Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือKM65

คู่มือKM65

Published by Singburi CDD, 2022-05-05 09:08:30

Description: คู่มือKM65

Search

Read the Text Version

ก คู่มอื ขบั เคล่ือน โครงการจัดการความรู้งานพัฒนาชมุ ชน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กลุม่ คงำานนำจดั การความรู้ สถาบนั การพฒั นาชุมชน กรมการพฒั นาชุมชน

ข กำรจดั กำรควำมรูเ้ ป็นเครอ่ ื งมือสำคัญในกำรพัฒนำคน พัฒนำงำน และพัฒนำองค์กรไปสู่กำรเปน็ องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ ซงึ่ หัวใจสำคัญของกำรจดั กำรควำมรู้ คือกำรเรยี นรู้ อันเป็นภำรกิจของกลุ่มงำนจัดกำร ควำมรู้ สถำบันกำรพัฒนำชุมชน กรมกำรพัฒนำชุมชนท่ีต้องพัฒนำรูปแบบกำรจดั กำรควำมรูแ้ ละสินทรพั ย์ ทำงควำมรขู้ องบุคลำกรและชุมชนในภำพรวมของกรมกำรพัฒนำชุมชน ไปสู่กำรบรรลุเปำ้ หมำยตำมวสิ ัยทัศน์ คู่มือกำรขับเคล่ือนโครงกำรจัดกำรควำมรูใ้ นงำนพัฒนำชุมชน ปีงบประมำณ พ.ศ.๒๕๖๕ ฉบับนี้ เปน็ กำรรวบรวมข้อมูลสำคัญที่เก่ียวข้อง ท้งั ในส่วนของแนวคิด เป้ำหมำย องค์ประกอบของกำรจดั กำรควำมรู้ และเครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรู้ ท่ีจะต้องใชใ้ นกำรขับเคลื่อนกิจกรรม รวมทั้งข้อมูลแนวทำงกำรขับเคล่ือน กิจกรรมกำรจัดกำรควำมรูใ้ นงำนพัฒนำชุมชนในแต่ละกิจกรรมที่สำนักงำนพัฒนำชุมชนจังหวัด/อำเภอ ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน รวมท้ังหน่วยงำนในสังกัดกรมกำรพัฒนำชุมชน เป็นผู้ดำเนินกำรหรอื มีส่วนรว่ ม ในกำรขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งกระบวนกำร เพื่อให้เกิดควำมเข้ำใจและสำมำรถขับเคลื่อนกิจกรรมของทุกส่วน ได้อยำ่ งสอดคล้องเปน็ ไปในทิศทำงเดียวกันได้ คู่ มื อ ฉ บั บ น้ี เ ป็ น เพี ย ง แ น ว ท ำ ง ก ำ ร ขั บ เ ค ล่ื อ น ต ำ ม โ ค ร ง ก ำ ร จั ด ก ำ ร ค ว ำ ม รู ้ง ำ น พั ฒ น ำ ชุ ม ช น ปีงบประมำณ พ.ศ.๒๕๖๕ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกำรขับเคลื่อนกำรจัดกำรควำมรูใ้ นภำพรวม ขององค์กรอย่ำงมีประสิทธิภำพมำกย่ิงข้ึน ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับสำมำรถปรบั ใช้ ประยุกต์หลักกำรและ แนวทำงให้มีควำมเหมำะสมและมีประสิทธภิ ำพเพ่ิมเติม ซง่ึ ไม่มีผลกระทบต่อเป้ำหมำยหลักของกำรขับเคล่ือน งำนในภำพรวมกรมกำรพัฒนำชุมชนได้ กลุ่มงำนจดั กำรควำมรู้ สถำบันกำรพัฒนำชุมชน กรมกำรพัฒนำชุมชน พฤศจกิ ำยน ๒๕๖๔ สำรบัญ

ค คำนำ ๑ สำรบญั ๒ ส่วนที่ ๑ (กำรจดั กำรควำมร)ู้ ๗ - แนวคิด เปำ้ หมำย กำรจดั กำรควำมรู้ ๙ - องค์ประกอบในกำรจดั กำรควำมรู้ ๑๑ - เครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรู้ ๑๒ ๑๔ - ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice - CoP) ๑๗ - กำรเรยี นรโู้ ดยกำรปฏิบัติ (Action Learning) ๑๙ - กำรทบทวนหลังกำรปฏิบตั ิ (After Action Review-AAR) - เรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง (Story Telling) ๒๖ - กำรถอดบทเรยี น ๒๙ - เครอ่ ื งมืออ่ืน ๆ ในกำรจดั กำรควำมรู้ ๓๐ - กำรสรำ้ งองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ ๓๑ - มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ ISO 30401 2018 ๓๒ ส่วนที่ ๒ (เส้นทำงกำรขับเคล่ือนงำนด้วยองค์ควำมรู้ ปี ๒๕๖๕) ๓๒ - แนวทำงกำรขับเคลื่อนกิจกรรมกำรจดั กำรควำมรใู้ นงำนพัฒนำชุมชน ๓๓ - กิจกรรม ๑.๑ กำรเพิ่มทักษะกำรจดั กำรควำมรู้ ๓๓ - กิจกรรม ๑.๒ เวทีสรำ้ งเครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรู้ ๓๔ - กิจกรรม ๒.๑ KM สัญจร จดั กำรควำมรชู้ ุมชน ๓๖ - กิจกรรม ๒.๒ เวทชี ุมชนนักปฏิบัติ (CoP) - กิจกรรม ๒.๓ KM Show & Share ๔๐ - กิจกรรม ๒.๔ ตลำดนัดควำมรงู้ ำนพัฒนำชุมชน ๔๒ - กิจกรรม ๓.๑ ส่งเสรมิ กำรเรยี นรสู้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ ๔๔ - กิจกรรม ๓.๒ สรำ้ งสื่อกำรเรยี นรงู้ ำนพัฒนำชุมชนในรปู แบบกำรเรยี นรผู้ ่ำนระบบออนไลน์ ๕๕ - กิจกรรม ๓.๓ จดั ทำองค์ควำมรงู้ ำนพัฒนำชุมชนในรปู แบบออนไลน์และออฟไลน์ ๖๑ - แนะนำชอ่ งทำงกำรเรยี นรแู้ ละแบ่งปนั ควำมรู้ “KM Society” ๖๓ ส่วนท่ี ๓ (ข้อมูลสนับสนุนกำรขับเคล่ือนงำนด้วยองค์ควำมร)ู้ ๖๖ - วงจรสรำ้ งกำรเรยี นรงู้ ำนพัฒนำชุมชน - วธิ คี ิดกำรจดั กำรควำมรใู้ นงำนพัฒนำชุมชน - KM Action Plan 65 - ตำรำงรำยละเอียดกิจกรรม - รำยชอ่ื KM TEAM ศพช. - คำสั่งคณะกรรมกำรจดั กำรควำมรู้ กรมฯ - ที่มำ/แหล่งสืบค้นข้อมูล ..................

1 ส่วนที่ ๑ กำรจดั กำรควำมรู้ แนวคิดกำรจดั กำรควำมรู้ กำรจดั กำรควำมรู้ คือกำรรวบรวมองค์ควำมรูท้ ี่มีอยู่ในส่วนรำชกำรซึ่งกระจัดกระจำยอยู่ในตัวบุคคล หรอื เอกสำร มำพัฒนำให้เปน็ ระบบ เพ่ือให้ทุกคนในองค์กรสำมำรถเข้ำถึงควำมรู้ และพัฒนำตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมท้ังปฏิบัติงำนได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีควำมสำมำรถในเชงิ แข่งขันสูงสุด โดยที่มี ควำมรอู้ ยู่ ๒ ประเภท ๑. ควำมรูท้ ี่ฝังอยู่ในตัวคน ( Tacit Knowledge) เ ป็ น ค ว ำ ม รู้ ท่ี ไ ด้ จ ำ ก ประสบกำรณ์ พรสวรรค์ หรอื สัญชำติญำณ ข อ ง แ ต่ ล ะ บุ ค ค ล ใ น ก ำ ร ท ำ ค ว ำ ม เข้ ำ ใจ ใ น ส่ิ ง ต่ ำง ๆ เป็นควำมรู้ท่ีไ ม่ สำมำรถถ่ ำยทอด ออกมำเป็นคำพูดหรอื ลำยลักษณ์อักษรได้ โดยง่ำย เช่น ทักษะในกำรทำงำน งำนฝีมือ หรอื กำรคิดเชิงวเิ ครำะห์ บำงครงั้ จึงเรยี กว่ำ เปน็ ควำมรแู้ บบนำมธรรม ๒ . ค ว ำ ม รู้ ชั ด แ จ้ ง ( Explicit Knowledge) เป็นควำมรูท้ ี่สำมำรถรวบรวม ถ่ำยทอดได้ โดยวธิ ตี ่ำง ๆ เชน่ กำรบันทึกเป็น ลำยลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือ และบำงครงั้ เรยี กว่ำ เป็นควำมรแู้ บบรูปธรรม ควำมรูใ้ นองค์กรส่วนใหญ่จะเป็นควำมรูท้ ่ีฝังอยู่ในตัวคน เปรยี บเทียบเป็นอัตรำส่วนกับควำมรู้ ที่ชดั แจง้ อำจได้เป็น ๘๐ : ๒๐ ซง่ึ เปรยี บเทียบได้กับภูเขำน้ำแข็ง ส่วนท่ีโผล่พ้นน้ำข้ึนมำเปรยี บเสมือนควำมรู้ ท่ีชัดแจ้ง เป็นส่วนท่ีน้อยมำก ประมำณ ๒๐ % ของท้ังหมด ในขณะท่ีส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำ ซ่ึงเปรยี บเสมือน ควำมรทู้ ีฝ่ งั ในตัวคน เปน็ ส่วนท่ีใหญ่มำก ประมำณ ๘๐ % ของท้ังหมด เปำ้ หมำยของกำรจดั กำรควำมรู้ ๑. กำรพัฒนำคน ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงำนและผู้บรหิ ำร ให้มีสมรรถนะ ซึ่งประกอบด้วย ควำมรู้ ทักษะ คุณลักษณะ สูงขึ้น ปฏิบัติงำนได้ดีขึ้น โดยที่บุคลำกรระดับต้น ระดับกลำงจะได้ประโยชน์มำกท่ีสุด ๒. กำรพัฒนำงำน ทำให้กำรทำงำนมีประสิทธภิ ำพ เชน่ ผิดพลำดน้อยลง รวดเรว็ ขึ้น ประหยัดมำกขึ้น มีประสิทธผิ ล เชน่ ลดต้นทุน ผลผลิตสูงขึ้น เกิดนวัตกรรม ๓. กำรพัฒนำองค์กร ทำให้องค์กรสำมำรถบรรลุเป้ำหมำยตำมวสิ ัยทัศน์/ยุทธศำสตร์ มีศักยภำพในกำร แข่งขันสูง สำมำรถเติบโตก้ำวหน้ำอยำ่ งย่งั ยืน

2 ศำสตรำจำรย์ นำยแพทย์ วจิ ำรณ์ พำนิช ได้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ “กำรจัดกำรควำมรู้” ไว้ คือเครอ่ ื งมือเพื่อบรรลุเป้ำหมำยอยำ่ งน้อย ๔ ประกำรไปพรอ้ ม ๆ กัน ได้แก่ ๑. บรรลุเป้ำหมำยของงำน ๒. บรรลุเป้ำหมำยกำรพัฒนำคน ๓. บรรลุเปำ้ หมำยกำรพัฒนำองค์กรไปเป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ และ ๔. บรรลุเป็นชุมชน เปน็ หมู่คณะ ควำมเอ้ืออำทร ระหว่ำงกันในทีท่ ำงำน สรุปแนวคิดกำรจดั กำรควำมรู้ กำรจดั กำร “ควำมรทู้ ช่ี ดั แจง้ ” จะเน้นไปทกี่ ำรเข้ำถึงแหล่งควำมรู้ ตรวจสอบ และตีควำมได้ เมื่อนำไปใช้ แล้วเกิดควำมรูใ้ หม่ ก็นำมำสรุปไว้ เพื่อใชอ้ ้ำงอิง หรอื ให้ผู้อื่นเข้ำถึงได้ต่อไป ส่วนกำรจดั กำร “ควำมรูท้ ี่ฝังอยู่ ในตัวคน” น้ันจะเน้นไปทก่ี ำรจดั เวทีเพ่ือให้มีกำรแบ่งปันควำมรทู้ ่ีอยูใ่ นตัวผู้ปฏิบัติ ทำให้เกิดกำรเรยี นรรู้ ว่ มกัน อันนำไปสู่กำรสรำ้ งควำมรใู้ หม่ ท่ีแต่ละคนสำมำรถนำไปใชใ้ นกำรปฏิบัติงำนได้ต่อไป ควำมรู้ 2 ประเภทน้ีจะเปล่ียนสถำนภำพ สลับปรบั เปลี่ยนไปตลอดเวลำ บำงครง้ั Tacit Knowledge ก็ อ อ ก ม ำ เ ป็ น Explicit Knowledge แ ล ะ บ ำ ง ค รั้ ง Explicit Knowledge ก็ เ ป ลี่ ย น ไ ป เ ป็ น Tacit Knowledge

3 องค์ประกอบในกำรจดั กำรควำมรู้ ในกำรจัดกำรควำมรูโ้ ดยทั่วไปมีองค์ประกอบท่ีสำคัญ ๓ ส่วนคือ คน (man) เทคโนโลยีสำรสนเทศ (information technology - IT) และกระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ (process) ๑. คน (man) ในกำรจดั กำรควำมรู้ คนเป็นองค์ประกอบท่ีสำคัญที่สุด เน่ืองจำกคนเก่ียวข้องกับกำรจัดกำร ควำมรูส้ ่วนบุคคล (personal knowledge management - PKM) คือ ผู้ซงึ่ ต้องกำรจดั กำรควำมรูเ้ พื่อกำร ใชป้ ระโยชน์กับตัวเอง จงึ สำมำรถจดั กำรทกุ อย่ำงทุกขั้นตอนได้เองเป็นส่วนใหญ่ อำจจะมีบำ้ งท่ีต้องเกี่ยวข้อง กับคนอ่ืน บุคลำกรท่ีเก่ียวข้องกับกำรดำเนินกำรจดั กำรควำมรูห้ รอื KM Team ขององค์กรอำจแบ่งได้ เป็น ๒ ทมี คือ ทีมหลักหรอื ทมี ถำวร (core team or permanent team) และ ทีมชว่ั ครำว (contemporary team) ทีมหลักหรอื ทีมถำวรเป็นคณะทำงำนท่ีรบั ผิดชอบกำรดำเนินกำรจัดกำรควำมรูข้ ององค์กร อย่ำงต่อเน่ือง ประกอบด้วยบุคลำกร ๓ ฝ่ำย ได้แก่ หัวหน้ำงำน หรอื ผู้จัดกำรควำมรู้ ( knowledge champion or senior manager or chief knowledge management - CKO) เป็นผู้บรหิ ำรระดับสูง ขององค์กร ซง่ึ มีบทบำทในกำรขุดหำ (leverage) ควำมรูภ้ ำยในองค์กรออกมำโดยกำรใชโ้ ครงกำรกำรจดั กำร ควำมรู้ รบั ผิดชอบในกำรสรำ้ งวสิ ัยทัศน์ในสิ่งที่เป็นไปได้ ออกแบบกรอบงำนท่ีให้ผลคุ้มค่ำ และ เป็นผู้อำนวย ควำมสะดวก (facilitator) ประสำนงำนและกำรจัดให้มีกิจกรรมกำรจัดกำรควำมรูท้ ั้งหมดขององค์กร บุคลำกรประเภททสี่ องได้แก่ หัวหน้ำงำน (Chief Information Officer - CIO) เปน็ ผู้รบั ผิดชอบงำนท้งั หมด ขององค์กร และ ฝำ่ ยสุดท้ำยของทีมหลักคือ ตัวแทนจำกกลุ่มงำนหลักขององค์กร ส่วนทีมช่ัวครำว เป็นคณะกรรมกำรท่ีมำจำกกลุ่มเฉพำะ องค์กรต้องพึงระลึกไว้เสมอว่ำ บุคคล สำคัญที่เกี่ยวข้องกับกำรจัดกำรควำมรูข้ ององค์กร คือ กลุ่มผู้ใช้ผลผลิตและบรกิ ำรขององค์กร จึงควรให้ บุคคลเหล่ำนั้นมำเป็นหุ้นส่วนและรว่ มกันวำงแผนงำนให้กับองค์กร นอกจำกทีมงำนทั้งสองทีมแล้ว บุคคล ที่มีบทบำทสำคัญในกำรสนับสนุนโครงกำรจัดกำรควำมรูข้ ององค์กรอย่ำงมำกคือ ผู้บรหิ ำรสูงสุด (Chief Executive Officer - CEO) โดยปกติจะอยู่ในตำแหนง่ ทปี่ รกึ ษำโครงกำรจดั กำรควำมรู้ ๒. เทคโนโลยีสำรสนเทศ (Information Technology – IT) ในเรอ่ ื งของกำรจดั กำรควำมรูน้ ้ันมีงำนวจิ ยั เป็นจำนวนมำกที่พยำยำมอธบิ ำยควำมสัมพันธแ์ ละ บทบำทของเทคโนโลยีสำรสนเทศกับกำรจดั กำรควำมรู้ ดังที่ปรำกฏว่ำ เป็นเรอ่ ื งรำวจำนวนมำกที่แสดงถึง กำรจัดกำรควำมรู้ขององค์กรผ่ำนระบบเทคโนโลยีสำรสนเทศ แม้ว่ำกระบวนกำรจัดกำรควำมรู้ เป็นกระบวนกำรท่ีไม่ใช้เทคโนโลยี แต่เทคโนโลยีก็เป็นท่ีถูกคำดหมำยว่ำเป็นเครอ่ ื งมือสำคัญอย่ำงหน่ึง ที่จะช่วยให้กำรจัดกำรควำมรูป้ ระสพควำมสำเรจ็ องค์กรส่วนใหญ่จึงมีกำรจัดสรรงบประมำณในกำรนำ เทคโนโลยีท่ีเหมำะสม มำเป็นเครอ่ ื งมือชว่ ยในกำรจดั กำรควำมรูข้ ององค์กรเทคโนโลยีสำรสนเทศที่เก่ียวข้อง และมีบทบำทในกำรจดั กำรควำมรปู้ ระกอบด้วยเทคโนโลยีในกำรส่ือสำร (Communication Technology) , เทคโนโลยีกำรทำงำนรว่ มกัน (Collaboration Technology) และเทคโนโลยีในกำรจัดเก็บ (Storage Technology)

4 - เทคโนโลยีในกำรสื่อสำร ชว่ ยให้บุคลำกรสำมำรถเข้ำถึงควำมรูต้ ่ำง ๆ ได้ง่ำยข้ึน สะดวกข้ึน รวมทั้งสำมำรถติดต่อสื่อสำรกับผู้เชี่ยวชำญสำขำต่ำง ๆ ในกำรค้นหำข้อมูล สำรสนเทศผ่ำนเครอื ข่ำยได้ ผ่ำนระบบอินเตอรเ์ น็ต อินทรำเน็ต หรอื โซเชยี ลมีเดีย (Social Media) - เทคโนโลยีสนับสนุนกำรทำงำนรว่ มกัน ช่วยให้สำมำรถประสำนกำรทำงำนได้อย่ำงมี ประสิทธภิ ำพ ลดอุปสรรคเรอ่ ื งระยะทำง เชน่ โปรแกรมประชุมทำงไกลหรอื ระบบ video conference เปน็ ต้น - เทคโนโลยีช่วยในกำรจัดเก็บ ช่วยในกำรจัดเก็บและจัดกำรควำมรู้ต่ำง ๆ เทคโนโลยี สำรสนเทศมีส่วนชว่ ยประสำน สนับสนนุ และอำนวยควำมสะดวกกระบวนกำรจดั กำรควำมรทู้ ง้ั ๓ ดังนี้ - กำรแสวงหำควำมรู้ เป็นกำรแสวงหำควำมรูท้ ้ังที่เป็นกำรหย่ังรูเ้ อง (Tacit knowledge) ทักษะ ปฏิสัมพันธร์ ะหว่ำงบุคคล ผู้มีประสบกำรณ์สูง จะมองเห็นแนวโน้มหรอื หรอื ทิศทำงควำมต้องกำรใช้ ควำมรดู้ ้ำนต่ำง ๆ แล้ววำงและดำเนินกำรทจ่ี ะจดั หำควำมรูน้ ้ัน ๆ มำ โดยอำศัยเทคโนโลยีสำรสนเทศประเภท ต่ำง ๆ เปน็ เครอ่ ื งชว่ ยประสำนและอำนวยควำมสะดวก - กำรแลกเปล่ียนและแบ่งปันควำมรู้ เป็นกำรเผยแพรแ่ ละกระจำยควำมรู้ กำรเรยี นรู้ จำกผู้เชย่ี วชำญจะชว่ ยให้ผู้ดำเนินกำรจดั กำรควำมรมู้ ือใหม่ผ่ำนเครอื ข่ำยกำรส่ือสำรในรูปแบบต่ำง ๆ - กำรใช้ประโยชน์จำกควำมรู้ กำรเรยี นรูจ้ ะบูรณำกำรอยู่ในองค์กร มีอะไรอยู่ในองค์กร สมำชกิ องค์กรสำมำรถรบั รแู้ ละประยุกต์ใชส้ ถำนกำรณ์ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลำ ท้งั กำรแลกเปลี่ยนแบ่งปันควำมรู้ และกำรใชป้ ระโยชน์ควำมรู้ จะเกิดขึ้นในเวลำเดียวกันทงั้ กำรแสวงหำควำมรู้ อยำ่ งไรก็ตำม ในควำมหมำยของ IT ไม่ได้หมำยถึงเพียงแค่อุปกรณ์ ฮำรด์ แวรห์ รอื ซอฟท์แวร์ เพียงเทำ่ นั้น แต่ในปัจจุบนั ได้หมำยรวมถึงควำมสำคัญของคน เปำ้ หมำยท่คี นวำงหรอื กำหนด ในกำร ใชเ้ ทคโนโลยีน้ัน ๆ คุณค่ำในกำรเลือกใชเ้ ทคโนโลยีตลอดจนเกณฑ์ในกำรประเมินท่ีใชใ้ นกำรตัดสินใจในกำร ใชป้ ระโยชน์จำกเทคโนโลยีในงำนต่ำง ๆ ๓. กระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ (Process) กระบวนกำรจัดกำรควำมรู้ เป็นกระบวนกำรท่ีจะช่วยให้เกิดกำรพัฒนำของควำมรู้ หรอื กำรจดั กำรควำมรทู้ ่จี ะเกิดขึ้นภำยในองค์กร มีท้ังหมด ๗ ข้ันตอน ดังนี้ ๑) กำรบ่งชคี้ วำมรู้ (Knowledge Identification) - เป็นกำรพิจำรณำว่ำองค์กรเรำมีพันธกิจ วสิ ัยทัศน์ เป้ำหมำยอะไร และเพื่อให้บรรลุ เปำ้ หมำย เรำต้องใชอ้ ะไร ขณะน้ีเรำมีควำมรอู้ ะไรบำ้ ง อยู่ในรปู แบบใด และอยู่ท่ใี คร - กำรค้นหำว่ำมีควำมรูอ้ ะไรบ้ำงในองค์กำรที่มีผู้เกี่ยวข้องหรอื ลูกค้ำ ( Stakeholder / C - Customer) ต้องกำรทรำบแล้วพิจำรณำว่ำควำมรูน้ ั้นเป็นรูปแบบใด อยู่ท่ีใครหรอื ควำมรูอ้ ะไรบ้ำง ทอ่ี งค์กำรจำเปน็ ต้องมี - กำรจัดลำดับควำมสำคัญของควำมรูเ้ หล่ำน้ัน เพื่อให้องค์กำรวำงขอบเขตของกำรจดั กำร ควำมรู้ และสำมำรถจดั สรรทรพั ยำกรได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพและประสิทธผิ ล (C-Cost) ๒) กำรสรำ้ งและกำรแสวงหำควำมรู้ (Knowledge Creation & Acquisition) - กำรสรำ้ งควำมรใู้ หม่ แสวงหำควำมรจู้ ำกภำยนอก รกั ษำควำมรเู้ ก่ำ กำจดั ควำมรทู้ ่ไี ม่ได้ใชง้ ำนแล้ว - กำรกำหนดวธิ ีกำรในกำรดึงควำมรูจ้ ำกแหล่งต่ำง ๆ อำจอยู่กระจัดกระจำยมำรวมไว้ (C - Convenience)

5 - กำรจัดทำเน้ือหำให้เหมำะสมและตรงกับควำมต้องกำรหรอื ลักษณะกำรเรยี นรูข้ องผู้ใช้ (C - Communication) - กำรสรำ้ งควำมรูข้ ึ้นจำกควำมรูเ้ ดิมท่ีมีอยู่หรอื นำควำมรูจ้ ำกภำยนอกองค์กำรมำใช้ เพ่ือให้ องค์กำรมีควำมรทู้ ่ีจำเปน็ ต้องมีแต่ยังไม่มี ๓) กำรจดั กำรควำมรูใ้ ห้เป็นระบบ (Knowledge Organization) - เปน็ กำรวำงโครงสรำ้ งควำมรู้ เพื่อเตรยี มพรอ้ มสำหรบั เก็บควำมรอู้ ยำ่ งเปน็ ระบบในอนำคต - กำรจดั ควำมรูใ้ ห้เป็นระบบ เพื่อให้ผู้ใชส้ ำมำรถค้นหำและนำควำมรูด้ ังกล่ำวไปใชป้ ระโยชน์ ได้ เชน่ กำรจดั ทำสำรบัญ และจดั เก็บควำมรูป้ ระเภทต่ำง ๆ เพ่ือให้กำรเก็บรวบรวม กำรค้นหำ กำรนำมำใช้ ทำได้ง่ำยและรวดเรว็ - กำรแบ่งชนิดหรอื ประเภทของควำมรู้ โดยคำนึงถึงว่ำผู้ใช้นำไปใช้อย่ำงไร และลักษณะ กำรทำงำนของบุคลำกรเป็นแบบใด เช่น แบ่งตำมควำมชำนำญหรอื ควำมเชี่ยวชำญ ของบุคลำกร หัวข้อ/ หัวเรอ่ ื ง หน้ำท/่ี กระบวนกำร ประเภทของผลิตภัณฑ์ บรกิ ำร ตลำด หรอื กลุ่มลูกค้ำ เปน็ ต้น ๔) กำรประมวลและกล่ันกรองควำมรู้ (Knowledge Refinement) - เชน่ กำรปรบั ปรุงเอกสำรให้เป็นรูปแบบมำตรฐำน ใชภ้ ำษำในกำรส่ือสำรเป็นภำษำเดียวกัน ปรบั ปรุงเน้ือหำควำมรใู้ ห้สมบูรณ์ - จัดทำหรอื ปรบั ปรุงรูปแบบของเอกสำรให้เป็นมำตรฐำนเดียวกันท่ัวทั้งองค์กำร ทำให้ กำรปอ้ นข้อมูล กำรจดั เก็บ กำรค้นหำ และกำรใชข้ ้อมูลทำได้สะดวกและรวดเรว็ - กำรใช้ \"ภำษำ\" เดียวกันท่ัวท้ังองค์กำร โดยจัดทำคำอภิธำนศัพท์ของคำจำกัดควำม ควำมหมำยของคำต่ำง ๆ ทแี่ ต่ละหน่วยงำนใชใ้ นกำรปฏิบัติงำน เพ่ือให้มีควำมเข้ำใจตรงกัน - กำรเรยี บเรยี ง ตัดต่อ และปรบั ปรุงเนื้อหำให้มีคุณภำพดีในแง่ต่ำง ๆ เช่น ครบถ้วน เทีย่ งตรง ทันสมัย สอดคล้อง และตรงตำมควำมต้องกำรของผู้ใช้ ๕) กำรเข้ำถึงควำมรู้ (Knowledge Dissemination & Access) - เป็นกำรทำให้ผู้ใชเ้ ข้ำถึงควำมรูอ้ ย่ำงเป็นระบบได้ง่ำยและสะดวกขึ้น กำรกระจำยควำมรู้ ให้ผู้อื่นทำงชอ่ งทำงกำรสื่อสำรทเ่ี หมำะสม - มีวธิ กี ำรในกำรจดั เก็บและกระจำยควำมรู้ เพื่อให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ได้ โดยมีกำรกระจำย ควำมรใู้ ห้ผู้ใชท้ งั้ 2 ลักษณะ คือ “Push” (กำรป้อนควำมร)ู้ คือ กำรส่งข้อมูล/ควำมรใู้ ห้ทรำบเก่ียวกับกิจกรรม ต่ำง ๆ ข่ำวสำรต่ำง ๆ หรอื ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรอื บรกิ ำรขององค์กำร “Pull” (กำรให้โอกำสเลือกใช้ ควำมรู)้ คือ กำรท่ีผู้รบั สำมำรถเลือกรบั หรอื ใช้แต่เฉพำะข้อมูล/ควำมรูท้ ่ีต้องกำรเท่ำนั้น ซึ่งช่วยลดปัญหำ กำรได้รบั ข้อมูล/ควำมรทู้ ่ไี ม่ต้องกำรมำกเกินไป ๖) กำรแบ่งปันและแลกเปล่ียนควำมรู้ (Knowledge Sharing) - เป็นกำรนำควำมรูท้ ่ีได้มำแลกเปล่ียนกันด้วยกลยุทธต์ ่ำง ๆ เช่น ในกรณีเป็น Explicit Knowledge อำจทำเป็นเอกสำร ฐำนควำมรู้ คลังควำมรู้ โดยนำเทคโนโลยีสำรสนเทศมำใช้ หรอื ในกรณีเปน็ Tacit Knowledge อำจใช้วธิ ผี สมผสำนเพื่อผู้ใช้ข้อมูล สำมำรถเลือกใชไ้ ด้ตำมควำมสะดวก อำจระบบทีม ข้ำมสำยงำน กิจกรรมกลุ่ม ชุมชนแห่งกำรเรยี นรู้ และระบบพี่เลี้ยง กำรสับเปล่ียนงำน กำรยืมตัว เวที แลกเปล่ียนเรยี นรู้ เป็นต้น

6 ๗) กำรเรยี นรูแ้ ละกำรนำไปใชง้ ำน (Learning & Utilization) - เปน็ ข้ันตอนสุดท้ำยของกระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ - บุคลำกรเกิ ดกำรเรยี นรู้ ซึ่งอำจสังเกตได้ จำกควำมสำมำรถในกำรทำงำนท่ีดีข้ึน มีประสิทธภิ ำพสูงข้ึน สำมำรถแก้ปญั หำในงำนได้ดีขึ้น และ/เหรอื เกิดควำมรใู้ หม่ๆ ข้ึน ชว่ ยเพ่ิมพูนองค์ควำมรู้ ขององค์กำรท่ีมีอยู่แล้วให้เพ่ิมมำกข้ึนเร่อื ย ๆ และนำไปสู่กำรทำให้องค์กำรมีกำรบรหิ ำรจัดกำรที่มี ประสิทธภิ ำพสูงขึ้นในท่ีสุด

7 เครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรู้ (KM Tools) เครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรกู้ ็เหมือนเครอ่ ื งมือของชำ่ งไม้ ในกล่องเครอ่ ื งมือมีอยูห่ ลำยชนิด เรำเองต้อง เลือกมำใช้ให้เหมำะกับงำน เหมำะกับคน เหมำะกับโอกำส จึงจะได้ประโยชน์จรงิ เครอ่ ื งมือทุกชิ้นจึงมี ประโยชน์ทั้งหมด ขึนอยู่กับคนใชง้ ำน ถ้ำไปเอำเล่ือยมำตอกตะปูแล้วบอกว่ำไม่ได้เรอ่ ื ง คงไม่ได้ เพรำะเรำใช้ ผิดประเภท ในกำรจดั กำรควำมรู้ มีองค์ประกอบที่หลำกหลำย แล้วแต่ทฤษฎีหรอื ตัวแบบ แต่สิ่งหนึ่งท่สี ำคัญ มำกและขำดไม่ได้คือกำรแลกเปล่ียนเรยี นรู้ (Knowledge sharing) ซ่ึงสำมำรถทำได้หลำยรูปแบบทั้งเวทีจรงิ และเวทเี สมือนในเวทีแลกเปลี่ยนเรยี นรเู้ รำสำมำรถใชร้ ปู แบบหรอื กระบวนกำรได้หลำยรูปแบบ ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice - CoP) ชุมชนนักปฏิบตั ิ หรอื Community of Practice ( CoP ) หมำยถึงชุมชนแห่งกำรเรยี นรทู้ ีร่ วบรวม กลุ่มคนซงึ่ มีควำมรคู้ วำมสนใจในเรอ่ ื งเดียวกัน มำรว่ มแลกเปลี่ยน แบ่งปนั เรยี นรใู้ นเรอ่ ื งน้ัน ๆ รว่ มกัน เพื่อให้ ได้มำในเรอ่ ื งชุมชนควำมรูใ้ นเรอ่ ื งน้ัน ๆ ( Knowledge Assets ) สำหรบั คนในชุมชนนำไปทดลองใช้ แล้วนำ ผลท่ีได้มำแลกเปล่ียนเรยี นรรู้ ะหวำ่ งสมำชกิ ส่งผลให้ควำมรนู้ ั้น ๆ ได้รบั กำรยกระดับข้ึนเรอ่ ื ย ๆ ผ่ำน กำรปฏิบตั ิ ประยุกต์ และปรบั ใชต้ ำมแต่สภำพแวดล้อมและสถำนกำรณ์ที่หลำกหลำย อันทำให้งำนบรรลุผลดี ขึ้นเรอ่ ื ย ๆ วตั ถปุ ระสงค์ของ CoP - เพื่อแลกเปล่ียนเรยี นรแู้ ละสรำ้ งควำมรใู้ หม่ - เพื่อทบทวน และเผยแพรว่ ธิ ปี ฏิบตั ิทเี่ ป็นเลิศ (Best Practices) - เพื่ อเผยแพร่ควำมรู้ที่ใช้ในงำนประจำ โดยผลลัพธ์ท่ีได้ จำก CoP ทำให้ กำรทำง ำน มีประสิทธภิ ำพและประสิทธผิ ลที่ดีข้ึนและมีควำมไว้วำงใจและเชอ่ื มั่นในกำรแลกเปลี่ยนควำมรรู้ ะหวำ่ งกัน ลักษณะท่ีสำคัญของ CoP - เป็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันโดยมีควำมสนใจและควำมปรำรถนำ ( Passion) รว่ มกันในเรอ่ ื งใด เรอ่ ื งหน่งึ ซงึ่ เรยี กว่ำมีประเด็นหรอื กลุ่มควำมสนใจควำมรรู้ ว่ มกัน ( Knowledge Domain) - มีปฏิสัมพันธแ์ ละสรำ้ งควำมสัมพันธใ์ นกลุ่ม เป็นชุมชนช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในด้ำนต่ำง ๆ โดยเฉพำะควำมรู้ ซงึ่ เรยี กว่ำชุมชน ( Community ) - มีกำรแลกเปล่ียนและพัฒนำควำมรูใ้ หม่ๆ รว่ มกัน และต้องมีกำรสรำ้ งฐำนข้อมูล ควำมรู้ และ แนวปฏิบัติ ท่ีมีกำรแลกเปลี่ยนกันในระบบคลังควำมรู้ และนำควำมรูน้ ั้นไปปฏิบัติเพื่อพัฒนำประสิทธภิ ำพ กำรทำงำนอยำ่ งต่อเน่ือง ( Practice) ประเภทของชุมชนนักปฏิบัติ - Helping Communities เพื่อแก้ปัญหำประจำวัน และแลกเปล่ียนควำมรูแ้ ละคิดเห็นในกลุ่ม สมำชกิ - Best Practice Communities เน้นกำรพัฒนำ ตรวจสอบ และเผยแพรว่ ธิ ปี ฏิบัติที่เป็นเลิศ - Knowledge Stewarding Communities เพื่อกำรจำดระเบียบ ยกระดับ และพัฒนำควำมรู้ ท่ีสมำชกิ ใชเ้ ป็นประจำ - Innovation Communities เพื่อพัฒนำแนวคิดในกำรสรำ้ งนวตั กรรมโดยกำรผสำนมุมมอง ควำมคิดเห็นท่ีต่ำงกัน

8 รปู แบบหรอื ประเภทของ CoP - ชุมชนเพ่ือกำรช่วยเหลือ ( Helping Communities ) เป็นชุมชนที่มีกำรรว่ มแก้ปัญหำกำร ทำงำนท่ีประสบในแต่ละวนั โดยชว่ ยกันแลกเปล่ียนแนวคิด ประสบกำรณ์ และมุมมองต่ำง ๆ ในกลุ่มสมำชกิ - ชุมชนเพื่อกำรปฏิบัติที่เป็นเลิศ ( Best Practice Communities ) เป็นชุมชนที่เน้นกำร แสวงหำพัฒนำ และเผยแพรแ่ นวปฏิบัติทีเ่ ปน็ เลิศจำกชุมชนอ่ืน ๆ ปรอื กำรสรำ้ งแนวปฏิบตั ิทด่ี ีท่ีสุดข้ึนมำเอง - ชุมชนเพ่ือพัฒนำยกระดับควำมรู้ ( Knowledge-stewarding Communities ) เป็นชุมชน ทมี่ ีกำรสรำ้ งองค์ควำมรใู้ หม่ๆ มีกำรจดั ระเบยี บควำมรแู้ ละยกระดับควำมรคู้ วำมคิดของสมำชกิ อยู่ประจำ - ชุมชนนวัตกรรม ( Innovation Communities) เป็นชุมชนท่ีมีกำรพัฒนำแนวคิดจำกกำร ผสมผสำนแนวคิดของสมำชกิ ที่มีมุมมองต่ำงกัน เพื่อหำแนวทำงใหม่ๆ ในกำรปฏิบัติงำน หรอื สรำ้ งผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆท่เี ปน็ นวัตกรรม ปัจจยั ท่ีสำคัญต่อควำมสำเรจ็ ของ CoP - กำรรว่ มปัญหำ ( Head) สมำชิกใน CoP ต้องใส่ใจในเรอ่ ื งกำรแลกเปล่ียนควำมรูเ้ ป็นเรอ่ ื งสำคัญ โดยสมำชิกต้องมี พฤติกรรมในกำรเรยี นรูส้ ่ิงใหม่ๆ เพ่ือจะนำมำแลกเปล่ียนเรยี นรูแ้ ก่กัน ซึ่งจะถือว่ำชุมชนน้ันยึดควำมรู้ หรอื ปญั หำเป็นศูนยก์ ลำงท่ีสนใจรว่ มกัน - กำรรว่ มใจ ( Heart) สมำชิกมีกำรเสรมิ สรำ้ งสำยสัมพันธอ์ ันดีบนพื้นฐำนของกำรให้เกียรติ เคำรพ และเช่อื ถือ ซงึ่ กันและกัน เป็นแรงผลักดัน ชว่ ยสรำ้ งแรงจูงใจ และควำมเต็มใจในกำรแลกเปล่ียนควำมรู้ เปดิ โอกำสให้ทกุ คนมีส่วนรว่ ม - กำรรว่ มมือ ( Hand ) สมำชกิ มีกำรแสดงออกด้วยกำรกระทำหรอื แสดงพฤติกรรมในลักษณะกระตือรอื รน้ ในกำร เข้ำรว่ มกิจกรรมของชุมชน มีกำรอุทิศตัวหรอื เสียสละรบั ผิดชอบในกิจกำรต่ำง ๆ ของชุมชนด้วยควำมเต็มใจ ประโยชน์ของ CoP - เสรมิ สรำ้ งวัฒนธรรมกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรขู้ ององค์กร - เป็นแหล่งรวบรวมและเผยแพรว่ ธิ ปี ฏิบัติท่ีเปน็ เลิศ - เกิดโอกำศพัฒนำองค์กรอย่ำงก้ำวกระโดด - เครอื ข่ำยของกลุ่มวชิ ำชพี - เกิดเครอื ข่ำยของกลุ่มวชิ ำชพี ต่ำง ๆ ในองค์กรและภำยนอก - รกั ษำคนเก่งให้อยู่กับองค์กรได้นำนข้ึน - เพ่ิมโอกำสในกำรสรำ้ งนวัตกรรมใหม่ๆในองค์กร - ขับเคลื่อนให้องค์กรบรรลุเปำ้ หมำยเชงิ กลยุทธ์ กำรทำ CoP ให้บรรลุเป้ำหมำยของกำรจัดกำรควำมรู้ KM : Knowledge Management หรอื กำรจดั กำรควำมรู้ คือ ดึงควำมรใู้ นตัวบุคคลในรปู ของ Tacit Knowledge ออกมำจดั เก็บให้กลำยเปน็ ควำมรู้ ท่ีปรำกฎชัดแจ้ง หรอื Explicit Knowledge เพื่อสรำ้ ง Best Practices หรอื วธิ ปี ฏิบัติที่เป็นเลิศ สำหรบั ให้บุคคลอ่ืนสำมำรถนำไปทดลองใช้ และต่อยอดยกระดับควำมรนู้ ั้นขึ้นเรอ่ ื ย ๆ

9 กำรเรยี นรูโ้ ดยกำรปฏิบัติ (Action Learning) เป็นกำรรวมกลุ่มกันของผู้ปฏิบัติเพื่อจะแก้ไขปัญหำใดปัญหำหน่ึง โดยกำรวเิ ครำะห์สำเหตุ วเิ ครำะห์ทำงเลือก เลือกทำงเลือกที่เหมำะสมแล้วนำไปปฏิบัติ พรอ้ มท้ังติดตำมประเมินผลเพื่อปรบั ให้ดีขึ้น เรอ่ ื ย ๆ ในภำษำนักคณุ ภำพเขำเรยี กทำ CQI Story กำรเรยี นรูจ้ ำกกำรปฏิบัติ ( Action Learning) ในสถำนกำรณ์ปัจจุบัน องค์กรต่ำง ๆ มีกำรพัฒนำ บุคลำกรอยำ่ งต่อเนื่องและมีวธิ กี ำรรูปแบบใหม่ๆ เกิดข้ึนอยู่เสมอ ท้ังน้ีก็เพ่ือสรำ้ งกำรเรยี นรแู้ ละเปล่ียนแปลง พฤติกรรมอย่ำงถำวร อันเน่ืองมำจำกกำรฝึกหัดหรอื ประสบกำรณ์ของแต่ละบุคคล ให้เกิดข้ึนกับบุคลำกรซงึ่ มี ควำมสำคัญย่ิงต่อควำมสำเรจ็ ขององค์กร เน้นกำรทำงำนทีม มีควำมคล่องตัว รวดเรว็ โดยรูปแบบของกำร เรยี นรทู้ ่ไี ด้รบั กำรยอมรบั ว่ำสำมำรถสรำ้ งให้ผู้เรยี นรเู้ กิดกระบวนกำรเรยี นรอู้ ยำ่ งมีประสิทธผิ ล วธิ กี ำรหนึง่ คือ กำรเรยี นรทู้ ีเ่ รยี กว่ำกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบัติ (Action Learning) ควำมหมำยของกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบัติ กำรเรยี นรู้ (Learning) หมำยถึง กระบวนกำรเรยี นรู้ ที่ต่อเน่ืองกันของกลุ่มคนเล็ก ๆ เพ่ือ รว่ มกันขบคิด แลกเปลี่ยน แบ่งปันควำมรู้ และประสบกำรณ์ แนวคิดใหม่ ๆ ทำควำมเข้ำใจ รว่ มกันพัฒนำ แก้ไขปัญหำที่แท้จรงิ เก่ียวกับงำน และนำไปลงมือปฏิบัติกำรแก้ไขปัญหำจรงิ โดยลักษณะเฉพำะของ กำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบัติ (Action Learning) มีดังนี้ ๑. เป็นกำรเรยี นรูจ้ ำกประสบกำรณ์จรงิ ในกำรทำงำน คือกำรเรยี นรูท้ ่ีมีกำรนำปัญหำในกำร ทำงำนมำเป็นโจทย์ในกำรเรยี นรูอ้ ีกทั้งต้องมีกำรคิดหำวธิ ใี นกำรแก้ปัญหำหรอื พัฒนำงำนซง่ึ จะเป็นประโยชน์ ต่อท้งั ผู้เรยี นรเู้ องและองค์กรด้วย ๒. เป็นกำรเรยี นรโู้ ดยกำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์กับผู้อื่นคือกำรเรยี นท่ตี ้องมีกำรประชุมระดม สมองเพ่ือหำวธิ ีกำรที่ดีและเหมำะสมในกำรดำเนินกำร เนื่องจำกเป็นกำรเรยี นรูใ้ นลักษณะทีมงำนย่อย ท่ีมีสมำชกิ จำนวนหนง่ึ ที่ต้องมีกำรทำงำนรว่ มกัน ๓. เปน็ กำรเรยี นรโู้ ดยให้ผู้รว่ มงำนวจิ ำรณ์และแนะนำคือกำรเรยี นรทู้ ตี่ ้องมีกำรเสนอแนะและ ให้ ข้อคิดเห็นเมื่อมีกำรดำเนินกำรปฏิบัติ และอำจมีกำรปรบั ปรุงกำรปฏิบตั ิเพื่อควำมสำเรจ็ ของดำเนินกำร องค์ประกอบสำคัญในกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบตั ิจรงิ ๑. ปัญหำ (Problem) Action Learning สรำ้ งขึ้นจำกปัญหำ (โครงกำร ควำมท้ำทำย ประเด็น ปัญหำ หรอื งำน) ทำงแก้ซึ่งเป็นควำมสำคัญอย่ำงสูงต่อ บุคคล ทีม และหรอื องค์กำร ปัญหำควรเด่นชดั อยู่ในควำมรบั ผิดชอบของทีม และให้โอกำสแห่งกำรเรยี นรู้ กำรเลือกปัญหำเป็นหลักเบื้องต้นของ Action Learning เนื่องจำกเรำเรยี นรเู้ ม่ือแบกรบั กำรกระทำบำงอยำ่ ง ซงึ่ สำมำรถสะท้อนควำมคิดในกำรกระทำนั้นๆ ปัญหำให้กลุ่มได้เน้นบำงอย่ำงที่เป็นจรงิ และสำคัญ นั่นก็คือตรงประเด็นและมีควำมหมำยต่อกลุ่ม ปัญหำ สรำ้ งโอกำสให้เกิดกำรเรยี นรู้ ๒ . ก ลุ่ ม ( Group of ๔ - ๘ people) ห ลั ก ข อ ง Action Learning คื อ ก ลุ่ ม ก ำ ร เ ร ยี น รู้ กลุ่มประกอบด้วยคนส่ีถึงแปดคนท่ีมำร่วมกันสำรวจปัญหำ ขององค์กรกำรประกอบกันเข้ำของกลุ่ม หลำกหลำยและมีพื้นฐำนประสบกำรณ์ของตนเองที่แตกต่ำงกัน เพื่อให้เกิดมุมมองแตกต่ำงและได้รบั จุดมอง ใหม่สุด ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับปัญหำของ Action Learning กลุ่มอำจประกอบด้วยคนที่มำจำกต่ำงองค์กำรหรอื อำชพี เชน่ ผู้ส่งมอบหรอื ลูกค้ำของบรษิ ัท ก็ได้

10 ๓. กระบวนกำรตั้งคำถำมและกำรไตรต่ รอง (สะท้อนควำมคิดและกำรฟัง) ( Reflective questioning and Listening) โดยกำรเน้นที่คำถำมที่ถูกต้องมำกกว่ำคำตอบท่ีถูกต้อง Action Learning เน้นสิ่งท่ีคนไม่รู้ เท่ำกับสิ่งที่ตนรู้ กระบวนกำร Action Learning แก้ปัญหำด้วยกำรถำมคำถำมเป็นสิ่งแรก เพื่อให้เห็นลักษณะอย่ำงชดั เจนของปญั หำ แล้วจงึ สะทอ้ นควำมคิดหรอื คิดไตรต่ รอง แล้วระบุทำงแก้ที่เป็นไป ได้ก่อนทจี่ ะลงมือกระทำกำร ๔. ลงมือปฏิบัติ สำหรบั ผู้ทุ่มเทให้กับ Action Learning กำรเรยี นรูท้ ่ีแท้จรงิ จะไม่เกิดเลย หำกไม่ได้กระทำกำร เนื่องจำกไม่มั่นใจวำ่ ควำมคิดหรอื แผนกำรจะทรงประสิทธผิ ล จนกระท่ังลงมือดำเนินกำร ดังน้ัน สมำชิกกลุ่ม Action Learning ต้องลงมือกระทำกำร ฝ่ำฟันกับกำรเปล่ียนแปลงสำคัญใดใ ด ในสภำพแวดล้อม หรอื ฝำ่ ฟันกับกำรขำดสำรสนเทศท่สี ำคัญของกลุ่ม กำรกระทำจะเพิ่มพูนกำรเรยี นรู้ ๕. กำรมุ่งม่ันสู่กำรเรยี นรู้ (Commitment to Learning) ใน Action Learning กำรเรยี นรู้ สำคัญเท่ำกำรปฏิบัติ ไม่ใด้เน้นกำรแก้ปญั หำระยะส้ันเทำ่ น้ัน แต่ให้ควำมสำคัญแก่กำรเรยี นรทู้ เ่ี กิดข้ึนในระดับ บุคคล กลุ่มและองค์กร ย่ิงกลุ่มได้พัฒนำควำมรู้ ควำมสำมำรถมำกเพียงใด คุณภำพของกำรปฏิบัติกำร เพ่ือแก้ปัญหำเพิ่มข้ึนตำมตัว ๖. ผู้ชน้ี ำ (Action Learning Coach) ผู้ให้คำชน้ี ำในกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบตั ิ มีควำมสำคัญกับ กลุ่มเพื่อชว่ ยให้สมำชกิ กลุ่มดำเนินกำรไปตำมแนวทำงที่ถูก ซง่ึ จะชว่ ยในกำรแก้ปัญหำและกำรเรยี นรู้ โดยจะ กระตุ้นให้ตั้งประเด็น และเรยี นรจู้ ำกประสบกำรณ์ที่เกิดข้ึน รปู แบบของกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบตั ิ ได้มีผู้ทำกำรศึกษำวจิ ัย เก่ียวกับกำรพัฒนำบุคลำกรโดยกำรเรยี นรูจ้ ำกกำรปฏิบัติ (Action Learning) และได้กำหนดรปู แบบกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบัติไว้หลำยท่ำน ในท่ีนี้จะกล่ำวถึงรปู แบบกำรเรยี นรู้ จำกกำรปฏิบัติ ไว้ ๑๐ ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนท่ี ๑ เตรยี มควำมพรอ้ มบุคลำกร ข้ันตอนท่ี ๒ กำหนดประเด็นปัญหำ ข้ันตอนที่ ๓ แลกเปล่ียนเรยี นรปู้ ระสบกำรณ์และควำมคิดเห็นเพื่อคัดเลือกปญั หำและหำสำเหตุ และหำทำงแก้ปัญหำ ขั้นตอนที่ ๔ สรำ้ งควำมรูแ้ ละตรวจสอบควำมถูกต้องของควำมรู้ สกัดควำมรูท้ ่ีอยู่ภำยในตัวคน (Tacit Knowledge) ข้ันตอนท่ี ๕ สรำ้ งผลงำนที่เป็นวธิ กี ำรอย่ำงมีระบบหรอื นวัตกรรมท่ีจะแก้ปัญหำโดยบุคลำกร นำไปทดลองใช้ ตรวจสอบ แก้ไขและปรบั ปรุง ขั้นตอนที่ ๖ เสนอผลงำนรว่ มกัน ให้ข้อเสนอแนะ ปรบั ปรุงงำน ขั้นตอนท่ี ๗ นำผลงำนทเี่ ปน็ นวตั กรรมไปปฏิบัติ ข้ันตอนที่ ๘ ประเมินผลและผู้วจิ ัยสรุปผลงำน สรุปผลกำรเรยี นรู้ สรุป นิยำมกำรเรยี นรู้ จำกประสบกำรณ์ จำกกำรปฏิบัติ ข้ันตอนที่ ๙ ประเมินค่ำนิยมที่มีต่อรปู แบบกำรพัฒนำบุคลำกรด้วยกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบัติ ขั้นตอนท่ี ๑๐ เผยแพรผ่ ลงำน

11 แนวคิดกำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบตั ิ/กับกำรประยุกต์ใช้ กำรเรยี นรูจ้ ำกกำรปฏิบัติ (Action Learning) เป็นแนวคิดหรอื ควำมเชอื่ ท่ีสนับสนุนให้คนเรำ ปฏิบัติส่ิงต่ำง ๆ ด้วยตนเองตำมควำมสนใจ ควำมถนัดและศักยภำพ ด้วยกำรศึกษำ ค้นคว้ำ ฝึกปฏิบัติ ฝึกทักษะจนถึงกำรเรยี นรู้ด้วยตนเอง เพรำะเชื่อว่ำหำกคนเรำได้กระทำ จะทำให้เกิดควำมเชื่อม่ัน เปน็ แรงจูงใจให้เกิดกำรใฝเ่ รยี นรู้ ผู้เรยี นจะสนุกสนำนทจี่ ะสืบค้นหำควำมรตู้ ่อไป มีควำมสุขทจี่ ะเรยี น กำรเรยี นรู้จำกกำรปฏิบัติ (Action Learning) สำมำรถนำไปใช้ในกำรพัฒนำกำรเรยี นรู้ ในองค์กรได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพอย่ำงมำกเพรำะเหตุว่ำมิได้มีกำรเรยี นรูเ้ ฉพำะในส่วนแนวคิด ทฤษฎีอย่ำง เดียว แต่ยังเป็นกำรนำประเด็นปัญหำ หรอื เหตุกำรณ์ท่ีเกิดข้ึนจรงิ มำเข้ำสู่กระบวนกำรขบคิด วเิ ครำะห์ และ แก้ปัญหำน้ันด้วย ซ่ึงประโยชน์ที่ได้โดยตรง คือผู้เรยี นก็จะมีควำมรูค้ วำมเข้ำใจในแนวคิดนั้น ๆ อย่ำงลึกซง้ึ มำกกว่ำในตำรำ หรอื จำกผู้สอนเพียงด้ำนเดียว แต่ยังได้มีกำรสัมผัสใกล้ชิดกับสภำพควำมเป็นจรงิ ท่ีสอดคล้องกับแนวคิดที่เรยี กว่ำ Learning by doing คือ กำรเรยี นรูท้ ี่มีกำรลงมือปฏิบัติจรงิ ทำให้กำร เรยี นรเู้ กิดขึ้นอย่ำงมีผลสัมฤทธม์ิ ำกข้ึน กำรเรยี นรูจ้ ำกกำรปฏิบัติ (Action Learning) เป็นวธิ ีกำรที่จำเป็นต้องทำงำนเป็นทีม คือ กำรเปิดโอกำสให้สมำชิกทุกคนมีส่วนรว่ มในกำรแก้ปัญหำ กำรป้อนข้อมูลย้อนกลับ ตลอดจนกำรส่ือสำร ที่ชดั เจน เพื่อให้ได้ข้อมูลในกำรตัดสินใจรว่ มกัน เป็นผลดีในกำรสรำ้ งควำมสำมัคคี และกำรทำงำนเป็นกลุ่ม ทำให้ผู้ปฏิบัติงำนเกิดควำมผูกพัน ผลท่ีได้รบั จะเป็นผลสำเรจ็ และควำมภำคภูมิใจของแต่ละคน และนำไปสู่ ผลสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำยท่ตี ั้งไว้ กำรเรยี นรจู้ ำกกำรปฏิบตั ิ (Action Learning) เป็นกำรพัฒนำองค์กรไปสู่องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ (Learning Organization) โดยต้องมีกำรสรำ้ งพลวัติกำรเรยี นรู้ (Learning dynamics) ให้เกิดขึ้นซง่ึ ต้องมี กำรเรยี นรูอ้ ย่ำงต่อเน่ือง เรยี นรูร้ ว่ มกันเป็นทีมบุคลำกรมีควำมกระตือรอื รน้ สนใจ ใฝ่รูแ้ ละพัฒนำตนเองอยู่ เสมอ บุคลำกรมีกำรคิดอย่ำงเป็นระบบ บุคลำกรมีแบบแผนทำงควำมคิด ไม่ยึดติดกับควำมเชอื่ ทัศนคติเดิม มองโลกอนำคต บุคลำกรมีส่วนรว่ มในกำรแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็น มีกำรสนทนำเปน็ ท่ีเปดิ เผย มีรูปแบบกำร เรยี นรูห้ ลำยรูปแบบ เชน่ เรยี นรูจ้ ำกกำรปรบั ตัว เรยี นรูจ้ ำกกำรคำดกำรณ์ และที่สำคัญต้องมีกำรเรยี นรูจ้ ำก กำรปฏิบัติจรงิ (Action Learning) กำรทบทวนหลังกำรปฏิบัติ (After Action Review-AAR) กำรทบทวนหลังกำรปฏิบัติ คือ กำรอภิปรำยเกี่ยวกับเหตุกำรณ์ท่เี กิดขึ้น เพ่ือทบทวนวำ่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมจงึ เกิด จะรกั ษำจุดแข็งและปรบั ปรงุ จุดอ่อนอย่ำงไร ส่งผลให้ทีมและสมำชกิ ได้เรยี นรจู้ ำกท้ังควำมสำเรจ็ และควำมล้มเหลว กำรทบทวนหลังกำรปฏิบัติ เป็นกำรทบทวนหรอื เป็นกระบวนกำรเพื่อวเิ ครำะห์ว่ำเกิดเหตุอะไร สำเหตุของกำรเกิด และจะสำมำรถดำเนินกำรให้ดีกว่ำเดิมได้อย่ำงไร โดยเอำบทเรยี นจำกควำมสำเรจ็ และ ควำมล้มเหลวของกำรทำงำนท่ีผ่ำนมำ เพ่ือนำมำซึ่งกำรพัฒนำหรอื กำรปรบั ปรุงกำรทำงำน กำรทำ AAR เป็นรูปแบบของกลุ่มทำงำนที่สะท้อนควำมมีส่วนรว่ มในกำรทบทวนส่ิงที่เกิดขึ้น อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจรงิ สำเหตุของกำรเกิดและสิ่งท่ไี ด้เรยี นรูค้ ืออะไร

12 กำรทบทวนหลังกำรปฏิบตั ิ เปน็ กำรทบทวนหรอื วเิ ครำะห์ผ่ำนกำรตอบคำถำม 4 คำถำม คือ คำถำมที่ ๑ อะไร คือสิ่งทคี่ ำดหวังจำกกำรทำงำนในครง้ั น้ี คำถำมท่ี ๒ อะไร คือสิ่งทีเ่ กิดขึ้นจรงิ คำถำมท่ี ๓ ทำไม ถึงเป็นเชน่ น้ัน คำถำมที่ ๔ จะทำอย่ำงไร เพื่อปรบั ปรุงและพัฒนำให้ดีข้ึน ในครงั้ ต่อไป คุณลักษณะของกำรทบทวนหลังกำรปฏิบตั ิ (After Action Review-AAR) - เปิดใจและซอื่ สัตยใ์ นกำรพูดคยุ - ทกุ คนในทมี มีส่วนรว่ ม มีกำรเรยี นรเู้ ป็นทมี พัฒนำควำมสัมพันธ์ - เน้นผลลัพธข์ องกิจกรรมของงำน เป็นกำรเรยี นรจู้ ำกเหตุกำรณ์มำกกว่ำกำรวจิ ำรณ์ - กำรอธบิ ำยวธิ เี พื่อให้เกิดควำมต่อเนื่องถึงส่ิงท่ตี ้องทำ - กำรพัฒนำของกำรแสดงออกทำงควำมคิดเห็นเพ่ือให้ผ่ำนพ้นอุปสรรค - ทำได้ทันทหี ลังเหตุกำรณ์ ใชเ้ วลำเทำ่ ทท่ี ีมงำนจดั สรรได้ - ไม่เน้นเฉพำะผลสำเรจ็ แต่มองให้ครบทุกมิติ เกิดควำมชดั เจน ในประเด็นทเ่ี กี่ยวข้อง - จุดประสงค์ก็คือกำรแยกแยะปัญหำไม่ใชก่ ำรกล่ำวหำ หรอื กล่ำวโทษ - มี “คุณอำนวย” คอยกระตุ้น ต้ังคำถำม - ได้ฝึกทกั ษะกำรพูด กำรฟัง กำรคิดเป็นระบบ - วัดผลกำรดำเนินงำนได้ - กำรจดบนั ทึก เตือนควำมจำ เคยทำอยำ่ งไร จะทำให้เกิดกำรพัฒนำต่อเน่ือง ข้ันตอน กำรทบทวนหลังกำรปฏิบัติ (After Action Review-AAR) 1. กำหนดเวลำ (หลังสถำนกำรณ์จบสิ้นทนั ที) 2. ระบุผู้เข้ำรว่ มในกระบวนกำร (ทุกคนในทมี งำน) 3. สรำ้ งบรรยำกำศกำรเรยี นรู้ (คุยกันฉันมิตร ไม่จบั ผิด) 4. กำหนดประเด็น ถอดบทเรยี น (4 คำถำมสำคัญ) 5. ทบทวนกำรดำเนินงำนตำมวตั ถุประสงค์ 6. เล่ำประสบกำรณ์ภำยใต้คำถำมหลัก 4 คำถำม 7. วเิ ครำะห์แสวงหำส่ิงทจี่ ะทำต่อไปให้ดีข้ึนอยำ่ งไร 8. สรุปได้ชุดข้อเสนอแนะ นำไปปฏิบตั ิ เรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง (story telling) เป็นกำรถอดควำมรูฝ้ ังลึกโดยกำรให้ผู้ท่ีมีผลงำนดีหรอื มีวธิ กี ำรทำงำนที่ดี มำเล่ำให้คนอ่ืน ๆ ฟัง ว่ำทำอย่ำงไร คนเล่ำจะต้องเล่ำให้สนุก น่ำฟัง เรำ้ ใจเล่ำให้เห็นกำรปฏิบัติ เห็นบุคคล ตัวละคร ในเหตุกำรณ์ ใชภ้ ำษำ เชงิ ปฏิบตั ิจรงิ เล่ำส่ิงทต่ี นเองทำจรงิ ๆ กับมือ ไม่ปรงุ แต่ง ใส่สีตีไข่ เล่ำเหมือนเล่ำนิทำนเด็กฟัง กำรเขียนเร่อื งเล่ำเร้ำพลัง ( story telling) โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำมำขับเคลื่อนภำยหลัง กำรดำเนินงำนของแต่ละกิจกรรมได้เสรจ็ สิ้นลง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธข์ องกำรดำเนินงำน รวมถึง ภำพสะท้อนอ่ืน ๆ ท่ีปรำกฎเป็นองค์ประกอบของผลลัพธ์ เชน่ ควำมสำเรจ็ และปัจจยั แห่งควำมสำเรจ็ รวมถึง ควำมล้มเหลวและปจั จยั แห่งควำมล้มเหลว

13 กำรเขียนเรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง จงึ มีสถำนะเหมือนกำรสรปุ บทเรยี น (AAR : After Action Review) หรอื กำรถอดบทเรยี น (lesson learned) ไปในตัว เพ่ือก่อให้เกิดชุดควำมรใู้ นกำรทีจ่ ะขับเคลื่อนกำรงำนให้สำเรจ็ สืบต่อไป พรอ้ ม ๆ กับกำรปอ้ งกันมิให้ปัญหำเดิม ๆ วนเวยี นกลับมำเกิดซำ้ แล้วซำ้ อีก กำรเขียนเรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง เป็นกำรเขียนเพ่ือสกัดเอำควำมรูใ้ นตัวตนของคนแต่ละคน ออกมำใชใ้ ห้ เกิดประโยชน์ต่อกำรพัฒนำคน พัฒนำงำน พัฒนำองค์กรและสังคม ท้ังในมิติของกำรพัฒนำต่อยอดและมิติ ของกำรแก้ปัญหำ ครอบคลุมถึง “ควำมรูช้ ัดแจ้ง” (Explicit Knowledge) และ “ควำมรูฝ้ ังลึกอยู่ในตัวคน” (Tacit Knowledge) โดยเฉพำะควำมรูฝ้ ังลึกอยู่ในตัวคน ถือว่ำมีควำมสำคัญ ถือเป็นควำมรู้ หรอื เคล็ดวชิ ำ ภูมิปัญญำ เทคนิคท่เี กิดจำกกำรทำจรงิ เรยี นรูจ้ รงิ จนก่อเกิดเปน็ ปญั ญำ หรอื ปญั ญำปฏิบตั ิ ของแต่ละบุคคล โดยทว่ั ไป กำรเขียนเรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลังจงึ มักสะทอ้ นให้เห็นมิติควำมรทู้ ี่ฝังลึกในตัวตนของแต่ละคนใน ๓ สถำนะ คือ - ควำมรทู้ ฝ่ี ังลึกในสมอง (Head) - ควำมรทู้ ี่ฝงั ลึกจำกกำรปฏิบัติ (Hand) และ - ควำมรทู้ ี่ฝงั รำกลึกในจติ ใจ (Heart) ดังนั้น กำรเขียนเรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง จึงเรม่ ิ ต้นจำกกำรสกัดควำมรูต้ ัวตนของผู้เขียน หรอื ผู้ปฏิบัติ เสียก่อน เป็นกำรทบทวนประสบกำรณ์ชีวติ และงำนให้ตกผลึก เสมือนกำรจัดระบบระเบียบวธิ ีคิดจำก โลกภำยใน(ตัวเอง) ไปสู่โลกภำยนอก (สังคม) อันหมำยถึงกำรถ่ำยทอดเรอ่ ื งรำวออกมำเป็นลำยลักษณ์อักษร กำรส่ือสำรเช่นน้ัน จึงเป็นกระบวนกำรของกำรแบ่งปัน (share) และเรยี นรูร้ ว่ มกัน (learn) หรอื แม้แต่ กำรสะทอ้ นถึงหัวใจหลักของกำรจดั กำรควำมรู้ คือกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ (Knowledge sharing) องค์ประกอบ/ลักษณะ ที่สำคัญ ของกำรเขียนเรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง - เป็นกำรเขียนเพ่ือกำรสื่อสำรท่ีให้เห็นภำพเหตุกำรณ์หรอื สิ่งท่ีเกิดข้ึนต้ังแต่ต้ นจนจบ (Process) ในมิติของ “กระบวนกำร” และ “ผลลัพธ”์ ซ่ึงผลลัพธก์ ็จะเชื่อมโยงไปถึง “ควำมสำเรจ็ ” และ “ควำมสุข” ท่เี กิดจำกประสบกำรณ์ - สำระ หรอื ควำมรู้ จำกประสบกำรณ์ตรงในเรอ่ ื งน้ันๆ เป็นหัวใจหลัก อำจมีนำควำมรูท้ ี่มำจำก กำรศึกษำค้นคว้ำเพิ่มเติมมำผนวกกับประสบกำรณ์ตรงด้วยก็ได้ - เทคนิคกำรเขียนเล่ำเรอ่ ื ง เป็นส่วนเติมเต็มงำนเขียนให้มีควำมน่ำอ่ำน น่ำติดตำม เป็นกำร เล่ำเรอ่ ื งโดยเติมชวี ติ ชวี ำลงไปในตัวอักษร ให้ได้ทัง้ ควำมรูแ้ ละควำมสนุกในกำรอ่ำนไปพรอ้ มกัน สำมำรถเขียน ด้วยภำษำท่ีเป็นได้ท้ังทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร แต่สำระสำคัญเน้นส่ือสำรให้เห็นว่ำ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่ำงไร ด้วยวธิ กี ำรใด รวมท้ัง ส่ือสำรผลที่เกิดข้ึน มีควำมสำเรจ็ ปัญหำ/อุปสรรค สำมำรถก้ำวข้ำมและแก้ไข ปญั หำด้วยวธิ ใี ด - กำรเขียนเรอ่ ื งรำวจำกควำมสำเรจ็ จะเห็นถึงผลลัพธท์ ี่ดี ทำให้เกิดควำมสุข เกิดแรงบันดำลใจ ให้กับตนเองและผู้อ่ืนในกำรนำไปปฏิบัติต่อได้ - เน้นควำมรทู้ เี่ ปน็ เทคนิค ทกั ษะ ท่ีเกิดขึ้นจรงิ มำกกว่ำควำมรูท้ เ่ี ป็นเพียงทฤษฎี ให้เห็นภำพรวม กำรดำเนินงำนท้ังกระบวนกำร ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ที่เป็น จุดเรม่ ิ ต้น แรงบันดำลใจ หรอื กรอบแนวคิด (Theory) กลยุทธ์ (Tactic) กระบวนกำร (Process) กิจกรรม (Activity) หรอื วธิ กี ำรและข้ันตอนที่ใชใ้ นกำร ขับเคล่ือน รวมถึงขุมควำมรู้ (Knowledge Assets) อันเป็นปัจจยั แห่งควำมสำเรจ็ หรอื แม้แต่ควำมล้มเหลว ทค่ี ้นพบในกำรดำเนินงำน

14 กำรถอดบทเรยี น กำรถอดบทเรยี น คือ กำรทบทวนหรอื สรุปประสบกำรณ์กำรทำงำนที่ ผ่ำนมำในแงม่ ุมต่ำง ๆ เพื่อให้ เห็นถึงรำยละเอียดของเหตุปัจจยั ทงั้ ภำยในและภำยนอกซง่ึ ทำให้เกิดผลอยำ่ งที่เปน็ อยู่ในปัจจุบัน ทั้งท่ีสำเรจ็ หรอื ล้มเหลว หรอื อำจกล่ำวได้ว่ำเรำถอดบทเรยี นก็เพื่อสืบค้นควำมรูจ้ ำกกำรปฏิบัติงำนโดยใชว้ ธิ กี ำรสกัด ควำมรูแ้ ละประสบกำรณ์ที่ฝังลึกจำกกลุ่มเป้ำหมำยท่ีได้รว่ มกำรปฏิบัติงำน พรอ้ มท้ังบันทึกรำยละเอียด ขั้นตอนกำรปฏิบัติงำน ผลกำรปฏิบัติงำนและควำมรูใ้ หม่ๆที่เกิดข้ึนระหว่ำงกำรปฏิบัติ งำนทั้งท่ีสำเรจ็ หรอื ล้มเหลวเพ่ือเป็นแนวทำงในกำรปรบั ปรุงกำรปฏิบัติงำนให้บรรลุเป้ำหมำย และสำมำรถเผยแพรศ่ ึกษำเรยี นรู้ ใด้รูปแบบกำรถอดบทเรยี น กำรถอดบทเรยี นโดยท่วั ไป มี ๒ รูปแบบ คือ ๑. กำรถอดบทเรยี นเฉพำะประเด็น เป็นกำรถอดบทเรยี นท่ีเน้นเฉพำะกิจกรรมสำคัญของ โครงกำรและสำมำรถนำผลกำรถอดบทเรยี นจำกกิจกรรมน้ัน ๆ ไปใชป้ ระโยชน์ในพัฒนำโครงกำรให้ประสบ ควำมสำเรจ็ ในอนำคต (Best Practice) ๒. กำรถอดบทเรยี นทั้งโครงกำร เป็นกำรถอดบทเรยี นท้ังระบบ โดยเรม่ ิ ตั้งแต่ควำมเป็นมำของ โครงกำร กระบวนกำรดำเนินงำนและผลลัพธเ์ ม่ือส้ินสุดโครงกำร กำรถอดบทเรยี นท้ัง ๒ ลักษณะ ต้องใชก้ ำรวเิ ครำะห์เชงิ ลึก เชน่ วเิ ครำะห์ด้วย SWOT เพ่ือศึกษำ ปจั จยั และเงอ่ ื นไขที่นำไปสู่ผลของกำรดำเนินโครงกำร ข้ันตอนกำรถอดบทเรยี น ๔ ขั้นตอนหลัก ดังน้ี ๑. ขั้นเตรยี มกำรถอดบทเรยี น ๑.๑ สรำ้ งทมี งำนถอดบทเรยี นท่มี ีควำมรคู้ วำมสำมำรถในกำรปฏิบัติงำนได้จรงิ ประมำณ ๓-๖ คน พรอ้ มทงั้ จดั ทำคำสั่งแต่งตั้งเป็นลำยลักษณ์อักษรและประชำสัมพันธใ์ ห้ผู้ทเี่ กี่ยวข้องทรำบ ๑.๒ เรยี นรูท้ ีมงำนถอดบทเรยี นโดยสรำ้ งควำมสัมพันธท์ ี่ดีให้เกิดขึ้นภำยในทีมงำน เน้นกำร เคำรพซง่ึ กันและกัน ไวว้ ำงใจซง่ึ กันและกัน และควำมเท่ำเทยี มกัน ๑.๓ วเิ ครำะห์โครงกำร เพื่อให้ทีมงำนมีควำมเข้ำใจตรงกันในแต่ละหัวข้อในโครงกำร ได้แก่ หลักกำรและเหตุผลของโครงกำร วัตถุประสงค์ของโครงกำร กลุ่มเป้ำหมำย ข้ันตอนกำรดำเนินงำนและ กิจกรรมในโครงกำร ระยะเวลำในกำรดำเนินงำนและงบประมำณ ๑.๔ กำหนดบทบำทหน้ำที่ของทมี งำนถอดบทเรยี น ซงึ่ ประกอบด้วย - หัวหน้ำทีมหรอื ผู้เอื้อ เป็นผู้ท่ีทำให้กำรถอดบทเรยี นดำเนินกำรได้อย่ำงรำบรน่ ื และ บรรลุเปำ้ หมำยท่กี ำหนด - ผู้อำนวยกระบวนกำร เป็นผู้ที่กระตุ้นให้ผู้ร่วมถอดบทเรยี นได้ แลกเปลี่ยน ประสบกำรณ์และควำมคิดเห็นจำกกิจกรรมที่ได้ปฏิบัติ ดังนั้น จึงต้องมีทักษะในกำรตั้งคำถำมที่กระตุ้นให้ ผู้รว่ มถอดบทเรยี นได้วเิ ครำะห์สำเหตุของควำมสำเรจ็ และอุปสรรคที่เกิดข้ึนในกำรปฏิบตั ิงำน - ผู้จดบันทึก เป็นผู้จดบันทึกกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ประสบกำรณ์ กำรอภิปรำย ของผู้รว่ มถอดบทเรยี น พรอ้ มทง้ั เขียนเรยี บเรยี งเป็นเรอ่ ื งรำวให้นำำสนใจต้ังแต่เรม่ ิ ต้นจนสิ้นสุดโครงกำร - ผู้ประสำนงำน เป็นผู้ชว่ ยเหลือให้ทีมงำนถอดบทเรยี นมีควำมสะดวกในกำรติดต่อ ระหว่ำงสมำชกิ ทีมงำนถอดบทเรยี นเพื่อให้สำมำรถทำงำนรว่ มกันได้อย่ำงดี รวมทั้งประสำนควำมรว่ มมือจำก บุคคลภำยนอกทเ่ี ก่ียวข้องกับกำรถอดบทเรยี น

15 ๑.๕ จดั ทำแผนภูมิโครงรำ่ งกระบวนกำรถอดบทเรยี นซง่ึ ประกอบด้วยประเด็นต่ำง ๆ ดังน้ี ๑.๕.๑ หัวข้อกิจกรรมทตี่ ้องกำรถอดบทเรยี น ๑.๕.๒ กำหนดกลุ่มเป้ำหมำยท่ีเข้ำรว่ มกำรถอดบทเรยี น ๑.๕.๓ เลือกวธิ กี ำรถอดบทเรยี นท่เี หมำะสมกับกลุ่มเปำ้ หมำย ๑.๕.๔ กำหนดขั้นตอนในกำรถอดบทเรยี นตำมลำดับก่อนหลัง ๑.๕.๕ กำหนดประเด็นคำถำมทีม่ ีควำมชดั เจน โดยเรยี งลำดับตั้งแต่เรม่ ิ ต้นจนส้ินสุด ๑.๕.๖ กำหนดผลลัพธท์ ่ีเกิดข้ึนหลังจำกกำรถอดบทเรยี น พรอ้ มทั้งจัดทำเอกสำร กำรถอดบทเรยี น ๑.๖ เลือกเทคนิคกำรถอดบทเรยี น ควรเป็นเทคนิคท่ีชว่ ยให้ทีมงำนถอดบทเรยี นและผู้รว่ ม ถอดบทเรยี นเกิดกำรเรยี นรใู้ นระหว่ำงกำรทำงำนและได้บทเรยี นพัฒนำวธิ กี ำรทำงำนให้ดีข้ึน เชน่ เทคนิคกำร ถอดบทเรยี นหลังกำรปฏิบตั ิ (After Action Review : AAR) ๑.๗ จดั ทำปฏิทินกำรถอดบทเรยี น เพื่อวำงแผนกำรดำเนินกำรถอดบทเรยี น แต่ละกิจกรรม ตั้งแต่เรม่ ิ ต้นจนสิ้นสุดกำรดำเนินงำน โดยหัวข้อท่ีควรปรำกฏในปฏิทินกำรถอดบทเรยี น ได้แก่ ลำดับท่ีของ กิจกรรม ประเด็นกิจกรรม ระยะเลำในกำรดำเนินงำนแต่ละกิจกรรม ๒. ข้ันดำเนินกำรถอดบทเรยี น ทีมงำนควรแจ้งกำหนดกำร ระยะเว ลำและสถำนท่ีที่จะดำเนินกำรถอดบทเรยี นให้ กลุ่มเป้ำหมำยท่ีรว่ มถอดบทเรยี นทรำบล่วงหน้ำ ในข้ันนี้ประกอบด้วย ๒ ชน้ั ตอนย่อย คือ กำรถอดบทเรยี น และกำรบนั ทึกบทเรยี น ๒.๑ กำรถอดบทเรยี น มีข้ันตอนที่สำคัญ ๕ ข้ันตอน คือ ๒.๑.๑ กำรสรำ้ งบรรยำกำศ เพื่อให้ผู้เข้ำรว่ มกำรถอดบทเรยี นมีควำมผ่อนคลำย เป็นกันเอง ซง่ึ อำจใชเ้ พลงหรอื เกมส์ในกำรละลำยพฤติกรรม รวมทั้งผู้อำนวยกระบวนกำรควรชแี้ จงถึงควำม เสมอภำคและสิทธใิ นกำรรว่ มแสดงควำมคิดเห็นของผู้รว่ มกำรถอดบทเรยี น ๒.๑.๒ กำรกำหนดกติกำในกำรถอดบทเรยี นอยำ่ งมีส่วนรว่ ม โดยกติกำควรครอบคลุม ประเด็นที่สำคัญ ดังน้ี ๑) เป้ำหมำยกำรถอดบทเรยี นคืออะไร มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ๒) วธิ กี ำรถอดบทเรยี นใช้วธิ ีอะไร เช่น ใช้กำรระดมควำมคิดเห็น เน้นกำ ร แลกเปล่ียนควำมคิดเห็น และไม่โต้เถียงหรอื ทะเลำะววิ ำท ๓) หน้ำที่ของผู้รว่ มถอดบทเรยี นเป็นอย่ำงไร เช่น ทุกคนให้ข้อเสนอแนะ ยอมรบั ควำมจรงิ และเสนอแนะแนวทำงกำรปรบั ปรุงงำนให้ดีขึ้น ๔) ข้อพึงระวังในกำรถอดบทเรยี นควรเป็นอย่ำงไร เช่น ไม่ตำ หนิ และ ไม่ประเมินผลกำรปฏิบัติงำนของผู้รว่ มถอดบทเรยี น ๒.๑.๓ กำรจัดกิจกรรมอุ่นเครอ่ ื ง ผู้อำนวยกระบวนกำรชี้แจงให้ผู้รว่ มถอดบทเรยี น เข้ำใจวตั ถปุ ระสงค์และวธิ ดี ำเนินกิจกรรมเพ่ือให้สำมำรถทบทวนควำมทรงจำจำกกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมทผี่ ่ำนมำ

16 ๒.๑.๔ กำรเข้ำสู่ประเด็นสำคัญของกำรถอดบทเรยี นเป็นขั้นตอนสำคัญในกำรสกัด ควำมรจู้ ำกผู้รว่ มถอดบทเรยี นโดยมีขั้นตอนดังน้ี ๑) กำรเล่ำประสบกำรณ์จำกวธิ กี ำรปฏิบัติงำนของผู้รว่ มถอดบทเรยี น ๒) กำรเปรยี บเทียบควำมแตกต่ำงระหว่ำงวธิ ีกำรปฏิบัติงำนที่กำหนด ในแผนปฏิบตั ิงำนกับวธิ กี ำรปฏิบตั ิงำนจรงิ ๓) กำรวเิ ครำะห์ผลกำรปฏิบัติงำนทที่ ำได้เปน็ อย่ำงดี ๔) กำรให้ข้อเสนอแนะวธิ กี ำรปฏิบัติงำนต่อไปให้ดีขึ้น ๕) กำรวเิ ครำะห์อุปสรรคท่เี กิดข้ึนระทว่ำงกำรปฏิบตั ิงำน ๖) กำรให้ข้อเสนอแนะวธิ กี ำรปอ้ งกันไม่ให้เกิดอุปสรรคในกำรปฏิบตั ิงำน ๗) ข้อเสนอแนะในส่ิงทค่ี วรทำเพิ่มเติมในกำรปฏิบัติงำนท่ผี ่ำนมำ ๘) กำรประเมินควำมพึงพอใจผลกำรปฏิบัติงำนท่ีผ่ำนมำ ท้ังน้ีผู้จดบันทึกต้อง จดรำยละเอียดของข้อมูลทกุ ขั้นตอน บนั ทกึ เสียง พรอ้ มท้งั สังเกตบรรยำกำศในระหวำ่ งกำรถอดบทเรยี นและ จดบันทึกไว้ประกอบกำรจดั ทำรำยงำนกำรถอดบทเรยี น ๒.๒ กำรบนั ทกึ บทเรยี น ประกอบด้วย ๓ ขั้นตอน คือ ๒.๒.๑ กำรเตรยี มตัวก่อนบันทึกบทเรยี นเป็นข้ันตอนท่ีผู้จดบันทึกควรเตรยี มควำม พรอ้ มก่อนบันทกึ บทเรยี นใน ๔ ประเด็น คือ ๑) ศึกษำรำยละเอียดของโครงกำร/กิจกรรมทีจ่ ะถอดบทเรยี น ๒) ศึกษำรำยละเอียดกำรถอดบทเรยี นเกี่ยวกับกรอบแนวคิด ชน้ั ตอนกำรถอด บทเรยี น และประเด็นคำถำมท่ใี ชใ้ นกำรถอดบทเรยี น ๓) จดั เตรยี มอุปกรณ์ในกำรบนั ทกึ กำรถอดบทเรยี น ๔) เตรยี มควำมพรอ้ มด้ำนรำ่ งกำยจติ ใจ ๒.๒.๒ กำรบันทึกข้อมูลกำรถอดบทเรยี น ข้อมูลท่ีต้องจดบันทึกระหว่ำงกำรถอด บทเรยี น คือ ๑) ข้อมูลขั้นตอนและวธิ กี ำรจดั กิจกรรมถอดบทเรยี น ๒) ข้อมูลกำรเล่ำเรอ่ ื ง กำรวเิ ครำะห์ และกำรอภิปรำยของผู้รว่ มถอดบทเรยี น ๓) ข้อมูลบรรยำกำศระหว่ำงกำรถอดบทเรยี น ๒.๒.๓ กำรสรุปและรำยงำนกำรถอดบทเรยี น ผู้จดบันทึกต้องอ่ำนรำยงำนกำรถอด บทเรยี นให้ที่ประชุมของผู้รว่ มถอดบทเรยี นและทีมงำนถอดบทเรยี นได้รบั ทรำบข้อมูลที่จดบันทึกไว้ เพ่ือให้มี กำรปรับแก้และเพ่ิมเติมให้ข้อมูลมีควำมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยบทเรยี นที่ได้ต้องได้ รับกำรสรุปให้เห็ น อย่ำงน้อย ๒ ประเด็นคือ ๑) อะไรคือส่ิงทด่ี ีอยู่แล้วและควรทำต่อไป เพ่ือกลับไปวำงแผนพัฒนำ ลงมือทำ แล้วตำมด้วยกำรวจิ ยั ให้ก้ำวหน้ำต่อเน่ืองเปน็ D&R (Development and Research) ๒) อะไรคือสิ่งท่ียังบกพรอ่ งเป็นจุดอ่อน และควรจะปรบั ปรุงอย่ำงไร มีควำมรู้ พอที่จะปรบั ปรุงหรอื ไม่ ถ้ำไม่ ควรทำวจิ ัยเพื่อหำแนวทำงปรับปรุงเป็นกำรวจิ ัยแล้วพัฒนำแบบ R&D (Research & Development)

17 ๓. ขั้นเขียนรำยงำนกำรถอดบทเรยี น ในขั้นตอนน้ีควรแบง่ เปน็ ๓ หัวข้อหลัก ดังน้ี ๓.๑ ควำมเป็นมำของโครงกำร/กิจกรรมทีจ่ ะถอดบทเรยี น วตั ถุประสงค์ของกำรถอดบทเรยี น ๓.๒ กำรเตรยี มกำรถอดบทเรยี น เป็นกำรเล่ำรำยละเอียดของขั้นตอนต่ำง ๆ ในข้อ ๑.๑-๑.๗ ซ่ึงได้แก่ วธิ กี ำร ทีมงำน บทบำทหน้ำท่ี กรอบแนวคิด เทคนิคกำรถอดบทเรยี น กลุ่มเป้ำหมำยท่ี เข้ำรว่ ม ถอดบทเรยี น และปฏิทินกำรถอดบทเรยี น ๓.๓ เน้ือเรอ่ ื ง กำรถอดบทเรยี นเป็นกำรเล่ำรำยละเอียดในข้อ ๒.๑.๔ ซงึ่ ครอบคลุม - ประสบกำรณ์จำกวธิ กี ำรปฏิบัติงำนจรงิ ของผู้รว่ มถอดบทเรยี น - วธิ กี ำรปฏิบตั ิงำนท่กี ำหนดในแผนปฏิบตั ิงำน - เปรยี บเทยี บควำมแตกต่ำง - สิ่งที่ทำได้เป็นอย่ำงดีจำกกำรปฏิบตั ิ - ข้อเสนอแนะวธิ กี ำรปฏิบตั ิงำนต่อไปให้ดีข้ึน - ปญั หำอุปสรรคท่เี กิดข้ึนระหวำ่ งกำรปฏิบตั ิงำน - ข้อเสนอแนะวธิ กี ำรปอ้ งกันไม่ให้เกิดอุปสรรคในกำรปฏิบัติงำน - ข้อเสนอแนะในสิ่งท่คี วรทำเพิ่มเติมในกำรปฏิบัติงำนทีผ่ ่ำนมำ - ประเมินควำมพึงพอใจผลกำรปฏิบตั ิงำนทผ่ี ่ำนมำ ๔. ขั้นติดตำมกำรนำบทเรยี นไปใชป้ ระโยชน์ ในขั้นตอนน้ี ให้ควำมสำคัญกับกำรนำบทเรยี นท่ีเรยี นรูจ้ ำกกำรปฏิบัติงำนไปใช้เพื่อให้ กำรปฏิบัติงำนต่อไปมีประสิทธภิ ำพและเกิดประสิทธผิ ลมำกยิ่งข้ึน ดังน้ันหัวหน้ำทีมหรอื ผู้เอ้ือควรมีกำรนิเทศ กำกับติดตำมกำรดำเนินงำนอย่ำงต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อตรวจสอบว่ำได้มีกำรนำบทเรยี นไปใช้ประโยชน์ หรอื ไม่เพียงไร เพรำะอะไร เครอ่ ื งมืออื่นๆ ในกำรจดั กำรควำมรู้ ยังมีเครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรูอ้ ีกหลำกหลำย ที่ทีมจดั กำรควำมรูส้ ำมำรถนำไปปรบั ใชไ้ ด้ตำมบรบิ ท กำรทำงำน ตำมพื้นทแี่ ละสถำนกำรณ์ หรอื ตำมควำมพรอ้ มเหมำะสมของทมี จดั กำรควำมรู้ เชน่ กำรสอนงำน (Coaching) กำรถ่ำยทอดจำกผู้ที่มีประสบกำรณ์มำกกว่ำหรอื รุน่ พี่ที่มีผลงำนดี มำแนะนำ สอนให้คนท่ีมำใหม่ หรอื คนทต่ี ้องกำรเรยี นรไู้ ด้ปรบั ปรุงวธิ กี ำรทำงำน พ่ีเล้ียง (Mentoring) กำรให้คนทำงำนท่ีอยู่คนละฝ่ำย/กลุ่มงำน/แผนกหรอื แผนกเดียวกันก็ได้ มำช่วยแนะนำวธิ กี ำร ทำงำน ชว่ ยเหลือสนับสนุน คอยให้คำปรกึ ษำชแ้ี นะ มักใชใ้ นกำรเรยี นรูใ้ นกลุ่มผู้บรหิ ำรหรอื ผู้ท่ีจะก้ำวไปเป็น ผู้บรหิ ำร ฐำนควำมรบู้ ทเรยี นและควำมสำเรจ็ (Lesson Learned and Best Practices Databases) กำรจดั กำรองค์ควำมรใู้ นองค์กรได้มีกำรจดั เก็บองค์ควำมรูท้ เ่ี กิดขึ้นจำกประสบกำรณ์ ท้งั ในรูปแบบ ของควำมสำเรจ็ ควำมล้มเหลวและข้อเสนอแนะในเรอ่ ื งที่สนใจ โครงกำร หรอื กลุ่มท่ีปรกึ ษำ ตัวอย่ำงที่กล่ำว มำนี้ เป็นกำรจัดกำรองค์ควำมรูใ้ นองค์กรในช่วงยุคต้นๆ ของกำรจัดกำรควำมรู้ กำรที่มีศูนย์กลำงควำมรู้ จำกผู้เช่ียวชำญ ทำให้พนักงำนท้ังองค์กรสำมำรถเข้ำมำเรยี นรูจ้ ำกประสบกำรณ์ของผู้เชย่ี วชำญได้โดยตรง หำกเรำสำมำรถดำเนินกำรได้ดี ฐำนองค์ควำมรนู้ ้ีจะเป็นเครอ่ ื งมือที่สำคัญในกำรจดั กำรองค์ควำมรใู้ นองค์กร

18 แหล่งผู้รใู้ นองค์กร (Center of Excellence-CoE) เป็นกำรกำหนดแหล่งผู้รูใ้ นองค์กร (Center of Excellence) หรอื ทรำบว่ำจะสำมำรถติดต่อ สอบถำมผู้รไู้ ด้ท่ีไหน อย่ำงไร (Expertise Locators) จงึ เป็นอะไรทม่ี ำกกวำ่ รำยชอื่ ผู้เชยี่ วชำญในแต่ละด้ำน กำรเสวนำ (Dialogue) กำรทำ Dialogue เป็นกำรปรบั ฐำนควำมคิด โดยกำรฟังจำกผู้อื่นและควำมหลำกหลำยทำง ควำมคิดที่เกิดขึ้น ทำให้สมำชิกเห็นภำพที่ใกล้เคียงกัน หลังจำกนั้น เรำจึงจัดประชุมหรอื อภิปรำย เพื่อแก้ปัญหำหรอื หำข้อยุติต่อไปได้โดยง่ำย และผลหรอื ข้ อยุติที่เกิดข้ึนจะเกิดจำกกำรที่เรำเห็นภำพ ในองค์รวมเป็นทต่ี ั้ง เพ่ือนชว่ ยเพ่ือน (Peer Assist) เป็นกำรประชุมซ่ึงเชิญสมำชิกจำกทีมอื่น มำแบ่งปันประสบกำรณ์ ควำมรู้ ควำมเข้ำใจให้แก่ทีม ซง่ึ ต้องกำรควำมชว่ ยเหลือ ผู้ที่ถูกเชญิ มำอำจจะเป็นคนทอี่ ยู่ในองค์กรอื่นก็ได้ เวที ถำม-ตอบ (Forum) เป็นอีกหนึ่งเวทีในกำรท่ีเรำสำมำรถโยนคำถำมเข้ำไป เพื่อให้ผู้รูท้ ี่อยู่รว่ มใน Forum ช่วยกันตอบ คำถำมหรอื ส่งต่อให้ผู้เช่ียวชำญอ่ืนช่วยตอบ หำกองค์กรมีกำรจัดต้ัง ชุมชนนักปฏิบัติ ( Community of Practice - CoP) หรอื มีกำรกำหนด แหล่งผู้รูใ้ นองค์กร (Center of Excellence - CoE) แล้ว คำถำมที่ เกิดข้ึนสำมำรถส่งเข้ำไปใน Forum ซง่ึ อยู่ใน CoP หรอื CoE เพ่ือหำคำตอบ ในลักษณะ “Pull Information” กำรศึกษำดูงำน (Study tour) กำรเรยี นลัดจำกประสบกำรณ์ของผู้อื่นโดยเข้ำไปดูสถำนที่จรงิ กำรปฏิบัติจรงิ เพ่ือให้เห็นตัวอยำ่ ง ท่ีเป็นรูปธรรม สำมำรถนำมำประยุกต์ใชง้ ำนได้ กำรสับเปล่ียนงำน (Job Rotation) คือ กำรย้ำยบุคลำกรไปทำงำนในหน่วยงำนต่ำง ๆ ซง่ึ อำจอยู่ภำยในสำยงำนเดียวกันหรอื ข้ำมสำยงำน เป็นระยะ ๆ เป็นวธิ กี ำรที่มีประสิทธผิ ลในกำรกระตุ้นให้เกิดกำรแลกเปลี่ยนควำมรูแ้ ละประสบกำรณ์ของทั้ง สองฝ่ำย ทำให้ผู้ถกู สับเปลี่ยนงำนเกิดกำรพัฒนำทกั ษะท่ีหลำกหลำยมำกข้ึน กำรประชุมระดมสมอง (Brainstorming) เป็นเครอ่ ื งมือช่วยให้เกิดกระบวนกำรเรยี นรูท้ ี่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรกึ ษำหำรอื กำหนดแนวทำง แก้ไขปญั หำหรอื ตัดสินใจดำเนินกำรปฏิบตั ิงำนท่ผี ่ำนประสบกำรณ์และมุมมองจำกผู้มีส่วนเก่ียวข้อง กำรสนทนำกลุ่ม (Focus group) กำรเก็บรวบรวมข้อมูลจำกกำรสนทนำของผู้ให้ข้อมูล ซงึ่ เป็นบุคคลท่สี ำมำรถให้คำตอบในประเด็นที่ ต้องกำรได้ โดยจัดให้มีกลุ่มสนทนำประมำณ 6-12 คน และมีผู้ดำเนินกำรสนทนำ (Moderator) เป็น ผู้จุดประเด็นในกำรสนทนำ เพ่ือชกั จูงให้กลุ่มเกิดกำรมีส่วนรว่ มในกำรแลกเปลี่ยนแนวคิดและควำมคิดเห็น ในประเด็นทตี่ ้องกำรได้อยำ่ งกว้ำงขวำง แผนท่ีควำมรู้ (Knowledge Map) เป็นกำรรวบรวมองค์ควำมรูท้ ี่กระจัดกระจำยเข้ำมำไว้ด้วยกันในรูปแผนที่ แผนภำพ Mindmap หรอื รูปแบบอ่ืน ๆ ที่จดจำได้ง่ำย สำมำรถเก็บรวบรวมควำมรูท้ ั้งแบบ Tacit Knowledge และ Explicit Knowledge แผนที่ควำมรู้มีหลำยรูปแบบ ได้แก่ แผนท่ีแหล่งควำมรู้ แผนที่ขุมทรัพย์ควำมรู้ แผนที่ โครงสรำ้ งควำมรู้ แผนทกี่ ำรพัฒนำควำมรู้ แผนทกี่ ำรประยุกต์ใชค้ วำมรู้ เป็นต้น

19 งำนประจำสู่งำนวจิ ยั (Routine to Research) เปน็ กำรพัฒนำงำนประจำสู่งำนวจิ ยั โดยมีเปำ้ หมำยเพื่อนำผลงำนวจิ ยั ไปใชใ้ นกำรพัฒนำงำนประจำ และ R2R เป็นเครอ่ ื งมือในกำรพัฒนำคน เพื่อพัฒนำงำน ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ (Learning Organization) ได้ด้วย ปจั จุบนั น้ี R2R ได้ถกู พัฒนำจนมีควำมชดั เจนในกระบวนกำรมำกขึ้น แต่ ไม่ถึงกับขั้นกำรวจิ ยั เต็มรูป ต้องมีกำรจดั ทำข้อมูล ค้นควำ้ งำนทเ่ี กี่ยวข้อง ทัง้ เชงิ ปรมิ ำณ เชงิ คุณภำพ และเชงิ ปฏิบตั ิกำรในรปู แบบที่กำหนด มีผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้วจิ ยั R2R คณุ อำนวย และผู้บรหิ ำร ท่ีต้องรว่ มกัน ทำให้งำนประจำทด่ี ำเนินงำนนั้น ได้มีกำรพัฒนำอยำ่ งต่อเนื่อง กำรจดั กำรควำมรรู้ ูปแบบน้ีเหมำะกับบุคลำกรท่ี ทำงำนประจำหรอื งำนบรกิ ำรประจำ เชน่ กำรเงนิ งำนยำนพำหนะ งำนธรุ กำร กำรจดั บรกิ ำรผู้ปว่ ยนอก มำตรฐำนเปรยี บเทยี บ (Benchmarking) เป็นกำรตกลงกันเองในกลุ่มผู้ปฏิบัติ โดยกำหนดประ เด็นร่วมกันแล้วนำมำเปรยี บเทียบ เพื่อรว่ มมือกันในกำรยกระดับงำนให้ดีข้ึนเรอ่ ื ย ๆ ในกำรเปรยี บเทียบมี 2 แบบ คือ เปรยี บเทียบกระบวนกำร (Process benchmarking) และเปรยี บเทียบผลลัพธ์ (Result benchmarking) เป็นกำรเปรยี บเทียบ ให้เกิดกำรเรยี นรรู้ ว่ มกันเพ่ือพัฒนำงำนไม่ใชเ่ ปรยี บเทียบเพ่ือแข่งขันเอำรำงวลั กำรสรำ้ งองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ (Learning Organization : LO) หมำยถึง องค์กรที่ยกระดับคุณภำพด้วย กำรจัดกำรควำมรู้ โดยมีกำรพัฒนำปรบั ปรุงให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ทั้งด้ำนผลิตภัณฑ์/บรกิ ำร/กระบวนกำรทำงำน เพ่ือเพิ่มประสิทธผิ ลในกำรดำเนินพันธกิจและกำรบรรลุเปำ้ หมำยขององค์กร 1. กำรปรบั เปล่ียนองค์กร (Organization Transformation) หมำยถึง กำรกำหนดทิศทำงของกำร เป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ บทบำทผู้บรหิ ำรในกำรปฏิบัติที่เป็นแบบอย่ำงท่ีดี ในกำรมุ่งสู่องค์กรแห่งกำร เรยี นรู้ 2. กำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management) หมำยถึง กำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management) คือ กระบวนกำรที่เปน็ ระบบในกำรบรหิ ำรจดั กำรให้คณะฯ มีควำมรูส้ ำคัญที่พรอ้ มใช้ เพื่อให้ บุคลำกรสำมำรถนำไปใชใ้ นกำรปฏิบัติงำนประจำ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้รบั บรกิ ำรและคณะฯ รวมทั้ง สนับสนุนกำรบรรลุวสิ ัยทัศน์ พันธกิจ และเป้ำหมำยของคณะฯ โดยกระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ ประกอบด้วย กำรแลกเปลี่ยน กำรรวบรวมและสรำ้ ง กำรถ่ำยทอดและแบ่งปัน กำรจดั เก็บ และกำรเผยแพรค่ วำมรู้ เพื่อให้ บุคลำกรใช้และต่อยอดควำมรูใ้ นกำรทำงำนประจำให้เกิดประสิทธภิ ำพ ประสิทธผิ ล บรรลุเป้ำหมำยของ หน่วยงำนและคณะฯ รวมท้ังกำรแลกเปลี่ยน/บูรณำกำรควำมรูท้ ่ีเป็นประโยชน์จำกผู้ป่วย/ผู้รบั ผลงำน ผู้ ส่ ง มอบ พั นธมิ ตรแล ะองค์ กรภำยนอก กำรประ ยุ กต์ ใช้หลักฐำนทำงวทิ ยำศำสตร์ ผลง ำนวจิ ัย โดยกระบวนกำรจดั กำรควำมรมู้ ีท้ังระดับกำรทำงำนประจำ และกำรวำงแผนกลยุทธ์ 3. เทคโนโลยีเพ่ือกำรเรยี นรู้ (Learning Technology) หมำยถึง กำรพัฒนำระบบเทคโนโลยี สำรสนเทศท่ีเอื้อต่อกำรเรยี นรู้ กำรจดั กำรควำมรู้ (KM) และกำรทำงำน โดยคณะฯ มีกำรนำเทคโนโลยีมำใช้ ในกำรส่งเสรมิ กำรจดั กำรควำมรู้

20 4. กำรให้อำนำจแก่บุคคล (People Empowerment) หมำยถึง กำรเปิดโอกำส หรอื ให้อำนำจ แก่บุคลำกรในกำรเรยี นรู้ เพ่ือกำรปฏิบัติงำนท่ีดี สำมำรถแก้ไขปัญหำ ปรบั ปรุง และสรำ้ งนวัตกรรมรว่ มกัน รวมทัง้ กำรเรยี นรรู้ ว่ มกับผู้รบั บรกิ ำร องค์กรภำยนอก และผู้ส่งมอบ 5. พลวัตกำรเรยี นรู้ (Learning Dynamic) หมำยถึง กำรให้โอกำสหรอื สรำ้ งกำรเรยี นรูแ้ ก่บุคลำกร อย่ำงเป็นระบบและต่อเน่ือง เพ่ือเพิ่มประสิทธภิ ำพในกำรทำงำนให้ตอบสนองเป้ำหมำยขององค์กร เช่น แผนท่ีควำมคิด (Mind mapping) เทคนิคในกำรช่วยจำ (mnemonics) เช่น รหัส กลุ่มคำย่อประโยค บทกลอน คำพ้องเสียง ได้แก่ วัฒนธรรม SIRIRAJ “CEE.EO” จุดเน้นกำรพัฒนำคุณภำพคณะฯ ประจำปี กำรเปรยี บเทยี บให้เห็นภำพ (imagery) ดนตร ี(music) เปน็ ต้น พัฒนำองค์กำรแห่งกำรเรยี นรไู้ ด้อยำ่ งไร องค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ คือ องค์กำรท่ีมีขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันท่ีให้ควำมสนใจกับกำรเรยี นรู้ ท้ังระดับบุคคลระดับทีม และระดับองค์กำร องค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ คือ แนวโน้มควำมต้องกำรจำกสมำชกิ ขององค์กำร เป็นกำรกำหนดทิศทำงในอนำคตของสู่ทิศทำงกำรพัฒนำท่ีดีขึ้นขององค์กำร องค์กำรแห่งกำร เรยี นรทู้ ปี่ ระสบควำมสำเรจ็ จะสำมำรถชว่ ยลดวงจรกำรพัฒนำนวัตกรรมใหม่ขององค์กำร ค่แู ข่งขันไม่สำมำรถ ลอกเลียนแบบได้โดยง่ำย และเป็นองค์กำรที่มีผลกำรดำเนินงำนที่ย่ังยืน ซ่ึงพ้ืนฐำนสำคัญคือบรรยำกำศ กำรเรยี นรูท้ ่ีครอบคลุมกำรวเิ ครำะห์ปัญหำ ประสบกำรณ์กำรปฏิบัติงำน กำรพัฒนำควำมคิดสรำ้ งสรรค์ นวัตกรรมทั้งในส่วนของสินค้ำ บรกิ ำร และกระบวนกำรกำรปฏิบัติงำนต้ังแต่ระดับบุคคล ระดับทีม จนถึง ระดับองค์กำร เป็นกระบวนกำรต่อเน่ืองที่ส่งผลให้บุคลำกรทุกระดับได้พัฒนำขีดควำมสำมำรถในกำร สรำ้ งสรรค์ผลกำรปฏิบตั ิงำนอย่ำงไม่หยุดนิ่งและนำไปสู่ขีดควำมสำมำรถขององค์กำรท่ยี ่งั ยืน แนวคิดกำรพัฒนำสู่องค์กำรแห่งกำรเรยี นรูข้ อง Sange ให้ควำมสำคัญเชงิ ทัศนคติหรอื กระบวนทัศน์ ส่วนบุคคลและทีมเป็นพ้ืนฐำนสำคัญท่ีสะท้อนสู่พฤติกรรมกำรเปิดรบั แบ่งปัน และเรยี นรูอ้ ย่ำงมีทิศทำง ท่ีสอดคล้องกับเป้ำหมำยหรอื วสิ ัยทัศน์ขององค์กำรอย่ำงเป็นระบบ ในขณะท่ี Marquardt ให้ควำมสำคัญ ในเชงิ ระบบเพ่ือใชข้ ับเคลื่อนกำรเป็นองค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ องค์กำรต้องมีทิศทำงกำรดำเนินงำนอย่ำงเป็น ระบบท้ังในเชงิ โครงสรำ้ ง กลยุทธ์ วธิ กี ำร และเป้ำหมำยท่ีชดั เจน มีกำรจัดระบบพัฒนำกำรเรยี นรูใ้ นระดับ บุคลำกร และทีม ผ่ำนกระบวนกำรด้ำนกำรจัดกำรควำมรูแ้ ละใช้เทคโนโลยีสนับสนุนกำรเรยี นรูอ้ ย่ำงมี ประสิทธภิ ำพ กำรพัฒนำระดับองค์กำร 1. กำรกำหนดนโยบำยมุ่งสู่กำรเป็นองค์กำรแห่งกำรเรยี นรูเ้ ป็นหน้ำที่ของฝ่ำยบรหิ ำรเนื่องจำก นโยบำยเปรยี บเสมือนเข็มทิศนำทำงเป็นหลักกำรหรอื แนวทำงดำเนินกำรท่ีบอกถึงเป้ำหมำยและกำรบรรลุ ควำมสำเรจ็ ตำมวัตถุประสงค์ในอนำคต ดังนั้น ผู้บรหิ ำรต้องกำหนดนโยบำยกำรมุ่งสู่องค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ อยำ่ งชดั เจน ท้งั นี้ นโยบำยจะเปน็ ทิศทำงสู่วสิ ัยทัศน์ กลยุทธ์ ตลอดจนแผนกำรดำเนินงำนต่อไป 2. สรำ้ งวสิ ัยทศั น์รว่ มและสื่อสำรวสิ ัยทัศน์ทวั่ ทัง้ องค์กำร วสิ ัยทัศน์รว่ มจะเป็นศูนยร์ วมทำงควำมคิด ภำพในอนำคต และพันสัญญำรว่ มของบุคลำกรในกำรดำเนินงำนบนจุดมุ่งหมำยเดียวกัน ดังน้ัน ผู้บรหิ ำรควร สนับสนุนให้บุคลำกรมีส่วนรว่ มในกำรกำหนดวสิ ัยทัศน์กำรมุ่งสู่กำรเป็นองค์กำรแห่งกำรเรยี นรแู้ ละดำเนินกำร สื่อสำรวสิ ัยทัศน์เพื่อสรำ้ งควำมเข้ำใจแก่บุคลำกรอยำ่ งทัว่ ถึงและต่อเนื่อง

21 ๓. กำรกำหนดกลยุทธก์ ำรดำเนินงำนเพื่อกำรเป็นองค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ โดยเรม่ ิ จำกกำรส่งเสรมิ ให้บุคลำกรมีส่วนรว่ มในกำรพัฒนำกลยุทธ์เพ่ือสร้ำงข้อตกรว่ มกันระหว่ำงองค์กำรกับบุคลำกร กำหนด หน่วยงำนเจำ้ ภำพขับเคลื่อนกำรดำเนินงำนโดยมีแผนปฏิบัติกำรและระบบกำรประเมินผลเพ่ือวัดควำมสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำยที่ชดั เจน ทงั้ น้ี กลยุทธข์ องแต่ละองค์กำรแต่ละแห่งจะมีควำมแตกต่ำงกันออกไป เชน่ กำรสรำ้ ง โอกำสและบรรยำกำศที่ส่งเสรมิ กำรแลกเปล่ียนเรยี นรูข้ องบุคลำกร กิจกรรม Morning Talk กำรให้รำงวัล สำหรบั ควำมคิดใหม่ๆ ท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อกำรปฏิบัติงำน กำรสนับสนุนเทคโนโลยีเพ่ือกำรเรยี นรู้ เปน็ ต้น ๔. พัฒนำวัฒนธรรมแห่งกำรเรยี นรู้ วัฒนธรรมองค์กำรสำมำรถสรำ้ งควำมเข้ำใจแก่บุคลำกร ให้ทรำบวำ่ ควรปฏิบตั ิตนและปฏิบัติงำนอยำ่ งไร เนื่องจำกวฒั นธรรมองค์กำรเป็นชุดของค่ำนิยม ประสบกำรณ์ ควำมเช่ือ พฤติกรรมรว่ มของสมำชิกในองค์กำร วัฒนธรรมแห่งกำรเรยี นรูจ้ ะเสรมิ สร้ำงพฤติกรรม ควำมรบั ผิดชอบในกำรกำรเรยี นรแู้ ละกำรแบ่งบันควำมรูข้ องบุคลำกรอยำ่ งต่อเน่ือง กำรพัฒนำระดับบุคคล 1. รูปแบบควำมคิดและมุมมองท่ีเปิดกว้ำงของบุคคลำกรมีอิทธิต่อกรอบแนวคิด มุมมอง กำรตีควำมตลอดจน ควำมเข้ำใจและแสดงออกสู่พฤติกรรม ดังน้ัน องค์กำรต้องให้ควำมสำคัญกับกำรบรหิ ำร และพัฒนำทรพั ยำกรบุคคลต้ังแต่กระบวนกำรคัดสรร กำรหล่อหลอมเจตคติและทัศนคติที่ดี กำรพัฒนำ ควำมรูแ้ ละสมรรถนะท่ีสอดคล้องกับเป้ำหมำยขององค์กำร กำรส่งเสรมิ กำรจัดทำแผนพัฒนำตนเอง ของบุคลำกร กำรสรำ้ งแรงจูงใจทที่ ำ้ ทำยควำมสำเรจ็ และควำมคิดสรำ้ งสรรค์ของบุคลำกรอยำ่ งต่อเนื่อง 2. อิทธบิ ำท 4 ประกอบด้วย ฉันทะ วริ ยิ ะ จติ ตะ วมิ ังสำ คือสูตรสำเรจ็ ของกำรดำเนินชวี ติ ตำมหลัก คำสอนของพุทธองค์ กำรท่ีบุคคลสำมำรถพัฒนำตนเองเพ่ือกำรเรยี นรโู้ ดยยดึ หลักอิทธบิ ำท 4 คือ (ฉันทะ) รกั ในกำรเรยี นรแู้ ละแสวงหำควำมรเู้ พ่ือกำรพัฒนำตนพัฒนำงำน (วริ ยิ ะ) ด้วยควำมพำกเพียรพยำยำมอย่ำงต่อเน่ือง (จติ ตะ) เรยี นรดู้ ้วยควำมเอำใจใส่ให้ควำมสำคัญกับกำรเรยี นรู้ (วมิ ังสำ) มีระบบทำงควำมคิดโดยไตร่ตรองพิจำรณำเหตุและผลแห่งควำมสำเร็จหรอื ควำมผิดพลำดจำกกำรปฏิบัติงำน ซ่ึงหำกบุคลำกรยึดหลักอิทธบิ ำท 4 ในกำรเรยี นรูก้ ็จะเป็นพ้ืนฐำนไปสู่กำรขยำยพลังของกำร เรยี นรจู้ ำกระดับบุคคลสู่กำรเรยี นรใู้ นระดับกลุ่มทีม และองค์กำรต่อไป กำรพัฒนำระดับทมี 1. ควำมไว้วำงใจเป็นสิ่งสะท้อนควำมสัมพันธภ์ ำพระหว่ำงบุคคลอันนำไปสู่กำรมีใจแบ่งปันควำมรู้ ในระดับทีม ผลลัพธ์ของกำรปฏิบัติงำนเป็นผลจำกควำมไว้วำงใจซึ่งกันและกันภำยในองค์กำร ท้ังน้ี กำรตอบสนองต่อควำมไวว้ ำงใจ มี 3 ประกำร คือ 1) ต้องใชเ้ วลำในกำรพัฒนำและกำรรกั ษำควำมไวว้ ำงใจต้องทำอยำ่ งต่อเนื่อง 2) ต้องมีควำมอดทน และ 3) กำรพัฒนำทักษะและกำรฝึกปฏิบัติซ่ึงกำรพัฒนำจติ ใจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสัมพันธภำพ แห่งควำมไวว้ ำงใจ ดังน้ัน องค์กำรควรส่งเสรมิ ให้บุคคลำกรมีส่วนร่วมในกำรวำงแผนกำรจัดกิจ กรรมส่งเสรมิ ควำมสัมพันธแ์ ละควำมผูกพันแก่บุคลำกร กำรเปดิ โอกำสและรบั ฟังควำมคิดเห็นของบุคลำกรกำรบรหิ ำรงำน แบบ Project Learning กำรส่งเสรมิ กำรดำเนินงำนท่ีเน้นกำรปรบั ปรุงอยำ่ งต่อเน่ือง

22 2. กำรเรยี นรูร้ ว่ มกันของทีมต่ำงจำกกำรเรยี นรูใ้ นระดับบุคคล ดังท่ี Marquardt อธิบำยว่ำ กำรเรยี นรูร้ ว่ มกันของทีมเน้นกำรเรยี นรูแ้ บบบรหิ ำรตนเอง (self-manage-learning) เน้นกำรแบ่งปัน ประสบกำรณ์ ท้ังควำมสำเร็จและข้อผิดพลำดแบบองค์รวม เน้นกำรเรยี นรู้จำกกำรปฏิบัติ ( Action Learning) ดังน้ัน องค์กำรควรจดั เวทีเพื่อสรำ้ งโอกำสกำรเรยี นรู้ โดยให้ควำมสำคัญกับกำรวเิ ครำะห์ประเด็น ปัญหำและแนวทำงแก้ไข กำรเสวนำ กำรถ่ำยทอดประสบกำรณ์ควำมสำเรจ็ กำรบรหิ ำรงำนเป็นทีม (Team Management) กำรพัฒนำกำรดำเนินงำนที่สรำ้ งสรรค์กำรประกวดโครงกำรนวตั กรรม เปน็ ต้น โดยสรุป องค์กำรแห่งกำรเรยี นรูเ้ ป็นองค์กำรที่มีขีดควำมสำมำรถในกำรเปล่ียนแปลงท่ีตอบสนอง ต่อสภำพแวดล้อม ก่อเกิดแนวคิดที่สรำ้ งสรรค์และนวัตกรรมใหม่ในกำรดำเนินงำน ตลอดจนสำมำรถพัฒนำ ผลกำรดำเนินงำนได้อย่ำงต่อเน่ืองและย่ังยืน ซึ่งแนวทำงกำรพัฒนำองค์กำรสู่องค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ ผู้บรหิ ำรองค์กำรต้องเข้ำใจพ้ืนฐำนแนวคิดว่ำองค์กำรไม่สำมำรถเรยี นรูไ้ ด้ด้วยตนเอง หำกแต่เกิดจำกกำร เรยี นรูข้ องบุคลำกรต้ังแต่ระดับบุคคล ระดับทีม และระดับองค์กำร ท้ังนี้ ส่ิงท่ีสำคัญคือองค์กำรต้องมีควำม ชดั เจนในกำรดำเนินงำนทั้งในบทบำทหน้ำที่ขององค์กำรหรอื ผู้บรหิ ำรในกำรสนับสนุนและขับเคล่ือนกำรเป็น องค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้ ตั้งแต่กำรกำหนดนโยบำยไปจนถึงกำรดำเนินงำน โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงกำรส่งเสรมิ และ พัฒนำกำรเรยี นรู้ในระดับบุคคลและระดับทีมโดยนำระบบกำรจัดกำรควำมรู้มำเป็นกลไกขับเคลื่อน องค์ควำมรู้ และกำรเรยี นรขู้ องทกุ คนในองค์กำร

23 มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ ISO 30401 2018 ISO 30401 2018 KNOWLEDGE MANAGEMENT SYSTEMS ISO 30401 2018 เป็นมำตรฐำนระบบกำรจดั กำร เป็นข้อกำหนดและแนะนำแนวทำงในกำรจดั ต้ัง ดำเนินกำร รกั ษำ ตรวจสอบ และปรบั ปรุงระบบกำรจดั กำรควำมรูท้ ี่มีประสิทธภิ ำพ มุ่งเน้นไปที่วธิ กี ำรจดั กำร ควำมรูอ้ ย่ำงเป็นระบบในกำรสรำ้ งและใชค้ วำมรูเ้ จตนำรมณ์ของ 30401 2018 คือกำรกำหนดหลักกำรและ ข้อกำหนดท่ีสำคัญของกำรจดั กำรควำมรูท้ ่ีดี เพ่ือเป็นแนวทำงสำหรบั องค์กรที่ดำเนินกำรจดั กำรควำมรูแ้ ละ ต้องกำรให้กำรจดั กำรควำมรูเ้ ป็นระบบ สำมำรถสรำ้ งคุณค่ำเพ่ิมให้กับองค์กร โดยอำศัยเครอ่ ื งมือกำรจดั กำร ควำมรู้ และเป็นพื้นฐำนสำหรบั กำรตรวจสอบรบั รองประเมินผลและรบั รององค์กรท่ีมีควำมสำมำรถด้ำน กำรจัดกำรควำมรูโ้ ดยผ่ำนหน่วยงำนตรวจสอบภำยในและภำยนอกท่ีเป็นที่ยอมรบั องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ (Learning Organization : LO) หมำยถึง องค์กรทยี่ กระดับคณุ ภำพด้วยกำรจดั กำรควำมรู้ โดยมีกำรพัฒนำ ปรบั ปรุงให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ท้ังด้ำนผลิตภัณฑ์/บรกิ ำร/กระบวนกำรทำงำน เพ่ือเพ่ิมประสิทธผิ ลในกำรดำเนิน พันธกิจและกำรบรรลุเป้ำหมำยขององค์กร หลักกำรระบบกำรจดั กำรควำมรูต้ ำม ISO 30401 2018 มี 8 ข้อ ดังน้ี 1. ธรรมชำติของควำมรู้ : ควำมรูไ้ ม่สำมำรถจบั ต้องได้และมีควำมซบั ซอ้ น ควำมรถู้ กู สรำ้ งโดยคน 2. คุณค่ ำ : ควำมรู้เป็นทรัพยำกรที่สำคั ญ และ มี มู ลค่ ำสำหรับอง ค์ กรเพ่ื อให้ อง ค์ กรบรรลุ ตำมวตั ถปุ ระสงค์ขององค์กร 3. กำรมุ่งเน้น : กำรจดั กำรควำมรตู้ อบสนองเปำ้ หมำย กลยุทธ์ และควำมต้องกำรขององค์กร 4. กำรปรบั ใช้ : ไม่มีวธิ กี ำรจดั กำรควำมรูใ้ ดท่ีเหมำะสมกับทุกองค์กร วธิ กี ำรจัดกำรควำมรูข้ ้ึนอยู่กับ บรบิ ทองค์กร องค์กรอำจต้องพัฒนำวธิ กี ำรจดั กำรควำมรขู้ องตนเองให้สอดคล้องกับบรบิ ทองค์กร 5. ควำมเข้ำใจที่ถูกต้องรว่ มกัน : กำรจดั กำรควำมรูค้ วรรว่ มกำรปฏิสัมพันธร์ ะหว่ำงคน กำรใช้เน้ือหำ กระบวนกำรและเทคโนโลยี ๖. สภำพแวดล้อม : ควำมรไู้ ม่ได้ถูกจดั กำรโดยตรง ดังนั้นกำรจดั กำรควำมรจู้ ะต้องไปมุ่งเน้นกำรจดั กำร สภำพแวดล้อมกำรทำงำน และกำรดูแลวงจรชวี ติ ของควำมรู้ 7. วัฒนธรรมองค์กร : วัฒนธรรมองค์กรมีผลต่อประสิทธิภำพกำรจัดกำรควำมรูเ้ ป็นอย่ำงมำก วัฒนธรรมองค์กรท่เี อื้อต่อกำรแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ท่เี อื้อต่อกำรคิด กำรแสดงควำมเห็น กำรทำงำนจะส่งผลต่อ กำรจดั กำรควำมรโู้ ดยตรง 8. จุดเน้นย้ำ : กำรจัดกำรควำมรูค้ วรต้องค่อยๆ ทำทีละช่วง แบ่งกำรดำเนินงำนเป็นระยะหรอื เฟส ให้สอดคล้องกับระบบกำรเรยี นรขู้ ององค์กร

24 ระบบกำรจดั กำรควำมรู้ ควรจะ 1. กำหนดเป้ำหมำย สภำพแวดล้อมทำงธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพ่ือกำหนดเป้ำหมำยของกำร จดั กำรควำมรู้ 2. ขอบเขตและลำดับควำมสำคัญของควำมรทู้ ีจ่ ะมีกำรบรหิ ำรจดั กำร 3. ครอบคลุมกระบวนกำรสำหรับกำรจัดหำ กำรใช้ กำรทำลำย กำรปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงคน กำรประมวลผลควำมรู้ กำรสังเครำะห์ กำรเรยี นรู้ 4. รวมและบูรณำกำรคน กระบวนกำร โครงสรำ้ งพ้ืนฐำน กำรกำกับดูแล และวัฒนธรรม 5. ภำวะผู้นำ เก่ียวกับคุณค่ำ นโยบำย กำรบูรณำกำรกำรจัดกำรควำมรูเ้ ข้ำกับกระบวนกำรทำงธุรกิจ ทรพั ยำกร บทบำทและควำมรบั ผิดชอบกำรจัดกำรควำมรู้ กำรสื่อสำร กำรจัดกำรกำรเปล่ียนแปลง เมทรกิ กำรปรบั ปรุงอยำ่ งต่อเน่ือง 6. นิยำมเปำ้ หมำยและผลลัพธ์ จดั กำรแผนและผลลัพธ์ 7. ทรพั ยำกร สมรรถนะ ควำมตระหนัก กำรส่ือสำร 8. ติดตำมและประเมิน ปรบั ปรุง ตรวจสอบภำยใน และทบทวนกำรจดั กำร

25 ส่วนท่ี ๒ เส้นทำงกำรขับเคล่ือนงำน ด้วยองค์ควำมรู้ ปี ๒๕๖๕ หลักกำรและเหตุผล ยุทธศำสตรช์ ำติ ( พ.ศ.๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ ) ด้ำนกำรปรบั สมดุลและพัฒนำระบบกำรบรหิ ำรจัดกำร ภำครฐั ประเด็นยุทธศำสตรท์ ่ี ๔.๔.๒ พัฒนำและปรบั ระบบวธิ กี ำรปฏิบัติรำชกำรให้ทันสมัย โดยมีกำรกำหนด นโยบำยและกำรบรหิ ำรจัดกำรท่ีต้ังอยู่บนข้อมูลและหลักฐำนเชิงประจักษ์ มุ่งผลสัมฤทธิ์ มีควำมโปรง่ ใส ยืดหยุ่น และคล่องตัว นำนวัตกรรม เทคโนโลยี ข้อมูลขนำดใหญ่ ระบบกำรทำงำนท่ีเป็นดิจิทัลมำใชใ้ นกำร บรหิ ำร และกำรตัดสินใจ รวมท้ังนำองค์ควำมรูใ้ นแบบสหสำขำวชิ ำเข้ำมำประยุกต์ใชเ้ พื่อสรำ้ งคุณค่ำและ แนวทำงปฏิบัติที่เป็นเลิศในกำรตอบสนองกับสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงทันเวลำ พรอ้ มท้ังมีกำรจัดกำร ควำมรูแ้ ละถ่ำยทอดควำมรูอ้ ย่ำงเป็นระบบ เพื่อพัฒนำภำครัฐ ให้เป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ และพระรำช กฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวธิ กี ำรบรหิ ำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มำตรำ 11 กำหนดไว้ว่ำ ส่วนรำชกำรมีหน้ำที่พัฒนำควำมรูใ้ นส่วนรำชกำรเพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรูอ้ ย่ำงสม่ำเสมอ เพ่ือนำมำประยุกต์ใชใ้ นกำรปฏิบัติรำชกำรได้อย่ำงถูกต้อง รวดเรว็ และเหมำะสมกับสถำนกำรณ์ รวมทั้งต้อง ส่งเสรมิ และพัฒนำควำมรู้ ควำมสำมำรถข้ำรำชกำรภำยในสังกัดให้เป็นบุคลำกรท่ีมีประสิทธภิ ำพและมีกำร เรยี นรรู้ ว่ มกัน มำตรฐำนสำหรบั กำรจัดกำรควำมรู้ ISO 30401 2018 ได้กำหนดหลักกำรและข้อกำหนดท่ีสำคัญ ของกำรจัดกำรควำมรูท้ ่ีดี เพ่ือเป็นแนวทำงสำหรบั องค์กรที่ดำเนินกำรจัดกำรควำมรูแ้ ละต้องกำรให้กำร จดั กำรควำมรเู้ ป็นระบบ สำมำรถสรำ้ งคณุ ค่ำเพ่ิมให้กับองค์กร โดยอำศัยเครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรู้ และเป็น พื้นฐำนสำหรบั กำรตรวจสอบรบั รองประเมินผลและรบั รององค์กรที่มีควำมสำมำรถด้ำนกำรจัดกำรควำมรู้ โดยผ่ำนหน่วยงำนตรวจสอบภำยในและภำยนอกท่ีเปน็ ท่ียอมรบั กระทรวงมหำดไทย มีแนวทำงเพื่อรองรบั กำรขับเคลื่อนไทยแลนด์ ๔.๐ ระบบรำชกำร ๔.๐ จึงได้ กำหนดด้ำนกำรพัฒนำบุคลำกรตำมแนวทำงมหำดไทย ๔.๐ ไว้ว่ำข้ำรำชกำรในหน่วยงำนต้องมีกำรเรยี นรู้ อยู่ตลอดเวลำ ด้วยกำรเรยี นรูผ้ ่ำนระบบออนไลน์ต่ำง ๆ โดยสำมำรถเรยี นรูไ้ ด้ด้วยตนเอง เรยี นรูไ้ ด้ทุกท่ีและ ทกุ เวลำและนำควำมรู้ ทีไ่ ด้มำสรำ้ งสรรค์งำนทที่ ำให้เกิดประสิทธภิ ำพต่อหน่วยงำน กรมกำรพัฒนำชุมชน โดยสถำบันกำรพัฒนำชุมชน เป็นหน่วยงำนหลักท่ีมีบทบำทหน้ำท่ี ในกำร ขับเคลื่อนกำรจดั กำรควำมรูข้ องกรมกำรพัฒนำชุมชน ต้ังแต่ปี ๒๕49 โดยกำหนดทิศทำงกำรจดั กำรควำมรู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในกำรพัฒนำคน พัฒนำงำน และพัฒนำองค์กร จำกกำรทบทวนผลกำรดำเนินงำนท่ีผ่ำนมำ พบว่ำ หน่วยงำนส่วนกลำงและภูมิภำคมีกำรดำเนินงำนจดั กำรควำมรูอ้ ย่ำงต่อเน่ือง เพ่ือเป็นกำรกระตุ้นและ ผลักดันกำรจดั กำรควำมรูข้ องบุคลำกรกรมกำรพัฒนำชุมชนให้นำกำรจดั กำรควำมรู้ มำปฏิบัติจนเป็นกิจวัตร ส่งเสรมิ กำรแบ่งปันแลกเปลี่ยน เรยี นรู้ ส่งเสรมิ กำรถอดองค์ควำมรูท้ ่ีสำมำรถเป็นต้นแบบ พรอ้ มทั้งสำมำรถ นำมำปฏิบัติได้จรงิ ตลอดจนกำรสรำ้ งเครอื ข่ำยควำมรว่ มมือด้ำนกำรจัดกำรองค์ควำมรูร้ ะหว่ำงหน่วยงำน ภำยในและต่อยอดองค์ควำมรูใ้ นงำนพัฒนำชุมชน จึงได้จัดทำโครงกำรจัดกำรควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชน ปีงบประมำณ พ.ศ. 2565 เพื่อเป็นฐำนรำกของกำรพัฒนำต่อยอด และผลั กดันให้กรมกำรพัฒนำชุมชน เปน็ หน่วยงำนทม่ี ุ่งเน้นพัฒนำกำรเป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรตู้ ่อไป

26 วัตถุประสงค์ 1. ส่งเสรมิ บุคลำกรในกำรเป็นนักจดั กำรควำมรใู้ นงำนพัฒนำชุมชนมืออำชพี 2. เพ่ือสรำ้ งเครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรงู้ ำนพัฒนำชุมชน 3. ส่งเสรมิ ให้เกิดกระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ และจดั เก็บองค์ควำมรรู้ ะดับพ้ืนที่ 4. เพ่ือเพิ่มชอ่ งทำงกำรเรยี นรู้ และพัฒนำคลังควำมรใู้ นกำรพัฒนำชุมชนในรปู แบบออนไลน์ แนวทำงกำรขับเคลือ่ นกิจกรรมกำรจดั กำรควำมรใู้ นงำนพัฒนำชุมชน กิจกรรมท่ี 1 กิจกรรมเพมิ่ ทักษะกำรจดั กำรควำมรู้ กิจกรรมย่อยที่ ๑.๑ กำรเพิ่มทักษะกำรจดั กำรควำมรู้ ข้ันตอนท่ี ๑ กำรเพิ่มทักษะกำรจดั กำรควำมรู้ (อบรมรูปแบบออนไลน์) ดำเนินกำรโดยสถำบัน กำรพัฒนำชุมชน เป็นกำรจดั อบรมกลุ่มเป้ำหมำยผ่ำนระบบออนไลน์ จำนวน 2 วัน เพื่อเพิ่มทักษะเจำ้ หน้ำที่ ท่ีรบั ผิดชอบงำนด้ำนกำรจดั กำรควำมรู้ ให้มีทัศนคติท่ีดีต่อกำรจัดกำรควำมรู้ มีรูปแบบกำรจัดกำรควำมรู้ ทีเ่ หมำะสมสำมำรถจดั กำรควำมรแู้ ละนำองค์ควำมรไู้ ปผลิตส่ือเพ่ือเผยแพรอ่ งค์ควำมรไู้ ด้โดยเรยี นรทู้ ักษะกำร ฟัง ทักษะกำรเขียน จำกวทิ ยำกรผู้มีประสบกำรณ์กระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ และกำรทดลองฝกึ ปฏิบัติ กลุ่มเปำ้ หมำย จำนวน 268 คน ประกอบด้วย 1. เจำ้ หน้ำท่ผี ู้รบั ผิดชอบงำนด้ำนจดั กำรควำมรขู้ องหน่วยงำนในสังกัดส่วนกลำง จำนวน 13 คน ๒. เจำ้ หน้ำทผี่ ู้รบั ผิดชอบงำนด้ำนจดั กำรควำมรขู้ อง ศพช. จำนวน 22 คน (11 ศูนยฯ์ ๆ ละ 2 คน) ๓. เจำ้ หน้ำทีผ่ ู้รบั ผิดชอบงำนด้ำนจดั กำรควำมรขู้ อง สพจ. จำนวน 228 คน (76 จงั หวัด ๆ ละ 3 คน) 4. เจำ้ หน้ำทีโ่ ครงกำร จำนวน 5 คน แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน/ส่วนกลำง ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน จงั หวดั /อำเภอ - สถำบันกำรพัฒนำชุมชนจัดทำคำสั่ง - ศ พ ช . คั ด เ ลื อ ก แ ล ะ ส่ ง ร ำ ยช่ื อ ที ม - สพจ. คัดเลือกและส่งรำยชอ่ื นักจดั กำร คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจดั กำร นักจดั กำรควำมรู้ ผ่ำน google form ศูนยฯ์ ควำมรู้ เพื่อเขำ้ รบั กำรอบรมผำ่ น google ควำมรู้ กรมกำรพฒั นำชุมชน ละ 5 คน (ผอ.ศพช. เป็นหัวหน้ำทีม) form กลุม่ งำนจดั กำรควำมรู้ สถำบนั กำร - หน่วยงำนในสงั กัด พช. (ส่วนกลำง) - ศพช. คัดเลือกและส่งรำยชอ่ื นักจดั กำร พัฒนำชุมชน จำนวน สพจ. ละ 3 คน คัดเลือกและส่งรำยชอ่ื นักจดั กำรควำมรู้ ควำมรู้ เพ่ือเขำ้ รบั กำรอบรมผำ่ น google ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ผู้ แ ท น จ ำ ก ก ลุ่ ม ง ำ น (เจำ้ หน้ำทที่ ่รี บั ผิดชอบงำนจดั กำรควำมร)ู้ form กลุม่ งำนจดั กำรควำมรู้ สถำบนั กำร ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำชุมชน กลุ่มงำน ผ่ ำ น google form ก ลุ่ ม ง ำ น จั ด ก ำ ร พัฒนำชุมชน ศพช. ละ 2 คน (สำมำรถรบั ส่งเสรมิ กำรพัฒนำชุมชน และกลุ่มงำน ควำมรู้ สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน ฟังกำรอบรมได้มำกกว่ำ 2 คน) สำรสนเทศกำรพัฒนำชุมชน (สำมำรถรบั - สถำบันกำรพัฒนำชุมชน รวบรวม - ผู้เข้ำร่วมอบรมจัดส่งผลง ำน One ฟังกำรอบรมได้มำกกว่ำ 3 คน) รำยชอื่ และจดั ทำทะเบยี นทมี KM page ( ผ ล ง ำ น ร ำ ย บุ ค ค ล ค น ล ะ 1 - ผู้เข้ำร่วมอบรมจัดส่งผ ลงำน One - ผู้เข้ำร่วมอบรมจัดส่งผลง ำน One ผลงำน) page ( ผ ล ง ำ น ร ำ ย บุ ค ค ล ค น ล ะ 1 page ( ผ ล ง ำ น ร ำ ย บุ ค ค ล ค น ล ะ 1 - ศพช. รวบรวมผลงำน One page ผลงำน) ผลงำน) จดั ทำเป็น E-book และเผยแพรผ่ ่ำน - สพจ. รวบรวมผลงำน One page และ - สรำ้ งเครอื ขำ่ ยนักจดั กำรควำมรู้ ชอ่ งทำงต่ำง ๆ ของศพช. เผยแพรผ่ ่ำนชอ่ งทำงต่ำง ๆ ของจงั หวัด - รวบรวมผลงำน One page จดั ทำเป็น - ศพช. ขยำยผลนักจัดกำรควำมรู้ใน - สพจ. ขยำยผลนักจัดกำรควำมรู้ใน E-book และเผยแพรผ่ ำ่ นชอ่ งทำงต่ำง ๆ หน่วยงำน (พ่สี อนน้อง) หน่วยงำน (พ่ีสอนน้อง)

27 ขั้นตอนที่ 2 KM Challenge กำรพัฒนำองค์ควำมรูแ้ ละกำรประกวดองค์ควำมรูด้ ีเด่น ระดับเขตตรวจ - ดำเนินกำรโดยศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน 11 แห่ง จัดกำรประกวดฯ ในระดับเขตตรวจ ๆ ละ 1 วัน กลุ่มเป้ำหมำย ประกอบด้วย นักวชิ ำกำรพัฒนำชุมชน สำนักงำนพัฒนำชุมชนอำเภอ สำนักงำน พัฒนำชุมชนจงั หวดั ทกุ แห่ง ๗๖ จงั หวดั 878 อำเภอ - KM Challenge ระดับบุคคล กำรคัดเลือกและมอบรำงวลั องค์ควำมรดู้ ีเด่นระดับบุคคล (ดำเนินกำรไตรมำส 2) - KM Challenge ระดับหน่วยงำน ( สพอ.) และ KM Challenge ระดับหน่วยงำน ( สพจ.) กำรคัดเลือกและมอบรำงวลั หน่วยงำนจดั กำรควำมรดู้ ีเด่น (ระดับหน่วยงำน) (ดำเนินกำรไตรมำส 4) แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน/ ศูนยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชน จงั หวดั /อำเภอ ส่วนกลำง - ร่ว ม พั ฒ น ำ อ ง ค์ ค ว ำ ม รู้ข อ ง KM Challenge ระดับบุคคล - ก ร ม ก ำ ร พั ฒ น ำ ชุ ม ช น แจ้ง ส ำ นั ก ง ำ น พั ฒ น ำ ชุ ม ช น จัง ห วั ด / - ส่งเสรมิ ให้ผู้ผ่ำนกำรอบรมพัฒนำกรระหว่ำงประจำกำร แนวทำงกำรพัฒนำองค์ควำมรู้ อำเภอ หลังจำกท่ีจงั หวัดคัดเลือก ด้ำนบรหิ ำรกำรเปลย่ี นแปลง ปีงบประมำณ พ.ศ. 2565 พฒั นำ และกำรประกวดฯ ให้จังหวัด องคค์ วำมรดู้ ีเด่นระดับจงั หวัดแล้ว ผลงำนเรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลังของตนเองเพ่ือสง่ เขำ้ รว่ มประกวดฯ ทรำบ - ศู น ย์ ฯ เ ส น อ ช่ื อ บุ ค ค ล เ พ่ื อ - จังหวัดประชำสัมพันธ์เชิญชวนบุคลำกรสำนักงำน - ก ำ ห น ด ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ก ำ ร แ ต่ ง ตั้ ง เ ป็ น ค ณ ะ ก ร ร ม ก ำ ร พั ฒ น ำ ชุ ม ช น อ ำเ ภอ ทุ กค น ส่ ง ผ ล ง ำ น ระ ดั บบุ คคล คัดเลือกองค์ควำมรูด้ ีเด่นระดับ พิจำรณำคัดเลือกผลงำน ระดับ (KM เรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง) เขำ้ รว่ มกิจกรรมฯ บุคคลและระดับหน่วยงำน เขตตรวจฯ - คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจดั กำรควำมรู้ จงั หวัด - แจ้งหลักเกณฑ์ให้ ศพช. และ - ประสำนคณะกรรมกำรคัดเลือก คัดเลือกองค์ควำมรูด้ ีเด่นระดับบุคคล (เรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง) สพจ. ทรำบ องค์ควำมรูด้ ีเด่นระดับบุคคลและ จำนวน 1-๓ ผลงำน เป็นตัวแทนจงั หวัด เพ่ือเข้ำรว่ มกำร - แต่งต้ังคณะกรรมกำรคดั เลอื ก ระดับหน่วยงำนเพื่อเตรยี มกำร คัดเลือกเป็นองค์ควำมรูด้ ีเด่นระดับเขตตรวจรำชกำร อ ง ค์ ค ว ำ ม รู ้ดี เ ด่ น ร ะ ดั บ บุ ค ค ล คั ด เ ลื อ ก อ ง ค์ ค ว ำ ม รู ้ดี เ ด่ น ร ะ ดั บ (ดำเนินกำรในเดือนกมุ ภำพนั ธ์ 2565) และระดับหน่วยงำน เขตตรวจ โดยเกณฑ์กำรประกวด - แจง้ รำยชอื่ และองค์ควำมรูด้ ีเด่น ระดับจังหวัด 1 - ๓ - กำรคัดเลือกและมอบรำงวัล เป็นไปตำมที่กรมฯ กำหนด ผลงำน (เรยี งลำดับ) ให้สถำบันกำรพัฒนำชุมชนทรำบ อ ง ค์ ค ว ำ ม รู ้ดี เ ด่ น ร ะ ดั บ บุ ค ค ล - ดำเนินกำรคัดเลือกองค์ควำมรู้ และเตรยี มควำมพรอ้ มรว่ มกิจกรรมคดั เลือกระดับเขตตรวจ (ดำเนินกำรไตรมำส 2) ดีเด่นระดับเขตตรวจ - เตรยี มกำรรว่ มกิจกรรมกำรพัฒนำ(เร่อื งเล่ำเร้ำพลัง) - กำรคัดเลือกและมอบรำงวัล เป็นส่ือสรำ้ งกำรเรยี นรใู้ นรูปแบบทเี่ หมำะสม กับ ศพช. หน่วยงำนจัดกำรควำมรูด้ ีเด่น - ร ะ ดั บ บุ ค ค ล ด ำ เ นิ น ก ำ ร KM Challenge ระดับหน่วยงำน ( สพอ.) (ระดับหน่วยงำน) (ดำเนินกำร คดั เลือกในไตรมำส 2 - ส่งเสรมิ ให้สำนักงำนพัฒนำชุมชนอำเภอทุกแห่ง พัฒนำ ไตรมำส 4) องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ (LO) ให้เป็นสำนักงำนพัฒนำ - กำรมอบรำงวัลคลังควำมรู้ - ระดับหน่วยงำน ดำเนินกำร ชุมชนอำเภอแห่งกำรเรยี นรู้ ดีเด่น(ดำเนินกำรคัดเลือกโดย คัดเลือกในไตรมำส 4 (ทั้งระดับ - สพอ.ทุกแห่ง เตรยี มกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกำรคัดเลือก กรมฯ พิจำรณำจำกกำรสร้ำง สพอ. และ สพจ.) หน่วยงำนจดั กำรควำมรูด้ ีเด่น (ระดับหน่วยงำน) ในหัวข้อ คลังควำมรู้ผ่ำนเว็บไซต์ หรอื LO สู่ “สำนักงำนพฒั นำชุมชนอำเภอแห่งกำรเรยี นรู”้ ช่องทำงอื่น ๆ ของหน่วยงำน - ส่งผลกำรคัดเลือกให้สถำบัน - สพจ.จัดกิจกรรม KM Day ระดับจังหวัด (ตำมควำม ในสังกัด ทั้งส่วนกลำงและส่วน กำรพฒั นำชุมชนทรำบ เหมำะสม) ให้ทุกอำเภอนำเสนอผลกำรพัฒนำ LO และ ภมู ภิ ำค) (ดำเนินกำรไตรมำส 4) - ลงพ้ืนที่จังหวัด/อำเภอ พัฒนำ คดั เลอื กสุดยอด LO ระดับจงั หวัด( ๑ สพอ.) เป็นตัวแทน องค์ควำมรูร้ ะดับบุคคล (เรอ่ ื งเล่ำ สู่กำรคัดเลือก สุดยอด LO ระดับเขตตรวจรำชกำร เร้ำพลัง) ที่ได้รบั รำงวัลในระดับ - ส่ ง ใ บ ส มั ครและเ อ ก ส ำร ผ ลง ำ น เข้ ำร ่ว ม กำ รคั ด เ ลื อ ก เขตตรวจ หรอื ระดับจงั หวัด ตำม สุดยอด LO ระดับเขตตรวจฯ ภำยในเดือนมิถุนำยน 2565 ควำมเหมำะสม พัฒนำให้เป็นส่ือ และเตรยี มควำมพรอ้ มรว่ มกิจกรรมคดั เลือกระดับเขตตรวจ ส ร้ำ ง ก ำ ร เ ร ยี น รู้ใ น รู ป แ บ บ ท่ี เหมำะสม เชน่ Podcast เรอ่ ื งเล่ำ เร้ำพลัง หรอื Clip เร่อื งเล่ำเร้ำ พลงั

28 ขั้นตอนท่ี 2 (ต่อ) ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน จงั หวดั /อำเภอ สถำบันกำรพัฒนำชุมชน/ ส่วนกลำง - จดั ทำสรปุ ผลรวบรวมองคค์ วำมรู้ KM Challenge ระดับหน่วยงำน ( สพจ.) ท่ี ไ ด้ รับ ร ำ ง วั ล ร ะ ดั บ เข ต ต ร ว จ - คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจดั กำรควำมรู้ จงั หวัด ระดับจงั หวัด จดั ทำชุดองค์ควำมรู้ จดั ทำ KM Action Plan ระดับจงั หวดั ปี ๒๕๖๕ เรอ่ ื งเล่ำเรำ้ พลัง - ขับเคล่ือนกระบวนกำรจัดกำรควำมรูต้ ำมแผน โดยให้ ควำมสำคัญกำรสรำ้ งสำนักงำนพัฒนำชุมชนจงั หวัดแห่ง กำรเรยี นรู้ - สรปุ ผล ถอดบทเรยี นกำรขบั เคล่ือนกระบวนกำรจดั กำร ควำมรู้ ของจงั หวดั - สพจ. โดยกลุ่มงำนท่ีรบั ผิดชอบงำนกำรจัดกำรควำมรู้ สร้ำงกำรมีส่ วนร่วมในจังหวัด จัดเวทีเระดมสมอง ส่ ง เ ส ร ิม ก ำ ร ใ ช้ Design Thinking Process เ พื่ อ ออกแบบ Prototype “ต้นแบบกำรสรำ้ งองค์กรแห่งกำร เรยี นรู”้ - จัดส่งผลงำน กำรออกแบบ Prototype “ต้ นแบบ กำรสรำ้ งองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้” เพื่อรว่ มกำรคัดเลือก สุดยอด Prototype กำรสร้ำงองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ ระดับประเทศ สง่ ผลงำนภำยในเดือนมิถุนำยน 2565 - คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจัดกำรควำมรู้ กรมฯ ดำเนินกำรคดั เลือก ประกำศผล มอบรำงวลั ให้กับจงั หวัด ที่ได้ รับกำรคัดเลือก สุ ดยอด Prototype “ต้ นแบบ กำรสรำ้ งองค์กรแห่งกำรเรยี นรู”้ ระดับประเทศ ข้ันตอนท่ี 3 กิจกรรมนำเสนอผลงำนและพิธมี อบรำงวัลองค์ควำมรูด้ ีเด่นระดับบุคคล ดำเนินกำร โดยสถำบันกำรพัฒนำชุมชน/ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน/สำนักงำนพัฒนำชุมชนจงั หวัด กำหนดให้มีกำร นำเสนอผลงำนของผู้เข้ำรว่ มประกวดระดับบุคคล ระดับหน่วยงำน เพ่ือคัดเลือกผู้ชนะกำรประกวดระดับเขต ตรวจ และจดั พิธมี อบรำงวัลให้กับผู้ชนะกำรประกวด ระดับประเทศ ระดับเขตตรวจ และระดับจงั หวัด โดยมี รำงวลั เชดิ ชูเกียรติ ประกอบด้วย ๑. KM Challenge ระดับบุคคล (ไตรมำส ๒) - รำงวัลชนะเลิศระดับเขตตรวจ โล่รำงวัล 18 เขตตรวจๆ ละ 1 รำงวัล รวม 18 รำงวลั - รำงวลั ชนะเลิศระดับจงั หวัด ใบประกำศฯ 76 จงั หวดั ๆ ละ 1 รำงวัล รวม 76 รำงวลั ๒. KM Challenge ระดับหน่วยงำน ( สพอ.) (ไตรมำส ๔) - รำงวลั ชนะเลิศระดับเขตตรวจ โล่รำงวลั 18 เขตตรวจๆ ละ 1 รำงวัล รวม 18 รำงวลั ๓. KM Challenge ระดับหน่วยงำน ( สพจ.) (ไตรมำส ๔) - รำงวัลชนะเลิศระดับประเทศ โล่รำงวลั จำนวน ๕ รำงวลั

29 กิจกรรมย่อยท่ี ๑.๒ เวทีสรำ้ งเครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรู้ ดำเนินกำรโดยสำนักงำนพัฒนำชุมชนจงั หวัด เป็นกำรจดั ประชุมเชงิ ปฏิบัติกำร จำนวน 1 วัน เพ่ือ ถ่ำยทอดองค์ควำมรู้กำรจัดกำรควำมรู้ให้กับผู้นำชุมชน/ปรำชญ์ ให้ มีควำมรู้ในเร่อื งกระบวนกำร ถอดองค์ควำมรู้ สรำ้ งเครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรูใ้ นระดับพื้นที่ ให้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในแนวคิด เครอ่ ื งมือ วธิ กี ำรกำรจดั กำรควำมรทู้ ีเ่ หมำะสมกับภูมิสังคม สำมำรถใชเ้ ครอ่ ื งมือในกำรจดั เก็บองค์ควำมรูท้ ี่มีอยูใ่ นชุมชน และลงมือปฏิบตั ิในกำรจดั กำรควำมรขู้ องชุมชน เพ่ือนำองค์ควำมรมู้ ำต่อยอดขยำยผลสรำ้ งกำรเรยี นรตู้ ่อไปได้ กลุ่มเปำ้ หมำย จำนวน 912 คน ประกอบด้วย 1. เจำ้ หน้ำทพ่ี ัฒนำชุมชน/ผู้นำชุมชน/ปรำชญ์ชุมชน จงั หวดั ละ 10 คน รวม 760 คน และ 2. เจำ้ หน้ำทโี่ ครงกำรฯ จำกสำนักงำนพัฒนำชุมชนจงั หวัดๆ ละ 2 คน รวม 152 คน แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพฒั นำชุมชน/ ศูนยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชน จงั หวัด/อำเภอ ส่วนกลำง ๑. ทีม KM ศพช. ร่วมส่งเสรมิ 1. สพจ. คัดเลือกเครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรู้ จงั หวัดละ 10 ๑. จัดทำแนวทำงกำรดำเนิน ส นั บ ส นุ น ก ำ ร ด ำ เ นิ น กิ จ ก ร ร ม คน ประกอบด้วย กิจกรรมสง่ ให้ สพจ. ข อ ง จั ง ห วั ด ใ น เ ข ต พื้ น ที่ - เจำ้ หน้ำทพี่ ฒั นำชุมชน สพอ. 2 คน ๒. รวบรวมทะเบียนรำยช่ือ รบั ผิดชอบ - ผู้นำชุมชน/ปรำชญ์ชุมชน 8 คน ชุ ม ช น ต้ น แ บ บ ท่ี จัด กิ จ ก ร ร ม ๒ . ร ว บ ร ว ม ท ะ เ บี ย น ร ำ ยชื่อ ๒. สพจ. คดั เลือกพน้ื ทดี่ ำเนินกำรประชุมเชงิ ปฏิบตั ิกำรฯ โดย ของจงั หวัด ชุมชนต้นแบบท่ีจดั กิจกรรมของ พิจำรณำจำกชุมชนท่ีมีกำรขับเคล่ือนงำนในประเด็นสำคัญ ๓. เผยแพร่ประชำสั มพันธ์ จงั หวัดในเขตรบั ผดิ ชอบ ตำมนโยบำยหรอื ทิศทำงของกรมกำรพัฒนำชุมชน เช่น กำร ชุมชนต้นแบบจงั หวัด ขจดั ปัญหำควำมยำกจนและพฒั นำคนทกุ ชว่ งวยั อยำ่ งยงั่ ยนื ฯ กำรพัฒนำพื้นท่ีต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพชวี ติ ฯ ศูนย์ผู้นำ จิตอำสำ หรอื กำรพัฒนำผู้นำกำรเปล่ียนแปลงฯ ที่สำมำรถ พัฒนำต่อยอดให้เป็นศูนย์เรยี นรูช้ ุมชนได้ และจัดส่งรำยชอ่ื ผ่ำน google form กลุ่มงำนจัดกำรควำมรู้ สถำบันกำร พัฒนำชุมชน ๓. ประสำนกำรอบรมเชิงปฏิบัติกำรฯ เตรยี มควำมพรอ้ ม วทิ ยำกร สถำนที่ ผ้เู ข้ำอบรม 4. จดั กำรประชุมเชงิ ปฏิบตั ิกำรตำมแนวทำงท่กี รมฯ กำหนด 5. เครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรูจ้ งั หวัดรว่ มกันจดั ทำแผนสรำ้ ง กำรเรยี นรขู้ องชุมชนต้นแบบ 6. จดั ทำชุดองค์ควำมร/ู้ สื่อกำรเรยี นรขู้ องชุมชนต้นแบบ ๗. เครอื ข่ำยนักจัดกำรควำมรูจ้ ังหวัดส่งเสรมิ กำรเรยี นรูใ้ ห้ เป็นไปตำมแผน ๘. ชุมชนต้นแบบเจำ้ ขององค์ควำมรูข้ ับเคล่ือนกิจกรรมตำม แผน 9. จัดทำเอกสำรสรุปผลกำรดำเนินกิจกรรม และจดั ส่ง file เอกสำรผ่ำนทำง google drive กลุ่มงำนจัดกำรควำมรู้ สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน - รำยละเอียดกำรจดั ประชุมเชงิ ปฏิบัติกำรฯ ตำมตำรำงแนบท้ำย

30 กิจกรรมท่ี ๒ กำรส่งเสรมิ กำรเรยี นรูแ้ ละกำรจดั กำรควำมรูร้ ะดับพ้ืนท่ี กิจกรรมย่อยท่ี ๒.๑ KM สัญจร กำรจดั กำรควำมรูช้ ุมชน ดำเนินกำรโดยศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน จำนวน 11 ศูนย์ ๆ ละ 2 แห่ง จำนวน 3 วัน เพื่อเป็น กำรจัดเก็บองค์ควำมรูจ้ ำกชุมชนต้นแบบท่ีมีผลงำนเชิงประจักษ์ด้ำนกำรบรหิ ำรจัดกำรในกำรแก้ไขปัญหำ ในชุมชนในด้ำนต่ำงๆ ได้เป็นผลสำเรจ็ และนำมำสรุปประมวลผลองค์ควำมรูเ้ ป็นแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำ และพัฒนำต่อยอดงำนพัฒนำชุมชน นำเสนอในรปู แบบ Infographic / Clip VDO / บทควำม / อ่ืนๆ กลุ่มเป้ำหมำย จำนวน 385 คน ประกอบด้วย 1. ผู้แทนชุมชนต้นแบบ 220 คน (ชุมชนต้นแบบ 22 ชุมชน ๆ ละ 10 คน) 2. เจำ้ หน้ำทจี่ ำกสำนักงำนพัฒนำชุมชนจงั หวัด/อำเภอ จำนวน 110 คน (จุดละ 5 คน) และ ๓. เจำ้ หน้ำท่ีโครงกำรฯ จำกศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน จำนวน 55 คน (11 ศูนย์ฯ ละ 5 คน) แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน/ ศูนยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชน จงั หวัด/อำเภอ ส่วนกลำง - สำนักงำนพัฒนำชุมชนจงั หวัด (เฉพำะจังหวัดที่เป็นพ้ืนท่ีเป้ำหมำย ๒๒ ๑. รวบรวมพื้นที่ดำเนินกำรและ 1. ศพช. คัดเลือกพ้ืนท่ีดำเนินกำรกิจกรรม KM ชุมชน) ๑. สนับสนุนเครอื ข่ำยนักจัดกำรควำมรู้ แผนกำรลงพน้ื ท่ี สัญจร ศูนย์ฯ ละ 2 ชุมชน โดยพิจำรณำจำกชุมชน ของจังหวัดเพ่ือรว่ มกับศูนย์ศึกษำและ พัฒนำชุมชนเป็นทีมจดั กำรควำมรู้ (KM ๒. แจ้งประสำนงำนจังหวัดที่ ในพืน้ ทร่ี บั ผิดชอบของ ศพช. ที่มีกำรขบั เคลือ่ นงำน Team) ล ง พ้ื น ท่ี ถ อ ด บ ท เ ร ยี น แ ล ะ จั ด เ ก็ บ อ ง ค์ ค ว ำ ม รู้ ใ น พ้ื น ท่ี ชุ ม ช น เก่ียวข้อง ในประเด็นสำคัญตำมนโยบำยหรอื ทิศทำงของ เป้ำหมำย ๒. สนั บสนุนทีมจัดกำรควำมรู้ ( KM ๓. รว่ มลงพื้นที่ถอดองค์ควำมรู้ กรมกำรพัฒนำชุมชน โดยให้ควำมสำคัญกับกำร Team) และประสำนงำนพ้ืนท่ี ชุมชน เป้ำหมำย/ผู้นำชุมชน/ปรำชญ์/ครวั เรอื น ครัวเรอื นเป้ำหมำยตำมควำม ขจดั ปัญหำควำมยำกจนและพัฒนำคนทุกช่วงวัย เป้ำหมำยรว่ มเวทีกำรจดั กำรควำมรู้ ๓. แจง้ /ประสำนงำนชุมชนเป้ำหมำย เหมำะสม อย่ำงย่ังยืนฯ เป็นลำดับแรก หรอื กำรพัฒนำพื้นท่ี ๔. รว่ มลงพื้นท่ีถอดองค์ควำมรคู้ รวั เรอื น เป้ำหมำยตำมควำมเหมำะสม ๔. รวมรวมองค์ควำมรู้ และ ต้ น แ บ บ ก ำ ร พั ฒ น ำ คุ ณ ภ ำ พ ชีว ติ ฯ ศู น ย์ผู้ น ำ เผยแพรผ่ ่ำนชอ่ งทำงต่ำงๆ ของ จิตอำสำ หรอื กำรพัฒนำผู้นำกำรเปล่ียนแปลงฯ กรมฯ (พ้ืนท่ีไม่ซ้ำกับกิจกรรมที่ 1.2) และจัดส่งรำยช่ือ ผ่ำน google form กล่มุ งำนจดั กำรควำมรู้ สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน ๒. ทีม KM ศพช.จัดทำแผนลงพ้ืนท่ีถอดบทเรยี น และจัดเก็บองค์ควำมรู้ จัดส่งผ่ำน google form กลุ่มงำนจดั กำรควำมรู้ สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน ๓. ประสำนจงั หวัด และชุมชนเป้ำหมำย จดั เตรยี ม ควำมพรอ้ มสถำนท่ี ๔. ทีม KM ศพช. ดำเนินกำรกิจกรรม KM สัญจร ตำมแนวทำงที่กรมฯ กำหนด ๕. สรุปประมวลผลองค์ควำมรูเ้ ป็นแนวทำงในกำร แก้ไขปัญหำและพัฒนำต่อยอดงำนพัฒนำชุมชน นำเสนอในรูปแบบ Infographic / Clip VDO / บทควำม / อ่ืน ๆ 6. จัดทำเอกสำรสรุปผลกำรดำเนินกิจกรรม และ จัดส่ง file เอกสำรผ่ำนทำง google drive กลุ่ม งำนจัดกำรควำมรู้ สถำบันกำรพัฒนำชุมชน และ เผยแพรผ่ ำ่ นชอ่ งทำงต่ำงๆ ของ ศพช. ๗. ศพช.พัฒนำองค์ควำมรูใ้ นรูปแบบบทควำม เพื่อส่งให้กรมฯ จัดทำหนังสือสรุปกำรจัดกำร ควำมรปู้ ระจำปีของกรมฯ จำนวน 2 บทควำม - รำยละเอียดกำรจดั KM สัญจร ตำมตำรำงแนบทำ้ ย

31 กิจกรรมย่อยท่ี ๒.๒ เวทีชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) ดำเนินกำรโดยศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน จำนวน 11 ศูนย์ ๆ ละ 1 ครงั้ จำนวน 2 วัน เปน็ กำร จัดเวทีแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ถอดบทเรยี นสรำ้ งชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) ของผู้นำชุมชนต้นแบบในกำรแก้ไข ปัญหำของชุมชนในด้ำนต่ำงๆ จนประสบผลสำเรจ็ โดยกำรจดั สนทนำกลุ่มย่อย (Focus group) ครวั เรอื น/ ชุมชนต้นแบบ และนำมำสรุปประมวลผลองค์ควำมรูเ้ ป็นโมเดลในกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำต่อยอดงำน พัฒนำชุมชน กลุ่มเป้ำหมำย จำนวน 275 คน ประกอบด้วย 1. ผู้แทนชุมชนต้นแบบ 220 คน (ชุมชนต้นแบบศูนย์ฯ 11 แห่งๆ ละ 20 คน) และ 2. เจำ้ หน้ำทโ่ี ครงกำร ฯ ของศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน จำนวน 55 คน (ศูนย์ฯ 11 แห่ง ๆ ละ 5 คน) แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพฒั นำชุมชน/ส่วนกลำง ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน จงั หวดั /อำเภอ ๑. รวบรวมรำยชื่อกลุ่มเป้ำหมำย เวที 1. กำหนดประเด็นกำรจัดเวทีแลกเปลี่ยน - ส ำ นั ก ง ำ น พั ฒ น ำ ชุ ม ช น จั ง ห วั ด ชุมชนนักปฏิบัติ แจ้งประสำนจังหวัด ที่ เรยี นรู้ ถอดบทเรยี นสรำ้ งชุมชนนักปฏิบัติ (เฉพำะจงั หวัดทม่ี ีครวั เรอื นเป้ำหมำย เกี่ยวขอ้ งเพอื่ ประสำนงำนกลุ่มเป้ำหมำย (CoP) ของผู้นำชุมชนต้นแบบในกำรแก้ไข เขำ้ รว่ ม) ๒. ประสำนกำรเตรยี มกำรจดั เวทีชุมชน ปัญหำในชุมชนในด้ำนต่ ำงๆ จนประสบ ๑. ประสำนงำนพื้นที่/กลุ่มเป้ำหมำย นักปฏิบัติรว่ มกับทีมจัดกำรควำมรู้ (KM ผลสำเรจ็ (ให้ควำมสำคญั กับกำรขจดั ปัญหำ ที่เกี่ยวข้องในพน้ื ท่จี งั หวัด Team) ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน ควำมยำกจนและพัฒนำคนทุกช่วงวัยอย่ำง ๒. สนับสนุนนักจัดกำรควำมรู้ของ ๓. สนั บสนุนกำรจัดเวทีแล กเ ป ล่ี ย น ยง่ั ยนื ฯ เป็นลำดับแรก) จงั หวดั ตำมควำมเหมำะสม เ ร ยี น รู้ ถ อ ด บ ท เ ร ยี น ส ร้ำ ง ชุ ม ช น ๒. คัดเลือกกลุ่มเป้ำหมำยเข้ำรว่ มเวทชี ุมชน ร่วมกับศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน นักปฏิบัติ (CoP) ของ ศพช. นักปฏิบัติ ศูนย์ฯ ละ ๒0 คน และส่งรำยชอ่ื เป็นทีมจัดกำรควำมรู้ ( KM Team) ๔. รวมรวมองค์ควำมรู้ และเผยแพรผ่ ่ำน ให้สถำบนั กำรพฒั นำชุมชน จั ด เ ว ที ชุ ม ช น นั ก ป ฏิ บั ติ เ พื่ อ ชอ่ งทำงต่ำงๆ ของ กรมฯ ๓. แจง้ และประสำนงำนเบ้ืองต้นกับชุมชน/ แ ล ก เ ป ล่ี ยน เร ยี น รู้ ถ อ ด บ ท เร ยี น หมู่บ้ำน/ครัวเรอื นเป้ำหมำย เข้ำรว่ มเวที สรำ้ งชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) โดยกำร ชุมชนนักปฏิบตั ิ จัดสนทนำกลุ่มย่อย (Focus group) ๔. จัดเวทีแลกเปล่ียนเรยี นรู้ถอดบทเรยี น ณ ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน สร้ำงชุมชนนักปฏิบัติ (CoP)โดยกำรจัด ส น ท น ำ ก ลุ่ ม ย่ อ ย ( Focus group) ตำมแนวทำงทกี่ รม ฯ กำหนด ๕ . ส รุ ป ป ร ะ ม ว ล ผ ล อ ง ค์ ค ว ำ ม รู้จัด เว ที แลกเปล่ียนเรยี นรูถ้ อดบทเรยี น สรำ้ งชุมชน นักปฏิบัติ (CoP) จดั ทำเอกสำรสรุปผลกำร ดำเนินกิจกรรม และจดั ส่ง file เอกสำรผำ่ น ทำง google drive กลุ่มงำนจัดกำรควำมรู้ สถำบันกำรพัฒนำชุมชน และเผยแพรผ่ ่ำน ชอ่ งทำงต่ำง ๆ ของ ศพช. ๖. ขยำยผลให้มีกำรจัดเวทีแลกเปลี่ยน เรยี นรูถ้ อดบทเรยี น สรำ้ งชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) ในประเด็นอ่ืน ๆ ท่ีน่ำสนใจอย่ำง ต่อเนื่อง - รำยละเอียดกำรจดั เวทีชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) ตำมตำรำงแนบท้ำย

32 กิจกรรมย่อยท่ี ๒.๓ KM Show & Share ดำเนินกำรโดยสถำบนั กำรพัฒนำชุมชน ไตรมำสที่ 3 - 4 ประกอบด้วย 2 ข้ันตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 สถำบันกำรพัฒนำชุมชนจ้ำงเอกชนดำเนินกำรจัดทำ สื่อชุดองค์ควำมรูส้ ำหรบั เป็นสื่อกำรเรยี นรูบ้ ุคลำกรกรมกำรพัฒนำชุมชน จำนวน 7 ตอน โดยเชญิ ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีควำมเช่ียวชำญ ในสำขำต่ำง ๆ จำนวน 1 ท่ำน/ตอน มำให้ควำมรูเ้ พ่ือพัฒนำกำรทำงำน และแนะนำเครอ่ ื งมือกำรทำงำน ที่เหมำะสมกับภำรกิจงำนพัฒนำชุมชน สำมำรถนำไปประยุกต์ใชใ้ นกำรปฏิบตั ิงำนได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ ขั้นตอนท่ี 2 สถำบันกำรพัฒนำชุมชนดำเนินกำรจดั กิจกรรมเสวนำงำน พช. (ไม่ใชง้ บประมำณ) ผ่ำนสื่อออนไลน์ในรูปแบบ Facebook live รว่ มแลกเปลี่ยนองค์ควำมรูเ้ พื่อกำรพัฒนำกำรทำงำน และ แนะนำรูปแบบองค์ควำมรทู้ เ่ี หมำะสมกับภำรกิจงำนพัฒนำชุมชน กิจกรรมย่อยท่ี ๒.๔ ตลำดนัดควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชน ดำเนินกำรโดยสถำบันกำรพัฒนำชุมชนและศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน กิจกรรมประกอบด้วย กำรจดั เวทีเสวนำกำรพัฒนำองค์ควำมรูส้ ู่กำรวจิ ัยและพัฒนำ/นำเสนอโดยนิทรรศกำร/นำเสนอโดยส่ือ และ มีกำรแลกเปล่ียนองค์ควำมรู้ในตลำดนัดควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชน ( KM Market Online) Facebook Fanpage ในกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ กลุ่มเปำ้ หมำย จำนวน 105 คน ประกอบด้วย 1. เจำ้ หน้ำท่ีสังกัดส่วนกลำง จำนวน 20 คน 2. ทีมจัดกำรควำมรูศ้ ูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน /นักวชิ ำกำร/เจ้ำขององค์ควำมรู/้ ครวั เรอื น ต้นแบบ/ผู้แทนชุมชนต้นแบบ จำนวน 80 คน 3. เจำ้ หน้ำท่โี ครงกำรฯ จำนวน 5 คน แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบันกำรพัฒนำชุมชน/ส่วนกลำง ศูนยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชน จงั หวัด/อำเภอ 1. ออกแบบแนวคิด รูปแบบกำรจดั กิจกรรม ๑. คัดเลือกและเสนอชื่อชุมชน/หมู่บ้ำน/ - สำนักงำนพัฒนำชุมชนจังห วัด ตลำดนัดควำมรู้งำนพัฒนำชุมชน ประจำปี ครวั เรอื นเป้ำหมำยทจี่ ะเข้ำรว่ ม (เฉพำะจังหวัดท่ีมีชุมชน/หมู่บ้ำน/ 2565 กิจกรรมตลำดนัดควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชน ครวั เรอื นเป้ำหมำย) 2. คัดเลือก/รวบรวมรำยชื่อชุมชน/หมู่บ้ำน/ ให้สถำบันกำรพัฒนำชุมชน (คัดเลือกจำก 1. สนับสนุนและประสำนงำนชุมชน/ ครัวเรอื นเป้ำหมำยท่ีจะเข้ำร่วม เพ่ือแจ้ง กิจกรรม KM สัญจร) หมู่บ้ำน/ครวั เรอื นเป้ำหมำย เพื่อเข้ำ ประสำนกล่มุ เป้ำหมำยเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒. แจง้ /ประสำนเบ้ืองต้นกับกลุ่มเป้ำหมำย ร ่ว ม กิ จ ก ร ร ม ต ล ำ ด นั ด ค ว ำ ม รู ้ง ำ น 3. รวบรวมและคัดเลือกองค์ควำมรู้ เพื่อ ท่ีผ่ำนกำรคัดเลือกให้เตรยี มเอกสำรข้อมลู พัฒนำชุมชน จดั ทำบูธนิทรรศกำรองคค์ วำมรใู้ นงำนพฒั นำ องค์ควำมรขู้ องตนเองเพื่อเข้ำรว่ มกิจกรรม 2. จังหวัดสำมำรถเข้ำร่วมรับชม ชุมชน ๓. จัดเตรยี มข้อมูลผลกำรดำเนินงำน กิจกรรมตลำดนัดควำมรูง้ ำนพัฒนำ 4. จัดกิจกรรมตลำดนัดควำมรู้งำนพัฒนำ จดั กำรควำมร/ู้ องค์ควำมรูข้ องศูนย์ ชุ มชน ผ่ ำ น ช่อ ง ท ำ ง Facebook ชุมชน ศึกษำและพฒั นำชุมชน Live และ Youtube 4. ศพช. จัดทำนิทรรศกำรองค์ควำมรู้ - กำรจดั เวทีเสวนำกำรพัฒนำองค์ควำมรู้ ใ น ง ำ น พั ฒ น ำ ชุ ม ช น เพื่ อ น ำ เ ส น อ ใ น สู่กำรวจิ ยั และพัฒนำ กิจกรรมตลำดนัดควำมรูง้ ำนพฒั นำชุมชน 5. รว่ มกิจกรรมตลำดนัดควำมรูง้ ำนพัฒนำ - กำรจดั นิทรรศกำร ชุมชน - กำรแลกเปล่ียนองค์ควำมรูใ้ นตลำดนัด ค ว ำ ม รู้ง ำ น พั ฒ น ำ ชุ ม ช น ( KM Market Online) Facebook Fanpage 5. สรุปผลกำรจัดกิจกรรมตลำดนัดควำมรู้ งำนพัฒนำชุมชน ประจำปี 2565

33 กิจกรรมที่ ๓ กำรพัฒนำสื่อกำรเรยี นรู้ กิจกรรมย่อย ๓.1 ส่งเสรมิ กำรเรยี นรูส้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ ดำเนินกำรโดยสถำบันกำรพัฒนำชุมชน โดยเป็นกำรอบรมให้ควำมรูแ้ ก่นักวชิ ำกำรพัฒนำชุมชน ส่วนกลำง เรอ่ ื งกำรส่งเสรมิ กำรเรยี นรสู้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ (ISO 30401) และรว่ มแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ในกำรจดั ทำแผนกำรส่งเสรมิ กำรเรยี นรขู้ องหน่วยงำน กลุ่มเปำ้ หมำย จำนวน 30 คน ประกอบด้วย 1. เจำ้ หน้ำทส่ี ังกัดส่วนกลำง จำนวน 25 คน และ ๒. เจำ้ หน้ำที่โครงกำรฯ จำนวน 5 คน แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน/ส่วนกลำง ศูนยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชน 1. กำหนดแนวทำงกำรสง่ เสรมิ กำรเรยี นรสู้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ ๑. ทีมจัดกำรควำมรูข้ องศูนย์ศึกษำและพัฒนำ 2. แจง้ ประสำนกลุ่มเป้ำหมำย จำนวน 25 คน เข้ำรว่ มประชุม ณ ห้องประชุม ชุมชนร่วมประชุมผ่ำนระบบออนไลน์ ตำมวัน กรมกำรพัฒนำชุมชน ประกอบด้วย เวลำ ทีก่ ำหนด ๒. ศูนย์ฯ รว่ มขับเคล่ือนกิจกรรมส่งเสรมิ กำร - คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจดั กำรควำมรู้ กรมกำรพฒั นำชุมชน เรยี นรสู้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ - เจำ้ หน้ำทีท่ ่รี บั ผดิ ชอบงำนจดั กำรควำมรู้ ของสำนัก กอง ศูนย์ สังกัดกรมฯ 3. แจ้งประสำนทีมจัดกำรควำมรู้ของศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน เข้ำรว่ ม ประชุมผำ่ นระบบออนไลน์ 4. แจง้ ประสำนวทิ ยำกร 5. จดั เตรยี มระบบกำรประชุมออนไลน์ 6. ดำเนินกำรจดั ประชุมตำมแนวทำง 7. สรปุ ผลกำรดำเนินกิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรสู้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ ๘. ทุกหน่วยงำนรว่ มขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรูส้ ู่มำตรฐำนกำร จดั กำรควำมรู้ กิจกรรมย่อยท่ี ๓.2 สรำ้ งส่ือกำรเรยี นรูง้ ำนพัฒนำชุมชนในรูปแบบกำรเรยี นรูผ้ ่ำนระบบออนไลน์ ดำเนินกำรโดยสถำบันกำรพัฒนำชุมชนจำ้ งเอกชนดำเนินกำรพัฒนำชอ่ งทำงกำรจดั เก็บคลังควำมรู้ ส่ือกำรเรยี นรูท้ ำงไกล กรมกำรพัฒนำชุมชน และเพิ่มช่องทำงเผยแพรอ่ งค์ควำมรู้ เพ่ือให้บุคลำกรกรมกำร พัฒนำชุมชนและบุคคลที่สนใจสำมำรถเข้ำถึง เพ่ิมควำมรู้ ทักษะด้ำนกำรพัฒนำชุมชน และนำไปใชป้ ระโยชน์ ได้งำ่ ย สะดวกรวดเรว็ ทำให้ทุกองค์ควำมรงู้ ำนพัฒนำชุมชนอยู่ในรูปแบบออนไลน์ ทพ่ี รอ้ มใชง้ ำนได้ทกุ เวลำ แนวทำงกำรดำเนินกำร 1. กำหนดกรอบกำรสรำ้ งสื่อกำรเรยี นรู้ ในรูปแบบออนไลน์ (เว็บไซต์คลังควำมรู้ ระบบกำรเรยี นรู้ ทำงไกล และระบบห้องสมุดออนไลน์) 2. รวบรวมข้อมูลและประสำนควำมรว่ มมือในกำรพัฒนำส่ือกำรเรยี นรูข้ องกรมกำรพัฒนำชุมชนกับ สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรอื น และสถำบันพัฒนำบุคลำกรภำครฐั ด้ำนดิจทิ ัล (TDGA) 3. จัดทำรำ่ งแนวทำงกำรพัฒนำสื่อกำรเรยี นรูเ้ สนอให้คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจัดกำร ควำมรู้ กรมกำรพัฒนำชุมชน ทรำบ และให้ข้อเสนอแนะในกำรพัฒนำ 4. ดำเนินกำรพัฒนำส่ือกำรเรยี นรตู้ ำมแนวทำงทก่ี ำหนด 5. สรุปผลกำรดำเนินงำน รำยงำนให้คณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจดั กำรควำมรู้ กรมกำรพัฒนำ ชุมชน ทรำบ

34 กิจกรรมย่อยท่ี 3.๓ กิจกรรมจดั ทำองค์ควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชนในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ดำเนินกำรโดยสถำบนั กำรพัฒนำชุมชน หน่วยงำนในสังกัดส่วนกลำง ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชุมชน สำนักงำนพัฒนำชุมชนจังหวัด สำนักงำนพัฒนำชุมชนอำเภอ ดำเนินกำรตำมกระบวนกำรจัดกำรควำมรู้ แผนปฏิบัติกำรจัดกำรควำมรูท้ ่ีกำหนดในแต่ละระดับ โดยขับเคล่ือนให้เกิดวงจรของกำรเรยี นรูส้ ู่กำรเป็น องค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ ต้ังแต่กำรสรำ้ งองค์ควำมรูท้ ่ีได้จำกกำรถอดบทเรยี น กำรรวบรวมและจัดระบบ องค์ควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชน กำรแบ่งปันแลกเปลี่ยนองค์ควำมรู้ และกำรส่งเสรมิ กำรนำไปใชป้ ระโยชน์ มุ่น เน้นกำรสรำ้ งกิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรูง้ ำนพัฒนำชุมชนของบุคลำกร เพื่อส่งเสรมิ กำรสรำ้ งองค์กรแห่งกำร เรยี นรู้ แนวทำงกำรดำเนินกำร สถำบนั กำรพัฒนำชุมชน ศูนยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชน 1. ทบทวน/จดั ทำคำส่ังคณะอำนวยกำรและคณะทำงำนจดั กำร 1. เชือ่ มโยงและพัฒนำกำรขับเคล่ือนกำรจัดกำรควำมรู้ ควำมรู้ กรมกำรพฒั นำชุมชน กับทีมจดั กำรควำมรขู้ องจงั หวัด/อำเภอ และเครอื ข่ำยนัก 2. จดั ทำแผนกำรจดั กำรควำมรู้ (KM Action Plan) ของกรมกำร จดั กำรควำมรภู้ ำคประชำชนของจงั หวัด พัฒนำชุมชนประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2565 2. พฒั นำองค์ควำมรรู้ ะดับบุคคลของ ศพช. และ บุคลำกร 3. ส่ือสำรถ่ำยทอดแผนกำรจดั กำรควำมรูใ้ ห้กับบุคลำกรกรมกำร ของ สพจ. ในเขตพื้นที่รบั ผิดชอบ รวมทั้งส่งเสรมิ กำร พัฒนำชุมชนทรำบ ขับเคล่ือนกระบวนกำรจดั กำรควำมรูข้ องจงั หวัดในเขต 4. จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ กำรเรยี นรู้ รบั ผดิ ชอบ 3. จดั กิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรบู้ ุคลำกรในหน่วยงำนให้ - สรำ้ งและพฒั นำชอ่ งทำงกำรจดั เก็บคลงั ควำมร/ู้ สื่อกำรเรยี นรู้ สอดคล้องกับแนวทำงกำรเรยี นรูข้ องสถำบันกำรพัฒนำ งำนพัฒนำชุมชนในรูปแบบกำรเรยี นรูผ้ ่ำนระบบออนไลน์ ระดับ ชุมชน หรอื สรำ้ งสรรค์กิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรูข้ อง กรม (คลังควำมรบู้ นเวบ็ ไซต์, ส่ือเรยี นรทู้ ำงไกล , E – Library) ศพช. เอง ๔. สร้ำงคลังควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชนของ ศพช. โดย - KM Show & Share รวบรวมองค์ควำมรู้ของ ศพช. และจังหวัดในเข ต - สรำ้ งชอ่ งทำงกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรูอ้ อนไลน์ (KM4Society รบั ผดิ ชอบ Facebook กลุ่ม) - กำรจดั ทำสื่อกำรเรยี นรอู้ อนไลน์ แบบ Micro learning - ถอดบทเรยี น Expert ทีเ่ กษียณอำยรุ ำชกำร - “คุยง่ำยๆ กับ CDD KM” Live สดผ่ำนเฟสบุ๊ค สถำบันกำร พัฒนำชุมชน - สรำ้ ง Model กำรขับเคลื่อนงำนด้วยกำรจดั กำรควำมรู้ - กิจกรรม “สรปุ ให้” 5. ส่งเสรมิ สนับสนุน ให้บุคลำกรทุกคนมีกำรจดั กำรควำมรูข้ อง ตนเองที่สอดคล้อง กับองคค์ วำมรทู้ ีจ่ ำเป็นตำมแผนจดั กำรควำมรู้ 6. ยกระดับกำรเรยี นรูส้ ู่มำตรฐำนกำรจดั กำรควำมรู้ (ISO 30401 2018) 7. กำรเสรมิ สรำ้ งแรงจูงใจ ประกำศเชิดชูเกียรติบุคลำกรและ หน่วยงำนด้ำนกำรจดั กำรควำมรู้ 8. สรุปผลกำรดำเนินงำนกำรจดั กำรควำมรู้ 9. จัดทำเอกสำรและเผยแพรเ่ อกสำรองค์ควำมรู้ จำนวน 200 เลม่

35 แนวทำงกำรดำเนินกำร(ต่อ) จงั หวดั /อำเภอ หน่วยงำนส่วนกลำง 1. จังหวัดทบทวน/จัดทำคำส่ังคณะอำนวยกำรและคณะทำงำน 1. ทบทวน/จัดทำแผนกำรจัดกำรควำมรู้ (KM Action จดั กำรควำมรู้ ระดับจงั หวัด Plan) ส่งเสรมิ กิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรขู้ ององค์กร 2. ทบทวน/จัดทำแผนกำรจัดกำรควำมรู้ (KM Action Plan) 2. ส่ือสำรถ่ำยทอดแผนกำรจัดกำรควำมรูใ้ ห้กับบุคลำกร สง่ เสรมิ กิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรขู้ ององค์กร ในหน่วยงำนทรำบ 3. ส่ือสำรถ่ำยทอดแผนกำรจัดกำรควำมรู้ให้กับบุคลำกร ใน 3. ขยำยผลนักจดั กำรควำมรใู้ นหน่วยงำน (พสี่ อนน้อง) หน่วยงำนทรำบ 4. แลกเปลี่ยนผลงำนองคค์ วำมรรู้ ำยบุคคล ใน Facebook 4. ส่งเสรมิ ให้ผู้ผ่ำนกำรอบรมพัฒนำกรระหว่ำงประจำกำร ด้ำน กลมุ่ KM4Society อยำ่ งต่อเนื่อง บรหิ ำรกำรเปลยี่ นแปลง ปีงบประมำณ พ.ศ. 2565 และผูผ้ ่ำนกำร 5. ส ร้ำ ง ค ลั ง ค ว ำม รู้งำ นพั ฒ นำ ชุ ม ชน ขอ ง ห น่ วยงำน อบรมกำรเพิ่มทักษะกำรจัดกำรควำมรู้ (อบรมรูปแบบออนไลน์) โดยรวบรวมองค์ควำมรูข้ องบุคลำกร และภำคีเครอื ข่ำย และเครอื ข่ำยนักจัดกำรควำมรูภ้ ำคประชำชนจำกกิจกรรมเวที ที่เก่ียวขอ้ ง สรำ้ งเครอื ข่ำยนักจัดกำรควำมรู้ รว่ มกันพัฒนำองค์ควำมรูร้ ะดับ 6. ส่งเสรมิ ให้บุคลำกรในองค์กรรว่ มกิจกรรมส่งเสรมิ กำร บุคคลและองค์ควำมรรู้ ะดับหน่วยงำน เรยี นรขู้ องกรมกำรพัฒนำชุมชน 5. ส่งเสรมิ กำรแลกเปล่ียนผลงำนองค์ควำมรู้รำยบุคคล ใน 7. สรปุ ผลกำรขบั เคลื่อนกำรจดั กำรควำมรรู้ ะดับหน่วยงำน Facebook กลมุ่ KM4Society อยำ่ งต่อเน่ือง 6. จดั กิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรู้ ตำมแผนกำรจดั กำรควำมรู้ 7. สรำ้ งคลังควำมรูง้ ำนพัฒนำชุมชนของจังหวัด โดยรวบรวม องค์ควำมรู้ของ สพอ. และเครอื ข่ำยนักจัดกำรควำมรู้ภำค ประชำชนของจงั หวัด ๘. ส่งเสรมิ ให้บุคลำกรในองค์กร และเครอื ข่ำยนักจดั กำรควำมรู้ รว่ มกิจกรรมส่งเสรมิ กำรเรยี นรขู้ องกรมกำรพัฒนำชุมชน 9. สรุปผลกำรขบั เคล่ือนกำรจดั กำรควำมรรู้ ะดับหน่วยงำน

36 แนะนำชอ่ งทำงกำรเรยี นรแู้ ละแบง่ ปนั ควำมรู้ KM 4 Society

37 Scan QR Code เพ่อื รว่ มแลกเปล่ียนเรยี นรไู้ ด้เลย

38

39

40 ส่วนที่ ๓ ข้อมูลสนับสนุน กำรขับเคล่ือนงำนด้วยองค์ควำมรู้ วงจรสรำ้ งกำรเรยี นรูง้ ำนพัฒนำชุมชน วงจรสรำ้ งกำรเรยี นรูง้ ำนพัฒนำชุมชน เป็นกำรประยุกต์ใช้กระบวนกำรจัดกำรควำมรู้ ๗ ข้ันตอน มำปรบั ใชใ้ ห้เกิดควำมชดั เจนเพ่ือส่ือสำรให้บุคลำกรทงั้ องค์กรได้เข้ำใจกระบวนกำรที่จะชว่ ยให้เกิดกำรพัฒนำ องค์ควำมรูไ้ ปสู่กำรพัฒนำคน พัฒนำงำนและพัฒนำองค์กร ให้เป็นกำรขับเคล่ือนงำนด้วยควำมรูแ้ ละ สนับสนุนให้เกิดองค์กรแห่งกำรเรยี นรูไ้ ด้ โดยกำหนดเป็น ๔ ขั้นตอนของวงจรสรำ้ งกำรเรยี นรูง้ ำนพัฒนำ ชุมชน ประกอบด้วย ๑)สรำ้ ง ๒)รวบรวม จดั ระบบ ๓)แบง่ ปัน แลกเปลี่ยน และ ๔)นำไปใช้ มีรำยละเอียด ดังนี้ ๑. สรำ้ ง ( Create ) ในกำรเรม่ ิ กระบวนกำรจดั กำรควำมรูเ้ พ่ือสรำ้ งกำรเรยี นรูง้ ำนพัฒนำชุมชน ส่ิงแรกคือกำรทำ ควำมเข้ำใจตนเอง ทำควำมเข้ำใจเป้ำหมำยใหญ่ขององค์กรว่ำมีเป้ำหมำยอย่ำงไร เรำจะต้องมีควำมรูเ้ รอ่ ื ง อะไรบ้ำง ควำมรูใ้ ดคือส่ิงท่ีจำเป็นและสำคัญในกำรขับเคลื่อนงำนให้บรรลุเป้ำหมำยตำมวสิ ัยทัศน์ จัดลำดับ ควำมสำคัญของควำมรเู้ หล่ำนั้น จำกนั้นก็ทำกำรสำรวจควำมรูท้ ีจ่ ำเปน็ และสำคัญนั้นว่ำเรำมีควำมรนู้ ้ันอยู่แล้ว บ้ำงหรอื ไม่ อยู่ที่ใด ควำมรูน้ ้ันจดั เก็บอย่ำงไร รูปแบบใด อยู่ท่ีใคร หำกมีควำมรูแ้ ล้วเรำก็เสำะแสวงหำควำมรู้ นั้นมำเพื่อรวบรวมไว้เพื่อจัดกำรควำมรูต้ ่อไป หำกควำมรูน้ ั้น ยังไม่เคยมีมำก่อน ก็สรำ้ งควำมรูใ้ หม่ กำหนด แนวทำงกำรจัดเก็บองค์ควำมรูใ้ หม่ด้วยเครอื งมือกำรจัดกำรควำมรูท้ ี่เหมำะสม หรอื จะเป็นกำรพัฒนำ องค์ควำมรูใ้ หม่จำกองค์ควำมรูเ้ ดิม ใชว้ ธิ กี ำรดึงควำมรูจ้ ำกแหล่งต่ำง ๆ ท่ีกระจดั กระจำยมำรวมกันเพ่ือกำร จดั กำรต่อไป

41 ๒. รวบรวม จดั ระบบ ( Organize ) หลังจำกที่สรำ้ งและแสวงหำควำมรูม้ ำได้แล้ว ขั้นตอนนี้คือกำรรวบรวม จัดกำรให้เป็นระบบ มีกำรประมวลและกล่ันกรองควำมรู้ รวมทั้งกำรพิจำรณำถึงช่องทำงกำรเข้ำถึงควำมรู้และเผยแพรค่ วำมรู้ โดยดำเนินกำรเรม่ ิ จำกวำงโครงสรำ้ งควำมรู้ ทำ mapping ให้ชัดเจนเพ่ือเตรยี มควำมพรอ้ มสำหรบั เก็บ ควำมรอู้ ยำ่ งเปน็ ระบบซง่ึ ในอนำคตอำจมีควำมรูท้ ่เี พิ่มมำกขึ้น กำรจดั เก็บควำมรอู้ ยำ่ งเปน็ ระบบ กำรแบง่ ชนิด หรอื ประเภทของควำมรูท้ ่ีชัดเจน จะชว่ ยให้บุคลำกรสำมำรถค้นหำและนำควำมรูไ้ ปใช้ประโยชน์ได้ง่ำยและ รวดเรว็ ในส่วนของกำรประมวลและกลนั่ กรองควำมรู้ เปน็ กำรพัฒนำควำมรูใ้ ห้มีควำมสมบูรณ์ มีรูปแบบ ท่ีเป็นมำตรฐำน ใช้ภำษำในกำรสื่อสำรเป็นภำษำที่เหมำะสม บำงควำมรูต้ ้องมีกำรปรบั ปรุงเนื้อหำควำมรู้ ให้สมบูรณ์ มีกำรเรยี บเรยี ง ปรบั ปรงุ เน้ือหำให้มีคุณภำพ ครบถ้วน เทีย่ งตรง ทนั สมัย สอดคล้อง และตรงตำม ควำมต้องกำรของผู้ใชก้ ่อนกำรเผยแพรแ่ ละไปใชป้ ระโยชน์ สำหรบั ชอ่ งทำงเข้ำถึงองค์ควำมรูก้ ็มีควำมสำคัญ ที่ต้องพิจำรณำให้เหมำะสมกับบรบิ ทขององค์กร ข้อมูลควำมรูจ้ ะไม่มีประโยชน์เลยหำกเก็บไว้เพียงท่ีเดียว กำรเผยแพรค่ วำมรูอ้ อกไปในวงกว้ำง สำมำรถทำได้ท้ังแบบออฟไลน์ และออนไลน์โดยใช้เครอ่ ื งมือ ทำงเทคโนโลยสี ำรสนเทศ เชน่ website , blogs , chat , Social Network , Video Sharing , Podcast เปน็ ต้น ๓. แบ่งปัน แลกเปลี่ยน ( Sharing ) กำรแบ่งปันแลกเปล่ียน เป็นกำรนำควำมรูท้ ี่มีอยู่มำถ่ำยทอดให้เกิดกำรแลกเปลี่ยนควำมรู้ ระหว่ำงบุคลำกรในองค์กร หรอื กลุ่มบุคคล หรอื เครอื ข่ำยกำรทำงำนภำยนอกองค์กร เป็นกำรแลกเปล่ียน ควำมรูท้ ั้งในรูปแบบ Explicit Knowledge ในรูปแบบเอกสำร หรอื เป็น Tacit Knowledge ในรูปแบบ กำรพูดคุยแลกเปล่ียน กำรแบง่ ปนั แลกเปล่ียนท่เี หมำะสม อำจมีกำรใชว้ ธิ ผี สมผสำนเพ่ือให้บุคลำกรสำมำรถ เลือกแลกเปลี่ยนได้ตำมควำมสะดวก อำจใชร้ ะบบทีมข้ำมสำยงำน กิจกรรมกลุ่ม ชุมชนแห่งกำรเรยี นรู้ และ ระบบพ่ีเล้ียง กำรสับเปล่ียนงำน กำรยืมตัว เวทีแลกเปล่ียนเรยี นรู้ หรอื เครอ่ ื งมือกำรจัดกำรควำมรูอ้ ่ืน ทเ่ี หมำะสม สิ่งสำคัญคือควำมสม่ำเสมอต่อเน่ืองของกำรแบ่งปัน แลกเปล่ียนจะทำให้บุคลำกรได้รบั ควำมรู้ ใหม่ สำมำรถพัฒนำตนเองได้ กำรแบ่งปัน แลกเปลี่ยนควำมรู้ จงึ เป็นกระบวนกำรหนง่ึ ทส่ี ำคัญของกำรจดั กำร ควำมรใู้ นองค์กร เป็นกำรนำควำมรมู้ ำพัฒนำศักยภำพของบุคลำกรเพ่ือพัฒนำองค์กรไปสู่เปำ้ หมำยได้ ๔. กำรนำไปใช้ ( Adopt Adapt Apply ) กำรนำไปใชจ้ ะส่งผลให้เกิดกำรเรยี นรู้ (Learning) เมื่อบุคลำกรเกิดกำรเรยี นรู้ สำมำรถพัฒนำ งำนได้มีประสิทธภิ ำพสูงข้ึน ทั้งในด้ำนกำรเพ่ิมควำมเรว็ ในกำรทำงำน กำรประหยัดต้นทุนในกำรทำงำน กำรทำงำนได้ผลงำนท่ีดีข้ึน กำรที่บุคลำกรสำมำรถแก้ปัญหำและพัฒนำงำนได้ดีขึ้น ก็จะเกิดควำมรูใ้ หม่ๆ ขึ้น ช่วยเพิ่มพูนองค์ควำมรูข้ ององค์กำรที่มีอยู่แล้วให้เพ่ิมมำกข้ึนเรอ่ ื ย ๆ และนำไปสู่กำรทำให้องค์กำรมีกำร บรหิ ำรจดั กำรที่มีประสิทธภิ ำพสูงขึ้นในท่ีสุดเพ่ือให้เกิดกำรเรยี นรูอ้ ย่ำงต่อเน่ือง เมื่อเรำสำมำรถสรำ้ งควำมรู้ และบรหิ ำรควำมรูห้ น่ึง ๆ ได้แล้ว ก็ควรจะทำให้ต่อเน่ืองโดยกำรฝึกสร้ำงควำมรู้ นำควำมรูไ้ ปใช้ แลกเปลี่ยน ควำมรู้ และเกิดควำมรใู้ หม่ วนเวยี นเป็นวัฏจกั รต่อไปเรอ่ ื ย ๆ จนกลำยเป็นวถิ ีชวี ติ แห่งกำรเรยี นรู้

42 วธิ คี ิดกำรจดั กำรควำมรูใ้ นงำนพัฒนำชุมชน ๑. กำรจดั กำรควำมรู้ ไม่ใชภ่ ำระท่ีต้องทำเมื่องำนเสรจ็ องค์ควำมรูจ้ ำกกำรลงมือปฏิบัติไม่ได้เกิดครง้ั เดียวเม่ือตอนงำนเสรจ็ แต่องค์ควำมรูเ้ กิดขึ้น ในทุกขั้นตอนกำรทำง ำน ในทุกช่วงเวลำของกำรทำง ำนนั้ นๆ ผู้ปฏิบัติ งำนควรหมั่ นบันทึกข้ อมู ล เก็บรำยละเอียดขั้นตอนกำรทำงำน ปัญหำและแนวทำงกำรแก้ไขปัญหำหรอื พัฒนำงำนที่ได้ลองลงมือแก้ไข หรอื พัฒนำไว้อย่ำงต่อเน่ือง กำรบันทึกและจดั เก็บองค์ควำมรูไ้ ปเรอ่ ื ย ๆ ให้เนียนไปกับงำนปกติ ให้เป็นวถิ ี ปกติในกำรทำงำนต้องมีกำรบันทึกในแต่ละขั้นตอนไว้ จำกนั้นเมื่อเสรจ็ สิ้นโครงกำรที่ต้องสรุปประมวล เป็นองค์ควำมรู้ ก็จะสำมำรถนำเอำองค์ควำมรูแ้ ต่ละข้ันตอนที่บันทึก จัดเก็บไว้มำรวบรวม รอ้ ยเรยี งกัน ให้เปน็ ชุดองค์ควำมรูท้ ค่ี รบกระบวนกำรทง้ั หมดได้โดยไม่เป็นภำระท่ีต้องมำจดั ทำเม่ืองำนเสรจ็ ๒. องค์ควำมรู้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรอ่ ื งใหญ่ สำมำรถบันทึก จัดเก็บ หรอื เขียนองค์ควำมรูไ้ ด้ทุกเรอ่ ื งที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเรอ่ ื ง ใหญ่ๆ ใหม่ๆ เสมอไป ควำมรูใ้ นบำงเรอ่ ื งอำจมองเป็นควำมรูท้ ั่วไปที่ทุกคนน่ำจะรูอ้ ยูแ่ ล้ว ทำอยู่แล้ว แต่จรงิ ๆ แล้ว อำจจะยังมีคนท่ีไม่รูอ้ ีกเป็นจำนวนหนึ่ง องค์ควำมรูท้ ี่อำจถูกมองว่ำเป็นเรอ่ ื งธรรมดำอำจมีควำมสำคัญ มำกกับอีกคนหน่งึ ที่กำลังพบสถำนกำรณ์เดียวกันแต่ไปสำมำรถแก้ไขหรอื ก้ำวข้ำมไปได้ ดังนั้นทุกองค์ควำมรู้ ไม่ว่ำจะเป็นเรอ่ ื งเล็กหรอื เรอ่ ื งใหญ่จะมีประโยชน์เสมอเม่ือมีกำรบันทึกองค์ควำมรู้ และเข้ำสู่กระบวนกำร จัดกำรควำมรู้ องค์ควำมรูเ้ รอ่ ื งเล็กๆ หลำยเรอ่ ื งรวมกัน จะเป็นเหมือนจก๊ิ ซอว์ตัวเล็กๆ ที่เป็นชน้ิ ส่วนเล็กๆ แต่เป็นส่วนสำคัญของควำมสำเรจ็ ทงั้ หมดขององค์กรได้ ๓. ควำมคำดหวังทำให้เกิดองค์ควำมรู้ ต้ังควำมคำดหวังของตนเองไว้เสมอ ว่ำทำส่ิงน้ีเพื่ออะไร เสมือนกำรตั้งวัตถุประสงค์หรอื ตัวชวี้ ัด ท่ีชดั เจนในกำรทำงำน ซงึ่ หลังจำกสิ้นสุดกระบวนกำรทำงำน จะสำมำรถนำควำมคำดหวังมำเปรยี บเทียบกับ ผลท่เี กิดขึ้นจรงิ หำกผลทีเ่ กิดข้ึนจรงิ อยูส่ ูงกวำ่ ควำมคำดหวัง ก็จะเป็น Best Practice ทสี่ ำมำรถนำไปพัฒนำ ต่อยอดควำมสำเรจ็ หรอื สรำ้ งแรงบันดำลใจให้กับคนอื่นๆ ในกำรทำงำนเชน่ เดียวกันได้ หำกผลที่เกิดข้ึนจรงิ อยู่ต่ำกว่ำควำมคำดหวังเรำจะพบ Lesson Learn ท่ีเป็นบทเรยี นในกำรวำงแผนหรอื พัฒนำงำนให้สำเรจ็ ต่อไปในอนำคต และเป็นข้อพึงระวังในกำรปฏิบัติงำนให้ผู้อ่ืนได้

43 ๔. องค์ควำมรูช้ ุมชนต้องให้เนียนไปกับวถิ ีชวี ติ ชุมชน กำรทำงำนพัฒนำชุมชน เป็นงำนเชงิ กระบวนกำรทีม่ ีควำมต่อเนื่อง ต้องอำศัยพลังกำรมีส่วนรว่ ม ของคนทุกภำคส่วนในกำรพัฒนำ ผู้ปฏิบัติงำนด้ำนกำรพัฒนำสำมำรถใช้กำรจัดกำรควำมรูเ้ ป็นเครอ่ ื งมือ กำรพัฒนำได้ โดยให้เรำคำนึงไว้เสมอว่ำเรำคือนักจัดกำรควำมรู้ ชุมชนคือเจ้ำขององค์ควำมรู้ กำรใช้ กระบวนกำร KM ในกำรพัฒนำชุมชน จงึ เป็นกำรเข้ำไปชวนคนในชุมชนรว่ มกันเรยี นรูจ้ ำกกำรลงมือทำ ฟังแล้วคิด ใชค้ ำถำมกระตุ้นให้เกิดคำตอบ เมื่อลงมือปฏิบัติก็จะเกิดเปน็ How to เป็นองค์ควำมรใู้ นกำรพัฒนำงำน กำรใช้วธิ ี ค้นคำถำม หำคำตอบ ลงมือทำ เรยี นรู้ ปรบั แก้ พัฒนำ ทำให้ง่ำย เมื่อปฏิบัติแล้ว จะเกิดรปู แบบกำรทำงำน จำกรูปแบบเมื่อประสบควำมสำเรจ็ จะส่งผลให้เกิดเป็นต้นแบบได้ต่อไป และจะเกิด องค์ควำมรใู้ หม่ท่สี ำมำรถนำไปใชแ้ ละเกิดกำรหมุนเวยี นของควำมรไู้ ด้ ๕. Focus ให้ชดั กำรจัดกำรควำมรูท้ ้ังในระดับองค์กรและบุคคล ควรกำหนดให้ชัดเจน ว่ำอะไรคือเป้ำหมำย ขององค์กร องค์กรจะมุ่งเป้ำไปทศิ ทำงใด ควำมรใู้ ดคือควำมรทู้ ่สี ำคัญและจำเปน็ ใครคือคนทีจ่ ะใชอ้ งค์ควำมรู้ เพื่อที่จะได้กำหนดรูปแบบวธิ กี ำรจดั กำรควำมรหู้ รอื เลือกเครอ่ ื งมือกำรจดั กำรควำมรูท้ ีเ่ หมำะสมได้ รวมไปท้ัง ต้องมีกำรจดั ทำ Action Plan เพื่อเปน็ แนวทำงทีช่ ดั เจนในกำรขับเคลื่อนกระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ ๖. พลังจะเกิดเม่ือลงมือทำ Learning is Power : กำรเรยี นรูค้ ือพลัง ส่ิงสำคัญคือกำรสรำ้ งทัศนคติท่ีดีของบุคลำกรต่อ กำรจัดกำรควำมรูข้ ององค์กร ควรเสรมิ สรำ้ งและกระตุ้นให้เกิดบรรยำกำศกำรเรยี นรู้ วัฒนธรรมกำรเรยี นรู้ ขององค์กรทีเ่ กิดจำกควำมตั้งใจ ควำมเข้ำใจ ควำมต่อเนื่องในกำรจดั กำรควำมรจู้ นเปน็ วถิ ีชวี ติ ส่งเสรมิ ให้เป็น เรอ่ ื งปกติในกำรทำงำน ส่งเสรมิ ให้วงจรกำรสรำ้ งกำรเรยี นรู้ ๔ องค์ประกอบ คือ สรำ้ ง รวบรวม แบ่งปัน แลกเปล่ียน และนำไปใช้ เกิดข้ึนได้จรงิ หัวใจของกำรจดั กำรควำมรู้ คือกำรเรยี นรู้ กำรนำไปใช้ กำรพัฒนำจะ ให้เกิดองค์ควำมรูใ้ หม่ เกิดกำรหมุนเวยี นของควำมรูเ้ ป็นกำรจดั กำรควำมรูท้ ่ีไม่รูจ้ บ ส่งผลให้เกิดกำรพัฒนำ คน พัฒนำงำน และพัฒนำองค์กรสู่กำรเป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรไู้ ด้

(รำ่ ง) KM Action Plan ๒๕65 แบบฟอรม์ ท่ี 2 แผนกำรจดั กำรควำมรู้ (KM Action Plan) ชอื่ ส่วนรำชกำร: กรมกำรพัฒนำชุมชน ประเด็นยุทธศำสตร:์ 1. สรำ้ งสรรคช์ ุมชนพึ่งตนเองได้ 2. ส่งเสรมิ เศรษฐกิจฐำนรำกขยำยตัวอย่ำงสมด ลำดับ กิจกรรมกำรจดั กำรควำมรู้ ระยะเวลำ ตัวชวี้ ัด 1 กำรบ่งชค้ี วำมรู้ 1) สำรวจขอ้ คิดเห็นกำร ต.ค. 64 จำนวนผู้ตอบแบบสอบถำม 525 พัฒนำงำนจดั กำรควำมรู้ - สพ ปี 2565 คำสัง่ คณะอำนวยกำรและ - ศพ คณะทำงำนจดั กำรควำมรู้ - ส่ว 2) ทบทวน/จดั ทำคำสั่งคณะ ต.ค. 64 กรมกำรพัฒนำชุมชนประจำปี 5ค อำนวยกำรและคณะทำงำน งบประมำณ พ.ศ. 2565 3 ระ จดั กำรควำมรทู้ กุ ระดับ 3) สรปุ ผลข้อคดิ เห็น พ.ย. 64 - รำ่ งเอกสำรแสดงองคค์ วำมรู้ -1 กำรพัฒนำงำนจดั กำรควำมรู้ ทจี่ ำเปน็ -1 ปี 2565 - รำ่ งแผนกำรจดั กำรควำมรู้ กรมกำรพัฒนำชุมชน (KM -1 4) ประชุมคณะอำนวยกำร พ.ย. 64 Action Plan) ประจำปี -1 และคณะทำงำนจดั กำรควำมรู้ งบประมำณ พ.ศ. 2565 กรมกำรพัฒนำชุมชน - รำ่ ง Knowledge Mapping - เอกสำรแสดงองค์ควำมรู้ ทจี่ ำเป็นต่อกำรผลักดันตำม ประเด็นกำรพัฒนำกรมกำร พัฒนำชุมชน

44 ดุล 3. เสรมิ สรำ้ งทนุ ชุมชนให้มธี รรมำภิบำล 4. เสรมิ สรำ้ งองคก์ รให้มขี ดี สมรรถนะสงู เป้ำหมำย กลุม่ เปำ้ หมำย ผรู้ บั ผิดชอบ สถำนะ 5 คน 1) สำนักงำนพัฒนำ สถำบัน พจ. ละ 5 คน ชุมชนจงั หวัด กำรพัฒนำชุมชน พช. ละ 5 คน 2) ศูนยศ์ ึกษำและ วนกลำงหนว่ ยงำนละ พัฒนำชุมชน สถำบัน คน 3) หน่วยงำนส่วนกลำง กำรพัฒนำชุมชน ะดับ 1) สำนักงำนพัฒนำ ชุมชนจงั หวัด สถำบัน ชุด 2) ศูนยศ์ ึกษำและ กำรพัฒนำชุมชน พัฒนำชุมชน ชุด 3) หน่วยงำนส่วนกลำง 1) สำนักงำนพัฒนำ ชุมชนจงั หวัด 2) ศูนยศ์ ึกษำและ พัฒนำชุมชน 3) หนว่ ยงำนส่วนกลำง ชุด ชุด คณะอำนวยกำรและ สถำบัน คณะทำงำนจดั กำร กำรพัฒนำชุมชน ควำมรกู้ รมกำรพัฒนำ ชุมชน

แบบฟอรม์ ที่ 2 แผนกำรจดั กำรควำมรู้ (KM Action Plan) ชอื่ ส่วนรำชกำร: กรมกำรพัฒนำชุมชน ประเด็นยทุ ธศำสตร:์ 1. สรำ้ งสรรค์ชุมชนพึ่งตนเองได้ 2. ส่งเสรมิ เศรษฐกิจฐำนรำกขยำยตัวอย่ำงสมด ลำดับ กิจกรรมกำรจดั กำรควำมรู้ ระยะเวลำ ตัวชวี้ ัด - แผนกำรจดั กำรควำมรู้ -1 กรมกำรพัฒนำชุมชน (KM Action Plan) ประจำปี งบประมำณ พ.ศ. 2565 5) กำรประชุมกำหนด พ.ย. – ธ.ค. 64 จำนวนหลักสูตรกำรเรยี นรู้ 4ห หลักสูตรสำหรบั บุคลกร สำหรบั บุคลกรทเี่ หมำะสมกับ 1) บ ทเี่ หมำะสมกับตำแหนง่ งำน ตำแหนง่ งำนพัฒนำชุมชน 2) บ และพัฒนำรูปแบบกำรเรยี นรู้ 3) น ในรปู แบบออนไลน์ ชุมช และ 4) น ชุมช รำชก 2 กำรสรำ้ งและแสวงหำควำมรู้ พ.ย. - ธ.ค. 64 จำนวนเจำ้ หน้ำทที่ ผี่ ่ำนกำร 263 1) เพิม่ ทกั ษะกำรจดั กำร อบรม (CDD KM Guru) ควำมรใู้ นงำนพัฒนำชุมชน

45 ดุล 3. เสรมิ สรำ้ งทนุ ชุมชนให้มธี รรมำภิบำล 4. เสรมิ สรำ้ งองค์กรให้มขี ดี สมรรถนะสงู เป้ำหมำย กลุ่มเป้ำหมำย ผู้รบั ผิดชอบ สถำนะ ชุด หลักสูตร 1) ผู้ทรงคณุ วุฒิด้ำนงำน 1) สถำบัน บรหิ ำรระดับสงู พัฒนำชุมชน และด้ำน กำรพัฒนำชุมชน บรหิ ำรระดับกลำง กำรพัฒนำระบบ 2) หน่วยงำน นักวชิ ำกำรพัฒนำ อิเลก็ ทรอนิกส์เพ่อื กำร ส่วนกลำง ชนระดับปฏิบัติกำร เรยี นรู้ (ผูแ้ ทนสำนัก/ ะชำนำญกำร 2) ผู้แทนหนว่ ยงำนภำคี กอง/ศูนย)์ นักวชิ ำกำรพัฒนำ หน่วยงำนต้นแบบด้ำน ชนบรรจุเข้ำรบั กำรจดั ทำ e-learning กำรไมเ่ กิน 2 ปี 3) เจำ้ หนำ้ ทส่ี ่วนกลำง 3 คน เจำ้ หนำ้ ทผี่ ู้รบั ผิดชอบ สถำบัน งำนด้ำนจดั กำรควำมรู้ กำรพัฒนำชุมชน ของสำนักงำนพัฒนำ ชุมชนจงั หวัด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook