บันทึกขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรียนวดั พชื นิมิต (คำสวสั ด์ริ าษฎร์บำรงุ ) ท…่ี …………………วนั ท่ี ………… เดอื น …………………….. พ.ศ.2563 เรื่อง ขออนญุ าตใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนวดั พชื นิมิต (คำสวัสดิร์ าษฎรบ์ ำรุง) ด้วยข้าพเจ้า นางสาวจิระพันธุ์ ปากวิเศษ ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์ บำรุง) ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่การสอน รายวิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค13101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 บัดนี้ ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งแนบเอกสาร หนว่ ยการเรยี นท่ี 13 ชือ่ หนว่ ยเงินและการบนั ทึกรายรบั รายจา่ ย เวลาเรยี น 13 ชั่วโมง มาพร้อมกบั เอกสารน้ี จงึ เรียนมาเพื่อโปรดทราบ ลงช่อื (นางสาวจริ ะพันธ์ุ ปากวิเศษ) ตำแหนง่ ครู ลงชือ่ (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ความเห็นผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนญุ าต ไม่อนุญาต เพราะ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ( นางสาวกันยาภัทร ภทั รโสตถิ ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวดั พชื นิมติ (คำสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ำรงุ ) ............./................../.............
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 13 เรอื่ งเงินและการบันทึกรายรบั รายจ่าย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 รายวิชาคณติ ศาสตร์ รหสั ค13101 กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ครูผสู้ อน นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวิเศษ โรงเรยี นวดั พืชนิมติ (คำสวัสด์ริ าษฎร์บำรงุ ) สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานี เขต 1 สำนักานคณะกรรมการการศึกษาข้นึ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
คำอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน ค๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง ศึกษาการอ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ เปรียบเทียบและเรียงลำดับจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ หาค่าของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณแ์ สดงการบวก การลบของจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาค่าของตัวไมท่ ราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์ แสดงการคูณของจำนวน ๑ หลกั กบั จำนวนไมเ่ กิน ๔ หลัก และจำนวน ๒ หลักกับจำนวน ๒ หลัก หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการหารที่ตัวตั้งไม่เกิน ๔ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก หาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คณู หารระคนของจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐บอก อ่าน และเขียนเศษสว่ นแสดงปริมาณส่งิ ต่าง ๆ และแสดงสิง่ ต่าง ๆ ตามเศษส่วนท่ีกำหนด เปรียบเทยี บเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากนั โดยท่ีท่ีตัวเศษน้อยกว่าหรือ เทา่ กับตัวส่วน หาผลบวกของเศษส่วนที่มีตัวส่วนเทา่ กันและผลบวกไมเ่ กิน ๑ และหาผลลบของเศษส่วนท่ีมีตัว ส่วนเท่ากัน แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน และผลบวกไม่เกิน๑ และ โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวสว่ นเท่ากนั ระบุจำนวนที่หายไปในแบบรปู ของ จำนวนที่เพิ่มขึน้ หรือลดลงที ละเท่า ๆ กัน เลือกใชเ้ คร่อื งมือวัดความยาวท่เี หมาะสม วัดและบอกความยาวของส่ิงต่าง ๆเปน็ เซนตเิ มตรและ มิลลิเมตร เมตร และเซนติเมตร คาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร เปรียบเทียบความยาวระหว่าง เซนติเมตรกับมิลลิเมตร เมตรกับเซนติเมตร กิโลเมตรกับเมตร จากสถานการณ์ต่าง ๆ เลือกใช้เครื่องชั่งที่ เหมาะสม วัดและบอกน้ำหนักเป็นกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม คาดคะเนน้ำหนักเป็นกิโลกรัมและเป็น ขีด เปรียบเทียบน้ำหนักระหว่างกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันเป็นกิโลกรัม จากสถานการณ์ต่าง ๆ ระบุรูป เรขาคณิตสองมิติที่มีแกนสมมาตรและจำนวนแกนสมมาตร เขียนแผนภูมิ และใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพใน การหาคำตอบของโจทย์ปัญหา และเขียนตารางทางเดียวจากข้อมูลที่เป็นจำนวนนับ และใช้ข้อมูลจากตาราง ทางเดียวในการหาคำตอบของโจทย์ปัญหาแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวเงิน ของโจทย์ปัญหา เกย่ี วกบั เวลา ระยะเวลา ความยาว ทม่ี หี นว่ ยเป็นเซนตเิ มตรและมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรและ เมตร และแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักที่มีหน่วยเป็นกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับ กิโลกรัม โดยการจัดประสบการณ์หรือการสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดยป ฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพฒั นาทกั ษะการคดิ คำนวณ และทักษะการแกป้ ัญหา การให้เหตุผล การสื่อสารและ การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณค์ วามรู้ ความคดิ ทักษะและกระบวนการที่ได้ไปใช้ใน การเรียนรสู้ ่ิงตา่ งๆ และใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทั้งเหน็ คณุ ค่า และมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเปน็ ระบบ ระเบียบ รอบคอบ มคี วามรับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ มคี วามคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ และมคี วามเชื่อม่ันในตนเอง รหสั ตัวช้ีวดั ค ๑.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙ ป.๓/๑๐ ป.๓/๑๑ ค ๑.๒ ป.๓/๑ ค ๒.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙ ป.๓/๑๐ ป.๓/๑๑ ป.๓/๑๒ ป.๓/๑๓ ค ๒.๒ ป.๓/๑ ค ๓.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ รวมท้งั หมด ๒๘ ตัวชี้วัด
ตารางวิเคราะหห์ ลักสูตร/ออ รหัส ค13101 วชิ าคณิตศาสตร์ ช้ัน ประถ ครูผู้สอน นางสาวจริ ะพ หนว่ ยที่ มฐ ตวั ชวี้ ัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 13 ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทย์ 1.บอกจำนวนเงินแบบใชจ้ ุดได้ (K) เงนิ และการ ปญั หาเกย่ี วกับเงิน 2.เขียนแสดงจำนวนเงินแบบใช้จุด บนั ทึกรายรบั ไดถ้ ูกต้อง (P) รายจา่ ย 3.อ่านจำนวนเงินแบบใช้จุดจาก โจทย์ทกี่ ำหนดให้ไดถ้ ูกตอ้ ง (P) 1.บอกขั้นตอนการเปรยี บเทยี บ จำนวนเงินได้ (K) 2. เ ข ี ย น ก า ร เ ป ร ี ย บ เ ท ี ย บ แ ล ะ เรียงลำดับจำนวนเงินจากโจทย์ที่ กำหนดให้ได้ (P) 1.บอกวิธีการแลกเปลี่ยนเงิน เหรียญกับเงินเหรียญ เงินเหรียญ กับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือธนบัตรกับเงินเหรียญและ ธนบัตรได้ (K) 2.แลกเปลี่ยนเงินเหรียญกับเงิน เหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือธนบัตรกบั เงินเหรียญ และธนบัตรได้อย่าง ถูกต้อง (P) 3.นำความรู้เกี่ยวกับการแลกเงิน ไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A)
อกแบบหน่วยการเรียนรู้ ชน้ิ งาน สอื่ การสอน วัดผล/ เวลา ถมศกึ ษาปที ่ี 3 ปีการศกึ ษา 2563 เรยี น พันธุ์ ปากวเิ ศษ 1 สาระการเรยี นรู้ กระบวนการ /ภาระงาน ประเมิน 1.การบอกจำนวนเงินและ อธิบาย - 1.ธนบัตรและ 1.ทดสอบ เขียนแสดงจำนวนเงินแบบ เงินเหรียญ (ก่อนเรียน) ใช้จดุ จำลอง 2.ตรวจ 2.แถบโจทย์ แบบฝกึ หัด 1.การเปรียบเทียบจำนวน - 1.แถบโจทย์ 1.ตรวจ 1 เงิน 2.บัตรจำนวน แบบฝึกหดั เงิน 1.การแลกเงนิ - 1.ธนบัตร 1.ตรวจ 1 2.แผนภาพ แบบฝึกหัด 3เหรยี ญ
หนว่ ยท่ี มฐ ตวั ชี้วดั จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.บอกวธิ หี าผลบวกและลบ เกยี่ วกับจำนวนเงินทก่ี ำหนดใหไ้ ด้ (K) 2.หาคำตอบของการบวกและลบ เกยี่ วกบั จำนวนเงินได้ถูกตอ้ ง (P) 1.บอกวธิ ีหาผลคณู และหาร เก่ียวกบั จำนวนเงนิ ทีก่ ำหนดใหไ้ ด้ (K) 2.หาคำตอบของการคณู และหาร เก่ยี วกับจำนวนเงินได้ถูกตอ้ ง (P) 1.บอกวิธีการหาคำตอบของโจทย์ ปญั หาเกีย่ วกบั เงินได้ (K) 2.เขียนแสดงวิธีหาคำตอบของ โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั เงนิ ได้ (P) 3.นำความรู้เกี่ยวกับโจทย์ปัญหา เกย่ี วกับเงินไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้ (A) 1.บอกวิธีการอ่านบักทึกรายรับ รายจ่ายได้ (K) 2.อ่านบันทึกรายรับ รายจ่ายได้ ถกู ตอ้ ง (P) 3.สร้างชุดคำสั่งพร้อมพร้อมสมุด รายรบั รายจา่ ย (P) 4.นำความรู้เกี่ยวกับการอ่าน บันทึกรายรับ รายจ่าย ไปใช้ใน ชวี ติ จริงได้ (A)
สาระการเรยี นรู้ กระบวนการ ช้ินงาน ส่ือการสอน วดั ผล/ เวลา เรียน 1.การบวกและลบจำนวน อธิบาย /ภาระงาน ประเมนิ เงนิ 2 - 1.โจทย์คำถาม 1.ตรวจ แบบฝกึ หัด 1.การคูณและหารจำนวน - 1.โจทยค์ ำถาม 1.ตรวจ 2 เงนิ แบบฝึกหดั 1.โจทย์ปัญหาการบวก ลบ - 1.โจทย์คำถาม 1.ตรวจ 4 คณู และหารเกีย่ วกับเงนิ แบบฝึกหัด 1.การอา่ นบนั ทึกรายรบั 1. ชดุ คำส่ัง - 1.ทดสอบ 2 รายจ่าย 2. สมดุ (หลังเรียน) รายรับ 2.ตรวจ รายจ่าย แบบฝึกหดั
โรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ด์ิราษฎรบ์ ำรุง) โครงการสอนปีการศึกษา ๒๕๖๒ รายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค๑๓๑๐๑ ช้ัน ประถมศึกษาปที ่ี ๓ เวลาเรยี น ๕ ชั่วโมง/สัปดาห์ ครูผ้สู อน นางสาวจริ ะพันธุ์ ปากวเิ ศษ สปั ดาห์ คาบที่ หน่วยการเรียนร/ู้ เร่อื ง มฐ/ตัวช้วี ัด ๑-๔ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ จำนวนนบั ไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ ค๑.๑ ป.๓/๑ ๑-๒ การอา่ นและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดง ป.๓/๒ จำนวน ๓-๕ หลกั คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลัก และการเขยี นตวั เลขแสดงจำนวนใน รปู กระจจาำยนวนเตม็ ๖-๘ การเปรยี บเทียบจำนวน ๙-๑๐ การเรียงลำดบั จำนวน ๑๑-๑๔ แบบรูปของจำนวนทเ่ี พ่ิมขึ้น ๑๕-๑๘ แบบรปู ของจำนวนทีล่ ดลง ๔-๗ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ การบวก และลบจำนวนทม่ี ผี ลบวกไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ค ๑.๑ ป.๓/๕ ๑-๒ การบวกจำนวนสองจำนวนท่ีมีผลบวกไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ ไมม่ ที ดและ มตี ัวทด ๓-๔ การบวกจำนวนสองจำนวนท่ีมีผลบวกไมเ่ กนิ ๑๐,๐๐๐ ไมม่ ที ดและ มีตัวทด ๕-๖ การบวกจำนวนสองจำนวนที่มีผลบวกไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ไม่มีทดและมี ตวั ทด ๗-๘ การบวกจำนวนสามจำนวนท่ีมผี ลบวกไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ ๙-๑๐ การลบจำนวนสองจำนวนทีม่ ีตัวตัง้ ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ ไมม่ ีการกระจายและ มีการกระจาย ๑๑-๑๒ การลบจำนวนสองจำนวนท่มี ีตัวตั้งไมเ่ กิน ๑๐,๐๐๐ ไม่มีการกระจาย และมีการกระจาย ๑๓-๑๔ การลบจำนวนสองจำนวนที่มีตวั ต้ังไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ ไม่มกี ารกระจาย และมกี ารกระจาย ๑๕-๑๖ การลบจำนวนสามจำนวนท่ีมีตัวต้งั ไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ ๑๗-๑๘ การหาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวกและ การลบ ๘-๙ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ โจทย์ปัญหาการบวก และลบจำนวนทม่ี ผี ลบวกไมเ่ กิน ค๑.๑ ป.๓/๙ ๑๐๐,๐๐๐ ๑-๒ วิเคราะห์และแสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหา ไมเ่ ๓กนิ ๑๐ก๐า,ร๐แ๐ส๐ดงวิธีทำโจทย์ปัญหาการบวก ๔-๕ การวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หาการลบและหาคำตอบ ๖ ห การแสดงวิธที ำโจทย์ปญั หาการลบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ โจทยป์ ญั หาการบวก และลบจำนวนทีม่ ีผลบวกไมเ่ กนิ ค ๒.๑ ป.๓/๑ ๑๐๐,๐๐๐ ค ๒.๒ ป.๓/๑ ๗ การสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกจากภาพ ๓/๕ ๘ การสร้างโจทยป์ ญั หาการลบจากภาพ ค ๓.๑ ป.๓/๑ ๙-๑๐ การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกจากประโยคสญั ลักษณ์ ๑๐-๑๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เวลา ป.๓/๒ ๑-๓ บอกเวลาบนหน้าปดั นาฬกิ าช่วง ๔-๕ การอา่ นและเขียนบอกเวลาทีมมี หัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) ค ๑.๑ ป.๓/๓ ๖-๘ การบอกระยะเวลาเป็นช่วั โมงและนาที ป.๓/๔ ๙-๑๐ การเปรยี บเทียบระยะเวลา ป.๓/๑๐ ๑๑-๑๔ โจทย์ปัญหาการบวกเกยี่ วกบั เวลาและระยะเวลา ป.๓/๑๑ ๑๕-๑๖ การอา่ นและเขียนบันทึกกิจกรรมทร่ี ะบเุ วลา ๑๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ รปู เรขาคณิต ค ๑.๑ ป.๓/๖ ๑-๒ รปู เรขาคณติ สองมิติทีม่ ีแกนสมมาตร ป.๓/๙ ๓-๕ การประยุกต์ใช้รปู ที่มีแกนสมมาตร ๑๔-๑๕ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ แผนภมู ิรปู ภาพและตารางทางเดียว ๑-๒ การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมลู ไม๓่เก-๔นิ ๑๐ก๐า,ร๐อ๐่า๐นแผนภมู ิรูปภาพ ๕ การเขยี นแผนภมู ริ ปู ภาพ ๖ การอ่านตารางทางเดียว ๗ การเขยี นตารางทางเดียว ๑๕-๑๗ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๗ เศษสว่ น ๑-๒ การอ่านและการเขียนเศษสว่ นทตี่ วั เศษน้อยกว่าหรอื เท่ากับตัวสว่ น ๓-๔ การเปรยี บเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนท่มี ตี ัวสว่ นเท่ากัน ๕-๖ การเปรยี บเทียบและเรยี งลำดับเศษสว่ นทีม่ ีตวั เศษเท่ากนั ๗-๘ การบวกเศษส่วนทมี่ ีตัวส่วนเทา่ กนั ๙-๑๐ การลบเศษส่วนทมี่ ีตัวส่วนเท่ากนั ๑๑-๑๓ โจทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วนท่มี ตี วั ส่วนเทา่ กัน ๑๔-๑๖ โจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นทมี่ ีตัวสว่ นเท่ากัน ๑๘-๒๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๘ การคูณ ไม่เ๑กิน ๑๐ก๐า,ร๐ค๐ณู ๐จำนวนหนงึ่ หลกั กับจำนวนสองหลกั ๒ การคณู จำนวนหนึ่งหลกั กบั ๑๐๐, ๒๐๐, ๓๐๐, ..., ๙๐๐ ๓ การคณู จำนวนหนึ่งหลักกับ ๑,๐๐๐ , ๒,๐๐๐ , ๓,๐๐๐, ..., ๙,๐๐๐ ๔ การคูณจำนวนที่มหี นง่ึ หลักกับจำนวนสามหลัก (ไม่มีการทด)
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๘ การคูณ ๑๑๑๑,ป.๓/๒ ๕-๖ การคณู จำนวนท่ีมหี น่ึงหลักกับจำนวนสามหลกั (มีการทด) ค ๑.๑ ป.๓/๗ ๗-๘ การคณู จำนวนท่ีมีหน่ึงหลักกับจำนวนสีห่ ลกั ป.๓/๙ ๙-๑๐ การคูณจำนวนท่ีมีสองหลักกับจำนวนสองหลัก ๑๑-๑๒ การหาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการคูณ ค 2.๑ ป.๓/๓ ๑๓-๑๔ การวิเคราะห์โจทยป์ ัญหาการคูณและหาคำตอบ ป.๓/๔ ๑๕-๑๖ การแสดงวิธีทำโจทยป์ ญั หาการคณู ป.๓/๕ ๑๗-๑๘ การสร้างโจทย์ปัญหาการคณู จากภาพและประโยคสัญลักษณ์ ป.๓/๖ ๒๑-๒๔ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๙ การหาร ๑-๒ การหารทต่ี ัวต้ังสองหลัก ตวั หารหนง่ึ หลักโดยการหารยาว ๓-๔ การหารที่ตวั ตั้งสามหลัก ตัวหารหน่งึ หลกั โดยการหารยาว ๕-๖ การหารทตี่ วั ตั้งสีห่ ลัก ตัวหารหนงึ่ หลกั โดยการหารยาว ๗-๘ การหารทต่ี วั ตงั้ สองหลกั ตวั หารหน่งึ หลกั โดยการหารสน้ั ๙-๑๐ การหารท่ตี วั ตง้ั สามหลัก ตวั หารหนง่ึ หลักโดยการหารสั้น ๑๑-๑๒ การหารท่ตี ัวตง้ั สหี่ ลกั ตวั หารหนึง่ หลักโดยการหารสัน้ ๑๓-๑๔ การหาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการหาร ๑๕ การวิเคราะหโ์ จทย์ปัญหาการหารและหาคำตอบ ๑๖ การแสดงวธิ ที ำโจทย์ปัญหาการหาร ๑๗ การสร้างโจทย์ปัญหาการหารจากภาพและประโยคสญั ลักษณ์ ๒๕-๒๘ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๐ การวัดความยาว ๑ การวดั ความยาวเป็นเซนติเมตรและมลิ ลิเมตร ๒ การวดั ความยาวเป็นเมตรและเซนตเิ มตร ๓ การวัดความยาวเปน็ กโิ ลเมตรและเมตร ๔ การเลอื กเครื่องวดั ความยาวที่เหมาะสม ๕-๖ การคาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ๗ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งหน่วยความยาว ๘ การเปรยี บเทยี บความยาวโดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ระหว่างเซนติเมตรและ มิลลิเมตร ๙ การเปรียบเทียบความยาวโดยใช้ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเมตรและ เซนตเิ มตร ๑๐ การบวกและการลบเก่ยี วกับความยาวเป็นเซนติเมตรและมิลลเิ มตร ๑๑ การบวกและการลบเกย่ี วกบั ความยาวเป็นเมตรและเซนตเิ มตร ๑๒ การบวกและการลบเกี่ยวกับความยาวเปน็ กิโลเมตรและเมตร
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑๐ การวัดความยาว ค ๒.๑ ป.๓/๗ ๑๓-๑๔ การคณู และการหารเก่ียวกบั ความยาวเปน็ เซนตเิ มตรและมิลลเิ มตร ป.๓/๘ ๑๕-๑๖ การคูณและการหารเกี่ยวกับความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร ป.๓/๙ ๑๗-๑๘ การคูณและการหารเกยี่ วกับความยาวเปน็ กโิ ลเมตรและเมตร ป.๓/๑๐ ๑๙ โจทยป์ ัญหาการบวกเกี่ยวกับความยาว ๒๙-๓๑ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๑ การวดั นำ้ หนกั ค ๒.๑ ป.๓/๑๑ ๑-๒ การวัดนำ้ หนกั เป็นกโิ ลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม ป.๓/๑๒ ป.๓/๑๓ ๓ การเลอื กเครื่องชง่ั ทีเ่ หมาะสม ๔ การคาดคะเนน้ำหนักเปน็ กิโลกรัมและขีด ค ๒.๑ ป.๓/๑ ๕ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหน่วยน้ำหนกั ๖-๗ การเปรียบเทยี บนำ้ หนัก ๘ การบวกเกี่ยวกับนำ้ หนกั ๙ การลบเกยี่ วกับน้ำหนัก ๑๐ การคณู เกย่ี วกบั นำ้ หนัก ๑๑ การหารเกีย่ วกบั นำ้ หนัก ๑๒-๑๓ โจทยป์ ญั หาการบวกและลบเก่ยี วกบั น้ำหนัก ๑๔-๑๕ โจทยป์ ญั หาการคูณและหารเกยี่ วกับน้ำหนกั ๓๒-๓๕ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ การวัดปริมาตร ๑-๒ การวดั ปรมิ าตรและความจเุ ป็นลิตรและมิลลลิ ิตร ๓ การเลอื กเคร่อื งตวงท่ีเหมาะสม ๔-๕ การคาดคะเนปริมาตรเป็นลติ ร ๖ ความสัมพันธร์ ะหว่างหน่วยปริมาตร ๗-๘ การเปรียบเทียบปริมาตรและความจุ ๙ การบวกเก่ยี วกับปริมาตรและความจุ ๑๐ การลบเก่ยี วกับปริมาตรและความจุ ๑๑ การคูณ เกย่ี วกบั ปรมิ าตรและความจุ ๑๒ การหาร เกยี่ วกบั ปรมิ าตรและความจุ ๑๓ โจทยป์ ญั หาการบวกเกยี่ วกับปริมาตรและความจุ ๑๔ โจทย์ปัญหาการลบเก่ยี วกับปริมาตรและความจุ ๑๕ โจทย์ปญั หาการคูณเกี่ยวกบั ปรมิ าตรและความจุ ๑๖ โจทย์ปญั หาการหารเก่ียวกับปริมาตรและความจุ ๓๕-๓๗ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑๓ เงนิ และการบนั ทกึ รายรบั รายจ่าย ๑ การบอกจำนวนเงินและเขียนแสดงจำนวนเงนิ แบบใช้จดุ ๒ การเปรียบเทยี บจำนวนเงนิ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๓ เงนิ และการบนั ทึกรายรบั รายจา่ ย ค ๑.๑ ป.๓/๘ ๓ การแลกเงิน ป.๓/๙ ๔-๕ การบวกและการลบจำนวนเงิน ๖-๗ การคณู และการหารจำนวนเงิน ๘-๑๑ โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั เงนิ ๑๒-๑๓ การอ่านและการเขยี นบนั ทึกรายรบั รายจา่ ย ๓๘-๓๙ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑๔ การบวกลบคูณหารระคน ๑-๓ การหาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หารระคน ๔ สถานการณ์การบวกและการลบ ๒ ขัน้ ตอน ๕ สถานการณ์การคูณและการหาร ๒ ข้ันตอน ๖ สถานการณ์การบวก การลบ การคูณ และการหาร ๒ ข้นั ตอน ๗-๘ โจทย์ปญั หาการบวกและการลบ ๒ ขนั้ ตอน ๙-๑๐ โจทยป์ ญั หาการคูณและการหาร ๒ ข้ันตอน ๑๑-๑๒ โจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคูณ และการหาร ๒ ข้นั ตอน ๔๐ สอบปลายภาค ๑ ทบทวนบทเรียน ๒ ทบทวนบทเรียน ๓ สอบปลายภาค ๔ สอบปลายภาค เทคนคิ /กระบวนการ/ วธิ ีการสอน การจัดการเรียนรู้ตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม เพื่อเป็นการกระตุ้นสมอง ตามหลักการทำงานของสมอง เมื่อมีการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างมีความสุข สมองจะหลั่งสารเคมีทีช่ ่ือวา่ เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งสารนี้มีความสำคัญมาก ช่วยให้มีจิตใจท่ี สงบและเกิดสมาธิ ซึ่งจะแตกต่างจาก เอนดอร์ฟิน (Endorphin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่จะช่วยให้มีความสุขและ สนุกสนาน ซึ่งขั้นตอนนี้นับว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ว่า ทุกชั่วโมงที่ครูเข้าสอน ครูจะต้อง Warm Up ก่อนเสมอ โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ขั้นตอนที่ 2 : เรยี นรู้ ในขั้นตอนนจ้ี ะคำนึงถงึ หลักการทำงานของสมองท่ีว่า “เรียนรู้จากง่ายไปหายาก เรียนรู้จาก ของจริง และจากการสัมผัส” จากการศึกษาทางประสาทวิทยาศาสตร์พบว่า “มือ” เป็นอวัยวะที่มีประสาทสัมผัสที่ส่งผล ต่อการเรียนรู้ได้ดีที่สุด รองลงมาคือ “ปาก” นั่นก็หมายถึง ต้องให้เด็กพูด หรือสื่อสาร การสื่อสารจะช่วยให้เด็กสามารถ เชื่อมโยงเรือ่ งได้ ดังนั้น การออกแบบรูปแบบการสอน สื่อการสอน คุณครูต้องคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองอยา่ งมาก การเรียนการสอนจึงจะประสบความสำเรจ็ ในขน้ั ตอนที่ 2 นี้ มขี ้ันตอนย่อยท่ีสำคัญหนึง่ คือ “การสรุปในแต่ละชัว่ โมง” ทาง โรงเรียนได้สนับสนุนให้มีการฝึกอบรม Graphic Organizer ให้แก่คุณครูทุกกลุ่มสาระ ตลอดจนหนังสือที่เกี่ยวข้องจาก ต่างประเทศ เพือ่ ใหค้ ณุ ครูใช้เป็นเครอื่ งมือในการสรุปทช่ี ่วยใหเ้ ด็กเกิดความสนุก เกิดการเรียนรู้ และจดจำไดง้ ่ายขึน้
ข้ันตอนท่ี 3 : ขั้นการฝกึ ข้นั น้ีจะสอดคลอ้ งกับหลกั การทำงานของสมองทว่ี ่า “สมองจะจดจำไดด้ ีนำไปสู่ความจำ ระยะยาว (Long-term Memory) ตอ้ งผา่ นกระบวนการฝึกซ้ำๆ” คำวา่ “ซำ้ ๆ” ในทีน่ ี้ไมไ่ ด้หมายถงึ การทำโจทย์เดิมซ้ำๆ แต่หมายถึงการใช้หลักการ เช่น หลักการบวก ก็นำไปใช้กับการบวกที่แตกต่างกันออกไปในโจทย์ คุณครูจึงจำเป็นต้อง ออกแบบใบงานท่ีแตกตา่ งออกไป เพื่อให้นักเรียนได้ฝกึ ฝนเรอื่ ยๆ ขั้นตอนที่ 4 : ขั้นการสรุป ขั้นนี้เป็นการสรุปเมื่อจบบทเรียนหรือหน่วย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนที่ 2 ซึ่งเป็นการ สรุปในแต่ละชั่วโมง ในขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย โดยใช้ Graphic Organizer ฝึกให้นักเรียนเชื่อมโยง ความรภู้ ายในบทเรียน สอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองท่ีว่า “สมองเรยี นรู้เป็นองคร์ วม” ซึง่ ขั้นตอนน้ีมีความสำคัญ ตอ่ เดก็ มาก และเปน็ ขน้ั ตอนทีค่ ่อนข้างยาก ครเู องกจ็ ำเป็นต้องฝกึ ฝนบอ่ ยๆ เชน่ กัน ขั้นตอนที่ 5 : ขั้นการประยุกต์ใช้ทันทีทันใด การที่เด็กเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นั้น ทำให้เกิดการ เรียนรูไ้ ด้ถึงร้อยละ 90 ดังนั้น เมื่อจบบทเรียน คุณครูต้องคิด ต้องออกแบบ เชื่อมโยงความรู้ท้ังหน่วย นำข้อสอบมาให้เดก็ ทดลองทำ การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารเกบ็ คะแนน คะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 โดยแบ่งดงั นี้ เร่ืองทเี่ ก็บคะแนน คะแนน ประเภทเคร่ืองมือ 1.คะแนนเก็บกอ่ นกลางปี 25 1.1 ผลงานนักเรยี น 15 สมดุ แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชิน้ งาน 1.2 ทดสอบหลังเรียน 10 แบบทดสอบหลังเรียน 2. สอบกลางปี 20 แบบทดสอบ 3.คะแนนหลงั กลางปี 25 3.1 ผลงานนักเรียน 15 สมดุ แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ช้ินงาน 3.2 ทดสอบหลงั เรยี น 10 แบบทดสอบหลังเรยี น 4.สอบปลายปี 30 รวม 100 สือ่ /แหล่งเรียนรู้ -สอื่ ประจำหน่วยการจดั การเรียนรู้ -หนังสอื เรยี นคณติ ศาสตร์ และแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท
แผนผังมโนทัศน์เปา้ หมายการเรยี นรู้/ หลกั ฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ(Process: P) คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1.บอกจำนวนเงินแบบใชจ้ ุดได้ (K) 1.เขียนแสดงจำนวนเงินแบบใช้จุดได้ 2.บอกขั้นตอนการเปรยี บเทียบ ถกู ต้อง (P) 1. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต จำนวนเงนิ ได้ (K) 2.อ่านจำนวนเงินแบบใช้จุดจากโจทย์ท่ี 2. มวี ินยั 3.บอกวิธีการแลกเปลี่ยนเงินเหรียญ กำหนดใหไ้ ดถ้ กู ต้อง (P) 3. ใฝ่เรยี นรู้ กับเงินเหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร 3.เขียนการเปรียบเทียบและเรียงลำดับ 4. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน ธนบัตรกบั ธนบตั ร หรอื ธนบัตรกับเงิน จำนวนเงินจากโจทย์ทีก่ ำหนดใหไ้ ด้ (P) 5. มีจิตสาธารณะ เหรียญและธนบตั รได้ (K) 4.แลกเปลี่ยนเงินเหรียญกับเงินเหรียญ 4.บอกวธิ หี าผลบวกและลบเก่ียวกบั เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับ จำนวนเงินที่กำหนดให้ได้ (K) ธนบัตร หรือธนบัตรกบั เงินเหรียญ และ 5.บอกวิธหี าผลคณู และหารเก่ียวกบั ธนบัตรไดอ้ ย่างถกู ต้อง (P) จำนวนเงนิ ที่กำหนดให้ได้ (K) 5. ห า ค ำ ต อ บ ข อ ง ก า ร บ ว ก แ ล ะ ล บ 6.บอกวิธีการหาคำตอบของโจทย์ เกยี่ วกบั จำนวนเงินไดถ้ กู ต้อง (P) ปญั หาเกี่ยวกับเงินได้ (K) 6. ห า ค ำ ต อ บ ข อ ง ก า ร ค ู ณ แ ล ะ ห า ร 7. บ อ ก ว ิ ธ ี ก า ร อ ่ า น บ ั ก ท ึ ก ร า ย รั บ เกี่ยวกับจำนวนเงนิ ได้ถูกต้อง (P) รายจา่ ยได้ (K) 7.เขียนแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับเงนิ ได้ (P) 8.อ่านบันทึกรายรับ รายจ่ายได้ถูกต้อง (P) 9.แก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเงินจากการ อ่านบนั ทกึ รายรบั รายจา่ ยได้ (P) เป้าหมายการเรยี น เรอื งเงินและการบนั ทกึ รายรับรายจา่ ย หลักฐานการเรยี นรู้ สมุดบันทกึ รายรับ-รายจ่าย
แผนผงั มโนทศั น์ข้นั ตอนการทำกิจกรรมประกอบการจดั การเรยี นร้ดู ้วย การสอนตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ศกึ ษามาตรฐานการรเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั และจดุ ประสงคก์ าร เรยี นรู้ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทากิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขนั้ ที่ 1 เตรยี มความพร้อม ขนั้ ท่ี 2 เรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ การฝึ ก ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ การสรปุ ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ การประยุกต์ใช้ทนั ทีทนั ใด ทดสอบหลงั เรยี น (ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60)
ผังมโนทัศน์ หน่วยก หนว่ ยการเร เร่อื งเงนิ และการบัน จำนวน 1 แผนที่ 1 การบอกจำนวนเงินและเขียนแสดงจำนวนเงนิ แผนท่ี 2 การเปรยี แบบใช้จุด แผนท่ี 5 การคณู แ แผนท่ี 8 การอา่ นบ แผนที่ 4 การบวกและลบจำนวนเงิน การเรียนร้แู บ ภาษาไทย 1.ฟงั แสดงความคิดเหน็ 2.พูดแสดงความคดิ เห็น และตอบคำถามอา่ นและสะกดคำ 3.การเขียนส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์
การเรียนรทู้ ่ี 13 รียนรู้ที่ 13 นทึกรายรับรายจา่ ย 13 ชัว่ โมง ยบเทียบจำนวนเงนิ แผนที่ 3 การแลกเงิน และหารจำนวนเงิน แผนท่ี 6 โจทยป์ ัญหาการบวก ลบ คณู และหารเก่ยี วกบั เงนิ บันทึกรายรับรายจ่าย บบบูรณาการ ศลิ ปะ : ทัศนศิลป์ 1. การออกตกแตง่ สมดุ รายรับรายจา่ ย
แผนบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การมภี มู ิคุ้มกันในตัวทด่ี ี 1. ออกแบบการจดั กจิ กรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรียนรสู้ ่งเสรมิ กระบวนการคิด 1. ศึกษาแนวทางการจดั การเรยี นรู้ล่วงหน้า ตวั ชว้ี ดั 2. ใช้เทคนคิ การจัดการเรยี นร้ทู ่หี ลากหลาย 2. จดั เตรยี มการวดั ผลประเมินผล และแบบ 2. เลือกสื่อ แหล่งเรียนรเู้ หมาะสม สงั เกตพฤติกรมนกั เรยี น 3. วดั ผลประเมินผลตรงตามเน้ือหา เง่อื นไขความรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม 1. รู้จักเทคนิคการสอนทีส่ ง่ เสริมกระบวนการคดิ และนกั เรียน 1. มคี วามขยัน เสยี สละ และมุ่งมนั่ ในการจดั หาส่อื มาพัฒนานกั เรยี น สามารถเรยี นรูไ้ ด้อยา่ งมคี วามสุข ใหบ้ รรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มคี วามอดทนเพ่อื พัฒนานกั เรยี นโดยใชเ้ ทคนิคการสอนที่ หลากหลาย นกั เรียน ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การมีภูมคิ ุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี 1. การใชเ้ วลาในการทำกิจกรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ 1. วางแผนการศกึ ษาคน้ ควา้ อิสระ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทนั เวลา 2. ฝึกกระบวนการแสดงขัน้ ตอนการหาผลลพั ธ์ 2. นำความรู้เรือ่ งเงินและการบนั ทกึ รายรับ 2. เลือกสมาชกิ กลมุ่ ไดเ้ หมาะสมกบั เนอื้ หาที่ รายจา่ ยไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ เรียนและศกั ยภาพของตน เงือ่ นไขความรู้ เง่อื นไขคุณธรรม 1. มีความรเู้ รอื่ งเงนิ และการบนั ทกึ รายรับรายจ่ายตลอดจนสามารถ 1. มีความรับผดิ ชอบ และปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงของกลุม่ สรา้ งจดั ทำชน้ิ งาน ได้ตามวตั ถุประสงค์ 2. มีสติ มสี มาธิชว่ ยเหลือกนั ในการทำงานรว่ มกนั ส่งผลตอ่ การพฒั นา 4 มติ ิให้ย่ังยืนยอมรับตอ่ การเปลย่ี นแปลงในยคุ โลกาภวิ ฒั น์ วัตถุ สังคม สิง่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม ความรู้ (K) มีความรู้ความเขา้ ใจเร่อื งเงนิ และการ มคี วามร้แู ละเข้าใจ มีความรแู้ ละเขา้ ใจ มคี วามร้แู ละเขา้ ใจการ บันทกึ รายรบั รายจ่าย กระบวนการทำงาน เก่ียวกบั ส่งิ แวดล้อม ชว่ ยเหลือ แบง่ ปนั กลุ่ม และสง่ิ ตา่ ง ๆรอบตัว ทกั ษะ (P) สรา้ งช้ินงานสมดุ บันทึกรายรับ-รายจ่าย ทำงานได้สำเรจ็ ตาม ใช้แหลง่ เรียนรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลือ แบ่งปันซง่ึ เป้าหมาย ด้วย ทำลายสงิ่ แวดลอ้ ม กัน และกัน กระบวนการกลมุ่ ค่านยิ ม (A) เห็นประโยชนข์ องเรียนรู้ เก่ยี วกบั เงนิ และ เห็นคุณคา่ และ เหน็ คุณคา่ ของการใช้ ปลูกฝงั นสิ ยั การ การบนั ทึกรายรับรายจา่ ย ภาคภูมิใจในการ แหล่งเรยี นรู้โดยไม่ ชว่ ยเหลือแบ่งปนั ทำงานร่วมกันได้ ทำลายส่งิ แวดล้อม สำเรจ็
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 13 กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 13 ชั่วโมง เรอ่ื งเงินและบนั ทึกรายรบั รายจ่าย 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด มาตรฐานการเรยี นรู้ ค 2.1 : เข้าใจพ้นื ฐานเกย่ี วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ทีต่ ้องการวดั และนำไปใช้ ตัวชีว้ ัด ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกยี่ วกบั เงนิ 2.สาระสำคัญ เงินเหรียญหรือธนบัตรแต่ละชนิด เมื่อนำมารวมกันจะมีค่าของเงินรวมกัน ซึ่งมีจำนวนเป็นบาทและ สตางค์ สามารถเขียนโดยใช้จุดคั่นระหว่างจำนวนบาทและสตางค์ การเปรียบเทียบจำนวนเงิน ให้เปรียบเทียบ จำนวนบาทก่อน ถ้าเท่ากันจึงเปรียบเทียบจำนวนสตางค์ การแลกเงินเป็นการแลกเปลี่ยนเงินเหรียญกับเงิน เหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือธนบัตรกับเงินเหรียญและธนบัตร โดยเงินที่นำมา แลกเปลย่ี นกันต้องมีค่าเท่ากนั การบวกจำนวนเงินใหน้ ำจำนวนเงนิ ท่ีเปน็ บาทรวมกับจำนวนเงินที่เป็นบาท และ จำนวนเงินที่เป็นสตางค์รวมกับจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ โดยให้บวกจำนวนที่เป็นสตางค์ก่อน ถ้าผลบวกของ จำนวนเงนิ ท่ีเปน็ สตางค์ครบ 100 สตางค์ หรอื มากกวา่ ซึ่ง 100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท ใหน้ ำ 1 บาท ไปรวมกับ จำนวนเงินทีเ่ ป็นบาท การลบจำนวนเงินให้นำจำนวนเงินที่เป็นบาทลบกับจำนวนเงินที่เป็นบาท และจำนวนเงนิ ที่เป็นสตางค์ลบดว้ ยจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ โดยให้ลบจำนวนที่เปน็ สตางค์ก่อน ถ้าจำนวนเงินท่ีเป็นสตางค์ของ ตวั ต้ังนอ้ ยกว่าตวั ลบ ใหก้ ระจายจำนวนเงนิ ที่เป็นบาทมา 1 บาท ซง่ึ เท่ากบั 100 สตางค์ นำไปรวมกับจำนวนเงิน ที่เปน็ สตางคข์ องตวั ตัง้ แลว้ จึงลบ การคณู จำนวนเงินให้นำจำนวนเงนิ ที่เปน็ บาท และจำนวนเงินท่ีเป็นสตางค์คูณ ด้วยตัวคูณ โดยให้คูณจำนวนที่เป็นสตางค์ก่อน ถ้าผลคูณของจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ครบ 100 สตางค์ หรือ มากกว่า ซ่งึ 100 สตางค์ เท่ากบั 1 บาท ให้นำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงินที่เป็นบาท การหารจำนวนเงินให้นำ จำนวนเงินที่เป็นบาท และจำนวนเงินที่เป็นสตางค์หารด้วยตัวหาร โดยให้หารจำนวนที่เป็นบาทก่อน การแก้ โจทย์ปญั หาทำได้โดย อ่านทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา หาคำตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผล ของคำตอบ การบันทึกรายรับรายจ่ายลงในตารางใหเ้ ป็นหมวดหมู่ จะช่วยให้อ่านรายรบั รายจ่ายไดส้ ะดวก และ ชัดเจนขึ้น โดยบันทึกรายรับ รายจ่าย ประกอบด้วย ชื่อเจ้าของบันทึก วันเดือนปี ตาราง หัวตาราง รายการ รายรับ รายจ่าย และยอดเงนิ คงเหลือ 3. สาระการเรียนรู้ - การบอกจำนวนเงนิ และเขียนแสดงจำนวนเงนิ แบบใช้จุด - การเปรยี บเทียบจำนวนเงิน - การแลกเงนิ - การบวกและลบจำนวนเงนิ - การคูณและหารจำนวนเงนิ - โจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณและหารเก่ยี วกับเงนิ - การอา่ นบนั ทึกรายรบั รายจ่าย
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 6. ช้ินงาน/ภาระงาน 1. สมดุ บนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ย 7. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อน-หลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 13 แบบทดสอบก่อน-หลงั เรยี น ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ตรวจแบบฝกึ หดั หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 13 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 13 ตรวจชิน้ งานหน่วยการเรยี นรู้ที่ 13 แบบฝกึ หัดหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ใน ชน้ิ งานหน่วยการเรียนรู้ท่ี 13 ระดับคุณภาพ 2 การทำงาน ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมที่ 1 การบอกจำนวนเงนิ และเขยี นแสดงจำนวนเงนิ แบบใชจ้ ดุ ช่ัวโมงที่ 1 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ใหน้ ักเรยี นทบทวนประสบการณ์ของตนเองเกี่ยวกบั การซื้อสนิ ค้าตา่ งๆ ในชวี ติ ประจำวนั 3. ครูให้ผู้แทนนักเรียนครั้งละ 1 คน บอกชนิดของเงินเหรียญและธนบัตรที่นักเรียนรู้จักคนละ 1 ชนิด แล้วครูนำเงินเหรียญและธนบัตรจริงมาให้นักเรียนดูประกอบ 4. ครูนำธนบัตรและเงินเหรียญจำลองติดบนกระดานตามจำนวน 5. ครตู ิดแถบโจทยบ์ นกระดาน 6. ครตู ิดแถบโจทยบ์ นกระดาน แลว้ ใหผ้ ู้แทนนักเรียนครั้งละ 3 คน ออกมาแขง่ ขันกันเขยี นจำนวนเงนิ โดยใช้จดุ และเขยี นคำอ่านบนกระดาน 7. ครูวางภาพสินคา้ พร้อมราคาจากส่อื โฆษณา หนงั สอื พิมพ์ บนโตะ๊ ใหน้ ักเรียนเขยี นจำนวนเงินของ สนิ คา้ โดยใช้จุดลงในกระดาษ คำตอบละ 1 แผ่น 8. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้ การเขยี นจำนวนเงินโดยใชจ้ ุดและการอ่าน โดยครถู ามคำถามนักเรยี น ดงั น้ี - ตวั เลขหนา้ จดุ แทนจำนวนเงนิ เป็นหนว่ ยอะไร (บาท)
- ตวั เลขหลังจดุ แทนจำนวนเงินเปน็ หนว่ ยอะไร (สตางค์) 9. ครูให้นกั เรียนบอกจำนวนเงนิ และเขยี นแสดงจำนวนเงนิ แบบใชจ้ ดุ เมื่อเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน 10. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ สิ่งที่ไดเ้ รียนร้รู ว่ มกัน ดังน้ี เงินเหรียญและธนบัตร เปน็ เงินทใ่ี ชใ้ น ชวี ิตประจำวัน การบอกจำนวนเงินทำได้โดยการนำคา่ ของเงนิ ท้ังหมดมารวมกนั 11. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. กิจกรรมท่ี 2 การเปรยี บเทียบจำนวนเงิน ชั่วโมงที่ 1 1. ครใู หน้ ักเรียนท่องสตู รคณู โดยใช้แก้วและตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จากนั้นให้ นักเรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ใหน้ ักเรียนทบทวนความรเู้ รอ่ื ง การบอกจำนวนเงนิ โดยครตู ิดแถบโจทยบ์ นกระดาน 2 แถบ 3. ครูติดบัตรจำนวนเงินบนกระดาน 2 จำนวน (61.25 บาท และ 61.50 บาท) แล้วให้นักเรียนอ่าน พรอ้ มๆ กัน และถามคำถาม 4. ครูให้นักเรียนวาดภาพสินค้าที่สนใจ พร้อมทั้งกำหนดราคาสินค้า แล้วร่วมกันเล่นเกมเปรียบเทียบ สนิ ค้า ดังนี้ - นกั เรยี นแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 4 – 5 คน - นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาคร้ังละ 1 คน (2 กล่มุ ) แลว้ เปรียบเทียบราคาสินค้านั้น โดยบอกว่าใครมีราคาสินคา้ มากกว่าหรือนอ้ ยกว่า - ดำเนนิ กิจกรรมจนครบทกุ กลุ่ม ทกุ คน - นกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ครใู หน้ กั เรียนบอกการเปรยี บเทยี บจำนวนเงิน เม่อื เสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครู และนกั เรียนร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สอื เรยี น 5. นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้เรอ่ื ง การเปรียบเทยี บจำนวนเงิน โดยครถู ามคำถามนกั เรียน ดงั น้ี - การเปรียบเทียบจำนวนเงนิ ใหเ้ ปรียบเทยี บจำนวนในหนว่ ยใดกอ่ น (บาท) - ถ้าไมเ่ ทา่ กันเปรียบเทียบจำนวนในหนว่ ยใดตอ่ ไป (สตางค์) 7. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี 3 การแลกเงนิ ชว่ั โมงที่ 1 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกบั การเปรยี บเทียบจำนวนเงิน โดยนำบตั รภาพแสดงจำนวนเงนิ มาแสดงแลว้ ให้นกั เรยี นตอบ 3. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเสนอว่า เราสามารถแลกเปล่ียนประเภทของเงินจากเงินเหรยี ญเปน็ เงิน ธนบัตรหรอื จากเงนิ ธนบตั รเป็นเงินเหรียญได้ หรอื ธนบตั รเป็นธนบตั ร หรอื เงนิ เหรยี ญเป็นเงนิ เหรียญ โดยมมี ูลค่า เงนิ เท่าเดมิ 4. ครูชเู งินธนบัตรฉบบั ละ 20 บาท ขนึ้ มา 3 ฉบบั จากนั้นถามนักเรยี นวา่ เงินนม้ี ีคา่ เท่าใด แล้วให้ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลอื กเงนิ ชนิดต่างๆ ท่ีต่างจากครแู สดงมารวมกนั ให้ได้จำนวน 60 บาท ครแู ละนักเรียนร่วมกัน เฉลยคำตอบ
5. ครแู สดงแผนภาพจำนวนเงิน 60 บาท ด้วยธนบตั รฉบับละ 20 บาท 3 ใบ บนกระดาน จากนั้นแสดง แผนภาพจำนวนเงนิ 60 บาทด้วยเหรยี ญ 10 บาท 6 เหรียญ ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันตรวจสอบว่าแผนภาพทั้งสองมี คา่ เท่ากนั หรือไม่ (เทา่ กัน) 6. ครูให้นักเรียนคิดหาคำตอบเพิ่มว่ามีรูปแบบการแสดงเงินใดอีกบ้างที่มีค่าเท่ากับ 60 บาท (เหรียญ บาทจำนวน 60 เหรียญ หรอื เหรยี ญ 5 บาทจำนวน 12 เหรยี ญ เปน็ ต้น) 7. ครูตง้ั คำถามกระตุ้นความคิดนกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกันตอบคำถาม ดังนี้ - ธนบัตรฉบับละหน่งึ รอ้ ยบาท 1 ฉบับ แลกธนบัตรฉบับละยี่สบิ บาทไดก้ ฉ่ี บับ (5 ฉบบั ) - ธนบตั รใบละ 50 บาท 3 ฉบบั แลกเหรยี ญ 10 บาทได้ก่ีเหรยี ญ (15 เหรียญ) - เหรยี ญ 2 บาท 2 เหรยี ญ แลกเหรยี ญ 50 สตางค์ไดก้ เ่ี หรียญ (8 เหรยี ญ) 8. ครูแสดงตัวอย่าง เรื่อง การแลกเงิน เพิ่มเติมอีก 2 – 3 ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจมาก ย่งิ ขนึ้ 9. ครใู หน้ กั เรียนบอกการแลกเงิน เมื่อเสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง 10. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้รว่ มกัน ดงั นี้ การแลกเงนิ เปน็ การแลกเปลยี่ นเงินเหรียญ กับเงินเหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือธนบัตรกับเงินเหรียญและธนบัตร โดยเงินที่นำมา แลกเปล่ยี นกนั ตอ้ งมคี ่าเท่ากนั 11. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี 4 การบวกและลบจำนวนเงิน ชว่ั โมงที่ 1 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ 2. ครูทบทวนความสมั พนั ธ์ของบาทและสตางค์ 3. ครใู ห้หาคำตอบจากโจทยก์ ารบวกจำนวนเงิน โดยเริ่มจากการบวกไม่มีทด และการบวกมีทด 4. ครูถามนกั เรียนดงั นี้ - 100 สตางค์ เทา่ กบั กบ่ี าท (1 บาท) 5. ครูให้นักเรียนบอก การบวกจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้นั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรียน 6. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปสงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรรู้ ว่ มกัน ดงั นี้ การบวกจำนวนเงนิ ใหน้ ำจำนวนเงินทเ่ี ป็นบาท รวมกบั จำนวนเงินท่เี ปน็ บาท และจำนวนเงินท่ีเปน็ สตางค์รวมกับจำนวนเงินทเี่ ปน็ สตางค์โดยให้บวกจำนวนท่ีเป็น สตางค์ก่อน ถ้าผลบวกของจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ครบ 100 สตางค์ หรือมากกว่า (100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท) ใหน้ ำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงินท่เี ปน็ บาท 7. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงท่ี 2 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ทบทวนการบวกจำนวนเงนิ โดยใหน้ กั เรยี นฝึกคิดในใจ โดยบอกโจทย์ทลี ะขอ้ 3. การกระจายตามลำดับ โดยใช้การถาม-ตอบ ประกอบการเขียนแสดงวธิ ีการหาคำตอบ 4. ครูให้นกั เรียนบอก การลบจำนวนเงนิ เมอ่ื เสร็จแล้วให้นกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้ัน ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สอื เรียน 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ส่งิ ที่ได้เรยี นร้รู ่วมกนั 6. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท.
กจิ กรรมที่ 5 การคณู และหารจำนวนเงนิ ชั่วโมงท่ี 1 1. ครูให้นกั เรยี นทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคูณ หลงั จากนน้ั ให้ นักเรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ทบทวนการลบจำนวนเงนิ โดยให้นกั เรยี นฝกึ คิดในใจ โดยบอกโจทยท์ ลี ะข้อ 3. ครูให้นักเรียนบอก การคูณจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้นั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สอื เรยี น 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิง่ ที่ไดเ้ รียนรูร้ ว่ มกัน ดังนี้ การคูณจำนวนเงินให้นำจำนวนเงินท่ีเปน็ บาท และจำนวนเงินที่เป็นสตางค์คูณด้วยตัวคูณ โดยให้คูณจำนวนที่เป็นสตางค์ก่อน ถ้าผลคูณของจำนวนเงินที่เป็น สตางค์ครบ 100 สตางค์ หรือมากกว่า ซึ่ง 100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท ให้นำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงินที่เป็น บาท 5. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชัว่ โมงที่ 2 1. ครูให้นักเรียนท่องสตู รคูณโดยใชแ้ ก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากน้นั ให้ นักเรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ทบทวนการคณู จำนวนเงิน โดยให้นกั เรยี นฝึกคิดในใจ โดยบอกโจทย์ทีละขอ้ นักเรียนคนใดจะต้องให้ ยกมอื ข้นึ เชน่ - 5 เท่าของเงิน 10 บาท เปน็ เงินเทา่ ใด - 8 เท่าของเงิน 4 บาท 50 สตางค์ เป็นเงนิ เท่าใด - 7 เทา่ ของเงนิ 3 บาท 25 สตางค์ เปน็ เงินเทา่ ใด 3. ครูให้หาคำตอบจากโจทยก์ ารหารจำนวนเงนิ โดยใช้การถาม-ตอบประกอบการเขียนแสดงวิธีการหา คำตอบ 4. ครูให้นักเรียนบอก การหารจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนัน้ ครูและนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน 5. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ สง่ิ ที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การหารจำนวนเงนิ ใหน้ ำจำนวนเงินที่เป็นบาท และจำนวนเงนิ ท่ีเป็นสตางคห์ ารดว้ ยตัวหาร โดยให้หารจำนวนท่ีเป็นบาทกอ่ น 6. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี 6 โจทยป์ ญั หาการบวกเก่ยี วกบั เงนิ ชว่ั โมงที่ 1 1. ครูให้นกั เรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใชแ้ ก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคณู หลงั จากนนั้ ให้ นักเรยี นคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครูทบทวนความรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา จากนั้นครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายวิธีการแก้โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกบั เงนิ โดยครเู ขยี นคำตอบของนักเรยี นบนกระดาน และสรปุ ขั้นตอนการแก้โจทยป์ ัญหาต่างๆ ดงั น้ี - ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์โจทย์ปัญหา - ขั้นที่ 2 การวางแผนแก้โจทย์ปัญหา - ขั้นที่ 3 การแก้ปัญหา - ขั้นท่ี 4 การตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ 3. ครตู ิดโจทยป์ ัญหาการบวกเกี่ยวกับเงินบนกระดาน 4. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปญั หาการบวกเกีย่ วกับเงิน ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์และแสดงวิธีทำอีก 3 – 5 ตัวอย่าง
5. ครูให้นักเรียนทำบอก โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถูกต้อง จากนั้นครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สอื เรียน 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเงินได้นั้น ต้อง ศกึ ษากอ่ นวา่ โจทย์ต้องการให้หาอะไร โจทย์กำหนดสิ่งใดมาให้ พรอ้ มทงั้ ตรวจสอบหน่วยนำ้ หนักที่ให้ว่าเป็นหน่วย เดยี วกนั หรือไม่ 8. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงท่ี 2 1. ครใู หน้ กั เรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสตู รคณู หลงั จากน้ันให้ นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ทบทวนความรู้เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเงิน จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกัน ตอบปัญหาโดยครูเล่าสถานการณ์โจทย์ปัญหาให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหาคำตอบ กลุ่มใดยกมือ กอ่ นแลว้ ออกมานำเสนอขั้นตอนการแกโ้ จทย์ปญั หาไดถ้ ูกต้อง กลุ่มนนั้ จะเปน็ ผู้ชนะ 3. ครตู ดิ โจทยป์ ญั หาการลบเกี่ยวกับเงินบนกระดาน 4. ครเู ขียนแสดงวิธที ำโจทย์ปัญหาจากกิจกรรมข้อ 3. พร้อมทงั้ อธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟัง 5. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเงิน ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์และแสดงวิธีทำอีก 3 – 5 ตวั อย่าง 6. ครใู ห้นักเรียนบอก โจทย์ปญั หาการลบเก่ียวกับเงนิ เมื่อเสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากนั้นครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรียน 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ สง่ิ ทไี่ ดเ้ รยี นร้รู ่วมกัน 8. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ช่ัวโมงที่ 3 1. ครูใหน้ กั เรียนท่องสูตรคูณโดยใชแ้ ก้วและตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จากน้ันให้ นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ทบทวนความรู้เรื่อง โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเงิน จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกันตอบ ปัญหาโดยครูเล่าสถานการณ์โจทย์ปัญหาให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหาคำตอบ กลุ่มใดยกมือก่อน แลว้ ออกมานำเสนอขนั้ ตอนการแก้โจทยป์ ัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง กลุ่มนัน้ จะเปน็ ผูช้ นะ 3. ครตู ิดโจทยป์ ัญหาการคูณเกี่ยวกบั เงินบนกระดาน 4. ครูเขียนแสดงวธิ ที ำโจทยป์ ัญหาจากกิจกรรมข้อ 3. พรอ้ มทง้ั อธิบายให้นักเรียนฟัง 5. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการคูณเกี่ยวกับเงิน ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์และแสดงวิธีทำอีก 3 – 5 ตัวอย่าง 6. ครูให้นักเรียนบอกวิธีการแก้โจทย์ปัญหาการคูณเกี่ยวกับเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้ันครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนังสอื เรยี น 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเงินได้นั้น ต้อง ศึกษาก่อนว่าโจทย์ต้องการให้หาอะไร โจทย์กำหนดส่ิงใดมาให้ พร้อมทั้งตรวจสอบหนว่ ยนำ้ หนักท่ีให้ว่าเป็นหน่วย เดียวกนั หรอื ไม่ 8. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชว่ั โมงท่ี 4 1. ครูใหน้ กั เรยี นทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนนั้ ให้ นกั เรียนคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ
2. ทบทวนความรูเ้ รอื่ ง โจทยป์ ญั หาการคูณเกีย่ วกบั เงิน จากนั้นครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกันตอบ ปัญหาโดยครูเล่าสถานการณ์โจทย์ปัญหาให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหาคำตอบ กลุ่มใดยกมือก่อน แลว้ ออกมานำเสนอข้นั ตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหาได้ถูกต้อง กลมุ่ น้ันจะเปน็ ผูช้ นะ 3. ครูติดโจทยป์ ัญหาการหารเก่ียวกับเงินบนกระดาน 4. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการหารเกี่ยวกับเงิน ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์และแสดงวิธีทำอกี 3 – 5 ตัวอยา่ ง 5. ครูให้นักเรียนบอกวิธีการแก้โจทย์ปัญหาการหารเกี่ยวกับเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยในหนงั สอื เรียน 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเงินได้นั้น ต้อง ศกึ ษากอ่ นว่าโจทย์ต้องการใหห้ าอะไร โจทย์กำหนดส่ิงใดมาให้ พร้อมท้ังตรวจสอบหน่วยน้ำหนักที่ให้ว่าเป็นหน่วย เดียวกันหรอื ไม่ 8. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ 7 การอา่ นบนั ทึกรายรับรายจ่าย ช่ัวโมงท่ี 1 1. ครใู ห้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสตู รคูณ หลังจากน้นั ให้นักเรียน คิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครูนำสนทนเก่ียวกบั การใชจ้ า่ ยในชวี ติ ประจำวนั ของนักเรยี น โดยใหแ้ ตล่ ะคนบอกการใชจ้ า่ ยมาอย่างละ 1 อย่าง โดยไมซ่ ำ้ กนั 3. ครูแนะนำวา่ จำนวนเงินที่นักเรียนไดร้ บั มา เรียกว่า “รายรบั ” และจำนวนเงินที่นกั เรยี นจ่ายไป เรยี กว่า “รายจา่ ย” 4. ครูฝึกให้นักเรียนอา่ นบนั ทกึ รายรับรายจา่ ย โดยตดิ บนั ทึกรายรับรายจา่ ยบนกระดาน 5. ครูให้นักเรียนบอกวิธีการอ่านบันทึกรายรับรายจ่าย เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง จากน้นั ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยในหนงั สือเรียน 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การบันทึกรายรับรายจ่ายลงในตารางให้เป็น หมวดหมู่ จะชว่ ยใหอ้ ่านรายรบั รายจ่ายไดส้ ะดวกและชดั เจนขนึ้ 7. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงท่ี 2 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบกอ่ นเรยี น 2. ทบทวนการจำแนกรายรับ รายจ่าย โดยครตู ดิ ขอ้ มูลรายรับรายจ่ายของเด็กชายสมชาย ใจดี และให้ นักเรียนจำแนกว่ารายการใดเป็นรายรบั รายการใดเป็นรายจ่าย 3. ครูถามนักเรียนว่า จากข้อมูลรายรับรายจ่ายของเด็กชายสมชาย ใจดี จะมีเงินคงเหลือกี่บาท ให้ นักเรียนช่วยคิดหาคำตอบ เมื่อได้คำตอบแล้ว ครูแนะนำว่า เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการอ่านจะนิยมเขียนรายรับ รายจ่าย และเงินคงเหลอื ลงในตาราง เรยี กว่า บันทึกรายรบั รายจา่ ย 4. ครแู นะนำการกรอกข้อมูลในชอ่ งวนั เดอื น ปี ว่านยิ มใชต้ ัวยอ่ การกรอกข้อความในช่องรายการ การ กรอกจำนวนเงินในชอ่ งรายรับและการกรอกจำนวนเงนิ ในช่องรายจา่ ย การกรอกรายการคงเหลือพร้อมคำนวณหา เงินคงเหลือ โดยอธิบายทีละรายการ ถ้าใช้ช่องรายรับหรือรายจ่ายใดที่ไม่ต้องกรอกจำนวนเงินให้ขีด ( - ) ในช่อง นนั้ 5. ให้นักเรียนสังเกตจำนวนเงินคงเหลือ และชี้ให้เห็นว่ารายการใดเป็นรายรับจะทำให้เงินคงเหลือ เพิ่มขึ้น รายการใดเป็นรายจ่ายจะทำให้เงินคงเหลือลดลง ยกเว้นรายการแรกที่ช่องคงเหลือจะเท่ากับรายรับ เนื่องจากในรายการแรกยังไม่มีรายจ่าย ครูแนะนำเพิ่มเติม โดยให้นักเรียนรวมรายรับและรายจ่าย แล้วนำมาลบ
กัน ให้นกั เรยี นบอกผลลบท่ไี ด้ แล้วถามนักเรยี นวา่ ผลลบทไี่ ดเ้ ทา่ กับเงินในรายการใด (คงเหลือ) จากนน้ั ให้นักเรียน ร่วมกันอภปิ รายถงึ การตรวจสอบความถูกต้องของบนั ทกึ รายรับรายจา่ ย 6. ครูให้นักเรียนเขียน การเขียนบันทึกรายรับรายจ่าย เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง จากนั้นครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยในหนังสอื เรียน 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนบันทึกรายรับ รายจ่ายว่า ประกอบดว้ ย 3 ส่วน คอื ชื่อตาราง หัวตาราง และขอ้ มูลในตาราง ซง่ึ ขอ้ มูลในตารางจะประกอบด้วยข้อความและ ตัวเลขแสดงข้อมลู ต่างๆ การเขียนบันทึกรายรบั รายจ่ายต้องกำหนดหัวขอ้ และแปลงขอ้ มลู ตา่ งๆ เปน็ ตวั เลข 8. นักเรียนใชค้ วามรเู้ ดิมจากรายวชิ าวทิ ยาการคำนวณสรา้ งชุดคำส่ังจากBoardgame 9. ใหน้ ักเรียนสรา้ งชดุ คำส่ังโดยใช้คำสัง่ น้อยทีส่ ดุ ไปยงั เปา้ หมาย 10. ใหน้ กั เรียนสรา้ งชดุ คำสงั่ โดยเงอื่ นไขพิเศษ 11. ใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 9. ส่อื / แหล่งเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. แบบทดสอบหลังเรียน 3. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. 4. ธนบตั รและเงนิ เหรียญจำลอง 5. แถบโจทย์ 6. บัตรจำนวนเงิน 7. กระดาษเปลา่ 8. แผนภาพ 9. เหรียญ 10. Boardgame
โรงเรียนวดั พืชนมิ ิต (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรุง) อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี ขอ้ สอบบทท่ี 13 เงนิ และบนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นทำเคร่ืองหมาย x ทับอักษรหนา้ คำตอบทีถ่ ูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 10 ข้อ ขอ้ 1. จากภาพ ข้อใดเขียนแสดงจำนวนเงนิ ถกู ต้อง (ค ขอ้ 6. หนขู าวเก็บเงนิ ใส่กระปกุ ออมสนิ เปน็ ระยะเวลา 3 2.1 ป.3/1) เดอื น วันหนึ่งเปิดกระปกุ ออมสินมีเงนิ ดงั นี้ (ค 2.1 ป.3/1) ก. 2,130.00 บาท ข. 2,120.00 บาท ค. 2,110.00 บาท ง. 1,130.00 บาท ข้อ 2. จากภาพ จากภาพ ข้อใดเขยี นแสดงจำนวนเงิน ถกู ต้อง (ค 2.1 ป.3/1) ก. 555.00 บาท ข. 560.00 บาท ก. 584 บาท ข. 585 บาท ค. 586 บาท ง. 587 บาท ค. 510.00 บาท ง. 550.00 บาท ขอ้ 7. ขอ้ มลู จากข้อ 6. หนขู าวเกบ็ เงินธนบัตรใบละ 50 ขอ้ 3. แม่มธี นบตั ร 1,000 บาท 1 ฉบับ เหรยี ญบาท 3 บาท เปน็ จำนวนเงนิ เท่าไร(ค 2.1 ป.3/1) เหรียญ เหรียญ 25 สตางค์ 7 เหรียญ พ่อมธี นบตั ร 500 บาท 2 ฉบับ เหรียญ 50 สตางค์ 13 เหรียญ ข้อใดถูกต้อง ก. 200 บาท ข. 400 บาท ค. 150 บาท ง. 50 บาท (ค 2.1 ป.3/1) ก. แมก่ บั พอ่ มเี งินเทา่ กนั ข. แม่มเี งนิ มากกวา่ พ่อ ขอ้ 7. ข้อมูลจากข้อ 6. หนขู าวเกบ็ เงินเหรยี ญท้ังหมด เปน็ จำนวนเงินเทา่ ไร(ค 2.1 ป.3/1) ค. พ่อมีเงนิ มากกวา่ แม่ ง. ไม่มขี ้อถูก ขอ้ 4. หนูขาวมเี งนิ ในกระปุกออมสินเป็นธนบตั ร 500 บาท 4 ฉบบั ธนบัตร 50 บาท 60 ฉบบั นำเงนิ ทั้งหมดไป ก. 210 บาท ข. 215 บาท ค. 250 บาท ง. 205 บาท แลกธนบตั ร 1,000 บาท ได้ก่ีฉบบั (ค 2.1 ป.3/1) ก. 5 ฉบบั ข. 6 ฉบับ จากขอ้ มูลนใ้ี ชต้ อบคำถามข้อ 8 – 10 บันทึกรายรับรายจา่ ยของเด็กหญงิ หนขู าว ค. 7 ฉบับ ง. 8 ฉบับ ข้อ 5. นำ้ ต้องการซื้อปากกา 3 ด้าม รา้ น A ขายราคา วันที่ 1 ถงึ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ดา้ มละ 24.50 บาท หากซ้ือ 2 ดา้ ม จะไดฟ้ รี 1 ด้าม รา้ น B ขายราคาด้ามละ 16.50 บาท น้ำควรซอื้ ปากการา้ นใด ถูกกวา่ เพราะเหตใุ ด (ค 2.1 ป.3/1) ก. ร้าน A เพราะซ้ือ 3 ด้ามได้ในราคาท่ีถกู กวา่ ร้าน B อยู่ 1 บาท ข. รา้ น A เพราะซ้ือ 3 ดา้ มได้ในราคาที่ถกู กว่ารา้ น B อยู่ 0.50 บาท ค. ร้าน B เพราะซอื้ 3 ดา้ มตอ้ งจา่ ยเงนิ เพียง 49.50 บาท ง. รา้ น B เพราะซอ้ื 3 ด้ามต้องจ่ายเงนิ เพยี ง 55.50 บาท
ขอ้ 8. จากบนั ทึกรายรับรายจ่างของเด็กหญิงหนูขาว เด็กหญงิ หนูขาวชว่ ยป้าขายของวันท่ี 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ได้รบั เงนิ ก่บี าท (ค 2.1 ป.3/1) ก. 50.00 บาท ข. 50.50 บาท ค. 88.25 บาท ง. 98.25 บาท ข้อ 9. ในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เด็กหญิงหนูขาว เหลือเงนิ มากกวา่ วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็น จำนวนเงนิ กี่บาท (ค 2.1 ป.3/1) ก. 195.50 บาท ข. 85.75 บาท ค. 75.00 บาท ง. 65.00 บาท ขอ้ 10. เด็กหญงิ หนูขาวมีรายรบั ต้ังวนั ที่ 1 - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็นจำนวนเงินก่ีบาท (ค 2.1 ป.3/1) ก. 350 บาท ข. 305 บาท ค. 250 บาท ง. 200 บาท
ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 8 ด้าน คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น ในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งวา่ ง ใหต้ รงกบั ระดับคะแนน และตามความเปน็ จรงิ โดยมีเกณฑก์ ารให้คะแนน ดังนี้ 4 = พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนมาก และบ่อยครั้งสม่ำเสมอ 3 = พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ 2 = พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยคร้ัง 1 = พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางคร้ัง คณุ ลักษณะอัน ระดบั คะแนน พึงประสงค์ รายการประเมนิ 4 321 ด้าน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มีความรกั และภมู ิใจในความเป็นชาติ กษัตรยิ ์ 1.2 ปฏิบัตติ นตามหลกั ธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภักดตี ่อสถาบนั พระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ 2.1 ปฏิบัติตามระเบยี บการสอน และไม่ลอกการบ้าน สจุ ริต 2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเปน็ จริงต่อผู้อน่ื 3. มีวนิ ัย 3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ การเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อยา่ งมีเหตุผล 5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ และส่ิงของของโรงเรยี นอย่างประหยดั พอเพียง 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงนิ 6. มุ่งม่ันในการ 6.1 มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับ ทำงาน มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค เพอ่ื ให้งาน สำเรจ็ 7. รกั ความเปน็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 รจู้ ักการใหเ้ พ่ือส่วนรวม และเพ่ือผู้อืน่ สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรอื การให้ความชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืน 8.3 เข้าร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพ่ือส่วนรวมเมื่อมีโอกาส ชือ่ ......................................................................................................................ชั้ น.................เลขท.ี่ .................
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ผลการประเมนิ รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสดิ์ราษฎรบ์ ำรงุ ) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรปุ ผลการประเมนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เลขที่ ชื่อ-สกลุ การป ิฏสัมพันธ์กัน การสนทนาเ ื่รอง ่ีทกำหนด การ ิตด ่ตอ ื่สอสาร พฤ ิตกรรมการทำงานก ุ่ลม รวม ระดับ ุคณภาพ แปลผล 4 4 4 4 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ได้คะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดีมาก) ลงชือ่ .........................................ผปู้ ระเมนิ ได้คะแนน 11-13 คะแนน =3 (ดี) (นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวิเศษ) ไดค้ ะแนน 8-10 คะแนน =2 (พอใช้) วนั ....เดอื น...............ปี....... ไดค้ ะแนน 0-7 คะแนน =1 (ปรบั ปรุง) * เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช)้ ขนึ้ ไป
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ำรงุ ) ปีการศกึ ษา 2562 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรปุ ผลการประเมินคุณภาพ ผลการประเมนิ เลขท่ี ชอื่ -สกลุ คะแนน ระดับ ุคณภาพ แปลผล 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ได้คะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดมี าก) ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมิน ไดค้ ะแนน 11-13 คะแนน = 3 (ดี) (นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวเิ ศษ) ไดค้ ะแนน 8-10 คะแนน = 2 (พอใช้) วัน....เดอื น...............ปี....... ได้คะแนน 0-7 คะแนน = 1 (ปรบั ปรุง) * เกณฑผ์ า่ นการประเมินต้องได้ 2 (พอใช)้ ข้นึ ไป
แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมการทำแบบทดสอบ รายวิชาคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คำสวัสดิร์ าษฎร์บำรงุ ) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำช้ีแจง : กรอกคะแนนลงในชอ่ งคะแนนทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน และประเมนิ ผล ผลการประเมนิ เลขที่ ชอ่ื -สกลุ คะแนนกอ่ นเรยี น(10) คะแนนหลังเรยี น(10) ้รอยละ ่ผาน/ไม่ ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * ( ผู้เรยี นตอ้ งมคี ะแนนสอบหลงั เรยี นผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ ) ลงช่อื .........................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวจิระพนั ธ์ุ ปากวิเศษ) วัน....เดอื น...............ป.ี ......
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. 2. แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... .......................................................................................................................................... .................. 3. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ไมผ่ า่ น............ คน ผ่าน.............คน ดี..................คน ดเี ยยี่ ม................คน ระดบั ดขี น้ึ ไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ไม่ผ่าน............ คน ผ่าน.............คน ดี..................คน ดเี ยี่ยม................คน ระดบั ดีข้ึนไป ร้อยละ..................... 5. นักเรยี นเกิดทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบ้าง ทำเครื่องหมาย / ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับทักษะที่เกิด การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา การสร้างสรรค์ ความเขา้ ใจความตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ การสอื่ สาร ด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ ำ ทักษะการเปล่ียนแปลง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ ผลการจัดการเรียนการสอน/ปญั หา/ อุปสรรค และแนวทางแก้ไข • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................................................ • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ..................................................................................................................................... .......................................... ................................................................................................................................................................................ • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................ ................................ • แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ........................................................................................................................................................ ........................ • แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. ...................................................
ผลการจัดการเรยี นการสอน/ปัญหา/ อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข • แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. .................................................................................... ........................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................... • แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 เรื่อง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................ ................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวจริ ะพันธ์ุ ปากวิเศษ) ความคิดเหน็ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. .................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ…………………………………………………… (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา ) หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ .................../......................./......................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง ............................................................................................................................. .................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. .... ลงชื่อ…………………………………………………… (นางสาวกนั ยาภัทร ภทั รโสตถิ) โรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ด์ิราษฎรบ์ ำรงุ ) ................../......................./.........................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 13 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 13 เงนิ และบนั ทกึ รายรับรายจ่าย เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง การบอกจำนวนเงนิ และเขยี นแสดงจำนวนเงนิ แบบใชจ้ ุด 1. สาระสำคัญ เงินเหรยี ญหรอื ธนบตั รแต่ละชนิด เมอ่ื นำมารวมกันจะมคี ่าของเงนิ รวมกัน ซง่ึ มจี ำนวนเป็นบาทและสตางค์ สามารถเขียนโดยใช้จดุ ค่นั ระหวา่ งจำนวนบาทและสตางค์ 2. ตัวชีว้ ัด ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปญั หาเกยี่ วกบั เงิน 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกจำนวนเงินแบบใชจ้ ุดได้ (K) 2. เขยี นแสดงจำนวนเงนิ แบบใชจ้ ดุ ได้ถูกตอ้ ง (P) 3. อ่านจำนวนเงินแบบใชจ้ ุดจากโจทยท์ กี่ ำหนดให้ได้ถกู ต้อง (P) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การบอกจำนวนเงนิ และเขยี นแสดงจำนวนเงินแบบใช้จุด 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1 ข้นั ตอนท่ี 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นักเรียนคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ข้ันตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ให้นกั เรียนทบทวนประสบการณ์ของตนเองเก่ียวกับการซ้ือสนิ คา้ ตา่ งๆ ในชีวติ ประจำวัน โดยครูให้ ผู้แทนนักเรียน 2-3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนฟังว่าซื้ออะไรบ้าง ใช้อะไรในการซื้อ สิ่งที่ใช้ในการซื้อมี ลกั ษณะอยา่ งไร จากนั้นครูถามคำถามนกั เรยี น ดงั นี้ - เราใช้อะไรในการซื้อสินค้า (เงิน) - เงินท่ีใช้ในปัจจุบันมีลักษณะอย่างไร (เป็นเงินเหรียญ และธนบัตร) 3. ครูให้ผู้แทนนักเรียนคร้ังละ 1 คน บอกชนิดของเงินเหรียญและธนบัตรท่ีนักเรียนรู้จักคนละ 1 ชนิด แล้วครูนำเงินเหรียญและธนบัตรจริงมาให้นักเรียนดูประกอบ
4. ครูนำธนบตั รและเงนิ เหรียญจำลองติดบนกระดานตามจำนวน ดังน้ี ธนบัตรใบละห้าร้อยบาท หน่ึงร้อยบาท ห้าสบิ บาท และยส่ี ิบบาท อยา่ งละ 1 ใบ และเงินเหรยี ญห้า สิบสตางคแ์ ละยี่สบิ สตางคอ์ ยา่ งละ 1 เหรยี ญ แล้วให้นักเรียนรว่ มกนั คิดว่าเป็นจำนวนเงนิ ทงั้ หมดเท่าไร โดย ออกมาเขียนบนกระดาน (670 บาท 75 สตางค)์ และเขยี นคำอ่าน (หกรอ้ ยเจด็ สบิ บาทเจด็ สบิ ห้าสตางค์) 5. ครูตดิ แถบโจทย์บนกระดาน 1. เหรียญห้าบาท 2 เหรยี ญ เหรยี ญหา้ สิบสตางค์ 3 เหรียญ ให้ผู้แทนนักเรียน 1 คน ออกมาหยิบเงินจำลองติดบนกระดานตามจำนวนในแถบโจทย์ แล้วให้ นกั เรยี นบอกจำนวนเงนิ ว่าเปน็ จำนวนเงนิ เทา่ ไร (11 บาท 50 สตางค)์ 6. ครตู ิดแถบโจทย์บนกระดาน แล้วใหผ้ ้แู ทนนักเรียนครง้ั ละ 3 คน ออกมาแข่งขันกนั เขยี นจำนวนเงนิ โดยใช้จดุ และเขียนคำอ่านบนกระดาน นมยเู อชที 4 กล่อง ราคา 38 บาท 75 สตางค์ (38.75 บาท อา่ นว่า สามสิบแปดบาทเจ็ดสบิ ห้าสตางค)์ ปลากระป๋องคร่ึงโหลราคา 61 บาท 25 สตางค์ (61.25 บาท อา่ นวา่ หกสบิ เอ็ดบาทยีส่ ิบหา้ สตางค์) 7. ครูวางภาพสินค้าพร้อมราคาจากส่อื โฆษณา หนงั สอื พิมพ์ บนโต๊ะ ให้นักเรียนเขยี นจำนวนเงนิ ของ สนิ คา้ โดยใชจ้ ุดลงในกระดาษ คำตอบละ 1 แผ่น 8. นกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้ การเขียนจำนวนเงนิ โดยใช้จุดและการอ่าน โดยครถู ามคำถามนักเรยี น ดงั นี้ - ตัวเลขหน้าจดุ แทนจำนวนเงนิ เปน็ หนว่ ยอะไร (บาท) - ตวั เลขหลังจุดแทนจำนวนเงินเป็นหนว่ ยอะไร (สตางค)์ ขั้นตอนท่ี 3 : การฝึก 9. ครูใหน้ กั เรียนบอกจำนวนเงนิ และเขียนแสดงจำนวนเงนิ แบบใช้จดุ เมือ่ เสร็จแล้วใหน้ กั เรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครูและนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมในหนังสอื เรียน ขั้นตอนท่ี 4 : การสรุป 10. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนร้รู ว่ มกัน ดังนี้ เงนิ เหรียญและธนบตั ร เปน็ เงนิ ท่ีใชใ้ น ชีวติ ประจำวัน การบอกจำนวนเงนิ ทำไดโ้ ดยการนำค่าของเงินทง้ั หมดมารวมกนั ขั้นตอนท่ี 5 : การประยกุ ตใ์ ช้ทนั ที 11. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท.
8. การวดั ผลและประเมนิ ผล การวัดผล 1. สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน 2. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. 3. สังเกตการทำงาน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น การประเมนิ ผล 6. ถือเกณฑ์ผ่านจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรบั ผูท้ ี่ไดร้ ะดับคุณภาพตง้ั แต่ 2 ขึ้นไป 2. ถือเกณฑผ์ ่านสำหรบั ผ้ทู ีท่ ำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดบั คุณภาพตงั้ แต่ 2 ขน้ึ ไป 3. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรบั ผทู้ ที่ ำงานได้ระดับคุณภาพตง้ั แต่ 2 ขนึ้ ไป 4. ถอื เกณฑ์ผ่านสำหรบั ผทู้ ี่ทำงานทำแบบทดสอบก่อนเรียนได้รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป 9. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. 2. แบบทดสอบก่อนเรยี น 3. ธนบตั รและเงนิ เหรียญจำลอง 4. แถบโจทย์
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 2 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลา 13 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 13 เงินและบันทึกรายรับรายจ่าย เวลา 1 ช่ัวโมง เรือ่ งการเปรยี บเทียบจำนวนเงนิ 1. สาระสำคญั การเปรียบเทียบจำนวนเงนิ ใหเ้ ปรยี บเทียบจำนวนบาทก่อน ถ้าเท่ากนั จึงเปรยี บเทียบจำนวนสตางค์ 2. ตัวช้ีวัด ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ปญั หาเกยี่ วกับเงนิ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกขัน้ ตอนการเปรียบเทียบจำนวนเงนิ ได้ (K) 2. เขยี นการเปรยี บเทยี บและเรียงลำดบั จำนวนเงนิ จากโจทย์ทีก่ ำหนดใหไ้ ด้ (P) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การเปรียบเทียบจำนวนเงิน 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นตอนที่ 1 : เตรยี มความพรอ้ ม 1. ครใู หน้ กั เรยี นทอ่ งสูตรคณู โดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสตู รคณู หลังจากนัน้ ให้ นักเรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ ข้นั ตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เรอื่ ง การบอกจำนวนเงิน โดยครตู ดิ แถบโจทย์บนกระดาน 2 แถบ แล้วให้ ผู้แทนนักเรียนครง้ั ละ 1 คน ออกมาเขียนจำนวนเงินบนกระดาน ธนบตั รใบละยส่ี ิบบาท 3 ใบ กบั เหรียญสบิ บาท 2 เหรียญ เหรยี ญสิบบาท 5 เหรยี ญ จากกิจกรรม ครถู ามคำถามนักเรยี น ดงั น้ี - 80 บาท มากกว่าหรอื นอ้ ยกว่า 50 บาท (มากกวา่ ) - ดงั นน้ั สรปุ ได้อยา่ งไร (ธนบตั รใบละย่สี ิบบาท 3 ใบ กบั เหรียญสบิ บาท 2 เหรยี ญ มากกว่า เหรยี ญสิบบาท 5 เหรียญ)
3. ครูติดบัตรจำนวนเงินบนกระดาน 2 จำนวน (61.25 บาท และ 61.50 บาท) แล้วให้นักเรียนอ่าน พร้อมๆ กนั และถามคำถาม ดงั นี้ - จำนวนเงนิ เป็นบาทเท่ากันหรอื ไม่ (เท่ากัน) - จำนวนเงนิ เปน็ สตางค์เทา่ กันหรอื ไม่ (ไม่เทา่ กัน) - 25 สตางค์ มากกว่าหรือน้อยกวา่ 50 สตางค์ (น้อยกว่า) - ดังน้นั 61.25 บาท มากกวา่ หรอื น้อยกวา่ 61.50 บาท (นอ้ ยกวา่ ) - สรุปคำตอบไดอ้ ยา่ งไร (61.25 บาท นอ้ ยกวา่ 61.50 บาท) 4. ครูให้นักเรียนวาดภาพสินค้าที่สนใจ พร้อมทั้งกำหนดราคาสินค้า แล้วร่วมกันเล่นเกมเปรียบเทียบ สินค้า ดังน้ี - นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน - นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาครั้งละ 1 คน (2 กลมุ่ ) แล้วเปรยี บเทยี บราคาสินค้านั้น โดยบอกว่าใครมีราคาสนิ คา้ มากกว่าหรือนอ้ ยกวา่ - ดำเนนิ กจิ กรรมจนครบทกุ กลมุ่ ทกุ คน - นกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขน้ั ตอนท่ี 3 : การฝกึ 5. ครูให้นักเรียนบอกการเปรียบเทียบจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูก ต้อง จากนนั้ ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรียน ข้ันตอนที่ 4 : การสรปุ 6. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความร้เู รื่อง การเปรยี บเทียบจำนวนเงิน โดยครูถามคำถามนกั เรียน ดงั น้ี - การเปรียบเทียบจำนวนเงนิ ใหเ้ ปรียบเทียบจำนวนในหนว่ ยใดกอ่ น (บาท) - ถ้าไม่เท่ากันเปรียบเทียบจำนวนในหนว่ ยใดตอ่ ไป (สตางค)์ ขัน้ ตอนที่ 5 : การประยกุ ตใ์ ชท้ นั ที 7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมินผล การวดั ผล 1. สังเกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน 2. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. 3. สงั เกตการทำงาน การประเมินผล 1. ถอื เกณฑ์ผา่ นจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรับผู้ท่ีไดร้ ะดับคณุ ภาพต้ังแต่ 2 ขน้ึ ไป 2. ถือเกณฑผ์ ่านสำหรบั ผทู้ ่ที ำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดบั คุณภาพต้งั แต่ 2 ขึ้นไป 3. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรบั ผทู้ ี่ทำงานไดร้ ะดับคุณภาพตั้งแต่ 2 ข้นึ ไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. 2. แถบโจทย์ 3. บตั รจำนวนเงนิ 4. กระดาษเปลา่
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 13 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 เงนิ และบันทกึ รายรับรายจ่าย เวลา 1 ชั่วโมง เรื่องการแลกเงนิ 1. สาระสำคญั การแลกเงินเป็นการแลกเปลี่ยนเงินเหรียญกับเงินเหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือ ธนบัตรกับเงนิ เหรยี ญและธนบัตร โดยเงนิ ท่นี ำมาแลกเปล่ยี นกนั ต้องมคี ่าเทา่ กนั 2. ตวั ช้ีวดั ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกยี่ วกบั เงนิ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกวิธีการแลกเปลย่ี นเงินเหรียญกบั เงินเหรยี ญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกบั ธนบัตร หรอื ธนบตั รกบั เงนิ เหรยี ญและธนบตั รได้ (K) 2. แลกเปลี่ยนเงินเหรียญกับเงินเหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือธนบัตรกับเงินเหรียญ และธนบัตรไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (P) 3. นำความรู้เกี่ยวกับการแลกเงินไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การแลกเงิน 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขัน้ ตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นักเรียนคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบกอ่ นเรยี น ขัน้ ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ครูทบทวนความรเู้ กี่ยวกับ การเปรยี บเทียบจำนวนเงิน โดยนำบตั รภาพแสดงจำนวนเงินมาแสดงแลว้ ใหน้ ักเรียนตอบ ซ่งึ นักเรยี นคนใดยกมือก่อนมีสิทธิ์ตอบก่อน เม่อื จบกิจกรรมครูกล่าวชมเชยนักเรียนที่ตอบได้มาก ทส่ี ุด 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เสนอว่า เราสามารถแลกเปลีย่ นประเภทของเงินจากเงนิ เหรียญเป็นเงิน ธนบัตรหรือจากเงนิ ธนบตั รเป็นเงนิ เหรยี ญได้ หรอื ธนบัตรเป็นธนบตั ร หรือเงนิ เหรยี ญเป็นเงนิ เหรียญ โดยมมี ูลคา่ เงนิ เทา่ เดมิ
4. ครูชเู งินธนบตั รฉบบั ละ 20 บาท ข้นึ มา 3 ฉบบั จากนน้ั ถามนกั เรียนว่าเงินนมี้ คี า่ เทา่ ใด แลว้ ให้ นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ เลือกเงนิ ชนิดต่างๆ ท่ีตา่ งจากครแู สดงมารวมกันให้ได้จำนวน 60 บาท ครแู ละนกั เรียนร่วมกัน เฉลยคำตอบ 5. ครูแสดงแผนภาพจำนวนเงิน 60 บาท ด้วยธนบตั รฉบบั ละ 20 บาท 3 ใบ บนกระดาน จากน้ันแสดง แผนภาพจำนวนเงนิ 60 บาทดว้ ยเหรยี ญ 10 บาท 6 เหรยี ญ ครใู หน้ กั เรยี นร่วมกันตรวจสอบว่าแผนภาพท้ังสองมี คา่ เทา่ กันหรอื ไม่ (เทา่ กนั ) 6. ครูให้นักเรียนคิดหาคำตอบเพิ่มว่ามีรูปแบบการแสดงเงินใดอีกบ้างที่มีค่าเท่ากับ 60 บาท (เหรียญ บาทจำนวน 60 เหรียญ หรือเหรยี ญ 5 บาทจำนวน 12 เหรยี ญ เป็นต้น) 7. ครูตงั้ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรียน โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกันตอบคำถาม ดงั น้ี - ธนบัตรฉบบั ละหน่ึงร้อยบาท 1 ฉบับ แลกธนบัตรฉบบั ละยีส่ บิ บาทไดก้ ่ีฉบับ (5 ฉบบั ) - ธนบัตรใบละ 50 บาท 3 ฉบับ แลกเหรียญ 10 บาทได้ก่ีเหรยี ญ (15 เหรยี ญ) - เหรียญ 2 บาท 2 เหรยี ญ แลกเหรยี ญ 50 สตางค์ไดก้ ี่เหรยี ญ (8 เหรยี ญ) 8. ครูแสดงตัวอย่าง เรื่อง การแลกเงิน เพิ่มเติมอีก 2 – 3 ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจมาก ย่งิ ขน้ึ ขั้นตอนที่ 3 : การฝึก 9. ครูใหน้ ักเรียนบอกการแลกเงิน เมื่อเสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้ันครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรยี น ขัน้ ตอนท่ี 4 : การสรปุ 10. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รียนรรู้ ่วมกนั ดงั น้ี การแลกเงินเป็น การแลกเปลีย่ นเงนิ เหรยี ญ กับเงินเหรียญ เงินเหรียญกับธนบัตร ธนบัตรกับธนบัตร หรือธนบัตรกับเงินเหรียญและธนบัตร โดยเงินที่นำมา แลกเปลย่ี นกันตอ้ งมีคา่ เท่ากัน ขน้ั ตอนท่ี 5 : การประยุกตใ์ ช้ทนั ที 11. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมินผล การวดั ผล 1.สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน 2. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. 3. สังเกตการทำงาน การประเมนิ ผล 1. ถือเกณฑ์ผ่านจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรับผ้ทู ี่ได้ระดับคณุ ภาพตั้งแต่ 2 ขน้ึ ไป 2. ถือเกณฑผ์ ่านสำหรบั ผทู้ ่ที ำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดบั คุณภาพตงั้ แต่ 2 ขน้ึ ไป 3. ถือเกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผูท้ ่ีทำงานได้ระดับคุณภาพตงั้ แต่ 2 ขน้ึ ไป 9. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 2. ธนบัตร 3. แผนภาพ 4. เหรยี ญ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เวลา 13 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 13 เงนิ และบันทึกรายรับรายจา่ ย เวลา 2 ช่ัวโมง เรื่องการบวกและลบจำนวนเงนิ 1. สาระสำคัญ การบวกจำนวนเงินใหน้ ำจำนวนเงนิ ทเ่ี ป็นบาทรวมกับจำนวนเงนิ ที่เป็นบาท และจำนวนเงินที่เปน็ สตางค์รวม กับจำนวนเงินที่เปน็ สตางค์ โดยให้บวกจำนวนที่เป็นสตางค์ก่อน ถ้าผลบวกของจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ครบ 100 สตางค์ หรือมากกว่า ซ่งึ 100 สตางค์ เทา่ กบั 1 บาท ให้นำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงนิ ทเ่ี ปน็ บาท การลบจำนวน เงินให้นำจำนวนเงินที่เป็นบาทลบกับจำนวนเงินที่เป็นบาท และจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ลบด้วยจำนวนเงินที่เป็น สตางค์ โดยให้ลบจำนวนทเ่ี ป็นสตางค์ก่อน ถา้ จำนวนเงนิ ท่ีเปน็ สตางค์ของตัวต้ังน้อยกว่าตวั ลบ ให้กระจายจำนวน เงินท่เี ป็นบาทมา 1 บาท ซ่ึงเทา่ กบั 100 สตางค์ นำไปรวมกบั จำนวนเงินทเ่ี ป็นสตางคข์ องตวั ต้งั แลว้ จึงลบ 2. ตัวชว้ี ัด ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับเงนิ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.บอกวธิ ีหาผลบวกและลบเก่ียวกบั จำนวนเงนิ ท่กี ำหนดใหไ้ ด้ (K) 2.หาคำตอบของการบวกและลบเกีย่ วกบั จำนวนเงนิ ได้ถูกต้อง (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. การบวกและลบจำนวนเงิน 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ม่งุ มั่นในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ 1 ข้นั ตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นักเรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ ขน้ั ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ครูทบทวนความสัมพนั ธ์ของบาทและสตางค์ โดยแบ่งนักเรียนออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 3 – 4 คน ให้แต่ ละกลุ่มมนี ักเรยี นความสามารถคละกนั แตล่ ะกลุ่มตงั้ คำถาม และใหก้ ลุ่มอนื่ ตอบ กลุ่มทีต่ อบได้ตง้ั คำถามถามกลุ่ม อน่ื ต่อไป เช่น - 1 บาท เทา่ กบั ก่สี ตางค์ - 5 บาท เท่ากับก่ีสตางค์ - 750 สตางค์ เท่ากับกี่บาท กี่สตางค์
3. ครูใหห้ าคำตอบจากโจทยก์ ารบวกจำนวนเงนิ โดยเรมิ่ จากการบวกไม่มีทด และการบวกมีทด โดยใช้ การถาม-ตอบ ประกอบการเขียนแสดงวธิ กี ารหาคำตอบ เชน่ 3.50 บาท รวมกับ 6.25 บาท เปน็ เงนิ เทา่ ใด วิธที ำ บาท สตางค์ 3 50 + 6 25 9 75 ตอบ ๙ บาท ๗๕ สตางค์ หรือ ๙.๗๕ บาท 4 บาท รวมกับ 2.25 บาท เป็นเงินเท่าใด วิธีทำ บาท สตางค์ 4 00 + 2 25 6 25 ตอบ a. บาท ๒๕ สตางค์ หรอื ๖.๒๕ บาท 4. ครูถามนกั เรยี นดังน้ี - 100 สตางค์ เท่ากบั กบ่ี าท (1 บาท) จากนนั้ ครยู กตวั อย่างเพม่ิ เตมิ ดังนี้ 5.25 บาท รวมกับ 2.75 บาท เปน็ เงนิ เท่าใด วธิ ีทำ บาท สตางค์ + 5 25 2 75 7 100 8 00 ตอบ ๘ บาท หรอื ๘.๐๐ บาท
8.50 บาท รวมกับ 12.75 บาท เป็นเงนิ เท่าใด วธิ ีทำ บาท สตางค์ 8 50 + 12 75 20 125 21 25 ตอบ ๒๑ บาท ๒๕ สตางค์ หรือ ๒๑.๒๕ บาท ข้ันตอนที่ 3 : การฝึก 5. ครูให้นักเรียนบอก การบวกจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้นั ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในหนังสอื เรยี น ขน้ั ตอนที่ 4 : การสรปุ 6. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ส่ิงท่ีได้เรยี นรู้ร่วมกนั ดงั นี้ การบวกจำนวนเงนิ ใหน้ ำจำนวนเงินที่เป็นบาท รวมกับจำนวนเงินทเ่ี ป็นบาท และจำนวนเงินท่ีเป็นสตางค์รวมกับจำนวนเงินที่เปน็ สตางค์โดยให้บวกจำนวนที่เป็น สตางค์ก่อน ถ้าผลบวกของจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ครบ 100 สตางค์ หรือมากกว่า (100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท) ให้นำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงินทเ่ี ปน็ บาท ขั้นตอนท่ี 5 : การประยุกตใ์ ช้ทันที 7. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชัว่ โมงที่ 2 ขัน้ ตอนท่ี 1 : เตรยี มความพรอ้ ม 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ ขน้ั ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ทบทวนการบวกจำนวนเงิน โดยให้นักเรียนฝึกคิดในใจ โดยบอกโจทย์ทีละข้อ นักเรียนคนใด จะตอ้ งใหย้ กมอื ขึ้น เช่น - 5 บาท รวมกับ 12 บาท เป็นเงินเทา่ ใด - 8 บาท รวมกับ 4 บาท 50 สตางค์ เป็นเงนิ เท่าใด - 4 บาท 25 สตางค์ รวมกับ 3 บาท 50 สตางค์ เป็นเงนิ เทา่ ใด 3. ครูให้หาคำตอบจากโจทย์การลบจำนวนเงิน โดยเริ่มจากการลบที่ไม่มีการกระจาย และการลบที่มี การกระจายตามลำดบั โดยใช้การถาม-ตอบ ประกอบการเขยี นแสดงวธิ กี ารหาคำตอบ เช่น มีเงิน 7.75 บาท ใช้ไป 2.25 บาท เหลือเงนิ เท่าใด วธิ ีทำ บาท สตางค์ 7 75 - 2 25 5 50 ตอบ ๕ บาท ๕๐ สตางค์ หรอื ๕.๕๐ บาท
มเี งิน 8.25 บาท ใช้ไป 3.50 บาท เหลือเงินเท่าใด วิธีทำ บาท สตางค์ 7 125 8 25 - 3 50 4 75 ตอบ ๔ บาท ๗๕ สตางค์ หรอื 4.75 บาท ครูใชเ้ งินเหรียญจำลองประกอบการอธบิ าย ดงั น้ี - มเี งนิ 25 สตางค์ เอาออก 50 สตางค์ไม่พอ จึงกระจายเงนิ 8 บาทมา 1 บาท ซึง่ เท่ากบั 100 สตางค์ รวมกบั 25 สตางค์ เป็น 125 สตางค์ แล้วจึงหาผลลบ มเี งิน 3 บาท 50 สตางค์ ใช้ไป 1 บาท 75 สตางค์ เหลือเงินเท่าใด วธิ ที ำ บาท สตางค์ 2 150 3 50 - 1 75 1 75 ตอบ ๑ บาท ๗๕ สตางค์ หรอื 1.75 บาท มเี งนิ 12 บาท ใช้ไป 5.50 บาท เหลือเงินเท่าใด วิธีทำ บาท สตางค์ 11 100 12 0 - 5 50 6 50 ตอบ ๖ บาท ๕๐ สตางค์ หรือ 6.50 บาท ข้ันตอนท่ี 3 : การฝึก 4. ครูให้นักเรียนบอก การลบจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนน้ั ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สอื เรียน ขน้ั ตอนท่ี 4 : การสรุป 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การลบจำนวนเงินให้นำจำนวนเงนิ ที่เป็นบาท ลบด้วยจำนวนเงินที่เป็นบาท และจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ลบด้วยจำนวนเงินที่เป็นสตางค์โดยให้ลบจำนวนที่เป็น สตางค์ก่อน ถ้าจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ของตัวตั้งน้อยกว่าตัวลบให้กระจายจำนวนเงินที่เป็นบาทมา 1 บาท ซ่ึง เท่ากบั 100 สตางค์ นำไปรวมกับจำนวนเงนิ ที่เป็นสตางคข์ องตวั ตัง้ แล้วจงึ ลบ ขั้นตอนที่ 5 : การประยกุ ตใ์ ช้ทนั ที 6. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท.
8. การวัดและประเมินผล การวัดผล 1. สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน 2. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. 3. สงั เกตการทำงาน การประเมินผล 1. ถอื เกณฑ์ผ่านจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรับผูท้ ี่ไดร้ ะดับคุณภาพต้ังแต่ 2 ขึน้ ไป 2. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรบั ผ้ทู ี่ทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดับคณุ ภาพต้ังแต่ 2 ข้นึ ไป 3. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรบั ผทู้ ่ีทำงานได้ระดับคุณภาพตงั้ แต่ 2 ขึน้ ไป 9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. 2. โจทยก์ ารบวกและลบ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 13 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 13 เงินและบันทกึ รายรับรายจ่าย เวลา 2 ช่ัวโมง เรอื่ งการคณู และหารจำนวนเงนิ 1. สาระสำคัญ การคูณจำนวนเงินให้นำจำนวนเงินที่เป็นบาท และจำนวนเงินที่เปน็ สตางคค์ ูณดว้ ยตัวคณู โดยให้คูณจำนวน ท่ีเปน็ สตางค์ก่อน ถา้ ผลคณู ของจำนวนเงินที่เป็นสตางค์ครบ 100 สตางค์ หรอื มากกวา่ ซึ่ง 100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท ใหน้ ำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงินทเ่ี ป็นบาท การหารจำนวนเงินให้นำจำนวนเงินท่ีเปน็ บาท และจำนวนเงิน ทเ่ี ป็นสตางคห์ ารดว้ ยตวั หาร โดยใหห้ ารจำนวนที่เป็นบาทก่อน 2. ตัวชวี้ ดั ค 2.1 ป.3/1 : แสดงวิธหี าคำตอบของโจทย์ปญั หาเกย่ี วกบั เงนิ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1.บอกวิธีหาผลคณู และหารเก่ียวกับจำนวนเงินท่กี ำหนดให้ได้ (K) 2.หาคำตอบของการคูณและหารเกย่ี วกับจำนวนเงนิ ไดถ้ ูกตอ้ ง (P) 4. สาระการเรยี นรู้ 1.การคณู และหารจำนวนเงนิ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1 ขั้นตอนท่ี 1 : เตรยี มความพรอ้ ม 1. ครูให้นกั เรียนท่องสตู รคูณโดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคณู หลังจากนนั้ ให้ นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ขน้ั ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ทบทวนการลบจำนวนเงิน โดยให้นักเรียนฝึกคิดในใจ โดยบอกโจทย์ทีละข้อ นักเรียนคนใดจะต้องให้ ยกมอื ข้ึน เชน่ - 12 บาท ใช้ไป 7 บาท เปน็ เงนิ เทา่ ใด - 8 บาท ใช้ไป 4 บาท 50 สตางค์ เปน็ เงนิ เท่าใด - 4 บาท 25 สตางค์ ใชไ้ ป 3 บาท 50 สตางค์ เปน็ เงนิ เทา่ ใด ครูใหห้ าคำตอบจากโจทย์การคณู จำนวนเงิน โดยใช้การถาม-ตอบประกอบการเขียนแสดงวธิ กี ารหาคำตอบ เชน่ 3 เทา่ ของเงนิ 7.25 บาท เป็นเงินเท่าใด
วธิ ที ำ บาท สตางค์ 7 25 × 3 21 75 ตอบ ๒๑ บาท ๗๕ สตางค์ หรอื ๒๑.๗๕ บาท 4 เท่าของเงิน 5.50 บาท เป็นเงินเทา่ ใด วธิ ที ำ บาท สตางค์ × 5 50 4 20 200 22 00 ตอบ ๒๒ บาท หรอื ๒๒.๐๐ บาท 7 เทา่ ของเงนิ มีเงิน 3 บาท 50 สตางค์ เปน็ เงินเท่าใด วธิ ที ำ บาท สตางค์ 3 50 × 7 21 350 24 50 ตอบ ๒๔ บาท ๕๐ สตางค์ หรอื ๒๔.๕๐ บาท 5 เท่า ของเงิน 9 บาท 75 สตางค์ เป็นเงินเทา่ ใด วธิ ีทำ บาท สตางค์ 9 75 5× 45 375 48 75 ตอบ ๔๘ บาท ๗๕ สตางค์ หรือ ๔๘.๗๕ บาท
ขัน้ ตอนที่ 3 : การฝึก 3. ครูให้นักเรียนบอก การคูณจำนวนเงิน เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น ขั้นตอนที่ 4 : การสรปุ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ สิง่ ที่ได้เรียนรูร้ ่วมกัน ดังนี้ การคูณจำนวนเงินให้นำจำนวนเงินท่ีเปน็ บาท และจำนวนเงินที่เป็นสตางค์คูณด้วยตัวคูณ โดยให้คูณจำนวนที่เป็นสตางค์ก่อน ถ้าผลคูณของจำนวนเงินที่เป็น สตางค์ครบ 100 สตางค์ หรือมากกว่า ซึ่ง 100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท ให้นำ 1 บาท ไปรวมกับจำนวนเงินที่เป็น บาท ขน้ั ตอนท่ี 5 : การประยกุ ตใ์ ชท้ นั ที 5. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชัว่ โมงที่ 2 ข้นั ตอนท่ี 1 : เตรียมความพรอ้ ม 1. ครูให้นักเรยี นท่องสูตรคณู โดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จากนั้นให้ นักเรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ ขน้ั ตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ทบทวนการคูณจำนวนเงนิ โดยให้นักเรียนฝึกคดิ ในใจ โดยบอกโจทย์ทลี ะขอ้ นกั เรยี นคนใดจะต้องให้ ยกมือขึน้ เช่น - 5 เทา่ ของเงนิ 10 บาท เปน็ เงินเทา่ ใด - 8 เท่าของเงิน 4 บาท 50 สตางค์ เปน็ เงินเท่าใด - 7 เท่าของเงนิ 3 บาท 25 สตางค์ เป็นเงินเท่าใด 3. ครูให้หาคำตอบจากโจทยก์ ารหารจำนวนเงนิ โดยใชก้ ารถาม-ตอบประกอบการเขียนแสดงวิธีการหา คำตอบ เช่น เงิน 7.50 บาท แบ่งเปน็ 5 ส่วน จะไดส้ ว่ นละเท่าใด วธิ ที ำ บาท สต25า0งค์ 57 1 50 ตอบ ๑ บาท ๕๐ สตางค์ หรือ ๑.๕๐ บาท เงนิ 33.75 บาท แบง่ เปน็ 9 ส่วน จะไดส้ ว่ นละเทา่ ใด วิธที ำ บาท สต67า5งค์ 9 33 3 75 ตอบ ๑ บาท ๕๐ สตางค์ หรือ ๑.๕๐ บาท
Search