Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไม้ดอกหอม ราชมงคลสุรินทร์

ไม้ดอกหอม ราชมงคลสุรินทร์

Published by sirichaisompang, 2020-11-18 20:25:07

Description: ไม้ดอกหอม ราชมงคลสุรินทร์

Search

Read the Text Version

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ จาปี ~ 50 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ จาปี ชื่ออ่ืน จุมปี ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Magnolia x alba (DC.) Figlar ช่อื วงศ์ MAGNOLIACEAE ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 20 เมตร ไม่ผลัดใบ ลาต้นสีน้าตาลแตกเป็นร่องถ่ี กิ่งเปราะ ทรงพุ่มเป็นรูปสามเหล่ียม ใบ เด่ยี ว เรยี งสลับเวียน ใบรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ กว้าง 8 - 12 เซนติเมตร ยาว 20 – 27 เซนตเิ มตร ก้านใบยาว 2.5 – 3 เซนติเมตร ดอก เดี่ยว ออกตามซอก ดอกตมู มีใบประดับหมุ้ ดอกไว้แล้วจะหลุดร่วงจึงเห็นกลีบดอก กลบี ดอกสขี าว มีจานวนกลีบ 12 - 17 กลีบ รูปขอบขนาน เกสรเพศผู้มีจานวนมาก 20 - 32 อัน เกสรเพศเมยี มีกา้ นวงเกสรเพศเมยี มีรังไข่ 10 - 13 อนั ผล เป็นผลกลุ่ม 6 - 12 ผล รูปกลมรี หรือทรงกระบอก ไม่มีก้านผล ผลแก่สีเขียวอม เหลือง เมลด็ มีวุ้นหมุ้ (มกั ไม่ติดผล) ฤดูออกดอก ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคม – เดอื นพฤศจกิ ายน ออกดอกหอมตลอดวัน การขยายพนั ธุ์ ตอนกงิ่ ปักชา และทาบก่ิง ~ 51 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ จาปแี ขก ~ 52 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ ชอื่ อ่นื จาปแี ขก ช่อื วิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ จาปาแขก Magnolia figo (Lour.) DC. MAGNOLIACEAE ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1 – 2.5 เมตร ปลายก่ิงมีขนสีน้าตาล ปกคลุมหนาแน่น แตกกิ่ง จานวนมาก ใบ เดี่ยว เรียงเวียนรอบกงิ่ ใบรูปไข่แผ่นใบหนาและเหนียวเป็นมันเรียบท้ังสองด้าน ใบ กวา้ ง 2.5 – 3.5 เซนติเมตร ยาว 5 - 7 เซนติเมตร กา้ นใบยาว 0.3 – 0.5 เซนตเิ มตร ดอก เด่ียวออกซอกใบ กลีบใบประดับสีน้าตาลเข้ม 1 กลีบ กลีบดอกสีขาวนวลหรือ เหลอื งนวล มี 6 กลีบ แต่ละกลีบรปู ไข่กลับหนา เกสรเพศผู้จานวนมาก เกสรเพศเมียจานวนมาก เจรญิ บนแกนยาวตัง้ ข้ึนกลางดอก มกั ไมต่ ดิ ผล ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม ทยอยออกตลอดปี ส่งกลิ่น หอมชว่ งใกลพ้ ลบคา่ มหี อมแรง ดอกบาน 1 วนั จะรว่ ง การขยายพนั ธ์ุ ตอนกิง่ หรอื ทาบก่งิ โดยใชต้ น้ ตอจาปา ~ 53 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ชอ่ ทองคา ~ 54 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ ชอ่ ทองคา ช่อื อ่ืน ใบนาก ทองแสด พวงทองคา ทองประกายแสด ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Byrsonima crassifolia (L.) Kunth ชอ่ื วงศ์ MALPIGHIACEAE ไมพ้ มุ่ สูง 5 – 10 เมตร เรือนยอดไมแ่ นน่ อน มกั แตกเป็นกอ เปลือกนอกสีขาว ก่ิง อ่อนมีสนี ้าตาล ใบ เดย่ี ว ออกตรงข้าม มีเส้นกลางใบสีน้าตาลเด่นชัด หลังใบเรียบเป็นมัน ท้องใบมีขน เลก็ นอ้ ย ใบรปู ไขแ่ กมขอบขนาน ใบกวา้ ง 5 – 9.5 เซนติเมตร ยาว 7 – 12.5 เซนติเมตร ปลายใบ แหลม ขอบเรียบ แผน่ ใบหนา กา้ นใบยาว 2 – 3 เซนตเิ มตร มีขนนุ่มสนี า้ ตาล ดอก ออกเป็นชอ่ ที่ซอกใบและปลายกิง่ ดอกย่อย 10 – 30 ดอก ดอกย่อยมีกลีบเล้ียง สเี ขยี วเจรญิ ถาวร 4 – 5 กลีบ กลีบดอกสีเหลือง 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 10 อันเช่ือมกันท่ีโคน เกสร เพศเมีย มียอดเกสรเพศเมยี 3 อนั เจริญถาวรยื่นออกมาเหน็ ชัดเจน ผล เป็นผลสด รูปรกี ลม ยาว 1 เซนตเิ มตร ดบิ มีสีเขียวเมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง แต่ละผล มี 1 – 3 เมล็ด ฤดอู อกดอก ออกดอกเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม กล่ินหอมอ่อนๆ การขยายพันธ์ุ ปกั ชา ~ 55 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ ชามะนาด ~ 56 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ ชามะนาด ชอ่ื อื่น ข้าวใหม่ อม้ ส้าย ชามะนาดฝรงั่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Vallaris glabra (L.) Kuntze ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE ไม้พุ่มกึง่ เล้อื ย สงู ต้นประมาณ 7 เมตร มนี ้ายางสีขาวทกุ ส่วน ลาต้นสเี ขยี วคลา้ ใบ เดย่ี ว เรยี งตัวตรงขา้ ม ใบรปู รีหรือรปู ขอบขนาน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ส่วนโคนใบก็ แหลมเช่นกัน ใบกวา้ ง 4 - 8 เซนติเมตร ยาว 12 - 15 เซนติเมตร เน้ือในบาง ก้านใบยาว 2 – 3 เซนตเิ มตร ดอก ออกดอกเป็นช่อท่ีปลายก่ิงและซอกใบ ดอกย่อยมีกลีบเล้ียง 5 กลีบสีเขียว ส่วน กลีบดอกเชื่อมกันเป็นถ้วยปลายแยกเป็นแฉกสีขาว 5 กลีบเรียงซ้อนกันเล็กน้อย เกสรเพศผู้ 5 อนั หมุ้ ยอดเกสรเพศเมยี มรี ังไข่ 2 อัน ผล สดมีเนอื้ เมอ่ื แกจ่ ะแตก เมล็ดมีใยปลิวลอยตามลม ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดอื นมกราคม – เดอื นมีนาคม ดอกทยอยบานทั้งช่อ บานวัน เดียวแลว้ รว่ ง สง่ กลน่ิ หอมแรงเหมือนขา้ วใหม่ หอมตลอดวนั การขยายพนั ธุ์ ปกั ชา โน้มกิง่ และตอนก่งิ ~ 57 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ ทิวาราตรี ~ 58 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ชื่ออืน่ ทวิ าราตรี ชอ่ื วิทยาศาสตร์ ช่ือวงศ์ ทิวา Cestrum diurnum L. SOLANACEAE ไม้พ่มุ ขนาดเลก็ สงู 2 - 5 เมตรแตกขนาดเลก็ ก่งิ ยดื ยาวจานวนมาก ใบ เดี่ยว ออกแบบเวยี นสลับ มลี ักษณะรปู รแี กมใบหอก ขอบใบเปน็ คล่นื ใบกว้าง 2 - 3 เซนติเมตร ยาว 5 - 8 เซนตเิ มตร ก้านใบยาว 0.8 – 1 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบทป่ี ลายกิง่ ดอกยอ่ ย มี 6 กลีบ โดยโคนกลบี ดอกเชื่อมกัน เป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบ 6 กลีบม้วนออก เกสรเพศผู้จานวนมาก เกสรเพศเมีย มีรังไข่ เหนือวงกลีบ ดอกมีกลบี เลีย้ งเจริญถาวร 5 อัน ผล เป็นผลสด รูปกลม สีม่วงอ่อนจนถึงสีดา ท่ีขั้วผลมีส่วนกลีบเล้ียงเจริญถาวรติดอยู่ เมลด็ แก่เปน็ สดี า ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกบานพร้อมกันท้ังช่อ บานได้ 2 – 3 วัน แล้วโรย ดอกสง่ กลน่ิ หอมตลอดวนั หอมแรงตอนกลางคืน การขยายพันธุ์ ตอนกง่ิ และปักชา ~ 59 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ นมหนู ~ 60 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ นมหนู ช่ืออื่น กระโปกกระจอ้ น กลว้ ยข้เี ห็น ปอแฮด ลาดวนดง มะป่วน ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Mitrephora tomentosa Hook. f. & Thomson ชอ่ื วงศ์ ANNONACEAE ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู 10-15 เมตร ทรงพุม่ ค่อนข้างกลม เปลือกต้นเรียบสีน้าตาล กิ่งอ่อนมี ขนปกคลุม ใบ เด่ียว เรียงสลับระนาบเดียวกัน รูปรี ใบกว้าง 4 – 7.5 เซนติเมตร ยาว 17 - 25 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน แผ่นใบหนาและเหนยี ว เนอ้ื ใบสากมือเล็กน้อย ใบอ่อนมีขน สีน้าตาล กา้ นใบยาว 0.5 – 0.7 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นกระจุก 2 - 3 ดอก ตรงข้ามใบ ดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 - 4.5 เซนติเมตร สีเหลือง กลีบดอกเรียงเป็น 2 ช้ัน ช้ันละ 3 กลีบ กลีบวงนอกยาวและบิดเป็นคล่ืน กลบี วงในงมุ้ เข้า เป็นรูปโดม ปลายกลบี มีลายเปน็ แถบสีแดง ผล กลมุ่ มีผลย่อยจานวนมาก กลุ่มละ 16 – 24 ผล ก้านผลยาว ผลกลมรูปรี ผลย่อย ยาว 3 เซนตเิ มตร ผลออ่ นมีสเี ขียว เมือ่ แกม่ สี เี หลือง แต่ละผลมี 2 - 3 เมล็ดเรียงตามขวาง ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม – เดือนเมษายน ผลแก่เดือนมีนาคม – เดือน กรกฎาคม ส่งกลน่ิ หอมบา่ ยถงึ พลบค่า การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมลด็ และตอนกง่ิ ~ 61 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ นมแมว ~ 62 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ นมแมว ชือ่ อืน่ - ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Uvaria siamensis (Scheff.) L. L. Zhou, Y. C. F. ช่อื วงศ์ Su & R. M. K. Saunders ANNONACEAE ไม้พุ่มรอเล้ือย เล้ือยไปได้ไกล 2 - 5 เมตร ลาต้นแตกกิ่งก้านได้มาก เกิดเป็นพุ่มใหญ่ๆ เปลอื กลาต้นสีนา้ ตาลอมสีเหลือง เน้ือไมม้ ีความเหนียวมาก ใบ เด่ียว ออกเรียงสลับตามกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปหอก โคนใบมน ปลายใบแหลม ใบกวา้ ง 3 - 6.5 เซนติเมตร ยาว 10 - 22.5 เซนตเิ มตร ก้านใบยาว 0.3 – 0.5 เซนติเมตร ดอก เด่ียว ออกตามซอกใบใกล้บริเวณปลายยอด กลีบดอกหนา มี 6 กลีบ กลีบดอก เรียงเปน็ 2 ชน้ั ชั้นละ 3 กลีบ กลบี ชัน้ นอกเปน็ รปู ไข่ สว่ นกลีบชนั้ ใน มขี นาดเล็กกว่า กลีบดอกสี เหลืองนวล ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้จานวนมากเบียดกันแน่น เปน็ กระจกุ กลีบเล้ยี งสีเขียวมี 3 กลีบ เกสรเพศเมียมรี งั ไขจ่ านวนมาก ผล กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีผลย่อย 8 - 15 ผล ลักษณะเป็นรูปทรงกลมรีและมีตุ่มปลายผล คล้ายกับเต้านมของแมว ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ผลดิบมีสีเขียวเมื่อสุกมีสีเหลือง ภายในผลมีเมล็ด 6 - 8 เมล็ด ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกดกช่วงเดือนสิงหาคม – เดือนตุลาคม ส่งกล่ินหอม ตลอดวัน หอมแรงตอนคา่ การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และตอนก่ิง ~ 63 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ นางแย้ม ~ 64 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ นางแยม้ ชือ่ อ่ืน ปิ้งสมทุ ร กะอมุ เปอ สว้ นใหญ่ ปิ้งชอ้ น ป้ิงหอม ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Clerodendrum chinense (Osbeck) Mabb. var. chinense ชอ่ื วงศ์ LAMIACEAE ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1 - 2 เมตรต้นแตกลาต้นใต้ผิวดินจานวนมาก ก่ิงมีลักษณะ สี่เหลี่ยม เปลอื กลาตน้ และก่งิ มสี นี า้ ตาลอมดา และมขี นปกคลุม เป็นไม้เนือ้ ออ่ น เปราะหกั งา่ ย ใบ เด่ยี ว เรียงสลบั ตรงข้าม และตง้ั ฉากกันบนก่ิง ใบมีรูปหัวใจ มีโคนเว้าตรงกลางเป็น ฐาน ส่วนปลายใบแหลม ใบกวา้ ง 8 - 10 เซนติเมตร ยาว 12 - 16 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบ ขอบ ใบหยกั มน แผน่ ใบมขี นปกคลุมทัง้ ดา้ นบนและล่าง เมอื่ จับใบจะรู้สึกอ่อนนุ่ม มีก้านใบยาว 5 – 10 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อ บริเวณปลายยอด ดอกเรียงอัดแน่นเป็นกระจุก 20 - 30 กระจุก กว้าง 6 - 12 เซนตเิ มตร ดอกยอ่ ยคล้ายดอกมะลิ แต่ละดอกมีกลบี เล้ียงสีม่วงแดง ปลายกลีบดอก แยกเปน็ 5 - 6 แฉก กลีบดอกมสี ีขาวอมม่วง ประกอบด้วยกลีบดอกหลายกลีบเรียงซ้อนกัน ตรง กลางจะมเี กสรเพศผ้แู ละเกสรเพศเมยี แตเ่ กสรท้ังสองจะไม่สมบรู ณ์ จึงไมพ่ บการตดิ ผล ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกจะดกมากช่วงฤดูฝนดอกทยอยบานทั้งช่อและบาน ไดห้ ลายวัน ดอกมกี ล่นิ หอมออ่ นๆช่วงกลางวนั และหอมแรงช่วงพลบคา่ การขยายพนั ธ์ุ ขุดต้นอ่อนที่เกิดจากรากใกล้ผวิ ดนิ เปน็ วธิ ีทงี่ า่ ยทสี่ ุด หรือตอนกิ่งและชา กิ่งก็ได้ ~ 65 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ โนรา ~ 66 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ โนรา ชื่ออืน่ สะเลา พญาชา้ งเผือก กาลังช้างเผือก แหนปีก กะลงั จ่าง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hiptage benghalensis (L.) Kurz ชอ่ื วงศ์ MALPIGHIACEAE ไม้พมุ่ รอเล้ือยหรือไม้เถาขนาดใหญ่ ลักษณะกลมเกลี้ยง เนื้อไม้แข็ง ลาต้นแตกกิ่งก้าน เลก็ และหอ้ ยลง ใบ เด่ียว ออกเรียงตรงขา้ มกนั ลกั ษณะเป็นรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบ สอบ ขอบใบเรียบ ใบกว้าง 4 - 7 เซนตเิ มตร ยาว 10 - 17 เซนตเิ มตร แผ่นใบด้านบนเกล้ียง ท้อง ใบมีขน มีต่อมเล็กๆ อยู่ใกล้ฐานใบ กา้ นใบยาว 0.7 – 1 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อ ตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกเป็นสีขาวหรือสีชมพูอ่อน กลางดอก เป็นสีเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ กลีบด้านข้างจะพับลง ปลายกลีบจักเป็นฝอย กลีบดอกมักยู่ย่ี ดอกมีเกสรเพศผ้จู านวน 10 อัน และมี 1 อัน ทีย่ าวเปน็ พิเศษ เกสรเพศเมียมี 1 อันส่วนยอดเกสร เพศเมยี ย่นื ออกมาพน้ ดอก กลบี เล้ียงมี 5 กลบี โคนเชื่อมติดกนั มีกลบี หนึ่งมตี ่อมนนู ผล ผลแห้งไมแ่ ตก เป็นสแี ดงน้าตาล ลักษณะเป็นรูปกระสวย ปลายแหลม มีปีก 3 ปีก ปีกตรงกลางมีขนาดใหญ่ กวา่ ปีกทีอ่ ยู่ดา้ นขา้ งอีก 2 ปกี ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ ดอกย่อยทยอยบานทั้งช่อ และบานไดน้ าน 3 – 4 วัน แล้วโรยส่งกลน่ิ หอมออ่ นๆช่วงกลางวัน การขยายพนั ธุ์ เพาะเมลด็ และตอนก่ิง ~ 67 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ บวั หลวง ~ 68 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ บวั หลวง ชื่ออน่ื อุบล สัตตบงกช สตั ตบุษย์ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Nelumbo nucifera Gaertn. ชอ่ื วงศ์ NELUMBONACEAE พชื ล้มลุกมีอายุหลายปีที่เป็นพืชน้า มีเหง้าฝังอยู่ในโคลนเลน แตกไหลยาวเช่ือมติดกัน อยูใ่ ต้ดิน ใบ เด่ยี ว รปู รา่ งค่อนขา้ งกลมชเู หนือนา้ ใบกว้าง 20 – 30 เซนติเมตร ผิวใบเรียบ มีช้ัน ไขมนั บางๆเคลือบผวิ ใบ ทาใหน้ า้ ไม่เกาะ ใบอ่อนจะเป็นสีเทานวล ปลายม้วนงอเข้าหากันทั้งสอง ดา้ น กา้ นใบยาว ประมาณ 1 เมตร ดา้ นในมเี ส้นใยสขี าว ดอก เดีย่ วขึน้ เหนือน้า ก้านดอกและก้านใบมีลักษณะเหมือนกันคือ เป็นก้านแข็ง ผิวมี หนามสั้นๆ ภายในก้านใบก้านดอก มีรูพรนุ เม่อื หักออกจากกนั จะมเี สน้ ใยสขี าวเชอ่ื มกนั มากมาย ( ใยบวั ) กลีบดอกจานวนมาก เม่ือดอกบานกลีบดอกจะแผ่ออกเป็นวงกลม เกสรเพศผู้จานวน มาก แยกกนั สเี หลอื งล้อมรอบฐานรองดอกที่มีรูปกรวยหงายที่เรียกว่าฝักบัว ส่วนเกสรเพศเมียจะ มีรงั ไข่ฝังอยใู่ นฐานรองดอก ผล เรียกว่าฝกั บัว ทม่ี ีผลหรอื เมล็ดสีเขียวอ่อนฝังอยู่จานวนมากอยู่บนฐานรองดอก แต่ ละผลย่อยมเี มล็ดขนาดใหญ่ ใบเลี้ยงหนา นามารบั ประทานได้ เรียกวา่ เม็ดบวั ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกบานและส่งกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงเช้า พอช่วงเย็น กลบี ดอกจะกางแผ่ออกแล้วร่วงในวนั ถัดมา การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด หรอื แยกไหลท่ีอยูใ่ ต้ดิน ~ 69 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ บานบรุ ีซอ้ น ~ 70 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ บานบรุ ซี ้อน ชื่ออน่ื บานบุรีเหลือง ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Allamanda cathartica L. ช่อื วงศ์ APOCYNACEAE ไม้พ่มุ รอเล้ือย ลาตน้ หรอื เถามลี กั ษณะกลมเรียบและเปน็ สนี า้ ตาล ทกุ สว่ นมีนา้ ยางสีขาว ขน้ ลาต้นไมม่ ขี น ลาต้นสูง 2 - 4.5 เมตร ใบ เดยี่ ว ตดิ อยู่เป็นคู่ตรงข้ามกันมี 2 – 3 ใบ เป็นรูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ ปลาย ใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ใบกว้าง 4 – 4.5 เซนติเมตร ยาว 13 – 15 เซนติเมตรแผ่นใบ ด้านบนเป็นสีเขียวเข้มเรียบเป็นมัน มองเห็นเส้นใบชัดเจน ท้องใบมีสีอ่อนกว่า ส่วนก้านใบยาว 0.8 – 1 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นชอ่ กระจุกบริเวณยอด จะออกตามซอกใบและปลายก่ิง มีกลีบเล้ียงปลาย แยกเปน็ 5 แฉก โคนกลีบดอกเช่ือมเป็นหลอดส่วนปลายแยกเป็นกลีบดอกสีเหลือง เรียงซ้อน 2 ชนั้ ชั้นละ 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปหอก ปลายกลีบดอกมนใหญ่ มีเกสรเพศผู้ 5 อัน เกสรเพศ เมยี มีรังไข่เดยี ว ก้านเกสรมขี นาดส้ันและมีขน เส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ 8 เซนติเมตร ไม่ พบการติดผล ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกดกช่วงฤดูรอ้ น ดอกทยอยบาน แต่บานวันเดียวแล้ว รว่ งในวันถดั มา สง่ กล่นิ หอมอ่อนๆในชว่ งเชา้ การขยายพนั ธุ์ ปกั ชา และตอนก่งิ ~ 71 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ บานบรุ ีมว่ ง ~ 72 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ บานบุรมี ว่ ง ชอ่ื อื่น - ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Allamanda violacea Gardner & Field ชอ่ื วงศ์ APOCYNACEAE เป็นไมพ้ มุ่ รอเล้อื ย ลาตน้ มขี นาดเล็กแขง็ และเหนียว ทุกสว่ นของเถาหรอื ลาต้นจะมียางสี ขาว เถาจะเล้อื ยไดไ้ กล ใบ เดี่ยว ออกเรียงรอบข้อ ๆ ละ 3 - 4 ใบ รูปใบรีหรือรูปขอบขนาน ปลายใบและโคน ใบแหลม ก้านใบสั้น ขอบใบเรียบเกล้ียง เนื้อใบออ่ น และจะปกคลุมไปด้วยขนแข็งที่ละเอียด เม่ือ จับดแู ลว้ จะรสู้ ึกระคายมอื ใบกวา้ ง 3.5 - 5 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 8.5 - 11 เซนติเมตร ก้านใบ ยาว 0.8 – 1 เซนตเิ มตร ดอก ออกดอกเป็นช่อส้ันๆ ตามซอกใบและปลายกิ่งหรือตามข้อต้น ช่อละ 2 - 5 ดอก กลีบเลย้ี งรูปไข่กลับสีเขียวอ่อน กลีบดอกสีม่วงแดง โคนกลีบสีม่วงเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลาย แยก 5 กลบี มเี กสรเพศผู้ 5 อนั ห้มุ ยอดเกสรเพศเมยี ท่ีมรี ังไขเ่ หนอื วงกลีบ ไม่พบการติดผล ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ถ้ามีการดูแลดีๆ ดอกมีกล่ินหอมอ่อนๆ ดอกดกในช่วง เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม การขยายพันธุ์ ปักชา และตอนกง่ิ ~ 73 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ บุหงาส่าหรี ~ 74 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ บหุ งาสา่ หรี ชือ่ อ่ืน บหุ งาบาหลี บหุ งาแตง่ งาน ราชาวดี ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Citharexylum spinosum L. ชื่อวงศ์ VERBENACEAE ไมต้ น้ ขนาดเล็ก ทรงพมุ่ แผก่ วา้ ง พุ่มใบคอ่ นข้างโปรง่ ขนาดกลาง สูง 4 – 7 เมตร ลาตน้ ตรงเปลือกสีน้าตาลเกือบดา ใบ เดี่ยว รูปไข่ปลายแหลม ใบค่อนข้างบางโปร่ง ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมันเรียบ ใบ กว้าง 6 - 9 เซนติเมตร ยาว 11 – 18.5 เซนติเมตร ใบออกตรงข้าม มีก้านใบสีส้มยาว 2 – 3.5 เซนติเมตร ดอก เป็นดอกช่อเป็นกระจุกๆ ละ 5 - 8 ช่อ แต่ละช่อยาว 10 - 20 เซนติเมตร แต่ละ ช่อมีดอกย่อยจานวนมากทยอยบานจากโคนช่อถึงปลายช่อ ช่อดอกออกที่ซอกใบและปลายกิ่ง ดอกย่อยมีสีขาว โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันมีสีเขียวอ่อนๆ ส่วนปลายแยกเป็นกลีบดอกสีขาว 5 กลีบ มกี ลบี เลี้ยง 5 กลบี เกสรเพศผอู้ ันสัน้ 2 อัน อันยาว 2 อัน ติดประมาณก่ึงกลางหลอดกลีบ ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 พู ผล เดี่ยวท่ีมผี นงั ผลชัน้ ในแข็ง สกุ สดี าอมมว่ ง ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกบานและสง่ กลนิ่ หอมแรงตลอดวัน การขยายพันธุ์ ตอนก่ิง และปักชา ~ 75 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ บหุ งาแตง่ งาน ~ 76 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ บหุ งาแตง่ งาน ช่อื อน่ื บหุ งาเซงิ เครอื ติดตอ่ สายหยุด สา่ เหลา้ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Friesodielsia desmoides (Craib) Steenis ชือ่ วงศ์ ANNONACEAE ไมพ้ มุ่ รอเลื้อย ลาตน้ เลือ้ ยไปไดไ้ กล 4 - 6 เมตร เปลอื กสนี า้ ตาลเขม้ เนอ้ื ไมเ้ หนยี ว ใบ เดี่ยว เรียงสลับสองด้านในระนาบเดียวกันของกิ่ง มีเส้นแขนงใบนูนเด่นชัด ใบรูป หอกกลับแกมขอบขนาน ใบกวา้ ง 4 - 8 เซนติเมตร ยาว 10 - 16 เซนตเิ มตร ขอบใบเรียบ หลังใบ มขี นสาก กา้ นใบยาว 0.5 – 0.7 เซนตเิ มตร ดอก เดยี่ ว สีเหลอื งนวล ออกตามลาต้น ก่ิง หรอื ซอกใบ มีกลีบเล้ียงสีเขียว 3 กลีบ กลีบ ดอกมี 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ช้ัน ช้ันละ 3 กลีบ กลีบช้ันในอัดเป็นรูปสามเหล่ียม กลีบชั้นนอกรูป ขอบขนาน กว้าง 0.5 -1 เซนติเมตร ยาว 4 - 6 เซนติเมตร กลีบบิดเล็กน้อย เรียงตัวอยู่เป็นสาม ดา้ น ดอกออ่ นมสี เี ขยี ว เมือ่ ดอกบาน กลีบดอกชน้ั นอกมีสเี หลือง กลบี ดอกชน้ั ในมีสสี ม้ ผล กลุ่ม มี 8 - 12 ผล รูปทรงกระบอก ยาว 1.5 - 2 เซนติเมตร แต่ละผลมี 1 - 2 เมลด็ ผลออ่ นสีเขยี ว เม่อื ผลแก่มีสีแดง ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกดกชว่ งเดอื นเมษายน – เดือนสิงหาคม ดอกบานวัน เดยี วโรย สง่ กลิ่นหอมตลอดวนั การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมล็ด และตอนกงิ่ ~ 77 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ บุนนาค ~ 78 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ บนุ นาค ชือ่ อืน่ สารภดี อย ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Mesua ferrea L. ช่ือวงศ์ CALOPHYLLACEAE ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 15 -20 เมตร แตกกิ่งมาก ทรงพุ่มแน่นทึบ เป็นรูปกรวยคว่า เปลือกต้นสนี ้าตาล ใบ เดี่ยวรูปขอบขนานแกมรปู หอก เรียงตรงขา้ ม ใบกว้าง 2 - 5 เซนตเิ มตร ยาว 9 - 14.5 เซนตเิ มตร แผน่ ใบหนาเรยี บ สีเขยี วเข้ม ทอ้ งใบมีนวลสีขาวสากมือ ใบอ่อนมีสีชมพูออก แดง กา้ นใบยาว 0.8 – 1.2 เซนตเิ มตร ดอก เด่ยี ว หรอื ออกเปน็ กระจุกทซี่ อกใบใกล้ปลายกง่ิ ดอกมีกลบี เลย้ี ง 5 กลบี กลีบดอก 5 กลีบสขี าวเรียงซอ้ นกนั เล็กน้อย เกสรเพศผู้จานวนมากสเี หลืองเข้มเป็นเส้นฝอยๆ เกสรเพศเมีย มีรังไข่แบบเหนือวงกลีบมองเห็นชดั เจน เม่ือดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 5 - 6 เซนติเมตร ผล รูปไข่ ผลแขง็ มาก ส่วนปลายโคง้ แหลมเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 2.5 - 3.5 เซนตเิ มตร ยาว 4 เซนติเมตร ผลสีส้มแก่หรือสีม่วงน้าตาล ภายในผลมีเมล็ด 1 - 4 เมล็ด เมล็ดแบนและแข็งมีสี น้าตาลเขม้ ฤดอู อกดอก ออกดอก ชว่ งเดอื นมกราคม – เดอื นมีนาคม ดอกบานพร้อมกันท้ังต้น แต่ บานเพยี งวนั เดียวแลว้ ร่วง สง่ กล่นิ หอมออ่ นๆตลอดวนั การขยายพันธ์ุ เพาะเมลด็ ตอนกงิ่ และปกั ชา ~ 79 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ประยงค์ ~ 80 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ ประยงค์ ชอ่ื อ่นื ขะยม พะยงค์ ประยงคใ์ บใหญ่ หอมไกล ช่อื วิทยาศาสตร์ Aglaia odorata Lour. ชอื่ วงศ์ MELIACEAE ไมพ้ ุม่ ลาตน้ แตกกิง่ มาก ทรงพมุ่ ค่อนขา้ งเปน็ วงกลม ลาต้นสงู 3 - 6 เมตร เปลือกลาต้น สเี ทา ใบ ประกอบแบบขนนกมใี บยอ่ ย 5 ใบปลายค่ี แตกออกตามปลายกง่ิ ออกเรียงสลับกัน ถี่บนก่ิง ลกั ษณะใบรูปไข่แหลม คอื โคนใบสอบแหลมและยาว ปลายใบกว้างมน แผ่นใบและขอบ ใบเรยี บ ใบกวา้ ง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 5 - 7 เซนติเมตร กา้ นใบแผ่ออกเป็นปีก ยาว 0.8 - 1 เซนตเิ มตร ดอก เปน็ กระจุกชอ่ บริเวณปลายก่ิง แต่ละกิง่ มีกา้ นชอ่ ดอก 1 - 10 ชอ่ แต่ละช่อยาว 5 - 10 เซนตเิ มตร และมี ดอก 10 - 20 ดอก ดอกยอ่ ยรูปรา่ งกลม สีเหลืองสด คลา้ ยไขป่ ลา กลีบ ดอกสเี หลอื งโคง้ ห้มุ รงั ไข่ และเชื่อมตดิ กันเปน็ พู จานวน 5 กลบี ตรงกลางมีเกสรเพศผู้ 5 อัน และ รังไข่ 1 รงั ไข่แบบเหนอื วงกลีบ ผล ลกั ษณะรูปไข่ ขนาดกวา้ ง 0.5 – 0.8 เซนติเมตร ยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร เปลือกผล เรียบ และเปน็ มนั ผลดบิ มีสเี หลือง และคอ่ ยเปลีย่ นเป็นสีสม้ ส้มแดง และสีดา ภายในผลจะมี 1 - 2 เมลด็ ฤดูออกดอก ออกดอก ช่วงเดือนสงิ หาคม - เดือนธันวาคม ออกดอกพร้อมกันท้ังต้นและ บานได้ราว 1 สปั ดาห์ ดอกย่อยบานได้วันเดียวแล้วโรย ส่งกล่ินหอมแรงตลอดวัน การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกงิ่ และปักชา ~ 81 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ พะยอม ~ 82 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ พะยอม ชอ่ื อ่ืน กะยอม ขะยอม สุกรม ยางหยวก ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Shorea roxburghii G. Don ชื่อวงศ์ DIPTEROCARPACEAE ไม้ต้นขนาดใหญ่ สงู ประมาณ 15 - 30 เมตร เปน็ ไม้ผลดั ใบระยะส้นั ใบ เดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่แกมขอบขนาน โคนใบมนและปลายมน ใบกว้าง 3 - 7.5 เซนติเมตร ยาว 8 - 15 เซนตเิ มตร เน้อื ใบคอ่ นขา้ งหนาและเป็นมนั แผ่นใบเกลีย้ ง ก้านใบยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร ดอก ช่อออกตามปลายก่ิง ขนาดดอก 1.5 - 3.5 เซนติเมตร ดอกย่อยมีกลีบดอกสีขาว แกมเหลืองอ่อน มี 5 กลีบ กลีบดอกบิดเวียนเป็นเกลียวกลีบดอกเช่ือมกันที่ส่วนโคนกลีบ กลีบ เลย้ี ง 5 กลบี เกสรเพศผ้จู านวนมาก เกสรเพศเมยี อยูก่ ลางดอก 1 รังไข่ ผล รูปกระสวยมีปีกยาว 3 ปีก ปีกสั้น 2 ปีกท่ีเกิดจากกลีบเลี้ยงเจริญถาวร เมื่อผลแก่ เป็นสีน้าตาลแดง เป็นผลแห้ง ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนธนั วาคม - เดือนกมุ ภาพันธ์ ติดผลเดือนมีนาคม - เดือน เมษายน ออกดอกพร้อมกันทัง้ ต้น ส่งกล่ินหอมตลอดวนั การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมลด็ ~ 83 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ พลบั พลงึ ตีนเปด็ ~ 84 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ พลับพลงึ ตนี เปด็ ชอ่ื อ่ืน พลับพลึงฝรงั่ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Hymenocallis littoralis (Jacq.) Salisb. ชอ่ื วงศ์ AMARYLLIDACEAE ไมห้ ัวล้มลุกอายุหลายปี สงู 0.5 เมตร ลาตน้ มหี ัวอยู่ใต้ดิน หัวมีลักษณะเป็นกลีบๆ เรียง เปน็ วงซ้อนอัดแนน่ กันเป็นลาต้นเทียม ใบ เดยี่ ว เรยี งเวียนสลับถี่รอบต้น ลักษณะใบรูปหอกแกมขอบขนาน ปลายใบเรียวมน ถึงแหลมทู่ โคนใบแผ่เป็นกาบหุ้มลาต้น ขอบใบเรียบ ใบกว้าง 4 - 5 เซนติเมตร ยาว 50 - 100 เซนติเมตร ปลายใบออ่ นโคง้ ลง แผน่ ใบหนา ดอก ออกเป็นช่อแบบซร่ี ม่ ท่กี ลางตน้ แตล่ ะช่อมีดอก 4 - 8 ดอก สีขาว ก้านช่อดอกแข็ง และค่อนขา้ งแบนอวบน้า มีความยาว 30 - 45 เซนติเมตร ดอกย่อยจะเกิดแบบเด่ียวๆ บนปลาย ก้านของดอกย่อย ดอกมีกลีบดอกสีขาว ลักษณะเป็นรูปเรียวยาว โคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายกลบี แยกเปน็ 6 แฉก เกสรเพศผู้ 6 อนั ซึง่ ในสว่ นของเกสรเพศผู้มีรยางค์ท่ีเกิดจากก้านเกสร เพศผู้ที่เชื่อมติดกันเป็นวงคล้ายถ้วย เกสรเพศเมีย 1 รังไข่ใต้วงกลีบ เมื่อดอกบานเต็มที่ ขนาด กว้าง 8 - 10 เซนตเิ มตร ผล แห้งแตก ภายในผลมเี มล็ดลักษณะกลมสีดา ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี ออกดอกมากในชว่ งฤดูฝน กลิ่นหอมออ่ นๆ การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมล็ด และแยกกอ ~ 85 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ พวงชมพู ~ 86 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ พวงชมพู ช่ืออนื่ พวงนาค ชมพูพวง หงอนนาค ชื่อวิทยาศาสตร์ Antigonon leptopus Hook. & Arn. ชือ่ วงศ์ POLYGONACEAE ไมเ้ ถาเลือ้ ยทีม่ เี ถาเนื้ออ่อนขนาดเล็ก แตต่ รงส่วนโคนจะแข็งแรงมาก ลาเถาสีเขียวอ่อน มีมอื ยึดเกาะพนั ลาตน้ หรอื กิ่งอนื่ เพื่อทรงตวั สร้างหวั ใตด้ ินเป็นไหลขนาดใหญ่ ใบ เดี่ยว ออกเรียงสลับกันไปตามข้อต้น ใบช่วงโคนมีขนาดใหญ่กว่าใบช่วงปลายกิ่ง ลักษณะใบเป็นใบรปู หวั ใจ ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้าเป็นรูปหัวใจ ขอบใบจักมนไม่แหลมหรือ เรยี บ ใบกวา้ ง 3 - 7 เซนติเมตร ยาว 6 - 12 เซนติเมตร กา้ นใบยาว 2 - 3 เซนติเมตร ดอก ออกเปน็ ช่อ แบบช่อกระจะแยกแขนง ออกตามซอกใบ ซอกกิ่ง และที่ปลายยอด ช่อแขนงยาว 1 - 5 เซนตเิ มตร สว่ นปลายช่อสดุ จะมีมอื เกาะสาหรับเกาะเก่ียวส่ิงอื่น เพ่ือเป็นการ พยงุ ตัว ดอกมที งั้ ชนิดดอกสขี าว สชี มพแู กแ่ ละสชี มพูอ่อน กลบี รวมมี 5 กลบี กลบี วงนอกรูปไข่ 2 กลีบ สว่ นกลบี ในเป็นรูปขอบขนาน 3 กลีบ เกสรเพศผู้ 8 อัน เกสรเพศเมีย 1 รังไข่เหนือวงกลีบ ดอกมีขนาดเลก็ 1 ซม. ดอกกล่มุ หนึง่ ๆ ของต้น อาจจะช่อตั้งหรือห้อยเป็นพวงระย้า ผล เป็นผลแห้งเมล็ดล่อน ลักษณะผลเป็นรูปสามเหล่ียม ยาว 0.6 - 1 เซนติเมตร มี กลบี รวมทข่ี ยายห้มุ ผลอยู่ 5 กลบี ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกดกในฤดูแลง้ การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ปกั ชา และตอนก่งิ ~ 87 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ พกิ ลุ ~ 88 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ พกิ ลุ ชอื่ อนื่ พิกุลเขา พิกุลปา่ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Mimusops elengi L. ช่ือวงศ์ SAPOTACEAE ไม้ต้นขนาดกลาง ลาต้นสูง 8 - 15 เมตร ผิวเปลือกสีน้าตาลเข้ม มีรอยแตกบางๆ ตามยาว ใบ เดี่ยวออกเรยี งสลับ ลกั ษณะใบมนรปู ไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมนสอบ ขอบใบโค้ง เป็นคล่ืนเล็ก ใบเป็นมันสีเขียว ใบกว้าง 4 - 6.5 เซนติเมตร ยาว 7 - 13 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ดอก ออกดอกเปน็ กระจุกตามซอกใบ หรอื ยอด มีกลบี เลยี้ ง 8 กลีบ เรียงซ้อนกัน 2 ช้ัน ช้นั ละ 4 กลีบ ส่วนกลีบดอกมีขนาดเล็กกวา่ กลบี เลย้ี ง เรียงซอ้ นกันมสี ่วนโคนกลบี ดอกเช่ือมติดกัน เล็กน้อย ดอกเล็กสขี าวนวลมกี ล่นิ หอมมาก เกสรเพศผู้ 8 อัน เกสรเพศเมยี 1 รงั ไข่ ผล ลกั ษณะรูปไข่หรือกลมรี ผลอ่อนสเี ขยี ว เม่ือผลแก่มีสีแสด เน้ือในเหลือง ขนาดผล กว้าง 1 - 2 เซนติเมตร ยาว 2 - 3 เซนติเมตร ส่วนใหญ่ผลแก่พร้อมกันท้ังต้น ผลมีกลีบเล้ียง เจรญิ ถาวรติดอยู่ แต่ละผลมเี มล็ดเดียว เปลอื กแข็ง สนี ้าตาลเขม้ หรอื ดา ฤดูออกดอก สามารถออกดอกได้ตลอดปี ดอกดกช่วงเดือนมกราคม – เดือนสิงหาคม ดอกย่อยบานพร้อมกนั หรอื ใกล้เคยี งกนั ทั้งกระจุก ทยอยบานจากโคนก่ิงไปหาปลายก่ิง ดอกบาน วันเดยี ว ส่งกล่นิ หอมอ่อนๆชว่ งเยน็ กลิ่นหอมโชยไดไ้ กล เม่ือดอกแลว้ ส่วนของกลีบดอกหลุดร่วงแต่ ยงั คงมกี ลิน่ หอมมาก การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมลด็ และตอนกง่ิ ~ 89 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ พุดซอ้ น ~ 90 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ พดุ ซอ้ น ชื่ออน่ื แคถวา พุดจนี พุดใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Gardenia jasminoides J. Ellis ชอ่ื วงศ์ RUBIACEAE ไม้พ่มุ ขนาดเลก็ สูง 1 - 2 เมตร แตกกิ่งเป็นพุ่มกลมทบึ ใบ เด่ียว เรียงตรงข้าม ใบรูปมนรีหรือรูปหอกปลายแหลม แผ่นใบหนาเป็นมันสีเขียว เขม้ ใบกว้าง 2.5 - 3.5 เซนติเมตร ยาว 5 - 7 เซนติเมตร ก้านใบยาว 0.3 – 0.4 เซนติเมตร มีหู ใบ 2 อัน ดอก เดี่ยว สีขาวออกท่ีปลายยอด มีกลีบเล้ียง 5 – 8 แฉก กลีบดอกจานวนมากมาย เรียงซ้อนกนั เมอื่ ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 - 8 เซนติเมตร เกสรเพศผู้ 6 ก้านรูปแถบ ติดท่ี ปลายหลอดกลบี ดอก เกสรเพศเมยี ก้านเกสรยาว ยอดเกสรเปน็ กระจุกแน่น รังไขอ่ ยู่ใต้วงกลีบ ผล เด่ียวรูปไข่มีส่วนของกลีบเลี้ยงเจริญถาวรติดอยู่ เปลือกผลมีเหลี่ยมตามยาว ประมาณ 5 – 7 เหล่ยี ม ภายในมีเมล็ด ประมาณ 3 – 6 เมลด็ เมลด็ มีเนอื้ เย่อื หมุ้ สีแดง ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี แต่ดอกจะเต็มต้นในฤดูหนาวและฤดูฝน ส่งกลิ่นหอม ออ่ นๆทั้งวนั หอมแรงช่วงพลบคา่ การขยายพนั ธุ์ ปกั ชา และตอนก่งิ ~ 91 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ พดุ ตะแคง ~ 92 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ พดุ ตะแคง ช่อื อืน่ พุดแวนดา้ เหลือง ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Brunfelsia americana L. ชื่อวงศ์ SOLANACEAE ไมพ้ ุ่มขนาดกลาง สงู 1 - 2 เมตร ลาต้นแตกก่งิ กา้ นจานวนมาก ทาให้รูปทรงไม่แน่นอน เปลอื กต้นสีน้าตาลออ่ น แตกเป็นร่องเล็กๆ และทกุ สว่ นของตน้ จะมียางใส ใบ เด่ียว เรียงเวียนหนาแน่นที่ปลายก่ิง ใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานหรือเป็นใบรูป หอก ปลายใบเรยี วแหลม โคนใบสอบ ใบกว้าง 2.5 - 4 เซนติเมตร ยาว 7 – 9.5 เซนติเมตร ก้าน ใบยาว 0.5 – 0.6 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นช่อแบบกระจุกตามซอกใบ ใกล้กับปลายยอดหรือปลายก่ิง ช่อละ 2 - 3 ดอก ดอกย่อยเมอ่ื บานใหม่ๆกลีบดอกขาวนวล เมอื่ ดอกบานเตม็ ทก่ี ลีบดอกจะเปล่ียนเป็นสีเหลือง เมอื่ ดอกบานเต็มที่ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 - 5 เซนติเมตร โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว 1.5 - 2.5 เซนตเิ มตร ส่วนปลายแยกเปน็ แฉก 5 กลีบกลบี ดอกจะบิดงอตะแคงตามกันเหมือน กังหัน ดอกมีเกสรเพศผู้ 4 อัน กลีบเลีย้ งโคนเชอ่ื มปลายแยกเป็นแฉกเรียวแหลม 5 แฉก ไม่พบติด ผล ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกดกช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว ดอกบานวันเดียว ดอกมีกลิน่ หอม ชว่ งเย็นๆถึงมืด การขยายพนั ธ์ุ ปกั ชา และตอนกง่ิ ~ 93 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ พุดสวนใบด่าง ~ 94 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ พุดสวนใบดา่ ง ช่ืออน่ื พดุ สวน พุดจบี ชื่อวิทยาศาสตร์ Tabernaemontana divaricata (L.) R. Br. ex ชอ่ื วงศ์ Roem. & Schult. APOCYNACEAE ไมพ้ ุ่มขนาดเลก็ สงู 1.5 - 3 เมตร ลาต้นกงิ่ เกล้ียง ที่ลาต้นและใบจะมยี างสีขาวข้น ใบ เด่ียว เรยี งตรงกนั ข้าม ใบรูปมน ปลายใบเป็นต่ิงแหลม ขอบใบเรียบไม่มีจัก ใบมีสี เขยี วหม่นและมลี ายดา่ งสีนวล ใบกว้าง 5.5 - 7.5 เซนติเมตร ยาว 7.5 - 14 เซนติเมตรผิวใบเป็น มนั มีก้านใบยาว 0.3 – 0.5 เซนตเิ มตร ดอก ออกเปน็ ชอ่ อยตู่ ามยอดหรอื ปลายกง่ิ ของต้น ช่อๆ หนึ่งจะมีอยู่ 10 - 20 ดอก แต่ จะทยอยกันบานทีละ 2 - 3 ดอก ดอกมโี คนกลีบดอกเช่อื มกันสว่ นปลายแยกเป็นกลีบดอกสีขาว 5 กลีบ กลีบดอกจะเรียงกันคล้ายกับใบพัดของกังหัน ตรงกลางดอกจะเป็นจุดสีเหลืองเล็กๆ ดอก บานเต็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 - 3.5 เซนติเมตร หลอดดอกยาว 2.5 เซนติเมตร และมีเกสร เพศผู้ 4 อนั ส่วนเกสรเพศเมยี มรี งั ไข่ 1 รังไข่ ผล เป็นฝกั คู่ ยาว 2.5 - 5 เซนติเมตร ปลายแหลมและโคง้ มกั ไมพ่ บการตดิ ผล ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี กลนิ่ หอมออ่ นๆ การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกง่ิ และปกั ชา ~ 95 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ พดุ สามสี ~ 96 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ พดุ สามสี ช่อื อนื่ พุดสี สามราศี ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Brunfelsia uniflora (Pohl) D. Don ชอ่ื วงศ์ SOLANACEAE ไมพ้ ุม่ ขนาดเล็ก สงู 1 - 3 เมตร แตกกิง่ ขนาดเลก็ จานวนมาก ทรงพุ่มกลมแน่นทึบ กิ่งมี ขนาดเลก็ และเปราะ ใบ เด่ยี วเรียงสลับ ใบรูปรีหรือรูปหอกโคนใบสอบมนปลายใบแหลม เน้ือใบเกล้ียงเป็น มัน ใบกว้าง 2 – 3 เซนติเมตร ยาว 6 – 8 เซนตเิ มตร กา้ นใบยาว 0.8 - 1 เซนติเมตร ดอก เดี่ยว ออกเป็นกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกมีกลีบเล้ียง 5 กลีบสีเขียว กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ ดอกเมื่อแรกบานมีสีม่วง เข้ม แล้วเปล่ียนเป็นสีม่วงอ่อน เม่ือดอกใกล้โรยจะเปล่ียนเป็นสีขาว ดอกบานเต็มที่ มีเส้นผ่าน ศูนยก์ ลาง 2.5 – 3 เซนตเิ มตร เกสรเพศผู้ 4 อนั เกสรเพศเมียมรี ังไข่ 1 รังไขเ่ หนอื วงกลีบ ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกมกี ลิ่นหอมแรงหอมช่วงเชา้ และเย็น การขยายพันธ์ุ ปกั ชา และตอนกงิ่ ~ 97 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ พุดแตรงอน ~ 98 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ พุดแตรงอน ชอ่ื อ่ืน - ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Euclinia longiflora Salisb. ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ไมพ้ ุ่มขนาดเลก็ สูง 1 - 2 เมตร แตกก่ิงจานวนมาก ก่ิงมีขนาดเล็ก เล้ือยยาวและโน้ม ตา่ ลง เน้ือไมค้ ่อนขา้ งเปราะ ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปรี ใบกว้าง 4 - 6 เซนติเมตร ยาว 10 - 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบหยกั เป็นคลื่น เน้ือใบน่ิมมีลักษณะเป็นคลื่นมองเห็นชัดเจน ใบสีเขียวเข้ม มีขนเลก็ นอ้ ย กา้ นใบยาว 2 – 2.5 เซนติเมตร ดอก เด่ยี ว สีขาวหรือสีนวล ออกตามปลายยอด หรือซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกมีกลีบ เลีย้ ง 5 กลีบ ส่วนของดอกมีรูปร่างคล้ายแตร โคนกลีบดอกเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาว 10 - 15 เซนตเิ มตร ปลายหลอดขยายใหญ่ขน้ึ ท่ีปลายกลีบดอกแผ่ออกคล้ายปากแตร เม่ือดอกบานมีเส้น ผ่านศูนยก์ ลาง 8 – 10 เซนตเิ มตร กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรเพศผู้มี 5 อัน ยอดเกสรเพศเมียแยก เป็น 2 แฉก ไม่พบการติดผล ฤดูออกดอก ออกดอกได้ตลอดปี ดอกจะดกช่วงเดือนตุลาคม – เดือนธันวาคม ทยอย ออกดอก ดอกเอียงห้อยลงเน่ืองจากกา้ นดอกยาวมาก รบั น้าหนกั ดอกไม่ไหว แตล่ ะดอกบานได้ 2 วัน เม่ือใกล้โรยกลีบดอกเปล่ียนเป็นสีเหลืองอ่อน ดอกดกช่วงปลายฝนต้นหนาว ส่งกล่ินหอม อ่อนๆ การขยายพนั ธ์ุ ตอนกงิ่ ปักชา และทาบก่งิ ~ 99 ~


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook