บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนวดั พืชนมิ ิต (คำสวสั ด์ิราษฎรบ์ ำรงุ ) ท่ี……………………วันที่ ………… เดือน …………………….. พ.ศ.2563 เร่ือง ขออนญุ าตใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คำสวสั ดิ์ราษฎร์บำรุง) ด้วยข้าพเจ้า นางสาวจิระพันธุ์ ปากวิเศษ ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์ บำรุง) ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่การสอน รายวิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค13101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 บัดนี้ ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั การพัฒนาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งแนบเอกสาร หนว่ ยการเรยี นท่ี 6 ช่ือหนว่ ยแผนภมู ริ ูปภาพและตารางทางเดียว เวลาเรยี น 7 ชัว่ โมง มาพรอ้ มกับเอกสารนี้ จึงเรยี นมาเพื่อโปรดทราบ ลงชื่อ (นางสาวจิระพันธุ์ ปากวเิ ศษ) ตำแหน่ง ครู ลงชอื่ (นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน อนุญาต ไมอ่ นุญาต เพราะ .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ .............................. ............................................................................................................ .................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ( นางสาวกนั ยาภทั ร ภัทรโสตถิ ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คำสวสั ดร์ิ าษฎรบ์ ำรงุ ) ............./................../.............
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรื่องแผนภมู ริ ปู ภาพและตารางทางเดยี ว ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 รายวิชาคณติ ศาสตร์ รหสั ค13101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ครผู สู้ อน นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวเิ ศษ โรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดิ์ราษฎร์บำรงุ ) สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต 1 สำนักานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นึ พืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คำอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน ค๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง ศึกษาการอ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ เปรียบเทียบและเรียงลำดับจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ หาค่าของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวก การลบของจำนวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์ แสดงการคูณของจำนวน ๑ หลกั กับจำนวนไมเ่ กิน ๔ หลัก และจำนวน ๒ หลักกับจำนวน ๒ หลัก หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการหารที่ตัวตั้งไม่เกิน ๔ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก หาผลลพั ธก์ ารบวก ลบ คณู หารระคนของจำนวนนบั ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทย์ ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจำนวนนับไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐บอก อ่าน และเขียนเศษส่วนแสดงปริมาณส่งิ ต่าง ๆ และแสดงสิง่ ต่าง ๆ ตามเศษส่วนที่กำหนด เปรียบเทียบเศษส่วนทีต่ วั เศษเท่ากันโดยท่ีที่ตัวเศษนอ้ ยกว่าหรอื เทา่ กบั ตวั สว่ น หาผลบวกของเศษสว่ นทม่ี ีตวั ส่วนเทา่ กนั และผลบวกไม่เกิน ๑ และหาผลลบของเศษสว่ นท่ีมีตัว ส่วนเท่ากัน แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน และผลบวกไม่เกิน๑ และ โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวสว่ นเท่ากันระบุจำนวนที่หายไปในแบบรูปของ จำนวนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงที ละเทา่ ๆ กนั เลือกใช้เครือ่ งมอื วัดความยาวท่เี หมาะสม วดั และบอกความยาวของสิง่ ตา่ ง ๆเปน็ เซนติเมตรและ มิลลิเมตร เมตร และเซนติเมตร คาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร เปรียบเทียบความยาวระหว่าง เซนติเมตรกับมิลลิเมตร เมตรกับเซนติเมตร กิโลเมตรกับเมตร จากสถานการณ์ต่าง ๆ เลือกใช้เครื่องชั่งที่ เหมาะสม วัดและบอกน้ำหนักเป็นกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม คาดคะเนน้ำหนักเป็นกิโลกรัมและเป็น ขีด เปรียบเทียบน้ำหนักระหว่างกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันเป็นกิโลกรัม จากสถานการณ์ต่าง ๆ ระบุรูป เรขาคณิตสองมิติที่มีแกนสมมาตรและจำนวนแกนสมมาตร เขียนแผนภูมิ และใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพใน การหาคำตอบของโจทย์ปัญหา และเขียนตารางทางเดียวจากข้อมูลที่เป็นจำนวนนับ และใช้ข้อมูลจากตาราง ทางเดียวในการหาคำตอบของโจทย์ปัญหาแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวเงิน ของโจทย์ปัญหา เกยี่ วกับเวลา ระยะเวลา ความยาว ทม่ี ีหนว่ ยเปน็ เซนติเมตรและมิลลเิ มตร เมตรและเซนตเิ มตร กิโลเมตรและ เมตร และแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักที่มีหน่วยเป็นกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับ กิโลกรัม โดยการจัดประสบการณ์หรือการสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดยปฎิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพอื่ พฒั นาทกั ษะการคิดคำนวณ และทกั ษะการแกป้ ญั หา การให้เหตผุ ล การสือ่ สารและ การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณ์ความรู้ ความคิด ทักษะและกระบวนการที่ได้ไปใช้ใน การเรียนรู้ส่ิงตา่ งๆ และใช้ในชวี ิตประจำวนั อย่างสรา้ งสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่า และมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ และมคี วามเชอื่ มนั่ ในตนเอง รหสั ตวั ช้ีวัด ค ๑.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙ ป.๓/๑๐ ป.๓/๑๑ ค ๑.๒ ป.๓/๑ ค ๒.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙ ป.๓/๑๐ ป.๓/๑๑ ป.๓/๑๒ ป.๓/๑๓ ค ๒.๒ ป.๓/๑ ค ๓.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ รวมทง้ั หมด ๒๘ ตัวช้ีวัด
หน่วยท่ี มฐ ตัวช้ีวัด ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร/ออ รหัส ค13101 วิชาคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถ ครูผสู้ อน นางสาวจริ ะพ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 6 ค ป.3/1 : เขยี นแผนภูมริ ปู ภาพ และใช้ 1.บอกวิธีการเก็บรวบรวม แผนภมู ิ 3.1 ขอ้ มูลจากแผนภมู ิรูปภาพในการหา ข้อมูลและจำแนกขอ้ มลู ได้ (K) รูปภาพและ 2. เ ก ็ บ ร ว บ ร ว ม ข ้ อ ม ู ล แ ล ะ คำตอบของโจทยป์ ัญหา ตารางทาง จำแนกข้อมูลได้อย่างถูกต้อง เดยี ว (P) 1.บอกวิธีการอ่านแผนภูมิ รปู ภาพได้ (K) 2.อ่านแผนภูมิรูปภาพตามที่ กำหนดให้ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P) 1.เขยี นแผนภูมริ ูปภาพได้ (K) 2.เขียนแผนภูมิรูปภาพได้ ถกู ต้อง (P) ค 3.1 ป.3/2 :เขียนตารางทางเดียวจาก 1.บอกวิธีการอ่านตารางทาง ข้อมูลที่เปน็ จำนวนนับ และใชข้ อ้ มลู เดียวไดไ้ ด้ (K) จากตารางทางเดยี วในการหาคำตอบ 2.อ่านตารางทางเดียวได้ ของโจทยป์ ญั หา ถกู ตอ้ ง (P) 1.บอกวิธีการเขียนตารางทาง เดียวได้ (K) 2.เขียนตารางทางเดียวได้ ถูกตอ้ ง (P)
อกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ วดั ผล/ เวลา ถมศกึ ษาปที ี่ 3 ปีการศกึ ษา 2563 ประเมนิ เรียน พนั ธ์ุ ปากวิเศษ สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ช้ินงาน สื่อการสอน /ภาระงาน 1.การเกบ็ รวบรวม อธบิ าย - 1.ใบรายช่ือ 1.ทดสอบ 2 ขอ้ มูลและจำแนก นกั เรยี นใน (กอ่ นเรยี น) ข้อมูล ห้อง 2.ตรวจ แบบฝึกหดั 1.การอา่ นแผนภมู ิ 1.แผนภูมิ 1.แผนภมู ิ 1.ตรวจ 2 รปู ภาพ รูปภาพ แสดงจำนวน แบบฝึกหัด 1 1.การเขยี นแผนภูมิ สัตวเ์ ล้ยี งแต่ 2.ตรวจ รูปภาพ ละชนดิ การทำงาน 1.การอา่ นตารางทาง - 1.แผนภูมิ 1.ตรวจ เดียว แสดงจำนวน แบบฝกึ หดั ผลไม้ - 1.ตารางทาง 1.ตรวจ 1 เดียว แบบฝึกหัด 1.การเขยี นตารางทาง - 1.ภาพผลไม้ 1.ทดสอบ 1 เดยี ว ต่างๆ (หลังเรียน) 2.ตรวจ แบบฝึกหดั
โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ด์ิราษฎรบ์ ำรุง) โครงการสอนปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ รายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค๑๓๑๐๑ ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลาเรยี น ๕ ชั่วโมง/สัปดาห์ ครูผ้สู อน นางสาวจริ ะพันธุ์ ปากวเิ ศษ สปั ดาห์ คาบที่ หน่วยการเรยี นร/ู้ เร่อื ง มฐ/ตัวชว้ี ัด ๑-๔ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ จำนวนนบั ไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ ค๑.๑ ป.๓/๑ ๑-๒ การอา่ นและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดง ป.๓/๒ จำนวน ๓-๕ หลกั คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลัก และการเขยี นตวั เลขแสดงจำนวนใน รปู กระจจาำยนวนเตม็ ๖-๘ การเปรยี บเทียบจำนวน ๙-๑๐ การเรียงลำดบั จำนวน ๑๑-๑๔ แบบรูปของจำนวนทเ่ี พ่ิมขึ้น ๑๕-๑๘ แบบรปู ของจำนวนทีล่ ดลง ๔-๗ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ การบวก และลบจำนวนทมี่ ผี ลบวกไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ค ๑.๑ ป.๓/๕ ๑-๒ การบวกจำนวนสองจำนวนท่ีมีผลบวกไม่เกิน ๑,๐๐๐ ไมม่ ีทดและ มตี ัวทด ๓-๔ การบวกจำนวนสองจำนวนท่ีมีผลบวกไมเ่ กนิ ๑๐,๐๐๐ ไมม่ ที ดและ มีตัวทด ๕-๖ การบวกจำนวนสองจำนวนที่มีผลบวกไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ไม่มีทดและมี ตวั ทด ๗-๘ การบวกจำนวนสามจำนวนท่ีมผี ลบวกไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ ๙-๑๐ การลบจำนวนสองจำนวนทีม่ ีตัวตั้งไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ ไมม่ ีการกระจายและ มีการกระจาย ๑๑-๑๒ การลบจำนวนสองจำนวนท่มี ีตัวต้งั ไมเ่ กนิ ๑๐,๐๐๐ ไม่มีการกระจาย และมีการกระจาย ๑๓-๑๔ การลบจำนวนสองจำนวนที่มีตวั ตง้ั ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ไม่มกี ารกระจาย และมกี ารกระจาย ๑๕-๑๖ การลบจำนวนสามจำนวนท่ีมีตัวต้งั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ ๑๗-๑๘ การหาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวกและ การลบ ๘-๙ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ โจทย์ปัญหาการบวก และลบจำนวนทม่ี ผี ลบวกไมเ่ กิน ค๑.๑ ป.๓/๙ ๑๐๐,๐๐๐ ๑-๒ วิเคราะห์และแสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหา ไมเ่ ๓กนิ ๑๐ก๐า,ร๐แ๐ส๐ดงวธิ ีทำโจทย์ปัญหาการบวก ๔-๕ การวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หาการลบและหาคำตอบ ๖ ห การแสดงวิธที ำโจทย์ปญั หาการลบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ โจทยป์ ญั หาการบวก และลบจำนวนทม่ี ผี ลบวกไมเ่ กนิ ค ๒.๑ ป.๓/๑ ๑๐๐,๐๐๐ ค ๒.๒ ป.๓/๑ ๗ การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกจากภาพ ๓/๕ ๘ การสร้างโจทยป์ ัญหาการลบจากภาพ ค ๓.๑ ป.๓/๑ ๙-๑๐ การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกจากประโยคสัญลกั ษณ์ ๑๐-๑๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เวลา ป.๓/๒ ๑-๓ บอกเวลาบนหน้าปดั นาฬกิ าช่วง ๔-๕ การอา่ นและเขียนบอกเวลาทีมีมหพั ภาค (.) หรอื ทวิภาค (:) ค ๑.๑ ป.๓/๓ ๖-๘ การบอกระยะเวลาเป็นชวั่ โมงและนาที ป.๓/๔ ๙-๑๐ การเปรยี บเทียบระยะเวลา ป.๓/๑๐ ๑๑-๑๔ โจทย์ปัญหาการบวกเก่ียวกับเวลาและระยะเวลา ป.๓/๑๑ ๑๕-๑๖ การอา่ นและเขียนบนั ทกึ กิจกรรมท่รี ะบเุ วลา ๑๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ รปู เรขาคณิต ค ๑.๑ ป.๓/๖ ๑-๒ รปู เรขาคณติ สองมิติทม่ี ีแกนสมมาตร ป.๓/๙ ๓-๕ การประยุกต์ใช้รปู ทมี่ ีแกนสมมาตร ๑๔-๑๕ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ แผนภมู ิรูปภาพและตารางทางเดียว ๑-๒ การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล ไม๓่เก-๔นิ ๑๐ก๐า,ร๐อ๐่า๐นแผนภมู ิรูปภาพ ๕ การเขยี นแผนภูมริ ปู ภาพ ๖ การอ่านตารางทางเดียว ๗ การเขยี นตารางทางเดยี ว ๑๕-๑๗ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๗ เศษสว่ น ๑-๒ การอ่านและการเขยี นเศษส่วนท่ีตัวเศษน้อยกว่าหรอื เท่ากับตัวสว่ น ๓-๔ การเปรยี บเทียบและเรยี งลำดับเศษส่วนท่มี ตี ัวสว่ นเท่ากนั ๕-๖ การเปรยี บเทียบและเรยี งลำดับเศษส่วนทีม่ ีตวั เศษเทา่ กนั ๗-๘ การบวกเศษส่วนทมี่ ตี วั ส่วนเท่ากัน ๙-๑๐ การลบเศษส่วนทมี่ ีตวั สว่ นเท่ากนั ๑๑-๑๓ โจทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วนทม่ี ีตวั ส่วนเท่ากัน ๑๔-๑๖ โจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นทม่ี ีตัวสว่ นเทา่ กนั ๑๘-๒๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๘ การคูณ ไม่เ๑กิน ๑๐ก๐า,ร๐ค๐ณู ๐จำนวนหนงึ่ หลักกบั จำนวนสองหลัก ๒ การคณู จำนวนหนึ่งหลกั กบั 100, 200, 300, ..., 900 ๓ การคณู จำนวนหนึ่งหลกั กบั 1,000, 2,000, 3,000, ..., 9,000 ๔ การคูณจำนวนที่มหี น่ึงหลกั กับจำนวนสามหลัก (ไม่มกี ารทด)
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๘ การคูณ ๑๑๑๑,ป.๓/๒ ๕-๖ การคณู จำนวนที่มหี นง่ึ หลักกับจำนวนสามหลัก (มกี ารทด) ค ๑.๑ ป.๓/๗ ๗-๘ การคณู จำนวนที่มีหน่งึ หลักกับจำนวนสีห่ ลกั ป.๓/๙ ๙-๑๐ การคูณจำนวนท่ีมีสองหลักกับจำนวนสองหลกั ๑๑-๑๒ การหาคา่ ของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณ ค 2.๑ ป.๓/๓ ๑๓-๑๔ การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการคูณและหาคำตอบ ป.๓/๔ ๑๕-๑๖ การแสดงวิธีทำโจทยป์ ัญหาการคณู ป.๓/๕ ๑๗-๑๘ การสร้างโจทย์ปัญหาการคณู จากภาพและประโยคสญั ลักษณ์ ป.๓/๖ ๒๑-๒๔ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๙ การหาร ๑-๒ การหารทต่ี วั ตั้งสองหลกั ตวั หารหนึ่งหลักโดยการหารยาว ๓-๔ การหารที่ตวั ตั้งสามหลัก ตวั หารหน่ึงหลกั โดยการหารยาว ๕-๖ การหารทีต่ ัวตั้งสี่หลกั ตัวหารหนงึ่ หลกั โดยการหารยาว ๗-๘ การหารทต่ี วั ตงั้ สองหลกั ตัวหารหนึง่ หลกั โดยการหารส้ัน ๙-๑๐ การหารทต่ี วั ตงั้ สามหลัก ตวั หารหน่งึ หลกั โดยการหารสนั้ ๑๑-๑๒ การหารท่ตี ัวตง้ั สี่หลัก ตวั หารหนึง่ หลักโดยการหารสั้น ๑๓-๑๔ การหาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการหาร ๑๕ การวิเคราะหโ์ จทยป์ ัญหาการหารและหาคำตอบ ๑๖ การแสดงวธิ ที ำโจทยป์ ัญหาการหาร ๑๗ การสร้างโจทยป์ ญั หาการหารจากภาพและประโยคสัญลักษณ์ ๒๕-๒๘ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๐ การวัดความยาว ๑ การวดั ความยาวเปน็ เซนติเมตรและมลิ ลิเมตร ๒ การวดั ความยาวเปน็ เมตรและเซนติเมตร ๓ การวัดความยาวเปน็ กิโลเมตรและเมตร ๔ การเลอื กเครื่องวัดความยาวที่เหมาะสม ๕-๖ การคาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ๗ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งหน่วยความยาว ๘ การเปรยี บเทยี บความยาวโดยใชค้ วามสัมพันธร์ ะหว่างเซนติเมตรและ มิลลิเมตร ๙ การเปรียบเทียบความยาวโดยใช้ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเมตรและ เซนตเิ มตร ๑๐ การบวกและการลบเกีย่ วกับความยาวเป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร ๑๑ การบวกและการลบเก่ียวกบั ความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ๑๒ การบวกและการลบเกี่ยวกับความยาวเปน็ กโิ ลเมตรและเมตร
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑๐ การวัดความยาว ค ๒.๑ ป.๓/๗ ๑๓-๑๔ การคูณและการหารเกยี่ วกบั ความยาวเป็นเซนตเิ มตรและมิลลเิ มตร ป.๓/๘ ๑๕-๑๖ การคณู และการหารเก่ยี วกับความยาวเป็นเมตรและเซนตเิ มตร ป.๓/๙ ๑๗-๑๘ การคูณและการหารเกยี่ วกบั ความยาวเป็นกโิ ลเมตรและเมตร ป.๓/๑๐ ๑๙ โจทยป์ ญั หาการบวกเก่ยี วกับความยาว ๒๙-๓๑ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑๑ การวัดน้ำหนกั ค ๒.๑ ป.๓/๑๑ ๑-๒ การวดั น้ำหนกั เป็นกโิ ลกรัมและขีด กโิ ลกรัมและกรมั ป.๓/๑๒ ป.๓/๑๓ ๓ การเลอื กเครื่องชง่ั ที่เหมาะสม ๔ การคาดคะเนน้ำหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ค ๒.๑ ป.๓/๑ ๕ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งหน่วยน้ำหนัก ๖-๗ การเปรยี บเทียบน้ำหนัก ๘ การบวกเกยี่ วกับน้ำหนัก ๙ การลบเกีย่ วกบั นำ้ หนัก ๑๐ การคูณเกย่ี วกบั น้ำหนัก ๑๑ การหารเก่ยี วกบั น้ำหนัก ๑๒-๑๓ โจทยป์ ัญหาการบวกและลบเกย่ี วกับนำ้ หนัก ๑๔-๑๕ โจทยป์ ญั หาการคูณและหารเกย่ี วกับนำ้ หนกั ๓๒-๓๕ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ การวัดปริมาตร ๑-๒ การวดั ปรมิ าตรและความจุเป็นลติ รและมิลลลิ ิตร ๓ การเลอื กเครอื่ งตวงท่เี หมาะสม ๔-๕ การคาดคะเนปริมาตรเป็นลติ ร ๖ ความสมั พนั ธ์ระหว่างหน่วยปรมิ าตร ๗-๘ การเปรยี บเทยี บปริมาตรและความจุ ๙ การบวกเกยี่ วกับปริมาตรและความจุ ๑๐ การลบเก่ียวกับปริมาตรและความจุ ๑๑ การคูณ เกี่ยวกบั ปริมาตรและความจุ ๑๒ การหาร เกยี่ วกบั ปรมิ าตรและความจุ ๑๓ โจทย์ปัญหาการบวกเกยี่ วกับปรมิ าตรและความจุ ๑๔ โจทยป์ ัญหาการลบเกย่ี วกับปริมาตรและความจุ ๑๕ โจทย์ปญั หาการคูณเกี่ยวกบั ปริมาตรและความจุ ๑๖ โจทย์ปัญหาการหารเก่ียวกับปริมาตรและความจุ ๓๕-๓๗ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑๓ เงนิ และการบนั ทกึ รายรับรายจ่าย ๑ การบอกจำนวนเงนิ และเขียนแสดงจำนวนเงนิ แบบใชจ้ ุด ๒ การเปรยี บเทียบจำนวนเงนิ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๓ เงินและการบนั ทกึ รายรับรายจ่าย ค ๑.๑ ป.๓/๘ ๓ การแลกเงนิ ป.๓/๙ ๔-๕ การบวกและการลบจำนวนเงิน ๖-๗ การคูณและการหารจำนวนเงิน ๘-๑๑ โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั เงิน ๑๒-๑๓ การอ่านและการเขยี นบันทึกรายรับ รายจ่าย ๓๘-๓๙ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๔ การบวกลบคูณหารระคน ๑-๓ การหาผลลพั ธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคน ๔ สถานการณ์การบวกและการลบ 2 ข้ันตอน ๕ สถานการณ์การคูณและการหาร 2 ข้นั ตอน ๖ สถานการณ์การบวก การลบ การคูณ และการหาร 2 ข้นั ตอน ๗-๘ โจทยป์ ัญหาการบวกและการลบ 2 ขน้ั ตอน ๙-๑๐ โจทยป์ ญั หาการคูณและการหาร 2 ข้นั ตอน ๑๑-๑๒ โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคณู และการหาร 2 ขั้นตอน ๔๐ สอบปลายภาค ๑ ทบทวนบทเรียน ๒ ทบทวนบทเรยี น ๓ สอบปลายภาค ๔ สอบปลายภาค
เทคนคิ /กระบวนการ/ วิธีการสอน การจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม เพื่อเป็นการกระตุ้นสมอง ตามหลักการทำงานของสมอง เมื่อมีการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างมีความสขุ สมองจะหลั่งสารเคมที ี่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งสารนี้มีความสำคัญมาก ช่วยให้มีจิตใจท่ี สงบและเกิดสมาธิ ซึ่งจะแตกต่างจาก เอนดอร์ฟิน (Endorphin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่จะช่วยให้มีความสุขและ สนุกสนาน ซึ่งขั้นตอนนี้นับว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ว่า ทุกชั่วโมงที่ครูเข้าสอน ครูจะต้อง Warm Up กอ่ นเสมอ โดยใชเ้ วลาไม่เกนิ 5 นาที ข้นั ตอนท่ี 2 : เรยี นรู้ ในข้ันตอนนจ้ี ะคำนึงถึงหลกั การทำงานของสมองท่วี ่า “เรยี นรู้จากงา่ ยไปหายาก เรียนรู้จาก ของจริง และจากการสัมผัส” จากการศึกษาทางประสาทวิทยาศาสตร์พบว่า “มือ” เป็นอวัยวะที่มีประสาทสัมผัสที่ส่งผล ต่อการเรียนรู้ได้ดีที่สุด รองลงมาคือ “ปาก” นั่นก็หมายถึง ต้องให้เด็กพูด หรือสื่อสาร การสื่อสารจะช่วยให้เด็กสามารถ เชื่อมโยงเรื่องได้ ดังนั้น การออกแบบรูปแบบการสอน สื่อการสอน คุณครูต้องคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองอย่างมาก การเรยี นการสอนจงึ จะประสบความสำเร็จ ในขั้นตอนท่ี 2 น้ี มีขั้นตอนย่อยทสี่ ำคัญหนึง่ คอื “การสรุปในแตล่ ะชั่วโมง” ทาง โรงเรียนได้สนับสนุนให้มีการฝึกอบรม Graphic Organizer ให้แก่คุณครูทุกกลุ่มสาระ ตลอดจนหนังสือที่เกี่ยวข้องจาก ตา่ งประเทศ เพือ่ ให้คณุ ครใู ช้เปน็ เครอื่ งมือในการสรปุ ทีช่ ่วยให้เด็กเกดิ ความสนุก เกดิ การเรียนรู้ และจดจำได้งา่ ยขึน้ ขั้นตอนท่ี 3 : ขัน้ การฝึก ขน้ั น้จี ะสอดคล้องกับหลกั การทำงานของสมองที่ว่า “สมองจะจดจำได้ดีนำไปสู่ความจำ ระยะยาว (Long-term Memory) ต้องผา่ นกระบวนการฝึกซำ้ ๆ” คำวา่ “ซำ้ ๆ” ในทน่ี ้ไี มไ่ ด้หมายถึง การทำโจทย์เดิมซ้ำๆ แต่หมายถึงการใช้หลักการ เช่น หลักการบวก ก็นำไปใช้กับการบวกที่แตกต่างกันออกไปในโจทย์ คุณครูจึงจำเป็นต้อง ออกแบบใบงานที่แตกต่างออกไป เพ่อื ให้นักเรียนได้ฝกึ ฝนเรอื่ ยๆ ขั้นตอนที่ 4 : ขั้นการสรุป ขั้นนี้เป็นการสรุปเมื่อจบบทเรียนหรือหน่วย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนที่ 2 ซึ่งเป็นการ สรุปในแต่ละชั่วโมง ในขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย โดยใช้ Graphic Organizer ฝึกให้นักเรียนเชื่อมโยง ความรภู้ ายในบทเรยี น สอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองทว่ี า่ “สมองเรยี นรู้เป็นองคร์ วม” ซ่ึงขน้ั ตอนน้ีมีความสำคัญ ตอ่ เด็กมาก และเป็นข้ันตอนที่คอ่ นขา้ งยาก ครูเองก็จำเป็นต้องฝึกฝนบ่อยๆ เชน่ กนั ขั้นตอนที่ 5 : ขั้นการประยุกต์ใช้ทันทีทันใด การที่เด็กเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นั้น ทำให้เกิดการ เรียนรูไ้ ด้ถงึ ร้อยละ 90 ดังนั้น เมื่อจบบทเรยี น คุณครูต้องคิด ต้องออกแบบ เชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย นำข้อสอบมาให้เดก็ ทดลองทำ การวดั และประเมินผล วธิ ีการเกบ็ คะแนน คะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 โดยแบ่งดงั นี้ เรือ่ งท่ีเก็บคะแนน คะแนน ประเภทเครื่องมือ 1.คะแนนเกบ็ กอ่ นกลางปี 25 1.1 ผลงานนกั เรยี น 15 สมดุ แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ช้นิ งาน 1.2 ทดสอบหลงั เรียน 10 แบบทดสอบหลังเรยี น 2. สอบกลางปี 20 แบบทดสอบ 3.คะแนนหลงั กลางปี 25 3.1 ผลงานนักเรยี น 15 สมุด แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ช้ินงาน 3.2 ทดสอบหลังเรยี น 10 แบบทดสอบหลงั เรียน 4.สอบปลายปี 30 รวม 100 ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ - สอื่ ประจำหนว่ ยการจดั การเรียนรู้ - หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ และแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท
แผนผงั มโนทศั น์เป้าหมายการเรยี นร/ู้ หลกั ฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทักษะ/กระบวนการ(Process: P) คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1.บอกวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลและ 1.เก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนก จำแนกขอ้ มลู ได้ (K) ข้อมูลได้อย่างถูกตอ้ ง (P) 1. ซอื่ สตั ย์สจุ รติ 2.บอกวิธีการอ่านแผนภูมิรูปภาพได้ 2. อ่ า น แ ผ น ภ ู ม ิ ร ู ป ภ า พ ต า ม ที่ 2. มีวินยั (K) กำหนดให้ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (P) 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 3.เขยี นแผนภูมิรูปภาพได้ (K) 3.เขยี นแผนภูมิรปู ภาพไดถ้ กู ต้อง (P) 4. มุ่งม่ันในการทำงาน 4.บอกวิธีการอ่านตารางทางเดียวได้ 4.อ่านตารางทางเดยี วได้ถกู ตอ้ ง (P) 5. มีจติ สาธารณะ ได้ (K) 5.เขยี นตารางทางเดียวได้ถูกต้อง (P) 5.บอกวิธีการเขียนตารางทางเดียวได้ (K) เป้าหมายการเรยี น เรอ่ื งแผนภูมริ ูปภาพและตารางทางเดียว หลกั ฐานการเรยี นรู้ สร้างแผนภมู ิรปู ภาพ
แผนผงั มโนทศั น์ข้นั ตอนการทำกิจกรรมประกอบการจดั การเรยี นร้ดู ้วย การสอนตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ศกึ ษามาตรฐานการรเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั และจดุ ประสงคก์ าร เรยี นรู้ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทากิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขนั้ ที่ 1 เตรยี มความพรอ้ ม ขนั้ ท่ี 2 เรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ การฝึ ก ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ การสรปุ ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ การประยุกต์ใช้ทนั ทีทนั ใด ทดสอบหลงั เรยี น (ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60)
ผงั มโนทศั น์ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 แผ หนว่ ยการเ แผนภูมริ ปู ภาพแล จำนวน 7 แผนที่ 1 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล แผนที่ 2 การอา่ แผนท่ี 4 การอา่ นตารางทางเดียว แผนท่ี 5 การเขยี การเรียนร้แู บ ภาษาไทย 1.ฟังแสดงความคดิ เหน็ 2.พดู แสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามอ่านและสะกดคา 3.การเขยี นสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
ผนภมู ริ ปู ภาพและตารางทางเดียว เรียนร้ทู ี่ 6 ละตารางทางเดยี ว 7 ช่ัวโมง านแผนภูมิรูปภาพ แผนที่ 3 การเขยี นแผนภูมิรูปภาพ ยนตารางทางเดียว บบบูรณาการ ศิลปะ : ทศั นศิลป์ 1. การออกตกแตง่ และออกแบบแผนภมู ริ ปู ภาพ
แผนบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมภี ูมิคุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี 1. ออกแบบการจัดกิจกรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรียนรสู้ ง่ เสริมกระบวนการคิด 1. ศึกษาแนวทางการจดั การเรยี นรูล้ ่วงหนา้ ตวั ชวี้ ัด 2. ใชเ้ ทคนิคการจดั การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย 2. จัดเตรยี มการวดั ผลประเมนิ ผล และแบบ 2. เลอื กส่ือ แหล่งเรยี นรเู้ หมาะสม สงั เกตพฤติกรมนกั เรยี น 3. วดั ผลประเมินผลตรงตามเนอื้ หา เงอ่ื นไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม 1. รจู้ ักเทคนคิ การสอนทีส่ ง่ เสริมกระบวนการคดิ และนกั เรยี น 1. มีความขยนั เสยี สละ และมงุ่ มน่ั ในการจัดหาส่ือมาพฒั นานักเรียน สามารถเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ใหบ้ รรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มีความอดทนเพื่อพฒั นานกั เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนท่ี หลากหลาย นกั เรยี น ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมภี มู ิคมุ้ กนั ในตัวทด่ี ี 1. การใช้เวลาในการทำกจิ กรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทำงานเปน็ กลมุ่ 1. วางแผนการศกึ ษาคน้ คว้าอิสระ ได้อย่างเหมาะสม ทันเวลา 2. ฝกึ กระบวนการแสดงข้ันตอนการหาผลลพั ธ์ 2. นำความรเู้ รื่องแผนภมู ริ ูปภาพ และตาราง 2. เลอื กสมาชิกกลมุ่ ได้เหมาะสมกบั เน้ือหาที่ ทางเดียว ลบไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ เรียนและศกั ยภาพของตน เง่ือนไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม 1. มคี วามรูเ้ รือ่ งแผนภมู ริ ปู ภาพ และตารางทางเดียว ตลอดจนสามารถ 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบ และปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลงของกลุ่ม สรา้ งจดั ทำชนิ้ งาน ไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ 2. มสี ติ มสี มาธชิ ว่ ยเหลือกนั ในการทำงานรว่ มกนั สง่ ผลตอ่ การพฒั นา 4 มติ ิให้ย่ังยืนยอมรบั ต่อการเปล่ียนแปลงในยุคโลกาภิวฒั น์ วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม ความรู้ (K) มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจแผนภูมริ ปู ภาพ และ มคี วามรแู้ ละเขา้ ใจ มคี วามรู้และเขา้ ใจ มคี วามรแู้ ละเข้าใจการ ตารางทางเดยี ว กระบวนการทำงาน เกย่ี วกับ สง่ิ แวดล้อม ช่วยเหลอื แบ่งปนั กลมุ่ และสงิ่ ต่างๆรอบตัว ทักษะ (P) สร้างช้นิ งานแผนภมู ริ ูปภาพ ทำงานไดส้ ำเรจ็ ตาม ใช้แหล่งเรยี นรโู้ ดยไม่ ช่วยเหลือ แบง่ ปนั ซงึ่ เป้าหมาย ด้วย ทำลายส่ิงแวดล้อม กัน และกัน กระบวนการกลมุ่ ค่านยิ ม (A) เห็นประโยชนข์ องเรยี นรู้ เกย่ี วกับแผนภมู ิ เห็นคุณคา่ และ เหน็ คุณคา่ ของการใช้ ปลูกฝงั นสิ ยั การ รูปภาพ และตารางทางเดียว ภาคภมู ใิ จในการ แหลง่ เรียนรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลอื แบ่งปนั ทำงานรว่ มกันได้ ทำลายสงิ่ แวดล้อม สำเรจ็
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา 7 ชั่วโมง เรือ่ งรปู แผนภูมริ ปู ภาพและตารางทางเดียว 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแกป้ ัญหา ตวั ช้ีวัด ป.3/1 : เขยี นแผนภูมริ ูปภาพ และใช้ขอ้ มลู จากแผนภูมริ ปู ภาพในการหาคำตอบของโจทย์ ปญั หา ป.3/2 : เขยี นตารางทางเดยี วจากข้อมลู ท่ีเป็นจำนวนนับ และใชข้ อ้ มลู จากตารางทาง เดยี วในการหาคำตอบของโจทย์ปัญหา 2. สาระสำคญั การเก็บรวบรวมขอ้ มลู สามารถเก็บรวมรวมขอ้ มูลซง่ึ อยใู่ นรปู ข้อความหรือตัวเลขดว้ ยวิธตี ่าง ๆ เชน่ การ สัมภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การสงั เกต และการทดลอง ส่วนการจำแนกขอ้ มลู เปน็ การนำขอ้ มูลมาจัดให้ เป็นหมวดหมู่หรอื เรียงลำดบั ในลกั ษณะต่าง ๆ ตามวัตถุประสงคท์ ่ีจะนำขอ้ มูลไปใช้ จากนั้นจึงนำเสนอข้อมูลใน รปู แบบตา่ ง ๆ การอา่ นแผนภมู ิรปู ภาพ เปน็ การอา่ นข้อมูลจากแผนภมู ิทใ่ี ชร้ ูปภาพแทนจำนวนส่งิ ต่างๆ โดยจะ ระบขุ อ้ กำหนดของรปู ภาพ ซงึ่ ง่ายตอ่ การอา่ นรายละเอยี ดของข้อมูล การเขยี นตารางทางเดียว เปน็ การนำเสนอ ข้อมลู รปู แบบหน่งึ ท่มี กี ารจำแนกขอ้ มลู เพยี ง 1 ลกั ษณะ โดยการอ่านขอ้ มูลจะอ่านตรงจุดตดั แนวตั้งกบั แนวนอน 3. สาระการเรยี นรู้ - การเก็บรวบรวมข้อมลู และจำแนกข้อมลู - การอ่านแผนภมู ิรปู ภาพ - การเขยี นแผนภูมิรปู ภาพ - การอ่านตารางทางเดียว - การเขยี นตารางทางเดียว 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. สรา้ งแผนภมู ิรปู ภาพ
7. การวัดและประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ วิธกี าร แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ตรวจแบบทดสอบก่อน-หลังเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 ตรวจแบบฝกึ หัดหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 แบบฝกึ หดั หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจชนิ้ งานหน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 ชนิ้ งานหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 ระดับคุณภาพ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่ันใน การทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี 1 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจำแนกข้อมูล ชั่วโมงที่ 1 1. ครูให้นกั เรียนทอ่ งสตู รคูณโดยใชแ้ ก้วและตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จากนน้ั ให้ นักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครูสนทนาเรื่องต่างๆ เกย่ี วกับตัวนักเรยี นพร้อมบนั ทกึ ผลบนกระดาน 3. ครจู ัดกิจกรรมเสริมความฉลาดไปกับเยลลี่ โดยนำเยลลคี่ ละสี 1 ถุง มาให้นักเรยี นดูแล้วใหน้ กั เรยี น บอกข้อมูลเกีย่ วกับเยลล่ใี นถุง โดยครอู าจใชค้ ำถามนำ แลว้ เขยี นคำตอบลงบนกระดาน โดยการใหข้ ้อมูลคร้ังนี้ ครู ให้นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกับขอ้ มลู จนไดข้ ้อสรปุ ว่า ข้อมูล หมายถงึ ข้อเท็จจรงิ ของส่ิงที่สนใจ ซงึ่ ได้จาก การเก็บรวบรวม อาจเป็นไปได้ท้งั ข้อความ และตัวเลข และวธิ เี ก็บรวบรวมขอ้ มูล อาจใชว้ ิธีการสงั เกต หรือการ สอบถามก็ได้ 4. ครูแนะนำเพิ่มเตมิ ว่า ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู นน้ั ก่อนเกบ็ ข้อมูล เราควรรู้ว่าต้องการเกบ็ ข้อมลู เก่ยี วกับอะไร ประเดน็ อะไรบ้าง หรอื สนใจจะทราบเก่ียวกบั อะไรบ้างเพอ่ื ท่ีจะได้เก็บข้อมลู ได้ครบถ้วน และไม่ เสยี เวลาไปกับขอ้ มลู ท่เี ราไมต่ อ้ งการ 5. ครูจัดกิจกรรมโดยกำหนดประเดน็ ว่า เราต้องการสำรวจวา่ นักเรียนในหอ้ งเรยี นนช้ี อบดมื่ นมรสใดมาก ที่สุด นมแต่ละรสท่นี ักเรยี นชอบมกี ่คี น เปน็ ต้น ครใู หต้ ัวแทนนกั เรยี นกลุม่ ละ 1 คน ชว่ ยกนั เกบ็ ขอ้ มูลดงั กล่าวด้วย การสอบถาม แลว้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนเลือกระดาษสีคนละ 1 แผน่ ตามรสนมทนี่ กั เรียนชอบมากทส่ี ดุ 6. จากน้ันให้นำกระดาษท่ีเลอื กไว้มาตดิ บนกระดานตามใจชอบ แล้วให้นักเรียนทั้งหมดช่วยกันตอบ คำถาม จากข้อมูลทนี่ ำมาตดิ บนกระดาน 7. ครนู ำสนทนาถึงความไมส่ ะดวกของการใช้ข้อมลู ที่กระจดั กระจายสำหรบั การตอบคำถามดังกลา่ ว แลว้ นำอภิปรายเพือ่ ใหน้ ักเรยี นเห็นว่า ถา้ มีการจดั ข้อมลู ท่เี กบ็ ไดม้ าแยกให้เปน็ หมวดหมู่จะชว่ ยใหก้ ารอ่านขอ้ มลู หรอื ตอบคำถามสะดวกมากยิ่งขึ้น ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกันคิดวธิ จี ัดเรยี งข้อมูล จำแนกหรือจัดประเภทข้อมลู แล้วนำเสนอ ซง่ึ นักเรยี นอาจนำกระดาษสเี ดียวกนั มารวมไว้ดว้ ยกัน หรอื นบั จำนวนแผ่นกระดาษา เพ่ือแสดงจำนวนนกั เรียนท่ี ชอบนมรสต่างๆ 8. ครใู ห้นกั เรียนทำการเก็บรวบรวมขอ้ มูลและจำแนกข้อมูล เม่อื เสร็จแล้วให้นักเรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนนั้ ครแู ละนักเรียนร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรียน 9. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ส่งิ ที่ได้เรียนรู้รว่ มกนั ดงั นี้ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถทำได้
หลากหลายวธิ ี เชน่ การสมั ภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การทดลอง สว่ นการจำแนกข้อมลู เป็นการนำขอ้ มูล มาจดั ใหเ้ ปน็ หมวดหม่หู รอื เรยี งลำดบั ในลกั ษณะตา่ ง ๆ ตามวัตุประสงคท์ เ่ี รานำขอ้ มูลนนั้ ไปใช้ 10. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ชัว่ โมงที่ 2 1. ครใู หน้ กั เรยี นท่องสูตรคณู โดยใชแ้ กว้ และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคณู หลงั จากนัน้ ให้ 2. ครูทบทวนการจำแนกข้อมลู โดยแจกกระดาษแผ่นเลก็ ๆ (1 ใน 4 ของกระดาษ A4) ใหน้ ักเรยี นเขยี น ชื่อกีฬาทน่ี ักเรียนชอบจากชนิดกฬี าตอ่ ไปน้ี คอื ฟตุ บอล วอลเลย์บอล เทเบลิ เทนนิส วา่ ยน้ำ และใหน้ ักเรียนนำมา ติดบนกระดาน (ข้อมลู ทีน่ ักเรยี นติดจะกระจัดกระจาย) 3. ครตู งั้ คำถามถามนักเรยี นว่า นักเรียนในห้องชอบกฬี าชนิดใดมากท่ีสดุ ชอบกฬี าชนดิ ใดน้อยทสี่ ุด มี นกั เรยี นชอบกฬี าฟตุ บอลกค่ี น ซ่งึ นกั เรียนจะตอบคำถามไดช้ า้ หรอื เกดิ ความยุ่งยากในการตอบค ครูถามนกั เรียน วา่ เราควรทำอยา่ งไรจงึ จะตอบคำถามไดเ้ รว็ (จัดขอ้ มลู เป็นกลุ่มๆ โดยนำข้อมูลทเี่ ป็นกฬี าชนดิ เดยี วกนั ติดไว้ใน กลมุ่ เดียวกนั ) 4. ครใู หน้ ักเรียนจำแนกข้อมูลบนกระดานใหม่ ครูตงั้ คำถามให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบอกี ครงั้ เช่น นักเรียน ในห้องชอบกีฬาชนิดใดมากทส่ี ดุ ชอบกีฬาชนิดใดนอ้ ยท่สี ุด มนี ักเรยี นชอบกฬี าฟุตบอลกคี่ น มนี ักเรยี นชอบกฬี า วอลเลย์บอลมากกวา่ หรือน้อยกวา่ วา่ ยน้ำก่ีคน 5. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจำแนกขอ้ มลู เก่ยี วกบั รสไอศกรีมท่ีนักเรยี นชอบมากที่สุด โดยมอบใบรายชอ่ื สำหรบั เกบ็ รวบรวมข้อมูลใหต้ วั แทนนกั เรยี น 2 – 3 คน ช่วยกันสอบถามนกั เรียนทุกคนในช้ัน เรียนเกย่ี วกับรสไอศกรมี ท่ีนกั เรียนชอบมากทสี่ ุดเพยี งรสเดียว แล้วใหเ้ ขียน ✓ ตรงกบั รสไอศกรีมท่ีชอบมากท่ีสดุ พรอ้ มเขยี นสรุปข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ 6. ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลสรปุ ขอ้ มูลทไ่ี ด้ จากน้นั ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ตอบ คำถามต่อไปน้ี 7. ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ 2 กลุ่ม ตวั แทนของแต่ละกลุม่ ออกมาเลอื กสลาก 1 ใบ เพือ่ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจำแนกขอ้ มูล แล้วใหแ้ ต่ละกลมุ่ นำผลการเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูลติดบนกระดาน เพือ่ นำเสนอ พร้อมกับต้ังคำถามให้อกี กลุ่มหน่ึงตอบ กลุ่มละ 2 – 3 คำถาม 8. ครูให้นักเรียนทำการเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรยี น 9. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ สง่ิ ทไ่ี ด้เรียนรู้ร่วมกัน ดังน้ี การเก็บรวบรวมข้อมลู สามารถทำได้ หลากหลายวิธี เช่น การสัมภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การทดลอง สว่ นการจำแนกข้อมลู เปน็ การนำขอ้ มลู มาจดั ให้เป็นหมวดหม่หู รอื เรยี งลำดับในลักษณะต่างๆ ตามวัตปุ ระสงค์ทเ่ี รานำขอ้ มูลนัน้ ไปใช้ 10. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี 2 การอ่านแผนภูมริ ูปภาพ ช่วั โมงท่ี 1 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครตู ง้ั คำถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นวา่ “จากประสบการณ์ท่ผี า่ นมานกั เรยี นพบเหน็ การ นำเสนอขอ้ มูลด้วยวธิ กี ารใดบา้ ง” 3. ครูนำตวั อย่างแผนภูมิรปู ภาพมาให้นักเรยี นดู 3–5 ตวั อยา่ ง โดยตดิ ไว้บนกระดาน ครูใหน้ ักเรียน ชว่ ยกนั พิจารณาส่วนประกอบของแผนภูมริ ูปภาพวา่ ประกอบไปดว้ ยส่วนประกอบอะไรบ้าง 4. ครูตง้ั คำถามวา่ “จากการพิจารณาแผนภมู ริ ูปภาพบนกระดาน แผนภูมิรปู ภาพประกอบไปดว้ ย
ส่วนประกอบอะไรบ้าง” โดยคำตอบตอ้ งไมซ่ ้ำกนั ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง 5. ครตู ดิ แผนภมู ริ ูปภาพ ให้นักเรยี นจบั คู่กนั อภิปรายเก่ียวกับลกั ษณะของแผนภูมิรูปภาพ ส่วนประกอบของ แผนภมู ริ ปู ภาพ และการอา่ นแผนภูมริ ปู ภาพ 6. นกั เรียนอา่ นแผนภมู ิรปู ภาพแสดงลกู บอลท่ีขายได้ในเวลา 5 วนั โดยครแู นะนำวา่ ภาพแตล่ ะภาพแทน ลกู บอล 2 ลูก อ่านแผนภมู ิได้วา่ “วันจันทรข์ ายลูกบอลได้ 4 ลูก วนั อังคารขายลูกบอลได้ 6 ลกู วันพุธขายลูกบอล ได้ 10 ลูก วันพฤหสั บดีขายลูกบอลได้ 12 ลูก วันศุกรข์ ายลูกบอลได้ 2 ลูก” 7. ครูติดแผนภูมิรปู ภาพบนกระดาน 8. ครูให้นักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง โดยใหน้ ักเรยี นตอบคำถาม 9. นักเรยี นอ่านแผนภูมิรูปภาพแสดงจำนวนสัตว์เลยี้ ง โดยครูแนะนำวา่ ภาพแตล่ ะภาพแทนจำนวนสตั ว์ 3 ตัว อา่ นแผนภูมิ 10. ครใู ห้นักเรยี นอ่านแผนภูมริ ูปภาพ เม่ือเสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครู และนักเรียนร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สือ 11. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสิ่งท่ีได้เรยี นรู้รว่ มกนั ดงั นี้ - แผนภูมริ ปู ภาพเปน็ การใชร้ ปู ภาพแสดงจำนวนหรือปรมิ าณของสิง่ ตา่ งๆ โดยรปู ภาพทแ่ี ทนส่ิง เดียวกัน ต้องเปน็ รูปภาพที่เหมือนกนั และมีขนาดเทา่ กัน - จำนวนรูปภาพในแผนภมู ริ ปู ภาพ อาจไมใ่ ช่จำนวนท่ีแทจ้ รงิ ของส่งิ ตา่ งๆ จำนวนทแี่ ทจ้ ริงของส่งิ ตา่ งๆ ข้ึนอยู่กบั ขอ้ กำหนดในแผนภูมแิ ละหาได้จากการนับเพมิ่ หรือนำจำนวนรปู ใน แผนภูมคิ ูณกบั จำนวนรปู ภาพ 1 รปู ที่ใช้แทนตามข้อกำหนด 12. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชว่ั โมงที่ 2 1. ครใู หน้ กั เรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง ๙ ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลังจากน้ันให้ นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรยี น 2. ครูยกตัวอย่างการอา่ นข้อมลู จากแผนภมู ริ ปู ภาพใหน้ ักเรียนดู 3. ให้นกั เรียนบอกรายละเอียดของแผนภูมริ ปู ภาพ เช่น แผนภูมริ ูปภาพท่แี สดงเก่ียวกับอะไร อ่านข้อมลู ไดอ้ ยา่ งไร ฝึกทกั ษะการตัง้ คำถามโดยใหน้ ักเรียนจบั คกู่ บั เพ่ือนต้ังคำถามและหาคำตอบจากแผนภูมริ ปู ภาพท่คี รู กำหนดให้ 4. ครตู ิดแผนภูมิรปู ภาพแสดงจำนวนภาชนะของครบู นกระดาน พร้อมข้อกำหนดรปู ภาพ 1 รปู ภาพ แทน จำนวนภาชนะ 5 ใบ ดังน้ี 5. ครใู ห้นกั เรยี นพจิ ารณาแผนภูมริ ปู ภาพแลว้ ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกบั ส่วนประกอบของแผนภมู ิ จากนน้ั ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันตอบคำถาม 6. ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กล่มุ 4 - 5 คน ทำแผนภมู ริ ปู ภาพทแ่ี ต่ละกลุม่ สนใจ โดยครูแจกรปู ภาพทน่ี กั เรยี น สนใจประกอบการทำแผนภูมริ ปู ภาพ 7. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปสิ่งที่ได้เรียนรูร้ ่วมกัน 8. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท.
กิจกรรมท่ี 3 การเขยี นแผนภูมริ ูปภาพ ชว่ั โมงที่ 1 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบกอ่ นเรียน 2. สนทนากบั นักเรยี นถงึ สที ีน่ ักเรียนชอบ มสี อี ะไรบ้าง สใี ดทค่ี นนิยมมากทสี่ ุด เราจะทราบขอ้ มูลน้โี ดยวธิ ีใด 3. นกั เรียนชว่ ยกนั เก็บรวบรวมข้อมลู เกย่ี วกบั สีท่เี พอื่ นชนั้ ชอบ โดยร่วมกันระดมความคดิ เหน็ ว่า ควรจะ ใชว้ ิธีใดจึงจะเหมาะสม เช่น ถามเพ่อื นทลี ะคนหรือถามพร้อมกัน 4. ครนู ำข้อมูลผลไมท้ ่ีแม่ค้าขายได้ใน 1 วัน ดังน้ี มะม่วง 20 ผล สม้ 40 ผล แอปเปลิ 10 ผล มังคดุ 35 ผล และชมพู่ 25 ผล 5. ครใู หน้ ักเรียนฝกึ วเิ คราะห์ขอ้ มูลและคิดหาแนวทางท่จี ะเขยี นเปน็ แผนภมู ิรปู ภาพ จากนั้นใหช้ ่วยกัน เขียนแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน โดยอภิปรายดว้ ยคำถาม 6. ครแู นะนำการเขียนแผนภูมริ ปู ภาพ โดยกำหนดให้ 1 รูป แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล ครนู ำภาพผลไมท้ ง้ั 5 ชนดิ มาให้นกั เรยี น พร้อมทง้ั อธิบาย ดงั น้ี 7. ครถู ามนกั เรยี นวา่ ถา้ ใช้รปู ภาพแสดงจำนวนผลไม้ ผลไมแ้ ตล่ ะชนดิ แทนด้วยรูปภาพ 8. ครนู ำขอ้ มลู ผลไมท้ แี่ มค่ ้าขายได้ใน 1 วัน เขยี นแสดงเปน็ แผนภมู ริ ปู ภาพบนกระดาน 9. นกั เรยี นอา่ นแผนภูมิรูปภาพแสดงจำนวนผลไม้ทแี่ ม่ค้าขายไดใ้ น 1 วนั โดยครูแนะนำว่าภาพแตล่ ะภาพ แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล อา่ นแผนภมู ิได้ ดงั นี้ “แม่คา้ ขายมะม่วงได้ 20 ผล ขายสม้ ได้ 40 ผล ขายแอปเปิลได้ 10 ผล ขายมังคดุ ได้ 35 ผล และขายชมพู่ได้ 25 ผล” 10. ครูให้นักเรียนเขียนแผนภมู ริ ปู ภาพ เมอื่ เสรจ็ แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้ัน ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สอื เรียน 11. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกนั ดังนี้ การเขียนแผนภูมริ ูปภาพ ถ้าเป็นข้อมลู สิ่ง เดียวกนั รูปภาพท่ใี ช้ต้องเปน็ รูปทเี่ หมือนกนั และมขี นาดเท่ากัน การวางรปู ในแผนภมู ิรูปภาพจะวางตามแนวตงั้ หรอื แนวนอนก็ได้ และการเขียนแผนภูมิรปู ภาพ เป็นเขียนขอ้ มูลโดยใชร้ ปู ภาพแทนจำนวนส่งิ ต่างๆ โดยจะระบุ ขอ้ กำหนดของรูปภาพ ซึ่งง่ายตอ่ การอ่านรายละเอียดของข้อมลู 12. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมท่ี 4 การอา่ นตารางทางเดยี ว ชั่วโมงท่ี 1 1. ครูใหน้ ักเรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แกว้ และตาราง ๙ ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคณู หลงั จากนั้นให้ นกั เรียนคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครูต้ังคำถามกระตุ้นความสนใจนักเรยี นวา่ “จากประสบการณท์ ่ีผา่ นมานกั เรยี นพบเห็นการนำเสนอข้อมูล ดว้ ยวธิ กี ารใดบ้าง” 3. ครนู ำตัวอยา่ งตารางทางเดียวมาให้นักเรียนดู 3 - 5 ตวั อยา่ ง โดยติดไว้บนกระดาน ครใู หน้ กั เรียนช่วยกนั พจิ ารณาสว่ นประกอบของตารางทางเดียววา่ ประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง 4. ครตู ัง้ คำถามแล้วให้ตัวแทนนักเรียนออกมาตอบวา่ “จากการพจิ ารณาตารางทางเดียวบนกระดาน ตาราง ทางเดยี วประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบา้ ง” โดยคำตอบตอ้ งไม่ซ้ำกัน ครูและนกั เรยี นท่ีเหลือร่วมกนั ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง 5. ครตู ิดตารางทางเดียวบนกระดาน แล้วแบง่ นักเรยี นออกเป็น 2 กลมุ่ ให้นกั เรยี นแข่งขนั กันตอบคำถาม โดยมกี ตกิ า
6. ครูถามคำถามกระต้นุ ความคดิ นกั เรียนว่า “สง่ิ สำคัญในการอา่ นตารางทางเดียวคอื อะไร” (จะต้องอ่าน ข้อมูลตรงจุดตดั แนวตง้ั กับแนวนอน) 7. ครูให้นักเรียนอ่านตารางทางเดียว เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนั้นครู และนกั เรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สอื เรียน 8. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ สง่ิ ทีไ่ ด้เรยี นรู้รว่ มกนั ดังนี้ การอ่านตารางทางเดยี วเป็นการอ่านข้อมูลจาก ตารางซงึ่ เป็นการนำเสนอข้อมูลรูปแบบหนง่ึ ท่ีมีการจำแนกขอ้ มูลเพียง 1 ลักษณะ โดยการอา่ นข้อมลู จะอ่านตรง จดุ ตดั แนวตง้ั กบั แนวนอน 9. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ 5 การเขียนตารางทางเดียว ชว่ั โมงที่ 1 1. ครใู หน้ กั เรยี นทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จากน้ันให้ นักเรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครูทบทวนเร่ืองส่วนประกอบของตารางทางเดียว โดยครตู ดิ ตารางทางเดียวบนกระดาน จากน้ันสุ่ม ตัวแทนนกั เรยี นตอบคำถาม วา่ สิ่งทค่ี รชู ี้ คอื ส่วนประกอบใดของตารางทางเดียว โดยครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลย คำตอบ 3. ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนนั้ ครูนำภาพผลไม้ต่างๆ มาวางรวมกันบนโตะ๊ หน้าชน้ั เรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเดินสำรวจแลว้ พจิ ารณาผลไมท้ ีละชนดิ วา่ มผี ลไมช้ นิดใดบ้าง และมจี ำนวนเทา่ ไร 4. ครใู หน้ ักเรยี นเขยี นชือ่ ผลไม้พรอ้ มทัง้ วาดภาพประกอบเพอ่ื แสดงจำนวนผลไม้ท่ีได้สำรวจลงในแบบ บันทึกข้อมลู ตารางที่ 1 เช่น แอปเปลิ กล้วย สม้ มงั คุด มะมว่ ง 5. ครูตั้งคำถามจากตารางแสดงจำนวนผลไม้โดยให้นกั เรยี นร่วมกนั ตอบเพ่ือให้ได้ประเด็นต่างๆ 6. ครูถามนกั เรยี นกระตุ้นความคดิ นักเรียนวา่ ขอ้ มูลท่ีได้มีลกั ษณะอย่างไร (เปน็ ขอ้ ความหรือตวั เลข) 7. ครูให้นกั เรียนกล่มุ เดมิ รว่ มกันพิจารณาสว่ นประกอบของตารางทางเดยี วทคี่ รูตดิ บนกระดานวา่ ประกอบไปด้วยสว่ นประกอบอะไรบา้ ง จากนั้นรว่ มกนั สรุปสว่ นประกอบลงในกระดาษทีค่ รูแจกให้ 8. ครตู ั้งคำถาม โดยใหต้ วั แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาตอบกลุม่ ละ 1 คำตอบ วา่ จากการพจิ ารณา ตารางทางเดยี วบนกระดานมีสว่ นประกอบอะไรบา้ ง โดยคำตอบตอ้ งไมซ่ ำ้ กัน ครูและนกั เรยี นกลมุ่ ที่เหลอื รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นท่ียังมขี ้อบกพร่องอยู่ 9. ครูใหน้ ักเรียนเขียนตารางทางเดียว เมอ่ื เสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครู และนักเรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรยี น 10. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปสงิ่ ท่ไี ดเ้ รียนรู้รว่ มกนั ดังน้ี การเขียนตารางทางเดียววา่ ประกอบด้วย 3 สว่ น คือ ชื่อตาราง หวั ตาราง และข้อมูลในตาราง ซง่ึ ข้อมลู ในตารางจะประกอบดว้ ยข้อความและตัวเลขแสดง ขอ้ มูลตา่ งๆ การเขยี นตารางทางเดยี วตอ้ งกำหนดหัวข้อและแปลงข้อมูลตา่ งๆ เปน็ ตวั เลข และการเขียนตารางทาง เดยี ว เปน็ การนำเสนอข้อมลู รูปแบบหน่ึงทมี่ ีการจำแนกข้อมลู เพยี ง 1 ลกั ษณะ โดยการอ่านขอ้ มลู จะอ่านตรง จุดตัดแนวตง้ั กบั แนวนอน 11. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 9. ส่ือ/ แหล่งเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท.
โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คำสวัสดร์ิ าษฎรบ์ ำรุง) อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี ข้อสอบบทท่ี 6 แผนภมู ริ ปู ภาพและตารางทางเดยี ว ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นทำเคร่ืองหมาย x ทบั อกั ษรหนา้ คำตอบที่ถกู ตอ้ งทสี่ ุดเพยี งคำตอบเดียว จำนวน 10 ขอ้ พจิ ารณาแผนภูมิรปู ภาพต่อไปน้ี แล้วตอบคำถามขอ้ 1-5 พจิ ารณาตารางทางเดยี ว แล้วตอบคำถามขอ้ 6 - 10 ข้อ 1. แผนภูมิรปู ภาพนีแ้ สดงอะไร ข้อ 6. ใครไดเ้ งินมากที่สดุ ข. ครมี ก. ส้ม ง. เอวา ก. จำนวนผักท่สี มใจขายได้ ค. ต่าย ข. จำนวนผลไม้ทสี่ มศรขี ายได้ ค. จำนวนผลไมท้ ีส่ มใจขายได้ ขอ้ 7. ถ้าคุณแมใ่ ห้เงินครมี ไปโรงเรียนเป็นรายอาทิตย์ คุณ ง. จำนวนมะม่วงทขี่ ายไดม้ ากทสี่ ดุ ขอ้ 2 . ผลไม้ชนิดใดขายได้มากกว่าสัปปะรด 60 ผล แมต่ อ้ งใหเ้ งนิ ครีมกี่บาท ก. เงาะ ข. มะมว่ ง ก. 15 บาท ข. 75 บาท ค. องนุ่ ง. แอปเป้ลิ ค. 80 บาท ง. 105 บาท ขอ้ 3 . จำนวนผลไมท้ ส่ี มใจขายไดม้ ากท่ีสุด ตา่ งกับ จำนวนผลไมท้ ่ีสมใจขายได้น้อยทสี่ ุดจำนวนก่ผี ล ข้อ 8. เอวาไดเ้ งนิ ไปโรงเรียนวันละก่ีบาท ก. 4 ผล ข. 5 ผล ก. 25 บาท ข. 30 บาท ค. 70 ผล ง. 75 ผล ค. 35 บาท ง. 40 บาท ขอ้ 4 . ถา้ เงาะ 1 ผล มีราคา 6 บาท สมใจจะขายเงาะได้ เงินท้งั หมดกี่บาท ขอ้ 9. ใน 1 วนั ส้มได้เงนิ ไปโรงเรียนมากกวา่ ครีมกี่บาท ก. 6 บาท ข. 12 บาท ก. 35 บาท ข. 50 บาท ค. 180 บาท ง. 90 บาท ค. 15 บาท ง. 65 บาท ขอ้ 5 . สมใจขายมะม่วงไดม้ ากกว่าอง่นุ ก่ีผล ก. 2 ผล ข. 30 ผล ขอ้ 10. ใน 1 วัน ทง้ั 5 คน มเี งนิ รวมกนั ท้ังหมดกี่บาท ค. 10 ผล ง. 150 ผล ก. 180 บาท ข. 185 บาท ค. 190 บาท ง. 195 บาท
ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 8 ดา้ น คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น ในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในชอ่ งวา่ ง ใหต้ รงกบั ระดับคะแนน และตามความเปน็ จรงิ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ 4 = พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนมาก และบ่อยครั้งสมำ่ เสมอ 3 = พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและสม่ำเสมอ 2 = พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยครงั้ 1 = พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติบางครง้ั คณุ ลักษณะอัน ระดบั คะแนน พึงประสงค์ รายการประเมิน 4 321 ด้าน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มีความรัก และภูมิใจในความเป็นชาติ กษัตรยิ ์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภักดีตอ่ สถาบนั พระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ 2.1 ปฏิบัติตามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบ้าน สจุ ริต 2.2 ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงต่อความเป็นจรงิ ต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจรงิ ตอ่ ผู้อ่ืน 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บของห้อง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ การเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อยา่ งมีเหตุผล 5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ และสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยดั พอเพียง 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและร้คู ุณคา่ 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มุ่งม่ันในการ 6.1 มคี วามตั้งใจ และพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั ทำงาน มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค เพือ่ ให้งาน สำเรจ็ 7. รกั ความเปน็ 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย ไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 รู้จักการใหเ้ พ่ือส่วนรวม และเพ่ือผู้อ่ืน สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมีนำ้ ใจหรอื การให้ความช่วยเหลือผอู้ ่ืน 8.3 เข้าร่วมกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพอื่ สว่ นรวมเม่ือมโี อกาส ชือ่ ......................................................................................................................ชั้น.................เลขท.่ี .................
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ผลการประเมนิ รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสดิ์ราษฎรบ์ ำรงุ ) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรปุ ผลการประเมนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เลขที่ ชื่อ-สกลุ การป ิฏสัมพันธ์กัน การสนทนาเ ื่รอง ่ีทกำหนด การ ิตด ่ตอ ื่สอสาร พฤ ิตกรรมการทำงานก ุ่ลม รวม ระดับ ุคณภาพ แปลผล 4 4 4 4 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ได้คะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดีมาก) ลงชือ่ .........................................ผปู้ ระเมนิ ได้คะแนน 11-13 คะแนน =3 (ดี) (นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวิเศษ) ไดค้ ะแนน 8-10 คะแนน =2 (พอใช้) วนั ....เดอื น...............ปี....... ไดค้ ะแนน 0-7 คะแนน =1 (ปรบั ปรุง) * เกณฑผ์ ่านการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช)้ ขนึ้ ไป
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ดร์ิ าษฎรบ์ ำรงุ ) ปีการศกึ ษา 2562 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรปุ ผลการประเมินคุณภาพ ผลการประเมนิ เลขท่ี ชอื่ -สกลุ คะแนน ระดับ ุคณภาพ แปลผล 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ได้คะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดมี าก) ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมิน ไดค้ ะแนน 11-13 คะแนน = 3 (ดี) (นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวเิ ศษ) ไดค้ ะแนน 8-10 คะแนน = 2 (พอใช้) วัน....เดอื น...............ปี....... ได้คะแนน 0-7 คะแนน = 1 (ปรบั ปรุง) * เกณฑผ์ า่ นการประเมินต้องได้ 2 (พอใช)้ ข้นึ ไป
แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมการทำแบบทดสอบ รายวิชาคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คำสวัสดริ์ าษฎร์บำรงุ ) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำชี้แจง : กรอกคะแนนลงในชอ่ งคะแนนทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน และประเมนิ ผล ผลการประเมนิ เลขที่ ชอ่ื -สกลุ คะแนนกอ่ นเรยี น(10) คะแนนหลังเรยี น(10) ้รอยละ ่ผาน/ไม่ ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * ( ผู้เรยี นตอ้ งมคี ะแนนสอบหลงั เรยี นผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ ) ลงช่อื .........................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิระพนั ธ์ุ ปากวิเศษ) วัน....เดอื น...............ป.ี ......
บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1.นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. 2. แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... .......................................................................................................................................... .................. 3.คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ไม่ผา่ น............ คน ผ่าน.............คน ด.ี .................คน ดีเย่ียม................คน ระดับดขี ึน้ ไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ไม่ผ่าน............ คน ผ่าน.............คน ดี..................คน ดเี ยีย่ ม................คน ระดบั ดขี น้ึ ไป ร้อยละ..................... ผลการจดั การเรียนการสอน/ปญั หา/ อุปสรรค และแนวทางแก้ไข • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................ • แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ......................................................................................................... ...................................................................... ........................................................................................................................................................ ........................ • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ................................................................................................................. .............................................................. ................................................................................................................................................................ ................ • แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ......................................................................................................................... ...................................................... ................................................................................................................................................ ................................ • แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. ................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางสาวจริ ะพนั ธ์ุ ปากวิเศษ)
ความคดิ เห็นหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................. .................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ…………………………………………………… (นางสาวแพรวรงุ่ ศรีประภา ) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ .................../......................./......................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง .......................................................................................................................................................................................... ....... ................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................... ลงชื่อ…………………………………………………… (นางสาวกนั ยาภัทร ภัทรโสตถ)ิ โรงเรียนวัดพชื นิมติ (คำสวสั ด์ริ าษฎร์บำรุง) ................../......................./.........................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 7 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 รปู แผนภูมริ ปู ภาพและตารางทางเดียว เวลา 2 ช่วั โมง เรอ่ื ง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจำแนกขอ้ มลู 1. สาระสำคญั การเกบ็ รวบรวมข้อมูล สามารถเกบ็ รวมรวมข้อมูลซึ่งอยใู่ นรูปข้อความหรือตัวเลขด้วยวิธีตา่ ง ๆ เช่น การ สมั ภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การสงั เกต และการทดลอง สว่ นการจำแนกข้อมูลเป็นการนำขอ้ มลู มาจดั ให้ เป็นหมวดหมหู่ รอื เรียงลำดบั ในลกั ษณะต่าง ๆ ตามวัตถุประสงคท์ จ่ี ะนำข้อมลู ไปใช้ จากนน้ั จงึ นำเสนอข้อมลู ใน รูปแบบต่าง ๆ 2. ตัวช้ีวัด ค 3.1 ป.3/1 : เขยี นแผนภมู ิรูปภาพ และใช้ข้อมลู จากแผนภมู ิรูปภาพในการหาคำตอบของโจทย์ ปญั หา 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจำแนกข้อมลู ได้ (K) 2. เก็บรวบรวมข้อมลู และจำแนกขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลและจำแนกข้อมลู 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงที่ 1 ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครใู หน้ ักเรียนทอ่ งสูตรคณู โดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลังจากนน้ั ให้ นกั เรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ ข้นั ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ครูสนทนาเรอื่ งต่างๆ เก่ียวกับตวั นักเรยี นพรอ้ มบนั ทึกผลบนกระดาน เช่น - จำนวนนกั เรยี นในห้องมีทัง้ หมดกคี่ น เปน็ ชายก่คี น เปน็ หญิงก่ีคน - จำนวนนกั เรยี นท่ีมาเรียนในวนั นมี้ กี คี่ น เป็นชายกี่คน เป็นหญงิ ก่คี น - กฬี าท่นี ักเรยี นชอบ มอี ะไรบา้ ง - ผลไมท้ ่นี ักเรียนชอบ มีอะไรบา้ ง
ครูแนะนำสงิ่ ทีก่ ล่าวมานเี้ รยี กว่า ขอ้ มลู 3. ครจู ัดกจิ กรรมเสริมความฉลาดไปกับเยลล่ี โดยนำเยลลคี่ ละสี 1 ถุง มาให้นักเรยี นดูแล้วให้นักเรยี น บอกข้อมูลเก่ียวกบั เยลลใ่ี นถุง โดยครอู าจใชค้ ำถามนำ แลว้ เขยี นคำตอบลงบนกระดาน เชน่ - เยลล่ใี นถงุ มีทัง้ หมดกี่สี สีอะไรบ้าง - เยลลแ่ี ตล่ ะสมี ีจำนวนเทา่ ใด ทำอยา่ งไรจงึ จะหาคำตอบได้ - เยลลแ่ี ต่ละสีมจี ำนวนเท่ากันหรอื ไม่ - เยลล่ีสใี ดมจี ำนวนมากท่สี ุด และสีใดมีจำนวนน้อยทส่ี ุด โดยการให้ขอ้ มูลครงั้ นี้ ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายเก่ยี วกับขอ้ มลู จนไดข้ ้อสรปุ วา่ ข้อมูล หมายถงึ ขอ้ เท็จจริงของสิ่งทีส่ นใจ ซึง่ ได้จากการเก็บรวบรวม อาจเปน็ ไปได้ทง้ั ขอ้ ความ และตัวเลข และวธิ เี กบ็ รวบรวม ข้อมูล อาจใชว้ ิธกี ารสังเกต หรือการสอบถามกไ็ ด้ 4. ครแู นะนำเพิ่มเตมิ วา่ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนัน้ ก่อนเก็บข้อมลู เราควรรวู้ า่ ต้องการเกบ็ ข้อมูล เก่ยี วกับอะไร ประเดน็ อะไรบ้าง หรอื สนใจจะทราบเก่ียวกบั อะไรบ้างเพื่อท่ีจะได้เกบ็ ขอ้ มลู ได้ครบถ้วน และไม่ เสียเวลาไปกบั ขอ้ มูลท่ีเราไมต่ ้องการ 5. ครจู ดั กิจกรรมโดยกำหนดประเดน็ ว่า เราต้องการสำรวจว่านักเรียนในห้องเรียนน้ชี อบด่ืมนมรสใดมาก ทส่ี ุด นมแตล่ ะรสทีน่ ักเรียนชอบมกี ี่คน เปน็ ตน้ ครูให้ตัวแทนนักเรยี นกลุม่ ละ 1 คน ช่วยกันเก็บขอ้ มลู ดงั กล่าวด้วย การสอบถาม แล้วใหน้ ักเรียนแต่ละคนเลือกระดาษสีคนละ 1 แผน่ ตามรสนมทนี่ กั เรยี นชอบมากที่สุด โดยครู กำหนดให้ กระดาษสขี าวแทนนมรสจดื กระดาษสชี มพแู ทนรสสตรอเบอรี่ กระดาษสฟี า้ แทนนมรสหวาน กระดาษสนี ้ำตาลแทนนมรสช็อคโกแลต ฯลฯ 6. จากนั้นให้นำกระดาษทีเ่ ลือกไวม้ าตดิ บนกระดานตามใจชอบ แลว้ ให้นกั เรียนทั้งหมดช่วยกันตอบ คำถาม จากขอ้ มูลทีน่ ำมาตดิ บนกระดาน เชน่ - นมที่นักเรยี นชอบมรี สอะไรบา้ ง - มีนักเรยี นชอบนมแตล่ ะรสก่ีคน - นมรสอะไรท่นี ักเรยี นชอบมากท่สี ดุ - นมรสอะไรท่ีนักเรียนชอบนอ้ ยทสี่ ุด 7. ครนู ำสนทนาถึงความไมส่ ะดวกของการใชข้ ้อมูลที่กระจัดกระจายสำหรับการตอบคำถามดงั กล่าว แล้ว นำอภปิ รายเพอื่ ให้นกั เรียนเห็นวา่ ถา้ มีการจัดข้อมูลที่เก็บไดม้ าแยกให้เปน็ หมวดหมู่จะชว่ ยให้การอา่ นข้อมูลหรอื ตอบคำถามสะดวกมากย่ิงขน้ึ ครใู ห้นกั เรยี นชว่ ยกันคิดวิธจี ัดเรียงข้อมลู จำแนกหรอื จดั ประเภทข้อมลู แล้วนำเสนอ ซึง่ นกั เรยี นอาจนำกระดาษสีเดยี วกนั มารวมไวด้ ว้ ยกัน หรือนบั จำนวนแผน่ กระดาษา เพ่อื แสดงจำนวนนกั เรียนท่ี ชอบนมรสต่างๆ เช่น นมจืด 8 คน นมรสหวาน 6 คน นมรสสตรอเบอร่ี 9 คน นมรสชอ็ กโกแลต 11 คน จากนัน้ ให้นักเรียนตอบคำถามชุดเดมิ อีกครง้ั แล้วให้นกั เรียนเปรยี บเทียบความสะดวก รวดเรว็ ในการ ตอบคำถามจากข้อมูลทกี่ ระจัดกระจาย ยงั ไม่มีการจำแนกกบั ขอ้ มูลท่ีมีการจำแนกแลว้
ขน้ั ตอนท่ี 3 : การฝกึ 8. ครูใหน้ กั เรียนทำการเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจำแนกขอ้ มลู เมอื่ เสรจ็ แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนังสอื เรยี น ขน้ั ตอนที่ 4 : การสรปุ 9. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปสิง่ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้ร่วมกัน ดงั นี้ การเก็บรวบรวมข้อมลู สามารถทำได้ หลากหลายวิธี เชน่ การสมั ภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การทดลอง ส่วนการจำแนกข้อมลู เป็นการนำข้อมลู มาจดั ให้เป็นหมวดหมหู่ รอื เรยี งลำดบั ในลักษณะต่าง ๆ ตามวตั ปุ ระสงคท์ เ่ี รานำขอ้ มูลนน้ั ไปใช้ ขั้นตอนที่ 5 : การประยุกต์ใชท้ นั ที 10. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน ช่ัวโมงที่ 2 ข้ันตอนท่ี 1 : เตรียมความพรอ้ ม 1. ครูใหน้ กั เรียนทอ่ งสตู รคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคณู หลงั จากน้ันให้ นกั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ ขน้ั ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ครทู บทวนการจำแนกขอ้ มูล โดยแจกกระดาษแผน่ เลก็ ๆ (1 ใน 4 ของกระดาษ A4) ใหน้ กั เรียนเขียน ชื่อกฬี าท่ีนกั เรียนชอบจากชนดิ กีฬาต่อไปนี้ คอื ฟตุ บอล วอลเลยบ์ อล เทเบลิ เทนนิส ว่ายนำ้ และใหน้ ักเรียนนำมา ตดิ บนกระดาน (ข้อมูลทน่ี ักเรยี นตดิ จะกระจดั กระจาย) 3. ครตู ้งั คำถามถามนักเรยี นว่า นักเรียนในหอ้ งชอบกีฬาชนิดใดมากที่สดุ ชอบกีฬาชนิดใดน้อยที่สดุ มี นกั เรยี นชอบกีฬาฟตุ บอลกี่คน ซึ่งนักเรียนจะตอบคำถามไดช้ า้ หรือเกดิ ความยุง่ ยากในการตอบค ครูถามนกั เรียน วา่ เราควรทำอยา่ งไรจึงจะตอบคำถามได้เรว็ (จัดข้อมลู เป็นกลมุ่ ๆ โดยนำข้อมูลท่ีเป็นกฬี าชนดิ เดียวกนั ตดิ ไว้ใน กลมุ่ เดยี วกัน) 4. ครูใหน้ กั เรียนจำแนกข้อมูลบนกระดานใหม่ ครูต้งั คำถามให้นักเรียนชว่ ยกันตอบอีกครง้ั เช่น นักเรียน ในหอ้ งชอบกฬี าชนดิ ใดมากท่สี ดุ ชอบกฬี าชนิดใดน้อยท่สี ดุ มนี กั เรียนชอบกฬี าฟุตบอลก่คี น มีนกั เรยี นชอบกฬี า วอลเลย์บอลมากกว่าหรือน้อยกว่าวา่ ยนำ้ ก่ีคน 5. ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูลเกยี่ วกบั รสไอศกรีมทนี่ ักเรยี นชอบมากทีส่ ุด โดยมอบใบรายชอ่ื สำหรบั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ใหต้ ัวแทนนกั เรยี น 2 – 3 คน ช่วยกนั สอบถามนกั เรียนทุกคนในชั้น เรียนเกยี่ วกบั รสไอศกรีมท่ีนกั เรียนชอบมากที่สุดเพียงรสเดียว แล้วให้เขียน ✓ ตรงกบั รสไอศกรมี ทช่ี อบมากท่ีสุด พร้อมเขียนสรุปข้อมูลที่รวบรวมได้ เชน่ รสไอศกรีมท่ชี อบ สรุปขอ้ มูล รสวนิลา ช่อื -นามสกลุ วนิลา รสช็อกโกแลต คน ช็อกโกแลต รสมะนาว คน รสสตรอเบอร่ี คน มะนาว คน สตรอเบอ ่ีร 1. ด.ช.ณรงค์ ใจกลา้ ✓ 2. ด.ช.สมชาย คงทน ✓ 3. ............................................. 4. ............................................. 5. ............................................. รวม
6. ครใู ห้นักเรยี นช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของผลสรปุ ข้อมูลที่ได้ จากน้นั ใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบ คำถามต่อไปน้ี เชน่ - ไอศกรีมรสใดทน่ี ักเรยี นชอบมากทสี่ ุด - ไอศกรีมรสใดท่นี ักเรียนชอบน้อยทส่ี ดุ - ไอศกรีมรสใดทไี่ ม่มนี ักเรียนคนใดชอบเลย - นักเรียนที่ชอบไอศกรมี รสมะนาวกับรสสตรอเบอรี่รวมกัน มจี ำนวนมากกว่าหน้อยนอ้ ยกว่านักเรียนที่ - ชอบไอศกรมี รสวนิลาและรสช็อกโกแลตรวมกนั และมากกวา่ กันหรือนอ้ ยกวา่ กนั อยูก่ ี่คน 7. ครแู บง่ นกั เรยี นเปน็ 2 กล่มุ ตวั แทนของแตล่ ะกลมุ่ ออกมาเลอื กสลาก 1 ใบ เพ่ือปฏิบัตกิ ิจกรรมเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจำแนกขอ้ มูล แล้วให้แตล่ ะกล่มุ นำผลการเก็บรวบรวมขอ้ มูลและจำแนกข้อมลู ติดบนกระดาน เพอ่ื นำเสนอ พร้อมกับตั้งคำถามใหอ้ กี กล่มุ หน่ึงตอบ กลุ่มละ 2 – 3 คำถาม ตัวอย่างสลาก เชน่ - เก็บข้อมลู และจำแนกข้อมูลเก่ยี วกบั สีทนี่ ักเรียนชอบมากทส่ี ุด - เก็บขอ้ มลู และจำแนกข้อมูลเกีย่ วกับวชิ าท่ีนกั เรยี นชอบเรียนมากทสี่ ดุ ขัน้ ตอนที่ 3 : การฝึก 8. ครูให้นักเรียนทำการเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากนั้นครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สอื เรียน ขัน้ ตอนท่ี 4 : การสรปุ 9. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ สง่ิ ท่ีได้เรยี นร้รู ว่ มกัน ดังน้ี การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถทำได้ หลากหลายวิธี เชน่ การสมั ภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การทดลอง สว่ นการจำแนกข้อมลู เปน็ การนำขอ้ มูล มาจัดให้เปน็ หมวดหมหู่ รือเรียงลำดบั ในลักษณะตา่ งๆ ตามวตั ุประสงคท์ ี่เรานำขอ้ มลู น้นั ไปใช้ ข้นั ตอนท่ี 5 : การประยกุ ต์ใชท้ นั ที 10. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 8. การวัดผลและประเมินผล การวัดผล 1. สังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน 2. แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 3. สังเกตการทำงาน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น การประเมนิ ผล 1. ถือเกณฑ์ผา่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรบั ผู้ที่ไดร้ ะดับคุณภาพต้งั แต่ ๒ ขนึ้ ไป 2. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรบั ผู้ที่ทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. ได้ระดบั คุณภาพตัง้ แต่ ๒ ขึ้นไป 3. ถอื เกณฑ์ผ่านสำหรับผทู้ ท่ี ำงานไดร้ ะดับคุณภาพตั้งแต่ ๒ ขึ้นไป 4. ถอื เกณฑ์ผ่านสำหรับผู้ที่ทำงานทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นได้รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป 9. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. ใบรายช่ือนกั เรยี นในหอ้ ง 2. รปู สตั ว์ชนดิ ต่าง ๆ 3. แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 4. แบบทดสอบก่อนเรยี น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 7 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 การอา่ นแผนภูมริ ูปภาพ เวลา 2 ช่ัวโมง เรอ่ื งการอา่ นแผนภูมริ ปู ภาพ 1. สาระสำคญั การอ่านแผนภมู ริ ูปภาพ เปน็ การอ่านขอ้ มูลจากแผนภมู ิทีใ่ ชร้ ปู ภาพแทนจำนวนสง่ิ ตา่ งๆ โดยจะระบุ ขอ้ กำหนดของรปู ภาพ ซง่ึ งา่ ยต่อการอ่านรายละเอียดของข้อมูล 2. ตวั ชีว้ ัด ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภมู ริ ปู ภาพ และใชข้ อ้ มูลจากแผนภูมริ ูปภาพในการหาคำตอบของโจทย์ ปัญหา 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกวิธกี ารอา่ นแผนภูมิรปู ภาพได้ (K) 2. อา่ นแผนภมู ิรูปภาพตามทก่ี ำหนดใหไ้ ด้อยา่ งถกู ต้อง (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. การอา่ นแผนภูมริ ูปภาพ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขนั้ ตอนท่ี 1 : เตรยี มความพร้อม 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบกอ่ นเรียน ขน้ั ตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครตู งั้ คำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนวา่ “จากประสบการณ์ท่ีผ่านมานกั เรยี นพบเห็นการ นำเสนอขอ้ มูลด้วยวิธกี ารใดบา้ ง” 3. ครูนำตัวอยา่ งแผนภูมริ ปู ภาพมาใหน้ กั เรียนดู 3–5 ตัวอย่าง โดยตดิ ไว้บนกระดาน ครใู หน้ กั เรียน ชว่ ยกนั พจิ ารณาสว่ นประกอบของแผนภูมิรปู ภาพวา่ ประกอบไปด้วยสว่ นประกอบอะไรบา้ ง 4. ครูตั้งคำถามว่า “จากการพิจารณาแผนภมู ริ ปู ภาพบนกระดาน แผนภูมิรปู ภาพประกอบไปด้วย ส่วนประกอบอะไรบ้าง” โดยคำตอบตอ้ งไม่ซ้ำกนั ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง 5. ครูติดแผนภมู ิรูปภาพ ใหน้ ักเรียนจบั คกู่ ันอภิปรายเกี่ยวกับลกั ษณะของแผนภมู ิรปู ภาพ ส่วนประกอบของ แผนภูมริ ูปภาพ และการอ่านแผนภูมริ ูปภาพ
ลูกบอลท่ขี ายไดใ้ นเวลา 5 วัน วันจนั ทร์ วนั องั คาร วนั พธุ วนั พฤหัสบดี วนั ศุกร์ กำหนดให้ แทนจำนวนลกู บอล 2 ลกู ครูให้นักเรยี นสงั เกต และตอบคำถาม ในประเดน็ ต่อไปน้ี - แผนภูมนิ ี้ เป็นแผนภูมิ ชนิดใด (แผนภูมริ ูปภาพ) - รูปภาพในแผนภูมินี้ เปน็ รปู อะไร (รูปลกู บอล) - แผนภมู ิรูปภาพ รูปภาพทใี่ ช้แทนสง่ิ เดยี วกนั ตอ้ งเปน็ รูปที่เหมือนกันและมขี นาดเท่ากัน หรอื ไม่ (เทา่ กนั ) - รูปภาพ 1 รูป ใชแ้ ทนจำนวนเทา่ ไร (2 ลูก) - แผนภูมนิ แี้ สดงข้อมลู เกยี่ วกับอะไร (ลูกบอลท่ขี ายได้ในเวลา 5 วัน) - วันจันทรข์ ายลูกบอลได้ก่ลี ูก (4 ลูก) - วนั พธุ ขายลูกบอลได้มากกวา่ วันอังคารกี่ลกู (6 ลกู ) - ในเวลา 5 วนั ขายลกู บอลได้กี่ลกู (34 ลกู ) - วันองั คารขายลกู บอลได้มากกวา่ วนั ใดบา้ ง (วนั จนั ทร์ วนั ศุกร)์ 6. นักเรียนอ่านแผนภูมิรปู ภาพแสดงลูกบอลทขี่ ายไดใ้ นเวลา 5 วนั โดยครูแนะนำว่าภาพแต่ละภาพแทน ลกู บอล 2 ลูก อา่ นแผนภมู ไิ ดว้ ่า “วันจันทรข์ ายลกู บอลได้ 4 ลูก วันอังคารขายลูกบอลได้ 6 ลกู วนั พุธขายลกู บอล ได้ 10 ลกู วนั พฤหัสบดขี ายลูกบอลได้ 12 ลูก วนั ศุกร์ขายลกู บอลได้ 2 ลูก” 7. ครูติดแผนภูมริ ูปภาพบนกระดาน จำนวนสตั วเ์ ล้ยี งแตล่ ะชนิด สุนขั แมว ปลา กระต่าย กำหนดให้รปู 1 รูป แทนจำนวนสัตวเ์ ล้ียง 3 ตัว
8. ครูให้นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง โดยใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ี - มีสนุ ัขกี่ตวั (12 ตวั ) มรี ปู สนุ ัขกีร่ ูป (4 รปู ) - มแี มวกตี่ ัว (15 ตัว) มรี ปู แมวกร่ี ูป (5 รูป) - มีปลาก่ตี ัว (9 ตัว) มีรปู ปลาก่รี ูป (3 รปู ) - มกี ระต่ายกตี่ ัว (3 ตวั ) มรี ปู กระต่ายก่รี ปู (1 รูป) 9. นกั เรยี นอา่ นแผนภมู ริ ูปภาพแสดงจำนวนสตั ว์เลยี้ ง โดยครแู นะนำวา่ ภาพแตล่ ะภาพแทนจำนวนสตั ว์ 3 ตัว อ่านแผนภมู ิได้ว่า มีสุนัข 12 ตัว มแี มว 15 ตวั มปี ลา 9 ตัว มีกระต่าย 3 ตัว ขน้ั ตอนท่ี 3 : การฝึก 10. ครูใหน้ กั เรียนอ่านแผนภมู ิรูปภาพ เมือ่ เสร็จแล้วใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครู และนกั เรียนรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสอื ขน้ั ตอนที่ 4 : การสรุป 11. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปสงิ่ ท่ไี ด้เรยี นรรู้ ่วมกัน ดังน้ี - แผนภูมริ ปู ภาพเปน็ การใช้รูปภาพแสดงจำนวนหรือปริมาณของสิง่ ตา่ งๆ โดยรูปภาพที่แทนส่ิง เดยี วกนั ต้องเปน็ รูปภาพทเ่ี หมอื นกัน และมีขนาดเท่ากนั - จำนวนรปู ภาพในแผนภมู ริ ูปภาพ อาจไมใ่ ชจ่ ำนวนทแี่ ท้จริงของสง่ิ ต่างๆ จำนวนท่ีแท้จรงิ ของสิ่งต่างๆ ขึ้นอยกู่ บั ขอ้ กำหนดในแผนภูมิและหาได้จากการนบั เพมิ่ หรือนำจำนวนรปู ใน แผนภูมคิ ณู กบั จำนวนรปู ภาพ 1 รปู ที่ใชแ้ ทนตามข้อกำหนด ขั้นตอนที่ 5 : การประยกุ ตใ์ ช้ทันที 12. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชวั่ โมงที่ 2 ขั้นตอนท่ี 1 : เตรยี มความพร้อม 1. ครใู ห้นกั เรียนท่องสตู รคณู โดยใช้แกว้ และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสตู รคณู หลงั จากนั้นให้ นกั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ และทดสอบกอ่ นเรียน ข้ันตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครูยกตวั อยา่ งการอา่ นข้อมลู จากแผนภูมิรปู ภาพใหน้ ักเรียนดู 3. ใหน้ ักเรียนบอกรายละเอียดของแผนภูมริ ูปภาพ เชน่ แผนภูมิรูปภาพที่แสดงเก่ียวกับอะไร อา่ นข้อมูล ไดอ้ ย่างไร ฝกึ ทักษะการต้ังคำถามโดยให้นกั เรียนจบั คู่กับเพ่ือนต้ังคำถามและหาคำตอบจากแผนภูมริ ปู ภาพที่ครู กำหนดให้ 4. ครตู ิดแผนภูมิรูปภาพแสดงจำนวนภาชนะของครบู นกระดาน พร้อมข้อกำหนดรูปภาพ 1 รปู ภาพ แทน จำนวนภาชนะ 5 ใบ ดังนี้
จำนวนภาชนะของครู แก้วน้ำ จาน ถว้ ย ชาม กำหนดให้รูป 1 รูป แทนจำนวนภาชนะ 5 ใบ 5. ครใู หน้ กั เรียนพิจารณาแผนภมู ริ ูปภาพแล้วรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั สว่ นประกอบของแผนภมู ิ จากน้นั ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถาม เช่น - แผนภูมนิ ี้แสดงอะไร ดูจากส่วนใด (จำนวนภาชนะของครู ดูจากสว่ นบนของแผนภูม)ิ - รูปภาพ 1 รปู แทนภาชนะกี่ใบ (5 ใบ) - ครมู ีแก้วน้ำกใี่ บ (15 ใบ) - ครูมีภาชนะทัง้ หมดกี่ใบ (65 ใบ) - ภาชนะชนดิ ใดมีจำนวนเท่ากนั ชนดิ ละก่ีใบ (แกว้ น้ำและถ้วย ชนดิ ละ 15 ใบ) - ครูมจี ากมากกวา่ ชามกใ่ี บ (15 ใบ) ขั้นตอนท่ี 3 : การฝึก 6. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ 4 - 5 คน ทำแผนภูมริ ปู ภาพทีแ่ ตล่ ะกลมุ่ สนใจ โดยครูแจกรปู ภาพท่นี กั เรยี น สนใจประกอบการทำแผนภูมิรูปภาพ ขน้ั ตอนท่ี 4 : การสรุป 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ส่งิ ทีไ่ ด้เรียนรู้รว่ มกัน ดังน้ี - แผนภมู ริ ปู ภาพเปน็ การใช้รปู ภาพแสดงจำนวนหรอื ปรมิ าณของสิง่ ต่าง ๆ โดยรูปภาพท่แี ทนสิ่ง เดียวกัน ต้องเป็นรปู ภาพทีเ่ หมือนกนั และมีขนาดเท่ากนั - จำนวนรปู ภาพในแผนภูมริ ปู ภาพ อาจไม่ใช่จำนวนทีแ่ ท้จริงของสิง่ ต่างๆ จำนวนท่ีแทจ้ ริงของสง่ิ ต่างๆ ขึ้นอยกู่ บั ข้อกำหนดในแผนภูมิและหาไดจ้ ากการนับเพม่ิ หรอื นำจำนวนรปู ใน แผนภูมิคูณกบั จำนวนรูปภาพ 1 รปู ท่ใี ชแ้ ทนตามข้อกำหนด ข้นั ตอนท่ี 5 : การประยุกตใ์ ชท้ นั ที 8. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมินผล การวดั ผล 1. สังเกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน 2. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 3. สงั เกตการทำงาน
การประเมินผล 1. ถือเกณฑ์ผ่านจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรบั ผ้ทู ่ีได้ระดับคณุ ภาพต้ังแต่ 2 ข้ึนไป 2. ถอื เกณฑผ์ า่ นสำหรับผู้ทท่ี ำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ได้ระดับคุณภาพตงั้ แต่ 2 ข้ึนไป 3. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรับผทู้ ่ที ำงานได้ระดับคุณภาพต้ังแต่ 2 ขึ้นไป 9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 2. แผนภูมแิ สดงจำนวนสตั วเ์ ล้ียงแตล่ ะชนดิ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 7 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 การอ่านแผนภมู ิรูปภาพ เวลา 1 ชั่วโมง เรอ่ื งการเขยี นแผนภูมิรูปภาพ 1. สาระสำคัญ การเขียนแผนภูมริ ปู ภาพ เป็นการเขยี นขอ้ มูลโดยใชร้ ูปภาพแทนจำนวนสิ่งตา่ ง ๆ โดยจะระบุขอ้ กำหนด ของรปู ภาพ ซงึ่ งา่ ยต่อการอา่ นรายละเอียดของข้อมลู 2. ตัวชี้วัด ค 3.1 ป.3/1 : เขยี นแผนภมู ิรูปภาพ และใชข้ ้อมลู จากแผนภูมิรูปภาพในการหาคำตอบของโจทย์ ปัญหา 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เขยี นแผนภมู ิรูปภาพได้ (K) 2. เขยี นแผนภมู ริ ปู ภาพได้ถกู ตอ้ ง (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. การเขยี นแผนภูมิรูปภาพ 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ขนั้ ตอนท่ี 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นักเรยี นคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบกอ่ นเรยี น ขัน้ ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. สนทนากับนกั เรยี นถึงสีทีน่ ักเรียนชอบ มสี อี ะไรบ้าง สใี ดทีค่ นนิยมมากท่ีสุด เราจะทราบข้อมลู น้ีโดยวิธใี ด 3. นกั เรยี นช่วยกันเกบ็ รวบรวมข้อมูลเกยี่ วกบั สีทเี่ พ่อื นชนั้ ชอบ โดยรว่ มกนั ระดมความคิดเห็นวา่ ควรจะ ใชว้ ธิ ีใดจึงจะเหมาะสม เช่น ถามเพอื่ นทีละคนหรอื ถามพร้อมกนั 4. ครนู ำข้อมูลผลไม้ที่แมค่ ้าขายได้ใน 1 วนั ดังนี้ มะมว่ ง 20 ผล ส้ม 40 ผล แอปเปิล 10 ผล มังคดุ 35 ผล และชมพู่ 25 ผล 5. ครูใหน้ ักเรียนฝึกวิเคราะห์ข้อมลู และคิดหาแนวทางทจี่ ะเขียนเปน็ แผนภูมริ ปู ภาพ จากน้ันให้ชว่ ยกัน เขียนแผนภมู ริ ปู ภาพบนกระดาน โดยอภิปรายดว้ ยคำถาม - กำหนดชอ่ื ของแผนภูมิวา่ อยา่ งไร - กำหนดสัญลกั ษณ์ว่ารปู 1 รูปแทนผลไมก้ ี่ผล
- ผลไม้มกี ่ชี นิด อะไรบ้าง - ผลไม้แตล่ ะชนดิ แทนด้วยสัญลกั ษณร์ ูปผลไม้ก่ีรูป - จะเขียนแผนภูมิในแนวตัง้ หรือแนวนอน 6. ครแู นะนำการเขยี นแผนภมู ริ ปู ภาพ โดยกำหนดให้ 1 รปู แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล ครูนำภาพผลไมท้ ั้ง 5 ชนดิ มาให้นกั เรยี น พรอ้ มทง้ั อธิบาย ดังนี้ แทนมะม่วง 5 ผล แทนสม้ 5 ผล แทนแอปเปิล 5 ผล แทนมังคุด 5 ผล แทนชมพู่ 5 ผล 7. ครูถามนกั เรียนวา่ ถา้ ใช้รูปภาพแสดงจำนวนผลไม้ ผลไม้แต่ละชนิดแทนดว้ ยรูปภาพกี่รูป จำนวนมะม่วง 20 ผล แทนดว้ ยรูปภาพมะมว่ ง 4 ภาพ จำนวนส้ม 40 ผล แทนด้วยรปู ภาพสม้ 8 ภาพ จำนวนแอปเปิล 10 ผล แทนดว้ ยรูปภาพแอปเปลิ 2 ผล จำนวนมังคดุ 35 ผล แทนด้วยรปู ภาพมังคุด 7 ผล จำนวนชมพู่ 25 ผล แทนดว้ ยรปู ภาพชมพู่ 5 ผล 8. ครนู ำขอ้ มูลผลไมท้ ีแ่ ม่คา้ ขายไดใ้ น 1 วัน เขียนแสดงเป็นแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน จำนวนผลไม้ท่ีแมค่ ้าขายได้ใน 1 วัน มะม่วง สม้ แอปเปิล มงั คุด ชมพู่ กำหนดให้รูป 1 รูป แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล
9. นกั เรียนอ่านแผนภูมริ ูปภาพแสดงจำนวนผลไมท้ ี่แมค่ ้าขายไดใ้ น 1 วนั โดยครแู นะนำวา่ ภาพแต่ละภาพ แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล อ่านแผนภูมิได้ ดงั น้ี “แม่คา้ ขายมะมว่ งได้ 20 ผล ขายส้มได้ 40 ผล ขายแอปเปิลได้ 10 ผล ขายมงั คุดได้ 35 ผล และขายชมพไู่ ด้ 25 ผล” ขน้ั ตอนที่ 3 : การฝึก 10. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นแผนภมู ิรูปภาพ เม่ือเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้นั ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรียน ข้นั ตอนท่ี 4 : การสรปุ 11. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปส่งิ ท่ีได้เรยี นรู้รว่ มกัน ดังน้ี การเขยี นแผนภูมริ ูปภาพ ถ้าเป็นขอ้ มูลสิง่ เดียวกัน รูปภาพที่ใชต้ ้องเป็นรูปทเ่ี หมอื นกันและมีขนาดเท่ากนั การวางรปู ในแผนภูมริ ปู ภาพจะวางตามแนวต้ัง หรือแนวนอนก็ได้ และการเขียนแผนภูมริ ปู ภาพ เป็นเขียนข้อมูลโดยใช้รูปภาพแทนจำนวนสิง่ ตา่ งๆ โดยจะระบุ ข้อกำหนดของรปู ภาพ ซ่ึงงา่ ยต่อการอา่ นรายละเอยี ดของข้อมลู ขั้นตอนท่ี 5 : การประยุกตใ์ ช้ทันที 12. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมนิ ผล การวดั ผล 1. สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน 2. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 3. สังเกตการทำงาน การประเมินผล 1. ถอื เกณฑผ์ า่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรบั ผูท้ ่ีไดร้ ะดับคณุ ภาพต้ังแต่ ๒ ข้ึนไป 2. ถอื เกณฑผ์ า่ นสำหรับผู้ทท่ี ำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ได้ระดับคุณภาพตง้ั แต่ ๒ ขึ้นไป 3. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรับผทู้ ่ที ำงานไดร้ ะดบั คุณภาพตัง้ แต่ ๒ ขึ้นไป 9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. 2. แผนภูมแิ สดงจำนวนผลไม้ท่แี ม่ค้าขายไดใ้ น 1 วัน
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3 เวลา 7 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 การอา่ นแผนภูมริ ูปภาพ เวลา 1 ช่ัวโมง เรือ่ งการอ่านตารางทางเดยี ว 1. สาระสำคัญ การอ่านตารางทางเดยี ว เป็นการอ่านข้อมลู จากตารางซงึ่ เปน็ การนำเสนอขอ้ มลู รูปแบบหนึ่งท่ีมีการ จำแนกขอ้ มูลเพียง 1 ลักษณะ โดยการอา่ นขอ้ มลู จะอ่านตรงจดุ ตดั แนวต้ังกบั แนวนอน 2. ตัวชี้วัด ค 3.1 ป.3/2 : เขยี นตารางทางเดยี วจากขอ้ มูลที่เป็นจำนวนนบั และใช้ขอ้ มูลจากตารางทางเดยี วในการหา คำตอบของโจทย์ปญั หา 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกวิธกี ารอ่านตารางทางเดียวไดไ้ ด้ (K) 2. อ่านตารางทางเดียวได้ถูกตอ้ ง (P) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การอา่ นตารางทางเดยี ว 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครใู ห้นกั เรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง ๙ ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้นให้ นกั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบกอ่ นเรยี น ขั้นตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครตู ั้งคำถามกระตุ้นความสนใจนักเรียนวา่ “จากประสบการณ์ทผ่ี า่ นมานกั เรยี นพบเหน็ การนำเสนอข้อมูล ด้วยวธิ ีการใดบ้าง” 3. ครูนำตวั อย่างตารางทางเดียวมาให้นกั เรียนดู 3 - 5 ตวั อย่าง โดยติดไวบ้ นกระดาน ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั พิจารณาสว่ นประกอบของตารางทางเดียวว่าประกอบไปดว้ ยส่วนประกอบอะไรบ้าง 4. ครูต้ังคำถามแล้วให้ตวั แทนนักเรียนออกมาตอบว่า “จากการพิจารณาตารางทางเดียวบนกระดาน ตาราง ทางเดียวประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง” โดยคำตอบต้องไม่ซ้ำกัน ครูและนกั เรยี นที่เหลือร่วมกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง
5. ครตู ิดตารางทางเดียวบนกระดาน แลว้ แบง่ นักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม ใหน้ กั เรยี นแข่งขันกนั ตอบคำถาม โดยมกี ตกิ าดังนี้ - นกั เรียนที่ยกมือก่อนจะมีสทิ ธิต์ อบก่อน - กลมุ่ ทีต่ อบคำถามไดถ้ ูกต้องจะได้คะแนนสะสม 1 คะแนน - นกั เรียนกลุ่มใดตอบผดิ อีกกล่มุ จะมีโอกาสตอบโดยไมต่ ้องยกมือ จำนวนนักเรียนทีช่ อบกีฬาชนดิ ต่าง ๆ ชนิดของกีฬา จำนวนนกั เรียน (คน) วอลเลย์บอล 17 32 ฟตุ บอล 45 แบดมนิ ตัน 27 20 ว่ายนำ้ ปิงปอง - ตารางทางเดียวนแี้ สดงอะไร (จำนวนนักเรยี นทีช่ อบกีฬาชนิดตา่ งๆ) - ชนดิ ของกฬี ามีท้ังหมดกีช่ นิดอะไรบ้าง (วอลเลยบ์ อล ฟุตบอล แบดมนิ ตนั วา่ ยน้ำ ปงิ ปอง) - จำนวนนกั เรียนที่ชอบกฬี าวอลเลยบ์ อลมีจำนวนเทา่ ไร (17 คน) - จำนวนนกั เรียนทช่ี อบกีฬาฟตุ บอลมีจำนวนเทา่ ไร (32 คน) - จำนวนนักเรียนทีช่ อบกีฬาว่ายนำ้ มจี ำนวนเทา่ ไร (27 คน) - นกั เรียนชอบกีฬาชนิดใดนอ้ ยทีส่ ดุ จำนวนกีค่ น (วอลเลยบ์ อล จำนวน 17 คน) - นกั เรยี นชอบกฬี าชนิดใดมากท่ีสดุ จำนวนกี่คน (แบดมนิ ตนั จำนวน 45 คน) - นกั เรยี นชอบกีฬาวอลเลย์บอลน้อยกวา่ วา่ ยน้ำก่คี น (10 คน) 6. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคิดนกั เรียนว่า “สง่ิ สำคัญในการอ่านตารางทางเดยี วคอื อะไร” (จะต้องอา่ น ข้อมูลตรงจดุ ตดั แนวตง้ั กบั แนวนอน) ขั้นตอนที่ 3 : การฝกึ 7. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 6 การอ่านตารางทางเดียว เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง จากน้ันครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 6 ขนั้ ตอนท่ี 4 : การสรุป 8. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ สิ่งทไ่ี ดเ้ รียนรู้รว่ มกัน ดังน้ี การอา่ นตารางทางเดยี วเป็นการอ่านข้อมลู จาก ตารางซ่ึงเป็นการนำเสนอข้อมูลรปู แบบหน่ึงท่ีมีการจำแนกขอ้ มลู เพียง 1 ลกั ษณะ โดยการอา่ นข้อมูลจะอ่านตรง จดุ ตัดแนวตงั้ กบั แนวนอน ข้ันตอนที่ 5 : การประยกุ ตใ์ ช้ทันที 9. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมนิ ผล การวัดผล 1. สงั เกตความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน 2. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. 3. สงั เกตการทำงาน
การประเมินผล 1. ถือเกณฑ์ผ่านจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรบั ผทู้ ี่ได้ระดับคุณภาพต้ังแต่ ๒ ขนึ้ ไป 2. ถอื เกณฑผ์ ่านสำหรบั ผทู้ ่ีทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. ได้ระดับคุณภาพต้ังแต่ ๒ ขึ้นไป 3. ถอื เกณฑผ์ า่ นสำหรับผทู้ ่ที ำงานไดร้ ะดบั คุณภาพต้ังแต่ ๒ ข้นึ ไป 9. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 2. ตารางทางเดียว
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ วชิ าคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลา 7 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 การอา่ นแผนภมู ริ ูปภาพ เวลา 1 ช่ัวโมง เรือ่ งการเขียนตารางทางเดยี ว 1. สาระสำคัญ การเขยี นตารางทางเดียว เปน็ การนำเสนอข้อมูลรปู แบบหนงึ่ ที่มีการจำแนกข้อมลู เพยี ง 1 ลักษณะ โดย การอ่านข้อมูลจะอา่ นตรงจุดตดั แนวต้ังกับแนวนอน 2. ตวั ช้วี ดั ค 3.1 ป.3/2 : เขียนตารางทางเดียวจากขอ้ มลู ที่เป็นจำนวนนบั และใชข้ ้อมูลจากตารางทางเดยี วใน การหาคำตอบของโจทยป์ ญั หา 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกวธิ ีการเขยี นตารางทางเดยี วได้ (K) 2. เขียนตารางทางเดียวไดถ้ กู ตอ้ ง (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. การเขยี นตารางทางเดยี ว 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ขั้นตอนท่ี 1 : เตรยี มความพร้อม 1. ครูให้นักเรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใช้แก้วและตาราง ๙ ช่องประกอบการทอ่ งสตู รคูณ หลงั จากน้นั ให้ นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรยี น ข้ันตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครูทบทวนเรอื่ งสว่ นประกอบของตารางทางเดยี ว โดยครตู ิดตารางทางเดียวบนกระดาน จากนั้นส่มุ ตัวแทนนกั เรียนตอบคำถาม ว่าสิ่งท่ีครูช้ี คอื สว่ นประกอบใดของตารางทางเดียว โดยครแู ละนกั เรียนร่วมกนั เฉลย คำตอบ 3. ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนั้นครูนำภาพผลไม้ต่างๆ มาวางรวมกันบนโตะ๊ หน้าช้ัน เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเดินสำรวจแลว้ พิจารณาผลไมท้ ลี ะชนดิ ว่ามผี ลไม้ชนิดใดบ้าง และมจี ำนวนเท่าไร 4. ครใู ห้นกั เรยี นเขียนชอื่ ผลไม้พรอ้ มทงั้ วาดภาพประกอบเพ่อื แสดงจำนวนผลไม้ที่ได้สำรวจลงในแบบ บนั ทึกข้อมลู ตารางที่ 1 เช่น แอปเปลิ กล้วย สม้ มงั คุด มะม่วง
5. ครูตั้งคำถามจากตารางแสดงจำนวนผลไม้โดยใหน้ ักเรียนร่วมกนั ตอบเพอ่ื ให้ไดป้ ระเด็นตา่ งๆ ดังนี้ - แอปเปลิ มีจำนวนกีผ่ ล - กล้วย มจี ำนวนกีผ่ ล - สม้ มจี ำนวนก่ีผล - มงั คดุ มีจำนวนก่ีผล - มะมว่ ง มีจำนวนก่ผี ล - ผลไมช้ นดิ ใดมีจำนวนมากทีส่ ดุ และมีจำนวนเทา่ ไร - ผลไมช้ นิดใดมีจำนวนมากรองลงมาและมีจำนวนเท่าไร - ผลไม้ชนิดใดมีจำนวนน้อยที่สดุ และมจี ำนวนเทา่ ไร 6. ครถู ามนกั เรียนกระตุน้ ความคิดนกั เรียนว่า ข้อมูลทไี่ ดม้ ีลกั ษณะอย่างไร (เป็นข้อความหรอื ตัวเลข) 7. ครใู ห้นกั เรียนกลมุ่ เดมิ ร่วมกนั พจิ ารณาส่วนประกอบของตารางทางเดยี วทคี่ รูตดิ บนกระดานว่า ประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบา้ ง จากน้นั รว่ มกนั สรปุ ส่วนประกอบลงในกระดาษท่ีครูแจกให้ 8. ครตู ัง้ คำถาม โดยใหต้ ัวแทนนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาตอบกลมุ่ ละ 1 คำตอบ ว่าจากการพิจารณา ตารางทางเดยี วบนกระดานมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง โดยคำตอบต้องไม่ซำ้ กัน ครูและนกั เรยี นกลุม่ ทีเ่ หลอื รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง และครูอธบิ ายเพ่ิมเติมในส่วนทยี่ ังมีขอ้ บกพร่องอยู่ ขน้ั ตอนที่ 3 : การฝกึ 9. ครูใหน้ กั เรยี นเขียนตารางทางเดียว เมอ่ื เสร็จแล้วใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนัน้ ครู และนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรยี น ข้ันตอนที่ 4 : การสรปุ 10. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปสิง่ ทีไ่ ด้เรียนรู้รว่ มกนั ดังนี้ การเขียนตารางทางเดยี วว่า ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ชือ่ ตาราง หวั ตาราง และข้อมลู ในตาราง ซงึ่ ข้อมูลในตารางจะประกอบด้วยข้อความและตัวเลขแสดง ข้อมลู ต่างๆ การเขยี นตารางทางเดยี วต้องกำหนดหัวข้อและแปลงขอ้ มลู ตา่ งๆ เปน็ ตัวเลข และการเขยี นตารางทาง เดียว เปน็ การนำเสนอข้อมลู รูปแบบหนึ่งท่ีมีการจำแนกข้อมูลเพยี ง 1 ลกั ษณะ โดยการอ่านขอ้ มลู จะอ่านตรง จุดตัดแนวตง้ั กบั แนวนอน ข้ันตอนท่ี 5 : การประยกุ ต์ใช้ทันที 11. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมินผล การวัดผล 1. สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน 2. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. 3. สังเกตการทำงาน การประเมนิ ผล 1. ถือเกณฑ์ผา่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรบั ผูท้ ่ีไดร้ ะดับคณุ ภาพตั้งแต่ ๒ ขึน้ ไป 2. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผทู้ ี่ทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ได้ระดบั คณุ ภาพต้ังแต่ ๒ ขึ้นไป 3. ถือเกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผู้ทที่ ำงานได้ระดบั คุณภาพต้ังแต่ ๒ ข้นึ ไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. 2. ภาพผลไมต้ า่ ง ๆ เช่น แอปเปิล กลว้ ย สม้ มงั คดุ มะมว่ ง
ภาคผนวก -รปู ดาเนนิ การจดั การเรยี นรู้ -แบบประเมนิ ฯ
พ.น./วก. 02 โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสด์ิราษฎร์บำรุง) แบบประเมนิ หน่วยการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 เรื่องแผนภมู ริ ูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาทใี่ ช้ 7 ชั่วโมง รหัสวชิ า ค13101 รายวชิ าคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ครูผสู้ อน นางสาวจริ ะพนั ธ์ุ ปากวเิ ศษ กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมนิ มคี วามสอดคล้อง/เช่ือมโยง/เหมาะสม 5 หมายถึง มากสดุ ทส่ี ดุ 4 หมายถึง มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถึง นอ้ ย 1 หมายถงึ น้อยท่สี ุด ข้อ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ที่ 54321 1 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรนู้ ่าสนใจ กะทัดรดั ชดั เจน ครอบคลุมเนื้อหาสาระ 2 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นร้/ู สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์มคี วามเชื่อมโยงกนั อย่างเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกบั มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด/ผล การเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับสาระการเรยี นรู้ 5 ความเช่ือมโยงสมั พนั ธ์กันระหว่างชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วดั / ผลการเรียนร้สู าระสำคญั /ความคิดรวบยอดสาระการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมการเรียนรู้ 6 กจิ กรรมการเรียนรสู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรแู้ ละสาระการ เรยี นรู้ 7 กิจกรรมการเรียนรูม้ คี วามครอบคลมุ ในการพัฒนาผ้เู รยี นให้มคี วามรทู้ ักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 8 กิจกรรมการเรียนรูม้ คี วามเหมาะสมสามารถนำผู้เรยี นไปส่กู ารสร้างช้นิ งาน/ภาระงาน 9 มีการประเมินผลตามสภาพจริงและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด/กจิ กรรม การเรียนรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑก์ ารประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผเู้ รียนตามมาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ 11 สอ่ื การเรียนรูใ้ นแต่ละกจิ กรรม มคี วามเหมาะสมกับเวลาและการนำไปประยุกตใ์ ชไ้ ดจ้ ริง 12 กำหนดเวลาได้เหมาะสมกบั กิจกรรม และสามารถนำไปปฏิบตั ิจริงได้ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ..................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .......... ......................................................................................................................... ........................................................................ ลงช่อื .................................................................. (นางสาวแพรวร่งุ ศรีประภา) ผ้ปู ระเมิน
พ.น./วก. 02 โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวสั ดริ์ าษฎร์บำรุง) แบบประเมินหน่วยการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่องแผนภูมิรูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาทใี่ ช้ 7 ชั่วโมง รหสั วิชา ค13101 รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ครูผ้สู อน นางสาวจิระพนั ธุ์ ปากวเิ ศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมนิ มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสม 5 หมายถึง มากสุดทีส่ ดุ 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถึง น้อย 1 หมายถงึ นอ้ ยทีส่ ุด ขอ้ รายการประเมิน ระดับคะแนน ที่ 54321 1 ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้นา่ สนใจ กะทัดรัด ชัดเจน ครอบคลุมเนือ้ หาสาระ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู/้ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น และคณุ ลักษณะอันพึงประสงคม์ คี วามเช่ือมโยงกนั อย่างเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอดกับมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ดั /ผล การเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอดกับสาระการเรียนรู้ 5 ความเช่ือมโยงสมั พันธก์ ันระหว่างช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด / ผลการเรยี นรู้สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดสาระการเรียนรแู้ ละกจิ กรรมการเรียนรู้ 6 กิจกรรมการเรยี นรู้สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรูแ้ ละสาระการ เรยี นรู้ 7 กจิ กรรมการเรยี นรมู้ คี วามครอบคลมุ ในการพฒั นาผูเ้ รียนใหม้ ีความรทู้ ักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความเหมาะสมสามารถนำผู้เรียนไปสู่การสรา้ งช้นิ งาน/ภาระงาน 9 มกี ารประเมินผลตามสภาพจริงและสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด/กิจกรรม การเรยี นรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑก์ ารประเมินสามารถสะท้อนคณุ ภาพผูเ้ รียนตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ 11 สอื่ การเรียนรู้ในแต่ละกจิ กรรม มีความเหมาะสมกับเวลาและการนำไปประยุกตใ์ ชไ้ ดจ้ รงิ 12 กำหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม และสามารถนำไปปฏิบัตจิ รงิ ได้ ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................ ....................................................................................... ............................................................................ ............................................................................................. ........................ ลงชอ่ื .................................................................. (นางสาวสวุ ดี กาญจนาภา) ผู้ประเมนิ
Search