คลื่นกลและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

คล่นื กลและสม

มบตั ขิ องคล่นื

คลน่ื กลและสม ประเภทของคล่ืน คลน่ื ท่ีตอ้ งการตัวกลาง เรยี กว่า คลนื่ ก แบ่งออกเปน็ คลนื่ ตามขวาง และ คลน่ื ต คล่ืนท่ไี มต่ อ้ งการตวั กลาง เรียกวา่ คล่นื มีอัตราเร็วเท่ากับอตั ราเรว็ แสง ใช้ประโยชน์แตกตา่ งกนั ไปในแต่ละยา่ นคว ักีด่ัสิท่ีท่ืลิท่ืล่ัสิทัก่ีท่ืลิท่ืล

มบตั ิของคลื่น เค อนค น ศตาม ขวาง ย การ คาง ฉาก บ ศ การ น กล ค น เค อนศตามยาว → และ ศ การ นไปใน ตามยาว การ ทางเ ยว น นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า วามถ่ี

คลนื่ กลและสม สว่ นประกอบของคล่นื ค น อ การ •แอมพลิจูด AFJNR•ท้องคลนื่•สนั คลืน่ B F J N B •ความยาวคลื่น ,, , C L P , , D สตู ร อตั ราเรว็ คลนื่ = sft ์ซิฮ็ป่นีมีทิว่ืลำจ่ีถ่ืล็รัอัษ่ึนุจีอัย่ึนุจัล่ถืค่ืล

มบตั ิของคล่ืน ร ายโอนพ งงานจาก ดห งไป ง ก ดห ง 1 ขบวน RT-TD.lt a k๐ E1 M 0 H LP ความถี่(ความยาวคลื่น) ค นษ s ตรา เ ว ของ ค นfs ความ ( นวน ใน 1 นา ) ย ห วย เ น เ รต (Hz)

ค น เค อนความ (f) s นวน ก ไ ใน 1 ห วย เวลา (รอบ /นา ) ☐#Hz โดย f- ห อ fs fs ความ ห วย เ น เ ร๓ CH2) ษ ตรา เรา ค น ท เมตร / นา (mls ) grgtlsค น✗ s ความยาว ท เมตร ( m 1 Ts คาบ เค อนค นวงคาบ s ครบ 1 รอบ ( นา /รอบ ) เวลา ค น 1 ขบวน ค นความ 90 Hz จง หา คาบ เวลา ของ โจท ใ fsaotlz Ts ? § อTs s อ 011 S . . +1 - - 1 23 45 6 7 8 ✗ (cm) 1- i. อเ อง ห ง±£ ค น ห งขบวน ความ 90 Hz ขณะ เวลา กษณะ ป ใน พ ดง ห วยแกน ✗ และ แกน Y แทน ระยะ ทาง cm จง หา แอม ค นค นความ ยาว คาบ และ ตรา เรา แอมป ด 1s cm %คาบ T = s 0.011 s ค นความยาว -2 cm ตรา เรา ษ sfts (90) (2 ✗ 1 m ) 2)( (s 9 ✗ 1 ) 2 ✗ เ ัอ่อ้ัอัอ่ืล่ัฉูจิล่ืลัอ่ืลูจิล่นำกูรัดัลีม่ึน่ีถีม่ึน่ืน่ต่ืล้ห์ยิว่ืล่ีถีม่ืลีทิว่ีท่ืล่ืล่ีท่ชุ๋ฐ่ืลีทิว่ืลัอีซิฮ็ป่น่ีถุ้หืรืงีทิว่น้ด่ีท่ืล่ีท่ืลูลำจ่ีถ

ข . (9 สอง ✗ เอ 2) - (9×2) ( 1 ✗ เอง s 18 ✗ 1 1 /s 1.8 M 5 ลนายอ ณภาพ อ ล ไ- จากการ บรรยาย ง งไ ไ ด ง ป มาณ \"เ ห อ อดไ ไ อ ล ไ ด1 จาก การ ป มาณ ห กกาย ภาพ → ความยาว มวล เวลา ฯลฯ ,, ุ าป→ มาณ สเกล | ป มาณ บอก แ เขนาด ยง อ าง เ ยว เ น ระยะทาง L ป มาณมวล เวลา ป มาตร ความหนาแ น งาน พ งงาน แก เขา อ ศทางป มาณ อง บอก ง ขนาด และ เ ง โมเมเ วเ น แรง , การกระ ด ความ , ความ , น , ป มาณทาง กายภาพ \" ระบบ ห วย สากล ( SI ) → ห วยฐาน ห วย เส ม ห วย อ ท ,, ห วยฐาน lbasicunits ) → ๆ ห วย ป มาณ ห วย ญ กษ m ความ ยาว เมตร S kg เวลา นา A K มวล โลก ม mol แอม แป Cd กระแสไฟ า เคล น ณห โม ล ป มาณ สาร แคนาดา องความ เ ม ของ การ าง ่ว่ัส่ส้ขิริวิมูภุอ์ร้ฟัริกีทิว์ณัลัส่นิร่น่น์ธัพุน่นิร่น่น่นิร้ต่ร็รัจ่ชิท้ัท้ต่ีทิร์ริรัล่นิร่ชีด่ยีพ่ค่ีทิร์ริรันำ้นิรัว้ด่ีทูม้ข้ด่มืริริชัว้ด่มัย่ึซ้ด่ีทูม้ขุคูม้ขัอ่อ

ปสรรค ใ→ เ มห า ห วย เ อ อห อ ขยาย ห วย 2 เซน เมตร → 2cm 2✗1 m . เ 2 1 5kg9 ☐ ทยาศาสตปสรรค เป ยน ญ กษ635mg*เปยนจาก เ นห วยฐาน → เ น ว เลข 5 โลก ม → → 5 ✗ เอง g - กร ทาง 635 ล ก ม→ → 635 ✗ ⑤ 9✗ 1 a t 910 1 sa < 10 \" ✗ 102 เอ 635 ; 6.35 • 102/ \\ 6. 35 ✗ 100 g6.35 ✗ ✗ 1 4. เป ยน ญ กษ เ น ว เลข 96. 35 ✗ 1 * ญหา* า ว เลข างห าไ เ น 1 อ ไ ④อ0น1 าจาร 1 s 1✗1 ลง อ #/ๆอ = 1000s 1 0.1 s 1 100 s 102 0.01 = 1 s1 0.001 s เอง ใ ะ0.25 2.5 X 1 ๐9s ๋อ๊ึอ่อ์ิอ่ิอํอ๋ิอัปีม่มิก่ม้น้ขัต้ถัต็ป์ณัลัส่ีล่ิอ๋ํอ๋อัริลิมัริก์ริว์ณัฬัต็ป์ณัลัส่ีล่น็ปุอำค่ีลัอ้ัอิต่นืร่ย่ืพ่น้นิต้ชุอำค

คล่นื กลและสม การสะทอ้ นของคล่นื คลน่ื ในเสน้ เชอื ก สะทอ้ นที่ปลายตรึง คลน่ื ในเส้นเชอื ก สะท้อนทป่ี ลายอิสร

มบัตขิ องคล่นื ง มีเฟสตรงข้ามกับคลน่ื ตกกระทบ ระ มีเฟสตรงกบั คลืน่ ตกกระทบ

คลนื่ กลและสม การหกั เหของคลืน่ เม่อื คล่ืนเดินทางเคล่ือนท่เี ปล่ยี นตวั กลาง เปล่ียนไป และทาใหเ้ กดิ การหักเห หากเป นา้ ลึก นา้ ตนื้ อัตราเรว็ คลน่ื นอ้ ย ความยาวคลน่ื นา้ ลึก อตั ราเรว็ คล่ืนมาก ความยาวคลน่ื คลน่ื เดนิ ทางเปลยี่ นตวั กลาง ความถม่ี คี ่า

มบัตขิ องคลนื่ ง ทาใหค้ วามอัตราเร็วของคลน่ื ปน็ คลน่ื ผวิ นา้ ตวั กลางจะเปน็ นา้ ตืน้ และ นน้อย มมุ มีขนาดเลก็ นมาก มมุ มีขนาดใหญ่ าคงที่

คล่นื กลและสม การหักเหของคลน่ื

มบตั ขิ องคล่นื

คล่นื กลและสม การแทรกสอด

มบตั ขิ องคล่นื

คล่นื กลและสม การเลี้ยวเบน

มบตั ขิ องคล่นื

























Exer

rcise

คลนื่ กลแ Exercise 1. ข้อใดทีค่ ลนื่ กลแตกตา่ งไปจา (1) การสะทอ้ น (2) การหกั เห (3) การแทรกสอด (4) การเลีย้ วเบน (5) การอาศยั ตัวกลางในการเค

และสมบัติ ากของคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้ คลอ่ื นที่

คลน่ื กลแ Exercise 2. คลื่นขบวนหน่ึง มีความถ่ี 10H ถึงสนั คลืน่ ท่ี 6 เท่ากบั 5.0 m จงหาอัตราเรว็ ของคลนื่ (1) 0.3 เมตรต่อวินาที (3) 10.0 เมตรต่อวนิ าที (5) 20.0 เมตรต่อวนิ าที

และสมบัติ Hz และระยะห่างระหว่างสันคล่ืนที่ 1 ดังภาพ (2) 2.0 เมตรตอ่ วินาที (4) 12.0 เมตรตอ่ วินาที

คลน่ื กลแ Exercise 3. สะบัดปลายเชือกเส้นหนง่ึ ข้นึ และลง ในขณะที่สะบัดอยนู่ น้ั เมื่อพิจารณา ณ ตาแหน่งหนึ่ง ซึง่ เคล่อื นทข่ี ้นึ แล มีการกระจัดตามแนวด่ิงเปลย่ี นแปล

และสมบัติ งอยา่ งต่อเน่ือง เพื่อให้เกดิ คลนื่ บนเสน้ เชือก าการเคลื่อนทีข่ อง อนุภาคของเชือก ละลงอยา่ งตอ่ เน่ือง พบว่า อนภุ าคดังกล่าว ลงตามเวลา ดังกราฟ

คลื่นกลแ Exercise 3. (ตอ่ ) ถา้ คลื่นบนเสน้ เชือกนี้ม อตั ราเร็วของคล่ืนมคี ่าเท่าใด (1) 0.2 เมตรตอ่ วินาที (3) 0.6 เมตรตอ่ วินาที (5) 4.8 เมตรตอ่ วนิ าที

และสมบัติ มีความยาวคล่ืน 2.4 เมตร ด (2) 0.5 เมตรต่อวนิ าที (4) 1.2 เมตรตอ่ วินาที

คลืน่ กลแ Exercise 4. เอื้อยนั่งรมิ สระนา้ และใชเ้ ทา้ ตีผวิ เคล่อื นท่อี อกจากจดุ กาเนิดไปสบู่ ริเว เคลอื่ นที่จากบริเวณน้าลกึ เขา้ สู่บรเิ ว จากผลการสังเกต ถา้ เอื้อยคดิ วา่ “ คลนื่ มคี วามถี่สงู ขน้ึ ” ความคดิ น้ถี ูกต

และสมบัติ วนา้ อยา่ งสม่าเสมอ ทาใหเ้ กิดคลืน่ นา้ วณอน่ื ๆ เออ้ื ยสังเกตได้ว่า เมือ่ คล่นื วณน้าตนื้ ผิวนา้ มีลกั ษณะเปน็ ดงั ภาพ “คลนื่ มีความยาวคลน่ื ลดลงเช่นนี้ เพราะ ต้องหรอื ไม่ เพราะเหตุใด

คลืน่ กลแ Exercise 4. (ตอ่ ) ถา้ เอ้อื ยคิดวา่ “คลื่นมีควา สงู ขึน้ ” ความคิดนถ้ี ูกต้องหรือ (1) ถกู ต้อง เพราะเมื่ออัตราเร็วคงตวั ถ้าค (2) ถกู ตอ้ ง เพราะในชว่ งระยะทางเท่ากนั บ (3) ไมถ่ ูกต้อง เพราะระยะห่างระหว่างสันคล (4) ไม่ถกู ต้อง เพราะเมือ่ คลนื่ เดินทางจากบ (5) ยังสรุปไม่ได้ เพราะไม่ทราบการเปลีย่ นแ

และสมบตั ิ ามยาวคลน่ื ลดลงเชน่ น้ี เพราะคล่นื มีความถี่ อไม่ เพราะเหตุใด ความยาวคลนื่ ลดลง ความถ่ีจะสูงข้ึน บริเวณนา้ ตน้ื มจี านวนลกู คลืน่ มากกวา่ ความถ่ีจงึ สงู ขน้ึ ล่นื ที่อยู่ติดกันแสดงถงึ ความถ่ีของคลนื่ ความถจ่ี ึง ต่าลง บริเวณนา้ ลึกเขา้ ส่บู ริเวณน้าต้นื ความถีจ่ ะไมเ่ ปลย่ี นแปลง แปลงอตั ราเร็วของคลืน่ ระหวา่ งสองบรเิ วณ

คลนื่ กลแ Exercise 5. เม่อื จ่มุ หลอดกาแฟลงในแกว้ ที่ม ไม่ตอ่ เป็นแนวเดียวกับสว่ นทอี่ ย สมบตั ใิ ดของคลนื่ แสง (1) การสะท้อน (3) การแทรกสอด (5) การดูดกลืนแสง

และสมบตั ิ มีนา้ จะพบวา่ หลอดกาแฟสว่ นท่อี ยูใ่ ต้นา้ ย่เู หนอื น้า ปรากฏการณน์ ี้เกดิ ขนึ้ เน่อื งจาก (2) การหกั เห (4) การเลย้ี วเบน

คลื่นกลแ Exercise 6. กรวยโทรโข่งท่ที าจากกระดาษท กรวยโทรโขง่ กระดาษดังกล่าว (1) การสะท้อน (2) การหกั เห (3) การแทรกสอด (4) การเล้ยี วเบน (5) การเกิดบตี ส์

และสมบัติ ทาให้เราสามารถสง่ เสียงไปไดไ้ กลขึ้น ได้ประโยชน์จากหลกั การใดของคล่นื เสียง

คลืน่ กลแ Exercise 7. คลน่ื กล A และคล่นื กล B มาร เกิดการแทรกสอดแบบเสรมิ กนั (1) ท้องคล่ืน A เจอกบั ท้องคล่ืน (2) ทอ้ งคลน่ื A เจอกับสนั คล่ืน B (3) สนั คลน่ื A เจอกบั สันคลืน่ B (4) ท้องคลน่ื A เจอกบั ทอ้ งคลื่น (5) สนั คลน่ื A เจอกบั สนั คล่ืน B