Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ร่วมเรียนรู้ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผู้แต่ง : สำนักงาน กศน จัดทำ E-BOOK : ห้องสมุดประชาชนจังหวัดชลบุรี

ร่วมเรียนรู้ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผู้แต่ง : สำนักงาน กศน จัดทำ E-BOOK : ห้องสมุดประชาชนจังหวัดชลบุรี

Published by 500bookchonlibrary, 2021-01-19 08:56:47

Description: ร่วมเรียนรู้ปรัชญา

Search

Read the Text Version

• คำ�น�ำ จากนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งมั่นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน สังคมและ ประเทศชาติ ด้วยการน้อมน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เป็นกลไกการขับเคล่ือนนโยบาย การด�ำเนินงาน อยา่ งเปน็ รปู ธรรม น�ำพาประเทศไปสคู่ วามมนั่ คง มัง่ คงั่ และยง่ั ยนื รวมถงึ ความมเี สถียรภาพของประชาธิปไตย ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นหน่วยงานท่ีจัดการศึกษาให้กับกลุ่ม เป้าหมายนอกระบบโรงเรยี น เนน้ การจัดกระบวนการเรียนร้ใู ห้กับประชาชนทุกระดบั ทุกเพศ ทกุ วยั ดว้ ยการจัดการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน การศึกษาตามอัธยาศัยและการศึกษาตลอดชีวิต ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและปรัชญาคิดเป็น เปน็ สิ่งส�ำคญั ในการสรา้ งบคุ คลที่เรยี นรู้อย่างมีคุณภาพ และเป็นการจดั การศกึ ษาเพื่ออนาคตทย่ี ่งั ยืน เพ่ือให้การขับเคล่ือนศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจ�ำต�ำบลเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ส�ำนักงาน กศน.) ไดท้ ำ� บันทึกขอ้ ตกลงความรว่ มมือกบั กองอำ� นวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) การขบั เคลือ่ นโดยครู กศน.ต�ำบลทีป่ ระจำ� ศูนย์ฯ 7,424 ตำ� บล เปน็ กลไกส�ำคญั ในการทำ� หนา้ ที่ให้ความรู้และประสานงาน กบั แหลง่ เรยี นรใู้ นพนื้ ที่ เพอ่ื เปน็ ชอ่ งทางในการสรา้ งโอกาสทางการศกึ ษาใหก้ บั ประชาชนไดเ้ ขา้ ถงึ ความรตู้ ามความตอ้ งการ และสามารถนำ� ความรมู้ าประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ซง่ึ จะชว่ ยสรา้ งศกั ยภาพในการพฒั นาประเทศอยา่ งรอบดา้ น สามารถ รบั มือกบั ความเปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ข้นึ “พออยู่ พอกนิ และพึ่งพาตนเอง” สรา้ งภูมคิ ุ้มกนั เพือ่ ใหเ้ กิดความเขม้ แขง็ ทง้ั ตนเอง สงั คมและประเทศชาตติ อ่ ไป สำ� นักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 13 มิถนุ ายน 2559

สารบญั 12บทนำ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสูวิถีประชาชน • ออกแบบชวี ิตดว ยเศรษฐกิจพอเพยี ง • เกษตรทฤษฎใี หม : วิถีงา ยๆ คนไทยอยรู อด • ปา 3 อยา ง ประโยชน 4 อยาง ไม 5 ระดบั • หญาแฝก : ตนหญา มหัศจรรย 3 • แกลงดิน : ไมแกลงดี • สมุนไพรกำจดั แมลงและศัตรพู ชื กศน.กบั เศรษฐกิจพอเพยี ง : หนทางสูค วามสำเรจ็ ตวั อยา งผลงานในภารกจิ กลมุ ศนู ยฝ ก และพฒั นาอาชพี ฯ : คลงั ปญ ญา สรา งอาชพี • กระเจย๊ี บเขยี วธราธิป • กุย ฉายขาว • การปลกู ขาวนาวางตนเดียวแบบประณตี • ขาวหอมมะลิ 105 • เศรษฐกจิ พอเพยี งสู 1 ไร 1 แสน บญั ชีครัวเรือน ตวั อยา ง 11 จังหวดั 11 ศนู ยเรยี นรูฯ กศน.ตน แบบ • ศนู ยเรียนรฯู ประจำตำบลบานครง่ึ ใต อำเภอเชยี งของ จังหวดั เชยี งราย • ศูนยเ รยี นรูฯ ประจำตำบลทา ประดู อำเภอนาทวี จงั หวดั สงขลา • การจัดการศึกษาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยใชช มุ ชนเปน ฐาน กศน.อำเภอรอ งคำ จงั หวดั กาฬสินธุ • ศูนยเ รียนรูฯประจำตำบลคลองเรือง กศน.อำเภอวหิ ารแดง จังหวดั สระบรุ ี • ศูนยเ รียนรฯู ประจำตำบลบานทาน อำเภอบา นลาด จังหวดั เพชรบรุ ี • ศนู ยเรยี นรฯู ประจำตำบลคลองนอ ย อำเภอเมอื ง จังหวัดสุราษฏรธานี • ศูนยเ รียนรฯู ประจำตำบล อำเภอมญั จาคีรี จงั หวัดขอนแกน •ศนู ยเรยี นรฯู ประจำตำบลหูลอง อำเภอปากพนงั จังหวัดนครศรีธรรมราช • ศนู ยเ รียนรู ประจำตำบลปา ไผ อำเภอสันทราย จังหวัดเชยี งใหม 4 • ศนู ยเ รียนรู ประจำตำบลธาตเุ ชงิ ชุม อำเภอเมอื ง จงั หวัดสกลนคร • ศนู ยเ รียนรฯู ประจำตำบลบางเมืองใหม อำเภอเมือง จงั หวัดสมุทรปราการ รว มกนั พฒั นาคน ขยายผลอยา งยง่ั ยนื • ความรวมมอื กศน. กับ กอ.รมน. เดินหนา สูป ระชาชน บรรณานุกรม ภาคผนวก • ขอ มลู ศูนยเรยี นรูฯ ในพืน้ ที่

• บทน�ำ กว่า 40 ปลี ่วงมาแลว้ นบั ต้งั แต่ปพี ุทธศกั ราช 2517 ส�ำนักงาน กศน.ประจ�ำปีงบประมาณ 2559 ซ่ึงยึดเรื่องของ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานหลักปรัชญา “ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและปรชั ญาคดิ เปน็ ” ทมี่ เี ปา้ ประสงค์ เศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ปวงชนชาวไทย เพ่ือเป็นหลักในการ ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกิจกรรมการเรียนรู้ของ ดำ� เนนิ ชวี ติ อยา่ งสมดลุ และเทา่ ทนั กบั กระแสความเปลย่ี นแปลง ชมุ ชนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและปรชั ญาคดิ เปน็ ของโลก ผลจากกระแสของระบบทุนนิยมที่หลัง่ ไหลมารวดเรว็ รวมถึงยุทธศาสตร์ในเรื่องของการสร้างอุดมการณ์ รักชาติ เกินไป ในขณะท่ีคนไทยยังขาดภูมิคุ้มกันชีวิต ได้ทิ้งร่องรอย ศาสน์ กษัตริย์ และสร้างค่านิยมที่พึงประสงค์ ที่มีจุดเน้นการ ความบอบชำ�้ ไวใ้ นสงั คมไทยแบบตง้ั ตวั ไมท่ นั ชว่ งเวลานจี้ งึ เปน็ ด�ำเนนิ งาน ในการสง่ เสรมิ การจัดการศึกษานอกระบบและการ ช่วงรอยต่อส�ำคัญในการฟื้นฟูและรักษาสภาพของความเป็น ศึกษาตามอัธยาศัยเพ่ือสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจาก ไทย โดยการปลกู หวั ใจคนไทยใหเ้ กดิ ความสำ� นกึ รกั แผน่ ดนิ เกดิ พระราชด�ำริ หรือโครงการอันเก่ียวเนื่องจากพระราชวงศ์ และ หวงแหนความเป็นชาติ สร้างความเป็นปึกแผ่น เป็นน�้ำหน่ึง สง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนจดั ตงั้ หมบู่ า้ นเรยี นรตู้ ามรอยพระยคุ ลบาท เพอ่ื ใจเดียวกนั ของคนในชาตอิ ีกครั้ง เสริมสร้างอดุ มการณต์ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลง จากการท่ีคณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือ 18 กุมภาพันธ์ นโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในการน�ำหลักปรัชญา 2558 ในการกาํ หนดแนวทางการรกั ษาความมน่ั คงสถาบนั หลกั เศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นจุดเน้นในยุทธศาสตร์การพัฒนา ของชาติภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี ประเทศ โดยจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตรบ์ รู ณาการการขบั เคลอ่ื นการ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมอบหมายให้กระทรวง พฒั นาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง พ.ศ. 2557 - 2560 ศึกษาธิการเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในแนวทางที่ 1 คือ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ กรอบและแนวทางในการปฏบิ ตั งิ านรว่ มกนั และการ การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับบทบาท สง่ เสรมิ ใหท้ กุ ภาคสว่ น นำ� หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ และความสําคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย อย่างต่อเนือ่ งโดยยดึ หลกั การส�ำคัญคอื รจู้ กั พอประมาณ มเี หตุ และมอบหมายให้ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีผลและมีภูมิคุ้มกันบนพื้นฐานของความรู้คู่คุณธรรม ราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักใน สอดคล้องกับหลักการพัฒนาตามพระราชด�ำริเร่ือง “เข้าถึง แนวทางที่ 2 คอื การส่งเสรมิ สนบั สนนุ โครงการอนั เน่อื งมาจาก เข้าใจ พัฒนา” สอดรับกับหลักปรัชญาการด�ำเนินงานของ พระราชดาํ ริ และขยายผลออกไปในวงกว้างเพ่อื ประโยชนข์ อง 1

ประชาชนกบั แนวทาง ทางที่ 3 คอื การสง่ เสรมิ การเรยี นรหู้ ลกั การ นักศึกษา กศน. และประชาชน ได้ตระหนักรู้ เกิดการพัฒนา ทรงงานและแนวพระราชดาํ รใิ หท้ กุ ภาคสว่ นสามารถประยกุ ตใ์ ช้ คุณภาพชีวิตและเห็นความส�ำคัญในความเป็นชาติ ศาสนา ในการปฏิบตั งิ านและการดําเนนิ ชีวติ และเทิดทูนสถาบันพระมหากษตั ริย์ สง่ เสริมสนบั สนนุ การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ในหลักการทรงงานและแนวพระราชด�ำริ น่ันคือ จุดเร่ิมต้นของ “การขับเคล่ือนศูนย์เรียนรู้ ตลอดจนใหค้ วามรว่ มมอื สง่ เสรมิ ใหส้ ถานศกึ ษาไดม้ กี ารเรยี นรู้ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำ� ตำ� บล” ภายใต้ ตามรอยพระยุคลบาทในชุมชน โดยประสานงานและให้ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื ระหวา่ งสำ� นกั งานกศน.และกองอำ� นวยการ ความรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งในพน้ื ทใ่ี นการดำ� เนนิ งาน รักษาความม่ันคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี ขับเคล่ือน เผยแพร่องค์ความรู้ให้เกิดการจัดการความรู้ของ วัตถุประสงค์ด้านการรักษาความม่ันคงสถาบันหลักของชาติ ชุมชนในรูปแบบชุมชนศึกษา และสร้างเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ ให้บุคลากรในสังกัดส�ำนักงาน กศน.ทุกระดับ และนักศึกษา ในระดบั พน้ื ทตี่ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทคี่ นไทย ประชาชนไดต้ ระหนกั รแู้ ละเกดิ ความภาคภมู ใิ จ ในการขยายผล ควรยึดถือเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ในการด�ำเนินชีวิต โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ ตามหลักปรัชญาของ อย่างมีคุณภาพ อันเป็นเปา้ หมายในการบูรณาการความรูไ้ ปสู่ เศรษฐกิจพอเพียงและสู่ประชาชนอย่างแพร่หลาย เพ่ือเข้าถึง การปฏิบัติ โดยใช้ กศน.ต�ำบล เป็นฐานแบบมสี ่วนร่วมในการ คุณค่าและความส�ำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ของ จดั กระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ เพอื่ ใหป้ ระชาชน ประเทศไทยและการใหค้ วามรว่ มมอื ในการจดั ตงั้ หมบู่ า้ นเรยี นรู้ ทกุ ชว่ งวยั มโี อกาสไดร้ บั การศกึ ษา ใหม้ คี วามรู้ ทกั ษะ ทเ่ี พยี งพอ ตามรอยพระยคุ ลบาทเพราะการทจ่ี ะพฒั นาประเทศอยา่ งยงั่ ยนื ต่อการด�ำรงชีวิต ประกอบอาชีพ และปรับตัวให้ทันต่อการ ได้น้ัน จ�ำเป็นจะต้องมุ่งเน้นไปท่ีการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็น เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม เพ่ือให้เกิดการพัฒนาสังคม สำ� คญั สำ� หรบั การเปดิ ศนู ยเ์ รยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และชมุ ชนอยา่ งต่อเนือ่ ง อันจะน�ำชมุ ชน สังคม และประเทศที่ และเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บล ในพน้ื ท่ี กศน.ตำ� บล จำ� นวน มคี วามม่นั คง มั่งค่ัง และยง่ั ยนื ต่อไป 7,424 แห่งทั่วประเทศ นับเป็นการเริ่มต้นการขับเคล่ือน นโยบายไปสู่การปฏิบัติพร้อมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 “เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรม เพอื่ ประโยชนส์ ขุ มิถุนายน 2559 แห่งมหาชนชาวสยาม” พระปฐมบรมราชโองการแห่งองค์ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั เป็นเครอ่ื งยนื ยันว่าในหลวงของ “ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ ปวงชนชาวไทยไม่เคยทอดท้ิงประชาชนของพระองค์ หลัก เกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บล” จำ� นวน 7,424 แหง่ ทว่ั ประเทศ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์พระราชทานให้ จะน�ำพา เกิดข้ึนเพื่อสนับสนุนแนวทางในการเผยแพร่องค์ความรู้ตาม คนไทยทกุ คนทง้ั ระดบั ปจั เจก ระดบั ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และ หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ประเทศชาติใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ไปสคู่ วามยง่ั ยืนอยา่ งสมดลุ รวมท้ังหลักการทรงงาน เพื่อสร้างส�ำนึกความหวงแหน สถาบันหลักของชาติและการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ ในชุมชน ผ่านกลไกทางการศึกษาของ กศน. โดยให้บุคลากร 2

�หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่เกิดจากความห่วงใย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยท้ังด้าน สรุปหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจ สังคมและส่ิงแวดล้อมเพ่ือชี้แนวทางการด�ำรงชีวิตของ ประชาชนในทกุ ระดบั ตงั้ แตค่ รอบครวั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รฐั ใหด้ ำ� เนนิ ไปบนทางสายกลาง มคี วามพอเพยี งและมคี วามพรอ้ มทจี่ ะจดั การตอ่ ผลกระทบจากการเปล่ยี นแปลงของสงั คมโลก เศรษฐกิจพอเพียงเป็นท้ังหลักคิดและแนวทางปฏิบัติตนท่ี สามารถน�ำมาปรบั ใชใ้ นการดำ� เนนิ ชีวิตดว้ ยหลัก 3 ประการ ไดแ้ ก่ 1. ความพอประมาณ ความพอประมาณสามารถเร่ิมได้จากการใช้ทรัพยากรท่ีมี อยู่เดิมของตนเอง ชุมชนท้องถ่ิน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนท่ีจะ แสวงหาแหล่งทุน วัตถุดิบ สิ่งของหรือการบริการจากภายนอก และ วางแผนการใช้อย่างเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ สังคมและ สง่ิ แวดลอ้ ม ไมม่ ากเกนิ ศกั ยภาพและไมน่ อ้ ยจนขาดแคลน แตเ่ ปน็ การ ใช้อย่างรู้คุณค่า ดูแลรักษาส่ิงที่มีและพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งข้ึน เน้น การสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ จากภายในทเ่ี รยี กวา่ “ระเบดิ จากขา้ งใน ” แลว้ ขยายเชอื่ มโยงกบั ภายนอกเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ อยา่ งยงั่ ยนื โดยอาศยั ความรอบรู้ รอบคอบในการคดิ วางแผน และตัดสนิ ใจทีอ่ ยู่ บนพื้นฐานของคณุ ธรรมต้งั มน่ั อยูบ่ นความซ่ือสตั ย์ สุจรติ 3

2. ความมีเหตผุ ล ความมเี หตผุ ลเปน็ พน้ื ฐานทสี่ ำ� คญั สำ� หรบั การตดั สนิ ใจ ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักศีลธรรม จริยธรรมและวัฒนธรรม มีการคิดพิจารณาและจัดเก็บข้อมูล อย่างเปน็ ระบบ รอบคอบ ด�ำเนนิ การอยา่ งสมเหตสุ มผลและมี การแสวงหาความรู้อย่างสม�่ำเสมอ โดยใช้สติปัญญาอย่างมี คุณภาพและคณุ ธรรมควบค่กู ันไป 3. การมีภมู คิ ุ้มกันทด่ี ใี นตวั เอง การไม่ประมาทในการด�ำเนินชีวิต นับว่าเป็นการ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นตวั เอง เปน็ การเตรยี มความพรอ้ มรบั ความ เสยี่ งและผลกระทบที่อาจจะเกดิ ข้นึ จากการเปลี่ยนแปลง และ สามารถรับมอื และปรับตัวได้อย่างทนั ทว่ งที เงอ่ื นไข ในการดำ� เนนิ ชวี ติ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนน้ั มีส่วนประกอบคือความรู้และคุณธรรม โดยความรู้เป็นกลไก สำ� คญั ทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ทกั ษะการใชช้ วี ติ การประกอบอาชพี อยา่ ง มคี ณุ ภาพ ถา้ หากประชาชนมกี ารแสวงหาความรู้ มกี ารจดั การ ความรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบและตอ่ ยอดความรใู้ หเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละ มคี วามรอบคอบในการนำ� ความรไู้ ปใช้ ซง่ึ จะสง่ ผลดตี อ่ คณุ ภาพ ชวี ติ และการใชช้ วี ติ อยา่ งมคี ณุ ภาพ โดยมคี ณุ ธรรมเปน็ พนื้ ฐาน ในการสร้างความเข้มแข็งของคน สังคมและประเทศชาติ ทั้งดา้ นความซอื่ สัตยส์ จุ ริตความอดทน ความเพยี ร และการใช้ สติปัญญาในการด�ำเนินชีวิตอันจะน�ำไปสู่การพัฒนาที่สมดุล และยง่ั ยนื 4

เศรษฐกิจพอเพียง : การเดินทางของชีวิต จากหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทไี่ ดก้ ลา่ วมา กลางทาง: การขยายผล ข้างต้นสามารถสรุปแนวคิดและกระบวนการที่จะน�ำไปสู่การ การน้อมน�ำองค์ความรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ ดังน้ี ต้นทาง: คิดพอเพียง พอเพียงไปสู่ปฏิบัติ เผยแพร่ หรือใช้ในจัดกระบวนการเรียนรู้ ใหก้ บั ประชาชนและผทู้ ส่ี นใจไดเ้ ขา้ ใจและตระหนกั ถงึ คณุ คา่ ใน ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มไิ ดห้ มายความเพยี ง หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตลอดจนสามารถนำ� ความรู้ แคบ่ คุ คลพึ่งพาตนเองได้ (Self–Sufficiency) แตม่ คี วามหมาย ไปประยกุ ต์ใช้ในมิติต่างๆ ในการดำ� รงชีวติ การประกอบอาชพี รวมถึงการคิดอย่างพอเพียงเป็นการคิดอย่างมีพลวัต สามารถ รวมทง้ั การประกอบธรุ กจิ ในภาคอตุ สาหกรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ปรับเปล่ียนพัฒนาได้ตามเหตุผล สอดคล้องเหมาะสมกับ ปลายทาง: ความเข้มแขง็ มนั่ คง และยั่งยนื สถานการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงไป สามารถใชไ้ ดท้ ้ังกบั บุคคล กลมุ่ ชุมชน องค์กรทั้งภาครฐั และภาคธรุ กิจ เมื่อบคุ คล ประชาชน หรอื องคก์ รต่างๆ น้อมนำ� หลัก ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ไ ป ป ฏิ บั ติ แ ล ะ เ กิ ด ก า ร ส�ำหรับแนวทางการน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ เปล่ียนแปลง ส่งผลดีกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน หน่วยงาน พอเพียงมาใช้ในการด�ำรงชีวิตโดยมีการพัฒนาตามล�ำดับข้ัน องคก์ ร สามารถพงึ่ พาตนเอง มคี วามเขม้ แขง็ อกี ทงั้ เปน็ ตน้ แบบ ดงั นี้ แห่งการเรียนรู้ให้กับบุคคลให้กับผู้ที่สนใจได้น้ัน นับว่าเป็น ปลายทางที่ส�ำคัญอันจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลและ ระดบั ทห่ี นง่ึ เปน็ เศรษฐกจิ พอเพยี งแบบพน้ื ฐานทเ่ี นน้ ยั่งยืนอยา่ งแทจ้ ริง ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัว คือการท่ีสมาชิก ในครอบครัวมีพอกิน มีอาหาร สามารถสนองความต้องการ พื้นฐานหรือปจั จัยสข่ี องครอบครัว พ่ึงตนเองได้ ระดบั ทส่ี อง เปน็ เศรษฐกจิ พอเพยี งแบบกา้ วหนา้ คอื ยกระดบั ความพอเพยี งเปน็ ระดบั กลมุ่ มกี ารรวมตวั ทงั้ ความคดิ ความร่วมมือ รักษาผลประโยชน์ภายในชุมชน มีการเรียนรู้ แลกเปล่ยี นและแก้ปัญหาร่วมกนั สร้างความเขม้ แข็งในชุมชน ระดับท่ีสาม เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวไกล ระดับสร้างเครือข่าย เน้นความร่วมมือระหว่างชุมชน กลุ่ม องค์กร เอกชน หรือธุรกิจภายนออก โดยประสานงานให้ได้ ประโยชน์รว่ มกัน 5

หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2 สวู ิถีประชาชน ออกแบบชวี ิตดวยเศรษฐกจิ พอเพียง ตามท่ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ทรง มพี ระราชดำรสั ชแ้ี นะแนวทางการดำเนนิ ชวี ติ แกพ สกนกิ รชาวไทย ตั้งแตกอนเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทรงเนนย้ำแนวทางการแกไข เพื่อใหประชาชนรอดพน โดยยึดหลักการพึ่งพาตนเอง มคี วามพอประมาณ มเี หตมุ ีผล สรางภมู ิคุม กนั ท่ดี ใี นตวั มีการพฒั นาทถ่ี ูกตอ งตามหลักการ พรอมกบั มคี ณุ ธรรมเปน กรอบ ในการปฏบิ ตั ซิ ่งึ ประชาชนสามารถนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปปฏบิ ัติในชีวติ ประจำวันไดอยา งงายๆ เชน ตัวอยางของความพอเพียง หวงพอประมาณ = ความพอดี 1. การผลิตที่ไมมากเกินไป และไมนอยเกินไปตามเงินทุนที่มีอยู ไมตองกูเงินมาลงทุนผลิต ถาพลาดก็ไมเดือดรอน ไมตอง หาเงินมาใชหนี้ หรือตองขายที่ดินมาใชหนี้แหลงเงินทุน หรือนายทุนในพื้นที่ 2. ความพอเพียงในเรื่องการกิน กินแตพอเพียง เริ่มตั้งแตทำอาหารที่ไมควรทำมากเกินความจำเปน เหลือหรือเสียก็ตองเททิ้ง 3. ความพอเพียงในเรื่องที่อยูอาศัย เชน สรางบานใหพอเหมาะกับจำนวนคน และฐานะไมใหญ หรือไมเล็กเกินไป 4. ความพอเพยี งในเรอ่ื งการใชย านพาหนะ เชน รถยนต รถจกั รยานยนต ไมซ อ้ื มากเกนิ ความจำเปน สภาพรถควรเหมาะกบั งาน ไมควรขับเร็วเกินควร เพราะจะทำใหสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปลาประโยชน 5. ความพอเพียงในเรื่องการใชเครื่องมือสื่อสาร เชน โทรศัพทมือถือควรมีคนละเครื่อง และใชเทาที่จำเปน 6. ความพอเพียงในเรื่องการใชเครื่องใชไฟฟาในบานเรือน เชน ไมเปดเครื่องใชไฟฟาทิ้งไว ปดไฟดวงที่ไมจำเปน 7. ความพอเพียงในเรื่องการใชอุปกรณตางๆ ควรดูแลรักษาใหสะอาด เพื่อจะไดใชงานไดนานๆ คุมคาและทำความสะอาด และบำรงุ รกั ษาทกุ ครง้ั หลงั ใชง าน เชน อปุ กรณท ำการเกษตร เมอ่ื ใชง านเสรจ็ แลว ควรทำความสะอาด ทานำ้ มนั เกบ็ ไวใ นทร่ี ม 8. ความพอเพยี งในเร่อื งการผลิตเพือ่ บริโภคในครัวเรือน ควรปลูกผักสวนครัว และเล้ยี งสัตวไ วบ รโิ ภคเองตามความเหมาะสม เชน ปลูกผักบุง มะเขือ ตะไคร กระเพรา โหระพา สะระแหน เลี้ยงปลา ไก เปด เปนตน 9. ความพอเพียงในเรื่องการใชของใชในบาน เชน สบู ยาสีฟน ผงซักฟอก และของใชอื่น ๆ ควรใชอยางประหยัดและคุมคา ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ ประธานกรรมการมลู นธิ ชิ ยั พฒั นา เลา ใหฟ ง วา “พระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ทา นทรงใชย าสพี ระทนต จนหลอดยาสพี ระทนตแ บนเหมอื นกระดาษ พระองคท า นทรงใชค มุ คา เพอ่ื เปน ตวั อยา งแกพ สกนกิ รของพระองค” 10.ความพอเพียงในการแตงกาย ควรใชเสื้อผาใหคุมคา คุมราคา และไมควรมีมากจนเกินไป 11.ความพอเพียงในเรื่องการใชทรัพยากรธรรมชาติ เชน ปาไม น้ำประปา มีจำกัด ควรใชแตพอเพียงบางอยางมีประโยชน ก็ไมควรทำลาย เชน ตอซังขาวไมควรเผา เพราะเมื่อยอยสลายจะกลายเปนอินทรียวัตถุ หรือปุยอินทรีย 12.ตองมีสติในการดำรงชีวิต ไมเชื่อในสิ่งเราที่ไมดี เชน การดื่มของมึนเมา และมั่วสุมยาเสพติด ตองพัฒนาตนเอง โดย การขยัน ประหยัด พัฒนาตน หลีกพนอบายมุข 6

หวงมีเหตุผล = หาขอ มลู รอบทิศ คดิ รอบดา น 1.ความมีเหตุผลในการตัดสินใจในการประกอบอาชีพ ควรเลือกตามความถนัด และความชำนาญ เชน การเลือกเลี้ยงสัตว คาขาย ปลูกผัก หรืออาชีพอิสระอื่นๆ ที่มองเห็นชองทางในการสรางรายได ไมขาดทุนและมีความสุข 2.ความมีเหตุผลในการตัดสินใจทำการเพาะปลูกพืชผัก และการทำเกษตร ตองศึกษาขอมูลวิธีการปลูก และความตองการของตลาด เพราะเราสามารถคำนวณตนทุนการผลิต และกำไรที่คาดหวังได หวงมีภูมิคุมกันในตัวที่ดี : เตรียมพรอม ไมประมาท 1.การพึ่งตนเองใหไดโดยการขยัน ประหยัด อดทน และอดออม เมื่อมีเงินทุนประกอบอาชีพของตนเอง โดยไมตองกูยืมใคร ไมตองเสียดอกเบี้ย ทำใหมีตนทุนต่ำ 2.การทำเกษตรทฤษฎีใหม หมายถึง ปลูกขาว 30 % ปลูกผัก 30 % บอน้ำ 30 % ปลูกบาน 10 % มีการขุดบอเก็บน้ำไวใชเองในฤดูแลงหรือยามขาดแคลน ทำใหมีน้ำทำการเกษตรไดตลอดเวลา ปลูก พืชหรือเลี้ยงสัตวไดตลอดป ไมตองรอน้ำฝนหรือน้ำชลประทาน 3.การปลูกพืชควรปลูกแบบผสมผสาน โดยการปลูกพืชหลายๆ อยางในพื้นที่เดียวกันเผื่อวาพืชชนิดหนึ่ง ราคาตกก็ยังมีพืชชนิดอื่นทดแทนได เชน ขาว ออย มันสำปะหลัง ถั่ว ขาวโพด เปนตน เงื่อนไขที่ 1 คือ ความรู : รอบรู รอบคอบ ระมัดระวัง เงื่อนไขที่ 2 คือ คุณธรรม : นำชีวิต 1.รอบรู ไดแก การวางแผนการทำการเกษตร โดย 1.มีน้ำใจ รูจักแบงปนเพื่อนพอง ไมคด ไมโกง การทำปยุ อนิ ทรยี ใ ชเ อง หรอื ทำปยุ นำ้ ชวี ภาพ เพอ่ื ลดตน ทนุ แบงสวนที่มากเกินความจำเปน แบงความรูเรื่องในการ การผลิต หาขอมูลในการประกอบอาชีพ และชองทางการ ประกอบอาชีพ จำหนาย โดยการหาความรูจากขาวสารวิทยุ โทรทัศน หนังสือพิมพ และชองทางสื่อออนไลน แลวนำมาปฏิบัติ 2.ขยนั ขนั แขง็ ในการประกอบอาชพี มคี วามมานะ ประยุกตใชใหเหมาะสมกับตนเอง อดทน 2.รอบคอบ ไดแก ศึกษาหาขอมูลดานการตลาด 3.ประหยัด รูจักใชเงินแบบเศรษฐกิจพอเพียง เชน ลูกคา ราคา สินคาที่ตลาดตองการกอนที่จะลงมือทำ มีการจดบัญชีครัวเรือน และมีการออม เพื่อจะไดประมาณการรายได ตนทุน กำไร ได 4.หลีกพนอบายมุขทั้งปวง ไมเลนการพนัน 3.ระมัดระวัง ไดแก ควรหลีกเลี่ยงเรื่องความเสี่ยง ไมเที่ยวกลางคืน ที่อาจจะเกิดขึ้น เชน การปลูกพืชในชวงฝนตกน้ำทวม หรือ ปลูกพืชผักในฤดูแลง ทำใหไมสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได 5.ซอ่ื สตั ยส จุ รติ ตอ ตนเองครอบครวั และคนรอบขา ง ขาดทุน 7

ประยุกตใช: ประโยชนสูง การดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง การมีรายไดที่สามารถอุมชูตัวเอง อยูไดโดย ไมตองเดือดรอน ซึ่งตองสรางพื้นฐานรายไดของตนเองใหดีเสียกอน คือ ตั้งตัวใหมีความพอกินพอใช มใิ ชม งุ หวงั แตจ ะหารายได และยกฐานะรายไดใ หร วดเรว็ แตเพยี งอยา งเดยี ว เพราะผทู ม่ี อี าชพี และฐานะ เพยี งพอที่จะพง่ึ ตนเองยอมสามารถสรา งความเจรญิ กาวหนา และฐานะขั้นท่สี งู ข้นึ ไปตามลำดบั ตอไป เศรษฐกจิ พอเพยี งอาจเปรยี บเทยี บกบั ทฤษฎใี หมต ามแนวพระราชดำรไิ ด 2 แบบ คอื เศรษฐกจิ พอเพียงแบบพื้นฐาน ที่มุงแกไขปญหาในระดับครอบครัว และเศรษฐกิจพอเพียงแบบกาวหนา คือ มีการ รวมตัวกันในระดับหมูบานเพื่อชวยเหลือซึ่งกันและกัน 8

“ เกษตรทฤษฎใี หม ” เปน แนวทางหรอื หลกั ในการ เกษตรทฤษฎีใหม บรหิ ารจดั การทด่ี นิ และนำ้ เพอ่ื การเกษตรในทด่ี นิ ขนาดเลก็ ใหเกิดประโยชนสูงสุด ดวยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ วิธีงายๆ คนไทยอยูรอด พอเพียง การผลิตถือเปนขั้นแรกทสี่ ำคัญทส่ี ุด ใหแ บงพนื้ ที่ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดพระราชทาน ออกเปน 4 สว น ตามอัตราสวน 30 : 30 : 30 : 10 พระบาท พระราชดำรินี้เพื่อเปนการชวยเหลือเกษตรกรที่ประสบ สมเด็จพระเจาอยูหัว ไดพระราชทานแนวคิดในการจัดน้ำ ความยากลำบาก ใหสามารถผานชวงวิกฤต โดยเฉพาะ เพอ่ื สนบั สนนุ ใหก ารทำเกษตรทฤษฎใี หม ประสบความสำเรจ็ การขาดแคลนน้ำไดโดยไมเดือดรอน และยากลำบากนัก โดยการเติมน้ำใหกับสระประจำไรนา ซึ่งหลักการนี้ถูก การดำเนนิ งานตามหลกั เกษตรทฤษฎใี หมม ี 3 ขน้ั ตอน คอื ขนานนามวา “อางใหญ เติมอางเล็ก อางเล็กเติมสระ” ซึ่งใชพื้นที่ประมาณ 30% ใหข ดุ สระเก็บกักนำ้ เพือ่ ใหม ใี ช 1.การผลติ ใหพ ง่ึ ตนเองดว ยวธิ งี า ย คอ ยเปน คอ ยไป สม่ำเสมอตลอดป โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใชเสริม ตามกำลัง ใหพอมีพอกิน การปลูกพืชในฤดูแลง หรือระยะฝนทิ้งชวง ตลอดจนการ เลย้ี งสัตว และพืชน้ำตา งๆ เชน ผักบุง ผกั กระเฉด โสน ฯลฯ 2.การรวมพลังกันในรูปแบบ หรือ สหกรณ รว มแรงรว มใจกนั ในดา นการผลติ การตลาด ความเปน อยู ปลกู ขา ว พน้ื ทป่ี ระมาณ 30 % ใหป ลกู ขา วในฤดฝู น สวัสดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา เพื่อใชเปนอาหารประจำวันสำหรับครัวเรือนใหเพียงพอ ตลอดป โดยไมต อ งซอ้ื หาในราคาแพง เปน การลดคา ใชจ า ย 3.การดำเนินธุรกิจโดยติดตอ ประสานงาน และสามารถพึ่งตนเองได จัดหาทุนหรือแหลงเงิน ปลูกผลไม ไมยนื ตน พืชไร พืชผัก พน้ื ทีป่ ระมาณ 30 % ใหป ลกู ไมผ ล ไมย นื ตน พชื ไร พชื ผกั พชื สมนุ ไพร ฯลฯ อยางผสมผสานกัน และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อ ใชเปนอาหารประจำวัน หากเหลือจากการบริโภคก็นำไป ขายไดที่อยูอาศัย และอื่นๆ พื้นที่ประมาณ 10 % ใชเปน ที่อยูอาศัย เลี้ยงสัตว ถนนหนทาง คันดิน โรงเรือน และสิ่ง กอสรางอื่น รวมทั้ง คอกเลี้ยงสัตว เรือนเพาะชำ ฉางเก็บ ผลติ ผลการเกษตร ฯลฯ เกษตรทฤษฎใี หม เปน รปู แบบ และ วิธีการที่ประชาชนสามารถนำไปใชไดอยางมีประสิทธิภาพ และใชช วี ติ ไดต ามอตั ภาพถงึ แมไ มร วยมาก แตพ ออยู พอกนิ กอใหเกิดเศรษฐกิจพอเพียงอันจะนำไปสูการผลิตที่เกิด รายไดแ ละสูการพัฒนาทยี่ ่งั ยืน 9

ปา 3 อยา ง ประโยชน 4 อยา ง ไม 5 ระดบั “การปลกู ปา ถา จะใหร าษฎรมปี ระโยชนใ หเ ขาได ให ยมหอม กฤษณา นางพญาเสอื โครง ไก คณู ยางกราด เกด็ ดำ ใชวิธีปลูกไม 3 อยาง แตมีประโยชน 4 อยาง คือ ไมใชสอย มะหาด ไมเติมมะหา มะกอกเกลื้อน งิ้ว ตีนเปด ยมหอม ไมก นิ ได ไมเ ศรษฐกจิ โดยปลกู รองรบั การชลประทาน ปลกู รบั มะขม มะแขน สมอไทย ตะครอ เสย้ี ว บนุ นาค ปบ ตะแบก ซบั นำ้ และปลกู อดุ ชว งไหลต ามรอ งหว ย โดยรบั นำ้ ฝนอยา งเดยี ว ตอง คอแลน รงั เตง็ แดง พลวง ตะเคยี น ฮกั หลวง เปน ตน ประโยชนอยางที่ 4 คือ สามารถชวยอนุรักษดินและน้ำ” 2. ไมฟ น เชอ้ื เพลงิ ของชมุ ชน ชมุ ชนในชนบทตอ งใชไ มฟ น แปลความสรปุ อยา งเขา ใจงา ย ปลกู ไมใ หพ ออยู พอกนิ พอใช เพื่อการหุงตมปรุงอาหาร สรางความอบอุนในฤดูหนาว และระบบนเิ วศน สมุ ควายตามคอก ไลย งุ เหลอื บ รน้ิ ไร รวมทง้ั ไมฟ น ในการ • พออยู หมายถงึ ไมเ ศรษฐกจิ ปลกู ไวท ำทอ่ี ยอู าศยั นึ่งเมี่ยง และการอบถนอมอาหาร ผลไมบางชนิด ไมฟนมี และจำหนา ย ความจำเปนที่สำคัญ หากไมมีการจัดการที่ดีไมธรรมชาติ • พอกิน หมายถึง ปลูกพืชเกษตรเพื่อการกิน และ ที่มีอยูจะไมเพียงพอในการใชประโยชน ความอัตคัด สมุนไพร ขาดแคลน จะเกิดขึ้น ดังนั้นจะตองมีการวางแผนการปลูก • พอใช หมายถึง ปลูกไมไวใชสอยโดยตรง และ ไมโ ตเรว็ ขน้ึ ทดแทนกจ็ ะทำใหช มุ ชนมไี มฟ น ใชไ ดอ ยา งเพยี งพอ พลงั งาน เชน ไมฟ น , และไมไ ผ เปนตน ไดแ ก ไมห าด สะเดา เปา เลอื ด มะกอกเกลอ้ื น ไมเ ตา หลวง • ประโยชนตอระบบนิเวศน สรางความสมบูรณ กระทอน ขี้เหล็ก ตีนเปด ยมหอม ลำไยปา มะขม ดงดำ และกอใหเกิดความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปา มะแขวน สมอไทย ตะครอ ตน เสย้ี ว บนุ นาค ตะแบก คอแลน ปา 3 อยาง หมายถึง ลักษณะไม 3 อยาง ที่เปนชนิดไม แดง เตง็ รงั ตว้ิ หวา มะขามปอ ม แค ผกั เฮอื ด เปน ตน ที่มีความสัมพนั ธเ กอื้ กูลกับวิถชี ีวติ ของชุมชน คอื 3. ไมอาหาร หรือไมก ินได ชมุ ชนดง้ั เดมิ เกบ็ หาอาหารจาก 1. ไมใชสอยและเศรษฐกิจ เปนชนิดไมที่ชุมชน แหลงธรรมชาติ ทั้งการไลลาสัตวปาเปนอาหาร รวมทั้งพืช นำไปใชในการปลูกสรางบานเรือน โรงเรือน เครื่องเรือน สมุนไพร อดีตแหลงทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ จึงเปน คอกสตั ว เครอ่ื งมอื ในการเกษตร เชน เกวยี น คนั ไถ ดา มจอบ แหลงอาหารเสริมสรางพลานามัย การปลูกไมที่สามารถ เสยี ม และมดี รวมทง้ั ไมท ส่ี ามารถนำมาทำเปน เครอ่ื งจกั รสาน ใหห นอ ใบ ดอก ผล ใชเ ปน อาหารไดก จ็ ะทำใหช มุ ชนมอี าหาร กระบงุ ตะกรา เพอ่ื นำไปใชน ำครวั เรอื น และเมอ่ื มพี ฒั นาการ และสมุนไพร ในธรรมชาติเสริมสรางสุขภาพใหมีกินมีใช ทางฝมือก็สามารถจัดทำเปนอุตสาหกรรมครัวเรือน นำไป อยา งไมข าดแคลน ไดแ ก มะหาด ฮอ สะพายควาย เปา เลอื ด จำหนายเปนรายไดของชุมชน ซึ่งเรียกวา เปนไมเศรษฐกิจ บกุ กลอย งว้ิ กระทอ น ขเ้ี หลก็ มะขม มะแขน สมอไทย ของชมุ ชน ไดแ ก มะขามปา สารภี ซอ ไผห ก ไผไ ร ไผบ ง ไผซ าง ตะครอ เสย้ี ว คอแลน ผกั หวานปา มะไฟ มะเมา หวาย มะแฟน สัก ประดู กาสามปก จำป จำปา ตุม ทะโล หมี่ ดอกตาง กระถิน เปนตน 10

ไม 3 อยา ง ประโยชน 4 อยา ง ไม 5 ระดบั ไม 5 ระดับ เปนการปลูกพืชในแปลงเกษตร เมอ่ื ปลกู ไปแลว จะกอ ใหเ กดิ ประโยชน 4 อยา ง คอื ผสมผสาน คือ มีการปลูกพืชหลากหลายชนิด ใหอยู 1. ประโยชนใ นการเปน ไมใ ชส อย เมอ่ื มกี ารปลกู ในแปลงเดยี วกนั หลมุ เดยี วกนั แตม คี วามสงู ตา งระดบั กนั โดยอาศยั ลกั ษณะความแตกตา งของพชื ทม่ี คี วามสงู ตำ่ ไมท ม่ี คี วามเหมาะสม และมคี ณุ สมบตั ทิ ด่ี ี เพอ่ื การใชส อย มาปลกู รว มกนั ในแปลงเดยี วกนั เกดิ การเกอ้ื กลู กนั เหมอื น และสามารถนำมาใชเ สรมิ สรา งอาชพี ได โดยมกี ารวางแผน ปา ธรรมชาติ ทำใหเ กดิ ประโยชนห ลายอยา งและสามารถ อยา งมสี ว นรว มและดแู ลรกั ษากจ็ ะทำใหช มุ ชนมไี มไ วใ ชส อย ใชพ น้ื ทท่ี กุ ตารางเมตรใหเ กดิ ประโยชนส งู สดุ อยา งไมข าดแคลน และจะไมส รา งผลกระทบตอ ทรพั ยากร ธรรมชาติทมี่ อี ยู และหากมีการปลูกในปรมิ าณท่มี ากพอ •ระดบั ท่ี 1 ปลกู พชื ทม่ี หี วั ฝง ดนิ เชน ขงิ ขา หวั หอม ชมุ ชนกส็ ามารถนำมาเสรมิ สรา งอาชพี เสรมิ ไดท ำใหช มุ ชน กระเทยี ม สายบวั เผอื ก มนั ฯลฯ โดยจะปลกู พวกพชื หวั มรี ายไดเ สรมิ ใหม คี วามอยดู กี นิ ดขี น้ึ เพอ่ื เปน อาหารไดแ กม นั สำประหลงั มนั เทศ 2. ประโยชนใ นการเปน แหลง รายไดข องครวั เรอื น •ระดบั ท่ี 2 ปลกู ไมเ ลอ้ื ย เชน บวบ นำ้ เตา ถว่ั แตง เปน พชื ทส่ี ามารถนำมาจำหนา ยได ซง่ึ ควรปลกู พชื หลากหลาย มะระ ตำลงึ ผกั บงุ ฯลฯ ชนิด เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคาตกต่ำ และไมแนนอน •ระดบั ท่ี 3 ปลกู ไมพ นั ธเุ ตย้ี เปน การใชป ระโยชน 3. ประโยชนในการเปนอาหาร และสมุนไพร จากตน ไมท ม่ี ที รงพมุ เตย้ี เชน พรกิ มะเขอื กะเพรา ตะไคร รวมทง้ั สตั วแ มลง ทช่ี มุ ชนสามารถเกบ็ หาไดจ ากธรรมชาติ ขา ว ฟาทะลายโจร ไมดอก พืชสมุนไพรตา ง ๆ ฯลฯ จะเปนอาหารที่มีคุณคาปลอดสารพิษ อันเปนประโยชน ตอสุขภาพอนามัยของคนในชุมชน เปนการประหยัด •ระดบั ท่ี 4 ปลกู ไมร ะดบั กลาง เปน ชน้ั ทม่ี คี วาม คาใชจาย อีกทั้งถามีปริมาณเกินกวาที่ตองการแลวยัง สงู เปน รองกลมุ ไมย นื ตน เชน ขเ้ี หลก็ มะกรดู มะนาว สม โอ สามารถใชเปนสินคาเสริมสรางรายไดอีกทางหนึ่งดวย ขนนุ ทเุ รยี น มะมว ง ดอกแค กลว ย ชะอม พชื ไร พชื สวน ทกุ ชนดิ ฯลฯ 4. ประโยชนใ นการชว ยอนรุ กั ษด นิ และนำ้ เมอ่ื มี การปลกู ไมเ จรญิ เตบิ โตเปน พน้ื ทข่ี ยายมากเพม่ิ ขน้ึ และมี •ระดบั ท่ี 5 ตน ไมท รงสงู อยใู นอากาศ ในกลมุ น้ี การปลูกเสริมคุณคาปาดวยพันธุตางๆ ทำใหเกิดความ จะปลกู ไมใ หญ ไมย นื ตน ซง่ึ เปน ไมต ดิ แผน ดนิ ชว ยรกั ษา หลากหลาย และเปนการอนุรักษดินและน้ำ รวมทั้งกอ ระบบนเิ วศน อกี ทง้ั เปน การออมเพอ่ื อนาคตสำหรบั ตนเอง ใหเ กดิ การอนรุ กั ษพ น้ื ทต่ี น นำ้ ลำธาร และลูกหลาน เชน ตะเคียน ยางนา มะคา มะฮอกกานี ประดู ตน สกั ฯลฯ ทส่ี ำคญั ในการปลกู พชื ในสวนของเรา นน้ั ใหย ดึ หลกั การใชป ระโยชนข องตนเองเปน สำคญั โดย แยกประโยชนไ ด ดงั น้ี การปลกู พชื 5 ระดบั โดยการปลกู พชื ตามความสงู ระดบั ตา งกนั และอยรู ว มกนั ได ชน้ั หนง่ึ อยสู งู สดุ ไดแ ก หมาก สะตอชน้ั สอง เปน ไมท ม่ี คี วามสงู ปานกลางจำพวกไมผ ล เชน ทเุ รยี น มงั คดุ ลองกอง ชน้ั สามเปน ไมส งู จากระดบั พน้ื ไมเ กนิ 3 เมตร ไดแ ก ผกั เหลยี ง พรกิ ไทย ชน้ั ส่ี ไดแ ก ไมด อก ไมป ระดบั เชน หนา ววั ขงิ แดง คา งคาวดำ วา นเพชรหงึ ชน้ั หา เปน ไมห วั ไดแ ก ขา ขงิ ตะไคร การปลกู พชื ในลกั ษณะเกอ้ื กลู กนั เชน น้ี จะทำใหเ กดิ ระบบนเิ วศน ซง่ึ มลี กั ษณะคลา ยปา พชื สามารถพง่ึ พาอาศยั กนั ได และยงั เปน การใชพ น้ื ทใ่ี หเ กดิ ประโยชนส งู แมเ กษตรกรจะมพี น้ื ทน่ี อ ยกส็ ามารถปลกู พชื ไดห ลายหลายทำใหม รี ายไดต ลอดป 11

วถิ ชี าวบา นดว ยหลกั การพอเพยี ง “ นำ้ คอื ชวี ติ ” ...หลกั สำคญั วา ตอ งมนี ำ้ บรโิ ภคนำ้ ใชน ำ้ เพอ่ื การเพาะปลกู เพราะวา ชวี ติ อยทู น่ี น่ั ถา มนี ำ้ คนอยไู ด ถา ไมม นี ำ้ คนอยไู มไ ด ไมม ไี ฟฟา คนอยไู มไ ด แตถ า มไี ฟฟา ไมม นี ำ้ คนอยไู มไ ด. ..” อยอู ยา งไรไมแ ลง นำ้ ? : พญาแรง ใหน ำ้ พญาแรงใหน้ำ เปนภูมิปญญาชาวบานสำหรับกักเก็บน้ำ เปน ระบบปม นำ้ ดว ยสญุ ญากาศ หรอื ท่ี เรยี กวา กาลกั นำ้ สามารถสบู นำ้ จากบอ ซง่ึ หวั ใจสำคญั คอื การทำใหถ งั บรรจุ นำ้ ทอ่ี ยบู นขอบสระเปน สญุ ญากาศ ดดู นำ้ จากทต่ี ำ่ กวา ถงั และใชระบบทอ ใหม ีขนาดท่เี หมาะสม เพอ่ื ใหการไหลของ นำ้ ไมเ สยี สมดลุ ในระบบสญุ ญากาศภายในถงั เปน ประโยชน ตอการเกษตร และประชาชนที่สนใจ ซึ่งสามารถสูบน้ำได ทง้ั วนั ทง้ั คนื ราคาตำ่ เหมาะสำหรบั พน้ื ทไ่ี มม ไี ฟฟา ใช หรอื พน้ื ทต่ี อ งการประหยดั พลงั งานไฟฟา สามารถตง้ั ไวใ นพน้ื ท่ี หากไกลจากบา น ขุดสระนำ้ ประจำไรน า : แกปญหาภัยแลง การแกปญหาภัยแลงเฉพาะหนา ควรจะทำ อางเก็บน้ำหรือสระน้ำประจำไรนาเพื่อไวใชสอยในพื้นที่ ของตนเองเพื่อที่วาฝนตกเมื่อไรก็สามารถกักเก็บไวใชได ทันที เมื่อฝนตกก็จะมีน้ำไวใชสำหรับอุปโภค บริโภคและ เพอื่ การเพาะปลกู อยางเพยี งพอ การขุดสระน้ำประจำไรนา ตามแนวทางเกษตร พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม คือ ใหใชพื้นที่ประมาณ 30 % ของ พื้นที่เพาะปลูก และขุดลึกลงไป 4 เมตรในพื้นที่ ดินเหนียว 6 เมตรสำหรับพื้นที่ดินรวน การเลือกพื้นที่ขุด ก็ควรจะเลือกพน้ื ที่ท่ีเปน ศูนยรวมนำ้ ผิวดนิ ไดงา ย ควรเปน พืน้ ท่ีลมุ สามารถรองรับนำ้ จากผวิ ดนิ ทไ่ี หลมารวมกันในท่ี อ่ืน ๆได แทนทจี่ ะรบั ไดแตเพยี งหยดนำ้ ฝนเพยี งอยา งเดยี ว ทำแนวรองเลก็ ๆ ใหน้ำไหลลงสระ ปลกู พวกหญา แฝก เพือ่ ดักตะกอน และอินทรียวัตถุตางๆ ที่จะไหลลงบอ 12

หญา แฝก : ตน หญา มหศั จรรย จะเปนการอนุรักษดินและน้ำไดเปนอยางดีแลว ทุกสวน “...ใหใ ชห ญา แฝกในการพฒั นา ปรบั ปรงุ บำรงุ ดนิ ของหญาแฝกสามารถนำไปใชป ระโยชนไ ดอ ีกหลายอยาง ฟน ฟดู นิ ใหม คี วามอดุ มสมบรู ณ และแกป ญ หาดนิ เสอ่ื มโทรม...” ขึ้นอยูกับความรู และภูมิปญญาที่จะนำหญาแฝกมาใช ประโยชนไ ด เชน ทำวสั ดมุ งุ หลงั คา ตะกรา ปยุ ฯลฯ ตน หญาท่มี คี ุณคา ตอการการอนรุ ักษดินและนำ้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงคนพบวาหญาแฝก ปจ จบุ นั เกษตรกรไดใ หค วามสนใจ และยอมรบั วา มีความมหัศจรรยในการชวยฟนฟูดิน และพืชใหมีความ หญาแฝกเปนเทคโนโลยีที่มีราคาถูกแตประสิทธิภาพสูง อุดมสมบูรณ สามารถหยั่งรากลึกสรางความแข็งแรง ให สามารถกรอง และกกั เก็บตะกอนดนิ ระบบรากหญา แฝก แกก จิ กรรมการเกษตร ชว ยรกั ษาความชมุ ชน้ื ของดนิ ดดู ซบั กำแพงใตดินท่ีมีชีวติ เพมิ่ ความชมุ ช้ืนใหก บั สว นใตพ น้ื ดิน ธาตอุ าหาร และดดู ซบั สารพษิ ชว ยปรบั ปรงุ ดนิ ขน้ึ ไดท ว่ั ไป ถอื ไดว า หญา แฝกเปน หญามหศั จรรยอ ยางแทจ รงิ ในประเทศไทย ขยายพันธุงาย และไมเปนวัชพืช รวมทั้ง การปอ งกนั การพงั ทลายของหนา ดนิ ไดเ ปน อยา งดี นอกจาก แกลงดนิ : ไมแกลงดี แกลง ดนิ เปน แนวพระราชดำรขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช เกย่ี วกบั การแกป ญ หาดนิ เปรย้ี ว หรือดินเปนกรด โดยมีการขังน้ำไวใ นพนื้ ที่ จนกระท่งั เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมที ำใหด ินเปรี้ยวจัด จนถึงทสี่ ุด แลว จงึ ระบายน้ำออก และปรับสภาพฟนฟูดินดวยปูนขาว จนกระทั่งดินมีสภาพดีพอที่จะใชในการเพาะปลูกได วิธีการปรับปรุงดิน อันเนื่อง มาจากพระราชดำริ \"แกลง ดนิ \" สามารถเลือกใชได 3 วธิ ีการตามแตส ภาพของดิน และความเหมาะสม คือ 1.การใชน้ำชะลางความเปนกรด : โดยใชน้ำชะลางดินเพื่อลางกรดทำใหคา pH เพิ่มขึ้นโดยวิธีการปลอยน้ำ ใหท ว มขงั แปลง แลว ระบายออกประมาณ 2-3 ครง้ั ท้ิงชว งการระบายนำ้ ประมาณ 1-2 สัปดาหตอ คร้ัง ควรเริม่ ในฤดฝู น เพื่อลดปริมาณการใชน้ำในชลประทาน การใชน้ำชะลางความเปนกรดตองกระทำตอเนื่อง และตองหวังผลในระยะยาว ควบคูไปกับการควบคุมระดับน้ำใตดินใหอยูเหนือดินเลนที่มีไพไรทมากเมื่อลางดินเปรี้ยวใหคลายลงแลวดินจะมีคา pH เพ่มิ ขนึ้ อีกท้งั สารละลายเหล็ก และอลูมเิ นียมทเี่ ปน พษิ เจอื จางลงจนทำใหพืชสามารถเจรญิ เติบโตไดดี 2.การแกไขดินเปร้ียวดว ยการใชปูนผสมคลุกเคลากับหนาดิน ใชว สั ดปุ ูนทห่ี าไดง า ยในทอ งที่ เชน ใชป นู มารล (marl) ปูนฝนุ หวา นใหท ว่ั 1-4 ตนั ตอ ไร แลว ไถแปร หรือพลกิ กลบดนิ ปรมิ าณของปนู ท่ีใชขน้ึ อยกู ับความรุนแรงของ ความเปน กรดของดนิ 3.การใชป นู ควบคูไ ปกบั การใชน ้ำชะลาง และควบคมุ ระดบั นำ้ ใตดนิ เปนวิธกี ารทีส่ มบรูณท ี่สดุ และใชไดผลมาก ในพืน้ ทซ่ี ง่ึ เปน ดนิ กรดจดั รนุ แรง และถกู ปลอยท้ิงใหรกรางวา งเปลาเปนเวลานาน 13

ดนิ เคม็ : ในการแกไ ขลดระดบั ความเคม็ ดนิ ลงใหส ามารถปลกู พชื ได โดยการใชน ำ้ ชะลา งเกลอื จากดนิ และการปรบั ปรงุ ดนิ ดนิ ทม่ี เี กลอื อยสู ามารถกำจดั ออกไปไดโ ดยการชะลา งโดยนำ้ การใหน ำ้ สำหรบั ลา งดนิ มที ง้ั แบบตอ เนอ่ื ง และแบบขงั นำ้ เปน ชว งเวลา แบบตอ เนอ่ื งใชเ วลาในการแกไ ขดนิ เคม็ ไดร วดเรว็ กวา แตต อ งใชป รมิ าณนำ้ มาก สว นแบบขงั นำ้ ใชเ วลาในการแกไ ข ดนิ เคม็ ชา กวา แตป ระหยดั นำ้ การใชพ น้ื ทด่ี นิ เคม็ ใหเ กดิ ประโยชนต ามสภาพทเ่ี ปน อยู ไมป ลอ ยใหพ น้ื ดนิ วา งเปลา โดยการ คลมุ ดนิ หรอื มกี ารเพม่ิ ผลผลติ พชื โดยเปลย่ี นพชื เปน พชื เศรษฐกจิ ทเ่ี หมาะสม เชน พชื ทนเคม็ พชื ชอบเกลอื สมนุ ไพรกำจดั แมลงและศตั รพู ชื นำ้ สกดั ชวี ภาพ มนษุ ยน น้ั รจู กั การใชส มนุ ไพรปอ งกนั กำจดั ศตั รพู ชื นำ้ สกดั ชวี ภาพหรอื นำ้ บอี เี ปน การนำเศษพชื ผกั ผลไม มานานแลว แตส ง่ิ เหลา นก้ี ลบั ถกู มองขา ม ขาดการเผยแพร อวบนำ้ มาหมกั กบั กากนำ้ ตาลในอตั ราสว น 1: 3 คอื ใชน ำ้ ตาล ประกอบกบั สารเคมที างการเกษตรในปจ จบุ นั หาไดง า ย ใชไ ด หรอื กากนำ้ ตาล 1กโิ ลกรมั ตอ พชื อวบนำ้ 3 กโิ ลกรมั (พชื อวบนำ้ งา ย และเหน็ ผลรวดเรว็ กวา แตเ มอ่ื มกี ารใชใ นระยะเวลานานๆ เชน ผัก ผลไมทั้งแกและออน รวมทั้งเปลือกผลไมอวบน้ำที่สด ก็จะเริ่มสงผลเสียออกมาใหเห็น มีทั้งผลกระทบตอมนุษย ไมเนาเปอย เชน เปลือกสับปะรดเปลือกแตงโม เปลือกขนุน สัตว พืช รวมทั้งสิ่งแวดลอมดวย ปจจุบัน นักวิชาการทาง เปลือกมะมวง เปนตน (ถาทำน้ำสกัดชีวภาพจากสัตว จะใช การเกษตร เกษตรกรผผู ลติ และผบู รโิ ภค จงึ ไดใ หค วามสำคญั น้ำตาล หรือกากน้ำตาล 1 กิโลกรัมตอเนื้อสัตว หรือปลา หรือ กบั การใชส มนุ ไพรควบคมุ ศตั รพู ชื สนใจภมู ปิ ญ ญาพน้ื บา น หอยเชอรี่ 1 กิโลกรัมโดยมีวิธีทำเชนเดียวกับน้ำสกัดชีวภาพ มากขึ้น รวมถึงนักวิชาการบางทาน ไดหันมาสนใจคนควา จากพชื ) และพฒั นาสมนุ ไพรเพอ่ื ใหม คี ณุ ภาพ และประสทิ ธภิ าพมาก ยง่ิ ขน้ึ สมนุ ไพรปอ งกนั กำจดั ศตั รพู ชื ยงั มขี อ ดหี ลายอยา ง คอื มรี าคาถกู ปลอดภยั ตอ เกษตรกรผใู ช ไมม สี ารพษิ ตกคา งใน ผลผลิตจึงปลอดภัยตอผูบริโภค รวมทั้งไมเปนอันตรายตอ สง่ิ มชี วี ติ อน่ื ๆทเ่ี ปน ประโยชนใ นแปลงพชื ผกั ไมต กคา งในดนิ และสภาพแวดลอ ม สมนุ ไพรทน่ี ำมาทำเปน สารกำจดั ศตั รพู ชื เชน สะเดา (สะเดาไทย,สะเดาอนิ เดยี ,สะเดาชา ง) วธิ เี ตรยี มและการใช มที ง้ั แบบใชเ มลด็ กบั ใชใ บ กรณใี ชเ มลด็ วิธีใช ใชน้ำสกัดชีวภาพ 1 สวน ผสมน้ำ 500-1000 สวน ใหนำเมล็ดสะเดาที่แหงแลว 1 กก. มาบด หรือโขลกให นำไปฉดี พนท่ีตนพืช หรือรดที่โคนตนถาเขม ขน เกินไปใบพืช ละเอียด เอาผงเมล็ดที่ไดมาแชน้ำ 20 ลิตร หรือ 1 ปบ ทิ้ง จะไหมไดค วรใชต ามสัดสว นทีแ่ นะนำ ไวนาน 12-24 ชั่วโมง แลวกรองเอาแตน้ำดวยผาขาวบาง ประโยชนของน้ำสกัดชวี ภาพ สว นกากสามารถใชท ำปยุ ได กอ นนำไปใชใ หผ สม การจบั ใบ 1. ใหธ าตอุ าหารแกพ ชื ใชไ ดก บั พชื ผกั ไมผ ล ไมด อก ไมป ระดบั เชน ผงชักฟอก,น้ำยาลางจาน,หรือแชมพู ในอัตราสวน 1 ชอ นโตะ นำ้ 20 ลติ ร ใชฉ ดี นำ้ พน ทกุ ๆ 6-10 วนั ในชว งเวลา นาขาว เย็น กรณีใชใ บ ตองใชใบสะเดาสด (ใบสดจะมสี เี ขียวเขม) 2. มฮี อรโ มนหลายชนดิ ทเ่ี ปน ประโยชนต อ พชื (จะมเี ฉพาะนำ้ สกดั ไมน อ ยกวา 2 กก. นอกนัน้ ใชว ธิ ีการทำ และวธิ ีใชเ ชนเดียว กันกับเมล็ด ชีวภาพทีท่ ำจากพชื เทา นั้น) 3. ชวยปองกันและกำจัดศัตรูพืช เชน ไลแมลง ยับยั้งการ ลอกคราบ 4. ใชดบั กลน่ิ เหมน็ (อาจเปน ผลจากปฏิกิรยิ าของเอนไซมหรอื การยอ ยสลายของจุลินทรียบ างชนดิ ทำใหก ล่ินหายไป) จึง ใชดบั กลนิ่ ในคอกสัตวหรือ ในหองน้ำได 14

นำ้ สม ควนั ไม น้ำสมควันไม เปนผลิตภัณฑที่ใชงานไดครอบจักรวาลเชนเดียวกับถานไม ไมวาจะมาใชในครัวเรือน ใชในงาน เกษตรกรรม ปศสุ ตั ว และ อตุ สาหกรรมการผลติ ทง้ั นค้ี ณุ สมบตั ทิ โ่ี ดดเดน ทส่ี ดุ ของนำ้ สม ควนั ไม คอื เปน ผลติ ภณั ฑจ ากธรรมชาติ สอดคลอ งกบั กระแสบรโิ ภคในปจ จบุ นั ทเ่ี นน เรอ่ื งความปลอดภยั ปลอดจากสารพษิ สามารถใชไ ดอ ยา งสะดวกไรส ารพษิ ตกคา ง น้ำสมควันไม เปนของเหลวสีน้ำตาลใส มีกลิ่นควันไม ไดมาจากการควบแนนของควันที่เกิดจาก การผลิตถานไม ชว งทไ่ี มก ำลงั จะเปลย่ี นเปน ถา นถา ยเทความรอ นจากปลอ งดกั ควนั สอู ากาศ รอบปลอ งดกั ควนั ความชน้ื ในควนั จะควบแนน เปน หยดนำ้ สว นประกอบสว นใหญเ ปน กรดอะซติ กิ มคี วามเปน กรดตำ่ มสี นี ำ้ ตาลแกมแดง นำนำ้ สม ควนั ไมท ไ่ี ดท ง้ิ ไวใ นภาชนะ พลาสตกิ ประมาณ 3 เดอื น ในทร่ี ม ไมส น่ั สะเทอื น เพอ่ื ใหน ำ้ สม ควนั ไมท ไ่ี ดต กตะกอน และแยกตวั เปน 3 ชน้ั คอื นำ้ มนั เบา (ลอยอยผู วิ นำ้ ) นำ้ สม ไม และนำ้ มนั ทาร (ตกตะกอนอยดู า นลา ง) แยกนำ้ สม ควนั ไมม าใชป ระโยชนต อ ไป ประโยชนใ นการเกษตร นำ้ สม ควันไมใ ชไ ดกบั พืช ในการปอ งกันกำจกั ศัตรูพชื ชว ยตดิ ดอกผลดก ชวยเพมิ่ ผลผลติ ผลโตสสี ดใส รสหวาน ลดโรคพชื เชอ้ื รา แผลเนา ดนิ จะมสี ขุ ภาพดขี น้ึ ฟน ฟดู นิ เสอ่ื ม ใชร ว มกบั สารเคมไี ด เชน ยาคมุ ฆา หญา ฮอรโ มน ยาฆา แมลง ฯลฯ สามารถลดปรมิ าณการใชส ารเคมลี งครง่ึ หนง่ึ ใชร ว มกบั ปยุ เคมชี ว ยใหม ปี ระสทิ ธภิ าพเพม่ิ ขน้ึ ฉดี ระยะตน เลก็ และกอ นเกบ็ เกย่ี ว ชว ยใหค ณุ ภาพ และรสชาตดิ ขี น้ึ รวมทง้ั ชะลอการเหย่ี วเฉาของผกั และผลไม หมายเหตุ 1. ควรฉดี พน ตอนเชา หรอื เยน็ จะมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ 2. ควรฉดี พน บรเิ วณโคนตน และดนิ ทป่ี ลกู 3. ใช 1 ชอ นโตะ ประมาณ 10 ซซี ี (1 ปบ = นำ้ 20 ลติ ร) 4. เดอื นหนง่ึ ไมค วรฉดี เกนิ 2-3 ครง้ั 5. อยา ผสมและฉดี เกนิ อตั ราทก่ี ำหนด พชื จะเปน อนั ตรายได 15

16

ภารกจิ กลุม่ ศูนย์ฝึกและพฒั นาอาชพี “คลังปัญญา สร้างอาชีพ” ศนู ย์ฝกึ และพฒั นาอาชพี ฯ ทั้ง 10 แหง่ เปน็ ศนู ย์เรยี นร้ทู เี่ ปิดใหน้ กั เรียน นกั ศกึ ษา และประชาชน มาศึกษาดงู าน และ เขา้ รบั การอบรมในหลกั สตู รตา่ งๆ ทหี่ ลากหลาย ซงึ่ หลกั สตู รทเ่ี ปดิ สอนเปน็ หลกั สตู รทส่ี อดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ ของประชาชนในแตล่ ะพืน้ ที่ โดยเน้นด้านการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ธรรมชาติ การพัฒนาอาชีพ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการค้นคว้า ทดลอง และวิจยั พืชชนดิ ต่างๆ ทเ่ี หมาะสมกบั ทอ้ งถ่ิน ทง้ั พืชเศรษฐกิจ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เช่น หม่อนไหม และ ขา้ วหอมมะลิ พืชเพ่อื การปรับปรงุ บำ� รงุ ดินและพืชสมุนไพร ตลอดจนการศึกษาเกยี่ วกับแมลงศัตรพู ืช หรือพนั ธ์ุสตั วต์ ่าง ๆ ท่ีเหมาะ สม เพื่อแนะนำ� เผยแพร่ใหค้ วามรู้ เพ่อื ใหเ้ กษตรกรนำ� ไปเป็นแนวทางในการดำ� เนินชวี ติ ตามแนวพระราชดำ� รัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอย่หู วั สคู่ วามยง่ั ยืน โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้มากท่สี ุด เป็นการลดคา่ ใชจ้ า่ ยของเกษตรกร อาทิเช่น การ ปลกู พชื หมนุ เวยี นโดยเฉพาะพชื ตระกูลถ่ัว เป็นการลดคา่ ใช้จา่ ยเร่อื งป๋ยุ ศูนย์ฝกึ และพฒั นาอาชพี ฯ แตล่ ะแหง่ ได้ด�ำเนินการศกึ ษา ขอ้ มลู พน้ื ฐานของพน้ื ทนี่ น้ั ๆ ตลอดจนสง่ิ แวดลอ้ มและสภาพปญั หาของการพฒั นา แลว้ ดำ� เนนิ การพฒั นาตลอดจนการใชเ้ ทคโนโลยี สมยั ใหม่ท่เี หมาะสมสอดคลอ้ งกับสภาพแวดลอ้ มเฉพาะพน้ื ท่ี และสอดคล้องกับการประกอบอาชีพของราษฎรในพนื้ ที่ ผลจากการ ทดลองวิจยั น้ีไดน้ �ำไปเผยแพร่สู่ราษฎรด้วยวธิ ปี ฏบิ ัติทีง่ ่าย ราษฎรสามารถน�ำไปปฏบิ ัติเองได้ โดยจัดให้มกี ารสาธิตและอบรมใน รูปแบบต่าง ๆ จึงกล่าวได้ว่าศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพฯ เป็นหน่วยงานส�ำคัญของส�ำนักงาน กศน.ท่ีน้อมน�ำแนวพระราชด�ำรัสของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สปู่ ระชาชนในการสรา้ งองคค์ วามรเู้ พอ่ื นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาอาชพี การเกษตรใหม้ ปี ระสิทธิภาพสามารถเลีย้ งตวั เองได้อยา่ งยั่งยนื 1) ศูนย์ฝกึ และพฒั นาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อนั เน่ืองมาจากพระราชดำ� ริ จงั หวดั ชลบุรี 2) ศูนยฝ์ กึ และพฒั นาอาชีพราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนสระแกว้ รับผดิ ชอบพ้นื ท่บี รกิ าร 3 จังหวัด คือ สระแก้ว จันทบรุ ี และตราด 3) ศนู ยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทย บรเิ วณชายแดนเชยี งราย รบั ผดิ ชอบพน้ื ทบี่ รกิ าร 4 จงั หวดั คอื เชยี งราย เชยี งใหม่ แมฮ่ อ่ งสอน และพะเยา 4) ศูนยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบริเวณชายแดนสรุ นิ ทร์ รบั ผิดชอบพื้นท่บี ริการ 3 จังหวัด คือ สรุ นิ ทร์ บรุ ีรมั ย์ และศรีสะเกษ 5) ศูนยฝ์ ึกและพัฒนาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนปตั ตานี รบั ผิดชอบพืน้ ท่บี ริการ 5 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตลู 6) ศูนย์ฝกึ และพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนชุมพร รบั ผดิ ชอบพ้นื ท่บี ริการ 3 จังหวัด คอื ชุมพร ระนอง และ ประจวบคีรขี ันธ์ 7) ศนู ย์ฝกึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนอุตรดติ ถ์ รับผิดชอบพ้นื ทบ่ี ริการ 5 จงั หวัด คือ อุตรดติ ถ์ นา่ น ตาก เพชรบรู ณ์ และพษิ ณโุ ลก 8) ศนู ย์ฝึกและพฒั นาอาชีพราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนมกุ ดาหาร รับผิดชอบพืน้ ท่ีบริการ 6 จังหวัด คอื มกุ ดาหาร อุบลราชธานี นครพนม เลย หนองคาย และอำ� นาจเจรญิ และ 9) ศูนยฝ์ ึกวชิ าชีพจงั หวดั กาญจนบุรี “สามสงฆ์ทรงพระคณุ ” (ศฝส). รบั ผิดชอบพื้นที่ บริการ 4 จังหวัด คอื กาญจนบุรี สพุ รรณบุรี ราชบรุ ี และเพชรบรุ ี 10) ศูนย์การศกึ ษานอกโรงเรยี นกาญจนาภเิ ษก (วิทยาลัยในวงั ) ถนนศาลายา - บางภาษี ตำ� บลศาลายา อ�ำเภอพทุ ธมณฑล จังหวดั นครปฐม 17

18

กระเจ๊ียบเขียวธราธิป อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คร้ังเสด็จ พระราชดำ� เนนิ ณ ศนู ยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี เกษตรกรรมวดั ญาณสงั วรารามวรมหาวหิ าร อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531 ได้มีพระราชกระแสรับส่ัง ขอ้ หนงึ่ วา่ “การนำ� พนั ธใ์ุ หม่ หรอื พนั ธต์ุ า่ งประเทศตอ้ งระวงั เรอื่ งโรค ถา้ เกดิ โรคแลว้ จะเกดิ เสยี หายมากและขาดทนุ การนำ� พนั ธต์ุ า่ งประเทศมาราคาสงู ไมค่ วรพง่ึ พา” และการเพาะปลูกของเกษตรกรโดยทั่วต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากตลาดเพื่อน�ำมาปลูก ทกุ ครง้ั เนอ่ื งจากไมส่ ามารถเกบ็ เมลด็ พนั ธป์ุ ลกู ตอ่ ได้ ถา้ เกษตรกรสามารถเกบ็ เมลด็ พนั ธุ์ ไว้ใช้เองได้จะช่วยลดต้นทุนการผลิตและสามารถพึ่งตนเองได้ตามแนวทางเศรษฐกิจ พอเพียง ในปี พ.ศ. 2541 ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวราราม วรมหาวหิ าร อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ ไดเ้ รมิ่ วจิ ยั และพฒั นาพนั ธก์ุ ระเจย๊ี บเขยี วภาย ใต้ระบบเกษตรธรรมชาติเพ่ือให้ได้เมล็ดพันธุ์กระเจ๊ียบเขียวท่ีผ่านการปลูกคัดเลือก ในสภาพการเพาะปลกู แบบเกษตรธรรมชาติ ซง่ึ ไมม่ ีการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี ในปีพ.ศ. 2557 พบว่าได้พันธุ์ที่มีความคงตัวทาง กระเจยี๊ บเขยี วธราธปิ จงึ เปน็ กระเจยี๊ บเขยี วพนั ธใ์ุ หม่ พันธุกรรม มีความสม่�ำเสมอ ต้นมีความแข็งแรงต้านทานโรค ของชาว กศน. ท่ีเกิดจากปรับปรุงพันธุ์ภายใต้ระบบเกษตร และแมลงดี ตน้ เต้ยี แตกแขนงมาก ฝักสวย รสชาติดี จงึ ปลกู ธรรมชาติ โดยมีระยะเวลานานถึง 16 ปี มลี กั ษณะเด่น คือ ต้น ทดสอบเปรียบเทยี บผลผลิตและลกั ษณะตา่ งๆ กับพันธุก์ ารคา้ มีความแข็งแรงต้านทานโรคและแมลงได้ดีมีล�ำต้นไม่สูงมาก อกี 5 พันธ์ุ และสรุปได้ว่ากระเจย๊ี บเขยี วพนั ธุ์ ศฝก. 1 มีลักษณะ ท�ำให้เก็บเกี่ยวได้สะดวกกว่า มีเส้นผ่าศูนย์กลางล�ำต้นใหญ่ บางอยา่ งดกี วา่ จงึ ไดข้ อขนึ้ ทะเบยี นกระเจย๊ี บเขยี ว ศฝก. 1 เปน็ ทำ� ใหต้ น้ แขง็ แรงและทนการหกั ลม้ ไดด้ กี วา่ มจี ำ� นวนแขนง/ตน้ พนั ธ์พุ ชื ใหม่กบั กรมวิชาการเกษตร มาก ทำ� ใหไ้ ดจ้ ำ� นวนฝกั มากฝกั มสี เี ขยี ว ลกั ษณะเปน็ หา้ เหลยี่ ม ตรงกบั ความตอ้ งการของตลาด ฝกั สวย รสชาตดิ ี เหมาะตอ่ การ ในปี 2558 ได้กราบบังคมทูลพระกรุณา ขอ ผลติ ฝกั สดจำ� หนา่ ย และยงั มนี ำ้� หนกั 100 เมลด็ สงู และมจี ำ� นวน พระราชทานช่ือพนั ธกุ์ ระเจี๊ยบเขียว ศฝก. 1 เมล็ดต่อฝักมาก จึงมีผลดีในด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ จำ� หนา่ ยด้วย และในปี 2559 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รง พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานชอ่ื กระเจ๊ียบเขยี ว ศฝก. 1 ว่า “กระเจี๊ยบเขียวธราธิป” มีความหมายว่า กระเจ๊ียบเขียว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระเจ้า แผน่ ดิน 19

“กุยช่ายขาว” ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนมุกดาหาร ได้ด�ำเนินการจัดท�ำโครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจ พอเพยี ง โดยจดั สาธติ ทดลองการปลกู พชื ผกั ดว้ ยวธิ เี กษตรธรรมชาติ และการเลย้ี งสตั ว์ เพอื่ ใหเ้ ปน็ แหลง่ เรยี นรเู้ กษตรธรรมชาตติ าม แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับนักศึกษา ประชาชนและผู้ที่สนใจ การน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไป ปรบั ใชใ้ นการดำ� รงชวี ติ เปน็ ศนู ยส์ าธติ และถา่ ยทอดใหแ้ กป่ ระชาชนทที่ ำ� อาชพี ทางดา้ นการเกษตรและ ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาหาความรู้ และให้น�ำไปเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน ส่งเสรมิ ให้ผู้เขา้ มาเรยี นรู้รู้จกั คดิ เป็น ท�ำเปน็ แก้ปญั หาเป็น สู่การเรยี นรทู้ ย่ี ่ังยืน การผลิตกุยช่ายขาวเป็นอีกกิจกรรมหน่ึงท่ีผู้เข้ามา เรียนรู้ให้ความสนใจในการน�ำไปสร้างรายได้ให้แก่ตนเองอีก ทางหน่ึง โดยที่กุยช่ายเป็นพืชผักที่มีในท้องถ่ินของคนภาค อสี าน ปลกู งา่ ย ปลกู ครง้ั เดยี วสามารถเกบ็ เกยี่ วไดน้ านประมาณ 3 ปี เก็บผลผลิตได้เร็ว โดยตัดครอบใช้เวลาแค่ 10 – 15 วัน ก็สามารถเกบ็ กยุ ชา่ ยขาวได้ และราคายงั สงู กวา่ กยุ ช่ายเขียว ซ่ึง กุยชา่ ยเขยี วกิโลกรัมละ 25 – 30 บาท เมือ่ ครอบเปน็ กุยช่ายขาว แล้วจะไดก้ ิโลกรัมละ 100 – 120 บาท ทสี่ ำ� คญั การปลูก ใช้วธิ กี าร ปลูกด้วยวิธีเกษตรธรรมชาติ ผลผลิตกุยช่ายขาวท่ีได้จะมีรสชาติ หวาน กรอบ ให้คณุ ค่าทางอาหารดที ีเดยี ว ข้นั ตอนการผลิต กุยชา่ ยขาว ในการผลิตกยุ ช่ายขาวมคี วามสมั พนั ธก์ บั การปลุกกุยข่ายเขียว คอื ในกอเดียวกันจะต้องปลูก กุยช่ายเขียวกอ่ นเม่อื ตัดกยุ ช่ายเขียวแลว้ จงึ ผลิตเปน็ กยุ ช่ายขาว โดยท�ำสลับกันดังน้ี 1. เมื่อตัดกุยช่ายเขียวอายุได้ 4 เดือน ตัดเขียวคร้ังที่ 1 ปล่อย ให้เขียวอีกประมาณ 45 วัน ตกั รอบที่ 2 จดั หาภาชนะครอบ กอกยุ ชา่ ยไวไ้ มใ่ หถ้ กู แสงแดดโดยใชก้ ระถางพลาสตกิ ดำ� หรอื กระถาง ดินเผาและผา้ กรองแสง (ซาแรน) สงู จากพ้ืนประมาณ 1 เมตร 2. รดนำ้� เช้า – เย็น 3. ประมาณ 10 - 12 วัน จะไดก้ ยุ ช่ายขาว ความยาวประมาณ 25 - 30 เซนติเมตร กต็ ดั ขายได้ 4. หลงั จากตัดกุยชา่ ยแล้ว ให้ร้ือผ้ากรองแสงออกและไม่ตอ้ ครอบกระถาง 5. รดน�้ำเช้า - เย็น ประมาณ 45 วัน ก็ตัดกุยช่ายเขียว และ หลังจากน้ันก็ท�ำเป็นกุยช่ายขาว ทำ� สลบั กนั เช่นนเี้ รื่อย ๆ เทคนิคพิเศษ ทีท่ ำ� ให้มีผลผลติ ดี มลี กั ษณะเดน่ 1. การปลูกกุยช่ายขาวปลกู ด้วยวธิ เี กษตรธรรม 2. ใส่ดว้ ยปยุ๋ หมกั 3. รดน�ำ้ สม่�ำเสมอ 20

การปลูกข้าวนาวางต้นเดียวแบบประณีต โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสตู ร IPM (Integrated Pest Management) ภายใตห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ตามทีส่ ำ� นักงาน กศน. ได้ลงนามความรว่ มมือกับมลู นธิ ิการศึกษาไทย ในวันท่ี 20 กรกฎาคม 2555 ณ วัดป่าลาน อ�ำเภอ สันทราย จังหวัดเชยี งใหม่ เพือ่ ร่วมกนั พฒั นาบุคลากรและเผยแพร่ความรู้การจดั กระบวนการเรียนรู้หลักสูตร IPM แบบมสี ่วนรว่ ม ให้กับบคุ ลากรของ ส�ำนกั งาน กศน. และผ้สู นใจทัว่ ไป โดยศูนยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนอตุ รดติ ถ์ ได้จัดทำ� โครงการจดั ตงั้ โรงเรยี นเกษตรกรขนึ้ ภายใตห้ ลกั สตู รการจดั กระบวนการเรยี นรกู้ ารบรหิ ารจดั การศตั รพู ชื โดยวธิ ผี สมผสาน (IPM) เพอื่ ใหค้ รูที่ผ่านการอบรมสามารถน�ำความรแู้ ละเทคนคิ มาถา่ ยทอดองคค์ วามรแู้ กเ่ กษตรกรให้เกดิ ความเข้าใจ ตระหนักถงึ โทษและผล กระทบของสารเคมี สกู่ ารอนรุ กั ษท์ หี่ ลากหลายในชมุ ชนอยา่ งเปน็ รปู ธรรม สอดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ และสง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกรรจู้ กั คดิ เปน็ ทำ� เป็น แก้ปญั หาเปน็ ส่กู ารเรียนรทู้ ่ยี ง่ั ยืน ศนู ยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนอตุ รดติ ถ์ ไดท้ ดลองปลกู ขา้ วนาวางตน้ เดียวแบบประณีต โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสูตร IPM ซง่ึ คือการ พจิ ารณาวิธคี วบคุมศัตรพู ชื ท้งั หมดทมี่ อี ยอู่ ย่างรอบคอบ และนำ� มาผสมผสานกันเป็นวธิ ี ที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการลดปริมาณศัตรูพืชโดยให้มีระดับการใช้สารก�ำจัดศัตรูพืชหรือ การจัดการใด ๆ ให้น้อยที่สุด เพ่ือลดความเส่ียงท่ีก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์ และ สง่ิ แวดลอ้ ม จดุ เดน่ ของการปลกู ขา้ วนาวางตน้ เดยี วแบบประณตี โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้ ตามหลักสูตร IPM เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติจริง ใช้แปลงนาข้าวเป็นสื่อ ในการเรียนรู้ โดยมกี ารสำ� รวจแปลงนาขา้ วและสิ่งต่าง ๆ ท่ีพบเหน็ แล้วน�ำสิง่ ทพี่ บเห็น มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร เป็นการแชร์ความรู้ แชร์ปัญหา และ ตัดสินใจร่วมกนั นนั่ คือเสนห่ ข์ องหลักสูตร IPM ซ่งึ จากการทเี่ กษตรกรได้เรียนรู้จริงใน แปลงนาข้าวเกษตรกรจะรู้ว่า จริง ๆ แล้วปุ๋ยเคมีไม่จ�ำเป็น เพราะในนาข้าวมีแมลง ตัวดี และแมลงตัวรา้ ยท่ีจะจดั การกนั เอง ซงึ่ ไมจ่ �ำเปน็ ต้องฉีดยาเลย จุดเด่นของการปลกู ขา้ วนาวางต้นเดยี วแบบประณีต 1. ใชเ้ มลด็ พนั ธุ์นอ้ ย 2. ลดตน้ ทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี 3. ประหยดั น�้ำ 4. ก�ำจัดวชั พืชและข้าวปนได้ง่าย 5. จ�ำนวนการแตกกอสงู กวา่ ปกติ 2-3 เทา่ 6. เปอร์เซ็นต์การสูญเสียจากข้าวลีบน้อย กวา่ วิธกี ารผลิตแบบปกติ 7. ผลผลติ ขา้ วเพ่มิ ขนึ้ 50-70% 21

ข้าวหอมมะลิ 105 ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎร ข้าวหอมมะลิ 105 มีลักษณะเด่น คือ ทนแล้งได้ดี ปลูกเป็นข้าวไร่ได้ ทนต่อ ไทยบรเิ วณชายแดนสุรนิ ทร์ มกี ารพัฒนาฐาน สภาพดนิ เปรยี้ วและดนิ เค็ม เป็นข้าวต้นสูง อายคุ อ่ นข้างเบา จงึ เกบ็ เกย่ี วไดง้ ่าย เรยี นรภู้ ายในศนู ย์ จ�ำนวน 15 ฐาน เพอื่ ให้เป็น และเร็ว เมลด็ นวดง่าย มคี ณุ ภาพเมล็ด ในเร่อื งการขัดสดี ี ได้เมล็ดขา้ วสารใส ศนู ยเ์ รยี นรูต้ ามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ และแข็งแรง คุณภาพการหุงต้มดี ได้เมล็ดข้าวสุกมีกลิ่นหอมและอ่อนน่ิม จึง แหลง่ สาธติ ทดลอง วจิ ยั พฒั นาการศกึ ษาดา้ น จ�ำหน่ายไดร้ าคา อาชีพ และส่งิ แวดล้อม ที่สอดคล้องกบั วถิ ชี ีวิต ของประชาชนบริเวณชายแดนและเป็นแหล่ง ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนสุรินทร์ ได้ ฝึกอบรม ศึกษาดูงานด้านเกษตร ให้กับ ท�ำการศึกษาวิจัย สาธิต ทดลอง การปลูกข้าวหอมมะลิ 105 โดยวิธีเกษตร ประชาชนนกั เรยี นนกั ศกึ ษาหนว่ ยงานเครอื ขา่ ย ธรรมชาติ และได้ท�ำการทดลองอยู่ 6 วิธี โดยวิธีที่ 1 ไถกลบตอซังและหว่าน ทั้งภาครฐั และเอกชน ปอเทือง วธิ ที ่ี 2 ทดลองโดยไถกลบตอซงั และหวา่ นร�ำละเอยี ด วธิ ที ่ี 3 ทดลอง โดยไถกลบตอซงั อย่างเดียว วธิ ที ่ี 3 ทดลองโดยไถกลบตอซังและหวา่ นถั่วพร้า ฐานการปลกู ขา้ วหอมมะลิ 105 โดย วิธีที่ 4 ทดลองโดยไถกลบตอซังและหว่านถั่วพร้า วิธีที่ 5 ทดลองโดยไถกลบ วิธเี กษตรธรรมชาติ ถือเปน็ หน่งึ ฐานการเรยี นรู้ ตอซงั และหวา่ นปยุ๋ เศษพชื และวธิ ที ี่ 6 ทดลองโดยไถกลบตอซงั และหวา่ นปยุ๋ มลู ท่ีส�ำคญั และนา่ สนใจเป็นอย่างมาก เนอื่ งจาก ซง่ึ พบวา่ วธิ ที ่ี 6 ไดผ้ ลผลติ มากทสี่ ดุ มจี ำ� นวนพน้ื ทสี่ ำ� หรบั การทดลองปลกู 600 ตารางเมตร ไดผ้ ลผลิต จ�ำนวน 254 กโิ ลกรมั คดิ เป็นอตั รา 677 กโิ ลกรมั ต่อไร่ การปลูกโดยวิธีเกษตรธรรมชาติช่วยในการลดต้นทุนการผลิต ได้ ผลผลติ ข้าวทม่ี ีคุณภาพ และเพ่ิมผลผลิตในระยะยาว จึงเปน็ อีกทางเลือกหนงึ่ ใหก้ บั เกษตรกรทมี่ คี วามสนใจในการปลกู ขา้ วไวเ้ พอื่ บรโิ ภค เหลอื กจ็ ำ� หนา่ ย และ ยังได้ขา้ วทไี่ รส้ ารพษิ ไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ ชีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม ตามหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงดว้ ย 22

เศรษฐกิจพอเพียงสู่ 1 ไร่ 1 แสน ศนู ยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดน พน้ื ทปี่ ลกู ผกั สวนครวั เลยี้ งสตั ว์ใชป้ ลกู พชื ผกั สวนครวั เชียงราย ด�ำเนินงานโครงการพัฒนาฐานการเรียนรู้เศรษฐกิจ ปลูกผักในภาชนะ ปลูกหม่อน ปลูกพืชสมุนไพร และเลี้ยง พอเพยี งสู่ 1 ไร่ 1 แสน คอื “การบรหิ ารจดั การทด่ี นิ ในพน้ื ที่ 1 ไร่ ไกพ่ ื้นเมือง ไกช่ น ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางน้ิว หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการ ต่อยอดจากแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยจะเป็นการท�ำการ รายไดจ้ ากกจิ กรรม เกษตรในพื้นทจ่ี ำ� กดั เพยี ง 1 ไร่ ให้มรี ายได้ที่ยงั่ ยนื ” เพื่อให้เปน็ 1. พชื ผัก ผลไม้ 3,000 บาท แหล่งเรียนรู้ของเกษตรกร และประชาชนทั่วไป สามารถน�ำไป 2. สมุนไพรส�ำหรับชาแปรรูป 27,000 บาท เป็นแนวทางในการด�ำเนินชีวิต และประกอบอาชีพ เพ่ือสร้าง 3. หม่อน 6,400 บาท รายไดท้ ี่ม่นั คงให้กบั ตนเอง และครอบครวั 4. ไกพ่ ้นื เมอื ง ไก่ชน 70,000 บาท 5. พชื ผักในภาชนะ 3,000 บาท เศรษฐกิจพอเพียงสู่ 1 ไร่ 1 แสน เป็นการน�ำหลัก 6. สตั วน์ ้�ำ 20,000 บาท ปรัชญาเกษตรพอเพียงกับเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาท รวมรายได้จากกิจกรรม ประมาณ 129,400 บาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาผสมผสานกัน โดยประกอบอาชีพ ผลผลติ กับตน้ ทุน 3 อยา่ ง ได้แก่ ดา้ นกสิกรรม ปลกู ขา้ ว ปลกู พืชผักสวนครัว ดา้ น 1. พื้นที่ 8 ตร.ม. เลี้ยงปลาดุกได้ 1,000 ตัว พ้ืนที่ การประมงนน้ั เลยี้ งปลาในคนู ำ�้ เลย้ี งกบ และอกี สว่ นเปน็ ปศสุ ตั ว์ 15,000 ตร.ม. เล้ียงปลาดุกได้ 200,000 ตัว ถ้าเล้ียงปลาดุก เล้ียงเป็ด เล้ียงไก่หรือหมูก็ได้ ให้สามารถพ่ึงพิง และอาศัยกัน 10,000 ตวั มรี ายได้ 100,000 บาท ได้อย่างลงตัว เศรษฐกิจพอเพียงสู่ 1 ไร่ 1 แสน จึงเปน็ การลด 2. ปลกู หม่อน 50 ต้น ไดผ้ ลผลติ 50 กโิ ลกรัมต่อ ตน้ ทุน เพม่ิ ผลผลิต สรา้ งมูลคา่ และคืนสมดลุ ให้กับธรรมชาติ ตน้ มรี ายได้ 120 บาทต่อกิโลกรัม 3. ไข่ไก่พ้ืนเมือง แผงละ 100 บาท ไก่พ้ืนเมือง ตัวอย่างการท�ำเกษตรกรรมตามหลักปรัชญาของ กิโลกรัมละ 120-150 บาท เศรษฐกิจพอเพียง สู่ 1 ไร่ 1 แสน 4. ไขไ่ กช่ น ฟองละ 100 บาท ไกช่ น (หน่มุ ) ตัวละ 500-1,000 บาท ไกช่ น (พร้อมชน) ตวั ละ 1,000-1,500 บาท พ้ืนท่ีแหล่งน�้ำ ใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำ ได้แก่ ปลาดกุ ปลานลิ กบ พื้นท่ที ำ� นาขา้ ว ใช้ในการท�ำนาขา้ ว หรอื ปลกู ไมผ้ ล ไดแ้ ก่ มะยงชดิ ผกั หวานบ้าน มะเฟือง มะนาว มะละกอ 23

บญั ชีครวั เรอื น: สมดลุ ชีวิต 2. การลดรายจ่ายที่ไม่จ�ำเป็นลง และใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างคุ้มค่า สร้างนิสัย การท�ำบัญชีครัวเรือนเป็นกุญแจส�ำคัญในการใช้ชีวิตและพัฒนา การประหยัด อดออมและอดใจโดยใช้เงินอย่าง คณุ ภาพชวี ติ ใหอ้ ยรู่ อดอยา่ งสมดลุ ในสภาวการณท์ สี่ งั คมโลกเตม็ ไปดว้ ยกระแส มีสติ สมเหตุสมผล การเช่น การปลูกสวนครัว ของวตั ถุนิยม ความฟมุ่ เฟอื ย ฟ้งุ เฟอ้ การแขง่ ขันโดยปราศจากเหตุผลและความ ไว้รับประทานเองนอกจากได้วัตถุดิบท่ีปลอดภัย พอดี ส่งผลให้คนส่วนใหญ่เดินทางผิด มีจิตใจท่ีอ่อนแอ ขาดความยั้งคิดและ แล้วยงั ทำ� ใหส้ ขุ ภาพดอี ีกด้วย เข้าสวู่ งั วนของหนส้ี นิ ไมร่ จู้ ักจบสิน้ 3. การเพิ่มรายรับโดยการหารายได้ ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เสริม เช่น การปลูกผกั หรอื เลย้ี งสตั ว์ การค้าขาย (กศน.) ไดต้ ระหนกั และเขา้ ใจปญั หาสภาพสงั คมปจั จบุ นั เปน็ อยา่ งดี จงึ ไดน้ อ้ มนำ� หรอื การประกอบกิจการอ่นื ๆ ตามความสามารถ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็น และความถนัด แนวทางในการจดั การศกึ ษาและใหค้ วามรกู้ บั ประชาชนทกุ เพศทกุ วยั อยา่ งทว่ั ถงึ ทุกต�ำบลในประเทศไทยโดยในปี 2556 สำ� นกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบ 4. การสร้างความเข้าใจและข้อตกลง และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ไดท้ ำ� ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื รว่ มกนั กบั กรมตรวจบญั ชี กันภายในครอบครัวเพ่ือให้ทุกคนร่วมมือกัน สหกรณ์ จัดอบรมใหค้ วามรใู้ นการจัดทำ� บัญชีตามโครงการอบรมหลักสตู ร “การ ประหยัดรู้จกั อดออม ลด ละ เลกิ รายจา่ ยหรอื ส่งิ พัฒนาครูบญั ชตี ้นแบบ”ระหว่างเดือนพฤศจกิ ายนถงึ ธันวาคม 2556 จ�ำนวน 10 ที่ไม่จ�ำเป็นและช่วยกันสร้างรายรับให้เพียงพอ ครงั้ ในพนื้ ทสี่ ำ� นกั งานตรวจบญั ชสี หกรณ์ 1-10 ทว่ั ประเทศ เพอ่ื สรา้ งและพฒั นา เหมาะสมกบั ฐานะตนเอง ครู กศน.ให้มีความรู้และสามารถในการถ่ายทอดการท�ำบัญชีครัวเรือนให้กับ “ ...ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียง ความหมายคอื ประชาชนกล่มุ เป้าหมายในพน้ื ทร่ี บั ผดิ ชอบได้ ท�ำอะไรใหเ้ หมาะสมกบั ฐานะของตนเอง...” พระราชด�ำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหลังจากการอบรมจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์แล้ว ครู กศน.ใน แตล่ ะต�ำบลไดด้ ำ� เนนิ การขยายผลอยา่ งต่อเนอื่ ง โดยดำ� เนินการจดั อบรมใหก้ ับ ประชาชนรวมทั้งสอดแทรกเนื้อหา ความรู้และสร้างความเข้าใจในการลงมือท�ำ บัญชีครัวเรือนในรายวิชาท่ีจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และ สามารถน�ำไปใช้ในการด�ำรงชีวิตและมีข้อมูลในการตัดสินใจทางการเงิน เพื่อ เป็นการสร้างวัคซีนและเกราะป้องกันความอ่อนแอทางความคิด มีชีวิตอยู่บน ความไม่ประมาทรู้จักประมาณตนเองโดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินอันเป็นปัจจัย ส�ำคัญในการด�ำเนินและให้มีการวางแผนชีวิตเก่ียวกับการรับการจ่ายเงินของ ตนเองไดอ้ ยา่ งสมดุล ส�ำหรับการวางแผนการใช้จ่ายเงินต้องมีความสมดุลระหว่างรายรับ และรายจา่ ย และควรมรี ายรบั มากกวา่ รายจา่ ย แตห่ ากเกดิ ปญั หาการขาดสภาพ คลอ่ งทางการเงนิ หรอื ปญั หารายรบั ไมเ่ พยี งพอกบั รายจา่ ยนน้ั ควรมกี ารพจิ ารณา ปญั หาและหาแนวทางในการแก้ปญั หา เช่น 1. การตดั รายจ่ายทีไ่ มจ่ ำ� เป็นออก เพอ่ื ลดภาระการจา่ ยเงนิ ออกจาก ครอบครัว เชน่ รายจา่ ยเกย่ี วกบั การอบายมขุ และของมึนเมา 24

ศปรนู ะยจ์เ�ำรตยี ำ� นบรลปู้ บร้าชั นญคราขงึ่ อใตง้ เอศำ�รเษภฐอกเชจิ ียพงอขเอพงียงจแังลหะวเกดั ษเชตยี รงทรฤาษยฎีใหม่ บ้านครึ่งใต้ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๓ ต�ำบลครึ่ง อ�ำเภอ นายประจันทร์ อินทร์ประสงค์ ผูอ้ �ำนวยการ กศน. เชยี งของ จงั หวดั เชยี งรายเปน็ หมบู่ า้ นทเี่ ปน็ จดุ ครงึ่ ทางระหวา่ ง อ�ำเภอเชียงของ กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในการด�ำเนินการ อำ� เภอเทงิ กบั อำ� เภอเชยี งของเตม็ ไปดว้ ยแหลง่ เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย ขั บ เ ค ลื่ อ น ศู น ย ์ เ รี ย น รู ้ ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ท้ังด้านการทอผ้าและการบริหารจัดการกลุ่มต่างๆ ได้แก่ และเกษตรทฤษฎีใหม่ประจ�ำตำ� บลในพืน้ ที่นี้ว่า กลุ่มตัดเย็บเส้ือผ้า ศูนย์สาธารณสุขมูลฐาน กลุ่มคัดแยกขยะ กองทนุ หมบู่ า้ น กองทนุ โครงการแกไ้ ขปญั หาความยากจน กลมุ่ “นอกจากการจัดการศึกษานอกระบบฯ ขั้นพ้ืนฐาน นำ�้ ดม่ื ชมุ ชนจดุ เรยี นรดู้ า้ นการเลยี้ งสกุ รขนุ (หมขู นุ )การเลย้ี งสกุ ร ทกุ ระดบั ชนั้ และการศกึ ษาตอ่ เนอ่ื ง หลกั สตู รระยะสน้ั ตา่ งๆแลว้ แมพ่ นั ธก์ุ ารเลย้ี งปลาในนาขา้ ว การจกั สานหวายและไมไ้ ผก่ าร กศน. อำ� เภอเชยี งของยงั ไดส้ ง่ เสรมิ เกษตรทฤษฎใี หม่ ตามหลกั เล้ียงปลาในกระชัง การท�ำแคบหมู/ขนม/น�้ำพริก การบริหาร ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้รับความร่วมมือจากพ่อ จัดการแหล่งน�้ำนอกเขตชลประทาน การพัฒนาคุณภาพข้าว แม่พีน่ อ้ งในหมู่บา้ นครึ่งใต้ ดว้ ยความเต็มใจ” การบรหิ ารจดั การธนาคารขา้ ว การบรหิ ารจดั การโรงสขี า้ วกลอ้ ง การท�ำปุ๋ยและน้�ำหมักอินทรีย์ชีวภาพ การเผาถ่านจากต้น นายบุญรตั น์ ปานกลาง หัวหนา้ กลุ่มเลย้ี งไส้เดอื น มัยลาภยักษ์และการท�ำน�้ำส้มควันไม้การบริหารจัดการกลุ่ม กลา่ วถงึ การดำ� เนนิ การเกษตรทฤษฎใี หมต่ ามหลกั ปรชั ญาของ ออมทรัพย์เพ่ือการผลิตและจุดเรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบด�ำเนิน เศรษฐกิจพอเพียงว่า“ทีแรกกไ็ ด้ทุนจากทงั้ ทางรัฐ องคก์ รอสิ ระ ชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งท�ำหน้าท่ีเป็นแหล่ง รวมท้ังจากมูลนิธิของท่านว.วชิรเมธี ได้รับการสนับสนุนจาก เรยี นรทู้ ส่ี ง่ เสรมิ การเรยี นรทู้ งั้ ดา้ นการปะกอบอาชพี การพฒั นา หลายฝ่าย พอไดท้ นุ มาแล้วกเ็ ร่ิมทดลองทำ� มาเรอื่ ยๆ ก็เห็นผล คณุ ภาพชวี ติ การบรหิ ารจดั การ ตลอดจนแหลง่ เรยี นรทู้ ท่ี ำ� หนา้ ที่ ดมี าเรอื่ ยๆใชป้ ระโยชนจ์ ากมนั (ไสเ้ ดอื น) ไดเ้ ยอะ แตต่ ดิ อยทู่ ว่ี า่ ในขบั เคลื่อนใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพสังคมและชุมชน ซ่งึ ถือ ยงั ท�ำไดใ้ นปริมาณนอ้ ย ใช้แค่ในบา้ น ยงั ไม่พอแจกจา่ ยใคร ใช้ เป็นทรัพยากรที่เปี่ยมไปดว้ ยคุณคา่ กับผักที่ปลูกไว้กินในบ้าน ของเราเอาไว้กินเลยไม่อยากใช้สาร เคมี ท�ำตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งของในหลวงมาเร่อื ยๆ ” นายประจันทร์ กนั ทะสอน ผใู้ หญบ่ า้ น บา้ นครงึ่ ใต้ กล่าวถึงการบริหารจัดการหมู่บ้านในการขับเคลื่อนวิถีแห่ง ความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายในเรื่องของการ ความพอเพียงว่า “ ขั้นแรก ต้องท�ำความเข้าใจชาวบ้านก่อน ขบั เคลอ่ื นศนู ยเ์ รยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตร เอาใจแลกใจ อธิบายให้เขารู้ว่าเกษตรทฤษฎีใหม่ ดีอย่างไร ทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลบา้ นครงึ่ ใตส้ ามารถตอบสนองวสิ ยั ทศั น์ ยงั่ ยนื อยา่ งไร ทำ� ใหช้ าวบา้ นเขาเหน็ กอ่ นเพอื่ จดุ ประกายใหเ้ ขา ของหมู่บ้านท่วี า่ “เพม่ิ คณุ ภาพชีวิต เวลามปี ญั หา ก็ใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าลในการแกป้ ัญหา ใช้ความ เปน็ ญาติ เปน็ พเี่ ปน็ นอ้ ง คอ่ ยๆพดู กนั รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ซงึ่ กนั ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพียง หลกี เล่ยี งสิ่งเสพติด คิดจัดการ และกัน ต่างคนก็ตอ้ งปรับทัศนคตเิ ข้าหากนั มันถงึ จะอยู่ได้ ” สิ่งแวดลอ้ ม พร้อมเป็นหมบู่ า้ นน่าอยู่ เพ่มิ พนู ปัญญาชาวบา้ น” ได้อยา่ งยง่ั ยนื 25

ปศรูนะยจ์เ�ำรตยี �ำนบรล้ปู ทร่าชั ปญระาดขู่ อองำ� เเศภรอษนฐาทกวจิ ีพจอังเหพวยีัดงสแงลขะลเกาษตรทฤษฎใี หม่ กศน.ต�ำบลท่าประดู่ ต้ังอยู่ อ.นาทวี จ.สงขลา ฐานการเรียนรู้ศูนย์ ICT สนับสนุนงบประมาณในการ ตน้ แบบแหลง่ เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ทเี่ สรมิ สรา้ งโอกาสในการเรยี นรู้ ก่อสร้างโดยอบต.ท่าประดู่ และกสทช. สนบั สนุนวสั ดุ ครุภณั ฑ์ ถ่ายทอดและแลกเปล่ียนประสบการณ์ วิทยาการตลอดจน มคี อมพวิ เตอร์ 20 เครอ่ื งเพอื่ บรกิ ารอนิ เตอรเ์ นต็ ความเรว็ สงู ฐาน ภูมิปัญญาของชุมชน อีกทั้งยังเป็นแหล่งบริการของชุมชนใน การแปรรูปโดยใช้พลังงานทดแทน เป็นโรงอบพลังงานแสง การจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน โดยใช้ อาทิตย์ ส�ำหรับเรียนรู้เร่ืองพลังงานทดแทนและการถนอม หลักบูรณาการการเรียนรู้ระหว่างการเรียน การท�ำงานและวิถี อาหาร โดยมีกลุม่ อาชีพ กล่มุ แม่บา้ น รวมทั้งชมรมสตรี กศน. ชีวิต เกิดเปน็ สงั คมแหลง่ เรยี นรูส้ ู่การศึกษาตลอดชีวติ ต�ำบลท่าประดู่ น�ำผลผลิตจากครัวเรือนและที่มีในท้องถิ่นมา แปรรูปเพ่ิมมูลค่าให้กับผลผลิต เช่น การแปรรูปลูกหยี ของ กศน.ต�ำบลท่าประดู่ มีฐานเรียนรู้เพื่อเป็นจุด ชมรมสตรี ทัง้ นช้ี มรมสตรีเป็นวิทยากรในฐานการแปรรปู ให้กบั ถา่ ยทอดการจัดกระบวนการเรยี นร้ขู องชุมชนทง้ั หมด 8 ฐาน ผทู้ ่สี นใจเขา้ มาศึกษาดว้ ย ตามความตอ้ งการของคนในชมุ ชนเพอื่ เปน็ สถานฝกึ ปฏบิ ตั แิ ละ คน้ หาความรไู้ ดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ประกอบดว้ ย ฐานการขยายพนั ธ์ุ ฐ า น ก า ร เ รี ย น รู ้ พืช ซ่ึงมีจดุ สาธิต 8 จดุ ไดแ้ ก่ การเพาะเห็ด การปลกู ไผ่กมิ ซงุ ท้ั ง ห ม ด เ ป ็ น ก า ร จั ด การปลูกผักสวนครัวแบบผสมผสาน การปลูกผักกางมุ้ง การ กระบวนการเรียนรู้ตลอด ปลกู ไมเ้ ลอ้ื ยเปน็ พชื พน้ื เมอื งทห่ี ายาก รวมทง้ั ถว่ั ชนดิ ตา่ งๆ การ ชีวิตตามวิถีชุมชน โดยมี ปลูกผักกูดกลางแจ้ง การปลูกพืชสมุนไพร และการท�ำนาข้าว กศน.ต�ำบลท่าประดู่ เป็น โดยเนน้ ใหเ้ ยาวชนได้ศกึ ษาวิถชี ีวิตชาวนา มผี ้อู าวุโสในทอ้ งถิ่น ศูนย์กลางในการประสาน ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ ฐานน้ีเน้นเร่ืองของการปลูกและ งานระหว่างหน่วยงานกับ ขยายพันธุ์พืชท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินและเป็นพืชที่สามารถใช้ ชุมชนและท�ำหน้าที่เป็น ประโยชน์ตลอดทั้งปี ฐานการท�ำปุ๋ยหมัก ให้ความรู้เร่ืองของ ศู น ย ์ ก ล า ง ใ น ก า ร จั ด การผลติ ปยุ๋ และวธิ กี ารใชท้ ถี่ กู ตอ้ งใหม้ ผี ลตอ่ การปรบั โครงสรา้ ง กิจกรรมการศึกษานอก ดนิ และได้ผลผลติ ของพืชตามที่ตอ้ งการ ฐานการเล้ียงปลา ให้ ระบบและการศึกษา ความรู้เรอื่ งการเล้ียงปลาในรปู แบบตา่ งๆ เช่น การเล้ยี งปลาใน ตามอัธยาศัยในชุมชน บอ่ พลาสตกิ บอ่ ดนิ กระชงั ฐานการเลย้ี งโคขนุ ใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื ง ภ า ย ใ ต ้ ห ลั ก คิ ด แ ล ะ การเลยี้ งโคเนอ้ื /โคขนุ โดยมสี ำ� นกั งานปศสุ ตั วอ์ ำ� เภอนาทวเี ปน็ ห ลั ก ป ฏิ บั ติ ต า ม ห ลั ก ท่ปี รึกษาด้านข้อมลู ทางวชิ าการฐานเรียนรู้เร่อื งแก๊สชวี ภาพ ใช้ ปรัชญาของเศรษฐกิจ เป็นฐานการเรียนรู้เร่ืองแก๊สชีวภาพจากมูลสัตว์ ลักษณะเป็น พอเพียงเพ่ือการด�ำรงชีพ บ่อพลาสติกซึ่งได้ท�ำมูลโคขุนที่เลี้ยงไว้ส�ำหรับใช้ในครัวเรือน อย่างมีความสุขน่นั เอง ฐานการเรยี นรรู้ ะบบนำ�้ ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งการลำ� เลยี งนำ�้ จากแหลง่ นำ้� เพอื่ นำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นฐานตา่ งๆโดยเฉพาะฐานการปลกู พชื 26

เกปา็นรฐจาดั นกากรศศนกึ .อษำ�าเตภาอมรหอ่ ลงกั คป�ำรชัสญำ� นากั ขงอางนเศกรศษนฐ.จกงัจิ หพวอัดเพกาียฬงสโนิ ดธย์ุ ใชช้ มุ ชน กศน.อำ� เภอรอ่ งคำ� มเี ปา้ หมายสำ� คญั ของการจดั การ ศูนย์เรียนรู้ลดการใช้ยาฆ่าหญ้าในภาคเกษตรโดยภูมิปัญญา ศกึ ษาตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี งโดยใชช้ มุ ชนเปน็ ฐาน คอื ชมุ ชนขนึ้ ภายในพนื้ ทีข่ อง กศน. อ�ำเภอ ซึง่ การลดการใชย้ าฆา่ การปลูกฝังให้นักศึกษาและประชาชนด�ำรงชีวิตตามหลัก หญ้าเป็นวาระของจงั หวัดกาฬสินธ์ุ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักวางแผนและตัดสินใจโดย ใช้ข้อมูลของตนเอง ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลทางสังคม เห็น จากการน้อมน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คุณค่าของทรพั ยากรต่าง ๆ อยรู่ ว่ มกบั ผู้อืน่ อยา่ งมีความสขุ มี สกู่ ารจดั กระบวนการและกจิ กรรมทางการศกึ ษา สง่ ผลใหก้ ศน. จิตส�ำนึกรักษ์ส่ิงแวดล้อมเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมค่านิยม อ�ำเภอร่องค�ำ ผ่านการประเมินจากส�ำนักงานปลัดกระทรวง เอกลักษณแ์ ละความเป็นไทย ศึกษาธิการให้เป็น “สถานศึกษาแบบอย่างที่จัดการเรียนการ สอนและการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ จากการด�ำเนินงานส่งผลให้บุคลากรของ กศน. พอเพยี ง” ปีการศึกษา 2556 ได้รับรางวัลสถานศึกษาพอเพียง อำ� เภอรอ่ งคำ� นกั ศกึ ษาและประชาชน มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจหลกั ที่มีผลการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศระดับประเทศ ประจ�ำปี 2557ด้าน ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สามารถร่วมกันจัดท�ำแผนงาน พัฒนาการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จาก โครงการ กิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ศนู ยส์ ถานศกึ ษาพอเพยี ง มลู นธิ ยิ วุ สถริ คณุ สำ� นกั งานทรพั ยส์ นิ พอเพียงตามพันธกิจของสถานศึกษามีตัวแทนนักศึกษา ส่วนพระมหากษตั ริย์และรางวลั เชิดชเู กยี รติ MOE AWARDS พอเพียงต้นแบบและมีการจัดท�ำแหล่งเรียนรู้ ในชุมชนท่ี ประจำ� ปี 2559สาขาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเมอ่ื สามารถบริการประชาชนที่สนใจได้อย่างทั่วถึงขยายผลลงสู่ วันท่ี 4 เมษายน 2559กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประกาศให้ กศน. ชุมชนใหเ้ กิดความย่ังยนื โดยนำ� หลกั คิดของปรชั ญา 3 หว่ ง 2 อำ� เภอรอ่ งคำ� เปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ เงอื่ นไข มาใชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ สง่ ผลใหบ้ า้ นทรพั ยเ์ จรญิ หมู่ 1 พอเพยี งดา้ นการศกึ ษา1 ใน 5 แหง่ แรกของสำ� นกั งาน กศน.และ และบา้ นเหลา่ เขือง หมู่ 5 ตำ� บลสามคั คี ได้รับคดั เลือกให้เป็น เป็นแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือท่ีสามารถขยายผล หมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียงตน้ แบบ นอกจากน้ยี งั มแี หลง่ เรียนรู้ องค์ความรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ในทุกต�ำบล เช่นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฟื้นภูมิไท ศูนย์เรียนรู้ ใหก้ บั หน่วยงานอ่ืนๆให้มีความเข้มแข็งไดเ้ ปน็ อย่างดี หมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นสองหอ้ ง ศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอ เพยี งบ้านดงเมอื ง เปน็ ต้น ปัจจัยแห่งความส�ำเร็จน้ันเกิดจากผู้บริหารบุคลากร และภาคเี ครอื ขา่ ยและภาคประชาชนมคี วามมงุ่ มนั่ และรว่ มมอื นอกจากนี้ กศน.อำ� เภอรอ่ งค�ำ ยังมีฐานเรยี นร้คู วาม กันขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของ พอเพียง ฐานป๋ยุ หมัก ปุย๋ ชวี ภาพ ฐานบัญชีครวั เรอื น ฐานการ ประชาชนให้ดขี ึ้นดว้ ยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกผักปลอดสารพิษ ซึ่งอ�ำเภอร่องค�ำได้มอบหมายให้จัดต้ัง 27

ปศศรนนูู ะยยจเก์์ ำ�ราตยี รำ�นเบรรลยีปู้ คนรลรชั อชู้ญมุงาชเรขมอือบงงา้ เนศอครำ� ลเษภอฐองกวหจิ หิ วัพาชรอา้ แเงพดงยี งจแงั ลหะเวกดั ษสตรระบทรุฤีษฎใี หม่ ท่ีต้ัง หมู่ท่ี 10 ต�ำบลคลองเรือง อ�ำเภอวิหารแดง ความส�ำเร็จของการด�ำเนินงานขับเคล่ือนเศรษฐกิจ จังหวัดสระบุรี เบอรโ์ ทรศัพท์ 090 - 1182069 พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมใ่ นชุมชน เกิดจากการทำ� MOU เม่ือคร้งั ทีส่ ำ� นักงาน กศน.มนี โยบายให้ กศน.ต�ำบล เป็นและมี ผู้รบั ผิดชอบ นางสาวช่อทิพย์ สุดใจวเิ ศษ ครูกศน. แหล่งเรียนรู้ราคาถกู ในพ้นื ที่ เพ่ือรองรับความต้องการทางการ ตำ� บลเบอร์โทรศัพท์ 098 – 8978323 เรียนรู้ของคนในชุมชนโอกาสน้ี กศน.ต�ำบลคลองเรือง ได้จัด กิจกรรมร่วมกับศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดย พ่ีชล (นางชลนิธาคชประเสริฐ ) แม่บ้านผู้มุ่งมั่น การนำ� นกั ศกึ ษากศน.ทลี่ งทะเบยี นเรยี นรายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประธานคณะกรรมการศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านคลองหัวช้าง เข้าไปเรียนรู้ถึงแนวทางที่จะน�ำมาปรับใช้ในครอบครัวและ เจ้าของรางวัลชนะเลิศศนู ยเ์ รียนรชู้ มุ ชนระดับเขต 1 ภาคกลาง ชีวิตประจ�ำวันได้ ส�ำหรับส่วนของครู ได้มีการจัดกิจกรรมแลก “ความธรรมดา เรียบงา่ ย ท่ไี ม่ต้องบรรจงแตง่ แตม้ สีให้เกินงาม เปลย่ี นเรยี นรู้กบั ศนู ย์เรียนรปู้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง/ จัด แตเ่ ดนิ ตามธรรมชาติ ตามรอยพอ่ หลวง ใหม้ กี นิ อยา่ งพอเพยี ง อบรมให้ความรเู้ รื่องแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งจดั ก็เพียงพอแล้ว” มุ่งเน้นกระบวนการพึ่งพาตนเองตามหลัก กจิ กรรมศนู ยฝ์ กึ อาชพี ชมุ ชนโดยการแปรรปู เหด็ เพอ่ื ลดรายจา่ ย ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ส่งเสรมิ อาชพี สรา้ งรายได้ ลด เพิม่ รายได้ให้แก่ประชาชน รายจ่าย รวมกลุ่มพึ่งพาอาศัยกัน เน้นการมีส่วนร่วมในการ พฒั นา และการเชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยการพฒั นา ทง้ั ในระดบั ตำ� บล องค์ประกอบของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจ อ�ำเภอ ภาคและประเทศ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลคลองเรอื ง ประกอบ ดว้ ยแผนการเรยี นรชู้ มุ ชนทยี่ ง่ั ยนื กลมุ่ อาชพี ทเี่ ขม้ แขง็ อาทิ กลมุ่ น้องเมย์ (นางสาวพิมธิดาภา ปัญญาหนู) กราฟิค ทอผ้าเช็ดเท้าบ้านคลองหัวช้าง ซ่ึงมีการเรียนรู้และการพัฒนา ดไี ซเนอร์ ผลู้ ะทง้ิ ชวี ติ มนษุ ยเ์ งนิ เดอื นและความศวิ ไิ ลซใ์ นเมอื ง กลุ่มอาชีพอย่างยั่งยืนการพัฒนาท่ีดินตามหลักปรัชญาของ หันกลับมาใช้ชีวิตเกษตรกรรุ่นใหม่แบบพอเพียงในท้องทุ่งนา เศรษฐกจิ พอเพยี งเรียนร้ภู มู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ดา้ นตา่ งๆ นอกจาก บา้ นตั้งใหมม่ งคล ตามความคดิ ทีว่ า่ น้ียังมีการเรียนรู้พลังงานทดแทน ได้แก่ เตาเผาถ่าน น�้ำส้ม ควนั ไม้ แกส็ ชวี ภาพจากมลู สตั ว์ โดยภายในศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ “ความสขุ ...อยทู่ รี่ จู้ กั พอ”ปจั จบุ นั เธอมอี าชพี ปลกู พชื พอเพยี ง จะแบง่ ออกเปน็ ฐานตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ ศกึ ษาไดเ้ รยี นรู้ ผักสวนครวั ปลกู ดอกไมจ้ ำ� หน่าย และใช้ชวี ิตอย่างมีความสขุ เช่น ฐานการเล้ยี งไก่ ฐานการเลยี้ งปลา ฐานเลี้ยงหมู ฐานการ อย่กู ับคุณพอ่ คุณแม่ คุณย่า และนอ้ งสาว อะไร...ท�ำให้เธอ ท�ำปุ๋ยหมักแบบแหง้ และแบบน�้ำ ฐานการทอพรมเชด็ เท้า และ หนั มาใชช้ วี ติ แบบนไี้ ด้ พบกบั เธอไดท้ .่ี .. ศนู ยเ์ รยี นรทู้ ฤษฎใี หม่ การทำ� ปยุ๋ อดั เมด็ ซง่ึ ในอนาคตอนั ใกลน้ จ้ี ะตอ่ ยอดโครงการในการ (ต้นแบบ) ม.4 บ้านตั้งใหม่มงคล ต.เขาดินพัฒนา จดั กจิ กรรมแบบบรู ณาการทเี่ นน้ ชมุ ชนเปน็ สำ� คญั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี และมีการติดตามประเมินผลเสริมสร้างผู้น�ำชุมชนให้เข้มแข็ง เพอื่ เปน็ ตน้ แบบใหค้ นในชมุ ชนปฏบิ ตั ติ ามโดยเรมิ่ จากครอบครวั ส�ำหรับการน�ำเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎี อยดู่ มี สี ขุ มรี ายไดพ้ อเพยี ง ลดภาระและปญั หาจากหนสี้ นิ เปน็ ใหม่ไปขยายผลในชุมชนเร่ิมต้นจากการใช้ กศน.ต�ำบลเป็น ชมุ ชนทเี่ ข้มแข็งและยั่งยนื ตอ่ ไป แหล่งศึกษาข้อมูลเบ้ืองต้นในการเรียนรู้แนวทางหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงข้ันพ้ืนฐาน น�ำไปเรียนรู้จากสถานท่ีจริงแล้ว นำ� ไปปฏบิ ตั จิ รงิ ทง้ั ตนเอง ครอบครวั และขยายสชู่ มุ ชนในลำ� ดบั ต่อมา 28

ปศรนู ะยจ์เ�ำรตยี �ำนบรล้ปู บร้าัชนญทาานขอองำ� เเศภรอษบฐ้ากนิจลพาดอเจพงั ียหงวแดั ลเะพเกชษรตบรรุ ที ฤษฎใี หม่ กศน.ตำ� บลบ้านทานตัง้ อยู่หมู่ท่ี 5 บ้านไรต่ อ ต�ำบล ด้วย การปรับปรงุ ดิน ปยุ๋ พืชสด และแมลงและศตั รพู ชื (ตวั ห้ำ� บ้านทาน อ�ำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรีมีแหล่งเรียนรู้หลัก ตัวเบียน) ฐานการทำ� ปยุ๋ หมกั จากมูลสตั ว์ / การท�ำปยุ๋ หมกั จาก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ในชุมชน เศษพชื ฐานนำ้� หมกั และสารไลแ่ มลง ฐานแปลงทดลอง (แปลง ตง้ั อย่บู ้านของ นายอบ บวั ตมู หมู่ 6 บา้ นดงหว้ ยหลวง ภายใต้ ผกั เกษตรธรรมชาต)ิ ฐานการเพาะเหด็ ภฐู าน ฐานการเลยี้ งเปด็ แนวคดิ “การจดั การเรยี นรกู้ ารเกษตรธรรมชาตอิ ยา่ งยง่ั ยนื ตาม ไข่โดยวธิ เี กษตรธรรมชาติ ฐานเตานำ้� สม้ ควนั ไม้ ฐานการขยาย แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่ออาหารปลอดภัย” พันธุก์ ิ่งส้มโอและมะนาว และฐานการทำ� บัญชีครัวเรือน ด�ำเนินการจัดการเรียนรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายโดยวิธีการเกษตร ธรรมชาตอิ ยา่ งยง่ั ยนื คอื การเรยี นรปู้ ลกู ผลผลติ ทางการเกษตร การน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ ที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแต่จะใช้ปุ๋ยหมักแทน ท�ำให้ดินอุ่นและไม่ท�ำให้ เกษตรทฤษฎีใหมไ่ ปขยายสู่ชุมชนโดยบรู ณาการในการจดั การ ดินแข็ง ปรับปรุงดินให้มีความสมบูรณ์ เพื่อให้พืชผลทางการ ศกึ ษา นำ� นกั ศกึ ษาและชมุ ชนเขา้ รว่ มเรยี นรแู้ นวคดิ วธิ กี าร คณุ เกษตรท่ปี ลกู ก็จะใหผ้ ลผลติ ท่ีดีตามมา ประโยชน์และจูงใจให้เกษตรกรน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหมไ่ ปใชใ้ นการดำ� รงชีวิต กระบวนการจัดการศึกษาตามแนวทางปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งในลกั ษณะเกษตรทฤษฎใี หม่ ของ กศน.ตำ� บล รางวัลแห่งความส�ำเร็จในการด�ำเนินงานประกอบ บ้านทาน เร่ิมต้นจากการแก้ปัญหากรณีที่เกษตรกรใช้สารเคมี ดว้ ยนายจรานวุ ฒั น์ ศรจี นั ทร์ ครู กศน.ตำ� บลบา้ นทานไดร้ บั การ จนตนเองปว่ ย ครู กศน.ต�ำบลบา้ นทาน จึงไดช้ ักชวนเกษตรกร คัดเลือกจากส�ำนกั งาน กศน. และมูลนิธิ MOA ไทยเขา้ รับการ มาใช้วิธีการของเกษตรธรรมชาติส่งผลให้หายจากอาการเจ็บ ฝึกอบรมเกษตรธรรมชาติระดับสูง ณ ประเทศญี่ปุ่นรางวัล ป่วยและมสี ขุ ภาพท่ีดขี น้ึ จากนัน้ จึงแนะนำ� ให้เกษตรกรด�ำเนนิ สถานศกึ ษาพอเพยี ง 2556 รบั รางวลั ที่ 1 ระดบั ประเทศ ประเภท วิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการบริหาร กศน.อ�ำเภอขนาดใหญ่พิเศษ ด้านส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลัก จดั การครัวเรือนแบบพอมีพอกิน พออยพู่ อใช้ และพออกพอใจ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดีเด่น ประจำ� ปี 2557 เป็นการตอบสนองกับความต้องการพื้นฐานอ่ืนและสร้าง ภูมิคมุ้ กันในระดับครอบครัวดว้ ย กศน.อ�ำเภอบ้านลาด ได้ขยายผลโดยการต้ังศูนย์ เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ปี 2555 นายอบ บัวตูม ได้ด�ำเนินการท�ำฐานการ ประจ�ำต�ำบล 18 แหง่ เพอื่ ให้ความรเู้ รอื่ งเกษตรธรรมชาตแิ ละ เรียนรู้ร่วมกับ กศน.อ�ำเภอบ้านลาดเพื่อถ่ายทอดความรู้หลัก ความรทู้ เี่ กย่ี วกบั อาชพี ตามความสนใจของคนในชมุ ชน ยดึ หลกั เกษตรธรรมชาตบิ นพน้ื ฐานของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง “พ่ึงตนเอง”เพ่ือให้“อยู่ได้อย่างพอเพียง”รู้จักลดกิเลสและลด สเู่ กษตรกรและประชาชนทสี่ นใจทว่ั ไปแบบ “จติ อาสา” ภายใน ความต้องการ ของตนเองลงเพื่อให้เหลือแรงและเวลาในการ ศนู ยเ์ รยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตลอดจนทำ� ประโยชนใ์ หแ้ กส่ ว่ นรวมไดม้ าก ของ กศน.อ�ำเภอบ้านลาดเป็นวิทยากรคู่กับครู กศน.ต�ำบล มี ขนึ้ ฐานเรียนรู้ 9 ฐาน คอื ฐานความรู้เกษตรธรรมชาติ ซึง่ ประกอบ 29

ศปรนู ะยจ์เ�ำรตียำ� นบรลู้ปครลชั อญงานขอ้ อยงเอศำ�รเษภฐอกเมจิ ือพงอจเพงั ียหงวแัดลสะุรเกาษษฎตรร์ธทาฤนษี ฎีใหม่ ทตี่ ้งั หม่ทู ่ี 5 ต�ำบลคลองน้อย อ�ำเภอเมืองสุราษฎรธ์ านี จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000 โทร. 089-4743400 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางการพัฒนา ตามพระราชดำ� รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ทใ่ี หป้ ระชาชนมคี วามพอเพยี ง พอประมาณ และมีภูมิคุ้มกัน สามารถด�ำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และมีความเอ้ือเผ่ือแผ่ช่วยเหลือซึ่งกัน และกนั โดย กศน.ตำ� บลคลองน้อย ได้ประสานกับผู้น�ำในชมุ ชน และประชาชนในพน้ื ทเี่ ข้ามามี ส่วนร่วมในการจัดกจิ กรรม เพ่ือให้ชุมชนมคี วามพอเพียง การนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ไปขยายผลในชมุ ชน ของ กศน.ต�ำบลคลองน้อยด�ำเนินการโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ประชาชน นักศึกษา กศน. เพอื่ ใหเ้ หน็ แนวทางในการใหค้ วามรู้ สคู่ วามพอเพยี ง เชน่ การจดั กระบวนการเรยี นการสอน ในการจดั ทำ� บญั ชคี รวั เรอื น เพอื่ วางแผนการใชจ้ า่ ยในระดบั บคุ คลและครอบครวั จดั กจิ กรรมให้ แกป่ ระชาชน เพอ่ื ใหเ้ ห็นถงึ ความพอเพยี ง เช่น ส่งเสรมิ การจัดตั้งกลมุ่ ออมทรพั ย์ กลมุ่ วสิ าหกิจ ชมุ ชนเผยแพรแ่ หลง่ เรยี นรู้ และการจดั กจิ กรรมประสบความสำ� เรจ็ เพอื่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรใู้ นชมุ ชน และระหวา่ งชุมชน ปัจจัยความส�ำเร็จในขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ในชุมชน เกดิ จากความรว่ มมอื ของผนู้ ำ� ชมุ ชน ผนู้ ำ� ทอ้ งถน่ิ และ ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น และการมสี ว่ นรว่ มของ ทกุ ฝา่ ยในชมุ ชนทตี่ อ้ งการเหน็ ความเขม้ แขง็ และการพฒั นาทยี่ งั่ ยนื รวมถงึ บทบาทของครู กศน. ตำ� บล ในการประสานงานและเชื่อมโยงบุคคล องค์ความรู้ การถ่ายทอดความรู้ การศกึ ษาดูงาน ผลการดำ� เนนิ งานทเ่ี ห็นเปน็ รูปธรรม ได้แก่ มกี ลุ่มอาชพี การเลยี้ งเป็ดไข่ การปลูกพชื เศรษฐกจิ และกลมุ่ ออมทรพั ยข์ น้ึ ในชมุ ชน ซง่ึ รบั ประกนั ดว้ ยรางวลั ชนะเลศิ การประกวดหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั ภาค ปี พ.ศ. 2558 จากกระทรวงมหาดไทย ส�ำหรับองค์ประกอบของความส�ำเร็จของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลคลองนอ้ ย มาจากการที่ กศน.ตำ� บลคลองนอ้ ย มอี าคารเป็น ศนู ยก์ ลางชมุ ชน มบี คุ ลากรครู กศน.ตำ� บล ทที่ มุ่ เทแรงกายแรงใจในการทำ� งาน มหี นว่ ยงานภาคี เครอื ขา่ ยใหค้ วามรว่ มมอื ทเี่ ขม้ แขง็ ผนู้ ำ� ชมุ ชนมคี วามเขม้ แขง็ ประชาชนในหมบู่ า้ น ชมุ ชนใหค้ วาม ร่วมมือ และศรัทธาในผู้น�ำ โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นอยา่ งดี นอกจากนภ้ี ายในชมุ ชนยงั มีแหล่งเรียนรดู้ า้ นตา่ ง ๆ อีกเปน็ จ�ำนวนมาก ในห้วงระยะเวลาต่อจากนี้ไป กศน.ต�ำบลคลองน้อย ได้ตั้งเป้าหมายให้ศูนย์เรียนรู้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจ�ำต�ำบลคลองน้อย ท�ำหน้าท่ีเป็น ศูนย์กลางของการประสานงาน รวบรวมองค์ความรู้และกระจายองค์ความรู้แก่ประชาชน ใน ชมุ ชน และนอกชมุ ชนพฒั นาอาชพี เพอ่ื สรา้ งมลู คา่ เพม่ิ ผลผลติ ในชมุ ชนและพฒั นาใหเ้ ปน็ แหลง่ ศึกษาดูงานด้านเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ บ่มเพาะให้ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งของในหลวงเข้าสวู่ ถิ ชี ีวิตของคนในชมุ ชนอยา่ งเขา้ ถึง และเข้าใจ 30

ศออูน�ำำ� เเยภภ์กออามมรญััญเรจจยี าานคครรรีี ้ปู ีี รศจัชังนู ญหยว์กาัดเาศรขรศอษกึนฐษแกกาจินน่ พอกอรเพะบียบงแล“ตะกาามรรศอึกยษพาอ่ตหามลอวธังย”าศัย คนไทยทกุ คนรกั พระเจา้ อยหู่ วั ฯ เชอ่ื มน่ั ศรทั ธาและนอ้ มนำ� คำ� สอนของพระองคม์ าปฏบิ ตั ิ และดำ� เนนิ ชวี ติ โดยเฉพาะเรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมท่ ที่ รงสอนใหป้ ระชาชนรจู้ กั คดิ ไตรต่ รองไมป่ ระมาทและรจู้ กั พง่ึ ตนเอง รรู้ กั สามคั คี รว่ มกลมุ่ กนั และสรา้ งเครอื ขา่ ยชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ซงึ่ ถอื เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ของศนู ยก์ ารเรยี นรปู้ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง “ตามรอยพอ่ หลวง” อำ� เภอ มญั จาครี ี การนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมไ่ ปขยายผลสชู่ มุ ชนนนั้ จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั ปราชญช์ าวบา้ น และคณะครู กศน.ทลี่ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ จนไดร้ บั การยอมรบั ใหใ้ นการเปน็ ตน้ แบบหรอื ตวั อยา่ งบคุ คลพอเพยี งในการสรา้ งและพฒั นาแหลง่ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมข่ น้ึ ตลอดจนรว่ มมอื กบั ผนู้ ำ� ชมุ ชนและสว่ นราชการตา่ งๆ ในการพฒั นาชมุ ชนหมบู่ า้ น เศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นต้นแบบจึงจะมีผู้ทำ� ตามและรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงและสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ เศรษฐกจิ พอเพยี งทเ่ี ขม้ แขง็ และยง่ั ยนื ตอ่ ไป จากการที่กศน.อำ� เภอมญั จาครี ีและกศน.ตำ� บลในพน้ื ที่ไดร้ เิ รมิ่ จดั “พพิ ธิ ภณั ฑพ์ อ่ ของแผน่ ดนิ ”และ”ศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงฯ ข้ึน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และใช้ส�ำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ส�ำหรับการจัด กระบวนการเรยี นรเู้ พอื่ ปลกู ฝงั จติ สำ� นกึ รกั ชาติ ศาสนาและพระมหากษตั รยิ ์ โดยเฉพาะการเรยี นรตู้ ามรอยพระยคุ ลบาทนนั้ ในสว่ นของ การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ไดม้ งุ่ เนน้ ไปทตี่ วั ครู กศน.ชว่ ยกนั ทำ� กอ่ น แลว้ จงึ เชญิ ชวนปราชญ์ ชาวบา้ นเขา้ มารว่ มเรยี นรแู้ ละปฏบิ ตั จิ รงิ เพอื่ ใหเ้ ปน็ แบบอยา่ งบคุ คลทพี่ อเพยี งหรอื ผนู้ ำ� พอเพยี งจากนนั้ จงึ บรู ณาการเชอื่ มโยงไปยงั นกั ศกึ ษา กศน. ชาวบา้ นและชมุ ชน โดยเนน้ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการทำ� โครงการหรอื เรยี นรรู้ ว่ มกนั ในชมุ ชน เนน้ การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ตามรอยพระยุคลบาทก่อน เพ่ือให้ผู้เรียนได้มีจิตส�ำนึกรักชาติรักแผ่นดินรักในหลวงและพร้อมจะเดินตามรอยของพ่อหลวงในด้าน เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมไ่ ดอ้ ยา่ งเขา้ ใจและเขา้ ถงึ มกี ารลงปฏบิ ตั งิ านจรงิ ในพน้ื ทช่ี มุ ชนหมบู่ า้ น เชน่ หมบู่ า้ นหวายหลมื หมบู่ า้ นชวี งั แตนเปน็ ตน้ ซงึ่ ปรากฏวา่ มผี สู้ นใจเขา้ มาศกึ ษาดงู านและเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งซง่ึ มคี ณะครูกศน.เปน็ ผดู้ แู ลและถา่ ยทอดความ รู้โดยเฉพาะเรอ่ื งวชิ าชา่ งพนื้ ฐานและการเรยี นรทู้ เ่ี กย่ี วกบั พระมหากษตั รยิ ผ์ า่ นฐานการเรยี นรู้9ฐานไดแ้ กฐ่ านพพิ ธิ ภณั ฑพ์ อ่ ของแผน่ ดนิ :เพอื่ ปลกุ จติ สำ� นกึ รกั ชาตริ กั แผน่ ดนิ และพระมหากษตั รยิ ฐ์ านนทิ รรศการในหลวงกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง:เพอื่ เรยี นรแู้ นวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง และโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รขิ องพระองคฐ์ านเกษตรทฤษฎใี หม:่ เพอ่ื เรยี นรแู้ นวคดิ และการปฏบิ ตั เิ กษตรทฤษฎใี หมฐ่ านผลติ กลา้ ไม:้ เพอ่ื เรยี นรกู้ ารปลกู ตน้ ไม้ ขยายพนั ธต์ุ น้ ไม้ ฐาน นำ�้ คอื ชวี ติ /ปลกู ปา่ 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง: เพอ่ื อนรุ กั ษน์ ำ้� และปลกู ปา่ เพอื่ สงิ่ แวดลอ้ มฐาน 9 คำ� พอ่ สอน:เพอ่ื เรยี นรแู้ ละปฏบิ ตั ติ ามคำ� สอนของในหลวงฐานซมุ้ สวนพอ่ พอเพยี ง:เพอ่ื เรยี นรแู้ ละ จดั ทำ� ซมุ้ ทใ่ี หค้ วามรแู้ ละการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจฐานฝกึ อาชพี ชา่ งพนื้ ฐาน: เพอื่ เรยี นรวู้ ชิ าชา่ งพน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ ชา่ งปนู ชา่ งไม้ ชา่ งเชอ่ื ม ชา่ งไฟฟา้ เปน็ ตน้ ฐานโครงงานนกั ศกึ ษา กศน.: เพอื่ เรยี นรแู้ ละปฏบิ ตั ิ โครงงาน ตลอดจนแลกเปลย่ี นเรยี นรแู้ ละเผยแพร่ การวางแผนขบั เคลอ่ื นศนู ยเ์ รยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตร ทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลมญั จาครี ี มงุ่ เนน้ การสรา้ งคนบคุ คลและผนู้ ำ� พอเพยี งควบคไู่ ป กบั การพฒั นาชมุ ชนหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ โดยเนน้ การ พฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื รว่ มกนั แกไ้ ขปญั หาของชมุ ชนใหห้ มดสน้ิ ไป 31

ปศรนู ะยจ์เำ�รตยี ำ� นบรลูป้ หรูลชั อ่ ญงาขออ�ำเงภเอศปรษากฐพกจินพงั อจเังพหยี วงัดแนลคะเรกศษรตธี รรทรฤมษรฎาชีใหม่ ชมุ ชนดง้ั เดมิ ของตำ� บลหลู อ่ งประกอบอาชพี การทำ� นา ประเมนิ ผลโดยยึดหลัก “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นอาชีพหลัก แต่เมื่อกระแสการท�ำนากุ้งได้รับความนิยม การจดั กระบวนการเรียนรู้ในระยะแรก เป็นเร่ืองของ แพร่หลายอย่างรวดเร็ว ท�ำให้ชาวนาทิ้งอาชีพนาข้าวไปท�ำนา กงุ้ เมอื่ นากงุ้ ประสบปญั หาขาดทนุ แกนนำ� ชมุ ชนและหนว่ ยงาน การท�ำนาข้าวอินทรีย์ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ช่วยปรับวิธีคิด ของรัฐในพ้ืนที่ จึงร่วมกันคิดแก้ไขปัญหา โดยจัดท�ำเวที เปลย่ี นพฤตกิ รรม ทำ� อาชพี อยา่ งพอเพยี ง เนน้ ใหเ้ หน็ ประโยชน์ ประชาคม เกบ็ ขอ้ มลู พน้ื ฐานเกยี่ วกบั จำ� นวนทนี่ า รายรบั รายจ่าย ของการท�ำนาข้าวอินทรีย์ท่ีช่วยลดการท�ำลายหน้าดิน ใช้ปุ๋ย จ�ำนวนทรัพยากรที่มีเป็นรายครัวเรือน แล้วน�ำข้อมูลมา หมักชีวภาพ แทนปุ๋ยเคมีช่วยบ�ำรุงและปรับปรุงดิน เพ่ือปรับ เขียนแผนทเ่ี ป็นรายแปลง เพ่อื ทราบจำ� นวนนาร้างทม่ี ที ั้งหมด จากดนิ ทห่ี มดสภาพเปน็ ดนิ ทใ่ี ชป้ ลกู ขา้ วใหไ้ ดผ้ ลผลติ ดี เปน็ การ และขยายพื้นที่การท�ำนาจนสามารถปรับนาร้างเป็นนาข้าวได้ ส่งเสริมการท�ำการเกษตรเพ่ือลดต้นทุนหลังการจัดกิจกรรม ในทีส่ ดุ เสร็จสิ้นมีการนิเทศติดตามร่วมกับแกนน�ำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน เพอื่ ตรวจสอบประสทิ ธภิ าพของโครงการและผลการดำ� เนนิ งาน ปจั จบุ นั การทำ� นากย็ งั ประสบปญั หาตอ่ เนอ่ื งเกยี่ วกบั เพอ่ื น�ำมาปรบั ปรุงแก้ไข สภาพความเปน็ กรดของดนิ และรายไดย้ งั ไมส่ งู มากนกั แมจ้ ะมี การปรบั ปรงุ บำ� รงุ ดนิ โดยใชป้ ยุ๋ พชื สดแตก่ ต็ อ้ งทำ� อยา่ งตอ่ เนอื่ ง กศน.ต�ำบลหูล่อง ได้ด�ำเนินการจัดการเรียนรู้ตาม บางสว่ นยงั มกี ารใชส้ ารเคมแี ละปยุ๋ เคมเี พอื่ เพมิ่ ผลผลติ เพอื่ ชว่ ย กระบวนการและขั้นตอนตามหลักสูตรและยังมีการบูรณาการ เหลือเกษตรกรและบรรเทาความเดอื ดร้อนให้ลดนอ้ ยลง กศน. การจดั การเรยี นรกู้ บั หลกั สตู รอนื่ ๆ เพอื่ ใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายมคี วามรู้ ต�ำบลหลู อ่ ง จงึ ไดจ้ ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เนน้ กิจกรรมทีช่ ว่ ยลด ความเข้าใจในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากยิ่งขึ้น ผล รายจ่ายและต้นทุนการผลิต กิจกรรมที่เพิ่มรายได้และน�ำ จากส่งเสริมการท�ำการเกษตรเพ่ือลดต้นทุนตามหลักสูตรการ เทคโนโลยมี าใช้ เชน่ จดั หลกั สตู รการทำ� นาขา้ วอนิ ทรยี ์ ทมี่ งุ่ เนน้ ท�ำปุ๋ยหมัก จากการสอบถามเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการถึง ใหเ้ กษตรกรลดการใชป้ ยุ๋ เคมี หลกั สตู รการทำ� ปยุ๋ หมกั ชวี ภาพท่ี ผลผลติ ทีเ่ กิดจากการเข้าร่วมโครงการ พบว่าการปลูกฟักทอง มุ่งแก้ปัญหาต้นทุนสูงและการลดใชป้ ุ๋ยเคมี หลกั สตู รการเลี้ยง จำ� นวน 450 หลมุ พ้ืนท่ี 2 ไร่ ได้ผลผลติ 4,500 กก. จำ� หน่ายผล ไก่พ้ืนเมืองท่ีเกษตรกรสามารถน�ำร�ำปลายข้าวที่เหลือจากการ ฟกั ทองได้ 3,200 กก. มีรายได้ 40,500 บาทตอ่ รอบการปลูกท่ี สขี า้ วสารมาเปน็ อาหารในการเลย้ี งสตั ว์ โครงการสวนผกั ในบา้ น เหลือใชเ้ ป็นอาหารสุกร และผลติ ปยุ๋ อินทรยี ์น้ำ� ท่ีส่งเสริมการบริโภคผักสวนครัว ลดรายจ่ายในครัวเรือน การ ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ข้างต้นท�ำให้ประชาชนเข้าใจและ ความส�ำเร็จท่ีเห็นได้ชัดเจนคือผู้รับบริการหรือผู้ร่วม มองเห็นช่องทางการประกอบอาชีพท่ีสามารถลดรายจ่ายและ กิจกรรมการเรียนรู้ เกิดทักษะกระบวนการตัดสินใจตามหลัก เพิ่มรายได้ในครัวเรือนไปพร้อมๆกัน อันเป็นการน้อมนำ� หลัก “คดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ ” จากการจดั ระบบหรอื กระบวนการเรยี นรเู้ นน้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาตามวิถีชีวิตของ เอ้ืออ�ำนวยให้ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่าง เกษตรกรด้วยยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนในลักษณะ “ยึดโยง มปี ระสทิ ธภิ าพ ใชแ้ ผนชมุ ชนเปน็ กลไกสำ� คญั ในการขบั เคลอ่ื น เครอื ข่าย ค่อยๆ ขยายผล เป็นขั้นเป็นตอน เน้นการแลกเปลี่ยน รว่ มกับภาคีเครือข่าย แกนนำ� ชุมชน ปราชญ์ ผรู้ ู้ แกนน�ำผ้เู รยี น เรียนรู้ มงุ่ สคู่ วามพอเพียง” โดยแบ่งการดำ� เนินการ ออกเปน็ และใช้ กศน.ตำ� บลเปน็ ฐานในการจดั การเรยี นรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบ 3 ขน้ั ตอนหลกั คอื ขนั้ เตรยี มการ ขนั้ ดำ� เนนิ งาน และขนั้ สรปุ ผล/ สรา้ งชมุ ชนแห่งการเรยี นร้แู ละพ่ึงตนเองได้ 32

ศปรูนะยจเ์ �ำรตยี ำ� นบรลู้ปปร่าชั ไผญ่ าอข�ำอเภงอเศสรันษทฐรกาิจยพจอังเหพวยี ดั งเแชลียะงเกใหษมต่ รทฤษฎีใหม่ ที่ตง้ั ศาลาสร้างสขุ ตำ� บลป่าไผ่ ตง้ั อยู่ภายในโรงเรยี นบ้านศรีวงั ธารเดิมหมู่ที่ 8 บ้านศรวี งั ธาร ตำ� บลป่าไผ่ อ�ำเภอสันทราย จังหวัดเชยี งใหม่ 50210 การด�ำเนินงานในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงและ ตำ� บลปา่ ไผ่ ศูนย์พัฒนาทดี่ ินที่ 6 เชยี งใหม่ สำ� นกั งานเกษตร เกษตรทฤษฎีใหม่ในชุมชนของ กศน.ต�ำบลป่าไผ่ โดยน�ำ อ�ำเภอสันทราย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ไปขยายผลในชมุ ชน การเกษตร ในกจิ กรรมต่างๆ อาทิ การทำ� น�ำ้ หมักชวี ภาพ การ เรยี นรสู้ กู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ เผยแพรอ่ งคค์ วามรแู้ นวคดิ ปรชั ญาของ ทำ� ปยุ๋ หมกั ไมก่ ลบั กอง การทำ� ปยุ๋ อนิ ทรยี อ์ ดั เมด็ การขยายพนั ธ์ุ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงสู่ พชื การเลย้ี งสตั ว์ เปด็ ไก่ กบ ปลาดกุ หมู ววั การสง่ เสรมิ อาชพี ครอบครัวคนในชุมชน ให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของเศรษฐกิจ ผสู้ งู อายตุ ำ� บลปา่ ไผ่ การปลกู มะนาวในบอ่ ซเี มนต์ การปลกู ผกั พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยมีในหลวงเป็นต้นแบบ กางมงุ้ การทอผ้า การเยบ็ ผ้านวมและการเย็บเครอ่ื งนอน การ ความพอเพียง ด้านความมัธยัสถ์ การออม การใฝ่เรียนรู้ ก�ำจัดขยะในครัวเรอื นโดยเล้ยี งไสเ้ ดือน การทำ� ถั่วงอกคอนโด สามารถวิเคราะห์ศักยภาพตนเอง ครอบครัว ชุมชน และ การท�ำบัญชีครัวเรือน กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี น้อมน�ำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ต่างๆของชุมชน โรงเรียนผสู้ ูงอายุตำ� บลปา่ ไผเ่ ป็นตน้ สชู่ มุ ชนอย่างเปน็ รปู ธรรม การขับเคลื่อนศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจ องค์ประกอบและความส�ำเร็จของการด�ำเนินงาน พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลปา่ เรม่ิ ตน้ จาก การ ขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ในชุมชน เปิดป้ายศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตร ของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตร ทฤษฎีใหม่ประจ�ำต�ำบลป่าไผ่ และเชิญภาคีเครือข่ายท้ังภาค ทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลปา่ ไผน่ อกจากจะเปน็ แหลง่ เรยี นรแู้ ละ รฐั และเอกชน กล่มุ ต่างๆ ประชาชนและผ้สู นใจภายในต�ำบล แหลง่ ศกึ ษาดงู านทด่ี เี กดิ ขน้ึ ในชมุ ชนแลว้ คนในชมุ ชนทกุ เพศ มาร่วมพิธเี ปดิ ศูนย์ฯ การประชาสมั พนั ธ์กจิ กรรมของศูนยฯ์ ให้ วยั มปี ฏสิ ัมพันธ์ทดี่ ตี ่อกัน ร่วมสบื สานและอนุรักษว์ ฒั นธรรม หลากหลาย อาทิ ผา่ นหอกระจายขา่ วหมบู่ า้ นทง้ั 17 บา้ น, แผน่ ประเพณที ดี่ งี ามของชมุ ชนเอาไว้ รวมถงึ เปน็ แหลง่ แลกเปลยี่ น พบั ใบปลวิ , ประชาสมั พนั ธก์ จิ กรรมผา่ นกลมุ่ ผนู้ ำ� ชมรมกำ� นนั ประสบการณ์ทางอาชีพเกษตรกรรมด้านต่างๆ การเลี้ยงสัตว์ ผู้ใหญ่บ้าน นักศึกษา กศน. คณะกรรมการ กศน.ต�ำบล การทอผา้ และการเย็บผา้ เปน็ แหลง่ ฝึกอาชพี ตามความสนใจ เครอื ขา่ ยประชาสมั พนั ธข์ องเทศบาลตำ� บลปา่ ไผท่ ง้ั หมดน้ี เกดิ ทอ่ี ยใู่ กลท้ ส่ี ดุ อกี ทง้ั ยงั เปน็ แหลง่ วทิ ยาการความรวู้ ชิ าการ และ จากการระดมทุกสรรพก�ำลังระหว่างภาคีเครือข่ายท้ังภาครัฐ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ (กศน.ตำ� บลป่าไผ)่ และเอกชนแบบมีส่วนร่วม เพื่อก่อประโยชน์สูงสุดแก่คนใน ชมุ ชนและใกลเ้ คียงอย่างยั่งยนื ดำ� เนนิ งานรว่ มกบั ภาคเี ครอื ขา่ ย ไดแ้ ก่ ศนู ยพ์ ฒั นา สงั คม หน่วยที่ 13 จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำ� บลปา่ ไผ่ กศน. 33

ศปรูนะยจ์เำ�รตยี ำ� นบรลปู้ ธราชั ตญเุ ชางิ ขชอมุ งอเศ�ำรเภษอฐเกมจิ อื พงอจเพังหยี วงดัแลสะกเกลษนตครรทฤษฎีใหม่ ศนู ยเ์ รยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตร ไว้กินเป็นอาหารปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและเล้าไก่ และปลูก ทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลธาตเุ ชงิ ชมุ ตง้ั อยทู่ 1่ี 01 ถนนสกลทวาปี มะนาวในวงปอซเี มนต์ จ�ำนวน 1 ไร่บอ่ กบจำ� นวน 3,000 ค่บู ่อ ตำ� บลธาตุเชิงชมุ อ�ำเภอเมือง จงั หวดั สกลนคร ทำ� หนา้ ที่เป็น เพาะลูกอ๊อดส่งออกประเทศลาวเป็นรายได้หลักปีละ600,000 ศนู ยก์ ลางการสง่ เสรมิ จดั กระบวนการการเรยี นรแู้ ละประสานงาน บาทปลูกเพกาและมะละกอในระบบวงท่อ ขายท้ังผลและกิ่ง แหลง่ เรยี นรหู้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งภายในชมุ ชน เพอ่ื ให้ พันธพ์ ้นื ท่ีเชา่ 10 ไร่ ใช้ปลูกข้าว ท�ำไรด่ าวเรอื งและปลกู บวั เปน็ ประชาชนน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ รายได้เสริม ในการด�ำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสม มีการประกอบอาชีพด้วย ความซื่อสัตย์ สจุ รติ ขยันหม่ันเพยี ร ประหยดั อดออมและสร้าง แนวทางการจดั การศกึ ษาตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ หลักประกันให้กับชีวิตรวมทั้งใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่าง พอเพียงมีการพัฒนาอย่างเป็นเป็นข้ันตอน ประกอบด้วยการ ประหยดั ยดึ มน่ั ในความถกู ตอ้ งดงี ามและอบายมขุ ทง้ั ปวงและ ศกึ ษา วเิ คราะห์ วจิ ยั แนวทางการนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ มีการพัฒนาตนเองอย่างสมำ�่ เสมอ พอเพียงไปจดั การการศกึ ษา การน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ จัดท�ำแนวทางการจัดการเรียนรู้สู่การเรียนการสอน เกษตรทฤษฎีใหม่ไปขยายผลในชุมชนเพ่ือท�ำให้คนชุมชนเกิด ทกุ ระดบั การศกึ ษา โดยสอดแทรกเนอื้ หาเรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี ง กระบวนการคิดกระบวนการเรียนรู้และการแก้ปัญหาในชุมชน ไวใ้ นกระบวนการจดั การเรยี นการสอนและกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ท�ำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองในทุกระดับได้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาตามล�ำดับท้ังตนเองและครอบครัว อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เกิดการปรับเปลี่ยน รู้จักน�ำไปประยุกต์ใช้ ขยายผลในครอบครัวและชุมชนเพ่ือให้ กระบวนทศั นใ์ นการดำ� เนนิ ชวี ติ บนพน้ื ฐานของหลกั ปรชั ญาของ เกดิ ประโยชนต์ อ่ สังคมและประเทศชาติ เศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงจะเห็นตัวอย่างความส�ำเร็จได้จาก โครงการการทำ� บญั ชคี รวั เรอื นเพอื่ เรยี นรหู้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ ในส่วนของสถานศึกษาได้จัดท�ำแนวทางการจัด พอเพียงที่สามารถท�ำสร้างความตระหนักให้กับผู้เข้าร่วม ระบบบรหิ ารจดั การตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โครงการเหน็ สำ� คญั ของวางแผนในการใชจ้ า่ ยเงนิ และรจู้ กั เกบ็ จดั ฝกึ อบรมและพฒั นาบคุ ลากรใหส้ ามารถนำ� ความรไู้ ปบรู ณาการ ออมไว้ใชใ้ นยามจ�ำเป็น สกู่ ารเรยี นการสอนและการบรหิ ารจดั การได้ มกี ารประสานงาน ของเครือข่ายจัดท�ำระบบข้อมูลสารสนเทศและเผยแพร่ข้อมูล สำ� หรับศูนยเ์ รียนรแู้ ปลงเกษตรตน้ แบบขยายผล ได้ ข่าวสารอย่างเป็นระบบมีการติดตามประเมินผลเพื่อให้เกิด ด�ำเนินการทบ่ี ้านนางบงั อร ไชยเสนา 28 ม. 4ต�ำบลฮางโฮง การขบั เคลอ่ื นอยา่ งเปน็ รปู ธรรมและเกดิ ประโยชนต์ อ่ ประชาชน อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั สกลนคร มกี ารบรหิ ารจดั การทด่ี นิ ตามหลกั อยา่ งแทจ้ ริง เกษตรทฤษฎีใหม่ กล่าวคือ นางบังอรมีพื้นท่ี 5 ไร่ แบ่งพื้นท่ี ออกเป็นบอ่ นำ้� 3 บอ่ ๆ ละ 2 งานไดน้ ำ� ปลามาเลยี้ ง ไดแ้ ก่ ปลา ตะเพียน ปลานลิ ปลานวลจนั ทร์และปลาหมอ บริเวณรอบ ๆ ขอบบอ่ ไดป้ ลูกมะละกอ ขา่ ตะไคร้ และพนื้ ผกั สวนครัวเพอ่ื เอา 34

จศปังรนู หะยจว์เำ�รัดตียส�ำนบมรลุทูป้ บรรปาัชงรญเามกาือาขงรอใงหเมศ่ รกษศฐนก.อิจำ�พเภออเพเมยี อื งงแสลมะเุทกรษปตรราทกฤาษรฎใี หม่ ชุมชนศรีเพชร มีสภาพเป็นชุมชนเมือง ประชาชน จติ สำ� นกึ และกระบวนทศั น์ในการด�ำรงชวี ิต ตามแนวทางหลกั สว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี รับจา้ งและอาชพี อิสระ พืน้ ทีส่ ่วนหน่ึง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ไป ของชมุ ชนเปน็ สวนและบอ่ เลย้ี งปลา ชมุ ชนศรเี พชร เปน็ ทต่ี งั้ ของ ประยุกต์ใช้ในลักษณะท่ีสอดคล้องกับหน้าท่ีและบทบาทของ กศน.ตำ� บลบางเมอื งใหม่ เปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรขู้ องนกั ศกึ ษา กศน. แต่ละบุคคลไดอ้ ย่างเหมาะสม และเป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนในชุมชน มีฐานการเรียนรู้ 15 ฐาน พร้อมตู้ห้องสมุดชุมชน ประกอบกับการได้น้อมน�ำ ความส�ำเร็จของการด�ำเนินงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แนวทางตามรอยพระยุคลบาทของนักศึกษาและประชาชน ที่ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ในชมุ ชนทีเ่ ห็นเป็นรูปธรรม ดูได้ ได้รับองค์ความรู้จากการศึกษาดูงานในโครงการลูกพระดาบส จากโครงการท่ีโดดเด่น อาทิ โครงการเพาะเห็ดโครงการพืช สมุทรปราการ ตามพระราชด�ำริ และได้รับการส่งเสริมและ สมนุ ไพร โครงการปยุ๋ หมกั กจิ กรรมบญั ชคี รวั เรอื นถวั่ งอกคอนโด สนับสนุนจาก กศน.อ�ำเภอเมืองสมุทรปราการ ในเร่ืองของ ซ่ึงความส�ำเร็จเหล่านี้เกิดข้ึนจากการมีผู้น�ำชุมชนที่เข้มแข็ง การนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ให้การส่งเสริมและสนับสนุนเป็นอย่างดีย่ิง ท�ำให้ศูนย์เรียนรู้ฯ มาเปน็ แนวทางในการดำ� เนนิ งานและตอ่ ยอดดา้ นทกั ษะอาชพี แหง่ นี้ ไดร้ บั การคดั เลอื กเปน็ ศนู ยเ์ รยี นรฯู้ ตน้ แบบของชมุ ชนศรี การประกอบอาชีพ การสร้างรายไดจ้ ากอาชพี เสริม รวมท้ังการ เพชร ต�ำบลบางเมืองใหม่ นอกจากนี้ยงั ได้รับความร่วมมือจาก ร่วมมือสนับสนุนและส่งเสริมจากปราชญ์ชาวบ้าน ผู้น�ำชุมชน เครอื ขา่ ยตามยุทธศาสตร์ 4 ก. ของท่าน ผอ.กศน.อำ� เภอเมือง และประชาชน เป็นศูนย์เรียนรู้และต้นแบบให้กับต�ำบลอ่ืนๆ สมุทรปราการ คือกอ.รมน. (กองอ�ำนวยการรักษาความมั่นคง กศน.ตำ� บลบางเมอื งใหม่ จงึ เปน็ ตน้ แบบศนู ยก์ ารเรยี นรปู้ รชั ญา ภายในจังหวัดสมุทรปราการ) กกต.(ส�ำนักงานคณะกรรมการ ของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจ�ำต�ำบลแห่ง การเลือกต้ังประจ�ำจังหวัดสมุทรปราการ) กศน.อ�ำเภอเมือง สำ� คัญของจงั หวดั สมุทรปราการ สมทุ รปราการ และ ก (เกษตร) โดยมคี ณะทำ� งานขบั เคลอื่ นอยา่ ง เป็นรปู ธรรม ทง้ั ระดับอำ� เภอและตำ� บลคณะกรรรมการมีหนา้ ท่ี การน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ ส่งเสริมสนับสนุนประชาสัมพันธ์ประสานงานศูนย์เรียนรู้ฯ มี เกษตรทฤษฎีใหม่ไปขยายผลในชุมชนเกิดมรรคผลอย่างดีต่อ แผนการด�ำเนินงานเพ่ือศึกษาและขยายผล เพ่ือท�ำหน้าท่ี ชมุ ชน จะเหน็ ไดว้ า่ จากเดมิ คนในชมุ ชนทปี่ ระกอบอาชพี รบั จา้ ง เป็นต้นแบบของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ และท�ำงานอิสระ เมื่อมีการสร้างกิจกรรมการพัฒนาอาชีพข้ึน เกษตรทฤษฎีใหมป่ ระจ�ำตำ� บลที่ดตี อ่ ไป โดยน้อมน�ำจากองค์ความรู้จากหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ฯลฯ เชน่ การเพาะเหด็ การนำ� เหด็ ไปแปรรปู การปลูก พืชสมุนไพร การท�ำน้�ำหมักชีวภาพ การปลูกผักสวนครัว การ เลย้ี งปลามาดำ� เนนิ การจดั กระบวนการเรยี นรซู้ ง่ึ เปน็ การตอ่ ยอด ดา้ นองคค์ วามรู้ ดา้ นการพฒั นาทกั ษะชวี ติ ดา้ นการสรา้ งอาชพี เสริมรายได้ใหเ้ กดิ ข้นึ ให้มคี ุณภาพชวี ติ ทด่ี ี มีความพอเพียงใน การดำ� เนินชีวติ สิ่งเหล่านเ้ี กิดจากการเรยี นรู้จากศูนย์การเรียน รู้ต่างๆ และได้น�ำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการด�ำเนินชีวิต ประจำ� วนั นอกจากนใี้ นสว่ นของชมุ ชนเอง ประชาชนและสงั คม โดยรวมเกดิ การพฒั นาในดา้ นความมน่ั คง ความสามคั คี ความ ร่วมมือ และการมีส่วนร่วมในทุกๆด้านกศน.อ�ำเภอเมือง สมุทรปราการได้สร้างความตระหนักและเน้นย้�ำให้บุคลากร นักศึกษา กศน. และประชาชน พึ่งพาตนเองได้ตามพระราช ประสงค์ของในหลวง และน�ำไปสู่การปลูกฝังปรับเปลี่ยน 35

4 รว มกันพฒั นาคน ขยายผลอยา งยงั่ ยนื กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การน�ำของ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายด้าน การศกึ ษาดว้ ยการนอ้ มนำ� กระแสพระราชดำ� รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ท่ี เกยี่ วกบั การปฏริ ปู การศกึ ษามาเปน็ แนวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งเปน็ รปู ธรรมและเปน็ เสน้ ทาง สคู่ วามสำ� เรจ็ ในการปฏริ ปู การศกึ ษาของประเทศตอ่ ไปสง่ เสรมิ ใหห้ นว่ ยงานในกำ� กบั ดำ� เนนิ งานโครงการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในสว่ นทเ่ี กยี่ วขอ้ งโดยการ เรยี นรทู้ ำ� ความเขา้ ใจและยดึ เปน็ แนวปฏบิ ตั ใิ นการดำ� เนนิ ชวี ติ พรอ้ มทง้ั สามารถเผยแพร่ ขยายผลต่อไปได้ เนอ่ื งจากการศกึ ษานบั เปน็ กลไกสำ� คญั ทจ่ี ะนำ� พาประเทศไปสคู่ วามมนั่ คง ม่ังค่ังและย่ังยืน รวมถึงความมีเสถียรภาพของประชาธิปไตยเป็นการน้อมน�ำหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นหลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรใู้ หก้ บั ผู้เรียนทั้งในระบบ นอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต เป็นส่ิงส�ำคัญในการสร้างบุคคลที่เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ เป็นการจัดการศึกษาเพื่อ อนาคตท่ีย่ังยืนซ่ึงจะช่วยสร้างศักยภาพบุคลากรของประเทศให้สามารถรับมือกับ ความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดข้ึนได้เป็นอย่างดีและมีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เปน็ คนดีของสังคมและประเทศชาติ 36

ส� ำ นั ก ง า น ส ่ ง เ ส ริ ม ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ได้ผล และจากเหตุผลดังกล่าวจึงน�ำมาสู่การจัดต้ังศูนย์เรียนรู้ การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นหน่วยงานท่ีมีหน้าที่ต่อการเรียนรู้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจ�ำ ของประชาชนคอื การจดั การศกึ ษาตามอธั ยาศยั และการศกึ ษา ต�ำบล เพื่อด�ำเนินงานสนับสนุนแนวทางในการเผยแพร่องค์ ตลอดชีวิตให้กับกลุ่มเป้าหมายนอกระบบโรงเรียน เพ่ือการ ความรู้ตามหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตร พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ย่ังยืนโดยการน้อมน�ำหลักปรัชญาของ ทฤษฏีใหม่ รวมท้ังหลักการทรงงาน เพ่ือสร้างส�ำนึกความ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการจัดการศึกษาเน้นการจัด หวงแหนสถาบันหลักของชาติและการพัฒนาคุณภาพการ กระบวนการเรียนรู้ให้กับประชาชนเพ่ือให้เกิดทักษะในการ จัดการเรยี นรใู้ นชุมชน ผ่านกลไกทางการศกึ ษาของ กศน. โดย ใช้ชีวิต ทักษะดา้ นการประกอบอาชพี พึง่ พาตนเองได้ สามารถ ให้บุคลากร นักศึกษา กศน. และประชาชน ได้ตระหนักรู้ อยู่ในชุมชนและสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งในการจัด เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเห็นความส�ำคัญในความเป็น การศึกษาในพ้ืนท่ีนั้นใช้การขับเคล่ือนโดยครู กศน.ต�ำบลเป็น ชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุน กลไกสำ� คญั ในการทำ� หนา้ ทใ่ี หค้ วามรแู้ ละประสานงานเชอ่ื มโยง ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในหลักการทรงงานและแนว ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน แหล่งเรียนรู้ ปราชญ์ชาวบ้าน พระราชด�ำริ ตลอดจนให้ความร่วมมือส่งเสริมให้สถานศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งนี้เพ่ือเพ่ิมโอกาสในการศึกษาให้กับ ไดม้ กี ารเรยี นรตู้ ามรอยพระยคุ ลบาทในชมุ ชน โดยประสานงาน ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งความรู้ได้ตามความต้องการและ และให้ความร่วมมือในการด�ำเนินงานขับเคลื่อน เผยแพร่ สามารถน�ำความร้มู าประยกุ ต์ใช้ในการด�ำเนินชวี ติ ได้ องคค์ วามรใู้ หเ้ กดิ การจดั การความรขู้ องชมุ ชนในรปู แบบชมุ ชน ศึกษา และสร้างเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ในระดับพ้ืนที่ตามหลัก ครู กศน. นับว่าเป็นผู้มีความส�ำคัญกับการเรียนรู้ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทคี่ นไทยควรยดึ ถอื เปน็ แนวทาง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ในการประยุกต์ใช้ในการด�ำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ อันเป็น เปน็ อยา่ งมาก เนอ่ื งจากองคค์ วามรทู้ เ่ี ปน็ ภมู ปิ ญั ญามอี ยทู่ ว่ั ไป เป้าหมายในการบูรณาการความรู้ไปสู่การปฏิบัติ โดยใช้ศูนย์ ในแต่ละท้องถิ่น ครู กศน.ท่ีอยู่ในแต่ละพ้ืนท่ีสามารถจัด เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ การเรยี นรหู้ รอื กจิ กรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยขู่ อง ประจ�ำต�ำบลเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้ในการพัฒนาแก่ ประชาชนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถส่งเสริมให้ ชุมชนต่อไปอย่างย่ังยนื แกนนำ� ทมี่ คี วามพรอ้ ม จดั ตงั้ เปน็ ศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง ในระดับครัวเรือน โดยเน้นการท�ำกินท�ำใช้ในครัวเรือนอย่าง 37

เพื่อให้การขับเคล่ือนศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ประจ�ำต�ำบลเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด ส�ำนักงาน สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั (สำ� นกั งาน กศน.) ได้ท�ำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกองอ�ำนวยการรักษา ความม่ันคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซ่ึงเป็นหน่วยงานท่ี รับผิดชอบในการขับเคลื่อนแนวทางการรักษาความม่ันคงสถาบัน หลักของชาติ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์เป็นประมุข เม่ือวันท่ี 13 พฤศจิกายน 2558 ท่ี จังหวัดสโุ ขทัย โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ดังนี้ 1. เพื่อเป็นแนวทางความร่วมมือ ด้านการรักษาความ มน่ั คงสถาบนั หลกั ของชาติ โดยใหบ้ คุ ลากรในสงั กดั สำ� นกั งาน กศน. ทุกระดับ และประชาชนไดต้ ระหนักรู้ และเกดิ ความภาคภูมใิ จ 2. เพ่ือเป็นการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำ� ริตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งสปู่ ระชาชนอยา่ ง แพรห่ ลาย 3. เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง และเห็นความส�ำคัญของ สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ของประเทศไทย 4. เพอื่ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการจดั ตง้ั หมบู่ า้ นเรยี นรตู้ ามรอย พระยุคลบาท 38

ทง้ั นไ้ี ดม้ กี ารประชมุ หารอื เพอ่ื รว่ มกนั กำ� หนดกจิ กรรม และโครงการทจี่ ะ ขับเคล่ือนในปี 2559 โดยได้เห็นชอบให้ด�ำเนินงานภายใต้ชื่อ โครงการขับเคลื่อน ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ประจ�ำต�ำบล โดย ความรว่ มมอื ระหวา่ งสำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั (ส�ำนักงาน กศน.) และกองอ�ำนวยการรักษาความม่ันคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมกี จิ กรรมในการขับเคล่อื นดงั นี้ 1. การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “การขยายผลโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชด�ำริในพื้นท่ีความมั่นคง และการรักษาความม่ันคงสถาบันหลักของชาติ” โดย กอ.รมน. มกี ลมุ่ เปา้ หมายคอื ผบู้ ริหาร กศน.จงั หวดั ทุกจังหวัด ผู้แทนกอ. รมน. ภาค 1-4 และผ้แู ทนกอ. รมน.จงั หวดั เขา้ ประชมุ จำ� นวนท้ังสนิ้ 170 คน ระหวา่ ง วนั ที่ 2 -4 มนี าคม 2559 ณ โรงแรมนนทบรุ พี าเลซ จ.นนทบุรี โดยมีวตั ถุประสงค์ เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการน�ำโครงการอันเนื่องจากพระราชด�ำริไปขยายผล ในพนื้ ทค่ี วามมนั่ คง ตลอดจนรว่ มกนั กำ� หนดแนวทางการรกั ษาความมนั่ คงสถาบนั หลกั ของชาติ รบั ทราบปญั หาขอ้ ขดั ขอ้ งและความตอ้ งการของหนว่ ยปฎบิ ตั ิ เพอื่ นำ� มา ปรบั แกใ้ หเ้ หมาะสมกบั การทำ� งานรว่ มกนั ในพนื้ ทตี่ อ่ ไป โดยมี ดร.ววิ ฒั น์ ศลั ยกำ� ธร บรรยายเร่อื ง การน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ไปสู่ การด�ำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม พล.อ.สน่ัน มะเริงสิทธิ์ บรรยายเรื่องสถาบัน พระมหากษตั รยิ ก์ บั ความมั่นคงของไทย : พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นมง่ิ ขวญั ของชาติ นายสุรพงษ์ จ�ำจด เลขาธกิ าร กศน. บรรยายเรื่อง บทบาทของ กศน.กับการจัดตงั้ ศูนย์เรียนรู้ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจ�ำต�ำบลและ นายสมบรู ณ์ วงศก์ าด จากสำ� นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงานโครงการ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ (กปร.) บรรยายเรอ่ื ง หลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาอันเนอ่ื งมาจากพระราชด�ำริ 2. โครงการอบรมปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ให้ กับ ครู กศน.ต�ำบลและบุคลากร โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ ครู กศน.ต�ำบล/แขวง และเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่และหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพต่าง ๆ ใน ฐานการเรยี นรทู้ ศ่ี นู ยก์ ารศกึ ษาการพฒั นาฯ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รสิ ามารถนำ� ความรู้ท่ีได้รับไปถ่ายทอดให้กับบุคลากรใน กศน. อ�ำเภอ นักศึกษา กศน. และ ประชาชนในพ้ืนทเี่ ป้าหมายต่อไปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ทั้งน้ีส�ำนักงาน กศน. ได้ด�ำเนินการอบรมในปีงบประมาณ 2559 น้ี ใน ระยะแรก จำ� นวน 11 รนุ่ โดยมีกลมุ่ เปา้ หมายคือ ครู กศน.ต�ำบล อำ� เภอละ 1 คน และเจ้าหน้าที่ของส�ำนักงาน กศน.จังหวัดท่ีรับผิดชอบเรื่องนี้ จังหวัดละ 1 คน จำ� นวน1,035 คน โดยมศี นู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ ทงั้ 6 ศนู ย์ เปน็ สถานท่ีในการจดั อบรม ไดแ้ ก่ 39

• ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพกิ ลุ ทอง จ.นราธวิ าส จ�ำนวน 80 คน • ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชงิ เทรา 2 รุน่ จำ� นวน 175 คน • ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาห้วยฮอ่ งไคร้ จ.เชยี งใหม่ 2 รุน่ จำ� นวน 216 คน • ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร 3 รุ่น จ�ำนวน 342 คน • ศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนาอา่ วคุ้งกระเบน จ.จนั ทบรุ ี 2 รุ่น จ�ำนวน 152 คน • ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาหว้ ยทราย จ.เพชรบุรี จำ� นวน 70 คน ทงั้ นี้จะมีการอบรมอย่างตอ่ เนื่อง โดยมเี ปา้ หมายให้ ครู กศน.ต�ำบล ไดเ้ ขา้ ไปศกึ ษา เรยี นรทู้ ศ่ี ูนย์ศกึ ษาการพฒั นาอันเน่อื งมาจากพระราชดำ� รคิ รบ ทุกต�ำบล เพ่ือจะได้น�ำความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับมาถ่ายทอดให้กับนักศึกษา และประชาชนต่อไป 3. การเปิดศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตร ทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บล ในพนื้ ทก่ี ศน.ตำ� บล จำ� นวน 7,424 แหง่ ทว่ั ประเทศ เพอ่ื เป็นการเร่ิมต้นการขับเคล่ือนนโยบายไปสู่การปฏิบัติพร้อมกัน มีวัตถุประสงค์ เพ่ือใช้ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ ประจ�ำต�ำบล เป็นศูนย์กลางและกลไกในการจัดการเรียนรู้ และเผยแพร่องค์ ความรู้ในการพัฒนาแก่ชุมชนและพัฒนาภูมิปัญญาชาวบ้านสู่เกษตรกร มอื อาชพี ในอนาคตตอ่ ไปอยา่ งยง่ั ยนื และเปน็ การมอบนโยบายในการขยายผล สู่นักศึกษา กศน. และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ให้มีความเข้าใจเก่ียวกับ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฏใี หม่ และหลกั การทรงงานของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั สามารถนำ� ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ไปถา่ ยทอดใหก้ บั คนใน ชมุ ชนได้ 40

บทบาทและภารกิจการขยายผลการจัดตั้งศูนย์ พอเพยี งและเกษตรทฤษฏใี หม่ สามารถปฏบิ ตั ติ นและนำ� ไปเปน็ เรยี นรขู้ องปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ แนวทางในการประกอบสัมมาอาชีพได้จริง โดยวิธีการพัฒนา ประจำ� ตำ� บลตามขอ้ ตกลงความรว่ มมอื หลักสูตรให้กับวิทยากรและชุมชน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ตาม แนวทางปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเชน่ การทำ� บญั ชคี รวั เรอื น หลงั จากเปดิ ศนู ยเ์ รยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การท�ำปุ๋ยหมักชีวภาพ การท�ำเกษตรธรรมชาติ หรือเกษตร และเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำ� ตำ� บลแลว้ ครู กศน.ต�ำบลประจ�ำ ผสมผสาน การเลีย้ งกบ การเพาะเหด็ ฟาง เห็ดภูฎาน การแปรรปู ศูนย์เรียนรู้ฯ จะท�ำหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน ผลผลิตทางการเกษตรเป็นการสร้างมูลค่าเพ่ิม ซ่ึงท�ำให้ผู้รับ การสรา้ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ และเผยแพรข่ อ้ มลู ในดา้ นปรชั ญา การอบรมสามารถน�ำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ของเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ประจำ� ต�ำบล โดย อย่างได้ผล มีความตระหนักถึงการใช้จ่ายอย่างพอประมาณ มกี จิ กรรม ดงั นี้ มเี หตผุ ลในการใชจ้ า่ ย มภี มู คิ มุ้ กนั เปน็ บคุ คลทม่ี คี ณุ ธรรมและ จรยิ ธรรม มคี วามสามคั คใี นครอบครวั และชมุ ชน สามารถสรา้ ง 1. การขับเคล่ือนกิจกรรมโดยการจัดเวทีเสวนาเพ่ือ เป็นอาชีพและมีรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือน ท�ำให้มีความ สร้างความตระหนัก และแนะน�ำเผยแพร่ความรู้ เรื่องปรัชญา เป็นอยดู่ ีข้ึน และอยู่ในสังคมได้อย่างมคี วามสุข ของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ แก่ประชาชนใน ชุมชนอย่างต่อเน่ืองให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักศึกษา กศน. 3. การจดั ประชมุ สมั มนาและรว่ มถอดบทเรยี นความ และประชาชน จำ� นวน 350,000 คน ส�ำเร็จของสถานศึกษา ในการขับเคลื่อนนโยบายปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ประจ�ำต�ำบลสู่การ 2. ดำ� เนนิ การอบรมเพอื่ เผยแพรค่ วามรู้ เรอื่ งปรชั ญา ปฏบิ ัติ เพ่ือถอดองค์ความรจู้ ากบทเรยี นความสำ� เร็จของสถาน ของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฏใี หมร่ ว่ มกบั ผรู้ ู้ ปราชญ์ ศกึ ษา ในการขบั เคลอื่ นนโยบายปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชาวบา้ นในชมุ ชน ใหแ้ ก่ บคุ ลากร นกั ศกึ ษา กศน. ทกุ ระดบั และ และเกษตรทฤษฏีใหม่ประจำ� ต�ำบล เพือ่ เป็นตน้ แบบในการนำ� ประชาชน เพื่อน�ำไปใช้ในการด�ำเนินชีวิตได้ อย่างน้อยต�ำบล ไปสู่การปฏิบัติย่างหลากหลาย ตามบริบทของพื้นท่ีในพ้ืนท่ี ละ30คนรวม222,720คนเพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษากศน.และประชาชน ต่อไปอยา่ งมีคณุ ภาพ ในชุมชนได้รับความรู้และเข้าใจเร่ืองปรัชญาของเศรษฐกิจ 41

ในส่วนของความร่วมมือของส�ำนักงาน กศน.และ 3. การเสริมสรา้ งความพรอ้ มของศนู ยเ์ รยี นรฯู้ ใหก้ ับ กอ.รมน. ทจี่ ะดำ� เนนิ รว่ มกนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งหลงั จากการเปดิ ศนู ย์ ประชาชนในพื้นท่ี การปรับปรุงสถานท่ี การสนับสนุนวัสดุ การเรยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ อุปกรณ์ เคร่อื งมือ สอื่ องค์ความรูต้ า่ งๆ และพลังงานทดแทน ประจ�ำตำ� บลทั่วประเทศ ดงั นี้ (โซลาเซล) เปน็ ต้น 1. ศูนย์เรียนรู้ฯจะเป็นศูนย์รวมการบูรณาการของ 4. การขยายความรว่ มมอื ในการดำ� เนนิ งานไปสภู่ าคี องค์ความรู้ต่างๆ ถ่ายทอดไปยังประชาชนในหมู่บ้านของแต่ เครือข่ายเพิ่มเติม เช่น หน่วยงาน กอ.รมน. (ส�ำนักและศูนย์ พื้นที่ โดยมีครู กศน.เป็นผู้ประสานงานกับภาคีเครือข่าย มี ประสานงานปฏิบัติ) หน่วยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการ เจ้าหน้าท่ีจาก กอ.รมน.ในแต่ละจังหวัดเป็นผู้ช่วยเหลือและ (สำ� นกั งานคณะกรรมการอาชวี ศกึ ษา ฯ) และหนว่ ยงาน องคก์ ร สนบั สนนุ การปฏิบัติ ภาครฐั และภาคเอกชนอืน่ ๆ เพ่ือให้เกิดการบูรณาการรว่ มกัน 2. มีการจัดท�ำแผนการด�ำเนินงานในระยะต่อไป 5. การรับรู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนใน รว่ มกนั ตอ่ เนอ่ื งจากกรอบบนั ทกึ ความรว่ มมอื ของทงั้ 2หนว่ ยงาน พนื้ ทเี่ พือ่ นำ� ไปสหู่ น่วงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปญั หาอยา่ งเป็น รปู ธรรมและมีประสทิ ธภิ าพ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร พรอ้ มคณะ เปดิ ศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตร ทฤษฎใี หม่ ประจำ� ตำ� บลพรอ่ น นำ� รอ่ งการขบั เคลอื่ นทโี่ รงเรยี นมสุ ลมิ ศกึ ษา ต�ำบลพรอ่ น อ.เมือง จ.ยะลา เม่อื วนั ท่ี 11 พฤษภาคม 2559 42

43