Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การนำผลประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใช้ประโยชน์ : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

การนำผลประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใช้ประโยชน์ : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

Published by yokmanee, 2018-07-10 22:15:00

Description: โครงการวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากงบประมาณ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ประเภททุนวิจัยสถาบัน ประจำปีงบประมาณ 2554
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

Search

Read the Text Version

การนาผลประเมนิ คณุ ภาพภายนอกรอบสองไปใช้ประโยชน์ : กรณศี ึกษามหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ A Utilization of the 2rd External Quality Assessment : A Case Study of Prince of Songkla University กนั ยปริณ ทองสามสี ปรีญาภรณ์ สุขจนั ทร์ กติ ตยิ า แสะอาหลี สาลนิ ี ยวงเกตุ ขจรพรรณ ชัยเดชโครงการวจิ ยั นไี้ ด้รบั ทุนสนบั สนนุ จากงบประมาณมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ ประเภททุนวจิ ยั สถาบนั ประจาปี งบประมาณ 2554 ลขิ สิทธ์ขิ องมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์



การนาผลประเมนิ คณุ ภาพภายนอกรอบสองไปใช้ประโยชน์ : กรณศี ึกษามหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ A Utilization of the 2rd External Quality Assessment : A Case Study of Prince of Songkla University กนั ยปริณ ทองสามสี ปรีญาภรณ์ สุขจนั ทร์ กติ ตยิ า แสะอาหลี สาลนิ ี ยวงเกตุ ขจรพรรณ ชัยเดชโครงการวจิ ยั นไี้ ด้รบั ทุนสนบั สนนุ จากงบประมาณมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ ประเภททุนวจิ ยั สถาบนั ประจาปี งบประมาณ 2554 ลขิ สิทธ์ขิ องมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์



ช่ืองานวจิ ยั การนาผลประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ :ผ้เู ขยี น กรณีศกึ ษามหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ปี งบประมาณ กนั ยปริณ ทองสามสี, ปรีญาภรณ์ สุขจนั ทร์, กิตตยิ า แสะอาหลี, สาลนิ ี ยวงเกตุ และขจรพรรณ ชยั เดช 2554 บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการ ข้ันตอน และรูปแบบท่ีผบู้ ริหารมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์นาผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ แบบการวิจยั ท่ีใชเ้ ป็นการวิจยั เชิงคุณภาพ ตวั อยา่ งในการวิจยั เป็นผบู้ ริหารระดบั มหาวทิ ยาลยั และระดบั คณะจานวน 15 คน โดยเลือกตวั อย่างท่ีมีประสบการณ์มากเป็ นพิเศษที่มีส่วนร่วมในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองและยงั คงเป็ นผบู้ ริหารอยใู่ นขณะรวบรวมขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มลู โดยใช้แบบสมั ภาษณ์ วิเคราะห์ขอ้ มลู ดว้ ยการแยกแยะขอ้ มลู และสงั เคราะห์โครงสร้าง ผลการวจิ ยั พบวา่ วิธีการและข้นั ตอนการนาผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองไปใช้ประโยชน์ ในระดับมหาวิทยาลยั ระดับคณะวิชา และระดับวิทยาเขต มีวิธีการและข้นั ตอนท่ีแตกต่างกนั ในบางประเด็น ขณะท่ีรูปแบบการนาผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์มี 4 มิติ ไดแ้ ก่ 1) ใชใ้ นการปรับปรุงระบบบริหารจดั การมหาวิทยาลยั และวทิ ยาเขตท้งั ระบบ 2) ใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหาหรือปรับปรุงคุณภาพของนกั ศึกษาหรือบณั ฑิต 3) ใชเ้ ป็ นเครื่องมือในการสร้างขวญั กาลงั ใจหรือสร้างแรงจูงใจของผปู้ ฏิบตั ิงาน และ 4) ใชเ้ ป็ นเครื่องมือสะทอ้ นคุณภาพของมหาวิทยาลยั สู่สาธารณชน นอกจากมียงั พบว่าการนาผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ข้ึนกบั ความจริงจงั ของผบู้ ริหาร ผลการประเมินคุณภาพไม่สามารถนามาแกไ้ ขไดท้ ุกประเด็น ตอ้ งมกี ารจดั ลาดบั ความสาคญั และตอ้ งอาศยั การสนบั สนุนจากมหาวิทยาลยั อยา่ งจริงจงั ก

กิตตกิ รรมประกาศ นับจากมีการประกาศใช้พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ถือเป็ นจุดเร่ิมตน้ ใหม้ ีหน่วยงานระดบั ชาติกากบั ดูแลระบบประกนั คุณภาพของการศึกษาทุกระดบั อยา่ งจริงจัง มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์จึงไดร้ ิเร่ิมต้ังหน่วยงานที่รับผิดชอบงานประกันคุณภาพโดยตรงต้งั แต่ปี พ.ศ.2544 และรับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรกจากคณะกรรมการท่ีแต่งต้งัโดยสมศ.ในปี พ.ศ.2545 จากน้ันในปี พ.ศ.2549 เขา้ รับการประเมินภายนอกรอบสอง กระทง่ั ปีพ.ศ.2555 ถงึ รอบรับการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสาม ในฐานะที่ผวู้ ิจยั มีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบงานประกนั คุณภาพภายนอกของมหาวิทยาลยั มาโดยตลอด จึงกาหนดจดั ทาวิจยั เร่ืองน้ีข้ึนเพื่อเสนอคณะกรรมการที่เขา้ ประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสาม งานวิจยั ชิ้นน้ีสาเร็จลงไดด้ ว้ ยการใหค้ าปรึกษาแนะนาของ รศ.ดร.ธวชั ชิตตระการและรศ.นวลจิรา ภทั รรังรอง และขอขอบคุณผบู้ ริหารมหาวิทยาลยั ผบู้ ริหารคณะ และบุคลากรที่รับผดิ ชอบงานประกนั คุณภาพทุกท่านท่ีใหข้ อ้ มลู แก่ผวู้ ิจยั เป็นอยา่ งดี ถอื เป็นขอ้ มลู สาคญั ที่ไดช้ ้ีแจงและนาเสนอต่อคณะกรรมการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสามอยา่ งน่าเชื่อถอื งาน วิจัยฉ บับ น้ี ได้รั บ ทุ น สนั บ ส นุ น จาก งบ ป ระม าณ เงิ น รายได้ข องมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ ประเภทวิจยั สถาบนั ประจาปี งบประมาณ 2554 ตามสัญญาเลขท่ีPHY540727S ผวู้ จิ ยั ขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ี คณะผวู้ จิ ยั ข

สารบัญ หน้าบทคดั ยอ่ ................................................................................................................................. กกิตตกิ รรมประกาศ.................................................................................................................. ขสารบญั .................................................................................................................................... คบทท่ี 1 1 บทนา.......................................................................................................................... 1 หลกั การและเหตุผล............................................................................................ 4 คาถามการวจิ ยั ................................................................................................... 4 วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั ................................................................................... 4 ความสาคญั และประโยชนข์ องการวจิ ยั .............................................................. 5 ขอบเขตการวจิ ยั ................................................................................................. 5 ขอ้ จากดั ในการวิจยั .............................................................................................2 เอกสารงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง.......................................................................................... 6 กรอบแนวคิดทฤษฎีท่ีใชใ้ นการศึกษา : ทฤษฎีการนาผลการประเมนิ ไปใช้ ประโยชน์........................................................................................................... 6 รูปแบบการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองของ สมศ................................... 10 ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองของมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์...... 15 งานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง............................................................................................. 203 วธิ ีดาเนินการวิจยั ........................................................................................................ 50 วิธีการวจิ ยั ........................................................................................................... 50 แนวทางการวิจยั ................................................................................................. 50 การเลือกตวั อยา่ ง................................................................................................ 50 วิธีการรวบรวมขอ้ มลู ......................................................................................... 51 การวิเคราะห์ขอ้ มลู ............................................................................................. 52 การสร้างความเชื่อมน่ั ของการวจิ ยั เชิงคุณภาพ................................................... 52ค

สารบญั (ต่อ)บทที่ หน้า 4 ผลการวจิ ยั ………………………………………………………………………… 54 วิธีการและข้นั ตอนการนาผลการประเมินคณุ ภาพภายนอกรอบสองไปใช้ ประโยชน…์ ……………….………………………………………….......…. 54 รูปแบบการนาผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน…์ .... 635 สรุปผลการวิจยั อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ……………..……………………… 72 สรุปผลการวิจยั ………………………………………………………………. 72 อภิปรายผล…………………………………………………………………… 74 ขอ้ เสนอแนะ………………………………………………………………….. 77บรรณานุกรม.......................................................................................................................... 79ภาคผนวก…………………………………………………………………………………… 84ง

บทท่ี 1 บทนำหลกั กำรและเหตุผล สถาบนั อุดมศกึ ษานบั เป็นหน่วยผลติ และเป็นแหล่งรวมทรัพยากรท่ีมีค่าและสาคญัยง่ิ ของประเทศ จาเป็ นจะตอ้ งเตรียมการและพร้อมรับสู่การเปล่ียนแปลงไดต้ ลอดเวลา ผบู้ ริหารสถาบนั อุดมศกึ ษาต่างตอ้ งเผชิญกบั ความทา้ ทายของแนวคิดท่ีว่าดว้ ยการจดั การภาครัฐแนวใหม่ที่จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การปฏิบัติงานของตนไปเป็ นผูป้ ระกอบการใหม่ (TheEntrepreneurs of a New) มีค่านิยมการทางานใกลเ้ คียงกับภาคธุรกิจให้มากยิ่งข้ึน (Europeanuniversity association, 2007) ภายใตแ้ นวความคิดดงั กลา่ ว นิสิต นกั ศึกษา หรือผเู้ รียนจะตอ้ งไดร้ ับการปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ลกู คา้ หรือผรู้ ับบริการ ดว้ ยเหตุน้ีสถาบนั อุดมศึกษาจึงตอ้ งมีการดาเนินการประกนั คุณภาพ (Quality Assurance) และกระบวนการวดั ผลการดาเนินงานท่ีสาธารณชนสามารถตรวจสอบได้ (Accountability) ท้งั น้ีเพ่ือเป็ นหลกั ประกนั ว่าสามารถสนองตอบต่อความคาดหวงัและความตอ้ งการของลกู คา้ หรือผรู้ ับบริการไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง การท่ีสถาบนั อดุ มศึกษาตอ้ งตอบสนองความคาดหวงั และความตอ้ งการขา้ งตน้ จึงมกี ารนาเสนอการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายและมีความยดื หยนุ่ สูงตามความตอ้ งการของผเู้ รียนและตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเป็ นในรูปของการศึกษาทางไกล (Distance Learning) หลกั สูตรการศึกษาแบบออนไลน์ท่ีผสู้ อนมีปฏิสัมพนั ธ์กบั ผเู้ รียน (Online Delivery of Standard Courses inFace-to-Face Programs) หลกั สูตรนอกเวลา การเปิ ดหลกั สูตรที่ไม่นบั หน่วยกิตในลกั ษณะของการอบรมระยะส้ัน และการจดั สมั มนา แมก้ ระทง่ั มหาวทิ ยาลยั เก่าแก่หลายแห่งยงั มีการเปิ ดหลกั สูตรการศึกษาใหมๆ่ หลายสาขาวิชา (Lemaitre, 2009) ปรากฏการณ์เหลา่ น้ีทาใหต้ อ้ งมกี ารคานึงถึงเรื่องของมาตรฐานการศกึ ษา ท้งั น้ีเพ่ือใหม้ น่ั ใจไดว้ ่าผทู้ ่ีสาเร็จการศึกษาจะมีคุณภาพอยา่ งแทจ้ ริง คุณภาพการศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษาจึงเป็นสิ่งที่ผเู้ กี่ยวขอ้ งทุกฝ่ ายใหค้ วามสนใจ (Dew, 2009) สถาบนั อุดมศึกษาในประเทศไทยไดร้ ับอิทธิพลจากกระแสดงั กล่าวเช่นกนั โดยเร่ิมต้นจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.2540 และพระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2545 ซ่ึงรายละเอียดในหมวด 5 ว่าดว้ ยการบริหารและการจดั การศึกษา มาตรา 31 ไดก้ าหนดให้กระทรวงศึกษาธิการมี อานาจหน้าที่เก่ียวกบั การส่งเสริมและกากบั ดูแลการศึกษาทุกระดบั และทุกประเภท กาหนดนโยบาย แผนและมาตรฐานการศึกษา โดยมาตรา 34 ไดก้ าหนดให้คณะกรรมการการอุดมศึกษา มีหน้าที่พิจารณาเสนอมาตรฐานการอุดมศึกษาท่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม 1

แห่งชาติ และสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ โดยคานึงถงึ ความเป็นอสิ ระและความเป็ นเลศิ ทางวิชาการของสถาบนั อดุ มศึกษาไปพร้อม ๆ กนั ซ่ึงเป้ าหมายที่สาคญั ของการจดั ทามาตรฐานการอุดมศึกษาคือ เพ่ือใหเ้ ป็ นแนวทางในการส่งเสริม กากบั ดูแล ตรวจสอบประเมิน และประกนัคุณภาพการพฒั นาสถาบนั อุดมศกึ ษา ใหเ้ ป็นแนวทางในการวิจยั เพ่ือตรวจสอบความเปล่ียนแปลงสาหรับเป็ นแนวทางในการพฒั นาแนวคิดในการจัดการศึกษาระดบั อุดมศึกษา อีกท้งั ความมีคุณภาพและประสิทธิภาพของสถาบนั อุดมศกึ ษา (สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน), 2547) อกี ท้งั หมวด 6 มาตรฐานและการประกนั คุณภาพการศกึ ษา ไดร้ ะบุสาระสาคญั ในมาตรา 47 ใหม้ ีระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดบัประกอบด้วย ระบบประกันคุณภาพภายใน และระบบประกันคุณภาพภายนอก มาตรา 48กาหนดใหห้ น่วยงานตน้ สงั กดั และสถานศึกษาจดั ใหม้ รี ะบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็ นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริ หารการศึกษาท่ีต้องดาเนินการอย่างต่อเน่ือง โดยมกี ารจดั ทารายงานประจาปี เสนอต่อหน่วยงานตน้ สังกดั หน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งและเปิ ดเผยต่อสาธารณชน เพือ่ นาไปสู่การพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพ่ือรองรับการประเมินคุณภาพภายนอก และมาตรา 49 กาหนดใหม้ ีสานักงานรองรับมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาทาหน้าที่พฒั นาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทาการประเมินผลการศึกษาเพ่ือใหม้ ีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคานึงถึงความมุ่งหมายและหลกั การรวมท้งั แนวทางการจดั การศึกษาตามท่ีกาหนดในกฎหมาย และให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาอย่างน้อยหน่ึงคร้ังในทุกห้าปี (สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน), 2547) สาระสาคญั ของพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติไดก้ าหนดให้การจดั การศึกษาทุกระดบัทุกประเภทมีระบบการประกนั คุณภาพการศึกษา ซ่ึงประกอบดว้ ยระบบการประกนั คุณภาพภายในและระบบการประกนั คุณภาพภายนอก เป็ นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหารจัดการศึกษาสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) จดั ต้งั ข้ึนตามพระราชกฤษฎีกาจดั ต้งั สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2543 ทาหน้าท่ีประเมินคุณภาพการศึกษา ประเมินผลการจดั การศึกษาตามมาตรฐานการศึกษา ตวั บ่งช้ี เกณฑแ์ ละวิธีการที่กาหนด เพื่อกระตุน้ ใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพ โดยเน้นการประเมิน “ผล” คือ ประเมินผลผลิต (Output) และผลลพั ธ์ (Outcome) ส่วนการประเมินคุณภาพภายในที่ดาเนินการโดยสถาบันอุดมศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดจะเน้นการประเมิน การตรวจสอบคุณภาพและ 2

มาตรฐานดา้ นปัจจยั นาเข้า (Input) และกระบวนการ (Process) ซ่ึงเป็ นการเน้นประเมิน “เหตุ”(สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน), 2550) หลกั การสาคญั ของการประเมินคุณภาพภายนอก คือกำรได้สำรสนเทศสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในกำรพฒั นำคณุ ค่ำของสิ่งที่มุ่งประเมนิ ซ่ึงการนาสารสนเทศจากการประเมนิ ไปใชป้ ระโยชน์มีได้หลายรูปแบบ ดังเช่น ทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจในสิ่งท่ีประเมิน นาไปใช้สนบั สนุนยนื ยนั การตดั สินใจ การนาไปใชใ้ นเชิงปฏิบตั ิการ ปัจจยั สาคญั ท่ีช่วยเสริมการนาผลไปใช้คือ การประเมินที่สามารถสนองตอบความตอ้ งการใชส้ ารสนเทศของผเู้ กี่ยวขอ้ ง (ศิริชยั กาญจน-วาสี, 2550) ในกระบวนการประเมินคุณภาพภายนอกระดบั อุดมศึกษาของสมศ.ประกอบดว้ ย 3ข้นั ตอนหลกั ไดแ้ ก่ ข้นั ตอนก่อนการตรวจเยี่ยม ข้นั ตอนระหว่างการตรวจเยี่ยม และข้นั ตอนหลงัการประเมิน ซ่ึงข้นั ตอนหลงั การตรวจเย่ยี มน้ีจะเน้นไปที่การตอบโจทยก์ ารประเมินและสนองความตอ้ งการใชผ้ ลประเมินเพื่อใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง (สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน), 2550) ดังน้ัน การนาผลการประเมินไปใชป้ ระโยชน์ถอื เป็ นจุดม่งุ หมำยทแี่ ท้จริงของกำรประเมนิ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้พฒั นาระบบและกลไกการประกันคุณภาพครอบคลุมท้ังระบบการประกนั คุณภาพภายในและภายนอก มีการประกาศนโยบายคุณภาพและนโยบายการประกนั คุณภาพ ในปี พ.ศ.2544 (วลั ลภา คชภกั ดี, สินีนาฏ บุญช่วย และสาลินี เพชรฤทธ์ิ, 2544) และรับการประเมินคุณภาพภายนอกจากคณะกรรมการที่แต่งต้งั โดยสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ในปี 2545 ตามกรอบแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกระดบั อดุ มศึกษาของ สมศ. (2545) ซ่ึงผลการประเมนิ มหาวิทยาลยั รับรองในระดบั ดี-ดีมาก (สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน),2545) เมอ่ื มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ผา่ นการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบแรกครบระยะห้าปี ตามท่ีพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กาหนด จึงไดพ้ ฒั นาระบบและกลไกการประกนั คุณภาพการศึกษาไดแ้ ก่ การพฒั นามาตรฐานและตวั บ่งช้ีคุณภาพเพ่ือสะทอ้ นคุณภาพของตวั ป้ อน (Input) กระบวนการ (Process) และผลผลิต/ผลลพั ธ์ (Output/Outcome) การพฒั นาระบบการเทียบเคียงสมรรถนะภายใน (Internal Benchmarking) โดยบูรณาการการจดั การความรู้กบัระบบประกันคุณภาพ มีเป้ าหมายเพ่ือรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง จากคณะกรรมการที่แต่งต้ังโดยสมศ. ในปี 2549 ซ่ึงผลการประเมินคุณภาพภาพรอบสองน้ีมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ผ่านการรับรองคุณภาพระดบั ดีมากดว้ ยคะแนน 4.65 จากคะแนนเต็ม5 ส่วนกลุ่มสาขาวชิ าก็ไดร้ ับการรับรองครบท้งั 9 กลุ่มสาขาวิชา (สานักงานรับรองมาตรฐานและ 3

ประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน), 2550) ในการประเมินคร้ังน้ีคณะกรรมการได้เสนอแนะแนวทางปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาต่อมหาวทิ ยาลยั และกลุ่มสาขาวชิ าดว้ ย ในปี 2554-2558 สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษากาหนดประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามของสถานศึกษาทุกระดบั ผวู้ ิจยั จึงมีความสนใจว่าจากผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองท่ีผา่ นมาเป็นระยะเวลา 5 ปี น้นั มหาวทิ ยาลยั ไดน้ าผลการประเมินไปใชป้ ระโยชน์ต่อการพฒั นามหาวิทยาลยั อย่างไรบา้ ง และมากน้อยเพียงใด เพื่อนาไปสู่การกาหนดกลวิธีท่ีจะส่งเสริม สนบั สนุนการใชป้ ระโยชน์จากผลการประเมินของการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามต่อไปคำถำมกำรวจิ ยั 1) มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์และหน่วยงานมกี ระบวนการ ข้นั ตอนนาผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งไรบา้ ง 2) มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์และหน่วยงานมรี ูปแบบการนาผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งไรบา้ ง และดว้ ยเหตุผลใดวตั ถุประสงค์ของกำรวจิ ยั 1) เพื่อศึกษาวิธกี าร และข้นั ตอนท่ีผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์นาผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ 2) เพื่อศกึ ษารูปแบบการนาผลการประเมินคณุ ภาพภายนอกรอบสองไปใช้ประโยชน์ท่ีแตกต่างกนัควำมสำคญั และประโยชน์ของกำรวจิ ยั 1) ไดร้ ับทราบวธิ ีการ ข้นั ตอน และกลยทุ ธก์ ารนาผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ 2) ไดร้ ับทราบถึงรูปแบบของการนาผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ที่แตกต่างกนั 3) เพอ่ื ใหข้ อ้ เสนอแนะต่อการนาผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกในใชป้ ระโยชน์ในปี ต่อ ๆ ไป 4

ขอบเขตกำรวจิ ยั 1) ขอบเขตดา้ นการวิเคราะห์ หน่วยการวิเคราะห์ (Unit of Analysis) ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกบั การนาผลประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ 2) ดา้ นเน้ือหา การศกึ ษาคร้ังน้ีเป็นการศกึ ษาการนาผลการนาผลประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองไปใชป้ ระโยชน์ของผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ เพื่อยนื ยนั ตามเจตนารมณ์ของสมศ.ท่ีตอ้ งการใหใ้ ชผ้ ลประเมินเพื่อใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานอย่างต่อเน่ือง (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน), 2550)ข้อจำกดั ในกำรวจิ ยั 1) เน่ืองด้วยการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองเป็ นการประเมินระดับมหาวิทยาลยั และกลุม่ สาขาวิชา ดงั น้นั ขอ้ เสนอแนะที่ไดจ้ ากการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองจึงเป็นการพฒั นาระดบั กลุ่มสาขาวชิ า แต่ในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามเป็นการประเมินระดับมหาวิทยาลัยและคณะ จึงส่งผลให้ข้อเสนอแนะในระดับกลุ่มสาขาไม่ได้นาไปใช้ประกอบการสมั ภาษณ์และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ประกอบ 2) การวิจยั คร้ังน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็ นการเตรียมความพร้อมรับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามซ่ึงมีข้ึนในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 การรวบรวมข้อมูลประกอบการวิจัยจึงดาเนินการในหลากหลายรูปแบบท้งั โดยการสมั ภาษณ์ผบู้ ริหารโดยตรง การสมั ภาษณ์ทางโทรศพั ท์ส่วนในกรณี ที่ผูบ้ ริหารไม่สามารถจัดสรรเวลาให้ผวู้ ิจัยเข้าพบได้ ผวู้ ิจัยแก้ไขปัญหาโดยการสมั ภาษณ์ผรู้ ับผดิ ชอบงานประกนั คุณภาพของคณะน้ัน ๆ แทน เนื่องจากรับรู้และมีส่วนร่วมในกระบวนการนาผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใชป้ ระโยชน์เช่นเดียวกบั ผบู้ ริหาร 5

บทที่ 2 เอกสารงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง เอกสารงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งในการศึกษาคร้ังน้ีมาจากหนงั สือ บทความทางวิชาการและผลการวจิ ยั ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ โดยผวู้ ิจยั ทาการทบทวนวรรณกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบัการนาผลการประเมินคุณภาพไปใชป้ ระโยชน์ ซ่ึงสามารถนามาจดั หมวดหม่เู พอ่ื ประกอบการศึกษาดงั ต่อไปน้ี 1. กรอบแนวคิดทฤษฎีท่ีใชใ้ นการศกึ ษา : ทฤษฎีการนาผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ (Theory of Evaluation Utilization) 2. รูปแบบการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองของ สมศ. 3. ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสองของมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ 4. งานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ในแต่ละหวั ขอ้ ผวู้ ิจยั ขอนาเสนอรายละเอยี ด ดงั น้ี1. กรอบแนวคดิ ทฤษฎที ใี่ ช้ในการศกึ ษา : ทฤษฎกี ารนาผลการประเมนิ ไปใช้ประโยชน์ (Theory ofEvaluation Utilization) การนาผลการประเมินไปใชป้ ระโยชน์เป็นเรื่องท่ีไดร้ ับความสนใจอยา่ งจริงจงั กวา่ สี่สิบปี ที่ผา่ นมา (Asian development bank, 2008:1-4) โดยเป็ นผลสืบเน่ืองมาจากเป้ าหมายของการประเมินคือการไดส้ ารสนเทศสาหรับนาไปใชป้ ระโยชน์ในการพฒั นาคุณค่าของสิ่งที่มุ่งประเมนิ เป็นสาคญัการพฒั นาองคค์ วามรู้เก่ียวกบั รูปแบบการใชผ้ ลการประเมิน ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการนาผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ และผลกระทบจากการใช้ผลการประเมินปรากฏดังน้ี (ศิริชัย กาญจนวาสี,2550:151-170) 1) รูปแบบการใช้ผลการประเมนิ การนาผลการประเมนิ ไปใชม้ หี ลายรูปแบบคือ 1.1) การใชใ้ นเชิงความคิด (Conceptual Use) หมายถึง ผลการประเมินให้ข้อมูลข่าวสาร ให้แสงสว่างทางปัญญาที่มีอิทธิพลต่อความคิดของผบู้ ริหารหรือผเู้ กี่ยวข้อง แต่ไม่ได้นาไปสู่การตดั สินใจโดยตรงต่อแผนงาน/โครงการ/งาน เช่น ผบู้ ริหารไดป้ ระโยชน์จากการประเมินทาให้รู้ขอ้ มลู การปฏิบตั ิงาน รู้สภาพปัญหาดีข้ึน ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจในสิ่งท่ีประเมิน ซ่ึงสามารถสะสมสาหรับนาไปใชใ้ นการตดั สินใจเชิงนโยบายท่ีเกี่ยวขอ้ ง เป็นตน้ ผลการประเมนิ จึงสามารถทา 6

ให้เกิดผลในเชิงความคิด สร้างความคิดใหม่ เมื่อสะสมมากๆ เข้า อาจนาไปสู่ผลในเชิงปฏิบัติ(Instrumental Impact) เก่ียวกับแผนงาน/โครงการ/งาน อนั อาจนาไปสู่การเปล่ียนแปลงนโยบายการจดั ลาดบั ความสาคญั ใหม่ การประเมนิ โครงการทางสงั คมสามารถช่วยผบู้ ริหารหรือผเู้ กี่ยวขอ้ งเขา้ ใจปรากฏการณ์ทางสงั คมดีข้ึน การใชส้ ารสนเทศจากการประเมินในลกั ษณะน้ี ทาใหเ้ กิดความกระจ่าง ความเขา้ ใจและการเรียนรู้ 1.2) การใช้ในเชิงปฏิบัติการ (Instrumental Use) หมายความถึงการใชอ้ ย่างเป็ นรูปธรรมที่สามารถสงั เกตได้ ซ่ึงเป็ นปฏกิ ิริยาท่ีเกิดข้ึนโดยตรงทนั ทีที่ทราบผลการประเมนิ การใช้ในลกั ษณะน้ีเรียกว่าการใชผ้ ลการประเมินในเชิงปฏิบตั ิ สารสนเทศจากการประเมินเสมือนเป็ นเคร่ืองมือการเปลย่ี นแปลง ซ่ึงมีผลโดยตรงต่อการตดั สินใจของผบู้ ริหารเก่ียวกบั แผนงาน/โครงการ/งานที่จะทาต่อไป เช่น ผลการประเมินทาให้เกิดการตดั สินใจ เปลี่ยนแปลงนโยบาย ปรับเปลี่ยนวธิ ีการดาเนินงาน ยุติ/ยกเลิกโครงการ พฒั นาโครงการข้ึนมาใหม่ตามขอ้ เสนอแนะ เป็ นตน้ การใช้ในเชิงปฏบิ ตั ิการสามารถเกิดข้ึนไดส้ ามรูปแบบยอ่ ย ดงั น้ี 1.2.1) การใชใ้ นเชิงตรวจสอบยนื ยนั (Legitimate Use) เป็ นการใชผ้ ลการ ประเมินเพ่ือเป็นเหตุผลสนบั สนุน หรือยนื ยนั แนวทางการตดั สินใจท่ีไดก้ ระทาไว้ ก่อนหนา้ ผลการประเมินที่ไดเ้ ป็นการสืบคน้ เพ่อื นาผลมาใชย้ นื ยนั ผลการตดั สินใจ ของผบู้ ริหารหรือผวู้ างนโยบาย 1.2.2) การใชใ้ นเชิงสญั ลกั ษณ์ (Symbolic Use) เป็นการใชผ้ ลการประเมิน เป็ นเครื่องช่วยในการติดตามกากบั หรือควบคุมการประเมิน เพ่ือแสดงว่าการ ประเมินไดด้ าเนินไปตามแนวทางและระเบียบข้นั ตอนท่ีเหมาะสม การใชล้ กั ษณะ น้ีจึงไม่ไดส้ นใจการนาผลไปใชป้ ฏิบตั ิโดยตรง เป็ นการใชใ้ นการควบคุมคุณภาพ ของการประเมิน จึงอาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการดาเนินแผนงาน/ โครงการ/งาน เช่น การใชส้ ารสนเทศของการประเมินโครงการโดยผตู้ รวจสอบ หรือคณะกรรมการกากบั การประเมิน เป็นตน้ 1.2.3) การใชใ้ นเชิงปฏิบตั ิ (Instrumental Use) การใชผ้ ลการประเมนิ เป็ น เคร่ืองมอื ช่วยในการลงมือปฏิบตั ิดาเนินงานซ่ึงเป็ นไปไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น เป็ น เคร่ืองมือช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการพฒั นาหรือปรับแผนงาน ออกแบบ โครงการ ปรับเปล่ียนวธิ ีดาเนินงาน ปฏิบตั ิการแกไ้ ขปัญหา ยุติ/ปรับเปลี่ยน/ขยาย โครงการ เป็ นตน้ การใช้ในลกั ษณะน้ีจึงอาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง 7

ปรัชญา วิสัยทศั น์องค์การ โครงสร้างองค์การ หลกั การ/ทฤษฎีของโครงการ ทรัพยากร การดาเนินงานและอนาคตของแผนงาน/โครงการ/งาน 2) ปัจจัยทสี่ ่งผลต่อการใช้ผลการประเมนิ (Factors Affecting Utilization) มปี ัจจยั หลายอย่างท่ีส่งผลต่อการนาผลการประเมินไปใชป้ ระโยชน์ โดยสามารถจดั กลมุ่ ปัจจยั ที่มีผลต่อการใช้ผลประเมนิ ออกเป็นสองกลมุ่ ดงั น้ี 2.1) ลกั ษณะของการประเมิน (Characteristic of the Evaluation) 2.1.1) กระบวนการประเมิน (1) ประเมินได้ตรงประเด็น (Relevance) มีการกาหนดคาถาม หรือประเด็นสาคญั ของการประเมินได้สอดคลอ้ งกับความต้องการใช้ สารสนเทศของผูม้ ีอานาจในการตัดสินใจ จะช่วยให้ผูบ้ ริ หารหรื อ ผเู้ กี่ยวขอ้ งสนใจติดตามการประเมิน และช่วยเพ่ิมโอกาสของการนาผล การประเมินไปใช้ (2) วธิ ีการประเมินมคี ุณภาพ (Quality) เลอื กใชว้ ิธีการประเมนิ ที่ เหมาะสม มีการควบคุมคุณภาพของการเก็บรวบรวมข้อมูลและการ วเิ คราะห์ ย่อมมผี ลต่อความน่าเช่ือถอื ของการประเมนิ อนั จะส่งผลต่อการ นาผลการประเมนิ ไปใช้ 2.1.2) ผลการประเมิน (1) ข้อค้น พ บ สน องค วาม ต้องก าร (Responsiveness) ใน กระบวนการตดั สินใจของผบู้ ริหาร ผลการประเมินเป็ นปัจจยั นาเขา้ อยา่ ง หน่ึงที่ตอ้ งนาไปพิจารณาร่วมกบั ปัจจยั อ่ืนๆ ถา้ ผลการประเมินสนองความ ตอ้ งการใชส้ ารสนเทศของผบู้ ริหารไดด้ ี จะช่วยเพ่มิ โอกาสของการใชผ้ ล การประเมินสาหรับการตดั สินใจเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงหรือพฒั นา (2) ข้อค้นพ บ มีความ ถูกต้อง (Accuracy) ข้อค้น พ บและ ข้อเสนอแนะสาหรับผูบ้ ริ หารจะต้องมีคุณภาพในด้านความถูกต้อง เท่ียงตรง เท่ียงธรรม ทนั เวลา (Timely) ปัจจยั เหล่าน้ีมผี ลโดยตรงทางบวก ต่อการนาผลการประเมินไปใช้ (3) เทคนิคการเผยแพร่ ควรมกี ารระบุผมู้ ีอานาจในการตดั สินใจ และผอู้ ยใู่ นข่ายการใชผ้ ลการประเมิน เพ่อื กาหนดปริมาณและความถ่ขี อง การส่ือสารระหว่างนักประเมินกบั ผเู้ กี่ยวข้อง วิธีการเผยแพร่ที่สามารถ 8

สร้างความสนใจในข้อคน้ พบมีส่วนช่วยส่งเสริมการใชส้ ารสนเทศจาก การประเมินท้งั ระหวา่ งการประเมนิ และหลงั สิ้นสุดการประเมิน 2.1.3) คุณลกั ษณะของผปู้ ระเมิน (1) ความน่าเชื่อถือ (Credibility) ถา้ ผปู้ ระเมินมีคุณลกั ษณะที่ น่าเชื่อถือ อนั ประกอบดว้ ย มีความเช่ียวชาญทางการประเมิน สามารถ ปรับเปลีย่ นวิธีการประเมินให้สนองตอบความตอ้ งการของผเู้ ก่ียวขอ้ ง มี ใจเป็ นธรรม ไม่อคติ คุณลกั ษณะเหล่าน้ีจะช่วยส่งเสริมการใช้ผลการ ประเมนิ (2) ทักษะการส่ื อสาร (Communication Skills) นักประเมิน จาเป็ นตอ้ งมีทกั ษะการส่ือสารท่ีดี สามารถเจรจาประสานงาน มีมนุษย สัมพนั ธ์เชิงวิชาชีพในระดบั ท่ีเหมาะสมกบั ผเู้ กี่ยวขอ้ งทุกฝ่ าย ย่อมมีผล ทางบวกต่อการใชผ้ ลการประเมนิ ของผเู้ กี่ยวขอ้ ง2.2) ลกั ษณะบริบทขององคก์ าร (Characteristic of Organizational Context) 2.2.1) บรรยากาศทางการเมืองขององคก์ าร (Political Climate) สภาพทาง การเมืองขององค์การมีผลต่อการใชส้ ารสนเทศจากการประเมิน ผลการ ประเมินมีแนวโน้มสูงท่ีจะถูกนาไปใชท้ ้ังในระดบั บุคคล องค์การหรือ ระดบั ท่ีสูงข้ึนไป ถา้ ผลการประเมินน้ันสอดคลอ้ งกับปรัชญา แนวทาง นโยบายท่ีกาหนดไว้ 2.2.2) บรรยากาศทางเศรษฐกิจขององค์การ (Financial Climate) สภาพ ทางเศรษฐกิจขององคก์ ารมีส่วนสาคญั ต่อการเลอื กใชส้ ารสนเทศจากการ ประเมินโดย เฉพาะอย่างย่ิง แผนงาน/โครงการที่ไดร้ ับการสนับสนุน ค่าใช้จ่ายจากองค์การ สารสนเทศดา้ นการทบทวนหรือปรับปรุงตาม ขอ้ เสนอแนะของการประเมินที่มคี ่าใชจ้ ่ายไม่สูงมากนกั ที่องคก์ ารสามารถ รองรับได้ การนาผลไปใชย้ อ่ มมคี วามเป็นไปไดส้ ูง 2.2.3) ลกั ษณะการตดั สินใจ (Type of Decision) การตดั สินใจอาจจาแนก เป็ นสองประเภท ได้แก่ การตดั สินใจแบบสืบยอ้ นอดีต (Retrospective Decisions) สาหรับการตรวจสอบยนื ยนั หรือแสดงความรับผดิ ชอบต่อการ ดาเนินงานและผลการดาเนินงาน (Accountability) กบั การตดั สินใจแบบ รุกไปในอนาคต (Prospective Decisions) สาหรับการพฒั นาสร้างสรรค์ 9

แผนงาน/โครงการใหม่ที่จะเกิดข้ึน การระบุถงึ ประเภทของตดั สินใจของ ผบู้ ริหารองคก์ ารในข้นั การวางแผนการประเมิน ถือเป็ นกลยทุ ธห์ น่ึงที่ น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสของการใชผ้ ลการประเมนิ 2.2.4) ความต้องการใช้สารสนเทศ (Information Needs) องค์การหรื อ บุคคลใดมีความต้องการแสวงหาสารสนเทศหรือความรู้ใหม่ ๆ อยู่ ตลอดเวลา เพื่อใชใ้ นการแกป้ ัญหา หรือตดั สินใจองคก์ าร หรือบุคคลน้ัน ยอ่ มมแี นวโนม้ ท่ีจะใชส้ ารสนเทศจากแหล่งต่าง ๆ รวมท้งั สารสนเทศจาก การประเมินมาใชเ้ ป็นกลไกสาคญั อยา่ งหน่ึง สาหรับการปรับเปลีย่ น หรือ พฒั นาโครงการ/แผนงาน หน่วยงานและองคก์ าร 2.2.5) สารสนเทศที่เป็ นคู่แข่ง (Competing Information) ในการแก้ไข ปัญหา หรือตัดสินใจองค์การ หรือบุคคลน้ันย่อมมีแนวโน้มท่ีจะใช้ สารสนเทศจากการประเมินมาใชเ้ ป็ นกลไกสาคญั แต่อยา่ งไรก็ตาม ยงั มี สารสนเทศที่เป็นค่แู ข่งจากแหล่งต่างๆ อีกมากมายท่ีน่าเชื่อถือซ่ึงมผี ลเป็ น อยา่ งมากต่อการใชส้ ารสนเทศจากการประเมิน 2.2.6) ทศั นคติต่อการประเมิน (Attitude) ถา้ ผเู้ ก่ียวขอ้ งมีทศั นคติทางบวก ต่อการประเมิน มีภาวะผนู้ า มีความมุ่งมนั่ ต่อการประเมิน ยอ่ มส่งผลต่อ การนาผลการประเมนิ ไปใชป้ ระโยชน์ 2.2.7) ความผูกพันกับการประเมิน (Commitment) ถ้าผูเ้ กี่ยวข้องหรื อ ลกู คา้ หลกั ของการประเมินมีทศั นคติท่ีดี มีส่วนร่วมวางแผน ร่วมทาและ ร่วมรับผดิ ชอบในการประเมินจะช่วยสร้างความผกู พนั กบั การประเมิน สามารถนาไปสู่ผลการประเมินไดใ้ นที่สุด2. รูปแบบการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองของ สมศ. 1) การประเมนิ คุณภาพการศึกษาระดบั อดุ มศึกษาตามพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพม่ิ เตมิ 2545 สมศ.มีหนา้ ที่ ดงั น้ี 1.1) พฒั นาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก กาหนดกรอบแนวทาง และ วิธีการประเมนิ คุณภาพภายนอกท่ีมปี ระสิทธิภาพ และสอดคลอ้ งกบั ระบบ การประกนั คุณภาพของสถานศกึ ษาและหน่วยงานตน้ สงั กดั 1.2) พฒั นามาตรฐานและเกณฑส์ าหรับการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา 10

1.3) ใหก้ ารรับรองผปู้ ระเมนิ ภายนอก 1.4) กากบั ดูแลและกาหนดมาตรฐานการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกที่ดาเนินการ โดยผปู้ ระเมินภายนอก รวมท้งั ใหก้ ารรับรองมาตรฐาน ท้งั น้ี ในกรณี จาเป็นหรือเพือ่ ประโยชนใ์ นการศกึ ษาวจิ ยั เพอื่ พฒั นาระบบการประเมนิ คุณภาพภายนอก สานกั งานฯอาจดาเนินการประเมินคุณภาพภายนอกเองก็ ได้ 1.5) พฒั นาและฝึกอบรมผปู้ ระเมนิ ภายนอก จดั ทาหลกั สูตรการฝึกอบรม และ สนบั สนุนใหอ้ งคก์ รเอกชน องคก์ รวิชาชีพหรือวิชาการ เขา้ มามีส่วนร่วม ในการฝึกอบรมผปู้ ระเมนิ ภายนอกอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 1.6) เสนอรายงานการประเมนิ คุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาประจาปี ต่อ คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศกึ ษาธิการ และ สานกั งบประมาณ เพอ่ื ประกอบการพิจารณาในการกาหนดนโยบาย ทางการศึกษา และการจดั สรรงบประมาณเพือ่ การศึกษา รวมท้งั เผยแพร่ รายงานดงั กลา่ วต่อหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งและสาธารณชน กล่าวโดยสรุป สมศ. ทาหนา้ ท่ีในการประเมินคุณภาพการศึกษา ประเมนิ ผลการจดัการศึกษา ตามมาตรฐานการศกึ ษา ตวั บ่งช้ี เกณฑแ์ ละวิธีการที่กาหนด เพ่อื กระตนุ้ ใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา 2) แนวทางการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกรอบสอง สมศ.ไดจ้ ดั การประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรก ระหว่างปี พ.ศ.2544-2548 ซ่ึงสมศ.ไดป้ ระเมนิ บทเรียนเพ่ือใชว้ างแผนพฒั นาระบบการประเมนิ รอบท่ีสอง อนั ไดแ้ ก่ การประเมินรอบที่สองจะมีการประเมินท่ีมีความละเอียดและลุ่มลึกมากกว่าในรอบแรก กล่าวคือเป็ นการประเมนิ ถึงในระดบั กลุ่มสาขาวิชา จึงจาเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ีจะตอ้ งใชผ้ ปู้ ระเมินท่ีมีความเช่ียวชาญเฉพาะในระดบั สาขาวิชาท่ีไดร้ ับการประเมิน ท้งั มีจานวนที่เหมาะสมเพียงพอต่อการดาเนินการประเมินซ่ึงประเด็นเหล่าน้ีลว้ นเป็ นประเด็นที่เกิดจากประสบการณ์และบทเรียนจากสถาบนั การศึกษาท่ีไดร้ ับการประเมินในรอบแรกที่ตอ้ งการให้ใชผ้ ปู้ ระเมินท่ีมีความเช่ียวชาญในการตรวจประเมินอยา่ งแทจ้ ริง และเป็นผตู้ รวจประเมนิ ที่มมี าตรฐานในการตรวจประเมินที่เป็นไปในทิศทางเดียวกนั การประเมินในรอบสองน้ี สมศ. ยงั ดารงเจตจานงตามหลกั การของการประเมินแบบกลั ยาณมิตร ท่ียดึ มน่ั หลกั การ “มิตรแท้ย่อมบอกในสิ่งท่ีเป็ นจริง โดยไม่ลืมทจี่ ะให้กำลังใจเพ่ือ 11

กำรพฒั นำอย่ำงถูกทิศทำง ” มีพฒั นาการเพ่ิมข้ึน คือ การประเมินในรอบสองน้ีเป็นการประเมินที่มีความเป็นปรนยั สูง มีความชดั เจนของมาตรฐาน ตวั บ่งช้ี และท่ีสาคญั คือมีเกณฑ์สาหรับตดั สินผลการประเมิน ซ่ึงเป็ นเกณฑ์ที่ผนั แปรไปตามแต่ละกลุ่มสถาบนั โดยหลกั การพ้ืนฐานที่ว่ามุ่งให้สถาบันได้มีการพัฒนาจนเป็ นเลิศตามอตั ลกั ษณ์ของสถาบัน ท้ังน้ี สมศ. ได้เปิ ดโอกาสให้สถาบนั อุดมศึกษาไดป้ ระกาศจุดเน้นตามพนั ธกิจของสถาบนั โดยการกระจายน้าหนกั ความสาคญัลงในแต่ละพนั ธกิจ โดยเป็นการตดั สินใจที่ตอ้ งผา่ นการเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลยั /สถาบนั ดว้ ยซ่ึงเกณฑ์ท่ีใช้ในการตดั สินน้ัน เป็ นเกณฑ์ที่เหมาะสมและยืดหยุ่น กล่าวคือ การตัดสินผลการประเมินยึดหลกั เกณฑ์ท่ีสาคญั 3 เกณฑ์ คือเกณฑม์ าตรฐาน เกณฑพ์ ฒั นาการ และเกณฑ์การบรรลุความสาเร็จตามเป้ าหมายของการปฏบิ ตั ิราชการตามแผน ในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง สมศ.ไดแ้ บ่งสถาบนั เป็น 4 กลมุ่ ดงั น้ี 1. กลุ่มสถาบันเน้นการผลติ บัณฑติ และวจิ ัย เป็ นกลุม่ สถาบนั ที่ปฏบิ ตั ิพนั ธกิจของสถาบนั อุดมศึกษา โดยเนน้ ดา้ นการผลิตบณั ฑิตระดบั บณั ฑิตศึกษา และวิจยั สร้างความรู้ใหม่เพ่ือความเป็นเลศิ ทางวชิ าการในทุกภารกิจ และ เผยแพร่ความรู้ไปสู่ผใู้ ชท้ ้งั ระดบั ชาติและนานาชาติโดยมุง่ สู่ความทนั สมยั และสามารถแข่งขนั ไดใ้ นระดบั สากล 2. กล่มุ สถาบนั เน้นการผลติ บณั ฑติ และพฒั นาสังคม เป็นกลมุ่ สถาบนั อดุ มศกึ ษาที่ไดป้ ฏิบตั ิ พนั ธกิจของสถาบนั อุดมศกึ ษาโดยการผลิตบณั ฑิตระดบั ปริญญาตรีเป็ นส่วนใหญ่ ผลิตบัณฑิตระดบั สูงในบางสาขาวิชาและเน้นการพฒั นาสังคม โดยการประยุกต์ความรู้เพื่อบริการวิชาการ/วิชาชีพแก่สงั คม 3. กลุ่มสถาบันที่เน้นการผลติ บัณฑิตและพัฒนาศิลปะและวฒั นธรรม เป็ นกลุ่มสถาบนั ที่ไดป้ ฏบิ ตั ิพนั ธกิจของสถาบนั อุดมศกึ ษา โดยม่งุ เน้นผลติ บณั ฑิตระดบั ปริญญาตรีเป็นส่วนใหญ่ ผลิตบณั ฑิตระดบั สูงในบางสาขาวิชา โดยการประยกุ ตค์ วามรู้ เพื่อสร้างและพฒั นามาตรฐานศลิ ปะและวฒั นธรรม รวมท้งั การเผยแพร่องคค์ วามรู้ ภูมิปัญญาไทยสู่สากล 4. กลุ่มสถาบันเน้นการผลิตบัณฑิต เป็ นกลุ่มสถาบันที่เน้นการสอนในระดับปริญญาตรี ประยกุ ตค์ วามรู้เพื่อใชใ้ นการผลติ บณั ฑิต เป็นกลมุ่ สถาบนั อดุ มศึกษาท่ีเนน้ การผลิตและพฒั นาคนในดา้ นวชิ าการ และวชิ าชีพต่าง ๆ ท้งั น้ีในแต่ละสถาบนั จะมีการประเมินเป็นกล่มุ สาขาวิชา โดยใชแ้ นวทางการแบ่งกลุ่มตามแบบของระบบการรับเขา้ ศกึ ษาต่อใน ระดบั อดุ มศกึ ษา มี 10 กลมุ่ สาขาวิชา ไดแ้ ก่ 12

1. กลุม่ สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ ไดแ้ ก่ คณะแพทยศาสตร์ ทนั ตแพทยศาสตร์เทคนิคการแพทย์ เภสชั ศาสตร์ สหเวชศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ สาธารณสุขศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์การกีฬา พลศกึ ษาและ สุขศกึ ษา 2. กลมุ่ สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ ไดแ้ ก่ คณะวิทยาศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. กลมุ่ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ 4. กลมุ่ สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ 5. กลุ่มสาขาวชิ าเกษตรศาสตร์ ไดแ้ ก่ คณะเกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร วนศาสตร์ เทคโนโลยกี ารเกษตร 6. กลุ่มสาขาวชิ าบริหาร พาณิชยศาสตร์ การบญั ชี การจดั การ การท่องเท่ียว และเศรษฐศาสตร์ 6.1 สาขาวชิ าบริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ การบญั ชี และเศรษฐศาสตร์ 6.2 สาขาวชิ าการท่องเที่ยวและโรงแรม 7. กลุ่มสาขาวิชาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ 8. กลมุ่ สาขาวชิ าศลิ ปกรรม วิจิตรศิลป์ และประยกุ ตศ์ ิลป์ ไดแ้ ก่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ วิจิตรศลิ ป์ มณั ฑศิลป์ จิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ 9. กลุ่มสาขาวิชามนุษยแ์ ละสงั คมศาสตร์ เช่น คณะนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์อกั ษรศาสตร์ ศลิ ปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สงั คมวิทยา สงั คมสงเคราะหศ์ าสตร์เป็ นตน้ 10. กลุ่มสาขาวิชาสหวิทยาการ 10.1 สาขาวิชาที่มีหลกั สูตรแบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary) 10.2 สาขาวิชาอน่ื ๆ นอกเหนือจาก 9 กลุ่มสาขาวิชาขา้ งตน้ 3) มาตรฐานคุณภาพ สมศ. ในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง สมศ.ไดก้ าหนดมาตรฐานคุณภาพว่าหมายถึง มาตรฐานคุณภาพใน 4 มิติ คือ ประสิทธิผล การบริหารและการจดั การ การเรียนรู้ และการประกนั คุณภาพ แบ่งเป็ น 7 มาตรฐาน 48 ตวั บ่งช้ี โดยมาตรฐานท่ี 1-4 เป็ นมาตรฐานดา้ นผลลพั ธ์ส่วนมาตรฐานท่ี 5-7 เป็ นมาตรฐานดา้ นกระบวนการ ในแต่ละมาตรฐานมจี านวนตวั บ่งช้ีร่วมและตวั บ่งช้ีเฉพาะ (*) ตามจุดเนน้ ปฏบิ ตั ิพนั ธกิจและอตั ลกั ษณ์ของสถาบนั แสดงดงั ในตารางที่ 2 13

ตารางท่ี 2 มาตรฐานคณุ ภาพ สมศ. นา้ หนกั จานวนตวั บ่งชี้ มาตรฐาน อยา่ งนอ้ ย 20 6+2 * อยา่ งนอ้ ย 20 5+2 *1. มาตรฐานดา้ นคุณภาพบณั ฑิต อยา่ งนอ้ ย 20 4+3 *2. มาตรฐานดา้ นงานวิจยั และงานสร้างสรรค์ อยา่ งนอ้ ย 10 2+2 *3. มาตรฐานดา้ นการบริการวิชาการ 17+9 *4. มาตรฐานดา้ นการทานุบารุงศิลปะและวฒั นธรรม 100 11รวม มาตรฐาน 1- 4 20 95. มาตรฐานดา้ นการพฒั นาสถาบนั และบุคลากร 20 26. มาตรฐานดา้ นหลกั สูตรและการเรียนการสอน 20 227. มาตรฐานดา้ นการประกนั คุณภาพ 60รวม มาตรฐาน 5 - 7 39+9 * 160รวม มาตรฐาน 1 - 7 4) สถาบนั อดุ มศกึ ษากบั การประกนั คุณภาพการศึกษาระดบั อดุ มศึกษา ในการประกนั คุณภาพการศกึ ษาสถาบนั อุดมศกึ ษามหี นา้ ทดี่ งั น้ี 1) พฒั นาระบบและกลไกการประกนั คุณภาพภายใน (ต้งั แต่ระดบั ภาควชิ าหรือกลุม่ วิชา คณะวิชา และสถาบนั โดยรวม) 2) ดาเนินการตรวจสอบและพฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษาตามระบบการประกนัคุณภาพภายใน ที่สถาบนั และหน่วยงานตน้ สงั กดั ไดพ้ ฒั นาข้ึน 3) จดั ทารายงานประจาปี ซ่ึงเป็นผลจากการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายใน 4) ใหข้ อ้ มลู เอกสาร หลกั ฐานต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั สถาบนั และเตรียมความพร้อมอน่ื ๆ เพอ่ื การตรวจสอบและประเมนิ คุณภาพภายนอก 5) ปรับปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะของ สมศ. และหน่วยงานตน้ สงั กดั โดยสรุป สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ทาหนา้ ท่ีในการประเมินคุณภาพการศกึ ษา ประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา ตามตวั บ่งช้ี เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่กาหนด เพ่ือกระตุน้ ใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพการศึกษาระดบั อดุ มศึกษา ตามมาตรฐานการศึกษา 14

ระดบั อุดมศึกษา ซ่ึงคณะกรรมการการอุดมศึกษากาหนด โดยยดึ ตามกรอบพนั ธกิจและประเภทของสถาบนั อุดมศึกษา ส่วนสถาบนั อุดมศึกษามหี นา้ ที่จดั การศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษาและดาเนินการตามภารกิจ ท้งั ในดา้ นการผลติ บณั ฑิต การวิจยั การบริการวชิ าการ และการทานุบารุงศลิ ปวฒั นธรรมให้มีคุณภาพ และให้ได้ตามมาตรฐานการศึกษาระดบั อุดมศึกษา รวมท้งั พฒั นาระบบการประกันคุณภาพภายใน และจดั ทารายงานประจาปี3. ผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบสองของมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลาน คริ นทร์ได้ประกาศอัตลักษณ์ ต่ อสาธารณ ชนโดยผ่าน ที่ประชุมคณบดีวนั ที่ 1 ธนั วาคม 2548 (มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์, 2548) และผา่ นที่ประชุมสภามหาวิทยาลยั วนั ท่ี 24 ธนั วาคม 2548 (มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์, 2548) เป็ นมหาวทิ ยาลัยที่มีจุดเน้นด้านการผลิตบณั ฑิตและวิจยั สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) (2550) มีคาสั่งแต่งต้งั คณะกรรมการประเมนิ คุณภาพภายนอกระดบั อุดมศึกษามหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์เพ่อื ทาหนา้ ที่ประเมินและรับรองคุณภาพการศกึ ษา โดยมสี าระสาคญัดงั น้ี 1) คณะกรรมการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก ประกอบดว้ ย 1.1) ศาสตราจารย์ ดร. ปราณี กุลละวณิชย์ ประธานกรรมการ 1.2) ศาสตราจารย์ นพ. วจิ ารณ์ พานิช กรรมการ 1.3) รองศาสตราจารย์ ดร. รัศมีดารา หุ่นสวสั ด์ิ กรรมการ 1.4) รองศาสตราจารย์ ดร. บรรพต ณ ป้ อมเพชร กรรมการ 1.5) รองศาสตราจารย์ ดร.สมบรู ณ์วลั ย์ สตั ยารักษว์ ิทย์กรรมการ 1.6) รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ชิวพิมาย กรรมการ 1.7) รองศาสตราจารยด์ ารงค์ ทวแี สงสกุลไทย กรรมการ 1.8) รองศาสตราจารยจ์ นั ทนี เพชรานนท์ กรรมการและเลขานุการ 1.9) นางสาวจรรยารัตน์ คงพบิ ลู ยก์ ิจ ผชู้ ่วยเลขานุการ 2) กระบวนการตรวจเยย่ี ม และประเมนิ คณุ ภาพภายนอก คณะกรรมการมกี ารกาหนดข้นั ตอนการดาเนินงานดงั น้ี ก.ขั้นตอนประชุมก่อนกำรตรวจเยย่ี ม 15

ประชุมคณะผปู้ ระเมิน 3 คร้ัง คือเมื่อวนั ที่ 11 กันยายน 2549 วนั ที่ 28 กนั ยายน 2549และวนั ท่ี 20 ตุลาคม 2549 เพอื่ 1) ร่วมกนั ศกึ ษาวเิ คราะหร์ ายงานการประเมินตนเองของมหาวิทยาลยั สงขลา นครินทร์ ขอ้ มลู ของมหาวิทยาลยั ตามมาตรฐานและตวั บ่งช้ีของ สมศ. และ เอกสาร ขอ้ มลู อื่นที่เกี่ยวขอ้ ง 2) กาหนดประเด็นและรายการขอ้ มูลที่จะตอ้ งตรวจสอบก่อนและระหว่างการ ตรวจเยยี่ ม ตลอดจนแหลง่ ขอ้ มลู และวิธีการตรวจสอบ 3) วางแผนการตรวจขอ้ มลู ก่อนการตรวจเยยี่ ม ระหวา่ งการตรวจเยยี่ ม และกาหนด ตารางการปฏิบตั ิงาน 4) มอบหมายภาระงานใหผ้ ปู้ ระเมินภายนอกแต่ละคนปฏิบตั ิ ข. ขนั้ ตอนกำรตรวจเอกสำรตำมมำตรฐำนและตัวบ่งช้ีของ สมศ. เม่ือวนั ท่ี 30 ตุลาคม 2549 ประชุมร่วมกบั ผเู้ กี่ยวขอ้ งกบั การจดั ทารายงานการประเมินตนเองของมหาวิทยาลยั ตามมาตรฐานและตวั บ่งช้ีของ สมศ. การทาความเขา้ ใจใหต้ รงกนั ในเรื่องการวางน้าหนกั การประเมินพฒั นาการ และการบรรลเุ ป้ าหมายตามแผนในระดบั มหาวิทยาลยั และกลุ่มสาขาวิชา ไดม้ ีการซกั ถามทว้ งติง และการทาความเขา้ ใจว่าการประเมินตนเองตามมาตรฐานต่างๆ น้นั ตวั เลขจะตอ้ งคงที่ก่อนการตรวจเยยี่ ม ค.ขนั้ ตอนระหว่ำงกำรตรวจเยยี่ ม คณะกรรมการแบ่งการตรวจเยย่ี มเป็ น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกไปตรวจเยย่ี มเขตการศึกษา 3แห่ งในวันท่ี 6-8 พฤศจิกายน 2549 ช่วงท่ี 2 ไปตรวจเยี่ยมวิทยาเขตปัตตานีในวันท่ี 20-21พฤศจิกายน 2549 และวิทยาเขตหาดใหญ่ในวนั ที่ 22-23 พฤศจิกายน 2549 ในการตรวจเยีย่ มมีข้นั ตอนร่วมกนั ดงั น้ี 1) พบผบู้ ริหารของแต่ละเขตการศึกษาและวิทยาเขตเพ่ือช้ีแจงวตั ถุประสงคก์ าร มาประเมินและตรวจเยยี่ ม และรับฟังการบรรยายสรุปจากผบู้ ริหาร 2) คณะผปู้ ระเมนิ ศึกษา ตรวจเยย่ี มคณะ สถาบนั สานักและหน่วยงานต่างๆ เพื่อ สงั เกตตามประเด็นที่ต้งั ไวก้ ่อนการตรวจเยี่ยม มีการสัมภาษณ์ อาจารยก์ ลุ่ม อายตุ ่างกนั ขา้ ราชการ พนักงานมหาวทิ ยาลยั ลกู จา้ งประจา นกั ศึกษาปัจจุบนั 16

ท้ังจากที่มหาวิทยาลยั จดั และท่ีพบด้วยตนเอง บัณฑิต ผูใ้ ช้บัณฑิต และ ผรู้ ับบริการวิชาการและผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งกบั กิจการของมหาวทิ ยาลยั เช่น รองผวู้ ่า ราชการจงั หวดั ประธานหอการคา้ นายกเทศมนตรี 3) นาขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากขอ้ 2 มาอภิปรายร่วมกนั เพือ่ วิเคราะห์ สรุปผลการตรวจเยย่ี ม และจดั ทาขอ้ สงั เกต ขอ้ เสนอแนะ 4) นาเสนอผลการตรวจเย่ยี ม ขอ้ สงั เกต และขอ้ เสนอแนะดว้ ยวาจาต่อผบู้ ริหาร ของมหาวทิ ยาลยั ของทุกวิทยาเขตและเขตการศึกษา (ดภู าคผนวก ค) เพ่ือรับ ฟังความคิดเห็น และคาช้ีแจงเพิ่มเติมในกรณีท่ีเห็นวา่ การเสนอผลการประเมนิ ไม่ถูกต้อง ไม่ชัดเจน และไม่ครอบคลุมบางประเด็น โดยในวันท่ี 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา 10.00 -12.30น. เสนอภาพรวมท่ีวิทยาเขตหาดใหญ่ และจากการนาเสนอผลปรากฏวา่ ท่ีวิทยาเขตปัตตานีมกี ารอภิปรายมากท่ีสุด ง.ข้ันตอนหลังกำรตรวจเยยี่ ม มีการดาเนินงานดงั น้ี 1) เลขานุการจดั ทาสรุปและร่างรายงานผลการประเมินระดบั สถาบนั และระดบั กลุ่มสาขาวิชา จากขอ้ มูลสรุปของกรรมการแต่ละคนท่ีส่งมาเป็ นลายลกั ษณ์ อกั ษร 2) คณะผปู้ ระเมนิ ประชุมรวมท้งั สิ้น 3 คร้ัง พิจารณาแกไ้ ขร่างรายงาน อภิปราย และเห็นชอบรายงานร่วมกนั 3) เสนอร่างรายงานต่อมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 4) คณะผปู้ ระเมนิ ประชุมอกี คร้ังเพื่อปรับปรุงแกไ้ ขรายงานผลการประเมนิ 5) เสนอรายงานต่อ สมศ. เพ่อื ใหก้ ารรับรองผลการประเมนิ 3) ผลการประเมนิ คณุ ภาพ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์จดั ตนเองอยใู่ นมหาวิทยาลยั กลุม่ ที่ 1 ซ่ึงเนน้ การผลิตบณั ฑิตและการวจิ ยั ผลการประเมินตามเกณฑข์ อง สมศ.ในมาตรฐาน 7 มาตรฐาน มีรายละเอียดดงั ตารางต่อไปน้ี 17

มาตรฐาน ค่านา้ หนกั ผลการประเมนิ 1. คุณภาพบณั ฑิต 35 4.75 2. งานวิจยั และงานสร้างสรรค์ 35 4.60 3. การบริการวชิ าการ 20 5.00 4. การทานุบารุงศลิ ปะและวฒั นธรรม 10 4.50 ผลประเมินเฉลี่ย 1-4 100 4.72 5. การพฒั นาสถาบนั และบุคลากร 20 4.73 6. หลกั สูตรและการเรียนการสอน 20 3.89 7. ระบบการประกนั คุณภาพ 20 5.00 ผลประเมินเฉล่ยี 1-7 160 4.65 จากผลการประเมินดงั กล่าวเป็นที่ประจกั ษว์ า่ มาตรฐานดา้ นผลลพั ธ์ คือ มาตรฐานท่ี 1-4 มีผลการประเมินระดบั ดีมาก 3 มาตรฐาน ไดแ้ ก่ มาตรฐานคุณภาพบณั ฑิต มาตรฐานงานวจิ ยั และงานสร้างสรรค์ และมาตรฐานการบริการวิชาการ ส่วนมาตรฐานด้านการทานุบารุงศิลปะและวฒั นธรรมมีผลการประเมินในระดบั ดี ผลการประเมินมาตรฐานที่ 5-7 ท่ีถือเป็ นมาตรฐานดา้ นกระบวนการ มผี ลการประเมินระดบั ดีมากในมาตรฐานพฒั นาสถาบนั และบุคลากร และมาตรฐานระบบการประกนั คุณภาพ ส่วนมาตรฐานหลกั สูตรและการเรียนการสอนมผี ลการประเมนิ ในระดบัดี ส่วนผลการประเมินคุณภาพในระดบั กลุ่มสาขาวชิ า จาแนกเป็นรายมาตรฐาน มีรายละเอียดดงั น้ี มาตรฐาน วทิ ยศาสตร์ วทิ ยศาสตร์ วิศวกรรม เกษตร ครุศาสตร์/ ศิลปกรรมฯ บริหารฯ มนุษย/์ สงั คมศาสตร์ สุขภาพ กายภาพ ศาสตร์ ศาสตร์ ศึกษาศาสตร์1. คุณภาพบณั ฑติ 4.83 4.75 4.75 4.50 3.75 4.33 3.63 3.672. งานวิจยั และงานสร้างสรรค์ 4.70 4.15 4.30 4.90 2.90 3.00 2.90 2.903. การบริการวชิ าการ 5.00 4.75 5.00 4.25 5.00 4.25 4.50 4.754. การทานุบารุงศิลปะและวฒั นธรรม 4.50 4.50 4.50 4.50 5.00 5.00 4.50 5.00 4.52 4.62ผลประเมนิ เฉล่ีย 1-4 4.79 4.64 4.64 4.59 3.83 3.92 3.63 3.755. การพฒั นาสถาบนั และบุคลากร 4.28 4.22 4.45 4.55 4.09 4.27 4.37 4.646. หลกั สูตรและการเรียนการสอน 4.56 5.00 5.00 3.89 4.11 3.56 3.67 3.567. ระบบการประกนั คณุ ภาพ 5.00 4.55 4.65 5.00 5.00 5.00 5.00 5.00ผลประเมนิ เฉล่ีย 1-7 4.72 18 4.53 4.04 4.05 3.90 3.99

สรุปไดว้ า่ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ผา่ นการประเมินในระดบั ดีมาก ขณะเดียวกนัคณะกรรมการไดใ้ หข้ ้อเสนอแนะและทศิ ทางการพฒั นาต่อมหาวทิ ยาลยั ดงั น้ี 1) มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์มีวิสยั ทศั น์ในการเป็นมหาวิทยาลยั ช้นั นาในระดบัภูมิภาค โดยมีการวิจยั เป็ นฐาน เพื่อใหบ้ รรลุเป้ าหมายตามวิสัยทศั น์ดงั กล่าว มหาวิทยาลยั ควรเร่งพิจารณาการเปิ ดหลกั สูตรนานาชาติ ซ่ึงจะต้องพิจารณาให้รอบคอบโดยคานึงถึงความเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของภาคใตแ้ ละของมหาวิทยาลยั นอกจากน้ีจะตอ้ งพิจารณาการดาเนินการให้เกิดความพร้อมในทุกดา้ นของบุคลากรโดยเฉพาะดา้ นภาษาองั กฤษและอนื่ ๆ 2) มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์มีวสิ ยั ทศั น์ และเป้ าหมายในการเป็นมหาวทิ ยาลยัช้นั นาในระดับภูมิภาคโดยการใชว้ ิจยั เป็ นฐาน ซ่ึงการใช้การวิจยั เป็ นฐานน้ัน บัณฑิตศึกษาเป็ นกลไกอนั สาคัญยิ่ง มหาวิทยาลัยน่าจะตอ้ งวางแผนการเปิ ดหลกั สูตรระดบั บัณฑิตศึกษาอย่างรอบคอบ และควรตอ้ งพิจารณาบทบาทของบณั ฑิตวิทยาลยั ใหช้ ดั เจน โดยเฉพาะบทบาทควบคุมคุณภาพ บทบาทการประสานงานกบั คณะ และบทบาทในหลกั สูตรที่มีลกั ษณะขา้ มสาขาวิชาหรือสหสาขาวชิ า 3) มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์มเี จตนารมณ์ในการเป็ นมหาวิทยาลยั หลายวทิ ยาเขต การบริ หารมหาวิทยาลัยหลายวิทยาเขตในประเทศไทยยังไม่มีระบบที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพอยา่ งแทจ้ ริง มหาวทิ ยาลยั น่าจะมีการวจิ ยั ระบบจดั การทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรอน่ื ๆตลอดจนระบบการจดั การทางกายภาพ (ซ่ึงในปัจจุบนั มีปัญหาสูงในวิทยาเขตปัตตานี) การจดั การบริหารโดยพิจารณากฎระเบียบต่างๆ ท่ีเหมาะสมกบั การเป็ นมหาวิทยาลยั หลายวิทยาเขตที่มีศกั ยภาพเพือ่ เป็นแบบอยา่ งต่อไป 4) มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ในฐานะมหาวิทยาลยั หลายวิทยาเขตและเขตการศึกษาไดพ้ ยายามที่จะกาหนดความเช่ียวชาญของแต่ละวิทยาเขตไว้ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนเขม้ แข็งพอมหาวิทยาลยั คงตอ้ งตดั สินใจว่าจะเป็ นมหาวิทยาลยั หลายวิทยาเขตตามเจตนารมณ์เดิมหรือจะให้มีการแยกตวั ออกไปเป็นมหาวิทยาลยั อสิ ระ การตดั สินใจน้ีจะตอ้ งถือเป็ นวิสยั ทศั น์ของมหาวิทยาลยัไม่ใช่ของคณะผบู้ ริหารชุดใดชุดหน่ึง เพราะการตดั สินใจอย่างใดอย่างหน่ึงมีผลต่อการจดั การวทิ ยาเขต สาหรับแนวปฏิบัตทิ ดี่ ีของมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์จากการคน้ พบมีดงั น้ี 1) ความเอาใจใส่และความมุ่งมั่นของผูบ้ ริหารทุกสมยั ในการดาเนินงานตามวสิ ยั ทศั นแ์ ละ พนั ธกิจอยา่ งต่อเนื่อง รวมท้งั การใหม้ กี ารประเมินการบริหารงานของผบู้ ริหารระดบั 19

อธิการบดี เป็นแนวปฏิบตั ิท่ีมีผลดีต่อการพฒั นาการที่รวดเร็วของมหาวทิ ยาลยั และเป็นแนวปฏบิ ตั ิท่ีน่าจะเป็ นแบบอย่างที่ดีในการบริหารมหาวิทยาลยั ที่มีวาระการดารงตาแหน่งของผบู้ ริหารระดบั สูง 2) การท่ีมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ ซ่ึงเป็ นมหาวิทยาลยั ในภูมิภาคตอนใตข้ องประเทศ ไดด้ าเนินการงานตอบสนองความตอ้ งการของสังคมภูมิภาค และตอบสนองพนั ธกิจในการเป็นผนู้ าทางวชิ าการโดยเลอื กการเป็นผนู้ าท่ีสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพพ้นื ฐานของภาคใต้ทาใหเ้ กิดประโยชน์ตอบสนองไม่เฉพาะแต่ภาคใตแ้ ต่ในระดับประเทศดว้ ย เช่น โครงการ Bio-Dieselโครงการยางพารา โครงการอิสลามศึกษา หลกั สูตรรัฐศาสตรบณั ฑิตที่เช่ือมโยงกบั วฒั นธรรมทอ้ งถิ่นประเทศเพื่อนบา้ นในคาบสมุทรมลายแู ละกล่มุ ประเทศตะวนั ออกกลางในคณะรัฐศาสตร์และโครงการอาหารฮาลาล แนวปฏิบัติในการใช้และเพิ่มศักยภาพทางภูมิภาคในที่ต้ังของมหาวทิ ยาลยั เป็นแนวทางท่ีเป็นแบบอยา่ งที่ดี 3) เป้ าหมายการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศของมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ในการบริหาร การวิจยั และในการจดั การเรียนการสอน มีกลวิธีในการดาเนินงานให้บรรลุเป้ าหมายถึงระดับบุคคล กลวิธีต่างๆ ท่ีใช้ทาให้เกิดการตื่นตัวในทุกระดับ ท้ังระดับผูบ้ ริหารหน่วยงานคณาจารย์ ผปู้ ฏิบตั ิงาน นกั ศกึ ษา อยา่ งกวา้ งขวาง ในช่วงระยะปัจจุบนั มหาวิทยาลยั กาลงั ดาเนินการใชเ้ พอ่ื การบริหาร ซ่ึงมีความจาเป็นสาหรับมหาวิทยาลยั ท่ีมีวทิ ยาเขตมาก กลวธิ ีต่างๆ น้ีเป็นกลยทุ ธ์ท่ีน่าสนใจและอาจใชเ้ ป็นแบบอยา่ งท่ีดีของมหาวิทยาลยั อืน่4. งานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง 1) งานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้องกบั การประกนั คุณภาพ วารุณี ลภั นโชคดี (2551) ไดศ้ กึ ษาเรื่อง การพฒั นาตวั บ่งช้ีรวมการประเมินคุณภาพสถาบนั อุดมศึกษา : การวเิ คราะห์ความไมแ่ น่นอนและความไว ซ่ึงเป็ นงานวิจยั เชิงพรรณานา เป็ นการประยกุ ตใ์ ชว้ ิธีวิทยาการประเมนิ งานประเมนิ (Meta Evaluation) ในการประเมินคุณภาพรายงานการประเมินฯ และใชว้ ิธีวิทยาการวิเคราะห์ความไมแ่ น่นอนและการวเิ คราะหค์ วามไวเพ่ือพฒั นาตวับ่งช้ีรวม แหล่งขอ้ มลู สาหรับการวจิ ยั คือ รายงานการประเมินตนเอง 173 ฉบบั และรายงานผลการประเมินคุณภาพภายนอก 200 ฉบบั ตวั แปรตน้ ประกอบดว้ ย ประเภทของสถาบนั อุดมศึกษา และผลการประเมินคุณภาพของสถาบนั ตามรายมาตรฐาน ตัวแปรตาม ประกอบดว้ ย คุณภาพของสถาบนั ในภาพรวม และคุณภาพของรายงานการประเมินฯในภาพรวม ผลการวจิ ยั ที่สาคญั พบวา่ 1)รายงานการประเมนิ ตนเองของสถาบนั อุดมศึกษาทุกประเภทมีคุณภาพท่ีใกลเ้ คียงกนั คือ รายงานฯ 20

ของสถาบนั ฯ ทุกแห่งมคี ุณภาพในภาพรวมระดบั พอใช้ มคี ุณภาพในมาตรฐานดา้ นความเป็นไปได้และดา้ นความเหมาะสมชอบธรรมอยใู่ นระดบั พอใช้ และมีคุณภาพในมาตรฐานดา้ นความถกู ตอ้ งอย่ใู นระดบั ควรปรับปรุง รายงานของสถาบนั ทุกประเภท ยกเวน้ รายงานฯ ของสถาบนั อุดมศึกษาเฉพาะทาง มีคุณภาพในมาตรฐานด้านอัตถประโยชน์อยู่ในระดับดี ส่ วนรายงานฯ ของสถาบนั อุดมศึกษาเฉพาะทางส่วนใหญ่มีคุณภาพในมาตรฐานดา้ นอตั ถประโยชน์อยใู่ นระดบั ดี มีรายงานฯ เพียงส่วนนอ้ ยมากท่ีมคี ุณภาพอยใู่ นระดบั ควรปรับปรุง 2) รายงานผลการประเมินคุณภาพภายนอกของสถาบันอุดมศึกษาทุกประเภทมีคุณภาพท่ีใกลเ้ คียงกัน คือ รายงานฯ ส่วนใหญ่มีคุณภาพในภาพรวมอย่ใู นระดับพอใช้ มีรายงานฯ เพียงส่วนน้อยท่ีมีคุณภาพในระดับดี โดยรายงานฯ ของทุกสถาบนั มคี ุณภาพดา้ นอตั ถประโยชนอ์ ยู่ในระดบั ดีและมีคุณภาพในมาตรฐานดา้ นความเหมาะสมชอบธรรมอย่ใู นระดับพอใช้ รายงานส่วนใหญ่มีคุณภาพในมาตรฐานดา้ นความถกู ตอ้ งอยใู่ นระดบั พอใช้ แต่ยงั มีรายงานท่ีมีคุณภาพอย่ใู นระดบั ควรปรับปรุง วิทยาลยั ชุมชนเป็ นสถาบนั ประเภทเดียวท่ีทุกสถาบนั ในกลุ่มมคี ุณภาพในมาตรฐานดา้ นความเป็นไปไดอ้ ย่ใู นระดบั ดีรายงานฯ ส่วนใหญ่ของสถาบนั ประเภทท่ีเหลือท้งั หมด มคี ุณภาพในมาตรฐานดา้ นความเป็นไปได้อยใู่ นระดบั พอใช้ 3) ผลการวิเคราะห์ความไม่แน่นอนของตวั บ่งช้ีรวมท่ีพฒั นาข้ึนเพอื่ แสดงคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษา พบว่า ลาดับท่ีของสถาบันฯ ท่ีไดจ้ ากการรวมค่าผลการประเมินใน 8มาตรฐาน มคี วามแปรปรวนท่ีเกิดจากการใชร้ ูปแบบการรวมท่ีแตกต่างกนั แหลง่ ความไม่แน่นอนที่แสดงถงึ อทิ ธิพลท่ีมีต่อความแปรปรวนของลาดบั ที่ของสถาบนั อุดมศกึ ษาทุกประเภทมากท่ีสุดคือการให้น้าหนกั ตวั บ่งช้ีย่อย รองลงมาคือการปรับค่าตวั บ่งช้ีย่อยให้เป็ นมาตรฐาน และการรวมตวับ่งช้ียอ่ ยเขา้ ดว้ ยกนั ตามลาดบั 4) ผลการวเิ คราะห์ความไมแ่ น่นอนของลาดบั ที่คุณภาพของรายงานจากการประเมินรายงานผลการประเมินคุณภาพภายนอกและรายงานการประเมินตนเองของสถาบนั อุดมศึกษาที่ไดจ้ ากการรวมค่าผลการประเมินใน 4 มาตรฐาน พบว่า ความแปรปรวนของลาดับที่ที่เกิดจากการใชร้ ูปแบบการรวมท่ีแตกต่างกนั มีน้อยมาก ค่าลาดับที่อา้ งอิงของคุณภาพรายงานการประเมินฯ ของสถาบันมีค่าใกลเ้ คียงกบั ค่ามธั ยฐานจากการแจกแจงที่เกิดจาก แหล่งความไม่แน่นอนท้งั สามแหลง่ ซ่ึงแสดงว่าการจดั ลาดบั ท่ีคุณภาพรายงานการประเมนิ ฯ ของสถาบนัโดยใช้ ค่าตวั บ่งช้ีรวมท่ีเป็นค่าเฉลยี่ ของผลการประเมินใน 4 มาตรฐานหลกั น้นั เป็นการจดั ลาดบั ท่ีที่ไม่มคี วามลาเอียง เยาวลกั ษณ์ มหาสิทธิวฒั น์ และปัณณธร ชชั วรัตน์ (2551) ไดว้ ิจัยเรื่อง กลยุทธ์การพฒั นาวฒั นธรรมคุณภาพการศึกษาของอาจารยว์ ทิ ยาลยั พยาบาล ในสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก โดยการวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษาสภาพการณ์คุณภาพการศึกษาของอาจารยว์ ทิ ยาลยั 21

พยาบาลในสังกดั สถาบนั พระบรมราชชนก และเพ่ือสร้างกลยุทธก์ ารพฒั นาวฒั นธรรมคุณภาพการศกึ ษาของอาจารยว์ ิยาลยั พยาบาลในสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสมั ภาษณ์และแบบสอบถาม กลุ่มตวั อยา่ งไดแ้ ก่ผอู้ านวยการวิทยาลยั พยาบาล 25 แห่ง จานวน25 คน และอาจารยป์ ระจาของวิทยาลยั พยาบาลในสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก 25 แห่ง จานวน625 คน การจดั ทากลยทุ ธโ์ ดยการประเมนิ สภาพการณ์วฒั นธรรมคุณภาพของวิทยาลยั พยาบาล ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กาหนดกลยุทธ์และตรวจสอบกลยุทธ์โดยการจัดประชุมผทู้ รงคุณวุฒิ และปรับแกไ้ ขกลยทุ ธต์ ามขอ้ เสนอแนะใหส้ มบรู ณ์สามารถนาไปใชไ้ ดจ้ ริง ผลการวิจยั ปรากฏว่าการประเมินสภาพการณ์วฒั นธรรมคุณภาพการศึกษาของวทิ ยาลยั พยาบาล โดยใชเ้ ทคนิค SWOT พบวา่ สภาพการณ์ของภาวะผนู้ าและทีมบริหาร วฒั นธรรมองค์กร ฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศ การพฒั นาบุคลากร งานการจดั การเรียนการสอน งานพฒั นานักศึกษา งานวิจยั งานบริการวิชาการ งานทานุบารุงศิลปะและวฒั นธรรม และงานประกนัคุณภาพการศึกษา ยงั มีจุดอ่อนและอุปสรรคที่ยงั ต้องพัฒนา มีปัจจัยแห่งความสาเร็จในการดาเนินงาน ผลการประมวลขอ้ มลู ไดแ้ นวทางการนาไปใชซ้ ่ึงเป็ นขอ้ มลู พ้ืนฐานสาคญั นาไปสู่การพฒั นากลยทุ ธ์ ผลการพฒั นากลยุทธก์ ารพฒั นาวฒั นธรรมคุณภาพการศึกษาของวิทยาลยั พยาบาลในสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก ประกอบดว้ ย 2 ประเด็นกลยทุ ธห์ ลกั ไดแ้ ก่ ประเดน็ กลยทุ ธก์ ารสร้างวฒั นธรรมคุณภาพ และประเดน็ กลยทุ ธก์ ารพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ประเด็นกลยทุ ธก์ ารสร้างวฒั นธรรมคุณภาพ ประกอบดว้ ย กลยุทธก์ ารสร้างเสริมภาวะผนู้ าแก่ผบู้ ริหารสูงสุด กลยุทธ์การสร้างทีมผบู้ ริหารท่ีเขม้ แข็ง กลยทุ ธ์การส่งเสริมวฒั นธรรมการท างานมุ่งสู่คุณภาพการศึกษาของอาจารย์ และกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทางาน ประเด็นกลยทุ ธ์การพฒั นาคุณภาพการศึกษา ประกอบดว้ ยการพฒั นาการจดั การศกึ ษา การพฒั นาคุณภาพบณั ฑิต การพฒั นาผลงานวจิ ยั การสร้างสถาบนั ใหเ้ ป็นที่ยอมรับในการบริการวชิ าการ การสร้างระบบการเผยแพร่งานดา้ นศลิ ปะและวฒั นธรรม และการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพการศึกษา จะเห็นไดว้ า่ การนาเอากลยทุ ธ์ใหม่มาใช้โดยที่มองขา้ มความสาคัญของวฒั นธรรมองค์กรอาจเกิดความลม้ เหลวได้ การส่งเสริมวฒั นธรรมการทางานมุ่งสู่คุณภาพการศึกษาของอาจารยเ์ พ่ือให้มีการเปล่ียนแปลงวฒั นธรรมองคก์ รใหเ้ ป็นวฒั นธรรมคุณภาพที่จะส่งผลใหก้ ารปฏิบตั ิตามกลยทุ ธก์ ารพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาประสบผลสาเร็จไดเ้ ป็นอยา่ งดี นงลกั ษณ์ วิรัชชยั และวรรณี เจตจานงนุช (2548) ไดส้ ังเคราะห์รายงานผลการประเมินคุณภาพภายนอกระดบั อุดมศึกษา พบว่า ตวั แปรสภาพและบริบทมีความสัมพนั ธก์ บั ตัวแปรคุณภาพสถาบนั อุดมศึกษา แยกไดเ้ ป็น 3 กลุม่ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มตวั แปรที่มคี วามสมั พนั ธส์ ูงกบั 22

ตวั แปรคุณภาพสถาบนั (ขนาดความสมั พนั ธม์ ากกว่า 0.7) ทิศทางความสัมพนั ธเ์ ป็ นบวก มี 2 ตวัแปร ไดแ้ ก่ 1) จานวนบุคลากร 2) จานวนอาจารยท์ ่ีมวี ุฒิปริญญาเอก กล่มุ ทส่ี อง เป็นกล่มุ ตวั แปรท่ีมีความสัมพนั ธ์ปานกลางกบั ตวั แปรคุณภาพสถาบนั (ขนาดความสัมพนั ธร์ ะหว่าง 0.5-0.7) ทิศทางความสมั พนั ธเ์ ป็นบวก มจี านวน 5 ตวั แปร ไดแ้ ก่ 1) จานวนพ้นื ที่ท้งั หมด 2) จานวนอาจารยต์ าแหน่งผูช้ ่วยศาสตราจารย์ 3) จานวนหลักสูตร 4) จานวนงบประมาณท่ีได้รับ และ 5) จานวนคณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอก กลุ่มท่สี าม เป็ นกลุ่มตวั แปรที่มีความสมั พนั ธน์ อ้ ยกบั ตวัแปรคุณภาพสถาบนั (ขนาดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง 0.3-0.5) ทิศทางความสมั พนั ธเ์ ป็นบวก มีจานวน2 ตวั แปร ไดแ้ ก่ 1) จานวนสาขาวิชา และ 2) จานวนหน่วยงานในสถาบนั ชุตินันท์ อิทธิรัตนา (2548) ไดศ้ ึกษาเร่ือง รูปแบบการจดั การประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันอุดมศึกษาไทย สรุ ปได้ว่า กรอบการประเมินคุณภาพภายใต้กรอบของพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และพระราชกฤษฎีกาการจดั ต้ังสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) พ.ศ.2543 จะกาหนดใหม้ ีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผูเ้ รียน การดาเนินการมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยมีพระราชกฤษฎีกาจดั ต้ังสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) พ.ศ.2543 รับผดิ ชอบการประเมินคุณภาพภายนอก กรอบการประเมินคุณภาพภายนอกจะต้องเกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ของการประเมิน แบบแผนของการประเมิน ผูป้ ระเมิน รายงานผลการประเมิน การติดตามผล การส่งเสริมคุณภาพ และผลกระทบของการประเมินคุณภาพภายนอกต่อสถาบนั อดุ มศกึ ษา องคป์ ระกอบที่เก่ียวขอ้ งกบั การจดั การประเมินคุณภาพภายนอกสถาบนั อดุ มศกึ ษาไทยมี 7 องคป์ ระกอบ คือ หลกั การและแนวปฏิบตั ิในการประเมนิ คุณภาพภายนอก ประเด็นในการประเมิน การจดั คณะผปู้ ระเมนิ การคดั เลอื กผปู้ ระเมิน วธิ ีการคดั เลือกและประเมินผลผปู้ ระเมินดา้ นจรรยาบรรณ ทกั ษะผปู้ ระเมนิ และการประเมนิ คุณภาพภายนอกในอนาคต รูปแบบการจัดการประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันอุดมศึกษาไทยเป็ นรูปแบบแสดงถึงจุดประสงคแ์ ละแนวปฏิบตั ิในการประเมินคุณภาพภายนอก แนวปฏบิ ตั ิน้ีมีการดาเนินงานโดยการเตรียมผปู้ ระเมิน การจดั ให้มีการตรวจเยย่ี ม การจดั ทารายงานการประเมิน ตลอดจนการติดตามผล การส่งเสริมเพ่ือพฒั นาคุณภาพและผลกระทบของการประเมินคุณภาพภายนอกต่อสถาบนั อุดมศึกษา 23

สุวพร เซ็มเฮง และคณะ (2547) ไดว้ ิจยั เร่ือง “การติดตามผลผปู้ ระเมินภายนอกสถาบนั อาชีวศึกษา” เพื่อประเมินการดาเนินงานของผปู้ ระเมินภายนอกสถาบนั อาชีวศึกษา ที่ทาหน้าท่ีประเมินสถานศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สานักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนและสานักงานพฒั นาการกีฬาและนันทนาการ ซ่ึงได้ดาเนินการประเมินในช่วงเดือนตุลาคม 2545 ถึงธนั วาคม 2546 และศึกษาความคิดเห็นของบุคลากรในสถาบนั อาชีวศึกษาท่ีมีต่อผปู้ ระเมนิ ภายนอกพร้อมท้งั ศึกษาสภาพปัญหา อุปสรรค และปัจจยั ที่ส่งผลต่อการดาเนินงานของผปู้ ระเมินภายนอก เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ประกอบดว้ ยแบบสมั ภาษณ์ แบบสอบถาม แบบบนั ทึกประเด็นการประชุม และแบบวิเคราะห์รายงาน รวม 5 ชุด ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคลากรในสถาบนั อาชีวศึกษาที่ไดร้ ับการตรวจเยยี่ มแลว้ และกาลงั อยใู่ นระหว่างรับการตรวจเยย่ี มและผปู้ ระเมินภายนอกสถาบนั อาชีวศกึ ษา ดงั น้ี 1. กลุ่มบุคลากรในสถาบนั อาชีวศึกษาใชว้ ิธีการสมั ภาษณ์บุคลากร 3 ฝ่ าย ไดแ้ ก่ผบู้ ริหารคณะกรรมการการประกนั คุณภาพ และผจู้ ดั ทารายงานการประเมนิ ตนเอง (SAR) หรือผใู้ ห้ขอ้ มูลกบั ผปู้ ระเมินภายนอกในระหว่างการตรวจเย่ยี ม จากสถาบันอาชีวศึกษา 44 แห่ง และเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสอบถามบุคลากรท้งั 3 ฝ่ าย จากสถาบนั อาชีวศกึ ษา 161 แห่ง 2. กลุ่มผปู้ ระเมินภายนอกสถาบนั อาชีวศึกษา ใชว้ ิธีการสงั เกตการปฏิบตั ิงานในระหว่างการตรวจเยยี่ มสถาบนั อาชีวศกึ ษา จานวน 18 แห่ง การจดั กลุ่มสนทนาระดมความคิดจากผู้ประเมินภายนอก จานวน 24 คน และเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถามความคิดเห็นจากกลุ่มผปู้ ระเมินภายนอกท่ีไดร้ ับการแต่งต้งั จาก สมศ. จานวน 239 คน ผลการศึกษาสรุปไดด้ งั ต่อไปน้ี 1. การดาเนินงานของผปู้ ระเมินภายนอกสถาบนั อาชีวศึกษา 1.1. คุณภาพกระบวนการประเมิน : ผปู้ ระเมนิ ภายนอกมีกระบวนการประเมนิคุณภาพเหมาะสมทุกข้นั ตอน ต้งั แต่ข้นั ตอนก่อนการตรวจเยย่ี ม ระหว่างการตรวจเยยี่ ม และหลงั การตรวจเยี่ยมสถาบนั อาชีวศึกษา เป็ นไปตามกระบวนการที่ สมศ. กาหนดไว้ ท้งั ในการวิเคราะห์เอกสารรายงานการประเมินตนเอง การประสานงานกบั สถาบนั อาชีวศึกษา การแบ่งหนา้ ที่ในการรับผดิ ชอบ การเตรียมแผนงาน การปฏบิ ตั ิงานตามแผนกาหนดการ การประชุมช้ีแจงก่อนการตรวจเยยี่ ม การดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูล การนาเสนอผลดว้ ยวาจา การจดั ทารายงานฉบบั ร่าง และการจดั ส่งร่างรายงานใหส้ ถาบนั อาชีวศึกษาพจิ ารณา 24

1.2. คุณภาพผปู้ ระเมนิ : ผปู้ ระเมินภายนอกมจี รรยาบรรณตามเกณฑข์ อง สมศ.มบี ุคลิกภาพเหมาะสม มีความสามารถในการทางานเป็ นทีมไดเ้ ป็ นอย่างดี สามารถใชเ้ ทคนิคการประเมินได้อย่างเหมาะสม และมีการประยกุ ต์ใชค้ วามรู้จากการฝึ กอบรมไปใชใ้ นการประเมินสถาบนั อาชีวศึกษา ดา้ นจรรยาบรรณ ประเดน็ ท่ีไดร้ ับการยอมรับเด่นชดั ท่ีสุดคือ การวางตวัไดอ้ ย่างเหมาะสมความซ่ือสัตยส์ ุจริต ไมเ่ รียกร้องเพื่อการตรวจสอบขอ้ มลู ความตรงต่อเวลา ความรับผดิ ชอบและการทางานตามบทบาทหนา้ ที่ที่ไดร้ ับมอบหมาย ดา้ นบุคลกิ ภาพ พบวา่ มีลกั ษณะความเป็ นกลั ยาณมิตรและความสามารถในการส่ือสารท่ีแสดงออกอยา่ งโดดเด่นคือ มบี ุคลกิ ภาพซ่ึงแสดงออกถึงความเป็นมิตร ไม่ยกตนข่มท่าน สุภาพอ่อนนอ้ ม และมคี วามสามารถในการส่ือสารท้งั การพดู และการเขียน ด้านความสามารถในการทางานเป็ นทีม พบว่าการแสดงออกในการทางานเป็ นทีมซ่ึงเป็ นท่ียอมรับมากท่ีสุด คือการสนับสนุนและเปิ ดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นอยา่ งเสรี การเคารพสิทธิและความสามารถของสมาชิก และความสามคั คี ดา้ นเทคนิคการประเมิน พบวา่ ลกั ษณะที่มีความเหมาะสมเป็ นที่ยอมรับมากที่สุดคือ การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ทักษะการใช้ภาษาในการส่ือสาร และทักษะในการประเมินผลและสรุปผล 1.3. คุณภาพรายงานการประเมินสถานศึกษา : การรายงานการประเมินสถาบนัศึกษามคี วามเหมาะสมท้งั การกล่าวรายงานดว้ ยวาจาและรูปเล่มรายงานการประเมิน โดยเปิ ดโอกาสใหส้ ถานศึกษาไดช้ ้ีแจงซกั ถาม และมีการจดบนั ทึกเพือ่ การตรวจสอบแกไ้ ขรายงานใหต้ รงกบั ความเป็นจริง รายงานการประเมนิ ใหข้ อ้ เสนอแนะท่ีมีคุณค่า สามารถปฏบิ ตั ิได้ และมีความเหมาะสมกบับริบทของสถาบนั อาชีวศกึ ษา 2. ความคดิ เห็นของบุคลากรในสถาบนั อาชีวศกึ ษาท่ีมตี ่อผปู้ ระเมินภายนอก บุคลากรในสถาบนั อาชีวศึกษาเห็นว่าการประเมินภายนอกได้ดาเนินการตามข้ันตอนต่าง ๆ ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยส่วนใหญ่พึงพอใจในบทบาทหน้าที่และความรู้ความสามารถของผปู้ ระเมนิ ภายนอกเป็นอยา่ งมาก ท้งั ในดา้ นจรรยาบรรณ ความเป็นกลั ยาณมิตร บุคลภาพ ความรู้ความสามารถ ทกั ษะ ประสบการณ์ รวมถึงการติดต่อประสานงานกบั ผปู้ ระเมินภายนอก 3. สภาพปัญหา อปุ สรรค และปัจจยั ท่ีส่งผลต่อการดาเนินงานของผปู้ ระเมนิภายนอกสถาบนั อาชีวศกึ ษา 25

3.1. ปัญหาและอุปสรรคของสถาบนั อาชีวศึกษา พบว่า สถาบนั อาชีวศึกษาหลายแห่งประสบปัญหาดา้ นความเขา้ ใจและความพร้อมในการรับการประเมินภายนอก บุคลากรขาดความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วตั ถุประสงคข์ องการประเมิน การตีความหมายของมาตรฐานและตวั บ่งช้ีวิธีการเก็บขอ้ มลู ตามตวั บ่งช้ี บุคลากรบางส่วนยงั ขาดเจตคติท่ีดีต่อการประเมนิ ไม่ใหค้ วามร่วมมือในการประเมิน ปัญหาขอ้ มลู ท่ีจดั เตรียมไวไ้ มต่ รงกบั ขอ้ มลู ที่ผปู้ ระเมินใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการประเมินมาตรฐานและตัวบ่งช้ี นอกจากน้ียงั พบปัญหาในการดาเนินการตามมาตรฐานท่ีเก่ียวข้องกับงบประมาณในเรื่องการคิดงบประมาณ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั อตั ราส่วนและร้อยละ ซ่ึงส่วนหน่ึงเป็ นผลเนื่องมาจากปัญหาความไม่ชดั เจนและการตีความมาตรฐานและตวั บ่งช้ีไม่ตรงกนั มขี อ้ สงั เกตจากสถาบนั ศึกษาเอกชนและวทิ ยาลยั พลศึกษาซ่ึงประสบปัญหาคลา้ ยคลึงกนั คือ ผปู้ ระเมนิ ภายนอกไมเ่ ขา้ ใจการบริหารจดั การ สภาพพ้ืนฐาน และลกั ษณะผเู้ รียนของสถานศกึ ษา 3.2. ปัญหาและอุปสรรคของผูป้ ระเมินภายนอก พบว่าปัญหาหลกั ได้แก่ปัญหาการเขียนรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษาไม่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานและตวั บ่งช้ีของ สมศ. ทาให้ต้องเสียเวลาอย่างมากในการสืบค้นเอกสาร ร่องรอย การพิจารณารายงานของผทู้ รงคุณวุฒิล่าชา้ การจดั งบประมาณสาหรับการดาเนินงานไม่เพียงพอ การจดั ทีมผปู้ ระเมินไม่เหมาะสมในดา้ นการติดต่อประสานงานและระยะทาง สาขาความชานาญ จานวนผูป้ ระเมินคุณสมบตั ิ และเพศ และขาดการติดต่อแจง้ ขอ้ มลู ข่าวสารและความเคลอ่ื นไหวต่าง ๆ จาก สมศ. 4. ขอ้ เสนอแนะในการดาเนินงานประเมนิ คุณภาพภายนอกสถาบนั อาชีวศกึ ษา 4.1. ดา้ นการติดต่อประสานงานระหว่าง สมศ. กบั ผปู้ ระเมินภายนอก สมศ.ควรส่งข่าวความเคล่ือนไหว ข่าวสารการประเมิน และเน้ือหาการฝึ กอบรมผปู้ ระเมินภายนอกรุ่นใหม่ ๆ ให้แก่ ผปู้ ระเมินภายนอกอย่างสม่าเสมอ และควรมีเจ้าหน้าท่ีซ่ึงสามารถตอบคาถามผู้ประเมนิ ในกรณีท่ีมขี อ้ สงสยั ได้ 4.2. ดา้ นการจดั ทีมผปู้ ระเมิน ควรจดั ทีมผปู้ ระเมินใหอ้ ยใู่ นพ้ืนท่ีใกลเ้ คียงกนัเพ่ือความสะดวกในการปฏิบัติงาน และควรให้ทีมผูป้ ระเมินพิจารณาเลือกผูด้ ารงตาแหน่งเลขานุการเอง ท้ังน้ีหากเป็ นไปได้ไม่ควรเปลี่ยนทีมผูป้ ระเมินบ่อยคร้ังนัก เพื่อต้องแบ่งงานประสานงานต่าง ๆ ใหม่ ทาให้การดาเนินงานล่าช้า และสาหรับกรณีสถานศึกษาเอกชนและวิทยาลยั พลศึกษา ควรจดั ใหม้ ผี เู้ ชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นการจดั การศึกษาเอกชน/การจดั การพลศกึ ษา ท่ีสามารถเขา้ ใจสภาพสถานศกึ ษาไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริงรวมอยใู่ นทีมดว้ ย 26

4.3. ดา้ นการติดต่อประสานงานภายในคณะผปู้ ระเมินภายนอก สมศ. ควรจดัสถานที่ส่วนกลางสาหรับเป็ นจุดนัดประชุมภายในคณะผปู้ ระเมิน และ สมศ. ควรมีบทบาทเป็ นส่ือกลางส่งขอ้ มลู การปรับปรุงชื่อ ที่อยแู่ ละหมายเลขโทรศพั ทใ์ หผ้ ปู้ ระเมินภายนอก 4.4. ดา้ นการติดต่อกับสถานศึกษา สมศ. ควรช้ีแจงให้สถานศึกษาเข้าใจมาตรฐานและตวั บ่งช้ีสาหรับการประเมนิ ภายนอกอยา่ งชดั เจน สามารถนาไปปฏิบตั ิได้ และในการกาหนดช่วงการประเมินไม่ควรกาหนดในระยะเวลาใกลป้ ิ ดภาคเรียน และในกรณีที่ผบู้ ริหารสถานศึกษาไม่อยู่ ควรประสานงานใหด้ าเนินการประเมินได้ โดยการมอบหมายให้ผชู้ ่วยรักษาราชการแทน 4.5. ดา้ นการวิเคราะห์รายงานการประเมินตนเอง (SAR) สมศ. ควรกาหนดรูปแบบการเขียนรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา และรูปแบบรายงานผลการประเมินสถานศึกษาใหช้ ดั เจน และควรมีคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพ SAR ในข้นั ตน้ เนื่องจาก SAR ที่ไม่สอดคลอ้ งกบั สมศ. เป็ นอุปสรรคสาคญั อนั จะส่งผลใหก้ ารตรวจเยย่ี มเป็ นไปอยา่ งล่าชา้ ไม่ทนัตามกาหนดเวลา 4.6. ดา้ นการจดั งบประมาณ ควรปรับเพ่ิมให้เพียงพอกบั สภาพงานและความรับผดิ ชอบโดยคานึงถึงระยะเวลา ระยะทาง ค่ายานพาหนะ ค่าใชจ้ ่ายในการจดั ทารายงาน รวมถึงระบบการประกนั อุบตั ิเหตุหรือการประกนั สุขภาพขณะดาเนินการประเมนิ ภายนอก 4.7. ดา้ นการดาเนินการตรวจเยยี่ ม ควรมีการขยายระยะเวลาในการตรวจเยยี่ มสถานศึกษาขนาดใหญ่ หรืออาจเพ่ิมจานวนผปู้ ระเมินภายนอก หรืออาจกาหนดระยะเวลาในการประเมนิ เป็นช่วงกวา้ ง ๆ ไว้ ข้ึนอยกู่ บั ขนาดและความหลากหลายของสาขาวิชาในสถานศึกษาแต่ละแห่ง เพื่อความยดื หยุ่นในทางปฏิบตั ิ นอกจากน้ีในส่วนของตวั บ่งช้ีบางตวั ควรมีการปรับปรุงให้ชดั เจนย่งิ ข้ึน หรือมีคาอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ โดยเฉพาะตวั บ่งช้ีเก่ียวกบั งบประมาณการเงิน การคิดค่าเสื่อม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ผปู้ ระเมินและสถานศึกษาเข้าใจตรงกนั และสามารถนาไปจดั เตรียมขอ้ มลู สาหรับการประเมนิ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4.8. ดา้ นการจดั ทารายงานผลการประเมินสถานศึกษา สมศ. ควรจัดทาแบบรายงานและตวั อยา่ งการเขียนรายงานผลการประเมินสถานศึกษาฉบบั สมบูรณ์ พร้อมท้งั แจง้ การเปล่ียนแปลงรูปแบบการเขียนรายงานให้ผปู้ ระเมินภายนอกและผทู้ รงคุณวุฒิที่ทาหนา้ ที่พิจารณารายงานใหร้ ับทราบและเขา้ ใจตรงกนั 27

4.9. ดา้ นการจัดอบรมผปู้ ระเมินภายนอก สมศ. ควรจดั อบรมเชิงปฏิบตั ิการใหก้ บั ผปู้ ระเมินภายนอกเป็ นประจาทุกปี เพ่ือทบทวนความรู้ในการประเมิน สร้างความเขา้ ใจให้ตรงกนั และเพอ่ื แลกเปลี่ยนประสบการณ์ประเมนิ ปัญหาการประเมินและหาแนวทางแกไ้ ขร่วมกนั 4.10.ดา้ นการแจง้ ผล ควรแจง้ ใหส้ ถานศึกษารับทราบโดยเร็ว เพ่ือสามารถนาผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงสถานศึกษาไดอ้ ย่างทนั ท่วงที และควรมีการติดตามผลการประเมนิ เพ่ือตรวจสอบวา่ สถานศกึ ษาไดน้ าผลการประเมินไปพฒั นาตนเองหรือไม่ โครงการสังเคราะห์รายงานผลการประเมินภายนอกมหาวิทยาลยั ราชภฏั และมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล (สมาคมวิจยั สถาบนั และพฒั นาอดุ มศกึ ษา, 2548) มีวตั ถุประสงค์เพือ่ วิเคราะห์และสังเคราะห์ผลการประเมินรายงานการประเมินคุณภาพภายนอกของมหาวิทยาลยัราชภฏั และมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ที่ไดร้ ับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ประจาปี2545 – 2547 รวมท้ังให้ขอ้ เสนอแนะเกี่ยวกับการกาหนดนโยบายทางการศึกษาและการจดั สรรงบประมาณ เพอ่ื การศกึ ษามหาวิทยาลยั ราชภฏั และมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลต่อไป ในการศึกษาน้ี ไดม้ ีการศกึ ษาในวรรณกรรมที่เก่ียวขอ้ งต่าง ๆ อนั ไดแ้ ก่ การศกึ ษานโยบายและแผนของสานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษาท่ีมีต่อสถาบนั อดุ มศกึ ษา นโยบายและแนวทางในการประกนั คุณภาพภายนอกของสถาบนั อดุ มศึกษาจากสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน) และนโยบายและแนวทางการดาเนินงานในปัจจุบนัของมหาวิทยาลยั ราชภฏั ท้งั 25 แห่ง และมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลท้ัง 32 วิทยาเขต เพ่ือประโยชนใ์ นการใหข้ อ้ เสนอแนะที่เหมาะสมและสอดคลอ้ งต่อหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง ในการดาเนินการวิจยั จะมุ่งเน้นศึกษาจากรายงานผลการประเมินภายนอกของมหาวิทยาลยั ราชภฏั และมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลเป็ นสาคญั นอกจากน้ัน ยงั ได้ศึกษาเพิม่ เติมจากรายงานการวิจยั ต่าง ๆ บทความและข่าวท่ีเก่ียวขอ้ ง ซ่ึงปรากฏในหนงั สือพิมพแ์ ละตาราต่าง ๆ ผลสรุปจากการเย่ียมชมและรับฟังการบรรยายจากมหาวิทยาลยั ราชภัฏ จานวน 2 แห่งมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลจานวน 2 วิทยาเขต สานกั งบประมาณ และผลการประชุมสมั มนาเพื่อรับฟังขอ้ เสนอแนะและความคิดเห็นของผทู้ ี่เก่ียวข้องและผทู้ รงคุณวุฒิ จนสามารถสรุปผลการศึกษา วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และไดข้ อ้ เสนอแนะในดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี 1. ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย 1.1. ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายสาหรับมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั 1.1.1. นโยบายเร่งด่วน 1) ผลติ บณั ฑิตใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสงั คมและทอ้ งถิน่ 28

ผูป้ ระเมินภายนอกได้เสนอแนะไว้หลายข้อ เช่น ให้พัฒนาหลกั สูตรและการเรียนการสอนให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของทอ้ งถิ่น นาภูมิปัญญาในทอ้ งถิ่นมาเสริมการเรียนการสอน พฒั นาทกั ษะที่สาคญั สาหรับบณั ฑิตไดแ้ ก่ ทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจดั การและการปรับตวั เขา้ สู่การทางานอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ สถาบันบางแห่งยงั ไม่มีข้อมูลเก่ียวกับความพึงพอใจของผูใ้ ช้บณั ฑิต หรือมีขอ้ มลู แลว้ แต่ยงั ไมไ่ ดน้ ามาใชเ้ พอ่ื พฒั นาหลกั สูตรและการเรียนการสอน สถาบันบางแห่งมีการประเมินการสอนอาจารย์ แต่ก็ยงั ไม่มีการนาผลการประเมินมาใชใ้ นการปรับปรุง การเรียนการสอน มาตรการปรับปรุงในเร่ืองน้ีน่าจะมีความจาเป็นอยา่ งเร่งด่วน 2) จากดั ปริมาณ เพม่ิ คุณภาพ เน่ืองจากอตั รากาลงั มีจากดั (อตั ราส่วนเฉลี่ยของจานวนนักศึกษาเต็มเวลาเทียบเท่าต่ออาจารยป์ ระจา เท่ากบั 36.38:1 ซ่ึงสูงมาก) ทาให้อาจารยไ์ ม่มีเวลาคน้ ควา้ วิจยั จึงควรจากดั จานวนนักศกึ ษา โดยเฉพาะระดบั ปริญญาตรี ท้งั น้ีก็เพ่ือใหม้ ีเวลาและทรัพยากรมากข้ึนในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา 3) พฒั นาคุณวุฒิของอาจารยใ์ หเ้ ป็นไปตามเกณฑข์ อง สกอ. ปัจจุบันร้อยละของอาจารย์ท่ีมีคุณวุฒิ ระดับปริ ญญาเอกในมหาวิทยาลยั ราชภฏั ยงั มนี อ้ ย จากการวิเคราะหข์ อ้ มลู ปี พ.ศ.2545 – 2547 ปรากฏว่าในมหาวิทยาลยั ราชภฏั 23 แห่ง อาจารยท์ ี่มีคุณวุฒิระดบั ปริญญาเอกโดยเฉลี่ยมีจานวนร้อยละ 5.91 ค่าร้อยละต่าสุดเท่ากบั 2.91 ค่าร้อยละสูงสุดเท่ากบั 11.07 ผู้ประเมินคุณภาพภายนอกไดเ้ สนอแนะให้มีการพฒั นาคุณวุฒิของคณาจารยเ์ กือบทุกแห่ง ดงั น้นั จึงมีความจาเป็นรีบด่วนที่จะถอื เป็ นนโยบายสาคญั แนวทางหน่ึงท่ีสามารถทาได้คือ การสร้างความร่ วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏกับมหาวิทยาลยั ในสังกดั ของทบวงมหาวิทยาลยั เดิมที่มีความเขม้ แข็งทางวิชาการและมี ที่ ต้ั ง อ ยู่ใน ภู มิ ภ า ค เดี ย ว กั น เช่ น ม ห าวิ ท ย า ลัย ข อ น แ ก่ น ใน ภ า คต ะ วั น อ อ ก เฉี ย ง เห นื อ ม ห า วิ ท ย า ลั ย เชี ย ง ใ ห ม่ ใ น ภ า ค เห นื อม ห าวิ ท ย าลัย ส งข ลาน ค ริ น ท ร์ ใน ภ าค ใต้ จุ ฬ าลงก รณ์ ม ห าวิ ท ย าลัยมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ เป็นตน้ 29

4) พฒั นางานวิจยั และงานสร้างสรรคข์ องอาจารย์ งานวจิ ยั และงานสร้างสรรคข์ องคณาจารยใ์ นมหาวิทยาลยั ราชภฏั ยงัมีนอ้ ย จากผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ปี พ.ศ. 2545-2547 ปรากฏวา่ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั15 แห่ง มงี านวิจยั ที่เผยแพร่ท้งั หมดต่ออาจารยค์ นหน่ึงโดยเฉล่ียเท่ากบั 0.18 เรื่องต่อปี สถาบนั ที่มีมากที่สุดมีงานวิจยั ต่ออาจารยค์ นหน่ึงโดยเท่ากบั 0.54 เรื่องต่อปีสถาบนั ที่มีงานวิจยั ต่ออาจารยน์ ้อยที่สุดโดยเฉล่ียเท่ากบั 0.04 เรื่องต่อปี ในการประเมินคุณภาพ ผปู้ ระเมินไดม้ ีการเสนอแนะใหม้ ีการสนบั สนุนคณาจารยใ์ ห้ทาการวิจยั มากข้ึน โดยใชม้ าตรการต่าง ๆ เช่น ก. กาหนดการวจิ ยั ใหเ้ ป็นภาระงานอยา่ งชดั เจน ข. จดั ใหม้ ีโครงสร้างพ้นื ฐานเพอ่ื รองรับการวิจยั ค. กาหนดทิศทางและแผนงานวิจยั ง. เพิม่ ศกั ยภาพและความรู้ในการทางานวิจยั จ. จดั หาทุนวจิ ยั ท้งั จากแหลง่ ภายในและภายนอก ฉ. เพม่ิ บุคลากรสายสนบั สนุนเพือ่ ลดงานธุรการของอาจารย์ ช. สนบั สนุนการเผยแพร่ผลงานการวิจยั ซ. สร้างแรงจูงใจเช่น ใช้ผลงานการวิจัยเพื่อพิจารณาความดีความชอบ ฌ. สร้างความร่วมมอื ในลกั ษณะเครือข่ายเพอ่ื การสนบั สนุนทางดา้ นงบประมาณ 5) ปรับปรุงระบบบริหารและจดั การของมหาวทิ ยาลยั ขอ้ ท่ีผปู้ ระเมินเสนอมากก็คือ การส่งเสริมให้มีระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารและจัดการ มีการนาระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศมาใช้ มีหน่วยงานรับผดิ ชอบเกี่ยวกบั ฐานขอ้ มลู มีการพฒั นาระบบบญั ชีใหเ้ ป็นมาตรฐาน 6) พฒั นาระบบการติดตามและประเมนิ ผล งานและโครงการต่าง ๆ ยงั ขาดการติดตามและประเมนิ ผล เช่น ให้มีการนาผลการประเมินการสอนมาใชใ้ นการปรับปรุงการเรียนการสอน ใหม้ ีการประเมนิ ผลงานและโครงการท่ีดาเนินการทางดา้ นการบริการวชิ าการและการบารุงศิลปวฒั นธรรม ผู้ประเมินจึงเสนอให้มีการพัฒนาระบบการติดตามแล ะประเมนิ ผล รวมถงึ การนาผลมาใชเ้ พ่ือการปรับปรุงและพฒั นาต่อไป 30

7) สร้างความเขม้ แข็งใหก้ บั สภามหาวิทยาลยั สภามหาวิทยาลยั ราชภฏั ตอ้ งมบี ทบาทที่ชดั เจนในการใหค้ าแนะนาเชิงนโยบายแก่มหาวิทยาลยั ราชภัฏโดยเน้นการสรรหากรรมการผทู้ รงคุณวุฒิภายนอกท่ีมีวิสัยทศั น์และสามารถให้คาแนะนาแก่สภามหาวิทยาลยั ได้มาเป็ นกรรมการสภามหาวิทยาลยั ราชภฏั เพอื่ ให้สามารถกาหนดนโยบายและแผนในการพฒั นามหาวิทยาลยั อยา่ งเป็นรูปธรรม ท้งั น้ี มหาวิทยาลยั ราชภฏั ตอ้ งใหค้ วามสาคญัแก่ผทู้ รงคุณวฒุ ิภายนอกมากข้ึน และมีระเบียบหลกั เกณฑแ์ ละกลไกในการสรรหากรรมการผทู้ รงคุณวุฒิภายนอกท่ีชดั เจนดว้ ย โดยกรรมการสรรหาผทู้ รงคุณวุฒิจะตอ้ งเป็ นคณะกรรมการจากภายนอกที่ไม่มีผลประโยชน์ไดเ้ สีย (Conflict ofInterest) กบั มหาวิทยาลยั 8) ปรับปรุ งหลักสูตรให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรระดบั อุดมศกึ ษา พ.ศ. 2548 การเปิ ดหลกั สูตรและการจดั การเรียนการสอนของหลกั สูตรต่าง ๆตอ้ งใชเ้ กณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรระดบั อุดมศึกษา พ.ศ.2548 ของ สกอ. เช่น ในหลกั สูตรระดับปริญญาตรี ตอ้ งมีอาจารยป์ ระจาหลกั สูตรตลอดระยะเวลาท่ีจัดการศึกษาตามหลกั สูตรน้นั ซ่ึงมคี ุณวุฒิตรงหรือสมั พนั ธก์ บั สาขาวิชาท่ีเปิ ดสอนไม่น้อยกว่า 5 คน และในจานวนน้ันต้องเป็ นผมู้ ีคุณวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือเป็ นผดู้ ารงตาแหน่งทางวิชาการไม่ต่ากว่าผชู้ ่วยศาสตราจารยอ์ ย่างนอ้ ย 2 คน และอาจารยป์ ระจาในแต่ละหลกั สูตรจะเป็ นอาจารยป์ ระจาเกินกว่า 1หลกั สูตรในเวลาเดียวกันไม่ได้ หรื อในหลักสูตรระดับปริญญาเอก ผลงานวิทยานิพนธจ์ ะตอ้ งไดร้ ับการตีพมิ พ์ หรืออย่างนอ้ ยดาเนินการใหผ้ ลงานหรือส่วนหน่ึงของผลงานไดร้ ับการยอมรับใหต้ ีพิมพใ์ นวารสารหรือส่ิงพิมพท์ างวชิ าการที่มีกรรมการภายนอกมาร่วมกลนั่ กรอง (Peer Review) ก่อนการตีพิมพ์ และเป็ นท่ียอมรับในสาขาวิชาน้นั เป็นตน้ 1.1.2 นโยบายระยะยาว 1) พฒั นาเครือข่ายความร่วมมอื ระหวา่ งมหาวิทยาลยั และทอ้ งถิ่น เนื่องจากมหาวิทยาลยั ราชภฏั มที ี่ต้งั กระจายอยใู่ นทอ้ งถิน่ จึงเป็นจุดแข็งและเป็ นโอกาสในการทางานใกล้ชิดกับท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการเป็ นมหาวิทยาลัยสาหรับการพัฒนาท้องถ่ินเพ่ือพฒั นาคนและชุมชนให้เข้มแข็ง 31

เครือข่ายความร่วมมือจึงอาจจะเป็นเครือข่ายในภารกิจทุกดา้ น ไดแ้ ก่ การสอน การวจิ ยั การบริการทางวชิ าการและการทานุบารุงศิลปวฒั นธรรม เครือข่ายเหลา่ น้ีอาจเช่ือมโยงกับเครือข่ายภายนอก รวมท้ังเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลยั ในกลุ่มเดียวกนั 2) พฒั นาทรัพยากรสนบั สนุนการเรียนรู้ ทรัพยากรสนบั สนุนการเรียนรู้ที่สาคญั คือ หอ้ งสมุด แต่จากขอ้ มลูท่ีปรากฏในระหว่างปี พ.ศ. 2545–2547 มีการลงทุนเก่ียวกับห้องสมุดน้อยมากค่าใช้จ่ายท้งั หมดของห้องสมุดและระบบสารสนเทศต่อนักศึกษาเต็มเวลาของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั โดยเฉล่ียเท่ากบั 894.76 บาทต่อคนต่อปี จึงมีความจาเป็นที่จะพฒั นาทรัพยากรดา้ นน้ี 3) พฒั นาความเข้มแข็งทางดา้ นการเงินจากการบริการทางวิชาการและการวจิ ยั สิ่งที่ผูป้ ระเมินเนน้ มากก็คือ การให้บริการทางวิชาการซ่ึงเป็ นจุดแข็งจุดหน่ึง มหาวิทยาลยั อาจเนน้ กิจกรรมบริการที่เพมิ่ รายไดแ้ ก่มหาวิทยาลยั และในอนาคตก็เพ่มิ การวิจยั อีกบทบาทหน่ึง 4) คน้ หาและสร้างเอกลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ราชภฏั โดย ก. รักษาและพฒั นาครุศาสตร์ เนื่องจากมหาวิทยาลยั ราชภฏั ถือกาเนิดมาจากการฝึ กหดั ครู จึงสะสมประสบการณ์ทางดา้ นครุศาสตร์มายาวนาน ประกอบกบั ในปัจจุบนั ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องมีการพัฒนาอยา่ งต่อเนื่องตามมาตรฐานวิชาชีพมหาวิทยาลยั ราชภัฏจึงมีความเข้มแข็ง และเป็ นโอกาสดีท่ีจะรักษาและพฒั นาศาสตร์ดา้ นน้ี ข. จดั การเรียนการสอนที่เน้นการเป็ นมหาวิทยาลยั เพ่ือพัฒนา ทอ้ งถนิ่ หลกั สูตรสาคัญที่สอดคลอ้ งกับความต้องการของท้องถิ่นมีหลายหลกั สูตร เช่น การจดั การเรียนศิลปะและ วฒั นธรรม การพฒั นาชุมชุนการเกษตร เทคโนโลยสี ารสนเทศ การท่องเท่ียว และวิทยาศาสตร์เพือ่ ทอ้ งถิ่น เป็ นตน้ การเนน้ หลกั สูตรเช่นน้ีจะเป็นเอกลกั ษณ์ท่ีโดดเด่นของสถาบนั 1.2. ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายสาหรับมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล 32

1.2.1. นโยบายเร่งด่วน 1) ผลิตบณั ฑิตใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสงั คมและทอ้ งถน่ิ ผปู้ ระเมินไดเ้ สนอแนะไวห้ ลายขอ้ เช่น ใหพ้ ฒั นาหลกั สูตรและการเรียนการสอนใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของทอ้ งถิ่น นาภูมิปัญญาในทอ้ งถ่ินมาเสริมการเรียนการสอน พฒั นาทกั ษะท่ีสาคญั สาหรับบณั ฑิต ไดแ้ ก่ ทกั ษะการใช้ภาษาองั กฤษ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ การบริหารจดั การ และการปรับตวั เขา้สู่การทางานอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ สถาบันบางแห่งยงั ไม่มีข้อมูลเก่ียวกับความพึงพอใจของผูใ้ ช้บณั ฑิต หรือมีขอ้ มลู แลว้ แต่ยงั ไมไ่ ดน้ ามาใชเ้ พื่อพฒั นาหลกั สูตรและการเรียนการสอน สถาบันบางแห่งมีการประเมินการสอนอาจารย์ แต่ยงั ไม่มีการนาผลการประเมนิ มาใชใ้ นการปรับปรุง การเรียนการสอน มาตรการปรับปรุงในเร่ืองน้ีน่าจะมีความจาเป็นอยา่ งเร่งด่วน 2) จากดั ปริมาณ เพิ่มคุณภาพ เน่ืองจากอตั รากาลงั มีจากดั อาจารยต์ อ้ งทางานธุรการและไมม่ เี วลาค้นควา้ วิจัย จึงควรจากัดจานวนนักศึกษา โดยเฉพาะระดับปริญญาตรี ท้ังน้ีก็เพ่ื อ ให้ มี เว ล าแ ล ะ ท รั พ ย าก รม าก ข้ึ น ใ น ก า รพัฒ น าคุ ณ ภ าพ ก าร ศึ ก ษ าแ ล ะมหาวิทยาลยั ควรจะคงไวซ้ ่ึงการจดั การเรียนการสอนในหลกั สูตรระดบั ต่ากว่าปริญญาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปวส.) ไว้อีกระยะหน่ึง เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยยงั มีความตอ้ งการกาลงั คนในระดบั กลางจานวนมาก และมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกส็ ามารถผลิตกาลงั คนระดบั ปวส. ได้ดีและมีคุณภาพ เมื่อสถาบนั ระดับอาชีวศึกษาต่าง ๆ (วิทยาลยั เทคนิค วิทยาลยัพาณิชย์ ฯลฯ) สามารถปรับปรุงคุณภาพของผสู้ าเร็จการศึกษาให้มีคุณภาพเพียงพอท่ีจะตอบสนองภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้แล้ว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจึงค่อยยกเลิกหลกั สูตรเหล่าน้ี และหันมามุ่งเน้นพฒั นาการศึกษาในระดบั ปริญญาตรี และบณั ฑิตศึกษาต่อไป 3) พฒั นาคุณวฒุ ิของอาจารยใ์ หเ้ ป็นไปตามเกณฑข์ อง สกอ. ปัจจุบันร้อยละของอาจารย์ที่มีคุณวุฒิ ระดับปริ ญญาเอกในมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลยงั มีน้อย จากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ปี พ.ศ.2545 –2547 ปรากฏว่าในมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล 23 แห่ง อาจารยท์ ี่มีคุณวุฒิ 33

ระดบั ปริญญาเอกโดยเฉล่ียมีจานวนร้อยละ 3.17 ค่าร้อยละต่าสุดเท่ากบั 0.54 ค่าร้อยละสูงสุดเท่ากบั 10.20 ผปู้ ระเมินคุณภาพไดเ้ สนอแนะให้มีการพฒั นาคุณวุฒิของคณาจารย์ จึงมคี วามจาเป็นรีบด่วนที่จะถอื เป็นนโยบายสาคญั 4) พฒั นางานวิจยั และงานสร้างสรรคข์ องอาจารย์ งาน วิ จัย แ ล ะ งา น ส ร้ าง ส ร ร ค์ข อ ง ค ณ าจ าร ย์ใ น ม ห า วิ ท ย าลัยเทคโนโลยีราชมงคลยงั มีน้อย จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลปี พ.ศ.2545 – 2547ปรากฏว่ามหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล 19 แห่งมงี านวจิ ยั ท่ีเผยแพร่ท้งั หมดต่ออาจารยค์ นหน่ึงโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0.10 เร่ืองต่อปี สถาบันท่ีมีมากที่สุดมีค่าเฉล่ียเท่ากบั 0.7 เรื่องต่อปี และต่าสุดเท่ากับ 0.01 เรื่องต่อปี ในการประเมินคุณภาพ ผู้ประเมนิ ไดม้ ีการเสนอแนะใหม้ ีการสนบั สนุนคณาจารยใ์ หท้ าการวิจยั มากข้ึน โดยใชม้ าตรการต่างๆ เช่น ก. กาหนดการวิจยั ใหเ้ ป็นภาระงานอยา่ งชดั เจน ข. จดั ใหม้ โี ครงสร้างพ้นื ฐานเพ่อื รองรับการวจิ ยั ค. กาหนดทิศทางและแผนงานวจิ ยั ง. เพ่มิ ศกั ยภาพและความรู้ในการทางานวิจยั จ. จดั หาทุนวิจยั ท้งั จากแหลง่ ภายในและภายนอก ฉ. เพมิ่ บุคลากรสายสนบั สนุนเพอื่ ลดงานธุรการของอาจารย์ ช. สนบั สนุนการเผยแพร่ผลงานการวจิ ยั ซ. สร้างแรงจูงใจเช่น ใช้ผลงานการวิจัยเพ่ือพิจารณาความดี ความชอบ ฌ. สร้างความร่วมมือในลกั ษณะเครือข่ายเพอ่ื การสนบั สนุนทางดา้ น งบประมาณ 5) ปรับปรุงระบบบริหารและจดั การของมหาวทิ ยาลยั ขอ้ ท่ีผปู้ ระเมินเสนอมากก็คือ การส่งเสริมใหม้ ีระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและจดั การ มีการนาระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศมาใช้ มีหน่วยงานรับผดิ ชอบเกี่ยวกบั ฐานขอ้ มลู มีการพฒั นาระบบบญั ชีใหเ้ ป็นมาตรฐาน 6) พฒั นาระบบการติดตามและประเมินผล งานและโครงการต่าง ๆ ยงั ขาดการติดตามและประเมนิ ผล เช่น ให้มกี ารนาผลการประเมินการสอนมาใชใ้ นการปรับปรุงการเรียนการสอน ใหม้ ีการ 34

ประเมินผลงานและโครงการท่ีดาเนินการทางดา้ นการบริการวิชาการและการบารุงศิลปวฒั ธรรม ผปู้ ระเมนิ จึงเสนอให้มีการพฒั นาระบบการติดตามและประเมินผลรวมถงึ การนาผลมาใชเ้ พ่ือการปรับปรุงและพฒั นาต่อไป 7) สร้างความเขม้ แข็งใหก้ บั สภามหาวทิ ยาลยั สภามหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลต้องมีบทบาทท่ีชัดเจนในการให้คาแนะนาเชิงนโยบายแก่มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล โดยเน้นการสรรหากรรมการผทู้ รงคุณวุฒิภายนอกที่มีวิสัยทศั น์และสามารถใหค้ าแนะนาแก่สภามหาวทิ ยาลยั ไดม้ าเป็นกรรมการสภามหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล เพ่ือให้สามารถกาหนดนโยบายและแผนในการพฒั นามหาวิทยาลยั อย่างเป็ นรูปธรรมท้ังน้ี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลต้องให้ความสาคัญแก่ผูท้ รงคุณวุฒิภายนอกมากข้ึนและมีระเบียบหลกั เกณฑ์และกลไกในการสรรหากรรมการผทู้ รงคุณวุฒิภายนอกชดั เจนดว้ ย โดยกรรมการสรรหาผทู้ รงคุณวุฒิจะตอ้ งเป็ นคณะกรรมการจากภายนอกที่ไม่มีผลประโยชน์ไดเ้ สีย (Conflict of Interest) กับมหาวิทยาลยั 8) ปรับปรุ งหลกั สูตรให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรระดบั อุดมศึกษา พ.ศ.2548 การเปิ ดหลกั สูตรและการจดั การเรียนการสอนของหลกั สูตรต่าง ๆตอ้ งใชเ้ กณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรระดบั อุดมศึกษา พ.ศ. 2548 ของ สกอ. เช่น ในหลกั สูตรระดับปริญญาตรี ตอ้ งมีอาจารยป์ ระจาหลกั สูตรตลอดระยะเวลาท่ีจดัการศึกษาตามหลกั สูตรน้นั ซ่ึงมีคุณวฒุ ิตรงหรือสมั พนั ธก์ บั สาขาวิชาที่เปิ ดสอนไม่น้อยกว่า 5 คน และในจานวนน้ันต้องเป็ นผูม้ ีคุณวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือเป็ นผดู้ ารงตาแหน่งทางวิชาการไม่ต่ากว่าผชู้ ่วยศาสตราจารยอ์ ย่างน้อย 2 คน และอาจารยป์ ระจาในแต่ละหลกั สูตรจะเป็ นอาจารยป์ ระจาเกินกว่า 1หลักสูตรในเวลาเดียวกันไม่ได้ หรื อในหลักสูตรระดับปริญญาเอก ผลงานวิทยานิพนธจ์ ะตอ้ งไดร้ ับการตีพมิ พ์ หรืออย่างนอ้ ยดาเนินการใหผ้ ลงานหรือส่วนหน่ึงของผลงานไดร้ ับการยอมรับใหต้ ีพมิ พใ์ นวารสารหรือส่ิงพิมพท์ างวิชาการท่ีมีกรรมการภายนอกมาร่วมกลนั่ กรอง (Peer Review) ก่อนการตีพิมพ์ และเป็ นท่ียอมรับในสาขาวชิ าน้นั เป็นตน้ 35

1.2.2. นโยบายระยะยาว 1) พฒั นาเครือข่ายความร่วมมือระหวา่ งมหาวทิ ยาลยั และทอ้ งถนิ่ เนื่องจากมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลมที ี่ต้งั กระจายอยใู่ นทอ้ งถนิ่ จึง เป็นจุดแขง็ และเป็นโอกาสในการทางานใกลช้ ิดกบั ทอ้ งถิน่ โดยมงุ่ สร้างบณั ฑิตนกั ปฏิบตั ิ และมุ่งพฒั นาเครือข่ายการเรียนการสอนร่วมกบั ชุมชนในทอ้ งถ่ินมากข้ึน เครือข่ายความร่วมมอื จึงอาจจะเป็นเครือข่ายในภารกิจทุกดา้ น ไดแ้ ก่ การสอน การ วจิ ยั การบริการทางวชิ าการ และการทานุบารุงศลิ ปวฒั นธรรม เครือข่ายเหลา่ น้ีอาจ เชื่อมโยงกับเครือข่ายภายนอก รวมท้ังเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลยั ในกลุ่ม เดียวกนั 2) พฒั นาทรัพยากรสนบั สนุนการเรียนรู้ ทรัพยากรสนับสนุนการเรียนรู้ท่ีสาคัญ คือ ห้องสมุด แต่จากขอ้ มูลที่ ปรากฏในระหว่างปี พ.ศ. 2545-2547 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลงทุน เกี่ยวกบั หอ้ งสมดุ นอ้ ยมาก ค่าใชจ้ ่ายท้งั หมดของหอ้ งสมุดและระบบสารสนเทศต่อ นกั ศกึ ษาเต็มเวลาของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลเฉลี่ยเท่ากบั 1,538.50 บาท ต่อคนต่อปี จึงมคี วามจาเป็นท่ีจะพฒั นาทรัพยากรดา้ นน้ี 3) พฒั นาความเข้มแข็งทางดา้ นการเงินจากการบริการทางวิชาการและการวิจยั สิ่งที่ผปู้ ระเมนิ เนน้ มากคือ การใหบ้ ริการทางวิชาการซ่ึงเป็ นจุดแข็งจุดหน่ึง มหาวิทยาลยั อาจเน้นกิจกรรมบริการท่ีเพิ่มรายไดแ้ ก่มหาวิทยาลยั และในอนาคตกเ็ พิ่มการวิจยั อีกบทบาทหน่ึง 4) คน้ หาและสร้างเอกลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลโดย ก. พฒั นาใหเ้ ป็นมหาวิทยาลยั ที่มีความเป็นเลศิ ทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลมีจุดแข็งเก่ียวกบั ผลผลิตที่เป็ นบัณฑิตนักปฏิบัติ สัดส่วนนักศึกษาระหว่างวิทยาศาสตร์และสังคมก็แสดงถึงจุดเน้นท่ีดีคือ มีสัดส่วน 75:25 มหาวิทยาลยั จึงมีศกั ยภาพที่จะพฒั นาความเป็ นเลิศทางดา้ นน้ี สาหรับสาขาวชิ าท่ีมีความเขม้ แข็งอยแู่ ลว้ และจะตอ้ งไดร้ ับการส่งเสริมเพื่อ 36

รักษาและพฒั นาคุณภาพบณั ฑิตต่อไปน้นั ไดแ้ ก่ สาขาวศิ วกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และบริหารธุรกิจ ข. กระจายอานาจการบริหารและจดั การจากส่วนกลางหรือวิทยา เขตหลกั สู่วทิ ยาเขตสาขา และพฒั นาความเป็นเลิศเฉพาะทางในระดบั วิทยาเขตสาขา ค. ร่ วมมือกับชุมชนและท้องถิ่นเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ เหมาะสมสาหรับการพฒั นาความเป็นอยขู่ องประชาชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลมีความเขม้ แข็งทางดา้ นการ วจิ ยั การเกษตรและมีศนู ยเ์ พาะบ่มนวตั กรรม จึงควรใชศ้ กั ยภาพทางดา้ นน้ีทาการวิจยั และพฒั นานวตั กรรมและถา่ ยทอดสู่ทอ้ งถน่ิ เพ่ือการพฒั นาทอ้ งถ่นิ ท่ียงั่ ยนื 2. นโยบายในการจดั ทาและจดั สรรงบประมาณในอนาคตสาหรับมหาวทิ ยาลยัราชภฏั และมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล 2.1. ระดบั สถาบนั 2.1.1. มหาวทิ ยาลยั ควรนาเงินรายไดม้ าใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ การสะสมเงิน คงคลงั จะทาใหเ้ สียโอกาสในการใชท้ รัพยากรใหเ้ กิดประโยชน์ จึงสมควรนามาใช้ เช่น จดั ต้งั เป็นกองทุนเพ่ือพฒั นาคณาจารย์ เพื่อเพม่ิ ค่าตอบแทนและสวสั ดิการแก่ บุคลากร และเพอ่ื สมทบเงินงบประมาณแผน่ ดิน เป็นตน้ 2.1.2. มหาวิทยาลยั ควรจดั ทาแผนยทุ ธศาสตร์ โดยคานึงถงึ เอกลกั ษณ์และ ศกั ยภาพของมหาวิทยาลยั เป็นหลกั และใชแ้ ผนยทุ ธศาสตร์เป็ นกรอบในการเสนอ ของงบประมาณแผน่ ดิน 2.1.3. มหาวทิ ยาลยั ควรพฒั นาระบบบญั ชีการเงิน การงบประมาณ รวมท้งั ระบบสารสนเทศทางดา้ นการเงินและงบประมาณ ให้สอดคลอ้ งกบั นโยบายของ รัฐบาลท่ีจะนากองทุนกูย้ ืมเพ่ือการศึกษาท่ีผูกติดกบั รายไดใ้ นอนาคต (Income Contingent Loan : ICL) มาใชใ้ นการจดั สรรงบประมาณ 2.1.4. มหาวิทยาลยั ควรพฒั นาระบบขอ้ มูลและการคานวณค่าใชจ้ ่ายใน การผลิตผสู้ าเร็จการศึกษาและบณั ฑิตทุกระดบั เพ่ือประโยชน์ในการขอรับการ จดั สรรงบประมาณ และการจดั ทางบประมาณภายในมหาวิทยาลยั 37

2.2. ระดบั รัฐ 2.2.1. ใชเ้ กณฑเ์ ดียวกบั มหาวิทยาลยั ของรัฐ เน่ืองจากสถาบันอุดมศึกษาท้ังสองกลุ่มไดร้ ับการยกฐานะเป็ นมหาวิทยาลยั ของรัฐแลว้ การจดั สรรงบประมาณจึงใชห้ ลกั เกณฑเ์ ดียวกนั โดยเน้นการจดั สรรงบประมาณตามภารกิจและยทุ ธศาสตร์ของแต่ละมหาวทิ ยาลยั 2.2.2. จดั สรรเพ่มิ ในส่วนที่ขาดแคลนและมคี วามจาเป็นรีบด่วน จากการประเมินคุณภาพของสถาบนั ท้งั สองกลุ่มจะเห็นว่ามีความจาเป็นรีบด่วนที่จะปรับปรุงแกไ้ ขคือ การเพิ่มคุณวุฒิอาจารยร์ ะดบั ปริญญาโทและปริญญาเอก การพฒั นาการวิจยั การลงทุนทางดา้ นหอ้ งสมดุ และระบบสารสนเทศจึงมสี าเหตุสมควรที่จะจดั สรรงบประมาณสนบั สนุนเพ่อื ก. พฒั นาคุณวุฒิอาจารยร์ ะดบั ปริญญาโทและปริญญาเอก ข. สนบั สนุนการวจิ ยั ค. พฒั นาหอ้ งสมุดและระบบสารสนเทศ 2.2.3. ปรับเปลี่ยนอตั ราจา้ งเป็นอตั ราที่มลี กั ษณะประจา เนื่องจากสถาบนั บางแห่งมอี ตั ราจา้ งมาก บุคลากรขาดกาลงั ใจและยากต่อการพฒั นาอยา่ งต่อเน่ือง จึงควรปรับอตั ราท่ีจาเป็นและสาคญั ใหม้ ลี กั ษณะประจา เช่น ปรับเป็ นอตั ราพนักงานในลกั ษณะเดียวกนั กบั มหาวทิ ยาลยั ของรัฐที่เตรียมออกนอกระบบ 2.2.4. ในระยะยาว ควรพฒั นาเป็ นมหาวิทยาลยั ในกากบั และจดั สรรงบประมาณแบบมหาวิทยาลยั ในกากบั เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลในการพฒั นามหาวทิ ยาลยั ของรัฐเป็นมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐและขณะน้ีสถาบนั อุดมศึกษาท้งั สองกลมุ่ ก็ไดร้ ับการยกฐานะเป็ นมหาวิทยาลยั ของรัฐแลว้ หลายแห่งกม็ ีความพร้อมสูง จึงสมควรพฒั นาเป็นมหาวทิ ยาลยั ในกากบั และจดั สรรงบประมาณเช่นเดียวกบั มหาวิทยาลยัในกากบั3. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการประเมนิ คุณภาพภายนอกต่อ สมศ. 3.1. จดั อบรมสัมมนาท้งั คณะผปู้ ระเมินภายนอก และเจา้ หนา้ ท่ีที่ดูแลเรื่องการประกนั คุณภาพภายใน เพื่อให้มีความเขา้ ใจในเร่ืองมาตรฐานและตวั บ่งช้ีไปใน 38

ทิศทางเดียวกนั มีความเป็นเอกภาพ และสามารถนามาเปรียบเทียบระหว่างสถาบนั ได้ 3.2. ควรกาหนดเกณฑ์มาตรฐานของตวั บ่งช้ีท้ัง 28 ตวั ช้ีวดั ให้ชัดเจน หาก เป็ นไปไดค้ วรกาหนดมาตรฐานต่างระดับของกลุ่มมหาวิทยาลยั ราชภัฏและ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลให้แตกต่างจากสถาบันอุดมศึกษาอ่ืน ๆ โดย เปรียบเทียบกบั เกณฑ์ระดับนานาชาติ เน่ืองจากสถาบันเหล่าน้ีมีลกั ษณะการ ดาเนินงานท่ีแตกต่างกนั โดยเฉพาะอย่างยิง่ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ท่ีมีการสอนใน สาขาวิชาสายสงั คมศาสตร์มากกว่าสายวิทยาศาสตร์ แต่ท้งั น้ี ตอ้ งไม่สูงเกินไปจน ไมม่ สี ถาบนั ใดสามารถผา่ นเกณฑไ์ ด้ อาจใชก้ ารปรับและประกาศเกณฑเ์ ป็นรายปี เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพปัจจุบนั ของสถาบนั อดุ มศกึ ษาเหลา่ น้นั 3.3. จากการศึกษารายงานประเมินผลการประกันคุณภาพภายนอก พบว่า มี บางสถาบันใช้เกณฑ์การคานวณของตัวบ่งช้ีท่ีไม่เหมือนกัน เช่น FTES หรื อ บางคร้ังก็คานวณผดิ พลาด ดงั น้ัน จึงควรจดั ทาแม่แบบที่เป็ นกระดาษคานวณใน รูปแบบของ Digital (เช่น Microsoft Excel) ใหแ้ ก่คณะผปู้ ระเมินภายนอก โดยเวน้ ใหก้ รอกเฉพาะขอ้ มูลที่จาเป็ นต่อการคานวณ เพื่อลดขอ้ ผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดข้ึน ใหน้ อ้ ยท่ีสุด สานักมาตรฐานอุดมศึกษา สานักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย (2545) ได้ประเมินผลการดาเนินงานการประกนั คุณภาพการศกึ ษาของคณะต่าง ๆ จานวน 35 คณะวิชา ซ่ึงอยู่ภายใตโ้ ครงการศึกษาและพฒั นาระบบการประกนั คุณภาพระดบั อดุ มศึกษาของทบวงมหาวิทยาลยั22 คณะวิชา และคณะท่ีมิได้อย่ภู ายใตโ้ ครงการจานวน 13 คณะวิชา คณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพไดใ้ หข้ อ้ สงั เกตและขอ้ เสนอแนะเพือ่ การพฒั นาไดแ้ ก่ 1. การกาหนดนโยบาย แผนงาน โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ควรมคี วามชดั เจน และควรให้บุคลากรทุกระดับไดม้ ีส่วนร่วม/มีส่วนรับรู้และมีความเข้าใจท่ี ตรงกนั 2. คณะวิชาควรมีการติดตามประเมินผล แผนงาน โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือนามาปรับปรุงและพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงของสงั คมและ เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ปรัชญา ปณิธาน วตั ถุประสงค์ พนั ธกิจและนโยบายของ คณะวชิ าท่ีกาหนดไว้ 39

3. ในเรื่องของภาระงานคณาจารย์ ควรมีการกาหนดภารกิจและเกณฑ์ภาระงาน ให้ชดั เจน รวมถึงการนาผลการประเมินการเรียนการสอนมาประมวลอย่าง เป็นระบบและนามาปรับปรุงและพฒั นาการเรียนการสอนอยา่ งต่อเนื่อง 4. กิจกรรมนกั ศกึ ษา ควรมีความหลากหลายและควรมแี ผนพฒั นานิสิตนกั ศกึ ษา ที่ชดั เจนสอดคลอ้ งกบั คุณลกั ษณะบณั ฑิตที่พึงประสงคข์ องคณะวชิ า 5. ในการพฒั นาบุคลากร คณะวิชาควรมีแผนพฒั นาอย่างเป็นระบบท้งั ระยะส้นั และระยะยาวโดยมีระบบและกลไกการบริหารจดั การและการพฒั นาศกั ยภาพ บุคลากรตลอดจนการสร้างขวญั และกาลงั ใจในการทางานให้บุคลากรทุก ระดบั 6. ควรสนบั สนุนส่งเสริมการวจิ ยั ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการกาหนดเป้ าหมาย และแนวทางการผลิตงานวิจยั ในระดบั นานาชาติท่ีชดั เจน 7. ควรมแี ผนการใชเ้ ครื่องมือและมีระบบการบารุงรักษาอปุ กรณ์เครื่องใชต้ ่าง ๆ ใหส้ ามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพและเกิดประโยชนส์ ูงสุด 8. การใหบ้ ริการทางวิชาการแก่สังคม ควรมีความหลากหลายและสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของทอ้ งถ่นิ 9. ควรใหช้ ุมชนมสี ่วนร่วมในกิจกรรมการทานุบารุงศลิ ปวฒั นธรรม 10. ควรมีการพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู และมีการใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการบริหารและ การตดั สินใจ 11. ดา้ นการเงินและงบประมาณ ควรมรี ะบบการบริหารการเงินที่มปี ระสิทธิภาพ มีการติดตามตรวจสอบ วิเคราะห์ประเมินผลการใช้จ่ายเงินตามแผนงาน โครงการ ตลอดจนมีหลกั การการจดั สรรเงินงบประมาณและระเบียบการ จดั เก็บค่าบริการทางวชิ าการแก่สงั คมท่ีเป็นระบบ 12. ควรมกี ารประชาสมั พนั ธแ์ ละสร้างความร่วมมอื ดา้ นการประกนั คณุ ภาพในทกุ ระดบั อยา่ งต่อเน่ืองและเป็นรูปธรรม นอกจากน้ียงั มีผลจากการสารวจความคิดเห็นการดาเนินโครงการนาร่องโดยการส่งแบบสอบถามจานวย 560 ฉบบั ไปยงั ผเู้ ก่ียวขอ้ ง (ผบู้ ริหาร คณาจารย์ บุคลากรสาย ข และ ค และผรู้ ับผดิ ชอบงานดา้ นประกนั คุณภาพของคณะวิชา) ภายใตโ้ ครงการนาร่องและที่เขา้ ร่วมโครงการเพ่ิมเติมแบบสอบถามที่ไดร้ ับการตอบกลบั มีจานวน 417 ฉบบั คิดเป็ นร้อยละ 74.46 และผตู้ อบ 40

แบบสอบถามไดแ้ สดงถึงความพอใจในประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการอย่างชัดเจน โดยมีบทเรียนเพื่อการพฒั นาไดด้ งั น้ี 1. คณะวิชาควรให้ความสาคญั และสร้างความรู้ความเขา้ ใจใหก้ บั กลุ่มบุคลากร สาย ข,ค มากข้ึน รวมท้งั เปิ ดโอกาสใหแ้ สดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การประกนั คุณภาพภายในคณะวิชาต่อผบู้ ริหาร / คณะกรรมการประกนั คุณภาพและใหม้ ี ส่วนร่วมในการจดั ทารายงานการศกึ ษาตนเองดว้ ย ส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ีจะช่วยทา ใหก้ ารดาเนินงานดา้ นการประกนั คุณภาพเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ ต่อเน่ืองในอนาคต 2. การดาเนินงานดา้ นการประกนั คุณภาพ จะเกิดผลสมั ฤทธ์ิมากหากไดร้ ับความ ร่วมมือจากบุคลากรทุกคนในคณะวิชา ซ่ึงจะช่วยใหก้ ารทางานมีระบบและมี ประสิทธิภาพมากข้ึน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในเรื่องของการจดั เก็บขอ้ มลู ซ่ึงหาก บุคลากรมคี วามร่วมมอื ร่วมใจกนั ดาเนินงานแลว้ ย่อมยนิ ดีที่จะสละเวลาอนั มี ค่ามาร่วมพฒั นางานประกนั คุณภาพต่อไป 3. ควรมีการปรับปรุ งระบบการบริ หารจัดการ โดยมอบหมายงานหรื อ ภาระหน้าท่ีดา้ นการประกนั คุณภาพ ให้เป็ นกิจจะลกั ษณะ มีผรู้ ับผิดชอบที่ ชัดเจน มีแผนงานและการดาเนินงานที่ครอบคลุม กิจกรรมท้ังหมดมีการ ติดตามและประเมินผลการประกนั คุณภาพภายในระยะเวลาที่กาหนดอย่าง ต่อเน่ืองและสมา่ เสมอ 4. ทบวงมหาวิทยาลยั และมหาวทิ ยาลยั ท่ีเขา้ ร่วมโครงการนาร่อง ควรดาเนินการ เผยแพร่ผลการตรวจสอบคุณภาพต่อหน่วยงานอื่น ๆ ท้งั ภายในและภายนอก สถาบนั ซ่ึงตอ้ งหาแนวทางการเผยแพร่ขอ้ มลู ใหก้ วา้ งขวางกวา่ ปัจจุบนั เพื่อให้ การตรวจสอบคุณภาพฯ คุม้ ค่ากบั เวลาและงบประมาณท่ีเสียไป และเป็ นการ ใชป้ ระสบการณ์และทรัพยากรอยา่ งคุม้ ค่า เนื่องจากการประกนั คุณภาพเป็ น งานท่ีทุกมหาวิทยาลยั ตอ้ งดาเนินการและตอ้ งเผยแพร่ขอ้ มูลต่อสาธารณชน โดยถือว่าการประกนั คุณภาพภายในเป็ นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหาร ก าร ศึก ษ าที่ ต้องด าเนิ น ก าร อ ย่างต่ อเน่ื อ งต ามพ ระร าชบัญ ญัติ ก าร ศึก ษ า แห่งชาติ พ.ศ. 2542 5. สถาบันอุดมศึกษาควรเปิ ดโอกาสให้กลุ่มคณาจารยท์ ่ีมีความรู้ และมี ประสบการณ์ดา้ นการประกนั คุณภาพเข้ามามีส่วนร่วมในการพฒั นางาน 41

ประกนั คุณภาพหรือนาศกั ยภาพของสถาบนั ที่มอี ยมู่ าใชป้ ระโยชน์ให้เกิดคุณ ค่าสูงสุด สานักมาตรฐานอุดมศึกษา สานักงานปลดั ทบวงมหาวิทยาลัย (2545) ได้จัดโครงการเสวนาคุณภาพข้ึน เพ่ือนาประสบการณ์การดาเนินการประกนั คุณภาพภาคปฏิบตั ิของสถาบนั อุดมศึกษาต่าง ๆ มาประมวลและสังเคราะห์เพื่อสรุปเป็ นยุทธศาสตร์และแนวทางการประกนั คุณภาพการศึกษาที่เหมาะสม จากการศึกษามีขอ้ คิดถึงสถาบนั อุดมศึกษาในการดาเนินยทุ ธศาสตร์การประกนั คุณภาพภายในดงั น้ี 1. ควรมกี ารพฒั นาระบบขอ้ มลู และบุกเบิกการวจิ ยั สถาบนั ใหเ้ ป็นรูปธรรม และ มปี ระสิทธิภาพ โดยเฉพาะขอ้ มลู และดชั นีที่เก่ียวขอ้ งกบั งานประกนั คุณภาพ อาทิ ขอ้ มูลภาระงานอาจารย์ ขอ้ มลู การติดตามผลบัณฑิต ขอ้ มลู ความพอใจ นายจา้ ง ขอ้ มลู การสารวจความพอใจผใู้ ชบ้ ริการของหน่วยงานภายในส่วน ต่าง ๆ เป็นตน้ 2. สถาบนั ต่าง ๆ ควรมีกระบวนการในการสร้างอตั ลกั ษณ์ของตนเองบนฐาน งานประกนั คุณภาพ โดยการกาหนดปณิธาน พนั ธกิจ และเป้ าหมายเฉพาะตวั และการพฒั นาดชั นีท่ีจะช่วยช้ีวดั การบรรลุเป้ าหมายน้นั 3. สถาบนั ต่าง ๆ ควรมีการกาหนดเป้ าหมายคุณภาพ ตลอดจนกลไก ทีมงาน และการไหลเวียนของขอ้ มลู คุณภาพใหเ้ ป็นรูปธรรม เพื่อกระตุน้ และส่งเสริม ความมงุ่ มน่ั ดา้ นคุณภาพใหเ้ ป็นพนั ธกิจและวฒั นธรรมขององคก์ ร 4. เนื่องจากการการประกนั คุณภาพมงุ่ ใหบ้ ุคลากรในองคก์ รมจี ิตใจท่ีใฝ่ คุณภาพ และมุ่งเปล่ยี นฐานคิด (Mindset) ของคนทางานใหเ้ ห็นคุณค่าของการประกนั คุณภาพ ดงั น้ัน การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมและการให้อานาจคนทางาน (Empowerment) จึงเป็ นยุทธศาสตร์สาคญั ท่ีผบู้ ริหารพึงนาไปใชอ้ ยา่ งจริงจงั และต่อเนื่องดว้ ย 5. สถาบันต่าง ๆ ควรมีการพัฒนาบทบาทของหัวหน้าภาควิชาและหัวหน้า หน่วยงานอยา่ งจริงจงั ในฐานะฟันเฟื องสาคญั ท่ีสุดในกระบวนการประกนั คุณภาพแบบมีส่วนร่วมของทุกฝ่ าย และเป็ นกลไกสาคญั ท่ีอยใู่ กลช้ ิดกบั งาน ปฏิบัติด้านต่าง ๆ มากท่ีสุด ท้ังน้ี โดยอาศยั การสนับสนุนและผลกั ดันจาก ผบู้ ริหารสถาบนั ที่มงุ่ มน่ั ในเร่ืองการประกนั คุณภาพเช่นเดียวกนั 42