การจัดทำผลงานเพื่อเสนอขอกำหนดระดับตำแหน่งทีสูงขึนของบุคลากรสายสนับสนุน

สง่ เสรมิ แต่งต้ัง ทรพั ยากร กรรมการ วมกัน ศึกษาขอ้ มูล งแผน

ลักษณ งานสนับ งานหลัก งานพัฒนา

ณะงาน บสนุน งานพิเศษ งานยุทธศาสตร์/QA

ลกั ษณะเป้าหมาย เปา้ หมาย คณะ/บุคลากรเ มคี วามชดั เจน มีค วัดผลได้ และก สอดคล้องกบั มคี วามทา้ ทาย แต่อย

ยที่มีประสิทธิผล เห็นว่ามีความสาคัญ ความเฉพาะเจาะจง กาหนดเวลาได้ บกลยทุ ธ์ของคณะ ยใู่ นวสิ ยั ทศั นท์ าได้

เสน้ ทางความก้าวหนา้ ของประเภทวชิ าช เชี่ยวชาญเฉพาะ และประเภทท ตาแหน่งประเภททวั่ ไป • ระดับชานาญงาน • ระดับชานาญงานพิเศษ

ชีพเฉพาะหรือ ทัว่ ไป ตาแหน่งประเภทวิชาชพี เฉพาะ หรอื เช่ยี วชาญเฉพาะ • ระดบั ชานาญการ • ระดับชานาญการพิเศษ • ระดับเชย่ี วชาญ • ระดับเช่ียวชาญพเิ ศษ

กระบวนการประเม1นิ. เกพรอ่ื อแบตง่ตตำั้งแบหุคนคล่งใหป้ดราะรกงตำาศ ประเมินผลสัมฤทธข์ิ อง ประเมนิ งานตามตัวช้ีวดั ของ ของตา ตาแหนง่ ท่ีครองอยู่

าศแกห.นบ่ง.สมงู .ข(ึ้นฉบบั ที่ 2/2555) นคา่ งาน ประเมินผลงานทาง าแหน่ง วชิ าการ

ปัญหาของบคุ ลากรสายสนบั ส • เล่ือนตาแหน่งสงู ขน้ึ ไมไ่ ด้ • ไมม่ กี รอบตาแหนง่ ใหเ้ ลื่อนสงู ข้ึน • มกี รอบตาแหนง่ แต่ขาดประสบการณ • ไมม่ รี ะบบพเี่ ลย้ี ง/ขาดความม่ันใจ

สนุน ณก์ ารวเิ คราะห์/สงั เคราะห์

ปัญหาของมหาวิทยาลัย • ไมม่ กี รอบอัตรากาลงั • ควรจัดทากรอบอัตรากาลงั เสนอส ตามมาตรา 20 (กพอ.)

สภามหาวิทยาลยั

ม.20 ก มาตรฐานกาหนดตาแหนง่ สภาสถาบนั อุดมศกึ ษา จานวนทพี่ งึ มี อ ข ( ประสิทธภิ าพ / ความไมซ่

กรอบตาแหนง่ พนื้ ฐาน วิชาการ ความกา้ วหน้า สนับสนนุ อันดับเงินเดือน ของตาแหน่ง ซา้ ซอ้ น / ความประหยัด )

กรอบความกา้ วหนา้ ผอ.ส่วนท่ี เช่ยี วชาญพ งานอธกิ ารบดี เช่ยี วชา ผอ.กอง ชานาญการ เลขานกุ ารคณะ ชานาญก ปฏิบตั ิก ผูบ้ ริหาร วิชาชพี เฉพ เช่ยี วชาญเ

พิเศษ ……% ชานาญงานพเิ ศษ ……% าญ ........% ชานาญงาน ........% รพเิ ศษ ปฏบิ ัตงิ าน ……..% การ ……..% การ ……% ทัว่ ไป พาะ/ เฉพาะ

การพฒั นาบุคลากรสนับสนุน (1) ระบบการเรยี นรู้และการพัฒนา คอื 1. Organization เน้นความรู้ ความเข ทั้งการสร้างนวัตกรรม 2. People เนน้ การพฒั นาตนเอง แล 3. Function เนน้ ความรู้ความสามาร กฎ ระเบียบ กฎหมาย ทักษะดา้ นคอมพวิ เต บรหิ ารจดั การขอ้ มูล

ข้าใจ และสมรรถนะเพือ่ การปฏิบัตงิ านพรอ้ ม ละพัฒนาทมี งาน รถ และทักษะทีจ่ าเปน็ ในงานท่ีปฏบิ ัติ ได้แก่ ตอร์ การคานวณ ภาษาอังกฤษ และการ

เน้ือหาในคู่มือมาตรฐานการปฏ  ความเปน็ มาขององคก์ ร ของงาน และห  ความสาคญั ทตี่ อ้ งทาคมู่ อื วตั ถุประสงค  ระเบียบ กฎ ข้อกาหนด ท่ตี ้องใช้  มาตรฐานข้ันตอนผังกระบวนงาน แบบ  เทคนคิ ที่สาคญั หรอื ขอ้ พงึ ระวงั  การนาไปใช้ และข้อเสนอแนะต่างๆ  การอ้างองิ ภาคผนวก เช่น แบบฟอร์ม

ฏิบัติงาน หนา้ ท่งี าน ค์ ประโยชน์ ขอบเขต ขอ้ จากัด บฟอร์ม เงอ่ื นไขเวลา ม ระเบยี บ

เนื้อหาในเอกสารสังเคราะห์ วเิ ครา เป็นกระบวนการมากข้นึ แยกเปน็ บทๆ  ความเป็นมา ความสาคญั วัตถปุ ระ  การอ้างองิ ทบทวนวรรณกรรม  วิธีการในการดาเนนิ งาน  ผลการดาเนินงาน  สรปุ ข้อเสนอแนะ  อา้ งองิ  ภาคผนวก

าะห์ วิจัย ะสงค์ ประโยชน์ ขอบเขตการศึกษา

วธิ ีการเขียนข้ันตอนกระบวนงาน  แบบข้อความ  แบบตาราง  แบบแผนภมู ิ  แบบภาพถา่ ย รูปภาพ  Multi Media  แบบผังขนั้ ตอน  แบบเช่ือมโยง

น

สญั ลักษณ์ จดุ เชอื่ มต จดุ เรมิ่ ต้น กจิ กรรมง จดุ ตัดสิน เอกสาร ทิศทางก จุดเชอ่ื ม

ตอ่ กบั กระบวนงานอ่ืน นและสิน้ สดุ กระบวนงาน งาน/ขนั้ ตอนในกระบวนงาน นใจ ข้อมลู นาเขา้ /ผลผลิต/รายงาน การเคล่อื นที่ของกระบวนงาน มต่อในหนา้ เดียวกนั

ตวั อยา่ งส

สญั ลักษณ์

วตั ถุประสงค์ของการวเิ คราะห์งาน 1. การวางแผนกาลัง 2. การสรรหาและการคดั เลอื ก 3. การประเมินค่างานและการกาห 4. มาตรฐานในการประเมินผลงาน 5. การพฒั นาบุคลากร

น หนดคา่ ตอบแทน น

ความหมายการวเิ คราะห์งาน การวิเคราะหง์ าน : กระบวนการรวบรวมข 1. ลกั ษณะงานท่ีปฏิบัติ มีงานอะไร 2. หน้าทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ อะไรบ้า 3. ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ 4. องคป์ ระกอบอื่น ๆ (3.-4. คณุ ลกั ษณะท่เี หมาะสมกับงาน -การกาหนดจานวนทเี่ หมาะสม

ขอ้ มลู รบา้ ง าง น)

ลกั ษณะของงาน แสดงให้เหน็ ว่าผดู้ ารงตาแหน่ง ต้องปฏิบตั งิ า สะท้อนถงึ ความสาคญั และคุณคา่ ของงานน งานที่กาหนดไวใ้ นมาตรฐานกาหนดตาแหนง่ ที่ ก.พ.อ. /ก.บ.ม. กาหนด

านลกั ษณะใด ในฐานะ/บทบาทใด ซึ่งจะ นั้น โดยจะตอ้ งเขยี นให้สอดคลอ้ งกับลกั ษณะ ง

คมู่ ือการป วิเค ว โดย คุณอ่นุ เรือน มงคลชัย (ขรก.บาน mounra@ คณุ วลิ าวณั ย์ อนุ่ เรือน (พยาบาลชาน awilaw@ 21-22/1

ปฏิบตั ิงาน คราะห์ วจิ ยั ย นาญ (บคุ ลากรเช่ียวชาญ มข.)) @kku.ac.th นาญการพิเศษ รพ.ศรีนครินทร์ มข.) @kku.ac.th 11/2561





คาสาคัญทส่ี ามารถใชแ้ ที่ผู้ใช้ต้องการหวั ใจ

แทนขอบเขตของเนื้อหา จสาคัญของการคน้ หา

เปรียบเทยี บองคป์ ระกอบข คมู่ อื ปฏิบัตงิ าน วิจัย : วิธีการ วิเคราะหข์ ้อมูล 1. บทนา 2. โครงสรา้ งองค์กรและบทบาทหน้าที่ 1.บทนา 3. หลกั เกณฑก์ ารปฏิบตั งิ าน 2. การทบทวนวรรณ (เอกสารงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง) (Literature Review 4. เทคนิคการปฏิบตั ิงาน 3. วธิ กี ารดาเนินงาน (แผนการปฏบิ ัติงาน/ตย.ขอ้ ควรระวงั ) (ระเบยี บวิธวี ิจัย:ประ 5. ปญั หาและขอ้ เสนอแนะ เครอ่ื งมอื /สถติ ิทีใ่ ช)้ (เพ่ือการพัฒนา) 4. การวิเคราะหข์ อ้ ม 5. บทสรปุ และอภิปร (บทสรุปเกดิ จากการ ไมอ่ า้ งอิงถงึ งานวจิ ัยข

ของคู่มอื ฯ/วิจัย/วเิ คราะห์ รเกบ็ รวบรวมและ วิเคราะห์ : ศกึ ษาผล ลอยา่ งเป็นระบบ ท่ีเกดิ ข้ึนแล้ว ณกรรมทเ่ี กย่ี วข้อง w) 1. บทนา นวิจัย 2. การทบทวนเอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ งการ ะชากร/กลุ่ม ตย./ วิเคราะห/์ กฎ ระเบยี บ ฯลฯ) 3. วิธกี ารดาเนนิ การวเิ คราะหร์ ะเบยี บวิธี: มูล ประชากร/กล่มุ ตย./ เครอ่ื งมอื / สถิติ รายผลขอ้ เสนอแนะ 4. ผลการวิเคราะห์ รค้นพบของเรา 5. ปัญหาและข้อเสนอแนะ ของใครอีก )

คมู่ ือ:เลือกหัวข ใช้เป็นผลงานเพอื่ เล่อื

ขอ้ ใหต้ รงกบั ตาแหนง่ อนระดับตาแหน่งใหส้ ูงขน้ึ

คู่มือ : เลอื กหวั ข้อ ขน้ั ตอนการ 1. กาหนดหวั ข้อเรือ่ งของคูม่ ือเป็นการรวบรวม รายละเอยี ดเอกสารท่เี ก่ยี วข้อง (วิเคราะหง์ าน 2. เขียนขน้ั ตอนงาน Work Flowกระบวนงาน 3. ลงรายละเอยี ดในแตล่ ะกระบวนงาน/ข้ันตอ (บทท่ี2 โครงสรา้ งและบทบาทหนา้ ทส่ี ามารถด 4. ใหห้ ัวหน้าและเพือ่ นรว่ มงานอ่านเพอื่ ปรบั ป 5. เผยแพร่ผลงาน/ นาไปใช้งานจริง(ตอ้ งมีหล 6. ประเมนิ ปรบั ปรงุ พฒั นาใหเ้ ป็นปัจจบุ นั แล

อให้ตรงกับตาแหน่ง รจัดทาคู่มือ มความรู้ท่มี ีลาดบั ความยากง่าย ศึกษา นตนเอง) นในคมู่ อื ตง้ั แต่ตน้ จนจบ อนงาน ดูที่เวปไซด์ของหนว่ ยงานได้) ปรงุ ลักฐานการประเมินคู่มอื ) ละใช้เป็น มาตรฐาน

วจิ ยั : Research Question ชดั เจน วดั ได้ ทรา คาถามวิจัย PICO Model P = Peopl I = Interve C = Contro O = Outco R2R คนหน้างานทาวิจยั เอง /พบปัญหา/อยากหาคาตอบนาไปใช้แก้ปญั หา ระเบียบวธิ วี จิ ยั (methodology) เชิงปรมิ าณ (Quantitative)การวิจัยเชิงคุณภ เชิงปฏิบัติการ (Action Research)

าบประชากร le, Problem ention ol / Comparison ome าไดเ้ ลย(ไมใ่ ช่เสนอนโยบาย) ภาพ (Qualitative)

วเิ คราะห์ : ศึกษา แต่ไม่เปน็ ไปตามตวั