E : ช้นั ซมึ ซะ -ชน้ั B : ช้นั สะสม -ชน้ั C : ชัน้ การผพุ ังของดนิ -ชน้ั R : ช้ันหินพนื้ ช้นั หน้าตัดดินในธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีช้นั ดนิ ไม่ครบท้ัง 6 ชนั้
1. วตั ถุตน้ กาเนิดดิน ������หินเเรธ่ าตุ ทีผ่ พุ งั อยกู่ บั ที่ ทาให้ดินเเต่ละที่ มปี ริมาณธาตุ สี เนอ้ื ดิน ตา่ งกนั 2. ภูมิอากาศ ������บรเิ วณร้อนชื้น มีฝนมาก ผุพังมาก ������บรเิ วณหนาวเย็น แห้งเเลง้ ผุพงั น้อย
3. ภมู ปิ ระเทศ ������ความสูง ตา่ ของพน้ื ที่ ������พื้นทลี่ าดชนั มาก พงั ทลายมาก ������พื้นที่ราย พังทลายน้อย ช้นั ดนิ หนา 4. ระยะเวลาการเกิดดิน ������ดนิ ท่เี กดิ นานเเล้ว จานวนชั้น/หนามาก ������ดนิ ที่ใช้เวลาเกิดน้อย จานวนชน้ั /หนาน้อย
Search