Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 ระบบนิเวศเเก้ไข

หน่วยที่ 1 ระบบนิเวศเเก้ไข

Published by Jiab Chanchira, 2018-10-25 03:27:35

Description: หน่วยที่ 1 ระบบนิเวศเเก้ไข

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ระบบนิเวศ

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ ชอ่ื หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง ระบบนเิ วศ แผนการสอนที่ 7 เร่ือง การหมนุ เวียนสาร รายวิชาชีววิทยา 6 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหสั วิชา ว 33206 ครูผู้สอน นางสาวจนั จริ า ธนันชัย ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาท่ีใช้ 2 ชวั่ โมง ตัวชวี้ ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล1. สำรวจตรวจสอบ 1.ใบงำนที่ 1 เรอื่ งสืบคน้ ข้อมลู อภปิ รำย ในระบบนิเวศน์ ทั้งสสำร 1.ใบงำนที่ 1 เรอ่ื งกำร ผำ่ นระดับ กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอน กำรหมุนเวียนสำรและสรุปเกี่ยวกับระบบ 2. หนังสือเรยี นนิเวศ ควำม และแร่ธำตุตำ่ งๆ จะถูก หมนุ เวียนสำร คะแนนร้อย ขน้ั นา : ขน้ั สงั เกตและปัญหา ชีววทิ ยำเล่ม 6 ของหลำกหลำยของระบบ สถำบันสง่ เสรมิ กำรนเิ วศ กำรถำ่ ยทอด หมุนเวยี นกันไปภำยใต้ ละ 60 ขน้ึ 1. นกั เรียนทบทวนควำมรู้เกย่ี วกับสำรต่ำงๆท่ี สอนวทิ ยำศำสตร์พลงั งำนและกำร และเทคโนโลยีเปลย่ี นแปลงแทนท่ี เวลำที่เหมำะสมและมี ไป สำคญั ต่อกำรดำรงชีวติ ของพืชและสตั ว์ เช่น นำ้ 3. อินเทอรเ์ นต็ของสง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ ควำมสมดุลซงึ่ กัน และกนั คำรบ์ อน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส เป็นตน้ และนักเรียนตง้ั2. สำรวจระบบนิเวศเขยี นแผนผงั กำร วนเวยี นกันเป็นวัฏจกั รที่ ข้อสังเกตวำ่ สำรเหลำ่ นี้มีกำรหมนุ เวยี นอยู่ในระบบนเิ วศถำ่ ยทอดพลังงำนในระบบนิเวศ ในท้องถิ่น เรียกว่ำ วัฏจกั รของสสำร ตำมธรรมชำตหิ รือไม่ (matter cycling) ซง่ึ ขนั้ สอน เปรียบเสมือนกลไกสำคญั 2. นกั เรยี นจบั ฉลำกที่มหี มำยเลข 1 – 4 โดยครู ท่เี ชอื่ มโยงระหวำ่ ง สสำร เตรยี มจำนวนฉลำกให้พอดีกับจำนวนนักเรยี นแตล่ ะห้อง และพลังงำนจำกธรรมชำติ นกั เรียนท่จี บั ฉลำกไดห้ มำยเลข 1 เหมอื นกนั มำรวมเป็น สู่สิ่งมีชีวิตแลว้ ถ่ำยทอด กล่มุ เดียวกนั ทำเช่นน้ีเรื่อยไปจนครบท้ัง 4 หมำยเลข พลังงำนในรปู แบบของ ดงั นนั้ แต่ละห้องจะมนี กั เรยี นจำนวน 4 กลุม่ ตำมลำดับ กำรกนิ ต่อกนั เป็นทอดๆ หมำยเลข กลมุ่ ละประมำณ 7 – 8 คน ผลสุดทำ้ ยวัฏจกั รจะสลำย 3. แต่ละกลมุ่ เลอื กหัวหน้ำกลุ่ม เพอื่ มำทำหนำ้ ทีใน ใน ขัน้ ตอนท้ำยสุดโดยผู้ กำรนำอภปิ รำบงำนภำยในกลุ่มและเลือกเลขำนุกำรกลุ่ม ย่อยสลำยกลับคืนสู่

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ธรรมชำติ วฏั จักรของ เพ่อื จดบันทกึ ผลกำรอภปิ รำย สรปุ งำนภำยในกลุม่ และ สสำรทีม่ ีควำมสำคัญต่อ ตรวจสอบควำมถูกตอ้ งของกำรทำงำนก่อนนำมำสง่ ครู สมดลุ ของระบบนเิ วศ ไดแ้ ก่ วัฏจักรของน้ำ 4. แต่ละกลุ่มศึกษำเอกสำรประกอบควำมรู้ เร่ือง วฏั จกั รของไนโตรเจน ตำ่ งๆดงั นกี้ ลุ่ม 1 เรือ่ งกำรหมุนเวยี นน้ำในระบบนเิ วศ วฏั จกั รของคำร์บอนและ วัฏจักรของฟอสฟอรสั กลุม่ 2 เรือ่ งกำรหมุนเวยี นคำร์บอนในระบบนเิ วศ กลมุ่ 3 เรือ่ งกำรหมุนเวียนไนโตรเจนในระบบนเิ วศ กลุ่ม 4 กำรหมุนเวียนฟอสฟอรสั ในระบบนเิ วศ 5. สมำชกิ ทุกคนในกลุ่ม ศกึ ษำเอกสำรประกอบ ควำมรู้ในเรื่องทกี่ ลุ่มตนเองได้รับมอบหมำยและสำมำรถ อธิบำยใหผ้ อู้ ืน่ เขำ้ ใจได้ จำกน้ัน หวั หนำ้ กลุ่ม ส่มุ สมำชิก 2 – 3 คนอธิบำยใหเ้ พ่อื ๆฟงั ถ้ำพบข้อผิดพลำดใหป้ รับปรุง กนั เองภำยในกลมุ่ จนมนั่ ใจว่ำสมำชกิ ทกุ คนจะสำมำรถ ถ่ำยทอดควำมรู้ให้กบั ผู้อนื่ ได้ 6. นกั เรยี นคนที่ 1 ของกลุ่ม 2 , 3 ,และ 4 มำ รวมกันเป็นกลุ่มใหม่และทำเช่นน้เี รื่อยไปจนครบทกุ คน (มี บำงกลุ่มที่มจี ำนวนสมำชิกหมำยเลขเดียวกนั 2 คนก็ได้) เม่ือจดั กลุ่มใหม่เสร็จแล้ว แต่ละห้องมจี ำนวน 10 กลมุ่ แต่ ละกลุ่มจะมีสมำชิก 4 – 5 คน และมีกำรเลือกหวั หนำ้ กลุ่ม ใหม่ เพื่อทำหนำ้ ทนี่ ำอภิปรำย นกั เรียนแตล่ ะหมำยเลข อธบิ ำยกำรหมนุ เวียนสำรตำมที่ได้ศึกษำมำให้เพ่ือสมำชิก คนอนื่ ๆฟัง และซักถำมให้เกิดควำมเข้ำใจ

ตวั ช้ีวัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล 7. แต่ละกลุ่ม ศึกษำเอกสำรประกอบควำมรเู้ รื่อง กำรหมุนเวียนสำรในระบบนเิ วศป่ำไม้ เลขำนุกำรกลุ่ม ออกมำรับใบงำนเรือ่ ง กำรหมุนเวียนสำร กลุม่ ละ 1 ใบ เมอ่ื สมำชิกทุกคนในกลุ่มอำ่ นเอกสำรประกอบควำมรเู้ สรจ็ แลว้ หัวหนำ้ กลุม่ ดำเนนิ กำรอภปิ รำยพดู คุยกันตำมประเดน็ ตำ่ งๆในใบงำน เลขำนุกำรกลุ่มจดบันทึกข้อมูลและสรปุ ผล กำรทำกจิ กรรมตำมใบงำน 8. ในช่วงนกั เรียนทำกิจกรรม ครูผสู้ อนสงั เกต พฤติกรรมกำรทำงำนกลมุ่ ของนักเรียน และบนั ทึกกำร สงั เกตลงในแบบบนั ทึกกำรสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุม่ ของนักเรียน ข้นั สรุป 9. แตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมำนำเสนอผลกำร ทำใบงำนหนำ้ ชั้นเรียน ใชเ้ วลำกลมุ่ ละประมำณ 3 นำที พร้อมทั้งเปดิ โอกำสให้เพือ่ กลุ่มอ่ืนซักถำมข้อสงสยั มีกำร แลกเปลีย่ นควำมคิดเหน็ กันอยำ่ งเสรโี ดยมคี รคู อยเสริม เพ่ิมเติม 10. เมือ่ แตล่ ะกลุ่มได้รับข้อเสนอแนะ หรือ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ จนคำตอบตำมใบงำนมคี วำมสมบูรณ์แล้ว สมำชิกทกุ คนภำยในกลุ่มทำใบงำนที่ 5 ลงในสมุดจดบนั ทึก ของนักเรยี น

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล 11. เลขำนกุ ำรกลุ่มเกบ็ ใบงำนที่ 5 ของกลุ่ม และสมุดจดบนั ทึกของนักเรยี นแต่ละคนส่งครูผูส้ อน ครู ตรวจใหค้ ะแนนสมดุ จดบันทกึ ของนักเรียนแต่ละคนลงใบ แบบตรวจผลงำนของนักเรยี นเปน็ รำยบุคคล สว่ นใบงำน ของกลุ่มให้คะแนนรวมไปในแบบสงั เกตพฤติกรรมกำร ทำงำนกลุ่มของนักเรยี น 12. นักเรยี นสรปุ ควำมรู้ทไ่ี ด้รับในวันนีเ้ ป็น แผนผังควำมคดิ ลงในสมดุ บนั ทึก

ใบงานท่ี 1 เร่ืองการหมนุ เวยี นสาร คาช้แี จง เมอ่ื ศกึ ษำใบควำมรู้และแผนภำพ เร่ืองกำรหมุนเวียนสำรในระบบนเิ วศปำ่ ไม้ แลว้ จงตอบตอนที่ 1 จงตอบคำถำมหรือเตมิ คำในช่องว่ำงด้วยคำหรือข้อควำมสน้ั ๆตำมควำมคดิ เห็นของนักเรยี น1. ระบบนเิ วศปำ่ ไม้ เป็นระบบเปิด เพรำะ ………………………………………………………………………………………………………………2. แรธ่ ำตตุ ่ำงๆไหลเข้ำสรู่ ะบบนิเวศป่ำไมโ้ ดยทำงใดบำ้ ง …………………………………………………………..………………………………3. พชื ไดร้ ับแรธ่ ำตเุ ข้ำมำทำงใด………………………………………………………………………………………………………………………………4. พืชลำเลียงแรธ่ ำตุทไี่ ดร้ บั เข้ำมำขนึ้ ไปบนเรือนยอดเพื่อ………………………………………………………………………………………...5. แรธ่ ำตุที่พชื ไดร้ บั เข้ำมำจะถกู สะสมไว้ในสว่ นใดของพชื บ้ำง……………………………………………………..…………………………….6. แร่ธำตุต่ำงท่มี กี ำรหมนุ เวยี นอยู่ในระบบนเิ วศป่ำไม้ ได้แก่ …………………………………………………..………………………………..7. กิจกรรมใดของมนษุ ย์ท่เี ป็นกำรทำลำยกำรหมุนเวียนสำรในระบบนิเวศป่ำไม้มำกทีส่ ุด……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………8. วิธกี ำรใดท่ดี ีท่ีสดุ ที่จะทำใหธ้ รรมชำตมิ คี วำมสมดลุ ของสำรต่ำงๆอยู่ตลอดไปคอื…………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..9. ถ้ำไมม่ ีกำรหมนุ เวียนสำรในระบบนิเวศปำ่ ไม้ จะมผี ลกระทบต่อระบบนเิ วศและสิง่ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศอย่ำงไรบ้ำง…………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………….………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………..10. กจิ กรรมใดในชุมชนที่มีผลกระทบต่อกำรหมุนเวยี นสำรในระบบนเิ วศป่ำไม้มำกทีส่ ดุ และจะมีกำรป้องกันแก้ไขดว้ ยวธิ ีกำรใด จงึ จะไมใ่ หเ้ กิดผลกระทบดังกล่ำว…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

ตอนท่ี 2 จงรว่ มกันอภิปรำยประเด็นตำ่ งๆตอ่ ไปน้ี1. ในระบบนิเวศปำ่ ไมม้ สี ำรใดบ้ำงเคลอ่ื นตัวเขำ้ ออกจำกระบบ และสำรตำ่ งๆเหล่ำนั้นมีกำรหมนุ เวียนอยู่ในระบบได้อยำ่ งไร…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..2. ถำ้ มกี ำรตัดไม้ทำลำยป่ำ จะเกดิ ผลกระทบต่อกำรหมนุ เวียนสำรตำมธรรมชำตหิ รือไม่เพรำะเหตุใด…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..3. นอกจำกกำรตดั ไมท้ ำลำยป่ำแลว้ ยังมกี จิ กรรมใดอีกบำ้ งท่ีอำจมีผลกระทบตอ่ กำรหมุนเวียนสำรตำมธรรมชำติ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..4. ถำ้ กำรหมนุ เวยี นสำรแต่ละชนิดในระบบนเิ วศป่ำไม้ไม่ดำเนนิ ไปตำมปกติ จะเกิดผลกระทบต่อส่งิ มี ชวี ิตทีอ่ ย่ภู ำยในระบบนเิ วศหรอื ไม่ เพรำะเหตุใด…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..5. นักเรียนมวี ธิ ีกำรใดบำ้ งทจ่ี ะป้องกันและแก้ไขปัญหำกำรหมุนเวียนสำรในระบบนิเวศป่ำไมแ้ ละในระบบนเิ วศท่วั ไป…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

แผนการจดั การเรยี นรู้ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ระบบนเิ วศ แผนการสอนท่ี 8 เรื่อง การเปลีย่ นแปลงแทนท่ี รายวิชาชีววิทยา 6 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว 33206 ครผู สู้ อน นางสาวจนั จิรา ธนันชัย ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 2 ชั่วโมง ตัวชวี้ ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล1. สำรวจตรวจสอบ 1. my map สรุปสบื ค้นข้อมูล อภิปรำย ในระบบนิเวศน์ ท้ังสสำร 1. my map สรปุ ผ่ำนระดบั กระบวนการจดั การเรยี นรู้ กำรเปลย่ี นแปลงและสรปุ เกี่ยวกับระบบ แทนท่ีนิเวศ ควำม และแรธ่ ำตตุ ำ่ งๆ จะถูก กำรเปลี่ยนแปลงแทนที่ คะแนนร้อย ครดู ำเนนิ กำรทดสอบกอ่ นเรียน โดยให้นักเรยี นทำ 2. หนงั สือเรียนหลำกหลำยของระบบ ชีววทิ ยำเล่ม 6 ของนเิ วศ กำรถำ่ ยทอด หมุนเวยี นกันไปภำยใต้ ละ 60 ขึน้ แบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบควำมพร้อมและ สถำบนั ส่งเสรมิ กำรพลังงำนและกำร สอนวทิ ยำศำสตร์เปลีย่ นแปลงแทนที่ เวลำทเี่ หมำะสมและมี ไป พนื้ ฐำนของนกั เรียน และเทคโนโลยีของส่งิ มชี วี ิตในระบบ 3. อนิ เทอร์เนต็นเิ วศ ควำมสมดลุ ซึ่งกัน และกนั ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น2. สำรวจระบบนเิ วศเขยี นแผนผังกำร วนเวยี นกนั เป็นวัฏจกั รท่ี 1) ครูทบทวนควำมรเู้ ดมิ เกย่ี วกับควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งถำ่ ยทอดพลงั งำนในระบบนิเวศ ในท้องถ่ิน เรยี กว่ำ วฏั จักรของสสำร องคป์ ระกอบทำงชวี ภำพกบั องค์ประกอบทำงกำยภำพท่ีได้ (matter cycling) ซง่ึ เรียนรมู้ ำแลว้ โดยครตู งั้ ประเดน็ คำถำมดังน้ี เปรียบเสมือนกลไกสำคญั – กำรเปลยี่ นแปลงองค์ประกอบทำงกำยภำพจะสง่ ผล ที่เช่อื มโยงระหวำ่ ง สสำร กระทบต่อสงิ่ มีชีวิตที่อำศยั อยู่ในระบบนเิ วศหรือไม่ และพลังงำนจำกธรรมชำติ – สิ่งมชี ีวิตในระบบนิเวศที่อำศัยทรพั ยำกรเดยี วกนั ในกำร สสู่ ่งิ มีชีวิตแล้วถ่ำยทอด ดำรงชีวิต เม่อื ทรัพยำกรน้ันมีจำนวนลดลงจะส่งผลกระทบ พลงั งำนในรูปแบบของ หรอื ไม่ ในลักษณะใด กำรกิน ต่อกนั เปน็ ทอดๆ 2) นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถำมและแสดงควำมคิดเห็น ผลสุดท้ำยวฏั จักรจะสลำย เกี่ยวกบั คำตอบของคำถำม เพอื่ เชื่อมโยง ใน ขัน้ ตอนท้ำยสุดโดยผู้ ไปสูก่ ำรเรียนรเู้ รื่อง กำรเปลยี่ นแปลงในระบบนเิ วศ ย่อยสลำยกลบั คนื สู่

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมินผล ธรรมชำติ วฏั จกั รของ ข้ันจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สสำรท่ีมคี วำมสำคญั ต่อ จดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนกำรสืบ สมดลุ ของระบบนเิ วศ ได้แก่ วฏั จกั รของนำ้ เสำะหำควำมรู้ ซงึ่ มขี นั้ ตอนดังนี้ วฏั จกั รของไนโตรเจน 1) ขน้ั สร้างความสนใจ วัฏจักรของคำรบ์ อนและ วฏั จักรของฟอสฟอรสั (1) ครูนำรปู ถ่ำย วดี ิทัศน์ หรอื CD–Rom ทเ่ี ก่ยี วกับ ระบบนเิ วศทงุ่ หญ้ำท่ีมสี ่งิ มชี วี ติ หลำย ชนดิ อำศัยอยูร่ ่วมกนั มำให้นกั เรียนดู และรว่ มกนั อภปิ รำย โดยครูใช้คำถำมกระตุ้นดงั นี้ – สิ่งมีชีวติ อะไรบำ้ งท่ีอำศัยอยใู่ นระบบนเิ วศทงุ่ หญ้ำ – ส่งิ มชี วี ติ แต่ละชนิดมีควำมสัมพนั ธก์ ันหรือไม่ – นกั เรยี นคิดวำ่ จำนวนประชำกรของสง่ิ มีชีวิตที่อำศยั อยู่ ในบรเิ วณทุ่งหญ้ำสำมำรถเปลี่ยนแปลงได้หรอื ไม่ เพรำะ อะไร – ถ้ำระบบนเิ วศที่เกดิ กำรเปล่ียนแปลงไปแลว้ สำมำรถ กลบั มำอยู่ในสภำพ เดิมไดห้ รือไม่ เพรำะอะไร (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรำยหำคำตอบเกีย่ วกับ คำถำมตำมควำมคดิ เห็นของแต่ละคน 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (1) ใหน้ ักเรียนศกึ ษำกำรเปลีย่ นแปลงขนำด ประชำกรจำกใบควำมรหู้ รือในหนงั สือเรียน

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล โดยครูช่วยอธิบำยให้นักเรยี นเขำ้ ใจว่ำ ประชำกร คือ ส่งิ มชี ีวิตชนิดเดยี วกัน อำศยั อยู่ในแหลง่ ทอี่ ยู่ เดยี วกัน ภำยในช่วงระยะเวลำใดเวลำหนง่ึ โดยปกติแล้ว จำนวนประชำกรจะมีกำรเปล่ียนแปลงอยู่ ตลอดเวลำ เนอ่ื งจำกสำเหตุสำคญั คือ กำรเกิด กำรตำย กำรอพยพเขำ้ และกำรอพยพออก ซง่ึ เกิดขึ้น จำกกำรเปล่ียนแปลงปจั จัยทำงกำยภำพ และปัจจัยทำง ชีวภำพในระบบนเิ วศ เมื่อระบบนเิ วศเกดิ กำร เปล่ยี นแปลง ส่งิ มีชวี ิตทอี่ ำศัยอยจู่ ะปรบั ตวั ใหเ้ ขำ้ กับระบบ นิเวศนั้น ๆ เพ่ือกำรอย่รู อด ทำใหเ้ กิดกำร เปล่ียนแปลงแทนที่ของกลุ่มส่ิงมีชีวติ ขึ้น (2) แบง่ นกั เรยี นกลุ่มละ 56 คน ปฏิบัติ กิจกรรม สืบคน้ ข้อมลู แนวโน้มการเพิ่มจานวนประชากร มนษุ ย์ ตำมขั้นตอนทำงวทิ ยำศำสตร์ โดยใชท้ กั ษะกำร สังเกต ดังน้ี ตอนที่ 1 – แตล่ ะกลุม่ วำงแผนกำรสืบค้นข้อมูลเกยี่ วกับจำนวน ประชำกรมนุษย์ของโลกจำก เครือข่ำยข้อมูล เช่น – http://www.overpopulation.org – ttp://geography.about.com/cs/worldpopulation – http://www.census.gov หรอื เอกสำรอืน่ ๆ

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล – วิเครำะหแ์ นวโน้มกำรเพิม่ จำนวนประชำกรมนุษย์ของ โลกจำกรูปต่อไปน้ี – นำข้อมลู ทไ่ี ดม้ ำอภิปรำยร่วมกนั ในหวั ขอ้ จำนวนประชำกรมนษุ ย์ ของโลกมี แนวโนม้ เปน็ แบบใด และจะสง่ ผลตอ่ สภำพแวดล้อมและกำร ดำรงชีวติ ของประชำกรมนษุ ย์ในลกั ษณะใดแลว้ นำเสนอผลกำร ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ตอนที่ 2 – สมำชกิ กลุ่มนำข้อมลู แสดงจำนวนประชำกรไทยที่ กำหนดให้มำเขยี นกรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งจำนวน ประชำกรไทยกบั ปี พ.ศ. ตารางแสดงจานวนประชากรไทย ระหวา่ งปี พ.ศ. 2538–2551 พ.ศ. จานวนประชากร พ.ศ. จานวนประชากร (ลา้ นคน) (ล้านคน) 2538 59.46 2545 62.80 2539 60.11 2546 63.08 2540 60.81 2547 61.97 2541 61.46 2548 62.42 2542 61.66 2549 62.83 2543 61.87 2550 63.00 2544 62.31 2551 63.30

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล – ให้สืบค้นข้อมูลจำกเอกสำร หรอื กำรสัมภำษณ์คนใน ชุมชนเกีย่ วกบั จำนวน ประชำกรในชมุ ชนของตนเอง และสภำพชุมชนท่ี เปลี่ยนแปลงไปในชว่ ง 10 ปี แล้ววเิ ครำะห์ข้อมูลและ อภิปรำยในประเด็นต่อไปนี้ – จำกกรำฟแสดงควำมสัมพันธร์ ะหว่ำงจำนวนประชำกร ไทยกับปี พ.ศ. กำร เพิม่ จำนวนประชำกรไทยในช่วง 10 ปที ี่ผำ่ นมำ มีแนวโนม้ เปน็ แบบใด – ถ้ำกำรเพ่ิมจำนวนประชำกรยงั เปน็ ไปในแนวเดียวกับที่ ปรำกฏในกรำฟ ใน ปีพ.ศ. 2552–2555 ประเทศไทยจะมปี ระชำกรเท่ำไร – กำรเพิม่ จำนวนประชำกรไทยเปน็ ไปในทศิ ทำงเดียวกับ กำรเพิ่มจำนวน ประชำกรมนุษย์ของโลกที่วิเครำะห์ในกจิ กรรมตอนท่ี 1 หรือไม่ ลักษณะใด – จำกกำรวิเครำะห์สภำพชมุ ชนของตนเองในอดตี กบั ปจั จบุ นั เปรยี บเทียบ กบั ข้อมลู กำรเพิ่มจำนวนประชำกร กำรเปลีย่ นแปลง จำนวนประชำกรมผี ลต่อกำรขยำยตวั ของชุมชน ในลักษณะใด และส่งผลต่ออะไรอีกบำ้ ง – นำเสนอผลกำรปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

ตวั ชวี้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล (3) นักเรยี นและครรู ่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง ของขอ้ มูลทไี่ ด้จำกกิจกรรม 3) ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตัวแทนกล่มุ นำเสนอผล กำรปฏบิ ัติกจิ กรรมหนำ้ ชนั้ เรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรำยและหำข้อสรปุ จำกกำรปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใชแ้ นว คำถำมต่อไปนี้ ตอนท่ี 1 – กำรเพม่ิ จำนวนประชำกรมนุษยส์ ง่ ผลกระทบตอ่ สภำพแวดลอ้ มในเร่ืองใด(เม่ือจำนวนประชำกรมนุษย์ เพ่มิ ขน้ึ จะทำให้ขำดแคลนปจั จยั ตำ่ ง ๆ ในกำรดำรงชวี ิต เชน่ พ้ืนทอ่ี ำศยั ปรมิ ำณอำหำร มนษุ ย์จงึ ต้องขยำยชุมชน เมืองไปยงั แหล่งทรัพยำกรธรรมชำติ เปลี่ยนสภำพแวดล้อม ใหต้ อบสนองตอ่ ควำมต้องกำรของมนุษย์ เช่น ตดั ตน้ ไมเ้ พื่อ เพ่ิมพืน้ ท่ีอำศัย) – ในปัจจบุ ันปริมำณแหลง่ อำหำรและพ้นื ท่ีอำศยั มีเพียงพอ ต่อจำนวนประชำกรมนุษย์

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ทเี่ พม่ิ ขึน้ หรอื ไม่ เพรำะเหตุใด (ไม่เพียงพอ เพรำะ พ้นื ผวิ โลกมลี กั ษณะและขอบเขตจำกัด บำงบริเวณเปน็ น้ำ หรอื เป็นบริเวณทแี่ ห้งแลง้ ไม่สำมำรถเปลีย่ นเปน็ ท่ีอยู่อำศัย หรือทำกำรเพำะปลกู ได้) – ยกตวั อย่ำงสำเหตุท่ีทำให้แนวโน้มจำนวน ประชำกรมนุษย์โลกเพิม่ ขึน้ (ควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงด้ำน กำรแพทยแ์ ละสำธำรณปู โภคทำให้อัตรำกำรเจบ็ ปว่ ยและ กำรตำยของประชำกรลดน้อยลง) ตอนที่ 2 – แนวโน้มจำนวนประชำกรไทยในอนำคตมี ลักษณะใด และมที ิศทำงเดยี วกบั กำรเพม่ิ จำนวนประชำกร มนษุ ยข์ องโลกหรอื ไม่ เพรำะอะไร (แนวโน้มจำนวน ประชำกรไทยในอนำคตจะมเี พม่ิ ขึน้ ซ่งึ มีทิศทำงเดียวกบั กำรเพิ่มจำนวนประชำกรมนุษย์ของโลก เพรำะในอนำคต กำรแพทยข์ องไทยจะมเี ทคโนโลยที ่ีทนั สมยั ข้ึน สำมำรถ ชว่ ยลดอตั รำกำรตำยของประชำกรไทยได้) (3) นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปผลจำกกำร ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยให้ได้ขอ้ สรปุ วำ่ กำรเพ่มิ จำนวน ประชำกรไทยในชว่ ง 10 ปีทีผ่ ่ำนมำมแี นวโนม้ เพ่ิมข้ึน เชน่ เดียวกบั แนวโน้มกำรเพ่ิมขน้ึ ของจำนวนประชำกร มนุษย์ และถ้ำประชำกรไทยยังคงมีแนวโนม้ เพ่มิ ขึ้นเรือ่ ย ๆ จะทำให้ในปี พ.ศ. 2552–2555 ประเทศไทยจะมปี ระชำกร

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ประมำณ 65 ลำ้ นคน ซงึ่ กำรเพ่ิมขนึ้ ของประชำกรมนุษย์จะ ส่งผลกระทบต่อสภำพแวดล้อมและกำรดำรงชวี ิต เนือ่ งจำก กำรมีปริมำณทรัพยำกรที่ใช้ในกำรดำรงชวี ติ เช่น พ้นื ท่ี อำศยั ปริมำณอำหำรอยำ่ งจำกดั มนุษย์จึงต้องด้ินรนพฒั นำ เทคโนโลยีอยำ่ งรวดเร็ว เพ่ือตอบสนองต่อควำมต้องกำร ทำ ใหม้ กี ำรบุกรุก ทำลำยทรัพยำกรธรรมชำติเพ่ิมมำกขึ้นตำม 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) แบ่งนกั เรียนเปน็ กลุ่ม สืบคน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั กำรเปลย่ี นแปลงขนำดประชำกรจำกหนงั สอื วำรสำร สำรำนกุ รมวทิ ยำศำสตร์ สำรำนกุ รมสำหรบั เยำวชน และ อนิ เทอร์เน็ต รวมทงั้ นำขอ้ มลู ท่ีคน้ ควำ้ ไดม้ ำจัดทำเปน็ รำยงำน หรือจัดป้ำยนเิ ทศให้เพอื่ น ๆ ได้ทรำบเพอื่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้กัน (2) นกั เรียนค้นควำ้ บทควำมหรือคำศัพท์ ภำษำอังกฤษเกีย่ วกับกำรเปล่ียนแปลงขนำดประชำกรจำก หนงั สือเรยี นภำษำองั กฤษหรืออินเทอร์เนต็ และนำเสนอให้ เพือ่ นในหอ้ งฟัง พรอ้ มทงั้ รวบรวมคำศัพทแ์ ละคำแปลลง สมดุ ส่งครู 5) ขั้นประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ำรณำวำ่ จำก หัวขอ้ ท่เี รียนมำและกำรปฏบิ ัตกิ ิจกรรม มจี ดุ ใดบำ้ งทย่ี ังไม่ เข้ำใจหรอื

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ยงั มขี ้อสงสัย ถำ้ มี ครูชว่ ยอธิบำยเพิม่ เติมใหน้ ักเรยี นเขำ้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ กำรปฏบิ ัติกิจกรรม กลมุ่ ว่ำมปี ัญหำหรืออปุ สรรคใด และได้มี กำรแก้ไขอย่ำงไรบ้ำง (3) นกั เรียนและครูรว่ มกนั แสดงควำมคดิ เห็น เก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจำกกำรปฏิบัติ กิจกรรม และกำรนำควำมร้ทู ่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบควำมเขำ้ ใจของนักเรียนโดยกำรให้ ตอบคำถำม เช่น – เพรำะเหตุใดประชำกรของสง่ิ มชี ีวิตจงึ ตอ้ งมีกำรอพยพ เข้ำหรอื ออกจำกแหลง่ ทอ่ี ยู่ เดิม – กำรเปลี่ยนแปลงขนำดประชำกรมผี ลกระทบตอ่ ระบบ นิเวศในลกั ษณะใด – ประชำกรมนษุ ย์มแี นวโน้มเพม่ิ ข้นึ เนื่องจำกสำเหตใุ ด – กำรเปลี่ยนแปลงแทนทเ่ี กิดข้นึ ได้จำกสำเหตุใด – กำรเปลี่ยนแปลงแทนที่ขนั้ ปฐมภมู ิแตกตำ่ งจำกขั้นทตุ ิย ภมู ใิ นเร่อื งใด ข้นั สรุป 1) ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปเกีย่ วกับกำรเปลย่ี นแปลง ขนำดประชำกร โดยรว่ มกนั เขียนเปน็ แผนทค่ี วำมคดิ หรือผงั มโนทศั น์

ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล 2) ครดู ำเนินกำรทดสอบหลงั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นทำ แบบทดสอบหลงั เรยี นเพื่อวดั ควำมก้ำวหนำ้ /ผลสัมฤทธิ์ ทำงกำรเรยี นหนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ 1 ตอนท่ี 2 กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มวำงแผน ออกแบบ และสรำ้ ง ระบบนเิ วศดนิ จำลอง โดยกำหนดขนำด ของระบบนเิ วศ ชนดิ ของวัสดทุ ่ใี ช้ องค์ประกอบทำงชีวภำพ และองคป์ ระกอบทำงกำยภำพในระบบนเิ วศ แลว้ สงั เกต กำรดำรงชวี ิตของสง่ิ มชี วี ิตกลุ่มตำ่ ง ๆ วำ่ เหมอื นหรือ แตกต่ำงจำกในระบบนิเวศธรรมชำตอิ ย่ำงไร บนั ทึกผลกำร สงั เกต แล้วนำข้อมูลที่ได้มำเปรียบเทยี บกบั ระบบนเิ วศนำ้ จำลองที่นักเรียนได้ปฏิบตั ิกจิ กรรมไปแลว้ วำ่ มีองค์ประกอบ ภำยในระบบนเิ วศ และควำมสัมพันธ์ภำยในระบบนิเวศ แตกต่ำงกันหรอื ไม่ แล้วนำเสนอผลกำรสงั เกตหน้ำชั้นเรียน 2. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มสำรวจระบบนิเวศในท้องถ่ินที่อยู่ อำศัย โดยสงั เกตสภำพแวดลอ้ ม ต่ำง ๆ แล้วบนั ทึกผลกำรสำรวจ นำผลกำรสำรวจท่ไี ด้มำ เปรยี บเทียบกบั สภำพแวดลอ้ มเมอื่ คร้ังที่นักเรยี นศึกษำอยู่ ช้ันประถมศึกษำและมัธยมศึกษำตอนต้น เมอื่ ปฏิบัติ กิจกรรมเสรจ็ ใหน้ กั เรียนแลกเปลย่ี นผลกำรสำรวจกบั เพ่ือน ตำ่ งกล่มุ หรือนำเสนอผลกำรสำรวจหน้ำช้นั เรยี น

ใบงานท่ี 1 my map สรปุ การเปลี่ยนแปลงแทนท่ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook