ม.1 โครงสรา้ งรายวิชา วทิ ยาศาสตร์ โดย นางสาวจันจิรา ธนันชัย ตำแหน่งครูผู้ชว่ ย โรงเรียนรำชประชำนุเครำะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่ สำนักบริหำรงำนกำรศกึ ษำพิเศษ กระทรวงศึกษำธิกำร
โครงสรา้ ง วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 21102 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จดั ทำโดย นางสาวจนั จิรา ธนนั ชัย ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ตำบลช่างเค่ิง อำเภอแมแ่ จ่ม จงั หวัดเชียงใหม่ สำนักบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สำนักงานการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
วิเคราะห์หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยกิต 1.5 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22101 ระดับชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน นำ้ หนกั คะแนน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ชอ่ื แผนการจดั การเรยี นรู้ ชั่วโมง (ในการประเมนิ ) (18) 20 1 สารรอบตัวเรา 2 1. ธาตุ 9 10 3 2. สารบรสิ ุทธ์แิ ละสารผสม 65 3. อะตอมธาตุและสารประกอบ 35 คะแนนระหวา่ งเรยี น (15) 20 คะแนนปลายภาค หน่วยพ้นื ฐานของสิง่ มีชวี ติ 9 10 1. เซลลพ์ ชื เซลล์สตั ว์ 6 10 2. การลำเลียงสารเขา้ ออกจากเซลล์ (27) 30 6 10 การดำรงชีวิตของพชื 65 1. การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 65 2. การลำเลียงน้ำและอาหาร 65 3. การเจรญิ เตบิ โตของพืช 35 4. การสืบพันธ์ของพชื 60 70 5. เทคโนโลยีชวี ภาพ - 10 หน่วยการเรยี นรู้ - 20 สอบหระหว่างภาค สอบปลายภาค 100 รวม
ผังมโนทัศน์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว 22101 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ชือ่ หนว่ ย สารรอบตวั เรา ชอื่ หนว่ ย หน่วยพ้นื ฐานของสง่ิ มีชวี ติ จำนวน 18 ช่ัวโมง : 20 คะแนน จำนวน 15 ชว่ั โมง : 20 คะแนน รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 จำนวน 60 ช่ัวโมง ชอ่ื หนว่ ย การดำรงชีวติ ของพชื จำนวน 27 ช่วั โมง : 30 คะแนน
คำอธบิ ายรายวิชา ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต .......................................................................................................................................................................... ศึกษา วเิ คราะห์ สมบตั ทิ างกายภาพ ของธาตทุ ี่เป็น โลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ และธาตกุ ัมมันตรังสี จดุ เดือด จดุ หลอมเหลว ความหนาแนน่ และใชเ้ ครือ่ งมอื เพื่อวัดมวลและปริมาตรของสารบริสุทธ์ิและสารผสม อะตอม ธาตุ และสารประกอบ โครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน การ จัดเรียงอนุภาคแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคลือ่ นที่ของอนุภาค พลังงานความร้อนกบั การเปลี่ยน สถานะของสสาร เปรียบเทียบรปู ร่าง ลักษณะโครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ การใช้กล้อง จุลทรรศน์แบบใชแ้ สง ความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างกับหน้าที่ของเซลล์ การจัดระบบสิง่ มชี ีวิต กระบวนการ แพร่และการออสโมซสิ ปัจจยั ทีจ่ ำเปน็ และความสำคัญของกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง คุณค่าของพืชท่ีมี ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม การลำเลียงสารของไซเล็มและโฟลเอ็ม การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัย เพศ ลักษณะโครงสร้างดอก การถ่ายเรณู การปฏิสนธิ การเกิดผลและเมล็ด การกระจาย การงอกของ เมลด็ การเลือกใช้ธาตุอาหารท่มี ีผลต่อการเจรญิ เติบโตของพชื การขยายพันธุพ์ ืช ความสำคญั เทคโนโลยีการ เพาะเลย้ี งเน้อื เยื่อพืช โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล อธิบาย อภิปรายและสร้างแบบจำลอง เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้จากการ สงั เกต การทดลองแบบจำลอง และใช้สารสนเทศท่ไี ดจ้ ากแหล่งข้อมูลต่างๆ เหน็ คุณค่าของการนำความรู้ไป ใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ระบุปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจำวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและ แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา วิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ี จำเป็น นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา ใช้ความรู้ ทักษะ เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนกิ ส์ เพื่อแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง เหมาะสมและ ปลอดภยั ทดสอบ ประเมนิ ผล และระบุขอ้ บกพร่องที่เกิดขึ้น กำหนดแนวทางการปรบั ปรงุ แก้ไขและนำเสนอ ผลการแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน รหัสตวั ชี้วดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ม.1/1 เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้ง บรรยายหนา้ ท่ขี องผนงั เซลล์ เย่อื ห้มุ เซลล์ ไซโทพลาซมึ นวิ เคลยี ส แวคิวโอลไมโทคอนเดรยี และ คลอโรพลาสต์ ม.1/2 ใช้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ใชแ้ สงศกึ ษาเซลล์ และโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ภายในเซลล์ ม.1/3 อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างรูปร่าง กับการทำหนา้ ทขี่ องเซลล์
ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต โดยเรม่ิ จากเซลล์ เนอื้ เยือ่ อวยั วะ ระบบอวยั วะ จน เป็นสง่ิ มีชีวติ ม.1/5 อธบิ ายกระบวนการแพรแ่ ละออสโมซสิ จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ และยกตัวอยา่ งการ แพรแ่ ละออสโมซิสในชวี ติ ประจำวนั ม.1/6 ระบปุ จั จยั ท่จี ำเป็นในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงและผลผลิตท่ีเกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ ดว้ ยแสง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ม.1/7 อธิบายความสำคญั ของการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื ตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม ม.1/8 ตระหนักในคุณค่าของพืชที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยการร่วมกันปลูกและ ดูแลรกั ษาตน้ ไมใ้ นโรงเรียนและชมุ ชน ม.1/9 บรรยายลกั ษณะและหน้าท่ขี องไซเล็มและโฟลเอม็ ม.1/10 เขียนแผนภาพทบี่ รรยายทิศทางการลำเลยี งสารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพืช ม.1/11 อธบิ ายการสบื พันธุ์แบบอาศยั เพศ และไมอ่ าศัยเพศของพชื ดอก ม.1/12 อธิบายลักษณะโครงสร้างของดอกที่มีส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู รวมทั้งบรรยาย การปฏิสนธิของพชื ดอก การเกดิ ผลและเมลด็ การกระจายเมลด็ และการงอกของเมลด็ ม.1/13 ตระหนักถึงความสำคญั ของสัตวท์ ี่ชว่ ยในการถา่ ยเรณขู องพืชดอก โดยการไม่ทำลาย ชวี ิตของสัตวท์ ชี่ ว่ ยในการถา่ ยเรณู ม.1/14 อธิบายความสำคัญของธาตุอาหารบางชนิดที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการ ดำรงชีวติ ของพืช ม.1/15 เลอื กใชป้ ยุ๋ ท่มี ีธาตุอาหารเหมาะสมกับพชื ในสถานการณท์ ีก่ ำหนด ม.1/16 เลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์ โดยใช้ความรู้ เก่ียวกับการสบื พนั ธุ์ของพชื ม.1/17 อธบิ ายความสำคัญของเทคโนโลยี การเพาะเลย้ี งเนือ้ เย่ือพชื ในการใช้ประโยชน์ด้าน ตา่ ง ๆ ม.1/18 ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของการขยายพันธพ์ุ ชื โดยการนำความรไู้ ปใช้ในชวี ติ ประจำวัน มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสาร กบั โครงสร้างและแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยใช้ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกตและการทดสอบ และใชส้ ารสนเทศทีไ่ ด้จากแหล่งขอ้ มูลต่าง ๆ รวมทั้งจดั กลุม่ ธาตเุ ป็นโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสี ที่มีต่อ สง่ิ มีชวี ิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสงั คม จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ ม.1/3 ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี โดยเสนอ แนวทางการใชธ้ าตุอยา่ งปลอดภัย คมุ้ ค่า ม.1/4 เปรียบเทยี บจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธแ์ิ ละสารผสม โดยการวัดอุณหภูมิ เขยี นกราฟ แปลความหมายข้อมูลจากกราฟ หรือสารสนเทศ ม.1/5 อธบิ ายและเปรียบเทยี บความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม
ม.1/6 ใช้เครอ่ื งมือเพือ่ วัดมวลและปรมิ าตรของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสม ม.1/7 อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยใช้ แบบจำลองและสารสนเทศ ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดยใช้ แบบจำลอง ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการ เคล่อื นท่ีของอนุภาคของสสารชนิดเดยี วกนั ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ โดยใช้แบบจำลอง ม.1/10 อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างพลงั งานความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสาร โดย ใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์และแบบจำลอง รวมทง้ั หมด 28 ตัวชี้วดั
โครงสรา้ งรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ พ้ืนฐาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 ลำดับท่ี ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการ เวลา 1. การเรียนรู้ เรยี นร/ู้ สาระสำคัญ (ชม.) ตวั ชวี้ ัด สารรอบตัวเรา 18 มาตรฐาน ว - ธาตุแต่ละชนดิ มีสมบัติเฉพาะตวั และมีสมบัติ ทาง 2.1 ม.1/1 , กายภาพบางประการเหมือนกันและบางประการ ม.1/2 , ม.1/3 ต่างกนั ซงึ่ สามารถนำมาจดั กลุม่ ธาตเุ ป็นโลหะ , ม.1/4 , ม. อโลหะ และกง่ึ โลหะ ธาตุโลหะมจี ุดเดอื ด จดุ 1/5 , ม.1/6 , หลอมเหลวสงู มีผวิ มนั วาว นำความร้อนนำไฟฟ้า ดงึ ม.1/7 , ม.1/8 เป็นเส้นหรือตีเป็นแผ่นบาง ๆ ได้ และมคี วาม , ม.1/9 , ม. หนาแนน่ ท้ังสงู และตำ่ ธาตอุ โลหะ มจี ุดเดอื ด จดุ 1/10 หลอมเหลวตำ่ มีผิวไมม่ ันวาว ไมน่ ำความรอ้ น ไมน่ ำ ไฟฟา้ เปราะ แตกหักงา่ ย และมคี วามหนาแน่นต่ำ ธาตกุ ึ่งโลหะมีสมบตั ิบางประการเหมือนโลหะ และ สมบตั ิบางประการเหมอื นอโลหะ - ธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ทสี่ ามารถแผ่รังสีได้ จัดเป็นธาตกุ มั มันตรงั สี - ธาตมุ ที ้ังประโยชน์และโทษ การใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กงึ่ โลหะ ธาตุกมั มันตรังสี ควรคำนึงถงึ ผลกระทบต่อ ส่งิ มชี วี ติ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสงั คม - สารบรสิ ทุ ธ์ปิ ระกอบด้วยสารเพียงชนดิ เดียว ส่วนสาร ผสมประกอบด้วยสารตง้ั แต่ 2 ชนิดข้นึ ไป สารบริสุทธิ์แต่ ละชนิดมีสมบัติบางประการที่เป็นค่าเฉพาะตัว เช่น จุด เดือดและจุดหลอมเหลวคงที่ แต่สารผสมมีจุดเดือดและ จดุ หลอมเหลวไม่คงท่ี ขน้ึ อยู่กบั ชนิดและสัดส่วนของสาร ที่ผสมอยู่ด้วยกนั - สารบริสุทธ์ิแต่ละชนิดมีความหนาแน่น หรือมวล ต่อหนึง่ หน่วยปริมาตรคงท่ี เปน็ คา่ เฉพาะของสารน้ัน ณ สถานะและอุณหภูมิหนึ่ง แต่สารผสมมีความ หนาแน่นไม่คงที่ขึน้ อยู่กบั ชนิดและสดั ส่วนของสารที่ ผสมอยดู่ ้วยกนั - สารบริสุทธิ์แบ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ ธาตุ ประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กทสี่ ุดที่ยังแสดงสมบัติของธาตุ นั้นเรียกว่า อะตอม ธาตุแต่ละชนิดประกอบด้วยอะตอม เพียงชนิดเดียวและไม่สามารถแยกสลายเป็นสารอื่นได้
ลำดบั ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ เวลา การเรียนรู้ เรียนรู/้ สาระสำคัญ (ชม.) ตัวชีว้ ัด ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป รวมตัวกันทางเคมีในอัตราส่วนคงที่ มีสมบตั แิ ตกต่างจาก ธาตุที่เป็นองค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วยวิธี ทางเคมี ธาตุและสารประกอบสามารถเขียนแทนได้ด้วย สตู รเคมี - อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และ อเิ ล็กตรอน โปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวก ธาตชุ นิดเดียวกัน มีจำนวนโปรตอนเท่ากันและเป็นค่าเฉพาะของธาตุน้ัน นิวตรอนเป็นกลางทางไฟฟ้า ส่วนอิเล็กตรอนมีประจุ ไฟฟ้าลบ เมื่ออะตอมมีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวน อิเลก็ ตรอน จะเป็นกลางทางไฟฟ้า โปรตอนและนิวตรอน รวมกันตรงกลางอะตอมเรียกว่า นิวเคลียส ส่วน อเิ ล็กตรอนเคลื่อนท่ีอยู่ในทวี่ ่างรอบนิวเคลียส -สสารทุกชนิดประกอบด้วยอนุภาค โดยสารชนิด เดียวกันที่มีสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส จะมีการ จัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค การ เคลื่อนที่ของอนุภาคแตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อรูปร่างและ ปรมิ าตรของสสาร - อนุภาคของของแข็งเรียงชิดกัน มีแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างอนุภาคมากที่สุด อนุภาคสั่นอยู่กับที่ ทำให้มี รูปร่างและปริมาตรคงท่ี - อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มีแรงยึดเหนี่ยว ระหวา่ งอนุภาคนอ้ ยกวา่ ของแขง็ แตม่ ากกว่าแก๊ส อนุภาค เคล่อื นทีไ่ ดแ้ ต่ไม่เป็นอิสระเท่าแก๊ส ทำให้มีรูปร่างไม่คงท่ี แต่ปรมิ าตรคงที่ - อนุภาคของแก๊สอยู่ห่างกันมาก มีแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างอนุภาคน้อยท่ีสุด อนุภาคเคล่ือนท่ีได้อย่างอิสระ ทกุ ทศิ ทาง ทำใหม้ รี ูปรา่ งและปรมิ าตรไม่คงที่ - เมื่อให้ความร้อนแก่ของเหลว อนุภาคของของเหลว จะมีพลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่ง ของเหลวจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส เรียกความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของเหลว เป็นแก๊สว่า ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ และ
ลำดับท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการ เวลา การเรยี นรู้ เรยี นร้/ู สาระสำคญั (ชม.) ตัวชีว้ ัด อุณหภูมิขณะเปลี่ยนสถานะจะคงที่ เรียกอุณหภูมินี้ว่า จดุ เดอื ด - เมื่อทำให้อุณหภูมิของแก๊สลดลงจนถึงระดับหนึ่ง แก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดควบแนน่ ซ่งึ มีอุณหภมู ิเดียวกับจุดเดือดของของเหลว น้นั - เมื่อทำให้อุณหภูมิของของเหลวลดลงจนถึงระดับ หนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียก อุณหภูมินี้ว่า จุดเยือกแข็ง ซึ่งมีอุณหภูมิเดียวกับจุด หลอมเหลวของของแขง็ นั้น 2. หนว่ ยพนื้ ฐานของ มาตรฐาน ว - เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตบาง 15 สง่ิ มชี ีวิต 1.2 ชนิดมเี ซลล์เพยี งเซลลเ์ ดียว เช่น อะมบี า พารามเี ซยี ม ม.1/1 , ม. ยีสต์ บางชนดิ มีหลายเซลล์ เชน่ พืช สัตว์ 1/2 , ม.1/3 , - โครงสรา้ งพนื้ ฐานทพี่ บท้งั ในเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ ม.1/4 , ม.1/5 และสามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส โครงสร้างท่ีพบในเซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว์ ได้แก่ ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์ - โครงสรา้ งตา่ ง ๆ ของเซลล์มีหนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั - ผนงั เซลล์ ทำหน้าท่ใี หค้ วามแขง็ แรงแก่เซลล์ - เยื่อหุ้มเซลล์ ทำหน้าที่ห่อหุ้มเซลล์และควบคุมการ ลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ - นวิ เคลียส ทำหน้าทคี่ วบคุมการทำงานของเซลล์ - ไซโทพลาซึม มีออรแ์ กเนลลท์ ี่ทำหนา้ ท่แี ตกตา่ งกัน - แวควิ โอล ทำหนา้ ทเ่ี กบ็ นำ้ และสารตา่ ง ๆ - ไมโทคอนเดรีย ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสลาย สารอาหารเพอื่ ให้ไดพ้ ลงั งานแก่เซลล์ - คลอโรพลาสต์ เป็นแหล่งทีเ่ กดิ การสังเคราะห์ด้วย แสง - เซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีรูปร่าง ลักษณะ ที่หลากหลาย และมีความเหมาะสมกับหน้าที่ของเซลล์นั้น เช่น เซลล์ประสาทส่วนใหญ่ มีเส้นใยประสาทเป็นแขนง ยาว นำกระแสประสาทไปยังเซลล์อื่น ๆ ที่อยู่ไกล ออกไป เซลล์ขนราก เป็นเซลล์ผิวของรากที่มีผนัง
ลำดับท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา 3. การเรียนรู้ เรียนรู้/ (ชม.) ตวั ช้วี ัด 27 เซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ยื่นยาวออกมา ลักษณะคล้าย ขนเส้นเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดน้ำและธาตุ อาหาร - พืชและสัตว์เป็นสิ่งมชี ีวิตหลายเซลล์มกี ารจัดระบบ โดยเริม่ จากเซลลไ์ ปเป็นเน้ือเยอ่ื อวัยวะ ระบบอวยั วะ และสิ่งมีชีวิตตามลำดับ เซลล์หลายเซลล์มารวมกัน เปน็ เนอ้ื เยือ่ เนือ้ เย่อื หลายชนิดมารวมกนั และทำงาน ร่วมกันเป็นอวัยวะ อวัยวะต่าง ๆ ทำงานร่วมกันเปน็ ระบบอวัยวะ ระบบอวัยวะทุกระบบทำงานร่วมกัน เป็นสิง่ มชี ีวิต - เซลล์มีการนำสารเข้าสูเ่ ซลล์ เพื่อใช้ในกระบวนการ ตา่ ง ๆ ของเซลล์ และมีการขจัดสารบางอย่างท่ีเซลล์ ไม่ต้องการออกนอกเซลล์ การนำสารเข้าและออก จากเซลล์มีหลายวิธี เช่น การแพร่เป็นการเคลื่อนท่ี ของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารสูงไปสู่ บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารต่ำ ส่วนออสโมซิส เป็นการแพร่ของน้ำ ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ จากด้านที่มี ความเข้มข้นของสารละลายต่ำไปยังด้านที่มีความ เข้มข้นของสารละลายสงู กว่า การดำรงชวี ติ ของ มาตรฐาน ว - กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชที่เกิดขึ้นใน พืช 1.2 คลอโรพลาสต์ จำเป็นต้องใช้แสง แก๊สคาร์บอนได- ม.1/6 , ม. ออกไซด์ คลอโรฟิลล์ และน้ำ ผลผลิตที่ได้จากการ 1/7 , ม.1/8 , สงั เคราะหด์ ้วยแสง ไดแ้ ก่ น้ำตาลและแก๊สออกซิเจน ม.1/9 , ม. - การสังเคราะห์ด้วยแสง เป็นกระบวนการที่สำคัญต่อ 1/10 , สง่ิ มชี วี ติ เพราะเป็นกระบวนการเดยี ว ทสี่ ามารถนำ ม.1/11 , พลังงานแสงมาเปลี่ยนเป็นพลังงานในรูปสารประกอบ ม.1/12 , ม. อินทรีย์และเก็บสะสมในรูปแบบต่าง ๆ ในโครงสร้างของ 1/13 , ม. พืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่สำคัญของ 1/14 , ม. สิ่งมีชีวิตอื่น นอกจากนี้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 1/15 , ม. ยังเปน็ กระบวนการหลักในการสร้างแก๊สออกซิเจนให้กับ 1/16 , ม. บรรยากาศเพ่ือใหส้ ่ิงมีชีวิตอืน่ ใช้ในกระบวนการหายใจ 1/17 , ม. - พืชมีไซเล็มและโฟลเอ็ม ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อมีลักษณะ 1/18 คล้ายท่อ เรียงตัวกันเป็นกลุ่มเฉพาะที่ โดยไซเล็มทำ หน้าที่ลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร มีทิศทางลำเลียงจาก รากไปสู่ลำต้น ใบ และส่วนต่าง ๆ ของพืช เพื่อใช้ในการ
ลำดบั ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ เวลา การเรียนรู้ เรียนรู/้ สาระสำคัญ (ชม.) ตัวชีว้ ัด สงั เคราะห์ด้วยแสงรวมถึงกระบวนการอื่น ๆ สว่ นโฟลเอ็ม ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง มีทิศทางลำเลียงจากบริเวณที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสง ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของพชื - พืชดอกทุกชนิดสามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ และบางชนดิ สามารถสืบพันธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศได้ - การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศเปน็ การสืบพนั ธท์ุ ่มี ี การผสมกันของสเปิร์มกับเซลล์ไข่ การสืบพันธุ์ แบบ อาศัยเพศของพืชดอกเกิดขึ้นที่ดอก โดยภายในอับเรณู ของส่วนเกสรเพศผู้มีเรณู ซึ่งทำหน้าที่สร้างสเปิร์ม ภายในออวุลของส่วนเกสรเพศเมีย มีถุงเอ็มบริโอ ทำ หน้าที่สร้างเซลล์ไข่ - การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุ์ที่พชื ตน้ ใหม่ไมไ่ ด้เกิดจากการปฏิสนธริ ะหว่างสเปิร์ม กับเซลล์ ไข่ แต่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ราก ลำต้น ใบ มี การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาขึ้นมา เปน็ ตน้ ใหม่ได้ - การถา่ ยเรณู คือ การเคล่ือนย้ายของเรณูจากอับเรณู ไปยังยอดเกสรเพศเมีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะและ โครงสร้างของดอก เชน่ สีของกลีบดอก ตำแหนง่ ของเกสร เพศผู้และเกสรเพศเมีย โดยมีสิ่งที่ช่วยในการถ่ายเรณู เช่น แมลง ลม - การถ่ายเรณูจะนำไปสู่การปฏิสนธิ ซึ่งจะเกิดขึ้นท่ีถุง เอ็มบริโอภายในออวุล หลังการปฏิสนธิจะได้ไซโกต และ เอนโดสเปิร์ม ไซโกตจะพัฒนาต่อไปเป็นเอ็มบริโอ ออวุล พัฒนาไปเปน็ เมลด็ และรงั ไข่พฒั นาไปเป็นผล - การถ่ายเรณูจะนำไปสู่การปฏิสนธิ ซึ่งจะเกิดข้ึนที่ถุง เอ็มบริโอภายในออวุล หลังการปฏิสนธิจะได้ไซโกต และ เอนโดสเปิร์ม ไซโกตจะพัฒนาต่อไปเป็นเอ็มบริโอ ออวุล พัฒนาไปเปน็ เมล็ด และรังไขพ่ ัฒนาไปเป็นผล - ผลและเมล็ดมีการกระจายออกจากต้นเดิม โดย วิธีการต่าง ๆ เมื่อเมล็ดไปตกในสภาพแวดล้อมที่ เหมาะสมจะเกิดการงอกของเมล็ด โดยเอ็มบริโอภายใน เมล็ดจะเจริญออกมา โดยระยะแรกจะอาศัยอาหารที่ สะสมภายในเมล็ด จนกระทั่งใบแท้พัฒนา จนสามารถ
ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ เวลา การเรียนรู้ เรียนรู้/ สาระสำคัญ (ชม.) ตวั ชี้วัด 60 สังเคราะห์ด้วยแสงได้เต็มที่ และสร้างอาหารได้เอง ตามปกติ - พืชต้องการธาตุอาหารที่จำเป็นหลายชนิดในการ เจรญิ เตบิ โตและการดำรงชีวติ - พืชตอ้ งการธาตุอาหารบางชนิดในปริมาณมาก ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซียม แคลเซยี ม แมกนเี ซียม และกำมะถัน ซึ่งในดินอาจมีไม่เพียงพอ สำหรับการ เจริญเติบโตของพืช จึงต้องมีการให้ธาตุอาหารในรูปของ ปุ๋ยกบั พชื อยา่ งเหมาะสม - มนษุ ยส์ ามารถนำความรู้เรื่องการสืบพันธ์ุ แบบอาศัย เพศและไม่อาศัยเพศ มาใช้ในการขยายพันธุ์เพื่อเพิ่ม จำนวนพืช เช่น การใช้เมล็ดที่ได้จากการสืบพันธุ์แบบ อาศัยเพศมาเพาะเลี้ยง วิธีการนี้จะได้พืชในปริมาณมาก แต่อาจมีลกั ษณะทแี่ ตกต่างไป จากพ่อแม่ ส่วนการตอนกิ่ง การปักชำ การต่อกิ่ง การ ติดตา การทาบกิ่ง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นการนำ ความรู้เรื่องการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชมาใช้ใน การขยายพันธุ์ เพื่อให้ได้พืชที่มีลักษณะเหมือนต้นเดิม ซึ่งการขยายพันธุ์แต่ละวิธี มีขั้นตอนแตกต่างกัน จึงควร เลือกใหเ้ หมาะสมกับความตอ้ งการของมนุษย์ โดยต้องคำนึงถึงชนิดของพืชและลักษณะการสืบพันธ์ุ ของพชื - เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นการนำ ความรเู้ ก่ียวกับปัจจัยท่ีจำเปน็ ต่อการเจริญเติบโตของพืช มาใช้ในการเพิ่มจำนวนพืช และทำให้พืชสามารถ เจริญเตบิ โตได้ในหลอดทดลอง ซ่งึ จะไดพ้ ชื จำนวนมากใน ระยะเวลาสั้น และสามารถนำเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง เนื้อเยื่อมาประยุกต์ เพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ปรับปรุงพันธุ์พืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ การผลิต ยาและสาระสำคญั ในพืช และอืน่ ๆ จำนวนชั่วโมงเรียน รวมทง้ั หมด
การวเิ คราะห์มาต รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว 22101 ช้ันมธั ตวั ชวี้ ัด/ ร้อู ะไร ทำอะไร ผลการเรยี นรู้ ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัติทาง รูอ้ ะไร -แ กายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ สามารถอธิบายความหมายของสาร อโลหะ และก่งึ โลหะ โดยใช้หลักฐาน รอบตัวได้ เชงิ ประจกั ษท์ ีไ่ ดจ้ ากการสงั เกตและ - สาร การทดสอบ และใชส้ ารสนเทศท่ีได้ - สมบตั ิของสาร จากแหลง่ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ รวมทั้งจัด - การจำแนกสารเปน็ หมวดหมู่ กลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ - สารเน้ือผสม ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ - สารเนอื้ เดียว ธาตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุ - สารละลาย กัมมันตรังสี ทีม่ ีต่อสิ่งมีชวี ติ - สารบรสิ ทุ ธิ์ สิง่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คม จาก สารท่ีเป็นกรด ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ -สารท่เี ปน็ เบส ว 2.1 ม.1/3 ตระหนกั ถงึ คุณค่าของ -สารปรงุ แต่งอาหาร การใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ -สารทีใ่ ช้ทำความสะอาด ธาตุกัมมนั ตรงั สี โดยเสนอแนว ยารักษาโรค ทางการใช้ธาตุอยา่ งปลอดภยั ค้มุ ค่า -สารที่ใช้ทางการเกษตรสารทใ่ี ช้ทำ ว 2.1 ม.1/4 เปรยี บเทียบจุดเดอื ด ความสะอาดอนื่ ๆ จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และ -หลกั การใช้สารโดยท่วั ๆไป สารผสม โดยการวัดอณุ หภมู ิ เขยี น กราฟ แปลความหมายขอ้ มูลจาก กราฟ หรือสารสนเทศ
ตรฐานและตวั ช้วี ัด ธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสำคัญ คุณลักษณะ คุณลักษณะ ของวิชา อันพงึ ประสงค์ แบบจำลอง 1. ความสามารถใน การคิด 1. มีวนิ ัย 2. ความสามารถใน 2. ใฝ่เรยี นรู้ การสอื่ สาร 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
ตัวช้ีวัด/ รอู้ ะไร ทำอะไร ผลการเรียนรู้ ว 2.1 ม.1/5 อธิบายและ ทำอะไร เปรียบเทียบความหนาแนน่ ของสาร บริสุทธแ์ิ ละสารผสม อธิบายการจัดเรยี งอนภุ าค แรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าคืและการเคลื่อนที่ ว 2.1 ม.1/6 ใชเ้ ครอ่ื งมือเพอ่ื วัด มวลและปรมิ าตรของสารบริสทุ ธแิ์ ละ ของอนุภาคของสารชนิดเดยี วกนั ใน สถานะตา่ งๆได้ สารผสม ว 2.1 ม.1/7 อธบิ ายเกย่ี วกบั เปรยี บเทยี บการจดั เรียงอนุภาค แรง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุ ยึดเหนีย่ วระหว่างอนุภาคของสารชนิด และสารประกอบ โดยใชแ้ บบจำลอง เดยี วกันในสถานะตา่ งๆ ได้ และสารสนเทศ อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพลังงาน ว 2.1 ม.1/8 อธบิ ายโครงสร้าง ความร้อนกับการเปลีย่ นสถานะของสสาร อะตอมทีป่ ระกอบดว้ ยโปรตอน ได้ นิวตรอน และอิเลก็ ตรอน โดยใช้ สามารถระบุการเปล่ียนแปลงสถานะ แบบจำลอง ของสสารที่อยรู่ อบตัวได้ ว 2.1 ม.1/9 อธบิ ายและ อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างอะตอม เปรียบเทียบการจดั เรยี งอนุภาค แรง ธาตุและสารประกอบ โดยใชแ้ บบจำลอง ยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนภุ าค และการ ได้ เคล่อื นที่ของอนภุ าคของสสารชนิด อธิบายโครงสร้างอะตอมโดยใช้ เดียวกนั ในสถานะของแข็ง ของเหลว แบบจำลองได้ และแกส๊ โดยใช้แบบจำลอง อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการ ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสมั พนั ธ์ ของธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ และ ระหว่างพลงั งานความร้อนกบั การ ธาตกุ ัมมันตรงั สี ตอ่ ส่ิงมีชีวิต สงิ่ แวดลอ้ ม เปลย่ี นสถานะของสสาร โดยใช้ เศรษฐกิจ สงั คม อธบิ ายลกั ษณะของธาตกุ ัมมันตรังสไี ด้
ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ ของวิชา อนั พึงประสงค์
ตวั ชว้ี ัด/ รอู้ ะไร ทำอะไร ผลการเรยี นรู้ วเิ คราะห์ผลจาการใช้ธาตุกมั มันตรงั สี หลักฐานเชงิ ประจักษแ์ ละ ตอ่ ส่งิ มีชวี ิต สิ่งแวดลอ้ ม และสังคม แบบจำลอง อธบิ ายความสัมพันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยใชแ้ บบจำลอง ได้ อธบิ ายโครงสร้างสารประกอบโดยใช้ แบบจำลองได้ อธบิ ายความหนาแน่นของสาร บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสมได้ เปรยี บเทยี บจุดเดือดจุดหลอมเหลว ของสารบริสทุ ธแิ์ ละสารผสมได้ อธบิ ายความหนาแน่น
ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ ของวิชา อนั พึงประสงค์
ตวั ชวี้ ัด/ ร้อู ะไร ทำอะไร ผลการเรยี นรู้ ว 1.2 ม.1/1 เปรยี บเทยี บรูปร่าง รอู้ ะไร ลักษณะ และโครงสรา้ งของเซลลพ์ ืช เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วย - แ และเซลล์สัตว์ รวมทง้ั บรรยายหน้าท่ี พื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า แล ของผนงั เซลล์ เยอ่ื หมุ้ เซลล์ ไซ และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ โทพลาซึม นิวเคลียส แวคิวโอลไมโท โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของระบบต่าง ๆ ของ คอนเดรยี และ ส ั ต ว ์ แ ล ะ ม น ุ ษ ย ์ ท ี ่ ท ำ ง า น ส ั ม พ ั น ธ ์ กั น คลอโรพลาสต์ ความสมั พนั ธข์ องโครงสร้างและหนา้ ทขี่ อง ว 1.2 ม.1/2 ใชก้ ล้องจุลทรรศน์ใช้ อวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพนั ธ์กนั แสงศึกษาเซลล์ และโครงสร้างต่าง ๆ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ภายในเซลล์ - เซลล์และส่วนประกอบของเซลล์ ว 1.2 ม.1/3 อธิบายความสัมพนั ธ์ - โครงสรา้ งของเซลล์ ระหวา่ งรูปร่าง กบั การทำหน้าท่ีของ - สว่ นประกอบของเซลล์ เซลล์ - บอกลักษณะของเซลล์พชื - สัตว์ ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจดั ระบบ - การใชก้ ล้องจุลทรรศน์ ของสิ่งมีชีวิต โดยเริ่มจากเซลล์ - การลำเลียงน้ำแร่ธาตแุ ละอาหารของ เนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จน พืช เปน็ สิง่ มชี วี ิต - การลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ ว 1.2 ม.1/5 อธบิ ายกระบวนการ - แพร่และออสโมซิส แพร่และออสโมซสิ จากหลักฐานเชงิ - การลำเลยี งอาหาร ประจกั ษ์ และยกตวั อย่างการแพร่ และออสโมซสิ ในชีวติ ประจำวัน
ภาระงาน/ช้ินงาน สมรรถนะสำคัญ คณุ ลักษณะ คุณลกั ษณะ ของวชิ า อนั พงึ ประสงค์ แบบจำลองเซลล์ พชื ละเซลล์สัตว์ 1. ความสามารถใน 1. มีวินยั การคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ความสามารถใน 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน การส่ือสาร
ตวั ช้ีวัด/ รู้อะไร ทำอะไร ผลการเรยี นรู้ ทำอะไร อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่าง ของเซลลต์ อ่ การทำหน้าที่ของเซลล์ได้ อธิบายการจดั ระบบของส่งิ มชี วี ติ ได้ ใช้งานกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงตาม ขัน้ ตอนทีถ่ กู ตอ้ ง บรรยายหน้าทีอ่ งค์ประกอบของเซลล์ ได้ เปรียบเทียบรูปรา่ งและโครงสร้าง เซลลพ์ ชื และสตั วไ์ ด้ อธิบายกระบวนการแพร่และออสโท ซิสได้ อธิบายความแตกตา่ งของการแพร่ และออสโมซิสได้ ใช้งานอุปกรณว์ ทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ ง ถกู ต้อง
ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ ของวิชา อนั พึงประสงค์
ตัวชี้วัด/ รอู้ ะไร ทำอะไร ผลการเรียนรู้ ว 1.2 ม.1/6 ระบปุ จั จัยที่จำเปน็ ใน ร้อู ะไร การสังเคราะห์ด้วยแสงและผลผลิตท่ี เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วย แผ เกดิ ขึน้ จากการสังเคราะห์ด้วยแสง พื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ ว 1.2 ม.1/7 อธิบายความสำคญั โครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องระบบตา่ ง ๆ ของ ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช สัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและส่ิงแวดล้อม ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ งและหน้าทีข่ อง ว 1.2 ม.1/8 ตระหนักในคณุ คา่ ของ อวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพนั ธ์กัน พืชท่มี ีตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และส่ิงแวดล้อม รวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ โดยการรว่ มกนั ปลูกและดูแลรักษา - คลอโรฟิลดก์ บั การสร้างอาหาร ตน้ ไมใ้ นโรงเรียนและชมุ ชน - แสงกับการสรา้ งอาหาร ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลักษณะและ - คาร์บอนไดออกไซด์กับการสร้าง หน้าที่ของไซเล็มและโฟลเอม็ อาหาร ว 1.2 ม.1/10 เขียนแผนภาพที่ - ผลพลอยได้ที่ได้จากการสร้างอาหาร บรรยายทิศทางการลำเลียงสารในไซ ของพชื เล็มและโฟลเอ็มของพชื - การสืบพันธ์แบบอาศัยเพศและไม่ ว 1.2 ม.1/11 อธบิ ายการสบื พนั ธ์ุ อาศยั เพศ แบบอาศยั เพศ และไมอ่ าศัยเพศของ - การสบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศ พชื ดอก - การสืบพันธ์แุ บบไม่อาศัยเพศ ว 1.2 ม.1/12 อธิบายลักษณะ - การเจรญิ เติบโตของพชื โครงสรา้ งของดอกทมี่ สี ว่ นทำให้เกิด - ปจั จยั ทม่ี ีผลต่อการเจริญเติบโต การถา่ ยเรณู รวมทั้งบรรยาย การ - ความสำคัญของพืชที่มีต่อมนุษย์และ ปฏิสนธิของพืชดอก การเกดิ ผลและ สัตวแ์ ละการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ภาระงาน/ช้นิ งาน สมรรถนะสำคญั คุณลกั ษณะ คณุ ลักษณะ ของวชิ า อันพึงประสงค์ ผนภาพการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 1. ความสามารถใน การคิด 1. มวี นิ ยั 2. ความสามารถใน 2. ใฝ่เรยี นรู้ การสือ่ สาร 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
ตวั ชี้วัด/ รอู้ ะไร ทำอะไร ผลการเรียนรู้ เมลด็ การกระจายเมลด็ และการ - การตอบสนองต่อสิ่งเร้าเนื่องจากการ งอกของเมลด็ เจรญิ เตบิ โต ว 1.2 ม.1/13 ตระหนกั ถึง - การตอบสนองต่อสิ่งเร้าเนื่องจากการ ความสำคัญของสตั ว์ท่ีชว่ ยในการถ่าย เปล่ียนแปลงปรมิ าณน้ำในเซลล์ เรณขู องพชื ดอก โดยการไม่ทำลาย - เทคโนโลยีที่หลากหลาย การเพ่ิม ชีวิตของสัตวท์ ่ีชว่ ยในการถา่ ยเรณู ผลผลติ ทางการเกษตร ว 1.2 ม.1/14 อธิบายความสำคัญ - การขยายพันธ์ุและปรับปรงุ พันธุ์พชื ของธาตอุ าหารบางชนิดท่มี ีผลต่อการ - การเพิม่ ผลผลิต เจริญเตบิ โตและการดำรงชวี ติ ของ - การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้าน พชื ต่างๆ ว 1.2 ม.1/15 เลือกใช้ปุย๋ ที่มีธาตุ อาหารเหมาะสมกับพชื ใน ทำอะไร สถานการณ์ท่ีกำหนด ระบปุ ัจจยั ทจ่ี ำเป็นในการสังเคราะห์ ว 1.2 ม.1/16 เลอื กวิธีการ ดว้ ยแสง และผลผลติ ท่ีเกดิ จากการ ขยายพันธุ์พชื ใหเ้ หมาะสมกับความ สังเคราะหด์ ้วยแสงได้ ตอ้ งการของมนษุ ย์ โดยใช้ความรู้ อธิบายความสำคัญของการสงั เคราะห์ เกี่ยวกับการสืบพนั ธุข์ องพืช ดว้ ยแสงของพชื ตอ่ สงิ่ มชี วี ติ และ ว 1.2 ม.1/17 อธิบายความสำคญั สิ่งแวดล้อมได้ ของเทคโนโลยี การเพาะเลย้ี ง บรรยายลักษณะการทำงานของไซ เน้อื เยื่อพืชในการใชป้ ระโยชนด์ ้าน เล็มและโฟลเอ็มได้ ตา่ ง ๆ บรรยายทิศทางการลำเลียงของไซ ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถึงประโยชน์ เลม็ และโฟลเอม็ เปน็ แผนภาพได้ ของการขยายพนั ธุพ์ ืช โดยการนำ เปรียบเทียบโครงสรา้ งการลำเลยี ง ความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจำวัน ของพืชใบเลยี้ งเดย่ี วและพืชใบเล้ยี งคไู่ ด้
ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ ของวิชา อนั พึงประสงค์
ตวั ชีว้ ัด/ รอู้ ะไร ทำอะไร ผลการเรียนรู้ อธิบายความสำคัญของธาตอุ าหาร บางชนิดทมี่ ตี ่อการเจรญิ เติบโตและการ ดำรงชวี ติ ขิงพืชได้ อธบิ ายการสบื พันธแ์ุ บบอาศัยเพศและ ไมอ่ าศยั เพศของพืชดอกได้ เลือกวธิ ีการขยายพันธ์พุ ืชใหเ้ หมาะสม กับความตอ้ งการได้ อธิบายความสำคญั ของเทคโนโลยีการ เพาะเลยี้ งเน้อื เย่อื พชื ในการใชป้ ระโยชน์ ในด้านต่างๆได้
ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ ของวิชา อนั พึงประสงค์
การวดั และประเม รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเร เป้าหมายการเรยี นรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน ว สาระสำคญั - ใบงาน เรื่อง การจำแนกสาร - ตรวจ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของ - ใบงานเรือ่ ง สารรอบตัวเรา - ตรวจ สสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร - ใบงาน เรือ่ ง ความร้อนกบั การ แบบท กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ ง เปลี่ยนแปลงสถานะของสาร เรียน อนุภาค หลกั และธรรมชาติของการ - ใบงาน เรอ่ื งธาตุกมั มันตรังสี เปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ - ใบงาน เรือ่ ง สารประกอบ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี - ใบงาน เรอื่ ง สารผสม - สาร - แบบทดสอบหลังเรยี น - สมบัติของสาร - การจำแนกสารเปน็ หมวดหมู่ - สารเน้อื ผสม - สารเนื้อเดยี ว - สารละลาย - สารบรสิ ทุ ธ์ิ สารที่เปน็ กรด -สารทีเ่ ปน็ เบส -สารปรงุ แตง่ อาหาร -สารทีใ่ ช้ทำความสะอาด ยารกั ษาโรค -สารท่ใี ช้ทางการเกษตรสารท่ีใช้ทำ ความสะอาดอื่นๆ
มนิ ผลการเรยี นรู้ รหัสวชิ า ว 22101 รยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 วธิ ีวดั เครอื่ งมอื วดั ประเดน็ /เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน ผา่ นระดบั คะแนนรอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป 20 จใบงาน - ใบงาน จ - แบบทดสอบ ทดสอบหลงั หลังเรยี น
เป้าหมายการเรยี นรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ว สาระสำคัญ - ใบงาน เซลล์ของสิ่งมีชวี ิต - ตรวจ เขา้ ใจสมบัติของส่ิงมชี วี ติ หนว่ ย - แผน่ พบั เร่ืองเซลลพ์ ชื เซลล์ - ตรวจ พนื้ ฐานของสง่ิ มชี ีวติ การลำเลยี งสารเข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ของ สัตว์ แบบท โครงสร้างและหน้าท่ีของระบบตา่ ง ๆ ของ สตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ที่ ำงานสมั พนั ธก์ ัน - รายงาน เรื่องการแพร่ และ เรยี น ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าทขี่ อง อวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชทีท่ ำงานสมั พันธก์ ัน การออสโมซิส รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ - แบบทดสอบหลงั เรียน - เซลล์และสว่ นประกอบของเซลล์ - โครงสร้างของเซลล์ - สว่ นประกอบของเซลล์ - บอกลกั ษณะของเซลล์พชื - สตั ว์ - การใช้กลอ้ งจุลทรรศน์ - การลำเลียงน้ำแร่ธาตุและอาหารของ พชื - การลำเลียงน้ำและแรธ่ าตุ - แพร่และออสโมซสิ - การลำเลยี งอาหาร
วิธวี ัด เครอื่ งมือวดั ประเด็น/เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนน ผา่ นระดบั คะแนนร้อยละ 60 ขนึ้ ไป 20 จใบงาน - ใบงาน จ - แบบทดสอบ ทดสอบหลงั หลังเรยี น
เปา้ หมายการเรียนรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ว สาระสำคัญ - ใบงาน เร่ือง การสงั เคราะห์ - ตรวจ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชวี ติ หนว่ ย ดว้ ยแสง - ตรวจ พน้ื ฐานของสิ่งมชี วี ิต การลำเลยี งสารเข้า - ใบงานเร่ืองการลำเลียงนำ้ แบบท และออกจากเซลล์ ความสัมพันธข์ อง และแรธ่ าตุของพชื เรยี น โครงสรา้ งและหน้าทีข่ องระบบต่าง ๆ ของ - ใบงาน เร่อื งการ สตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ่ีทำงานสัมพนั ธก์ ัน เจรญิ เตบิ โตของพชื ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ีของ - แบบทดสอบหลงั เรยี น อวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพนั ธ์กนั รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ - คลอโรฟิลด์กับการสรา้ งอาหาร - แสงกบั การสรา้ งอาหาร - คารบ์ อนไดออกไซดก์ บั การสรา้ งอาหาร - ผลพลอยได้ท่ีได้จากการสร้างอาหาร ของพชื - การสบื พันธแ์ บบอาศัยเพศและไม่อาศัย เพศ - การสืบพันธแ์ุ บบอาศยั เพศ - การสืบพันธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ - การเจรญิ เตบิ โตของพชื - ปจั จัยท่ีมีผลต่อการเจรญิ เตบิ โต - ความสำคัญของพืชที่มีต่อมนุษย์และ สตั ว์และการตอบสนองต่อสงิ่ เร้า - การตอบสนองต่อสิ่งเร้าเนื่องจากการ เจรญิ เติบโต
วิธวี ัด เครอื่ งมือวดั ประเด็น/เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนน ผา่ นระดบั คะแนนร้อยละ 60 ขนึ้ ไป 40 จใบงาน - ใบงาน จ - แบบทดสอบ ทดสอบหลงั หลังเรยี น
- การตอบสนองต่อสิ่งเร้าเนื่องจากการ เปลย่ี นแปลงปรมิ าณนำ้ ในเซลล์ - เทคโนโลยีที่หลากหลาย การเพิ่ม ผลผลิตทางการเกษตร - การขยายพันธแุ์ ละปรบั ปรุงพันธุพ์ ชื - การเพม่ิ ผลผลติ - การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้าน ตา่ งๆ
เปา้ หมายการเรยี นรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน ว - กิจกรรม เช้อื เพลิงซาก ตรวจใ ดึกดำบรรพ์เกิดขนึ้ ไดอ้ ย่างไร - กิจกรรม ผลิตไฟฟ้าจากแหลง่ พลงั งานทดแทนไดอ้ ยา่ งไร - กิจกรรม การใช้พลงั งานใน อนาคตควรเป็นอยา่ งไร
วิธวี ัด เครอ่ื งมือวัด ประเด็น/เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คะแนน ใบกิจกรรม ใบกิจกรรม ผ่านระดับคะแนนร้อยละ 60 ข้นึ ไป 20
วเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์พ้ืน ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัด เนือ้ หา/สาระการเรยี นร 1. สารรอบตัวเรา มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติ ม.1/1 อธบิ ายสมบตั ิทาง - ธาตุแต่ละชนดิ มสี มบัติ ของสสาร องค์ประกอบของ กายภาพบางประการของ เฉพาะตัวและมสี มบัติ ทาง สสาร ความสัมพันธ์ระหว่าง ธาตโุ ลหะ อโลหะ และกงึ่ กายภาพบางประการเหมือน สมบัติของสสารกับโครงสร้าง โลหะ โดยใช้หลกั ฐานเชิง และบางประการตา่ งกัน ซึ่ง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง ประจกั ษ์ท่ไี ด้จากการสงั เกต สามารถนำมาจดั กลมุ่ ธาตุเป อนุภาค หลักและธรรมชาติของ และการทดสอบ และใช้ โลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ การเปลี่ยนแปลงสถานะของ สารสนเทศท่ีได้จาก โลหะมจี ุดเดือด จดุ หลอมเห สสาร การเกิดสารละลาย และ แหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ รวมท้ัง สูง มผี ิวมนั วาว นำความร้อน การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี จดั กลุ่มธาตุเปน็ โลหะ ไฟฟ้า ดึงเปน็ เส้นหรือตีเปน็ แ อโลหะ กงึ่ โลหะ บาง ๆ ได้ และมีความหนาแ ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการ ท้ังสูงและตำ่ ธาตุอโลหะ มจี ใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่งึ เดอื ด จุดหลอมเหลวต่ำ มีผวิ โลหะ และธาตุกัมมนั ตรงั สี มันวาว ไม่นำความร้อน ไมน่ ที่มีต่อสิ่งมชี วี ติ สงิ่ แวดล้อม ไฟฟา้ เปราะ แตกหักงา่ ย แ เศรษฐกจิ และสังคม จาก มคี วามหนาแนน่ ต่ำ ธาตกุ ง่ึ ขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ โลหะมีสมบตั บิ างประการ ม.1/3 ตระหนักถงึ คุณคา่ เหมือนโลหะ และสมบัตบิ าง ของการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ ประการเหมอื นอโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตุกัมมนั ตรงั สี - ธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึง่ โดยเสนอแนวทางการใช้ธาตุ โลหะ ทสี่ ามารถแผ่รังสีได้ อย่างปลอดภัย คุม้ ค่า จัดเป็นธาตกุ มั มนั ตรังสี
นฐาน รหัสวิชา ว 22101 จำนวน 1.5 หน่วยกติ ทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 คณุ ภาพผเู้ รียน รู้ ความรคู้ วาม ทกั ษะปฏบิ ตั ิ คุณลกั ษณะนสิ ัย สมรรถนะ เขา้ ใจ (K) (P) (A) นกั เรยี นสามารถ นักเรียนสามารถ 3) รบั ผิดชอบตอ่ 1. ความสามารถในการ อธิบาย สมบัติ วเิ คราะห์ผลจาก หนา้ ที่และงานท่ี สือ่ สาร ได้รับมอบหมาย 2. ความสามารถในการคิด นกนั ของสสาร การใชธ้ าตโุ ลหะ 3. ทกั ษะการสงั เกต 4. ทักษะการจัดกลุ่ม องค์ประกอบของ อโลหะ กงึ่ โลหะ 5. ทักษะการเปรียบเทียบ 6. ทักษะการจำแนก ป็น สสาร และธาตุ ประเภท 7. ทกั ษะการสำรวจ ธาตุ ความสมั พนั ธ์ กมั มันตรงั สี ทม่ี ี หลว ระหว่างสมบตั ิ ต่อสงิ่ มีชีวิต นนำ ของสสารกบั สิง่ แวดล้อม แผ่น โครงสร้างและ เศรษฐกจิ และ แนน่ แรงยึดเหน่ยี ว สงั คม จากขอ้ มูล จุด ระหวา่ งอนภุ าค ท่รี วบรวมได้ วไม่ หลกั และ นำ ธรรมชาติของการ และ เปล่ยี นแปลง สถานะของสสาร การเกดิ ง สารละลาย และ การเกดิ ปฏกิ ิริยา เคมี
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด เนื้อหา/สาระการเรยี นร ม.1/4 เปรียบเทียบจุด - ธาตมุ ที ัง้ ประโยชนแ์ ละโทษ เดือด จุดหลอมเหลวของ การใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ สารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม โลหะ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี ควร โดยการวัดอุณหภูมิ เขียน คำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อสงิ่ มชี ีว กราฟ แปลความหมาย สงิ่ แวดล้อม เศรษฐกิจและ ข้อมลู จากกราฟ หรือ สงั คม สารสนเทศ - สารบริสทุ ธิป์ ระกอบดว้ ยส ม.1/5 อธิบายและ เพยี งชนดิ เดยี ว ส่วนสารผสม เปรียบเทยี บความหนาแน่น ประกอบด้วยสารตัง้ แต่ 2 ช ของสารบรสิ ุทธ์แิ ละสารผสม ข้ึนไป สารบริสุทธิแ์ ตล่ ะชนดิ ม.1/6 ใชเ้ ครือ่ งมอื เพื่อวดั สมบตั บิ างประการท่ีเปน็ ค่า มวลและปริมาตรของสาร เฉพาะตัว เช่น จุดเดอื ดและ บริสุทธิแ์ ละสารผสม หลอมเหลวคงท่ี แต่สารผสม ม.1/7 อธิบายเกย่ี วกบั จดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวไ ความสมั พนั ธ์ระหว่าง คงท่ี ข้ึนอยูก่ ับชนิดและสดั ส อะตอม ธาตุ และ ของสารท่ีผสมอยดู่ ้วยกนั สารประกอบ โดยใช้ - สารบริสุทธ์ิแต่ละชนดิ มีคว แบบจำลองและสารสนเทศ หนาแน่น หรอื มวลต่อหนึ่ง ม.1/8 อธิบายโครงสรา้ ง หนว่ ยปรมิ าตรคงท่ี เปน็ คา่ อะตอมทีป่ ระกอบด้วย เฉพาะของสารนน้ั ณ สถาน โปรตอน นวิ ตรอน และ และอณุ หภูมิหนงึ่ แตส่ ารผส อเิ ล็กตรอน โดยใช้ ความหนาแนน่ ไมค่ งท่ขี ้นึ อย แบบจำลอง ชนิดและสดั ส่วนของสารที่ผ อยดู่ ้วยกนั
คณุ ภาพผู้เรียน รู้ ความรู้ความ ทักษะปฏิบัติ คุณลกั ษณะนสิ ยั สมรรถนะ เข้าใจ (K) (P) (A) ษ วิต สาร ม ชนิด ดมี ะจดุ มมี ไม่ ส่วน วาม นะ สมมี ยกู่ ับ ผสม
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด เนือ้ หา/สาระการเรยี นร ม.1/9 อธิบายและ - สารบริสทุ ธ์ิแบง่ ออกเปน็ ธา เปรียบเทียบการจดั เรยี ง และสารประกอบ ธาตุ อนภุ าค แรงยดึ เหนย่ี ว ประกอบดว้ ยอนภุ าคทเี่ ล็กท ระหวา่ งอนภุ าค และการ ที่ยังแสดงสมบตั ิของธาตุนน้ั เคล่อื นทีข่ องอนุภาคของ เรยี กว่า อะตอม ธาตแุ ต่ละช สสารชนดิ เดียวกันในสถานะ ประกอบด้วยอะตอมเพียงช ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส เดยี วและไมส่ ามารถแยกสล โดยใชแ้ บบจำลอง เปน็ สารอ่นื ไดด้ ้วยวธิ ที างเคม ม.1/10 อธบิ าย ธาตเุ ขียนแทนด้วยสัญลักษณ ความสมั พนั ธ์ระหว่าง ธาตุ สารประกอบเกดิ จาก พลงั งานความร้อนกับการ อะตอมของธาตตุ ั้งแต่ 2 ชน เปล่ียนสถานะของสสาร ขึน้ ไปรวมตัวกันทางเคมใี น โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ อัตราสว่ นคงที่ มสี มบัตแิ ตก และแบบจำลอง จากธาตุที่เป็นองค์ประกอบ สามารถแยกเปน็ ธาตุไดด้ ว้ ย ทางเคมี ธาตแุ ละสารประกอ สามารถเขยี นแทนได้ดว้ ยสตู เคมี - อะตอมประกอบดว้ ยโปรต นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน โปรตอนมีประจไุ ฟฟ้าบวก ธ ชนดิ เดยี วกนั มีจำนวนโปรตอ เท่ากันและเป็นค่าเฉพาะขอ ธาตนุ นั้ นิวตรอนเป็นกลางท
รู้ ความรู้ความ คณุ ภาพผู้เรยี น สมรรถนะ เขา้ ใจ (K) ทกั ษะปฏบิ ตั ิ คณุ ลกั ษณะนิสัย าตุ (P) (A) ที่สุด น ชนิด ชนิด ลาย มี ณ์ นดิ กต่าง ยวิธี อบ ตร ตอน ธาตุ อน อง ทาง
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้วี ัด เนือ้ หา/สาระการเรียนร ไฟฟา้ ส่วนอิเล็กตรอนมปี ระ ไฟฟา้ ลบ เม่อื อะตอมมีจำนว โปรตอนเทา่ กบั จำนวน อิเลก็ ตรอน จะเป็นกลางทาง ไฟฟา้ โปรตอนและนวิ ตรอน รวมกันตรงกลางอะตอมเรยี นิวเคลยี ส สว่ นอเิ ล็กตรอน เคล่อื นที่อยใู่ นทีว่ ่างรอบ นวิ เคลยี ส -สสารทกุ ชนดิ ประกอบดว้ อนุภาค โดยสารชนิดเดียวก มสี ถานะของแข็ง ของเหลว แกส๊ จะมกี ารจดั เรยี งอนุภา แรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งอนุภา การเคลอื่ นที่ของอนุภาค แตกต่างกนั ซึ่งมีผลต่อรปู รา่ และปริมาตรของสสาร - อนุภาคของของแขง็ เรยี งช กนั มแี รงยดึ เหนยี่ วระหว่าง อนภุ าคมากท่สี ุด อนุภาคสัน่ กับท่ี ทำใหม้ รี ปู ร่างและ ปรมิ าตรคงท่ี - อนภุ าคของของเหลวอยู่ใ กนั มีแรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ ง
รู้ ความรคู้ วาม คุณภาพผู้เรียน สมรรถนะ เขา้ ใจ (K) ทักษะปฏบิ ัติ คณุ ลักษณะนิสยั ะจุ (P) (A) วน ง น ยกวา่ วย กันที่ าค าค าง ชดิ นอยู่ ใกล้
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้วี ัด เนอ้ื หา/สาระการเรยี นร อนุภาคน้อยกว่าของแขง็ แต มากกวา่ แก๊ส อนุภาคเคล่ือน ได้แต่ไมเ่ ป็นอสิ ระเทา่ แกส๊ ท ใหม้ รี ปู ร่างไมค่ งท่ี แต่ปริมาต คงที่ - อนภุ าคของแกส๊ อย่หู ่างกนั มาก มแี รงยดึ เหนย่ี วระหว่าง อนุภาคน้อยท่สี ดุ อนุภาค เคลอื่ นท่ีไดอ้ ย่างอิสระทุก ทิศทาง ทำใหม้ รี ปู รา่ งและ ปริมาตรไม่คงท่ี - เมื่อให้ความรอ้ นแก่ของเห อนุภาคของของเหลวจะมี พลงั งานและอณุ หภูมเิ พิม่ ข้ึน จนถึงระดับหน่งึ ซง่ึ ของเหล ใชค้ วามร้อนในการเปลยี่ น สถานะเปน็ แก๊ส เรียกความร ท่ีใช้ในการเปล่ยี นสถานะจา ของเหลวเป็นแกส๊ ว่า ความร แฝงของการกลายเปน็ ไอ แล อณุ หภูมิขณะเปลี่ยนสถานะ คงที่ เรยี กอุณหภมู ินวี้ า่ จุด เดอื ด
คณุ ภาพผเู้ รยี น รู้ ความรคู้ วาม ทกั ษะปฏบิ ัติ คุณลกั ษณะนสิ ัย สมรรถนะ เขา้ ใจ (K) (P) (A) ต่ นท่ี ทำ ตร น ง หลว น ลวจะ รอ้ น าก ร้อน ละ ะจะ
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด เนือ้ หา/สาระการเรียนร - เมื่อทำให้อุณหภูมขิ องแก ลดลงจนถงึ ระดับหน่งึ แกส๊ จ เปลี่ยนสถานะเปน็ ของเหลว เรียกอุณหภมู ิน้ีวา่ จุดควบแ ซ่ึงมอี ุณหภมู เิ ดียวกับจุดเดือ ของของเหลวนั้น - เม่ือทำให้อณุ หภมู ขิ อง ของเหลวลดลงจนถึงระดับห ของเหลวจะเปลยี่ นสถานะเป ของแขง็ เรยี กอุณหภูมนิ ีว้ ่า เยือกแข็ง ซ่ึงมอี ุณหภมู เิ ดยี ว จุดหลอมเหลวของของแขง็ น 2. หนว่ ยพ้นื ฐานของสง่ิ มีชีวิต มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติ ม.1/1 เปรียบเทยี บรปู ร่าง - เซลล์เป็นหนว่ ยพน้ื ฐานขอ ของสิ่งมชี ีวติ หน่วยพืน้ ฐานของ ลกั ษณะ และโครงสร้างของ สงิ่ มชี วี ิต สง่ิ มีชีวิตบางชนดิ ม เซลล์เพียงเซลล์เดยี ว เช่น สิ่งมชี วี ติ การลำเลียงสารเข้า เซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ อะมีบา พารามีเซยี ม ยสี ต์ บ และออกจากเซลล์ รวมทงั้ บรรยายหนา้ ทข่ี อง ชนดิ มีหลายเซลล์ เชน่ พืช ส - โครงสร้างพนื้ ฐานทพ่ี บท้งั ใ ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและ ผนงั เซลล์ เยอื่ หุ้มเซลล์ ไซ เซลล์พชื และเซลล์สัตว์ และ หน้าทีข่ องระบบต่าง ๆ ของสตั ว์ โทพลาซึม นวิ เคลียส แวคิว สามารถสังเกตไดด้ ้วยกล้อง และมนุษยท์ ีท่ ำงานสัมพนั ธก์ นั โอลไมโทคอนเดรีย และ จลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สง ไดแ้ ก่ เยือ่ เซลล์ ไซโทพลาซึม และ ความสมั พันธ์ของโครงสร้างและ คลอโรพลาสต์ หนา้ ทข่ี องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ม.1/2 ใช้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ ใช้แสงศกึ ษาเซลล์ และ
Search