Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 10 checklists เลี้ยงลูกให้มีสุข ฉบับปฐมวัย สุขกาย สุขใจ

10 checklists เลี้ยงลูกให้มีสุข ฉบับปฐมวัย สุขกาย สุขใจ

Published by 500bookchonlibrary, 2021-06-17 08:59:41

Description: 10 checklists เลี้ยงลูกให้มีสุข ฉบับปฐมวัย สุขกาย สุขใจ

Search

Read the Text Version

10 Checklist เลี้ยงลูกใหม้ ี ‘สขุ ’ ฉบับ ปฐมวยั (0 - 5 ป)ี 1

พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1 : พ.ศ. 2560 พสิ ูจนอ์ กั ษร : สุปรยี า ห้องแซง เรยี บเรียงเน้อื หา : โครงการพัฒนาชดุ ความรู้ส่ือสร้างสรรค์เพือ่ ภาพประกอบ : ชมพนู ุท เหลืองอังกูร คอมพิวเตอร์กราฟกิ : ปาจรยี ์ คะศรที อง เดก็ และครอบครัว พิมพ์ท่ี : พรรณกี ารพิมพ์ 28, 30, 32, 34, 36 เน้ือหาวิชาการ : สถาบันสอ่ื เดก็ และเยาวชน (สสย.) ซอยกาญจนาภเิ ษก 008 แยก 10 บางแค แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอ่าน กรงุ เทพฯ 10160 แผนงานสอื่ ศิลปวฒั นธรรมสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สนบั สนุนโดย : สำ�นักงานกองทุนสนบั สนนุ การสรา้ ง บรรณาธิการ : ญาณนี ศริ ิวงศ์ ณ อยุธยา วันทนีย์ เจยี รสุนันท์ เสริมสขุ ภาพ (สสส.) 2

บทนำ� ทา่ มกลางการเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ของโลก ตง้ั แตก่ ารเปลยี่ นแปลงของสอ่ื เทคโนโลยี พน้ื ทีท่ างกายภาพ พืน้ ทีท่ างความคดิ การแข่งขันทางเศรษฐกิจ รปู แบบการศึกษา บรบิ ททางสงั คม ตลอดไปจนถึงรูปแบบของครอบครัว ส่งผลให้การเลี้ยงดูเด็กของพ่อแม่ผู้ปกครองในยุคปัจจุบันน้ี มีการเปล่ียนแปลงและมีความหลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย หลายครอบครัวจึงเริ่มเกิดความรู้สึก สับสน วิตกกังวล ไมม่ นั่ ใจทัง้ วธิ กี าร ทศิ ทาง และเป้าหมายทค่ี วรจะสนบั สนุนหรอื ส่งเสรมิ ใหล้ ูกของ ตนเองกา้ วไป หนงั สอื “10 Checklist เลย้ี งลูกให้มี ‘สุข’ ฉบับ ปฐมวัย (0 - 5 ป)ี เล่มท่ี 1 : สุขกาย สขุ ใจ” ท่ีคุณพ่อคณุ แม่ก�ำ ลังถอื อยู่เล่มนี้ เป็น 1 ในคูม่ อื ความรู้ชุด 10 Checklist เลยี้ งลกู ใหม้ ี ‘สุข’ ทจ่ี ะชว่ ยแนะน�ำ แนวทางใหค้ ณุ พอ่ คณุ แมไ่ ดเ้ ลยี้ งดลู กู ใหเ้ ตบิ โต โดยมเี ปา้ หมายคอื ‘ความสขุ ’ ของเดก็ เปน็ ทีต่ ัง้ ซง่ึ ความสขุ ณ ท่นี ้ี เปน็ ความสขุ ในความหมายทค่ี รบถว้ นทกุ มติ ิ ทั้งกาย ใจ สงั คม ปญั ญา ซ่ึงจะนำ�ทางให้เด็ก ๆ ก้าวสกู่ ารเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แข็ง ฉลาดรเู้ รอ่ื งสุขภาพ เทา่ ทันตนเอง เท่าทันสอ่ื และเท่าทันสงั คม เน้ือหาในหนังสือคู่มือชุดนี้ มาจากแนวคิด 3 ดี : ส่ือดี พ้ืนท่ีดี ภูมิดี อันเป็นแนวคิดที่ สำ�นักงานกองทนุ สนับสนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้พฒั นาขึ้น โดยโครงการพฒั นาชุดความ รู้สื่อสร้างสรรค์เพื่อเด็กและครอบครัว ได้นำ�แนวคิดนี้มาประยุกต์ และนำ�เสนอผ่านประเด็นปัญหา ตัวอย่างท่ีพ่อแม่ผู้ปกครองมักพบเจอ โดยมีทฤษฎีพัฒนาการเด็ก หลักจิตวิทยา และบทเรียนจาก ภาคเี ครอื ขา่ ยตา่ ง ๆ ของ สสส. ซึ่งทํางานเกย่ี วกับเดก็ เป็นขอ้ มลู สนับสนนุ ส�ำ คญั จนออกมาเปน็ ชุด คมู่ ือทจี่ ะทำ�ใหค้ ณุ พ่อคณุ แม่เข้าใจง่าย นำ�ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำ�วนั ได้จริงชุดน้ี ศ.นพ.ประเวศ วะสี ได้เคยกล่าวไว้ครัง้ หนึ่งว่า “การเลยี้ งดูเดก็ ทด่ี ี เป็นเคร่อื งมือการพฒั นา ผใู้ หญ่อยา่ งดยี ิง่ ” ดงั น้นั ขอจงโปรดได้รูว้ ่า ในขณะทีค่ ณุ พ่อคณุ แม่นำ�แนวคดิ ท่ไี ดอ้ า่ นจากคู่มอื เลม่ นี้ ไปใช้ดูแลลกู นอ้ ยของตนเองในครอบครวั นอกจากจะไดพ้ ัฒนาเดก็ ๆ ใหเ้ ติบโตข้นึ อยา่ งมีความสุขใน ทกุ ดา้ นแลว้ คณุ พอ่ คณุ แมเ่ อง กย็ งั จะไดพ้ ฒั นาตนเองและพบ ‘ความสขุ ’ ในทกุ ดา้ นควบคไู่ ปดว้ ยเชน่ เดยี วกนั เพราะในทส่ี ดุ แล้ว ความสุขของเด็กและคุณพ่อคุณแม่ อาจพบได้พร้อม ๆ กนั ภายใน ‘บา้ น’ และ ‘หัวใจ’ ท่ีผูกพันอยู่ด้วยกันของทุกคนในครอบครัว 3

สารบญั 06 16 22 ต้นกลา้ น้อย Checklist 1 : Checklist 2 : คอ่ ย ๆ เติบโต ‘นมแม่’ อาหารมหัศจรรย์ อ้อมกอดอบอ่นุ 29 34 40 Checklist 3 : Checklist 4 : Checklist 5 : ประสาทสมั ผัสสรา้ งการเรียนรู้ กนิ นอน อึ ฉี่ ทกั ษะชวี ิตพน้ื ฐาน อ่านสร้างสขุ 46 52 57 Checklist 6 : Checklist 7 : Checklist 8 : เปน็ เพือ่ นกับผกั และผลไม้ เดก็ ไทยอ่อน ‘หวาน’ ดนตรสี รา้ งสนุ ทรยี ะ 64 70 Checklist 9 : Checklist 10 : เลน่ ให้เยอะท่ีสดุ ศลิ ปะพัฒนาอารมณ์ 4

5

ต้นกลา้ น้อย ค่อยๆ เติบโต ลกู ไมย่ อม เม่อื ครอบครัวได้ตอ้ นรับสมาชิกใหม่ท่เี กดิ มา กลวั โตไมท่ หลงั ความตนื่ เตน้ ยนิ ดีปรีดาผา่ นพน้ ไป เพอ่ื น? สิง่ ทีต่ ามมามักเป็นความวิตกกงั วล 2 ขวบ ของคุณพอ่ คุณแม่ ทำ�ไมยังพดู ไม่ได้? ลูกเราจะช้ากว่า เลน่ เด็กคนอื่นไหมนะ? สกป อันต 6

ทำ�ไมเดนิ ช้า ซนขนาดน้ี... ผดิ ปกตไิ หม? สมาธสิ ั้นหรอื เปล่า? มกิน ทนั 7 อา่ นเขยี นชา้ จงั เดก็ ร่นุ เดียวกนั ทำ�ไดห้ มดแลว้ ? นกลางแจง้ ปรก? ตราย?

เพราะการเลีย้ งลกู ไมใ่ ชก่ ารแข่งขัน ดังนนั้ ลูกเราจงึ ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งถกู ‘เร่ง’ ใหเ้ รว็ เพอ่ื ใหถ้ งึ เสน้ ชัยหรอื เป้าหมายก่อนใคร จริง ๆ แลว้ เด็กทกุ คนมีพัฒนาการตามธรรมชาติ ของตัวเอง ศกั ยภาพของเด็กทต่ี ดิ ตัวมาต้ังแตเ่ กดิ อาจจะไม่ไดใ้ ช้งานไดใ้ นทันที แต่จ�ำ เปน็ ต้องรอให้ถึงระยะเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงตอนน้ันร่างกายหรืออวัยวะนั้น ๆ ก็จะสามารถ ทำ�หน้าที่เหล่าน้ันได้อย่างธรรมชาติ เช่น กล้ามเน้ือของเด็กจะเจริญพอที่จะหัดเดินได้ใน วยั 1 ปี เราจะไปเรง่ ให้เร็วกว่าเวลาน้นั ก็ยอ่ มเป็นไปไม่ได้ จำ�เปน็ ตอ้ งรอเวลาที่รา่ งกายของ เขาพรอ้ มกอ่ น เด็กจึงจะเร่ิมหัดเดินได้ อยา่ งไรกต็ าม กระบวนการพฒั นาทกั ษะบางอยา่ งของเดก็ แตล่ ะคน อาจจะใชเ้ วลา ไม่เท่ากัน ส่ิงที่ผู้ใหญ่ควรจะทำ� ไม่ใช่การคาดหวังหรือเร่งเร้าบีบค้ัน ให้เด็กพัฒนาทักษะ ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วเหมือนกันตามที่คิดหรือต้องการ แต่ควรจะพยายามสนับสนุนและ ส่งเสรมิ ให้เขาได้มีโอกาสที่จะพัฒนาทกั ษะต่าง ๆ อย่างสอดคลอ้ ง ตรงกบั วยั ทีค่ วรจะเปน็ เพือ่ ใหเ้ ดก็ เตบิ โตข้ึนมาด้วยความสุขทัง้ กายและใจ “ลกู เราอาจจะไม่ได้เรว็ เปน็ ทีห่ นง่ึ แต่เขาจะเปน็ เด็กท่มี คี วามสขุ ทสี่ ดุ ” 8

รูจ้ ักทฤษฎี 'หน้าตา่ งแห่งโอกาส' โอกาสทองในการพฒั นาเด็ก ‘หนา้ ตา่ งแหง่ โอกาส’ คอื ทฤษฎที ว่ี า่ ดว้ ยชว่ งเวลาทสี่ มองเปดิ รบั การ เรียนรไู้ ดด้ ที ี่สุด เปน็ ทฤษฎที ่ีนักจติ วิทยาเด็กนำ�มาบรู ณาการกับการพฒั นาเด็กตามช่วง วยั โดยถอื วา่ เปน็ โอกาสทองทธ่ี รรมชาตมิ อบใหก้ บั เดก็ วา่ ชว่ งใดเหมาะสมกบั การพฒั นา ทกั ษะดา้ นใด โดยทหี่ ากพน้ ชว่ งทธ่ี รรมชาตกิ �ำ หนดไปแลว้ การพฒั นากอ็ าจเกดิ ขนึ้ ไดย้ าก หรืออาจเป็นไปไม่ไดเ้ ลย เด็กวัย 0 - 2 ปี เด็กวัย 3 - 5 ปี - สรา้ งความผกู พนั - การรูจ้ ักถกู ผิด - สรา้ งความไว้วางใจผู้อื่น - การควบคมุ อารมณ์ตัวเอง 9

EF (Executive Functions) ทกั ษะสมองเพือ่ ชีวิตทสี่ ำ�เรจ็ EF หรอื ‘ทกั ษะสมองเพอ่ื ชวี ติ ทสี่ �ำ เรจ็ ’ เปน็ ทกั ษะการ คดิ ข้นั สูงของมนษุ ย์ ทำ�ใหส้ ามารถ ‘คดิ เปน็ ทำ�งานเป็น เรียนรเู้ ป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กบั คนอื่นเปน็ และหาความสุขเปน็ ’ กระบวนการพัฒนา EF ต้องเร่ิมต้ังแต่เด็ก โดยเฉพาะ ปฐมวยั ในชว่ งอายุ 3 - 6 ปี ถอื เปน็ หนา้ ตา่ งแหง่ โอกาสในการพฒั นา ทกั ษะ EF สิ่งสำ�คญั ท่พี อ่ แมค่ วรตระหนกั คือ ‘ทกั ษะ EF ไม่ไดเ้ กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งทต่ี ้องฝึกฝนตอ่ เน่ืองเป็นขั้นตอน เรยี นรู้ผา่ นประสบการณ์จรงิ ท่ีหลากหลาย’ 10

แนวทางการพัฒนา EF ในเดก็ ปฐมวัย 1. การสรา้ งความผกู พนั และไว้วางใจให้เกดิ ข้นึ ในใจเดก็ มคี วามสขุ ไมเ่ ครียด 2. การดแู ลสุขภาพสมองให้แข็งแรง กินอ่มิ นอนหลบั ออกก�ำ ลังกายกลางแจ้งสม�ำ่ เสมอ 3. สร้างสภาวะแวดลอ้ มทเี่ หมาะสม เป็นระเบยี บ เรยี บรอ้ ย กระตุน้ ให้อยากเรยี นรู้ ใหเ้ ด็กมสี ่วนรว่ ม 4. ได้ประสบการณก์ ารเรียนร้ทู หี่ ลากหลาย ใหเ้ ด็กมีประสบการณ์กับสิ่งรอบตัว คดิ วางแผน และลงมอื ทำ�ดว้ ยตัวเอง 11

10เรอื่ งนา่ รู้ ท่ีไม่ควรพลาด ! ถ้าอยากใหล้ ูก สุขกาย สุขใจ 12

เมอื่ รแู้ ลว้ วา่ ‘พฒั นาการ’ ของลกู นอ้ ยนนั้ มคี วาม สอดคล้องกับ ‘ช่วงเวลา’ ไม่จ�ำ เป็นท่คี ุณพ่อคุณแมต่ ้อง ไปเคร่งเครียดหรือเร่งรัด แต่ก็ไม่ควรที่จะปล่อยปละหละ หลวม จนเด็กพลาดโอกาสท่ีจะได้พฒั นาตนเอง ทุกอย่าง ต้องเป็นไปอย่างมีจังหวะที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจน เกินไป และน่ีคือ 10 เร่ืองน่ารู้ ท่ีคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูก ปฐมวัยไม่ควรพลาดที่จะทำ� เพ่ือให้ลูกมีสุขภาวะกายและ ใจทสี่ มบรู ณ์ ถา้ คณุ พอ่ คณุ แมพ่ รอ้ มแลว้ เราลองไปเชก็ กนั เลยวา่ ตอนนี้เราทำ�ไปสกั กี่ขอ้ แลว้ และเหลอื อีกก่ขี อ้ ท่ีเรา ตอ้ งท�ำ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ดก็ ๆ ของเราพลาดโอกาสทจ่ี ะเตบิ โตแขง็ แรงทัง้ กายและใจ 13

‘นมแม่’ 10 อาหารมหศั จรรย์ เรอื่ งน่ารู้ ออ้ มกอดอบอนุ่ ประสาทสมั ผัส สร้างการเรยี นรู้ อา่ นสร้างสุข กนิ นอน อึ ฉ่ี ทักษะชีวติ พน้ื ฐาน 14

ท่ไี มค่ วรพลาด ! ศลิ ปะพัฒนาอารมณ์ ถสาุ้ขอกยาายกใหล้ กู สขุ ใจ เปน็ เพอื่ นกบั ผกั และผลไม้ เล่นใหเ้ ยอะทสี่ ุด เด็กไทยอ่อน ‘หวาน’ ดนตรสี รา้ งสุนทรียะ 15

1Checklist 'นมแม'่ อาหารมหัศจรรย์ 16

เกิดอะไรขึ้นบา้ ง? เมื่อลกู กนิ นมแมต่ ลอด 6 เดอื นแรกของชวี ติ สรา้ งเสริมไอคิว ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรคฮิต ประหยดั เงินมากมาย โตไปไมอ่ ้วน 17

กินนมแมแ่ ลว้ ฉลาดสุด ๆ ความฉลาดของคนเรา มาจากปัจจัยหลายอย่าง ท้ังพันธุกรรม การเล้ียงดูท่ี เหมาะสม และสิ่งสำ�คัญอีกอย่างที่ไม่ควรละเลยก็คือ การได้รับสารอาหารท่ีครบถ้วน พอเหมาะ โดยเฉพาะ DHA DHA เป็นกรดไขมนั สายยาว เปน็ โครงสร้างส�ำ คัญทจี่ �ำ เปน็ ตอ่ การมองเห็นและ พฒั นาการทางสมองของเดก็ โดยตอ้ งเรมิ่ สะสมตง้ั แตอ่ ยใู่ นทอ้ งแม่ และออกมาสะสมตอ่ ด้วยการกินนมแม่ มีการศึกษาพบว่าเด็กที่กินนมแม่จะมี DHA ในกรดไขมันท่ีเป็นส่วน ประกอบของสมองสงู กวา่ เด็กทก่ี นิ นมผง ยังมีการวิจัยเพ่ิมเติมอีกว่า การให้เด็กกินนมแม่จะส่งผลให้เด็กมีไอคิวสูงขึ้น 2 - 10 จุดด้วย ชา่ งเปน็ อาหารมหัศจรรยท์ ี่เย่ยี มยอดจริงๆ กินนมแม่แลว้ 'สตรอง' ของแท้ น้ำ�นมแม่เปรียบเหมือน ‘วัคซีนหยดแรก’ ของชีวิตลูก มีคุณสมบัติในการ ปอ้ งกนั การตดิ เชอ้ื ในทารกแรกเกดิ สรา้ งภมู ติ า้ นทานรา่ งกายใหล้ กู นอ้ ย เพราะในน�ำ้ นม แม่มสี ง่ิ ทเ่ี รียกว่า ‘หัวน�ำ้ นม’ เตม็ ไปดว้ ยสารอาหารจำ�เปน็ ทง้ั โปรตีน เกลอื แร่ วติ ามิน สารช่วยการเจรญิ เติบโต เพราะฉะน้นั หากลกู ได้กินนมแมย่ าวนานตลอด 6 เดือนแรก ของชีวิต กร็ ับรองไดว้ ่า ลกู ของเราจะตอ้ งเป็น ‘สายสตรอง’ ของแท้ แขง็ แรงแนน่ อน 18

กนิ นมแม่แล้วห่างไกลโรคฮติ มีการศึกษาและการวิจัยออกมามากมายที่ระบุว่า เด็กท่ีกินนมแม่จะป้องกัน โรคตา่ งๆ ได้มากมาย ทั้งทอ้ งเสีย ปอดบวม ล�ำ ไสอ้ ักเสบ ทางเดินปสั สาวะอกั เสบ โรค เยอื่ หมุ้ สมองอกั เสบ หชู น้ั กลางอกั เสบ และโรคยอดฮติ ของเดก็ ยคุ นอี้ ยา่ งโรคภมู แิ พอ้ กี ดว้ ย ทง้ั นเี้ พราะนมแม่ปลอดภัย สดเสมอ มีสารอาหารครบ การกินนมแมจ่ ะท�ำ ให้ เด็กไม่ต้องรับโปรตีนจากนมวัว ซ่ึงเป็นโปรตีนท่ีสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของ ทารกและท�ำ ใหเ้ กดิ โรคภูมแิ พไ้ ด้นน่ั เอง กนิ นมแมแ่ ล้วประหยดั เงนิ ไดม้ ากมาย เคยมีการคำ�นวณตัวเลขออกมาแล้วว่า การให้เด็กกินนมแม่จะช่วยให้แต่ละ ครอบครัวประหยัดเงินได้มากมาย โดยครอบครัวท่ีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประหยัดราย จ่ายถงึ เดอื นละ 4,000 บาท ลองคิดดูวา่ ถา้ เราเลยี้ งลกู ด้วยนมแม่ 1 ปเี ต็ม จะช่วย ประหยัดรายจา่ ยครอบครัวถงึ 48,000 บาท และถ้าคุณแม่ทั้งประเทศเล้ียงลูกด้วยนมแม่ติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน จะช่วยให้ครอบครัวไทยประหยัดเงินรวมกันท้ังประเทศได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อ ปีเชยี วนะ ! 19

กินนมแม่รับรองโตไปกไ็ ม่อว้ น เช่ือหรือไม่ว่าการกินนมแม่ช่วยให้เด็กห่างไกลโรคอ้วนอีกด้วย ท่ีเป็นอย่างนี้ก็ เพราะวา่ เดก็ ทกี่ นิ นมแม่ เมอื่ กนิ อม่ิ จะเลกิ ดดู เอง ตา่ งกบั การกนิ นมผสมทผี่ ใู้ หญม่ กั จะ บงั คบั ใหก้ นิ หมดขวด ดงั นน้ั เดก็ ทกี่ นิ นมแมจ่ งึ รจู้ กั การควบคมุ ตวั เองในการกนิ อาหารได้ ดกี วา่ และเมอื่ โตขนึ้ เดก็ กลมุ่ ทกี่ นิ นมแมย่ งั มนี สิ ยั การรบั ประทานอาหารทหี่ ลากหลาย กวา่ โดยเฉพาะพวกผกั ผลไม้ ทงั้ นกี้ เ็ พราะวา่ รสชาตนิ มแมเ่ ปลย่ี นไปตามอาหารทแ่ี มก่ นิ เดก็ จงึ ปรับตัวกบั อาหารรสชาตติ ่างๆ ไดด้ ีกว่าเดก็ ท่กี นิ นมผสม นมแมย่ งั เปน็ นมทมี่ พี ลงั งานและโปรตนี ต�่ำ กวา่ นมผสม ขอ้ ดคี อื เดก็ จะไมม่ กี าร สะสมพลงั งานทเี่ หลอื เปน็ ไขมนั ซง่ึ ท�ำ ใหเ้ ดก็ อว้ นงา่ ย นอกจากน้ี นมผสมยงั ท�ำ ใหเ้ ดก็ มี ระดับอินซูลินในเลือดหลังอาหารสูงกว่าเด็กท่ีกินนมแม่ เนื่องจากมีพลังงานมากเกิน จ�ำ เปน็ (คลา้ ยเวลาทผี่ ใู้ หญเ่ รากนิ ของหวานมากเกนิ จ�ำ เปน็ ) พลงั งานเกนิ สว่ นนจี้ ะตอ้ ง ใชฮ้ อร์โมนอินซลู นิ ไปเปล่ียนให้เป็นเซลลไ์ ขมันเกบ็ สะสมไว้ ส่งผลตอ่ การพัฒนาเซลล์ ไขมนั ของเด็ก โอ้โฮ...ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหม ว่าการกินนมแม่จะมีประโยชน์มากกว่ากินนมผสม มากขนาดน้ี ! 20

Ideas & Tips นมแม่ทง้ั ‘ประหยดั ’ และมี ‘ประโยชน’์ ขนาดน้ี คณุ แมอ่ ย่าลืมใหพ้ วกเรากนิ ‘นมแม’่ อยา่ งนอ้ ยก็ตดิ กนั ตลอด 6 เดอื นแรกในชีวติ และสามารถกินได้ยาวนานจนฟนั แทข้ ึน้ พวกเราจะไดแ้ ขง็ แรง ปลอดภยั โรคภัยไมก่ ล้ำ�กราย ท่สี ำ�คญั เวลากินนมแม่ ยังเปน็ สือ่ ดใี ห้เราไดผ้ ูกพนั กนั อย่างอบอุน่ ดว้ ยนะครบั ขอบคุณครับ (ค่ะ) คณุ แม่ 21

2Checklist ออ้ มกอด อบอุน่ 22

สง่ิ มชี วี ิตนอ้ ย ๆ ทต่ี ้องออกมาเผชิญโลกกวา้ งใหญ่ด้วยตัวคนเดียว จะมีอะไรที่ จะท�ำ ให้เด็กน้อยรสู้ กึ อบอนุ่ และเกิดความมน่ั ใจได้มากไปกวา่ รอยย้ิม สัมผัส และอ้อม กอดของคณุ พอ่ คณุ แม่ ไมม่ ที ฤษฎกี ารเลยี้ งเดก็ ทฤษฎใี ดในโลกทป่ี ฏเิ สธผลดขี องออ้ ม กอด ไม่มีนกั วิชาการคนไหนผลกั ไสความรกั ที่ถา่ ยทอดสมั ผัสจากชวี ติ หนึ่งไปสู่อกี ชีวติ หนงึ่ ดว้ ยสองแขนของพอ่ แมน่ แ่ี หละ คอื มนตรว์ เิ ศษทจี่ ะสรา้ งความผกู พนั และความไว้ วางใจใหเ้ กิดข้นึ ในใจเดก็ และเมื่อไรกต็ ามทเ่ี ดก็ รสู้ ึกได้ถงึ ความผูกพันและไวว้ างใจ เม่อื น้ันเขาก็จะแข็งแรงท้ังกายและใจ พร้อมท่ีจะก้าวกระโดดออกไปเรียนรู้ทุกอย่างในโลก กวา้ งไดอ้ ย่างสนกุ และมคี วามสขุ 23

รไู้ หม? มอี ะไรซอ่ นอยู่ในออ้ มกอด กอดสร้างความรู้สกึ ปลอดภัย ม่ันใจ กอดสร้างเส้นใยประสาทตอ่ เน่ือง กอดสรา้ งภูมิตา้ นทาน บรรเทาความเจบ็ ปวด กอดเพ่ิมไอคิว (IQ) กอดเพ่มิ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) กอดพัฒนา EF (ทักษะสมองเพ่อื ชีวติ ทส่ี ำ�เร็จ) 24

กอดลูกใหม้ ากท่ีสุด ใน 3 ปีแรกของชวี ิต 3 ปีแรกของชีวิต เป็นช่วงเวลาสำ�คัญของการพัฒนาสมอง เป็นโอกาสทอง สำ�หรับเด็กในการสร้างตัวตน สร้างพื้นฐานชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เป็นเร่ืองสำ�คัญมากที่สุดในวัยนี้ เมื่อพ่อแม่กอดเด็ก เด็กจะรู้สึกได้ถึงความรัก ความ หว่ งใย ความผูกพัน อบอุ่น ปลอดภัย มั่นคง ความรสู้ ึกเหลา่ นส้ี ง่ ผลตอ่ จิตใจของเดก็ มาก การกอดจะเข้าไปเพ่ิม EQ ใหเ้ ดก็ ท�ำ ให้เด็กเกิดความฉลาดทางอารมณ์ มที ัศนคติ ที่ดีต่อตัวเองและคนรอบข้าง จะสังเกตเห็นว่าเด็กท่ีพ่อแม่กอดเขาบ่อย ๆ จะเป็นเด็ก อารมณด์ ี ยิ้มงา่ ย มองโลกในแงบ่ วก การกอดและสัมผัสใกล้ชิดจากแม่กับลูก ยังเป็นสื่อที่ส่งผลให้ระบบประสาท ทำ�งานได้ดีขน้ึ การทำ�งานของสมองก็ดีขนึ้ กอดจงึ ทำ�ให้ไอควิ เดก็ สงู ขึ้นตามไปดว้ ย นอกจากน้ี ยงั พบวา่ ในเดก็ ทมี่ อี าการเจบ็ ปว่ ย เชน่ อาการทเี่ กดิ จากความเครยี ด โรคหดื อาการบาดเจบ็ ต่าง ๆ การกอดจะเขา้ ไปชว่ ยใหค้ วามเจ็บปวดบรรเทา ความผิด ปกตใิ นอวยั วะต่างๆ ของเดก็ ดขี ึน้ ไดอ้ ยา่ งไมน่ า่ เชือ่ 2255

แลว้ เราจะกอดลกู ตอนไหนไดบ้ า้ ง... 26

นมแม่กบั ‘อ้อมกอด’ ท่ีแนบแน่น คงไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะเป็นช่ัวโมงต้องมนตร์เท่ากับตอนท่ีคุณแม่กอดลูกไว้ใน ออ้ มอก พรอ้ ม ๆ กับใหล้ กู ไดก้ นิ อาหารสดุ มหัศจรรยอ์ ยา่ งนมแมอ่ กี แล้ว วนิ าทที ่แี มล่ กู มกี ารสมั ผสั กนั ทง้ั สายตา เสยี ง กลนิ่ ของนมแม่ รสชาตคิ วามหวานของน�้ำ ตาลแลคโทส จากนมแม่ สมั ผสั และพน้ื ทอ่ี อ้ มกอดของแม่ สรา้ งความอบอนุ่ ความรสู้ กึ มน่ั ใจปลอดภยั แกท่ ารก กระตนุ้ ทารกใหเ้ กดิ การเจรญิ งอกงามของเสน้ ใยประสาทตอ่ เนอ่ื ง ชว่ ยใหส้ อ่ื น�ำ ประสาทสง่ สญั ญาณประสาทไดเ้ รว็ ขน้ึ สมองกจ็ ะท�ำ งานไดด้ มี ากยง่ิ ขน้ึ ไอควิ กส็ งู ขน้ึ ตาม ไปดว้ ย อ้มุ ลกู นัง่ ตัก อา่ นหนังสือเล่มแรกในชวี ติ อยา่ ลงั เลหรอื สงสยั กบั การมอบหนงั สอื เลม่ แรกใหล้ กู ตง้ั แตใ่ นชว่ งปฐมวยั เดก็ ๆ ทกุ คนกา้ วสเู่ สน้ ทางรกั การอา่ นไดต้ งั้ แตว่ ยั แรกเกดิ เมอื่ พอ่ แมห่ ยบิ หนงั สอื มาอา่ นใหล้ กู ฟงั เดก็ จะใช้การฟงั เสยี ง แยกแยะระดบั เสียงทแี่ ตกตา่ ง พอเดก็ เรมิ่ โตข้ึนอกี นิด โอกาส ทองท่ีคณุ พอ่ คุณแมไ่ ม่ควรพลาด คือการอุ้มลูกน่ังตกั โอบกอดเขาไวพ้ ร้อมกับชี้ชวนให้ เดก็ ๆ ดหู นังสือภาพสสี ันสดใส ช่วงเวลาตรงน้ีเองที่อ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่จะกลายเป็นสื่อและพ้ืนท่ี สรา้ งสรรค์ ชว่ ยสานสายสมั พนั ธท์ ง้ั ความรกั ความผกู พนั และความหว่ งใยไปยงั ลกู นอ้ ย ถอ้ ยค�ำ และน�้ำ เสยี งของคณุ แมท่ อ่ี อ่ นโยน จะกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ รสู้ กึ เพลดิ เพลนิ ไดใ้ ชส้ มองใน การคดิ และจนิ ตนาการ เชอื่ มโยงเสยี งกบั ภาพทเ่ี หน็ เกดิ เปน็ เครอื ขา่ ยสรา้ งการเรยี นรทู้ ี่ กวา้ งใหญไ่ พศาลอย่างที่คุณพอ่ คุณแมค่ าดไม่ถงึ เลยทเี ดียว 27

Ideas & Tips มากอดกนั เถอะ กอดกนั ทกุ เวลา ยิ่งมากก็ยิ่งดี กอดกนั วนั ละ 4 คร้งั .....เพื่อการดำ�รงชีวิต กอดกนั วนั ละ 8 ครั้ง......เพ่อื การดำ�เนนิ ชวี ติ กอดกันวันละ 12 คร้ัง.......เพือ่ การเจรญิ เตบิ โต 28

3Checklist ประสาทสัมผัส สรา้ งการเรยี นรู้ 29

ลองจนิ ตนาการว่าคุณถูกย่อร่างจนตวั เลก็ จิว๋ แลว้ จู่ ๆ ก็ไปโผลท่ ี่ไหนก็ไม่รู้ เป็นดิน แดนท่ีไม่รู้จักคุ้นเคย คุณพูดไม่ได้ อ่านก็ไม่ออก เดินก็ยังไม่แข็ง ส่ิงเดียวท่ีคุณจะสามารถ เรียนรู้และสร้างความคุ้นเคยกับดินแดนน้ันได้ย่อมหนีไม่พ้น การใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมด ในร่างกายเท่าทมี่ เี ป็นตัวชว่ ยในการเรียนรู้ ...เด็ก ๆ กเ็ ช่นเดยี วกนั ..... เดก็ ในชว่ งปฐมวยั เปน็ ชว่ งเวลาของการพฒั นาระบบสมั ผสั และระบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กวัยนี้ มักบอกว่าเป็นช่วงท่ีเด็กซนเหลือเกิน เพราะเด็กจะไม่ชอบอยู่น่ิง เคลื่อนไหวตลอดเวลา พยายามสัมผัสทกุ สงิ่ รอบตวั เร่มิ ปนี ปา่ ยท่ตี ่าง ๆ จนผใู้ หญป่ วดเศียรเวียนเกลา้ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องอดทนเวียนหัวไปสักหน่อย เพราะสิ่งท่ี เด็ก ๆ ทำ� เขาไม่ได้แกล้งหรือตั้งใจท่ีจะป่วนคุณพ่อคุณแม่แต่อย่างใด ทั้งหมดเป็นกระ บวนการเรยี นรทู้ เี่ ดก็ พยายามจะท�ำ ทกุ อยา่ งเพอ่ื ทจ่ี ะพฒั นาสมองของตวั เองใหร้ บั รู้ เรยี น รทู้ จี่ ะควบคมุ รา่ งกายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพตามทตี่ วั เองตอ้ งการ แตเ่ นอื่ งจากเดก็ ยงั ใช้ กลา้ มเนอ้ื รา่ งกายไมค่ ล่อง โอกาสเกิดอุบัติเหตุจงึ มักเกดิ ขนึ้ ได้ เพราะฉะนัน้ ผใู้ หญ่ไม่ควร หา้ มจนเดก็ รสู้ กึ อดึ อดั หรอื ไมก่ ลา้ ท�ำ อะไรเลย แตค่ วรตอ้ งชว่ ยดแู ลจดั การพน้ื ทก่ี ารเรยี น รขู้ องเดก็ ให้เหมาะสม ปลอดภยั ระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ ด็กเกิดอุบตั ิเหตรุ า้ ยแรงจะดกี วา่ 30

อะไรซอ่ นอย?ู่ ในสมั ผัสท้งั 6 ของเด็ก เกบ็ ขอ้ มูลทงั้ ภาพ เสียง กล่นิ รส สัมผัส และความรู้สึก เรียนรอู้ ย่างรวดเร็วว่องไว สรา้ งเซลล์ประสาทเช่อื มโยงในสมอง ยง่ิ ใชม้ าก เซลลส์ มองยิง่ ดแี ละแขง็ แรง 31

เดก็ ๆ ปฐมวยั เรียนรู้ได้วอ่ งไวทส่ี ุด อย่าประมาทเด็กๆ นะคะ รู้ไหมคะว่า ชว่ งปฐมวยั อายุราว 2 ขวบ เดก็ ๆ จะมสี มอง หนกั เทา่ กบั รอ้ ยละ 75 และมกี ารเชอื่ มโยงระหวา่ งเซลลต์ า่ งๆ ในสมองเปน็ 2 เทา่ เมอ่ื เทยี บ กบั สมองผใู้ หญ่ ทส่ี �ำ คญั สมองของเดก็ วยั น้ี ยงั มคี วามวอ่ งไวตอ่ การเรยี นรมู้ ากกวา่ ผใู้ หญ่ อกี ตา่ งหาก นนั่ กค็ อื ถา้ มอี ะไรมากระทบประสาทสมั ผสั การรบั รแู้ ละเรยี นรใู้ นสมองจะเกดิ ข้ึนได้ง่ายและเร็วมาก ต่างกับสมองผู้ใหญ่ท่ีจะเลือกเรียนรู้เฉพาะส่ิงท่ีตัวเองสนใจ เลือก แตส่ ่งิ ทีช่ อบ หรอื มีความหมายกบั ตัวเอง ความว่องไวในการรับขอ้ มูลตา่ ง ๆ ของสมองจงึ นอ้ ยกวา่ เด็กมาก มาทำ�ความเข้าใจการทำ�งานของเซลล์สมองของเด็กกันหน่อยดีกว่า....เม่ือเด็ก ใชป้ ระสาทสัมผสั แตะตอ้ งความรอ้ น เย็น เหน็ ภาพ สี แสง ได้ยนิ เสียง รบั ร้รู ส กลนิ่ และ ความรู้สึก ข้อมูลทั้งหมดท่ีผ่านประสาทสัมผัสจะเดินทางเข้าไปสู่สมองในรูปของวงจรที่ เช่อื มโยงตอ่ กนั ข้อมูลเหลา่ น้ถี า้ ไดร้ บั ซำ้� ๆ ก็จะเกดิ เป็นเส้นทางเครือข่ายของเซลล์สมอง ท่ีดี มีประสิทธภิ าพ สว่ นของเส้นทางไหน เซลล์ไหนทไ่ี มไ่ ด้ใช้ นานๆ เขา้ กจ็ ะฝ่อลงและเสยี หายไปในท่สี ดุ สมองของเดก็ วยั นจ้ี ะสรา้ งวงจรเชอ่ื มโยงกนั ไวจ้ นมากเกนิ ความตอ้ งการ แลว้ เมอื่ เด็ก ๆ โตข้ึน สมองกจ็ ะค่อย ๆ จัดการลดทอนวงจรเชือ่ มโยงบางอยา่ งที่ไม่ไดใ้ ชแ้ ลว้ ทิง้ ไป จนกระทง่ั เหลอื เพยี งครึ่งหนงึ่ เท่านน้ั ดังนั้น ถ้าในช่วงปฐมวัย เด็ก ๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงและรับส่ือดี ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสมาก ๆ โตขึ้นแม้สมองจะลดทอนออกไปเสียคร่ึงหนึ่ง เด็กก็ยัง เหลือเซลล์สมองอีกเป็นจำ�นวนมาก ตรงกันข้ามกับเด็กท่ีไม่ได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส ในชว่ งปฐมวยั มากพอ ลองคดิ ดวู า่ โตขน้ึ เขาจะเหลอื วงจรเชอื่ มโยงของเซลลส์ มองนอ้ ยสกั เท่าไร 32

Ideas & Tips ให้ธรรมชาติชว่ ยกระตนุ้ ประสาทสมั ผัสใหเ้ ด็ก หาเวลาวา่ งพาเดก็ ๆ ของเราออกไปเลน่ ในพน้ื ทดี่ ีๆ ทอี่ ดุ มดว้ ยธรรมชาตกิ นั บา้ ง นะคะ ไมต่ อ้ งกลวั เลอะ เพราะยงิ่ เลอะยงิ่ มากประสบการณค์ ะ่ มสี อ่ื และกจิ กรรมมากมาย ในพนื้ ทธ่ี รรมชาติ ทจ่ี ะชว่ ยกระตนุ้ ประสาทสมั ผสั ในแตล่ ะดา้ นใหก้ บั เดก็ ไดอ้ ยา่ งวเิ ศษ ไม่ ว่าจะเป็น - หยบิ กอ้ นหนิ มาเรยี งเปน็ แถว ตงั้ เปน็ กองสงู ตอ่ กนั เปน็ รปู รา่ งตา่ งๆ - ลองดมกลิ่นไม้ เปลือกไม้ หรือใบไมแ้ หง้ สะอาดๆ - ชมสีสนั แตกตา่ งของดอกไม้ วง่ิ ไล่จับผีเส้อื - ขดุ บอ่ นำ�้ ป้ันดิน เลน่ ทราย - สังเกตการเดินทางของมด แมลง เตา่ ทอง ไส้เดือนฯลฯ - นอนบนพนื้ หญ้า แหงนหน้าจินตนาการไปกับเมฆนอ้ ย - หลบั ตาพรม้ิ หายใจเตม็ ปอด ใหส้ ายลมสัมผสั ผิวกายเบาๆ 33

4Checklist กิน นอน อึ ฉี่ ทักษะชวี ิต พ้ืนฐาน 34

ปญั หา? หรอื ธรรมชาติ? ลกู เราเปน็ อะไรไป? เป็นแบบน้ปี กตหิ รือเปลา่ ? กนิ น้อย กินยาก โยเย ไม่ยอมเข้านอน ฉี่รดทน่ี อน กลวั การอใึ นห้องน้ำ� 35

กนิ เปน็ เรอื่ งธรรมดามากกบั พฤตกิ รรมการกนิ อาหารของเดก็ ทเี่ ปลย่ี นไปในชว่ งวยั 3 - 5 ปี เพราะวยั นี้เป็นช่วงทอ่ี ัตราการเจริญเติบโตของร่างกายไม่ไดม้ ากเหมอื นในวัย ทารก เดก็ ในชว่ งวัยนี้จึงจะไมห่ วิ บอ่ ยหรือกินเยอะเหมอื นกบั วัยก่อนหนา้ น้ี คณุ พ่อคุณ แม่ คุณครูในศูนยเ์ ดก็ เล็กหรือโรงเรียนอนบุ าล ก็เลยจะพบวา่ เดก็ จะมีพฤตกิ รรมเลือก กนิ กินยาก ไอโ้ นน่ กไ็ มก่ ิน ไอ้นี่กไ็ มเ่ อา จะกินแต่ของชอบของตัวเองไมก่ ี่อยา่ งเท่าน้นั ถ้าเจอเดก็ ท่ีมีพฤติกรรมเช่นน้ี ขอให้ผใู้ หญ่ได้เข้าใจวา่ เป็นธรรมชาติในช่วงวยั น้ี ของเดก็ ทางแกไ้ ขอยา่ ใชก้ ารดวุ า่ ลงโทษเดก็ แตค่ วรใชว้ ธิ จี ดั เตรยี มหนา้ ตารปู รา่ งอาหาร กลน่ิ รส สมั ผสั ใหเ้ หมาะกบั เดก็ พยายามท�ำ ใหช้ ว่ งเวลาของการกนิ อาหารเปน็ ชว่ งเวลา ทผี่ อ่ นคลาย ไมท่ �ำ ใหเ้ ดก็ เครยี ด เปดิ พน้ื ทค่ี วามคดิ ใหเ้ ดก็ มสี ทิ ธไิ์ ดเ้ ลอื กบา้ งวา่ จะกนิ หรอื ไม่กนิ อะไร ถา้ ท�ำ อย่างนีไ้ ด้ ต่อไปเด็กก็จะเร่มิ เรียนรทู้ ่จี ะชิมอาหารทแี่ ตกต่าง และชอบ กินอาหารทม่ี ีความหลากหลายมากยงิ่ ขึ้น นอน “นอนกนั ดกี วา่ ” (เสยี งนุม่ ) “ไม่นอน” “นอนเถอะ” (เสยี งเรม่ิ แข็ง) “ไม่นอน” “นอนเดยี๋ วน้ี !” (เสยี งเริ่มโมโหเตม็ ที)่ “ไมน่ อน แงๆๆ” 36

บทสนทนาแสนออ่ นใจระหวา่ งคณุ พอ่ คณุ แมก่ บั เดก็ นอ้ ย ผู้ไม่ยอมนอน มักจะลงท้ายด้วยอาการร้องไห้โยเยอยู่บ่อยครั้ง อาการน้ีจะเกิดข้ึนท้ังการนอนกลางวันและกลางคืน เร่ืองน้ีก็เป็น เร่ืองธรรมชาติของเด็กปฐมวัยช่วงอายุ 3 ปีเช่นเดียวกัน พอเกิด อาการแบบนี้ กจ็ ะเรมิ่ มกี ารบงั คบั ลงโทษ เดก็ กจ็ ะเรมิ่ เครยี ด งอแง และจบลงดว้ ยการร้องไห้ บางคนหลบั ไปทงั้ น้�ำ ตาเกือบทกุ วันก็มี ถา้ คณุ พอ่ คณุ แมเ่ ขา้ ใจวา่ เปน็ ธรรมชาตขิ องวยั กข็ อใหช้ ว่ ย เหลอื เดก็ แทนการดุดา่ ลงโทษ ลองใช้ส่อื ดี ๆ อยา่ งการอ่านนทิ าน ใหเ้ ดก็ ฟงั กอ่ นนอน ดสู มดุ ภาพ หรอื ใหต้ กุ๊ ตาเขา้ นอนกบั เดก็ ๆ ดว้ ย ก็จะช่วยให้เด็กรู้สึกสบายใจและมีความสุขกับการนอนมากย่ิงข้ึน อาการเหลา่ นเี้ ปน็ เพยี งชว่ งระยะเดยี ว เมอื่ เดก็ อายุ 4 ปี พฤตกิ รรม เร่ืองนอนของเดก็ ก็จะกลับเป็นปกติ ยอมเขา้ นอนแตโ่ ดยดี 37

อึ ฉ่ี เรอื่ งการขบั ถา่ ย อึ ฉ่ี เปน็ เรอ่ื งธรรมชาตสิ �ำ หรบั ผใู้ หญ่ แตส่ �ำ หรบั เดก็ ๆ เรอื่ ง นเ้ี ปน็ เรอ่ื งใหญแ่ ละยากส�ำ หรบั เขาเหมอื นกนั นะคะ เดก็ แตล่ ะคนอาจจะมคี วามพรอ้ ม ในการควบคุมการขับถ่ายของตัวเองไม่เหมือนกัน การอึ ฉี่ บางครั้งยังสัมพันธ์กับ ความรู้สึกในจติ ใจ เด็กบางคนมีความกังวล ความเครียดบางอยา่ งซอ่ นอยู่ กอ็ าจจะ ไปแสดงออกเป็นการฉี่รดท่ีนอน เดก็ บางคนมพี ฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารไมค่ อ่ ยถกู ตอ้ งนกั กจ็ ะทอ้ งผกู ปวดท้อง เจ็บปวดเวลาขบั ถา่ ย หรอื บางทีสขุ ลักษณะของหอ้ งนำ�้ ไม่ดี เหมน็ สกปรก กจ็ ะสง่ ผลตอ่ เนอ่ื งท�ำ ใหเ้ ดก็ กลวั การขบั ถา่ ย กลวั การเขา้ หอ้ งน�ำ้ ไปเลยกม็ ี บางคนเกดิ อาการมาก กลายเป็นท้องผกู เร้อื รังเลยก็มีเยอะ ดงั นนั้ หากเดก็ ยงั ควบคมุ การขบั ถา่ ยไดไ้ มด่ ี ขอให้ ผู้ใหญ่อย่าเพ่ิงลงเอยด้วยการดุว่า กล่าวโทษ บังคับหรือ โมโหเดก็ แตข่ อใหค้ ณุ พอ่ คณุ แมห่ รอื คณุ ครู ชว่ ยกนั สงั เกต วา่ ตน้ เหตขุ องปญั หาอยทู่ ไี่ หน และพยายามแกไ้ ขใหถ้ กู จดุ เชน่ ถา้ อาการฉรี่ ดทน่ี อนเกดิ จากความเครยี ด คณุ พอ่ คณุ แมก่ ค็ วรจะท�ำ ใหเ้ ดก็ เกดิ ความรสู้ กึ อบอนุ่ ปลอดภยั มน่ั คง ใชเ้ วลาไมน่ านอาการฉรี่ ดทนี่ อนกจ็ ะคอ่ ยๆ ดขี น้ึ และหายไป ได้ในที่สดุ 38

Ideas & Tips นทิ านสอนหนู การสอนกิจวตั รประจำ�วันผา่ นสอ่ื ดี ๆ อย่างหนังสอื นทิ าน เปน็ วิธที ีไ่ ดผ้ ลดี วธิ หี นง่ึ เดก็ จะเลยี นแบบพฤตกิ รรมของตวั ละครในหนงั สอื นทิ าน โดยเฉพาะถา้ เปน็ ตวั ละครเดมิ ทเ่ี ปน็ หนงั สอื นทิ านชดุ ตอ่ เนอ่ื ง เดก็ จะยงิ่ รสู้ กึ คนุ้ เคย ใกลช้ ดิ ผกู พนั กบั ตัวละคร และพรอ้ มทจ่ี ะคลอ้ ยตามพฤตกิ รรมของตวั ละครไดไ้ มย่ าก ตัวอย่างหนงั สอื นิทาน เร่อื ง ‘อ’ึ * คำ�ว่า ‘ออึ’ึ เป็นส่ือหนังสือนิทานที่ใช้คำ�ง่ายๆ ยำ้�คำ�ซ้ำ�ๆ ที่ อา่ นแลว้ ทำ�ใหร้ สู้ กึ ว่าเรือ่ งการขบั ถ่ายเป็นปกติ วสิ ยั ของชวี ติ หนงั สอื เลม่ นส้ี อนเดก็ ใหร้ จู้ กั เรอ่ื งการขบั ถา่ ย อุจจาระผ่านสัตว์ต่าง ๆ แล้วขมวดด้วยการแนะนำ�ให้เด็ก รกั ษาความสะอาดในการขบั ถา่ ย ชว่ ยเสริมการสอนเด็กให้ รู้จักช่วยเหลือตัวเองในเรื่องของการขับถ่ายอย่างค่อยเป็น คอ่ ยไป * ทาโร โกมิ (เรอ่ื งและภาพ) / พรอนงค์ นิยมค้า (แปล) จากเรื่อง Everyone eats and… (Minna Unchi – ญ่ีป่นุ ) สำ�นกั พมิ พแ์ พรวเพ่อื นเดก็ *1 ในหนังสือนทิ านคดั สรรและแนะนำ�โดยแผนงานสร้างเสรมิ วฒั นธรรมการอ่าน สนบั สนนุ โดย สสส. 39

5Checklist อ่าน สรา้ งสขุ 40

‘นิทาน’ เป็นอาหารสมอง และอาหารใจให้กับเด็กปฐมวัยใน เวลาเดยี วกัน ความจรงิ แล้วเด็ก ๆ สนกุ กับหนังสือนิทานได้ต้ังแต่เร่ิมลืมตาดูโลกเลย ดว้ ยซำ�้ ไป เพราะถึงแม้จะยังไม่เขา้ ใจภาษา แตเ่ ม่ือ คณุ พอ่ คณุ แมอ่ า่ นหนงั สอื กจ็ ะเปรยี บไดค้ ลา้ ยกบั การ ทเ่ี ดก็ ไดย้ นิ เสยี งของเพลงและดนตรี กระตนุ้ ประสาทสมั ผสั แรกคอื การไดย้ นิ หลงั จากนั้น เด็กๆ ก็จะสัมผัสหนงั สอื มากข้ึน เหน็ หนังสือเป็น ของเล่นช้ินหน่ึง อาจจะหยิบ ฉีก กัด ขยำ� และเมื่อเด็กอายุ 10 เดือน เป็นต้นไป เขาจะเริ่มพยายามเปิดหนงั สือและสนใจภาพในหนงั สือ พยายาม ทจี่ ะเรยี นรทู้ กุ เรอ่ื งราวจากในหนงั สอื และนคี่ อื จดุ เรม่ิ ตน้ การปลกู ฝงั นสิ ยั รกั การ อ่านใหก้ บั ลกู 41

เด็กไดอ้ ะไรจากนิทาน (ที่มากกว่าภาษา) ผู้ใหญ่หลายคนคิดว่าอ่านนิทานก็เหมือนอ่านหนังสือ ได้ความรู้ ได้ภาษา ได้การอ่าน แตจ่ ริง ๆ แลว้ ในช่วงปฐมวยั การอา่ นนทิ านให้เดก็ ฟงั มีคณุ ค่ามากมาย มหาศาลกวา่ นน้ั อ่านสรา้ งสมาธิ อา่ นสร้างจนิ ตนาการ อ่านสร้างความผกู พนั อ่านกระตุ้นเซลล์สมอง อ่านสร้างพฤตกิ รรมท่ีดี 42

หนังสอื เลม่ แรก = หนังสือภาพ การเลือกสื่อหนังสือให้เด็กควรเป็นไปตามลำ�ดับ หนังสือเล่มแรกท่ีควร จะให้เด็กสัมผัสคือ ‘หนังสือภาพ’ ลักษณะคือ หนังสือที่มีภาพสวยงาม อาจ จะมีเรื่องราวหรือไม่มีก็ได้ ถัดจากนนั้ จงึ ค่อยเริ่มปรบั เป็นหนังสือ ‘นทิ านภาพ’ คอื หนังสือนทิ านท่ีมภี าพประกอบ จากนั้นจึงเป็นการอา่ นหนงั สอื ‘นิทาน’ คือ หนังสอื ที่เน้นเนือ้ หาเปน็ หลัก น อกจาก-นี้คหงนทงั สนอื เลม่ แรกส�ำ หรบั เดก็ ยงั ควรมลี กั ษณะอนื่ ๆ เพมิ่ เตมิ คอื - ปลอดภยั - ทำ�ความสะอาดได้ (เพราะเด็กอาจเอาเขา้ ปาก) - เปดิ งา่ ย อา่ นจากซ้ายไปขวา - รูปภาพน่าสนใจ รายละเอยี ดไม่มาก - สีสนั ตัดกัน เห็นชดั เจน 43

อา่ นหนงั สือทกุ วนั สร้างภูมคิ มุ้ กนั ทางอารมณ์ Q : คณุ พอ่ คณุ แมห่ ลายคนทอ้ ใจ อา่ นหนงั สอื ใหล้ กู ฟงั กอ่ นนอนทกุ คนื แตล่ กู ไม่เห็นจะรกั การอา่ นเพ่ิมขึ้นเลย หรอื ลกู จะไมช่ อบหนงั สอื ? เลิกอา่ นดไี หม? A : ขอให้คุณพอ่ คณุ แมม่ ่ันใจวา่ การอ่านหนงั สอื ไม่เคยสรา้ งพษิ ภยั ให้กับเดก็ การท่ีเราอ่านหนงั สือนทิ านให้เด็กฟัง ไมไ่ ดเ้ พือ่ ใหเ้ ดก็ ชอบ รกั หรอื เปน็ นักอา่ นอยา่ ง เดียวเท่านน้ั แต่ชว่ งเวลาทค่ี ณุ พ่อคณุ แมอ่ า่ นหนงั สือนทิ านใหล้ กู ฟังทกุ คืนๆ คือช่วง เวลาคณุ ภาพและการสรา้ งพน้ื ทสี่ รา้ งสรรค์ ทเ่ี ดก็ ๆ จะไดใ้ ชร้ ว่ มกบั คณุ พอ่ คณุ แม่ เดก็ จะซมึ ซบั ถงึ ความอบอนุ่ ปลอดภยั จนเกดิ เปน็ ความสขุ และความสขุ แบบนแี้ หละทจ่ี ะ ประทับลงไปในใจของเดก็ เกิดเป็นภูมิคมุ้ กนั จติ ใจ ใหเ้ ขาเกดิ ความม่นั คง เข้มแขง็ ทาง อารมณ์ เชื่อมั่นในความรักของพ่อแม่ท่ีมีต่อตัวเอง เมื่อโตขึ้นก็จะกลายเป็นเกราะคุ้ม กนั ไมใ่ ห้เขาเตลิดเปิดเปงิ ไปกบั สิง่ ไม่พงึ ประสงคท์ เ่ี ข้ามายัว่ ยุเขางา่ ย ๆ เพียงแคน่ ี้กส็ ดุ แสนจะคุ้มค่าแลว้ ใช่ไหมคะคุณพอ่ คณุ แม่ สว่ นเร่ืองการรัก การอา่ น ไมต่ ้องกงั วลค่ะ หากเดก็ มคี วามสุขกบั หนงั สือ ในอนาคตเขาจะมีนิสยั รกั การ อา่ นตามมาไม่มากก็น้อยอย่างแนน่ อน 4444

Ideas & Tips สร้างกิจกรรมจากหนังสือนทิ านเล่มโปรด เมอื่ อา่ นหนงั สอื นทิ านหลายรอบแลว้ หากกลวั เดก็ ๆ จะเบอื่ (แตป่ กตแิ ลว้ ผใู้ หญ่ มกั จะเบอื่ กอ่ น เพราะเดก็ ชอบฟงั เรอ่ื งซ�้ำ ๆ) ลองเอาเนอื้ หาของหนงั สอื นทิ านมาสรา้ งเปน็ สอื่ สรา้ งสรรคห์ รอื กจิ กรรมสนกุ ๆ เลน่ กนั กส็ นกุ ดนี ะคะ นอกจากคลายเบอื่ แลว้ เดก็ ๆ ยงั ไดพ้ ัฒนาทกั ษะอีกหลายๆ ดา้ นไปดว้ ย กจิ กรรมทตี่ อ่ ยอดจากหนังสอื นทิ านได้ เชน่ - วาดรปู ระบายสี - ประดษิ ฐ์ของเล่น หรือช้นิ งานศิลปะ - ท�ำ ขนมหรอื ทำ�อาหาร - เล่นเกม เชน่ ถามตอบ ซอ่ นหาฯลฯ - เล่นบทบาทสมมติ - ออกไปท่องเทย่ี วหรือเล่นกลางแจง้ ฯลฯ 4455

6Checklist เป็นเพอ่ื นกับ ผักและผลไม้ 46

ชว่ งปฐมวยั เร่อื งของ ‘อาหาร’ เปน็ สง่ิ ท่ีพอ่ แมต่ ้องให้ความสำ�คญั มาก ไม่แพ้เร่ืองอนื่ ๆ เพราะเปน็ ช่วงทีเ่ ด็กตอ้ งได้รบั สารอาหารเพื่อการพัฒนารา่ งกายใน ทุก ๆ สว่ น หากเดก็ ขาดสารอาหาร กจ็ ะทำ�ใหแ้ คระแกรน็ ทางรา่ งกาย สติปัญญาก็ พัฒนาได้ช้า ถ้ามากเกินไปก็ทำ�ให้เกิดปัญหาโรคอ้วน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรจะ เลือกอาหารท่ีมปี ระโยชน์ ในปรมิ าณทเ่ี หมาะสมใหเ้ ด็กไดร้ ับประทาน และส่ิงทคี่ ุณพอ่ คุณแมค่ วรจะทำ� ควบค่ไู ปกบั การเอาใจใส่เรอ่ื งอาหารที่เดก็ รบั ประทาน กค็ อื การปลกู ฝงั สขุ ลกั ษณะนสิ ยั ทด่ี ใี นการเลอื กรบั ประทานอาหารใหก้ บั เดก็ โดยเฉพาะการเปน็ มติ รหรือเพือ่ นรกั กบั ‘ผกั ผลไม้’ เพราะหากทำ�ได้ตัง้ แต่ช่วง ปฐมวัย นิสัยในการชอบรับประทานผักและผลไม้ก็จะติดตัวเด็กต่อไปในอนาคต ถือ เป็นการสร้างพนื้ ฐานสขุ ภาพรา่ งกายท่แี ข็งแรงใหก้ บั เดก็ อย่างย่ังยืน 47

ใหเ้ ดก็ กนิ ผกั ปรมิ าณเทา่ ไรด?ี เดก็ วยั ทารก ได้คณุ ค่าของผกั จากน้ำ�นมแม่ (แตค่ ุณแม่ต้อง กินผักนะคะ) เด็กอายุ 1 - 3 ปี กนิ ผกั สกุ วันละ 4 - 8 ช้อนกินข้าว เด็กอายุ 4 - 6 ปี กินผกั วันละ 8 - 12 ชอ้ นกินข้าว อยา่ ลมื ! ทานผกั ใหห้ ลากหลาย ไมซ่ �้ำ จำ�เจ จะไดส้ ารอาหารครบถว้ น ปลอดภยั ลดการสะสมสารพษิ จาก สารเคมใี นผักอีกด้วย 48

อยากใหล้ ูกกินผกั ผลไม้ พอ่ แม่ต้องเรมิ่ กอ่ น คงเป็นเรื่องยากแน่ ๆ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เชิญชวนลูก ๆ ให้รับประทานผักและ ผลไม้ แต่ตวั คณุ พอ่ คณุ แม่ไมร่ ับประทาน เด็กคงไมเ่ ชื่อแน่ ๆ ว่าผกั ผลไมอ้ ร่อย ดี และ มปี ระโยชน์ เพราะฉะน้ัน ผใู้ หญใ่ นครอบครัวโดยเฉพาะคุณพอ่ คุณแมค่ วรมีนสิ ยั ในการ รบั ประทานผักและผลไมเ้ ป็นประจ�ำ มีผักอยู่ในม้อื อาหารทกุ มือ้ มีผลไมเ้ ป็นอาหารวา่ ง ประจ�ำ ของครอบครวั ความคุ้นชนิ ทเ่ี หน็ คุณพ่อคุณแม่ หรือผใู้ หญ่ในครอบครวั รบั ประทานผักผลไม้ เป็นประจ�ำ น่ีแหละค่ะ คอื สอื่ ทด่ี ที ่สี ดุ ท่ีจะเชญิ ชวนและทำ�ให้เดก็ ๆ รับประทานผกั และ ผลไม้ไดอ้ ย่างไมย่ ากเลย เพราะเขาเห็นอยใู่ นชวี ิตประจ�ำ วันทุกวนั อย่แู ลว้ อย่างไรกต็ าม ถ้าคุณพอ่ คณุ แมห่ รอื ผ้ใู หญใ่ นครอบครวั ทานผักเปน็ ประจำ� แต่ ท�ำ ยงั ไงๆ ลกู กไ็ มย่ อมทานผกั ผลไมอ้ ยดู่ ี ถา้ เปน็ อยา่ งนกี้ ข็ อใหค้ ณุ พอ่ คณุ แมใ่ จเยน็ ๆ คะ่ อยา่ เพิง่ ไปบีบบงั คบั เดก็ ให้เจ็บช้�ำ น�้ำ ใจ ดีไม่ดีจะพลอยฝังใจเกลยี ดผักผลไม้ไปได้ ขอให้ เรม่ิ ตน้ จากการใหเ้ ดก็ ๆ คนุ้ เคยและมที ศั นคตทิ ด่ี กี บั ผกั ผลไมก้ อ่ นกพ็ อคะ่ ใหเ้ ขารสู้ กึ วา่ ผกั เป็นสว่ นหนึง่ ของอาหารประจ�ำ วัน ค่อย ๆ เชญิ ชวนให้เขาลองชมิ จากเล็ก ๆ น้อย ๆ คอ่ ยเป็นค่อยไป แลว้ เด็กจะคอ่ ยๆ ทานผักผลไม้ได้เอง 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook