กกาารรววิเิเคครราาะะหหดด า านนเเศศรรษษฐฐกกิจิจสสนิ นิ คคาาเเกกษษตตรร W E เเพพอ� อ� เเปปนน ททาางงเเลลอื อื กกปปรรบั บั เเปปลลยี่ ่ียนนกกจิ ิจกกรรรรมมกกาารรผผลลติ ติ ใในนพพืน้ ้นื ทท่ีไี่ไมมเเหหมมาาะะสสมม ตตาามมแแผผนนทท่ี ่ี AAggrri-i-MMaapp จจังังหหววัดดั นนคครานายก N S ¨§Ñ ËÇÑ´¹¤Ã¹Ò¡ »Ò¡¾ÅÕ àÁ×ͧ ºŒÒ¹¹Ò ͧ¤Ã¡Ñ É ¹¤Ã¹Ò¡ »ÃÒ¨¹Õ ÊÃÐá¡ŒÇ ÊÁ·Ø »ÃÒ¡Òà ©Ðàª§Ô à·ÃÒ ¨¹Ñ ·ºØÃÕ ªÅºØÃÕ µÃÒ´ ÃÐÂͧ สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 REGIONAL OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICS 6 สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICHS กระทรวงเกษตรและสหกรณ MINISTRY OF AGRICULTURE AND COOPERATIVES กันยายน 2562 SEPTEMBER 2019
การวิเคราะห์ดา้ นเศรษฐกจิ สินค้าเกษตร เพอ่ื เป็นทางเลือก ปรับเปล่ียนกิจกรรมการผลิต ในพื้นทีไ่ ม่เหมาะสม ตามแผนที่ Agri-Map จังหวดั นครนายก โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร
ข บทสรุปผบู้ รหิ าร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนการบริหารจัดการพื้นท่ี เกษตรกรรมเชิงรุก (Zoning by Agri–Map) โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ได้ ทำการศกึ ษาการวเิ คราะหด์ ้านเศรษฐกจิ สนิ คา้ เกษตร เพอ่ื เป็นทางเลอื กปรบั เปลย่ี นกจิ กรรมการผลติ ใน พ้นื ท่ไี ม่เหมาะสมตามแผนท่ี Agri-Map จงั หวดั นครนายก โดยวิเคราะห์สินคา้ TOP4 ในจังหวัดนครนายก ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม และมะยงชิด และวิเคราะห์สินค้าทางเลือกที่มีศักยภาพเพื่อเป็น ทางเลือกปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสมตามแผนที่ Agri-Map จังหวัดนครนายก เพื่อใช้เป็น แนวทางการบริหารจดั การสินค้าเกษตรในพ้ืนที่ ซึ่งจากการศกึ ษาครัง้ นี้เลือกสนิ คา้ ข้าวเป็นสินค้าเป้าหมายซ่งึ เปน็ สนิ ค้าตามนโยบายเพอ่ื การปรับเปลยี่ น ผลการวเิ คราะห์ดงั น้ี ข้าวจังหวัดนครนายก มีผลผลิตต่อไร่ของพื้นที่เหมาะสม (S1และS2) ไร่ละ 589.19 กิโลกรัม และใน พื้นที่ไม่เหมาะสม (S3และN) ไร่ละ 561.65 กิโลกรัม ซึ่งพื้นที่เหมาะสมมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไร่ละ 27.54 กโิ ลกรัม ดา้ นต้นทุนการผลติ ตอ่ ไร่ในพื้นที่เหมาะสม 3,415.88 บาท และในพน้ื ท่ีไมเ่ หมาะสม 3,671.23 บาท ซึ่งพ้นื ทเ่ี หมาะสมมีต้นทนุ ต่อไร่ที่ตำ่ กว่า 255.35 บาท ดา้ นผลตอบแทนต่อไร่ในพื้นที่เหมาะสม 3,953.46 บาท และในพื้นที่ไม่เหมาะสม 3,740.59 บาท ซึ่งพื้นที่เหมาะสมให้ผลตอบแทนต่อไร่สูงกว่า 212.87 บาท ดังน้ัน เกษตรกรทีป่ ลูกขา้ วในพื้นที่เหมาะสมจะได้ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่หรือกำไรต่อไร่เท่ากับ 537.58 บาท คิดเป็น ร้อยละ 15.74 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่เท่ากับ 69.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเกษตรกรที่ปลูกขา้ วในพื้นที่เหมาะสมจะมี ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ที่สูงกว่าการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม สำหรับผลการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจของ สินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในจังหวัดนครนายกพบว่า ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม มะยงชิด ปลานิล กงุ้ กา้ มกราม และไม้ดอกไมป้ ระดับ มผี ลตอบแทนทดี่ กี ว่าการปลูกข้าวในพน้ื ทไ่ี มเ่ หมาะสม จากการศกึ ษาการวเิ คราะหด์ า้ นเศรษฐกจิ สนิ คา้ เกษตรระดบั จงั หวดั นครนายก และสินค้าเกษตรท่ี มีศักยภาพในการผลิตสนิ ค้าเกษตรในพืน้ ที่ สำหรับแนวทางบรหิ ารจดั การพื้นทีต่ ามแผนทเ่ี กษตรเพ่ือการบริหาร จัดการเชิงรุก (Agri-Map) ควรวางแผนส่งเสริมในการแบ่งเขตพื้นที่เกษตรตามลักษณะศักยภาพของจังหวัด นครนายก โดยแบง่ เปน็ 2 โซน ไดแ้ ก่ โซนพน้ื ทด่ี อน สง่ เสริมให้ทำการเล้ยี งสัตว์ ปลูกหญา้ อาหารสัตว์ ทำสวน ผลไม้ผสมผสาน ส่วนโซนพื้นที่ลุ่ม ส่งเสริมทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการปลูกข้าว และเมื่อนำมาวิเคราะห์ ข้อมูลร่วมกับสภาวะแวดล้อมในจังหวัดนครนายกแล้วนั้น ทำให้สามารถกำหนดแนวทางในการศกึ ษาการ วเิ คราะหด์ า้ นเศรษฐกจิ สนิ คา้ เกษตรระดบั จงั หวดั นครนายก ได้ดงั นี้ 1. แนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรในเขตพื้นที่ความเหมาะสมมาก (S1) และพื้นที่ความเหมาะสม ปานกลาง (S2) ในการปลูกข้าว ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในเขตพื้นท่ีดังกล่าว ได้แก่ เพ่ิม ประสทิ ธิภาพการผลติ เพม่ิ ผลผลิตตอ่ ไร่ ลดต้นทุนการผลิต และยกระดบั คุณภาพสินค้าสมู่ าตรฐาน ส่งเสริมให้มี การผลิตข้าวปลอดภัย ข้าวอินทรีย์ ส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร การสนับสนุน หลักประกันในการปรับเปลี่ยน การปรับรูปแบบแปลงนา ลักษณะที่ 2 ตามกรมพัฒนาที่ดิน ส่งเสริมการใช้ นวัตกรรม เทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การส่งเสริมงานวิจัยที่
ค เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าว สนับสนุนให้มีโรงงานแปรรูปผลผลิตสินค้าเกษตร (ข้าวน้ำลึก) ภายในจังหวัด นครนายก สนับสนุนลานตากข้าวชุมชนท่ไี ด้มาตรฐาน เพ่อื ลดปญั หาผลผลิตข้าวคุณภาพต่ำ และภาครัฐต้องมี นโยบายสง่ เสริมอย่างต่อเนื่อง 2. แนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรในเขตพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว ได้แก่ ภาครัฐควรมีโครงการ พัฒนาจัดรูปที่ดินให้เหมาะสมแบบมีส่วนร่วม เพื่อการบริหารจัดการสินค้าอย่างยั่งยืน การสนับสนุนให้มีการ พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การอบรมถ่ายทอดความรู้ในเรื่องเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ เกษตรกร การสนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกรในพื้นท่ีไม่เหมาะสมเพื่อรับการสนับสนุนแก้ไข และ ประชาสัมพันธใ์ ห้เกษตรกรมคี วามรู้ความเขา้ ใจเร่อื ง Zoning โดยมกี ารนำเสนอตน้ ทนุ และผลตอบแทนของข้าว และพืชทางเลือกทไ่ี ดผ้ ลตอบแทนทด่ี ีกวา่ เพ่อื สร้างแรงจงู ใจในการปรบั เปล่ียน โดยมีแนวทางดังนี้ 2.1 สนับสนุนการปรับเปลี่ยนจากข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีการสนับสนุนปัจจัยการผลิต สนับสนุนการขุดสระน้ำในไร่นา มีการอบรม ถา่ ยทอดความรใู้ หเ้ กษตรกรทำเกษตรรูปแบบใหม่ และการสนับสนนุ สินเช่ือดอกเบ้ียต่ำ 2.2 สนับสนุนการปรับเปลี่ยนจากข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นกุ้งก้ามกราม และปลานิล แนวทางพัฒนา สินค้ากุง้ ก้ามกราม และปลานิล ได้แก่ ส่งเสริมการรวมกลุม่ และพัฒนาเครือขา่ ยกลุ่มผู้เลี้ยง กุ้งก้ามกราม และ ปลานิล เพอื่ สร้างความเขม้ แข็งให้แก่เกษตรกร สง่ เสรมิ ให้เกษตรกรรวมกลุ่ม จัดต้ังแปลงใหญก่ งุ้ กา้ มกราม และ ปลานิล ถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม พร้อมทั้งให้มีการศึกษาดูงานเกษตรกรต้นแบบที่ประสบ ความสำเร็จ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ลดต้นทุนการผลิต และยกระดับคุณภาพสินค้า สู่มาตรฐาน สนับสนุนให้มีแหล่งรับซื้อกุ้ง ปลา ในจังหวัดนครนายก เพื่อลดความเสี่ยง และลดต้นทุนด้าน โลจิสติกส์ สนับสนุนการใช้ผลผลิตกุ้งก้ามกรามและปลานิลในจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยว และสร้างกิจกรรม พักผ่อนหยอ่ นใจ เชิงท่องเท่ยี วและกีฬา และการแปรรูปผลผลิตทางการประมงให้เป็นผลิตภัณฑข์ องฝาก 2.3 สนับสนุนการปรับเปลี่ยนจากข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นไม้ดอกไม้ประดับ แนวทางพัฒนาสินค้า ไม้ดอกไม้ประดบั ได้แก่ ส่งเสริมการรวมกลุ่มและพัฒนาเครอื ขา่ ยกลุม่ ผู้ปลูกไม้ดอกไมป้ ระดับ เป็นแปลงใหญ่ การถ่ายทอดองคค์ วามรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม การเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิต เพิม่ ผลผลติ ตอ่ ไร่ และลดต้นทุน การผลิต ส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวสวนไม้ดอกไม้ประดับ การปรับปรุงและพัฒนาแหล่งซื้อขายผลผลิต ไมด้ อกไมป้ ระดับ และส่งเสรมิ ต่อยอดการสร้างธรุ กจิ รบั ออกแบบสวนและปรบั ภมู ิทศั น์ 2.4 สนบั สนุนการปรับเปล่ียนจากข้าวในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) เชงิ เดี่ยวเป็นการปลูกมะยงชิดบนคันขอบนาที่ ปรับสูงขึ้น หรือคันขอบสระน้ำให้สอดรับกับแนวทางพัฒนาสินค้ามะยงชิดนครนายกที่มอี ตั ลักษณ์ในพื้นที่ ได้แก่ สง่ เสรมิ การรวมกลุ่มและพัฒนาเครือขา่ ยกลมุ่ ผปู้ ลูกมะยงชดิ เพื่อสร้างความเขม้ แขง็ ใหแ้ กเ่ กษตรกร การพฒั นา สินค้ามะยงชิด (GI) สู่การค้าระดับพรีเมียม การถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี/นวัตกรรม การเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อไร่และลดต้นทุน ส่งเสริมให้มกี ารผลิตสินค้าปลอดภัยตรงความต้องการ ของตลาด การแปรรูปมะยงชิดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเชื่อมโยงกับโรงงานในพื้นที่ การสนับสนุนให้มีการ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสวนผสม และการศึกษาวิจัยและพัฒนา จากสถาบันศึกษา เกษตรกรต้นแบบ หรือกลุ่ม เกษตรกร เปน็ ตน้
ง อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมโครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมเชิงรุก (Zoning by Agri–Map) เป็นภาคสมัครใจของเกษตรกรที่จะร่วมปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมเสริมรายได้ จึงทำให้การขับเคลื่อน บรรลุ เป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครนายกและ คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัดนครนายก (Chief of Operation) และเกษตรกรที่ผลิตข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมควรกำหนดเป้าหมายพื้นที่นำร่องในการ ปรับเปล่ียน เพ่อื ดำเนนิ การอย่างมีส่วนร่วมกบั เกษตรกรในพ้นื ท่ีไม่เหมาะสมจงึ จะเกิดผลสัมฤทธิ์ยกระดับรายได้ ให้เกษตรกรในพน้ื ทีไ่ ม่เหมาะสมได้
จ คำนำ ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยมีฐานสำคัญมาจากภาคเกษตร ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมอื ง และสิง่ แวดลอ้ ม ทีม่ กี ารเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้แต่ละประเทศต้องปรับตวั เพ่ือให้ดำรงอยู่ได้ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการสินค้าเกษตร เพือ่ ให้สอดรับกบั สถานการณ์ที่ปรบั เปลี่ยนโดยมงุ่ เน้นการบรหิ ารจดั การการผลิตที่มีประสิทธภิ าพสอดคล้องกับ ดา้ นการตลาด อุปสงค์ และอุปทาน และใหเ้ หมาะสมกับศักยภาพของพนื้ ที่เพื่อใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพสงู สุด โครงการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรจึงเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ได้ทำการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตร เพื่อ เป็นทางเลือกปรับเปล่ียนกิจกรรมการผลิตข้าว ในพ้นื ท่ไี มเ่ หมาะสมตามแผนท่ี Agri-Map จังหวัดนครนายก เพ่ือใช้ เปน็ แนวทางการบริหารจัดการสินค้าเกษตรในพน้ื ที่ ตามแนวทางของการบริหารจัดการพื้นท่เี กษตรกรรมเชิงรุก (Zoning by Agri - Map) ซึ่งได้มีการวิเคราะห์ศักยภาพของพื้นที่ทั้งด้านกายภาพและด้านเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดเป็นเขตบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่เหมาะสมในพื้นที่นั้น ๆ และสรุปเป็นแนวทางในการบริหาร จดั การดังกลา่ ว สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ขอขอบคุณความรว่ มมอื จากสถานีพฒั นาที่ดนิ นครนายก สำนักงาน เกษตรจังหวัดนครนายก สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครนายก รวมทั้งเกษตรกรจังหวัดนครนายกท่ี อำนวยความสะดวกเรื่องข้อมูลในการศึกษาครั้งน้ีเป็นอย่างดี และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากคณะทำงาน ขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ภาคตะวันออก) คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครนายก และคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อน งานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัดนครนายก (Chief of Operation) สุดท้ายนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 หวังว่าการศึกษาการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตรระดับจังหวัด นครนายก ทไี่ ดจ้ ดั ทำขึน้ ในคร้งั น้จี ะเปน็ ประโยชน์กับผูท้ ่ีเกีย่ วขอ้ งจะไดน้ ำไปใช้ประโยชนต์ อ่ ไป ส่วนแผนพัฒนาเขตเศรษฐกจิ การเกษตร สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 กันยายน 2562
ฉ สารบัญ หน้า บทสรปุ ผ้บู รหิ าร ข คำนำ จ สารบัญ ฉ สารบัญตาราง ช สารบัญภาพ ฌ บทท่ี 1 บทนำ 1.1 หลกั การและเหตุผล 1 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 2 1.3 ขอบเขตการศึกษา 2 1.4 วธิ กี ารศกึ ษา/กรอบแนวคิด 2 1.5 ประโยชน์ทค่ี าดจะได้รบั 5 บทท่ี 2 สภาพทัว่ ไป 2.1 ข้อมลู สภาพท่ัวไปของจังหวัด 7 2.2 การใชท้ ี่ดินทางการเกษตรตามแผนท่ี Agi-Map 19 2.3 สนิ คา้ เกษตรท่ีมมี ูลค่าสงู ของจงั หวัดนครนายก (Top 4) 21 บทท่ี 3 ผลการศกึ ษาวเิ คราะห์ 3.1 ต้นทุนและผลตอบแทนตามระดับความเหมาะสมของพนื้ ท่สี นิ ค้าเกษตรท่ีสำคัญ (TOP 4) 31 3.2 การบรหิ ารจัดการสินค้าเกษตรทสี่ ำคัญ 48 3.3 การวิเคราะห์เพอ่ื หาพชื ทางเลือกทางเศรษฐกจิ 72 3.4 การปลูกพชื ทดแทนในพ้นื ท่ีไมเ่ หมาะสม 80 บทที่ 4 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ 83 4.1 สรปุ 84 4.2 ข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม 91
ช สารบญั ตาราง ตารางท่ี หน้า 2.1 ปรมิ าณนำ้ ฝนและจำนวนวนั ที่ฝนตกในจังหวัดนครนายก ปี 2559 – 2561 9 2.2 จำนวนประชากรจังหวัดนครนายก ปี 2559 10 2.3 เปรียบเทยี บโครงสรา้ งประชากรตัง้ แต่ปี พ.ศ.2551 - 2559 11 2.4 พ้ืนทีด่ ินท่ีมีปัญหาในจังหวัดนครนายก 16 2.5 เขื่อนและอ่างเกบ็ นำ้ จงั หวดั นครนายก 17 2.6 พ้ืนทใี่ นเขตชลประทานจงั หวัดนครนายก ปี 2559 - 2560 17 2.7 พ้ืนทีเ่ พาะปลูกพชื เศรษฐกิจจังหวดั นครนายก 21 2.8 พ้ืนทีป่ ลกู ข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพ จงั หวัดนครนายก 22 2.9 ขา้ วพ้ืนท่ีระดับความเหมาะสม (Suitability) และพื้นทีป่ ลกู ขา้ ว (Existing) ตำบล/อำเภอตา่ ง ๆ จังหวัดนครนายก 25 3.1 ตน้ ทุนการผลติ ข้าวนาปี 2559/60 จังหวัดนครนายก ในพน้ื ท่ีเหมาะสม (S) 33 3.2 ตน้ ทนุ การผลิตข้าวปี 2559/60 จังหวดั นครนายก ในพืน้ ทีไ่ ม่เหมาะสม (N) 35 3.3 ตารางเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวนาปใี นพื้นท่ีเหมาะสม (S) และพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) 36 3.4 ตน้ ทนุ การผลติ ข้าวนาปรัง ปี 2559 จังหวดั นครนายก ในพน้ื ท่ีเหมาะสม (S) 38 3.5 ต้นทุนการผลติ ข้าวนาปรัง ปี 2559 จังหวดั นครนายก ในพ้นื ที่ไม่เหมาะสม (N) 40 3.6 ตารางเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลิตการปลูกข้าวปรังในพื้นที่เหมาะสม (S) และพ้ืนทไ่ี ม่เหมาะสม (N) 41 3.7 ต้นทนุ การเพาะเลีย้ งกุ้งขาวแวนนาไม จังหวัดนครนายก 2559 43 3.8 ตน้ ทนุ มะยงชดิ ปี 2559 จงั หวัดนครนายก ไมแ่ ยกลักษณะความเหมาะสม 45 3.9 ตารางเปรยี บเทยี บต้นทุนการผลิต ผลตอบแทน สินคา้ ที่สำคัญ (สินค้า Top 4) จังหวัดนครนายก 47 3.10 การบรหิ ารจัดการสินค้าข้าวเปลอื กนาปีเชิงพน้ื ทรี่ ายเดอื น ฤดูการผลิตปี 2559/2560 จังหวัดนครนายก 50 3.11 การบรหิ ารจัดการสนิ คา้ ข้าวเปลอื กนาปรงั เชิงพน้ื ทร่ี ายเดือน ฤดูการผลติ ปี 2559/2560 จังหวดั นครนายก 54 3.12 จำนวนเกษตรกรทข่ี นึ้ ทะเบยี นผเู้ ลย้ี งกุ้งทะเลของจงั หวัดนครนายก ปี 2560 56 3.13 จำนวนผลิตและพ้ืนทีเ่ ลีย้ งก้งุ ขาวแวนนาไม ของจังหวดั นครนายก ปี 2556 - 2560 57 3.14 ประมาณการร้อยละผลผลติ กงุ้ ขาวแวนนาไมออกส่ตู ลาดรายเดอื น ของจังหวัดนครนายก ปี 2560 57
ซ สารบญั ตาราง (ต่อ) 3.15 ราคาขายปลกี กุง้ ขาวแวนนาไมเฉลี่ยรายเดอื น ปี 2560 จังหวัดนครนายก 60 3.16 การบรหิ ารจัดการสินคา้ กงุ้ ขาวแวนนาไมฤดูการผลติ ปี 2560 จงั หวดั นครนายก 62 3.17 พนื้ ทป่ี ลูก พื้นท่ใี ห้ผล ผลผลติ และผลผลิตตอ่ ไร่ มะยงชดิ ในช่วงปเี พาะปลูก 2560 จงั หวดั นคารนายก 65 3.18 ประมาณการร้อยละผลผลิตมะยงชดิ ออกสตู่ ลาดรายเดอื นของจังหวัดนครนายก 65 3.19 ราคามะยงชิดทเี่ กษตรกรขายได้ทีไ่ รน่ าเฉลี่ยรายเดือน ปี 2560 จังหวัดนครนายก 68 3.20 การบริหารจัดการสนิ ค้ามะยงชิด ปี 2560 จงั หวดั นครนายก 70 3.21 การเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลติ การปลกู ขา้ วนาปี ข้าวนาปรัง ในพนื้ ท่ไี ม่เหมาะสม (N) 73 3.22 การเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลติ การปลกู ข้าวในพื้นที่ไมเ่ หมาะสม (N) กับการเพาะเลีย้ ง ก้งุ ขาวแวนนาไม 74 3.23 การเปรยี บเทยี บตน้ ทนุ การผลติ การปลูกขา้ วในพื้นทไี่ ม่เหมาะสม (N) กับมะยงชดิ 76 3.24 การเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลติ การปลกู ขา้ วในพน้ื ท่ไี ม่เหมาะสม (N) กับการเลี้ยงปลานิล 77 3.25 การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ การผลิตการปลกู ขา้ วในพน้ื ทีไ่ มเ่ หมาะสม (N) กับการเลย้ี งก้งุ ก้ามกราม 78 3.26 การเปรยี บเทยี บตน้ ทนุ การผลิตการปลูกขา้ วในพ้นื ที่ไมเ่ หมาะสม (N) กับการปลูกไมด้ อก ไมป้ ระดับ 80
ฌ สารบญั ภาพ หน้า ภาพท่ี 8 12 2.1 แผนที่เขตปกครองจังหวดั นครนายก 20 2.2 ผลิตภัณฑม์ วลรวมจังหวัด-ภาคเกษตร-รายไดต้ อ่ หัว จงั หวัดนครนายก ปี2548-2560 21 2.3 แผนท่ีการใช้ทใี่ ช้ทีด่ นิ จงั หวัดนครนายก 23 2.4 แผนที่การปลกู พชื เศรษฐกิจจงั หวดั นครนายก 24 2.5 พ้ืนทป่ี ลกู ขา้ วตามความเหมาะสทางกายภาพ จงั หวัดนครนายก 26 2.6 ข้าวนาปี เน้ือทเ่ี ก็บเกี่ยว ผลผลิต ผลผลติ ตอ่ ไร่ จังหวดั นครนายก 26 2.7 พน้ื ทค่ี วามเหมาะสมในการปลูกขา้ ว จงั หวดั นครนายก 27 2.8 พนื้ ที่ปลูกข้าวตามระดบั ความเหมาะสม จงั หวดั นครนายก 28 2.9 ขา้ วนาปรัง เน้อื ทเี่ กบ็ เกย่ี ว ผลผลติ ผลติ ต่อไร่ จงั หวดั นครนายก 29 2.10 กุ้งขาวแวนนาไม เนอ้ื ที่เพาะเล้ียง ผลผลิต ผลผลิตตอ่ ไร่ จงั หวัดนครนายก 30 49 2.11 พ้ืนที่ความเหมาะสมในการเพาะเล้ยี งสตั ว์นำ้ จดื จงั หวัดนครนายก 52 59 2.12 มะยงชิด เนื้อทีใ่ หผ้ ล ผลผลติ ผลผลิตต่อไร่ จังหวัดนครนายก 60 67 3.1 วถิ กี ารตลาดข้าวเปลอื กเจ้านาปี ของจงั หวดั นครนายก 86 3.2 วถิ ีการตลาดข้าวเปลอื กเจา้ นาปรัง ของจังหวดั นครนายก 3.3 โครงสรา้ งตลาดกงุ้ ขาวแวนนาไมของจังหวดั นครนายก 86 3.4 วิถีการตลาดกงุ้ ขาวแวนนาไมของจังหวดั นครนายก 3.5 วิถกี ารตลาดสินคา้ มะยงชดิ จงั หวดั นครนายก 4.1 แผนที่แสดงข้อมลู พน้ื ที่ความเหมาะสมของขา้ วจงั หวัดนครนายก 4.2 แผนที่แสดงขอ้ มูลพ้นื ทค่ี วามเหมาะสมของขา้ วกับพื้นทก่ี ารปลกู ขา้ วนาปีจรงิ จงั หวดั นครนายก
บทที่ 1 บทนำ 1.1 หลกั การและเหตุผล การผลิตสินค้าเกษตรหลายชนิดของประเทศไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เนื่องจากเกษตรกร ส่วนหน่ึงนำพืน้ ท่ีที่มีความเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสมมาใช้เพ่ือปลูกพืช ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตโดย เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำมีต้นทุนการผลิตสูง และในหลายสินค้าผลผลิตสนิ ค้าเกษตรมากเกินความตอ้ งการประสบ สภาวะราคาตกต่ำเกิดภาระด้านงบประมาณให้กับภาครัฐที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือแทรกแซงราคา การบริหาร จดั การพืน้ ที่เกษตรกรรมเป็นแนวคิดที่ดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาลในการจัดการและใชป้ ระโยชน์ท่ีดิน ของประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเขตเหมาะสมสำหรับการผลิตแล้ว ได้แก่ ด้านพืช ประกอบด้วย ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ อ้อยโรงงาน ลำไย และสับปะรด โรงงาน ซึ่งรวมถึง เงาะ ทุเรียน มังคุด กาแฟ มะพร้าว ด้านปศุสัตว์ ประกอบด้วย โคนม โคเน้ือ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และด้านประมง ประกอบดว้ ย กุง้ ปลานิล ปลาน้ำจืด โดยในการประกาศเขตเหมาะสมการผลติ คำนึงถึง ปัจจัยธรรมชาติท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ ดิน น้ำ อากาศ แสงแดด ความช้ืนสัมพัทธ์ (Land Suitability) และระดับ ความต้องการของพืช (Crop Requirement) การผลิตสินค้าเกษตรในปัจจุบัน (Existing Land Use) หรือ เง่ือนไขสำหรับการผลิตอื่นๆ เช่น กำหนดเขตเป็นพื้นท่ีปลอดโรค เป็นต้น ซ่ึงในการบริหารจัดการพ้ืนท่ี เกษตรกรรม นอกจากคำนึงถึงเขตการผลิตที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องพิจารณาประเด็นท่ีเกี่ยวข้อง คือ การปรับ รูปแบบการผลิตในเขตเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสม เพ่ือสร้างความสมดุลระหว่างการผลิตและการตลาด การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลติ การเพิ่มมลู คา่ ด้วยการพฒั นามาตรฐานสินคา้ และลดตน้ ทนุ ดว้ ยการจดั การระบบ ขนส่งสินคา้ (Logistic) เปน็ ต้น เม่ือมีการประกาศเขตเหมาะสมสำหรับการผลิตแล้ว ต้องถือว่าพื้นท่ีน้ันคือยุทธศาสตร์ในการ พัฒนาการผลิต ซ่ึงระดับพื้นท่ี/จังหวัดต้องพิจารณาใช้พื้นที่ท่ีมีความเหมาะสมเป็นยุทธศาสตร์การผลิตด้าน การเกษตร โดยวางระบบการจัดการทั้งหมดเข้าไปในพ้ืนที่ การสนับสนุนด้านต่างๆ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ (1) พ้ืนที่ (2) ชนิดสินค้า พืช ปศุสัตว์ ประมงที่เหมาะสมกับพื้นที่ (Commodities) และ (3) บุคคล ได้แก่ เกษตรกรผู้ประกอบการ เจ้าหนา้ ที่ของรัฐ (Human Resource) โดยใชก้ ารตลาดเป็นตัวชนี้ ำในการส่งเสริมการ ผลิต ซ่ึงต้ังเป้าหมายว่าผลิตออกมาแล้วต้องขายได้ในราคาท่ีเกษตรกรอยู่ได้ และมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เป็นผ้ใู ห้คำแนะนำ และประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายในพื้นท่ีทั้งภาครัฐและ เอกชน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีศูนย์เรียนรู้การเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นศูนย์ ระดับชุมชนที่จัดตั้งขึ้นโดยใช้หลักการของโซนน่ิงร่วมกับความต้องการของเกษตรกร เป็นแหล่งศึกษาและ เรียนรู้ของเกษตรกรและประชาชนที่สนใจในด้านการเกษตรจากสถานทจ่ี รงิ เรยี นรู้จากเกษตรกรต้นแบบที่ทำ อาชีพการเกษตรและประสบความสำเร็จ เน้นการผลิตที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นท่ี ลดต้นทุนการผลิต พร้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สาเหตุหลักของผลผลิตขาด
2 คุณภาพและไม่ตรงความต้องการของตลาดส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนจากการผลิต คือ เกษตรกรทำการผลิต สินคา้ เกษตรในพ้ืนทไ่ี มเ่ หมาะสมกับศักยภาพของพ้ืนที่ ดงั นั้น เพอ่ื เสนอแนะข้อเสนอเชิงนโยบายในการสนบั สนนุ การปรบั เปลี่ยนการผลติ สนิ ค้าเกษตรในพนื้ ท่ี ไม่เหมาะสมตามแผนที่ Agri-Map เป็นสินค้าทางเลอื ก สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี จึงได้ จัดทำการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตรระดับจังหวัด ในจังหวัดนครนายก ในสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) เพ่ือให้มีการผลิตท่ีเหมาะสมกับศักยภาพของพ้ืนท่ี เพ่ิมประสิทธิภาพและคุณภาพผลผลิต และสรา้ งความสมดลุ ระหว่างอปุ สงค์ อุปทาน 1.2 วตั ถุประสงค์ 1) เพอ่ื ศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนสินคา้ เกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อนั ดับ (Top 4) ในจงั หวดั นครนายก 2) เพื่อศึกษาความสมดุลระหว่างอุปสงค์ อุปทาน ( Demand & Supply) สินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) และสินคา้ ทางเลือก ในจังหวดั นครนายก 3) เพ่ือเสนอแนะมาตรการในการปรับเปลย่ี นการผลิตสินค้าในพืน้ ที่ไม่เหมาะสมเป็นสินคา้ ทางเลอื กใน ระดับพ้ืนที่ของจงั หวดั นครนายก 1.3 ขอบเขตการศึกษา ศึกษาสินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม มะยงชิด และสินคา้ ทางเลอื ก ครอบคลมุ ในพ้นื ท่ีจงั หวัดนครนายก 1.4 วิธีการศึกษา/กรอบแนวคิด 1.4.1 การวเิ คราะหค์ วามเหมาะสมและศกั ยภาพของพนื้ ท่ี โดยการรวบรวมข้อมูลและวเิ คราะหข์ ้อมูลจากแผนที่ Agri-map โดยการประเมินคณุ ภาพท่ีดิน (Qualitative Land Evaluations) ซ่งึ เป็นการพิจารณาศกั ยภาพของหน่วยทรัพยากรท่ดี ินต่อการใช้ประโยชน์ ท่ีดินประเภทต่าง ๆ นอกจากการประเมินทางด้านคุณภาพหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการประเมินเชิง กายภาพ การประเมินทางด้านปริมาณหรอื ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะให้ค่าตอบแทนในรูปผลผลิตที่ได้รับ ตัวเงินใน การลงทุน และตัวเงินจากผลตอบแทนที่ได้รับเป็นสิ่งบ่งชี้ท่ีถึงความเหมาะสม หรือการจัดการเขตเกษตร เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ตามแผนท่ีความเหมาะสม 4 ระดับ คือ (1) ระดับข้ันท่ีมีความเหมาะสมสูง (Highly suitable : S1) (2) ระดับชั้นท่ีมีความเหมาะสมปานกลาง (Moderately suitable : S2) (3) ระดับชั้นท่ีมี ความเหมาะสมน้อย (Marginally suitable : S3) และ (4) ระดับช้ันที่ไม่เหมาะสม (N) ว่ามจี ำนวนพื้นท่ีเท่าใด และอยใู่ นพื้นที่บรเิ วณใดบ้าง และนำขอ้ มลู มาจดั ชน้ั พ้นื ที่เปน็ 2 ระดบั คือ (1) พนื้ ท่ที มี่ ีความเหมาะสมการปลูก (Suitability : S) คอื พื้นท่ีท่มี ีความเหมาะสมมาก (S1) รวมกับพ้ืนท่ีชนั้ ทีม่ ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) และ (2) พ้ืนที่ไม่เหมาะสม (Not suitability : N) คือพ้ืนท่ีท่ีมีความเหมาะสมน้อย (S3) และพื้นท่ีท่ีไม่มีความ เหมาะสม (N) ของสินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดับ (top 4) ได้แก่ ไก่เน้ือ ข้าว ปลานิล มันสำปะหลัง และ สินค้าทางเลือก ในจังหวัดปราจีนบุรี และลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในว่าปัจจุบันมีปลูกอยู่มากน้อย
3 เท่าไร และปลูกอยู่ในแต่ละพ้ืนที่ระดับความเหมาะสมจำนวนเท่าไรของการปลูกพืชเศรษฐกจิ แตล่ ะชนิดสินค้า ในพื้นท่ีจังหวัดปราจีนบรุ ีและสำรวจพ้นื ทีเ่ พ่ือยืนยนั ข้อมลู ตามแผนท่ีความเหมาะสม 1.4.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล 1) การรวบรวมข้อมลู รวบรวมข้อมูลโดยการสมั ภาษณจ์ ากแบบสอบถามแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ปเี พาะปลูก 2559 รวมท้งั การสำรวจข้อมลู ภาคสนามเพือ่ รบั ทราบสถานการณก์ ารผลิต การตลาด และแนวคิด ความคดิ เหน็ จากส่วนราชการท่เี กีย่ วขอ้ ง 2) แหลง่ ขอ้ มูล 2.1) ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นการสำรวจข้อมูลภาคสนามเพ่ือรับทราบสถานการณ์การ ผลิตและการตลาด ณ ชว่ งเวลานั้นๆ โดยขอ้ มลู ทไี่ ด้รบั มาจากเกษตรกร และหน่วยงานราชการทเ่ี กยี่ วข้อง 2.2) ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) รวบรวมข้อมูลทางวิชาการที่เก่ียวข้องกับนโยบายการ จัดทำเขตเกษตรเศรษฐกจิ เอกสารทางวิชาการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องท้ังภาครัฐและเอกชน รวมถึง สือ่ ส่งิ พมิ พอ์ เิ ลคทรอนิกสท์ ่เี กีย่ วข้อง 1.4.3 การวิเคราะห์ข้อมูล 1) การวิเคราะหเ์ ชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis) เช่น การวิเคราะหเ์ น้อื หา 2) การวเิ คราะห์เชิงปรมิ าณ (Quantitative Analysis) 2.1) การวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติ โดยสถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) เช่น ร้อยละ และคา่ เฉลย่ี 2.2) การวิเคราะห์โดยใชว้ ธิ ีการทางคณิตศาสตร์ เช่น การวเิ คราะห์ตน้ ทนุ ผลตอบแทน 3) การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากแผนที่ Agri-Map และสำรวจพ้ืนที่เพ่อื ยนื ยนั ขอ้ มลู ตามแผนท่ี 1.4.4 กรอบแนวคิดต้นทนุ และผลตอบแทน 1) ทฤษฎีต้นทุนการผลิตและผลตอบแทน การวิเคราะห์ต้นทุนจะพิจารณาท้ังต้นทุนที่เป็น เงนิ สด (Explicit Cost) และตน้ ทนุ ท่ีไม่เป็นเงินสด (Implicit Cost) โดยสภาพการผลิตท่ีเป็นจริงของเกษตรกร ต้นทุนที่เป็นเงินสด คือต้นทุนท่ีเกษตรกรจ่ายออกไปจริงเป็นเงินสด ส่วนต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด คือต้นทุนท่ี เกษตรกรไม่ได้เสยี ค่าใช้จ่าย แต่ได้ประเมินใหส้ ำหรับค่าปัจจัยการผลิตและแรงงานที่เป็นของเกษตรกรเอง ซึ่ง องค์ประกอบของตน้ ทุนการผลติ แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 1.1) ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการผลิต หรือไม่เปลี่ยนแปลงแม้ไม่ทำการผลิตเลย ซ่ึงเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้ปัจจัยคงที่ในการผลิต ประกอบด้วยต้นทุนคงที่ที่เป็นเงินสด ได้แก่ ค่าเช่าที่ดิน ค่าภาษีที่ดิน เป็นต้น ต้นทุนคงที่ท่ีไม่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายท่ีผู้ผลิตไม่ได้จ่ายออกไปจริง เช่น ค่า ใช้ท่ีดิน และค่าเส่ือมราคาอุปกรณ์ซ่ึงมีอายุการใช้งาน มากกวา่ 1 ปี เป็นต้น สำหรบั การคำนวณคา่ เสอ่ื มราคาใชว้ ิธีคิดแบบเส้นตรง (The Straight – Line Method) การ คำนวณโดยวิธนี จ้ี ะได้คา่ เสือ่ มราคาทรัพย์สินต่อปีคงทีเ่ ท่ากนั ซงึ่ มวี ิธกี ารคอื
4 ค่าสึกหรอหรือค่าเส่ือมราคาตอ่ ปี = (ราคาทรัพย์สนิ ทซี่ อื้ มา – มลู ค่าซาก) อายกุ ารใช้งาน (ปี) 1.2) ต้นทนุ ผันแปร (Variable Cost) เป็นคา่ ใชจ้ ่ายที่เปล่ียนแปลงไปตามปริมาณผลผลิต ท่ีได้รับ ซึ่งประกอบด้วย ต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ค่าจ้าง แรงงาน ค่าปุ๋ย เป็นต้น และ ต้นทุนผันแปรท่ีไม่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายเก่ียวกับปัจจัยการผลิตที่เป็นของ ตนเอง และได้ประเมินค่าออกมาเป็นเงินสด เช่น ค่าแรงงานในครัวเรือนจะประเมินค่าเป็นเงินสด ตามอัตรา ค่าจา้ งแรงงานในทอ้ งถนิ่ นน้ั เป็นตน้ สำหรับการวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และรายได้ จะทำให้ทราบถงึ กำไรที่เกษตรกรจะได้รับ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการพิจารณาความสำเรจ็ หรอื ลม้ เหลวในการผลิต โดยมวี ธิ ีการคำนวณ ดังน้ี ตน้ ทุนทั้งหมด = ตน้ ทุนคงที่ + ต้นทุนผนั แปร ต้นทนุ คงท่ี = คา่ ใช้ท่ดี นิ หรอื คา่ เช่าทด่ี นิ + คา่ เสอ่ื มราคาอุปกรณ์การเกษตร ต้นทนุ ผนั แปร = ค่าแรงงาน + ค่าวัสดอุ ปุ กรณก์ ารเกษตร รายไดท้ ั้งหมด = ผลผลติ ท้ังหมด x ราคาทเี่ กษตรกรไดร้ บั รายไดส้ ุทธิ = รายไดท้ ้ังหมด - ตน้ ทุนผนั แปร กำไร = รายได้ทัง้ หมด - ต้นทนุ ท้ังหมด 2) กรอบแนวคิด Demand และ Supply แนวคิดการทำบญั ชสี มดุลสนิ ค้าเกษตรมีความใกล้เคียงกับการทำบัญชีสมดลุ ทางการเงนิ ท่ัวไปท่ี เรารู้จักกัน ในขณะที่บัญชีสมดุลทางการเงินเป็นการทำข้อมูลเก่ียวกับ “รายรับและผลประโยชน์” เท่ากับ “รายจ่ายและการเสียผลประโยชน์” หรือ “กำไร” เท่ากับ “ขาดทุน” ซึ่งเปน็ การลงข้อมูลเป็นมูลค่าของเงินท่ี เกิดขึ้น บัญชีสมดุลสินค้าเกษตรเป็นการบันทึกปริมาณของสินค้าเกษตร และสามาร ถจัดทำได้ท้ังใน ระดบั ประเทศและระดบั จงั หวดั ด้านการบนั ทึกขอ้ มูลสามารถจัดทำเป็นได้ทง้ั รายปแี ละรายเดอื น บัญชีสมดุลสินค้าเกษตรนั้นมีองค์ประกอบ 2 ด้าน คือ ด้านอุปทาน (Supply) และด้านการ นำไปใช้ประโยชน์ (Utilization) และตอ้ งทำให้ตัวเลขท้งั 2 ดา้ นนี้ให้สมดลุ หรอื เท่ากัน (1) อปุ ทาน (Supply) = (2) การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization) โดยที่ ด้านอุปทาน เป็นผลรวมของ (1) สต็อกต้นปีหรือสต็อกที่ยกมาจากสต็อกปลายปีของปีท่ีแล้ว (2) การ ผลิตสินค้าเกษตรในช่วงระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปีการตลาด และ (3) การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ในช่วงระยะเวลา 12 เดอื น หรอื 1 ปกี ารตลาด ดงั สมการตอ่ ไปน้ี (1) อุปทาน = สต็อกต้นปี + ปรมิ าณการผลติ + การนำเขา้ สินค้า และ ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ เป็นผลรวมของ (1) การใช้ภายในประเทศ เช่น การบริโภค ช่วงระยะเวลา 12 เดอื น หรอื 1 ปีการตลาด (2) การสง่ ออกสินคา้ จากต่างประเทศในช่วงระยะเวลา 12 เดอื น หรือ 1 ปีการตลาด และ (3) ปริมาณสต็อกสินค้าเกษตรท่ียังเหลืออยู่ ณ ช่วงเดือนสุดท้ายของปีการตลาด อาจเรียกว่า สต็อก ปลายปีหรือปลายงวด และจะถกู ยกยอดไปเป็นสต็อกต้นปขี องปตี ่อไป สามารถเขยี นสมการได้ดงั นี้
5 (2) การนำไปใชป้ ระโยชน์ = การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสนิ ค้า + สต็อกปลายปี โครงสร้างบัญชีสมดุลสินค้าเกษตรนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง แม้จะมีองค์ประกอบหลัก เหมือนกัน แต่องค์ประกอบย่อยนั้นอาจมีความแตกต่างกันไปตามสินค้าเกษตรแต่ละชนิด ซ่ึงข้ึนอยู่กับ โครงสร้าง ห่วงโซอ่ ุปทานของสินค้าเกษตรนนั้ ๆ อย่างไรกต็ าม จะต้องมี 1 องค์ประกอบที่ทำหน้าท่ีเป็นตัวเศษ เหลือ (Residual) และตวั แปรท่ีมักมีการใช้เป็น Residual ในการทำบัญชีสมดุลสินค้าเกษตร คือ สต็อกปลายปี หรือสต็อกปลายงวด เนื่องจาก โดยปกติแล้วจะเป็นองค์ประกอบท่ีไม่มีข้อมูลตวั เลขที่ดี ถูกต้อง หรือน่าเชือ่ ถือ ในการนำมาใช้ อุปทาน = สต็อกตน้ ปี + ปริมาณการผลติ + การนำเข้าสนิ ค้า การนำไปใช้ประโยชน์ = การใชภ้ ายในประเทศ + การสง่ ออกสนิ ค้า + สต็อกปลายปี สตอ็ กตน้ ปี + ปรมิ าณการผลิต + การนำเข้าสนิ ค้า = การใช้ภายในประเทศ + การสง่ ออกสินค้า + สต็อกปลายปี ดงั นนั้ สต็อกปลายปี = (สต็อกต้นปี + ปริมาณการผลิต+ การนำเข้าสินค้า) – (การใช้ภายในประเทศ+ การส่งออกสินค้า) แต่วิธีการดงั กลา่ วน้ี ควรมีขอ้ มูลหรือการประมาณการสต็อกต้นปีทดี่ ี มีหลักการและมีความน่าเชือ่ ถือ สำหรับข้อมูลในอดีต ถ้าหากไม่มีตัวเลขดังกล่าว ผู้จัดทำสามารถประมาณการการเปล่ียนแปลงทางสต็อก (Stock changes) ได้ดังสมการต่อไปน้ี สต็อกตน้ ปี +ปริมาณการผลติ +การนำเข้าสินคา้ =การใชภ้ ายในประเทศ +การสง่ ออกสนิ คา้ +สตอ็ กปลายปี (สตอ็ กปลายปี – สต็อกต้นปี) = (ปรมิ าณการผลิต + การนำเขา้ สนิ ค้า) – (การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสนิ คา้ ) ปรมิ าณสตอ็ กทเี่ ปลย่ี นแปลงไป =(ปรมิ าณการผลติ +การนำเข้าสนิ คา้ ) – (การใชภ้ ายในประเทศ +การสง่ ออกสินค้า) 1.5 ประโยชนท์ ค่ี าดจะได้รบั การจดั ทำแนวทางพฒั นาการบริหารจัดการการผลติ สนิ ค้าเกษตร จะก่อใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อกลุ่มบคุ คล ต่าง ๆ ดังน้ี 1.5.1 เกษตรกร 1) สามารถทราบถงึ ศักยภาพของพ้นื ท่ใี นการผลติ ของตัวเองใหช้ ัดเจน 2) เปน็ เครื่องมอื ช่วยในการตดั สนิ ใจเลอื กผลิตสนิ ค้าเกษตรไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 3) สามารถลดตน้ ทุนการผลติ มีรายได้เพิม่ ขึ้น ลดความเสยี่ งในเรือ่ งการตลาด 4) สามารถขอความสนับสนุนได้ตรงกับความต้องการ 1.5.2 ผู้ประกอบการ มีความมงั่ คงในธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เนื่องจากมีความมั่นใจถึง ปรมิ าณของผลติ ที่สม่ำเสมอ ทำให้สามารถตัดสินใจในเร่ืองการลงทุนและการวางแผนด้านการตลาดไดช้ ัดเจนขึ้น 1.5.3 ผู้บริโภค ได้รับประโยชน์จาการผลผลิตด้านการเกษตรที่มีคุณภาพข้ึน มีความแน่นอนในเร่ือง ของราคา ปรมิ าณ และระยะเวลาของสนิ ค้าเกษตรทอี่ อกสูต่ ลาด 1.5.4 ภาครัฐ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวางแผนการผลิต ให้เกิดดุลยภาพท้ัง อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) เพิ่มขีดความสามารถของรัฐในการสนับสนุน ส่งเสริมในเรื่องต่าง ๆ เนอ่ื งจากมเี ป้าหมายทชี่ ดั เจนและแนน่ อน ส่งผลใหร้ ะบบการผลติ มเี สถยี รภาพ และสามารถแข่งขันได้
7 บทท่ี 2 สภาพทัว่ ไป 2.1 สภาพท่วั ไปของจงั หวัด 2.1.1 สภาพทัว่ ไปของจงั หวัดนครนายก นครนายกเป็นจังหวัดในภาคกลางสนั นิษฐานว่าเคยเป็นเมอื งสมยั ทวาราวดีมีหลักฐานแนวกำแพงเนิน ดินและสันคูอยู่ที่ตำบลดงละครแต่นครนายกน้ันปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาเป็นเมืองหน้าด่าน ทางทิศ ตะวันออกในสมัยพระเจ้าอู่ทองในปี พ.ศ.2437 รัชกาลท่ี 5 ทรงจัดลักษณะการปกครองโดยแบ่งเป็น มณฑล นครนายกได้เข้าไปอยใู่ นเขตมณฑลปราจนี บรุ จี นเมื่อ พ.ศ.2445 ทรงเลิกธรรมเนียมการมีเจ้าครองเมอื ง และให้ มีตำแหนง่ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั ข้นึ แทนและในชว่ งพ.ศ.2486-2489 นครนายกไดโ้ อนไปรวมกบั จังหวัดปราจีนบรุ ี และสระบรุ ีหลังจากนนั้ จึงแยกเปน็ จังหวัดอสิ ระ จงั หวดั นครนายกเดิมชื่อบา้ นนา เล่ากนั วา่ ในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา ดนิ แดนของนครนายกเปน็ ปา่ รกชัฏ เป็นที่ดอนทำนาหรอื ทำการเพาะปลูกอะไรไมค่ ่อยได้ผล มีไขป้ ่าชกุ ชุมผู้คน จงึ พากนั อพยพไปอยทู่ ี่อื่น จนกลายเปน็ เมอื งร้าง ต่อมาพระมหากษตั ริย์ทรงทราบความเดือดร้อนของชาวเมอื ง จึงโปรดให้ยกเลิกภาษีค่านา เพ่ือจูงใจให้ชาวเมืองอยู่ท่ีเดิมทำให้มีผู้คนอพยพมาอยู่เพิ่มมากข้ึนจนเป็นชุมชน ใหญ่ และเรียกเมืองน้ีจนตดิ ปากว่าเมืองนา-ยกภายหลังจึงกลายเป็นนครนายกจนทุกวนั น้ี 2.1.2 ท่ตี ้ังและอาณาเขตจังหวดั นครนายก จงั หวัดนครนายกมีเน้ือที่ประมาณ 2,122 ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ 1,326,250 ไร่ ตั้งอยทู่ าง ทิศตะวันออกของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้งที่ 14 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 องศาตะวันออก มรี ะยะทางจากกรงุ เทพมหานครตามถนนทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 305 (รังสิต-นครนายก) เลียบคลองรังสิต ผา่ นอำเภอองครักษ์ ถึงจังหวดั นครนายก ระยะทาง 105 กโิ ลเมตร ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมปิ ระมาณ 105 กิโลเมตร ท่าอากาศยานดอนเมือง 82 กิโลเมตร ท่าเทียบเรือคลองเตย 120 กิโลเมตรท่าเทียบเรือ แหลมฉบัง 163 กโิ ลเมตร อาณาเขต จงั หวัดนครนายกมีอาณาเขตตดิ ต่อกับจังหวดั ใกลเ้ คยี ง ดงั น้ี ทิศเหนือ ติดตอ่ กับจังหวดั สระบุรแี ละจังหวัดนครราชสมี า ทศิ ตะวันออก ติดตอ่ กับจังหวัดนครราชสมี า และจงั หวดั ปราจีนบุรี ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกับจังหวดั ฉะเชงิ เทรา และจังหวดั ปราจนี บุรี ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กบั จงั หวัดปทุมธานี
8 ภาพท่ี 2.1 แผนที่เขตการปกครองจังหวดั นครนายก ที่มา : เขตการปกครองจงั หวดั นครนายก 2.1.3 ลักษณะภมู ิประเทศ สภาพโดยท่ัวไปเป็นท่ีราบ ทางตอนเหนือและตะวันออกเป็นภูเขาสูงชันในเขตอำเภอบ้านนา อำเภอ เมือง-นครนายกและอำเภอปากพลี ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับอีก 3 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี นครราชสีมาและปราจีนบุรี ซง่ึ มีเทือกเขาติดต่อกบั เทือกเขาดงพญาเย็น มียอดเขาสูง ทสี่ ุดของจังหวดั คอื ยอดเขาเขยี วมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,351 เมตร สว่ นทางตอนกลางและตอนใต้เป็น ที่ราบ อันกว้างใหญ่เปน็ ส่วนหน่ึงของที่ราบสามเหล่ียมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาท่ีเรียกวา่ “ท่ีราบกรุงเทพ” ลกั ษณะ ดินเปน็ ดินปนทรายและดินเหนยี วเหมาะแกก่ ารทำนา ทำสวนผลไม้ และการอยู่อาศยั 2.1.4 ลักษณะภูมิอากาศ 1) ลักษณะภมู ิอากาศจังหวัดนครนายก จังหวัดนครนายก อยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมท่ีพัดปกคลุมประเทศไทย 2 ชนิด มรสุมภาค ตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลมุ ต้ังแต่ประมาณกลางเดอื นตุลาคมถงึ กลางเดือนกุมภาพันธ์ ลมน้ีพัดพาความ หนาวเย็นจากประเทศจีนเข้ามาสู่ประเทศไทยในชว่ งฤดูหนาว ทำให้จังหวัดนครนายกประสบกับภาวะอากาศ หนาวเยน็ และแห้งแล้งส่วนมรสุมอกี ชนิดหน่ึงคือมรสุมตะวนั ออกเฉียงใต้ ซึ่งพัดปกคลุมในช่วงฤดูฝนประมาณ กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ซ่ึงพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่และเป็นลมท่ีพัดผ่าน ทะเลนำความช้ืนและไอน้ำเข้าสู่จังหวัด ทำให้อากาศชุ่มช้ืนและมีฝนตกโดยทั่วไป ในฤดูร้อนมีอุณหภูมิสูง ประมาณ 39 -41 องศาเซลเซียส โดยฤดูร้อน เร่ิมตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์และสิ้นสุดประมาณกลางเดือน พฤษภาคม ระยะนี้จะมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยท่ัวไป โดยเฉพาะเดือนเมษายนเป็นเดือนท่ีมีอากาศร้อนอบอ้าว มากที่สุดในรอบปี อณุ หภูมิสูงสุดวัดได้ 39 – 41 องศาเซลเซยี ส ฤดูฝน เร่ิมประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึง กลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงท่ีสรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ซึ่งจะนำความช้ืนจากทะเล
9 อนั ดามันพัดผ่านอ่าวไทยเข้าสู่ภาคตะวันออก ทำให้อากาศจะชุ่มช้ืนและมีฝนตกชุกทั่วไป ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,800 มิลลิเมตร ฤดูหนาว เร่ิมตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซ่ึง เป็นช่วงของมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือ และบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่มีคุณสมบัติเย็นและแห้งจะแผ่ลงมา ปกคลมุ ประเทศไทยในชว่ งน้ี แตใ่ นบางปฤี ดหู นาวของจังหวดั นครนายกอาจล่าช้าไปบา้ ง ทั้งนีข้ ้ึนอยกู่ บั อทิ ธิพล ของความกดอากาศสงู จากประเทศจนี ซงึ่ แผป่ กคลมุ ประเทศไทย ถ้าความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผล่ งมา ช้า อากาศก็จะหนาวเย็นช้า ฤดหู นาวของจังหวดั น้อี าจจะเรมิ่ ในราวเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป อณุ หภูมติ ่ำสุด เฉลย่ี ประมาณ 23.8 องศาเซลเซียส 2) ปริมาณนำ้ ฝน ในช่วงระหวา่ งปี 2559 – 2561 จงั หวดั นครนายกมปี ริมาณนำ้ ฝนอย่ใู นช่วง 1,700 – 2,200 ม.ม. มี ปรมิ าณน้ำฝนเฉลย่ี 1,971.5 ม.ม./ปี และปรมิ าณนำ้ ฝนเฉลยี่ 164.9 ม.ม./เดอื น ตารางท่ี 2.1 ปริมาณน้ำฝนและจำนวนวันทฝ่ี นตกในจังหวัดนครนายก ปี 2559 - 2561 ปี พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 1,720.6 ปริมาณน้ำฝน (มิลลิเมตร) 2,268.1 1,925.8 146 จำนวนวันที่ฝนตก (วนั ) 117 142 ที่มา : แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดนครนายก พ.ศ. 2561 – 2565 ฉบับทบทวนปี 2562 2.1.5 ข้อมูลดา้ นการปกครองและประชากร 1) การแบง่ เขตการปกครอง จังหวัดนครนายก แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ 41 ตำบล 408 หมู่บ้าน 1 องค์การบริหาร สว่ นจังหวัด 1 เทศบาลเมือง (เทศบาลเมืองนครนายก) 5 เทศบาลตำบล (เทศบาลตำบลท่าช้าง เทศบาลตำบล บ้านนา เทศบาลตำบลองครักษ์ เทศบาลตำบลเกาะหวาย เทศบาลตำบลพิกุลออก) และ 39 องค์การบริหาร สว่ นตำบล มโี ครงสรา้ งการบริหารราชการส่วนภมู ภิ าค สว่ นกลาง และส่วนทอ้ งถิน่ ดังน้ี อำเภอเมอื งนครนายก จำนวน 13 ตำบล ประกอบดว้ ย ตำบลนครนายก ตำบลทา่ ช้าง ตำบล บ้านใหญ่ ตำบลวังกระโจม ตำบลท่าทราย ตำบลดอนยอ ตำบลศรีจุฬา ตำบลดงละคร ตำบลศรีนาวา ตำบล สารกิ า ตำบลหินตง้ั ตำบลเขาพระ ตำบลพรหมณี อำเภอปากพลี จำนวน 7 ตำบล ประกอบดว้ ย ตำบลปากพลี ตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธ์ิ ตำบลโคกกรวด ตำบลท่าเรอื ตำบลหนองแสง ตำบลนาหินลาด อำเภอบ้านนา จำนวน 10 ตำบล ประกอบดว้ ย ตำบลบา้ นนา ตำบลบา้ นพรา้ ว ตำบลบ้านพริก ตำบลอาษา ตำบลทองหลาง ตำบลบางอ้อ ตำบลพิกลุ ออก ตำบลปา่ ขะ ตำบลเขาเพมิ่ ตำบลศรีกะอาง อำเภอองครักษ์ จำนวน 11 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลองครักษ์ ตำบลพระอาจารย์ ตำบล บึงศาล ตำบลศรีษะกระบือ ตำบลโพธ์ิแทน ตำบลบางสมบูรณ์ ตำบลทรายมูล ตำบลบางปลากด ตำบล บางลกู เสอื ตำบลชุมพล ตำบลคลองใหญ่ (ทมี่ า : แผนพัฒนาจังหวดั นครนายก 4 ปี (พ.ศ.2561 – 2564)
10 2) ประชากร จังหวัดนครนายกมีประชากรจำนวน 258,157 คน (ข้อมูล ณ เดือน มิถุนายน 2559) แยกเป็น ชาย 127,795 คน หญงิ 130,362 คน จำนวน 93,501 หลงั คาเรอื น แยกเป็นรายอำเภอ ดงั น้ี ตารางท่ี 2.2 จำนวนประชากรจังหวัดนครนายก ปี 2559 จังหวัดนครนายก ชาย (คน) หญิง (คน) รวม (คน) จำนวนบ้าน (หลังคาเรอื น) อำเภอเมอื งนครนายก 42,477 41,879 84,356 30,796 อำเภอปากพลี 11,114 11,581 22,695 7,798 อำเภอบา้ นนา 31,703 32,005 63,708 22,120 อำเภอองครกั ษ์ 29,735 30,673 60,408 20,082 เทศบาลตำบลองครกั ษ์ 1,299 1,398 2,697 1,261 เทศบาลตำบลบา้ นนา 2,477 2,813 5,290 2,330 เทศบาลตำบลเกาะหวาย 901 1,019 1,920 728 เทศบาลตำบลทา่ ช้าง 509 541 1,050 321 เทศบาลเมืองนครนายก 7,580 8,453 16,033 8,065 ที่มา : แผนพฒั นาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครนายก พ.ศ. 2561 – 2565 ฉบบั ทบทวนปี 2562 ความหนาแน่นของประชากรจงั หวัดนครนายก ความหนาแนน่ ของประชากร เขตชมุ ชนเมือง (เขตเทศบาล) ประมาณ 1,328 คน/ตร.กม. ความหนาแนน่ ของประชากร นอกเขตชมุ ชนเมอื ง (ตำบล หมบู่ า้ น นอกเขตเทศบาล) ประมาณ 98 คน/ตร.กม. ประชากรมอี ัตราการเพ่ิมประมาณร้อยละ 0.18 ตอ่ ปี เม่อื เทยี บ โครงสรา้ งประชากรต้งั แตป่ ี 2551-2559 พบว่าสัดสว่ นผหู้ ญงิ มากกว่าผชู้ าย และจำนวนประชากรของจังหวดั นครนายกมกี ารเปลี่ยนแปลงเพมิ่ ขน้ึ ตอ่ เนื่องทกุ ปี
11 ตารางท่ี 2.3 เปรียบเทยี บโครงสรา้ งประชากรตั้งแตป่ ี พ.ศ.2551 - 2559 ท่ี ปี พ.ศ. ชาย จำนวนราษฎร (คน) หญงิ รวม การเปล่ียนแปลงประชากร 1 2551 124,013 126,740 250,753 - 2 2552 124,542 127,141 251,683 เพมิ่ ขน้ึ 930 คน 3 2553 125,113 127,621 252,734 เพิ่มขนึ้ 1,051 คน 4 2554 125,631 128,200 253,831 เพ่มิ ข้นึ 1,097 คน 5 2555 126,351 128,826 255,174 เพิ่มขน้ึ 1,343 คน 6 2556 126,466 129,102 255,568 เพม่ิ ขน้ึ 394 คน 7 2557 127,473 129,752 257,225 เพ่ิมขึ้น 1,657 คน 8 2558 127,314 130,147 257,461 เพ่ิมขน้ึ 236 คน 9 2559 127,795 130,362 258,157 เพิม่ ขึ้น 696 คน ที่มา : แผนพฒั นาการเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั นครนายก พ.ศ. 2561 – 2565 ฉบับทบทวนปี 2562 2.1.6 ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมจงั หวดั นครนายก เศรษฐกิจจังหวัดนครนายก ปี พ.ศ. 2560 จังหวัดนครนายกมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ณ ราคา ประจำปี Gross Provincial Product (GPP) จำนวน 26,836 ล้านบาท เพิ่มข้ึนจาก ปี พ.ศ. 2559 จำนวน 25,394 ล้านบาท หรือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 5.68 และเพ่ิมขึ้นจาก ปี พ.ศ. 2548 จำนวน 13,303 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.73 และในปี พ.ศ. 2560 จังหวัดนครนายกมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร ณ ราคา ประจำปี จำนวน 5,832 ลา้ นบาท เพิม่ ข้นึ จากปี พ.ศ.2559 จำนวน 5,108 ล้านบาท หรอื เพิ่มข้นึ รอ้ ยละ 14.17 และเพม่ิ ขนึ้ จาก ปี พ.ศ. 2548 จำนวน 3,493 ลา้ นบาท หรือเพ่ิมขึ้นรอ้ ยละ 66.96 สำหรับรายไดต้ ่อหวั (GDP per capita) ปี พ.ศ. 2560 จังหวดั นครนายกมรี ายไดต้ ่อคน 96,589 บาท/ คน/ปี เพิ่มข้ึนจากปี พ.ศ. 2559 จำนวน 92,868 บาท/คน/ปี หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 4 และเพิ่มข้ึนจาก ปี พ.ศ. 2548 จำนวน 53,679 บาท/คน/ปี หรือเพิม่ ขึ้นรอ้ ยละ 79.94 ซ่งึ โครงสร้างเศรษฐกจิ หลักของจังหวดั 3 อนั ดับ แรก ได้แก่ อันดับท่ี 1 สาขาอุตสาหกรรม (การผลิต) ร้อยละ 19.8 อันดับท่ี 2 สาขาเกษตรกรรมฯ ร้อยละ 19.3 อันดบั ที่ 3 สาขาบรหิ ารราชการฯ รอ้ ยละ 10.2
12 ผลติ ภัณฑ์มวลรวมจงั หวัด-ภาคเกษตร-รายไดต้ อ่ หวั จังหวดั นครนายก ปี 2548 - 2560 30,000 120,000 25,000 100,000 20,000 80,000 15,000 60,000 10,000 40,000 5,000 20,000 00 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 ผลิตภณั ฑ์ มวลรวมจังหวดั (ล้านบาท) มลู ค่า GPP ภาคเกษตร (ลา้ นบาท) รายได้ ต่อคน (บาท/คน) ภาพที่ 2.2 ผลิตภัณฑม์ วลรวมจังหวัด-ภาคเกษตร-รายไดต้ อ่ หัว จงั หวดั นครนายก ปี 2548 - 2560 ทม่ี า : สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ 2.1.7 ขอ้ มูลดา้ นอุตสาหกรรม อตุ สาหกรรมนบั ว่ามีศกั ยภาพข้างสูง มีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนมากมีการเคลื่อนยา้ ยฐาน การผลิต จากกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกลเ้ คียงมาลงทนุ ต้ังโรงงานอุตสาหกรรมในเขตจงั หวัดนครนายก สภาวะของ อุตสาหกรรมในจังหวดั นครนายก ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีโรงงานท่ีได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน จำนวน 299 โรงงาน เงินลงทุนรวม 7,193,513,000 บาท มีการจ้างงาน 7,257 คน โดยแยกเป็นชาย 4,007 คน หญิง 3,246 คน กำลังเครอ่ื งจกั รรวมทั้งสน้ิ 153,679 แรงม้า โดยอำเภอเมือง มีจำนวนโรงงาน 118 โรงงาน อำเภอ ปากพลี มีจำนวนโรงงาน 18 โรงงาน อำเภอบ้านนา มีจำนวนโรงงาน 92 โรงงาน อำเภอองครักษ์ มีจำนวน โรงงาน 71 โรงงาน จำนวนโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับอุตสาหกรรมท่ีมีความสำคัญหรือผู้ประกอบการให้ความสนใจใน การมาประกอบกิจการโรงงานในจงั หวัดนครนายก พจิ ารณาจากสดั สว่ นหมวดอุตสาหกรรมในปี 2560 จะเห็น ได้ว่า 5 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร ร้อยละ 18.33 แปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ร้อยละ 15.67 ผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์รวมท้ังการซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์ ร้อยละ 12.67 อุตสาหกรรมอโลหะ ร้อยละ 9.33 และการผลิตอ่ืน ๆ ร้อยละ 6.33 ตามลำดับ โดยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละของจำนวนโรงงาน อุตสาหกรรมทั้งหมดในปี 2560
13 2.1.8 ข้อมลู ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม 1) ปา่ ไม้ ทรัพยากรป่าไม้ ในปี 2560 จังหวดั นครนายกมีพ้นื ทปี่ ่าไมต้ ามกฎหมายทั้งหมด 401,820.99 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 30.02 ของพ้ืนท่ีของจังหวัดนครนายก (1,326,250 ไร่ หรือ 2,122 ตารางกิโลเมตร การ เปล่ียนแปลงพ้ืนที่ในป่าในปี 2559-2560 (ปี 2559 มีพื้นท่ีป่า 400,381.03 ไร่) มพี ้ืนท่ีปา่ เพ่ิมขึ้น 1439.96 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 0.36 จากหนังสือข้อมูลสถิติกรมป่าไม้ ปี พ.ศ.2554 (ข้อมูลล่าสุดท่ีได้จากการแปลจากภาพถ่าย ดาวเทียม Landsat 5 TW พ.ศ.2551-2552 มาตรส่วน 1 : 50,000) คงเหลอื พน้ื ท่ปี า่ จำนวน 399,975 ไร่ หรือ 639.96 ตารางกิโลเมตร คิดเปน็ รอ้ ยละ 30.16 ของพ้ืนที่ท้งั หมดของจังหวดั ซึ่งถกู บุกรุกไปจำนวน 24,206 ไร่ หรือ 33.96 ตารางกิโลเมตร เฉล่ียปีละประมาณ 2,200 ไร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพ้ืนท่ีป่าไม้ถาวร และในพื้นที่ท่ีมี พระราชกฤษฎกี ากำหนดให้ใชป้ ระโยชน์ในราชการทหาร เน่ืองจากจังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดท่ีส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงนิเวศ โดยพึ่งพาอาศัย ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำตก ภเู ขา และป่าไม้ โดยมีอทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นศูนย์กลาง ปัญหาการบกุ รุก พื้นที่ป่าไม้ยังคงมีอยู่ในพ้ืนท่ีป่าไม้ในพื้นที่ตะเข็บรอยต่อของแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นอกจากน้ีมี ปัญหาเรอ่ื งการลักลอกเข้าไปเกบ็ หาของป่า เช่น ไม้กฤษณา กล้วยไม้ เป็นตน้ แตไ่ มร่ ุนแรงมากนัก ส่วนพื้นที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 มีปัญหาในการเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ แทบทุกพ้ืนที่ โดยเฉพาะป่าไม้ถาวรเป็นพื้นท่ีป่าไม้ตามมติ ค.ร.ม. กำหนดให้เป็นพ้ืนที่ป่าไม้ของชาติ เหตุผล สำคัญเนื่องจากแนวเขตที่กำหนดไว้ไม่ชัดเจน ไม่มีรั้วหรือหลักเขต ประชาชนทั่วไปไม่สามารถรู้ได้ว่าแนวเขต ดังกล่าวเร่ิมตน้ ทีไ่ หน อย่างไร และสาเหตุมาจากความต้องทดี่ นิ ทำกนิ ของประชาชนโดยรอู้ ยู่แล้วว่าเป็นพ้นื ทปี่ ่า (ไม่มีเอกสทิ ธ์)ิ สำหรับพน้ื ที่ปา่ ไม้ในเขตท่ีมีพระราชกฤษฎีกากำหนดใหใ้ ช้ประโยชนใ์ นราชการทหารน้ัน มีการ บุกรุก ครอบครัวเข้าไปทำประโยชน์มาก ไม่เฉพาะแต่พ้ืนที่ราบเท่านั้น ยังมีการบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์ใน พื้นที่บริเวณลาดเขา และเขาสูง สาเหตุประการสำคัญเน่ืองจากขาดการดูแลรกั ษาจากหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ โดยตรงพื้นท่ีป่าไม้ในจังหวัดนครนายก มีทั้งพ้ืนท่ีป่าที่เป็นผืนใหญ่ ความอุดมสมบรูณ์ของทัพยากรและป่าไม้ และสัตวป์ า่ อยู่ในเขตอทุ ยานแห่งชาตเิ ขาใหญ่ และพื้นทต่ี ามภเู ขาทม่ี คี วามลาดชนั ค่อนขา้ งสูง ดงั นี้ - ปา่ ไมใ้ นเขตอุทยานแหง่ ชาติเขาใหญ่ จำนวน 340,575 ไร่ 544.92 ตารางกโิ ลเมตร - ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ 23 มีนาคม 2508 และวันที่ 28 ธันวาคม 2536 จำนวน 17,710 ไร่ หรอื 28.336 ตารางกโิ ลเมตร - ป่าไมต้ ามพระบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 (พื้นท่ีป่าตามภเู ขาที่มีความลาดชัน้ ค่อนข้าง สงู ) จำนวน 10,97 ไร่ หรอื 17.562 ตารางกิโลเมตร - ป่าบริเวณเขาชะโงกในราชการกระทรวงกลาโหม จำนวน 51,921 ไร่ หรือ 83.074 ตาราง กิโลเมตร
14 ส่วนปัญหาพื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดนครนายก พบว่ามีสภาพป่าเสื่อมโทรม ความหลากหลายทาง ชวี ภิ าพลดลง สืบเนื่องมาจากมีการบกุ รกุ ป่าแผ้วถางปา่ และเกดิ ปญั หาไฟป่า 2) แหลง่ น้ำ พ้ืนทีช่ ลประทานจงั หวดั นครนายก จำนวน 418,435 ไร่ คิดเป็นรอ้ ยละ 67 แหล่งน้ำสำคัญในเขตจงั หวัดนครนายกมีเขตล่มุ นำ้ สำคัญอยูส่ ามแห่งคือ ลุ่มน้ำนครนายก ลมุ่ น้ำ คลองบ้านนา ลุ่มน้ำคลองยาง ลำคลองที่สำคัญ มีอยู่หลายสายด้วยกนั ได้แก่ คลองท่าด่าน คลองมะเดื่อ คลอง พรหมณี คลองวงั ไทร ห้วยนางรอง ห้วยสมพุงใหญ่ หว้ ยสารกิ า และคลองทา่ แดง โครงการเขื่อนคลองท่าด่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เขื่อนคลองท่าด่านหรือ เข่ือนขุนด่าน ปราการชล ความสูงของเขื่อนสูงสุด 95 เมตร ยาว 2,600 เมตร สันเขื่อนสูง 114 เมตร จากระดับน้ำทะเล กวา้ ง 6.0 เมตร ระดับใช้การ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร พ้นื ที่รบั น้ำฝน 184 ตารางกโิ ลเมตร โครงการเข่ือนคลองมะเดื่อ ต้ังอยู่ท่ีบ้านคลองมะเดื่อ ตำบลสาริกา อำเภอเมือง ฯ ความสูง 91 เมตร ยาว 736 เมตร สันเข่ือนกว้าง 6 เมตร มีพื้นท่ีรับน้ำฝน ประมาณ 62 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำที่ไหล เข้าอ่างเฉล่ีย 108 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุอ่างที่ระดับกักเก็บน้ำปกติ 94 ล้านลูกบาศก์เมตร พ้ืนท่ีอ่าง 1,600 ไร่ ในระยะยาวมีนำ้ ตน้ ทนุ ชว่ ยเหลอื ราษฎรในการเกษตรพนื้ ที่ชลประทานได้ 98,000 ไร่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ราบเชิงเขา เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก และขนาดกลางแถบที่ราบเชิงเขาประกอบ ด้วยงานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 5 แห่ง คอื - อ่างเก็บน้ำคลองสีเสียด อยู่ในตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี เป็นเข่ือนดินสูง 23 เมตร ยาว 145 เมตร ความจุ 1.3 ลา้ นลูกบาศก์เมตร สง่ น้ำพ้ืนทีก่ ารเกษตร 3,000 ไร่ - อ่างเก็บน้ำคลองวังบอน (คลองยาว) อยู่ในตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี เป็นเข่ือนดินสูง 18 เมตร ยาว 450 เมตร มีความจุ 6.9 ล้านลกู บาศก์เมตร - อา่ งเกบ็ นำ้ บา้ นวังมว่ ง อย่ใู นตำบลนาหนิ ลาด อำเภอปากพลี เปน็ เข่อื นดินสูง 24.50 เมตรยาว 245 เมตร มคี วามจุ 0.8 ล้านลูกบาศก์เมตร - อา่ งเกบ็ น้ำคลองหว้ ยกระบอก อยู่ในตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี เปน็ เข่ือนดิน สูง 12.50 เมตร ยาว 250 เมตร มีความจุ 0.51 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถสง่ นำ้ ชว่ ยเหลอื พ้ืนทไ่ี ด้ประมาณ 1,000 ไร่ - อ่างเก็บน้ำคลองกลาง อยู่ในตำบลหินลาด อำเภอปากพลี เป็นเข่ือนดิน สูง 36.10 เมตร ยาว 380 เมตร มีความจุ 3.1 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพนื้ ทไ่ี ดป้ ระมาณ 3,200 ไร่ น้ำบาดาลในจังหวัดนครนายก ในปี พ.ศ. 2558 มีการขออนุญาตเจาะและใช้บอ่ บาดาล จำนวน 232 บ่อ และในปี พ.ศ. 2559 (ข้อมูล ณ เดือน มิถนุ ายน พ.ศ. 2559) มีการขออนุญาตเจาะและใช้บ่อบาดาล จำนวน 63 บ่อ เพ่ือใช้ประโยชน์เพ่ือการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม อุปโภค-บริโภค โดยส่วนใหญ่มีคุณภาพ เพ่อื การอปุ โภคบริโภคไดต้ ามมาตรฐานน้ำบาดาล
15 3) ทรัพยากรดินและการใช้ท่ดี นิ จากการสำรวจท่ีดิน ของกองสำรวจดิน กรมพัฒนาที่ดิน พ.ศ. 2522 ได้จำแนกดินภายใน จังหวัดนครนายกไว้ท้ังหมด 28 ชุดดิน และจากการศึกษาข้อมูลของชุดดินเหล่าน้ี สามารถ วิเคราะห์ลักษณะ และคุณสมบตั ขิ องทรัพยากรดนิ นครนายกเป็น 5 กลมุ่ คือ 3.1) ดินท่ีเกิดจากตะกอนลำน้ำใหม่ (Recent alluvium) บริเวณนี้เป็นท่ีราบน้ำท่วมถึง (Flood plain) ปรากฏให้เห็นตามสันดินริมน้ำ และบริเวณแอ่งริมน้ำของแม่น้ำนครนายก และคลองบ้านนา ดินที่เกิดบนสันดินริมน้ำ มีเนื้อดินเป็นดินร่วนหรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง เป็นดินลึก มีการระบายน้ำดี ความอดุ มสมบูรณ์ปานกลาง ดนิ ที่เกิดบริเวณแอ่งรมิ นำ้ มเี น้ือดินเป็นดินเหนยี ว เปน็ ดนิ ลกึ มีการระบายน้ำเลว ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง ดินที่เกิดจากตะกอนลำน้ำใหม่มีเนื้อที่ประมาณ 32,360 ไร่ หรือปริมาณร้อยละ 2.44 ของพ้นื ทจี่ ังหวดั 3.2) ดินท่ีเกดิ จากการทับถมของตะกอนนำ้ กรอ่ ย (Brackish water deposits) ในบริเวณที่ ราบน้ำท่วมถึงในอดตี (Former tidal flat) ปรากฏให้เห็นอยา่ งกว้างขวางในทล่ี ุ่มตำ่ ตอนใตข้ องจังหวัด บรเิ วณ อำเภอองครกั ษ์ ตอนใตข้ องอำเภอเมืองฯ และอำเภอปากพลี เนื้อดินเปน็ ดินเหนยี ว เปน็ ดินลึก มกี ารระบายน้ำ เลว ความอุดมสมบูรณ์ตำ่ ปฏิกิริยาของดินเป็นกรดจัด (ดินเปรี้ยว) บริเวณน้มี พี ื้นท่ีประมาณ 604,171 ไร่ หรือ คิดเป็นรอ้ ยละ 45.55 ของพืน้ ท่จี ังหวดั 3.3) ดินท่ีเกิดจากตะกอนลำน้ำค่อนข้างใหม่และตะกอนลำน้ำเก่า (Semi–recent alluvium) พบเป็นแนวกว้างทางตอนกลางของจังหวัดขึ้นไปจรดเทือกเขาทางตอนเหนือ สภาพพื้นท่ีเป็นที่ลุ่ม ดอน ซ่ึงสว่ นใหญ่เปน็ ลานตะพักระดบั ตำ่ เนื้อดินบนเป็นดินทรายหรือทรายแป้ง ดินล่างเปน็ ดินเหนียว เป็นดิน ลกึ มีการระบายน้ำเลว ความอุดมสมบูรณต์ ่ำ มีพ้นื ท่ีปริมาณ 260,607 ไร่ หรือร้อยละ 19.65 ของพืน้ ที่จังหวัด สำหรับดินบนลานตะพักระดับสูงข้ึนไป เน้ือดินบนส่วนใหญ่เป็นดินร่วนเหนียวปนทราย ดินล่างเป็นดินร่วน เหนียวปนทรายถึงดินเหนียวปนทรายแป้ง มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบรู ณ์ต่ำ มีพนื้ ที่ประมาณ 9,814 ไร่ หรือร้อยละ 0.74 ของพ้ืนท่จี ังหวัด 3.4) ดนิ ที่เกดิ จากการสลายตัวผุพังของวัตถุต้นกำเนิดท่ีสลายตวั อย่กู ับท่ีและวตั ถตุ น้ กำเนดิ ท่ี เคลื่อนที่มาทับถมตามแรงโน้มถ่วงของโลก (Residuum and colluviums) บนลานตะพักที่ง่ายต่อการกัด กรอ่ น และบริเวณเชิงเขา (Erosion terrace and foot hills) พบกระจายอยเู่ ป็นแห่ง ๆ และในบริเวณเชงิ เขา ตอนเหนือของจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นดินค่อนข้างต้ืน มเี ศษหิน ก้อนกรวด หรือลูกรังปะปนอยู่มีการระบายนำ้ ดี ความอุดมสมบรู ณค์ ่อนขา้ งต่ำถึงปานกลาง มพี ้ืนทป่ี ระมาณ 14,987 ไร่ หรือร้อยละ 1.13 ของพืน้ ท่ีจังหวัด 3.5) ดนิ ท่เี กดิ จากภเู ขา ปกคลุมด้วยหนิ ในยุคต่าง ๆ พบอยู่ทางตอนเหนอื ของจงั หวัด มีพืน้ ท่ี ประมาณ 401,123 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 30.24 ของพ้ืนทจ่ี ังหวัด (ทีม่ า : สำนักงานที่ดินจังหวดั นครนายก)
16 ด้านพ้ืนที่ดินที่มีปัญหาในจังหวัดนครนายกพบว่า ส่วนใหญ่เป็นที่ดินขาดอินทรีย์วัตถุ (น้อยกว่า 1.5 %) มากถึงร้อยละ 69.85 ของเน้ือที่ท้ังจังหวัด โดยเฉพาะอำเภอองครักษ์เป็นดินที่ขาด อินทรีย์วัตถุทั้งอำเภอรองลงมาเป็นดินเปรี้ยวจัดและขาดอินทรีย์วัตถุร้อยละ 41.77 ของพ้ืนท่ีทั้งจังหวัด โดยเฉพาะอำเภอองครักษ์ซ่ึงเป็นพ้ืนที่ทเ่ี หมาะสมเล็กนอ้ ย (S3) และพ้นื ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) สำหรบั การปลูกขา้ วด้วย ตารางที่ 2.4 พ้ืนทด่ี ินทมี่ ีปัญหาในจงั หวัดนครนายก ปัญหา อ.เมอื ง อ.บา้ นนา อ.องครกั ษ์ อ.ปากพลี จ.นครนายก ไร่ (%) ไร่ (%) ไร่ (%) ไร่ (%) ไร่ (%) 1.ดนิ เปรย้ี วจดั และขาดอนิ ทรีย์วตั ถุ 117,990 84,588 289,708 61,805 554,091 (25.51) (34.84) (95.31) (19.05) (41.77) % 2.ดนิ ขาดอินทรียว์ ัตถุ 189,457 120,352 303,974 94,835 926,440 (น้อยกวา่ 1.5 %) (42.57) (49.57) (100.00) (29.23) (69.85) % 3.พืน้ ท่ีมคี วามลาดเทสูงมี 187,246 20,430 0 192,134 399,810 การชะลา้ งพังทลายของดินสงู (30.15) % (42.07) (8.41) (0.00) (2.25) 4.ดินต้นื อาจมีกรวดเศษหินปะปน 14,982 2,387 0 7,342 24,711 (3.37) (0.98) (0.00) (2.26) (1.86) % พน้ื ทท่ี ั้งอำเภอ/จงั หวัด 455,076 242,783 303,974 324,416 1,326,250 728.123 388.453 486.359 519.065 2,122.000 ตร.กม. ตร.กม. ตร.กม. ตร.กม. ตร.กม. หมายเหตุ : ดินทมี่ ีปัญหาดนิ เปรย้ี ว(ขอ้ 2) ยงั มีปญั หาเป็นดนิ ที่มีอินทรียวัตถุต่ำกว่ามาตรฐานอยดู่ ้วย ดังน้ัน พ้ืนที่ดินเปร้ียว รวมเขา้ ไปอย่ใู นพน้ื ทีท่ ีม่ ปี ัญหาดนิ ขาดอินทรียวัตถุ(ข้อ 1)ดว้ ย ท่มี า : กรมพฒั นาท่ดี ิน 2.1.9 ข้อมลู พนื้ ทีช่ ลประทานจงั หวดั นครนายก จังหวัดนครนายกมีเข่ือนจำนวน 1 แห่ง ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการ มีความจุ 224 ล้าน ลูกบาศกเ์ มตร และมอี า่ งเก็บน้ำจำนวน 7 แห่งมคี วามจรุ วม 26.48 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาพรวมแหลง่ กักเกบ็ น้ำ จำนวนความจุ 250.48 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร
17 ตารางท่ี 2.5 เขื่อนและอา่ งเก็บนำ้ จังหวดั นครนายก อา่ งเก็บนำ้ /เขอื่ น ความจุ ล้าน (ลบ.ม.) เขื่อนขุนด่านปราการชล 224.000 อ่างเกบ็ นำ้ ทรายทอง 2.000 อ่างเกบ็ น้ำคลองโบด 4.188 อ่างเกบ็ น้ำห้วยปรือ 8.360 อา่ งเกบ็ นำ้ คลองสเี สียด 1.140 อา่ งเก็บนำ้ บา้ นวงั มว่ ง 0.8 อา่ งเก็บนำ้ วงั บอน 6.90 อ่างเก็บน้ำคลองกลาง 3.10 รวม 250.48 ทม่ี า : โครงการชลประทานนครนายก ขอ้ มูล ณ ปี 2561 ระบบชลประทานจังหวดั นครนายกมี 4 โครงการ ดแู ลรับผิดชอบมพี ้ืนท่ีชลประทาน 507,801 ไร่ในปี 2562 ความสามารถในการส่งน้ำฤดูแลง้ จำนวน 356,511 ไร่ ตารางท่ี 2.6 พื้นทใ่ี นเขตชลประทานจังหวัดนครนายก ปี 2559-2560 โครงการ พ้ืนทชี่ ลประทาน (ไร)่ ความสามารถในการสง่ นำ้ ฤดูแล้ง ปี 2562 (ไร่) โครงการสง่ น้ำและบำรุงรักษานครนายก ปี 2559 - 2560 ปี 2562 โครงการสง่ น้ำและบำรุงรกั ษาขุนดา่ นนครนายก 340,563 101,604 โครงการชลประทานนครนายก 20,000 22,007 โครงการส่งนำ้ และบำรุงรกั ษารงั สิตใต้ 50,620 140,000 รวม 96,618 92,900 507,801 356,511 ที่มา : โครงการชลประทานนครนายก ขอ้ มูล ณ ปี 2561
18 จังหวดั นครนายก มรี ะบบชลประทานแบ่งเป็น 6 โซน ดังน้ี โซนที่ 1 (ตน้ แม่นำ้ นครนายก) วงั ตะไคร้ นางรอง สารกิ า เข่อื นขุนด่านปราการชล ต้นกำเนิดแม่น้ำนครนายก เร่ิมจากคลองสมอปูนเขตพ้ืนท่ีอุทยานเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรีไหลเข้า เขื่อน ขุนด่านปราการชล โดยสายหลักเขื่อนขุนด่านปราการชล ( สายที่ 1) ไหลมาร่วมกับ น้ำตกนางรอง (สายท่ี 2) บริเวณตำบลหินตั้ง หมู่ท่ี 1 และไหลมาบรรจบกับน้ำตกวังตระไคร้ บริเวณตำบลสาลิกา เป็นจุดเริ่มต้นแม่น้ำนครนายก ไหลผ่านพื้นที่ตำบลสาริกา ตำบลหินต้ัง ตำบลบ้านใหญ่ ตำบลศรีนาวา เขต เทศบาลเมืองนครนายก ตำบลวังกระโจม ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายก โดยมีจุดวัดระดับน้ำ อยู่บริเวณ วัดเขานางบวช อัตราไหลของน้ำ 227.70 ลบ.ม./ วินาที และไหลผ่านตัวเมืองนครนายก (เขตเทศบาลเมืองนครนายก) ผ่านเข่ือนนายก (ท่าหบุ ) และไหลผ่านประตูระบายน้ำ - คลองเหมอื ง ตำบลวังกระโจม อำเภอเมอื งนครนายก หน่วยงานที่ รบั ผิดชอบ โครงการชลประทานนครนายก และโครงการสง่ นำ้ และบำรงุ รกั ษานครนายก โซนที่ 2 คลองเหมอื ง บางหอย เริ่มจากประตูระบายน้ำคลองเหมือง แยกเป็น 2 สาย สายท่ี 1 คลองส่งน้ำฝ่ังซ้าย สายท่ี 1 ผ่านตำบลวัง กระโจม อำเภอเมืองนครนายก ตำบลเกาะโพธ์ิ ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี ออกประตู ระบาย น้ำลำบัวลอย โดยประตูระบายน้ำคลองเหมือง มีอัตราไหลของน้ำ 120 ลบ.ม./วินาที และไหลมารวมกัน ที่บริเวณประตูระบายน้ำ บางหอย สายท่ี 2 ไหลผ่านตำบลดงละคร และประตูระบายน้ำศรีจุฬา ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี โดยระบายน้ำออกประตูระบายน้ำ บางหอย ตำบล ศรีจุฬา เข้าเขตอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ประตูระบายน้ำบางหอยอัตราไหลของน้ำ 120 ลบ.ม./วินาที หน่วยงานทีร่ ับผดิ ชอบ โครงการส่งนำ้ และบำรุงรักษานครนายก ในส่วนนี้ยงั มีน้ำที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำวังบอน ทไ่ี หลลงคลองยาง ไหลผ่านตำบลหนองแสง ตำบลนา หินลาด อำเภอปากพลี ไหลผ่านคลองท่าแดง และไหลลงทุ่งบางหอย ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี ออกประตู ระบายน้ำลำบวั ลอย เข้าสเู่ ขตปราจีนบุรีทางคลองสาระพี ลงแม่นำ้ ปราจีนบุรี โซนท่ี 3 คลองระพพี ฒั น์ เร่ิมจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแยกเข้าคลองรังสิตประยูรศักด์ิ ผ่านประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัด ปทุมธานีเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ โดยมีอัตราไหลของน้ำ 31 ลบ.ม./ วินาที และไหลมารวมกับแม่น้ำนอก แม่น้ำใน (แม่น้ำบางปลากด) โดยผ่านประตูน้ำอุโมงค์ ในเขตพื้นที่ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ เข้าสู่คลองส่งน้ำสาย ใหญ่ฝั่งขวา(คลอง 29) และไหลลงคลอง 15 ในเขตตำบลคลองใหญ่ และระบายน้ำเข้าคลอง 14, 15, 16 จากน้ันไหลมารวมกันท่ี คลองหกวาสายลา่ ง เพอ่ื ระบายออกทางอำเภอบางนำ้ เปรยี้ ว จงั หวัดฉะเชิงเทรา ในสว่ นของ ประตรู ะบายน้ำเสาวภาผ่องศรี เขตเทศบาลตำบลองครักษ์ อำเภอองครักษ์ ได้รับน้ำจากประตูระบายนำ้ อุโมงค์ ไหลเข้าสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ และระบายน้ำเข้าคลอง 14,15 ,16 ไหลลงคลองหกวาสายล่าง ประตูระบาย น้ำสมบูรณ์ (โยธกา) เช่นเดียวกัน บริเวณที่น้ำไหลผ่านตำบลคลองใหญ่ ตำบลองครักษ์ ตำบลบึงศาล ตำบลศรีษะ กระบือ ตำบลพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ โดยมีอัตราการไหลของน้ำ ดังน้ี คลอง 14 อัตราไหลของน้ำ 15 ลบ.ม./ วินาที, คลอง 15 อัตราไหลของน้ำ 15 ลบ.ม./วินาที, คลอง 16 อตั รา ไหลของนำ้ 30 ลบ.ม./วินาที, คลอง 17 อัตราไหล
19 ของน้ำ30 ลบ.ม. วินาท,ี คลองหกวา อัตราไหลของน้ำ70 ลบ.ม./วินาที หน่วยงานทีร่ ับผดิ ชอบ โครงการส่งน้ำและ บำรุงรกั ษารังสิตใต้ โซนที่ 4 ประตูหนองหมู แมน่ ำ้ นอก แม่นำ้ ใน จากแม่น้ำป่าสัก(เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ก่อนจะลงแม่น้ำเจ้าพระยาต้องผ่านเข่ือนพระราม 6 จังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา จากน้ันกเ็ ขา้ คลองระพีพฒั น์ (คลองหกวาสายบน) ลงประตูระบายนำ้ หนองหมู อำเภอหนอง แค และส่วนหน่ึงรับน้ำจากอำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี ไหลผ่านแม่น้ำใน ผ่านประตูระบายน้ำคลอง 32 และประตู ระบายน้ำคลอง แม่น้ำในผ่านเขตตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา ตำบลโพธิ์แทน ตำบลบางปลากด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอองครักษ์ โดยมีอัตราไหลของน้ำ 30 ลบ.ม./ วินาที และระบายน้ำผ่านทาง ประตูระบายนำ้ อโุ มงค์ (แม่น้ำบางปลากด) อัตราไหลของน้ำ 60 ลบ.ม./วินาที ลงแม่น้ำนครนายก และระบายผ่านทาง คลอง 29 โดยมี อัตราไหลของน้ำ 30 ลบ.ม./วินาที ลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ หน่วยงานท่ีรับผิดชอบ โครงการส่งน้ำและ บำรุงรกั ษานครนายก โซนที่ 5 คลองบา้ นนา คลองห้วยถ่าน เร่ิมต้นจากน้ำตกเจด็ คต อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ไหลผ่านตำบลเขาเพ่ิม เปน็ จุดเรมิ่ ต้นของคลองบา้ น นา ตำบลเขาเพิ่ม ตำบลป่าขะ ตำบลบ้านนา ตำบลพิกุลออก ตำบลอาษา และไหลผ่านประตูระบายน้ำ คลอง บ้านนา อตั ราไหลของน้ำ 150 ลบ.ม./วนิ าที และในเขตพ้ืนท่ยี งั มีคลองห้วยถ่านรับนำ้ จากคลองบ้านนา และน้ำ ไหลหลากจากเขตสระบุรี โดยไหลผ่านตำบลศรีกะอาง ตำบลบ้านพร้าว และตำบลพรหมณี ลงคลองสายใหญ่ฝั่งขวา (คลอง 29 ) หน่วยงานที่รบั ผดิ ชอบ โครงการชลประทานนครนายก โซนที่ 6 แมน่ ้ำนครนายก (ปลายแมน่ ำ้ นครนายก) เริ่มต้นจากประตูระบายน้ำอุโมงค์ ในกรณีท่ีเปิดประตูระบายน้ำเสาวภาผ่องศรี เขตเทศบาลตำบล องครักษ์ อำเภอองครักษ์ ไหลเขา้ ส่คู ลองรังสิตประยูรศกั ดิ์ และไหลออกแยกซ้าย มารวมกับแม่น้ำนครนายกบริเวณ ตำบลทรายมูล ไหลผ่านตำบลทรายมูล ตำบลบางลูกเสือ ตำบลบางสมบูรณ์ โดยมีอัตราไหลของน้ำ 300 ลบ.ม./ วินาที โดยระบายน้ำไปบรรจบกับประตูระบายน้ำสมบูรณ์ (โยธกา) ซ่ึงระบายน้ำจากคลองหกวาสายล่างลงสู่ แม่น้ำนครนายก เขตอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา หน่วยงานที่รับผิดชอบ โครงการส่งน้ำและ บำรุงรกั ษานครนายก 2.2 การใชท้ ด่ี ินทางการเกษตรตามแผนที่ Agri – Map จ า ก ข้ อ มู ล Agi-Map-online ข อ ง ก ร ะ ท ร ว ง เก ษ ต ร แ ล ะ ส ห ก ร ณ์ (http://agri-map- online.moac.go.th/ (ข้อมูลการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน) ปี 2560- 2561 การใช้ประโยชน์ที่ดินจังหวัด นครนายกมีพน้ื ท่ีรวม 1,337,349 ไร่ แบ่งเปน็ พื้นทน่ี าข้าว มีเน้ือที่ 528,747 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 39.54 ของ พ้ืนท่ีทั้งหมด รองลงมาพื้นท่ีป่ามีเนื้อที่ 401,999 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 30.06 พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง มีเนอ้ื ท่ี 124,090 ไร่ หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 9.28 สถานท่เี พาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีเน้อื ที่ 82,755 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 6.19 พ้ืนที่เบ็ดเตลด็ มีเนอื้ ที่ 61,479 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.60 พื้นท่ีไม้ผล มีเนื้อท่ี 43,556 ไร่ หรือคิดเป็น
20 ร้อยละ 3.26 พนื้ ท่ีไม้ยืนต้น มีเน้ือที่ 38,502 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.88 พื้นท่ีนำ้ มีเนื้อที่ 28,015 ไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 2.09 พืชสวน มีเนื้อที่ 9,420 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.70 พ้ืนที่ทุ่งหญ้าและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ มีเน้ือที่ 9,032 หรือคิดเป็นร้อยละ 0.68 พื้นท่ีลุ่ม มีเน้ือท่ี 6,201 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.46 พืชไร่ มีเนื้อที่ 3,352 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 0.25 และพืชน้ำ มีเน้อื ที่ 201 ไร่ หรือคดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.02 ภาพที่ 2.3 แผนท่กี ารใชท้ ด่ี ินจงั หวดั นครนายก ทีม่ า : ขอ้ มลู การใชท้ ี่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน (2560-2561) http://agri-map-online.moac.go.th 2.2.1 พื้นท่ีเพาะปลูกพืชเศรษฐกจิ จังหวดั นครนายก จังหวัดนครนายก มีพน้ื ทเี่ พาะปลูกพืชเศรษฐกิจ รวมพื้นท่ี 519,351 ไร่ โดยพืชเศรษฐกจิ ทีส่ ำคัญและ ปลกู มากท่ีสุดในจังหวัดนครนายก ไดแ้ ก่ ข้าว ซึ่งมีพนื้ ทปี่ ลกู 515,442 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 99.25 ของพื้นท่ี เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจท้ังหมด รองลงมาได้แก่ มันสำปะหลัง พ้ืนท่ีปลูก 1,091 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.21 มะพร้าว พื้นทปี่ ลูก 1,068 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.21 ยางพารา พื้นที่ปลูก 713 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 0.14 ปาลม์ น้ำมนั พ้ืนท่ีปลูก 496 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.10 ทุเรียน เงาะ มังคุด 360 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 0.07 ข้าวโพด พน้ื ท่ปี ลกู 147 ไร่ หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 0.03 และอ้อย พ้ืนที่ปลกู 35 ไร่ หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 0.01
21 ตารางที่ 2.7 พื้นทเ่ี พาะปลกู พืชเศรษฐกจิ จังหวัดนครนายก ประเภท เนือ้ ท่ี (ไร)่ ร้อยละ ข้าว 515,442 99.25 1,091 0.21 มันสำปะหลัง 1,068 0.21 มะพร้าว 0.14 ยางพารา 713 0.10 ปาลม์ นำ้ มนั 496 0.07 360 0.03 ทุเรียน เงาะ มังคุด 147 0.01 ข้าวโพด 35 100 อ้อย 519,351 รวม ทม่ี า : ข้อมลู การใชท้ ด่ี นิ กรมพัฒนาทด่ี ิน 2557 agri-map-online เมอื งนครนายก ปากพลี บ้านนา องครกั ษ์ ภาพที่ 2.4 แผนทกี่ ารปลกู พืชเศรษฐกิจจงั หวดั นครนายก ทีม่ า : agri-map-online 2.3 สนิ ค้าเกษตรท่ีมีมูลคา่ สูงของจังหวัดนครนายก (TOP 4) 2.3.1 ขา้ วนาปี จงั หวัดนครนายก พันธข์ุ ้าวท่ีใช้ปลูกในปี 2559 ได้แก่ พนั ธร์ุ าชการไม่ไวต่อแสง คดิ เป็นร้อยละ 56.18 พนั ธ์ุราชการไวต่อแสง คิดเป็นร้อยละ 22.36 พันธ์พุ ้ืนเมือง คดิ เปน็ ร้อยละ 8.05 พันธุ์ปทุมธานี 1 คดิ เปน็ ร้อย ละ 5.72 พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 คิดเป็นร้อยละ 5.50 ชัยนาท 1 คิดเป็นร้อยละ 1.61 พันธุ์สุพรรณบุรี 1 คดิ เปน็ ร้อยละ 0.58 ตามลำดบั
22 วธิ กี ารปลูกข้าวของจังหวัดนครนายก แบ่งเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ นาหว่านน้ำตม 223,433 ไร่ คิดเป็น รอ้ ยละ 62.79 นาหวา่ นสำรวย 102,836 ไร่ คดิ เป็นรอ้ ยละ 28.90 และนาดำ 29,562 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 8.31 พ้ืนท่ีปลูกข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพของจังหวัดนครนายก ตามตารางท่ี 2.8 จะเห็นได้ว่า อำเภอท่มี ีการปลูกข้าวมากทสี่ ุดไดแ้ ก่ อำเภอองครกั ษ์ มีพน้ื ทีป่ ลูกขา้ วจำนวน 170,434 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 33.07 แบ่งเป็นพื้นท่ีเหมาะสมสูง (S1) 115,568 ไร่ พื้นท่เี หมาะสมปานกลาง (S2) 31,372 ไร่ พ้ืนท่เี หมาะสม เล็กน้อย (S3) 23,033 ไร่ และพน้ื ทไี่ ม่เหมาะสม (N) 462 ไร่ รองลงมาได้แก่อำเภอเมืองนครนายก มีพื้นท่ีปลูก ข้าว จำนวน 148,694 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 28.85 แบ่งเป็นพ้ืนที่เหมาะสมสูง (S1) 93,697 ไร่ พื้นท่ี เหมาะสมปานกลาง (S2) 51,738 ไร่ พืน้ ที่เหมาะสมเล็กนอ้ ย (S3) 2,407 ไร่ และพ้ืนทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) 854 ไร่ อำเภอบ้านนา มีพืน้ ทป่ี ลูกข้าวจำนวน 106,697 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 20.70 แบ่งเปน็ พ้นื ที่เหมาะสมสูง (S1) 31,483 ไร่ พื้นที่เหมาะสมปานกลาง (S2) 70,878 ไร่ พ้ืนท่ีเหมาะสมเล็กน้อย (S3) 3,811 ไร่ และพื้นท่ีไม่ เหมาะสม (N) 524 ไร่ และอำเภอปากพลี มีพื้นท่ีปลูกข้าวจำนวน 89,615 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 17.39 แบ่งเปน็ พ้ืนทีเ่ หมาะสมสูง (S1) 70,166 ไร่ พื้นทเ่ี หมาะสมปานกลาง (S2) 17,966 ไร่ พื้นทีเ่ หมาะสมเลก็ น้อย (S3) 1,294 ไร่ และพนื้ ท่ีไมเ่ หมาะสม (N) 189 ไร่ ตารางท่ี 2.8 พืน้ ท่ปี ลกู ขา้ วตามความเหมาะสมทางกายภาพ จังหวดั นครนายก หนว่ ย : ไร่ อำเภอ เหมาะสมสูง เหมาะสม เหมาะสม ไม่เหมาะสม รวม ร้อยละ (S1) ปานกลาง เลก็ น้อย (N) บ้านนา (S3) 106,697 20.70 31,483 (S2) 524 89,615 17.39 3,811 148,694 28.85 70,878 170,434 33.07 515,442 100.00 ปากพลี 70,166 17,966 1,294 189 เมอื งนครนายก 93,697 51,738 2,407 854 องครักษ์ 115,568 31,372 23,033 462 รวม 310,914 171,954 30,545 2,029 ทีม่ า : Agri-map online กรมพัฒนาที่ดนิ ปี 2557
23 100% พนื้ ที่ปลกู ขา้ วตามความเหมาะสมทางกายภาพ จงั หวดั นครนายก 90% 80% 3.57 1.44 1.62 13.51 70% 18.41 60% 20.05 50% 40% 34.79 30% 20% 66.43 10% 0% 78.30 67.81 63.01 29.51 บา้ นนา ปากพลี เมืองนครนายก องครกั ษ์ เหมาะสมสงู เหมาะสมปานกลาง(S2) เหมาะสมเล็กนอ้ ย ไมเ่ หมาะสม(N) ภาพที่ 2.5 พ้ืนทป่ี ลกู ขา้ วตามความเหมาะสมทางกายภาพ จังหวดั นครนายก ทมี่ า : Agri-map online กรมพัฒนาที่ดนิ ปี 2557 1) สถานการณก์ ารผลิต ข้าวเป็นพชื เศรษฐกิจที่ทำรายได้เป็นอนั ดับท่ี 2 ของจงั หวดั นครนายก รองจากไข่ไก่ โดยข้าวมีมูลคา่ ใน ปี 2558 จำนวน 697 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.21 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในภาคการเกษตร (ข้อมูล จากศูนยส์ ารสนเทศการเกษตร ในปี 2560 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) คาดว่าจังหวดั นครนายกจะมีพื้นท่ี เก็บเก่ียวในปี 2561 จำนวน 368,139 ไร่ หรือเพ่ิมข้ึนร้อยละ 1.19 จากปีที่ผ่านมา แต่ผลผลิตลดลงเล็กน้อย เป็น 207,860 ตัน หรือลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.33 เนือ่ งจากผลผลติ ต่อไร่ลดลงเหลือ 565 กิโลกรมั ต่อไร่ หรือ ลดลงร้อยละ 1.40
24 450,000 577 366,052 353,140 363,825 368,139 580 400,000 399,860 568 573 575 350,000 300,000 230,653 205,133 208,550 565 570 250,000 207,860 565 200,000 200,408 150,000 100,000 560 560 50,000 555 - 550 2557 2558 2559 2560 2561 เน้ือทเี่ กบ็ เก่ียว (ไร่) ผลผลิต (ตนั ) ผลผลิตตอ่ ไร่ (กก.) ภาพที่ 2.6 ข้าวนาปี เนอ้ื ทเี่ ก็บเกยี่ ว ผลผลติ ผลผลติ ต่อไร่ จงั หวัดนครนายก ทมี่ า : ศูนยส์ ารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 2) การผลิตในพนื้ ที่ระดบั ความเหมาะสม จากข้อมูลกรมพัฒนาท่ดี ิน htpp://agri-map-online.moac.go.th จังหวดั นครนายกมีพน้ื ที่ช้นั ความ เหมาะสมของดินสำหรับการปลกู ข้าว รวมท้ังหมด 787,039 ไร่ แบ่งเป็นพื้นท่ีความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 444,304 ไร่ และพ้ืนท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 342,735 ไร่ โดยพ้ืนท่ีปลูกจริงในช้ันความ เหมาะสมต่าง ๆ จำนวน 515,442 ไร่ เป็นพื้นที่ความเหมาะสมสงู (S1) ปลูกจริงจำนวน 310,914 ไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 60.32 พ้ืนที่ความเหมาะสมปานกลาง (S2) ปลูกจริงจำนวน 171,954 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 33.36 พนื้ ที่ปลูกจริงในพื้นที่ความเหมาะสมน้อย (S3) จำนวน 30,545 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 5.93 และพ้ืนท่ี ปลกู ไม่เหมาะสม (N) จำนวน 2,029 ไร่ หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 0.39
ตารางที่ 2.9 ข้าว พน้ื ท่รี ะดบั ความเหมาะสม (Suitability) และพนื้ ที่ปลกู ขา้ ว (Existing) ตำบล/อำเภอตา่ ง ๆ จังหวัดนครนายก อำเภอ รายการ S1 ระดับพนื้ ท่ีความเหมาะสม N พท.ไมเ่ หมาะสม รวม พท.ปลกู รอ้ ยละ (%) S2 พท.เหมาะสม ร้อยละ S3 20.70 17.39 บา้ นนา Suitability 43,836 131,971 175,807 100.00 3,811 524 4,335 106,696 28.85 Existing 31,483 70,878 102,361 58.22 1,294 189 33.07 61,093 73,446 41.78 2,407 854 100.00 พืน้ ท่ีคงเหลือ 12,353 29,659 117,690 100.00 23,033 462 17,966 88,132 74.88 30,545 2,029 ปากพลี Suitability 88,031 11,693 29,558 25.12 1,483 89,615 Existing 70,166 90,025 226,881 100.00 51,737 145,434 64.10 พืน้ ทค่ี งเหลอื 17,865 38,288 81,447 35.90 91,077 266,658 100.00 Suitability 136,856 31,371 146,939 55.10 25 เมอื งนครนายก Existing 93,697 59,706 119,719 44.90 342,735 787,039 100.00 3,261 148,695 171,954 482,868 61.35 พืน้ ทคี่ งเหลอื 43,159 170,781 304,171 38.65 องครกั ษ์ Suitability 175,581 23,495 170,434 Existing 115,568 พ้นื ทคี่ งเหลอื 60,013 Suitability 444,304 32,574 515,442 รวม Existing 310,914 พื้นท่คี งเหลอื 133,390 ท่ีมา : กรมพฒั นาท่ดี ิน 2557 agri-map-online
26 ภาพท่ี 2.7 พน้ื ทคี่ วามเหมาะสมในการปลูกข้าว จงั หวดั นครนายก ทม่ี า : กรมพฒั นาท่ีดนิ 2557 agri-map-online ภาพท่ี 2.8 พน้ื ทปี่ ลูกขา้ วตามระดบั ความเหมาะสม จงั หวัดนครนายก ท่ีมา : กรมพฒั นาท่ีดนิ 2557 agri-map-online
27 2.3.2 ขา้ วนาปรัง สถานการณ์การผลิตข้าวนาปรัง เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดนครนายก ข้อมูลจาก ศูนย์สารสนเทศการเกษตร ในปี 2560 สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร จังหวัดนครนายกจะมีพนื้ ท่เี กบ็ เก่ียวขา้ ว นาปรัง ปี 2561 จำนวน 160,915 ไร่ หรือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 5.77 จากปีที่ผ่านมา ผลผลิต 109,130 ตัน หรือ เพ่มิ ขน้ึ ร้อยละ 8.66 ผลผลิตต่อไร่ 678 กโิ ลกรัมต่อไร่ หรือเพิ่มขน้ึ รอ้ ยละ 2.73 300,000 258,251 700 250,000 678 680 200,000 162,852 176,026 660 160,915 660 150,000 631 108,167 152,143 109,130 640 100,000 620 50,000 614 621 100,434 600 90,171 56,036 - 580 2557 2558 2559 2560 2561 เนื้อที่เก็บเกย่ี ว (ไร่) ผลผลติ (ตัน) ผลผลติ ต่อไร่ (กก.) ภาพที่ 2.9 ขา้ วนาปรงั เนอื้ ทเี่ ก็บเกี่ยว ผลผลติ ผลผลติ ต่อไร่ จังหวดั นครนายก ทมี่ า : สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร 2.3.3 กงุ้ ขาวแวนนาไม สถานการณ์การผลิตกุ้งขาวแวนนาไม เป็นสินค้าเศรษฐกิจที่ทำรายได้เป็นอันดับที่ 5 ของจังหวัด นครนายก โดยมีมูลค่าในปี 2558 จำนวน 277 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.25 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมใน ภาคการเกษตร ข้อมูลจากศนู ย์สารสนเทศการเกษตร ในปี 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบวา่ จังหวัด นครนายกมีพ้ืนท่ีเพาะเล้ียงกุ้งขาวแวนนาไมจำนวน 8,764 ไร่ หรือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 32.77 ผลผลิต 4,480 ตัน หรอื เพิม่ ขึ้นร้อยละ 4.99 จากปีท่ีผ่านมา และผลผลติ ต่อไร่ 511 กโิ ลกรัมต่อไร่ หรือลดลงรอ้ ยละ 20.90
28 10,000 627 627 646 8,764 700 9,000 5,980 511 600 8,000 500 6,601 500 7,000 3,751 6,027 6,185 6,000 5,000 2557 3,770 4,267 400 4,000 3,875 4,480 3,000 2,000 300 1,000 200 - 100 2558 2559 2560 - เนือ้ ทเ่ี พาะเล้ียง (ไร่) ผลผลติ (ตัน) ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กก.) 2561 ภาพท่ี 2.10 กงุ้ ขาวแวนนาไม เน้ือทเี่ พาะเลีย้ ง ผลผลิต ผลผลติ ต่อไร่ จังหวัดนครนายก ทีม่ า : ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร 2) การผลิตใน พ้ืน ที่ระดับความเหมาะสมจากข้อ มูลก รมพั ฒ น าท่ีดิน htpp://agri-map- online.moac.go.th จังหวัดนครนายกมีพื้นที่ความเหมาะสมสำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด รวมท้ังหมด 361,681 ไร่ แบ่งเป็นพน้ื ท่ีความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 6,946 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.92 และพนื้ ท่ีความ เหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 354,735 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 98.08
29 ภาพที่ 2.11 พ้ืนทค่ี วามเหมาะสมในการเพาะเล้ียงสัตวน์ ำ้ จืด จังหวดั นครนายก ทมี่ า : agri-map-online 2.3.4 มะยงชิด สถานการณก์ ารผลิตมะยงชิดเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดนครนายกรองจากขา้ ว โดยมีมูลค่าใน ปี 2558 จำนวน 371 ลา้ นบาท คิดเป็นร้อยละ 7.03 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในภาคการเกษตร ขอ้ มลู จาก สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก พบวา่ ในปี 2561 จังหวัดนครนายกมีพ้ืนท่ียืนต้น จำนวน 12,716 ไร่ หรือ เพ่ิมข้ึนร้อยละ 25.02 เป็นเน้ือที่ให้ผล จำนวน 12,357 ไร่ หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 29.50 จากปีที่ผ่านมา ผลผลิต 1,301 ตนั หรือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 206.12 ผลผลติ ตอ่ ไร่ 105 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ หรือเพ่ิมขน้ึ รอ้ ยละ 133.33
30 14,000 880 12,357 1,000 12,000 6,614 900 10,000 9,542 9,542 800 8,000 5,822 500 700 6,000 2558 600 4,000 252 45 425 105 500 2,000 1,301 400 2559 2560 300 - เนื้อทีใ่ หผ้ ล (ไร่) ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กก.) 2561 200 100 - ผลผลติ (ตนั ) ภาพที่ 2.12 มะยงชดิ เนอ้ื ที่ใหผ้ ล ผลผลติ ผลผลิตตอ่ ไร่ จังหวดั นครนายก ทม่ี า : สำนกั งานเกษตรจงั หวัดนครนายก
31 บทที่ 3 ผลการศึกษาวเิ คราะห์ แนวทางการบริหารจัดการพ้ืนที่เกษตรเศรษฐกิจเชิงพ้ืนที่ (Zoning) สินค้าข้าวในพ้ืนท่ีจังหวัด นครนายก มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาการปลูกข้าวในพ้ืนท่ีท่ีแบ่งตามพ้ืนท่ีเขตความเหมาะสม โดยแยกเป็น พืน้ ท่ีเหมาะสมมากรวมกับพนื้ ท่ีเหมาะสมปานกลาง (S1,S2) และพืน้ ท่ีเหมาะสมน้อยรวมกับพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (S3,N) ซึ่งจังหวัดนครนายก มีพืชเศรษฐกิจท่ีมีมูลค่าสูงที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว มะยงชิด และกุ้งขาวแวนนาไม เป็นต้น เมื่อพิจารณาข้อมูลด้านการผลิต จากความเหมาะสมทางกายภาพ โดยใช้แผนที่ความเหมาะสมทาง กายภาพของกรมพัฒนาท่ีดิน รวมกับข้อมูลด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตร โดยข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตร และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 จากการสำรวจด้วยตัวอย่างของต้นทุนการผลิตข้าวนาปี ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม และมะยงชิด และต้นทุนและผลตอบแทนของพืชทางเลือกอื่น ๆ รวมทั้งศึกษา ศักยภาพของพ้ืนท่ี โครงสรา้ งการตลาด การค้า การกระจายผลผลิตและข้อมูลทางสังคม รวมถึงมาตรการและ นโยบายของรัฐบาล และการส่งเสริมในพ้ืนท่ี และกำหนดแนวทางการพัฒนาสินค้าข้าวของจังหวัดนครนายก โดยมีผลการศึกษาดังนี้ 3.1 ตน้ ทนุ และผลตอบแทนตามระดบั ความเหมาะสมของพื้นท่ีสนิ คา้ เกษตรที่สำคัญ (TOP4) การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนตามระดับความเหมาะสมทางด้านกายภาพของสินค้า เกษตรท่ีสำคัญท่ีมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรของจังหวัดนครนายก ใน 4 อันดับ สินค้าเกษตรท่ี สำคัญในด้านการเพาะปลูกของจังหวัดนครนายก ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม และมะยงชิด ซ่ึงการศึกษาครั้งน้ีได้สุ่มตัวอย่างสอบถามเกษตรกรตามระดับความเหมาะสมของพ้ืนที่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ 1 พ้ืนท่ีที่เหมาะสม Suitability : S คือพ้ืนท่ีท่ีมีความเหมาะสมสูง S1 (Highly Suitable) และ พื้นทท่ี ีม่ ีความเหมาะสมปานกลาง S2 (Moderately Suitable) และพ้นื ทีไ่ ม่เหมาะสม (Not Suitable : N) คือ พ้ืนที่มีความเหมาะสมน้อย (Marginally Suitable : S3) และพื้นที่ท่ีไม่มีความเหมาะสม (Not Suitable : N) โดยกระจายตัวอย่างไปตามแหล่งเพาะปลูกหรือแหล่งผลิตท่ีสำคัญในอำเภอ และตำบลต่าง ๆ ของจังหวัด นครนายก อยา่ งละ 20 ตัวอย่าง จากน้นั ทำการวิเคราะห์ขอ้ มลู ตน้ ทุน รายได้ และผลตอบแทนจำแนกตามพน้ื ท่ี เพาะปลูก และระดับความเหมาะสมทางกายภาพของที่ดินซึ่งแตกต่างกัน ทำให้ผลผลิตท่ีได้รับแตกต่างกัน รวมถึงคุณภาพ ราคาผลผลิต จากนั้นนำผลท่ีได้มาพิจารณาประกอบกับความต้องการของตลาด วิเคราะห์ แนวทางการตลาด วเิ คราะห์อุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) และวางแผนการผลิตและการปลูก พชื ทดแทนในพนื้ ท่ไี ม่เหมาะสม เพื่อเปน็ แนวทางในการพฒั นาสินคา้ ตา่ ง ๆ ต่อไป
32 3.1.1 ขา้ วนาปี 1) ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ข้าวนาปใี นพน้ื ทเี่ หมาะสม (S) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตข้าวนาปีในจังหวัดนครนายก ในพ้ืนที่ เหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวนาปีเฉล่ีย จำนวน 3,415.88 บาทต่อไร่ โดยเป็น ต้นทุนผันแปร จำนวน 2,671.86 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 78.22 และต้นทุนคงที่ จำนวน 744.03 บาท ต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 21.78 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบวา่ ตน้ ทุนท่ีเป็น เงินสด 2,456.53 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 71.91 และต้นทุนทไี่ ม่เป็นเงินสด 959.35 บาทต่อไร่ หรือคิด เปน็ รอ้ ยละ 28.09 โดยตน้ ทนุ ผันแปรทเี่ ป็นเงินสดสว่ นใหญ่เปน็ ค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าเตรยี มดนิ ค่าเกบ็ เกย่ี ว ค่าดูแลรักษา รองลงมาเป็นค่าวัสดุปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่าพันธุ์ และค่ายาปราบศัตรูพืชและ วัชพืช ส่วนต้นทุนไม่เป็นเงินสดน้ันส่วนใหญ่เป็นค่าแรงงานเตรียมดิน และค่าพันธุ์ สำหรับต้นทุนคงที่ท่ีเป็น ตน้ ทุนไม่เป็นเงนิ สด ส่วนใหญเ่ ป็นคา่ เช่าท่ดี นิ รองลงมาเปน็ คา่ เสอื่ มอปุ กรณ์การเกษตร ผลการวิเคราะห์เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนท่ีเกษตรกรได้รับในการผลิตข้าวนาปี ในพ้ืนท่ีความ เหมาะสม (S) ผลผลิตเฉล่ีย 589.19 กิโลกรัมต่อไร่ เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขายได้ เฉลี่ย 6.71 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 3,953.46 บาทต่อไร่ และจะได้รับผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 537.58 บาทต่อไร่ โดยท่ีจุดคุ้มทุนในการผลิตข้าวนาปี ปริมาณผลผลิตต่อไร่ ณ จุดคุ้มทุน 509.07 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่
33 ตารางท่ี 3.1 ตน้ ทุนการผลติ ขา้ วนาปี 2559/60 จังหวัดนครนายก ในพ้ืนทเ่ี หมาะสม (S) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตในพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) เงนิ สด ร้อยละ ประเมนิ รอ้ ยละ รวม รอ้ ยละ 1. ต้นทุนผันแปร 2,394.15 (70.09) 277.71 (8.13) 2,671.86 (78.22) 1.1 ค่าแรงงาน 1,244.40 (36.43) 189.89 (5.56) 1,434.29 (41.99) เตรียมดิน 369.15 (10.81) 117.10 (3.43) 486.25 (14.23) ปลูก 61.84 (1.81) 7.27 (0.21) 69.11 (2.02) ดูแลรักษา 399.48 (9.94) 65.52 (1.92) 405.00 (11.86) เกบ็ เกี่ยว 473.93 (13.87) - (0.00) 473.93 (13.87) 1.2 คา่ วัสดุ 1,066.68 (31.23) 80.54 (2.36) 1,147.22 (33.58) ค่าพนั ธ์ุ 227.82 (6.67) 80.53 (2.36) 308.35 (9.03) ค่าปยุ๋ 595.39 (17.43) - (0.00) 595.39 (17.43) ค่ายาปราบศัตรูพืชและวชั พืช 139.50 (4.08) - (0.00) 139.50 (4.08) คา่ สารอน่ื ๆ และวสั ดปุ รับปรุงดิน 8.11 (0.24) - (0.00) 8.11 (0.24) ค่าน้ำมนั เชือ้ เพลงิ และหล่อล่ืน 52.56 (1.54) - (0.00) 52.56 (1.54) ค่าวัสดกุ ารเกษตรและวัสดุส้ินเปลอื ง 35.02 (1.03) - (0.00) 35.02 (1.03) ค่าซอ่ มแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 8.28 (2.43) 0.01 (0.00) 8.29 (0.24) 1.3 ค่าเสยี โอกาสเงนิ ลงทนุ 83.07 (0.00) 7.28 (0.21) 90.35 (2.64) 2. ต้นทุนคงท่ี - (0.00) 744.03 2(1.78) 744.03 (21.78) คา่ เชา่ ท่ีดิน - (0.00) 686.25 2(0.09) 686.25 (20.09) คา่ เสอ่ื มอุปกรณ์การเกษตร - (0.00) 46.78 (1.37) 46.78 (1.37) ค่าเสยี โอกาสเงินลงทุนอปุ กรณก์ ารเกษตร - (0.00) 11.00 (0.32) 11.00 (0.32) 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,456.53 (71.91) 959.35 (28.09) 3,415.88 (100.00) 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม 5.80 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 589.19 6. ราคาเฉลย่ี ทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 6.71 7. รายไดท้ ง้ั หมด (บาท/ไร่) 3,953.46 8. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 537.58 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลิต (บาท/กก.) 0.91 10. ปริมาณผลผลิตต่อไร่ ณ จดุ คุ้มทนุ (กก./ไร)่ 509.07 ทีม่ า : จากการสำรวจข้อมูล สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 ปี 2559/60
34 2) ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตข้าวนาปใี นพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลติ ข้าวนาปใี นจังหวัดนครนายก ในพื้นท่ีไม่ เหมาะสม (Not suitability : N) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวนาปีเฉลี่ย จำนวน 3,671.23 บาทต่อไร่ โดย เป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 2,683.21 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 73.09 และต้นทุนคงที่ จำนวน 988.02 บาทต่อไร่ หรอื คดิ เป็นร้อยละ 26.91 ของตน้ ทุนทั้งหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าตน้ ทนุ ที่ เป็นเงินสด 2,287.00 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 63.30 และต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด 1,384.23 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 37.70 โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่เป็นค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าเตรียมดิน ค่า เก็บเก่ียว รองลงมาเป็นค่าวัสดุปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่าพันธุ์ ค่ายาปราบศัตรูพืชและวัชพืช ส่วน ตน้ ทุนไม่เป็นเงนิ สดนน้ั ส่วนใหญ่เปน็ ค่าพันธุ์ สำหรับต้นทุนคงที่ท่ีเป็นต้นทุนไม่เป็นเงินสด ส่วนใหญ่เป็นค่าเช่า ทด่ี นิ รองลงมาเป็นค่าเสือ่ มอปุ กรณก์ ารเกษตร ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตข้าวนาปี ในเขตพื้นท่ีไม่ เหมาะสม (N) ผลผลิตเฉลี่ย 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้ เฉล่ีย 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 3,740.59 บาทต่อไร่ และจะได้รับผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 69.36 บาทต่อไร่ โดยท่ีจุดคุ้มทุนในการผลิตข้าวนาปี ปริมาณผลผลิตต่อไร่ ณ จุดคุ้มทุน 551.24 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่
35 ตารางท่ี 3.2 ต้นทนุ การผลติ ข้าวปี 2559/60 จังหวดั นครนายก ในพ้ืนทไี่ มเ่ หมาะสม (N) หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ในพื้นทีไ่ มเ่ หมาะสม (N) เงนิ สด รอ้ ยละ ประเมนิ รอ้ ยละ รวม ร้อยละ 1. ต้นทนุ ผนั แปร 2,283.57 (62.20) 399.64 (10.89) 2,683.21 (73.09) 1.1 ค่าแรงงาน 1,153.34 (31.42) 153.04 (4.17) 1,306.38 (35.58) เตรยี มดิน 476.57 (12.98) 15.10 (0.41) 491.67 (13.39) ปลูก 40.51 (1.10) 12.38 (0.34) 52.89 (1.44) ดแู ลรักษา 208.56 (5.68) 107.13 (2.92) 315.69 (8.60) เกบ็ เกย่ี ว 427.70 (11.65) 18.43 (0.50) 446.13 (12.15) 1.2 ค่าวัสดุ 1,052.89 (28.68) 233.20 (6.35) 286.09 (35.03) ค่าพันธ์ุ 98.77 (2.69) 233.20 (6.35) 331.97 (9.04) ค่าปยุ๋ 564.24 (15.37) - (0.00) 564.24 (15.37) คา่ ยาปราบศัตรพู ชื และวัชพืช 288.99 (7.87) - (0.00) 288.99 (7.87) ค่าสารอน่ื ๆ และวสั ดปุ รบั ปรุงดนิ 2.76 (0.08) - (0.00) 2.76 (0.08) คา่ นำ้ มันเช้ือเพลิงและหล่อล่นื 57.48 (1.57) - (0.00) 57.48 (1.57) ค่าวัสดุการเกษตรและวัสดสุ ิน้ เปลือง 19.00 (0.52) - (0.000 19.00 (0.52) คา่ ซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร 21.65 (0.59) - (0.00) 21.65 (0.59) 1.3 คา่ เสียโอกาสเงินลงทนุ 77.34 (2.11) 13.40 (0.37) 90.74 (2.47) 2. ต้นทนุ คงที่ - (0.00) 988.02 (26.91) 988.02 (26.91) ค่าเช่าท่ดี นิ - (0.00) 847.33 (23.08) 847.33 (23.08) ค่าเสื่อมอปุ กรณก์ ารเกษตร - (0.00) 177.44 (3.20) 117.44 (3.20) คา่ เสียโอกาสเงินลงทุนอปุ กรณ์การเกษตร - (0.00) 23.25 (0.63) 23.25 (0.63) 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,287.00 (63.30) 1,384.23 (37.70) 3,671.23 (100.00) 4. ต้นทุนต่อกิโลกรมั 6.54 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กิโลกรมั ) 561.65 6. ราคาเฉลี่ยท่เี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 6.66 7. รายไดท้ ัง้ หมด (บาท/ไร่) 3,740.59 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/ไร)่ 69.36 9. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ผลผลิต (บาท/กก.) 0.12 10. ปรมิ าณผลผลติ ตอ่ ไร่ ณ จดุ คมุ้ ทนุ (กก./ไร)่ 551.24 ทมี่ า : จากการสำรวจข้อมูล สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 ปี 2559/60
36 หากเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวนาปีในพื้นท่ีเหมาะสม (S) และในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) พบวา่ ตน้ ทนุ รวมตอ่ ไร่ ในพื้นที่เหมาะสมต่ำกวา่ ตน้ ทุนรวมตอ่ ไร่ ในพ้ืนทไี่ ม่เหมาะสม ประมาณ 255.35 บาท ส่วน ผลผลิตต่อไร่ในพ้ืนที่เหมาะสมมีปริมาณมากกว่า 27.54 กก. ต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 4.90 ของผลผลิตต่อไร่ใน พ้ืนท่ีไม่เหมาะสม ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ในพ้ืนท่ีเหมาะสมมีปริมาณมากกว่าผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ในพื้นที่ไม่ เหมาะสม 468.22 บาทต่อไร่ จึงส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิต่อผลผลิตในเขตพื้นที่เหมาะสมสูงกว่าในพื้นท่ี ไมเ่ หมาะสม ตารางที่ 3.3 ตารางเปรียบเทยี บตน้ ทุนการผลิตการปลกู ข้าวนาปใี นพน้ื ทเ่ี หมาะสม (S) และในพนื้ ที่ ไมเ่ หมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ พ้นื ทเ่ี หมาะสม พ้ืนท่ีไมเ่ หมาะสม (Suitability : S) (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมิน รวม เงนิ สด ประเมนิ รวม 1. ต้นทุนผันแปร 2,394.15 227.71 2,671.86 2,283.57 399.64 2,683.21 2. ต้นทนุ คงที่ - 744.03 744.03 - 988.02 988.02 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 2,456.53 959.35 3,415.88 2,287.00 847.33 3,671.23 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรมั - - 5.80 - 177.44 6.54 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) - - 589.19 - 23.25 561.65 6. ราคาเฉล่ยี ท่เี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.71 - 1,384.23 6.66 7. รายไดท้ ัง้ หมด (บาท/ไร)่ - - 3,953.46 - - 3,740.59 8. ผลตอบแทนสทุ ธติ อ่ ไร่ (บาท/ไร)่ - - 537.58 - - 69.36 9. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ผลผลิต (บาท/กก.) - - 0.91 - - 0.12 10. ปริมาณผลผลติ ตอ่ ไร่ ณ จดุ ค้มุ ทนุ (กก./ไร)่ - - 509.07 - - 551.24 ท่มี า : จากการสำรวจขอ้ มูล สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60
37 3.1.2 ขา้ วนาปรัง 1) ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ ข้าวนาปรังในพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตข้าวนาปรังในจังหวัดนครนายก ในพ้ืนท่ี เหมาะสม เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวนาปรังเฉล่ีย จำนวน 3,608.14 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 2,748.91 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 76.19 และต้นทุนคงท่ี จำนวน 859.23 บาทต่อไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 23.81 ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนที่เป็นเงินสด 2,225.82 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 61.69 และต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด 1,382.32 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็น รอ้ ยละ 38.31 โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุปัจจยั การผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่าพันธุ์ คา่ ยาปราบศัตรูพืชและวชั พืช รองลงมาเป็นค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าเก็บเกี่ยว ค่าเตรยี มดิน และค่าดูแลรักษา ส่วนต้นทุนไม่เป็นเงินสดนั้นส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ได้แก่ ค่าเช่าท่ีดิน รองลงมาเป็นต้นทุนผันแปร ได้แก่ ค่าแรงงานเตรียมดนิ คา่ ดูแลรกั ษา ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนท่ีเกษตรกรได้รับในการผลิตข้าวนาปรัง ในเขตพ้ืนท่ี เหมาะสม (S) ผลผลิตเฉลี่ย 732.71 กิโลกรัมต่อไร่ เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขายได้ เฉลี่ย 6.88 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 5,041.04 บาทต่อไร่ และจะได้รับผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 1,432.90 บาทต่อไร่ โดยที่จดุ คุ้มทุนในการผลิตข้าวนาปรัง ปริมาณผลผลติ ต่อไร่ ณ จุดคุ้มทนุ 524.44 กโิ ลกรัมต่อไร่
38 ตารางท่ี 3.4 ต้นทุนการผลิตข้าวนาปรงั ปี 2559 จังหวัดนครนายก ในพ้นื ทเ่ี หมาะสม (S) หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ในพืน้ ที่เหมาะสม (S) เงนิ สด ร้อยละ ประเมิน ร้อยละ รวม รอ้ ยละ 1. ต้นทนุ ผนั แปร 2,219.07 (61.50) 529.84 (14.68) 2,748.91 (76.19) 1.1 ค่าแรงงาน 927.91 (25.72) 425.14 (11.78) 1,353.05 (37.50) เตรยี มดิน 232.24 (6.44) 213.15 (5.91) 445.39 (12.34) ปลกู 48.78 (1.35) 10.96 (0.30) 59.74 (1.66) ดูแลรักษา 228.06 (6.32) 199.46 (5.53) 427.52 (11.85) เก็บเกี่ยว 418.83 (11.61) 1.57 (0.04) 420.40 (11.65) 1.2 คา่ วสั ดุ 1,240.41 (34.38) 32.77 (2.57) 1,333.18 (36.95) ค่าพันธ์ุ 301.53 (8.36) 85.32 (2.36) 389.85 (10.72) ค่าป๋ยุ 479.16 (13.28) 0.88 (0.02) 480.04 (13.30) คา่ ยาปราบศัตรพู ชื และวชั พืช 237.46 (6.58) 2.53 (00.7) 239.99 (6.65) คา่ สารอนื่ ๆ และวัสดุปรบั ปรุงดนิ 43.14 (1.20) 2.27 (00.6) 45.41 (1.26) ค่านำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ และหลอ่ ลื่น 125.37 (3.47) - (0.00) 125.37 (3.47) ค่าวสั ดุการเกษตรและวัสดุสิ้นเปลือง 39.92 (1.11) 0.13 (0.00) 40.05 (1.11) คา่ ซ่อมแซมอุปกรณ์การเกษตร 13.83 (0.38) 1.64 (0.05) 15.47 (0.43) 1.3 ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทนุ 50.75 (1.41) 11.93 (0.33) 62.68 (1.74) 2. ต้นทุนคงท่ี - (0.00) 859.23 (23.81) 859.23 (23.81) คา่ เช่าที่ดนิ - (0.00) 762.20 (21.12) 762.20 (21.12) ค่าเสอ่ื มอปุ กรณก์ ารเกษตร - (0.00) 83.63 (2.32) 83.63 (2.32) ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทนุ อปุ กรณ์การเกษตร - (0.00) 13.40 (0.37) 13.40 (0.37) 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,225.82 (61.69) 1,382.32 (38.31) 3,608.14 (100.00) 4. ต้นทุนต่อกิโลกรัม 4.92 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) 732.71 6. ราคาเฉล่ียท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 6.88 7. รายได้ท้ังหมด (บาท/ไร)่ 5,041.04 8. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 1,432.90 9. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อผลผลติ (บาท/กก.) 1.96 10. ปรมิ าณผลผลิตต่อไร่ ณ จุดคุม้ ทนุ (กก./ไร)่ 524.44 ทีม่ า : จากการสำรวจขอ้ มลู สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 ปี 2559/60
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107