กกาารรววเิ เิคครราาะะหหดดา า นนเเศศรรษษฐฐกกจิ ิจสสินนิ คคาา เเกกษษตตรรWE เเพพอ� �อเเปปน น ททาางงเเลลอื ือกกปปรรบั ับเเปปลลี่ย่ยี นนกกิจิจกกรรรรมมกกาารรผผลลิติต ใในนพพนื้ ื้นทที่ไี่ไมมเเหหมมาาะะสสมม ตตาามมแแผผนนทท่ี ่ี AAggrrii--MMaapp จจงั ังหหววดั ัดสสมมทุ ุทรรปปรราากกาารร N S ¹¤Ã¹Ò¡ »ÃÒ¨Õ¹ºØÃÕ ÊÃÐá¡ÇŒ ¾ÃлÃÐá´§ ºÒ§àÊÒ¸§ ÊÁ·Ø »ÃÒ¡Òà ©ÐàªÔ§à·ÃÒ ¨Ñ¹·ºÃØ Õ µÃÒ´ ºÒ§¾ÅÕ ºÒ§º‹Í ªÅºØÃÕ ¾ÃÐÊÁ·Ø Ã਴ÂÕ àÁ×ͧ ÃÐÂͧ ¨§Ñ ËÇ´Ñ ÊÁ·Ø ûÃÒ¡Òà สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 REGIONAL OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICS 6 สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICHS กระทรวงเกษตรและสหกรณ MINISTRY OF AGRICULTURE AND COOPERATIVES กันยายน 2562 SEPTEMBER 2019
การวิเคราะหด์ า้ นเศรษฐกิจสินค้าเกษตร เพอ่ื เป็นทางเลือก ปรับเปลี่ยนกจิ กรรมการผลิต ในพื้นท่ไี ม่เหมาะสม ตามแผนท่ี Agri-Map จังหวัดสมุทรปราการ โดย สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร
ข บทสรปุ ผ้บู รหิ าร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนการบริหารจัดการพ้ืนท่ี เกษตรกรรมเชิงรุก (Zoning by Agri–Map) โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ได้ทำ การวเิ คราะหด์ า้ นเศรษฐกจิ สนิ ค้าเกษตร เพอ่ื เปน็ ทางเลือกปรบั เปลยี่ นกิจกรรมการผลติ ในพน้ื ท่ีไม่เหมาะสม ตามแผนท่ี Agri-Map สมทุ รปราการ โดยทำการวิเคราะห์สินค้า TOP 4 ในจงั หวดั สมทุ รปราการ ไดแ้ ก่ ข้าวนา ปี ข้าวนาปรัง มะม่วงน้ำดอกไม้ และปลาสลิด และสินค้าทางเลือกที่มีศักยภาพ เพ่ือเป็นทางเลอื กปรับเปล่ียน กิจกรรมการผลิต ในพ้นื ท่ีไมเ่ หมาะสมตามแผนที่ Agri-Map สมุทรปราการ และเพ่ือใช้เปน็ แนวทางการบรหิ าร จัดการสินค้าเกษตรในพื้นท่ี ซึ่งจากการศึกษาคร้ังน้ีเลือกสินค้าข้าวเป็นสินค้าเป้าหมาย และเป็นสินค้าตาม นโยบายปรับเปล่ียนผลการวิเคราะหด์ ังนี้ ข้าวจังหวัดสมุทรปราการ มีผลผลิตต่อไร่ของข้าวนาปีในพ้ืนท่ีเหมาะสม (S) ไร่ละ 861.61 กิโลกรัม ตอ่ ไร่ ผลผลิตตอ่ ไร่ของขา้ วนาปรังในพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) ไรล่ ะ 833.37 กโิ ลกรัมต่อไร่ ผลผลติ ตอ่ ไร่ของข้าวนาปี ในพื้นท่ีเหมาะสม (S) สูงกว่า 28.24 กิโลกรมั ต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 3.39 ต้นทุนต่อไร่ของขา้ วนาปีในพ้ืนที่ เหมาะสม (S) 4,101.62 บาท ต้นทุนต่อไร่ของข้าวนาปรังในพื้นที่เหมาะสม (S) 4,057.44 บาทผลตอบแทน ต่อไร่ พบว่า ข้าวนาปีในพ้ืนที่เหมาะสมให้ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 6,238.06 บาท ส่วนข้าวนาปรังในพื้นท่ีเหมาะสม ให้ผลตอบแทนต่อไร่ 6,341.95 บาท ขา้ วนาปรังในพ้ืนที่เหมาะสมใหผ้ ลตอบแทนต่อไร่มากกว่า 103.89 บาท หรอื คดิ เป็นร้อยละ 1.66 ท้ังนี้เนื่องจากต้นทุนรวมต่อไร่ของข้าวนาปีสูงกวา่ ข้าวนาปรังอยู่เลก็ น้อย 44.18 บาท หรือคิดเปน็ ร้อยละ 1.09 เกษตรกรในพ้ืนที่เหมาะสม (S) เมื่อปลูกข้าวนาปรัง 1 ไร่ แล้วจะได้ผลตอบแทนสทุ ธิ ต่อไร่ หรือกำไรต่อไร่ เทา่ กบั 2,284.51 บาท คิดเป็นร้อยละ 56.30 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการปลกู ขา้ วนาปี ในพื้นท่ีเหมาะสม (S) เมื่อเกษตรกรปลูกข้าวนาปี 1 ไร่ แล้วเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 2,136.44 บาท คิดเป็นร้อยละ 52.09 ของต้นทุนการผลิต สำหรับสินค้าเกษตรอื่น ๆ ท่ีมีศักยภาพในจังหวัด สมุทรปราการ ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม และมะม่วงน้ำดอกไม้ มีผลตอบแทนท่ีดีกว่าการปลูกข้าวในพื้นที่ เหมาะสม (S) จากการทาการศกึ ษาการวเิ คราะหด์ ้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตรระดบั จงั หวดั สมุทรปราการ และ สินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตรในพื้นท่ีดังกล่าว เม่ือนำมาวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับสภาวะ แวดล้อมในจังหวัดสมุทรปราการแล้วน้ัน ทำให้สามารถกำหนดแนวทางในการศึกษาการวิเคราะห์ด้าน เศรษฐกจิ สนิ คา้ เกษตรระดบั จงั หวดั สมทุ รปราการ ได้ดังน้ี 1. แนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรในเขตพ้ืนที่ความเหมาะสม (S1 และ S2) ในการปลูกข้าว ซ่ึงเป็นการ ปรับปรุงประสิทธภิ าพการผลิตในเขตพ้ืนที่ความเหมาะสม (S1) ส่งเสริมสนับสนุนการแปรรูปผลผลิตเพ่ือเพิ่ม มูลคา่ การใช้นวตั กรรม เทคโนโลยีมาใช้ในการผลติ เพือ่ ลดตน้ ทุน และเพิม่ ประสทิ ธิภาพการผลิต 2. แนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรในเขตพนื้ ทไี่ ม่เหมาะสม (N) ในการปลูกข้าวเป็นพืชอ่นื ทีใ่ ห้ผลตอบแทน ท่ีดีกว่า ภาครัฐควรมีโครงการพัฒนาจัดรูปท่ีดินให้เหมาะสมแบบมีส่วนร่วม (รัฐจ่าย 70 : เกษตรกรจ่าย 30) เพื่อการบรหิ ารจดั การสนิ คา้ เกษตรอยา่ งยง่ั ยนื
ค 3. แนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรในเขตพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) ในการปลูกข้าวให้เป็นกิจกรรมที่ให้ ผลตอบแทนดีกวา่ เช่น การทำเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎใี หม่ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งแทนการปลกู พืช เชงิ เด่ียว ได้แก่ มะพรา้ วน้ำหอม มะมว่ งนำ้ ดอกไม้ ฟกั ทอง แตงกวา และพรกิ เปน็ ต้น ท้ังน้ี ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเกษตรกร ได้ร่วมกันทำโครงการบริหาร จัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ (Zoning) ซึ่งทางภาครัฐได้จัดเวทีประชาคมอย่างมี ส่วนร่วมกับเกษตรกรในพ้ืนท่ีจังหวัดสมุทรปราการ และร่วมกันวางแผนการปรับเปลี่ยนการผลิต เป็นพืช เศรษฐกิจท่ีเหมาะสมแทนการปลูกข้าว ได้แก่ การปรับเปล่ียนพ้ืนท่ีเพื่อปลูกพืชท่ีมีผลตอบแทนในการลงทุน ดีกว่า ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม และมะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นต้น โดยสนับสนุนงานโครงสร้าง ได้แก่ การยกร่อง ปรับรปู แปลงนา เป็นตน้ 4. สนับสนุนการปรับเปล่ียนจากการเพาะเลี้ยงปลาสลิด เป็นการปลูกผักกระเฉด โดยในการส่งเสริมให้ เกษตรกรปลูกผักกระเฉด ต้องใช้หลัก “ตลาดนำการผลิต” เป็นตัวตั้ง คือ มีแหล่งรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน ซง่ึ สนิ ค้าผักกระเฉดจะมีพ่อคา้ คนกลางมารับซอ้ื ผลผลติ ท่ีสวนของเกษตรกร ซึง่ อ.พ.ก. จังหวัดสมทุ รปราการ ไดม้ ี การประชุมและจัดทำข้อมูลการบริหารจัดการสินค้าเกษตรท่ีสำคัญของจังหวัดสมุทรปราการ ปี 2561 ในสินค้า ปลาสลิดที่มีปริมาณความต้องการผลผลิตของตลาด ยังมีส่วนท่ีขาดอยู่ประมาณ 3,790 ตัน จึงต้องรับซื้อจาก จงั หวัดใกลเ้ คียง ส่วนในสินค้าผักกระเฉดมีปริมาณความต้องการผลผลิตของตลาด ยังมีส่วนทขี่ าดอยู่ประมาณ 342 ตัน จึงตอ้ งรบั ซ้อื จากจังหวัดใกลเ้ คยี ง 5. การส่งเสริมให้ทำกิจกรรมเสริมรายได้ในพื้นท่ีเพาะเลี้ยงปลาสลิด ท่ีเกษตรกรไม่ปรับเปลี่ยนพื้นท่ี ภาครฐั ควรนำระบบส่งเสริมการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่เข้ามาบริหารต้ังแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง สร้างกล่มุ ให้เข้มแข็งพ่ึงพาตนเองได้ ผลิตสินค้าคุณภาพตามมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ ต้องพัฒนาแปรรูป บรรจุภัณฑ์ปลาสลิดให้สอดรับตามความต้องการของผู้บริโภค เพื่อมีอำนาจต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลางได้ ทางกลมุ่ จะตอ้ งวางแผนสร้างรูปแบบของการเลี้ยงเพอ่ื ใหผ้ ลผลติ ออกมาไมต่ รงกัน อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมโครงการบริหารจัดการพื้นท่ีเกษตรกรรมเชิงรุก (Zoning by Agri–Map) เป็นภาคสมัครใจของเกษตรกรท่ีจะร่วมปรับเปล่ียนหรือเพ่ิมเติมเสริมรายได้ จึงทำให้การขับเคล่ือนบรรลุ เป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังน้ัน คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรปราการ และคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด สมุทรปราการ (Chief of Operation) และเกษตรกรที่ผลิตข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมควรกำหนดเป้าหมายพื้นท่ี นำร่องในการปรับเปล่ียน เพ่ือดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ไม่เหมาะสมจึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ ยกระดบั รายไดใ้ หเ้ กษตรกรในพื้นท่ไี มเ่ หมาะสมได้
ง คำนำ ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยมีฐานสำคัญมาจากภาคเกษตร ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสงิ่ แวดล้อม ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ทำให้แตล่ ะประเทศตอ้ งปรับตัวเพ่ือใหด้ ำรงอยู่ได้ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการสินค้าเกษตร เพื่อใหส้ อดรับกับสถานการณ์ท่ปี รับเปลี่ยนโดยมุ่งเนน้ การบรหิ ารจัดการการผลิตที่มปี ระสทิ ธิภาพสอดคล้องกับ ดา้ นการตลาด อุปสงค์ และอุปทาน และใหเ้ หมาะสมกับศกั ยภาพของพื้นท่ีเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพสูงสดุ โครงการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรจึงเป็นหน่ึงในโครงการสำคัญของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ได้ทำการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตร เพื่อเป็นทางเลือกปรับเปล่ียนกิจกรรมการผลิตข้าว ในพื้นท่ีไม่เหมาะสมตามแผนที่ Agri-Map จังหวัดสมุทรปราการ เพ่ือใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการสินค้าเกษตรในพ้ืนที่ ตามแนวทางของการบริหารจัดการพื้นที่ เกษตรกรรมเชิงรุก (Zoning by Agri - Map) ซึ่งได้มีการวิเคราะห์ศักยภาพของพ้ืนท่ีท้ังด้านกายภาพและ ดา้ นเศรษฐกจิ เพื่อกำหนดเป็นเขตบริหารจัดการสนิ คา้ เกษตรที่เหมาะสมในพื้นท่นี ั้น ๆ และสรปุ เปน็ แนวทางใน การบรหิ ารจัดการดังกล่าว สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 ขอขอบคุณความร่วมมือจากสถานีพัฒนาท่ีดินสมุทรปราการ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งเกษตรกร จังหวัดสมุทรปราการที่อำนวยความสะดวกเร่ืองข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้เป็นอย่างดี และข้อคิดเห็นท่ีเป็น ประโยชน์จากคณะทำงานขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการพัฒนาพ้ืนที่ระดับภาค กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ภาคตะวันออก) คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรปราการ และคณะกรรมการ อำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัดสมุทรปราการ (Chief of Operation) สุดท้ายนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 หวังว่าการศึกษาการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้า เกษตรระดับจังหวัดสมุทรปราการ ท่ีได้จัดทำข้ึนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้นำไปใช้ ประโยชน์ตอ่ ไป สว่ นแผนพฒั นาเขตเศรษฐกิจการเกษตร สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 กันยายน 2562
จ สารบญั หน้า บทสรปุ ผ้บู ริหาร ข คำนำ ง สารบญั จ สารบัญตาราง ฉ สารบญั ภาพ ซ บทท่ี 1 บทนำ 1 1.1 หลกั การและเหตุผล 2 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 2 1.3 ขอบเขตการศึกษา 2 1.4 วธิ กี ารศกึ ษา/กรอบแนวคิด 5 1.5 ประโยชน์ทคี่ าดจะได้รบั บทท่ี 2 สภาพทว่ั ไป 7 22 2.1 สภาพทว่ั ไปของจังหวัด 25 2.2 การใชท้ ่ีดินของจังหวัดสมุทรปราการ 2.3 สินค้าเกษตรท่ีมีมูลคา่ สงู ของจังหวดั สมทุ รปราการ Top 4 บทท่ี 3 ผลการศกึ ษาวเิ คราะห์ 33 44 3.1 ต้นทนุ และผลตอบแทนตามระดับความเหมาะสมของพ้นื ทสี่ นิ คา้ เกษตรทสี่ ำคัญ (Top 4) 63 3.2 การบริหารจดั การสนิ ค้าเกษตรท่ีสำคัญจงั หวัดสมทุ รปราการ 3.3 การวเิ คราะห์เพอื่ หาพชื ทางเลอื กทางเศรษฐกิจ 71 72 บทท่ี 4 ผลสรุป ขอ้ เสนอแนะ 82 4.1 สรปุ 4.2 ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม
ฉ สารบญั ตาราง หน้า 10 ตารางท่ี 11 12 2.1 ปรมิ าณน้ำฝน ปี 2552 – 2561 12 2.2 อุณหภูมแิ ละความชื้นสัมพัทธ์สงู สดุ - ต่ำสุด ปี 2552 – 2561 2.3 การแบ่งเขตการปกครองของจงั หวัดสมทุ รปราการ 13 2.4 จำนวนประชากรของจงั หวดั สมุทรปราการ 14 2.5 จำนวนครัวเรอื นเกษตรกรและจำนวนแรงงานภาคเกษตร 23 ของจงั หวดั สมุทรปราการ ปี พ.ศ. 2561 24 28 2.6 ผลติ ภัณฑม์ วลรวมจังหวัด ณ ราคาประจำปี จำแนกตามสาขาการผลิต จงั หวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2557 - 2560 30 35 2.7 ด้านการปลกู พืชเศรษฐกิจของจังหวดั ปีการผลติ 2561 37 2.8 พ้ืนท่ีปลกู ข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพ จังหวดั สมทุ รปราการ 2.9 การผลิตในพน้ื ทรี่ ะดับความเหมาะสมของข้าวรายอำเภอ 39 2.10 เนอื้ ทเี่ พาะเลี้ยง ปรมิ าณผลผลติ และผลผลติ ตอ่ ไร่ ของปลาสลิดจงั หวดั สมุทรปราการ 41 ปี 2558-2560 3.1 ต้นทุนการผลิตข้าวนาปี ปี 2559/60 จังหวดั สมุทรปราการ ในพน้ื ทเี่ หมาะสม (S) 43 3.2 ต้นทนุ การผลิตข้าวนาปรงั ปี 2559/60 จงั หวดั สมุทรปราการ ในพ้นื ทเ่ี หมาะสม (S) 45 3.3 ต้นทนุ การผลติ มะมว่ งน้ำดอกไม้ปี 2559/60 จังหวดั สมุทรปราการ 48 ไม่แยกตามลกั ษณะความเหมาะสมของพ้ืนที่ 3.4 ต้นทุนการผลิตปลาสลดิ ปี 2559 จงั หวดั สมทุ รปราการ 50 ไม่แยกตามลักษณะความเหมาะสม 53 3.5 ตารางเปรียบเทียบต้นทุนการผลิต ผลตอบแทนสินค้าที่สำคญั ปี 2559 (สนิ คา้ TOP 4) 54 จงั หวัดสมุทรปราการ 3.6 การบรหิ ารจัดการสนิ ค้าขา้ วนาปีของจงั หวดั สมุทรปราการ ปี 2559 3.7 การบริหารจดั การสินค้าข้าวนาปรังเชงิ พืน้ ที่รายเดือน ฤดกู ารผลติ ปี 2559/60 จังหวัดสมุทรปราการ 3.8 พ้นื ทใ่ี ห้ผล ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ มะมว่ งนำ้ ดอกไมใ้ นชว่ งปเี พาะปลูก 2560 จงั หวัดสมุทรปราการ 3.9 ราคามะม่วงน้ำดอกไมท้ ่ีเกษตรกรขายได้ที่ไรน่ าเฉลี่ยรายเดอื น ปี 2559-2560 จงั หวดั สมทุ รปราการ 3.10 การบริหารจัดการสนิ ค้ามะมว่ งนำ้ ดอกไม้ของจังหวดั สมุทรปราการ ปี 2560
ช หนา้ สารบัญตาราง (ตอ่ ) 57 ตารางท่ี 57 61 3.11 เนอื้ ทเ่ี พาะเล้ยี ง ปริมาณผลผลติ และผลผลิตต่อไร่ ของปลาสลดิ จังหวดั สมทุ รปราการ 64 ปี 2558-2560 65 3.12 ประมาณการรอ้ ยละผลผลติ ปลาสลดิ ออกสตู่ ลาดรายเดอื น ของจังหวดั สมทุ รปราการ ปี 2560 67 3.13 การบริหารจัดการสินค้าปลาสลิด จังหวดั สมุทรปราการ ปี 2560 68 3.14 การเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวนาปี และข้าวนาปรงั ในพ้นื ทเี่ หมาะสม (S) 69 3.15 การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ การผลติ การปลูกข้าวนาปรังในพ้นื ทเี่ หมาะสม (S) กับการปลกู มะม่วงนำ้ ดอกไม้ 3.16 การเปรยี บเทียบตน้ ทุนการผลิตการปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่เหมาะสม (S) กับการเลี้ยง ปลาสลิด 3.17 การเปรยี บเทียบตน้ ทุนการผลติ การปลกู ข้าวนาปรังในพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) กบั การปลูกมะพร้าวน้ำหอม 3.18 การเปรยี บเทียบตน้ ทนุ การเล้ียงปลาสลิด กบั การปลูกผักกระเฉด
ซ หนา้ สารบญั ภาพ 9 23 ภาพท่ี 24 25 2.1 แผนท่ีจังหวดั สมุทรปราการ 26 2.2 แผนท่กี ารใชท้ ด่ี นิ จังหวัดสมุทรปราการ ปี 2560 27 2.3 แผนท่กี ารปลูกพชื เศรษฐกจิ จังหวัดสมุทรปราการ 29 2.4 พ้ืนทีป่ ลูกข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพ จงั หวัดสมุทรปราการ 29 2.5 ข้าวนาปี เน้ือที่เก็บเกย่ี ว ผลผลิต ผลผลติ ต่อไร่ จังหวัดสมุทรปราการ 30 2.6 ขา้ วนาปรงั เนอ้ื ทเ่ี กบ็ เก่ยี ว ผลผลติ ผลผลิตต่อไร่ จังหวดั สมทุ รปราการ 31 2.7 พ้ืนทค่ี วามเหมาะสมในการปลกู ข้าว จงั หวดั สมทุ รปราการ 44 2.8 พื้นท่ปี ลกู ข้าวตามระดับความเหมาะสม จังหวัดสมุทรปราการ 47 2.9 มะม่วงนำ้ ดอกไม้ เนื้อท่เี กบ็ เก่ยี ว ผลผลติ ผลผลติ ตอ่ ไร่ จังหวัดสมทุ รปราการ 52 2.10 ปลาสลดิ เน้อื ทเี่ พาะเลย้ี ง ผลผลติ ผลผลติ ตอ่ ไร่ จงั หวัดสมุทรปราการ 58 3.1 วิถีการตลาดข้าวนาปจี ังหวัดสมุทรปราการ 60 3.2 วิถีการตลาดขา้ วนาปรงั จังหวดั สมุทรปราการ 74 3.3 วถิ กี ารตลาดมะม่วงนำ้ ดอกไม้ของจงั หวัดสมทุ รปราการ 3.4 โครงสรา้ งตลาดปลาสลิดของจังหวัดสมทุ รปราการ 75 3.5 วิถีตลาดปลาสลดิ ของจังหวดั สมุทรปราการ 76 4.1 แผนที่แสดงขอ้ มูลพืน้ ทค่ี วามเหมาะสมของข้าวจงั หวดั สมุทรปราการ 4.2 แผนทแี่ สดงขอ้ มูลพ้นื ทค่ี วามเหมาะสมของข้าวซอ้ นทับขอ้ มูลการปลูกข้าวจริง จงั หวดั สมุทรปราการ 4.3 แผนท่แี สดงขอ้ มลู พืน้ ทีค่ วามเหมาะสมของมะพร้าวจงั หวดั สมุทรปราการ
บทที่ 1 บทนำ 1.1 หลกั การและเหตุผล การผลิตสินค้าเกษตรหลายชนิดของประเทศไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าท่ีควร เนื่องจากเกษตรกร สว่ นหนึ่งนำพืน้ ทท่ี ่ีมีความเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสม มาใชเ้ พ่ือปลูกพืช ส่งผลให้ประสิทธภิ าพการผลติ โดย เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำมีต้นทุนการผลิตสูงและในหลายสินค้าผลผลิตสินค้าเกษตรมากเกินความต้องการประสบ สภาวะราคาตกต่ำเกิดภาระด้านงบประมาณให้กับภาครัฐท่ีต้องเข้าไปช่วยเหลือแทรกแซงราคา การบริหาร จดั การพื้นที่เกษตรกรรมเป็นแนวคิดที่ดำเนินการภายใต้นโยบายของรฐั บาลในการจัดการและใชป้ ระโยชนท์ ี่ดิน ของประเทศเพือ่ ประโยชนส์ งู สดุ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเขตเหมาะสมสำหรับการผลิต ได้แก่ ด้านพืช ประกอบด้วย ข้าว มันสำปะหลงั ยางพารา ปาล์มนำ้ มัน ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ อ้อยโรงงาน ลำไย และสับปะรดโรงงาน ซึ่งรวมถึง เงาะ ทุเรียน มังคุด กาแฟ และมะพร้าว ด้านปศุสัตว์ ประกอบด้วย โคนม โคเน้ือ สุกร ไก่เน้ือ ไก่ไข่ และด้าน ประมง ประกอบด้วย กุ้ง ปลานิล และปลาน้ำจืด โดยในการประกาศเขตเหมาะสมการผลิต คำนึงถึงปัจจัย ธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ดิน น้ำ อากาศ แสงแดด ความชื้นสัมพัทธ์ (Land Suitability) และระดับความ ต้องการของพืช (Crop Requirement) การผลิตสินค้าเกษตรในปัจจุบัน (Existing Land Use) หรือเง่ือนไข สำหรับการผลิตอ่ืน ๆ เช่น กำหนดเขตเป็นพื้นที่ปลอดโรค เป็นต้น ซ่ึงในการบริหารจัดการพ้ืนท่ีเกษตรกรรม นอกจากคำนึงถึงเขตการผลติ ท่ีเหมาะสมแลว้ ยังต้องพิจารณาประเด็นทีเ่ กย่ี วข้อง คอื การปรับรูปแบบการผลิต ในเขตเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสม เพ่ือสร้างความสมดุลระหว่างการผลิตและการตลาด การเพ่ิม ประสิทธิภาพการผลิต การเพ่ิมมูลค่าด้วยการพัฒนามาตรฐานสินคา้ และลดต้นทนุ ด้วยการจัดการระบบขนส่ง สนิ ค้า (Logistic) เปน็ ตน้ เม่ือมีการประกาศเขตเหมาะสมสำหรับการผลิตแล้ว ต้องถือว่าพ้ืนที่นั้นคือยุทธศาสตร์ในการ พัฒนาการผลิต ซ่ึงระดับพ้ืนท่ี/จังหวัดต้องพิจารณาใช้พ้ืนท่ีที่มีความเหมาะสมเป็นยุทธศาสตร์การผลิตด้าน การเกษตร โดยวางระบบการจัดการท้ังหมดเข้าไปในพ้นื ท่ี การสนับสนนุ ด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ (1) พื้นที่ (2) ชนิดสินค้า พืช ปศุสัตว์ และประมงท่ีเหมาะสมกับพ้ืนที่ (Commodities) และ (3) บุคคล ได้แก่ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าท่ีของรัฐ (Human Resource) โดยใช้การตลาดเป็นตัวช้ีนำในการ ส่งเสริมการผลิต ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าผลิตออกมาแล้วต้องขายได้ในราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ และมีเจ้าหน้าท่ีของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ให้คำแนะนำ และประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้องภายในพ้ืนท่ี ท้ัง ภาครัฐ และภาคเอกชน เพ่ือให้เกดิ ผลเปน็ รปู ธรรม โดยมศี ูนยเ์ รยี นรกู้ ารเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลิตสนิ คา้ เกษตร (ศพก.) ซ่ึงเปน็ ศูนย์ระดับชุมชนท่จี ัดต้งั ข้ึนโดยใช้หลกั การของ Zoning ร่วมกบั ความตอ้ งการของเกษตรกร เป็น แหล่งศึกษาและเรียนรู้ของเกษตรกรและประชาชนที่สนใจในด้านการเกษตรจากสถานที่จริง เรียนรู้จาก เกษตรกรต้นแบบท่ีทำอาชีพการเกษตรและประสบความสำเร็จ เนน้ การผลิตที่เหมาะสมกับศักยภาพของพ้ืนที่
2 ลดต้นทุนการผลิต พร้อมนำหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใชใ้ ห้เกิดประโยชน์สงู สุด สาเหตุหลกั ของ ผลผลิตขาดคุณภาพและไม่ตรงตามความต้องการของตลาด ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนจากการผลิต คือ เกษตรกรทำการผลิตสินค้าเกษตรในพ้นื ทไี่ ม่เหมาะสมกับศักยภาพของพนื้ ที่ ดงั นน้ั เพอื่ เสนอแนะข้อเสนอเชงิ นโยบายในการสนบั สนุนการปรับเปล่ยี นการผลิตสินคา้ เกษตรในพื้นที่ ไม่เหมาะสมตามแผนท่ี Agri-Map เป็นสินค้าทางเลอื ก สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี จึงได้ จัดทำการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตรระดับจังหวัด ในจังหวัดสมุทรปราการสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) เพื่อให้มีการผลิตที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพผลผลิต และสรา้ งความสมดุลระหวา่ งอปุ สงค์ และอปุ ทาน 1.2 วตั ถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนสินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) ในจังหวัด สมทุ รปราการ 2) เพื่อศึกษาความสมดุลระหว่างอุปสงค์ อุปทาน ( Demand & Supply) สินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดบั (Top 4) และสนิ ค้าทางเลือกในจงั หวัดสมทุ รปราการ 3) เพื่อเสนอแนะมาตรการในการปรับเปลย่ี นการผลติ สินค้าในพนื้ ทีไ่ ม่เหมาะสมเป็นสินค้าทางเลอื กใน ระดับพืน้ ท่ีของจงั หวัดสมทุ รปราการ 1.3 ขอบเขตการศึกษา ศึกษาสินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง มะม่วงน้ำดอกไม้ ปลาสลิด และสนิ คา้ ทางเลอื ก ครอบคลุมในพน้ื ที่จังหวัดสมทุ รปราการ 1.4 วิธกี ารศกึ ษา/กรอบแนวคดิ 1.4.1 การวิเคราะหค์ วามเหมาะสมและศักยภาพของพ้ืนท่ี โดยการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะหข์ ้อมลู จากแผนที่ Agri-map โดยการประเมินคณุ ภาพท่ีดิน (Qualitative Land Evaluations) ซึง่ เป็นการพิจารณาศักยภาพของหน่วยทรัพยากรทดี่ ินต่อการใช้ประโยชน์ ท่ีดินประเภทต่าง ๆ นอกจากการประเมินทางด้านคุณภาพหรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่าเป็นการประเมินเชิง กายภาพ การประเมินทางด้านปริมาณหรอื ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะให้ค่าตอบแทนในรูปผลผลิตท่ีได้รับ ตัวเงินใน การลงทุน และตัวเงินจากผลตอบแทนที่ได้รับเป็นส่ิงบ่งชี้ถึงความเหมาะสม หรือการจัดการเขตเกษตร เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ตามแผนท่ีความเหมาะสม 4 ระดับ คือ (1) ระดับขั้นท่ีมีความเหมาะสมสูง (Highly suitable : S1) (2) ระดับชั้นทีม่ คี วามเหมาะสมปานกลาง (Moderately suitable : S2) (3) ระดบั ช้ันทมี่ ีความ เหมาะสมน้อย (Marginally suitable : S3) และ (4) ระดับช้ันท่ีไม่เหมาะสม (N) ว่ามีจำนวนพื้นที่เท่าใดและ อยู่ในพื้นท่ีบริเวณใดบ้าง และนำข้อมูลมาจัดช้ันพ้ืนท่ีเป็น 2 ระดับ คือ (1) พื้นที่ที่มีความเหมาะสมการปลูก (Suitability : S) คือ พื้นที่ท่ีมีความเหมาะสมมาก (S1) รวมกบั พืน้ ที่ชั้นทม่ี ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) และ (2) พ้ืนที่ไม่เหมาะสม (Not suitability : N) คือพ้ืนท่ีที่มีความเหมาะสมน้อย (S3) และพ้ืนท่ีท่ีไม่มีความ
3 เหมาะสม (N) ของสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง มะม่วงน้ำดอกไม้ ปลาสลิด และสินค้าทางเลือก ในจังหวัดสมุทรปราการ และลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าในปัจจุบันมี ปลูกอยู่มากน้อยเท่าไร และปลูกอยู่ในแต่ละพ้ืนท่ีระดับความเหมาะสมจำนวนเทา่ ไรของการปลกู พืชเศรษฐกิจ แต่ละชนิดสินคา้ ในพืน้ ที่จงั หวดั สมุทรปราการ และสำรวจพ้ืนที่เพือ่ ยืนยันขอ้ มลู ตามแผนที่ความเหมาะสม 1.4.2 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 1). การรวบรวมขอ้ มูล รวบรวมขอ้ มูลโดยการสัมภาษณ์จากแบบสอบถามแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ปีเพาะปลูก 2559 รวมทงั้ การสำรวจข้อมูลภาคสนามเพื่อรับทราบสถานการณ์การผลติ การตลาด และแนวคิด ความคดิ เหน็ จากส่วนราชการท่ีเกีย่ วขอ้ ง 2). แหล่งข้อมูล 2.1) ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นการสำรวจข้อมูลภาคสนามเพ่ือรับทราบ สถานการณ์การผลิตและการตลาด ณ ช่วงเวลาน้นั ๆ โดยขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั มาจากเกษตรกร และหนว่ ยงานราชการ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2.2) ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) รวบรวมข้อมูลทางวิชาการท่ีเก่ียวข้องกับนโยบาย การจดั ทำเขตเกษตรเศรษฐกจิ เอกสารทางวิชาการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เก่ยี วขอ้ งทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถงึ สื่อสิง่ พมิ พอ์ ิเลคทรอนกิ สท์ ่ีเกย่ี วข้อง 1.4.3 การวิเคราะหข์ ้อมลู 1) การวิเคราะห์เชิงคณุ ภาพ (Qualitative Analysis) เช่น การวเิ คราะห์เน้อื หา 2) การวเิ คราะห์เชิงปรมิ าณ (Quantitative Analysis) 2.1) การวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติ โดยสถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) เช่น รอ้ ยละ และค่าเฉล่ยี 2.2) การวิเคราะห์โดยใชว้ ิธีการทางคณิตศาสตร์ เชน่ การวิเคราะห์ต้นทุนผลตอบแทน 3) การวิเคราะหข์ อ้ มูลจากแผนที่ Agri-Map และสำรวจพ้ืนท่ีเพ่อื ยนื ยนั ขอ้ มลู ตามแผนที่ 1.4.4 กรอบแนวคดิ ต้นทุนและผลตอบแทน 1) ทฤษฎีต้นทุนการผลิตและผลตอบแทน การวิเคราะห์ต้นทุนจะพิจารณาท้ังต้นทุนท่ีเป็น เงนิ สด (Explicit Cost) และต้นทุนท่ีไม่เปน็ เงินสด (Implicit Cost) โดยสภาพการผลิตท่ีเป็นจริงของเกษตรกร ต้นทุนที่เป็นเงินสด คือต้นทุนที่เกษตรกรจ่ายออกไปจริงเป็นเงินสด ส่วนต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด คือต้นทุนท่ี เกษตรกรไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย แต่ได้ประเมินให้สำหรับค่าปัจจัยการผลิตและแรงงานท่ีเป็นของเกษตรกรเอง ซงึ่ องค์ประกอบของตน้ ทุนการผลติ แบ่งออกได้ 2 ประเภท คอื 1.1) ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) เป็นค่าใช้จ่ายท่ีไม่เปล่ียนแปลงไปตามปริมาณการผลิต หรือไม่เปล่ียนแปลงแม้ไม่ทำการผลิตเลย ซ่ึงเป็นค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนจากการใช้ปัจจัยคงที่ในการผลิต ประกอบด้วยต้นทุนคงที่ที่เป็นเงินสด ได้แก่ ค่าเช่าท่ีดิน ค่าภาษีท่ีดิน เป็นต้น ต้นทุนคงที่ที่ไม่เป็นเงินสด เป็น
4 ค่าใช้จ่ายทผี่ ู้ผลิตไม่ได้จ่ายออกไปจริง เช่น ค่าใช้ที่ดิน และค่าเส่ือมราคาอุปกรณ์ ซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปี เปน็ ตน้ สำหรับการคำนวณคา่ เสือ่ มราคาใช้วิธีคิดแบบเสน้ ตรง (The Straight – Line Method) การ คำนวณโดยวธิ นี ี้จะไดค้ ่าเส่อื มราคาทรัพยส์ ินต่อปีคงทเี่ ท่ากัน ซง่ึ มีวิธีการคือ คา่ สกึ หรอหรือค่าเสื่อมราคาตอ่ ปี = (ราคาทรพั ยส์ ินทีซ่ ้ือมา – มูลค่าซาก) อายุการใชง้ าน (ปี) 1.2) ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) เป็นค่าใช้จ่ายที่เปล่ียนแปลงไปตามปริมาณ ผลผลิตที่ได้รับ ซึ่งประกอบด้วย ต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายในการซ้ือปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ค่าจ้างแรงงาน ค่าปุ๋ย เป็นต้น และ ต้นทุนผันแปรท่ีไม่เป็นเงินสด เป็นค่าใช้จ่ายเก่ียวกับปัจจัยการผลิตท่ีเป็น ของตนเอง และได้ประเมินค่าออกมาเป็นเงินสด เช่น ค่าแรงงานในครัวเรือนจะประเมินค่าเป็นเงินสด ตาม อตั ราค่าจ้างแรงงานในทอ้ งถนิ่ นัน้ เป็นตน้ สำหรบั การวิเคราะหต์ ้นทุนและรายได้ จะทำให้ทราบถงึ กำไรที่เกษตรกรจะได้รับ เพอื่ ใช้เปน็ ข้อมูลในการพิจารณาความสำเรจ็ หรอื ล้มเหลวในการผลติ โดยมีวิธกี ารคำนวณ ดังน้ี ตน้ ทุนท้ังหมด = ตน้ ทุนคงท่ี + ตน้ ทนุ ผันแปร ต้นทนุ คงท่ี = คา่ ใช้ทด่ี นิ หรือคา่ เชา่ ทด่ี นิ + คา่ เสือ่ มราคาอปุ กรณก์ ารเกษตร ต้นทนุ ผันแปร = ค่าแรงงาน + คา่ วัสดุอุปกรณก์ ารเกษตร รายไดท้ ัง้ หมด = ผลผลิตทง้ั หมด x ราคาที่เกษตรกรได้รบั รายได้สุทธิ = รายได้ทง้ั หมด - ต้นทุนผันแปร กำไร = รายได้ทง้ั หมด - ตน้ ทนุ ท้ังหมด 2) กรอบแนวคิด Demand และ Supply แนวคิดการทำบัญชีสมดุลสินค้าเกษตรมีความใกล้เคียงกับการทำบัญชีสมดุลทางการเงิน ทั่วไปที่เรารู้จักกัน ในขณะที่บัญชีสมดุลทางการเงินเป็นการทำข้อมูลเก่ียวกับ “รายรับและผลประโยชน์” เท่ากับ “รายจ่ายและการเสียผลประโยชน์” หรือ “กำไร” เท่ากับ “ขาดทุน” ซึ่งเป็นการลงข้อมูลเป็นมูลค่า ของเงินที่เกิดขึ้น บัญชีสมดุลสินค้าเกษตรเป็นการบันทึกปริมาณของสินค้าเกษตร และสามารถจัดทำได้ท้ังใน ระดบั ประเทศและระดบั จังหวดั ดา้ นการบนั ทึกขอ้ มูลสามารถจดั ทำเปน็ ไดท้ ้ังรายปแี ละรายเดือน บญั ชีสมดุลสนิ ค้าเกษตรนัน้ มีองค์ประกอบ 2 ด้าน คือ ด้านอุปทาน (Supply) และด้านการ นำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization) และตอ้ งทำให้ตวั เลขท้ัง 2 ด้านน้ีให้สมดลุ หรอื เทา่ กัน (1) อปุ ทาน (Supply) = (2) การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization) โดยท่ี ด้านอุปทาน เป็นผลรวมของ (1) สต็อกต้นปีหรือสต็อกที่ยกมาจากสต็อกปลายปีของปีที่แล้ว (2) การ ผลิตสินค้าเกษตรในช่วงระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปีการตลาด และ (3) การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ในช่วงระยะเวลา 12 เดือน หรอื 1 ปีการตลาด ดังสมการต่อไปน้ี
5 2.1) อปุ ทาน = สต็อกตน้ ปี + ปรมิ าณการผลติ + การนำเขา้ สินค้า และ ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ เปน็ ผลรวมของ (1) การใช้ภายในประเทศ เช่น การบริโภค ช่วงระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปีการตลาด (2) การสง่ ออกสินคา้ จากต่างประเทศในช่วงระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปีการตลาด และ (3) ปริมาณสต็อกสินค้าเกษตรที่ยังเหลืออยู่ ณ ช่วงเดือนสุดท้ายของปีการตลาด อาจเรียกว่า สต็อกปลายปหี รือปลายงวด และจะถกู ยกยอดไปเป็นสตอ็ กตน้ ปีของปตี อ่ ไป สามารถเขยี นสมการไดด้ งั น้ี 2.2) การนำไปใชป้ ระโยชน์ = การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสนิ ค้า+สตอ็ กปลายปี โครงสร้างบัญชีสมดลุ สินคา้ เกษตรนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง แม้จะมีองค์ประกอบหลัก เหมือนกัน แต่องค์ประกอบย่อยนั้นอาจมีความแตกต่างกันไปตามสินค้าเกษตรแต่ละชนิด ซึ่งข้ึนอยู่กับ โครงสร้าง ห่วงโซอ่ ุปทานของสินค้าเกษตรนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม จะต้องมี 1 องค์ประกอบท่ีทำหนา้ ทเี่ ป็นตัวเศษ เหลอื (Residual) และตัวแปรท่ีมักมกี ารใช้เปน็ Residual ในการทำบัญชีสมดุลสนิ คา้ เกษตร คือ สต็อกปลายปี หรือสต็อกปลายงวด เน่ืองจาก โดยปกติแล้วจะเป็นองค์ประกอบที่ไม่มีข้อมูลตวั เลขท่ีดี ถูกต้อง หรือน่าเช่อื ถือ ในการนำมาใช้ อปุ ทาน = สต็อกตน้ ปี + ปริมาณการผลติ + การนำเขา้ สินคา้ การนำไปใช้ประโยชน์ = การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสินคา้ + สต็อกปลายปี สต็อกต้นปี + ปริมาณการผลิต + การนำเข้าสินค้า = การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสินค้า + สต็อกปลายปี ดังน้ัน สต็อกปลายปี = (สต็อกต้นปี + ปริมาณการผลิต + การนำเข้าสินค้า) – (การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสินคา้ ) แต่วิธีการดังกลา่ วนี้ ควรมีข้อมูลหรือการประมาณการสต็อกต้นปีทดี่ ี มีหลักการและมีความน่าเช่อื ถือ สำหรับข้อมูลในอดีต ถ้าหากไม่มีตัวเลขดังกล่าว ผู้จัดทำสามารถประมาณการการเปล่ียนแปลงทางสต็อก (Stock changes) ได้ดังสมการตอ่ ไปนี้ สต็อกต้นปี + ปริมาณการผลิต + การนำเข้าสินค้า = การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสินค้า + สต็อกปลายปี (สต็อกปลายปี – สต็อกต้นปี) = (ปริมาณการผลิต + การนำเข้าสินค้า) – (การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสินคา้ ) ปริมาณสต็อกที่เปล่ียนแปลงไป = (ปริมาณการผลิต + การนำเข้าสินค้า) – (การใช้ภายในประเทศ + การส่งออกสนิ คา้ ) 1.5 ประโยชน์ที่คาดจะไดร้ ับ การจดั ทำแนวทางพฒั นาการบริหารจดั การการผลติ สนิ ค้าเกษตร จะก่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อกล่มุ บคุ คล ต่าง ๆ ดงั นี้ 1.5.1 เกษตรกร 1) สามารถทราบถึงศกั ยภาพของพื้นทีใ่ นการผลติ ของตัวเองให้ชดั เจน
6 2) เปน็ เคร่ืองมือชว่ ยในการตัดสินใจเลือกผลิตสินคา้ เกษตรต่าง ๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ 3) สามารถลดต้นทุนการผลติ มีรายไดเ้ พมิ่ ข้นึ ลดความเส่ยี งในเรอื่ งการตลาด 4) สามารถขอรบั การสนับสนุนได้ตรงกบั ความตอ้ งการ 1.5.2 ผู้ประกอบการมีความมั่นคงในธุรกจิ ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการเกษตร เนื่องจากมีความมั่นใจถึง ปริมาณของผลิตที่สม่ำเสมอ ทำให้สามารถตัดสินใจในเร่ืองการลงทุนและการวางแผนด้านการตลาดได้ชัดเจน ขึ้น 1.5.3 ผู้บรโิ ภคได้รับประโยชน์จากการผลิตด้านการเกษตรท่ีมีคณุ ภาพขึ้น มีความแน่นอนในเรื่องของ ราคา ปรมิ าณ และระยะเวลาของสนิ ค้าเกษตรท่ีออกสู่ตลาด 1.5.4 ภาครัฐสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวางแผนการผลิต ให้เกิดดุลยภาพท้ังอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) เพ่ิมขีดความสามารถของรัฐในการสนับสนุน ส่งเสริมในเร่ืองต่าง ๆ เน่ืองจากมเี ปา้ หมายท่ชี ดั เจนและแน่นอน สง่ ผลใหร้ ะบบการผลติ มีเสถยี รภาพ และสามารถแขง่ ขันได้
บทที่ 2 สภาพทว่ั ไป 2.1 สภาพทัว่ ไปของจังหวดั 2.1.1 สภาพทวั่ ไปของจงั หวดั สมทุ รปราการ “สมุทรปราการ” เป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เน่ืองจากท่ีต้ังเป็นเขตยุทธศาสตร์ ทางน้ำ คำว่า \"สมุทรปราการ\" มาจาก คำว่า \"สมุทร\" ซึ่งแปลว่าทะเล และ \"ปราการ\" ที่แปลว่า กำแพง จึงมี ความหมายโดยรวมว่า \"กำแพงริมน้ำ\" และหากย้อนหลังไป 800 ปีเศษ ชนชาติขอมซึ่งมีความรุ่งเรืองอยู่ ในขณะนั้นได้สร้างเมืองพระประแดงบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านซึ่งสันนิษฐานว่า ใน ปจั จุบันคือ บริเวณท่าเรือคลองเตย และต่อมาแผ่นดินบริเวณรอบเมืองพระประแดงน้นั ได้งอกออกไปในทะเล โดยทศิ ใต้แผน่ ดินงอกถงึ แถบตำบลปากคลองบางปลากด ซ่งึ อย่ทู างฝั่งขวาของแมน่ ้ำเจ้าพระยา และทางฝั่งซ้าย ของแม่น้ำเจา้ พระยาแผน่ ดนิ ได้งอกถึงบริเวณตำบลบางดว้ น บางหมู และบางนางเกรง ทำให้เมืองพระประแดง มีความสำคัญลดลง เนื่องจากอยู่ห่างจากบริเวณปากแม่น้ำ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2163 - 2171 สมเด็จ พระเจ้าทรงธรรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาได้โปรดให้สร้างเมืองสมุทรปราการข้ึนใหม่ เพ่ือเป็นเมือง ปากน้ำหน้าดา่ นของกรงุ ศรีอยุธยา และใชเ้ ป็นสถานท่ีทำการค้าขายกับชาวฮอลันดา โดยทรงพระราชทานทีด่ ิน บริเวณคลองบางปลากดใหช้ าวฮอลนั ดาไว้เป็นเมืองการคา้ ซงึ่ เรียกว่า \"นิวอมั สเตอรด์ ัม\" ในปี พ.ศ. 2306 สมัยกรุงธนบรุ ี เปน็ สมยั ท่สี ร้างราชธานีใหม่ สมเด็จพระเจา้ ตากสินโปรดเกล้าฯ ใหร้ ้ือ กำแพงเมืองพระประแดงเดิมที่ตำบลราษฎร์บูรณะ เพื่อไปสร้างกำแพงพระราชวังจึงทำให้กำแพงเมือง พระประแดงเดิมสญู หายสนิ้ ซากนบั แต่น้นั มา ในปี พ.ศ. 2352 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเห็น ความสำคัญท่ีจะต้องสรา้ งเมอื งทางชายฝั่ง เพือ่ ป้องกันศัตรทู ่ีจะรุกล้ำมาจากทางทะเลสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซง่ึ เดิม มีเมืองพระประแดง และเมืองสมทุ รปราการเป็นเมืองหนา้ ดา่ น แตอ่ ยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก พระองค์จึงดำรทิ ี่ จะบูรณะเมืองพระประแดง ซ่ึงอยู่ทางด้านขวาของแม่น้ำเจา้ พระยา ระหว่างเมืองสมทุ รปราการและกรุงเทพฯ โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ลงสำรวจพ้ืนที่บริเวณปากน้ำเจา้ พระยา เพ่ือสร้าง เมืองข้ึนใหม่ และสร้าง \"ป้อมวิทยาคม\" ท่ีฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ในปี พ.ศ. 2362 พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี 2 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสร้างป้อมที่สำคัญหลายป้อม และ ทรงพระราชทานนามใหม่วา่ \"เมืองนครเข่ือนขนั ธ์\" และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้อพยพครอบครัวชาวมอญ โดยมีชายฉกรรจ์ประมาณ 300 คน ซึ่งมีพระยาเจ่งเป็นผู้นำจากเมืองปทุมธานีมาอยู่ ณ เมืองนครเขื่อนขันธ์ เพื่อเป็นกำลังสำคญั ในการรักษาเมือง นอกจากการสรา้ งเมอื งนครเข่ือนขันธ์แล้ว พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศ หล้านภาลัยยังทรงสร้างเมืองสมุทรปราการขึ้นมาใหม่ เนื่องจากทรงไม่ไว้วางใจญวนนัก ประกอบกับ เมืองสมุทรปราการเองก็เป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลมากกว่า จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมเพ่ิมอีก จำนวน 6 ปอ้ มท้ังดา้ นซ้ายและขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา
8 ในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 รัฐบาลไทยได้อนมุ ตั ิสมั ปทาน แก่ บริษัทชาวเดนมาร์ก เพื่อสรา้ งทางรถไฟสายแรกขน้ึ ในประเทศไทย ระหว่างกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ แตบ่ ริษัท ยังขาดทุนทรัพย์จึงมิได้ดำเนินการก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ยืมทุนทรัพย์ไปสมทบด้วยส่วนหน่ึง และได้เสด็จพระราชดำเนินแซะดนิ เป็นปฐมฤกษ์ เม่ือวันท่ี 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2434 กับได้เปิดทางรถไฟ ณ สถานีสมุทรปราการ เมื่อวันท่ี 11 เมษายน พ.ศ. 2436 โดย ใช้รถจักรไอน้ำลากจูง แต่ต่อมาภายหลังเปล่ียนใช้รถไฟฟ้า ทางรถไฟสายน้ีได้ยุบเลิกกิจการไป เมื่อวันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2503 ในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 6 ทรงเปลย่ี นช่ือเมืองนครเขอื่ นขันธ์ กลบั เปน็ \"เมืองพระประแดง\" ดังเดิม เพราะยงั คงบริเวณเดิมของพระประแดง และในปี พ.ศ. 2459 ทรงเปลี่ยน คำว่าเมืองเป็นจังหวัด เมืองสมุทรปราการจึงเปลี่ยนเป็น \"จังหวัดสมุทรปราการ\" ประกอบด้วยอำเภอ สมุทรปราการ อำเภอบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอสีชัง และเมืองพระประแดงเป็น จังหวัดพระประแดง ประกอบดว้ ยอำเภอพระประแดง อำเภอพระโขนง และอำเภอราษฎร์บูรณะ ปี พ.ศ. 2475 ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ 7 เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ ตกตำ่ ทั่วโลก รัฐบาลต้องประหยัดการใช้จ่ายเงนิ ของแผน่ ดิน จงึ โปรดฯ ใหย้ บุ จังหวดั พระประแดงขึน้ กับจงั หวัด สมุทรปราการ อำเภอพระโขนงข้ึนกับจังหวดั พระนคร และอำเภอราษฎร์บูรณะข้นึ กับจังหวัดธนบรุ ี ในปี พ.ศ. 2485 ได้มีพระราชบัญญัติรวมจังหวัดพระนคร ธนบุรี สมุทรปราการ และนนทบุรีเข้าไว้ด้วยกัน รวมเรียกว่า นครบาล กรุงเทพฯ ธนบุรี และในปี พ.ศ. 2486 มีการปรั บปรุงระเบียบการปกครองใหม่ ยุบจังหวัด สมุทรปราการข้ึนกับจังหวัดพระนคร และในปี พ.ศ. 2489 ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซ่ึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันท่ี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 2.1.2 ท่ตี งั้ และอาณาเขตจงั หวดั สมุทรปราการ 1) ทีต่ ้ัง ขนาดพน้ื ท่ี จังหวัดสมุทรปราการตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปลายสุดของแม่น้ำเจ้าพระยาและ เหนืออ่าวไทย มีเนื้อที่ประมาณ 1,004 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 627,557 ไร่ ตั้งอยู่ภาคกลาง ของ ประเทศไทย ห่างจากกรงุ เทพมหานครไปทางทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ ประมาณ 29 กิโลเมตร 2) อาณาเขตตดิ ต่อกับจงั หวดั ใกล้เคยี ง ดงั น้ี ทิศเหนอื ตดิ ต่อกบั กรุงเทพมหานคร (เขตลาดกระบัง และพระโขนง) ระยะทาง 55 กิโลเมตร ทิศใต้ตดิ ตอ่ กับอา่ วไทย (พ้ืนท่ีชายฝั่งทะเล) ระยะทาง 47.20 กิโลเมตร ทิศตะวันออกตดิ ตอ่ กับจงั หวดั ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 42.60 กิโลเมตร ทศิ ตะวนั ตกตดิ ต่อกบั กรงุ เทพมหานคร (เขตบางขุนเทียน) ระยะทาง 34.20 กิโลเมตร 2.1.3 ลกั ษณะภูมิประเทศ สว่ นใหญเ่ ป็นที่ราบลุ่ม มีแมน่ ำ้ เจา้ พระยาไหลผา่ นกลาง แยกพ้ืนท่ีออกเป็น ดา้ นตะวันตก และดา้ นตะวันออก และมีลำคลองมากมาย ลักษณะภูมปิ ระเทศโดยทวั่ ไป สามารถแบ่งพื้นทีอ่ อก ไดเ้ ป็น 3 สว่ น คือ
9 1. บรเิ วณริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝ่ัง ซ่ึงที่ราบลุ่มท้งั หมด ปัจจุบันได้เปล่ียนไปตามสภาพ ซึ่งเกิด จากสภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม และการขยายตัวของชุมชนเมือง ทำใหม้ ีพน้ื ที่เกษตรกรรมลดลงมาก 2. บริเวณตอนใต้ใกล้ชายฝั่งทะเล เป็นพ้ืนที่น้ำทะเลท่วมถึง และพ้ืนดินจะเค็มจัดในฤดูแล้ง ลักษณะทางกายภาพของดินเป็นเลนเหลวลุ่มลึก เหมาะแก่การทำป่าจาก ป่าชายเลน และการเพาะเล้ียงสัตว์น้ำ ชายฝง่ั 3. บริเวณที่ราบกว้างใหญ่ทางตอนเหนือ และทางตะวันออก ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ ติดต่อกันตลอด มีคลองชลประทาน และประตูน้ำชลประทานหลายแห่ง สำหรับกักกั้นน้ำเค็มและระบาย น้ำจืด ซ่งึ มีความเหมาะสมต่อการเกษตรกรรม เชน่ การทำนา และการเพาะเล้ียงสตั วน์ ้ำ ภาพท่ี 2.1 แผนทีจ่ ังหวดั สมุทรปราการ ทมี่ า : ที่ทำการปกครองจังหวัดสมุทรปราการ 2.1.4 ลักษณะภมู อิ ากาศ 1) ฤดูกาล จังหวัดสมุทรปราการมีอากาศแบบชายทะเล เน่ืองจากมีพ้ืนท่ีบางส่วนอยู่ติดกับอ่าวไทย จึง ได้รับอิทธิพลของลมทะเลและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ อากาศเย็นสบายตลอดปี ไม่ร้อนจัดและไม่หนาวเย็น จนเกินไป ฤดูร้อนเร่ิมเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ฤดูฝนเร่ิมเดือนมิถุนายน – ตุลาคม ฤดูหนาวเร่ิมเดือน พฤศจิกายน – กมุ ภาพันธ์ 2) ปรมิ าณนำ้ ฝน (ข้อมลู 10 ปี) จังหวัดสมทุ รปราการ มีปริมาณน้ำฝนในปี 2561 จำนวน 1,524.20 มิลลิเมตร มีปริมาณนำ้ ฝน ลดลงเมือ่ เทยี บกับเม่ือปที ผี่ า่ นมา ทมี่ ปี ริมาณน้ำฝน จำนวน 1,647.20 มลิ ลิเมตร หรือคิดเปน็ ร้อยละ 7.47
ตารางที่ 2.1 ปริมาณน้ำฝนปี 2552 – 2561 10 ปี ปริมาณน้ำฝน (มม.) 2552 1,734.40 2553 1,758.10 2554 1,993.50 2555 1,139.70 2556 1,726.00 2557 1,215.80 2558 1,648.30 2559 2,082.70 2560 1,647.20 2561 1,524.20 ที่มา : แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ (พ.ศ.2561-2565) ฉบับทบทวน ปงี บประมาณ พ.ศ.2562 ณ 28 มกราคม 2562 3) อณุ หภูมแิ ละความชน้ื สมั พัทธ์ (ขอ้ มลู 10 ป)ี จงั หวัดสมทุ รปราการ มอี ุณหภูมิเฉลีย่ ท้ังปี 2561 อยทู่ ่ี 28.75 องศาเซลเซยี ล มีอุณหภูมิเฉลี่ย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 28.40 องศาเซลเซียล หรือคิดเป็นร้อยละ 1.23 ส่วนความชื้น สมั พทั ธ์เฉลย่ี ทั้งปี 2561 อยู่ทร่ี ้อยละ 76.68 มคี วามชนื้ สัมพทั ธเ์ ฉล่ียเพิ่มข้ึนเม่อื เทยี บกับปี 2552 ท่ีมีความช้ืน สัมพทั ธ์อยู่ท่ีร้อยละ 64.20 หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ 12.48
11 ตารางท่ี 2.2 อุณหภูมแิ ละความชืน้ สัมพัทธส์ งู สดุ – ต่ำสดุ ปี 2552 – 2561 ปี อุณหภูมิ (c) ความชนื้ สมั พัทธ์ (%) สงู สุด เฉล่ยี ท้งั ปี สงู สุด ตำ่ สดุ เฉลีย่ ทัง้ ปี 2552 37.30 28.40 96.00 26.00 64.20 2553 33.50 28.60 96.00 28.00 62.30 2554 34.40 27.90 86.00 23.00 59.00 2555 37.60 28.80 93.00 26.00 58.60 2556 33.90 28.40 79.00 32.10 55.80 2557 33.60 28.40 94.90 52.30 77.20 2558 39.90 28.89 98.00 30.00 75.54 2559 35.80 28.96 97.00 36.00 75.73 2560 36.00 28.75 99.00 33.00 75.42 2561 36.00 28.75 99.00 40.00 76.68 ที่มา : แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ (พ.ศ.2561-2565) ฉบับทบทวน ปงี บประมาณ พ.ศ.2562 ณ 28 มกราคม 2562 2.1.5 ข้อมูลด้านการปกครองและประชากรของจงั หวัด 1) การแบ่งเขตการปกครอง จังหวัดสมุทรปราการ แบ่งเขตการปกครองเป็น 6 อำเภอ 50 ตำบล 399 หมู่บ้าน โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 18 แห่ง (1 เทศบาลนคร 4 เทศบาลเมือง และ 13 เทศบาล ตำบล) และองค์การบริหารสว่ นตำบล จำนวน 30 แห่ง (ตารางที่ 2.3)
12 ตารางท่ี 2.3 การแบ่งเขตการปกครองของจงั หวัดสมุทรปราการ พืน้ ท่ี ตร. ทีว่ ่าการอำเภอหา่ ง จำนวน กม. อำเภอ รอ้ ยละ จากศาลากลาง ตำบล หมู่บ้าน เทศบาล เทศบาล เทศบาล อบต. จงั หวัด (กม.) นคร เมือง ตำบล เมอื ง 190.55 18.98 - 13 95 1 1 5 5 บางบ่อ 245.01 24.40 38 8 74 - - 4 6 บางพลี 243.89 24.29 17 6 83 - - 1 6 พระประแดง 73.37 7.31 12 15 67 - 3 - 6 พระสมุทร 120.38 11.99 21 5 42 - - 2 4 เจดีย์ บางเสาธง 130.89 13.03 32 3 38 - - 1 3 รวม 1,004.09 100.00 120 50 399 1 4 13 30 ที่มา : แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ (พ.ศ.2561-2565) ฉบับทบทวน ปงี บประมาณ พ.ศ.2562 2) ขอ้ มูลประชากร จากจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 675,382 ครัวเรือน โดยอำเภอเมืองมีครัวเรือนมากที่สุด 261,302 ครัวเรือน รองลงมาคือ อำเภอบางพลี 158,475 ครัวเรือน อำเภอพระประแดง 87,788 ครัวเรือน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ 63,667 ครัวเรือน อำเภอบางเสาธง 57,307 ครัวเรือน และมีจำนวนครัวเรือนน้อยที่สุดอำเภอบางบ่อ 46,843 ครัวเรือน ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการมี ประชากรรวมทั้งหมด 1,326,608 คน แบ่งเป็น เพศหญิง 691,929 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 52.16 และเพศ ชาย 634,679 คน หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 47.84 (ตารางท่ี 2.4) ตารางท่ี 2.4 จำนวนประชากรของจงั หวัดสมทุ รปราการ อำเภอ ชาย หญงิ รวม จำนวนครวั เรือน (คน) (คน) ประชากร เมอื ง 257,249 283,730 540,970 261,302 บางบอ่ 53,609 56,230 109,848 46,843 บางพลี 123,142 137,891 261,033 158,475 พระประแดง 93,998 100,758 194,756 87,788 พระสมุทรเจดยี ์ 68,715 72,910 141,625 63,667 บางเสาธง 37,966 40,401 78,367 57,307 รวม 634,679 691,929 1,326,608 675,382 ทมี่ า : แผนพฒั นาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวดั สมทุ รปราการ ฉบับทบทวนปีงบประมาณ พ.ศ.2562
13 2) ครวั เรือนเกษตรกรและแรงงานภาคเกษตร จากจำนวนครัวเรือนประชากรทง้ั หมดในจังหวัดสมุทรปราการ รวมท้ังสิ้น 675,382 ครัวเรือน มจี ำนวนครวั เรอื นเกษตรกร จำนวน 10,702 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 1.58 โดยอำเภอบางบ่อมคี รวั เรือนมาก ที่สดุ 3,506 ครัวเรือน รองลงมาคือ อำเภอบางเสาธง 2,034 ครัวเรอื น อำเภอบางพลี 1,721 ครัวเรือน อำเภอ พระสมุทรเจดีย์ 1,460 ครัวเรือน อำเภอพระประแดง 1,130 ครัวเรือน และอำเภอเมืองสมุทรปราการ มี จำนวนครัวเรือนเกษตรกรน้อยที่สุด 851 ครัวเรือน สำหรับจำนวนแรงงานภาคเกษตร เนื่องจากในปัจจุบัน สมาชิกในครัวเรือน เกษตรกรที่มีอายุอยู่ในวัยทำงานนิยมออกมารับจ้างในบริษัทเอกชน หรือประกอบอาชีพ นอกภาคการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ จะเหลือแต่เพียงแรงงานที่สูงอายุ โดยมีแรงงานภาคการเกษตร เฉล่ีย ครวั เรอื นละ 2 คน (ตารางท่ี 2.5) ตารางท่ี 2.5 จำนวนครวั เรือนเกษตรกรและจำนวนแรงงานภาคการเกษตรของจังหวัดสมุทรปราการปี 2561 จำนวน จำนวน ร้อยละจำนวนครัวเรอื น จำนวนแรงงาน ครวั เรอื น ครัวเรือน อำเภอ เกษตรกร เกษตรกร/ครวั เรอื น ภาคเกษตร ทง้ั หมด (ราย) เมืองสมทุ รปราการ 261,302 851 0.33 1,702 พระประแดง 87,788 1,130 1.29 2,260 บางพลี 158,415 1,721 1.09 3,442 บางบอ่ 46,842 3,506 7.48 7,012 พระสมุทรเจดีย์ 63,667 1,460 2.29 2,920 บางเสาธง 57,307 2,034 3.55 4,068 รวม 675,382 10,702 1.58 21,404 ท่มี า : แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจงั หวัดสมทุ รปราการ ฉบบั ทบทวนปงี บประมาณ พ.ศ.2562 2.1.6 ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมของจังหวัดสมุทรปราการ (GPP) จังหวัดสมุทรปราการ มีฐานเศรษฐกจิ ส่วนใหญ่ อยู่ในภาคอุตสาหกรรมและภาคพาณิชยก์ รรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์โลหะ เคมีภัณฑ์ พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า/อเิ ล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป การขนส่งสินค้าและบริการ (Logistics) ธุรกิจค้าขาย ของภาคเอกชน ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อคนในปี 2560 พบว่าจังหวัด สมุทรปราการมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดเฉลี่ยต่อคน อยู่ที่ 343,215 บาท ซึ่งมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 9 ของประเทศ ต่อจากระยอง ชลบุรี กรุงเทพมหานคร ปราจีนบรุ ี พระนครศรอี ยุธยา ฉะเชิงเทรา สมทุ รสาคร และภูเกต็
14 ตารางที่ 2.6 แสดงผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ณ ราคาประจำปี จำแนกตามสาขาการผลิต จังหวัด สมทุ รปราการ พ.ศ. 2557 - 2560 สาขาการผลติ มูลค่า (ล้านบาท) มูลค่า (ล้านบาท) มูลค่า (ล้านบาท) มูลคา่ (ล้านบาท) ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ภาคเกษตร 2,531 2,267 2,298 2,289 เกษตรกรรม การปา่ ไม้ และการประมง ภาคนอกเกษตร 2,531 2,267 2,298 2,289 การทำเหมอื งแรแ่ ละเหมอื งหิน การผลิต 662,772 684,476 691,737 714,764 ไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และระบบปรบั อากาศ 6 8 8 8 การจดั หานำ้ การจดั การ และการบำบัดน้ำเสยี ของเสีย และสิ่ง ปฏกิ ูล 308,250 306,251 291,857 291,730 การก่อสร้าง 13,939 13,607 14,296 13,745 การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์และ 2,155 2,219 2,454 2,593 จกั รยานยนต์ การขนสง่ และสถานทเี่ ก็บสินคา้ 10,201 9,214 10,402 9,628 ท่ีพกั แรมและบรกิ ารดา้ นอาหาร 86,306 91,921 97,187 107,670 136,217 147,868 156,701 163,804 7,076 8,473 9,018 10,797 ข้อมูลข่าวสารและการสอื่ สาร 5,357 5,350 5,375 5,645 กิจกรรมทางการเงินและการประกนั ภัย 19,738 22,974 25,525 26,549 กิจกรรมอสงั หาริมทรัพย์ 12,189 12,719 14,331 15,087 กิจกรรมทางวิชาชีพ วทิ ยาศาสตร์ และเทคนิค 4,024 5,237 5,657 6,274 กิจกรรมการบรหิ ารและการบรกิ ารสนับสนุน 23,108 23,508 22,619 22,855 11,311 10,894 10,513 11,451 การบริหารราชการ การปอ้ งกันประเทศ และการประกันสงั คม ภาคบังคับ 4,213 4,087 4,101 4,242 การศกึ ษา 8,144 8,387 8,691 9,194 กิจกรรมด้านสขุ ภาพและงานสงั คมสงเคราะห์ ศิลปะ ความบันเทิง และนนั ทนาการ 521 542 628 851 10,017 11,215 12,373 12,641 กจิ กรรมบริการด้านอ่นื ๆ 665,303 686,743 694,035 717,053 336,194 340,642 338,071 343,215 ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมจังหวัด 1,979 2,016 2,053 2,089 ผลิตภณั ฑ์มวลรวมจังหวัด ตอ่ คน (บาท) ประชากร (1,000 คน) ที่มา : แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ (พ.ศ.2561-2565) ฉบับทบทวนปีงบประมาณ พ.ศ.2562 2.1.7 ขอ้ มูลด้านอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรปราการเป็นแหล่งวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ และเป็นคลังสินค้าที่สำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นศูนยก์ ลางการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว และช่วยใน การลดต้นทุน การผลิตของภาคอุตสาหกรรม จึงส่งผลนักลงทุนเข้ามาประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมเป็น จำนวนมาก โดยดูได้จากการขอจดทะเบียนโรงงานของจังหวัด พบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการจด ทะเบยี นทั้งสน้ิ 7,567 แหง่ (รวมในนคิ มอุตสาหกรรม) ขอ้ มูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2560 เงินทนุ 607,873.984 ล้านบาท มคี นงานจำนวน 467,041 คน แบ่งเปน็ เพศชาย จา้ นวน 272,381 คน และเพศหญิง จำนวน 194,660 คน นบั ได้วา่ เป็นจังหวัดท่ีมโี รงงานอตุ สาหกรรมเป็นจำนวนมากท่ีสดุ แห่งหน่ึงในประเทศ และ
15 มีอุตสาหกรรมการผลิตท่ีสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องจักร/อุปกรณ์ผลิตภัณฑ์โลหะ เครอื่ งใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรปู เคมีภัณฑ์/พลาสติก ฯลฯ โดยตงั้ อยู่ในนิคม อุตสาหกรรม และนอกนิคมอุตสาหกรรม ซ่ึงเม่ือเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันกับปีท่ีแล้ว พบว่ามี อัตราจำนวนโรงงานที่ได้รับอนุญาตใหม่เพิ่มข้ึนเล็กน้อย เพียงร้อยละ 2.8 และเงินลงทุนเพิ่มข้ึน ร้อยละ 4 ซ่ึงจากนโยบายรัฐบาลที่เอื้อต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการมีความพร้อมด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน เส้นทางคมนาคมท่ีเช่ือมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ท้ังทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สะดวกต่อการคมนาคมขนส่ง แตย่ ังมีอุปสรรคตอ่ การลงทุน จากการกำหนดผงั เมอื งรวมทำใหม้ ีข้อจำกดั ในการขออนุญาตต้งั และขยายโรงงาน ได้เฉพาะบางพื้นท่ีและบางชนิดประเภทของโรงงาน และท่ีดินราคาสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การ ลงทุนภาคธุรกิจมตี น้ ทุนสงู ข้นึ ประกอบกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจทำให้ระมัดระวังใน การลงทุน และหรือการขยายการลงทุน ดังนั้น จึงส่งผลทำให้การลงทุนภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบันเติบโตใน อัตราทต่ี ำ่ นิคมอุตสาหกรรม การแบ่งพ้ืนที่ในนิคมอุตสาหกรรม สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) เขตอุตสาหกรรมท่ัวไป (General Industrial Zone) คือ เขตพื้นท่ีที่กำหนดไว้สำหรับการประกอบ อุตสาหกรรม การบริการหรือกิจการอ่ืนท่ีเป็นประโยชน์ หรือเก่ียวเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมหรือ การบริการ (2) เขตประกอบการเสรี (I-EA-T Free Zone) คือ เขตพ้ืนที่ที่กำหนดไว้สำหรับการประกอบ อุตสาหกรรมพาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นท่ีเกี่ยวเน่ืองกับการประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรม เพ่ือประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ การรักษาความม่ันคงของรัฐ สวัสดิภาพของประชาชน การจัดการด้าน ส่งิ แวดล้อม หรือความจำเป็นอ่ืนตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยของท่ีนำเข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิ ประโยชน์ทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพิ่มข้ึนตามที่กฎหมายบัญญัติซึ่งจังหวัดสมุทรปราการ มีนิคม อุตสาหกรรมท่อี ยู่ในพนื้ ที่ จำนวน 4 แหง่ ประกอบดว้ ย 1) นคิ มอตุ สาหกรรมบางปู (Bangpoo Industrial Estate) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2520 ตั้งอยู่กิโลเมตรท่ี 34-37 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ และตำบล แพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทางจากสถานที่ต่าง ๆ โดยอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 25 กิโลเมตร กรงุ เทพมหานคร 37 กิโลเมตร ท่าเรือกรุงเทพฯ 24 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบัง 100 กิโลเมตร และมีพ้ืนท่ีโครงการทงั้ หมด จำนวน 5,472 -2-68 ไร่ แบ่งเปน็ เขตอตุ สาหกรรมทวั่ ไป จำนวน 3,659 -0-96 ไร่ เขตประกอบการเสรี จำนวน 377-3-56 ไร่ เขตท่ีพักอาศัย/พาณิชย์ จำนวน 149-1-60 ไร่ และพื้นที่ สาธารณูปโภคและสง่ิ อำนวยความสะดวก จำนวน 1,286-0-56 ไร่ 2) นคิ มอตุ สาหกรรมบางพลี (Bangplee Industrial Estate) กอ่ ตั้งเม่ือปี พ.ศ. 2532 ตั้งอยู่เลขที่ 136/2 หมู่ 17 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง กิ่งอำเภอ บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทางจากสถานที่ต่าง ๆ โดยห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 20 กิโลเมตร สนามบินดอนเมือง 50 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบัง 60 กิโลเมตร ท่าเรือมาบตาพุด 150 กิโลเมตร นิคม อุตสาหกรรมบางปู 25 กิโลเมตร นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง 23 กิโลเมตร สถานที่ตากอากาศบางปู 24 กิโลเมตร จังหวัดสมุทรปราการ 30 กิโลเมตร กรุงเทพฯ 60 กิโลเมตร และมีพื้นที่โครงการท้ังหมด
16 1,004 ไร่ แบ่งเป็น เขตอุตสาหกรรมทั่วไป 781.5 ไร่ เขตสำนักงาน 14 ไร่ พ้ืนท่ีสาธารณูปโภคและส่ิงอำนวย ความสะดวก 194 ไร่ 3) นคิ มอตุ สาหกรรมเอเชยี (สวุ รรณภูมิ) ก่อตั้งเม่ือปี พ.ศ. 2551 ตั้งอยู่ที่หลักกิโลเมตรที่ 13-14 ถนนสาย ฉช.3001 (ถนนหลวงแพร่ง) และบริเวณ ทางหลวงชนบทหมายเลข สป.73001 (ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช 200 ปี) ตำบลบา้ นระกาศ ตำบล คลองสวน ตำบลบางพลีน้อย ตำบลเปร็ง ตำบลจระเข้น้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และพ้ืนท่ี โครงการท้ังหมด จำนวน 3,700 ไร่ แบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม 2,886 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา พ้ืนที่ สาธารณูปโภคและส่ิงอำนวยความสะดวก 457 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา พ้ืนที่สีเขียว 207 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา ระยะทางจากสถานท่ตี า่ ง ๆ โดยอยหู่ า่ งจากสนามบนิ สุวรรณภูมิ 21 กิโลเมตร 4) นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนอื ) ปีที่ก่อตั้ง 2556 ตั้งอยู่ท่ีถนนบางพลี-ตำหรุ ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัด สมทุ รปราการ เน้ือทรี่ วม 742 ไร่ 1 งาน 20.70 ตารางวา การจัดสรรท่ีดนิ แบ่งเป็นพน้ื ท่สี าธารณปู โภคโครงการ จำนวน 50 แปลง และพ้ืนที่เพือ่ ขายจำนวน 69 แปลง ความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการดา้ นงานพัฒนาท่ดี ิน แลว้ เสรจ็ ร้อยละ 70 และงานก่อสรา้ งของสาธารณูปโภคส่วนกลางแลว้ เสรจ็ รอ้ ยละ 80 ระยะเวลาในการพฒั นา โครงการปี พ.ศ. 2560 – 2562 ระยะทางจากสถานทตี่ ่าง ๆ โดยอย่ตู ดิ กบั สนามกอลฟ์ บางปูหา่ งจาก สถานตาก อากาศบางปู 6.20 กิโลเมตร สนามบินสุวรรณภูมิ 25 กิโลเมตร กรุงเทพฯ 37 กิโลเมตร ท่าเรือกรุงเทพฯ 24 กิโลเมตร และทา่ เรือแหลมฉบัง 100 กโิ ลเมตร สถานการณ์และแนวโนม้ เศรษฐกจิ ภาคอุตสาหกรรม จากการวิเคราะห์ข้อมลู ค่าผลิตภณั ฑ์มวลรวมของจงั หวัดสมุทรปราการ พบว่า รายได้ส่วนใหญ่ อยู่ในภาคอุตสาหกรรมและภาคพาณิชย์กรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิต ยานยนต์ ช้ินส่วนยานยนต์ อปุ กรณ์เคร่ืองจักร ผลิตภัณฑ์โลหะ เคมภี ัณฑ์ พลาสติก เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป การ ขนส่งสินคา้ และบริการ (Logistics) และธุรกิจคา้ ขายของภาคเอกชนถงึ ร้อยละ 47 ประกอบกับจงั หวัดฯ มีการ จดทะเบียนเพื่อประกอบโรงงานอุตสาหกรรมจำนวน 7,567 แห่ง (ข้อมูล ณ วันท่ี 20 กันยายน 2560) จากนโยบายรัฐบาลท่ีเอื้อต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ท้ังทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สะดวกต่อการคมนาคมขนส่ง ส่งผลให้มกี ารเพิ่มการลงทนุ ภาคอุตสาหกรรม และในปัจจุบันได้มีการประกาศใช้ผังเมืองรวม ทำให้มีข้อจำกัด ในการขออนุญาตต้ังและขยายโรงงานได้เฉพาะบางพื้นที่และบางชนิดประเภทของโรงงาน และที่ดินราคาสูง และมีแนวโน้มสูงขน้ึ เร่อื ย ๆ ทำใหก้ ารลงทุนภาคธุรกิจมีต้นทุนสูงขึ้น ดังนัน้ จงึ ทำใหก้ ารลงทนุ ในปัจจุบันเตบิ โต ในอัตราที่ต่ำ ประกอบกับผปู้ ระกอบการอุตสาหกรรมไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจทำให้ระมัดระวังในการลงทนุ และ หรือการขยายการลงทุน ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจภาคอุตสาหกรรมเกิดการชะลอตัว ซึ่งส่งผลทำให้มูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดฯ ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ในปี พ.ศ. 2560 สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย สำหรับ สถานการณ์ด้านอุตสาหกรรมของจังหวัดสมุทรปราการ ในปี พ.ศ. 2560 พบว่า จังหวดั สมุทรปราการมีสถาน
17 ประกอบการอุตสาหกรรม จำนวน 7,567 แห่ง มากที่สุดในอำเภอบางพลี และอำเภอเมือง สมุทรปราการ โดยมีเงินทุนจดทะเบียน 607,873.984 ล้านบาท โดยสถานประกอบการในอำเภอเมือง สมทุ รปราการมีทนุ จดทะเบียนสูงสุด 207,263.044 ล้านบาท หากวิเคราะหจ์ ำนวนคนงานพบวา่ มจี ำนวนคนงาน ในสถานประกอบการอุตสาหกรรมรวม 467,041 คน โดยคนงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จำนวน 272,381 คน และ ผู้หญิง 194,660 คน ซึ่งคนงานส่วนใหญ่อยู่ในสถานประกอบการอตุ สาหกรรมในพื้นที่อำเภอเมอื งสมุทรปราการ มากท่ีสดุ กวา่ 157,935 คน และอยู่ในสถานประกอบการอุตสาหกรรมน้อยที่สดุ พ้ืนทอ่ี ำเภอ บางบอ่ 13,600 คน หากพิจารณาถึงขนาดของสถานประกอบการอุตสาหกรรม ในปี 2558 พบว่า สถานประกอบการ ส่วนใหญเ่ ปน็ สถานประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งมีจำนวนคนงาน 1 -4 คน ซง่ึ มจี ำนวน 3,142 ราย โดยพบว่า มีสถิติ ของสถานประกอบการขนาดเลก็ 1 –4 คน สงู ขึ้นเรอื่ ย ๆ ทุกปี จากปี 2556 ซ่ึงในปี 2558 เพิม่ ขึ้นจากเดมิ ร้อยละ 1 4 . 1 3 ห า ก ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ ใ น ภา พ ร ว ม พ บ ว่ า จ ำ น ว น ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร อ ุต ส า ห ก ร ร ม ม ี ส ถ ิติ การเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งในปี 2557 และ 2558 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 3.29 และ 8.06 ตามลำดับ เมื่อพิจารณา จำนวนลูกจา้ งในสถานประกอบการอุตสาหกรรมแล้ว พบว่า ลูกจา้ งสว่ นใหญ่อยู่ในสถานประกอบการอตุ สาหกรรม ขนาดใหญ่ ซึ่งมีจำนวนคนงานเกินกว่า 1,000 คน ซึ่งในปี 2558 มีจำนวนคนงานลดลง ร้อยละ 2.43 ในขณะที่ สถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดอื่น ๆ ที่เหลือ และสถานประกอบการอุตสาหกรรมในภาพรวม มีจำนวน คนงานเพม่ิ สงู ขนึ้ โดยในปี 2558 มจี ำนวนคนงานเพมิ่ สงู ขึ้นในภาพรวม คดิ เป็นร้อยละ 3.38 2.1.8 ทรพั ยากรธรรมชาติทีส่ ำคญั 1) ป่าไม้ พื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดสมุทรปราการ 11.21 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 1.21 ของพื้นท่ี ท้ังหมด มสี ภาพเปน็ ปา่ ชายเลนตามสภาพพ้นื ท่ีชายฝ่งั ทนี่ ำ้ ทะเลท่วมถึง และบางส่วนขึน้ อยู่บนที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งสภาพพื้นที่ป่าไม้ดังกล่าวตามกฎหมายป่าไม้ ไม่ปรากฏว่าเป็นพื้นท่ี ป่าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และไม่ได้จดั อยู่ในประเภทป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ พื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชและพื้นที่ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด (ที่มา : สำนักงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจงั หวดั สมุทรปราการ ณ วนั ที่ 6 ธันวาคม 2555) 2) แหล่งนำ้ ธรรมชาติ จังหวัดสมุทรปราการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและบางปะกง (ตามการแบ่ง ลมุ่ นำ้ หลักของประเทศไทยโดยคณะกรรมการอุทกวิทยาแห่งชาติ) มแี มน่ ำ้ เจ้าพระยาไหลผ่านจังหวัด โดยไหลผ่าน อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ และอำเภอเมืองสมุทรปราการ ระยะทางรวมกั นประมาณ 30 กิโลเมตร คลองธรรมชาติและคลองชลประทาน รวม 548 คลอง ความยาวคลองรวมทั้งสิ้น 1,553 กิโลเมตร ประกอบด้วย คลองธรรมชาติฝั่งตะวันออก จำนวน 348 คลอง ความยาวรวม 1,168 กิโลเมตร มีความจุรวม ประมาณ 180 ล้านลูกบาศกเ์ มตร และคลองธรรมชาติฝงั่ ตะวนั ตกของแม่นำ้ เจา้ พระยา จำนวน 200 คลอง ความ ยาวรวม 385 กิโลเมตร มคี วามจุคลองรวมประมาณ 15 ล้านลกู บาศกเ์ มตร
18 นอกจากแม่น้ำเจา้ พระยาเปน็ แม่น้ำสายหลกั แลว้ ยังมีคลองระบายน้ำ ซึ่งสว่ นใหญเ่ ป็นคลอง ธรรมชาติท่ีสำคัญ จำนวน 14 คลอง ได้แก่ คลองหัวเกลือ คลองบางกระเทียม คลองสนามพลี คลองต้นไทร คลองบางนำ้ จดื คลองบางแกว้ ใหญ่ คลองบางปลารา้ คลองบางเหี้ยน้อย คลองบางกระบือ คลองอ้อมบางปลา คลองบางขวางใหญ่ คลองกระแชงเตย คลองหมอ้ ขา้ วหมอ้ แกง และคลองบางคา คลองชลประทานท่ีได้มีการขุดข้ึนเพื่อระบายน้ำที่สำคัญมีจำนวน 13 คลอง ได้แก่ คลองบาง ปลา คลองสำโรง คลองเจริญราษฎร์ คลองบางเสาธง คลองพระยาเพชร คลองหนองงูเห่า คลองบางโฉลง คลองบางนางเพ็ง คลองพระองค์ไชยานุชิต คลองกัลยา คลองด่าน คลองชายทะเล และคลองศีรษะจระเข้ (ทีม่ า : โครงการชลประทานสมทุ รปราการ) 3) ลักษณะดิน จงั หวดั สมทุ รปราการ แบ่งออกเป็น 5 กลมุ่ ชุดดิน (หนว่ ยท่ดี ิน) ดงั น้ี 3.1) กลุ่มชุดดินท่ี 2 เป็นกลุ่มชุดดินเหนียว ที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนผสม ระหว่างตะกอนลำน้ำและตะกอนทะเล บริเวณท่ีราบลุ่มที่เป็นน้ำกร่อยอยู่ห่างจากทะเลไม่มากนัก มีน้ำแช่ขัง ในชว่ งฤดฝู น ดินลึกมาก การระบายน้ำไมด่ ี เม่อื ดินแห้งจะแตกระแหงเปน็ ร่องลกึ โดยเฉพาะในช่วงฤดแู ล้ง และ มีรอยถูไถลในดิน สีดินส่วนใหญ่จะเป็นสีเทาหรือสีเทาแก่ตลอด มีจุดประสีน้ำตาล สีเหลือง หรือแดงปะปน ตลอดชั้นดิน อาจพบผลกึ ยปิ ซ่มั เลก็ น้อย ดนิ เป็นกรดจัด ค่าพีเอช (pH) 4.5 – 5.0 พบชัน้ ดินเหนียวสีเทาท่ีมจี ุด ประสีเหลืองของสารจาโรไซต์หรือชั้นดินกรดกำมะถันท่เี ป็นกรดรุนแรง ลึกกว่า 100 เซนติเมตร ทับถมอยู่บน ชน้ั ดินเลนตะกอนน้ำทะเลที่มีสีเทาปนเขียว ดนิ เป็นกรดรนุ แรงมาก คา่ พีเอช (pH) ต่ำกว่า 4.0 ดินมีความอุดม สมบูรณ์ตามธรรมชาตปิ านกลาง ปัจจุบันพ้ืนท่ีส่วนใหญ่ใช้ทำนา บางแห่งยกร่องปลูกไม้ยืนต้นและไม้ผลบางชนิด นอกฤดูทำ นาบางบริเวณอาจใช้ปลูกพืชไร่ เช่น พืชตระกูลถ่ัวต่าง ๆ บางแห่งถูกปล่อยท้ิงร้าง ปัญหาหลักในการใช้ ประโยชนด์ ิน ได้แก่ ดนิ เปน็ กรดรุนแรง ทำให้ผลผลติ ตำ่ จำเป็นต้องใส่วัสดปุ ูนเพ่อื ลดความเปน็ กรดลง 3.2) กลุ่มชุดดินที่ 3 เป็นกลุ่มชุดดินเหนียว ท่ีเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนผสม ระหว่างลำน้ำและตะกอนทะเล บริเวณที่ราบลุ่มที่เป็นน้ำกร่อย อยู่ห่างจากทะเลไม่มากนัก มีน้ำแช่ขังในช่วง ฤดฝู น ดนิ ลึกมาก การระบายนำ้ ไมด่ ี เม่อื ดินแห้งจะแตกระแหงเป็นร่องลึก โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง และมรี อย ถูไถลในดิน ดินบนมีสีดำส่วนดินล่างมีสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน มีจุดประสีเหลืองและสีน้ำตาล อาจพบจุดประ สแี ดงปะปน หรือพบผลึกยิปซั่ม ดินเป็นกลางถึงด่างปานกลาง ค่าพีเอช (pH) 7.0 – 8.5 ทับถมอยู่บนตะกอน ทะเลสีเขียวมะกอกท่ีความลึกประมาณ 100 ถึง 150 เซนติเมตรจากผิวดิน และพบเปลือกหอยปน ดินมีความ อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลางถงึ สูง ปจั จุบันพน้ื ที่ส่วนใหญใ่ ช้ทำนา หรือยกร่องปลูกพืชผักหรอื ผลไม้ ซึง่ ไมค่ อ่ ยจะมีปัญหาในการ ใช้ประโยชน์ทีด่ ิน แต่ถ้าเป็นที่ลุ่มมาก ๆ จะมีปัญหาเร่ืองน้ำท่วมในฤดูฝน หรือถ้าหากอยู่ในบริเวณท่ีมีอิทธิพล ของน้ำทะเลข้ึนลงอยูใ่ นรอบปี อาจพบปัญหาดินเคม็ บา้ ง 3.3) กลุ่มชุดดินที่ 8 เป็นกลุ่มชุดดินท่ีถูกยกร่อง มีลักษณะของดินตอนบนทับถมเป็นช้ัน ๆ จากการขุดดนิ ในร่องข้นึ มาถมบนคันดนิ เพอ่ื ใช้ปลูกพชื และไม่ให้นำ้ ท่วมถึง ส่วนใหญ่พบบริเวณท่ีราบลมุ่ ที่มีน้ำ
19 ท่วมสงู หรอื ที่ลุ่มใกล้ทะเล การระบายนำ้ ดีปานกลาง เนือ้ ดนิ เป็นกลุม่ ดินเหนียว การระบายน้ำดีปานกลาง ดิน ล่างมีสีเทา บางแห่งมีเปลือกหอยปะปนอยู่ด้วย ส่วนใหญ่เกษตรกรได้ทำการขุดยกร่องเพ่ือทำการปลูกพืชผล ต่าง ๆ มาเป็นเวลานาน ทำให้สภาพผิวดินเดิมเปล่ียนแปลงไปมาก มีการปรับปรุงดินอยู่เสมอ ดินเป็นกรด ปานกลางถึงเป็นกลาง ค่าพีเอช (pH) 6.0 – 7.0 ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลางถึงสูง ดินใน กลมุ่ นส้ี ่วนใหญ่ได้รบั การปรบั ปรุงบำรงุ ดนิ เปน็ อย่างดี จึงถือว่าไม่มีปญั หาแตป่ ระการใดในเรื่องคุณภาพของดิน ยกเว้นดินตามชายทะเลบางแห่ง ซงึ่ ยกร่องใหม่อาจมีปัญหาเรื่องความเค็ม รวมถึงดินบริเวณทล่ี ุ่มในกลุ่มอื่น ๆ ทีเ่ ร่มิ พฒั นาพ้นื ที่โดยการยกร่องและทำคันดนิ อาจจะยังมีการปรับปรุงบำรุงดินไม่ดพี อ 3.4) กลุ่มชุดดินท่ี 12 เนื่องจากกลุ่มชุดดินนี้เป็นกลุ่มชุดดินเลนเค็ม ท่เี กิดจากวัตถุตน้ กำเนิด ดนิ พวกตะกอนทะเล บริเวณที่ราบนำ้ ทะเลท่วมถึงและบริเวณชะวากทะเล ดินลึกมากการระบายน้ำไม่ดี มีน้ำ ทะเลแชข่ งั เปน็ ดนิ เลนเละ เนอ้ื ดินเป็นดนิ เหนยี วหรอื ดินรว่ นเหนียวปนทรายแป้ง พบเศษรากพืชปะปนจำนวน มาก ดินบนมสี ีดำปนเทา มีจุดประสีน้ำตาลเล็กน้อย สว่ นดินล่างเป็นดินเลนสีเทาปนเขียว ดินเป็นกลางถงึ ด่าง ปานกลาง มีค่าพีเอช (pH) 7.0 – 8.5 มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลางถึงสงู ปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน มีท้ังท่ีเป็นป่าเสื่อมโทรมและป่าสมบูรณ์ บางแห่ง เปลยี่ นสภาพมาเปน็ บ่อเลี้ยงปลา เลย้ี งกุ้ง หรือทำนาเกลอื ปัญหาสำคัญในการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ได้แก่ เป็นดนิ เลนไม่มโี ครงสร้าง และเปน็ ดนิ เค็ม มีน้ำ ทะเลทว่ มถงึ จึงไมเ่ หมาะท่ีจะใชป้ ลกู พืช ควรรกั ษาหรือฟื้นฟูสภาพปา่ ชายเลน 3.5) กลมุ่ ชดุ ดินท่ี 13 เปน็ กลมุ่ ชุดดินเลนเค็มท่ีมีกรดกำมะถันแฝง เกิดจากวัตถุตน้ กำเนิดดิน พวกตะกอนทะเล บริเวณที่ราบน้ำทะเลท่วมถึงและบริเวณชะวากทะเล ดินลึกมาก การระบายน้ำไม่ดี มีน้ำ ทะเลแช่ขงั เปน็ ดนิ เลนเละ เนื้อดนิ เป็นดนิ เหนียวหรอื ดินรว่ นเหนยี วปนทรายแป้ง ดินบนมสี ีดำปนเทา มีจุดประ สีน้ำตาลเล็กน้อย ส่วนดินล่างเป็นดินเลนสีเทาแก่หรือสีเทาปนเขียว พบเศษรากพืชปะปนเป็นจำนวนมาก เป็น ดินท่ีมีสารประกอบกำมะถันปะปนอยู่มาก ในสภาวะปกติที่ดินมีน้ำแช่แข็ง ดินจะเป็นกลางหรือเป็นด่าง ปานกลาง ค่าพีเอช (pH) 7.0 – 8.5 เมื่อระบายน้ำออกไปหรือขุดดินล่างขึ้นมาถมตอนบน สารประกอบ กำมะถันจะแปรสภาพปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินเป็นกรดจัดมากหรอื กรดรุนแรง ค่าพเี อช (pH) ตำ่ กว่า 4.5 พ้นื ที่ส่วนใหญ่ของดินนี้ เปน็ พน้ื ท่ีป่าชายเลน แต่ปัจจุบันมพี ื้นท่จี ำนวนมาก ทด่ี ัดแปลงมาใช้ ทำนากงุ้ เลยี้ งปลา หรือทำนาเกลือ การทำนากุ้งหรอื เลี้ยงปลา ถ้าไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ผลผลิตมักลดลง อย่างรวดเร็ว เน่อื งจากการเกิดกรดและเกิดสารพษิ บางอย่าง เช่น กา๊ ซไข่เน่า เปน็ ต้น (ท่ีมา : สถานีพฒั นาที่ดิน สมทุ รปราการ) 2.1.9 ขอ้ มลู พนื้ ท่ชี ลประทานจังหวัดสมทุ รปราการ พื้นที่เขตจังหวัดสมุทรปราการ แบง่ พ้ืนท่กี ารรบั ผิดชอบออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 1) พ้ืนที่นอกเขตชลประทาน เป็นท่ีพ้ืนที่ซ่ึงอยู่นอกเขตโครงการส่งและบำรุงรักษา มีพื้นท่ี ประมาณ 191,457.50 ไร่ ซ่ึงพ้นื ทสี่ ว่ นใหญอ่ ยู่ฝงั่ ตะวันตก และพื้นทีบ่ างส่วนอยฝู่ ั่งตะวนั ออก ระหว่างแนวถนน สุขุมวิทกับแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย ในฝ่ังตะวันตกน้ี ประชาชนอาศัยท่ีดินประกอบ
20 อาชีพการเกษตร เช่น เลยี้ งปลา เลี้ยงปู และเลี้ยงหอยแครง โดยอาศยั นำ้ จากคลองธรรมชาตทิ ่ีรับมาจากแมน่ ้ำ เจ้าพระยาทางดา้ นเหนือของจังหวัด เชน่ คลองบางมด และคลองกระออม ฯลฯ โดยไหลผา่ นเขตบางขุนเทียน และเขตราษฎร์บูรณะของกรุงเทพมหานคร แล้วระบายน้ำส่วนท่ีไม่ต้องการลงทางใต้ผ่านลงคลองสรรพสามิต ซึง่ เปน็ คลองน้ำเคม็ ไหลออกสทู่ ะเลตอ่ ไป 2) พื้นท่ีในเขตชลประทาน ในเขตโครงการส่งน้ำและบำรงุ รักษา ครอบคลมุ พื้นท่ีของจงั หวัด สมทุ รปราการฝงั่ ตะวันออก ทั้งหมด 436,100 ไร่ ซึง่ ประกอบด้วย 2 หน่วยงาน ไดแ้ ก่ - โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร มีพื้นท่ีชลประทานครอบคลุมในเขตจังหวัด สมทุ รปราการ ทงั้ หมด 321,100 ไร่ - โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองคไ์ ชยานุชิต มีพื้นท่ีชลประทานครอบคลุมในเขตจงั หวัด สมทุ รปราการ ทั้งหมด 115,000 ไร่ การบรหิ ารจดั การนำ้ ในจงั หวัดสมทุ รปราการ จงั หวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดท่ีตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ครอบคลุมบรเิ วณ ทั้งสองฝ่ังของแม่น้ำ พื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีลำคลองธรรมชาติอยู่หลายสาย ซึ่งคลองสายต่าง ๆ จะ เชื่อมโยงกับแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพพ้ืนท่ีมีแหล่งน้ำต้นทุนท่ีไหลมาจากทางตอนเหนือ รวมถึงในเขตต่าง ๆ ของ กรุงเทพมหานคร และการระบายน้ำออกสู่ทะเล ทำให้จังหวัดสมุทรปราการมีระบบบริหารจัดการน้ำท่ีมี ประสทิ ธิภาพ โดยแบง่ ได้ 4 ลกั ษณะตามสภาพพ้นื ท่ี ดังน้ี 1. พ้ืนท่ีปดิ ล้อมฝง่ั ตะวันตกของแม่น้ำเจา้ พระยา 2. การระบายน้ำในแมน่ ำ้ เจา้ พระยาผา่ นประตรู ะบายน้ำคลองลัดโพธ์ิ 3. พ้ืนทปี่ ดิ ล้อมฝ่ังตะวนั ออกของแม่นำ้ เจ้าพระยา 4. พ้นื ท่ีทุง่ เจา้ พระยาตอนล่างฝงั่ ตะวนั ออก 1) พนื้ ที่ปิดลอ้ มฝ่ังตะวันตกของแม่นำ้ เจ้าพระยา เป็นพื้นท่ีนอกเขตชลประทาน แต่มีพ้ืนที่ปิดล้อมท่ีเชื่อมต่อลงมากับเขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุของกรุงเทพฯ และบางขุนเทียน ได้แก่ พ้ืนท่ีปิดล้อมบางกระเจ้า พื้นที่ปิดล้อมราษฎร์บูรณะ พ้ืนที่ ปิดล้อมทุ่งครุ พื้นท่ีปิดล้อมท่าเกวียน และพื้นท่ีปิดล้อมธนบุรีแนวในมีคลองธรรมชาติสายสำคัญที่ใช้ในการ ระบายน้ำออกจากพ้ืนที่ ได้แก่ คลองขุนราชพินิจใจ คลองสรรพสามิต คลองกระออม มีอาคารระบายน้ำของ กรมชลประทานที่ช่วยระบายน้ำออกจากพ้ืนที่ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1. ปตร. คลองลัดหลวง 2. ปตร. คลองสวน 3. ปตร. คลองกระออม 4. ปตร. ศรีษะจระเข้ และ 5. ทรบ. ดอนตะวัน เกณฑก์ ารบริหารจดั การอาคารระบายนำ้ - ช่วงปกติ (เดือนธันวาคม – พฤษภาคม) เปิดเดือนละ 1 คร้งั คอื ช่วงข้างแรม 8 – 10 คำ่ รวม 3 วนั - ช่วงน้ำหลาก (เดือนมิถุนายน – พฤศจิกายน) เปิดเดือนละ 2 ครั้ง คือ ช่วงข้างแรม 8 – 10 คำ่ และขา้ งขน้ึ 8 – 10 ค่ำ รวม 6 วัน
21 - การเปิด – ปิดอาคารระบายน้ำ เป็นไปตามข้อตกลงของประชาชนที่อยู่ระหว่างพ้ืนที่เหนือ น้ำกับท้ายน้ำ ซ่ึงมอี าชีพท่ีแตกต่างกัน สำหรับในกรณีฉกุ เฉินมฝี นตกหนักในพ้ืนที่ อาจทำให้เกิดน้ำล้นตล่ิงท่วม พ้ืนที่ด้านเหนืออาคารระบายน้ำทั้ง 5 แห่งเป็นคร้ังคราวไป นอกจากน้ียังมีประตูระบายน้ำที่อยู่ในความดูแล รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีได้รับถ่ายโอนจากกรมโยธาธิการ (เดิม) อีกหลายแห่ง ซ่งึ ต้ังอยู่ตามแนวพ้นื ท่ีปดิ ล้อม ปจั จบุ ันประตูระบายน้ำเหล่าน้ี หลายแหง่ มีสภาพชำรุดใช้งานไมไ่ ด้ เน่ืองจากขาด การดแู ลรกั ษาและซ่อมบำรงุ ทำใหก้ ารป้องกันและระบายน้ำในพื้นทข่ี าดประสิทธิภาพ 2) การระบายนำ้ ในแมน่ ำ้ เจา้ พระยาผา่ นประตูระบายนำ้ คลองลัดโพธฯิ์ โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ช่วยร่นระยะทางในการ ระบายน้ำออกสู่ทะเลจาก 18 กิโลเมตร เหลือเพียง 600 เมตร ลดเวลาในการระบายน้ำจาก 5 ชั่วโมง เหลือ 10 นาที สามารถระบายน้ำได้วันละ 45 – 50 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำ เจา้ พระยาเพม่ิ ขึน้ ร้อยละ 13 – 15 ส่งผลใหร้ ะดับน้ำท่ีอำเภอบางไทร จังหวดั พระนครศรีอยุธยา ลดลง 5 – 15 เซนติเมตร สามารถช่วยลดผลกระทบน้ำท่วมต่อพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กรงุ เทพมหานคร และสมทุ รปราการไดเ้ ปน็ อย่างดี เกณฑก์ ารบรหิ ารจดั การประตูระบายน้ำคลองลดั โพธ์ฯิ - ช่วงฤดฝู น (ระยะนำ้ เหนอื หลาก) ในระหว่างเดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงระยะน้ำหลากของแม่น้ำ เจ้าพระยา เม่ือปรมิ าณน้ำในแมน่ ้ำเจ้าพระยาไหลผา่ นสถานีบางไทร จังหวดั พระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์ต้ังแต่ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นต้นไป กรมชลประทานจะพิจารณาเปิดบานระบายน้ำของประตูระบายน้ำ คลองลัดโพธิ์ เพอื่ เร่งพรอ่ งน้ำในลำน้ำของแม่นำ้ เจา้ พระยาตอนล่างออกสูท่ ะเล อนั จะเป็นการเพม่ิ ศกั ยภาพของ แมน่ ำ้ เจ้าพระยาในการรองรับปรมิ าณนำ้ เหนือท่ีจะไหลลงมาสู่พ้ืนท่ีกรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑล โดยจะเปิด บานเฉพาะชว่ งท่รี ะดบั น้ำดา้ นเหนือน้ำ (ดา้ นในแมน่ ้ำ) สงู กว่าระดับน้ำดา้ นทา้ ยนำ้ (ด้านทะเล) เทา่ น้ัน ควบคุมบานให้มีความเร็วของน้ำไหลผ่านช่องลัดในเกณฑ์ไม่เกิน 1 เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็น เกณฑอ์ อกแบบที่ไม่กอ่ ให้เกิดการกัดเซาะ รวมถงึ ควบคุมปริมาณน้ำผ่านประตูระบายนำ้ ไมเ่ กนิ 500 ลกู บาศกเ์ มตร ตอ่ วนิ าที ตามความจุทอ่ี อกแบบไว้ และทำการตรวจสอบระดับน้ำด้านเหนือและทา้ ยประตูระบายน้ำเป็นระยะ ๆ เพอื่ พจิ ารณาปรบั คา่ การเปิดและปิดบานระบายสำหรับควบคุมความเรว็ และอัตราการไหลของน้ำไม่ให้เกินกว่า ค่าที่กำหนดไว้ - ช่วงผ่านพน้ ระยะนำ้ หลากและเขา้ สฤู่ ดแู ล้ง ใน ช่วงผ่าน พ้น ระยะน้ำหลาก เม่ือมีปริมาณ น้ำไหลผ่าน สถานีบางไทร จังหวัด พระนครศรีอยุธยา น้อยกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซ่ึงสภาพน้ำดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นท่ี รมิ ตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรมชลประทานจะพิจารณาปิดบานประตูระบายน้ำ เพอ่ื ชะลอนำ้ ไว้ในลำนำ้ สำหรับการใชน้ ำ้ ช่วงฤดูแล้งทจี่ ะมาถงึ รวมถึงป้องกันมิให้นำ้ เคม็ รกุ ลำ้ ผา่ นประตรู ะบายน้ำ เข้าไปสง่ ผลกระทบตอ่ การใช้น้ำในด้านต่าง ๆ จากแมน่ ้ำเจา้ พระยา
22 จะเปดิ ประตูระบายน้ำช่วงระยะเวลาส้ัน ๆ เป็นครั้งคราว เพ่อื การดูแลบำรงุ รักษา รวมถึงการ รักษาคุณภาพน้ำในช่องลัด โดยจะเปิดในช่วงน้ำลงเท่าน้ัน ซึ่งในช่วงท่ีเปิดบานจะมีการควบคุมความเร็วและ อัตราการไหลผ่านช่องลดั เช่นเดียวกบั ชว่ งระยะน้ำหลาก 3) พน้ื ที่ปิดล้อมฝง่ั ตะวันออกของแม่นำ้ เจา้ พระยา เปน็ พื้นท่ปี ดิ ลอ้ มชุมชนเมอื ง ซ่ึงเปน็ พ้นื ท่เี ช่อื มตอ่ กรุงเทพฯ มคี ลองระบายน้ำสายสำคญั หลัก ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ คลองสำโรง ช่วงตั้งแต่ กม. 0+000 ถึง กม. 16+500 คลองบางนางเกรง คลองบางปิ้ง และคลองชายทะเล ฯลฯ มีอาคารป้องกันและระบายน้ำที่สำคัญท่ี อยู่ตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย ได้แก่ สถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำคลองสำโรง สถานีสูบน้ำและ ประตูระบายน้ำคลองบางนางเกรง สถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำคลองมหาวงษ์ สถานีสูบน้ำและประตู ระบายนำ้ หัวเกาะ และสถานีสูบน้ำตำหรุ อาคารเหล่านอ้ี ยู่ในการควบคมุ ดแู ลของเทศบาล องคก์ รปกครองส่วน ท้องถ่ิน และกรมชลประทานเม่ือเกิดภาวะฝนตกหนักในพื้นท่ีระดับน้ำในคลองสายต่าง ๆ สูงขึ้นจะส่งผล กระทบสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนทุกหน่วยงานจะมีการบูรณาการร่วมกันดำเนินการเร่งระบายน้ำ ออกจากพนื้ ท่ีผา่ นอาคารเหล่านี้ให้เรว็ ทีส่ ดุ 4) พนื้ ท่ีทงุ่ เจ้าพระยาตอนลา่ งฝัง่ ตะวนั ออก เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับพ้ืนที่ตอนบน ผ่านระบบชลประทานระบายน้ำเขา้ มาในพ้ืนท่ีบริเวณน้ี โดยมีโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต เป็น หนว่ ยงานรบั ผิดชอบในการบรหิ ารจัดการน้ำ มคี ลองระบายน้ำสายสำคญั หลัก 11 สาย เช่น คลองพระองค์เจ้า ไชยานุชิต คลองบางโฉลง และคลองบางเสาธง ฯลฯ มีสถานีสูบน้ำที่สำคัญอยู่ตามริมถนนสุขุมวิท จำนวน 7 แห่ง เม่ือย่างเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำหลากจะดำเนินการสูบน้ำเพ่ือพร่องน้ำในคลองให้มีระดับต่ำเป็นการรองรับ ปริมาณน้ำท่ีจะไหลหลากลงมากับปริมาณฝนท่ีตก ในพ้ืนที่โดยที่ปริมาณน้ำทั้งหมดจะไหลมาลงท่ีคลอง ชายทะเลซ่ึงใช้เป็นแก้มลิงกอ่ นทจ่ี ะถกู ระบายผา่ นสถานสี บู น้ำเหลา่ น้ีออกส่ทู ะเลอ่าวไทยต่อไป นอกจากน้ียังได้ มีโครงการท่ีสำคัญท่ีจะมาช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพการระบายในพ้ืนท่ีบริเวณนี้ คือ โครงการระบายน้ำบริเวณ สนามบนิ สุวรรณภมู ิ ซ่งึ มปี ระสทิ ธภิ าพในการระบายน้ำไดถ้ ึง 100 ลกู บาศกเ์ มตรต่อวินาที 2.2 การใชท้ ดี่ ินทางการเกษตรตามแผนท่ีAgri-map จากข้อมูล Agi-Map-online ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พบว่าข้อมูลการใช้ท่ีดิน กรมพัฒนาที่ดิน) ปี 2560 - 2561 ของจังหวัดสมุทรปราการ พบว่า มีพื้นท่ีรวม 604,422 ไร่ แบ่งเป็น พื้นท่ี ชุมชนและ สิ่งปลูกสร้างมากที่สดุ มีเนื้อท่ี 251,112 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.54 ของพ้ืนที่ทั้งหมด รองลงมา พ้ืนท่ีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีเนื้อท่ี 228,745 ไร่ (37.84%) พื้นท่ีน้ำ มีเน้ือท่ี 41,085 ไร่ (6.79%) พ้ืนท่ีเบ็ดเตล็ด มเี นื้อท่ี 28,604 ไร่ (4.73%) พ้ืนท่ีนาข้าว มีเนื้อที่ 26,463 ไร่ (4.37%) พื้นที่ป่า มีเน้ือท่ี 13,633 ไร่ (2.25%) พืน้ ทีล่ ุม่ มเี น้ือที่ 12,025 ไร่ (1.98%) ไมผ้ ล มเี น้อื ที่ 1,671 ไร่ (0.27%) พืชน้ำ มเี น้อื ท่ี 986 ไร่ (0.16%) ไมย้ ืนต้น มีเน้ือท่ี 55 ไร่ (0.01%) ทุ่งหญ้าและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ มีเน้ือท่ี 32 ไร่ (0.01%) และพืชสวน มีเน้ือท่ี 11 ไร่ (0.002%)
23 พระประแดง บางพลี บางเสาธง อำเภอเมือง พระสมุทรเจดีย์ บางบอ่ ภาพท่ี 2.2 แผนท่ีการใช้ทด่ี นิ จงั หวดั สมุทรปราการ ปี 2560 ทม่ี า : http://agri-map-online.moac.go.th 2.2.1 พ้นื ท่ีเพาะปลกู พืชเศรษฐกจิ จังหวดั สมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นท่ีเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ รวมพ้ืนท่ี 30,230 ไร่ โดยพืช เศรษฐกิจท่ีสำคัญและปลูกมากท่สี ุดในจังหวัดสมทุ รปราการ ได้แก่ ข้าว ซึ่งมีพน้ื ที่ปลกู 29,390 ไร่ หรือคดิ เป็น ร้อยละ 97.22 ของพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ มะพร้าว พ้ืนที่ปลูก 840 ไร่ หรือ คิดเปน็ ร้อยละ 2.78% ตารางท่ี 2.7 ด้านการปลูกพชื เศรษฐกิจของจงั หวดั ปกี ารผลติ 2561 ประเภท เนอื้ ที่ (ไร่) รอ้ ยละ ข้าว 29,390 97.22 มะพรา้ ว 840 2.78 ทมี่ า : agri-map-online
24 พระประแดง บางพลี บางเสาธง พระสมุทร อำเภอเมอื ง บางบอ่ เจดีย์ ภาพท่ี 2.3 แผนทก่ี ารปลูกพืชเศรษฐกิจจงั หวดั สมทุ รปราการ ท่ีมา : http://agri-map-online.moac.go.th 2.2.2 พ้ืนทป่ี ลูกข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพ พ้นื ทปี่ ลกู ข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพของจังหวัดสมุทรปราการ ตามตารางที่ 2.8 จะเหน็ ได้วา่ อำเภอท่มี กี ารปลูกข้าวมากทีส่ ดุ ได้แก่ อำเภอบางบอ่ จำนวนพืน้ ทีป่ ลกู ขา้ ว 69,759 ไร่ หรือคิดเปน็ ร้อย ละ 44.53 แบ่งเป็นพื้นที่เหมาะสม 69,588 ไร่ และพื้นที่ไม่เหมาะสม 171 ไร่ รองลงมา ได้แก่ อำเภอบางเสาธง จำนวนพื้นที่ปลูกข้าว 53,289 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 34.02 แบ่งเป็นพื้นที่เหมาะสม 53,160 ไร่ และพื้นที่ไม่ เหมาะสม 129 ไร่ อำเภอบางพลี จำนวนพื้นที่ปลูกข้าว 33,415 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 21.33 เป็นพื้นที่เหมาะสมทั้งหมด และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จำนวนพื้นที่ปลูกข้าว 176 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.12 เปน็ พืน้ ท่เี หมาะสมทัง้ หมด ตารางท่ี 2.8 พ้ืนท่ีปลูกขา้ วตามความเหมาะสมทางกายภาพ จังหวัดสมุทรปราการ หน่วย : ไร่ อำเภอ เหมาะสมสูง เหมาะสม เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม รวม รอ้ ยละ (S1) ปานกลาง เลก็ น้อย (N) (S3) (S2) บางบ่อ 69,588 - - 171 69,759 44.53 บางเสาธง 53,160 - - 129 53,289 34.02 บางพลี 33,415 - - - 33,415 21.33 พระสมุทรเจดีย์ 176 - - 176 0.12 รวม 156,163 176 - 300 156,639 100.00 ทีม่ า : Agri-map online กรมพฒั นาท่ดี นิ ปี 2557
25 พน้ื ท่ีปลูกขา้ วตามความเหมาะสมทางกายภาพ จังหวดั สมุทรปราการ พระสมทุ รเจดยี ์ 176 บางพลี 129 33,415 บางเสาธง 171 53,160 บางบ่อ 69,588 0 10,000 20,000 30,000 40,000 50,000 60,000 70,000 80,000 ไมเ่ หมาะสม เหมาะสมเล็กนอ้ ย เหมาะสมปานกลาง เหมาะสมสูง ภาพที่ 2.4 พนื้ ท่ีปลูกข้าวตามความเหมาะสมทางกายภาพ จังหวัดสมุทรปราการ ท่มี า : Agri-map online กรมพัฒนาทด่ี นิ ปี 2557 2.3 สินคา้ เกษตรท่ีมีมลู คา่ สูงของจงั หวดั สมทุ รปราการ Top 4 2.3.1 ขา้ วนาปี สถานการณ์การผลิตข้าวนาปีเปน็ พืชเศรษฐกิจที่สำคญั เป็นอนั ดับท่ี 1 ของจังหวัดสมทุ รปราการ ในปี 2561 สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร คาดว่าจังหวัดสมทุ รปราการจะมีพ้ืนท่ีเก็บเก่ียวได้ จำนวน 19,338 ไร่ หรอื ลดลงร้อยละ 4.55 จากปที ผ่ี ่านมา ผลผลิต 13,855 ตัน หรือลดลงรอ้ ยละ 9.15 ผลผลติ ตอ่ ไร่ 716 กโิ ลกรมั ต่อ ไร่ หรือลดลงร้อยละ 4.91 ซึ่งในจังหวัดสมุทรปราการมีพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP จำนวน 1,881.75 ไร่ ปริมาณผลผลิต 1,415.08 ตัน
26 ไร่ , ตนั ข้าวนาปี เน้ือท่ีเกบ็ เก่ียว ผลผลติ รวม ผลผลิตตอ่ ไร่ จงั หวดั สมุทรปราการปี 2552-2561 820 50,000 800 40,000 83061,045 804 797 780 30,000 760 20,000 27,385 30,522 766 753 740 10,000 746 720 25,131 25,924 26,022 745 700 0 739 721 680 15,846 14,288 15,250 716 660 13,855 33,986 35,943 36,701 44,993 32,348 38,287 21,269 18,659 20,259 19,338 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 เน้ือท่เี กบ็ เกี่ยว ผลผลติ รวม ผลผลติ ตอ่ ไร่ ภาพท่ี 2.5 ข้าวนาปี เนอ้ื ท่ีเกบ็ เกยี่ ว ผลผลติ ผลผลติ ตอ่ ไร่ จงั หวัดสมุทรปราการ ทีม่ า : สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร 2.3.2 ข้าวนาปรงั สถานการณ์การผลิตข้าวนาปรังเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสำคัญของจังหวดั สมุทรปราการ ในปี 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าจังหวัดสมุทรปราการจะมีพ้ืนที่เก็บเกี่ยวได้ จำนวน 22,499 ไร่ หรือ เพ่ิมขึ้นร้อยละ 15.84 จากปีที่ผ่านมา ผลผลิต 16,335 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.25 ผลผลิตต่อไร่ 726 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 1.26 ซง่ึ ในจังหวดั สมุทรปราการมพี ื้นทป่ี ลูกขา้ วท่ไี ดร้ ับการรับรองมาตรฐาน GAP จำนวน 1,881.75 ไร่ ปรมิ าณผลผลติ 1,415.08 ตนั
27 ไร่ , ตนั ข้าวนาปรัง เน้ือท่ีเกบ็ เกย่ี ว ผลผลติ รวม ผลผลิตตอ่ ไร่ จังหวดั สมทุ รปราการ ปี 2552-2561 35,000 1,000 30,000 821 811 827 770 740 730 717 726 800 25,000 25,905 72641,116 22,470 673 20,000 15,000 18,137 19,154 16,335 600 15,556 400 14,391 13,932 11,560 10,000 200 5,000 0 22,102 19,175 31,306 31,707 24,879 30,366 19,721 17,188 19,422 22,499 0 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 เนอ้ื ทเี่ ก็บเก่ียว ผลผลิตรวม ผลผลติ ต่อไร่ ภาพที่ 2.6 ข้าวนาปรงั เนือ้ ท่ีเก็บเกี่ยว ผลผลิต ผลผลติ ต่อไร่ จังหวดั สมทุ รปราการ ท่มี า : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร การผลิตในพื้นที่ระดับความเหมาะสม จากข้อมูล Agri-map online ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบว่า จังหวัดสมุทรปราการ มีพ้ืนที่ความเหมาะสม (S) ในการปลูกข้าว รวมท้ังหมด 156,339 ไร่ แบ่งเป็น พื้นท่ีความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 156,163 ไร่ พ้ืนท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 176 ไร่ และไม่มีพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) และ พน้ื ที่ปลูกข้าวจังหวดั สมทุ รปราการ มีพน้ื ทปี่ ลูกจรงิ ในพนื้ ที่ความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 29,089 ไร่ พืน้ ท่คี วาม เหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน - ไร่ และพ้ืนท่ีปลูกไม่เหมาะสม (N) จำนวน - ไร่ รวมพื้นท่ีปลูก ในพื้นท่ีความเหมาะสม (S) จำนวน 29,089 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของพ้ืนที่ปลูกไม่มีเกษตรกรรายใด ปลกู ข้าวในพื้นท่ไี มเ่ หมาะสม (N)
28 ตารางท่ี 2.9 การผลิตในพื้นที่ระดับความเหมาะสมของขา้ วรายอำเภอ ระดับพ้ืนท่ีความเหมาะสม รวม พท. ร้อยละ ร้อยละ ปลกู (%) อำเภอ รายการ S1 S2 พท. ร้อยละ S3 N พท.ไม่ เหมาะสม - เหมาะสม - บางบอ่ Suitability 69,588 - 69,588 100.00 - 32.97 - Existing 22,944 - 22,944 67.03 - - - - 22,944 78.88 100.00 - พน้ื ท่ีคงเหลอื 46,644 - 46,644 11.56 - 88.44 - บางเสาธง Suitability 53,160 - 53,160 100.00 - Existing 6,145 - 6,145 - - - 6,145 21.12 100.00 พื้นที่คงเหลอื 47,015 - 47,015 100.00 28 บางพลี Suitability 33,415 - 33,415 - 100.00 Existing -- - 100.00 - -- - 18.61 พ้นื ทคี่ งเหลือ 33,415 - 33,415 81.39 พระสมทุ รเจดยี ์ Suitability - 176 176 Existing -- - - -- - พนื้ ท่ีคงเหลอื - 176 176 Suitability 156,163 176 156,339 รวม Existing 29,089 - 29,089 - - 29,089 100.00 พื้นท่คี งเหลอื 127,074 176 127,250 ท่มี า : agri-map-online
29 พระประแดง บางพลี บางเสาธง พระสมทุ ร อำเภอเมือง บางบอ่ เจดยี ์ ภาพท่ี 2.7 พ้นื ท่คี วามเหมาะสมในการปลกู ข้าว จังหวัดสมทุ รปราการ ทีม่ า : agri-map-online พระประแดง บางพลี บางเสาธง พระสมทุ ร อำเภอเมอื ง บางบอ่ เจดยี ์ ภาพท่ี 2.8 พืน้ ทป่ี ลูกข้าวตามระดบั ความเหมาะสม จังหวดั สมุทรปราการ ทีม่ า : agri-map-online 2.3.3 มะม่วงนำ้ ดอกไม้ สถานการณ์การผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญชนิดหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ โดยในปี 2561 ข้อมลู จากสำนักงานเกษตรจงั หวัดสมทุ รปราการ คาดวา่ มะมว่ งน้ำดอกไม้ในจงั หวดั สมุทรปราการมี พ้ืนทเี่ กบ็ เก่ียว จำนวน 3,138 ไร่ หรอื เพ่ิมขนึ้ รอ้ ยละ 24.52 จากปีทผี่ ่านมา ผลผลติ 2,511 ตนั หรือเพ่ิมข้ึนร้อยละ 24.74 ผลผลิตต่อไร่ 799 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.35 ซึ่งในจังหวัดสมทุ รปราการมีพื้นที่ปลูกมะม่วง น้ำดอกไม้ที่ไดร้ ับการรบั รองสง่ิ บ่งชที้ างภูมิศาสตร์ (GI) จำนวน 658 ไร่ ปรมิ าณผลผลติ 252,625 กิโลกรมั
30 ไร1่,5, 0ต0ัน มะม่วงน้าดอกไม้ เน้ือที่เก็บเกี่ยว ผลผลติ รวม ผลผลติ ต่อไร่ จงั หวดั สมุทรปราการ ปี 2561 880 1,075 857 860 1,000 854 840 500 800 801 800 800 800 820 189 1,067 327 800 75 60 236 7 6 780 0 1,344 409 760 เมอื เนงื้อทเี่ ก็บเก่ยี ว บางบอ่ บางพลี ผลผลิตรบวามงเสาธง พระประแดง ผลพผรละติส่อมไทุ รร่ เจดีย์ ภาพท่ี 2.9 มะม่วงนำ้ ดอกไม้ เนือ้ ท่เี กบ็ เก่ียว ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ จงั หวัดสมทุ รปราการ ที่มา : สำนกั งานเกษตรจงั หวดั สมุทรปราการ 2.3.4 ปลาสลิด สถานการณ์การผลิตปลาสลิดเป็นสตั ว์น้ำเศรษฐกิจสำคญั ชนิดหน่ึงของจงั หวัดสมุทรปราการ โดยมี มูลค่าใน ปี 2560 ข้อมูลจากสำนักงานประมงจังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าจังหวัดสมุทรปราการจะมีพื้นที่ เพาะเลีย้ งในจำนวน 12,253.69 ไร่ หรือเพิ่มขึน้ ร้อยละ 1.37 จากปที ีผ่ า่ นมา ผลผลิต 5,514 ตนั หรือเพิ่มข้ึนร้อย ละ 14.04 ผลผลิตตอ่ ไร่ 450 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพ่ิมขึน้ ร้อยละ 12.50 ซงึ่ ในจังหวัดสมทุ รปราการมพี ้ืนท่เี พาะเลยี้ ง ปลาสลิดท่ีได้รับการรบั รองมาตรฐาน GAP จำนวน 99.5 ไร่ ปริมาณผลผลิต 29,850 กโิ ลกรมั ตารางที่ 2.10 เนื้อที่เพาะเลี้ยง ปริมาณผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ ของปลาสลิดจังหวัดสมุทรปราการ ปี 2558-2560 เนื้อทเี่ พาะเล้ียง (ไร)่ ปริมาณผลผลิต (ตนั ) ผลผลิตตอ่ ไร่ (ก.ก./ไร่) 2558 2559 2560 2558 2559 2560 2558 2559 2560 11,957.69 12,087.69 12,253.69 3,737 4,835 5,514 312.50 400.00 450.00 ทมี่ า : สำนักงานประมงจังหวัดสมทุ รปราการ กรมประมง 2560 การผลิตในพื้นที่ระดับความเหมาะสมจากข้อมูล Agri-map online ของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์พบว่า จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่ความเหมาะสมสูง ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด จำนวน 27 ไร่ โดยพนื้ ทอ่ี ย่ทู ี่อำเภอบางบ่อ และพืน้ ทคี่ วามเหมาะสมปานกลาง จำนวน 332,743 ไร่ แบง่ เปน็ ซ่งึ อำเภอท่ีมากที่สุด ได้แก่ อำเภอบางพลี จำนวน 90,188 ไร่ รองลงมาอำเภอเมอื ง จำนวน 83,548 ไร่ อำเภอบางบ่อ จำนวน 67,012 ไร่ อำเภอบางเสาธง จำนวน 37,352 ไร่ อำเภอพระประแดง จำนวน 29,171 ไร่ และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จำนวน 25,472 ไร่ ตามลำดบั
31 ไร่ , ตัน ปลาสลิด เนอ้ื ท่ีเพาะเลี้ยง ผลผลิตรวม ผลผลิตตอ่ ไร่ จงั หวัดสมุทรปราการ 14,000 12,000 ปี 2558-2560 450 500 10,000 400 8,000 400 300 6,000 200 4,000 313 4,835 5,514 100 2,000 0 3,737 12,088 12,254 0 2559 2560 11,958 ผลผลติ รวม ผลผลิตตอ่ ไร่ 2558 เน้ือทเ่ี พาะเล้ียง ภาพท่ี 2.10 ปลาสลดิ เน้ือทเี่ พาะเลยี้ ง ผลผลติ ผลผลิตตอ่ ไร่ จังหวัดสมุทรปราการ ทีม่ า : สำนกั งานประมงจังหวัดสมทุ รปราการ
44 33 บทที่ 3 ผลการศึกษาวิเคราะห์ แนวทางการบริหารจัดการพ้ืนที่เกษตรเศรษฐกิจเชิงพื้นท่ี (Zoning) สินค้าข้าวในพ้ืนท่ีจังหวัด สมุทรปราการ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาการปลูกข้าวในพื้นท่ีที่แบ่งตามพื้นท่ีเขตความเหมาะสม โดยแยก เป็นพ้ืนท่ีเหมาะสมมากรวมกับพ้ืนที่เหมาะสมปานกลาง (S1,S2) และพื้นท่ีเหมาะสมน้อยรวมกับพื้นท่ี ไม่เหมาะสม (S3,N) ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการ มีพืชเศรษฐกิจในอันดับต้น ๆ ท่ีมีความสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี ขา้ วนาปรงั มะม่วงน้ำดอกไม้ และปลาสลดิ เม่ือพิจารณาข้อมูลด้านการผลิตจากความเหมาะสมทางกายภาพ โดยใช้แผนท่ีความเหมาะสมทางกายภาพของกรมพัฒนาท่ีดิน ข้อมูลปริมาณเศรษฐกิจสินค้าเกษตร พื้นที่ ผลผลิต และชนิดพันธ์ุ ข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตร จากการสำรวจด้วยตัวอย่างของต้นทุนการผลิตข้าวนาปี การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนพืช ทางเลอื กอื่น ๆ รวมท้ังศึกษาศักยภาพของพน้ื ที่ โครงสร้างการตลาด การคา้ การกระจายผลผลิตและข้อมูลทาง สงั คม รวมถึงมาตรการและนโยบายของรฐั บาล และการสง่ เสรมิ ในพื้นที่ และกำหนดแนวทางการพัฒนาสินค้า ข้าวของจังหวัดสมทุ รปราการ โดยมผี ลการศึกษาดังนี้ 3.1 ตน้ ทนุ และผลตอบแทนตามระดับความเหมาะสมของพน้ื ท่ีสินคา้ เกษตรที่สำคญั (TOP 4) การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนตามระดับความเหมาะสมทางด้านกายภาพของสินค้า เกษตรทสี่ ำคัญทมี่ มี ลู ค่าผลิตภณั ฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรของจงั หวัดสมทุ รปราการ ใน 4 อนั ดบั สินค้าเกษตรท่ี สำคัญในดา้ นการเพาะปลูกและเพาะเลีย้ งสัตว์นำ้ ของจงั หวดั สมทุ รปราการ ได้แก่ ข้าวนาปี ขา้ วนาปรัง มะมว่ ง นำ้ ดอกไม้ และปลาสลิด ซึง่ การศกึ ษาคร้งั น้ีไดส้ ุ่มตัวอยา่ งสอบถามเกษตรกรตามระดบั ความเหมาะสมของพน้ื ท่ี โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ 1. พื้นที่ท่ีเหมาะสม Suitability : S คือพ้ืนที่ที่มีความเหมาะสมสูง S1 (Highly Suitable) และพื้นที่ที่มีความเหมาะสมปานกลาง S2 (Moderately Suitable) และ 2. พื้นที่ ไม่เหมาะสม (Not Suitable : N) คือพื้นท่ีมีความเหมาะสมน้อย (Marginally Suitable : S3) และพื้นทท่ี ่ีไม่มี ความเหมาะสม (Not Suitable : N) โดยกระจายตัวอย่างไปตามแหล่งเพาะปลูกหรือแหล่งผลิตท่ีสำคัญใน อำเภอ และตำบลต่าง ๆ ของจังหวัดสมุทรปราการ อยา่ งละ 20 ตัวอย่าง จากน้ันทำการวิเคราะห์ขอ้ มลู ตน้ ทุน รายได้ และผลตอบแทนจำแนกตามพื้นท่ีเพาะปลูก และระดับความเหมาะสมทางกายภาพของท่ีดินซง่ึ แตกต่างกัน ทำให้ผลผลิตทีไ่ ดร้ ับแตกต่างกนั รวมถึงคุณภาพ ราคาผลผลติ จากนั้นนำผลทไ่ี ดม้ าพิจารณาประกอบกับความ ต้องการของตลาด วิเคราะห์แนวทางการตลาด วิเคราะห์อุปสงค์ และอุปทาน (Demand and Supply) และวางแผนการผลิตและการปลูกพืชทดแทนในสินค้าท่ีมีปัญหาราคาตกต่ำ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา สินค้าต่าง ๆ และเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรในการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าท่ีให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ต่อไป
34 3.1.1 ข้าวนาปี 1) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ข้าวนาปใี นพื้นทเ่ี หมาะสม (S) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลติ และผลตอบแทนการผลิตขา้ วนาปีในจังหวัดสมุทรปราการ ในพ้ืนท่ีเหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวนาปีเฉล่ีย จำนวน 4,101.62 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 3,096.84 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 75.50 และต้นทุนคงท่ี จำนวน 1,004.78 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 24.50 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เม่ือพิจารณาในรายละเอียด พบว่า ต้นทุนท่ีเป็นเงนิ สด 2,555.26 บาทต่อไร่ หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ 62.30 และต้นทุนท่ีไมเ่ ป็นเงินสด 1,546.36 บาทตอ่ ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 37.70 โดยต้นทนุ ผนั แปรท่ีเปน็ เงนิ สดสว่ นใหญ่เป็นค่าจา้ งแรงงาน ได้แก่ ค่าเก็บ เกีย่ ว และค่าเตรยี มดิน รองลงมาเป็นคา่ ปัจจัยการผลติ ต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศตั รูพืชและวัชพืช และ คา่ เมล็ดพนั ธุ์ ส่วนต้นทุนไมเ่ ป็นเงนิ สดนัน้ ส่วนใหญเ่ ป็นค่าแรงงานตนเอง สำหรับตน้ ทุนคงที่ทเี่ ป็นต้นทนุ ไม่เป็น เงินสด ส่วนใหญเ่ ปน็ ค่าเชา่ ท่ดี นิ รองลงมาเป็นค่าเส่ือมอปุ กรณ์การเกษตร ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนท่ีเกษตรกรได้รับในการผลิตข้าวนาปี ในพ้ืนที่ ความเหมาะสม (S) ผลผลิตเฉล่ีย 861.61 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขาย ไดเ้ ฉลย่ี 7.24 บาทตอ่ กโิ ลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 6,238.06 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรจะมีผลตอบแทนสทุ ธิ ตอ่ ไร่ เท่ากับ 2,136.44 บาท โดยที่ปรมิ าณผลผลิต ณ จุดคุ้มทุนในการผลติ ข้าวนาปีเท่ากับ 566.52 กิโลกรัม ตอ่ ไร่ (ตารางท่ี 3.1)
35 ตารางที่ 3.1 ตน้ ทุนการผลิตขา้ วนาปี ปี 2559/60 จังหวัดสมทุ รปราการ ในพืน้ ทเี่ หมาะสม (S) รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ในพ้นื ทเ่ีหหนม่วายะส: มบา(ทS)/ไร่ 1. ต้นทุนผนั แปร เงนิ สด ประเมนิ รวม 1.1 คา่ แรงงาน เตรยี มดิน 2,552.55 544.30 3,096.84 ปลกู ดูแลรกั ษา 972.52 502.87 1,475.38 เก็บเกี่ยว 1.2 ค่าวสั ดุ 234.18 185.10 419.27 ค่าพนั ธุ์ คา่ ปุ๋ย 52.76 20.35 73.11 ค่ายาปราบศตั รูพชื และวัชพืช คา่ สารอืน่ ๆ และวสั ดุปรบั ปรุงดิน 219.85 297.42 517.27 ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลนื่ คา่ วัสดกุ ารเกษตรและวสั ดุสนิ้ เปลอื ง 465.73 - 465.73 ค่าซอ่ มแซมอปุ กรณก์ ารเกษตร 1.3 คา่ เสยี โอกาสเงินลงทุน 1,493.62 23.12 1,516.74 2. ต้นทุนคงท่ี คา่ เช่าทีด่ ิน 308.72 22.91 331.63 คา่ เสือ่ มอุปกรณก์ ารเกษตร คา่ เสียโอกาสเงินลงทนุ อปุ กรณ์การเกษตร 530.69 - 530.69 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรมั 374.31 - 374.31 5. ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) 6. ราคาเฉลย่ี ทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - -- 7. มลู ค่าผลผลิต/รายได้ทั้งหมด (บาท/ไร)่ 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/ไร่) 268.47 - 268.47 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลิต (บาท/กก.) 10. ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คมุ้ ทนุ (กก./ไร่) 10.70 - 10.70 0.73 0.21 0.94 86.41 18.31 104.72 - 1,004.78 1,004.78 - 872.91 872.91 - 94.11 94.11 - 37.76 37.76 2,555.26 1,546.36 4,101.62 - - 4.76 - - 861.61 - - 7.24 6,238.06 - 6,238.06 3,682.80 - 2,136.44 - - 2.48 - - 566.52 ทมี่ า : จากการสำรวจขอ้ มลู สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6
36 3.1.2 ขา้ วนาปรัง 1) ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ ข้าวนาปรังในพ้ืนท่เี หมาะสม (S) ผลจากการสำรวจต้นทนุ การผลติ และผลตอบแทนการผลติ ข้าวนาปรังในจังหวัดสมุทรปราการ ในพ้ืนที่เหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวนาปรังเฉล่ีย จำนวน 4,057.44 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 3,265.98 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 80.49 และต้นทุนคงท่ี จำนวน 791.47 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 19.51 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เม่ือพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ตน้ ทุนท่ีเป็นเงินสด 2,895.76 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 71.37 และต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด 1,161.68 บาท ตอ่ ไร่ หรอื คดิ เป็นร้อยละ 28.63 โดยต้นทนุ ผันแปรที่เป็นเงนิ สดสว่ นใหญ่เปน็ ค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าเกบ็ เก่ียว และค่าเตรียมดิน รองลงมาเป็นค่าปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชและวัชพืช และ ค่าเมลด็ พันธ์ุ ส่วนต้นทุนไม่เปน็ เงินสดนน้ั ส่วนใหญเ่ ป็นคา่ แรงงานตนเอง สำหรบั ตน้ ทุนคงท่ีทเ่ี ป็นต้นทุนไมเ่ ป็น เงนิ สด ส่วนใหญเ่ ป็นค่าเชา่ ท่ดี ิน รองลงมาเปน็ คา่ เส่อื มอุปกรณก์ ารเกษตร ผลการวเิ คราะห์เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนท่ีเกษตรกรไดร้ ับในการผลิตขา้ วนาปรัง ในพ้ืนที่ ความเหมาะสม (S) ผลผลิตเฉล่ีย 833.37 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขาย ได้เฉลีย่ 7.61 บาทตอ่ กิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 6,341.95 บาทตอ่ ไร่ ดังนนั้ เกษตรกรจะมีผลตอบแทนสทุ ธิ ตอ่ ไร่ เท่ากบั 2,284.51 บาท โดยทป่ี รมิ าณผลผลิต ณ จุดค้มุ ทุนในการผลติ ขา้ วนาปรังเทา่ กับ 533.17 กิโลกรัม ต่อไร่ (ตารางที่ 3.2)
37 ตารางที่ 3.2 ต้นทนุ การผลติ ข้าวนาปรงั ปี 2559/60 จังหวดั สมุทรปราการ ในพ้นื ทเ่ี หมาะสม (S) หน่วย : บาท/ไร่ ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ ในพ้นื ทเ่ี หมาะสม (S) รายการ เงนิ สด ประเมิน รวม 1. ต้นทุนผันแปร 2,895.77 370.21 3,265.98 1.1 คา่ แรงงาน 1,377.45 270.66 1,648.11 เตรียมดิน 417.46 41.48 458.94 ปลกู 76.58 1.73 78.31 ดูแลรกั ษา 375.88 227.45 603.33 เก็บเกีย่ ว 507.53 - 507.53 1.2 คา่ วัสดุ 1,452.29 91.11 1,543.40 ค่าพนั ธ์ุ 311.38 85.80 397.18 ค่าปยุ๋ 511.54 - 511.54 คา่ ยาปราบศตั รพู ชื และวชั พืช 335.33 - 335.33 คา่ สารอนื่ ๆ และวสั ดปุ รบั ปรงุ ดนิ - -- คา่ นำ้ มนั เชอื้ เพลิงและหล่อลืน่ 239.18 - 239.18 ค่าวสั ดุการเกษตรและวสั ดุสน้ิ เปลือง 39.63 2.02 41.65 ค่าซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร 15.23 3.29 18.52 1.3 คา่ เสียโอกาสเงนิ ลงทุน 66.03 8.44 74.47 2. ต้นทนุ คงที่ - 791.47 791.47 ค่าเช่าที่ดนิ - 622.14 622.14 คา่ เสือ่ มอปุ กรณ์การเกษตร - 143.11 143.11 ค่าเสยี โอกาสเงินลงทนุ อปุ กรณ์การเกษตร - 26.22 26.22 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 2,895.76 1,161.68 4,057.44 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรมั - - 4.87 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กิโลกรัม) - - 833.37 6. ราคาเฉลยี่ ทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 7.61 7. มลู ค่าผลผลติ /รายได้ทัง้ หมด (บาท/ไร)่ 6,341.95 - 6,341.95 8. ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 3,446.19 - 2,284.51 9. ผลตอบแทนสุทธิต่อผลผลิต (บาท/กก.) - - 2.74 10. ปรมิ าณผลผลติ ณ จดุ ค้มุ ทุน (กก./ไร)่ - - 533.17 ทีม่ า : จากการสำรวจข้อมลู สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6
38 3.1.3 มะม่วงนำ้ ดอกไม้ 1) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตมะมว่ งนำ้ ดอกไม้ ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ในจังหวัด สมุทรปราการ ในพ้ืนที่เหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้เฉลี่ย จำนวน 6,334.64 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 4,605.54 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 72.70 และต้นทุนคงท่ี จำนวน 1,721.10 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 27.30 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เม่ือ พิจารณาในรายละเอียดพบว่าตน้ ทุนที่เป็นเงินสด 1,932.32 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 30.50 และตน้ ทุน ที่ไม่เป็นเงินสด 4,402.32 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 69.50 โดยต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสดส่วนใหญ่เป็น คา่ จ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าเก็บเกี่ยว และค่าดแู ลรักษา รองลงมาเป็นค่าปจั จยั การผลติ ต่าง ๆ ได้แก่ คา่ ปุ๋ย คา่ ยา ปราบศตั รูพชื และวชั พชื คา่ สารอน่ื ๆ และวสั ดุปรับปรุงดิน ส่วนต้นทนุ ไมเ่ ปน็ เงนิ สดน้ันส่วนใหญเ่ ป็นค่าแรงงาน ได้แก่ ค่าดูแลรักษา และค่าเก็บเก่ียว สำหรับต้นทุนคงท่ีที่เป็นต้นทุนไม่เป็นเงินสด ส่วนใหญ่เป็นค่าต้นทุน กอ่ นให้ผลผลิต รองลงมาเปน็ คา่ เช่าทีด่ ิน ผลการวิเคราะห์เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ ผลผลิตเฉลี่ย 1,202.43 กิโลกรัมต่อไร่ เม่ือพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้เฉล่ีย 27.69 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 33,295.29 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 24,960.65 บาท โดยท่ีปริมาณผลผลิต ณ จุดคุ้มทุนในการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ เท่ากับ 228.77 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ (ตารางท่ี 3.3)
Search