การวิเคราะหด์ า้ นเศรษฐกจิ สนิ ค้าเกษตร เพ่ือเปน็ ทางเลือก ปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลติ ในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม ตามแผนท่ี Agri-Map จงั หวัดจนั ทบุรี สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 : 6th REGIONNAL OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICS สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร : OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICS กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : MINISTRY OF AGRICULTURAL AND COOPERATIVES มิถนุ ายน 2560 : JUNE 2017
บทคดั ยอ่ การวเิ คราะห์ด้านเศรษฐกิจการเกษตร จังหวัดสระแก้ว ปี 2559 มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและ ผลตอบแทนสินค้า Demand และ Supply ของสนิ คา้ TOP 4 ระดับจงั หวัด ไดแ้ ก่ ขา้ วหอมมะลิ มนั สำปะหลัง อ้อยโรงงาน และมะม่วง เพื่อเสนอแนะมาตรการในการปรับเปล่ียนการผลิตสินค้าในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสมเป็น สินค้าทางเลือกในระดับพื้นที่ โดยการสัมภาษณ์เกษตรกรตัวอย่าง และผู้ประกอบการ ใช้ฐานข้อมูลจาก Agri- Map Online โดยกำหนดให้พื้นท่ีเหมาะสม (S1,S2) และพื้นท่ีไม่เหมาะสม (S3,N) กำหนดหลักเกณฑ์ ความ เหมาะสมทางเศรษฐกจิ ใน 4 ระดบั คอื มาก ปานกลาง นอ้ ย และไม่เหมาะสม สรปุ ผลการศกึ ษาดังน้ี ข้าวหอมมะลิ ผลผลิตข้าวเจ้านาปีท่ีผลิตภายในจังหวัดสระแก้ว มีปริมาณ 207,722 ตันข้าวเปลือก เป็นข้าวหอมมะลิ (ข้าวหอมจังหวัด) ร้อยละ 76.59 และความต้องการใช้ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิของจังหวัด สระแก้วมีปริมาณ 207,724 ตันข้าวเปลือก แบ่งเป็นเก็บไว้ทำพันธุ์ร้อยละ 8.36 บริโภคร้อยละ 76.20 และ สง่ ออกไปต่างจงั หวัดร้อยละ 15.44 ทำให้มีผลผลิตไม่เพียงพอ และจากศึกษาต้นทุนการผลิตและผลตอบแทน การผลิตข้าวหอมมะลิ จังหวัดสระแก้ว พบว่าในเขตพื้นท่ีเหมาะสม (S) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตท้ังหมด (Total Cost : TC) 3,683.11 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร (Total Variable Cost : TVC ) 2,598.53 บาทตอ่ ไร่ หรือร้อยละ 70.55 และต้นทุนคงท่ี (Total Fixed Cost : TFC ) 1,084.57 บาทต่อไร่ หรอื ร้อยละ 29.45 ผลผลิตเฉลี่ย 327.37 กิโลกรัมต่อไร่ เกษตรกรจะมีรายได้ 2,330.87 บาทต่อไร่ เกษตรกรขาดทุน 1,352.24 บาทต่อไร่ ส่วนในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) ตน้ ทุนการผลิตทง้ั หมด (TC) 3,956.54 บาทต่อไร่ โดยเป็น ต้นทุนผันแปร (TVC ) 2,762.42 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 69.82 และต้นทุนคงที่ (TFC) 963.20 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 30.18 ผลผลติ เฉลยี่ 323.59 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ราคา ณ ไร่นา 7.12 บาทต่อกโิ ลกรัม เกษตรกรจะมี รายได้ 2,303.89 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรขาดทุนไร่ละ 1,652.65 บาทต่อไร่ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (1) ในพ้ืนท่ี S1,S2 ควรมีการถ่ายทอดความรู้การใช้พ้ืนที่ตามความเหมาะสม Zoning By Agi-Map สร้าง กระบวนการขับเคล่ือนแบบแปลงใหญ่ ส่งเสริมงานวิจัยด้านพัฒนาพันธ์ุ สนับสนุนให้ได้มาตรฐาน GAP จนถึง อนิ ทรีย์ ส่งเสริมให้มกี ารใช้นวตั กรรมเพ่ือสรา้ งมูลค่าเพ่ิม และถ่ายทอดองค์ความรผู้ ่าน ศพก./ปราชญ์ และ (2) สว่ นพ้ืนที่ S3 และ N ที่เป็นแหล่งผลิตเพื่อบรโิ ภคในครัวเรอื น ก็ทำการผลิตต่อไป ในแหล่งผลติ เพื่อการค้าควร ปรับเปล่ียนไปปลูกพืชอืน่ ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน มะม่วง ลำไย หรือ หญ้าเนเปียร์ และการ เลี้ยงปศุสตั ว์ (โคเน้ือ/แพะ) ตามโครงการท่ีรัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทต่ี ้องการผลักดันให้จังหวัด สระแก้วเป็นเมืองโคบาลบูรพา ท่ีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางดำเนินงานโครงการแล้ว และ อนมุ ัตงิ บกลาง จำนวน 1,028.40 ล้านบาท เมอื่ วนั ที่ 6 มถิ ุนายน 2560 มันสำปะหลัง ในเขตพ้ืนท่ีเหมาะสม (S) ได้ผลผลิตเฉลี่ย 3,317.29 กิโลกรัมต่อไร่ โดยเกษตรกรมี ต้นทุนการผลิตเฉล่ีย (TC) 5,803.83 บาทต่อไร่ เป็นต้นทุนผันแปร (TVC ) 4,530.02 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 78.05 และต้นทุนคงท่ี (TFC) 1,273.81 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 21.91 ราคา ณ ไร่นา 1.57 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 5,208.15 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรขาดทุน 595.68 บาทต่อไร่ ส่วนในพื้นท่ีไม่ เหมาะสม (N) ผลผลิตเฉล่ีย 3,154.34 กิโลกรัมต่อไร่ เกษตรกรมีต้นทุนการผลิต(TC) 5,322.56 บาทต่อไร่ เป็นต้นทุนผันแปร (TVC ) 4,193.49 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 78.79 และต้นทุนคงที่ (TFC) 1,129.07 บาทต่อ ไร่ หรอื ร้อยละ 21.21 เกษตรกรจะมีรายได้ 4,952.31 บาทตอ่ ไร่ ดงั นน้ั เกษตรกรขาดทนุ 370.25 บาทต่อไร่
ข ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (1) ในพ้ืนที่ S1,S2 ต้องถ่ายทอดความรู้ Zoning By Agi-Map สร้างกระบวนการ ขับเคล่อื นแบบแปลงใหญ่ เพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลติ โดยลดตน้ ทนุ การผลติ สง่ เสรมิ งานวิจัยด้านพัฒนาพนั ธุ์ ส่งเสริมใหม้ ีการใชน้ วตั กรรมเพ่ือสรา้ งมูลคา่ เพิ่ม และทำ MOU กับผู้ประกอบการ สว่ นในพื้นท่ี S3 , N ควรมี การปรบั เปลีย่ นไปปลกู พืชทใี่ หผ้ ลตอบแทนสูงกวา่ เช่น อ้อยโรงงาน มะม่วง และ ลำไย อ้อยโรงงาน จังหวัดสระแก้วมีผลผลิตอ้อยโรงงานปีละ 3,371,704 ตัน แต่ยังไม่เพียงพอกับความ ต้องการโรงงานในพื้นท่ี และผลตอบแทนในการผลิตในพื้นที่เหมาะสม (S) ได้ผลผลิตเฉล่ีย 11.64 ตันต่อไร่ ต้นทุนการผลิต (TC) 8,824.28 บาทต่อไร่ เป็นต้นทุนผันแปร (TVC) 7,313.51 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 82.88 และต้นทุนคงที่ (TFC) 1,510.77 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 17.12 ราคา ณ ไร่นา 793.10 บาทต่อตัน และมรี ายได้ 9,233.20 บาทต่อไร่ ดงั น้ันมีกำไร 408.92 บาทต่อไร่ ส่วนในพนื้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) ผลผลิต เฉลี่ย 11.28 ตันต่อไร่ ต้นทุนการผลิต (TC) 8,411.63 บาทต่อไร่ เป็นต้นทุนผันแปร (TVC) 6,848.47 บาท ต่อไร่ หรือร้อยละ 81.42 ต้นทุนคงที่ (TFC) 1,563.16 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 18.58 รายได้ 8,942.71 บาท ต่อไร่ หรือมีกำไร 531.08 บาทต่อไร่ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (1) ในพื้นที่ S1,S2 ถ่ายทอดความรู้ Zoning By Agi-Map สร้างกระบวนการขับเคล่ือนแบบแปลงใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยลดต้นทุน การผลิต ส่งเสริมงานวิจัยด้านพัฒนาพันธุ์ และทำ MOU กับผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล (2) ส่วนในพื้นท่ี S3 , N ควรลดพื้นที่การผลติ สนิ ค้าที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาปลูกอ้อยทดแทน เช่น ข้าวนาปี และมันสำปะหลงั ที่ ปลกู ในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) มาปลูกออ้ ยที่ให้ผลตอบแทนสงู กว่า มะม่วง มะม่วงเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีทำรายได้เป็นอนั ดบั ท่ี 6 ของจังหวัดสระแกว้ เป็นสินค้าเดน่ ทนี่ ่าจับ ตามองของจังหวัด ปี พ.ศ.2558 มีมูลค่า 249 ล้าน จากข้อมูลกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2560 คาดว่าจังหวัด สระแก้ว มีพื้นที่ปลูกมะม่วง 10,314 ไร่ ผลผลิต 9,900.60 ตัน และเนื่องจากมะม่วงไม่มีพ้ืนท่ีความเหมาะสม ในการปลูกโดยตรง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 จึงได้จัดเก็บต้นทุนการผลิตโดยไม่แบ่งตามพื้นที่ระดับ ความเหมาะสม โดยการเก็บข้อมูลต้นทุนการผลิต พบว่าได้ผลผลิต 1,256.36 กิโลกรัมไร่ และมีต้นทุนการผลิต (TC) 18,890.86 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร (TVC) 15,730.80 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 83.27 และ ตน้ ทนุ คงท่ี (TFC) 3,160.06 บาทต่อไร่ หรอื รอ้ ยละ 16.73 ราคา ณ ไรน่ า 42.71 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะ มีรายได้ 53,659.14 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรจะมีกำไร 34,768.28 บาทต่อไร่ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (1) ในพ้ืนท่ี S1,S2 ถ่ายทอดความรู้ Zoning By Agi-Map เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยลดต้นทุนการผลิต สง่ เสริมงานวิจัยด้านพัฒนาพันธ์ุ สร้างแบรนด์ของจังหวัด (2) สว่ นในพื้นท่ี S3 , N ควรลดพื้นที่การผลิตสินค้า ทใี่ ห้ผลตอบแทนต่ำมาปลูกมะม่วงทดแทน เช่น ขา้ วนาปี และมันสำปะหลัง ทป่ี ลูกในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) มา ปลกู มะมว่ งท่ใี หผ้ ลตอบแทนสูงกว่า
ค คำนำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาท่ีดิน ได้จัดทำเขตความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช เศรษฐกิจท่ีสำคัญ ซ่ึงได้วิเคราะห์ความเหมาะสมของดิน กับปัจจัยความต้องการของพืชแต่ละชนิด ร่วมกับ ปจั จยั ทเี่ กย่ี วข้องอน่ื ๆ เชน่ เขตปา่ ไม้ตามกฎหมาย เขตพ้ืนทชี่ ลประทาน นอกจากน้นั ยังได้กำหนดการบริหาร จัดการพื้นทเี่ กษตรกรรม ( Zoning ) เพ่อื จัดการผลผลติ ทางการเกษตรใหส้ อดคล้องกับความต้องของตลาด ใน พื้นที่เหมาะสมมากและปานกลาง จะส่งเสริมให้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับพ้ืนที่เหมาะสมน้อยและไม่ เหมาะสม จะสง่ เสรมิ ใหป้ รับเปล่ยี นไปเปน็ สินค้าเกษตรอ่ืน ท่ีมีความเหมาะสมกว่า ในปีงบประมาณ 2560 นี้ สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ได้ศกึ ษาถึงความเหมาะสมทางกายภาพ และเศรษฐกิจสินค้าเกษตรทีส่ ำคญั 5 ชนิด ของจงั หวัดจันทบุรี ได้แก่ ยางพารา ลำไย ทุเรียน มงั คุด และเงาะ ทำการวิเคราะห์ทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการปรับเปล่ียนพ้ืนท่ีไม่ เหมาะสม สินค้าทางเลือก และมาตรการภาครัฐเพ่ือสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยน ในพื้นที่ไม่เหมาะสม อีกทั้ง ให้ข้อเสนอแนะการเพ่ิมประสิทธิภาพในพ้ืนที่เหมาะสม เพอื่ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวข้อง ได้ นำผลการศึกษาน้ีไปใช้ประกอบในการตัดสินใจดำเนินงานตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ซ่ึงจะ ทำให้การ ขบั เคลื่อนการจดั การสนิ ค้าเกษตรในระดับพน้ื ทีใ่ ห้มีความเหมาะสมต่อไป ส่วนแผนพัฒนาเขตเศรษฐกจิ การเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 สงิ หาคม 2560
ง หนา้ ข สารบัญ ค ง บทคดั ย่อ จ คำนำ ฉ สารบญั 1 สารบัญตาราง 6 สารบัญภาพ บทท่ี 1 บทนำ 25 บทท่ี 2 สภาพทั่วไป บทท่ี 3 ผลการวเิ คราะห์ 25 33 3.2 ต้นทนุ การผลิตและผลตอบแทนตามระดบั ความเหมาะสมของพื้นทีส่ ินค้า 40 เกษตรท่ีสำคัญ ( Top 5 ) 45 3.1.1 ยางพารา 50 3.1.2 ลำไย 50 3.1.3 ทุเรยี น 74 3.1.4 มงั คดุ 3.1.5 เงาะ บทท่ี 4 สรปุ ขอ้ เสนอแนะ เอกสารอา้ งอิง
จ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 1 จำนวนอำเภอ ตำบล หมบู่ า้ น เทศบาล องคก์ ารบริหารส่วนตำบล จังหวดั สระแกว้ 9 ตารางที่ 2 จำนวนประชากรจงั หวดั สระแก้ว ประจำปี พ.ศ.2558 10 ตารางที่ 3 พื้นที่เพาะปลกู พืชเศรษฐกิจจงั หวดั สระแกว้ 14 ตารางท่ี 4 พื้นที่ปลูกข้าวตามระดบั ความเหมาะสมของพ้ืนท่ี จงั หวดั สระแก้ว 18 ตารางที่ 5 พ้นื ที่ปลกู มันสำปะหลังตามระดับความเหมาะสมของพ้ืนที่ จังหวดั สระแก้ว 22 ตารางท่ี 6 พ้ืนท่ีปลกู มันอ้อยโรงงานตามระดบั ความเหมาะสมของพนื้ ท่ี จังหวัดสระแกว้ 26 ตารางท่ี 7 พน้ื ที่ปลกู มะม่วงจังหวดั สระแก้ว ปี พ.ศ.2557-2559 28 ตารางท่ี 8 พืน้ ที่ปลกู ลำไยตามระดับความเหมาะสมของพ้ืนท่ี จงั หวัดสระแก้ว 31 ตารางท่ี 9 ภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือน จังหวดั สระแกว้ ปี 2558/59 35 ตารางที่ 10 ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ มันสำปะหลังในพ้นื ทเี่ หมาะสม (S) 37-38 ตารางที่ 11 ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ มนั สำปะหลังในพนื้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) 39 ตารางท่ี 12 เปรียบเทยี บต้นทุนการผลติ มนั สำปะหลังในพ้ืนที่เหมาะสม (S) และ 40 ไม่เหมาะสม (N) ปี 2559/60 41 ตารางที่ 13 ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ข้าวหอมมะลิในพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) 42-43 ตารางท่ี 14 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ ข้าวหอมมะลิในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) 43 ตารางท่ี 15 เปรยี บเทยี บตน้ ทุนการผลติ ข้าวหอมมะลใิ นเขตพน้ื ที่เหมาะสม(S) และ 44-45 ไม่เหมาะสม (N) 46 ตารางที่ 16 ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตอ้อยโรงงานในพน้ื ที่เหมาะสม (S) 47 ตารางท่ี 17 ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ออ้ ยโรงงานในพนื้ ท่ีไมเ่ หมาะสม (N) ตารางท่ี 18 เปรียบเทียบตน้ ทุนการผลติ ออ้ ยโรงงานในเขตพน้ื ที่เหมาะสม (S) และ 48 49 ไมเ่ หมาะสม(N) ตารางที่ 19 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ มะมว่ ง 54 ตารางท่ี 20 เปรียบเทยี บ ตน้ ทนุ การผลิต ผลตอบแทน สนิ ค้าท่ีสำคญั ( สินคา้ Top 4) 55 จงั หวดั สระแกว้ ตารางที่ 21 ราคาขา้ วเปลือกหอมมะลิทีเ่ กษตรกรขายได้ทีไ่ ร่นาเฉลยี่ รายเดอื น ปี 2559-2560 64 จงั หวัดสระแก้ว ตารางท่ี 22 การบรหิ ารจัดการสินคา้ ข้าวหอมมะลิเชงิ พน้ื ที่ฤดกู ารผลิตปี 2559/60 จงั หวัดสระแก้ว ตารางท่ี 23 สรุปสินค้าต่าง ๆ ทส่ี ามารถปรับเปล่ียนพื้นท่ีนาไม่เหมาะสม (N) ในอำเภอต่างๆ จังหวดั สระแก้ว
สารบญั ตาราง (ต่อ) หนา้ ตารางที่ 24 เปรียบเทียบ ต้นทุนการผลิต ผลตอบแทน ข้าวไม่เหมาะสม (N) เป็นออ้ ยโรงงาน 66 ตารางที่ 25 เปรียบเทียบ ต้นทุนการผลิต ผลตอบแทน ข้าวไมเ่ หมาะสม (N) เป็นมะมว่ ง 67 ตารางท่ี 26 เปรียบเทยี บ ต้นทนุ การผลติ ผลตอบแทน ข้าวไม่เหมาะสม (N) เป็นมะม่วง 67 ตารางที่ 27 สรปุ สินค้าต่างๆ ที่สามารถปรบั เปล่ยี นพ้นื ท่มี ันสำปะหลงั ไมเ่ หมาะสม (N) 68 ในจงั หวัดสระแก้ว 71 ตารางที่ 28 เปรียบเทยี บ ต้นทุนการผลติ ผลตอบแทน มันสำปะหลังไม่เหมาะสม (N) 71 เป็นอ้อยโรงงาน 72 ตารางท่ี 29 เปรยี บเทียบ ต้นทนุ การผลิต ผลตอบแทน มันสำปะหลัง (N) เปน็ มะมว่ ง ตารางท่ี 30 เปรียบเทยี บ ต้นทนุ การผลติ ผลตอบแทน มันสำปะหลงั ไมเ่ หมาะสม (N) 73 เปน็ มะมว่ ง ตารางที่ 31 เปรียบเทยี บ ต้นทุนการผลิต ผลตอบแทน ข้าวไมเ่ หมาะสม (N) เป็นหญา้ เนเปยี ร์
ฉ สารบัญภาพ หนา้ แผนภาพท่ี 1 แผนที่จงั หวดั สระแก้ว 8 แผนภาพที่ 2 ผลติ ภัณฑม์ วลรวมจังหวดั สระแก้ว ปี 2558 11 แผนภาพท่ี 3 ผลิตภณั ฑม์ วลรวมจังหวดั รายไดต้ ่อหัว จังหวดั สระแก้ว ปี 2548-2558 11 แผนภาพท่ี 4 มลู คา่ เพ่มิ ผลิตภณั ฑม์ วลรวมสนิ ค้าท่สี ำคัญในภาคเกษตรแกว้ ปี 2558 12 แผนภาพท่ี 5 แผนท่กี ารใช้ทดี่ นิ จังหวดั สระแกว้ ปี 2557 13 แผนภาพที่ 6 แผนทีก่ ารการปลกู พืชเศรษฐกจิ จงั หวัดสระแกว้ ปี 2557 14 แผนภาพท่ี 7 พ้ืนที่การปลกู เกบ็ เก่ียว ผลผลติ ตอ่ ไร่ ขา้ วนาปี จงั หวดั สระแกว้ 16 แผนภาพท่ี 8 พื้นที่ความเหมาะสมในการปลกู ขา้ วจงั หวัดสระแก้ว 17 แผนภาพที่ 9 พ้นื ทป่ี ลูกขา้ วตามระดับความเหมาะจังหวัดสระแก้ว 17 แผนภาพท่ี 10 พื้นที่ปลกู ขา้ วตามระดบั ความเหมาะสมในอำเภอตา่ งๆ จงั หวดั สระแกว้ 19 แผนภาพที่ 11 เนื้อที่เกบ็ เกี่ยว ผลผลิต ผลิตตอ่ ไร่ มันสำปะหลงั จังหวัดสระแก้ว 19 ปี 2550-2560 20 แผนภาพท่ี 12 พื้นทคี่ วามเหมาะสมในการปลูกมันสำปะหลังจังหวัดสระแกว้ 21 แผนภาพที่ 13 พืน้ ท่ปี ลูกมนั สำปะหลังตามระดบั ความเหมาะจงั หวัดสระแกว้ 21 แผนภาพที่ 14 พ้นื ทก่ี ารปลกู มนั สำปะหลงั ตามระดับความเหมาะสมในอำเภอต่างๆ 23 ของจงั หวัดสระแก้ว แผนภาพที่ 15 เน้ือทเี่ กบ็ เกยี่ ว ผลผลิต ผลิตตอ่ ไร่ ออ้ ยโรงงาน จังหวดั สระแกว้ 24 24 ปี 2549-2559 25 แผนภาพที่ 16 พื้นทคี่ วามเหมาะสมในการปลกู อ้อยโรงงานจงั หวัดสระแก้ว แผนภาพท่ี 17 พื้นทป่ี ลูกออ้ ยโรงงานตามระดับความเหมาะจังหวัดสระแกว้ 27 แผนภาพที่ 18 พ้ืนทกี่ ารปลกู อ้อยโรงงานตามระดบั ความเหมาะสมในอำเภอต่างๆ 29 ของจงั หวดั สระแก้ว 29 แผนภาพท่ี 19 เน้ือทเ่ี พาะปลูก เน่อื ที่ให้ผล ผลผลติ ผลิตตอ่ ไร่ มะมว่ ง จงั หวัดสระแก้ว 30 30 ปี 2553-2560 32 แผนภาพท่ี 20 เน้ือทีเ่ ก็บเกยี่ ว ผลผลติ ผลติ ตอ่ ไร่ ลำไย จงั หวดั สระแกว้ ปี 2550-2560 33 แผนภาพท่ี 21 พื้นท่คี วามเหมาะสมในการปลกู ลำไยจังหวัดสระแกว้ แผนภาพที่ 22 พื้นทป่ี ลกู ลำไยตามระดบั ความเหมาะจังหวัดสระแกว้ แผนภาพที่ 23 พ้ืนทกี่ ารปลูกลำไยตามระดบั ความเหมาะสมในอำเภอตา่ งๆ ของจังหวดั สระแกว้ แผนภาพที่ 24 โรงสขี ้าวขนาดตา่ งๆ ในจังหวดั สระแกว้ แผนภาพท่ี 25 แหล่งรับซ้ือท่ีสำคัญทเี่ กีย่ วข้องกบั ดา้ นการเกษตรทสี่ ำคญั จงั หวดั สระแก้ว
สารบัญภาพ (ต่อ) หนา้ แผนภาพท่ี 26 วิถีการตลาดสินค้าข้าวเปลือกหอมมะลิ ในจงั หวัดสระแกว้ 53 แผนภาพท่ี 27 แนวคดิ การบรหิ ารจดั การสนิ ค้าเกษตรในเขตเศรษฐกจิ Zoning ดว้ ย Agri-Map 63 แผนภาพที่ 28 แสดงพื้นที่ขา้ วไมเ่ หมาะสม (N) ปรับเปล่ยี นเป็นออ้ ยโรงงาน จังหวดั สระแกว้ 64 แผนภาพที่ 29 แสดงพ้นื ท่ีขา้ วไมเ่ หมาะสม (N) ปรบั เปลี่ยนเป็นมะม่วง(ไมผ้ ล) จงั หวัดสระแกว้ 65 แผนภาพที่ 30 แสดงพื้นท่ีขา้ วไม่เหมาะสม (N) ปรับเปลย่ี นเป็นลำไย จงั หวดั สระแกว้ 65 แผนภาพท่ี 31 แสดงพนื้ ที่มันสำปะหลังไม่เหมาะสม (N) ปรบั เปลย่ี นเป็นอ้อยโรงงาน 69 จงั หวดั สระแกว้ แผนภาพท่ี 32 แสดงพื้นที่มันสำปะหลังไม่เหมาะสม (N) ปรบั เปล่ยี นเปน็ มะม่วง (ไมผ้ ล) 69 จงั หวัดสระแก้ว แผนภาพที่ 33 แสดงพน้ื ทมี่ ันสำปะหลงั ไม่เหมาะสม (N) ปรับเปลีย่ นเปน็ ลำไย จังหวัดสระแก้ว 70
บทท่ี 1 บทนำ 1.1 หลักกำรและเหตุผล ด้วยยุคสมัยน้ีการทาการเกษตรภายใต้บริบทการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจ (Zoning) ซ่ึง เป็นการใช้ประโยชน์ท่ีดินของประเทศให้เกดิ ประโยชน์และมีประสทิ ธภิ าพสูงสุดน้ัน ไดก้ ลายเป็นหัวใจสาคญั ของการ จัดการผลผลิตทางการเกษตร ท้ังน้ีเพ่ือให้เกิดความสอดคล้องกันระหว่างผลผลิตกบั ความต้องการของตลาด สาหรับ ประเทศไทยมีจุดเร่ิมต้นมาตั้งแต่ พ.ศ.2522 โดยการประกาศใช้พระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ.2522 ซึ่ง หลายรัฐบาลที่ผ่านมาได้พยายามนานโยบายดังกล่าวมาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่าง อุป สงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) สามารถรักษาเสถียรภาพของระดับราคาและยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้ สูงขึ้น โดยท่ีผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเขตความเหมาะสมสาหรับการปลูกพืช ปศุสัตว์ ประมง ในแตล่ ะชนิดพร้อมจดั ทาแผนท่ีประกอบจานวน 20 ชนิดสินคา้ ได้แก่ พืช 13 ชนิด (ขา้ ว มันสาปะหลงั ยางพารา ปาล์ม นา้ มัน อ้อยโรงงาน ขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ สับปะรดโรงงาน ลาไย เงาะ ทเุ รียน มังคุด มะพร้าว กาแฟ) ปศุสัตว์ 5 ชนิด (โคเน้ือ โคนม สุกร ไก่เน้ือ ไก่ไข่) และประมง 2 ชนดิ (กงุ้ ทะเล สตั ว์น้าจดื ) โดยแนวทางในการบริหารจัดการ คอื การจัดทาโครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในเขตพ้ืนที่เหมาะสมและการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตในเขตพ้ืนที่ไม่เหมาะสมหรือ เหมาะสมน้อย โดยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปพื้นที่เขตเพาะปลูก ข้าวว่ามีพื้นท่ีไม่เหมาะสมอยู่ในโซนใดบ้าง และพ้ืนที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมที่จะปรับเปล่ียนไปปลูกพืชชนิดอื่น หรือไม่ ทั้งน้ีต้องเป็นไปภายใต้ความสมัครใจของเกษตรกร รวมท้ังการผลิตต้องคานึงถึงอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ด้วย ต่อมาวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ได้มีการจัดทาข้อเสนอเพ่ิมเติมตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการ ปรับลดพืน้ ทป่ี ลูกขา้ ว ซึ่งตอ่ มาคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้เหน็ ชอบแนวทางการบริหารจัดการในเขต Zoning สินค้าเกษตรและพ้ืนที่นอก Zoning โดยพื้นท่ีเขต Zoning ท่ีมีความเหมาะสมสาหรับการปลูกข้าวบริหาร จัดการโดยเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพ่ิมผลผลิตต่อไร่ พัฒนาคุณภาพข้าวให้มีคุณภาพดี สอดคล้องกับความต้องการของตลาด จัดทาแปลงต้นแบบ จัดระบบการปลูกข้าวในเขตพื้นท่ีชลประทานเพื่อป้องกันการ ระบาดของศัตรูข้าว พื้นที่นอกเขต Zoning หมายถึง พื้นที่เหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสมสาหรับการปลูกข้าว ให้ ดาเนินการส่งเสริมทางเลือกในการปลูกพืชอื่นทดแทน พร้อมท้ังมีการวิเคราะห์เชิงผลตอบแทนการผลิต การตลาด เพือ่ ให้เกษตรกรพิจารณาเปน็ ทางเลือกในการตดั สินใจปรบั เปลยี่ นตามความต้องการของเกษตรกรเอง ต่อมาได้มีการจัดทาแผนท่ีเกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agricultural Map for Dynamic Management : Agri-Map) เพ่ือใช้เป็นแผนท่ีสาหรับบริหารจัดการการเกษตรรายจังหวัดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบันและอนาคต โดยบูรณาการข้อมูลพ้ืนฐานด้านการเกษตรจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ สาหรับใช้เป็นเคร่ืองมือบริหารจัดการการเกษตรไทยอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกพ้ืนที่ โดยข้อมูลที่ นาเข้าจะประกอบด้วย ข้อมูลด้านการเกษตรและด้านการพาณิชย์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การ วิเคราะห์จาเป็นต้องคานึงถึงสมดุลของทรัพยากรการผลิต (ดิน น้า พืช)ผลผลิต อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) รวมทั้งปัจจัยการผลติ จงึ จะทาให้สามารถบรหิ ารจัดการสินค้าเกษตรสอดคล้องกบั สถานการณ์ปัจจุบนั และ สามารถคาดการณ์ในอนาคตได้ โดยเฉพาะหากเกษตรกรมีการเปล่ียนแปลงการปลูกพืชท่ีเปล่ียนแปลงไปตาม สถานการณ์นั้นๆ ที่สาคัญเป็นการนาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใชก้ ับขอ้ มูลด้านการเกษตร ซ่ึงสามารถตอบโจทย์การ ช่วยเหลอื และแก้ปญั หาให้กับเกษตรกรไทยในรายพนื้ ท่ีไดเ้ ปน็ อย่างดี ดังน้ัน เพ่ือเสนอแนะข้อเสนอเชิงนโยบายในการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตรใน พ้ืนท่ีไม่เหมาะสมตามแผนท่ี Agri-Map เป็นสินค้าทางเลือก สานักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 จึงได้จัดทาการ
2 วิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตรระดับจังหวัด เพื่อให้มีการผลิตที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นท่ี เพิ่ม ประสิทธิภาพและคุณภาพผลผลิต และสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) เพ่ือนามา ซงึ่ คุณภาพชีวิตท่ดี ขี น้ึ ของเกษตรกรต่อไป 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนสนิ ค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง 5 อนั ดบั (top 5) ในจังหวัดจันทบุรี 2) เพ่ือศึกษาความสมดลุ ระหวา่ งอุปสงค์ อุปทาน ( Demand & Supply ) สนิ ค้าเกษตรทีม่ ีมลู ค่า สงู 4 อันดบั (top 4 ) และสนิ คา้ ทางเลือก ในจังหวัดจนั ทบุรี 3) เพ่ือเสนอแนะมาตรการในการปรับเปลย่ี นการผลิตสนิ ค้าในพน้ื ท่ีไมเ่ หมาะสมเป็นสนิ ค้า ทางเลือกในระดับพ้นื ที่ของจงั หวดั จันทบุรี 1.3 ขอบเขตกำรศกึ ษำ ศึกษาสนิ ค้าเกษตรทีม่ ีมลู ค่าสูง 5 อนั ดับ (top 5 ) ได้แก่ ยางพารา ลาไย ทเุ รยี น มังคุดและเงาะ และสินคา้ ทางเลอื ก ครอบคลุมในพ้นื ทจี่ งั หวัดจันทบรุ ี 1.4 วิธกี ำรศึกษำ/กรอบแนวคดิ 1.4.1 กำรวเิ ครำะห์ควำมเหมำะสมและศักยภำพของพื้นท่ี โดยการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนท่ี Agri-map โดยการประเมินคุณภาพ ท่ีดิน(Qualitative Land Evaluations) ซึ่งเป็นการพิจารณาศักยภาพของหน่วยทรัพยากรท่ีดินต่อการใช้ประโยชน์ ท่ีดนิ ประเภทต่างๆ นอกจากการประเมินทางดา้ นคุณภาพหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งวา่ เปน็ การประเมินเชิงกายภาพ การ ประเมนิ ทางด้านปริมาณหรือดา้ นเศรษฐกิจ ซ่ึงจะใหค้ ่าตอบแทนในรูปผลผลิตทีไ่ ด้รับ ตวั เงินในการลงทุน และตัวเงิน จากผลตอบแทนท่ีได้รับเป็นส่ิงบง่ ชท้ี ่ีถึงความเหมาะสม หรอื การจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจอย่างแทจ้ ริง ตามแผนท่ี ความเหมาะสม 4 ระดับ คือ (1) ระดับขั้นท่ีมีความเหมาะสมสูง (Highly suitable : S1) (2) ระดับช้ันท่ีมีความ เหมาะสมปานกลาง ( Moderately suitable : S2 ) (3) ระดับช้ันทีม่ ีความเหมาะสมน้อย ( Marginally suitable : S3 ) และ (4) ระดับช้ันที่ไม่เหมาะสม (N) ว่ามีจานวนพ้ืนท่ีเท่าใดและอยู่ในพื้นที่บริเวณใดบ้าง และนาข้อมูลมาจัด ชั้นพื้นท่ีเป็น 2 ระดับ คือ (1) พื้นท่ีทีม่ ีความเหมาะสมการปลกู ( Suitability : S ) คือ พ้นื ท่ีท่ีมีความเหมาะสมมาก (S1) รวมกับพื้นท่ีช้นั ทีม่ ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) และ (2) พ้ืนทีไ่ มเ่ หมาะสม (Not suitability : N) คอื พน้ื ที่ท่ี มีความเหมาะสมน้อย (S3) และพ้ืนที่ท่ีไม่มีความเหมาะสม (N) ของสินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดับ (top 4 ) ได้แก่ ข้าว มนั สาปะหลงั อ้อยโรงงาน มะม่วง และสินคา้ ทางเลือก ในจังหวดั สระแกว้ และลงพ้ืนทเ่ี พ่อื ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงในว่าปัจจุบันมีปลูกอยู่มากน้อยเท่าไร และปลูกอยู่ในแต่ละพื้นที่ระดับความเหมาะสมจานวนเท่าไรของ การปลูกพืชเศรษฐกิจแต่ละชนิดสินค้าในพื้นท่ีจังหวัดสระแก้วและสารวจพ้ืนท่ีเพ่ือยืนยันข้อมูลตามแผนท่ี ความ เหมาะสม 1.4.2 กรอบแนวคดิ ตน้ ทุน และกำรจดั ทำบญั ชีสมดุลสนิ คำ้ เกษตร (Demand &Supply) (1) ทฤษฎตี ้นทนุ กำรผลิตและผลตอบแทน การวิเคราะห์ต้นทุนจะพิจารณาท้งั ต้นทุนทเี่ ปน็ เงินสด (Explicit Cost) และต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด (Implicit Cost) โดยสภาพการผลิตท่ีเป็นจริงของเกษตรกร ต้นทุนที่เป็นเงินสด คือต้นทนุ ที่เกษตรกรจ่ายออกไปจริงเป็นเงนิ สด ส่วนต้นทุนท่ไี ม่เป็นเงินสด คอื ต้นทุนที่เกษตรกร ไม่ได้เสียค่าใช้จา่ ย แตไ่ ดป้ ระเมนิ ใหส้ าหรบั คา่ ปัจจยั การผลติ และแรงงานทเ่ี ป็นของเกษตรกรเอง ซงึ่ องคป์ ระกอบของ ต้นทนุ การผลติ แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 1) ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) เป็นค่าใช้จา่ ยท่ีไม่เปล่ียนแปลงไปตามปรมิ าณการผลติ
3 หรือไม่เปลี่ยนแปลงแม้ไม่ทาการผลิตเลย ซ่ึงเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนจากการใช้ปัจจัยคงท่ีในการผลิต ประกอบด้วย ต้นทุนคงที่ท่ีเป็นเงินสด ได้แก่ ค่าเช่าที่ดิน ค่าภาษีที่ดิน เป็นต้น ต้นทุนคงที่ท่ีไม่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิต ไม่ไดจ้ า่ ยออกไปจรงิ เช่น ค่า ใช้ทีด่ นิ และค่าเส่ือมราคาอุปกรณ์ซึง่ มอี ายุการใชง้ านมากกวา่ 1 ปี เปน็ ต้น สาหรบั การคานวณค่าเสื่อมราคาใช้วธิ ีคดิ แบบเส้นตรง (The Straight – Line Method) การคานวณโดยวิธนี จี้ ะได้คา่ เส่อื มราคาทรพั ย์สินต่อปคี งท่ีเท่ากนั ซึง่ มีวิธีการคอื คา่ สึกหรอหรอื ค่าเสอ่ื มราคาต่อปี = (ราคาทรพั ยส์ ินทซ่ี อ้ื มา – มลู คา่ ซาก) อายุการใช้งาน (ปี) 2) ตน้ ทนุ ผนั แปร (Variable Cost) เปน็ คา่ ใช้จา่ ยทเี่ ปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณผลผลติ ท่ีผลิตได้รับ ซึ่งประกอบด้วย ต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ค่าจ้าง แรงงาน ค่าปุ๋ย เป็นต้น และ ต้นทุนผันแปรที่ไม่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตที่เป็นของตนเอง และได้ประเมินค่าออกมาเป็นเงินสด เช่น ค่าแรงงานในครัวเรือนจะประเมินค่าเป็นเงินสด ตามอัตราค่าจ้างแรงงาน ในท้องถิน่ น้นั ) เป็นต้น สาหรบั การวิเคราะห์ตน้ ทุนและรายได้ จะทาให้ทราบถึงกาไรทเ่ี กษตรกรจะได้รบั เพ่ือใช้ เป็นข้อมลู ในการพจิ ารณาความสาเร็จหรอื ล้มเหลวในการผลิต โดยมวี ิธีการคานวณ ดังนี้ ต้นทนุ ทั้งหมด = ตน้ ทุนคงที่ + ต้นทุนผนั แปร ต้นทนุ คงที่ = คา่ ใชท้ ด่ี นิ หรือคา่ เช่าท่ีดิน + ค่าเสอ่ื มราคาอปุ กรณ์การเกษตร ตน้ ทุนผนั แปร = คา่ แรงงาน + คา่ วสั ดุอุปกรณก์ ารเกษตร รายได้ท้ังหมด = ผลผลิตทั้งหมด x ราคาทเ่ี กษตรกรไดร้ บั รายได้สทุ ธิ = รายได้ทงั้ หมด - ต้นทุนผันแปร กาไร = รายไดท้ ้งั หมด - ต้นทนุ ทั้งหมด (2) บญั ชสี มดุลสนิ ค้ำเกษตรและปีกำรตลำด (National Marketing Year) แนวคดิ การทาบัญชสี มดลุ สินคา้ เกษตรมีความใกล้เคียงกับการทาบัญชีสมดลุ ทางการเงินท่ัวไป ท่ีเรารู้จักกัน ในขณะที่บัญชีสมดุลทางการเงินเป็นการทาข้อมูลเกี่ยวกับ “รายรับและผลประโยชน์” เท่ากับ “รายจ่ายและการเสียผลประโยชน์” หรือ “กาไร” เท่ากับ “ขาดทุน” ซึ่งเป็นการลงข้อมูลเปน็ มูลค่าของเงินที่เกิดขึ้น บัญชีสมดุลสินค้าเกษตรเป็นการบันทึกปริมาณของสินค้าเกษตร และสามารถจัดทาได้ทั้งในระดบั ประเทศและระดับ จังหวัด ด้านการบนั ทกึ ขอ้ มลู สามารถจัดทาเปน็ ได้ทงั้ รายปแี ละรายเดือน บัญชีสมดุลสินค้าเกษตรนั้นมีองค์ประกอบ 2 ด้าน คือ ด้านอุปทาน (Supply) และด้านการ นาไปใช้ประโยชน์ (Utilization) และตอ้ งทาใหต้ วั เลขทั้ง 2 ด้านนีใ้ ห้สมดลุ หรอื เทา่ กัน (1) อุปทำน (Supply) = (2) กำรนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization) โดยท่ี ด้านอุปทาน เป็นผลรวมของ (1) สต็อกต้นปีหรือสต็อกที่ยกมาจากสต็อกปลายปีของปีที่แล้ว (2) การผลิต สินค้าเกษตรในช่วงระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปีการตลาด และ(3) การนาเข้าสินค้าจากต่างประเทศในช่วง ระยะเวลา 12 เดือน หรอื 1 ปกี ารตลาด ดงั สมการตอ่ ไปนี้ 1) อปุ ทำน = สต็อกตน้ ปี + ปริมำณกำรผลิต + กำรนำเข้ำสินค้ำ และ ด้านการนาไปใช้ประโยชน์ เปน็ ผลรวมของ (1) การใชภ้ ายในประเทศ เช่น การบรโิ ภค ช่วงระยะเวลา 12 เดอื น หรือ 1 ปกี ารตลาด (2) การส่งออกสินคา้ จากตา่ งประเทศในชว่ งระยะเวลา 12 เดือน หรอื 1 ปกี ารตลาด และ (3)
4 ปริมาณสต็อกสินค้าเกษตรที่ยังเหลืออยู่ ณ ช่วงเดือนสุดท้ายของปีการตลาด อาจเรียกว่า สต็อกปลายปีหรือปลาย งวด และจะถกู ยกยอดไปเป็นสต็อกตน้ ปีของปตี ่อไป สามารถเขียนสมการไดด้ ังนี้ 2) กำรนำไปใชป้ ระโยชน์ = กำรใชภ้ ำยในประเทศ + กำรสง่ ออกสินค้ำ+สต็อกปลำยปี โครงสร้างบัญชีสมดุลสินค้าเกษตรนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง แม้จะมีองค์ประกอบหลัก เหมือนกัน แตอ่ งค์ประกอบยอ่ ยน้ันอาจมีความแตกต่างกันไปตามสินคา้ เกษตรแต่ละชนิด ซึ่งขึน้ อยกู่ ับโครงสร้าง หว่ ง โซอ่ ุปทานของสนิ ค้าเกษตรนน้ั ๆ อย่างไรก็ตาม จะต้องมี 1 องคป์ ระกอบท่ีทาหน้าท่เี ป็นตวั เศษเหลือ (Residual) และ ตัวแปรท่ีมักมีการใช้เป็น Residual ในการทาบัญชีสมดุลสินค้าเกษตร คือ สต็อกปลายปีหรือสต็อกปลายงวด เน่อื งจาก โดยปกตแิ ลว้ จะเปน็ องค์ประกอบทีไ่ มม่ ีขอ้ มูลตัวเลขทด่ี ี ถกู ต้อง หรือนา่ เชอื่ ถอื ในการนามาใช้ อุปทาน = สตอ็ กต้นปี + ปรมิ าณการผลติ + การนาเข้าสนิ คา้ การนาไปใชป้ ระโยชน์ = การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสนิ ค้า + สต็อกปลายปี สตอ็ กตน้ ปี + ปริมาณการผลิต + การนาเข้าสินค้า = การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสินค้า + สตอ็ กปลายปี ดงั น้ัน สต็อกปลายปี = (สตอ็ กต้นปี + ปริมาณการผลติ + การนาเขา้ สนิ ค้า) –(การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสินค้า) แต่วิธีการดังกล่าวน้ี ควรมีข้อมูลหรือการประมาณการสต็อกต้นปีท่ีดี มีหลักการและมีความ น่าเช่ือถือสาหรับข้อมูลในอดีต ถ้าหากไม่มีตัวเลขดังกล่าว ผู้จัดทาสามารถประมาณการการเปลี่ยนแปลงทางสต็อก (Stock changes) ไดด้ งั สมการต่อไปนี้ สตอ็ กต้นปี + ปรมิ าณการผลติ + การนาเขา้ สินค้า = การใชภ้ ายในประเทศ+ การส่งออกสนิ ค้า+ สตอ็ กปลายปี (สต็อกปลายปี – สตอ็ กตน้ ป)ี = (ปริมาณการผลติ + การนาเขา้ สนิ ค้า) – (การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสินค้า) ปรมิ าณสตอ็ กทีเ่ ปลย่ี นแปลงไป = (ปริมาณการผลติ + การนาเข้าสินค้า)– (การใช้ภายในประเทศ+ การสง่ ออกสนิ คา้ ) 1.4.3. กำรวิเครำะหส์ ภำพแวดล้อม แนวคดิ การวเิ คราะหโ์ อกาสทางการผลติ และการตลาด หรอื SWOT เป็นการระบุจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และข้อจากัดซึ่งมีอิทธิพลต่อการกาหนดกลยุทธ์ขององค์กร โดย รายละเอียดของการวเิ คราะหม์ ี ดงั น้ี (ศิรวิ รรณ เสรีรัตน์ 2541, 28) 1) จุดแขง็ (Strengths) หมายถึง การวเิ คราะห์การดาเนินงานภายในขององคก์ ร เช่น การ บริหารงาน การตลาด การวิจัย และพัฒนาเพื่อการพิจารณาถึงจุดแข็งของการดาเนินงานภายในองค์กร ที่บรรลุ ความสาเร็จหรือเป็นผลดีมากกาหนดกลยุทธ์ขององค์กร โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งจากการดาเนินงานภายใน เหลา่ นี้ 2) จุดอ่อน (Weakness) หมายถึง การวิเคราะห์การดาเนินงานภายในด้านต่างๆ ของ องค์กร ได้แก่ การบริหาร การเงิน การตลาด การผลิต การวิจัย และพัฒนาท่ีองค์กรไม่สามารถกระทาได้ดี เพื่อ พจิ าณาถึงอุปสรรคต่อความสาเร็จขององค์กร องค์กรจะประสบความสาเร็จได้ก็ต่อเม่ือองค์กรทาการกาหนดกลยุทธ์ ท่ีสามารถลบล้างหรอื ปรับปรุงจุดอ่อนของการดาเนนิ ภายในเหล่านใี้ ห้ดีขึน้ 3) โอกำส (Opportunity) หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ดาเนินงานขององค์กร โดยองค์กรจะต้องพิจารณาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอก ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี การเปล่ียนของประชากร ค่านิยม และทัศนคติของสมาชิกองค์กร รวมท้งั การ แข่งขันจากต่างประเทศท่ีรนุ แรงข้นึ เป็นต้น ปัจจยั เหล่าน้ีอาจทาใหค้ วามตอ้ งการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป จะทาให้ ผลิตภัณฑ์ บรกิ ารและกลยทุ ธข์ ององคก์ รตอ้ งเปลีย่ นแปลงตามไปด้วย 4) อุปสรรค (Threats) หมายถงึ สภาพแวดล้อมภายนอกที่คกุ คามตอ่ การดาเนนิ งานของกลุ่ม เชน่ เศรษฐกจิ สงั คม การเมือง เทคโนโลยี การแข่งขนั ความเขม้ แข็งของคู่แขง่ และอตั ราดอกเบ้ีย เป็นตน้
5 เมื่อทาการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ขององค์กรแล้ว ขั้นต่อไปเป็น การสร้างกลยุทธ์ท่ีเป็นทางเลือก ซ่ึงทาในขอบเขตจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรคขององค์กร โดยใช้วิธีการท่ี เรียกว่า SWOT Matrix ดงั น้ี SW S+O W+O O การใช้กลยุทธ์ที่อาศัยจุดแข็งเพื่อสร้างข้อ การใช้กลยุทธ์แก้จุดอ่อนแล้วปรับกลยุทธ์เพื่อ ได้เปรียบจากโอกาส สร้างข้อไดเ้ ปรียบจากโอกาส S+T W+T T การใช้กลยุทธ์ที่อาศัยจุดแข็งเพ่ือหลีกเล่ียง การใช้กลยุทธ์เพื่อคานึงถึงจุดอ่อนและอุปสรรค อปุ สรรคและเอาชนะให้ได้ โดยใช้กลยุทธ์ตัดทอน เช่น การถอนผลิตภัณฑ์ การเลิกกจิ การ ทัง้ น้ี ต้องพิจารณาใชก้ ลยุทธท์ ัง้ 4 ทางเลอื ก เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของเกษตรกรต่อไป 1.5 ประโยชนท์ ี่คำดจะได้รับ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและมาตรการสนับสนุนในการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตรในพ้ืนท่ีไม่ เหมาะสมตามแผนท่ี Agri-Map เป็นสนิ ค้าทางเลือก
6 บทที่ 2 สภาพทวั่ ไปของจังหวัดจันทบุรี จังหวัดจันทบุรีเริ่มมีการต้ังเมืองครั้งแรกที่บริเวณหน้าเขาสระบาป ชนพื้นเมืองกลุ่มแรกที่เรียกว่า “ชาวชอง” เข้ามาต้ังรกรากในราวพุทธศตวรรษท่ี 18 ซึ่งปัจจุบันผู้ที่สืบเชื้อสายชาวชองด้ังเดิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ท่ีบ้าน คลองพลู อาเภอเขาคิชฌกูฏ ในปี พ.ศ.220 จึงได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านลุ่ม ซ่ึงอยู่ทางฝ่ังตะวันตกของแม่น้า จันทบุรี หลังจากท่ีกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า จันทบุรีเป็นเมืองที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อครั้งยังเป็น พระยาวชิรปราการได้นากาลังพลตีฝา่ วงล้อมพม่าออกมาทางทิศตะวันออก และยึดเมืองจนั ทบุรีไว้เปน็ เวลา 5 เดือน เพื่อเป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหารและลี้พล ก่อนนากาลังพลกลับไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2310 ต่อมา พ.ศ. 2436 ฝร่ังเศสได้เข้ามายึดครองเมืองจันทบุรีไว้นานถงึ 11 ปี จนไทยต้องยอมยกดินแดนฝ่ังซ้ายแม่น้าโขงให้กับ ฝร่ังเศสเพื่อแลกเมืองจันทบุรีกลับคืนมา จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินข้ึน ใหม่ เมอื งจันทบรุ จี งึ มฐี านะเป็นจงั หวดั จนถงึ ปจั จุบัน 2.1 สภาพทว่ั ไป 2.1.1 ลกั ษณะทางกายภาพ 1) ที่ตั้ง : จงั หวดั จันทบุรี ต้ังอยูท่ างทิศตะวันออกเฉยี งใต้ของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้ง ท่ี 12 – 13องศาเหนือ และเส้นแวงท่ี 101 - 102 องศาตะวันออก ระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ ตามเส้นทาง (สายใหม่) ประมาณ 239 กิโลเมตร และแนวเขตติดต่อกบั ราชอาณาจกั รกัมพชู าประมาณ ๘๖ กิโลเมตรและมีแนวชายฝ่ังทะเล ยาวประมาณ ๘๗ กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตจังหวดั จนั ทบรุ ีมอี าณาเขตติดตอ่ กบั จังหวัดใกล้เคียง ดงั นี้ ทิศเหนอื ติดตอ่ จังหวัดชลบุรี ฉะเชงิ เทรา และสระแก้ว ทศิ ใต้ ติดตอ่ จงั หวดั ตราดและอา่ วไทย ทศิ ตะวันออก ติดตอ่ จังหวดั ตราด และประเทศกัมพชู า ทิศตะวันตก ตดิ ตอ่ จังหวัดระยอง และอ่าวไทย 2) ขนาดพ้นื ที่ : พ้นื ที่จังหวดั จานวน 6,338 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3,961,250 ไร่ คดิ เป็นพน้ื ทรี่ อ้ ยละ 16.63 ของภาคตะวนั ออก และรอ้ ยละ 1.8 ของประเทศ 3) สภาพภูมิประเทศ 3.1) ป่าไม้ ภูเขา และเนินสูง เป็นลักษณะของภูมิประเทศด้านเหนือและ ตะวันออกของจงั หวัด ไดแ้ ก่ เขตอาเภอแก่งหางแมว อาเภอท่าใหม่ อาเภอมะขาม อาเภอสอยดาว อาเภอโป่งน้ารอ้ น และตอนบนของอาเภอขลงุ บรเิ วณดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวน เขตอุทยานแห่งชาติ เขตหา้ มล่าสัตว์ปา่ และเขตรกั ษาพนั ธ์ุ สตั ว์ปา่ และพ้นื ทกี่ ารเกษตรปลกู สวนผลไม้ ยางพารา ปาลม์ น้ามนั และพชื ไร่ เช่น ข้าวโพด มนั สาปะหลงั เปน็ ต้น 3.2) ท่ีราบสลับภูเขา อยู่ตอนกลางของจังหวัด ได้แก่ พ้ืนท่ีในเขตอาเภอเมือง อาเภอเขาคิชฌกูฏ ตอนบนของอาเภอท่าใหม่ อาเภอขลุง และตอนบนของอาเภอแหลมสิงห์ พื้นท่ีแหล่งน้าท่ีใช้ทา สวนผลไม้ 3.3) ท่ีราบฝั่งทะเล ได้แก่ อาเภอนายายอาม ตอนล่างของอาเภอท่าใหม่ อาเภอ แหลมสงิ ห์ และอาเภอขลงุ มีลกั ษณะเป็นทรี่ าบชายฝง่ั ทะเลสลบั ดว้ ยเนนิ เขา เป็นบรเิ วณปา่ ชายเลน
7 ภาพท่ี 1 แผนท่ีจังหวัดจันทบุรี 4) แมน่ ้าที่สา้ คญั จงั หวดั จันทบรุ ีเปน็ จงั หวดั ชายฝ่ังทะเล จึงมแี ม่น้าลาธารสายต่างๆ หลายสาย ซง่ึ มีทิศทางการไหลของนา้ จากเหนอื ลงใตเ้ ปน็ ส่วนใหญ่ ประกอบดว้ ย 4.1) แม่น้าพังราด เป็นลาน้าก้ันพรมแดนระหว่างจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดระยอง แม่น้าพังราดเป็นลาน้าสายสั้นๆ ความยาวจากต้นกาเนิดของลาน้าเขาวงศ์ถึงปากแม่น้าพังราด ทั้งส้ิน 30 – 50 กิโลเมตร ลาน้าตอนต้นเกิดจากคลองเขาวงศ์ คลองนายายอาม นอกจากนี้ยังมีคลองห้วงหิน และคลองห้วยเตย ซ่ึง กาเนดิ จากเขาทะลาย ไหลลงสู่คลองนายายอามและตอ่ เน่ืองเป็นลาน้าพังราดในท่สี ุด 4.1) แม่น้าวังโตนด กาเนิดจากเนินเขาบริเวณเขตติดต่อระหว่างอาเภอท่าใหม่ จังหวัด จันทบุรี อาเภอเมืองสระแก้ว จังหวดั สระแก้ว และอาเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา มีลาน้าสาขาท่ีสาคัญ คือ คลองโตนด และคลองประแกต 4.3) แมน่ า้ จนั ทบุรี เปน็ แม่น้าทมี่ ีความสาคัญท่ีสดุ ของจังหวดั จนั ทบุรี ประกอบดว้ ย แมน่ า้ สาขาทส่ี าคัญ คือ คลองตารอง และคลองตาหลิว นอกจากนี้ ยังมคี ลองทุ่งเพล (คลองปรอื หรือคลองพยาธิ) ไหล ลงมารวมกบั แม่นา้ จันทบรุ ีทต่ี อนใต้ของวดั พญาล่าง ผ่านตวั เมืองจันทบรุ อี อกปากแม่น้าท่ีอาเภอแหลมสงิ ห์ รวม ความยาวทัง้ สิ้น 123 กโิ ลเมตร 4.4) แม่น้าเวฬุ กาเนิดจากคลองขวาง ซ่ึงเกิดจากหุบเขาชะอมและเขาทุ่งสะพานหิน ตง้ั อยูห่ า่ งจากอาเภอมะขาม ทางตะวนั ออก 10 กโิ ลเมตร แม่น้าเวฬุ ความยาวทง้ั สน้ิ 87.5 กิโลเมตร 4.5) ลุ่มน้าโตนเลสาป ไหลจากอาเภอโป่งน้าร้อนลงสู่ท่ีราบราชอาณาจักรกัมพูชาจาก ทางทศิ ตะวันตกสูท่ ศิ ตะวนั ออก
8 ภาพท่ี 2 แสดงแม่นา้ ท่มี ีความสาคัญของจงั หวดั จันทบรุ ี ตารางท่ี 1 แสดงแหล่งเก็บกักน้าสาคญั ของจังหวัดจันทบรุ ี ลาดบั ชือ่ โครงการ สถานท่ีต้ัง ความจุเกบ็ กัก (ลา้ น ลบ.ม.) หมูบ่ ้าน ตาบล อาเภอ ท่าใหม่ 10.80 1 โครงการคลองวงั โตนด - ทา่ ใหม่ เมอื ง 4.20 เขาคิชฌกฏู 10.00 2 ฝายยางจนั ทบรุ ี 6 จนั ทนมิ ิต เขาคชิ ฌกูฏ 80.00 มะขาม 76.00 3 อา่ งเกบ็ นา้ คลองศาลทราย 3 คลองพลู มะขาม 0.83 โป่งนา้ รอ้ น 2.50 4 อ่างเก็บน้าบ้านพลวง 4 พลวง โปง่ นา้ รอ้ น 70.51 254.84 5 อา่ งเก็บน้าเข่ือนครี ีธาร 6 ปถั วี 6 ฝายทา่ ระมา้ - ทา่ หลวง 7 อ่างเก็บน้าคลองบอน 4 หนองตาคง 8 อ่างเก็บน้าคลองพระพุทธ 5 ทบั ไทร ทีม่ า : โครงการชลประทานจนั ทบรุ ี 5) ภูมิอากาศ เป็นแบบมรสุมเมืองร้อน (Tropical Monsoon Climate) อุณหภูมิเฉล่ีย ตลอดปีประมาณ 36.0 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุก ภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 2 ฤดู คือ ฤดูฝน (wet season) และ ฤดูแล้ง (dry season) ปริมาณน้าฝนเฉลี่ย 2,721 มม. ต่อปี เน่ืองจากพ้ืนที่ติดกับอ่าวไทยทาให้ได้รับอิทธิพลท้ังลม มรสุมจากทะเลจีนใต้ และลมมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้ ฤดูฝนจะเรม่ิ ตั้งแต่เดือนเมษายนถงึ เดือนตุลาคม หลงั จากนั้นจะ ได้รับอิทธิพลความกดอากาศสูงที่พัดผ่านจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ทาให้อากาศหนาวเย็นเป็น ช่วงระยะส้นั ๆ ต้ังแต่ช่วงเดอื นพฤศจิกายนถงึ มกราคม ส่วนฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม
9 ตารางท่ี 2 สถติ ิปริมาณนา้ ฝน อณุ หภมู ิ ณ สถานีอตุ ุนิยมวทิ ยา จงั หวดั จนั ทบรุ ี พ.ศ. 2546-2558 ปี พ.ศ. ฝนรวม จานวนวันฝนตก ฝนสูงสดุ อณุ หภมู ิ (มลิ ลเิ มตร) (วัน) (มลิ ลเิ มตร) อณุ หภมู สิ งู สดุ อณุ หภมู ติ า่ สดุ 2546 2,472.9 163 102.0 36.6 17.4 36.4 18.1 2547 2,988.8 149 146.6 36.0 16.4 36.8 17.5 2548 2,891.1 175 133.1 35.7 16.5 35.4 17.9 2549 3,910.5 166 273.0 36.2 16.1 36.6 19.7 2550 3,434.9 180 199.4 35.7 18.0 36.0 20.8 2551 3,452.4 189 135.0 37.4 17.4 36.4 15.1 2552 3,099.1 165 123.4 36.0 18.2 2553 2,8560 163 139.6 2554 3,316.7 175 221.2 2555 2,545.7 181 103.6 2556 3,711.2 178 394.9 2557 2,768.7 159 141.5 2558 2,721.4 157 197.1 ท่ีมา : กรมอตุ ุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร 6) การใช้ทดี่ ิน ลกั ษณะการใชท้ ด่ี ินจังหวดั จนั ทบุรี แบ่งตามสภาพภมู ิศาสตรไ์ ด้ ดงั นี้ 6.1) พื้นท่ีตอนบน ประกอบด้วย พื้นที่ของอาเภอแก่งหางแมว อาเภอท่าใหม่ อาเภอ มะขาม อาเภอสอยดาว อาเภอโป่งน้าร้อน อาเภอเขาคิชฌกูฏ และตอนบนของอาเภอขลุง ซึ่งสภาพภูมิประเทศเป็น ภูเขา ป่าไม้ สลับด้วยที่ราบเชงิ เขา และท่รี าบระหว่างภูเขา ใช้ประโยชน์ในการปลูกพชื ไร่ เขตป่าสงวน ไม้ยืนต้น และไม้ ผลสลับกนั 6.2) พ้ืนที่ตอนกลาง ประกอบด้วย พื้นที่ฝั่งเหนือและใต้ของทางหลวงสายบางนา- ตราด (สขุ ุมวทิ ) ในเขตอาเภอทา่ ใหม่ อาเภอเมืองจันทบุรี อาเภอขลงุ และตอนบนของอาเภอแหลมสงิ ห์ ซง่ึ สภาพภูมิ ประเทศเปน็ ทรี่ าบมีภเู ขาสลับบ้างเลก็ น้อย ใช้ประโยชนใ์ นการทาสวนผลไม้ สวนยางพารา 6.3) พ้ืนท่ีตอนล่าง ประกอบด้วย พื้นที่ตอนล่างของอาเภอนายายอาม อาเภอท่าใหม่ อาเภอเมืองจันทบุรี อาเภอขลุง และอาเภอแหลมสิงห์เกือบทั้งหมด ซ่ึงสภาพภูมิประเทศเป็นท่ีราบใกล้ชายฝั่งทะเล สลับด้วยภูเขาขนาดย่อม และป่าชายเลนใช้ประโยชน์ในการทานา ปลูกไม้ยืนต้น ทาสวนผลไม้ ทาการประมงและ การเพาะเลี้ยงชายฝ่งั ในปี 2556 จังหวัดจันทบุรี มีเน้ือที่ทั้งหมด 3,961,250 ไร่ เป็นเน้ือที่ป่าไม้ 1,313,055 หรอื รอ้ ยละ 33.15 เป็นเน้ือที่ใชป้ ระโยชน์ทางการเกษตร 2,286,023 ไร่ หรือร้อยละ 57.71และเนอ้ื ทอ่ี นื่ ๆอีกรอ้ ยละ 9.14 และสภาพการใช้ท่ีดนิ ออกเป็นพื้นที่เกษตรกรรม 2,286,023 ไร่ แยกเปน็ พื้นที่ สวนไม้ผลและไม้ยืนต้น ร้อย ละ 73.93 พืชไร่ร้อยละ 15.85 นาข้าวร้อยละ 1.41 สวนผัก ไม้ดอกไมป้ ระดับ ร้อยละ 0.2 และเนือ้ ท่ีใช้ประโยชน์ ทางการเกษตรอ่ืนๆ รอ้ ยละ 8.49
10 ภาพท่ี 3 การจาแนกเนือ้ ทจ่ี ังหวดั จันทบรุ ี ภาพท่ี 4 การจาแนกเนื้อทีก่ ารเกษตรจังหวดั จนั ทบรุ ี เนื้อท่อี น่ื ๆ ผัก/ไมด้ อก อน่ื ๆ พืชไร่ นาข้าว 9.21% 0.32% 8.49% 15.85% 1.41% เนอ้ื ทป่ี า่ ไม้ ไม้ผลไมย้ ืนต้น 33.40% 73.93% เน้อื ท่ที าการเกษตร 57.39% ทมี่ า : การใช้ทดี่ นิ สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ปี 2556 2.1.2 ข้อมลู การปกครองและประชากร 1) การปกครอง แบ่งออกเป็น 10 อาเภอ 76 ตาบล 731 หมู่บ้าน 33 ชุมชน องค์การ ปกครองส่วนท้องถ่ิน จานวน 82 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 5 แห่ง เทศบาลตาบล 42 แห่ง และองคก์ ารบริหารส่วนตาบล 34 แหง่ ตารางที่ 4 แสดงการปกครองสว่ นท้องถ่ิน ที่ อาเภอ ตาบล หมู่บา้ น อบจ. เทศบาลเมือง เทศบาลตาบล อบต. ๑ เมอื งจนั ทบรุ ี 11 ๙8 ๑ ๓ ๗๔ ๒ ขลงุ ๑2 ๙๐ - ๑ ๖๕ ๓ ทา่ ใหม่ ๑4 ๑๒๔ - ๑ ๕๗ ๔ โป่งน้ารอ้ น ๕ ๔๗ - - ๔๒ ๕ มะขาม ๖ ๕๙ - - ๗- ๖ แหลมสิงห์ ๗ ๖๕ - - ๒๔ ๗ สอยดาว ๕ ๗๐ - - ๒๔ ๘ แก่งหางแมว ๕ 66 - - ๑๔ ๙ นายายอาม ๖ 67 - - ๓๔ ๑๐ เขาคิชฌกฏู ๕ 45 - - ๕- รวม ๑๐ อาเภอ ๗6 731 ๑ ๕ ๔๒ ๓๔ ทมี่ า : กรมการปกครองและกรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ณ วนั ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 2) ประชากร ปี 2559 (มีนาคม 2559) จงั หวัดจันทบุรีมีจานวนประชากร รวมท้ังส้ิน 531,316 คน เปน็ ชาย 260,680 คน เปน็ หญงิ 270,636 คน
11 ตารางที่ 5 จังหวดั จันทบุรี ท่ี อาเภอ ประชากร (คน) จานวน ขนาด พน้ื ที่ ความหนาแน่น รวม ชาย หญิง ครัวเรอื น ของครวั เรือน (ตร.กม.) ประชากร/(ตร.กม.) 67,021 1 เมืองจันทบรุ ี 127,731 60,710 28,919 65,156 1.96 253.093 504.68 36,705 2 ขลุง 56,703 27,784 21,165 21,729 2.61 756.038 75.00 15,889 3 ท่าใหม่ 71,054 34,349 15,712 26,505 2.68 612.800 115.95 32,530 4 โป่งน้ารอ้ น 43,964 22,799 20,668 16,736 2.63 997.290 44.08 17,437 5 มะขาม 31,551 15,662 14,590 12,962 2.43 547.332 57.65 270,636 6 แหลมสงิ ห์ 30,520 14,808 11,197 2.73 191.000 159.79 7 สอยดาว 65,578 33,048 25,537 2.57 770.750 85.06 8 แกง่ หางแมว 41,673 21,005 18,971 2.20 1,154.080 36.11 9 นายายอาม 33,912 16,475 12,920 2.62 306..017 110.82 10 เขาคิชฌกฏู 28,630 14,040 12,199 2.35 877.700 32.62 รวม 531,316 260,680 223,912 2.41 6,466.30 82.17 ที่มา : กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย 2.1.3 ทรัพยากรธรรมชาติท่ีส้าคญั 1) ทรัพยากรดิน การท่ีสภาพพื้นท่ีส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นพื้นท่ีลาดชันมาก เช่น เนิน เขาหรือเทือกเขาต่างๆ ลักษณะดินจึงเป็นดนิ ต้ืนถึงลึก มีการระบายน้าดีถึงดีเกนิ ไป เป็นพ้ืนท่ีที่เหมาะสาหรับปลูกไม้ยืน ตน้ หรือพืชสวนในเขตที่มีฝนตกชุก จังหวัดจันทบุรมี ีเน้ือทีท่ รัพยากรดินที่มีปัญหาต่อการเกษตร 2,334,658 ไร่ (ดิน เปร้ียวจัด 37,030 ไร่ ดินเค็ม 133,489 ไร่ ดินตื้น 1,223,209 ไร่ พื้นท่ีลาดชันเชิงซ้อน 911,579 ไร่) เน้ือที่ทรัพยากร ดนิ อน่ื ๆ และพนื้ ที่เบด็ เตล็ด 1,626,592 ไร่ 2) ทรพั ยากรน้า 2.1 แหล่งน้าธรรมชาติ จังหวัดมีแม่น้าลาธารหลายสาย ซ่ึงมีทิศทางการไหลของน้า จากเหนอื ลงใตเ้ ปน็ ส่วนใหญ่ ประกอบด้วย แม่นา้ พงั ราด แม่น้าวงั โตนด แม่นา้ จันทบรุ ี แม่นา้ เวฬุ และลมุ่ นา้ โตนเลสาป 2.2) การพฒั นาแหล่งนา้ อ่างเกบ็ นา้ ทส่ี าคัญ ไดแ้ ก่ อ่างเก็บนา้ เขื่อนคีรธี าร ความจุกัก เก็บน้าประมาณ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้าคลองศาลทราย มีความจุกักเก็บน้าประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์ เมตร และอา่ งเกบ็ น้าพลวง มคี วามจุกักเก็บน้าประมาณ 80 ลา้ นลูกบาศก์เมตร 2.3) ทรัพยากรปา่ ไม้ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ในลุ่มน้า ได้แก่ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาสอย ดาว และอทุ ยานแห่งชาตเิ ขาคชิ ฌกูฏ ทางด้านทิศเหนือในเขตพน้ื ทีอ่ าเภอเขาคชิ ฌกูฏ และอุทยานแห่งชาติน้าตกเขา สระบาปทางด้านทิศตะวันออกของเมืองจันทบุรี สาหรับป่าสงวนแห่งชาติ เช่น ป่าจัน-ตาแป๊ะ ป่าเขาวังแจง ป่าเขา ลกู ช้าง ป่าเขาแกรด ป่าเขาสุกิม และป่าปัถวี จะเปน็ พื้นท่ีขนาดเล็กกระจัดกระจายอยู่ตามแนวขอบลุ่มน้า โดยพ้ืนที่ ป่าในอดีตไดถ้ กู เปลยี่ นแปลงไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในการปลูกผลไม้เปน็ สว่ นใหญ่ ตารางท่ี 5 แสดงพนื้ ท่ีป่าไมจ้ งั หวัดจันทบรุ ี ประเภท จานวน (แห่ง) พืน้ ท่ี (ไร)่ 1,539,084.25 ปา่ สงวนแหง่ ชาติ 18 130,436.50 อทุ ยานแหง่ ชาติ 3 9,500.00 810,773 วนอทุ ยาน 1 11,370.00 2,787,608.30 เขตรักษาพันธ์ุสตั วป์ ่า 3 เขตหา้ มลา่ สตั วป์ ่า 1 รวมทง้ั สิ้น ๒๖ ทมี่ า : สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมจังหวัดจนั ทบุรี
12 2.4) ทรัพยากรแร่ แหล่งแร่ที่สาคัญของจังหวัดจันทบุรี ได้แก่ แร่ทรายขาว พบในพื้นที่ตาบลคลองขุด ตาบลสนามไชย อาเภอท่าใหม่ แร่พลวง พบใน ตาบลนายายอาม ตาบลแก่งหางแมว อาเภอท่าใหม่ แร่พลวงและแร่ฟลูออไรด์ พบในพ้ืนที่ ตาบลสามพ่ีน้อง อาเภอท่าใหม่ แร่โมลิปดิน่ัม พบใน ตาบล ตะเคียนทอง อาเภอมะขาม แร่ควอทซ์ พบใน ตาบลเขาวัว อาเภอท่าใหม่ กับ อาเภอเมือง และแร่เหล็ก พบ ใน ตาบลทรายขาว อาเภอโป่งน้าร้อน ชนิดแร่ทพ่ี บ 2.5) ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง จังหวดั จันทบุรีมชี ายฝง่ั ทะเลยาวประมาณ แนวชายฝั่งทะเลยาวประมาณ ๘๗ กิโลเมตร เป็นที่รวมของทรัพยากรอันหลากหลาย ท้ังป่าชายเลน หาดทราย ปะการงั ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝัง่ เหล่าน้เี ปน็ ปัจจยั เก้ือหนนุ ตอ่ กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การประมง, การ ทอ่ งเที่ยว เป็นต้น ป่าชายเลน พันธุ์ไม้ป่าชายเลนส่วนใหญ่เร่ิมจากริมฝั่งทะเลซ่ึงเป็นบริเวณ ดินเลนอ่อนน้า ทะเลท่วมถึงอย่างสม่าเสมอ เป็นเขตของไมโ้ กงกาง ถดั เข้ามาเป็นเลนตน้ื นา้ ท่วมถึงสมา่ เสมอ เป็นกลุ่มไมถ้ ั่วและแสม ถัดเขา้ มาอีก เป็นเลนแข็งน้าทว่ มถึงคร้ังคราว เป็นเขตของไม้ตะบูน โปรง และฝาด เขตสุดท้ายบริเวณดินแขง็ ติดกับ แนวปา่ บกมีน้าทะเลท่วมถงึ บางครัง้ ในรอบเดอื นหน่ึง ๆ เป็นเขตของไมเ้ สม็ด และจังหวัดจนั ทบรุ ี มีพ้ืนที่แนวปะการัง ๔๔๘.๗๕ ไร่ พบมากในบริเวณหาดเจ้าหลาว สภาพของแนวปะการังส่วนใหญ่อยใู่ นระดับเสอื่ มโทรมมากถึงสมบูรณ์ ปานกลาง และแหล่งหญา้ ทะเล บรเิ วณปากแม่นา้ พงั ราด อาเภอนายายอาม และอาเภอทา่ ใหม่ 2.6) ทรัพยากรด้านการท่องเท่ียว จากข้อมูลของการท่องเท่ียวแห่งประเทศ ไทย จาแนกแหลง่ ท่องเท่ียวและกิจกรรมการท่องเที่ยวออกเปน็ ๔ ประเภท ได้แก่ ๑) ประเภทธรรมชาติ ๒) ประเภท ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม ๓) ประเภทมนุษย์สร้างข้ึน และ ๔) ประเภทกิจกรรมและ ความสนใจพิเศษ จังหวัดจันทบุรี เปน็ จังหวัดท่ีมีแหล่งท่องเท่ียวทม่ี ีความหลากหลาย ทั้งทางด้าน การทอ่ งเที่ยวเชิง ธรรมชาติชายฝั่งทะเล การท่องเท่ียวเชิงนิเวศ การท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มากรอง จากจังหวัดชลบุรีที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากที่สุด แหล่งท่องเท่ียวท่ีสาคัญๆ เช่น แหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติ ได้แก่ หาดจ้าหลาว หาดคุ้งวมิ าน หาดแหลมสิงห์ วนอทุ ยานแห่งชาติเขาแหลมสิงห์ หาดคุ้งกระเบน หาดแหลมเสด็จ หาดเจ้า หลาว ถ้าเขาวง อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติน้าตกพลิ้ว อุทยาน แห่งชาติเขาสิบห้าชั้น รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ การท่องเท่ียวเชงิ เกษตร และพนื้ ที่ท่องเทีย่ วเชิงประวตั ศิ าสตร์ตา่ งๆ 2.2 ข้อมูลเศรษฐกิจ ปี 2558 ณ ราคาประจาปี จังหวัดจันทบุรีมีมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัด 115,169 ล้านบาท โดยมูลค่าผลิตภัณฑ์ในภาคการเกษตรมีมูลค่าผลิตภัณฑ์ 69,400 ล้านบาท หรือร้อยละ 60.26 และนอกภาค การเกษตรมีมูลค่าผลิตภัณฑ์ 45,769 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.74 และ อัตราการเจริญเติบโตจากปี พ.ศ. 2557 จานวน 110,169 ล้านบาท เป็นจานวน 115,169 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2558 หรือเพ่ิมข้ึนเท่ากับร้อยละ 5.55 โดยมี การเปลี่ยนแปลงท่ีสาคัญในภาคเกษตร ผลิตภัณฑ์มวลรวมเพ่ิมขึ้น จานวน 4,424 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.91 และภาคนอกเกษตรเพ่มิ ขน้ึ ร้อยละ 3.39 ผลิตภณั ฑม์ วลรวมของจังหวัดต่อคนเทา่ กบั 218,411 บาทตอ่ คนตอ่ ปี
ภาพท่ี 5 ผลิตภณั ฑม์ วลรวม(GPP) จังหวัดจนั ทบรุ ี ปี 2558 13 ภาพท่ี 6 ผลิตภณั ฑม์ วลรวมภาคเกษตร จนั ทบุรี ปี 2558 GPP นอกการเกษตร GPP เกษตร สาขาประมง 39.74% 60.26% 3.65% สาขาเกษตรกรรม 96.35% ภาพที่ 7 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร นอกการเกษตร รายได้ต่อหัว จงั หวัดจนั ทบรุ ี ปี 2548-2558 80,000 250,000 70,000 60,000 200,000 50,000 150,000 40,000 30,000 100,000 20,000 50,000 10,000 00 2005 2006 2007 2008 2009r 2010r 2011r 2012r 2013r 2014r 2015p Agriculture (ล้านบาท) Non-Agriculture (ลา้ นบาท) GPP per capita (บาท/คน) ท่ีมา : สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ (สศช.) 2.3 การวเิ คราะหส์ ภาพแวดล้อมจังหวดั จันทบรุ ี (SWOT Analysis) จังหวัดจันทบุรีมีทรัพยากรดินและสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม รวมทั้งเกษตรกรมีความรู้และ ภูมิปัญญา ทาให้เป็นแหล่งผลิตและจาหน่ายผลไม้ท่ีมีช่ือเสียง และสินค้าเกษตรท่ีหลากหลาย อาทิ ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลาไย ลองกอง สละ สมุนไพรประจาถ่ิน กุ้ง เป็นต้น ซ่ึงมีปริมาณมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ประกอบกบั สนิ ค้าเกษตรดงั กลา่ วเป็นท่ตี ้องการของตลาดท้งั ในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็นสนิ ค้า เกษตรคุณภาพและอาหารเพื่อสุขภาพซึ่งผลการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม มสี าระสาคญั ดงั นี้
14 สภาพแวดลอ้ มภายใน (Internal Environments) จุดแข็ง (Strength) จดุ ออ่ น (Weakness) 1. ดนิ มคี วามอดุ มสมบูรณ์ เกษตรกรจานวนมากมคี วามรู้ และมี 1. การบรหิ ารจดั การด้านการเกษตร อัญมณี และการท่องเท่ียวยัง ภมู ิปญั ญาทาใหเ้ ป็นแหลง่ ผลิตและจาหน่ายผลไมแ้ ละสินคา้ เกษตร ไม่มปี ระสทิ ธภิ าพเพยี งพอ คณุ ภาพ และมีปรมิ าณมาก เป็นอันดับตน้ ๆ ของประเทศ 2. ขาดการบริหารจดั การนา้ ที่เป็นระบบ เกิดนา้ ท่วมในฤดูฝน 2. มีช่องทางการคา้ ชายแดน (จดุ ผ่านแดนถาวร 2 จดุ และจุด ภยั แล้งในฤดรู ้อน ก่อให้เกิดความเสยี หายในพื้นทส่ี ่งผลต่อการ ผอ่ นปรน 3 จุด) เชอ่ื มโยงประเทศกัมพชู า และประเทศเวยี ดนาม ประกอบอาชีพทางการเกษตร และอุปสรรคด้านการทอ่ งเท่ียว และมคี วามสัมพันธท์ ่ดี ตี ่อกนั ในฤดูฝนทย่ี าวนาน 3. เป็นศนู ย์กลางกา ร เจียระไนและแปรรปู ผลิตภัณฑอ์ ัญมณี 3. ระบบโครงสร้างพ้ืนฐาน (สาธารณปู โภค) ไม่เพยี งพอกับความ 4. ประชาชนของจนั ทบุรมี ีฐานะดี ดังจะเห็นไดhจากรายได้ตอ่ หัว ตอ้ งการในปจั จบุ นั การใช้สารเคมีในด้านการเกษตรและประมง สงู กวา่ ระดับประเทศ และสดั ส่วนคนจนนอ้ ยกวา้ ระดับประเทศ มากเกินไป สง่ ผลกระทบด้านสุขภาพและสง่ิ แวดล้อม ดา้ นสาธารณสุขมีความเขม้ แข็งในการ ดาเนนิ งาน ดูแล สขุ ภาพใน 4. พืน้ ที่ตดิ ต่อกบั ชายแดนทาให้เกิดปัญหาด้าน ความม่นั คง ความ พ้นื ที่ และมีสถาบนั การศึกษาหลายระดบั รองรับ ปลอดภยั ในชวี ติ เช่น โรคติดต่อและสงิ่ ผิดกฎหมาย 5. มีทรัพยากรปา่ ไม้ทั้งบกและป่าชายเลนทาให้จังหวดั มีความอดุ ม 5. การบกุ รุกทาลายพ้ืนท่ปี ่าไม้ การกัดเซาะชายฝ่ัง สง่ิ ล่วงลา้ ลานา้ สมบรู ณ์ และมีพน้ื ท่ปี า่ สงวน ป่าอนุรกั ษป์ ่ารอยต่อ 5 จังหวัด คณุ ภาพนา้ ปนเปื้อนสาร และมีน้าเสียจากการเพาะเลย้ี งสัตวน์ ้า 6. มแี หล่งทอ่ งเทีย่ วทางธรรมชาติ ประวตั ิศาสตร์วัฒนธรรม ชายฝ่ัง รวมถึงน้าเสียจากการใชส้ ารเคมีภาคการเกษตร ประเพณที ี่หลากหลายและมศี กั ยภาพ สภาพแวดลอ้ มภายนอก (External Environments) โอกาส (Opportunity) ภัยคกุ คาม (Threat) 1. นโยบายรัฐบาลในการจดั ทาโซนน่ิงการเกษตร การบรหิ าร 1. ความผนั ผวนของราคาผลผลิตทง้ั ภายในและภายนอกประเทศ จัดการน้า การพัฒนาโครงสร้างพนื้ ฐาน 2 ลา้ นล้านบาท นโยบาย 2. ความแปรปรวนของสภาพภมู ิอากาศส่งผลกระทบต่อปริมาณ ดา้ นการส่งเสริมการทอ่ งเที่ยว หน่ึงตาบลหน่ึงผลิตภณั ฑ์ (OTOP) และคณุ ภาพผลผลิตทางการเกษตร การอานวยความสะดวกการนาเขา้ วตั ถดุ ิบอัญมณี การค้าชายแดน 3. การขาดแคลนแรงงานทาให้ตอ้ งใช้แรงงานต่างด้าวทาให้เกิด การส่งเสรมิ การผลิตพลงั งานทดแทน และการปลกู ป่า ลฯ ปัญหาด้านสุขภาพและอาชญากรรม 2. ตลาดทง้ั ในและต่างประเทศมคี วามต้องการผลไม้และสินคา้ 4. ความผนั ผวนของราคาปัจจัยการผลติ ด้านการเกษตร เกษตรคณุ ภาพ 5. กฎ ระเบียบของทางราชการบางประการยงั ไม่เออ้ื ต่อการคา้ 3. นกั ทอ่ งเทีย่ วท้งั ไทยและต่างประเทศนิยมการท่องเที่ยวเชงิ และการลงทนุ นเิ วศนม์ ากขนึ้ เป็นโอกาสในการพฒั นาแหล่งทอ่ งเที่ยวเชิง 6. ขาดกลไกทเ่ี ป็นรปู ธรรมในการส่งเสรมิ และสนับสนนุ การ นเิ วศน์ และท่องเทย่ี วเชงิ เกษตร อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมจากส่วนกลาง 4. การขยายการคา้ การลงทนุ การท่องเท่ียวสู่ประเทศเพือ่ นบ้าน 5. การเปิดประชาคมอาเซยี น เป็นโอกาสด้านการค้า ลงทุน ท่องเทีย่ ว ส่งออก อันจะมผี ลต่ออตั ราการเจรญิ เติบโตของ เศรษฐกิจของจังหวดั ที่สงู ขน้ึ
15 2.4 สถานการณก์ ารผลิตสนิ ค้าเกษตรท่ีสา้ คัญของจงั หวดั จันทบรุ ี 2.4.1 ยางพารา (1) สถานการณ์การผลิตในปจั จบุ ัน ยางพารา เป็นพืชเศรษฐกิจท่ีทารายได้เป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดจันทบุรี โดย มมี ูลคา่ ผลติ ภัณฑ์ ณ ราคาประจาปี ปี พ.ศ.2558 จานวน 18,689 ลา้ นบาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 30.70 ของมลู ค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในภาคเกษตรของจังหวัด ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2560 คาดว่าจังหวัดจันทบุรี มีพน้ื ท่ียางพารากรีดได้ 511,551 ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.49 ของพื้นทก่ี รดี ไดท้ ้ัง ประเทศ และเพิ่มข้ึนจากปี 2559 จานวน 5,689 ไร่ หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 1.12 คาดว่าจะมีผลผลิตจานวน 129,422 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 2.79 ของผลผลิตทั้งประเทศ โดยคาดว่าจะมีผลผลิตเพ่ิมขึ้นจากปี 2559 จานวน 7,509 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.16 และคาดว่าจะมีผลผลิตเฉลี่ย 253 กิโลกรัมต่อไร่ โดยคาดว่า ผลผลิตต่อไร่เพ่มิ ขนึ้ จากปี 2559 จานวน 12 กิโลกรัมต่อไร่ หรอื เพมิ่ ขน้ึ รอ้ ยละ 4.98 ภาพท่ี 8 : เนื้อทก่ี รดี ผลผลติ ผลติ ต่อไร่ ยางพารา จังหวดั จันทบุ รี ปี 2550-2560 600,000 260 500,000 250 400,000 240 300,000 230 200,000 220 100,000 210 200 0 190 ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 เนือ้ ท่กี รดี (ไร)่ ผลผลิต (ตัน) ผลผลิตต่อไร่ (กก./ไร)่ แหล่งขอ้ มลู : ศนู ย์สารสนเทศการเกษตร สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2) สถานการณ์การผลติ ตามระดบั ความเหมาะสมของพื้นที่ จากข้อมูลกรมพัฒนาท่ีดิน (2559) http://agri-map-online.moac.go.th มีพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) ในการปลกู ยางพาราท้งั หมด 2,288,243 ไร่ โดยปลูกในพืน้ ทีเ่ หมาะสม 305,108 ไร่ หรือ คิดเป็นร้อยละ 13.34 ของพื้นที่เหมาะสมทั้งหมด โดยมีพ้ืนที่ปลูกจริง 342,733 ไร่ แบ่งเป็นปลูกในพ้ืนท่ี ความเหมาะสมสูง (S1) 35,402 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.33 ปลูกในพื้นท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) 305,180 ไร่ หรือร้อยละ78.70 ปลูกในพ้ืนท่ีเหมาะสมน้อย (S3) 12,903 ไร่ หรือร้อยละ 3.76 และปลกู ใน พนื้ ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) 24,690 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 7.20
16 ภาพที่ 9 แผนท่ีแสดงการปลกู ยางพาราในช้นั ความเหมาะสมตา่ งๆ ของจงั หวัดจันทบุรี ภาพท่ี 10 พ้ืนท่ปี ลูกยางพารา ตามระดบั ความเหมาะสมในอาเภอตา่ งๆ ของจงั หวดั จนั ทบรุ ี 700,000 600,000 500,000 400,000 300,000 200,000 100,000 0 -100,000 แกง่ หางแมว ขลงุ เขาคิชฌกฏู ทา่ ใหม่ นายายอาม โป่งน้าร้อน มะขาม เมืองจันทบุรี สอยดาว แหลมสงิ ห์ (S) Suitability (S) Existing (S) คงเหลอื (S3) Existing (N) Existing
ตารางที่ 6 ระดบั พืน้ ท่ีความเหมาะสม พน้ื ที่ปลูกยางพารา ตามระดับความเหมาะสมในอาเภ พื้นท่เี หมาะสมสูง เหมาะสมปานกลาง รวม อาเภอ (S1) (S2) Suitability Existing Suitability Existing Suitability แก่งหางแมว 102,316 352 478,480 17,876 580,796 ขลงุ 0 0 195,387 33,549 195,387 เขาคชิ ฌกูฏ 112,089 23,421 128,860 18,070 240,949 ทา่ ใหม่ 30,422 7,375 230,440 46,866 260,862 นายายอาม 3,678 516 122,308 39,573 125,986 โปง่ นา้ รอ้ น 9,552 43 346,503 26159 356,055 มะขาม 0 0 182,019 36642 182,019 เมืองจันทบุรี 0 0 75,166 17855 75,166 สอยดาว 31,443 3695 234,524 33069 265,967 แหลมสงิ ห์ 0 0 5,056 119 5,056 รวม 289,500 35,402 1,998,743 269,778 2,288,243 ทีม่ า : http://agri-map-online.moac.go.th กรมพัฒนาทด่ี ิน (2559)
17 ภอต่างๆ จงั หวัดจนั ทบุรี มพ้นื ทีเ่ หมาะสม เหมาะสมนอ้ ย ไมเ่ หมาะสม รวมพน้ื ท่ี (S) (S3) (N) (N) Existing คงเหลอื Existing Existing Existing 18,228 562,568 0 1,018 1,018 33,549 161,838 77 5,710 5,787 41,491 199,458 1,503 1,753 3,256 54,241 206,621 467 2,145 2,612 40,089 85,897 2 1,987 1,989 26,202 329,853 1,115 3,472 4,587 36,642 145,377 90 7588 7,678 17,855 57,311 33 292 325 36,764 229,203 9616 464 10,080 119 4,937 0 261 261 305,180 1,983,063 12,903 24,690 37,593
18 2.4.2 ล้าไย (1) สถานการณ์การผลติ ในปจั จุบนั ลาไย เป็นพืชเศรษฐกิจท่ีทารายได้เป็นอันดับที่ 2 ของจังหวัดจันทบุรี โดยมี มูลค่าผลิตภัณฑ์ ณ ราคาประจาปี ปี พ.ศ.2558 จานวน 9,718 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.97ของมูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในภาคเกษตรของ ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2560 คาดว่าจังหวัดจันทบุรี มีลาไยจังหวัดจันทบุรีจะมีพื้นที่ให้ผล 142,65 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 13.35 ของพื้นที่ ให้ผลท้ังประเทศ และเพิ่มขึ้นจากปี 2559 จานวน 4,216 ไร่ หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 3.05 คาดว่าจะมีผลผลิต จานวน 299,859 ตัน หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 30.91 ของผลผลติ ท้ังประเทศ โดยคาดว่าจะมีผลผลิตเพม่ิ ขน้ึ จากปี 2559 จานวน 14,954 ตนั หรือเพิ่มขึน้ ร้อยละ 5.25 และคาดว่าจะมีผลผลติ เฉลี่ย 2,102 กิโลกรัมต่อไร่ โดย คาดว่าผลผลติ ต่อไรเ่ พมิ่ ข้ึนจากปี 2559 จานวน 44 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ หรอื เพิ่มข้ึนร้อยละ 2.14 ภาพท่ี 11 : เนือ้ ท่ใี ห้ผล ผลผลิต ผลิตตอ่ ไร่ ลาไย จังหวดั จันทุบรี ปี 2550-2560 350,000 2,500 300,000 2,000 250,000 1,500 200,000 150,000 1,000 100,000 500 50,000 00 ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 เน้อื ที่ให้ผล (ไร)่ ผลผลิต (ตัน) ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กก./ไร่) แหล่งข้อมูล : ศูนยส์ ารสนเทศการเกษตร สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร (2) สถานการณก์ ารผลิตตามระดบั ความเหมาะสมของพนื้ ที่ จากข้อมูลกรมพัฒนาที่ดิน (2559) http://agri-map-online.moac.go.th มีพื้นที่เหมาะสม (S) ในการปลูกลาไยทั้งหมด 1,346,639 ไร่ โดยปลูกในพ้ืนที่เหมาะสม 53,932 ไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 4.00 ของพ้ืนท่ีเหมาะสมท้ังหมด และมีพ้ืนที่ปลูกจริง 101,573 ไร่ แบ่งเป็นปลูกในพื้นท่ีความ เหมาะสมสูง (S1) 10,487 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.33 ปลูกในพ้นื ท่คี วามเหมาะสมปานกลาง (S2) 43,053 ไร่ หรือรอ้ ยละ 42.38 และปลกู ในพ้ืนท่ไี มเ่ หมาะสม (N) 48,033 ไร่ หรือร้อยละ 47.28
19 ภาพท่ี 12 แผนท่ีแสดงการปลูกลาไยในช้ันความเหมาะสมต่างๆ ของจังหวัดจันทบุรี ภาพที่ 13 พ้ืนทีป่ ลกู ลาไย ตามระดบั ความเหมาะสมในอาเภอต่างๆ ของจังหวัดจันทบรุ ี 300,000 250,000 200,000 150,000 100,000 50,000 0 แกง่ หางแมว ขลุง เขาคชิ ฌกฏู ทา่ ใหม่ นายายอาม โปง่ น้ารอ้ น มะขาม เมอื งจนั ทบรุ ี สอยดาว แหลมสงิ ห์ -50,000 (S) Suitability (S) Existing (S) คงเหลอื (S3) Existing (N) Existing
ตารางที่ 7 ระดบั พื้นท่ีความเหมาะสม พ้นื ที่ปลูกลาไย ตามระดับความเหมาะสมในอาเภอตา่ พ้นื ท่ีเหมาะสมสงู เหมาะสมปานกลาง รวม อา้ เภอ (S1) (S2) Suitability Existing Suitability Existing Suitability แกง่ หางแมว 729 7 26,901 12 27,630 ขลุง 38,104 79 108,967 250 147,071 เขาคชิ ฌกฏู 118,846 533 34,440 167 153,286 ท่าใหม่ 124,457 194 119,529 112 243,986 นายายอาม 3,117 0 104,509 44 107,626 โป่งนา้ ร้อน 25,054 4824 141,082 26,391 166,136 มะขาม 41,517 55 114,158 125 155,675 เมืองจันทบุรี 21,941 38 52,659 10 74,600 สอยดาว 31,045 4758 188,362 15,942 219,407 แหลมสงิ ห์ 838 0 4,738 0 5,576 รวม 405,648 10,488 895,345 43,053 1,300,993 ที่มา : http://agri-map-online.moac.go.th กรมพฒั นาทดี่ ิน (2559)
20 างๆ จังหวดั จันทบรุ ี มพืน้ ทีเ่ หมาะสม เหมาะสมนอ้ ย ไมเ่ หมาะสม รวมพ้ืนที่ (S) (S3) (N) (N) Existing คงเหลือ Existing Existing Existing 19 27,611 0 117 117 329 146,742 0 74 74 700 152,586 0 0 0 306 243,680 0 0 0 44 107,582 0 56 56 31,215 134,921 0 33,240 33,240 180 155,495 0 80 80 48 74,552 0 0 0 20,700 198,707 14,466 14,466 0 5,576 0 0 0 53,541 1,247,452 0 48,033 48,033
21 2.4.3 ทุเรยี น (1) สถานการณ์การผลติ ในปัจจุบัน ทุเรียน เป็นพืชเศรษฐกิจที่ทารายได้เป็นอันดับท่ี 3 ของจังหวัดจันทบุรี โดยมี มูลค่าผลิตภัณฑ์ ณ ราคาประจาปี ปี พ.ศ.2558 จานวน 5,876 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.65 ของมูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรของจังหวัด ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร คาดว่า ปี 2560 จังหวัดจนั ทบุรี จะมพี ้ืนท่ใี ห้ผล 173,672 ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ 29.28 ของพื้นทีใ่ ห้ผลท้ังประเทศ และ เพ่ิมข้ึนจากปี 2559 จานวน 2,580 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.51 คาดว่าจะมีผลผลิตจานวน 284,874 ตัน หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 45.87 ของผลผลิตทงั้ ประเทศ โดยคาดวา่ จะมีผลผลติ เพิม่ ข้นึ จากปี 2559 จานวน 97,084 ตัน หรือเพ่ิมข้ึนร้อยละ 51.70 และคาดว่าจะมีผลผลิตเฉลี่ย 1,640 กิโลกรัมต่อไร่ โดยคาดว่าผลผลิตต่อไร่ เพ่ิมขน้ึ จากปี 2559 จานวน 542 กโิ ลกรัมต่อไร่ หรอื เพิ่มข้ึนรอ้ ยละ 49.36 ภาพที่ 14 : เน้อื ท่ใี หผ้ ล ผลผลิต ผลิตต่อไร่ ทุเรยี น จังหวัดจนั ทุบรี ปี 2550-2560 300,000 1,800 250,000 1,600 200,000 1,400 150,000 1,200 100,000 1,000 50,000 800 600 0 400 200 0 ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 เน้อื ท่ใี หผ้ ล (ไร)่ ผลผลิต (ตนั ) ผลผลติ ต่อไร่ (กก./ไร่) แหลง่ ข้อมูล : ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร 2.4.4 มังคุด (1) สถานการณ์การผลิตในปัจจบุ ัน มังคุด เป็นพืชเศรษฐกิจที่ทารายได้เป็นอันดับท่ี 4 ของจังหวัดจันทบุรี โดยมี มูลค่าผลิตภัณฑ์ ณ ราคาประจาปี ปี พ.ศ.2558 จานวน 3,231 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.31 ของมูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรของจังหวัด ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่า ปี 2560 จังหวัดจันทบุรจี ะมพี ื้นที่ให้ผล 129,537 ไร่ คิดเป็นรอ้ ยละ 31.07 ของพ้ืนที่ใหผ้ ลท้งั ประเทศ และ เพ่ิมข้ึนจากปี 2559 จานวน 198 ไร่ หรอื เพ่ิมขึ้นร้อยละ 0.51 คาดว่าจะมีผลผลิตจานวน 107,138 ตัน หรือ คดิ เป็นรอ้ ยละ 51.51 ของผลผลิตท้ังประเทศ โดยคาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขน้ึ จากปี 2559 จานวน 38,267 ตัน หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 55.56 และคาดว่าจะมีผลผลิตเฉลี่ย 827 กิโลกรัมต่อไร่ โดยคาดว่าผลผลิตต่อไร่เพ่ิมข้ึน จากปี 2559 จานวน 295 กิโลกรัมต่อไร่ หรอื เพ่มิ ขน้ึ ร้อยละ 55.45
22 ภาพท่ี 15 : เนอ้ื ท่ใี ห้ผล ผลผลติ ผลิตต่อไร่ มงั คดุ จงั หวดั จันทบุ รี ปี 2550-2560 140,000 1,000 120,000 900 100,000 800 80,000 700 60,000 600 40,000 500 20,000 400 300 0 200 100 0 ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 เน้อื ท่ใี ห้ผล (ไร)่ ผลผลิต (ตัน) ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กก./ไร่) แหล่งข้อมูล : ศนู ย์สารสนเทศการเกษตร สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร 2.4.5 เงาะ (1) สถานการณ์การผลติ ในปจั จุบนั เงาะ เป็นพืชเศรษฐกิจที่ทารายได้เป็นอันดับที่ 6 ของจังหวัดจันทบุรี โดยมี มูลค่าผลิตภัณฑ์ ณ ราคาประจาปี ปี พ.ศ.2558 จานวน 2,852 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.69 ของมูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรของจังหวัด ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร คาดว่า ปี 2560 จังหวัดจันทบุรีจะมีพื้นที่ให้ผล 56,491 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 22.42 ของพ้ืนที่ให้ผลท้ังประเทศ และ ลดลงจากปี 2559 จานวน 383 ไร่ หรือลดลงร้อยละ 0.67 คาดว่าจะมีผลผลิตจานวน 94,324 ตัน หรือคิด เป็นร้อยละ 36.65 ของผลผลิตท้ังประเทศ โดยคาดว่าจะมีผลผลิตเพ่ิมข้ึนจากปี 2559 จานวน 40,647 ตัน หรือเพม่ิ ข้ึนร้อยละ 75.73 และคาดว่าจะมีผลผลติ เฉล่ีย 1,670 กโิ ลกรมั ต่อไร่ โดยคาดว่าผลผลิตต่อไรเ่ พ่ิมข้ึน จากปี 2559 จานวน 726 กิโลกรัมตอ่ ไร่ หรอื เพมิ่ ขึ้นร้อยละ 76.91 ภาพท่ี 16 : เน้อื ท่ีใหผ้ ล ผลผลิต ผลิตต่อไร่ เงาะ จังหวัดจันทุบรี ปี 2550-2560 250,000 1,800 200,000 1,600 150,000 1,400 100,000 1,200 50,000 1,000 800 0 600 400 200 0 ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 เนื้อทีใ่ หผ้ ล (ไร)่ ผลผลติ (ตัน) ผลผลิตตอ่ ไร่ (กก./ไร่) แหล่งข้อมลู : ศนู ย์สารสนเทศการเกษตร สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร (2) สถานการณ์การผลติ ไม้ผล(ทเุ รียน มังคดุ เงาะ) ตามระดบั ความเหมาะสมพน้ื ที่
23 จากข้อมูลกรมพัฒนาที่ดิน (2559) http://agri-map-online.moac.go.th มีพื้นท่ีเหมาะสม (S) ในการปลูกไม้ผลท้ังหมด 982,969 ไร่ โดยปลูกในพ้ืนที่เหมาะสม 586,498 ไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 59.67 ของพื้นท่ีเหมาะสมทั้งหมด และมีพ้ืนท่ีปลูกจริง 626,444 ไร่ แบ่งเป็นปลูกในพื้นที่ความ เหมาะสมสูง (S1) 46,563 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 7.43 ปลูกในพื้นที่ความเหมาะสมปานกลาง (S2) 539,935 ไร่ หรือร้อยละ 86.19 และปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 19,973 ไร่ หรือร้อยละ 3.19 ท้ังน้ีเนื่องจากกรม พฒั นาท่ีดินไม่ไดแ้ บ่งพน้ื ทคี่ วามเหมาะสมไม้ผล (ทเุ รียน มังคุด เงาะ) เปน็ รายชนิดสินคา้ ภาพที่ 17 แผนทีแ่ สดงการปลูกลาไยในชน้ั ความเหมาะสมต่างๆ ของจังหวดั จนั ทบรุ ี ทม่ี า : http://agri-map-online.moac.go.th กรมพัฒนาที่ดิน (2559) ภาพท่ี 18 พื้นท่ีปลกู ไม้ผล (ทเุ รยี น มงั คุด เงาะ) ตามระดบั ความเหมาะสมในอาเภอตา่ งๆ ของจังหวัดจันทบรุ ี 250,000 200,000 150,000 100,000 50,000 0 แก่งหางแมว ขลุง เขาคชิ ฌกฏู ท่าใหม่ นายายอาม โป่งน้ารอ้ น มะขาม เมอื งจนั ทบุรี สอยดาว แหลมสิงห์ -50,000 (S) Suitability (S) Existing (S) คงเหลอื (S3) Existing (N) Existing
ตารางท่ี 8 ระดบั พื้นที่ความเหมาะสม พื้นท่ปี ลกู ไม้ผล(ทเุ รียน มงั คดุ เงาะ) ตามระดบั ความเห พื้นท่เี หมาะสมสูง เหมาะสมปานกลาง รวม อา้ เภอ (S1) (S2) Suitability Existing Suitability Existing Suitability แกง่ หางแมว 535 242 4,555 3975 5,090 ขลุง 0 0 92,249 91171 92,249 เขาคิชฌกฏู 63,527 31392 86,045 65949 149,572 ท่าใหม่ 27,289 13321 179,857 142504 207,146 นายายอาม 3,635 1579 71,796 46881 75,431 โป่งน้าร้อน 383 26 108,489 43599 108,872 มะขาม 0 0 95,458 94634 95,458 เมืองจนั ทบุรี 0 0 41,106 40636 41,106 สอยดาว 431 3 200,092 3064 200,523 แหลมสงิ ห์ 0 0 7,522 7522 7,522 รวม 95,800 46,563 887,169 539,935 982,969 5 ท่ีมา : http://agri-map-online.moac.go.th กรมพฒั นาทดี่ นิ (2559)
24 หมาะสมในอาเภอตา่ งๆ จงั หวัดจนั ทบุรี มพ้นื ที่เหมาะสม เหมาะสมน้อย ไมเ่ หมาะสม รวมพน้ื ท่ี (S) (S3) (N) (N) Existing คงเหลือ Existing Existing Existing 4,217 873 0 198 198 91,171 1,078 0 4904 4,904 97,341 52,231 0 738 738 155,825 51,321 0 2809 2,809 48,460 26,971 0 1587 1,587 43,625 65,247 0 3819 3,819 94,634 824 0 3536 3,536 40,636 470 0 2102 2,102 3,067 197,456 0 27 27 7,522 0 0 253 253 586,498 396,471 0 19,973 19,973
25
บทท่ี 3 ผลการวเิ คราะห์ 3.1 ตน้ ทนุ การผลติ ผลตอบแทน ตามพื้นที่ความเหมาะสมและความตอ้ งการของตลาด สนิ ค้าทส่ี าคญั (Top 5 ) การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนตามระดับความเหมาะสมทางด้านกายภาพ ของ สินค้าเกษตรท่ีสาคัญที่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรของจังหวัดจันทบุรี ใน 5 อันดับ ได้แก่ ยางพารา ลาไย ทุเรียน มังคุดและเงาะ ซ่ึงการศึกษาคร้ังน้ีได้สุ่มตัวอย่างสอบถามเกษตรกรตามระดับความเหมาะสมของ พื้นที่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ(1) พ้ืนที่ที่เหมาะสม (Suitability : S) คือ พื้นท่ีที่มีความเหมาะสมสูง S1 (Highly suitable) และพ้ืนที่ที่มีความเหมาะสมปานกลาง S2 (Moderately suitable) และ (2) พื้นที่ไม่ เหมาะสม (Not suitability : N) คือ พื้นท่ีที่มีความเหมาะสมน้อย (Marginally suitable: S3) และพ้ืนท่ีที่ไม่มี ความเหมาะสม (Not suitable :N) โดยกระจายตัวอย่างไปตามแหล่งเพาะปลูกหรือแหล่งผลิตที่สาคัญๆ ใน อาเภอและตาบลต่างๆ ของจังหวัดจันทบุรี ระดับละ 22 ตัวอย่าง จากนั้นทาการวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุน รายได้ และผลตอบแทนจาแนกตามพน้ื ทเ่ี พาะปลกู และระดับความเหมาะสมทางกายภาพของท่ีดนิ ซงึ่ แตกต่างกันอันเป็น เหตุทาให้ผลผลิตท่ีได้รับแตกต่างกันท้ัง ปริมาณ คุณภาพ และราคาผลผลิต จากน้ันนาผลที่ได้มาพิจารณา ประกอบกับความต้องการของตลาด เพ่อื เปน็ แนวทางในการพฒั นาสนิ ค้าต่าง ๆ ต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนจะนาไปสู่การจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะทา ใหเ้ กษตรกรทราบทิศทางในการลงทุนของตนวา่ จะเป็นไปในลักษณะใด โดยเฉพาะกรณีทเี่ กดิ สภาวะผันผวนหรือมี การเปล่ียนแปลงโครงสร้างการผลิตและการตลาดที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าการเปล่ียนแปลงนี้จะมาจากปัจจัยภายใน เช่น ประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกร ตลอดจนค่าจ้างและแรงงาน หรือปัจจัยภายนอก เช่น สภาพดินฟ้า อากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ปริมาณความต้องการของตลาด โรคแมลงระบาด เป็นผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง หรือในทางตรงกันข้ามปริมาณผลผลิตมากเกินความต้องการของตลาด ประกอบกับเกษตรกรอาจมีต้นทุนที่สูงข้ึน จากการเกิดโรคระบาด ภัยแล้ง เป็นต้น เกษตรกรบางส่วนยังขาดข้อมูลข่าวสารท่ีจาเป็นในการตัดสินใจผลิต เช่น ภาวการณต์ ลาด ราคาผลผลติ พันธ์ุ หรือเทคโนโลยีใหม่ทจี่ ะให้ปรมิ าณผลผลติ สูง นโยบายของรัฐเรอื่ งการประกัน ราคาสินค้าเกษตร เป็นต้น ซึ่งถ้าเกษตรกรได้รับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ เหล่าน้ีก็จะทาให้เกษตรกรเตรียม ทางออกหรอื ตดั สินใจในแต่ละกรณีได้ ซง่ึ เท่ากบั เป็นการเตรยี มแก้ปญั หาได้ด้วยตนเองในระยะยาวอย่างชดั เจน 3.1.1 ยางพารา (1) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตยางพาราในพ้นื ทเี่ หมาะสม (S) ผลจากการสารวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตยางพารา ในจังหวัดจันทบุรี ในเขตพื้นท่ีเหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย (Total Cost : TC) 7,228.71 บาทต่อ ไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร (Total Variable Cost : TVC ) 4,992.19 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 69.06 และต้นทนุ คงท่ี (Total Fixed Cost : TFC ) จานวน 2,236.52 บาทต่อไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 30.94 ของ ต้นทุนทั้งหมด ตามลาดับ เม่ือพิจารณาในรายละเอียดพบว่าเป็นต้นทุนท่ีเป็นเงินสด 3,379.91 บาทต่อไร่ หรือ รอ้ ยละ 46.76 และท่ีเหลือประมาณร้อยละ 53.42 เป็นต้นทุนท่ีไม่เป็นเงนิ สด โดยต้นทุนผันแปรทีเ่ ป็นเงินสดส่วน ใหญจ่ ะเปน็ ค่าจา้ งแรงงาน รองลงมาเป็นค่าปจั จยั การผลติ ตา่ ง ๆ และคา่ เก็บเกี่ยว เป็นตน้ ผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนการผลิตยางพารา ในพื้นท่ีความเหมาะสม (S) ของจังหวัด จนั ทบุรี ได้ผลผลิตเฉลีย่ 377.42 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ เมื่อพิจารณาถงึ ผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา 48.22 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 18,199.19 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรจะมีผลตอบแทนเหนือ ตน้ ทนุ ผันแปร 13,207.00 บาทต่อไร่ และมีผลตอบแทนเหนือต้นทุนเงินสด 14,819.28 บาทตอ่ ไร่ และจะได้รับ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมดหรือมีกาไร ( Economic Profit ) 10,970 บาทต่อไร่ โดยที่จุดคุ้มทุนในการ
26 ผลิตยางพารา ( Break Even Point ) ณ ปริมาณผลผลิตที่ 149.91 กิโลกรัมต่อไร่ และราคา ณ ไร่นาที่จุดคมุ้ ทุน หรอื ต้นทุนการผลิต 19.15 บาทต่อกโิ ลกรมั (2) ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ยางพาราในพน้ื ท่ไี ม่เหมาะสม (N) ผลจากการสารวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตยางพารา ในจงั หวดั จนั ทบุรี ในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (Not suitability : N) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉล่ีย (Total Cost :TC) 9,676.91 บาท ต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร (Total Variable Cost : TVC ) 7,001.88 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 72.36 และ ต้นทุนคงท่ี (Total Fixed Cost : TFC ) 2,675.03 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 27.64ของต้นทุนท้ังหมดตามลาดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าเกษตรกรมีต้นทุนทเ่ี ปน็ เงนิ สด 6,392.20 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 66.06 ที่เหลือ ประมาณร้อยละ 33.94 เป็นต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่จะเป็นค่าจ้างแรงงาน รองลงมาเป็นค่าปจั จยั การผลิตต่าง ๆ และค่าเก็บเกีย่ ว เปน็ ตน้ ผลตอบแทนการผลิตยางพารา ในเขตพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) ในพื้นท่ีจังหวัดจันทบุรี ได้ผลผลิตเฉล่ีย 382.73 กโิ ลกรมั ต่อไร่ เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา 48.22 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 18,460.06 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรจะมีผลตอบแทนเหนือต้นทุนผัน แปร 11,458.18 บาทต่อไร่ และมีผลตอบแทนเหนอื ต้นทุนเงนิ สด 12,067.86 บาทตอ่ ไร่ และไดร้ บั ผลตอบแทน เหนอื ต้นทุนท้ังหมดหรือกาไร ( Economic Profit ) 8,783.15 บาทตอ่ ไร่ โดยที่จดุ คมุ้ ทุนในการผลิตยางพาราใน พ้ืนท่ีไม่เหมาะสม ( Break Even Point ) ณ ปริมาณผลผลิตที่ 200.68 กิโลกรัมต่อไร่ และราคา ณ ไร่นาท่ี จดุ คมุ้ ทุนหรอื ตน้ ทนุ การผลิต 25.28 บาทต่อกิโลกรัม ตารางที่ 19 ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตยางพารา จงั หวดั จนั ทบุรี หน่วย: บาท/ไร่ รายงาน พื้นทีเ่ หมาะสม (S) พนื้ ทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) เงนิ สด ประเมิน รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1.ตน้ ทุนผนั แปร 3,379.91 1,612.28 4,992.19 6,392.20 609.68 7,001.88 1.1คา่ แรงงาน 2,612.05 1,506.80 4,118.85 4,641.89 569.79 5,211.68 เตรยี มดนิ 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 ปลูก 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 ดูแลรกั ษา 63.98 53.58 117.56 172.09 54.29 226.38 การใสป่ ุ๋ย 6.56 18.52 25.08 61.03 42.83 103.86 การฉีดยาป้องกนั กาจดั วชั พืช 8.91 25.50 34.41 21.33 6.70 28.03 การฉดี ยาป้องกนั กาจัดโรคและแมลง 25.86 0.00 25.86 5.70 0.00 5.70 การดายหญา้ /ถอนหญา้ 22.66 9.57 32.23 84.02 4.75 88.77
27 ตารางที่ 19 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ ยางพารา จังหวัดจันทบรุ ี (ต่อ) รายงาน พนื้ ท่ีเหมาะสม (S) พืน้ ทีไ่ มเ่ หมาะสม (N) เงนิ สด ประเมนิ รวม เงินสด ประเมนิ รวม การตัดแตง่ ก่ิง 0.00 0.00 0.00 4,469.80 515.50 4,985.30 เก็บเก่ียว 2,548.07 1,453.22 4,001.29 4,007.49 487.73 4,495.22 การกรดี ยาง 2,474.24 1,363.73 3,837.97 0.00 25.03 25.03 เก็บขยี้ าง 73.83 89.49 163.32 462.32 2.75 465.07 1.2คา่ วสั ดุ 546.74 0.00 546.74 1,332.13 0.00 1,332.13 ค่าปยุ๋ 365.63 0.00 365.63 1,078.50 0.00 1,078.50 ป๋ยุ ชีวภาพ 58.59 0.00 58.59 425.13 0.00 425.13 ปุ๋ยเคมี 307.03 0.00 307.03 653.37 0.00 653.37 คา่ ยาปราบศัตรพู ืชและวัชพืช 30.02 0.00 30.02 61.67 0.00 61.67 ยากาจัดวัชพชื (ยาฆ่าหญา้ ) 28.16 0.00 28.16 54.44 0.00 54.44 ยาปอ้ งกนั ศตั รพู ืช 1.86 0.00 1.86 7.23 0.00 7.23 ยากาจดั ศัตรูพชื 0.00 0.00 0.00 83.19 0.00 83.19 ค่าสารอื่นๆ และวสั ดปุ รบั ปรุงดิน 52.75 0.00 52.75 83.19 0.00 83.19 คา่ น้ามนั เชื้อเพลิงและหลอ่ ล่ืน 8.07 0.00 8.07 39.75 0.00 39.75 ค่าวสั ดกุ ารเกษตรและวัสดุสิ้นเปลอื ง 90.27 0.00 90.27 66.28 0.00 66.28 วสั ดสุ นิ้ เปลือง 85.58 0.00 85.58 59.15 0.00 59.15 คา่ ใชจ้ ่ายอื่นๆ 4.69 0.00 4.69 7.13 0.00 7.13 คา่ ซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร 0.00 0.00 0.00 2.67 0.00 2.67 1.3คา่ เสยี โอกาสเงินลงทุน 221.12 105.48 326.60 418.18 39.89 458.07 2.ต้นทนุ คงท่ี 0.00 2,236.52 2,236.52 0.00 2,675.03 2,675.03 2.1ค่าเช่าท่ดี ิน 0.00 990.63 990.63 0.00 1,287.06 1,287.06 2.2ค่าเสือ่ มอปุ กรณก์ ารเกษตร 0.00 131.55 131.55 0.00 136.76 136.76 2.3ค่าเสยี โอกาสเงนิ ลงทนุ อุปกรณก์ ารเกษตร 0.00 25.16 25.16 0.00 101.88 101.88 2.4เฉล่ียต้นทุนก่อนให้ผลผลติ 0.00 1,089.18 1,089.18 0.00 1,149.33 1,149.33 3.ตน้ ทุนรวมต่อไร่ 3,379.91 3,848.80 7,228.71 6,392.20 3,284.71 9,676.91 4.ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 0.00 0.00 377.42 0.00 0.00 382.83 5. ราคาเฉลยี่ ท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 48.22 48.22 6. มูลค่าผลผลิต/รายได้ท้งั หมด (บาท/ไร)่ 18,199.19 18,460.06 7. ผลตอบแทนสุทธิเหนอื ตน้ ทุนเงนิ สด (บาท/ไร่) 14,819.28 12,067.86 8. ผลตอบแทนสทุ ธิเหนือตน้ ทนุ ผนั แปร (บาท/ไร)่ 13,207.00 11,458.18 9. ผลตอบแทนสุทธเิ หนือตน้ ทนุ ทงั้ หมด (บาท/ไร่) 10,970.48 8,783.15 10.ผลตอบแทนสทุ ธิเหนอื ผลผลติ (บาท/กก.) 29.07 22.94 11. ตน้ ทนุ การผลติ ราคา ณ จุดคมุ้ ทนุ (บาท/กก.) 19.15 25.28 12. ปริมาณผลผลติ ณ จุดคมุ้ ทนุ (กก./ไร่) 149.91 200.68 แหลง่ ขอ้ มูล : จากสารวจขอ้ มลู สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 จงั หวัดชลบุรี
28 (3) ข้อมูลทางเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ การกระจายผลผลิต โครงสร้างการตลาด วิถีการตลาด ดังรายละเอียดดังน้ี 1) สภาพการตลาด - แหล่งรับซ้ือผลผลิต ปัจจุบันจังหวัดจันทบุรีมีชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางจันทบุรี มีเครือข่ายสหกรณ์ที่เปิดรวบรวมยางพาราจากสมาชิก เพื่อเปิดประมูลผลผลิตและขายผลผลิตซึ่งมีทั้งน้ายางสด ยางแผน่ ดบิ ยางแผน่ รมควัน และยางกอ้ นถว้ ย จานวน 9 แหง่ ที่ดาเนินการ ได้แก่ ตารางท่ี 20 สหกรณ์ทีร่ ับซอ้ื ยางพาราในจงั หวดั จนั ทบรุ ี 1 สหกรณ์กองทุนสวนยางวังพรหม จากดั 36/2 ม.4 ต.เขาแกว้ อ.ทา่ ใหม่ จ.จันทบรุ ี 2 สหกรณ์ สกย.บา้ นอ่างครี ี จากัด ม.2 ต.อ่างครี ี อ.มะขาม จ.จนั ทบรุ ี 3 สหกรณ์ สกย.สอยดาว จากดั 109 ม.1 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จนั ทบรุ ี 4 สหกรณ์ สกย.โพธิ์ลังกา จากัด 119 ม.6 ต.นายายอาม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี 5 สหกรณ์ สกย.สามพ่ีนอ้ ง จากดั 21 ม.4 ต.สามพ่นี ้อง อ.แกง่ หางแมว จ.จนั ทบุรี 6 สหกรณ์ สกย.สุขใจ จากดั 17/1 ม.13 ต.ขนุ ซอ่ ง อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบุรี 7 สหกรณ์ สกย.พวา จากดั 145 ม.5 ต.สามพ่นี อ้ ง อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบุรี 8 สหกรณ์ สกย.บ้านคลองครก จากัด เลขที่ 1 ม.6 ต.พวา อ.แก่งหางแมว จ.จนั ทบรุ ี 9 สหกรณ์ สกย.บา้ นสะทอ้ น จากดั 9 ม.3 ต.จนั ทเขลม อ.เขาคชิ ฌกฎู จ.จันทบรุ ี ทีมา : การยางแห่งประเทศไทยจงั หวัดจนั ทบรุ ี นอกจากน้ี ยังมีโรงงานท่ีได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ยางพารา จานวน 4 ประเภท ได้แก่ 1) โรงงานผลิตยางแผ่นรมควัน 2) โรงงานผลิตยางแท่ง เอส ที อาร์ (STR) 3) โรงงานผลิตยางแผ่นผง่ึ แหง้ และ 4) โรงงานผลิตน้ายางข้นและยางสกมิ ดงั นี้ ตารางท่ี 21 โรงงานท่ผี ลิตยางพาราในจังหวดั จนั ทบุรี ท่ี ชื่อโรงงาน/ทะเบยี นโรงงาน วัตถดุ ิบ ประกอบกจิ การ กาลงั ผลิต(ตัน/เดอื น) 1 บริษทั สนิ แดนไทยการยาง จากดั ยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นรมควัน 50 6/2 ม.3 ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกฎู ผลติ นา้ ยางข้น/ยางสกิม จ.จันทบุรี ยางแผน่ อบแห้ง 2 บรษิ ัท อตุ สาหกรรมยางตะวนั ออก จากดั ยางแผน่ รมควัน ทายางแผน่ รมควนั 15 36 ม.5 ถ.สขุ มุ วทิ ต.คมบาง อ.เมอื ง จ.จันทบุรี 3 บริษทั ทองไทยเทคนิคอล รับเบอร์ จากดั เอส ที อาร์ (STR) ผลิตยางแทง่ 4,600 28 ม.1 ถ.นายายอาม-หนองเจก๊ สร้อย ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จนั ทบรุ ี 4 บริษัท แกรนด์รับเบอร์ จากดั ยางแผ่นผึง่ แหง้ รีด อบยางแผน่ ผึ่งแห้ง 150 28/3 ม.1 ถ.นายายอาม-หนองเจก๊ สร้อย ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จนั ทบุรี ที่มา : กรมวิชาการเกษตร สรุปได้ว่า โรงงานแปรรูปยางพาราจังหวัดจันทบุรีมีจานวน 4 แห่ง ที่ยังเปิดดาเนินการ และจังหวดั จันทบุรไี ม่มีโรงงานผลติ ยางเครฟแต่มีโรงงานในจังหวัดใกล้เคยี งในภาคตะวันออก ทั้งนี้ โรงงานแปรรูป ยางพารามจี านวนมากในจงั หวดั ระยอง ชลบุรี จงึ เป็นแหล่งรองรับผลผลิตยางพาราของจนั ทบุรไี ด้เป็นอยา่ งดี 2) รปู แบบการจาหน่าย ปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่ผลิตยางกอ้ นถ้วยร้อยละ 88.25 เพราะประหยัดเวลาและ สะดวกในการทาและได้เงินสดรวดเร็ว รองลงมาทายางแผ่นดิบ ร้อยละ 9.72 ซ่ึงมักจะเป็นจากสวนยางพาราท่ีมี
29 ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่และมีลูกจ้างประจาสวนหรือแรงงานต่างชาติท่ีสามารถมีเวลาทางานตามข้อตกลงของ เจ้าของสวน และสดุ ท้ายขายแบบน้ายางสด ร้อยละ 2.03 เนอ่ื งจากเป็นผลผลติ ท่ีตอ้ งทาใหท้ ันเวลา ซ่ึงแหลง่ รับ ซื้อน้ายางสดในจังหวัดจันทบุรีมีไม่มากและขายผ่านพ่อค้าผู้รวบรวมขนส่งถังน้ายางสดไปโรงงานน้ายางท่ีระยอง จึงมีการวัดและตัดเปอร์เซ็นต์น้ายางจึงไม่เป็นท่ีนิยมของชาวสวน ด้านการขนส่งไปจาหน่ายส่วนใหญ่จะขน ผลผลิตไปจาหน่ายให้แก่พ่อค้าในพื้นท่ี พ่อค้ารวบรวม ณ แหล่งรับซื้อเพ่ือนาไปจาหน่ายตามโควต้าท่ีตกลงกับ โรงงานแปรรปู ยางพาราในจงั หวดั จันทบุรีและนอกจงั หวัดจันทบุรใี ห้ไว้ และจาหน่ายให้แก่สหกรณ์ กยท.จันทบุรี เพ่อื รวบรวมประมูลขายซงึ่ มที ้งั โรงงานแปรรูปยางพาราในจงั หวัดจนั ทบรุ ีและนอกจงั หวัดจันทบรุ มี ารว่ มประมลู 3) สถานการณ์ราคาปี 2559 และแนวโนม้ ปี 25560 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยางพาราประสบปัญหาการส่งออกลดลงอย่าง มาก สาเหตุประการหนึ่ง คือ สถานการณ์ราคาน้ามันดิบในตลาดโลกลดลงส่งผลให้อุตสาหกรรมหลายแห่งที่ใช้ ยางพาราเปน็ วัตถุดิบหลกั หันไปใช้ยางเทียมที่ผลติ จากนา้ มันดิบแทนเพ่อื ลดต้นทุนการผลิต ประกอบกับเนื้อท่ีกรีด ในประเทศไทยท่ีเพ่ิมข้ึนอย่างมากส่งผลทาให้ราคายางก้อนถ้วยในจังหวัดจันทบุรีมีราคาต่าสุดในเดือนมกราคม 2559 เฉล่ีย 14.72 บาทต่อกิโลกรัม และราคายางก้อนถ้วยเฉลี่ยปี 2559 เพียง 20.98 บาทต่อกิโลกรัม ต่อมา ในช่วงตัง้ แต่ปลายปี 2559 ราคายางพารากลบั มีทิศทางเพิ่มสงู ข้นึ ตอ่ เน่ืองมาจนถงึ ช่วงตน้ ปี 2560 ผลจากปจั จัย บวกสาคัญหลายประการ เช่น อุปทานยางของประเทศผู้ผลิตท่ัวโลกลดลง ในขณะท่ีความต้องการของ ผปู้ ระกอบการทั่วโลกยังคงมอี ยู่ โดยเฉพาะจีนท่เี ร่งซื้อยางเพ่มิ ข้ึนเพื่อนาไปผลิตเป็นล้อยางส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ก่อนท่ีสหรัฐฯจะปรับเพิ่มอัตราภาษีนาเข้าตามนโยบายของรัฐบาล (นายโดนัลด์ ทรัมป์) ท่ีส่งผลให้ราคาปรับเพิ่ม สงู ข้นึ เปน็ ไปตามกลไกตลาดในขณะนัน้ ซึ่งถอื ว่าสถานการณ์ดังกล่าวเปน็ ภาวะทีผ่ ิดปกติ เม่ือปัจจัยเหล่านี้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ตั้งแต่หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ราคายางพารากลับปรบั ทิศทางลดลงอยา่ งต่อเนื่อง จนใกล้กบั ระดบั ราคาเดียวกันของปี 2559 ในชว่ งเวลาเดยี วกัน สาหรับแนวโน้มสถานการณ์ราคาในปี 2560 (ช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2560) ราคายางพารายังคงปรับ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2559 โดยราคายางแผ่นดิบคละเฉลี่ยประมาณ 70.31 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ายางสดเฉลี่ยประมาณ 57.98 บาทต่อกิโลกรัม และราคายางก้อนถ้วยเฉลี่ยประมาณ 32.00 บาทต่อ กโิ ลกรมั แตท่ ศิ ทางแนวโนม้ ราคาลดลงเท่ากบั ราคาปีท่ีผา่ นมาอาจเกิดจากปจั จัยความไมป่ กตขิ องราคาตลาด การ ข้นึ ลงของราคายางพาราเป็นเรื่องที่เกิดจากการซ้ือขายในตลาดโดยท่ัวไป แต่การขึ้นลงของราคายางอย่างรวดเร็ว จนผิดปกติในช่วงท่ีผ่านมาเกิดจากการอ้างอิงราคาซ้ือขายยางในตลาดล่วงหน้า เพราะฉะน้ันแนวทางแก้ปัญหา ราคายางจะตอ้ งเข้าไปแกไ้ ขทงั้ ในส่วนของตลาดซอื้ ขายปัจจุบันและในตลาดล่วงหน้าดว้ ย เพราะทกุ สง่ิ ล้วนสัมพันธ์ กันหมด ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราดังกล่าว สาหรับมาตรการ ช่วยเหลือประกอบไปดว้ ย 1.มาตรการขยายเวลาโครงการสนับสนุนสินเช่ือเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ สถาบันเกษตรกรเพ่ือรวมยางพาราภายใต้แนวทางยางพาราทั้งระบบวงเงินสนิ เชอ่ื 1 หมื่นล้านบาท เพ่ือเพ่มิ สภาพ คล่องและดูดซับผลผลิตท่ีจะออกมาสู่ตลาด โดยรัฐบาลจะชดเชยรับภาระดอกเบ้ียไม่เกนิ 3% คิดเป็นงบประมาณ ทร่ี ัฐต้องชดเชยท้ังส้ิน 300 ล้านบาท คาดการณ์ว่าจะสามารถดูดซับผลผลิตออกจากระบบได้ประมาณ 2 แสนตัน ในปี 2560 2.มาตรการขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพ่ือ รักษาเสถยี รภาพราคา วงเงนิ สนิ เชื่อ 1 หมนื่ ล้านบาท ซง่ึ หมดอายุไปเมือ่ วนั ที่ 31 มนี าคม 2560 ออกไปอกี 1 ปี 3.มาตรการขยายระยะเวลาโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ชาวสวนยาง (เพ่มิ เตมิ ) ออกไปอีก 90 วันเพอื่ รองรบั เกษตรกรตกคา้ งประมาณ 1.1 หมน่ื ครัวเรอื น 4.มาตรการขยายระยะเวลาโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพ ราคายางเพ่อื เพ่มิ สภาพคลอ่ งหรือบัฟเฟอร์ฟนั ด์ ออกไปจนถึงวนั ท่ี 31 พฤษภาคม 2563
30 และคาดว่าแนวโน้มสถานการณ์ราคาของปี 2560 จะอยู่ในระดับทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น อีกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับร้อยละของปริมาณผลผลิตท่ีออกสู่ตลาดรายเดือน ปี2560 เพราะตลาดยังคงมีความ ตอ้ งการใช้ยางพาราอย่างต่อเน่ือง แต่อยา่ งไรกต็ าม นโยบายการยางแห่งประเทศไทยไดเ้ สนอแนะให้เกษตรกรหัน มาปรับเปลี่ยนวถิ ีการผลิตแบบพชื เชิงเดยี วมาเป็นการปลูกพชื ผสมผสาน หรือการทาอาชีพเสรมิ เพ่มิ รายไดจ้ ากการ ทาสวนยาง เช่น การปลูกพืชแซมในสวนยาง หรอื ทาปศสุ ัตว์ เป็นต้น เพือ่ ลดความเส่ียงจากความผันผวนของราคา ท่ีจะสง่ ผลกระทบตอ่ รายไดข้ องเกษตรกรผูผ้ ลิต ตารางที่ 22 ราคายางพาราทเ่ี กษตรกรขายได้ เฉลีย่ รายเดอื น ปี 2559 และปี 2560 และรอ้ ยละผลผลติ รายเดอื น ปี 2560 จงั หวัดจนั ทบรุ ี หนว่ ย : บาท/กโิ ลกรัม ชนิด ปี ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. เฉล่ยี ยางก้อนถ้วย 2559 14.72 15.26 18.38 23.55 25.98 22.17 21.34 21.44 21.58 24.97 27.38 28.23 20.98 2560 34.08 39.50 32.84 28.11 25.48 32.00 ยางพารา 2559 34.25 34.80 41.00 44.75 52.50 47.00 43.38 53.17 50.63 49.75 52.50 60.13 45.40 แผน่ ดิบคละ 2590 70.00 79.13 71.91 70.00 60.50 70.31 นา้ ยางสด 2559 26.09 29.44 30.92 36.50 49.42 42.13 40.50 40.93 39.13 42.95 47.75 50.38 37.08 ผลผลติ 2560 58.30 65.50 60.88 55.50 49.70 57.98 รายเดอื น(%) 2560 14.67 10.14 3.73 1.20 1.86 3.34 7.40 11.05 8.24 10.23 13.43 14.71 100.00 ทม่ี า : สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 4) วถิ ีตลาดยางพาราจังหวัดจนั ทบรุ ี วถิ กี ารตลาดยางพาราในจังหวดั จันทบรุ ี พบวา่ ผลผลิตยางพาราของเกษตรกรใน จังหวัดจันทบรุ ใี นปี 2560 จานวน 129,422 ตนั จาแนกเป็นยางก้อนถว้ ยมากท่ีสดุ รอ้ ยละ 88.25 รองลงมาเปน็ ยางแผ่นดบิ รอ้ ยละ 9.72 และนา้ ยางสด รอ้ ยละ 2.03 ซง่ึ ผลผลติ ท้งั 3 ประเภทกระจายผา่ นพอ่ ค้าในพื้นทจี่ ันทบุรี ผ่านชุมนุมสหกรณช์ าวสวนยางพารา และขายตรงสโู่ รงงานแปรรปู ยางพาราในจังหวัดจนั ทบุรี ดงั น้ี (1) ประเภท ผลติ ภัณฑ์ยางก้อนถว้ ย รอ้ ยละ 88.25 ขายให้พ่อค้ารวบรวมในพน้ื ท่ี รอ้ ยละ 80.30 และขายผา่ นสหกรณ์ กยท. ร้อยละ 7.33 และขายโดยตรงใหโ้ รงงานแปรรปู ยางพารา รอ้ ยละ 0.62 (2) ประเภทผลติ ภัณฑย์ างแผน่ ดิบ ร้อยละ 9.72 ขายให้พ่อคา้ รวบรวมในพ้นื ท่ี ร้อยละ 8.85 และขายผ่านสหกรณ์ กยท. รอ้ ยละ 0.80 และขาย โดยตรงให้โรงงานแปรรูปยางพารารอ้ ยละ 0.07 (3) ประเภทผลิตภัณฑน์ ้ายางสดร้อยละ 2.03 ขายใหพ้ ่อค้า รวบรวมในพื้นที่ร้อยละ 1.85 และขายผา่ นสหกรณ์ กยท.จันทบุรี รอ้ ยละ 0.17 และขายโดยตรงให้โรงงานแปรรูป ยางพาราร้อยละ 0.01 สรุปไดว้ า่ ผลติ ภณั ฑ์ยางพาราทัง้ หมดของจงั หวดั จันทบุรขี ายผ่านพ่อค้ารวบรวมใน พื้นที่จันทบรุ ีร้อยละ 91.00 แลว้ แบง่ กระจายต่อให้โรงงานแปรรูปยางพาราในจนั ทบรุ รี อ้ ยละ 51.92 และกระจาย ไปใหโ้ รงงานแปรรูปยางพารานอกจันทบรุ รี ้อยละ 39.08 และรองลงมาผลผลิตภณั ฑ์ยางพาราของจังหวดั จันทบุรี ขายผา่ นชมุ นมุ สหกรณ์ กยท. จันทบุรี ร้อยละ 8.30 แลว้ แบง่ กระจายต่อใหโ้ รงงานแปรรูปยางพาราในจนั ทบุรรี ้อย ละ 2.77 และกระจายไปให้โรงงานแปรรปู ยางพารานอกจันทบุรรี ้อยละ 5.53 และสวนเกษตรกรขายตรงสู่โรงงาน แปรรปู ยางพาราในจังหวัดจนั ทบุรรี ้อยละ 0.70 ส่วนใหญจ่ ะเปน็ สวนยางพารารายใหญ่หรือสวนของโรงงาน โดยภาพรวมโรงงานแปรรูปยางพาราในจังหวดั จันทบุรี สามารถรองรบั ผลผลิตของ จงั หวัดจนั ทบรุ รี ้อยละ 55.39 และมีการซอ้ื นาเขา้ ผลผลิตยางพาราจากนอกจังหวดั จันทบรุ มี าใช้ในโรงงานแปรรปู ยางพาราในจังหวัดจนั ทบรุ ีประมาณร้อยละ 9.69 ซง่ึ เป็นการประมูลมาจากสหกรณห์ รือตลาดกลางจาก
31 ตา่ งจังหวัดทั่วทกุ ภาคของประเทศไทย สว่ นผลผลิตของจังหวดั จันทบุรีอีกร้อยละ 44.61 สง่ ไปโรงงานแปรรูป ยางพารานอกจงั หวัดจนั ทบุรี เช่น ระยอง ชลบุรี กรุงเทพมหานคร เปน็ ตน้ ท้ังนี้ทมี่ ีการซอ้ื ขายข้ามจงั หวัดหรือ ข้ามภูมิภาคกันอาจมคี า่ โลจิสติกสใ์ นการจดั การเพิม่ ข้ึนซ่ึงผู้ประกอบการยงั คงมีกาไรในการดาเนินการอยู่ เพราะ เมือ่ คิดรวมราคากบั ต้นทุนค่าโลจิสตกิ สย์ งั คุ้มทุนเน่ืองจากซื้อขายในปริมาณมาก และยางพาราเปน็ สินค้าเกง็ กาไร ในตลาดซอื้ ขายลว่ งหนา้ จงึ ทาใหเ้ กิดสว่ นตา่ งดา้ นราคาตามกระแสการขนึ้ ลงของตลาดซื้อขายล่วงหน้า ภาพท่ี 18 วถิ กี ารตลาดยางพาราจงั หวัดจันทบุรี 5) การใช้ยางพาราของจังหวดั จันทบุรี ปี 2560 ผลการสารวจ พบวา่ ด้านอปุ ทาน (Supply) เกดิ จากปรมิ าณผลผลิตยางพาราท่ี จงั หวดั จันทบรุ ผี ลติ ไดป้ ี 2560 จานวน 129,422 ตัน และมีการนาเขา้ ผลผลิตยางพาราจากนอกจงั หวัดและนอก ภูมิภาค 12,545 ตัน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 9.69 ของผลผลติ ยางพาราที่จงั หวดั จันทบุรี โดยเกิดจากความต้องการใชข้ อง โรงงานแปรรูปและการบริหารสินคา้ คงคลัง และเปน็ ราคาผลผลติ ทโ่ี รงงานแปรรูปยางพาราในจังหวดั จนั ทบรุ ี สามารถรับตน้ ทนุ การผลิตทีเ่ พ่มิ ขนึ้ ไดห้ รอื บางครั้งอาจจะราคาเท่ากบั ราคาผลผลิตในจังหวัดเพราะซ้ือในปริมาณที่ มากและเปน็ การประมูลราคา ทาใหอ้ ปุ ทานยางพารารวมเท่ากบั 141,967 ตัน ด้านอปุ สงค์ (Demand) เกิดจากความต้องการของโรงงานแปรรูปยางพาราในจังหวัด จนั ทบรุ ีมกี าลังการผลิตและปริมาณสินค้าคงคลังรวมปลี ะ 63,814 ตัน และมีการส่งออกผลผลิตไปนอกจังหวัดปี ละประมาณ 51,388 ตัน โดยส่วนใหญพ่ อ่ ค้าที่รวบรวมในจังหวดั จนั ทบุรีทไ่ี ด้รับโควต้าจากโรงงานแปรรูปนอก จังหวัด รองลงมาเปน็ ชุมนมุ สหกรณท์ ่สี ง่ ออกผลผลิตไปนอกจงั หวดั เน่อื งจากจังหวัดใกลเ้ คียงมโี รงงานแปรรปู ยางพาราจานวนมากมีกาลังการผลติ มากเพื่อสง่ ออกไปต่างประเทศจึงรองรับผลผลิตยางพาราของจังหวดั จนั ทบรุ ี ได้ ทาให้อุปสงค์ยางพารารวมเท่ากับ 115,202 ตัน เมือ่ คานวณผลส่วนตา่ งระหว่างอปุ ทานและอุปสงค์ยางพาราของจังหวัดจันทบุรี พบวา่ อปุ ทานมากกว่าอปุ สงค์ เกิดผลผลติ ส่วนเกนิ (Over Supply) ประมาณ 26,765 ตันต่อปี หากพิจารณาเปน็ รายเดือน พบวา่ เดอื นท่ีมผี ลผลิตส่วนเกนิ ประมาณ 7 เดอื น จะเป็นช่วงเปิดกรีดยางได้แก่ เดือนมกราคม – กุมภาพนั ธ์ และชว่ งเดือนสิงหาคม-ธนั วาคม ส่วนเดือนทผี่ ลผลิตขาดประมาณ 5 เดอื น ได้แก่เดือนมีนาคม- กรกฎาคม ซ่งึ เป็นชว่ งปดิ หน้ายางและเป็นหนา้ เก็บผลไม้ และมีฝนตกทาให้ผลผลิตออกสตู่ ลาดลดลง แต่ความ ต้องการใช้ผลผลติ ยางพาราค่อนข้างคงที่ ดังน้นั ช่วงทีเ่ กษตรกรปดิ หนา้ ยางหรือภาวะผลผลติ ออกสตู่ ลาดน้อยทาง โรงงานแปรรปู จึงได้บริหารจดั การสตอ็ กสนิ ค้าไวเ้ ปน็ วัตถุดบิ ปอ้ นโรงงานและมกี ารนาเข้าผลผลติ จากนอกจังหวดั จนั ทบรุ โี ดยพจิ ารณาจากราคา ปริมาณคาสัง่ ซ้ือล่วงหน้า และชว่ งระยะเวลาการจัดเก็บ
32 ทั้งน้ี จากผลการวิเคราะหเ์ บื้องต้นน้ี ผลผลติ ส่วนเกินประมาณ 26,765 ตนั หากคิด เฉลย่ี รายเดือนจะมสี ่วนเกินประมาณ 2,230 ตนั ต่อเดอื น หากคดิ แปลงกลบั เปน็ เนื้อที่กรดี ยางได้ โดยคิดที่ผลผลิต หน่วย : ตัน ปี 2560 รายการ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. 1) ดา้ นอปุ ทาน (1.1+1.2) 20,195 13,160 6,450 3,831 4,514 6,047 10,250 14,573 11,120 13,300 18,270 20,257 1.1 ผลผลิตยางพาราจงั หวดั 18,986 13,124 4,827 1,553 2,407 4,323 9,577 14,301 10,664 13,240 17,382 19,038 1.2 นาเข้า/ซอ้ื จากจงั หวดั อนื่ 1,209 36 1,623 2,278 2,107 1,724 673 272 456 60 888 1,219 2) ด้านอุปสงค์ (2.1+2.2) 9,787 7,984 8,765 9,173 9,953 11,279 13,309 7,920 8,039 7,581 9,959 11,453 2.1ความต้องการของโรงงานฯ 5,732 5,527 5,165 5,007 5,037 5,090 5,117 5,266 5,415 5,249 5,591 5,618 2.2 ส่งออกไปนอกจงั หวดั 4,055 2,457 3,600 4,166 4,916 6,189 8,192 2,654 2,624 2,332 4,368 5,835 3)ผลผลิตสว่ นเกนิ /ขาด 3)=1)-2) 10,408 5,176 -2,315 -5,342 -5,439 -5,232 -3,059 6,653 3,081 5,719 8,311 8,804 ต่อไร่ 253 กก. จะเป็นสวนยางพาราท่ีกรีดได้ 105,791 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 20.68 ของเนอ้ื ท่ีกรดี ยางได้ในปัจจุบัน (511,551 ไร)่ ซึ่งสอดรับกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ท่ีมีเป้าหมายโคน่ ยางพารา 4 แสนไร่ต่อปี ระยะเวลาต่อเน่ือง 7 ปี สาหรับจังหวดั จันทบรุ ีอาจเฉล่ยี 7 ปี โค่นเฉลีย่ ปลี ะ 15,000 ไร่ หรือโคน่ ปีละร้อยละ 3 ของเนื้อที่กรีดยางได้ในปัจจุบัน กจ็ ะเขา้ ใกล้ดุลยภาพมากยิ่งขึน้ โดยพิจารณาตามพน้ื ท่ไี มม่ คี วามเหมาะสมในแผน ท่ี Agri-Map ก่อนเป็นอนั ดบั แรกและพื้นที่ทีม่ ปี ัญหาเร่ืองเอกสารสทิ ธิ เขตทับซ้อนป่าสงวน เปน็ ตน้ ตารางท่ี 22 การใชย้ างพาราของจงั หวดั จันทบรุ ี ปี 2560 หมายเหตุ : หนว่ ยในตารางอยู่ในรูปยางแหง้ และข้อมูลดังกลา่ วไดแ้ ปลงผลผลิตเปน็ ยางแหง้ แลว้ - น้ายางสด 1 กก = ยางแหง้ 0.40 กก. / - ยางก้อนถ้วยสด 1 กก. : ยางแห้ง 0.50 กก./ - ยางแผ่นดบิ 1 กก. : ยางแห้ง 0.95 กก. 6) ปัญหาและอปุ สรรค 6.1 ด้านการผลิต 1) แรงงานรบั จ้างกรดี ยางหันไปประกอบอาชพี อ่นื ที่ใหผ้ ลตอบแทนมากกว่า ทาให้ขาดแรงงานเก็บเกี่ยวยางพารา 2) เกษตรกรทป่ี ลูกยางพาราในพ้ืนทีป่ า่ หรือมเี อกสารสิทธิในการถือครองที่ไม่ ถูกต้อง อาจเส่ยี งต่อการไมไ่ ด้รบั ความช่วยเหลือจากภาครัฐ 3) เกษตรกรทป่ี ลูกยางพาราหวาดระแวง ไม่กลา้ ไปกรดี ยางเพราะปัญหาช้าง ป่าออกมากินในพ้ืนทท่ี าการเกษตรของเกษตรกรในหลายพื้นท่ขี องจังหวัดจนั ทบุรีจึงสง่ ผลให้จานวนวันกรดี ยางได้ ลดลง เกษตรกรได้รบั ผลผลติ ไม่เตม็ ที่ 6.2 ด้านการตลาด
33 1) ผลจากความคลาดเคล่ือนของข้อมูลข่าวสารจากภาวะเศรษฐกิจโลก สง่ ผล ต่อสถานการณ์การค้ายางในตลาดลว่ งหนา้ ซงึ่ ขนึ้ อยู่กบั การประกอบการธุรกิจตลาดยางพาราเป็นประเทศที่ไม่ได้ ผลิตยางพารา เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกงและญปี่ ุน่ ทาให้กระทบต่อกลไกราคายางพาราผนั ผวน 2) การระบายสตอ๊ กยางพารามผี ลต่อราคา ต้องประเมนิ ราคายางพาราปจั จุบนั และระมดั ระวงั การชแ้ี จงขา่ วระบายสตอ๊ กยางพารา 6.3 ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ 1) ปจั จยั เสริมด้านการลดอปุ ทานยางพาราในประเทศไทย เปน็ ผลสบื เน่ืองจาก นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณเ์ ร่ืองการลดพื้นทปี่ ลกู ยางพารา 4 แสนไร่ตอ่ ปี ระยะเวลาต่อเน่ือง 7 ปี ซ่งึ จะ ทาใหป้ ริมาณผลผลติ ยางพาราที่ออกมาสตู่ ลาดมีปรมิ าณที่สมดุลมากขน้ึ ดงั น้นั จังหวดั จนั ทบรุ คี วรดาเนินตาม มาตรการลดอปุ ทานยางพารา 2) การสง่ เสรมิ หรือสงเคราะห์การปรับเปลยี่ นพืน้ ท่ีปลกู ยางใหพ้ จิ ารณาพน้ื ที่ไม่ มคี วามเหมาะสมในแผนที่ Agri-Map ก่อนเป็นอันดับแรกและพื้นท่ที ่ีมปี ญั หาเร่ืองเอกสารสิทธิ เขตทบั ซ้อนป่า สงวน เปน็ ต้น 3) เกษตรกรปลกู ยางพาราควรประกอบอาชีพเสริมเพ่ิมรายได้ ไม่ควรปลกู พชื เชงิ เด่ียวเพราะอาจเสีย่ งต่อการขาดทนุ จากการผลติ จากประสบปัญหาด้านราคายางพาราตกต่า 4) สาหรับเกษตรกรท่ปี ลกู ยางพาราท่ีพร้อมจะกรดี ได้หรือกาลังคิดจะสร้างสวน ยางใหม่ และแรงงานในครวั เรือนไมเ่ พยี งพอต่อการกรดี ยางควรพิจารณาเตรยี มพร้อมหาจา้ งแรงงานกรีดก่อนเพ่ือ ลดปญั หาการขาดแคลนแรงงาน 5) การกระตุ้นปัจจัยด้านอุปสงคค์ วรส่งเสรมิ การนายางประเภทตา่ ง ๆ ไปใช้ แปรรูปเปน็ ผลติ ภณั ฑ์และพัฒนาระบบสาธารณูปโภคภายในประเทศเพ่ือทาถนน ปพู ืน้ หรอื ผลติ ภณั ฑย์ างชนดิ อน่ื ทผี่ ่านการรับรองมาตรฐาน 6) กยท.ควรจัดทาบัญชสี มดลุ สนิ ค้ายางพาราในระดับพ้ืนท่ีหรือระดับภูมภิ าค และเปน็ ประโยชน์ในการบริหารจัดการสินคา้ โดยการรวบรวมสถติ ดิ า้ นอปุ สงคอ์ ุปทานท่ีชัดเจน 7) จังหวัดควรมกี ารตรวจสอบปริมาณยางในสตอ็ ก การนาเข้าและส่งออกยาง หรอื ท่ีเก่ยี วข้องกับ พรบ.ควบคุมยาง 2542 ท่ีจะเป็นกลไกสาคญั ในการตรวจสอบข้อเท็จจรงิ ของปริมาณยางใน ตลาดทมี่ อี ยู่จริง ป้องกนั ปญั หาการบิดเบือนข่าว การกักตนุ สนิ คา้ หรือทบุ ราคายางได้ 3.1.2 ลาไย (1) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตลาไยในพ้นื ทเ่ี หมาะสม (S) ผลจากการสารวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตลาไย ในจังหวัดจันทบุรี ในเขตพน้ื ที่เหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมีตน้ ทุนการผลิตเฉล่ีย (Total Cost : TC) 23,484.60 บาทต่อไร่ โดยแยกเป็นต้นทุนผันแปร (Total Variable Cost : TVC ) 19,776.71 บาทต่อไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 84.21 และต้นทุนคงท่ี (Total Fixed Cost : TFC ) 3,707.89 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.79 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลาดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าเป็นต้นทุนท่ีเป็นเงินสด 17,071.56 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 72.69 และที่เหลือประมาณร้อยละ 27.31 เป็นต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่จะเป็น คา่ จา้ งแรงงาน รองลงมาเป็นค่าปจั จยั การผลิตต่าง ๆ และคา่ เก็บเกย่ี ว เป็นต้น ผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนการผลิตลาไย ในพื้นที่ความเหมาะสม (S) ของจังหวัด จันทบุรี ได้ผลผลิตเฉล่ีย 1,597.83 กิโลกรัมต่อไร่ เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา 41.00 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 65,511.03 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรจะมีผลตอบแทน เหนือต้นทุนผันแปร 45,734.32 บาทต่อไร่ และมีผลตอบแทนเหนือต้นทุนเงินสด 48,439.47 บาทต่อไร่ และ จะได้รับผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมดหรือมีกาไร ( Economic Profit ) 42,026.43 บาทต่อไร่ โดยท่ี
34 จุดคุม้ ทุนในการผลิตลาไย ( Break Even Point ) ณ ปริมาณผลผลติ ท่ี 572.80 กิโลกรมั ต่อไร่ และราคา ณ ไรน่ า ทจี่ ดุ คุ้มทุนหรือต้นทนุ การผลติ 14.70 บาทต่อกิโลกรมั (2) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตลาไยในพน้ื ท่ไี ม่เหมาะสม (N) ผลจากการสารวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตลาไย ในจังหวัดจันทบุรี ใน พ้ืนที่ไม่เหมาะสม (Not suitability : N) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย (Total Cost :TC) 26,832.98 บาทต่อ ไร่ โดยเป็นตน้ ทนุ ผันแปร (Total Variable Cost : TVC ) 23,468.05 บาทตอ่ ไร่ หรือร้อยละ 87.46 และต้นทุน คงที่ (Total Fixed Cost : TFC ) 3,364.93 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 12.45 ของต้นทุนทั้งหมดตามลาดับ เม่ือ พิจารณาในรายละเอียดพบว่าเกษตรกรมีต้นทุนท่ีเป็นเงินสด 21,060.99 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 78.49 ที่เหลือ ประมาณร้อยละ 21.51 เป็นต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่จะเป็นค่าจ้างแรงงาน รองลงมาเปน็ คา่ ปจั จยั การผลิตต่าง ๆ และคา่ เกบ็ เกีย่ ว เปน็ ต้น ผลตอบแทนการผลิตลาไย ในเขตพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ได้ผลผลิตเฉล่ีย 1,594.78 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา 41.00 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 65,385.98 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรจะมีผลตอบแทนเหนือ ต้นทุนผันแปร 41,917.93 บาทต่อไร่ และมีผลตอบแทนเหนือต้นทุนเงินสด 44,324.99 บาทต่อไร่ และได้รับ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมดหรือกาไร ( Economic Profit ) 38,553.00 บาทต่อไร่ โดยท่ีจุดคุ้มทุนในการ ผลิตลาไยในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม ( Break Even Point ) ณ ปริมาณผลผลิตท่ี 654.46 กิโลกรัมต่อไร่ และราคา ณ ไร่นาท่ีจดุ คมุ้ ทนุ หรือตน้ ทนุ การผลิต 16.83 บาทตอ่ กิโลกรมั ตารางที่ 23 ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตลาไย จงั หวัดจันทบุรี หนว่ ย: บาท/ไร่ รายงาน พ้นื ท่ีเหมาะสม (S) พื้นทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) 1.ตน้ ทนุ ผันแปร เงนิ สด ประเมนิ รวม เงนิ สด ประเมนิ รวม 1.1คา่ แรงงาน 17,071.56 2,705.15 19,776.71 21,060.99 2,407.06 23,468.05 7,383.10 2,471.09 9,854.19 8,117.97 2,024.11 10,142.08 ดูแลรกั ษา 3,113.13 2,463.04 5,576.17 3,200.47 2,024.11 5,224.58 การใส่ปุ๋ย 83.61 299.42 383.03 115.00 113.53 228.53 การฉดี ยาปอ้ งกนั กาจดั วชั พชื 56.20 74.46 130.66 231.41 60.71 292.12 การฉดี ยาป้องกนั กาจัดโรคและแมลง 457.52 486.81 944.33 537.64 237.02 774.66 การใสส่ ารอ่ืนๆและวัสดุปรับปรงุ ดนิ 555.14 201.21 756.35 692.93 285.74 978.67 การดายหญา้ /ถอนหญ้า 66.94 25.60 92.54 122.55 41.74 164.29 การให้น้า 699.02 876.31 1,575.33 202.63 1,195.36 1,397.99 การตดั แต่งกงิ่ 889.66 264.76 1,154.42 913.35 32.35 945.70 การโยงกิ่ง,คา้ กิ่ง 273.16 234.47 507.63 363.40 54.63 418.03 การริดกงิ่ ,รดิ แขนง 31.89 0.00 31.89 21.54 3.04 24.58 เกบ็ เกีย่ ว 4,269.97 8.05 4,278.02 4,917.50 0.00 4,917.50 การเก็บเกยี่ วผลผลติ 4,269.97 8.05 4,278.02 4,917.50 0.00 4,917.50 1.2ค่าวัสดุ 8,571.63 57.09 8,628.72 11,565.20 225.48 11,790.68 ค่าพนั ธุ์ 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 ค่าปุ๋ย 2,789.62 0.00 2,789.62 2,999.32 0.00 2,999.32 ตารางที่ 23 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ ลาไย จงั หวดั จนั ทบุรี (ต่อ)
35 หนว่ ย: บาท/ไร่ รายงาน พืน้ ท่เี หมาะสม (S) พ้ืนทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) คา่ ยาปราบศัตรูพชื และวัชพชื เงินสด ประเมิน รวม เงินสด ประเมนิ รวม ยากาจัดวชั พชื (ยาฆ่าหญ้า) ยาป้องกันศัตรูพชื 30.02 0.00 30.02 61.67 0.00 61.67 ยากาจดั ศตั รพู ืช คา่ สารอนื่ ๆ และวสั ดปุ รับปรุงดิน 28.16 0.00 28.16 54.44 0.00 54.44 คา่ น้ามันเชื้อเพลิงและหลอ่ ล่นื ค่าวัสดกุ ารเกษตรและวสั ดสุ ้นิ เปลอื ง 1.86 0.00 1.86 7.23 0.00 7.23 วัสดุส้ินเปลือง คา่ ใช้จา่ ยอ่ืนๆ 0.00 0.00 0.00 83.19 0.00 83.19 คา่ ซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร 1.3คา่ เสยี โอกาสเงินลงทนุ 52.75 0.00 52.75 83.19 0.00 83.19 2.ต้นทุนคงที่ 2.1ค่าเช่าทด่ี ิน 8.07 0.00 8.07 39.75 0.00 39.75 2.2คา่ เสอ่ื มอุปกรณก์ ารเกษตร 90.27 0.00 90.27 66.28 0.00 66.28 2.3ค่าเสยี โอกาสเงินลงทุนอุปกรณก์ ารเกษตร 2.4เฉลยี่ ต้นทนุ กอ่ นให้ผลผลติ 85.58 0.00 85.58 59.15 0.00 59.15 3.ตน้ ทนุ รวมตอ่ ไร่ 4.ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 4.69 0.00 4.69 7.13 0.00 7.13 5. ราคาเฉลยี่ ทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 6. มลู ค่าผลผลิต/รายได้ท้ังหมด (บาท/ไร)่ 0.00 0.00 0.00 2.67 0.00 2.67 7. ผลตอบแทนสุทธิเหนือต้นทนุ เงนิ สด (บาท/ไร)่ 8. ผลตอบแทนสุทธเิ หนือตน้ ทุนผนั แปร (บาท/ไร่) 221.12 105.48 326.60 418.18 39.89 458.07 9. ผลตอบแทนสทุ ธเิ หนอื ต้นทุนทงั้ หมด (บาท/ไร)่ 10.ผลตอบแทนสุทธเิ หนือผลผลติ (บาท/กก.) 0.00 2,236.52 2,236.52 0.00 2,675.03 2,675.03 11. ต้นทนุ การผลติ ราคา ณ จุดคมุ้ ทนุ (บาท/กก.) 12. ปรมิ าณผลผลติ ณ จดุ คมุ้ ทุน (กก./ไร)่ 0.00 990.63 990.63 0.00 1,287.06 1,287.06 0.00 131.55 131.55 0.00 136.76 136.76 0.00 25.16 25.16 0.00 101.88 101.88 0.00 1,089.18 1,089.18 0.00 1,149.33 1,149.33 3,379.91 3,848.80 7,228.71 6,392.20 3,284.71 9,676.91 0.00 0.00 377.42 0.00 0.00 382.83 48.22 48.22 18,199.19 18,460.06 14,819.28 12,067.86 13,207.00 11,458.18 0,970.48 8,783.15 29.07 22.94 19.15 25.28 149.91 200.68 แหลง่ ข้อมูล : จากสารวจข้อมูล สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 จงั หวดั ชลบรุ ี (3) ขอ้ มูลทางเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ การกระจายผลผลิต โครงสร้างการตลาด วถิ ีการตลาด ดงั รายละเอยี ดดงั นี้ 1) แหล่งรับซื้อผลผลิต ปัจจุบันจังหวัดจันทบุรีมีผู้ส่งออกลาไยท่ีสาคัญมีใน 6 อาเภอโดยเฉพาะอาเภอที่เป็นแหล่งผลิตสาคัญ คือ อาเภอโป่งน้าร้อน จานวน 27 ราย และอาเภอสอยดาว 20 รายและอาเภออ่ืน ๆ ได้แก่ อาเภอ เมือง ท่าใหม่ ขลุง และมะขาม รวมทั้งหมด 56 ราย ท่ีดาเนินการรับซ้ือ ผลผลติ ลาไยในจังหวัดจันทบรุ ี
36 ตารางที่ 24 รายชื่อผสู้ ่งออกลาไยในจังหวดั จนั ทบรุ ี ลาดบั อาเภอ จานวนผู้ประกอบการ 1 สอยดาว 20 2 มะขาม 1 3 ขลุง 1 4 เมอื ง 4 5 ทา่ ใหม่ 3 6 โป่งน้าร้อน 27 รวม 6 56 ทมี า : สานักวจิ ัยและพฒั นาการเกษตรเขตที่ 6 กรมวชิ าการเกษตร 2) รูปแบบการผลติ พ้ืนที่ปลูกลาไยส่วนใหญ่ปลูกที่อาเภอสอยดาว รองลงมาอาเภอโป่งน้าร้อน และ อาเภอมะขาม เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะเป็นไหล่เขาและหุบเขาของเทือกเขาสอยดาวและมีร่องน้าและคลองไหล ผ่านหลายสาย เช่น คลองพระพุทธ คลองตามูล คลองสอยดาว คลองชลประทาน และคลองบอน เป็นต้น ทาให้ เอื้ออานวยต่อการผลิตลาไยนอกฤดูเพราะต้องอาศัยทั้งน้า และอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตทั้ง ทรงพุ่ม และขนาดผล แต่ท่ีสาคัญมีการราดสารคลอเรตเพื่อชักนาการออกดอกติดผลให้ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะ ในช่วงนอกฤดูกาล เพ่ือให้ได้รับราคาที่ค่อนข้างสูง อีกสาเหตุหนึ่งที่ปลูกลาไยในเขตอาเภอสอยดาว และอาเภอ โป่งน้าร้อน มากเพราะเป็นรอยต่อชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาจึงมีแรงงานชาวกัมพูชาจานวนมาก ซ่ึงปัจจุบัน ทั้งกระบวนการผลติ และการตลาดหันมาใช้แรงงานชาวกัมพชู า เน่ืองจากค่าจา้ งถูกกว่าแรงงานชาวไทยและหาจา้ ง คอ่ นขา้ งยากด้วย สาหรับการเก็บเก่ียวผลผลิตลาไย ของจันทบุรีในช่วงลาไยปีจะไม่นิยมให้ออกสู่ตลาด หรืออาจมีเก็บเกี่ยวบ้างแต่มีปริมาณไม่มากเพราะเกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตนอกฤดูกาลและบังคับให้ผล ผลิตออกสู่ตลาดไมใ่ ห้ตรงกับลาไยของภาคเหนือ ซ่ึงส่วนใหญ่ลาไยของจันทบรุ ีจะให้ออกนอกฤดูกาลในชว่ งตงั้ แต่ เดือนตุลาคม ถงึ เมษายน เพื่อให้ตรงตามความต้องการในชว่ งเทศกาลสาคัญของตลาดปลายทางเพื่อไดร้ บั ราคาที่ ดีกว่าลาไยทอ่ี อกตามฤดูกาล - ลกั ษณะการผลิตลาไยนอกฤดูของจนั ทบรุ ี ในปัจจุบันมีการนาสารคลอเรตมาใช้ในการกระตุ้นการออกดอกของลาไยกันอย่าง แพร่หลาย รวมท้ังเกษตรกรผู้ปลูกลาไยของจงั หวัดจันทบุรีทาให้มีการศึกษาวิจัยกันมากขึ้นในเร่ืองของสารคลอเรต ว่าจะมีวิธีใช้ในปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสมต่อการผลิต เพ่ือให้เกิดผลกาไรสูงสุด จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ระยะการพัฒนาหรืออายุของใบนั้น เป็นปัจจัยสาคัญในการกาหนดปริมาณและคุณภาพของการออกดอกในลาไย และในผลไมห้ ลายชนดิ ดงั นน้ั ต้องคานงึ ถึงช่วงทเ่ี หมาะสมในการกระตนุ้ การออกดอกดว้ ยสารคลอเรต ผู้ท่ีจะผลิตลาไยมีจุดประสงค์หลักอย่างเดียวกันคือ ต้องการให้ต้นลาไยสามารถออก ดอกติดผล และมีผลผลิตออกจาหน่ายได้ก่อนหรือหลังฤดูปกติ แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตจาเป็นต้องพิจารณาถึง ความแตกต่างของสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องที่ มาประกอบการตัดสินใจด้วยว่าควรจะใช้สารคลอเรตกับลาไย ในช่วงใด จึงจะประสบผลสาเรจ็ ได้ดีทีส่ ดุ ซ่งึ ในทนี่ ี้จะขอแนะนาการใชส้ ารคลอเรตกบั ลาไยเปน็ 3 ช่วง คือ (1) ช่วงเดือนเมษายน – กรกฎาคม ช่วงเวลานี้เป็นท่ีนิยมใช้กันเพราะสามารถผลิต ลาไยออกหลังฤดูปกติประมาณ 2-4 เดือน ซ่ึงเป็นช่วงที่มีผลไม้อ่ืนในตลาดไม่มากนัก (ตุลาคม-มกราคม) หลัก สาคัญก็คือ ระยะการพัฒนาการของผลลาไยอยู่ในฤดูฝนพอดี เหมาะสาหรับในเขตที่อาศัยน้าฝนหรอื แหล่งน้าใน
37 สวนมีไม่มากนัก ข้อจากัดท่ีมักจะเกิดขึ้นคือ ถ้าราดสารในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ระยะที่ดอกบานมักจะ ตรงกับช่วงฝนตกชกุ อาจมีปญั หาในการตดิ ผลได้ (2) ชว่ งเดอื นสิงหาคม – พฤศจกิ ายน จะสามารถผลิตลาไยออกกอ่ นฤดูปกติ 2-4 เดือน ซ่ึงเป็นช่วงที่มีผลไม้อ่ืนออกสู่ตลาดบ้างเล็กน้อย ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง (กุมภาพันธ์- มถิ ุนายน) เหมาะสาหรับสวนท่ีมีแหล่งน้าเพียงพอ เพราะระยะการพัฒนาการของผลลาไยอยู่ในช่วงฤดูหนาวและ ฤดูแล้ง ข้อจากัดที่มักจะเกิดข้ึนคือ ถ้าราดสารในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมระยะดอกบานมักจะตรงกับชว่ งที่มีลม หนาว อาจจะมีปญั หาในการติดผลได้ (3) ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลิตจะออกมาตรงกับช่วงเดือน กรกฎาคม – กนั ยายน ซึง่ เป็นชว่ งการออกส่ตู ลาดของลาไยในฤดูปกติ ตารางที่ 25 ร้อยละ และปริมาณของผลผลติ ลาไยท่อี อกสตู่ ลาดรายเดือน รวมท้งั ประเทศ/ภาค จงั หวดั จันทบุรี ปี 2559 ภาค/จงั หวัด รายการ ร้อยละ และปริมาณของผลผลิตลาไยทอ่ี อกสู่ตลาดรายเดือนปี 2559 (1 ม.ค. - 31 ธ.ค. 2559) รวม ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทง้ั ประเทศ ร้อยละ 14.29 11.83 4.31 2.25 1.04 0.62 12.49 17.80 5.50 4.03 11.91 13.93 100.00 ปริมาณ 108,171 89,611 32,647 17,021 7,871 4,683 94,535 134,777 41,636 30,523 90,189 105,512 757,177 เหนอื รอ้ ยละ 9.12 7.14 3.18 1.81 1.61 0.81 18.22 29.56 7.68 3.61 5.53 11.72 99.99 ปริมาณ 39,746 31,123 13,866 7,897 7,036 3,553 79,420 128,845 33,497 15,741 24,089 51,100 435,913 ตะวนั ออก/เหนือ รอ้ ยละ - - 0.02 - 0.08 5.45 72.82 15.32 0.20 5.67 - 0.44 100.00 ปริมาณ - - 4 - 16 1,131 15,115 3,181 41 1,178 - 92 20,757 กลาง รอ้ ยละ 22.77 19.46 6.25 3.04 0.27 - - 0.92 2.69 4.53 22.00 18.08 100.01 ปริมาณ 68,425 58,488 18,777 9,124 819 - - 2,751 8,098 13,605 66,100 54,320 300,507 จนั ทบรุ ี รอ้ ยละ 23.18 18.86 6.11 2.78 0.28 - - 0.97 2.84 4.37 22.92 17.69 100.00 ปรมิ าณ 66,045 53,739 17,395 7,925 807 - - 2,751 8,098 12,449 65,307 50,389 284,905 ที่มา : สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร 3) สถานการณร์ าคาปี 2559 และแนวโน้มปี 25560 ชว่ ง 10 ปที ่ผี ่านมา ที่พอ่ คา้ ชาวจีนจากแผน่ ดินใหญ่ได้เข้ามาลงทนุ สรา้ ง “ลง้ ” รบั ซื้อผลผลิตลาไยนอกฤดู เฉพาะในเขตจังหวดั จันทบรุ ี มีมากกวา่ 50 ลง้ ทาใหเ้ กิดการแขง่ ขันรบั ซื้อลาไยสูง เปน็ ผลดีต่อเกษตรกรท่ีขายลาไยได้ราคา เพราะมีการมาจองขอซ้อื เหมาสวนลว่ งหน้า โดยเม่ือเกษตรกรราดสารและ ลาไยเร่ิมออกดอก ล้งจีนจะส่งตวั แทนมาเจรจาขอซื้อเหมาสวนแล้วแต่จะตกลงกัน จากนน้ั จะมีการทาสญั ญาซ้ือ ขาย จา่ ยมัดจากันลว่ งหน้า 20-30% ส่วนทเ่ี หลือค่อยมาจ่ายกันหลงั เก็บเกี่ยวผลผลิตเสรจ็ แล้ว...เกษตรกรมหี น้าท่ี ดูแลลาไยให้ได้คณุ ภาพตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ให้ขาดปุ๋ย ขาดนา้ ขาดยา และต้องไม่ให้เกิดโรค ไมเ่ ช่นน้นั จะถูกหัก ค่าเสียหาย ค่าใชจ้ ่ายสว่ นนเี้ กษตรกรจะรับภาระทง้ั หมด ปกี ารผลติ 2559/2560 เกิดภาวะผลผลติ ออกมาทะลักพร้อมกนั จานวนมากในช่วง เดอื นพฤศจิกายน 2559 - มกราคม 2560 ที่ผา่ นมา ส่งผลให้แรงงานเก็บลาไยเกือบ 100% ทเ่ี ปน็ ชาวกมั พชู ามีไม่ เพียงพอสร้างความเสียหายให้กบั เกษตรกร ซงึ่ ปจั จัยทที่ าใหผ้ ลผลิตลาไยออกมาจานวนมากในชว่ งดงั กลา่ ว เน่อื งจากเกดิ ฝนแลง้ นานในปี 2559 กระทงั่ ฝนตกลงมาช่วงเดอื นมิถนุ ายน เกษตรกรชงิ จงั หวะในการราดสารเพื่อ กระตุน้ ให้ลาไยออกดอกพร้อมกัน สง่ ผลให้ราคาลดลงจากปีท่ีผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคต 3-4 ปีข้างหน้า จะเกดิ ปัญหาขาดแคลนแนน่ อน เพราะปัจจุบันประเทศกัมพชู าสามารถปลกู ลาไยได้แลว้ ในหลายพื้นท่ี อาทิ จังหวัดพระตะบอง ไพลนิ และบันเตียเมยี นเจย ขณะทว่ี ธิ ีการแกป้ ัญหาของภาครัฐยงั ไม่ชดั เจน เกษตรกรต้องเร่ง ปรับตวั ซง่ึ สวนลาไยของตนก็ได้ปรบั มาใชเ้ ทคโนโลยมี ากขึ้น
Search