ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพ่มิ เตมิ - การเจริญเติบโตของมนุษย์จะมีขั้นตอนคล้ายกับการ เจริญเติบโตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอื่น ๆ โดย เอ็มบรโิ อจะฝังตัวท่ผี นงั มดลูก และมีการแลกเปลี่ยนสาร ระหวา่ งแมก่ ับลกู ผา่ นทางรก 16. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และเขียนแผนผัง - ฮอร์โมนเป็นสารที่ควบคุมสมดุลต่าง ๆ ของร่างกาย สรุปหน้าที่ของฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ท่อและ โดยผลิตจากต่อมไร้ท่อหรือเนื้อเยื่อ โดยต่อมไร้ท่อนี้จะ เนื้อเยอ่ื ที่สร้างฮอร์โมน กระจายอยูต่ ามตำแหน่งตา่ ง ๆ ท่วั ร่างกาย - ต่อมไร้ท่อที่สร้างหรือหลั่งฮอร์โมน ไม่มีท่อในการ ลำเลียงฮอร์โมนออกจากต่อมจึงถูกลำเลียงโดยระบบ หมุนเวยี นเลือดไปยังอวัยวะเป้าหมายท่ีจำเพาะเจาะจง - ต่อมไพเนียลสร้างเมลาโทนินซึ่งยับยั้งการเจริญเติบโต ของอวัยวะสืบพนั ธุช์ ่วงกอ่ นวยั เจริญพนั ธ์ุ และตอบสนอง ตอ่ การเปล่ยี นแปลงของแสงในรอบวนั - ต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้างและหลั่งโกรทฮอร์โมน โพรแลกทิน ACTH TSH FSH LH เอนดอร์ฟิน ซึ่งทำ หน้าทแี่ ตกต่างกัน - ตอ่ มใต้สมองสว่ นหลงั หล่งั ฮอรโ์ มนซึ่งสร้างจาก ไฮโพทาลามัส คือ ADH และออกซิโทซิน ซึ่งทำหน้าท่ี แตกตา่ งกนั - ต่อมไทรอยดส์ รา้ งไทรอกซนิ ซงึ่ ควบคุมอตั รา เมแทบอลิซึมของร่างกาย และสรา้ งแคลซโิ ทนิน ซง่ึ ควบคมุ ระดบั แคลเซยี มในเลือดใหป้ กติ - ต่อมพาราไทรอยดส์ ร้างพาราทอร์โมนซ่ึงควบคุมระดบั แคลเซียมในเลอื ดใหป้ กติ - ตบั ออ่ นมกี ล่มุ เซลลท์ ่ีสร้างอินซลู ินและกลคู ากอน ซง่ึ ควบคมุ ระดบั นำ้ ตาลในเลอื ดให้ปกติ -ต่อมหมวกไตสว่ นนอกสร้างกลโู คคอร์ติคอยด์ มิเนราโล- คอร์ติคอยด์ และฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกัน ส่วนต่อมหมวกไตส่วนในสร้าง เอพิเนฟรินและนอร์- เอพิเนฟรนิ ซึ่งมหี นา้ ท่ีเหมอื นกัน - อัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน ส่วนรังไข่มี กลุ่มเซลล์ที่สร้างอีสโทรเจน และโพรเจสเทอโรน ซึ่งมี หน้าทีแ่ ตกต่างกนั - เนอ้ื เยอ่ื บางบรเิ วณของอวยั วะ เช่นรก ไทมสั กระเพาะ อาหาร และลำไส้เล็ก สามารถสร้างฮอร์โมนได้หลาย ชนิด ซ่ึงมีหน้าที่แตกต่างกนั
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เติม - การควบคุมการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ มีทั้งการ ควบคุมแบบป้อนกลับยับยั้ง และการควบคุมแบบ ป้อนกลับกระตนุ้ เพ่อื รกั ษาดลุ ยภาพของร่างกาย - ฟีโรโมนเป็นสารเคมีที่ผลิตจากต่อมมีท่อของสัตว์ซ่ึง ส่งผลตอ่ สัตวต์ ัวอ่นื ทเี่ ปน็ ชนิดเดียวกัน 17. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ - พนั ธุกรรมและส่งิ แวดลอ้ มมีผลตอ่ การแสดงพฤติกรรม และยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เป็นมาแต่ - พฤติกรรมที่เปน็ มาแต่กำเนิดแบง่ ออกได้เปน็ หลายชนิด กำเนิด และพฤติกรรมที่เกดิ จากการเรียนรู้ เช่น โอเรียนเตชัน (แทกซิสและไคนีซิส) รีเฟล็กซ์ และ ของสัตว์ ฟกิ แอกชันแพทเทิร์น 18. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย และยกตัวอยา่ ง - พฤตกิ รรมท่ีเกิดจากการเรยี นรู้ แบ่งไดเ้ ป็นแฮบบชิ ู- ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับ เอชัน การฝังใจ การเชื่อมโยง (การลองผิดลองถูกและ ววิ ัฒนาการของระบบประสาท การมเี งื่อนไข) และการใชเ้ หตผุ ล 19. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง - พนั ธกุ รรมและสิง่ แวดลอ้ มมีผลต่อการแสดงพฤตกิ รรม การสื่อสารระหว่างสัตว์ที่ทำให้สัตว์แสดง - พฤติกรรมที่เป็นมาแต่กำเนิดแบ่งออกได้เป็นหลาย พฤติกรรม ชนิด เชน่ โอเรยี นเตชัน (แทกซิสและไคนีซิส) รเี ฟลก็ ซ์ และฟิกแอกชันแพทเทิร์น - พฤติกรรมท่ีเกดิ จากการเรียนรู้ แบ่งไดเ้ ปน็ แฮบบิชู- เอชัน การฝังใจ การเชื่อมโยง (การลองผิดลองถูกและ การมีเงือ่ นไข) และการใช้เหตุผล -ระดับการแสดงพฤติกรรมที่สัตว์แต่ละชนิดแสดงออก จะแตกต่างกันซึ่งเป็นผลมาจากวิวัฒนาการของระบบ ประสาททแี่ ตกต่างกัน - การสื่อสารเป็นพฤติกรรมทางสังคมแบบหนึ่ง ซึ่งมี หลายวิธี เช่น การสื่อสารด้วยท่าทาง การสื่อสารด้วย เสียง การสื่อสารด้วยสารเคมี และการสื่อสารด้วยการ สมั ผสั
5. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบ นิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบ การเพิ่มของประชากร ทรพัยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ช้ัน ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ ม.6 1. วิเคราะห์ อธิบายและยกตัวอย่าง - ระบบนิเวศจะดำรงอยู่ได้ต้องมีกระบวนการต่าง ๆ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบ เกิดขึ้น กระบวนการที่สำคัญ ได้แก่การถ่ายทอด นเิ วศ พลังงาน และการหมุนเวียนสาร การถ่ายทอด พลังงาน 2. อธิบาย ยกตัวอย่างการเกิดไบโอแมก ในระบบนิเวศสามารถแสดงได้ด้วย แผนภาพที่เรียกว่า นิฟิเคชัน และบอกแนวทางในการลด โซอ่ าหาร สายใยอาหาร และพีระมดิ ทางนิเวศวทิ ยา การเกดิ ไบโอแมกนิฟเิ คชนั - พลังงานทีถ่ ่ายทอดไปในแต่ละลำดับขั้นการกนิ อาหาร 3. สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนภาพ เพื่อ มีปริมาณท่ีไม่เท่ากัน พลงั งานสว่ นใหญ่ จะสูญเสียไปใน อธบิ ายวัฏจกั รไนโตรเจนวฏั จกั รกำมะถัน รูปความร้อนระหว่างการถ่ายทอด จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไป และวฏั จกั รฟอสฟอรัส ยังสิง่ มชี วี ติ อกี ชนดิ หน่งึ - การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนิเวศบางครัง้ อาจทำให้ มสี ารพิษสะสมอยู่ในส่ิงมีชวี ติ ด้วย เรียกว่า การเกิด ไบโอ แมกนิฟิเคชัน ซึ่งอาจมีระดับ ความเข้มข้นของ สารพิษมากขึ้นตามลำดับขั้นของ การกินจนอาจ ก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ สิ่งมีชวี ติ - สารต่าง ๆ ในระบบนิเวศมีการหมุนเวียนเกิดขึ้น ผ่าน ทั้งในสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตกลับคืนสู่ระบบ อย่าง เป็นวัฏจักร เช่น วัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักร กำมะถัน และวัฏจักรฟอสฟอรสั 4. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่างและอธิบาย - ไบโอมคอื ระบบนิเวศขนาดใหญ่ทก่ี ระจายอยูต่ าม ลักษณะของไบโอมที่กระจายอยู่ตามเขต เขตภมู ิศาสตรต์ า่ ง ๆ บนโลก เช่น ไบโอมทุนดรา ไบโอม ภูมิศาสตร์ตา่ ง ๆ บนโลก สะวันนา ไบโอมทะเลทราย โดยแต่ละ ไบโอมจะมี ลักษณะเฉพาะของปัจจัยทางกายภาพ ชนิดของพืช และชนิดของสัตว์ 5. สืบค้นข้อมูลยกตัวอย่าง อธิบายและ - ระบบนิเวศมีการเปลี่ยนแปลงได้การเปลี่ยนแปลงที่ เปรยี บเทียบการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้ระบบนิเวศสามารถปรับสมดุล ปฐมภูมิ และการเปลี่ยนแปลงแทนท่ี ได้แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอาจส่งผล แบบทตุ ยิ ภมู ิ กระทบต่อองค์ประกอบทางชีวภาพในระบบนิเวศทำให้ เกิดการเปลยี่ นแปลง แทนท่ีของส่งิ มีชวี ติ ข้ึน
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม - การเปลี่ยนแปลงแทนที่ทางนิเวศวิทยา มีทั้งการ เปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิและ การเปลี่ยน แปลงแทนทแี่ บบทุติยภูมิ 6. สืบค้นข้อมูล อธิบายยกตัวอย่าง และ - ประชากรของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีลักษณะหลาย สรุปเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของ ประการท่ีเปน็ ลักษณะเฉพาะ เชน่ ขนาด ของประชากร ประชากร ของส่งิ มชี วี ติ บางชนิด ความหนาแน่นของประชากร การกระจายตัวของ 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายเปรยี บเทียบและ สมาชิกในประชากร โครงสร้างอายุของประชากร ยกตัวอย่างการเพิ่มของประชากรแบบ อัตราส่วนระหว่าง เพศอัตราการเกิดและอัตราการตาย เอกโพเนนเชียล และการเพิ่มของ การอพยพเข้า การอพยพออกของประชากร และการ ประชากรแบบลอจิสตกิ รอดชีวติ ของสมาชิกที่มีอายตุ ่างกนั 8. อธิบาย และยกตัวอย่างปัจจัยที่ - ลักษณะเฉพาะของประชากรมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยน ควบคมุ การเติบโตของประชากร แปลงขนาดของประชากร ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิด ข้นึ อย่เู สมอ - การเพิ่มประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล เป็นการเพิ่ม จำนวนประชากรอยา่ งรวดเรว็ แบบทวีคณู - การเพิ่มประชากรแบบลอจิสติก เป็นการเพิ่มจำนวน ประชากรที่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม หรือมีตัวต้านทาน ในสงิ่ แวดล้อมมาเกยี่ วข้อง - การเติบโตของประชากรขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่ง แบ่ง ไดเ้ ป็น ปจั จัยที่ข้นึ กบั ความหนาแน่นของประชากร และ ปจั จัยทีไ่ มข่ ึ้นกบั ความหนาแน่นของประชากร - ประชากรมนุษย์มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบ เอ็กโพเนนเชียล หลังจากการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม เปน็ ตน้ มา 9. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - ปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรน้ำ ส่วนใหญ่เกิดจาก การ การขาดแคลนน้ำ การเกิดมลพิษทางน้ำ ปล่อยน้ำที่ผ่านการใช้ประโยชน์จากกิจกรรม ต่าง ๆ และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ ของมนุษย์และยงั ไมไ่ ด้รบั การบำบดั ลง ส่แู หลง่ นำ้ ทำให้ สิ่งแวดล้อมรวมทั้งเสนอแนวทางการวาง เกดิ มลพษิ ทางนำ้ แผนการจดั การน้ำและการแกไ้ ขปัญหา - การตรวจสอบคุณภาพน้ำนิยมใช้การหาค่าปริมาณ ออกซิเจนที่ละลายน้ำ และค่าปริมาณออกซิเจนท่ี จลุ ินทรยี ใ์ นนำ้ ใช้ในการย่อยสลายสารอนิ ทรยี ์ในนำ้ - การจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีการวางแผนการใช้น้ำ การแก้ไขปัญหา คุณภาพ นำ้ รวมทงั้ การปลูกจติ สำนึกในการใช้นำ้ อยา่ งถูกต้อง 10. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - การปนเปื้อนของสารเคมีฝุ่นละออง และจุลินทรีย์ มลพิษทางอากาศ และผลกระทบที่มีต่อ ต่าง ๆ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเกิดได้ทั้งจาก ธรรมชาตแิ ละจากการกระทำของมนษุ ย์
ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่ิมเติม มนุษย์และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งเสนอแนว - การเกิดมลพิษทางอากาศท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทางการแก้ไข ปัญหา เชน่ การเกดิ พายุการเกิดไฟปา่ และการเกดิ แกส๊ พิษ จาก การย่อยสลายของจุลนิ ทรยี ์ - การเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการกระทำของ มนุษยเ์ ชน่ การใชเ้ ชือ้ เพลงิ ฟอสซิล ในรูปแบบต่าง ๆ - การจัดการทรัพยากรอากาศควรประกอบด้วย การ กำหนดนโยบาย และวางแผนงานเพอื่ ปอ้ งกนั และแก้ไข รวมทั้งการปลูกจิตสำนึกในการดูแล รักษาคุณภาพ อากาศ 11. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - มลพิษทางดนิ และปญั หาความเส่ือมโทรมของดนิ สว่ น ที่เกิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบที่ ใหญ่มีสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ มีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งเสนอ - การจัดการทรัพยากรดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แนวทางการแก้ไขปญั หา ควรมีการปอ้ งกนั และการแก้ปัญหาการเกิด มลพิษและ ความเสื่อมโทรมของดิน รวมทั้งการ ปลูกจิตสำนึกใน การใช้ดนิ อย่างถูกตอ้ ง 12. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - พื้นที่ป่าไม้ที่ลดลงอาจมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ เช่น ผลกระทบที่เกิดจากการทำลายป่าไม้ ไฟป่า แผ่นดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบิด หรอื อาจมี สาเหตุมา รวมทั้งเสนอแนวทางในการป้องกันการ จากการกระทำของมนุษย์เช่น การตัดไม้ ทำลายป่า ทำลายปา่ ไมแ้ ละการอนุรักษ์ปา่ ไม้ การบุกรุกพื้นท่ีป่าเพื่อครอบครองที่ดิน การเผาป่า การ ทำเหมืองแร่ - พื้นที่ป่าไม้ที่ลดลงทำให้ภูมิประเทศมีสภาพ แห้งแล้ง เกิดอุทกภัย เกิดการพังทลายของดิน ตลอดจนการ เพิ่มขึ้นของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแก๊สเรือน กระจกชนิดหนึ่ง นอกจากน้ี ทำให้สตั วป์ ่าและพืชพรรณ ธรรมชาติลดจำนวนลง หรอื สูญพนั ธ์ไุ ด้ - การจัดการทรัพยากรป่าไม้ควรจัดการให้มี ทรัพยากร ป่าไม้คงอยู่อย่างยั่งยืนหรือเพิ่มขึ้น เช่น การกำหนด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ส่งเสริมการปลูกป่า ป้องกันการบุกรุก ป่า การใช้ไม้อย่างมีคุณค่าและ มีประสิทธิภาพ รวมถึง การปลกู จิตสำนึกเร่ือง การอนรุ ักษ์ปา่ ไม้ 13. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - การลดจำนวนลงของสัตว์ป่าเป็นผลเนื่องมาจาก การ ผลกระทบที่ทำให้สัตว์ป่ามีจำนวนลดลง กระทำของมนุษย์เป็นสว่ นใหญ่คือ การทำให้ แหล่งท่ีอยู่ และแนวทางในการอนุรกั ษส์ ัตวป์ ่า อาศัยลดลงและการลา่ สตั ว์ปา่ - การจัดการทรพั ยากรสตั วป์ ่าควรมกี ารดำเนนิ การ ใหม้ ี พน้ื ทีป่ ่าไม้เพอ่ื การอย่อู าศัยอย่างเพียงพอ รวมทงั้
ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่มิ เติม การไม่ทำร้ายสัตว์ป่าหรือทำให้สัตว์ป่า ลดจำนวนลง รวมทงั้ การปลูกจติ สำนกึ ใหช้ ่วยกนั อนุรกั ษ์ ม.6 1. อภิปรายความสำคัญของความหลาก - ความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย ความ หลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยง หลากหลายทางพันธุกรรมความหลากหลายของสปีชีส์ ระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม และความหลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลายของสปีชีส์และความ - การแปรผันทางพันธุกรรมทำให้เกิดความหลากหลาย หลากหลายของระบบนเิ วศ ทางพันธุกรรม ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดที่มีความหลากหลายทาง พันธุกรรมมากย่อมทำให้มีโอกาสอยรู่ อดเพ่ิมขึ้นและสืบ ทอดลูกหลานตอ่ ไปได้ - สิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ผ่าน กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรือโดยมนุษย์มา เป็นระยะเวลายาวนาน หลายชั่วรุ่นซึ่งอาจเกิดเป็นสปี ชีสใ์ หม่ สง่ ผลให้เกดิ ความหลากหลายของสปีชสี ์ -แหล่งที่อยู่อาศัยแต่ละแหล่งที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่นั้น จะ มีองค์ประกอบของปัจจัยทางกายภาพ และปัจจัยทาง ชีวภาพที่แตกต่างกัน ทำให้เกิด ความหลากหลายของ ระบบนเิ วศ 2. อธิบายการเกิดเซลล์เริ่มแรกของ - จุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการของเซลล์เกิดจากโมเลกุล สิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ของสารอนิ ทรยี ์โดยเซลลร์ ปู แบบแรก ทเี่ กิดขึ้นคือ เซลล์ เซลลเ์ ดยี ว โพรคาริโอต และมีวิวัฒนาการ ขึ้นมาเป็นเซลล์ยูคาริ โอต และจากสิ่งมีชีวิต เซลล์เดียว เป็นสิ่งมีชีวิตหลาย เซลล์ที่มีโครงสร้างแบบง่าย ๆ จนกลายมาเป็นสิ่งมชี วี ิต หลายเซลล์ ทีม่ ีโครงสร้างซบั ซ้อนมากข้ึนตามลำดบั 3.อธิบายลักษณะสำคัญและยกตัวอย่าง - แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตพวกโพรคาริโอต ผนังเซลล์ มี สิ่งมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรียสิ่งมีชีวิตกลุ่ม เพปทิโด-ไกลแคนเป็นองค์ประกอบสำคัญ แบคทีเรีย โพรทิสต์ สิ่งมีชีวิต กลุ่มพืชสิ่งมีชีวิตกลมุ่ ทั่วไปสร้างอาหารเองไม่ได้ดำรงชีวิต แบบผู้สลาย ฟังไจ และสิง่ มชี ีวติ กลุม่ สัตว์ สารอินทรีย์หรือแบบปรสิต แต่แบคทีเรียบางกลุ่ม เช่น ไซยาโนแบคทีเรีย สร้างอาหารเองได้จากกระบวนการ สังเคราะห์ ด้วยแสง - โพรทิสต์เป็นสิ่งมีชีวิตพวกยูคาริโอต มีลักษณะ หลากหลาย ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว หรือสิ่งมีชีวิต หลายเซลล์ที่ยังไม่พัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อ อาจมีหรือไม่มี ผนงั เซลล์เป็นสว่ นประกอบของเซลล์ - พืชเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์พวกยูคาริโอตมีผนังเซลล์ ซงึ่ มีเซลลโู ลสเป็นองค์ประกอบ มีวฏั จักรชีวิต แบบสลับ
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่ิมเติม และมีระยะเอ็มบริโอในการสืบพันธุ์ แบบอาศัยเพศ พืช สร้างอาหารเองได้จาก กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง - ฟังไจเป็นสิ่งมีชีวิตพวกยูคาริโอต มีทั้งสิ่งมีชีวิตเซลล์ เดียวและหลายเซลล์ เซลล์ของฟังไจยังไม่พัฒนาไปเปน็ เนื้อเยือ่ ผนงั เซลล์มีไคทนิ เป็นองค์ประกอบสำคญั ฟงั ไจ สร้างอาหารเองไม่ได้และดำรงชีวิตแบบผู้สลายสาร อินทรยี ์หรอื แบบปรสติ - สัตวเ์ ป็นส่ิงมชี ีวติ หลายเซลลพ์ วกยคู าริโอต ไมส่ ามารถ สร้างอาหารเองได้ต้องได้รับอาหาร จากสิ่งมีชีวิตอื่น ส่วนใหญ่มีระบบย่อยอาหาร บางชนิดอาจเป็นปรสิต สตั วม์ ีระยะเอ็มบรโิ อ ในการสบื พนั ธแุ์ บบอาศยั เพศ - สัตว์อาจแบ่งเป็นกลุ่มย่อยโดยพิจารณาลักษณะ ต่าง ๆ คือ เนื้อเยื่อสมมาตร การเปลี่ยนแปลงของบลาสโท พอร์การเจริญในระยะตัวอ่อน ทำให้อาจแบ่งสัตว์เป็น กลุ่มย่อย เช่น กลุ่มฟองน้ำ กลุ่มไฮดรา กลุ่มหนอนตัว แบน กลุ่มหอยและ หมึก กลุ่มไส้เดือนดิน กลุ่มหนอน ตวั กลม กลมุ่ สตั วท์ ี่มขี าเป็นปล้อง กลุ่มดาวทะเล 4. อธิบาย และยกตัวอย่างการจำแนก -การจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่เป็นลำดับขั้น สิ่งมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถึง ต่าง ๆ เริ่มจากหมวดหมู่ใหญ่ แล้วแบ่งเป็นหมวดหมู่ หมวดหมู่ย่อย และวิธีการเขียนช่ือ ย่อยมีดังนี้ คิงดอม-ไฟลัม คลาส ออร์เดอร์ แฟมิลี จีนัส วิทยาศาสตร์ในลำดับขัน้ สปีชสี ์ และสปชี ีส์ 5. สรา้ งไดโคโทมสั คีย์ในการระบุ - ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตในลำดับขั้นสปีชีส์ ที่ตั้ง สิง่ มชี วี ิตหรอื ตัวอยา่ งท่ีกำหนดออกเป็น ขน้ึ ตามระบบทวินามเพ่ือใช้ในการระบถุ ึงสิ่งมีชีวิตแต่ละ หมวดหมู่ ชนิดให้มีความเข้าใจถูกต้องตรงกัน ประกอบด้วย 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็น ชื่อสกุล ส่วนหลังเป็นคำที่ระบุ ลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิต ชนิดนั้น หรือเป็นคำที่มี ความหมายเฉพาะ โดยทั้ง 2 ส่วนนี้ตอ้ งเป็นภาษาละติน - ไดโคโทมัสคียเ์ ป็นเครือ่ งมอื ทีใ่ ช้เพ่ือระบุหมวดหมู่ ของ สิ่งมีชีวิตลำดับขั้นต่าง ๆ โดยมีหลักเกณฑ์ในการนำ ลกั ษณะทตี่ า่ งกนั ของสิ่งมชี วี ิต มาพจิ ารณาเป็นคู่ - วิทเทเกอร์เสนอแนวความคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตพวกยูคาริ โอตมีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตพวกโพรคาริโอต และ จำแนกสิ่งมีชวี ิตเปน็ 5 คิงดอม ประกอบด้วย มอเนอรา โพรทิสตา พชื ฟงั ไจ และสตั ว์
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้เู พม่ิ เตมิ - โวสซ์ และคณะ จำแนกสิ่งมีชีวิตเป็น 3 โดเมน ประกอบด้วย แบคทีเรีย อาร์เคีย และยูคารีอา โดย แนวความคดิ การจำแนกสิ่งมชี ีวติ แตล่ ะโดเมน เปน็ กลุม่ ย่อยจะใช้หลักที่ว่าสิ่งมีชีวิตในกลุ่มเดียวกัน มีสาย วิวัฒนาการมาจากบรรพบุรษุ รว่ มกัน
โครงสรา้ งหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสรา้ งหลกั สูตรเวลาเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 รหสั วชิ า รายวชิ า ภาคเรียนที่ 1 น้ำหนกั หน่วยกติ กลมุ่ รายวิชาพ้นื ฐาน ท31101 ภาษาไทย 40 1.0 ค31101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว31101 วทิ ยาศาสตร์ 40 1.0 ส31101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส31102 ประวัติศาสตร์ 20 0.5 พ31101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ31101 ศิลปะ 20 0.5 ว31103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 อ31101 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) กลุม่ รายวชิ าเพม่ิ เติม (บังคับเลือก) 40 1.0 จ31201 ทกั ษะภาษาจนี กลาง 1 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพ่ิมเติม 80 2.0 ค31201 คณิตศาสตร์ 1 60 1.5 ว31201 ฟิสิกส์ 1 60 1.5 ว31202 เคมี 1 40 1.0 ว31203 ชีววิทยา 1 20 0.5 ว31209 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 320 8.0 อ31207 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวัน 1 20 รวมเวลาเรียน (เพ่มิ เติม) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 40 1. กิจกรรมแนะแนว 20 2. กิจกรรมนกั เรยี น 40 120 - ลูกเสือวสิ ามญั / นกั ศึกษาวิชาทหาร 760 16.0 - อบรมคณุ ธรรม 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น รวมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น รวมท้ังหมด
โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสร้างหลกั สูตรเวลาเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 รหัสวชิ า รายวชิ า ภาคเรยี นท่ี 2 นำ้ หนัก หนว่ ยกติ กลุ่มรายวิชาพ้ืนฐาน ท31102 ภาษาไทย 40 1.0 ค31102 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว31102 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส31102 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส31104 ประวัตศิ าสตร์ 20 0.5 พ31102 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ31102 ศิลปศกึ ษา 20 0.5 อ31102 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 ว31104 การออกแบบและเทคโนโลยี 20 0.5 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) กลมุ่ รายวชิ าเพมิ่ เติม (บงั คบั เลือก) 40 1.0 จ31202 ทักษะภาษาจีนกลาง 2 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพมิ่ เติม 80 2.0 ค31202 คณติ ศาสตร์ 2 60 1.5 ว31204 ฟิสิกส์ 2 60 1.5 ว31205 เคมี 2 40 1.0 ว31206 ชวี วทิ ยา 2 20 0.5 ว31210 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 2 320 8.0 อ31208 ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวัน 2 20 รวมเวลาเรยี น (เพิ่มเติม) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผเู้ รียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลูกเสือวิสามัญ / นกั ศึกษาวชิ าทหาร 3. บูรณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รวมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น รวมทั้งหมด
โครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 โครงสร้างหลักสูตรเวลาเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 รหสั วชิ า รายวชิ า ภาคเรยี นที่ 1 นำ้ หนกั หน่วยกติ กลุม่ รายวชิ าพื้นฐาน ท32101 ภาษาไทย 40 1.0 ค32101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว32101 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 20 0.5 ส32101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส32102 ประวตั ศิ าสตร์ 20 0.5 พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ32101 ศลิ ปศึกษา 20 0.5 ง32101 การงานอาชีพ (คหกรรม) 20 0.5 อ32101 ภาษาอังกฤษ 40 1.0 ว32103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พืน้ ฐาน) กลมุ่ รายวิชาเพิ่มเตมิ (บังคับเลือก) 40 1.0 จ31203 ทักษะภาษาจีนกลาง 3 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพ่มิ เติม 80 2.0 ค32201 คณติ ศาสตร์ 3 60 1.5 ว32201 ฟิสกิ ส์ 3 60 1.5 ว32202 เคมี 3 40 1.0 ว32203 ชีววทิ ยา 3 20 0.5 ว32209 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 320 8.0 อ32207 ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวนั 3 20 รวมเวลาเรียน (เพิ่มเติม) กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 20 1. กิจกรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผู้เรียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลกู เสือวสิ ามญั / นักศึกษาวิชาทหาร 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน รวมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น รวมท้ังหมด
โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสรา้ งหลกั สูตรเวลาเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 รหัสวชิ า รายวชิ า ภาคเรยี นท่ี 2 นำ้ หนัก หนว่ ยกติ กลุ่มรายวิชาพ้ืนฐาน ท32102 ภาษาไทย 40 1.0 ค32102 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว32102 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส32102 สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส32104 ประวตั ิศาสตร์ 20 0.5 พ32102 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ32102 ศิลปศกึ ษา 20 0.5 ว32104 การออกแบบและเทคโนโลยี 20 0.5 อ32102 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) กลมุ่ รายวชิ าเพมิ่ เตมิ (บงั คบั เลอื ก) 40 1.0 จ32202 ทักษะภาษาจีนกลาง 4 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพ่มิ เติม 80 2.0 ค32204 คณติ ศาสตร์ 3 60 1.5 ว32204 ฟสิ ิกส์ 3 60 1.5 ว32205 เคมี 3 40 1.0 ว32206 ชวี วิทยา 3 20 0.5 ว32210 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 320 8.0 อ32201 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวัน 3 20 รวมเวลาเรยี น (เพ่มิ เติม) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผเู้ รียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลกู เสือวิสามัญ / นกั ศึกษาวิชาทหาร 3. บูรณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รวมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น รวมทั้งหมด
โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสร้างหลักสูตรเวลาเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รหัสวิชา รายวิชา ภาคเรียนที่ 1 นำ้ หนัก หนว่ ยกติ กลุ่มรายวชิ าพนื้ ฐาน ท33101 ภาษาไทย 40 1.0 ค33101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว33101 วทิ ยาศาสตร์ 40 1.0 ส33101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส33102 ประวตั ิศาสตร์ 20 0.5 พ33101 สขุ ศึกษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ33101 ศลิ ปะ 20 0.5 ว33103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 อ33101 ภาษาอังกฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พ้นื ฐาน) กลมุ่ รายวชิ าเพม่ิ เติม (บงั คบั เลอื ก) 40 1.0 จ33203 ทักษะภาษาจีนกลาง 1 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพมิ่ เติม 80 2.0 ค33201 คณิตศาสตร์ 5 60 1.5 ว33201 ฟิสิกส์ 5 60 1.5 ว33202 เคมี 5 40 1.0 ว33203 ชีววิทยา 5 20 0.5 ว33209 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 5 320 8.0 อ33207 ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน 5 20 รวมเวลาเรียน (เพิม่ เติม) กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผเู้ รียน 40 120 - อบรมคณุ ธรรม 760 16.0 - ลกู เสือวสิ ามญั / นกั ศกึ ษาวิชาทหาร 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน รวมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น รวมทั้งหมด
โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 โครงสรา้ งหลักสตู รเวลาเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหสั วิชา รายวิชา ภาคเรยี นที่ 2 นำ้ หนกั หน่วยกติ กลุ่มรายวิชาพืน้ ฐาน ท33102 ภาษาไทย 40 1.0 ค33102 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว33102 วทิ ยาศาสตร์ 40 1.0 ส33101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส33104 ประวัติศาสตร์ 20 0.5 พ33102 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ33102 ศิลปะ 20 0.5 ว33103 วิทยาการคำนวณ 20 0.5 อ33102 ภาษาอังกฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พื้นฐาน) กลุ่มรายวชิ าเพิม่ เตมิ (บงั คับเลอื ก) 40 1.0 จ33204 ทกั ษะภาษาจนี กลาง 6 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพม่ิ เติม 80 2.0 ค33201 คณิตศาสตร์ 6 60 1.5 ว33204 ฟิสกิ ส์ 6 60 1.5 ว33205 เคมี 6 40 1.0 ว33206 ชีววิทยา 1 20 0.5 ว33210 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 6 320 8.0 อ33207 ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวัน 6 2๐ รวมเวลาเรยี น (เพิ่มเติม) กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผเู้ รยี น 40 760 16.0 - อบรมคุณธรรม - ลกู เสอื วสิ ามัญ / นักศกึ ษาวชิ าทหาร รวมกจิ กรรมบูรณาการ รวมทั้งหมด
คำอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ว30241 รายวิชาชวี วิทยา1 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ****************************************** คำอธบิ ายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ การ นำความรู้เก่ียวกับชวี วิทยามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั โครงสร้างและหน้าทีข่ องสารเคมที ่ีเป็นองค์ประกอบ ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบของเซลล์ การ แพร่ การออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต แอกทีฟทรานสปอร์ต การลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารส่งิ ทเี่ รยี นรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม และจริยธรรม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายและสรปุ สมบัตทิ ่ีสำคญั ของสิ่งมีชวี ิต และความสัมพันธ์ของการจดั ระบบในส่ิงมีชวี ติ ทท่ี ำให้ ส่ิงมีชวี ิตดำรงชีวิตอยู่ได้ 2. อภปิ รายและบอกความสำคัญของการระบุปัญหา ความสัมพนั ธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐาน และ วิธีการตรวจสอบสมมติฐาน รวมท้ังออกแบบ การทดลองเพื่อตรวจสอบสมมตฐิ าน 3. สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายเก่ยี วกับสมบตั ขิ องน้ำและบอกความสำคญั ของน้ำท่ีมตี อ่ สงิ่ มชี ีวิต และ ยกตัวอย่างธาตตุ า่ ง ๆ ที่มคี วามสำคญั ตอ่ ร่างกายสง่ิ มชี ีวติ 4. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสรา้ งของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลุ่มคารโ์ บไฮเดรต รวมท้ังความสำคัญของ คารโ์ บไฮเดรตท่ีมีต่อสง่ิ มชี วี ติ 5. สืบค้นข้อมูล อธบิ ายโครงสร้างของโปรตนี และความสำคัญของโปรตีนท่ีมตี ่อสิง่ มชี วี ิต 6. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างของลิพิด และความสำคัญของลิพิดทมี่ ีตอ่ สงิ่ มีชวี ิต 7. อธิบายโครงสรา้ งของกรดนิวคลีอกิ และระบชุ นิดของกรดนวิ คลอี ิกและความสำคัญของกรด นวิ คลอี กิ ทมี่ ี ต่อสิ่งมีชีวิต 8. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายปฏกิ ริ ยิ าเคมีที่เกิดขน้ึ ในส่ิงมีชวี ติ 9. อธิบายการทำงานของเอนไซม์ในการเรง่ ปฏิกิรยิ าเคมใี นสิง่ มชี วี ติ และระบปุ ัจจัยท่ีมีผลตอ่ การ ทำงานของเอนไซม์ 10. บอกวธิ ีการและเตรียมตวั อยา่ งสง่ิ มีชีวติ เพื่อศึกษาภายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ใช้แสง วดั ขนาด โดยประมาณ และวาดภาพทปี่ รากฏภายใตก้ ล้อง บอกวิธกี ารใช้ และการดแู ลรกั ษากล้อง จลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สงที่ถูกต้อง 11. อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าทีข่ องสว่ นที่ห่อหมุ้ เซลล์ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ 12. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และระบชุ นิดและหน้าทีข่ องออร์แกเนลล์ 13. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าทข่ี องนิวเคลียส
14. อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต และ แอกทีฟทรานสปอรต์ 15. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายและเขยี นแผนภาพการลำเลยี งสารโมเลกลุ ใหญ่ออกจากเซลล์ดว้ ย กระบวนการเอก โซไซโทซิส และการลำเลียงสาร โมเลกุลใหญ่เขา้ สู่เซลลด์ ว้ ยกระบวนการเอนโด ไซโทซิส 16. สงั เกตการแบ่งนิวเคลยี สแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิสจากตัวอยา่ งภายใต้กลอ้ งจุลทรรศน์ พร้อม ท้งั อธิบายและเปรยี บเทยี บการแบง่ นิวเคลียสแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซสิ 17. อธบิ าย เปรียบเทียบ และสรปุ ข้นั ตอน การหายใจระดับเซลลใ์ นภาวะท่มี ีออกซเิ จนเพยี งพอและ ภาวะที่มอี อกซเิ จนไม่เพยี งพอ รวมทั้งหมด 17 ผลการเรยี นรู้
คำอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ว30242 รายวิชาชวี วิทยา 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ****************************************** คำอธบิ ายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล กฏแหง่ การแยกและกฏ แหง่ การรวมกลุ่มอย่างอิสระ ลักษณะทางพันธุกรรมทเี่ ป็นสว่ นขยายของพนั ธุศาสตร์เมนเดล ศึกษาเกี่ยวกับยีน และโคโมโซม การคน้ พบสารพนั ธกุ รรม โครโมโซม องค์ประกอบทางเคมขี อง DNA โครงสรา้ งของ DNA สมบัติ ของสาร พันธุกรรม มิวเทชัน ศึกษาเกี่ยวกับพันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง DNA พันธุวิศวกรรม การ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทาง DNA ความปลอดภัยของเทคโนโลยีทาง DNA และมุมมองทางสังคมและจริยธรรม ศึกษาเก่ียวกับวิวัฒนาการหลักฐานที่บ่งบอกถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ สิง่ มีชีวิต พันธศุ าสตร์ประชากร กำเนดิ ของสปชี สี ์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เฝ้าระวังและ พัฒนาสง่ิ แวดล้อมอยา่ งยง่ั ยืน เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นมีคุณลักษณะในการนำความรู้ ความเข้าใจ ในดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัยใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มาประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนินชีวติ ประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และสรปุ ผลการทดลอง ของเมนเดล 2. อธิบาย และสรุปกฎแหง่ การแยก และกฎแห่งการรวมกลุม่ อยา่ งอสิ ระ และนำกฎของ เมนเดลนี้ ไป อธิบายการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมและใชใ้ นการคำนวณโอกาสในการเกิดฟโี นไทปแ์ ละจีโน ไทป์แบบต่าง ๆ ของรุ่น F1 และ F2 3. สบื คน้ ข้อมลู วิเคราะห์ อธบิ าย และสรปุ เกยี่ วกับการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ที่เป็นสว่ น ขยายของพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล 4. สบื ค้นขอ้ มลู วิเคราะห์ และเปรยี บเทียบลักษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีมีการแปรผนั ไม่ต่อเนื่องและ ลักษณะทางพนั ธกุ รรมทีม่ ีการแปรผนั ตอ่ เนือ่ ง 5. อธบิ ายการถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม และยกตัวอย่างลักษณะทางพนั ธกุ รรมที่ถูกควบคมุ ดว้ ยยนี บนออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ 6. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายสมบตั แิ ละหนา้ ที่ของสารพนั ธกุ รรม โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และสรุปการจำลอง DNA 7. อธบิ าย และระบุขนั้ ตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหน้าท่ขี อง DNA และ RNA แต่ละ ชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตีน 8. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธกุ รรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะทางพนั ธกุ รรม และเช่อื มโยงกับ
ความร้เู รอ่ื งพันธศุ าสตร์เมนเดล 9. สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายการเกดิ มวิ เทชนั ระดบั ยีนและระดบั โครโมโซม สาเหตกุ ารเกดิ มิวเทชนั รวมท้งั ยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการทีเ่ ป็นผลของการเกิดมิวเทชัน 10. อธบิ ายหลักการสรา้ งสงิ่ มีชวี ิตดัดแปรพนั ธุกรรมโดยใช้ดเี อ็นเอรีคอมบิแนนท์ 11. สบื คน้ ขอ้ มลู ยกตวั อยา่ ง และอภิปรายการนำเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอไปประยุกตใ์ ชท้ ้ังในด้าน สิ่งแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคำนึงถึงด้าน ชวี จรยิ ธรรม 12. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายเกย่ี วกับหลกั ฐานที่สนบั สนนุ และข้อมูลทใ่ี ชอ้ ธิบายการเกดิ วิวัฒนาการ ของส่ิงมชี วี ติ 13. อธบิ าย และเปรียบเทียบแนวคิดเก่ยี วกับวิวัฒนาการของสงิ่ มีชวี ติ ของฌอง ลามารก์ และทฤษฎี เกีย่ วกบั ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ิตของชาลส์ ดาร์วิน 14. ระบุสาระสำคญั และอธิบายเงือ่ นไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปจั จยั ทีท่ ำใหเ้ กิดการ เปล่ียนแปลงความถ่ขี องแอลลีลในประชากร พรอ้ มทง้ั คำนวณหาความถ่ีของแอลลลี และจีโนไทป์ ของประชากรโดยใชห้ ลกั ของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ก์ 15. สบื คน้ ขอ้ มูล อภิปราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปชี ีส์ใหมข่ องสง่ิ มชี วี ติ 16. ผู้เรียนมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเอง ใหห้ า่ งไกลจากสารเสพติด 17. ผ้เู รียนมีการนอ้ มนำปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 18. ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้ทักษะ ชวี ิตและการใชเ้ ทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม รวมทงั้ หมด 18 ผลการเรยี นรู้
คำอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ว30243 รายวชิ าชีววิทยา 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ****************************************** คำอธบิ ายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนื้อเยื่อพืช โครงสร้างภายในของรากพชื ใบเลี้ยงเด่ียวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง โครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่จากการ ตัด ตามขวาง โครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืช กลไก การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช ความสำคัญของธาตอุ าหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สำคัญที่มีผลต่อ การเจริญเติบโตของพืช กลไกการลำเลียงอาหารในพืช การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับ กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช C3 กลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ในพชื C3 พชื C4 และพืช CAM ปัจจยั ความเข้มของแสง ความเข้มขน้ ของคาร์บอนไดออกไซด์ และอณุ หภูมิ ที่ มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเพศเมยี ของพืชดอกและอธิบายการปฏิสนธขิ องพชื ดอก การเกดิ เมลด็ และการเกิดผลของพืชดอก โครงสรา้ ง ของเมล็ดและผล และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของเมล็ดและผล ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อ การงอกของเมลด็ สภาพพักตัวของเมลด็ และบอกแนวทางในการแกส้ ภาพพกั ตัวของเมล็ด หนา้ ทขี่ องออกซนิ ไซ โทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซิกและอภิปรายเกี่ยวกับการนำไปใช้ประโยชนท์ างการเกษตร สิ่งเรา้ ภายนอกท่มี ผี ลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืช รวมทั้งนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายวัฏจกั รชีวิตแบบสลบั ของพืชดอก 2. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สบื พนั ธุ์เพศผู้ และเพศเมยี ของพชื ดอก และ อธิบายการปฏิสนธขิ องพชื ดอก 3. อธิบายการเกดิ ผลและการเกดิ เมลด็ ของพชื ดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอยา่ งการใช้ ประโยชนจ์ ากโครงสร้างตา่ ง ๆ ของเมลด็ และผล 4. อธบิ ายเก่ยี วกับชนดิ และลักษณะของเน้ือเยอ่ื พืช และเขยี นแผนผงั เพ่ือสรปุ ชนิดของเนือ้ เยื่อพชื 5. สังเกต อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างภายในของรากพชื ใบเลี้ยงเดีย่ ว และรากพืชใบเลีย้ งคู่ จากการตัดตามขวาง 6. สังเกต อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสรา้ ง ภายในของลำตน้ พืชใบเล้ียงเด่ียวและลำตน้ พชื ใบ เล้ียงคจู่ ากการตดั ตามขวาง 7. สังเกต และอธิบายโครงสรา้ งภายในของใบพืช จากการตดั ตามขวาง
8. สืบค้นขอ้ มลู และอธบิ ายกลไกการลำเลยี งนำ้ และธาตุอาหารของพชื 9. สืบค้นข้อมลู สังเกต และอธิบายการแลกเปลยี่ น แก๊สและการคายนำ้ ของพืช 10. สบื ค้นข้อมูล อธบิ ายความสำคญั ของธาตุอาหาร และยกตวั อย่างธาตุอาหารทีส่ ำคัญท่ีมีผลต่อ การเจรญิ เติบโตของพืช 11. อธบิ ายกลไกการลำเลียงอาหารในพชื 12. สืบคน้ ข้อมูล และสรปุ การศึกษาทไี่ ด้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเก่ยี วกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 13. อธิบายขนั้ ตอนท่เี กิดข้ึนในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื C3 14. เปรยี บเทยี บกลไกการตรงึ คาร์บอนไดออกไซด์ ในพชื C3 พชื C4 และพืช CAM 15. สบื ค้นขอ้ มูล อภิปราย และสรปุ ปจั จยั ความเข้มของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ และอุณหภมู ทิ ีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 16. สบื ค้นข้อมลู อธิบายบท บาทและหนา้ ที่ของ ออกซนิ ไซโทไคนนิ จิบเบอเรลลนิ เอทลิ ีนและกรดแอบไซซิก และอภปิ รายเก่ียวกบั การนำไปใชป้ ระโยชน์ทางการเกษตร 17. ทดลอง และอธิบายเกย่ี วกับปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ดสภาพพักตวั ของเมล็ด และ บอกแนวทางในการแก้สภาพพักตวั ของเมล็ด 18. สบื คน้ ขอ้ มลู ทดลอง และอภิปราย เกย่ี วกบั สิ่งเรา้ ภายนอกท่ีมีผลต่อการเจรญิ เติบโตของพชื รวมท้ังหมด 18 ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ว30244 รายวชิ าชวี วิทยา 4 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ****************************************** คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาวิเคราะห์ อภิปรายและอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว การเคลื่อนที่ของ สตั วไ์ ม่มกี ระดูกสันหลัง โครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ท่ีไม่มี ทางเดนิ อาหาร สัตว์ที่มีทางเดิน อาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ทางเดนิ อาหาร สัตว์ที่มีทางเดนิ อาหารแบบไม่ สมบูรณ์ และสัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ โครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูด ซมึ สารอาหารภายในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ โครงสร้างและการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์ การหมุนเวียนเลอื ดและระบบนำ้ เหลืองของมนษุ ย์ ระบบภมู คิ ุ้มกนั โครงสร้างและหน้าทีข่ องไต และโครงสร้าง ทใ่ี ช้ลำเลยี งปัสสาวะออกจากร่างกาย โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เฝ้าระวังและ พัฒนาสิง่ แวดลอ้ มอยา่ งยั่งยืน เพ่อื ให้ผเู้ รยี นมีคุณลักษณะในการนำความรู้ ความเขา้ ใจ ในดา้ นรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัยใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาประยกุ ตใ์ ช้ในการดำเนนิ ชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสรา้ งและกระบวนการยอ่ ยอาหารของสัตว์ท่ีไม่มี ทางเดนิ อาหาร สตั วท์ ี่มที างเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสตั วท์ มี่ ีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ 2. สงั เกต อธบิ าย การกนิ อาหารของไฮดราและพลานาเรยี 3. อธบิ ายเก่ยี วกบั โครงสร้าง หนา้ ที่ และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารภายใน ระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์ 4. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสรา้ งท่ีทำหน้าท่ีแลกเปลย่ี นแก๊สของฟองนำ้ ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดือนดนิ แมลง ปลา กบ และนก 5. สงั เกต และอธบิ ายโครงสร้างของปอดในสตั ว์เลย้ี งลูกด้วยนำ้ นม 6. สืบค้นขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างท่ีใชใ้ นการแลกเปล่ยี นแก๊ส และกระบวนการแลกเปล่ียนแกส๊ ของ มนุษย์ 7. อธบิ ายการทำงานของปอด และทดลองวัดปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ 8. สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บระบบหมุนเวียนเลอื ดแบบเปิดและระบบหมุนเวยี นเลอื ด แบบปิด 9. สงั เกต และอธิบายทิศทางการไหลของเลือดและการเคลื่อนทขี่ องเซลลเ์ ม็ดเลือดในหางปลา และ สรปุ ความสมั พันธ์ระหวา่ งขนาดของหลอดเลือดกบั ความเร็วในการไหลของเลือด 10. อธบิ ายโครงสรา้ งและการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์
11. สงั เกต และอธบิ ายโครงสร้างหัวใจของสัตวเ์ ล้ยี งลูกด้วยนำ้ นม ทิศทางการไหลของเลอื ดผ่าน หัวใจของมนุษย์ และเขยี นแผนผังสรุป การหมนุ เวยี นเลอื ดของมนุษย์ 12. สบื คน้ ข้อมลู ระบคุ วามแตกตา่ งของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาวเพลตเลต และ พลาสมา 13. อธบิ ายหมู่เลอื ดและหลกั การให้และรับเลือดในระบบ ABO และระบบ Rh 14. อธิบาย และสรุปเก่ียวกับส่วนประกอบและหน้าที่ของน้ำเหลอื ง รวมท้ังโครงสร้างและหน้าที่ของ หลอดน้ำเหลือง และตอ่ มน้ำเหลอื ง 15. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบกลไกการต่อต้านหรอื ทำลายสิง่ แปลกปลอมแบบไม่ จำเพาะและแบบจำเพาะ 16. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทยี บการสรา้ งภมู ิคุ้มกันก่อเองและภมู ิคมุ้ กันรับมา 17. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธิบายเกย่ี วกับความผิดปกตขิ องระบบภมู ิคมุ้ กนั ที่ทำให้เกดิ เอดส์ ภมู ิแพ้ การ สรา้ งภมู ติ ้านทานต่อเนอื้ เยื่อตนเอง 18. สืบค้นข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งและหนา้ ทใ่ี นการกำจดั ของเสยี ออกจากร่างกาย ของฟองนำ้ ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน แมลง และสตั ว์มกี ระดูกสนั หลงั 19. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าทขี่ องไต และโครงสรา้ งท่ีใช้ลำเลยี งปัสสาวะออกจากรา่ งกาย 20. อธบิ ายกลไกการทำงานของหน่วยไต ในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย และเขยี นแผนผงั สรปุ ข้ันตอนการกำจดั ของเสียออกจากรา่ งกายโดยหนว่ ยไต 21. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และยกตวั อย่างเกี่ยวกับความผิดปกตขิ องไตอนั เน่ืองมาจากโรคตา่ ง ๆ 22. ผเู้ รียนมคี ุณลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลักสูตร และสามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื ป้องกันตนเอง ใหห้ า่ งไกลจากสารเสพตดิ 23. ผเู้ รียนมีการนอ้ มนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม 24. ผู้เรยี นเกดิ ความรู้ ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้ ทักษะชีวติ และการใชเ้ ทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งหมด 24 ผลการเรยี นรู้
คำอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า ว30245 รายวชิ าชีววิทยา 5 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ****************************************** คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาวิเคราะห์ อภิปรายและอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว การเคลื่อนที่ของ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง การเคลื่อนที่ของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง วิเคราะห์ อภิปรายการรับรู้และการ ตอบสนองต่อส่ิงเร้าของโพรโตซวั และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลัง ระบบประสาทและการทำงานของเซลล์ประสาท อวัยวะรับสัมผัส วิเคราะห์ อภิปรายและอธิบาย การสร้างฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและการรักษาดุลยภาพของ ร่างกายด้วยฮอร์โมน ฟีโรโมน กลไกการเกิดพฤติกรรม ประเภทพฤติกรรมของสัตว์ การสืบพันธุ์และการ เจริญเติบโตของสัตว์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เฝ้าระวังและ พฒั นาส่งิ แวดล้อมอย่างยงั่ ยนื เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมีคุณลักษณะในการนำความรู้ ความเข้าใจ ในดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัยใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มาประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนินชีวติ ประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทของไฮดราพลานา เรยี ไส้เดือนดนิ กงุ้ หอย แมลง และสตั ว์มกี ระดกู สนั หลงั 2. อธิบายเกี่ยวกับโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของเซลล์ประสาท 3. อธบิ ายเกย่ี วกับการเปลย่ี นแปลงของศกั ยไ์ ฟฟ้าท่ีเย่ือห้มุ เซลลข์ องเซลลป์ ระสาทและกลไก การถ่ายทอดกระแสประสาท 4. อธิบาย และสรุปเกีย่ วกับโครงสร้างของระบบประสาทสว่ นกลางและระบบประสาทรอบนอก 5. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของสว่ นต่าง ๆ ในสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมอง ส่วนหลัง และไขสนั หลัง 6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการทำงานของระบบประสาทโซมาติก แล ะ ระบบประสาทอัตโนวตั ิ 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอย่าง โรคต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และบอกแนวทางในการดแู ลป้องกัน และรักษา 8. สงั เกต และอธิบายการหาตำแหน่งของจดุ บอด โฟเวีย และความไวในการรับสมั ผัสของผวิ หนงั 9. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ ของแมงกะพรุน หมึก ดาวทะเล ไส้เดือนดนิ แมลง ปลา และนก
10. สืบค้นข้อมูล และอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของกระดูกและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการ เคลอ่ื นไหวและการเคล่อื นท่ขี องมนษุ ย์ 11. สังเกต และอธิบายการทำงานของข้อต่อชนิดต่าง ๆ และการทำงานของกล้ามเนื้อโครงร่างที่ เก่ียวข้องกบั การเคลือ่ นไหวและการเคลื่อนท่ีของมนุษย์ 12. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบอาศัย เพศในสตั ว์ 13. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายและระบบสืบพันธ์ุ เพศหญงิ 14. อธบิ ายกระบวนการสร้างสเปริ ์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ และการปฏสิ นธใิ นมนุษย์ 15. อธบิ ายการเจริญเตบิ โตระยะเอม็ บริโอและระยะหลังเอ็มบรโิ อของกบ ไก่ และมนุษย์ 16. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย และเขยี นแผนผังสรปุ หนา้ ท่ีของฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ท่อและเน้ือเยื่อ ท่ีสร้าง ฮอรโ์ มน 17. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย เปรียบเทียบ และยกตวั อยา่ งพฤติกรรมท่ีเปน็ มาแต่กำเนิด และพฤติกรรมท่ี เกดิ จากการเรยี นรขู้ องสัตว์ 18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับวิวัฒนาการของระบบ ประสาท 19. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตวั อยา่ งการสอื่ สารระหว่างสัตวท์ ีท่ ำใหส้ ตั ว์แสดงพฤตกิ รรม 20. ผู้เรียนมคี ุณลักษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสูตร และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเอง ให้หา่ งไกลจากสารเสพติด 21. ผเู้ รยี นมกี ารนอ้ มนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม 22. ผูเ้ รียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใชท้ ักษะ ชีวิตและการใช้เทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม รวมท้งั หมด 22 ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ว30246 รายวชิ าชวี วิทยา 6 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ****************************************** คำอธิบายรายวิชา ศึกษาวิเคราะห์ ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดจำแนกสิ่งมีชีวิต อนุกรมวิธาน อาณาจักรของ สิ่งมีชีวิต ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต การอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต กับความหลากหลายของ สิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ การเปลย่ี นแปลงการแทนที่ของระบบนิเวศ ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติอย่าง คุม้ ค่า การอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตอิ ย่างย่งั ยนื และมนุษย์กับความยัง่ ยนื ของส่งิ แวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เฝ้าระวังและ พัฒนาสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งยั่งยืน เพือ่ ให้ผูเ้ รียนมีคุณลักษณะในการนำความรู้ ความเข้าใจ ในด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัยใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อภิปรายความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยงระหว่างความ หลากหลายทางพันธกุ รรม ความหลากหลายของสปีชีส์ และความหลากหลายของระบบนเิ วศ 2. อธบิ ายการเกดิ เซลล์เริม่ แรกของสงิ่ มีชวี ิตและวิวัฒนาการของสิง่ มชี ีวิตเซลล์เดยี ว 3. อธิบายลักษณะสำคญั และยกตวั อยา่ งสง่ิ มชี ีวติ กลุม่ แบคทีเรีย ส่ิงมีชวี ิตกลุ่มโพรทิสต์ สงิ่ มีชีวิตกลุ่ม พชื ส่งิ มีชีวติ กลุม่ ฟงั ไจ และสงิ่ มีชวี ติ กลมุ่ สตั ว์ 4. อธิบาย และยกตัวอย่างการจำแนกสิ่งมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถึงหมวดหมู่ย่อย และวิธีการ เขียนช่ือวทิ ยาศาสตร์ในลำดบั ข้นั สปีชสี ์ 5. สรา้ งไดโคโทมสั คียใ์ นการระบุสิ่งมชี วี ิตหรือตัวอยา่ งที่กำหนดออกเป็นหมวดหมู่ 6. วเิ คราะห์ อธบิ าย และยกตวั อยา่ งกระบวนการถา่ ยทอดพลังงานในระบบนิเวศ 7. อธบิ าย ยกตวั อย่างการเกดิ ไบโอแมกนิฟเิ คชัน และบอกแนวทางในการลดการเกดิ ไบโอแมกนฟิ ิเคชนั 8. สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนภาพ เพื่ออธิบายวัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกำมะถัน และวัฏจักร ฟอสฟอรสั 9. สบื คน้ ข้อมูล ยกตวั อยา่ ง และอธิบายลักษณะของไบโอมที่กระจายอย่ตู ามเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ บนโลก 10. สืบคน้ ขอ้ มลู ยกตวั อยา่ ง อธบิ าย และเปรียบเทยี บการเปล่ียนแปลงแทนที่แบบปฐมภมู ิ และ การเปลยี่ นแปลงแทนที่แบบทตุ ิยภูมิ 11. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย ยกตวั อยา่ ง และสรุปเกีย่ วกับลักษณะเฉพาะของประชากรของส่ิงมีชีวิตบาง ชนิด
12. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย เปรียบเทยี บ และยกตวั อย่างการเพ่ิมของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล และการเพ่ิมของประชากรแบบลอจสิ ตกิ 13. อธิบาย และยกตวั อย่างปจั จยั ทคี่ วบคุมการเติบโตของประชากร 14. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาการขาดแคลนน้ำ การเกิดมลพิษทางน้ำ และผลกระทบที่มี ตอ่ มนษุ ย์และส่งิ แวดล้อม รวมท้งั เสนอแนวทางการวางแผนการจดั การน้ำ และการแก้ไขปัญหา 15. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหามลพิษทางอากาศ และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ สิง่ แวดลอ้ ม รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา 16. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ สง่ิ แวดลอ้ ม รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา 17. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการทำลายป่าไม้ รวมทั้งเสนอแนวทาง ในการป้องกันการทำลายป่าไมแ้ ละการอนุรกั ษ์ปา่ ไม้ 18. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปญั หา ผลกระทบทท่ี ำใหส้ ัตวป์ ่ามีจำนวนลดลง และแนวทาง ในการอนุรกั ษส์ ัตว์ปา่ 19. ผู้เรยี นมีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร และสามารถทำงานร่วมกบั ผู้อื่น ป้องกันตนเอง ให้หา่ งไกลจากสารเสพตดิ 20. ผู้เรยี นมีการนอ้ มนำปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม 21. ผเู้ รยี นเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชท้ กั ษะ ชวี ติ และการใชเ้ ทคโนโลยี มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม รวมทง้ั หมด 21 ผลการเรียนรู้
เกณฑ์การจบการศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1) ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพื้นฐานและเพ่ิมเตมิ ไมน่ ้อยกวา่ 81 หนว่ ยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 41 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเติมไมน่ ้อยกวา่ 40 หนว่ ยกิต 2) ผเู้ รยี นต้องได้หน่วยกิตลอดหลกั สูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน 41 หน่วย กติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไม่น้อยกว่า 36 หนว่ ยกิต 3) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน 4) ผู้เรยี นมีผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมิน 5) ผเู้ รยี นเข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินเคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมินและการตัดสนิ ผลการเรียน 1. การประเมนิ ผลสาระการเรียนรู้ ระดับผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนน 4 ผลการเรียนดีเย่ียม 80 - 100 3.5 ผลการเรยี นดีมาก 75 - 79 3 ผลการเรยี นดี 70 - 74 2.5 ผลการเรยี นค่อนข้างดี 65 - 69 2 ผลการเรียนนา่ พอใจ 60 - 64 1.5 ผลการเรียนพอใช้ 55 - 59 1 ผลการเรียนผ่านเกณฑข์ ้นั ต่ำ 50 - 54 0 ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ 0 – 49 หมายเหตุ ไมม่ ีสิทธเิ์ ข้ารับการประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น \" มส \" หมายถึง รอการตัดสิน หรือยังตดั สนิ ไม่ได้ \" ร \" หมายถึง ผู้เรียนมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและมี \" ผ \" หมายถงึ ผลงานตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากำหนด ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ปฏบิ ัติกิจกรรมและมี \" มผ \" หมายถงึ ผลงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนด
2. การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ตัวช้ีวดั ท่ี 1 เป็นพลเมืองดีของชาติ ตวั ชว้ี ดั ที่ 2 ธำรงไวซ้ ึ่งความเป็นชาตไิ ทย ตวั ขีว้ ัดท่ี 3 ศรทั ธา ยดึ ม่ัน และปฏบิ ัติตนตามหลกั ของศาสนา ตวั ชี้วดั ท่ี 4 เคารพเทิดทูนสถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ ตัวชว้ี ัดท่ี 1 ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงต่อตนเองท้ังทางกาย วาจา ใจ ตัวชว้ี ดั ที่ 2 ประพฤติตรงตามความเป็นจรงิ ตอ่ ผู้อ่ืนทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ตวั ชี้วัดท่ี 1 ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั โรงเรยี นและสงั คม 3. มีวินัย ตวั ชว้ี ดั ท่ี 1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม 4. ใฝเ่ รียนรู้ ตวั ชี้วัดที่ 1 :งใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัดที่ 2 แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนร้ตู า่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการ เลอื กใช้สอื่ อย่างเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ และสามารถ นำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้ 5. อยู่อย่างพอเพียง ตวั ชีว้ ัดที่ 1 ดำเนินชวี ิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม ตัวชว้ี ัดท่ี 2 มีภมู คิ ุ้มกันในตัวท่ีดี ปรบั ตวั เพ่อื อยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสุข 6. มุ่งมั่นในการทำงาน ตัวชว้ี ัดที่ 1 ตง้ั ใจและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีการงาน ตวั ชว้ี ดั ท่ี 2 ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมาย 7. รักความเป็นไทย ตวั ชี้วดั ท่ี 1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ญู กตเวที ตวั ช้วี ดั ท่ี 2 เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ตัวชว้ี ดั ท่ี 3 อนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดภูมิปญั ญาไทย 8. มจี ติ สาธารณะ ตวั ชี้วัดท่ี 1 ชว่ ยเหลือผ้อู นื่ ด้วยความเต็มใจและพึงพอใจ โดยไม่หวงั ผลตอบแทน ตัวข้วี ัดท่ี 2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรียน ชุมชน และสังคม
เกณฑพ์ ิจารณาสรปุ ผลการประเมิน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั เกณฑ์การพิจารณา ดเี ยี่ยม (3) 1. ได้ผลการประเมินระดับดีเยย่ี มจำนวน 5-8 คณุ ลักษณะ และไมม่ ี ดี (2) คุณลักษณะใดได้ ผลการประเมนิ ระดับดี ผ่าน (1) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ยย่ี มจำนวน 1-4 คุณลกั ษณะ และไมม่ ี ไมผ่ า่ น (0) คุณลกั ษณะใดได้ ผลการประเมนิ ต่ำกว่าระดับดี หรอื 2. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี ทัง้ คณุ ลักษณะ 8 คุณลกั ษณะ หรือ 3. ได้ผลการประเมนิ ตัง้ แตร่ ะดบั ดี ขึน้ ไป จำนวน 5-7 คณุ ลักษณะ และมี บางคุณลกั ษณะไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน 1. ได้ผลการประเมินระดับผ่านทง้ั 8 คณุ ลักษณะ หรอื 2.ได้ผลการประเมินตง้ั แตร่ ะดับดขี ้ึนไป จำนวน 1-4 คุณลกั ษณะ และ คุณลักษณะทเี่ หลือไดผ้ ลการประเมินระดบั ผา่ น ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไม่ผ่าน ตั้งแต่ 1 คณุ ลักษณะขนึ้ ไป 3. การประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ตวั ช้วี ดั ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน 1. สามารถอา่ นเพือ่ การศึกษาคน้ คว้า เพมิ่ พูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยกุ ตใ์ ช้ใน ชวี ิตประจำวัน 2. สามารถจบั ประเดน็ สำคัญลำดับเหตกุ ารณ์จากการอา่ นสื่อทีม่ คี วามชบั ซ้อน 3. สามารถวิเคราะห์ส่งิ ทผี่ เู้ ขยี นตอ้ งการสอ่ื สารกับผู้อา่ นและสามารถวิพากษ์ ให้ข้อสนอแนะในแง่ มมุ ต่าง ๆ 4. สามารถประเมินความน่าเชอื่ ถือ คุณคา่ แนวคดิ ท่ีไดจ้ ากสงิ่ ท่อี ่านอย่างหลากหลาย 5. สามารถเขียนแสดงความคิดเห็นโต้แยง้ สรุป โดยมีข้อมลู อธิบายสนับสนุนอย่างเพยี งพอและ สมเหตุสมผล
เกณฑก์ ารประเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ระดบั เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยีย่ ม (3) มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถใน การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นท่ีมี ภาพ เลศิ อยเู่ สมอ ดี (2) มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนที่มี คุณภาพเป็นท่ยี อมรบั ผ่าน (1) มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นที่มี ข้อบกพร่องบางประการ ไม่ผา่ น (0) ไม่มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน หรือ ถ้ามผี ลงาน ผลงานนนั้ ยงั มีขอ้ บกพร่องทต่ี ้องได้รบั การปรบั ปรุงแก้ไขหลาย 4. การ ประการ ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 1. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมไมน่ ้อยกว่า 809 ของเวลาเรียนทงั้ หมด 2. ผู้เรยี นต้องปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ และผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำตามที่กำหนด 3. ผู้เรยี นจะได้รับผลการประเมนิ กิจกรรม \"ผ\" (ผา่ นกิจกรรม) 4. เมอื่ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามเกณฑ์ขอ้ 1 และ ข้อ 2 จะได้รับผลการประเมนิ กจิ กรรม \"มผ\" (ไมผ่ ่านกจิ กรรม) และไม่สามารถจบหลักสตู รในแตล่ ะช่วงชั้น จนกว่าผู้เรียนปรับปรงุ แก้ไขให้ผ่านเกณฑ์
คณะผ้จู ัดทำ 1. นางสาวณฐั ธนญั า บุญถงึ ประธานกรรมการ กรรมการ 2. นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา กรรมการ กรรมการ 3. นางกมลชนก เทพบุ กรรมการ กรรมการ 4. นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา กรรมการ กรรมการ 5. นางสาวจันรริ า ธนันชัย กรรมการ กรรมการ 6. นางอมลสิริ คำฟู กรรมการ กรรมการ 7. นางสาวฐติ ารตั น์ คัมภรี ะ กรรมการ กรรมการ 8. นางสาวปารชิ าติ สิงคำโล กรรมการ กรรมการ 9. นางธัญญรัตน์ ศลิ าคำ กรรมการและเลขานุการ 10. นายพงศ์ธร เปงวงศ์ 11. ว่าทีร่ ้อยตรสี มพงษ์ ตระการศภุ กร 12. นายเสรี แซ่จาง 13. นางสาวจิรชั ญา ชัยธีรธรรม 14. นางสาวศิริวรรณ มุนมิ คำ 15. นายเอกราช หมีแกว้ 16. นางสาวธันชนก ชยั บตุ ร 17. นางสาวสดุ าภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม
Search