37 ตารางที่ 15 ต้นทนุ การผลติ ยางพาราปี 2559/60 จงั หวดั ตราด ในการผลิตในพืน้ ท่ีเหมาะสม (S) หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ในพืน้ ทเ่ี หมาะสม (S) เงนิ สด ประเมนิ รวม 1. ต้นทุนผนั แปร 2,523.87 3,652.97 6,176.84 1.1 คา่ แรงงาน 1,125.53 3,413.99 4,539.52 เตรียมดิน - -- ปลูก - - - ดแู ลรกั ษา 15.64 198.90 214.54 เกบ็ เกี่ยว 1,109.89 3,215.09 4,324.98 1.2 คา่ วสั ดุ 1,233.23 - 1,233.23 ค่าพันธุ์ - -- คา่ ปยุ๋ 954.96 - 954.96 ค่ายาปราบศัตรพู ืชและวัชพชื 74.56 - 74.56 คา่ สารอืน่ ๆ และวัสดปุ รบั ปรงุ ดนิ 5.62 - 5.62 ค่าน้ำมันเชอ้ื เพลงิ และหลอ่ ลื่น 12.25 - 12.25 ค่าวสั ดุการเกษตรและวสั ดุสิ้นเปลือง 182.17 - 182.17 คา่ ซ่อมแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 3.67 - 3.67 1.3 คา่ เสยี โอกาสเงินลงทนุ 165.11 238.98 404.09 2. ต้นทุนคงท่ี - -- ค่าเชา่ ท่ดี ิน - -- ค่าเสอ่ื มอุปกรณ์การเกษตร - -- คา่ เสยี โอกาสเงินลงทนุ อุปกรณก์ ารเกษตร - -- 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,523.87 7,071.92 9,595.79 4. ต้นทุนต่อกิโลกรัม - - 41.77 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) - - 229.71 6. ราคาเฉลีย่ ท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 46.85 7. มูลคา่ ผลผลิต/รายได้ท้งั หมด (บาท/ไร่) 10,761.91 - 10,761.91 8. ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 8,238.04 - 1,166.12 9. ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ผลผลิต (บาท/กก.) - - 5.08 10. ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คมุ้ ทุน (กก./ไร่) - - 204.82 ท่มี า : จากการสำรวจข้อมลู สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60 2) ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตยางพาราในพน้ื ที่ไม่เหมาะสม (N) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตยางพาราในจงั หวัดตราด ในพื้นท่ี ไม่เหมาะสม (Not suitability : N) เกษตรกรมีตน้ ทุนการผลติ ยางพาราเฉลย่ี จำนวน 9,191.14 บาทต่อไร่ โดย เป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 5,629.55 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 61.25 และต้นทุนคงที่ จำนวน 3,561.59
38 บาทต่อไร่ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 38.75 ของตน้ ทนุ ทั้งหมด ตามลำดบั เมอื่ พิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนท่ีเป็น เงินสด 3,775.91 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.08 และต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด 5,415.23 บาทต่อไร่ หรือ คดิ เป็นรอ้ ยละ 58.92 โดยต้นทุนผนั แปรทเี่ ป็นเงนิ สดส่วนใหญ่เปน็ ค่าจ้างแรงงาน ไดแ้ ก่ คา่ เก็บเก่ยี ว รองลงมา เป็นค่าปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่าวัสดุการเกษตรและวัสดุสิ้นเปลือง และค่ายาปราบศัตรูพืชและ วชั พชื ส่วนต้นทุนไมเ่ ปน็ เงินสดนน้ั สว่ นใหญเ่ ป็นคา่ แรงงานตนเอง สำหรบั ตน้ ทุนคงที่ทเ่ี ปน็ ต้นทนุ ไม่เป็นเงินสด สว่ นใหญเ่ ป็นคา่ เช่าทดี่ ิน รองลงมาเปน็ ต้นทนุ ก่อนให้ผลผลิต ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตยางพารา ในเขต พนื้ ทไ่ี ม่เหมาะสม ผลผลิตเฉลยี่ 200.00 กโิ ลกรมั ต่อไร่ เมอ่ื พิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาทเ่ี กษตรกรขายได้ เฉล่ีย 46.93 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 9,386.00 บาทต่อไร่ ดังนนั้ เกษตรกรจะมีผลตอบแทนสุทธิ ต่อไร่ เท่ากับ 194.86 บาท โดยที่ปริมาณผลผลิต ณ จุดคุ้มทุนในการผลิตยางพารา 195.85 กิโลกรัมต่อไร่ (ตารางท่ี 16)
39 ตารางที่ 16 ต้นทนุ การผลติ ยางพาราปี 2559/60 จังหวดั ตราด ในการผลติ ในพื้นที่ไมเ่ หมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ในพ้ืนที่ไมเ่ หมาะสม (N) 1. ต้นทุนผันแปร เงนิ สด ประเมิน รวม 1.1 ค่าแรงงาน เตรียมดิน 3,775.91 1,853.64 5,629.55 ปลกู ดูแลรกั ษา 2,296.46 1,732.37 4,028.83 เก็บเกีย่ ว 1.2 ค่าวัสดุ 39.88 - 39.88 ค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย 10.68 - 10.68 ค่ายาปราบศัตรพู ืชและวชั พชื ค่านำ้ มนั เชือ้ เพลิงและหล่อล่ืน 245.09 128.48 373.57 ค่าวัสดกุ ารเกษตรและวัสดสุ ิน้ เปลอื ง ค่าซ่อมแซมอปุ กรณก์ ารเกษตร 2,000.81 1,603.89 3,604.70 1.3 คา่ เสียโอกาสเงินลงทนุ 1,232.43 - 1,232.43 2. ต้นทุนคงที่ - คา่ เช่าทดี่ ิน 53.41 - 53.41 คา่ เส่ือมอุปกรณ์การเกษตร 970.62 - 970.62 คา่ เสียโอกาสเงินลงทนุ อุปกรณ์การเกษตร 86.88 - 86.88 เฉลยี่ ต้นทนุ กอ่ นใหผ้ ล - 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 9.36 9.36 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรมั 110.63 110.63 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) 6. ราคาเฉล่ียท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 1.53 - 1.53 7. มูลค่าผลผลิต/รายได้ทั้งหมด (บาท/ไร่) 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร่) 247.02 121.27 368.29 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลติ (บาท/กก.) - 3,561.59 3,561.59 10. ปริมาณผลผลิต ณ จุดคุ้มทุน (กก./ไร่) - 2,000.00 2,000.00 - - 230.33 230.33 - 23.86 23.86 1,307.40 1,307.40 3,775.91 5,415.23 9,191.14 - - 45.96 - - 200.00 - - 46.93 - - - 9,386.00 9,386.00 - 194.86 5,610.09 - 0.97 195.85 - ทีม่ า : จากการสำรวจขอ้ มลู สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60
40 หากเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกยางพาราในพื้นที่เหมาะสม และในพื้นทีไ่ ม่เหมาะสม พบว่า ถึงแม้ว่าต้นทุนผลผลิตต่อไร่ ในพื้นที่เหมาะสมสูงกว่าต้นทุนการผลิตต่อไร่ในพื้นที่ไม่เหมาะสม ประมาณ 404.65 บาท แต่ผลผลิตต่อไร่ในพื้นที่เหมาะสมมีปริมาณมากกว่า 29.71 กก. ต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของผลผลติ ต่อไรใ่ นพน้ื ท่ไี ม่เหมาะสม จงึ ส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่และผลตอบแทนสทุ ธิต่อกิโลกรัมในเขต พ้นื ทเ่ี หมาะสมสงู กว่าในพน้ื ทไี่ มเ่ หมาะสม (ตารางที่ 17) ตารางที่ 17 ตารางเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกยางพาราในพื้นที่เหมาะสม (S) และในพื้นที่ ไมเ่ หมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ พ้ืนท่เี หมาะสม พ้นื ท่ไี ม่เหมาะสม (Suitability : S) (Not Suitability : N) 1. ต้นทุนผันแปร 2. ต้นทุนคงที่ เงินสด ประเมิน รวม เงนิ สด ประเมนิ รวม 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรมั 2,523.87 3,652.97 6,176.84 3,775.91 1,853.64 5,629.55 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) 6. ราคาเฉลี่ยทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - 3,418.95 4,539.52 - 3,561.59 3,561.59 7. มูลคา่ ผลผลิต/รายไดท้ ้ังหมด (บาท/ไร่) 8. ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 2,523.87 7,071.92 9,595.79 3,775.91 5,415.23 9,191.14 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ อ่ ผลผลิต (บาท/กก.) - - 41.77 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จดุ คุ้มทุน (กก./ไร่) - - 229.71 - - 45.96 - - 46.85 - - - 200.00 10,761.91 - 10,761.91 8,238.04 - 1,166.12 - - 46.93 - - 5.08 9,386.00 - 9,386.00 - 204.82 5,610.09 - 194.86 - - 0.97 - - 195.85 ที่มา : จากการสำรวจขอ้ มูล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60 3.1.2 กุง้ ขาวแวนนาไม 1) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ กุ้งขาวแวนนาไม ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตกุ้งขาวแวนนาไมในจังหวัดตราด เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตกุ้งขาวแวนนาไมเฉลี่ย จำนวน 123,443.87 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 109,702.08 บาทตอ่ ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 88.87 และต้นทุนคงที่ จำนวน 13,741.79 บาทตอ่ ไร่ หรือ คิดเป็นร้อยละ 11.13 ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนที่เป็นเงินสด 105,927.64 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 85.81 และต้นทุนที่ไม่เปน็ เงนิ สด 17,516.23 บาทต่อไร่ หรือคิด เปน็ รอ้ ยละ 14.19 โดยต้นทุนผนั แปรท่ีเป็นเงินสดสว่ นใหญ่เป็นค่าวัสดุ ไดแ้ ก่ คา่ อาหาร ค่าไฟฟ้า และค่าพันธุ์ รองลงมาเป็นค่าแรงงาน ได้แก่ ค่าดูแลรักษา (เลี้ยง) ตามลำดับ ส่วนต้นทุนไม่เป็นเงินสดนั้น ส่วนใหญ่เป็น
41 ค่าแรงงาน สำหรับต้นทุนคงท่ีท่ีเป็นตน้ ทุนไม่เป็นเงินสด ส่วนใหญ่เป็นค่าเสื่อมราคาบ่อและเครื่องมืออุปกรณ์ รองลงมาเป็นค่าดอกเบี้ยเงินลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ โดยต้นทุนต่อกิโลกรัม เท่ากับ 115.82 บาท โดยที่ ระยะเวลาในการเลี้ยงเฉลี่ย 87.40 วัน อัตราการปล่อยลูกกุ้งเฉลี่ย 96,918.92 ตัวต่อไร่ ราคาลูกพันธุ์เฉลี่ย 0.10 บาทต่อตัว อัตราการรอด 65.98 เปอร์เซ็นต์ อัตราการแลกเนือ้ 1.09 ราคาอาหารสำเร็จรูปเฉลี่ย 41.66 บาทตอ่ กโิ ลกรมั และปริมาณการใชน้ ้ำมันเชือ้ เพลิงต่อไร่เฉลี่ย 31.64 ลติ ร ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตกุ้งขาวแวนนาไม ผลผลิตเฉลี่ย 1,065.84 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 185.72 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมรี ายได้ 197,947.80 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ เท่ากับ 74,503.93 บาท โดยท่ีปริมาณผลผลิต ณ จุดคมุ้ ทนุ 664.68 กิโลกรัมตอ่ ไร่
42 ตารางท่ี 18 ต้นทนุ การผลติ กงุ้ ขาวแวนนาไม ปี 2559 จงั หวัดตราด ไมม่ ีแยกตามลักษณะความเหมาะสม หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลิต เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทนุ ผันแปร 105,665.23 4,036.85 109,702.08 1.1 ค่าแรงงาน 7,560.35 2,262.70 9,823.05 การดูแลรกั ษา (เลี้ยง) 5,869.54 2,193.51 8,063.05 การเกบ็ ผลผลติ (จบั +คดั แยกขนาด) 1,690.81 69.19 1,760.00 1.2 คา่ วสั ดุ 98,104.88 3.03 98,107.91 คา่ พนั ธุ์ 10,155.68 - 10,155.68 คา่ อาหาร 55,273.14 - 55,273.14 ค่าวสั ดปุ รบั สภาพดนิ และน้ำ 8,028.79 - 8,028.79 ค่านำ้ มนั เชอ้ื เพลิง 8,526.76 - 8,526.76 คา่ ไฟฟา้ 13,096.21 - 13,096.21 คา่ ลอกเลน 1,570.27 - 1,570.27 ค่าซอ่ มแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 1,099.54 1,102.57 3.03 1.3 ค่าเสียโอกาสเงินลงทนุ - 1,771.12 1,771.12 2. ต้นทุนคงที่ 262.41 13,479.38 13,741.79 ค่าเชา่ ทดี่ ินหรอื เชา่ บอ่ 262.41 786.21 1,048.62 ค่าเสอื่ มราคาบอ่ และเครือ่ งมอื อุปกรณ์ - 11,192.48 11,192.48 คา่ เสียโอกาสเงนิ ลงทุนเครอื่ งมืออุปกรณ์ - 1,500.69 1,500.69 3. ต้นทุนทง้ั หมดตอ่ ไร่ ตอ่ รนุ่ (บาท) 105.927.64 17,516.23 123,443.87 4. ผลผลติ ต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) 5. ต้นทุนทั้งหมดต่อกโิ ลกรัม (บาท) - - 1,065.84 6. ราคาเฉลยี่ ทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 115.82 7. มูลค่าผลผลิต/รายไดท้ งั้ หมด (บาท/ไร่) - - 185.72 8. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ (บาท/ไร่) - - 9. ผลตอบแทนสทิ ธิต่อกิโลกรมั (บาท/กก.) - - 197,947.80 10. ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คุ้มทนุ (กก./ไร)่ - - 74,503.93 - - 69.90 664.68 ท่ีมา : จากการสำรวจขอ้ มูล สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60
43 3.1.3 เงาะ 1) ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตเงาะในพืน้ ทเี่ หมาะสม (S) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตเงาะในจังหวัดตราด ในพื้นท่ี เหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมตี น้ ทนุ การผลิตเงาะเฉล่ยี จำนวน 15,946.40 บาทตอ่ ไร่ โดยเป็นต้นทุน ผันแปร จำนวน 13,092.51 บาทต่อไร่ หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 82.10 และต้นทนุ คงที่ จำนวน 2,853.89 บาทตอ่ ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 17.90 ของต้นทนุ ท้งั หมด ตามลำดบั เมอ่ื พจิ ารณาในรายละเอียดพบวา่ ต้นทุนท่ีเป็นเงินสด 9,744.31 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 61.11 และต้นทุนที่ไมเ่ ป็นเงินสด 6,202.09 บาทต่อไร่ หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 38.89 โดยตน้ ทุนผนั แปรท่ีเปน็ เงินสดส่วนใหญเ่ ปน็ ค่าจา้ งแรงงาน ไดแ้ ก่ คา่ เก็บเกยี่ ว และคา่ ดูแลรักษา รองลงมาเป็นค่าปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชและวัชพืช และค่าสารอื่น ๆ และวัสดุ ปรบั ปรุงดนิ สว่ นต้นทุนไม่เป็นเงินสดน้นั สว่ นใหญเ่ ปน็ ค่าแรงงาน ไดแ้ ก่ คา่ ดูแลรักษา และค่าเกบ็ เกี่ยว สำหรับ ต้นทนุ คงท่ีท่ีเปน็ ตน้ ทนุ ไม่เป็นเงินสด สว่ นใหญเ่ ปน็ คา่ ตน้ ทุนกอ่ นใหผ้ ลผลิต รองลงมาเปน็ คา่ เช่าทดี่ ิน ผลการวิเคราะหเ์ ม่อื พิจารณาถึงผลตอบแทนทเ่ี กษตรกรได้รับในการผลิตเงาะ ในพ้นื ที่ความ เหมาะสม ผลผลติ เฉลี่ย 1,196.49 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ เมื่อพิจารณาถงึ ผลตอบแทนจากราคาท่เี กษตรกรขายได้เฉล่ีย 29.85 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 35,715.23 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนสุทธิ ต่อไร่ เทา่ กบั 19,768.83 บาท โดยที่ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คมุ้ ทุน 534.22 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่
44 ตารางท่ี 19 ต้นทุนการผลติ เงาะปี 2559/60 จงั หวดั ตราด ในพ้นื ทเ่ี หมาะสม (S) หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทนการผลิตในพน้ื ท่ีเหมาะสม (S) 1. ต้นทนุ ผนั แปร เงนิ สด ประเมิน รวม 1.1 ค่าแรงงาน ดูแลรกั ษา 9,744.31 3,348.20 13,092.51 เก็บเก่ียว 1.2 ค่าวสั ดุ 5,926.24 2,658.74 8,584.98 ค่าปยุ๋ คา่ ยาปราบศัตรพู ืชและวัชพชื 292.34 2,492.07 2,784.41 คา่ สารอน่ื ๆ และวสั ดุปรับปรงุ ดนิ คา่ น้ำมันเช้อื เพลิงและหล่อลืน่ 5,633.90 166.67 5,800.57 ค่าวัสดกุ ารเกษตรและวัสดสุ ้ินเปลือง คา่ ซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร 3,180.59 470.42 3,651.01 1.3 ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทุน 2. ต้นทนุ คงท่ี 1,272.47 - 1,272.47 ค่าเช่าท่ีดนิ คา่ เส่อื มอุปกรณก์ ารเกษตร 1,040.47 - 1,040.47 ค่าเสยี โอกาสเงนิ ลงทุนอปุ กรณ์การเกษตร ค่าต้นทนุ ก่อนใหผ้ ลผลิต 396.83 100.00 496.83 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม 321.60 - 321.60 5. ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) 6. ราคาเฉลยี่ ทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 126.94 366.89 493.83 7. มูลคา่ ผลผลติ /รายไดท้ ั้งหมด (บาท/ไร่) 8. ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร่) 22.28 3.53 25.81 9. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ผลผลติ (บาท/กก.) 10. ปริมาณผลผลติ ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร)่ 637.48 219.04 856.52 - 2,853.89 2,853.89 - 1,000.00 1,000.00 - - 270.29 270.29 - 160.38 160.38 1,423.22 1,423.22 9,744.31 6,202.09 15,946.40 - - 13.33 - - - - 1,196.49 - 29.85 35,715.23 - 25,970.92 - 35,715.23 - 19,768.83 - - 16.52 534.22 ที่มา : จากการสำรวจข้อมลู สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60
45 2) ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ เงาะในพน้ื ท่ีไม่เหมาะสม (N) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตเงาะในจังหวัดตราด ในพื้นที่ไม่ เหมาะสม (Not suitability : N) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเงาะเฉล่ีย จำนวน 13,452.62 บาทต่อไร่ โดยเป็น ต้นทุนผันแปร จำนวน 10,946.27 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 81.37 และต้นทุนคงที่ จำนวน 2,506.35 บาทต่อไร่ หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 18.63 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบวา่ ต้นทุน ที่เป็นเงินสด 8,692.11 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 64.61 และต้นทุนที่ไมเ่ ป็นเงินสด 4,760.51 บาทต่อไร่ หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ 35.39 โดยต้นทุนผันแปรท่ีเปน็ เงนิ สดส่วนใหญเ่ ป็นคา่ จ้างแรงงาน ได้แก่ คา่ เก็บเกี่ยว และ ค่าดูแลรักษา รองลงมาเป็นคา่ ปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชและวชั พืช และค่าน้ำมนั เชื้อเพลิง ส่วนต้นทุนไม่เป็นเงินสดนั้น ส่วนใหญ่เป็นค่าแรงงาน ได้แก่ ค่าดูแลรักษา และค่าเก็บเกี่ยว สำหรับ ต้นทนุ คงที่ท่ีเป็นต้นทุนไม่เปน็ เงินสด ส่วนใหญ่เปน็ คา่ ต้นทนุ กอ่ นให้ผลผลิต รองลงมาเป็นค่าเชา่ ทด่ี ิน ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตเงาะ ในพื้นท่ี ไม่เหมาะสม ผลผลิตเฉลี่ย 1,124.71 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้ เฉลีย่ 29.63 บาทตอ่ กโิ ลกรมั เกษตรกรจะมรี ายได้ 33,325.16 บาทต่อไร่ ดังนนั้ เกษตรกรจะไดร้ ับผลตอบแทน สุทธติ ่อไร่ เทา่ กับ 19,872.54 บาท โดยท่ีปริมาณผลผลติ ณ จดุ คุ้มทุน 454.02 กิโลกรมั ตอ่ ไร่
46 ตารางที่ 20 ตน้ ทุนการผลติ เงาะปี 2559/60 จังหวัดตราด ในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ตน้ ทนุ และผลตอบแทนการผลติ ในพืน้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) เงินสด ประเมิน รวม 1. ต้นทนุ ผันแปร 8,692.11 2,254.16 10,946.27 1.1 ค่าแรงงาน 4,539.86 2,054.99 6,594.85 ดแู ลรักษา 1,199.88 1,772.00 2,971.88 เก็บเกีย่ ว 3,339.98 282.99 3,622.97 1.2 ค่าวสั ดุ 3,583.61 51.70 3,635.31 ค่าปุย๋ 1,761.20 - 1,761.20 คา่ ยาปราบศัตรพู ืชและวัชพชื - 758.15 คา่ สารอนื่ ๆ และวสั ดปุ รับปรุงดิน 758.15 - 277.21 คา่ นำ้ มันเชอ้ื เพลิงและหล่อลื่น 277.21 - 519.92 คา่ วสั ดุการเกษตรและวัสดุส้นิ เปลอื ง 519.92 262.05 44.44 306.49 คา่ ซ่อมแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 5.08 7.26 12.34 1.3 ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทุน 568.64 147.47 716.11 2. ต้นทุนคงที่ 2,506.35 2,506.35 ค่าเช่าทดี่ ิน - 1,000.00 1,000.00 ค่าเสอื่ มอปุ กรณ์การเกษตร - 243.61 243.61 คา่ เสียโอกาสเงนิ ลงทุนอปุ กรณ์การเกษตร - 104.10 104.10 คา่ ต้นทนุ ก่อนให้ผลผลิต - 1,158.64 1,158.64 - 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 8,692.11 4,760.51 13,452.62 4. ต้นทนุ ต่อกโิ ลกรัม - - 11.96 5. ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรัม) - - 6. ราคาเฉลย่ี ทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 1,124.71 7. มลู ค่าผลผลติ /รายไดท้ งั้ หมด (บาท/ไร่) - 29.63 8. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ (บาท/ไร)่ 33,325.16 - 9. ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ผลผลิต (บาท/กก.) 24,633.05 - 33,325.16 10. ปรมิ าณผลผลติ ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร)่ - 19,872.54 - - 17.67 454.02 ทม่ี า : จากการสำรวจข้อมูล สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60
47 หากเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกเงาะในพ้ืนที่เหมาะสม (S) และในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) พบวา่ ถงึ แม้วา่ ต้นทนุ ผลผลิตต่อไร่ ในพนื้ ท่เี หมาะสมสูงกวา่ ต้นทนุ การผลิตตอ่ ไรใ่ นพ้นื ท่ไี ม่เหมาะสม ประมาณ 2,493 บาท แต่ผลผลิตต่อไร่ในพื้นที่เหมาะสมมีปริมาณมากกว่า 71.78 กก. ต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.00 ของผลผลิตต่อไร่ ในพืน้ ท่ีไม่เหมาะสม (ตารางท่ี 21) ตารางที่ 21 ตารางเปรียบเทียบตน้ ทนุ การผลิตการปลกู เงาะในพืน้ ทเ่ี หมาะสม (S) และในพนื้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) รายการ พื้นที่เหมาะสม หน่วย : บาท/ไร่ (Suitability : S) พนื้ ทไี่ มเ่ หมาะสม (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมนิ รวม เงนิ สด ประเมนิ รวม 1. ต้นทุนผนั แปร 9,744.31 3,348.20 13,092.51 8,692.11 2,254.16 10,946.27 2. ต้นทนุ คงที่ - 2,853.89 2,853.89 - 2,506.35 2,506.35 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 9,744.31 6,202.09 15,946.40 8,692.11 4,760.51 13,452.62 - - 13.33 -- 11.96 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม - - - - 1,196.49 -- 1,124.71 5. ผลผลิตต่อไร่ (กิโลกรัม) 6. ราคาเฉล่ียท่เี กษตรกรขายได้ 35,715.23 - 29.85 -- 29.63 (บาท/กก.) 25,970.92 7. มูลคา่ ผลผลิต/รายได้ทัง้ หมด - 35,715.23 33,325.16 - 33,325.16 (บาท/ไร)่ - - 19,768.83 19,872.54 24,633.05 - 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ - - 16.52 - - 17.67 9. ผลตอบแทนสุทธติ ่อผลผลติ (บาท/กก.) 534.22 -- 454.02 10. ปริมาณผลผลติ ณ จดุ คุม้ ทนุ (กก./ไร่) ท่มี า : จากการสำรวจข้อมูล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ปี 2559/60 3.1.4 ทเุ รียน 1) ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ ทุเรยี น ในจังหวดั ตราด ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตทุเรียนในจังหวัดตราด ในพื้นท่ี เหมาะสม (Suitability : S) เกษตรกรมตี ้นทนุ การผลิตทุเรยี นเฉลี่ย จำนวน 21,304.63 บาทต่อไร่ โดยเปน็ ตน้ ทนุ ผนั แปร จำนวน 16,101.27 บาทตอ่ ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 75.58 และต้นทุนคงที่ จำนวน 5,203.36 บาทตอ่ ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 24.42 ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนท่ีเป็นเงินสด 13,087.23 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 61.43 และต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด 8,217.40 บาทต่อไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 38.57 โดยต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสดส่วนใหญ่เป็นค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าเก็บเกี่ยว ค่าดูแลรักษา
48 รองลงมาเป็นค่าปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชและวัชพืช และค่าสารอื่น ๆ และวัสดุ ปรับปรุงดิน สว่ นตน้ ทุนไมเ่ ป็นเงนิ สดนน้ั ส่วนใหญ่เป็นค่าแรงงาน ไดแ้ ก่ ค่าดูแลรกั ษา สำหรับต้นทุนคงท่ีที่เป็น ตน้ ทุนไม่เป็นเงนิ สด ส่วนใหญ่เป็นค่าตน้ ทนุ ก่อนให้ผลผลติ รองลงมาเปน็ ค่าเชา่ ทีด่ ิน ผลการวเิ คราะหเ์ มอ่ื พิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรไดร้ ับในการผลติ ทุเรียน ในพนื้ ทค่ี วาม เหมาะสม ผลผลิตเฉลย่ี 1,004.21 กิโลกรมั ต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาทเ่ี กษตรกรขายได้เฉลี่ย 69.28 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 69,571.67 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนสุทธิ ตอ่ ไร่เท่ากับ 48,267.04 บาทต่อไร่ โดยที่ปริมาณผลผลติ ณ จดุ คมุ้ ทุน 307.52 กิโลกรมั ตอ่ ไร่
49 ตารางท่ี 22 ต้นทนุ การผลิตทเุ รียนปี 2559/60 จงั หวดั ตราด ในพืน้ ทเ่ี หมาะสม (S) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทุนและผลตอบแทนการผลติ ในพน้ื ท่เี หมาะสม (S) เงินสด ประเมิน รวม 1. ต้นทนุ ผันแปร 13,087.23 3,014.04 16,101.27 1.1 คา่ แรงงาน 4,357.10 2,808.97 7,166.07 ดูแลรักษา 3,409.21 2,766.34 6,175.55 เก็บเกย่ี ว 947.89 42.63 990.52 1.2 คา่ วัสดุ 7.89 คา่ ป๋ยุ 7,873.96 - 7,881.85 คา่ ยาปราบศตั รพู ชื และวัชพืช 3,291.58 - 3,291.58 ค่าสารอ่ืน ๆ และวัสดุปรับปรุงดนิ 2,602.89 - 2,602.89 ค่าน้ำมนั เช้ือเพลิงและหล่อล่ืน - คา่ วัสดุการเกษตรและวสั ดสุ ิน้ เปลอื ง 847.34 - 847.34 684.76 684.76 356.21 356.21 ค่าซอ่ มแซมอปุ กรณก์ ารเกษตร 91.18 7.89 99.07 1.3 คา่ เสยี โอกาสเงินลงทุน 856.17 197.18 1,053.35 2. ต้นทนุ คงที่ 5,203.36 5,203.36 คา่ เชา่ ท่ีดิน - 1,500.00 1,500.00 คา่ เสอื่ มอปุ กรณก์ ารเกษตร - 682.37 คา่ เสยี โอกาสเงนิ ลงทนุ อปุ กรณ์การเกษตร - 362.32 682.37 คา่ ตน้ ทุนกอ่ นให้ผลผลิต - 2,658.67 362.32 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ - 8,217.40 2,658.67 4. ต้นทุนต่อกิโลกรัม 21,304.63 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) 13,087.23 - 21.22 6. ราคาเฉลี่ยท่เี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 1,004.21 7. มลู ค่าผลผลติ /รายได้ทั้งหมด (บาท/ไร่) - - 69.28 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ - - 69,571.67 9. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ผลผลติ (บาท/กก.) - 48,267.04 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จดุ คุม้ ทนุ (กก./ไร่) 69,571.67 - 48.06 56,484.44 - 307.52 - - ทีม่ า : จากการสำรวจขอ้ มูล สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 ปี 2559/60
50 2) ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตทุเรยี นในพน้ื ที่ไม่เหมาะสม (N) ผลจากการสำรวจตน้ ทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตทุเรียนในจังหวัดตราด ในพื้นที่ไม่ เหมาะสม (Not suitability : N) เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตทุเรียนเฉลีย่ จำนวน 20,446.75 บาทต่อไร่ โดยเป็น ต้นทุนผันแปร จำนวน 16,587.87 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 81.13 และต้นทุนคงที่ จำนวน 3,858.88 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 18.87 ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนที่ เป็นเงินสด 10,932.31 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 53.47 และต้นทุนที่ไม่เปน็ เงินสด 9,514.44 บาทต่อไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 46.53 โดยตน้ ทนุ ผนั แปรที่เป็นเงนิ สด สว่ นใหญเ่ ป็นคา่ จ้างแรงงาน ไดแ้ ก่ ค่าเก็บเกยี่ ว และ ค่าดูแลรักษา รองลงมาเป็นค่าปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชและวัชพืช และค่าวัสดุ การเกษตรและวัสดสุ ิ้นเปลอื ง ส่วนตน้ ทุนไม่เป็นเงินสดนัน้ ส่วนใหญเ่ ป็นคา่ แรงงาน ได้แก่ คา่ ดแู ลรักษา สำหรับ ตน้ ทนุ คงท่ีทเ่ี ป็นตน้ ทุนไมเ่ ป็นเงนิ สด ส่วนใหญ่เปน็ ค่าต้นทนุ กอ่ นให้ผลผลติ รองลงมาเปน็ ค่าเชา่ ท่ีดิน ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตทุเรียน ในพื้นท่ี ไม่เหมาะสม ผลผลิตเฉลี่ย 976.88 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้ เฉล่ยี 68.38 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 66,799.05 บาทต่อไร่ ดงั น้นั เกษตรกรจะได้รบั ผลตอบแทน สทุ ธิต่อไร่ เท่ากับ 46,352.30 บาท โดยทปี่ ริมาณผลผลติ ณ จดุ คุ้มทนุ 299.02 กโิ ลกรมั ต่อไร่
51 ตารางที่ 23 ต้นทนุ การผลติ ทุเรียนปี 2559/60 จังหวดั ตราด ในพื้นทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตในพ้ืนท่ีไมเ่ หมาะสม (N) 1. ต้นทนุ ผันแปร เงินสด ประเมิน รวม 1.1 ค่าแรงงาน 10,932.31 5,655.56 16,587.87 5,225.51 5,285.10 10,510.61 ดแู ลรักษา 2,160.98 5,239.16 7,400.14 เกบ็ เกย่ี ว 3,064.53 45.94 3,110.47 1.2 คา่ วสั ดุ 4,991.60 0.47 4,992.07 คา่ ปยุ๋ 2,795.44 - 2,795.44 คา่ ยาปราบศตั รพู ชื และวชั พืช 1,402.34 - 1,402.34 ค่าสารอื่น ๆ และวัสดุปรบั ปรุงดนิ - คา่ นำ้ มันเชอ้ื เพลงิ และหลอ่ ลน่ื 223.22 - 223.22 คา่ วัสดุการเกษตรและวัสดุสิ้นเปลอื ง 236.77 - 236.77 ค่าซ่อมแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 322.27 322.27 1.3 ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทุน 11.56 0.47 12.03 715.20 369.99 1,085.19 2. ต้นทุนคงท่ี - 3,858.88 3,858.88 คา่ เช่าท่ีดนิ - 1,500.00 1,500.00 คา่ เสือ่ มอปุ กรณก์ ารเกษตร - 453.36 ค่าเสยี โอกาสเงนิ ลงทุนอุปกรณ์การเกษตร - 231.91 453.36 231.91 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 10,932.31 1,673.61 1,673.61 4. ต้นทุนต่อกิโลกรมั - 9,514.44 9,514.44 5. ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) - 6. ราคาเฉล่ียทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 976.88 7. มูลค่าผลผลิต/รายได้ท้งั หมด (บาท/ไร)่ - 68.38 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร่) 66,799.05 - 66,799.05 9. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ผลผลิต (บาท/กก.) 55,866.74 - 46,352.30 10. ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คุ้มทนุ (กก./ไร่) - 47.45 - - 299.02 - ที่มา : จากการสำรวจขอ้ มลู สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 ปี 2559/60
52 ตารางที่ 24 ตารางเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลติ การปลูกทเุ รยี นในพนื้ ที่เหมาะสม (S) และในพ้นื ทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ พืน้ ทีเ่ หมาะสม พื้นทไี่ ม่เหมาะสม (Suitability : S) (Not Suitability : N) เงินสด ประเมิน รวม เงินสด ประเมิน รวม 1. ต้นทนุ ผนั แปร 13,087.23 3,014.04 16,101.27 10,932.31 5,655.56 16,587.87 2. ต้นทุนคงที่ - 5,203.36 5,203.36 - 3,858.88 3,858.88 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 13,087.23 8,217.40 21,304.63 10,932.31 9,514.44 20,446.75 4. ต้นทนุ ต่อกโิ ลกรัม - 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กโิ ลกรัม) - - 21.22 - - 20.93 6. ราคาเฉลย่ี ท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - 7. มลู ค่าผลผลิต/รายไดท้ ัง้ หมด (บาท/ไร)่ - 1,004.21 - - 976.88 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/ไร่) 69,571.67 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ อ่ ผลผลิต (บาท/กก.) 56,484.44 - 69.28 - - 68.38 10. ปริมาณผลผลติ ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร่) - - 69,571.67 66,799.05 - 66,799.05 - - 48,267.04 55,866.74 - 46,352.30 - 48.06 - - 47.45 - 307.52 - - 299.02 ทม่ี า : จากการสำรวจข้อมลู สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 ปี 2559/60 การเปรียบเทียบต้นทุนการผลิต ผลตอบแทน สินค้าที่สำคัญ (สินค้า Top 4) จังหวัดตราด แยกเปน็ ยางพารา กงุ้ ขาวแวนนาไม เงาะ และทุเรยี น จะเห็นไดว้ ่าสินค้า Top 4 สินคา้ ท่ีไดร้ บั ผลตอบแทนมาก ทีส่ ุดคอื ก้งุ ขาวแวนนาไม รองลงมา ได้แก่ ทเุ รียนในพน้ื ทเ่ี หมาะสม เงาะในพน้ื ที่ไม่เหมาะสม และยางพาราใน พ้นื ท่ีเหมาะสม ตามลำดับ รายได้จากการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เท่ากับ 197,947.80 บาทต่อไร่ โดยที่ต้นทุนเท่ากับ 123,443.87 บาทต่อไร่ ดังนั้นผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 74,503.93 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 60.35 ของตน้ ทนุ การผลติ รายได้จากการปลูกทุเรียนในพื้นที่เหมาะสม เท่ากับ 69,571.67 บาทต่อไร่ โดยที่ต้นทุน เท่ากับ 21,304.63 บาทต่อไร่ ดังนั้นผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 48,267.04 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 226.56 ของต้นทนุ การผลิต (ตารางที่ 25)
53 ตารางท่ี 25 ตารางเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลิต ผลตอบแทนสนิ คา้ ทส่ี ำคญั (สินคา้ TOP 4) จงั หวดั ตราด หน่วย : บาท/ไร่ ทเุ รียน (บาท/ไร่) รายการ ยางพารา (บาท/ไร)่ กงุ้ ขาวแวนนาไม เงาะ (บาท/ไร)่ SN (บาท/ไร่) SN 1. ต้นทนุ ผนั แปร 6,176.84 5,629.55 109,702.08 13,092.51 10,946.27 S N 53 2. ต้นทนุ คงที่ 4,539.52 3,561.59 13,741.79 2,853.89 2,506.35 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 9,595.79 9,191.14 123,443.87 15,946.40 13,452.62 16,101.27 16,587.87 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม (บาท/กก.) 5,203.36 3,858.88 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) 41.77 45.96 115.82 13.33 11.96 21,304.63 20,446.75 6. ราคาเฉลี่ยทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 229.71 200.00 1,065.84 1,196.49 1,124.71 7. มูลค่าผลผลติ /รายไดท้ ้งั หมด (บาท/ไร)่ 46.85 46.93 21.22 20.93 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 10,761.91 9,386.00 185.72 29.85 29.63 1,004.21 976.88 9. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อผลผลติ (บาท/กก.) 1,166.12 194.86 197,947.80 35,715.23 33,325.16 68.38 10. ปริมาณผลผลติ ณ จดุ คมุ้ ทนุ (กก./ไร)่ 74,503.93 19,768.83 19,872.54 69.28 66,799.05 5.08 0.97 69,571.67 46,352.30 204.82 195.85 69.90 16.52 17.67 48,267.04 47.45 664.68 534.22 454.02 299.02 48.06 307.52 ท่ีมา : จากการสำรวจข้อมูล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6
3564 3.2 การบริหารจัดการสินค้าเกษตรท่ีสำคัญจงั หวดั ตราด 3.2.1 การบริหารจัดการยางพาราและสถานการณ์การผลิตจงั หวดั ตราด ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งในจังหวัดตราด ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ การเกษตรในจังหวัดจากการผลิต การสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง ภาคการผลิตด้านการเกษตรกับ ภาคอุตสาหกรรมการแปรรูปทั้งภายในจังหวัดและนอกจังหวัด และเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร โดยพน้ื ที่ปลูกยางท่ีสำคัญของจังหวัดตราดส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมือง เขาสมิง บ่อไร่ และแหลมงอบ ตามลำดับ จากข้อมูลผู้ขออนุญาตตั้งโรงทำยางของกรมวิชาการเกษตร พบว่า จังหวัดตราด มีผู้ขออนุญาต ตั้งโรงงานผลิตยางแผ่นรมควัน 2 แห่ง โรงงานยางแท่ง 1 แหง่ และโรงงานนำ้ ยางข้น 1 แห่ง โดยโรงงานที่มีกำลัง การผลิตและต้องการวัตถุดิบยางพารามากจะอยู่ในกลุ่มโรงงานยางแท่งที่มีการผลิตยางแท่ง STR5L ซึ่งใช้ นำ้ ยางสดเป็นวัตถดุ ิบในการผลิต และจากข้อมูลการขอใบอนญุ าตค้ายางในจังหวัดตราด พบวา่ จังหวัดตราดมี ผขู้ อใบอนุญาตค้ายางในปี 2560 จำนวนทัง้ สน้ิ 27 ใบ โดยอำเภอท่ีมกี ารขอใบอนุญาตค้ายางมากท่ีสุดคือ อำเภอ เมืองตราด จำนวน 11 ใบ รองลงมาคอื อำเภอเขาสมิง จำนวน 8 ใบ และอำเภอบ่อไร่ จำนวน 6 ใบ
55 ตารางท่ี 26 จำนวนใบอนุญาตคา้ ยางในจงั หวัดตราด แยกตามอำเภอ และตำบล ปี 2560 หน่วย : ใบ ลำดับ อำเภอ ตำบล จำนวนใบอนุญาต 1 เมอื งตราด 11 เนินทราย 3 2 เขาสมิง ตะกาง 1 ทา่ ก่มุ 2 3 บ่อไร่ วังกระแจะ 1 หนองโสน 1 4 แหลมงอบ ห้วยแร้ง 3 5 เกาะช้าง เขาสมงิ 8 แสนตงุ้ 2 ท่งุ นนทรี 4 สะตอ 1 1 ช้างทนู ดา่ นชุมพล 6 นนทรยี ์ 4 แหลมงอบ 1 เกาะช้างใต้ 1 รวมท้งั จงั หวัด 1 1 27 ท่ีมา : กรมวิชาการเกษตร 1) วถิ กี ารตลาดสินค้ายางพารา สำหรับลักษณะวิถีการตลาดยางพาราในจังหวัดตราด เป็นรูปแบบการรับซื้อผลผลิต ยางพาราจากเกษตรกร ซึ่งประกอบด้วย น้ำยางสด ยางแผ่นดิบ และยางก้อนถ้วย แต่เนื่องจากผลผลิต ยางขัน้ ตน้ มมี ากกวา่ ความต้องการของโรงงานแปรรูปในจงั หวัด จงึ ต้องมกี ารส่งออกยางไปต่างจงั หวดั โดยแบ่ง ออกเป็นการใชย้ างพาราในจังหวัดร้อยละ 2.39 และส่งออกไปต่างจังหวัดร้อยละ 97.61 ของผลผลิตทง้ั หมด
56 สำหรับผลผลิตยางขั้นต้นที่เกษตรกรผลิตได้จะถูกส่งต่อไปยังตัวกลาง ซึ่งประกอบด้วย สหกรณ/์ กลุม่ เกษตรกร และพ่อคา้ รวบรวมทอ้ งถนิ่ จากนัน้ คนกลางจะนำผลผลิตยางสง่ ต่อไปยังโรงงานแปรรูป ยางพาราขั้นต้นต่อไป โดยโรงงานภายในจังหวัดดำเนินการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลัก 2 ชนิด ได้แก่ น้ำยางขน้ และยางแท่ง โดยผลผลิตส่วนใหญค่ ือ ยางแทง่ คดิ เป็นร้อยละ 75 ของผลติ ภัณฑท์ ้ังหมดท่ีแปรรูป และน้ำยางข้น คิดเป็นรอ้ ยละ 25 ของผลติ ภัณฑท์ ัง้ หมดทแ่ี ปรรูป (ภาพที่ 12) ภาพที่ 12 วิถีการตลาดยางพาราในจงั หวัดตราด 2) การบริหารจดั การสินคา้ ยางพาราของจังหวัดตราด ผลผลติ ยางพาราของจงั หวัดตราด ปี 2560 มีปรมิ าณ 67,579 ตัน และมีการนำเข้าน้ำยางสดจาก จังหวัดใกล้เคียง จำนวน 960 ตัน เนื่องจากผลผลิตในจังหวัดส่วนใหญเ่ ปน็ ยางก้อนถ้วย และโรงงานแปรรูปใน จังหวัดใช้น้ำยางสดเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตทำให้ผลผลิตส่วนใหญ่ จำนวน 65,359 ตัน ถูกส่งไปยังนอก จังหวัด คือ จังหวัดระยอง และจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งมีโรงงานแปรรูปที่ใช้ยางก้อนถ้วยเป็นวัตถุดิบอยู่จำนวนมาก (ตารางท่ี 29)
57 ตารางที่ 2297 การบรหิ ารจัดการสนิ ค้ายางพาราของจงั หวัดตราด ปี 2560 หน่วย : ตัน รายการ ปี 2560 รวม ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. 1. ผลผลิตในจงั หวดั ท้ังหมด 3,952 2,526 424 2,344 3,919 6,831 4,203 4,628 4,675 10,642 12,096 12,299 68,539 1.1 ผลผลติ ยางพาราของจงั หวดั 3,872 2,446 344 2,264 3,839 6,751 4,123 4,548 4,595 10,562 12,016 12,219 67,579 1.2 นำเขา้ ผลผลติ ยางพาราจากจงั หวัดอื่น 80 80 80 80 80 80 80 80 80 80 80 80 960 2. ความต้องการใชใ้ นจงั หวดั 3,952 2,526 424 2,344 3,919 6,831 4,203 4,628 4,675 10,642 12,096 12,299 68,539 57 2.1 เข้าโรงงานแปรรปู 265 265 265 265 265 265 265 265 265 265 265 265 3,180 2.1.1 โรงงานยางแผ่นรมควัน (0%) 0 00 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 2.1.2 โรงงานยางแท่ง (75.47%) 200 200 200 200 200 200 200 200 200 200 200 200 2,400 2.1.3 โรงงานน้ำยางข้น (24.53%) 65 65 65 65 65 65 65 65 65 65 65 65 780 2.2 ส่งออกไปนอกจงั หวัด 3,687 2,261 159 2,079 3,654 6,566 3,938 4,363 4,410 10,377 11,831 12,034 65,359 3. ผลผลิตส่วนเกิน/ขาด 0 00 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 ทม่ี า: จากการคำนวณ
58 จากการวิเคราะห์ผลผลิตส่วนเกินส่วนขาดยางพาราของจังหวัดตราด พบว่า ผลผลิตยางพารามี ความสมดุลกับความตอ้ งการใช้ โดยไม่มผี ลผลติ สว่ นเกินหรือส่วนขาด เนื่องจากโรงงานแปรรูปยางพาราข้ันต้น สามารถจดั หาวัตถดุ ิบจากนอกจังหวัดได้เพียงพอต่อความตอ้ งการ 3) ปญั หาและอปุ สรรค - ด้านการผลิต 3.1 เกษตรกรกรยังคงมีการผลิตยางที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ถูกกดราคาเมื่อนำไปขายให้กับ พอ่ คา้ คนกลาง 3.2 สภาพอากาศท่ีแปรปรวน เชน่ เมอ่ื มฝี นตกมาก เกษตรกรจะรีบเกบ็ ยางมาขาย ซึ่งยางท่ี เก็บจะมคี ณุ ภาพต่ำและมีความช้ืนสูง - ดา้ นการตลาด 3.1 เกษตรกรไม่มีอำนาจในการต่อรองราคาจากการขายผลผลิตให้กับพ่อค้ารวบรวมใน ท้องท่ี 3.2 ราคายางมคี วามผนั ผวน เน่ืองจากกลไกทางการตลาด ภาวะเศรษฐกิจโลก และอิทธิพล ของตลาดล่วงหน้า ทำให้พ่อค้ารับซื้อยังไม่สามารถขายยางได้เพราะยางที่รับซือ้ มามีราคาสูงกว่าราคาขายให้ โรงงานแปรรูปยางขนั้ ต้น หรือบางครั้งอาจตอ้ งขายทง้ั ทขี่ าดทนุ 3.3 เกษตรกรสว่ นใหญ่ขายผลผลติ ในรปู ยางก้อนถ้วย ซึง่ พอ่ ค้าจะใชก้ ารประเมนิ เนอ้ื ยางแหง้ โดยสายตาเพ่อื ประกอบการคิดราคารบั ซื้อ อาจทำใหเ้ กษตรกรไมไ่ ดร้ ับราคาทเ่ี หมาะสม 4) ข้อเสนอแนะ 4.1 ส่งเสรมิ ให้ความรแู้ กเ่ กษตรกรชาวสวนยางพารา ทง้ั เรอ่ื งของการปรบั ปรุงคุณภาพของ ผลผลิตยางและการสรา้ งความเข้าใจเรอ่ื งสถานการณ์ยางพาราในปจั จุบนั 4.2 ส่งเสริมการนำยางพาราภายในประเทศไปใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ และพัฒนา ระบบสาธารณูปโภคภายในประเทศเพอ่ื ทำถนน ปพู นื้ เพ่อื ทำให้เกดิ การใช้ยางภายในประเทศท่เี พมิ่ ขึน้ 4.3 สง่ เสริมการทำให้ยางแห้งมีมาตรฐานเดียวกันโดยมีแนวทางการประเมนิ และเคร่ืองมือ ตรวจหาค่าเปอรเ์ ซน็ ตย์ างแห้ง เพ่ือสรา้ งความเปน็ ธรรมทางการตลาด 4.4 ส่งเสรมิ ให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มเพื่อการขายผลผลิตอย่างเปน็ รูปธรรม ซ่ึงจะสามารถ สร้างอำนาจตอ่ รองด้านราคากับพอ่ คา้ คนกลาง 4.5 สนับสนุนผลงานวจิ ัยทมี่ อี ยู่ในปัจจุบัน โดยการนำมาใช้เพ่ือพัฒนาท้ังด้านการผลติ การ แปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา รวมถงึ การพัฒนาดา้ นการตลาดเพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ 4.6 ส่งเสริมให้ชาวสวนยางรายยอ่ ยทำการผลิตแบบผสมผสาน เน้นความหลากหลายทาง ชีวภาพ ซึง่ เปน็ การใช้ทรัพยากรที่มีอยูใ่ ห้มปี ระสิทธภิ าพและยง่ั ยืน ลดความเสี่ยงของรายได้
59 3.2.2 การบริหารจดั การกงุ้ ขาวแวนนาไมจังหวดั ตราด จังหวัดตราดเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์นำ้ ที่สำคัญ ได้แก่ กุ้งทะเล ปลาทะเล ปลาน้ำจืด หอยทะเล และสัตวน์ ำ้ อื่น ๆ โดยเฉพาะก้งุ ทะเล ไดแ้ ก่ กุง้ ขาวแวนนาไม และกุง้ กลุ าดำ ขอ้ มูลจากสำนักงานประมงจังหวัด ตราด กรมประมง พบว่า สำหรับผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมในปี 2560 พบว่า มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนฟาร์ม เพาะเลี้ยงกุ้งกับสำนักงานประมงจังหวัดตราด จำนวน 764 ฟาร์ม พื้นที่เลี้ยง จำนวน 15,635 ไร่ ทั้งนี้มีพื้นท่ี เลี้ยงจริง 6,906 ไร่ มีปริมาณผลผลิตกุ้งทะเลรวม 21,073 ตัน เป็นกุ้งขาวแวนนาไมปริมาณ 21,062 ตัน ส่วนกุ้งกุลาดำมีปริมาณ 11 ตัน โดยผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 4.54 เนื่องจากสถานการณ์ด้านโรคตายด่วน (ตารางที่ 28 และ 29) อย่างไรก็ตาม จากราคากุ้งขาวแวนนาไมอยู่ใน เกณฑด์ จี งู ใจใหเ้ กษตรกรมกี ารดแู ลและบริหารจัดการฟารม์ ดีข้นึ โดยลดพ้ืนทเ่ี ลีย้ งลงจากปที ผ่ี า่ นมาจากจำนวน 7,412 ไร่ เหลอื 6,906 ไร่ โดยเกษตรกรมีการปรับเปล่ยี นการเล้ียง ด้วยการนำพ้ืนทีบ่ ่อไปทำบ่อพักน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีระบบบ่อพักน้ำและหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ภายในฟาร์ม และมีการปล่อยกุ้งหนาแน่นมากขึ้น ซึ่งลักษณะการเล้ียงกุ้งของเกษตรกรจงั หวดั ตราดส่วนมากเป็นการเลี้ยงเชิงพาณชิ ย์ การเลี้ยงกุ้งมีอัตราปล่อย เฉลี่ย 1 - 1.5 แสนตวั ต่อไร่ ระยะเวลาเลย้ี งประมาณ 2 - 3 เดือน โดยเล้ยี งได้ประมาณ 3 รุ่นต่อปี ซึ่งกุ้งท่ีจับมี ขนาด 70 และ 100 ตวั ต่อกโิ ลกรัม ราคาก้งุ ที่เกษตรกรขายไดข้ องกงุ้ ขนาด 70 ตัวต่อกโิ ลกรมั ราคากิโลกรัมละ 195 บาท และขนาด 100 ตวั ต่อกโิ ลกรัม ราคากโิ ลกรมั ละ 130 บาท ตารางที่ 28 จำนวนเกษตรกรทข่ี ึ้นทะเบยี นผเู้ ลย้ี งก้งุ ทะเลของจังหวัดตราดปี 2560 กุ้งทะเล ปลาทะเล ปลานำ้ จดื หอยทะเล สัตวน์ ำ้ อืน่ ๆ จำนวน พน้ื ท่ี จำนวน พื้นท่ี อำเภอ จำนวน พืน้ ที่ จำนวน พ้ืนที่ จำนวน พ้นื ท่ี ฟาร์ม (ไร)่ ฟาร์ม (ไร่) ฟาร์ม (ไร)่ ฟาร์ม (ไร่) ฟารม์ (ไร)่ -- -- 1. เกาะช้าง 1 58 - - - - -- 51 2. เขาสมิง 125 3,611 2 6 234 423 -- 18 20 3. คลองใหญ่ 49 824 - - 23 6 280 656 2 41 4. เมอื งตราด 522 9,425 65 455 117 117 29 290 11 5. แหลมงอบ 67 1,717 - - 8 20 -- 21 309 946 28 64 6. บ่อไร่ - - - - 137 149 รวม 764 15,635 67 461 519 715 ที่มา : สำนกั งานประมงจงั หวดั ตราด กรมประมง, 2560
60 ตารางที่ 29 จำนวนผลผลิตและพ้ืนทีเ่ ลีย้ งกุ้งขาวแวนนาไม ของจังหวัดตราด ตามใบกำกับการจำหน่าย สตั วน์ ำ้ ปี 2558-2560 ปี ผลผลิต (ตัน) รวม พืน้ ทเ่ี ลีย้ ง (ไร)่ รวม ก้งุ ขาวแวนนาไม กุ้งกุลาดำ 20,880 ก้งุ ขาวแวนนาไม กุ้งกลุ าดำ 8,249 2558 20,878 2 21,034 8,247 2 7,440 20,073 6,920 2559 21,017 17 7,412 28 2560 20,062 11 6,906 14 ทม่ี า : สำนกั งานประมงจังหวัดตราด กรมประมง, 2560 โดยพื้นที่ที่มีการเลีย้ งกุ้งขาวแวนนาไมมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองตราด รองลงมาอำเภอเขาสมงิ และอำเภอแหลมงอบ ตามลำดับ ส่วนอำเภอที่มีผลผลิตมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองตราด อำเภอเขาสมิง อำเภอคลองใหญ่ ตามลำดับ ตารางที่ 30 พนื้ ที่และผลผลติ ก้งุ ขาวแวนนาไมของจังหวดั ตราด แยกรายอำเภอ ปี 2559-2560 อำเภอ ปี 2559 ปี 2560 พ้ืนท่ี (ไร่) ผลผลติ (ตนั ) พน้ื ที่ (ไร)่ ผลผลิต (ตนั ) 1. เกาะช้าง 58 549 166 571 2. เขาสมงิ 1,502 5,439 1,850 5,232 611 2,155 3. คลองใหญ่ 602 1,903 3,088 10,483 1,191 1,621 4. เมอื งตราด 4,484 11,334 -- 5. แหลมงอบ 766 1,792 6,906 20,062 6. บอ่ ไร่ -- รวม 7,412 21,017 ทม่ี า : สำนักงานประมงจงั หวดั ตราด กรมประมง, 2560 ร้อยละผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมออกสู่ตลาดรายเดือนของจังหวัดตราด ปี 2560 พบว่า การจับ ผลผลิตกงุ้ มีตลอดทั้งปี เนอื่ งจากเกษตรกรสามารถทำการเพาะเล้ียงกงุ้ ได้ตลอดท้งั ปี โดยแต่ละฟาร์มจะทำการ เพาะเลี้ยงกุ้งประมาณ 3 รอบต่อปี จึงทำให้ผลผลิตกุ้งที่ออกสู่ตลาดไม่มีการกระจุกตัว ทั้งนี้จะมชี ่วงที่ผลผลิต ออกสตู่ ลาดมากในชว่ งเดอื นกนั ยายน – ธนั วาคม (ตารางท่ี 33) ตารางท่ี 31 ประมาณการรอ้ ยละผลผลิตกงุ้ ขาวแวนนาไมออกสู่ตลาดรายเดอื น ของจงั หวัดตราด ปี 2560 เดอื น ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ร้อยละ 6.86 5.81 6.99 6.71 8.10 8.39 8.47 8.87 9.45 10.93 10.21 9.21 ทีม่ า : จากการสำรวจ
61 1) วิถกี ารตลาดสินค้ากงุ้ ขาวแวนนาไม โครงสรา้ งตลาดของสินค้ากุง้ ในจงั หวัดตราดมีผู้เกี่ยวข้องจากตน้ นำ้ กลางน้ำ และปลายนำ้ ดงั น้ี 1) ต้นน้ำ หรือด้านการผลิตมผี ู้เก่ียวข้อง ได้แก่ โรงเพาะฟักลูกพนั ธุ์กุ้งในจงั หวัด ซึ่งจะทำ หน้าท่ีเพาะฟักลูกพนั ธก์ุ ุ้งเพื่อจำหน่ายใหก้ ับเกษตรกรผู้เลี้ยง ส่วนผคู้ า้ ปจั จัยการผลิตจะทำหน้าที่จำหน่ายอาหาร สัตว์น้ำสำเร็จรูปและอุปกรณ์การเลี้ยง มีทั้งจากบริษัทโดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปจำหน่ายและให้คำแนะนำกับ เกษตรกรผู้เล้ียงกงุ้ โดยตรง และรา้ นคา้ ปลีกท่ีตั้งอยูใ่ นแหล่งเล้ยี งกุ้งซง่ึ เกษตรกรจะไปเลอื กซ้อื ปจั จัยการผลิตเอง สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจะทำหน้าที่ในการเลี้ยงและติดต่อแพกุ้งให้เข้ามารับซื้อผลผลิตที่ฟารม์ นอกจากนี้ ดา้ นการผลติ พบว่า เกษตรกรมีการรวมกลุ่มการผลิตในรปู สหกรณ์ จำนวน 2 แหง่ ได้แก่ สหกรณ์กงุ้ ตราด และ สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุง้ ตราดย่ังยนื โดยสหกรณ์ทั้ง 2 แห่ง เข้าร่วมในโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ของจังหวัดตราด เพื่อต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อปัจจัยการผลิตให้กับสมาชิก เนื่องจากการเลี้ยงกุ้ง พบว่าเงินลงทนุ สว่ นใหญ่จะเป็นคา่ อาหารกงุ้ 2) กลางน้ำ หรือด้านการตลาด คือ ผู้ทำหน้าที่ในการรับซื้อผลผลิตกุ้งจากเกษตรกร นำไป แปรรูปและกระจายผลผลติ ใหก้ ับผบู้ ริโภค มีดงั นี้ 2.1) แพรับซื้อกุ้งในจังหวัดตราด พบว่า การซื้อขายกุ้งไม่มีแพรับซื้อที่ตัง้ อยู่ในจงั หวัด ตราด โดยการซื้อขายจะมีนายหน้าของแพนอกพ้นื ท่ีท่ีเข้ามาทำการรบั ซือ้ จำนวน 6 ราย โดยนายหน้ามาจาก แพกุง้ ของจังหวดั จันทบุรแี ละระยอง ซึ่งลกั ษณะการซอื้ ขาย เมอื่ เกษตรกรเลย้ี งกงุ้ ได้ขนาดท่ีต้องการ เกษตรกร จะแจง้ ให้นายหน้าของแพก้งุ เขา้ ไปทำการสุ่มขนาดกุ้งเพื่อประเมินราคา นายหนา้ ของแพกุง้ ท่ีเสนอราคาสูงสุด จะได้รบั การเลือกจากเกษตรกรให้เข้าไปทำการจับกุ้งท่ีฟาร์ม และมีหน้าที่ในการจัดหาแรงงานและอุปกรณ์ในการ จับกุ้ง โดยมีพ่อค้าขายปลีก/ขายสง่ จะไปรบั ของทีป่ ากบ่อเพือ่ ไปขายตอ่ บางสว่ น และที่เหลือนายหน้าจะสง่ กุ้ง ไปทีแ่ พนอกจังหวดั และอกี สว่ นจะส่งออกยงั ตลาดตา่ งประเทศ ท่ดี ่านบา้ นคลองหาด 2.2) ห้องเย็น/โรงงานแปรรูปหรือผู้ส่งออก ทำหน้าที่ในการรับคำสั่งซื้อจากตลาด ตา่ งประเทศ จากนั้นจะทำหน้าที่ในการติดต่อประสานกับแพกุ้ง เพอ่ื ใหแ้ พกุ้งทำการคัดขนาด คณุ ภาพ และสีของกุ้ง และจดั ส่งก้งุ ใหต้ ามความต้องการของห้องเยน็ ตามราคาทตี่ กลง 2.3) พ่อค้าปลีกและพ่อค้าส่ง ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าที่อยู่ในจังหวัด ซึ่งจะรับกุ้งไปขาย ให้กบั ผบู้ รโิ ภคในจังหวัด โดยเฉพาะในแหลง่ ท่องเท่ียวสำคญั เช่น เกาะชา้ ง และเกาะกดู เป็นต้น 3) ปลายน้ำ ไดแ้ ก่ ผบู้ ริโภค ซึง่ มีท้งั ผบู้ ริโภคภายในประเทศและตา่ งประเทศ ท้งั นกี้ งุ้ ทีผ่ ลิต ได้ของจังหวัดตราดจะถูกส่งออกนอกจังหวัดร้อยละ 95 และใช้บริโภคภายในจังหวัดร้อยละ 5 เนื่องจาก ผู้บรโิ ภคในจงั หวดั ตราดจะนิยมบรโิ ภคก้งุ ท่ีจับได้จากธรรมชาติ (ภาพที่ 13)
62 ภาพที่ 13 โครงสร้างตลาดกุ้งขาวแวนนาไมของจงั หวัดตราด สำหรับวิถีการตลาด พบว่า 1. เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดตราดผลิตกุ้งได้ จำนวน 20,062 ตัน หรือ รอ้ ยละ 100 การจำหนา่ ยผลผลิตจะมี 1 ช่องทาง คอื ขายผา่ นนายหน้าผูร้ วบรวม รอ้ ยละ 100 2. นายหน้าผู้รวบรวมซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งมาจากจังหวัดจันทบุรี และระยอง รับซื้อกุ้งมา จากฟาร์มเกษตรกรทั้งหมด จำนวน 20,062 ตัน หรือร้อยละ 100 จะส่งผลผลิตกุ้งให้กับผู้ค้าปลีกค้าส่ง ในจังหวัดตราดหรือเรียกแม่ค้าท้ายตู้ จำนวน 2,006 ตัน หรือร้อยละ 10 จากนั้นจะส่งกุ้งให้กับแพกุ้งนอก จงั หวดั จำนวน 18,065 ตัน หรอื รอ้ ยละ 90 3. พ่อคา้ ขายสง่ และพอ่ คา้ ขายปลกี จะรบั ซือ้ กงุ้ จากนายหนา้ ผู้รวบรวมอกี ทอดหนึง่ โดยจะมา รบั กงุ้ ท่ีหนา้ ฟาร์มเกษตรกรจำนวน 2,006 ตัน หรือร้อยละ 10 จากนัน้ จะกระจายผลผลิตกุ้งออกไปสู่ผู้บริโภค ในจังหวัดจำนวน 1,535 ตัน หรือร้อยละ 7.65 โดยส่วนใหญ่จะส่งไปยังผู้บริโภคในเกาะกูด และเกาะช้าง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวดั ตราด จากนั้นจะส่งออกผ่านชายแดนที่ด่านศุลกากรบา้ นคลองใหญ่ จำนวน 471 ตัน หรือรอ้ ยละ 2.35 โดยส่งไปทป่ี ระเทศกัมพูชา 4. แพกุ้งหรือผู้รวบรวมนอกจังหวัดจะรับกุ้งมาจากนายหน้ารับซื้อกุ้งร้อยละ 90 จากนั้นจะ สง่ ไปทีต่ ลาดกลางและขายใหก้ ับห้องเยน็ /โรงงานแปรรปู ท้งั หมด (ภาพท่ี 14)
63 ภาพที่ 14 วิถกี ารตลาดกุ้งขาวแวนนาไมของจงั หวัดตราด ทมี่ า : จากการสำรวจ 2) การบรหิ ารจัดการสนิ ค้ากงุ้ ขาวแวนนาไม ผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดตราด ปี 2560 มีปริมาณ 20,062 ตัน แต่ไม่มีการนำเขา้ กงุ้ ขาวแวนนาไมมาจากจังหวดั อืน่ เนือ่ งจากตราดเป็นแหลง่ ผลิตและไมม่ ีตลาดหรือแพรบั ซ้ือโดยตรงในจังหวัด ผลผลติ ส่วนใหญ่จงึ ถูกส่งไปยงั นอกจงั หวดั คือ จงั หวดั จันทบุรี และระยอง ซง่ึ มแี พรับซือ้ และโรงงานแปรรูปกุ้ง ตั้งอยู่ สำหรับการบริหารจัดการผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดตราด ใช้สำหรับบริโภคในจังหวัด จำนวน 1,535 ตัน และส่งออกต่างประเทศ ซึ่งเป็นการค้าชายแดนจำนวน 471 ตัน ส่งออกนอกจังหวัด จำนวน 18,065 ตนั เพอ่ื เขา้ หอ้ งเยน็ และโรงงานแปรรปู รวมทงั้ บรโิ ภคภายในจังหวดั ด้วย (ตารางท่ี 34) จากการวเิ คราะหผ์ ลผลติ ส่วนเกนิ สว่ นขาดกงุ้ ขาวแวนนาไมของจังหวัดตราด พบว่า ผลผลติ กุ้ง มีความสมดุลกับความต้องการใช้ โดยไม่มผี ลผลิตส่วนเกินหรือส่วนขาด มกี ารใชบ้ ริโภคภายในจงั หวดั 1,535 ตัน และส่งออกต่างประเทศซึ่งเป็นการค้าชายแดนไปยังประเทศกัมพูชา 471 ตัน และที่เหลือส่งออกนอกจังหวดั เพื่อเข้าหอ้ งเย็นและโรงงานแปรรูปรวมท้ังบรโิ ภคภายในประเทศ 18,065 ตัน หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 90
64 ตารางท่ี 32 การบริหารจัดการสนิ ค้ากุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดตราดปี 2560 หนว่ ย : ตนั รายการ ปี 2560 รวม ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. 1. ผลผลติ (supply) 1,376 1,166 1,402 1,346 1,625 1,683 1,699 1,780 1,896 2,193 2,048 1,848 20,062 1.1 ผลผลิตในจงั หวัด 1,376 1,166 1,402 1,346 1,625 1,683 1,699 1,780 1,896 2,193 2,048 1,848 20,062 1.2 นำเข้าจากจงั หวดั อื่น 0 0000000000 0 0 2. ความต้องการใช้ 1,376 1,166 1,402 1,346 1,625 1,683 1,699 1,780 1,896 2,193 2,048 1,848 20,062 64 (Demand) 135 130 130 130 125 125 125 125 125 125 130 130 1,535 2.1 ใช้ในจังหวดั 2.2 ส่งออกไปจงั หวัดอ่นื 1,196 1,006 1,242 1,166 1,465 1,525 1,539 1,620 1,736 2,033 1,868 1,662 18,065 2.3 ส่งออกตา่ งประเทศ 42 29 30 50 46 40 35 34 44 41 37 43 471 0 (การคา้ ชายแดน) 3. สว่ นเกนิ /สว่ นขาด 0 0000000000 0 ทมี่ า : จากการสำรวจ หมายเหตุ 1) กงุ้ ไม่มีอตั ราแปลงนบั น้ำหนักการบรโิ ภคทง้ั ตัวหน่วยเป็นตัน 2) ข้อ 3. ส่วนเกิน/ส่วนขาด (1.ผลผลิต = ผลผลิตในจังหวัด+นำเข้าจากจังหวัดอื่น) - (2.ความต้องการใช้ = ใช้ในจังหวัด + ส่งออกไปจังหวัดอื่น + ส่งออกต่างประเทศ (การคา้ ชายแดน)
65 3) ปญั หาและอปุ สรรค 3.1) ดา้ นการเพาะเล้ียงท่พี บ คือ ปญั หาดา้ นโรคท่ยี งั คงมีโรคตายด่วนอยู่ และโรคระบาด อน่ื ๆ ทำใหผ้ ลผลิตตำ่ 3.2) เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถเข้าถงึ ลูกพันธ์ุกุ้งคุณภาพดีจากบริษัทเอกชน เนื่องจาก การขายปัจจัยการผลิตของบรษิ ัทจะตอ้ งซ้ือลูกพนั ธ์กงุ้ พรอ้ มอาหารสตั วน์ ำ้ จากบรษิ ัทควบคกู่ ัน ทำใหเ้ กษตรกร ไม่สามารถเลอื กปัจจัยการผลิตเพือ่ บริหารจัดการตน้ ทุนท่เี หมาะสมภายในฟาร์มได้ 3.3) ไม่มีแพรบั ซื้อกุ้งภายในจังหวัด เนื่องจากจังหวัดตราดเป็นแหล่งผลิตกุ้งที่สำคัญ แต่ ขาดตลาดกลางในการรบั ซอ้ื ทำให้เกษตรกรขาดทางเลือกทหี่ ลากหลายในการตัดสินใจด้านการตลาด 3.4) เกษตรกรผู้เลี้ยงไม่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้เลี้ยงกุ้งกบั กรมประมง ทำให้จำนวนพื้นที่และ ผลผลติ ของจังหวัดต่ำกว่าความเปน็ จริง สง่ ผลใหภ้ าครัฐขาดขอ้ มูลเพื่อใช้ในการบริหารจัดการท้ังด้านการผลิต และการตลาดไดอ้ ย่างเหมาะสม 3.5) สหกรณ์ทดี่ ำเนนิ ธรุ กิจการเล้ียงก้งุ เนน้ กิจกรรมการผลิตในการจัดหาปัจจัยการผลิต ให้กับสมาชิกเป็นหลัก แต่ยังขาดการดำเนินธุรกิจด้านการตลาด โดยเฉพาะการซื้อขายผลผลิต สาเหตุคือยัง ขาดเงินทนุ หมุนเวียน 4) ขอ้ เสนอแนะ ภาครัฐควรสนับสนนุ การดำเนินธุรกจิ กุ้งครบวงจร ทั้งด้านการผลิต การตลาดโดยเฉพาะ การรับซื้อผลผลิตกุ้งจากสมาชิก โดยการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านกลุ่มสหกรณ์ในโครงการระบบส่งเสริม การเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยการสนบั สนุนสินเชอ่ื ดอกเบย้ี ตำ่ ให้กบั สหกรณ์ในจงั หวัดตราด 3.2.3 การบรหิ ารจดั การเงาะจังหวดั ตราด แหล่งผลิตเงาะที่สำคัญของจังหวัดตราดในปี 2560 มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ อำเภอเขาสมิง อำเภอบอ่ ไร่ และอำเภอเมือง โดยมพี ้ืนทีป่ ลูก 35,159 8,149 7,421 ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 67.92 15.74 14.34 ของพื้นที่ปลูกเงาะทัง้ จังหวดั มีผลผลิต 59,886 11,127 11,893 ตัน คิดเป็นร้อยละ 71.00 13.19 14.10 ของผลผลิตเงาะทั้งจังหวัด ตามลำดับ โดยอำเภอเมืองมีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 1,850 กิโลกรัม ต่อไร่ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของจังหวัดทีร่ ะดับ 1,753 กิโลกรัมตอ่ ไร่ สำหรับอำเภอเกาะกูด มีการผลิตเงาะน้อยสุด โดยมีพน้ื ที่ปลูก 21 ไร่ พนื้ ทีใ่ หผ้ ล 21 ไร่ ผลผลติ 22 ตนั และผลผลติ ต่อไร่ 1,045 กโิ ลกรมั ตามลำดบั (ตาราง ท่ี 35) ในปี 2560 จังหวัดตราดมีผลผลิตเงาะรวม 84,349 ตัน ผลผลิตออกมากที่สุดในช่วงเดือน มิถุนายน และพฤษภาคม ประมาณ 35,992 32,635 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 42.67 และ 38.69 ของผลผลิต เงาะในจงั หวดั ตามลำดับ (ตารางท่ี 36)
66 ตารางที่ 33 เน้ือทีป่ ลูก ผลผลิต ผลผลติ ต่อไร่ของเงาะ จงั หวัดตราดปี 2560 จำแนกรายอำเภอ อำเภอ พื้นที่ปลูก พ้ืนทใี่ หผ้ ล ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ (ไร่) (ไร)่ (ตนั ) (กก./ไร)่ เมืองตราด 7,421 7,230 11,893 1,645 เขาสมงิ 35,159 32,371 59,886 1,850 คลองใหญ่ 126 126 139 1,100 แหลมงอบ 848 848 1,238 1,460 บ่อไร่ 8,149 7,488 11,127 1,486 เกาะกดู 21 21 22 1,045 เกาะช้าง 39 39 44 1,133 51,763 48,123 84,349 1,753 รวม ทมี่ า : สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร ตารางที่ 34 ปฏิทนิ แสดงรอ้ ยละของปริมาณผลผลติ เงาะทีอ่ อกสตู่ ลาดในปี 2560 จงั หวัดตราด เงาะ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รวม ปริมาณ - - 42 6,537 32,634 35,992 7,347 1,797 - - - - 84,349 (ตนั ) ร้อยละ - - 0.05 7.75 38.69 42.67 8.71 2.13 - - - - 100.00 ทมี่ า : สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร 1) วิถีการตลาดสนิ ค้าเงาะ การจำหน่ายเงาะของเกษตรกรในจังหวัดตราด ส่วนใหญ่นำผลผลิตไปขายให้กับพ่อค้า รวบรวมในท้องถิ่น แผงรบั ซ้ือ โดยส่วนใหญ่มักเปน็ คคู่ ้าขาประจำ โดยแผงรับซอ้ื จะให้ตะกรา้ ผลไมก้ ับเกษตรกร เพื่อเก็บเงาะมาจำหน่ายตามโควต้าที่ได้รับและตกลงกันไว้ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกร เนื่องจาก แผงรับซือ้ จะไปรับผลผลิตที่สวนของเกษตรกรโดยเกษตรกรไมต่ ้องออกมาส่งผลผลิตที่แผงรับซือ้ เอง ทำให้มี เวลาในการเก็บผลผลิตและทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ในสวนของตนเองได้ สำหรับโครงสร้างการตลาดและวิถีการตลาดเงาะของจังหวัดตราด พบว่า เกษตรกร กระจายผลผลิตให้กับผูร้ วบรวมระดับต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สหกรณ์การเกษตร พอ่ ค้ารวบรวม ตัวแทนล้ง โดยผลผลิต ร้อยละ 95.39 ผ่านพ่อค้ารวบรวมหรือตัวแทนล้งส่งออก ร้อยละ 3.22 ผ่านสหกรณ์ที่เกษตรกรเป็นสมาชิก ร้อยละ 0.86 ผ่านพอ่ คา้ ปลีก และรอ้ ยละ 0.53 ไปสู่ผบู้ ริโภคในจังหวดั โดยตรง ไดแ้ ก่ นกั ทอ่ งเทย่ี ว สถาบันเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตร ทำการรวบรวมผลผลิต จากเกษตรกรในจังหวัดประมาณร้อยละ 3.22 โดยกระจายผลผลิตร้อยละ 2.07 ไปยังตลาดภายในประเทศ ร้อยละ 0.53 ไปสู่ตลาดต่างประเทศ ร้อยละ 0.39 เข้าสู่กระบวนการแปรรูป และร้อยละ 0.23 ไปยัง ห้างสรรพสินคา้ Modern trade
67 พ่อค้ารวบรวม (รวมตัวแทนของห้างสรรพสินค้า และผู้ส่งออก) พ่อค้ารวบรวมในจงั หวัด มีทั้งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งออก โดยคัดและบรรจุผลิตตามข้อตกลงของตลาดปลายทาง ซึ่งมีผลผลิตที่ไม่ผ่าน เกณฑ์กำหนดเพื่อส่งออก ซึ่งตอ้ งคัดออกมาเพือ่ จำหน่ายในประเทศ หรือผู้ทำหน้าที่เปน็ ผู้ผลิตตามข้อกำหนด ให้แก่ผู้สง่ ออก เช่น ขนาดผลหรือจำนวนผลต่อกิโลกรมั การบรรจุใส่กลอ่ งโฟม เป็นต้น พ่อค้ารวบรวมทำการ รวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรในจังหวัดประมาณร้อยละ 95.39 แล้วกระจายผลผลิตออกนอกจงั หวัดประมาณ ร้อยละ 76.95 ซึ่งตลาดปลายทาง ประกอบด้วย ผู้ส่งออกที่ทำธุรกิจนอกจังหวัด (จันทบุรี) โรงงานแปรรูปใน แถบภาคตะวันตก และผู้บรโิ ภคในประเทศ ส่วนผลผลติ ทพ่ี ่อค้ารวบรวมได้อีกร้อยละ 18.44 จะกระจายให้แก่ พ่อค้าระดับตา่ ง ๆ ในจังหวัด โดยร้อยละ 12.00 จะไปสู่ผู้ประกอบการส่งออกไปต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศ จีน เวียดนาม และมาเลเซีย ร้อยละ 5.48 ไปสู่ตลาดการค้าชายแดนบริเวณบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ รอ้ ยละ 0.59 จะเข้าสกู่ ระบวนการแปรรูปภายในจงั หวัด และรอ้ ยละ 0.37 จะเขา้ สู่พอ่ ค้าปลีกที่จำหน่ายให้แก่ ผบู้ รโิ ภค พ่อค้าปลีกบางส่วนไปรับผลผลิตจากสวนของเกษตรกรเพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้แก่ ผู้บริโภค คิดเป็นปริมาณผลผลิตร้อยละ 0.86 และผลผลิตบางส่วนร้อยละ 0.37 ผ่านพ่อค้ารวบรวม รวมผลผลิต ประมาณร้อยละ 1.76 จะถึงผ้บู รโิ ภคในจังหวัด (ภาพท่ี 15) ภาพท่ี 15 วถิ กี ารตลาดเงาะของจังหวัดตราด ทมี่ า: จากการสำรวจ
68 2) การบริหารจัดการสนิ ค้าเงาะของจงั หวดั ตราด ปี 2560 ผลผลิตเงาะที่ผลิตได้ประมาณ 84,349 ตัน ผลผลิตออกมากในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ปริมาณ 68,626 ตัน หรือร้อยละ 81.36 ของผลผลิตที่ออกสู่ตลาดทั้งจังหวัด โดยผลผลิตออกมาก ท่สี ดุ เดือน มิถนุ ายน ปรมิ าณ 35,992 ตนั หรือรอ้ ยละ 42.67 ไม่มีการนำเข้าผลผลติ จากจังหวดั อื่น เน่ืองจาก จังหวัดตราดเป็นแหล่งผลิตเงาะมากเป็นลำดับที่ 2 รองจากจังหวัดจันทบุรี แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะ ดำเนนิ ธรุ กิจในจงั หวัดจนั ทบุรี และโรงงานแปรรูปอยู่ในภาคตะวันตก จงึ ต้องกระจายผลผลิตออกไปภายนอก จังหวัดและไม่มีการนำเขา้ ผลผลิตจากจังหวัดอื่น ความต้องการใช้ประโยชน์ผลผลิตภายในจงั หวัด ประมาณรอ้ ยละ 2.74 หรือ 2,309 ตัน ประกอบด้วยการบริโภค ร้อยละ 1.76 หรือ 1,484 ตัน และการแปรรูปเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 0.98 หรือ 825 ตัน เชน่ การคว้านเน้อื ในเงาะเพอื่ ส่งตอ่ ไปยงั โรงงานแปรรปู การทำผลไมบ้ รรจุกระป๋อง ความต้องการเพื่อส่งออกมีประมาณร้อยละ 97.26 หรือ 82,040 ตัน ซึ่งประกอบด้วย การส่งออกไปต่างประเทศ และการส่งไปจังหวัดอืน่ โดยการส่งออกต่างประเทศประมาณร้อยละ 18.01 หรือ 15,190 ตัน ตลาดหลักสำคัญ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา มาเลเซีย และส่งออกไปจังหวัดอ่ืนนอกจังหวัดเพื่อการ บริโภค เชน่ ตลาดไท ตลาดตา่ งจงั หวัดในภาคเหนือ อสี าน และเพื่อเข้าโรงงานแปรรูปผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้ รวมประมาณรอ้ ยละ 79.25 หรอื 66,850 ตนั การวิเคราะห์ถึงบัญชีสมดุลสินค้าเงาะระดับจังหวัด พบว่า จังหวัดสามารถผลิตได้ 84,349 ตัน และมีความต้องการใช้หรือการนำไปใช้ประโยชน์มีปริมาณ 84,349 ตัน โดยการนำไปใช้ภายใน จงั หวัด และการส่งออกไปตลาดท้ังในประเทศและต่างประเทศ ดงั นั้น จงึ สรปุ ผลการวเิ คราะหผ์ ลผลิตเงาะของ จงั หวัดตราดมคี วามสมดุลกับความต้องการใช้ (ตารางท่ี 35) อยา่ งไรก็ตาม พบวา่ ผลผลิตสว่ นใหญ่กว่าร้อยละ 80 เป็นการผลติ เพ่ือจำหน่ายภายในประเทศ สว่ นการสง่ ออกไปยังประเทศเพอื่ นบ้านและตลาดอนื่ ๆ ยังมีการ ส่งออกไดน้ ้อย เนือ่ งจากมอี ายกุ ารวางจำหน่ายสั้น
69 ตารางที่ 35 การบรหิ ารจดั การสนิ คา้ เงาะของจังหวัดตราด ปี 2560 รายการ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รวมปรมิ าณ (ตนั ) 1) ผลผลติ (Supply) 0 0 42 6,537 32,634 35992 7347 1797 0 0 0 0 84,349 84,349 1.1) ผลผลติ ในจังหวดั 0 0 42 6,537 32,634 35,992 7,347 1,797 0 00 0 0 1.2) นำเข้า 0 0 0 0 0 0 0 0 0 00 0 0 S1 - จากจงั หวัดอ่ืน 0 0 0 0 0 0 0 0 0 00 0 84,349 S2 - จาก ตปท. (ถา้ มี) 2) การใชป้ ระโยชน์ 0 0 42 6,537 32,634 35,992 7,347 1,797 0 0 0 0 (Utilization) 69 2.1) ใชใ้ นจังหวัด 0 0 0 280 707 910 412 0 0 0 0 0 2,309 1,484 D1 - บริโภคสด 0 0 0 210 420 530 324 0 0 0 00 825 82,040 D2 - แปรรปู 0 0 0 70 287 380 88 0 0 0 0 0 66,850 15,190 2.2) ส่งออก 0 0 42 6,257 31,927 35,082 6,935 1,797 0 0 0 0 0 D4 - ไปจังหวัดอ่นื 0 0 42 5,400 25,695 27,792 6,124 1,797 0 0 0 0 D5 - ไป ตปท. (ถา้ มี) 0 0 0 857 6,232 7,290 811 0 0 00 0 3) ผลผลิตสว่ นเกนิ / 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 (ข3า)ด= (1)-(2) ทมี่ า : จากการสำรวจ
70 3) ปัญหาและอุปสรรค 3.1) ด้านแรงงาน การขาดแคลนแรงงานในช่วงฤดกู าลเก็บเกี่ยว ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่มี อายุมากไมส่ ามารถเก็บเกยี่ วผลผลิตเองได้ การเก็บแบบเหมาตามน้ำหนัก ทำให้แรงงานมกี ารเก็บผลผลิตด้อย คุณภาพปนกับผลผลิตคุณภาพดี ซึ่งทำให้ตลาดปลายทางไม่ยอมรับส่งผลต่อราคาผลผลิต ค่าจ้างแรงงาน ค่อนข้างสูง รวมทั้งข้อบังคับด้านการใช้แรงงานต่างด้าวที่เข้มงวดต่อนายจ้างและผ่อนผันให้แรงงานมีการ โยกยา้ ยบอ่ ย 3.2) การกระจุกตวั ของผลผลิตในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ช่วงท่มี ีผลผลิตออกสตู่ ลาดมาพร้อม กนั มาก ส่งผลทำให้ราคาตกตำ่ 3.3) ในช่วงฤดูกาลเก็บผลผลิต เกษตรกรสว่ นใหญ่ไมม่ เี วลาในการออกมาจำหน่ายผลผลิต เองต้องขายในสวน โดยมีพ่อค้ารวบรวม หรือตัวแทนล้งมารับผลผลิตเอง ทำให้เกษตรกรขายในราคาต่ำ เนอ่ื งจากหกั ตน้ ทุนค่าบริหารจดั การด้วย 3.4) พอ่ คา้ รวบรวม ตอ้ งรอเกษตรกรเก็บผลผลติ ในช่วงเช้า และเขา้ ไปลำเลียงผลผลิตตาม สวนต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการจัดการนาน ทำให้ผลผลิตออกไปสู่ตลาดปลายทางได้ช้า คุณภาพผลผลิต ดอ้ ยลง ไมท่ ันตอ่ ตลาดปลายทางที่มีกำลังซ้อื มาก ซ่งึ จะสง่ ผลต่อราคาผลผลิตได้ 3.5) โรงงานแปรรปู สว่ นใหญต่ ั้งอย่นู อกแหลง่ ผลิต ทำให้ต้องบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ เชน่ ราคาซ้ือ การเก็บรักษา และการขนส่ง ส่วนโรงงานแปรรูปในจงั หวัดเปน็ โรงงานขนาดเลก็ แตไ่ ม่มีออเดอร์ การสง่ั ซอ้ื เงาะแปรรูป จงึ ตอ้ งไปดำเนนิ การผลิตสนิ ค้าชนิดอ่ืนแทน ซง่ึ ต้องจดั หาวตั ถดุ ิบจากพนื้ ที่แหล่งอ่ืน ทำ ใหม้ ตี ้นทุนด้านการจดั การวตั ถุดบิ เพมิ่ ขึน้ 3.6) การแปรรูปเงาะตอ้ งอาศยั แรงงานคนท่มี คี วามชำนาญในการคว้านเมล็ดออกจากเน้ือ เงาะโดยให้คงความสวยงาม ไม่เละ ซงึ่ แรงงานคุณภาพหายาก 4) ข้อเสนอแนะ 4.1) ผลผลิตเงาะส่วนใหญ่ผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ เนื่องจากมีอายุการวาง จำหน่ายสั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพรวดเร็ว เช่น สีของขนเงาะเปลี่ยนเป็นสีดำทำให้ส่งออกได้น้อย ซึ่งการส่งออกระยะทางไกลต้องใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา เช่น การบรรจุในถุ ง สุญญากาศ ดังนั้น เห็นควรมีการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าการ สง่ ออก และลดการกระจกุ ตวั ในชว่ งทีผ่ ลผลติ ออกสู่ตลาดมาก 4.2) การส่งเสริมด้านข้อกำหนดแรงงานให้สอดคล้องกับการทำงาน ในช่วงฤดูกาลเก็บ ผลผลิต 4.3) การประชาสมั พนั ธ์ ส่งเสริมให้เกษตรกรนำผลผลิตออกมาจำหน่ายเอง เพอ่ื ไดร้ าคาท่ี สงู ขน้ึ และ ผู้รวบรวมสามารถบรหิ ารจดั การได้ทันตอ่ ตลาดปลายทางโดยคงคณุ ภาพผลผลติ ที่สดใหม่ 4.4) การสง่ เสรมิ ด้านการแปรรูปในพน้ื ที่ และการจัดหาตลาดต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุน ด้านการขนสง่ และจดั การวตั ถดุ บิ รวมทั้งส่งเสริมการประดิษฐเ์ คร่อื งมอื สำหรับการคว้านเมล็ดเงาะ
71 3.2.4 การบรหิ ารจดั การทุเรยี นจังหวัดตราด แหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของจังหวัดตราดในปี 2560 มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด 3 ลำดับแรก ไดแ้ ก่ อำเภอเขาสมงิ อำเภอเมือง และอำเภอบ่อไร่ โดยมพี ื้นทป่ี ลูก 20,150 8,149 3,814 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 57.72 23.34 10.92 ของพืน้ ทป่ี ลูกทุเรยี นทัง้ จงั หวัด มีผลผลติ 27,537 10,357 3,563 ตัน คดิ เปน็ ร้อยละ 58.46 21.50 9.95 ของผลผลติ ทุเรียนทั้งจังหวัด สว่ นอำเภอเมอื ง และอำเภอเขาสมงิ มผี ลผลิตต่อไร่ 1,945 และ 1,902 กิโลกรัมตอ่ ไร่ (ตามลำดับ) สูงกวา่ ค่าเฉล่ียของจังหวัดทร่ี ะดับ 1,796 กิโลกรมั ต่อไร่ สำหรับอำเภอ เกาะกดู มกี ารผลิตทเุ รียนน้อยที่สุด โดยมีพ้นื ทีป่ ลูก 21 ไร่ พ้ืนที่ใหผ้ ล 21 ไร่ ผลผลติ 21 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 1,020 กโิ ลกรมั ตามลำดบั (ตารางท่ี 38) ตารางท่ี 36 เนอ้ื ทป่ี ลกู ผลผลิต ผลผลิตตอ่ ไร่ของทุเรียน จงั หวดั ตราด ปี 2560 จำแนกรายอำเภอ อำเภอ พ้นื ทีป่ ลกู พื้นท่ี ใหผ้ ล ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ (ไร่) (ไร)่ (ตัน) (กก./ไร)่ 5,325 10,357 1,945 เมอื งตราด 8,149 14,478 27,537 1,902 526 586 1,114 เขาสมงิ 20,150 1,261 1,576 1,250 2,464 3,563 1,446 คลองใหญ่ 580 21 21 1,020 691 843 1,220 แหลมงอบ 1,424 44,483 1,796 24,766 บอ่ ไร่ 3,814 เกาะกดู 21 เกาะช้าง 773 รวม 34,911 ท่มี า : สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ในปี 2560 จังหวัดตราดมีผลผลิตทุเรียนรวม 44,483 ตัน ผลผลิตออกมากที่สุดในช่วงเดือน พฤษภาคม เมษายน และมิถุนายน ประมาณ 18,309 13,732 9,657 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 41.16 30.87 21.71 ของผลผลติ ทเุ รียนในจงั หวดั (ตารางที่ 39) ตารางท่ี 3397 ปฏทิ ินแสดงร้อยละของปริมาณผลผลติ ทเุ รียนท่อี อกส่ตู ลาดในปี 2560 จังหวัดตราด ทเุ รียน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รวม ปริมาณ - 44 1,370 13,732 18,309 9,657 1,370 - - - - - 44,483 (ตัน) รอ้ ยละ - 0.10 3.08 30.87 41.16 21.71 3.08 - - - - - 100.00 ทมี่ า : สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร
72 1) วิถีการตลาดทเุ รียนจังหวัดตราด ลกั ษณะการจำหน่ายทเุ รยี นของเกษตรกรในจังหวดั ตราด มีรูปแบบ ดงั นี้ 1. การจำหน่ายให้กับล้ง/ตัวแทนผู้ส่งออก/ผู้ส่งออก โดยมีตัวแทนล้งมารับซื้อที่สวนของ เกษตรกร เนื่องจากการตัดทุเรียนต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญในการเก็บผลผลิต โดยมีรูปแบบ การซอ้ื ไดแ้ ก่ ขายแบบเหมาสวน หรือการแบ่งขายตามร่นุ ผลผลติ ในแต่ละชว่ ง 2. การจำหน่ายใหก้ ับพ่อค้ารวบรวม/ตัวแทนล้ง/พอ่ ค้าเร่ในจงั หวัด ซ่งึ เป็นแผงรับซือ้ หรือการ มผี ู้แทนหรือนายหน้ามารับซื้อบริเวณข้างทางตามถนนสายต่าง ๆ ตามเสน้ ทางออกจากจงั หวัดตราด 3. การจำหน่ายให้กับสหกรณ์การเกษตร โดยเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ การเกษตรจะนำผลผลิตส่วนหนึ่งแบ่งจำหน่ายให้กับสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ และผลผลิตบางส่วนส่ง จำหน่ายใหก้ ับพ่อค้ารวบรวม/ลง้ สง่ ออกด้วย ซ่งึ เกษตรกรบางรายเป็นผ้รู วบรวมโดยเปิดจุดรับซื้อทุเรียน และ รวบรวมผลผลติ เพ่ือสง่ ให้กบั สหกรณก์ ารเกษตร 4. การจำหน่ายให้กับโรงงานแปรรูป สำหรับผลผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ มีความสุกแก่ไม่ เหมาะสมในการรับประทาน และมีขนาดใหญ่เกินไป (ไอ้เข)้ เกษตรกรจะนำไปขายให้กับผู้แปรรปู /โรงงาน เพื่อ แปรรูปเปน็ เน้อื ทเุ รียนแช่แขง็ เนือ้ ทุเรยี นแกะเมล็ดแช่แข็ง และทุเรยี นฟรชี ดราย เป็นต้น 5. การจำหน่ายให้กับพ่อค้าปลีกที่มาซ้ือที่สวนของเกษตรกร หรือซื้อจากเกษตรกรท่มี า จอดรถรอขายผลผลติ ท่ีตลาดขายสง่ และซอ้ื จากแผงจำหนา่ ยของเกษตรกรโดยตรง 6. การจำหนา่ ยใหก้ ับผู้บรโิ ภคโดยตรงภายในจังหวดั ซง่ึ มที ง้ั ผู้บรโิ ภคขาจร และขาประจำ อาจจะมาซื้อที่สวนของเกษตรกร หรือซื้อจากเกษตรกรที่มาจอดรถรอขายผลผลิตทีต่ ลาดขายสง่ และซื้อจาก แผงจำหน่ายของเกษตรกรโดยตรง โครงสร้างการตลาดทุเรียนของจังหวดั ตราด ผทู้ ่เี กี่ยวข้องในโครงสรา้ งตลาด ประกอบดว้ ย เกษตรกร ล้ง/ตัวแทนผู้ส่งออก/ผูส้ ง่ ออก ตลาด กลางท้องถิ่น/พ่อค้ารวบรวมท้องถิ่น สหกรณ์การเกษตร โรงงานแปรรูป/ผู้แปรรูป พ่อค้าส่ง และพ่อค้า ชายแดน ดงั น้ี 1. เกษตรกร แบง่ เปน็ รายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ทำหนา้ ท่ผี ลิต ดแู ลรักษาต้นทุเรียนเก็บ เกี่ยว หรือเป็นผู้รวบรวมผลผลิตของตนเองจำหน่ายให้กับล้ง/ตัวแทนผู้ส่งออก/ผู้ส่งออก ตลาดกลางท้องถ่ิน (ศาลาแดง) สหกรณก์ ารเกษตร โรงงานแปรรปู /ผแู้ ปรรปู และการจำหน่ายใหผ้ บู้ ริโภคโดยตรง 2. ล้ง/ตัวแทนผู้ส่งออก/ผู้ส่งออก ทำหน้าที่รับซื้อทุเรียนจากเกษตรกรเพื่อการส่งออกต่อไป ซึ่งผู้ส่งออกจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการรับซื้อตามความต้องการของตลาดปลายทาง โดยมีทั้งตลาดจีน ซึ่งเป็น ตลาดหลกั และประเทศในอาเซียน ไดแ้ ก่ อินโดนเี ซยี มาเลเซยี เวยี ดนาม และกัมพชู า เป็นตน้ โดยขนาดของทุเรียน ซงึ่ เป็นท่ชี ืน่ ชอบของตลาดมนี ้ำหนักท่ีประมาณ 2.5 - 4 กิโลกรมั ตอ่ ลูก นอกจากนีผ้ ู้ส่งออก/ลง้ มีรูปแบบการรับซื้อ ทเุ รยี นโดยตรงจากเกษตรกรในช่วงฤดกู าล และการรบั ซื้อแบบเหมาสวน โดยมีนายหนา้ /พ่อค้ารวบรวมของผู้ส่งออก เป็นผู้จัดหาผลผลิตให้ ซึ่งนายหน้าของผู้ส่งออกจะมีทีมจัดซื้อทุเรียนทำหน้าที่ติดต่อทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่ช่วง
73 ทุเรียนออกดอก ประเมินผลผลิต จ่ายมัดจำล่วงหน้าแล้วแต่ตกลงกัน ซึ่งเสมือนเป็นการให้เงินทุนล่วงหน้ากับ เกษตรกรในการบริหารจัดการ ซื้อปุ๋ย ซื้อยา และบำรุงดูแลสวนทุเรียนของเกษตรกร และนัดหมายการเก็บเกี่ยว เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะมีทีมตัดทุเรียน ซึ่งมีแรงงานและอุปกรณ์พร้อม และมีการย้ายสวนในการเก็บเกี่ยวไป เร่ือย ๆ จนหมดฤดกู าล 3. ตลาดกลางท้องถน่ิ /พอ่ ค้ารวบรวมท้องถิน่ ซง่ึ ศาลาแดงเป็นตลาดกลางค้าส่งผลไม้ของ จังหวัดตราด โดยมีพ่อค้ารวบรวมท้องถิ่น ทำหน้าที่เปิดแผงรับซื้อ รวบรวม คัดแยกคุณภาพ และกระจาย ผลผลิต โดยมีพ่อค้ารวบรวมมาตั้งแผงรับซื้อผลไม้ มีการคัดแยกคุณภาพตามความต้องการของตลาด และ จำหนา่ ยไปยังตลาดต่าง ๆ ผ่านล้งส่งออก พอ่ ค้าขายส่ง และพ่อคา้ เร่ ท้ังนี้ ทเุ รียนเกรดดีจะสง่ ออกไปยังตลาด จีน เกรดรองสง่ ออกไปยงั ประเทศในกลมุ่ อาเซียน เช่น อนิ โดนีเซยี มาเลเซยี และสิงคโปร์ รวมถึงประเทศเพือ่ น บ้านผ่านการค้าชายแดน ส่วนทุเรียนตกเกรดกระจายไปยังตลาดต่างจังหวัดภายในประเทศ และผลผลิต บางส่วนส่งเขา้ โรงงานแปรรปู /ผู้แปรรปู 4. สหกรณก์ ารเกษตร ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตทุเรียนจากเกษตรกรท่ีเป็นสมาชิกและไม่เป็น สมาชิกของสหกรณ์ เพื่อส่งจำหน่ายให้กับผู้ส่งออกซึ่งเป็นคู่ค้า หรือร่วมมือทางการค้าในการส่งทุเรียนจำหน่าย ต่างประเทศ และบางส่วนส่งจำหน่ายให้กับสหกรณ์การเกษตรทั้งในและนอกจังหวัดที่มีการเชื่อมโยงเครือข่าย ระหว่างสหกรณ์ด้วยกนั เพ่ือแลกเปล่ียนสินคา้ ระหว่างกัน 5. โรงงานแปรรูป/ผู้แปรรูป ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร และพ่อค้ารวบรวม ท้องถน่ิ ซ่งึ ผลผลิตสว่ นใหญ่ทนี่ ำมาแปรรูปเป็นแบบตกเกรด ไม่สามารถจำหน่ายเพ่ือการบริโภคได้ เช่น มีขนาดผล เล็ก หรือใหญ่เกินไป (ไอเ้ ข)้ มีเปอรเ์ ซ็นตค์ วามสุกแก่ไม่เหมาะสม เป็นตน้ โดยผแู้ ปรรูปจะนำมาแปรรูปโดยส่วนใหญ่ เป็นเนื้อทุเรียนแช่แขง็ ซึ่งมีทั้งเป็นทุเรียนโดยมีเมล็ดในและแบบแกะเมล็ดออก ทุเรียนฟรีชดราย ทุเรียนอบกรอบ เป็นตน้ วถิ กี ารตลาดทุเรียนของจงั หวัดตราด ผลผลิตทุเรียนจากเกษตรกรในจังหวัด 44,483 ตัน และผลผลิตที่มีการนำเข้ามาจาก ต่างจังหวัดรวม 7,868 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 17.69 ของผลผลิตในจังหวัด ผลผลิตรวม 52,351 ตัน โดย ผลผลิตในจังหวัดมีการกระจายไปยังพ่อค้ารวบรวมท้องถิ่น ร้อยละ 77.24 กระจายไปยังล้งส่งออกร้อยละ 18.24 สถาบันเกษตรกร รอ้ ยละ 2.59 พ่อค้าปลีกรอ้ ยละ 1.32 ผลผลติ ที่เหลอื ประมาณร้อยละ 0.61 กระจาย ให้กบั ผ้บู ริโภคท่มี าซอื้ ท่สี วนหรือจากเกษตรกรทนี่ ำออกไปจำหน่ายโดยตรง พ่อค้ารวบรวมท้องถิ่น ทำการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรภายในจังหวัดและบางส่วนจาก ต่างจังหวัดร้อยละ 77.24 จากนั้นกระจายผลผลิตออกนอกจังหวัดร้อยละ 57.30 (ซึ่งอาจจะมีการกระจาย ออกไปยังล้งส่งออกนอกจังหวัด) กระจายไปยังโรงงานแปรรูปร้อยละ 10.80 กระจายให้แก่ล้งส่งออก ในจังหวัดร้อยละ 8.23 กระจายไปยังตลาดชายแดนร้อยละ 0.96 ไปยังพ่อค้าปลีกร้อยละ 0.93 และไปยัง หา้ งสรรพสนิ ค้าร้อยละ 0.45
74 ล้งสง่ ออก ทำการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร รอ้ ยละ 18.24 รวมถึงรับจากพ่อค้ารวบรวม ท้องถน่ิ จากในจงั หวัดร้อยละ 8.23 รวมผลผลิตรอ้ ยละ 26.47 เพ่อื สง่ ออกไปยงั ตลาดต่างประเทศ สถาบนั เกษตรกร รวบรวมผลผลิตไดร้ ้อยละ 2.59 มกี ารกระจายผลผลิตไปยังโรงงานแปรรูป ร้อยละ 1.43 ตลาดต่างประเทศร้อยละ 0.55 กระจายไปยังต่างจังหวัดร้อยละ 0.32 และห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 0.29 การแปรรูปในจังหวัดคิดเป็นร้อยละ 10.80 โดยรวบรวมผลผลิตจากพ่อค้ารวบรวมท้องถิ่น ร้อยละ 9.37 และสถาบนั เกษตรกรรอ้ ยละ 1.43 แลว้ เป็นผลติ ภณั ฑ์ต่าง ๆ เช่น ทุเรียนแช่แข็ง (แกะเนื้อ) และ ทุเรียนฟรีชดราย ภาพที่ 16 วถิ ีการตลาดทเุ รยี นจังหวัดของตราด ทม่ี า : จากการสำรวจ 2) การบริหารจัดการสินคา้ ทเุ รยี นของจงั หวัดตราด ปี 2560 จากผลผลิตทุเรียนของจังหวัดตราด (Supply) พบว่า ปริมาณผลผลิตทุเรียนของ จังหวัดตราดมีปริมาณ 44,483 ตัน เมื่อรวมกับปริมาณผลผลิตที่นำเข้าจากจังหวัดอื่น 7,868 ตัน ทำให้มี ผลผลติ ทุเรียนภายในจงั หวัดตราดทั้งหมด 52,351 ตนั โดยแบ่งไดด้ ังน้ี
75 ปรมิ าณผลผลิตทุเรียนของจังหวัดตราดปี 2560 มีประมาณ 44,483 ตัน โดยแบ่งผลผลิต เป็นรายเดอื นตามปรมิ าณทอี่ อกสู่ตลาดตง้ั แตเ่ ดอื นกุมภาพนั ธ์ - กรกฎาคม 2560 ดังน้ี เดือนกุมภาพนั ธ์ปรมิ าณ 45 ตนั เดอื นมนี าคมปริมาณ 1,370 ตัน เดือนเมษายนปริมาณ 13,732 ตัน เดือนพฤษภาคมปรมิ าณ 18,309 ตัน เดือนมิถุนายนปริมาณ 9,657 ตัน และเดือนกรกฎาคม 1,370 ตัน โดยคิดเป็นร้อยละ 0.10 3.08 30.87 41.16 21.71 3.08 ของปรมิ าณผลผลิตทุเรยี นจงั หวดั ตราด ตามลำดบั การนำเข้าทเุ รยี นจากจังหวดั อืน่ เน่อื งจากปริมาณผลผลิตภายในจังหวัดตราดมไี มเ่ พียงพอ ต่อการส่งออกของลง้ และผู้สง่ ออก และการแปรรูป จึงมกี ารนำเขา้ ผลผลติ ทเุ รียนจากจังหวดั อื่น โดยนำเขา้ จาก จังหวัดจันทบุรี เพื่อใช้ในการส่งออก และจากจังหวดั ชุมพร เพื่อใช้ในการแปรรูป ปริมาณทุเรียนเข้าสู่ลง้ หรอื ผสู้ ่งออก และโรงงานแปรรปู ในปี 2560 แบง่ เปน็ รายเดือน ดังนี้ เดอื นมนี าคมปริมาณ 40 ตัน เดือนเมษายน ปริมาณ 525 ตัน เดือนพฤษภาคมปริมาณ 1,724 ตัน เดือนมิถุนายนปริมาณ 2,543 ตัน เดือนกรกฎาคม ปริมาณ 2,415 ตัน และเดือนสิงหาคม 621 ตัน คิดเป็นร้อยละ 0.51 6.68 21.91 32.32 30.69 และ 7.89 ของปริมาณผลผลติ ทุเรียนท่นี ำเขา้ ท้งั หมด ตามลำดบั ส่วนความต้องการใช้ (Demand) จากข้อมูลการบริหารจัดการผลผลิตทุเรียนของ จังหวัดตราด ด้านความต้องการใช้ทุเรียนของจังหวัดตราดจากปริมาณผลผลิตทั้งหมด (รวมผลิตของจังหวัด ตราด และการนำเขา้ จากจงั หวดั อ่นื ) 52,351 ตัน โดยในชว่ งเดอื นเมษายน-พฤษภาคม 2560 เปน็ ชว่ งที่ผลผลิต ออกสู่ตลาดมาก ทำให้ความต้องการใช้มีเพิ่มขึน้ ตามไปด้วย โดยแบ่งความต้องการใช้ทเุ รยี นหรือการนำไปใช้ ประโยชนข์ องจังหวดั ตราด ดงั นี้ 1. การนำทุเรียนไปใช้ภายในจงั หวัดจนั ทบุรมี ีปริมาณ 11,399 ตนั คิดเป็นร้อยละ 21.77 ของผลผลิตทง้ั หมด แบ่งเป็นการนำไปใชบ้ รโิ ภคสดภายในจงั หวดั ในรปู แบบการจัดจำหนา่ ย การประชาสมั พนั ธ์ และการท่องเทีย่ วเชงิ เกษตรมปี ริมาณ 1,275 ตนั และนำไปแปรรปู สำหรับทุเรียนทม่ี ขี นาดไม่ไดม้ าตรฐาน และ ความสกุ แกไ่ มเ่ หมาะสมในการนำไปบริโภคปรมิ าณ 10,124 ตนั 2. การส่งออกมีปริมาณ 40,952 ตัน คิดเป็นร้อยละ 78.23 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออกไปจังหวัดอื่นภายในประเทศปริมาณ 26,992 ตัน และการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ปริมาณ 13,960 ตนั สรุปด้านปรมิ าณผลผลิตทเุ รียนของจังหวัดตราดที่ออกสู่ตลาด (Supply) มปี รมิ าณ 44,483 ตัน และปริมาณผลผลิตทน่ี ำเข้ามาจากจังหวัดอื่นเพื่อใช้ในการส่งออกปริมาณ 7,868 ตนั รวมมปี รมิ าณผลผลิต ทั้งหมด 52,351 ตัน สำหรับด้านความต้องการใช้หรือการนำไปใช้ประโยชน์มีปริมาณ 52,351 ตัน โดยการ นำไปใช้ภายในจงั หวัด และการส่งออกไปตลาดทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ ดังนั้น จึงสรุปผลการวิเคราะห์ ผลผลิตทุเรยี น (Supply) ของจังหวัดตราดมคี วามสมดุลกบั ความตอ้ งการใช้ทุเรียน (Demand) (ตารางท่ี 40)
76 ตารางที่ 38 การบรหิ ารจัดการสนิ คา้ ทุเรียนของจงั หวัดตราด ปี 2560 รายการ ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รวมปริมาณ (ตัน) 1) ผลผลติ (Supply) 0 45 1,410 14,257 20,033 12,200 3,785 621 0 0 0 0 52,351 1.1) ผลผลิตในจังหวัด 0 45 1,370 13,732 18,309 9,657 1,370 0 0 0 0 0 44,483 1.2) นำเข้า 0 0 40 525 1,724 2,543 2,415 621 0 0 0 0 7,868 S1 - จากจงั หวดั อ่นื 0 0 40 525 1,724 2,543 2,415 621 0 0 0 0 7,868 S2 - จาก ตปท. (ถา้ มี) 2) การใชป้ ระโยชน์ 0 45 1,410 14,257 20,033 12,200 3,785 621 0 0 0 0 52,351 76 (Utilization) 2.1) ใช้ในจงั หวดั 0 0 0 1,165 3,915 3,330 2,368 621 0 0 0 0 11,399 D1 - บริโภคสด 0 0 0 75 765 380 55 0 0 0 0 0 1,275 D2 - แปรรปู 0 0 0 1,090 3,150 2,950 2,313 621 0 0 0 0 10,124 2.2) ส่งออก 0 45 1,410 13,092 16,118 8,870 1,417 0 0 0 0 0 40,952 D4 - ไปจังหวัดอื่น 0 27 780 8,742 10,110 5,970 1,363 0 0 0 0 0 26,992 D5 - ไป ตปท. (ถา้ มี) 0 18 630 4,350 6,008 2,900 54 0 0 0 0 0 13,960 3) ผลผลติ สว่ นเกนิ / 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 ข(3า)ด= (1)-(2) ทมี่ า : จากการสำรวจ
7777 3) ปัญหาและอปุ สรรค - ด้านการผลิต 3.1) เกษตรกรกรขาดแรงงานตดั ทุเรยี นในชว่ งฤดูกาลเก็บเกีย่ ว และลง้ สง่ ออกขาดแรงงาน คนไทยในพื้นท่ีท่มี ปี ระสบการณใ์ นการคัดคณุ ภาพทุเรยี น 3.2) ปัญหาโรคแมลง ศัตรูพืช เชื้อราไฟทอปเธอร่า โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน และ โรคราสชี มพู 3.3) การตดั ทเุ รยี นที่มเี ปอร์เซ็นตค์ วามแกไ่ มไ่ ดม้ าตรฐานออกจำหนา่ ย - ด้านการบริหารจัดการ 3.1) ราคาทเุ รียนในแตล่ ะวนั มีความผนั ผวนขึน้ -ลงอยา่ งรวดเร็ว โดยปจั จยั ทสี่ ่งผลต่อราคา ไดแ้ ก่ 1. การเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศ โดยในชว่ งฝนตกเกษตรกรไม่สามารถออกไปตดั ทุเรยี นได้จะทำให้ ราคาปรับตัวสูงขึ้น และเมื่อฝนหยุดตกเกษตรกรจะเร่งตัดทุเรียนออกมาขายจำนวนมาก ทำให้ราคาทุเรียน ปรับตัวลดลง 2. ช่วงการเปลี่ยนรุ่นของทุเรียนที่ออกสู่ตลาด จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งมที ุเรียนออกสู่ตลาด น้อยกจ็ ะทำให้ราคาปรบั ตวั สงู ขึ้น 3. ความต้องการของตลาดปลายทาง โดยราคารบั ซือ้ ถูกกำหนดมาจากตลาด ปลายทาง 3.2) ราคาวัตถุดิบ (ทุเรียน) มีราคาสูง ทำให้ไม่สามารถแปรรูปได้อย่างต่อเนื่อง และ โรงงานขนาดใหญไ่ ม่สามารถผลิตไดเ้ ต็มกำลังการผลิต เนอ่ื งจากจดั หาวัตถดุ บิ ไมเ่ พยี งพอตอ่ ความต้องการ - ดา้ นการตลาด 3.1) ทุเรยี นมรี าคาสงู มาก การประกอบธรุ กจิ ตอ้ งใช้เงนิ ลงทุนจำนวนมาก ผูป้ ระกอบการ ไทยจึงตอ้ งพึ่งพาแหล่งเงนิ ทุนจากล้งส่งออก (จีน) อกี ทั้งผ้ปู ระกอบการไทยไม่สามารถเขา้ ถึงตลาดปลายทางได้ เอง ลง้ ส่งออกจึงมอี ำนาจในการกำหนดราคา 3.2) ผปู้ ระกอบการแปรรูป (รายย่อย) ไม่สามารถทำตลาดเองได้ เนื่องจากค่าธรรมเนียม สำหรบั การวางสนิ คา้ ในแหล่งขายมีราคาแพง 3.3) ในชว่ งตน้ /ปลายฤดู ปริมาณผลผลิตมีไม่เพียงพอตอ่ การสง่ ออก (ไดผ้ ลผลิตไม่เต็มตู้) หากไม่ได้สง่ ออกอาจกระทบต่อราคาผลผลิตซ่งึ อาจปรับลงได้ 4) ข้อเสนอแนะ 4.1) การสนับสนุนการรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศเพื่อจัดตัง้ ตลาดกลางหรือจุดรวบรวมสินค้า ในต่างประเทศ เพือ่ เป็นศูนยก์ ระจายสินคา้ ไทย 4.2) การสนบั สนนุ ให้กลมุ่ เกษตรกรหรอื สหกรณ์การเกษตรทีม่ ีความพร้อมดำเนินธุรกิจใน ระบบอยา่ งต่อเนื่องให้เข้มแข็งกอ่ น ตัง้ แตต่ น้ นำ้ กลางนำ้ และปลายนำ้
78 3.3 การวิเคราะหเ์ พือ่ หาพชื ทางเลือกทางเศรษฐกิจ จงั หวัดตราด มพี ื้นทเี่ พาะปลกู พืชเศรษฐกจิ รวมพน้ื ที่ 764,911 ไร่ โดยพชื ท่มี ีปัญหาราคาตกตำ่ ได้แก่ ข้าว ซึง่ มีพ้นื ทีป่ ลกู 114,233 ไร่ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.93 ของพนื้ ท่ีเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจท้ังหมด การผลิต ในพื้นที่ระดับความเหมาะสม จากข้อมูลกรมพัฒนาที่ดิน มีพื้นที่ความเหมาะสม (S) ในการปลูกข้าว รวม ทั้งหมด 16,527 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 13,689 ไร่ และพื้นที่ความเหมาะสม ปานกลาง (S2) จำนวน 2,838 ไร่ และประมาณการว่าพืน้ ทปี่ ลูกข้าวจงั หวัดตราดมีจำนวน 114,233 ไร่ พื้นท่ี ปลูกจริงในพน้ื ทคี่ วามเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 13,689 ไร่ พื้นท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 2,838 ไร่ รวมพื้นท่ีปลูกในพื้นที่ความเหมาะสม (S) จำนวน 16,527 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 14.47 ของพื้นทีป่ ลูก พื้นท่ี ปลูกในพื้นที่ความเหมาะสมน้อย (S3) จำนวน 14,191 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.42 และพื้นที่ปลูก ไม่เหมาะสม จำนวน 6,444 ไร่ หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 5.64 โดยพืน้ ทไ่ี มเ่ หมาะสมในการปลูกข้าว (N) กระจายไป อยู่อำเภอเมอื ง 32,366 ไร่ คิดเป็น 87.09% อำเภอเขาสมิง 2,113 ไร่ คดิ เปน็ 5.69% อำเภอบอ่ ไร่ 1,410 ไร่ คดิ เปน็ 3.79% อำเภอคลองใหญ่ 959 ไร่ คิดเป็น 2.58% และอำเภอแหลมงอบ 314 ไร่ คิดเปน็ 0.84% ผลผลิตต่อไร่ของพื้นที่เหมาะสม (S) ไร่ละ 442.66 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 422.29 กโิ ลกรัมต่อไร่ พ้นื ท่เี หมาะสมให้ผลผลิตที่สงู กว่า 20.37 กโิ ลกรมั ต่อไร่ หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 13.68 ต้นทุนต่อไร่ ของพื้นที่เหมาะสม (S) 3,235.58 บาท ต้นทุนต่อไร่ของพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 3,352.48 บาท พื้นท่ี ไมเ่ หมาะสมมีตน้ ทุนตอ่ ไร่ที่สูงกว่า 116.9 บาท พ้ืนท่ีไม่เหมาะสมมีตน้ ทนุ ตอ่ ไร่สูงกวา่ ถงึ ร้อยละ 3.49 ผลตอบแทนต่อไร่ พบว่า พื้นที่เหมาะสมให้ผลตอบแทนต่อไร่ 3,842.30 บาท ส่วนพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) ให้ผลตอบแทนต่อไร่ 3,665.48 บาท พื้นที่เหมาะสมให้ผลตอบแทนต่อไร่มากกว่า 176.82 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 4.60 ทง้ั นี้เน่ืองจากผลผลิตทสี่ งู กวา่ ไรล่ ะ 20.37 กิโลกรมั ดังนั้นเกษตรกรในพ้ืนทีเ่ หมาะสม (S) เมื่อปลูกข้าว 1 ไร่ แล้วจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ หรือกำไร ต่อไร่ เท่ากับ 606.72 บาท คิดเป็นร้อยละ 18.75 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการปลูกข้าวในพืน้ ที่ไม่เหมาะสม (N) เมื่อเกษตรกรปลูกข้าว 1 ไร่ แล้วเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 312.99 บาท คิดเป็น รอ้ ยละ 9.34 ของต้นทุนการผลิต
79 ตารางที่ 39 การเปรียบเทียบต้นทุนการผลติ การปลกู ข้าวในพนื้ ทเ่ี หมาะสม (S) และในพน้ื ที่ไม่เหมาะสม (N) หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ พ้นื ทีเ่ หมาะสม พน้ื ทีไ่ ม่เหมาะสม (Suitability : S) (Not Suitability : N) 1. ต้นทนุ ผนั แปร เงินสด ประเมนิ รวม เงินสด ประเมนิ รวม 2. ต้นทุนคงท่ี 2,147.69 628.97 2,776.66 2,187.42 658.58 2,845.99 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 132.63 326.28 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม 2,280.32 955.25 458.91 61.51 444.99 506.49 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 3,235.58 2,248.92 1,103.56 3,352.48 6. ราคาเฉล่ยี ที่เกษตรกรขายได้(บาท/กก.) - - 7. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ (บาท/ไร่) - - 7.31 - - 7.94 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ - - 442.66 - - 442.29 9. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อผลผลิต (บาท/กก.) - - - - 8.68 10. ปรมิ าณผลผลติ ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร)่ - - 8.68 - - 3,839.08 - - 3,842.30 - - 486.60 - - - - 0.74 606.72 - - 386.23 1.37 372.76 ท่มี า : จากการสำรวจขอ้ มูล สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 ซ่งึ จะเห็นได้วา่ พื้นท่ีปลูกขา้ วไมเ่ หมาะสม (N) มจี ำนวนทั้งสน้ิ 20,635 ไร่ ทไี่ ดผ้ ลตอบแทนน้อยกว่า พื้นทีเ่ หมาะสม (S) ซึ่งตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เร่งให้มีการปรับเปลยี่ นพื้นท่ีไม่เหมาะสมใน การปลูกข้าวมาปรับเปลี่ยนเป็นพืชอื่นแทน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้รับนโยบายและทำการ วิเคราะหข์ ้อมลู พืชของจงั หวดั ตราดแลว้ วิเคราะหต์ น้ ทุนผลตอบแทนเพื่อใหเ้ กษตรกร และหน่วยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง สนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (N) ปรับเปลี่ยนมาเป็นพืช อ่นื ๆ ดงั นี้ 3.3.1 การเปรียบเทียบต้นทนุ และผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) กับ การปลกู มะพรา้ วนำ้ หอม ตน้ ทนุ การปลกู ข้าวในพ้นื ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) มีตน้ ทุนรวมตอ่ ไร่ เท่ากับ 3,352.48 บาท แบ่งเปน็ ต้นทุน ผันแปร 2,845.99 บาท หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 84.89 ตน้ ทนุ คงท่ี 506.49 บาท หรือคิดเปน็ ร้อยละ 15.10 โดยท่ี ผลผลติ ตอ่ ไร่ เท่ากบั 442.29 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ณ ราคาเฉลยี่ ที่เกษตรกรขายได้ 8.68 บาทต่อกโิ ลกรัม เกษตรกร จะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,839.08 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ เท่ากับ 486.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.51 ของต้นทุนการผลติ
80 ต้นทุนการปลูกมะพร้าวน้ำหอม มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 5,789.45 บาท แบ่งเป็นต้นทุนผันแปร 4,769.61 บาท หรือคดิ เป็นร้อยละ 82.38 ต้นทุนคงท่ี 1,019.84 บาท หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 17.62 โดยท่ีผลผลิต ต่อไร่ เท่ากบั 3,078.95 ลูกต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยทเี่ กษตรกรขายได้ 9.14 บาทตอ่ ลกู เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทน ตอ่ ไร่ 28,141.60 บาท ดงั นนั้ เม่อื เกษตรกรปลกู มะพรา้ วน้ำหอม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ เท่ากับ 22,352.15 บาท คิดเป็นร้อยละ 386.08 ของต้นทุนการผลิต ซึ่งจะเห็นได้ว่าต้นทุนและผลตอบแทนของการ ปลูกข้าวในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) เมื่อเทียบกับการปลูกมะพรา้ วน้ำหอม จะเห็นไดว้ ่าขา้ วในพื้นทีไ่ ม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ เทา่ กบั 486.60 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 14.51 ของตน้ ทนุ การผลติ สว่ น การปลูกมะพร้าวน้ำหอม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 22,352.15 บาท คิดเป็นร้อยละ 386.08 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนแล้วมะพร้าวน้ำหอมให้ ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไรท่ ด่ี กี วา่ ข้าวในพ้ืนทไ่ี ม่เหมาะสม (N) ร้อยละ 371.57 ตารางท่ี 40 การเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวในพื้นทีไ่ ม่เหมาะสม (N) กับการปลูกมะพร้าว น้ำหอม หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ขา้ ว (บาท/ไร่) มะพร้าวน้ำหอม (บาท/ไร่) พ้นื ทีไ่ มเ่ หมาะสม ไม่แยกความเหมาะสมของดนิ (Not Suitability : N) เงินสด ประเมนิ รวม เงินสด ประเมิน รวม 3,231.62 1,537.99 4,769.61 1,019.84 1. ต้นทนุ ผันแปร 2,187.42 658.58 2,845.99 211.41 100.62 5,789.45 3,231.62 2,557.83 2. ต้นทนุ คงที่ 61.51 444.99 506.49 1.88 -- 3,078.95 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,248.92 1,103.56 3,352.48 -- -- 9.14 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม/ลูก - - 7.94 -- 28,141.60 -- 22,352.15 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กิโลกรมั /ลกู ) - - 442.29 -- -- 7.26 6. ราคาเฉล่ียท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก./ลูก) - - 8.68 633.42 7. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ - - 3,839.08 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/ไร)่ - - 486.60 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.74 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จุดคุม้ ทุน (กก./ไร)่ - - 386.23 ทม่ี า : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6
81 3.3.2 การเปรียบเทียบต้นทนุ และผลตอบแทนระหว่างการปลูกขา้ วในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) กับ การปลูกฟักทอง ตน้ ทุนการปลกู ข้าวในพ้นื ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) มีต้นทนุ รวมต่อไร่ เท่ากับ 3,352.48 บาท แบง่ เป็นต้นทุน ผนั แปร 2,845.99 บาท หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 84.89 ต้นทนุ คงท่ี 506.49 บาท หรือคิดเปน็ ร้อยละ 15.10 โดยท่ี ผลผลติ ตอ่ ไร่ เท่ากบั 442.29 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ ณ ราคาเฉลยี่ ท่ีเกษตรกรขายได้ 8.68 บาทตอ่ กโิ ลกรัม เกษตรกร จะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,839.08 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ เท่ากบั 486.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.51 ของตน้ ทุนการผลติ ต้นทุนการปลกู ฟกั ทอง มีตน้ ทุนรวมตอ่ ไร่ เท่ากบั 6,860.77 บาท แบง่ เป็นต้นทุนผนั แปร 6,326.64 บาท หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 92.21 ต้นทุนคงที่ 534.12 บาท หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 7.79 โดยที่ผลผลิตต่อไร่เทา่ กับ 2,340 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ 9.20 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนต่อไร่ 21,528.00 บาท ดังน้นั เม่ือเกษตรกรปลูกฟกั ทอง เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ เทา่ กบั 14,667.23 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 213.78 ของตน้ ทนุ การผลิต ซ่ึงจะเหน็ ได้ว่าต้นทนุ และผลตอบแทนของการปลูกขา้ วในพน้ื ท่ไี ม่เหมาะสม (N) เม่อื เทยี บกับการปลูก ฟักทอง จะเห็นได้ว่าข้าวในพื้นที่ไมเ่ หมาะสม (N) เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 486.60 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.51 ของต้นทนุ การผลิต ส่วนการปลูกฟกั ทอง เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ เท่ากับ 14,667.23 บาท คิดเป็นร้อยละ 213.78 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนและ ผลตอบแทนแลว้ ฟักทองให้ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อไรท่ ีด่ กี ว่าข้าวในพ้ืนทไี่ ม่เหมาะสม (N) ร้อยละ 199.27
82 ตารางที่ 41 การเปรียบเทียบตน้ ทุนการผลิตการปลูกข้าวในพน้ื ทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) กบั การปลกู ฟกั ทอง หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ขา้ ว ฟกั ทอง (บาท/ไร่) พื้นทไ่ี มเ่ หมาะสม ไม่แยกความเหมาะสมของดิน (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมิน รวม เงนิ สด ประเมนิ รวม 1. ต้นทนุ ผนั แปร 2,187.42 658.58 2,845.99 5,071.27 1,255.37 6,326.64 2. ต้นทุนคงที่ 61.51 444.99 506.49 180.00 354.12 34.12 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,248.92 1,103.56 3,352.48 5,251.27 1,609.50 6,860.77 4. ต้นทนุ ต่อกโิ ลกรัม - - 7.94 - - 2.93 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กิโลกรัม) - - 442.29 - - 2,340 6. ราคาเฉลี่ยทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 8.68 - - 9.20 7. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ - - 3,839.08 - - 21,528.00 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ - - 486.60 - - 14,667.23 9. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.74 - - 6.27 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จุดคุ้มทนุ (กก./กก.) - - 386.23 - - 745.74 ทมี่ า : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 3.3.3 การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) กับ การปลกู แตงกวา ตน้ ทนุ การปลกู ขา้ วในพน้ื ทไี่ มเ่ หมาะสม (N) มตี น้ ทนุ รวมต่อไร่ เท่ากับ 3,352.48 บาท แบ่งเปน็ ต้นทุน ผันแปร 2,845.99 บาท หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 84.89 ตน้ ทุนคงที่ 506.49 บาท หรือคิดเปน็ ร้อยละ 15.10 โดยที่ ผลผลิตต่อไร่ เทา่ กบั 442.29 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ณ ราคาเฉลย่ี ที่เกษตรกรขายได้ 8.68 บาทตอ่ กิโลกรัม เกษตรกร จะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,839.08 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อไร่ เท่ากบั 486.60 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.51 ของตน้ ทุนการผลิต ตน้ ทุนการปลูกแตงกวา มีต้นทุนรวมต่อไร่ เทา่ กับ 8,282.36 บาท แบ่งเปน็ ตน้ ทุนผันแปร 7,818.58 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 94.40 ต้นทุนคงที่ 463.78 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.60 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 2,086.67 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ 8.73 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทน ต่อไร่ 18,216.63 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกแตงกวา เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 9,934.27 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 119.94 ของตน้ ทุนการผลิต
83 ซ่ึงจะเห็นไดว้ า่ ตน้ ทุนและผลตอบแทนของการปลูกขา้ วในพื้นท่ไี ม่เหมาะสม (N) เมือ่ เทยี บกบั การปลูก แตงกวา จะเห็นไดว้ า่ ขา้ วในพื้นที่ไมเ่ หมาะสม (N) เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากบั 486.60 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.51 ของต้นทนุ การผลิต ส่วนการปลูกแตงกวาเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 9,934.27 บาท คิดเป็นร้อยละ 119.94 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนและ ผลตอบแทนแล้วแตงกวาให้ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อไรท่ ่ีดีกวา่ ข้าวในพ้นื ทไี่ มเ่ หมาะสม (N) ตารางที่ 42 การเปรยี บเทียบตน้ ทนุ การผลติ การปลูกขา้ วในพ้ืนท่ีไมเ่ หมาะสม (N) กบั การปลูกแตงกวา หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ขา้ ว แตงกวา (บาท/ไร่) พ้ืนท่ไี มเ่ หมาะสม ไม่แยกความเหมาะสมของดิน (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมิน รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทนุ ผันแปร 2,187.42 658.58 2,845.99 5,667.02 2,151.55 7,818.58 2. ต้นทนุ คงที่ 61.51 444.99 506.49 58.67 405.12 463.78 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,248.92 1,103.56 3,352.48 5,725.69 2,556.67 8,282.36 4. ต้นทุนต่อกิโลกรัม - - 7.94 - - 3.97 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กิโลกรมั ) - - 442.29 - - 2,086.67 6. ราคาเฉลย่ี ทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 8.68 - - 8.73 7. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ - - 3,839.08 - - 18,216.63 8. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ - - 486.60 - - 9,934.27 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.74 - - 4.76 10. ปริมาณผลผลิต ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร)่ - - 386.23 - - 948.72 ทม่ี า : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 3.3.4 การเปรียบเทียบต้นทนุ และผลตอบแทนระหว่างการปลูกขา้ วในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) กับ การปลกู มนั เทศ ต้นทุนการปลูกขา้ วในพืน้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) มตี ้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 3,352.48 บาท แบ่งเปน็ ต้นทุน ผันแปร 2,845.99 บาท หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 84.89 ต้นทุนคงที่ 506.49 บาท หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 15.10 โดยที่ ผลผลติ ตอ่ ไร่ เทา่ กบั 442.29 กโิ ลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉล่ยี ที่เกษตรกรขายได้ 8.68 บาทตอ่ กโิ ลกรัม เกษตรกร จะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,839.08 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 486.60 บาท คิดเป็นรอ้ ยละ 14.51 ของต้นทุนการผลติ
84 ตน้ ทนุ การปลูกมันเทศ มตี ้นทุนรวมตอ่ ไร่ เท่ากบั 10,651.84 บาท แบง่ เปน็ ต้นทุนผนั แปร 9,950.43 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 93.42 ต้นทุนคงที่ 701.41 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.58 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 2,958.33 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ 8.24 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทน ต่อไร่ 24,376.64 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกมันเทศ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 13,724.80 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 128.85 ของตน้ ทุนการผลติ ซ่ึงจะเห็นได้ว่าตน้ ทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวในพืน้ ทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) เมอ่ื เทียบกับการปลูก มันเทศ จะเห็นได้ว่าข้าวในพื้นทีไ่ ม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 486.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.51 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการปลูกมนั เทศเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ เท่ากับ 13,724.80 บาท คิดเป็นร้อยละ 128.85 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนและ ผลตอบแทนแลว้ มนั เทศใหผ้ ลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ทีด่ กี วา่ ขา้ วในพน้ื ทีไ่ มเ่ หมาะสม (N) ตารางท่ี 43 การเปรียบเทยี บต้นทุนการผลติ การปลูกข้าวในพืน้ ทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) กบั การปลกู มนั เทศ หน่วย : บาท/ไร่ รายการ ข้าว มันเทศ (บาท/ไร่) พ้นื ทไี่ ม่เหมาะสม (Not Suitability : N) ไมแ่ ยกความเหมาะสมของดนิ เงนิ สด ประเมิน รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทุนผนั แปร 2,187.42 658.58 2,845.99 8,851.21 1,099.21 9,950.43 2. ต้นทุนคงที่ 61.51 444.99 506.49 - 701.41 701.41 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 2,248.92 1,103.56 3,352.48 8,851.22 1,800.62 10,651.84 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม - - 7.94 - - 3.60 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) - - 442.29 - - 2,958.33 6. ราคาเฉลย่ี ทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 8.68 - - 8.24 7. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ - - 3,839.08 - - 24,376.64 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ - - 486.60 - - 13,724.80 9. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.74 - - 4.64 10. ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คุ้มทนุ (กก./ไร)่ - - 386.23 - - 1,292.70 ที่มา : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6
85 3.3.5 การเปรียบเทียบต้นทนุ และผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) กับ การปลกู พริก ตน้ ทุนการปลกู ขา้ วในพื้นท่ไี มเ่ หมาะสม (N) มตี ้นทุนรวมตอ่ ไร่ เทา่ กบั 3,352.48 บาท แบ่งเป็นต้นทุน ผนั แปร 2,845.99 บาท หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 84.89 ตน้ ทนุ คงท่ี 506.49 บาท หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 15.10 โดยที่ ผลผลิตตอ่ ไร่ เท่ากับ 442.29 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ณ ราคาเฉลยี่ ท่ีเกษตรกรขายได้ 8.68 บาทตอ่ กิโลกรัม เกษตรกร จะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,839.08 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ เท่ากับ 486.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.51 ของต้นทนุ การผลิต ต้นทนุ การปลกู พรกิ มีตน้ ทุนรวมต่อไร่ เทา่ กับ 14,589.68 บาท แบ่งเป็นตน้ ทุนผนั แปร 13,891.41 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 95.21 ต้นทุนคงที่ 698.27 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.79 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 926.47 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ 30.42 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทน ตอ่ ไร่ 28,186.20 บาท ดังนัน้ เมือ่ เกษตรกรปลูกพริก เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ เท่ากบั 13,596.52 บาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 93.19 ของต้นทุนการผลิต ซึ่งจะเหน็ ได้ว่าตน้ ทุนและผลตอบแทนของการปลูกขา้ วในพ้นื ทีไ่ ม่เหมาะสม (N) เมอื่ เทยี บกบั การปลูก พริกจะเห็นได้ว่าข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 486.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.51 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการปลูกพริกเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 13,596.52 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 93.19 ของตน้ ทนุ การผลิต จะเหน็ ได้วา่ เม่ือเปรยี บเทยี บต้นทนุ และผลตอบแทน แล้วพริกใหผ้ ลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ทดี่ ีกวา่ ขา้ วในพ้นื ท่ไี มเ่ หมาะสม (N)
86 ตารางที่ 44 การเปรียบเทียบต้นทนุ การผลติ การปลูกข้าวในพนื้ ทีไ่ ม่เหมาะสม (N) กบั การปลกู พรกิ รายการ ขา้ ว หน่วย : บาท/ไร่ พืน้ ท่ีไม่เหมาะสม (Not Suitability : N) พริก (บาท/ไร่) เงนิ สด ประเมิน รวม ไมแ่ ยกความเหมาะสมของดิน เงินสด ประเมิน รวม 1. ต้นทุนผนั แปร 2,187.42 658.58 2,845.99 9,067.58 4,823.83 13,891.41 2. ต้นทุนคงที่ 61.51 444.99 506.49 91.92 606.35 698.27 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,248.92 1,103.56 3,352.48 9,159.51 5,430.17 14,589.68 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรมั - - 7.94 - - 15.75 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กิโลกรัม) - - 442.29 - - 926.47 6. ราคาเฉลยี่ ท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 8.68 - - 30.42 7. ผลตอบแทนต่อไร่ - - 3,839.08 - - 28,186.20 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ - - 486.60 - - 13,596.52 9. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.74 - - 14.68 10. ปริมาณผลผลติ ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร่) - - 386.23 - - 479.56 ทีม่ า : จากการสำรวจ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 3.4 การวิเคราะห์เพือ่ หาพชื ทางเลอื กทางเศรษฐกจิ และการปลูกพชื เสริมรายได้ จงั หวัดตราด มีพื้นที่เพาะปลูกพชื เศรษฐกิจ รวมพื้นท่ี 764,911 ไร่ โดยพืชเศรษฐกิจท่ีสำคัญและปลูก มากที่สุดในจังหวัดตราด รวมทั้งพืชที่มีปัญหาราคาตกต่ำ ได้แก่ ยางพารา ซึ่งมีพื้นที่ปลูก 379,225 ไร่ หรือ คิดเป็นร้อยละ 49.57 ของพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจทั้งหมด การผลิตในพื้นที่ระดับความเหมาะสม จากข้อมูลกรมพฒั นาท่ีดนิ มพี นื้ ที่ความเหมาะสม (S) ในการปลกู ยางพารา รวมท้งั หมด 379,225 ไร่ แบ่งเป็น พ้ืนทีค่ วามเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 320,844 ไร่ และประมาณการวา่ พนื้ ท่ีปลูกยางพาราจังหวัดตราด มีจำนวน 379,225 ไร่ พื้นที่ความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 320,844 ไร่ รวมพื้นที่ปลูกในพื้นที่ความ เหมาะสม (S) จำนวน 320,844 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 84.61 ของพนื้ ท่ปี ลกู พื้นทป่ี ลกู ในพืน้ ที่ความเหมาะสมน้อย (S3) จำนวน 18,043 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.76 และพื้นที่ปลูกไม่เหมาะสม (N) จำนวน 30,278 ไร่ หรือ คิดเป็นรอ้ ยละ 7.98 โดยพ้นื ทไ่ี มเ่ หมาะสมในการปลกู ยางพารา (N) กระจายไปอยูอ่ ำเภอแหลมงอบ 11,556 ไร่ คดิ เปน็ 23.92% อำเภอบอ่ ไร่ 11,261 ไร่ คิดเป็น 23.30% อำเภอเมอื ง 9,681 ไร่ คิดเป็น 20.03% ผลผลิตต่อไร่ของพื้นที่เหมาะสม (S) ไร่ละ 229.71 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ไม่เหมาะสม (N) 200.00 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่เหมาะสมให้ผลผลิตท่ีสงู กวา่ 29.71 กิโลกรัมตอ่ ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 12.93 ผลตอบแทน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125