Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมบทความสาระความรู้และ บทความวิธีดูแลสุขภาพจากโรคCOVID -19 ชุดที่3

รวมบทความสาระความรู้และ บทความวิธีดูแลสุขภาพจากโรคCOVID -19 ชุดที่3

Published by ห้องสมุดดิจดทัล E-Book, 2020-04-28 23:50:35

Description: รวมบทความสาระความรู้และบทความวิธีดูแลสุขภาพจากโรคCOVID -19 ชุดที่3

Search

Read the Text Version

วารสารหอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอลาลกู กา งานการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอลาลกู กา รวมบทความสาระความรแู้ ละ บทความวิธีดแู ลสขุ ภาพจากโรคCOVID -19 ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอลาลกู กา จงั หวดั ปทมุ ธานี

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอลาลกู กา งานการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอลาลกู กา ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอลาลกู กา จงั หวดั ปทมุ ธานี

.. สารบญั .. บทความ หนา้  ใสบ่ าตรดว้ ย 10 เมนอู าหารไทยเพ่ือสขุ ภาพ 1–5  กนิ อาหารสขุ ภาพ ปรบั สมดลุ กระเพาะอาหารและร่างกายโดยรวม 8 - 10  ประโยชน์ 2 ตอ่ ของการทางานบา้ น ชว่ ยตา้ นโควิด-19 13

ใสบ่ าตรดว้ ย 10 เมนอู าหารไทยเพือ่ สขุ ภาพ ใสบ่ าตรดว้ ย 10 เมนอู าหารไทยเพ่ือสขุ ภาพ ทกุ วนั นค้ี นร่นุ ใหมห่ นั มาใสใ่ จกบั สขุ ภาพ ดว้ ยการรบั ประทานอาหารทมี่ ีประโยชนเ์ พื่อ หา่ งไกลจากโรคมากขน้ึ อาหารเป็ นส่งิ สาคญั หากรบั ประทานอาหารทมี่ ีสรรพคณุ เป็ นยา ย่ิง สง่ เสริมสขุ ภาพใหด้ เี ยี่ยมขน้ึ ไปอีก ชาวพทุ ธนยิ มนาอาหารใสบ่ าตร เพ่ือเป็ นการทาบญุ โดยหวงั ใหอ้ าหารนนั้ สง่ ไปถึงบคุ คลอนั เป็ นทรี่ กั ในอีกโลกหนงึ่ แตก่ ารใสบ่ าตรหรือทาอาหารถวายพระก็ เป็ นการบารงุ พระสงฆใ์ นอีกทางหนง่ึ วนั นขี้ อนาเสนอ 10 อาหารไทยสาหรบั ใสบ่ าตรเพ่ือสขุ ภาพ ของพระสงฆ์  ตม้ ยาปลาทู ปลาทชู ว่ ยสง่ เสริมบารงุ สมองเพ่อื สรา้ งความจา สมนุ ไพรในตม้ ยา เชน่ ตระไคร้ ใบมะกรดู มะนาว พริก ชว่ ยเร่ืองระบบเผาผลาญ และระบบขบั ถา่ ย 1.

 แกงเลยี ง อาหารไทยทมี่ สี ารพดั ผกั เชน่ ฟักทอง บวบ ตาลงึ ใบแมงลกั พริกไทย ผกั เหลา่ นช้ี ว่ ยเรื่องระบบยอ่ ยอาหาร ระบบขบั ถ่าย บารงุ สายตา เลอื ด และชว่ ยขบั เสมหะ  แกงป่ า กระชายชว่ ยบารงุ ตบั ไต ตอ่ มไทรอยด์ และหวั ใจ  แกงสม้ 2. อาหารไทยอีกเมนทู ม่ี สี ารพดั ผกั ไมแ่ พแ้ กงเลยี งแตร่ สชาตจิ ดั จา้ งกวา่ เชน่ ดอกแค ผกั บงุ้ นา้ เตา้ ผดั กระเฉก ความเปรี้ยวของแกงสม้ ท่ไี ดจ้ ากมะขามเปี ยกชว่ ยขจดั เสมหะ และชว่ ยใหช้ มุ่ คอ

 แกงเห็ด เป็ นอาหารสญั ชาตลิ าว บางทจี ึงเรียกวา่ แกงลาว เป็ นอาหารเพ่ือสขุ ภาพอีกเมนทู ี่ นา่ สนใจ เพราะอดุ มไปดว้ ยเห็ดนานาชนดิ สรรพคณุ ของเห็ดชว่ ยสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ระบบ ไหลเวียนโลหิต บารงุ ตบั กระเพาะอาหาร และลดความดนั ใบยา่ นาง มสี รรพคณุ ชว่ ย ฟ้ื นฟูรา่ งกาย ระบบเผาผลาญในร่างกาย และบารงุ หัวใจ  ตม้ จดื มะระ ชว่ ยบารงุ สายตา ลดระดบั นา้ ตาลในเสน้ เลอื ด ดบั พิษรอ้ นในร่างกาย และมฤี ทธเ์ิ ป็ น ยาระบาย  ตม้ จดื เตา้ หไู้ ข่ ไดส้ ารอาหารโปรตนี สงู จากไขไ่ ก่ บารงุ สมอง และป้ องกนั เสน้ เลอื ดจาง 3.

 ตม้ จืดฟักมะนาวดอง ชว่ ยลดไขมนั ในเสน้ เลอื ด บารงุ ปอด รกั ษาโรคหอบหืด และมฤี ทธเ์ิ ป็ นยาเย็นรกั ษา อาการรอ้ นใน  ผดั ผกั นา้ มนั หอย ไดก้ ากใยอาหารทดี่ จี ากผกั นา้ มนั หอยมสี รรพคณุ บารงุ ประสาท กลา้ มเนอ้ื หวั ใจ และโรคเหน็บชา แลว้ ผกั ตา่ งๆมสี รรพคณุ เป็ นกากใยอาหารทดี่ ี 4.

 นา้ พริก พริกมสี รรพคณุ เป็ นยาระบาย สง่ เสริมระบบขบั ถ่าย ระบบเผาผลาญในร่างกาย และ บรรเทาอาการคดั จมกู เมนนู ต้ี ามความชอบของแตล่ ะทา่ น เพราะนา้ พริกมหี ลากหลาย ชนดิ เชน่ นา้ พริกปลาทู นา้ พริกเผา นา้ พริกปลารา้ ทรงเครื่อง ฯลฯ เมนอู าหารไทย 10 อยา่ งทีน่ าเสนอนี้ เป็ นเมนทู ่ีคนุ้ เคยกนั ดี เพราะเป็ นอาหารที่ทามา จากผกั และสมนุ ไพรไทย อาหารทคี่ ดั มาจะไมม่ กี ะทิ เพื่อเลย่ี งคอเลสเตอรอล สาเหตขุ อง โรครา้ ยตา่ งๆ เชน่ โรคหลอดเลอื ดหัวใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคไต โรคเบาหวาน ความดนั โลหิตสงู และเนน้ เนอ้ื สตั วท์ ีไ่ มม่ ากเกนิ ไป หลายเมนเู ป็ นเนอื้ สตั วท์ ี่ยอ่ ยงา่ ย คือ ไกแ่ ละปลา เราเชอ่ื มนั่ วา่ อาหารใสบ่ าตรในครง้ั ตอ่ ไปของคนรนุ่ ใหม่ นอกจากจะมาจากแรง ศรทั ธาแลว้ ยงั มาจากความห่วงใยในสขุ ภาพของพระสงฆด์ ว้ ย การถวายอาหารท่ีดี ประณีตเป็ นการแสดงออกของศรทั ธา หากมปี ัญญาในการเลอื กอาหารดว้ ยแลว้ ยิ่งเป็ น การบริหารปัญญาบารมไี ปพรอ้ มเพรียงกบั การบาเพ็ญทานบารมี เรื่องโดย : ชนนิ ทร์ ผอ่ งสวสั ดิ์ 5.





กนิ อาหารสขุ ภาพ ปรบั สมดลุ กระเพาะอาหารและร่างกายโดยรวม อาหารสขุ ภาพ ในวนั นี้ จะเป็ นอาหารท่ชี ว่ ยคืนสมดลุ ภาวะกรด-ดา่ งของร่างกาย เพราะ หากรา่ งกายมกี รดหรือดา่ งมาเกินไป จะทาใหส้ ขุ ภาพโดยรวมนน้ั ไดร้ บั ผลกระทบไปดว้ ย นามาซึ่งความเจ็บป่ วยท่ีใครๆ ก็ไมอ่ ยากเจอ เมอื่ ร่างกายเสยี สมดลุ รองศาสตราจารยศ์ รีสนทิ อินทรมณี ภาควชิ าเคมคี ลนิ กิ คณะเทคนคิ การแพทย์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล อธบิ ายภาวะทรี่ า่ งกายเสียสมดลุ กรด-ดา่ งวา่ “ในภาวะปกติ เลอื ดของเราจะมคี วามเป็ นดา่ งออ่ นๆ หรือมคี ่า pH ประมาณ 7.35 – 7.45 เมอื่ ค่า pH ในเลอื ดเปลย่ี นแปลงไปจากปกติ จะทาใหเ้ กิดภาวะกรดเกนิ หรือภาวะ ดา่ งเกินได้ ถา้ ค่า pH ในเลอื ดตา่ กวา่ 6.8 จะเกดิ ภาวะเลือดเป็ นกรด (Acidosis) อาจโคมา่ และเสียชวี ติ ได้ หรือถา้ pH ในเลอื ดสงู กวา่ 7.8 จะเกดิ ภาวะเลอื ดเป็ นดา่ ง (Alkalosis) อาจมอี าการชกั และเสยี ชวี ิตในที่สดุ ” แตไ่ มต่ อ้ งตกใจไปคะ่ อาจารยบ์ อกวา่ ภาวะกรดเกินและดา่ งเกนิ เกิดขน้ึ ไดน้ อ้ ยมาก นอกจากจะมคี วามผดิ ปกตขิ องปอดหรือไตซึ่งเป็ นอวยั วะท่ีควบคมุ สมดลุ กรด-ดา่ งใน ร่างกายเทา่ นน้ั โดยปกตแิ ลว้ หากร่างกายมภี าวะเป็ นกรดหรือดา่ งไมม่ าก คืออยู่ ระหวา่ ง 6.8 – 7.8 รา่ งกายจะมกี ลไกปรบั สภาพความเป็ นกรดดา่ งในรา่ งกายใหส้ มดลุ 8.

ได้ โดยการขบั ถ่ายกรดออกนอกรา่ งกายทางปัสสาวะ (กรดอินทรีย)์ หรือลมหายใจ ออก (กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด)์ เมอ่ื กรดเกนิ แลว้ เป็ นอยา่ งไร ภาวะกรดเกินมผี ลตอ่ การทางานของร่างกายแทบ ทกุ สว่ น เป็ นผลใหเ้ กดิ อาการ ผดิ ปกตติ า่ งๆ ดงั นี้ 1. ระบบยอ่ ยอาหาร มอี าการอาหารไมย่ อ่ ย คลืน่ ไส้ กรดไหลยอ้ น กรดเกนิ ใน กระเพาะ 2. ระบบไหลเวยี นโลหิต เป็ นสาเหตหุ ลกั ของโรคหวั ใจ เพราะเมอ่ื ร่างกายมภี าวะความ เป็ นกรดสงู ทาใหต้ อ้ งเร่งสรา้ งผนงั หลอดเลอื ดใหห้ นาขน้ึ ดว้ ยไขมนั เพอ่ื ป้ องกนั การรวั่ ซึม เป็ นเหตใุ หห้ วั ใจทางานหนกั ขนึ้ 3. ระบบภมู คิ มุ้ กนั บกพร่องเนอ่ื งจากเชอื้ โรคตวั รา้ ย จะเจริญไดด้ ใี นภาวะทีเ่ ป็ นกรด สงู เมอ่ื มภี าวะความเป็ นกรดสงู จงึ ทาใหเ้ ป็ นหวดั ตดิ เชอ้ื ไดง้ า่ ย 4. ระบบทางเดนิ หายใจ สภาวะเป็ นกรดทาใหก้ ารลาเลยี งออกซิเจนไปเลยี้ งสว่ นตา่ งๆ ในรา่ งกายตดิ ขดั เมอื่ เซลลต์ า่ งๆขาดออกซิเจนไปเลยี้ ง สง่ ผลใหเ้ กิดการตดิ เชอ้ื ได้ งา่ ย จึงเป็ นไข้ หลอดลมอกั เสบ และโรคหืดได้ 5. ระบบกระดกู เนอื่ งจากรา่ งกายตอ้ งดงึ แคลเซียมและแมกนเี ซียมจากกระดกู ไปเพ่ือ ลดระดบั ความเป็ นกรดในเลอื ด ทาใหเ้ ป็ นโรคกระดกู พรนุ ฟันโยกและผงุ า่ ย เป็ น สาเหตหุ ลกั ของโรครมู าทอยด(์ Rheumatoid) และโรคขอ้ เสื่อม (Osteoarthritis) ซ่ึง เกิดจากการสะสมของกรดในขอ้ ตอ่ ตา่ งๆ ทาใหก้ ระดกู อ่อนถกู ทาลาย 6. ผวิ หนงั ตดิ เชอื้ ไดง้ า่ ย ภมู ติ า้ นทานการตดิ เชอ้ื ลดลง ผวิ หนงั ถลอกและเป็ นแผลได้ งา่ ย 7. ระบบประสาทอ่อนแอ เป็ นผลใหค้ วามคิด ความจา และอารมณผ์ ดิ ปกติ 8. ไต เนอ่ื งจากไตมหี นา้ ทร่ี กั ษาสมดลุ ความเป็ นกรดในร่างกาย หากร่างกายมภี าวะ กรดเกิน ไตจะดงึ แร่ธาตุ จากกระดกู มาท้ิงลงในเลอื ด ถา้ ปลอ่ ยไวน้ านวนั เขา้ แร่ ธาตเุ หลา่ นไ้ี ปพอกพนู ท่ีไต อาจทาใหเ้ ป็ นนว่ิ ในไตได้ 9. กลา้ มเนอื้ ขาดความยดื หยนุ่ เพราะกรดจะไป ขดั ขวางการเปลยี่ นกลโู คสและ ออกซิเจนเป็ นพลงั งาน ทาใหก้ ลา้ มเนอ้ื ยดื หยนุ่ นอ้ ยลง 9.

เมอ่ื กรดเกินแลว้ ตอ้ งทาอยา่ งไร เพ่ือปรบั สมดลุ ความเป็ นกรด-ดา่ งในร่างกาย อาจารยส์ าทิส อินทรกาแหง กรู ตู น้ ตารบั ชวี จติ แนะนาใหก้ นิ อาหารที่เป็ นกรดใหน้ อ้ ยลง และกินอาหารท่จี ะไปสรา้ งภาวะดา่ งใหร้ า่ งกาย เพิ่มขนึ้ อาหารท่ีชว่ ยเพ่ิมความเป็ นดา่ ง ไดแ้ ก่  ขา้ วไมข่ ดั สีจาพวกขา้ วกลอ้ ง ขา้ วซอ้ มมอื  เนอ้ื ปลา อาหารทะเล  เมล็ดพืชตา่ ง ๆ เป็ นตน้ ว่า อลั มอนด์ แฟลกซซ์ ้ีด เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวนั ลกู เดอื ย ลกู บัว ขา้ วฟ่ าง งาดา งาขาว ขา้ วโอต๊ หวั มนั เชน่ มนั ไข่ มนั เลือด  ผกั และผลไม้ แนะนาใหก้ ินผกั ใบเขยี ว ผกั บงุ้ ปวยเลง้ ขน้ึ ฉ่าย ฟักทอง กระเทยี ม มะเขอื เทศ ขา้ วโพด สาหรา่ ย แตงกวา หนอ่ ไมฝ้ รงั่ พืชตระกลู กะหลา่ บรอกโคลี เย่ือไผ่ อะโวคาโด แอป๊ เป้ิ ล แตงโม กลว้ ย ลกู แพร์ องนุ่ มว่ ง นอกจากนยี้ งั แนะนาใหก้ ินผลไมร้ สเปรี้ยวบางชนดิ ที่หลงั จาก ผา่ นกระบวนการยอ่ ยแลว้ สว่ น ที่เหลอื จะมีความเป็ นดา่ ง เชน่ เลมอน มะนาว สม้ สบั ปะรด กวี ี อีกทงั้ ยงั ควรกนิ แรธ่ าตุ แคลเซียม โซเดยี ม และแมกนเี ซียมเสริม เพ่ือทดแทนปริมาณแร่ธาตทุ สี่ ญู เสียไปจากการรกั ษา สมดลุ กรด-ดา่ งในร่างกาย ท่ีสาคญั อยา่ ลืมออกกาลงั กายสมา่ เสมอแตไ่ มห่ กั โหม จะชว่ ยเพิ่มออกซิเจนใหห้ มนุ เวียนไปเลย้ี ง สว่ นตา่ งๆไดด้ ีขนึ้ เมอ่ื ดา่ งเกินแลว้ ควรทาอยา่ งไร ควรรกั ษาทตี่ น้ เหตแุ ละโรคทเี่ ป็ น ถา้ เป็ นที่ระบบทางเดนิ หายใจ ควรนงั่ พกั สกั ครู่ หายใจลึกๆ ชา้ ๆเพื่อควบคมุ ระดบั ออกซิเจนในรา่ งกาย และควรไปพบแพทย์ เมอื่ ใชว้ ิธีปรบั สมดลุ กรด-ดา่ งตามธรรมชาตเิ ชน่ นแี้ ลว้ รา่ งกายก็จะสดใสแขง็ แรง โรครา้ ยก็ไม่ มารกุ รานเลยคะ่ 10.





ประโยชน์ 2 ตอ่ ของการทางานบา้ น ชว่ ยตา้ นโควิด-19 การเช็ดถบู า้ นใหส้ ะอาด นอกจากจะชว่ ยฆา่ เชอื้ ไวรสั โควิด-19 ไดท้ างหนง่ึ แลว้ ยงั ทาใหเ้ รา ไดข้ ยบั ร่างกาย เป็ นการออกกาลงั กายไปในตวั ซึ่งจะชว่ ยใหร้ า่ งกายแขง็ แรง ภมู ิคมุ้ กนั ดขี น้ึ ค่ะ!! ว่าแลว้ ก็มาดเู ทคนคิ การทาความสะอาดบา้ นใหป้ ราศจากเชอื้ โควิด-19 และประเภทของงานบา้ น เบิรน์ ๆ กนั เพิ่มเตมิ ท่ีนเี่ ลยคา่ ไวรัสโควดิ -19 สามารถอยใู่ นสง่ิ แวดลอ้ มไดน้ าน 2 ชวั่ โมง - 9 วนั เพื่อป้ องกนั การแพร่กระจายเชอ้ื โรคทีป่ นเป้ื อนอยใู่ นสภาพแวดลอ้ ม องคก์ ารอนามยั โลก ใหค้ าแนะนา สาร 3 ชนดิ ทีส่ ามารถทาลายเชอ้ื ไดภ้ ายในเวลา 1 นาที ไดแ้ ก่ สารประกอบโซเดยี มไฮโปคลอไรท์ 0.1% (เชน่ นา้ ยาฟอกขาวความเขม้ ขน้ 1000 ppm) ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ 0.5% (5000 ppm) เชน่ นา้ ยา ซกั ผา้ สแี ละแอลกอฮอล์ 62%-70% รจู้ กั สารทาลายเชอ้ื โรคกนั แลว้ ก็มาดเู คล็ดลบั ในการทาความสะอาดตา้ นโควิด-19 กนั ตอ่ ดกี ว่า 1.หอ้ งนา้ หอ้ งสว้ ม : ใชน้ า้ ยาลา้ งหอ้ งนา้ อย่างสมา่ เสมอ หรือทาลายเชอื้ ดว้ ยนา้ ยาฟอกขาว (2 ฝา ตอ่ นา้ 2 ลติ ร) ขณะทาความสะอาดควรเปิ ดประตเู พ่ือระบายอากาศ 2.พนื้ บริเวณทพ่ี กั : ใชน้ า้ ยาฟอกขาว (2ฝ่ าตอ่ นา้ 2 ลติ ร) เช็ดถอู ปุ กรณเ์ คร่ืองใช้ และจดุ เสย่ี งที่ สมั ผสั บอ่ ยๆ เชน่ ลกู บิด มอื จบั ราวบนั ได โดยขณะทาความสะอาดควรเปิ ดประตู/หนา้ ตา่ ง เพอื่ ใหม้ กี าร ระบายอากาศ 3.เสอื้ ผา้ ผา้ ปูเตยี ง ปลอกหมอน ผา้ ขนหนู : ใหซ้ กั ดว้ ยสบ่หู รือผงชกั ฟอกธรรมดาและนา้ หรือซกั ผา้ ดว้ ยนา้ รอ้ นทีอ่ ณุ หภมู นิ า้ 60-90 องศาเซลเซยี ส 4.ผา้ ท่ีใชเ้ ช็ดถทู าความสะอาดบา้ น : ผา้ ขร้ี ิ้ว และผา้ ถบู า้ นตา่ งๆ หลงั ใชท้ าความสะอาดเสร็จ ควร ซกั ผา้ ดว้ ยนา้ ผสมผงซกั ฟอก หรือนา้ ยาฆา่ เชอื้ แลว้ ซกั ดว้ ยนา้ สะอาดอีกครั้ง และนาไปผง่ึ ตากแดดให้ แหง้ สาหรบั งานบา้ นอะไร? เบริ น์ แค่ไหนบา้ ง? รับชมไดท้ ีน่ เี่ ลยนะคะ https://www.youtube.com/watch?v=F7VDFhVg5kA&list=PLig4osS8zG0SgNsJi8aGZQLdKJxymaBL8&index=8 13.



หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอลาลกู กา #อยบู่ า้ นหยดุ เช้ือเพ่ือชาติ #เราตอ้ งรอดไปดว้ ยกนั