Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2Natural history of diseases

2Natural history of diseases

Published by bussayasit, 2019-01-22 22:05:44

Description: 2Natural history of diseases

Search

Read the Text Version

b. การแพรเ่ ช้อื โดยพาหะนาโรค  วธิ ีน้เี ชอ้ื แพร่กระจายจากบุคคลหน่ึงสอู่ กี คน หนง่ึ โดยอาศยั แมลง และสัตว์พาหะ เชน่ ยงุ แมลงวัน หนู สนุ ขั นก ฯลฯ 101

 การแพรเ่ ช้ือโดยไม่มีการเปล่ียนแปลง (mechanical transmission) เชน่ แมลงวันตอมสิง่ สกปรก แลว้ มาตอมอาหาร  การแพร่เชื้อทางชวี ภาพ (Biological transmission) เชน่ › การแพร่เชือ้ โดยการแบง่ ตวั (propagative transmission) › การแพร่เช้อื โดยการเจรญิ เติบโต (Cyclic transmission) › การแพรเ่ ช้ือโดยการเจริญเตบิ โตและแบง่ ตัว (Cyclopropagative transmission) 102

3. การแพรเ่ ชอื้ ทางอากาศ (Airborne Transmission) ประกอบด้วย  Droplet nuclei ขณะ ไอ จาม หรอื พน่ สารเคมี จะมีอนภุ าคเล็ก ใหญ่ตกสพู่ น้ื ดนิ ซึ่งจะปลวิ ไปในอากาศ และเช้ือโรคจะถกู พา ปลวิ ไปกับละอองไปตดิ ต่อบุคคลอ่นื ได้ ละอองจะถูกหายใจเขา้ ไปยังถงุ ลมได้ เนื่องจากขนาดเลก็ กว่า 5 ไมครอน  ฝนุ่ (dust) ฝนุ่ ในบรรยากาศ อาจมีการปนเปื้อนเชอ้ื โรค และ กระจายไปในถุงลมได้ 103

 Direct › Direct contact การสมั ผสั › Droplet spread ละออง (การไอ จาม ละอองกระจาย 2-3 ฟุต)  Indirect › ไAกiลrbมoาrกn)e (ฝุ่น และ ละอองเลก็ กว่า 5 ไมครอน กระจายได้ › Vehicleborne – food, fomites, etc. › Vectorborne  Mechanical  Biologic 104

105

 เชอ้ื โรคจะเขา้ สรู่ า่ งกายไดต้ ามชอ่ งเปดิ ต่างๆ เช่น บาดแผล หู ตา จมกู ปาก เยอ่ื บุ อวยั วะเพศ หรอื ระบบทางเดนิ ปสั สาวะ  เมื่อเช้อื โรคเขา้ สู่รา่ งกายแลว้ บางครัง้ อาจจะตายหมด แต่หากเชือ้ โรคเข้าสู่ รา่ งกายในสภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสมกบั ตวั มันเช้อื โรคนัน้ จะกอ่ ใหเ้ กิด ปัญหาสุขภาพหรือเกิดโรคได้ 106

107

108

 ปฏกิ ริยาระหวา่ งโฮสท์และสิง่ ท่ีทาใหเ้ กิดโรค จะรุนแรง มากน้อยขึ้นกบั ชนดิ ของจุลชพี และตัวโฮสท์ ทง้ั น้ี ขนึ้ กบั คณุ สมบตั ขิ องจลุ ชพี ที่สมั พนั ธก์ บั โฮสท์ดังนี้ 1. ความสามารถในการตดิ เช้อื (infectivity) 2. ความสามารถในการกอ่ พยาธสิ ภาพ (pathogenicity) 3. ความรุนแรงของโรค (virulence) 4. ความสามารถในการทาให้เกิดภูมติ า้ นทานของโรค (Immunogenicity) 109

หมายถงึ ความสามารถของเช้อื โรคในการทาให้เกดิ การตดิ เชอื้ ใน รา่ งกายของโฮสท์ โดยมีการเจรญิ เตบิ โตและแบง่ ตัว ดัชนีท่ใี ช้ วัดความสามารถในการติดเช้ือโดยตรง ไดแ้ กจ่ านวนจลุ ชพี ที่ นอ้ ยที่สุดทส่ี ามารถทาใหเ้ กิดการติดเช้อื ได้ โรคทม่ี ีความสามารถในการติดเชอ้ื สูง ได้แก่ โปลิโอ โรคหัด อสี ุกอีใส โรคที่มคี วามสามารถในการติดเชอ้ื ตา่ ได้แก่ วณั โรค และโรคเรอ้ื น 110

 หมายถงึ ความสามารถของจุลชพี ในการทาให้เกดิ พยาธิสภาพ หรอื เกิดโรค การเกิดพยาธิสภาพจะมากน้อยเพียงใดข้ึนอยกู่ ับความเร็วใน การแบ่งจลุ ชีพ ขอบเขตการแพรก่ ระจายของจุลชพี ในรา่ งกายของ โฮสท์ ขอบเขตของเน้อื เย่ือทถ่ี กู ทาลาย จากการแบง่ ตัวของจลุ ชพี ใน การสรา้ งท๊อกซนิ เชน่ โรคคอตบี เช้ือบาดทะยกั เป็นตน้  ระดบั ของความสามารถในการก่อพยาธิสภาพของจุลชีพ อาจแบง่ เปน็ ระดับสูง กลาง ต่า เชน่  โรคเรอ้ื น วณั โรค มีความสามารถในการตดิ เช้ือและเกดิ โรคต่า  โรคโปลโิ อ มีความสามารถในการติดเชือ้ สูงแต่ความสามารถในการ เกิดโรคปานกลาง 111

ไดแ้ ก่ อตั ราการกอ่ พยาธสิ ภาพ (Pathogenicity rate หรอื Attack rate among infected persons) › อตั ราการกอ่ พยาธสิ ภาพ = จานวนผู้ป่วยใหม่ x 100 จานวนผ้ทู ต่ี ดิ เช้อื ทง้ั หมด › Pathogenicity rate = Number of new cases x 100 Total number infected 112

หมายถึง ความสามารถของจลุ ชพี ในการทาใหเ้ กดิ โรคทม่ี ีอาการรนุ แรงมาก หรือตายมาก เชน่ โรคพิษสนุ ัขบ้า (rabies) ทาให้อตั ราผู้ป่วยตามสงู ร้อยละ 100 เช่น โรคโปลิโอ อตั ราผปู้ ่วยอมั พาตตายร้อยละ 7-10 สว่ นโรคเรือ้ น ทาใหม้ คี วามพิการของโรคสูงแต่ตายนอ้ ย สาหรบั โรค หวัดมคี วามรุนแรงต่า 113

2. อตั ราความรนุ แรงของโรค = จานวนผ้ปู ่วยหนกั และผปู้ ่วยถงึ แกก่ รรม x 100 จานวนผ้ปู ว่ ยท้ังหมด › Virulence rate = Severe cases and fatal cases x 100 Total cases 114

หมายถึง ความสามารถของจุลชพี ในการทาให้เกิดภูมิตา้ นทานของ โรคในร่างกายของโฮสท์ จลุ ชีพบางชนิดทาใหเ้ กิดภมู ติ า้ นทาน ตลอดชีพ เชน่ โรคหดั โรคคางทมู บางชนิดทาใหเ้ กดิ ภูมิ ต้านทานในระยะสัน้ และระดับภูมติ า้ นทานตา่ เช่น วัคซีน ป้องกันอหิวาต์ จงึ ไมน่ ิยมนามาใช้ ระดับภมู ิต้านทานทเ่ี กดิ ข้นึ มากนอ้ ยแตกตา่ งกนั ไปตามชนิดของเชอื้ 115

Infectivity - สัดส่วนการไดร้ ับเชอื้ แลว้ เกิดการตดิ เชอื้ Pathogenicity - สัดส่วนการตดิ เชือ้ แล้วมอี าการ Virulence - สดั สว่ นการมอี าการแลว้ มคี วามรุนแรง มากหรอื เสยี ชีวติ 116

Pathogenicity Virulence Hepatitis A (เด็ก) ต่า ต่า Measles สูง ต่า (ในกลมุ่ โภชนาการดี) สูง สงู Measles (ในกลมุ่ ทุพโภชนาการ) Rabies สงู สงู 117

ปจั จัยที่มผี ลต่อระดับภูมิคมุ้ กันโรค พนั ธุกรรม ความแข็งแรง immunization ปัจจยั ทวั่ ไปที่ชว่ ยปอ้ งกนั โรค – ผวิ หนัง กลไกการจาม การไอ กรดในกระเพาะอาหาร cilia ในทางเดินหายใจ ปัจจยั ทั่วไปท่ีทาให้เกิดโรคไดง้ า่ ย – ทุพโภชนาการ alcoholism การเจบ็ ปว่ ยอ่ืนๆ “Herd immunity” 118

การใเนปรลเ่ากีย่ งิดนกาแยปลเงรม่ิ มอี าการวธิวีกินาิจรฉตยั รไวดจ้โปดกยติ (Onset) สมั ผัสสาเหตุ ระยะมีภมู ไิ วรบั ระยะไม่มอี าการ ระยะปว่ ยมีอาการ ระยะหาย, พกิ าร, หรือตาย ปฐมภมู ิ= ทุตยิ ภูมิ= ตรวจ ตตยิ ภูมิ= ปอ้ งกนั ใหร้ ูก้ อ่ นการ- การรกั ษา และฟ้นื ฟสู ภาพ ก่อนการเกดิ โรค วนิ ิจฉยั ปกติ เช่น วัคซนี สขุ ศึกษา เช่น Pap Smear เช่น การใหย้ ารักษา ฯ 119

120

1. Latent period ระยะเวลาตัง้ แตเ่ ริ่มรบั เชื้อจนกระทง่ั เรม่ิ ปลอ่ ยเชื้อออกจากรา่ งกาย เปน็ ระยะทีเ่ ช้อื โรคหลบ ซ่อนอยู่ในเซลล์ ยงั ไม่ปรากฎตวั ให้ค้นพบได้ ระยะนี้ เป็นระยะที่ส้นั มากสงั เกตยาก 2. Patent period ระยะเวลาทีเ่ ช้อื โรคปรากฎตัวสามารถ ตรวจค้นพบได้อาจตรวจพบได้ในเลอื ด ปัสสาวะ อุจจาระ และสว่ นอืน่ ๆของรา่ งกาย 121

3.Period of communicability ระยะเวลาตั้งแตเ่ ริม่ ไดร้ ับ เชอื้ จนกระท่งั เร่ิมปรากฎอาการ โรคบางชนดิ มี ระยะฟกั ตวั สัน้ บางชนดิ มีการฟักตัวยาว ซึง่ ใช้ ประโยชน์ในการ › กักกนั ผสู้ มั ผัสโรค (Quarantine) › การวิเคราะห์แยกโรค (Differential diagnosis) 122

4. Generation time ระยะเวลาที่โรคมีการตดิ ตอ่ มากท่สี ดุ โดยเปน็ ระยะเวลาระหวา่ งไดร้ ับเช้ือแลว้ มกี ารปล่อย เชอ้ื แพรก่ ระจายไปติดตอ่ ผอู้ น่ื ไดม้ ากทส่ี ุด โดยทว่ั ไป ระยะน้ีมีระยะฟกั ตวั ของโรค 123

หมายถงึ การกระจายของโรคตามระดบั ตา่ งๆ ของความ รนุ แรงของโรค เมือ่ เชอื้ โรคเขา้ สู่ร่างกายของโฮสท์ ความสามารถในการก่อพยาธิสภาพ และความ และ ความรนุ แรงของเชื้อโรค 124

Model สาเหตขุ องการเกิดโรค คอื Epidemiological triad (host, agent, & env.), wheel model ธรรมชาตขิ องโรค มี 4 ระยะ Spectrum of Disease 125

 Chain of infection – Reservoir, Mode of Transmission, & Susceptible Host 126

บอกธรรมชาติของโรค (Natural history of disease) หาสาเหตขุ องโรค (Causation) วดั สถานะสขุ ภาพและการเปล่ียนแปลง (Description of health status and changing in time) ประเมินมาตรการ (Evaluation of health intervention) 127

128


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook