Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการที่ดี (ภา

วิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการที่ดี (ภา

Published by yaowana2517, 2021-01-25 23:02:11

Description: วิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการที่ดี (ภา

Search

Read the Text Version

แนวขอ้ สอบ วชิ าความรแู้ ละลักษณะของ ขา้ ราชการทด่ี ี ภาค ก. ก.พ. 2563 ครบทกุ วิชากฎหมาย 6 ฉบับ รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์

รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ สารบญั เร่ือง หนา้ แนวข้อสอบพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน……………………………………………………….……………๑ พระราชกฤษฎกี า ว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ ีการบรหิ ารกิจการบา้ นเมืองที่ดี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒.………. 11 แนวขอ้ สอบ พรฎ.วา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ ีการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งท่ีดี พ.ศ. 2546 แกไ้ ขเพิ่มเติมฉบบั ที่ 2 พ.ศ. 2562……………………………………..…….……………………………………………………………………….….….. 13 แนวข้อสอบ พรบ. วธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ……………………………………………………..……. ๒2 สรปุ แนวขอ้ สอบ พ.ร.บ.วิธปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539………………………………….…..……………….29 แนวขอ้ สอบพระราชบัญญัตคิ วามรบั ผิดทางละเมดิ พ.ศ. 2539………………………..………………………………… 31 สรุปสาระสาคญั พระราชบญั ญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539…………….……….………….41 แนวข้อสอบ พรบ.มาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าทีข่ องรฐั (ชดุ ท่ี 1)………………………………….………….. 43 แนวข้อสอบ พรบ. มาตรฐานทางจรยิ ธรรมของเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ (ชดุ ท่ี 2)……………………………..…..….………..47 สรปุ สาระสาคญั ของพระราชบัญญตั ิมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒…..………………………………………… 52 ประมวลกฎหมายอาญา 2499 หมวด ๒ ความผดิ ต่อตาแหนง่ หน้าทร่ี าชการ………………………………………….55 ขอ้ สอบจริง ภาค ก. ก.พ. พิเศษ (สอบเมอ่ื วนั ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓…………………………………………………..๕9

-1- แนวข้อสอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการทด่ี ี (ภาค ก. ก.พ. 2563) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ แนวข้อสอบพระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ 1. พรบ. ระเบยี บริหารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 มีผลบงั คับใช้ตงั้ แตว่ นั ท่ีใด ก. 5 กันยายน 2534 ข. 6 กันยายน 2534 ค. 23 กมุ ภาพนั ธ์ 2534 ง. 2 ตลุ าคม 2534 ตอบ ก. 5 กนั ยายน 2534 2. การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดนิ ตามพระราชบญั ญตั ิบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ.2534 ประกอบด้วยอะไรบ้าง ก. ระเบียบบริหารราชการสว่ นกลาง ข. ระเบยี บบริหารราชการส่วนภูมิภาค ค. ระเบียบบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ตอบ ง. ถูกทกุ ข้อ 3. การแบ่งสว่ นราชการออกเปน็ ส่วนต่าง ๆ ให้มีการกาหนดตาแหน่งและอัตราเงินเดอื นโดยคานึงถึงส่งิ ใด เป็นสาคญั ก. คณุ ภาพ ข. ปริมาณงาน ค. คณุ ภาพและปรมิ าณงาน ง. ถกู ทกุ ขอ้ ตอบ ค. คุณภาพและปริมาณงาน 4. ตาแหนง่ ใดเป็นผูร้ กั ษาการ ระเบยี บริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลัง ค. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ง. ปลดั สานกั นายกรัฐมนตรี ตอบ ก. นายกรัฐมนตรี 5. ข้อใดไม่ใช่การจดั ระเบยี บบริหารราชการส่วนกลาง ตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 ก. สานกั นายกรัฐมนตรี ข. ทบวง ค. จงั หวัด ง. กรม ตอบ ค. จงั หวดั

-2- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการที่ดี (ภาค ก. ก.พ. 2563) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 6. สานกั นายกรัฐมนตรีมีฐานะเปน็ ไปตามข้อใด ก. กระทรวง ข. ทบวง ค. กรม ง. มลู นิธิ ตอบ ก. กระทรวง 7. ข้อใดไมม่ ฐี านะเป็นนติ บิ ุคคล ก. สานกั นายกรัฐมนตรี ข. ทบวง ค. กรม ง. อาเภอ ตอบ ง. อาเภอ 8. การจัดตั้ง การรวมหรือ การโอน ส่วนราชการตามมาตรา 7 ให้ตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบญั ญตั ิ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศสานักนายกรัฐมนตรี ตอบ ก. พระราชบญั ญตั ิ 9. การจัดตัง้ การรวมหรอื การโอน ทบวง ให้ตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบญั ญตั ิ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศทบวง ตอบ ก. พระราชบญั ญัติ 10. การรวม หรอื การโอน กระทรวง ถา้ ไม่มีการกาหนดตาแหน่งหรืออัตราขา้ ราชการหรอื ลกู จ้างเพมิ่ ข้ึน ให้ตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบญั ญตั ิ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศกระทรวง ตอบ ข. พระราชกฤษฎกี า 11. การรวม หรือการโอน ถ้าไม่มีการกาหนดตาแหน่งหรืออัตราข้าราชการหรือลูกจ้างเพ่ิมขึ้น ให้สานักงาน ก.พ. และสานกั งบประมาณตรวจสอบมิให้มกี ารกาหนดตาแหน่งขา้ ราชการหรือลกู จ้างเพิ่มข้ึนจนกว่าจะครบกีป่ ี ก. 3 ปี ข. 5 ปี ค. 7 ปี ง. 10 ปี ตอบ ก. 3 ปี

-3- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการท่ีดี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 12. การเปล่ียนช่ือส่วนราชการ ของสานกั นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง หรือกรม ให้ตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบญั ญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกาหนด ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา 13. การยบุ สว่ นราชการ ของสานักนายกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง หรอื กรม ให้ตราเป็นกฎหมายใด ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกาหนด ตอบ ข. พระราชกฤษฎกี า 14. การแบ่งส่วนราชการภายใน กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ให้ตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกาหนด ตอบ ค. กฎกระทรวง 15. สว่ นราชการใดต่อไปนีไ้ ม่ไดข้ ึ้นตรงต่อนายกรฐั มนตรี ก. สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข. สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ค. สานกั งบประมาณ ง. สานกั งานตรวจเงนิ แผ่นดิน ตอบ ง. สานักงานตรวจเงนิ แผน่ ดิน 16. ส่วนราชการภายในสานกั นายกรัฐมนตรีมีฐานะเปน็ อะไร ก. กระทรวง ข. กรม ค. หนว่ ยงาน ง. ทบวง ตอบ ข. กรม 17. ตาแหนง่ ใดเป็นผบู้ งั คับบัญชาข้าราชการและรบั ผดิ ชอบในการกาหนดนโยบายในสานักนายกรัฐมนตรี ก. นายกรัฐมนตรี ข. ปลดั สานกั นายกรฐั มนตรี ค. รัฐมนตรปี ระจาสานักนายกรฐั มนตรี ง. ถกู ทกุ ขอ้ ตอบ ก. นายกรัฐมนตรี

-4- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการทดี่ ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 18. เมอ่ื นายกรัฐมนตรี ตาย ขาดคุณสมบตั ิ จาคุก สภาลงมติไม่ไว้วางใจ ศาลวินจิ ฉยั ความเป็นนายกส้นิ สุดลง ก. ใหค้ ณะรฐั มนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนงึ่ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทแี่ ทน ข. ให้คณะรฐั มนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง รกั ษาราชการแทน ค. ใหน้ ายกรฐั มนตรี มอบหมายให้ รองนายกรฐั มนตรีคนใดคนหนง่ึ ปฏบิ ัติหนา้ ที่แทน ง. ให้นายกรฐั มนตรี มอบหมายให้ รัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรี รกั ษาราชการแทน ตอบ ก. ใหค้ ณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง ปฏิบัตหิ นา้ ท่แี ทน 19. อานาจหนา้ ท่ีของนายกรัฐมนตรีมีทั้งหมดกขี่ ้อ ก. 9 ข้อ ข. 10 ขอ้ ค. 11 ขอ้ ง. 12 ขอ้ ตอบ ก. 9 ขอ้ 20. ขอ้ ใดเป็นหลักการในการบริหารราชการตามพระราชบัญญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ. 2534 และทแี่ ก้ไขเพิม่ เติม ก. เพอ่ื ประโยชนส์ ุขของประชาชน ข. เพ่ือลดภารกจิ และยุบเลิกหน่วยงานท่ไี มจ่ าเปน็ ค. เพือ่ กระจายอานาจตัดสินใจ ง. ถูก ขอ้ ก. และ ค. เฉลย ง.ขอ้ ก. และ ค. 21. การจัดระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ มีรปู แบบใดบ้าง ก. กระทรวง ทบวง กรม ข. จังหวดั อาเภอ ค. จังหวดั อาเภอ กิง่ อาเภอ ตาบล หมู่บา้ น ง. สว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าค สว่ นทอ้ งถ่ิน เฉลย ง. ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น 22. การบรหิ ารราชการสว่ นกลาง ข้อใดถูกต้อง ก. กระทรวง ข. ทบวง ค. ส่วนราชการทีช่ ่ือเรยี กอยา่ งอนื่ มีฐานะเป็นกรม แตไ่ มไ่ ด้สังกดั กระทรวงหรอื ทบวง ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถูกทุกข้อ 23. หน่วยงานใดมหี น้าที่ในการตรวจสอบดูแล ส่วนราชการที่จัดต้งั ขนึ้ ใหม่ มใิ หม้ ีการกาหนดตาแหน่งหรือ อตั รากาลงั ของขา้ ราชการหรอื ลกู จ้างเพิ่มขึ้นจนกวา่ จะครบสามปี ก. สานกั งานพฒั นาระบบราชการ ข. สานกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น ค. สานกั งบประมาณ ง. ข้อ ข. และ ค. เฉลย ง. ขอ้ ข. และ ค.

-5- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการทด่ี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 24. หากตอ้ งการยบุ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะต้องตราเป็นกฎหมายใด ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง เฉลย ข. พระราชกฤษฎกี า 25. การแบ่งส่วนราชการภายในกรม จะต้องตราเป็นกฎหมายขอ้ ใด ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง เฉลย ง. กฎกระทรวง 26. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีตาย ขาดคุณสมบัติต้องคาพิพากษาให้จาคุก หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรี ของนายกสิ้นสุดลงในระหว่างทีร่ อคณะรฐั มนตรีชุดใหมเ่ ข้ามารบั หน้าทีน่ ัน้ คณะรัฐมนตรชี ดุ เดมิ จะต้องทาอย่างไร ก. มอบหมายใหร้ องนายกรฐั มนตรีคนใดคนหน่งึ รกั ษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ข. มอบหมายให้รองนายกรฐั มนตรคี นใดคนหน่ึงปฏบิ ตั หิ น้าท่ีแทนนายกรัฐมนตรี ค. มอบหมายให้รองนายกรฐั มนตรีคนใดคนหนึ่งปฏบิ ัติราชการแทนนายกรฐั มนตรี ง. มอบหมายใหร้ องนายกรฐั มนตรีคนใดคนหนึง่ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรฐั มนตรแี ลว้ แต่กรณี เฉลย ง. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึง่ ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีแทนนายกรัฐมนตรแี ล้วแตก่ รณี 27. อานาจนายกรัฐมนตรใี นฐานะหวั หนา้ รฐั บาล กาหนดไวม้ กี ขี่ อ้ ก. 12 ข้อ ข. 11 ขอ้ ค. 10 ข้อ ง. 9 ขอ้ เฉลย ง. 9 ข้อ 28. ข้อใดกล่าวผดิ เกีย่ วกบั อานาจหน้าทข่ี องนายกรฐั มนตรีในฐานะหวั หนา้ รฐั บาล ก. สง่ั ให้ราชการสว่ นกลางรายงานการปฏิบัติราชการ ข. สัง่ ให้ราชการส่วนภูมภิ าคชแ้ี จงแสดงความคิดเห็น ค. สัง่ ใหร้ าชการสว่ นท้องถิ่นรายงานการปฏิบัติราชการ ง. สง่ั สอบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ เก่ยี วกบั การปฏิบัติราชการของราชการส่วนทอ้ งถ่นิ เฉลย ค. สงั่ ให้ราชการส่วนท้องถ่ินรายงานการปฏบิ ัตริ าชการ 29. นายกรฐั มนตรสี ามารถยับย้งั การปฏิบตั ริ าชการของหน่วยงานใดไดบ้ ้าง หากหนว่ ยงานน้ันปฏิบตั ริ าชการ ขัดต่อนโยบายของรฐั บาล ก. ราชการสว่ นกลาง ข. ราชการส่วนภมู ภิ าค ค. ราชการส่วนทอ้ งถน่ิ ง. ถูกทกุ ข้อ เฉลย ง. ถูกทุกขอ้

-6- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการที่ดี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 30. ตาแหนง่ ใดเป็นข้าราชการเมือง ตามพระราชบญั ญตั ิบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และแกไ้ ขเพิ่มเติม ก. เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี ข. รองเลขาธิการนายกรฐั มนตรฝี าุ ยบริหาร ค. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. ไม่มีข้อถูก เฉลย ก. เลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี 31. สานักเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี มีอานาจหน้าทใ่ี นเร่ืองใด ก. ราชการทางการเมอื ง ข. ราชการของรัฐสภา ค. ราชการในพระองค์ ง. ขอ้ ข. และ ค. ถูก เฉลย ง. ขอ้ ข. และ ค. ถูก 32. ตาแหนง่ ใดในระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมิได้กาหนดไว้ ก. ผชู้ ่วยเลขาธิการนายกรฐั มนตรี ข. ผูช้ ว่ ยปลัดสานกั นายกรัฐมนตรี ค. ผู้ชว่ ยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. ผู้ชว่ ยปลัดกระทรวง เฉลย ง. ผู้ชว่ ยปลัดกระทรวง 33. สว่ นราชการใดตอ่ ไปน้ี ตามระเบยี บบริหารราชการแผ่นดินไมม่ ฐี านะเปน็ นิติบุคคล ก. สานกั นายกรฐั มนตรี ข. สานักงานปลดั กระทรวง ค. สานกั งานรัฐมนตรี ง. กรม เฉลย ค. สานกั งานรฐั มนตรี 34. การกาหนดใหส้ ่วนราชการระดบั กรมตัง้ แตส่ องกรมข้นึ ไป อยูภ่ ายใต้กลมุ่ ภารกจิ เดียวกัน สามารถกระทาได้ โดยอาศัยกฎหมายตามข้อใด ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ก. พระราชกฤษฎกี า ข. มติคณะรัฐมนตรี ค. เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม ง. กฎกระทรวง เฉลย ง. กฎกระทรวง 35. การปฏบิ ตั ริ าชการของ หัวหน้ากลุม่ ภารกิจ ขึน้ ตรงต่อตาแหนง่ ใด ก. รัฐมนตรี ข. ปลดั กระทรวง ค. รองปลัดกระทรวง ง. รฐั มนตรหี รือปลดั กระทรวงตามกาหนดไวใ้ นกฎกระทรวง เฉลย ง. รฐั มนตรหี รอื ปลัดกระทรวงตามกาหนดไวใ้ นกฎกระทรวง

-7- แนวข้อสอบวชิ าความรู้และลักษณะของข้าราชการทด่ี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 36. ในการจัดระเบยี บบริหารราชการของกระทรวง ส่วนราชการใดอาจกาหนดให้มีหรอื ไม่มีก็ได้ ก. สานกั นายกรฐั มนตรี ข. สานักงานปลัดกระทรวง ค. กรม ง. ขอ้ ก. และ ข. เฉลย ค. กรม 37. สานกั งานรัฐมนตรีมีอานาจหนา้ ท่ีเก่ยี วกบั เร่ืองใด ก. ราชการทางการเมือง ข. ราชการทั่วไปของกระทรวง ค. ราชการทมี่ ิได้กาหนดใหเ้ ป็นหน้าทีข่ องกรมหนึ่งกรมใดโดยเฉพาะ ง. ขอ้ ก. และ ข. เฉลย ก. ราชการทางการเมือง 38. ข้อใดคืออานาจหน้าทข่ี องสานกั งานปลดั กระทรวง ก. ราชการทัว่ ไปของกระทรวง ข. ราชการท่มี ไิ ด้กาหนดใหเ้ ป็นหน้าทข่ี องกรมหนึ่งกรมใดโดยเฉพาะ ค. เรง่ รดั การปฏบิ ัติราชการของสว่ นราชการในกระทรวง ง. ถกู ทุกขอ้ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ 39. ในการจัดระเบยี บราชการในกรม โดยทัว่ ไปส่วนราชการใด จะตอ้ งถกู กาหนดไวเ้ สมอ ก. สานกั งานเลขานุการกรม ข. กอง ค. ส่วนราชการทม่ี ฐี านะเทียบกอง ง. ข้อ ก. และ ข. เฉลย ก. สานักงานเลขานกุ ารกรม 40. การแบง่ ท้องทอ่ี อกเปน็ เขตและให้มหี วั หน้าส่วนราชการประจาเขต มีวัตถุประสงคใ์ นการแบง่ เขตอยา่ งไร ก. เพ่ือปฏบิ ตั ทิ างการเงนิ ข. เพื่อปฏิบตั งิ านวิชาการ ค. เพือ่ ปฏบิ ัติงานตรวจสอบ ง. เพ่อื ปฏบิ ัตงิ านการวจิ ัย เฉลย ข. เพ่อื ปฏิบตั ิงานวชิ าการ 41. การท่ีกระทรวง ทบวง กรม จะกาหนดใหม้ ีผู้ตรวจราชการของกระทรวง ทบวง กรม ต้องพจิ ารณาจากสิ่งใด ก. ลักษณะงานท่ีมกี ารตรวจสอบ ข. สภาพและประมาณของงาน ค. ภารกิจท่ีรบั ผดิ ชอบ ง. ข้อ ข. และ ค. เฉลย ข. สภาพและประมาณของงาน

-8- แนวขอ้ สอบวชิ าความรู้และลักษณะของข้าราชการท่ีดี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 42. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบอานาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทน หากผู้ว่าราชการจงั หวัดมอบอานาจดังกล่าวให้ปลัดจังหวดั ปฏิบตั ริ าชการแทน จะตอ้ งทาอยา่ งไร ก. สามารถมอบอานาจไดท้ นั ที ข. มอบอานาจแล้วรายงานให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยทราบ ค. ไม่สามารถมอบได้เพราะเป็นอานาจเฉพาะตวั ง. ขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อได้รับความเห็นชอบแลว้ สามารถมอบอานาจได้ เฉลย ง. ขอความเหน็ ชอบจากรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยก่อน เม่ือได้รับความเห็นชอบแล้ว สามารถทาการมอบอานาจได้ 43. การรักษาราชการแทนข้อใดถูกต้อง ตามพระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 ก. กรณีทน่ี ายกรฐั มนตรไี ม่อาจปฏบิ ัตริ าชการแทนได้และไม่มีผดู้ ารงตาแหน่งรองนายกรัฐมนตรใี ห้ รฐั มนตรปี ระจาสานกั นายกรฐั มนตรเี ปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน ข. กรณนี ายกรฐั มนตรีไม่อาจปฏบิ ตั ิราชการไดใ้ ห้คณะรัฐมนตรีมอบอานาจใหร้ ฐั มนตรีคนใดคนหนงึ่ เปน็ ผ้รู กั ษาราชการแทน ค. กรณีท่ีนายกรัฐมนตรีไมอ่ าจปฏิบตั ริ าชการไดแ้ ละมีรองนายกรฐั มนตรหี ลายคนให้นายกรฐั มนตรี มอบหมายใหร้ องนายกรัฐมนตรคี นใดคนหนึง่ เปน็ ผ้รู กั ษาราชการแทน ง. กรณีที่นายกรัฐมนตรไี ม่อาจปฏิบตั ิราชการได้และมรี องนายกรฐั มนตรีหลายคนไดใ้ หค้ ณะรัฐมนตรี มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผรู้ ักษาราชการแทน เฉลย ง. กรณที นี่ ายกรฐั มนตรีไมอ่ าจปฏิบตั ิราชการได้และมีรองนายกรัฐมนตรหี ลายคนได้ให้คณะรฐั มนตรี มอบหมายให้รองนายกรฐั มนตรคี นใดคนหน่ึงเป็นผรู้ กั ษาราชการแทน 44. การรักษาราชการแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ไมใ่ ช้บังคบั แก่สว่ นราชการใด ก. กระทรวงศึกษาธิการ ข. กระทรวงการคลัง ค. สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ ง. กระทรวงกลาโหม เฉลย ง. กระทรวงกลาโหม 45. \"หัวหน้าคณะผู้แทน\" ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม เป็นขา้ ราชการสังกดั ส่วนราชการใด ก. สานกั นายกรฐั มนตรี ข. กระทรวงการต่างประเทศ ค. กระทรวงกลาโหม ง. กระทรวงใดก็ได้ที่ไดร้ บั แต่งตัง้ จากนายกรัฐมนตรี เฉลย ข. กระทรวงการต่างประเทศ

-9- แนวขอ้ สอบวชิ าความรู้และลักษณะของข้าราชการที่ดี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 46. การจัดระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนภมู ิภาค เปน็ ไปตามข้อใด ก. จงั หวัด อาเภอ ข. สว่ นกลาง สว่ นภูมภิ าค สว่ นท้องถน่ิ ค. จังหวัด อาเภอ ตาบล หมู่บ้าน ง. จังหวดั อาเภอ ก่งิ อาเภอ เฉลย ก. จังหวดั อาเภอ 47. หากจังหวัดสุรินทร์ ตอ้ งการจะแบง่ เขตพ้ืนที่ ของบางอาเภอ ใหเ้ ป็นของจงั หวดั ร้อยเอ็ด จะต้องตราเปน็ กฎหมายใด ก. ทาเป็นคาส่งั ของกระทรวงมหาดไทย ข. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ค. ตราเป็นพระราชกาหนด ง. ตราเปน็ พระราชบญั ญตั ิ เฉลย ง. ตราเปน็ พระราชบัญญัติ 48. การบริหารราชการแผ่นดนิ ของจงั หวดั ใด ตาแหน่งใดมีหน้าท่เี ปน็ ท่ีปรึกษาของผ้วู า่ ราชการจงั หวดั ก. สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรในจงั หวดั ข. สภาจังหวดั ค. คณะกรรมการจังหวดั ง. คณะกรรมการธรรมาภบิ าลจงั หวัด เฉลย ค. คณะกรรมการจังหวัด 49. ข้อใดเปน็ อานาจหนา้ ทีข่ องคณะกรรมการจังหวัด ตามพระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน ก. ใหค้ วามเหน็ ชอบในการจัดทาแผนพฒั นาจงั หวัด ข. ทาหนา้ ท่ีเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจงั หวดั ค. ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีอ่ ่ืนตามที่กฎหมายหรอื มติของคณะรฐั มนตรีกาหนด ง. ถกู เฉพาะขอ้ ข. และ ค. เฉลย ข. ทาหนา้ ท่ีเปน็ ท่ปี รึกษาของผู้ว่าราชการจังหวดั 50. ผ้บู ังคับบัญชาของข้าราชการในสานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือนคือตาแหนง่ ใด ก. นายกรัฐมนตรี ข. ปลดั สานกั นายกรัฐมนตรี ค. รฐั มนตรปี ระจาสานักนายกรัฐมนตรี ง. เลขาธกิ ารคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เฉลย ง. เลขาธกิ ารคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น 51. ขอ้ ใดเปน็ ราชการบรหิ ารสว่ นท้องถ่ิน ตามระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดิน พ.ศ.2534 ก. จงั หวดั ข. อาเภอ ค. ตาบล ง. กรงุ เทพมหานคร เฉลย ง. กรุงเทพมหานคร

-10- แนวขอ้ สอบวชิ าความรู้และลักษณะของข้าราชการทด่ี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 52. ข้อใดตอ่ ไปน้ี เปน็ การจัดระเบียบราชการส่วนกลาง ตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน ก. อาเภอ ข. ตาบล ค. กรุงเทพมหานคร ง. กรมพฒั นาชมุ ชน เฉลย ง. กรมพัฒนาชุมชน 53. กระทรวงดิจิทลั เพ่ือเศรษฐกิจและสงั คม เกดิ จากการตรากฎหมายใด ก. พระราชกฤษฎกี า ข. พระราชบญั ญัติ ค. พระราชกาหนด ง. มตขิ อง คสช. เฉลย ข. พระราชบัญญัติ 54. ผู้ทรงคณุ วุฒใิ นคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) บุคคลใดเป็นผู้แต่งต้งั ก. นายกรฐั มนตรี ข. เลขาธิการ ก.พ.ร. ค. คณะรฐั มนตรี ง. ปลดั สานักนายกรฐั มนตรี เฉลย ค. คณะรัฐมนตรี 55. นายอาเภอสังกดั หนว่ ยงานใด ก. สานกั นายกรฐั มนตรี ข. กระทรวงมหาดไทย ค. กรมการปกครอง ง. สานักงานจงั หวดั เฉลย ข. กระทรวงมหาดไทย

-11- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการทดี่ ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ พระราชกฤษฎีกา วา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์และวิธีการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งที่ดี (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวมหาวชริ าลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕ ๖ ๒ เป็นปที ่ี ๔ ในรชั กาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร มีพระ ราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยท่ีเปน็ การสมควรแกไ้ ขเพ่ิมเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการ บ้านเมืองท่ีดี อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓/๑ วรรคส่ี แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราช กฤษฎกี าข้นึ ไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ บริหาร กิจการบ้านเมืองทดี่ ี (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใชบ้ ังคับตั้งแตว่ นั ถดั จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี พ.ศ. ๒๕๔๖ หน้า ๒๕๓ เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกิจจา นุเบกษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย หลักเกณฑ์ และวธิ ีการบริหารกิจการบา้ นเมืองทด่ี ี พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใชค้ วามต่อไปนแี้ ทน “มาตรา ๑๖ ใหส้ ว่ นราชการจดั ทาแผนปฏบิ ัตริ าชการของส่วนราชการนั้นโดยจัดทาเปน็ แผนห้าปี ซึ่งต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคม แห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา และแผนอืน่ ที่เกี่ยวข้อง ” มาตรา ๕ ให้ยกเลิกวรรคสามของมาตรา ๑๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และ วธิ กี ารบรหิ ารกิจการบา้ นเมืองท่ีดี พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๖ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นวรรคสองของมาตรา ๒๙ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการบริหารกิจการบา้ นเมืองทด่ี ี พ.ศ. ๒๕๔๖ “การบรกิ ารประชาชนและการตดิ ตอ่ ประสานงานระหวา่ งสว่ นราชการด้วยกัน ต้องกระทาโดยใช้ แพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั กลางทีส่ านกั งานพฒั นารัฐบาลดิจทิ ัล (องคก์ ารมหาชน) กาหนดด้วย ” มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๓๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย หลักเกณฑ์ และวิธีการบรหิ ารกิจการบ้านเมืองทด่ี ี พ.ศ. ๒๕๔๖ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน “มาตรา ๓๓ ให้สว่ นราชการจัดใหม้ กี ารทบทวนภารกจิ ของตนวา่ ภารกจิ ใดมคี วามจาเป็น หรือ สมควร ทีจ่ ะยกเลิก ปรับปรงุ หรือเปล่ยี นแปลงการดาเนินการต่อไปหรอื ไม่ โดยคานงึ ถงึ ยุทธศาสตรช์ าติ แผนแม่บท แผนการปฏิรปู ประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ นโยบายของคณะรฐั มนตรี ที่แถลงต่อแนว

-12- ขอ้ สอบวิชาความรแู้ ละลกั ษณะของข้าราชการท่ดี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ รัฐสภา และแผนอ่ืนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกาลังเงินงบประมาณของประเทศ ความคุ้มค่าของภารกิจ และ สถานการณอ์ นื่ ประกอบกนั ” มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และ วิธีการ บริหารกิจการบา้ นเมืองท่ดี ี พ.ศ. ๒๕๔๖ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๓๔ ในกรณีที่มีการยุบเลิก โอน หรือรวมส่วนราชการใดท้ังหมดหรือบางส่วน ห้ามมิให้ จัดต้ังส่วนราชการที่มีภารกิจหรืออานาจหน้าที่ท่ีมีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันกับ ส่วนราชการดังกล่าว ข้ึนอีก เว้นแต่มีเหตุผลและความจาเป็นเพื่อรักษาความม่ันคงของรัฐหรือเศรษฐกิจ ของประเทศ หรือรักษา ผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และโดยได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร. ” หน้า ๒๕๔ เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกจิ จานุเบกษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ มาตรา ๙ ในวาระเร่ิมแรก การจัดทาแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการเป็นแผนห้าปี ตาม มาตรา ๑๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ซ่ึง แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกฤษฎีกาน้ี ให้จัดทาเป็นแผนสามปีโดยมีห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มาตรา ๑๐ ในวาระเริ่มแรก ให้สานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดให้มี แพลตฟอร์มดิจิทัลกลางเพอ่ื ให้ส่วนราชการใชใ้ นการบรกิ ารประชาชนและการตดิ ต่อประสานงาน ระหว่างกันได้ ภายในเก้าสบิ วนั นับแตว่ ันทพี่ ระราชกฤษฎกี านใ้ี ช้บงั คบั ให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการท่ีจะต้องดาเนินการให้การบริการประชาชนและการติดต่อ ประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน โดยการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลกลางให้แล้วเสร็จภายในสองปี นับแต่ พ้นกาหนดเวลาตามวรรคหน่ึง ในกรณีท่ีส่วนราชการใดมีเหตุผลความจาเป็นท่ีไม่สามารถดาเนินการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง ได้ ภายในระยะเวลาที่กาหนดในวรรคสอง ให้หัวหน้าส่วนราชการน้ันเสนอ ก.พ.ร. เพ่ือพิจารณาขยาย ระยะเวลาดงั กลา่ วได้ ผูร้ บั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี

-13- ขอ้ สอบวิชาความรแู้ ละลักษณะของข้าราชการท่ดี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ แนวข้อสอบ พรฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธกี ารบรหิ ารกิจการบา้ นเมอื งทีด่ ี พ.ศ. 2546 แก้ไขเพมิ่ เติมฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2562 1. พระราชกฤษฎีกาวา่ ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบา้ นเมืองท่ดี ี พ.ศ. 2546 น้บี งั คบั ใช้เม่ือใด ก. วันท่ปี ระกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ค. วนั พน้ กาหนด 30 วัน นบั ตัง้ แตว่ ันประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ง. วนั พน้ กาหนด 90 วนั นบั ตัง้ แต่วนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เฉลย ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษา 2. พระราชกฤษฎีกาวา่ ด้วยหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการบริหารกิจการบา้ นเมืองทีด่ ี พ.ศ. 2546 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2562 ใหไ้ ว้ ณ วนั ทีเ่ ทา่ ใด ก. 26 มกราคม 2562 ข. 26 ตุลาคม 2562 ค. 26 กุมภาพนั ธ์ 2562 ง. ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉลย ง. ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ 3. พระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์และวิธกี ารบรหิ ารกิจการบ้านเมืองท่ดี ี พ.ศ. 2546 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ฉบบั ที่ 2 พ.ศ. 2562 ประกาศ วันทเ่ี ทา่ ใด ก. 30 มกราคม 2562 ข. 30 ตลุ าคม 2562 ค. 30 กุมภาพนั ธ์ 2562 ง. 30 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉลย ง. 30 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ 4. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มีผลบังคับใช้ใน ราชกิจจานเุ บกษา วนั ทเ่ี ท่าใด ก. 1 มกราคม 2562 ข. 1 ตลุ าคม 2562 ค. 1 กุมภาพนั ธ์ 2562 ง. 1 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉลย ง. 1 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ 5. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารบรหิ ารกิจการบา้ นเมืองทด่ี ี พ.ศ. 2546 มีกห่ี มวดก่มี าตรา ก. 9 หมวด 53 มาตรา ข. 8 หมวด 52 มาตรา ค. 9 หมวด 54 มาตรา ง. 8 หมวด 54 มาตรา เฉลย ก. 9 หมวด 53 มาตรา

-14- แนวขอ้ สอบวชิ าความรู้และลักษณะของข้าราชการท่ดี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 6. การกาหนดแนวดาเนนิ การทว่ั ไปใหก้ ับส่วนราชการเพ่อื ให้เกดิ การบรหิ ารจัดการที่ดี ไดแ้ กห่ น่วยงานใด ก. คปร. ข. คพร. ค. ปปร. ง. กพร. เฉลย ง. กพร. 7. เปาู หมายสูงสุด ตามพระราชกฤษีกาว่าด้วยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ บี รหิ ารกจิ การบ้านเมืองที่ดไี ด้แกข่ ้อใด ก. เกิดประโยชนส์ ุขของประชาชน ข. เกดิ ผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกิจของรัฐ ค. มีประสทิ ธภิ าพและเกิดความคุ้มคา่ ภารกจิ ของรฐั ง. ไม่มีขนั้ ตอนการปฏิบตั งิ านที่เกินความจาเปน็ เฉลย ก. เกดิ ประโยชน์สขุ ของประชาชน 8. สว่ นราชการตอ้ งบริหารจดั การอยา่ งไรให้เกดิ เพ่อื ประโยชน์สขุ ของประชาชน ก. ปฏบิ ัตกิ ารเพ่ือใหเ้ กิดท่ีใหป้ ระชาชนเปน็ ศูนย์กลางของการบริการจากรฐั ปฏบิ ัติการเพื่อให้เกดิ ความ ผาสุกและเปน็ อยู่ทด่ี ีของประชาชน ข. ปฏบิ ัติการเพ่ือให้เกดิ ความสงบสขุ และความปลอดภยั ของสว่ นรวม ค. ปฏบิ ตั ิการเพื่อใหเ้ กดิ ความผาสกุ และเปน็ อยทู่ ี่ดีของประชาชน ง. ถกู ทุกขอ้ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ 9. การบรหิ ารราชการเพ่ือประโยชนส์ ขุ ของประชาชน ไดแ้ ก่การปฏบิ ตั ริ าชการแบบใด ก. การปฏบิ ตั ิราชการที่มีเปูาหมาย ข. การปฏบิ ัตริ าชการแบบมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ ค การบรหิ ารราชการแบบใหม่ ง. การบริหารตามหลักธรรมาภบิ าล เฉลย ก. การปฏบิ ัตริ าชการที่มีเปูาหมาย 10. แนวดาเนินการในการบริหารราชการเพ่ือประโยชนส์ ขุ ของประชาชน ก. การปฏิบัตภิ ารกจิ ของรัฐต้องเปน็ ไปด้วยความซื่อสัตย์ สจุ ริต สามารถตรวจสอบได้ ข. ภารกจิ ท่ีมผี ลกระทบต่อประชาชนต้องรบั ฟงั ความคดิ เห็นจากประชาชน ค. กอ่ นดาเนนิ งานสวนราชการต้องศึกษาวิเคราะห์ผลดผี ลเสียให้ครบทุกด้าน ง. ถูกทกุ ข้อ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ

-15- แนวขอ้ สอบวิชาความรู้และลักษณะของข้าราชการท่ดี ี (ภาค ก. ก.พ.63) รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 11. ขอ้ ใดคือหลักการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทดี่ ี ตรงกบั ภาษาองั กฤษ ตามข้อใด ก. Good Governance ข. Good Governanc ค. Good Govenance ง. ถกู ทุกขอ้ เฉลย ก. Good Governance 12. การบรหิ ารราชการเพอ่ื ใหเ้ กิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกจิ ของรัฐ คอื ข้อใด ก. ก่อนดาเนนิ การตามภารกิจ ตอ้ งจัดแผนปฏบิ ตั ิไวล้ ่วงหน้า ข. แผนปฏบิ ัตริ าชการต้องมรี ายละเอยี ดของขัน้ ตอน ระยะเวลา และงบประมาณทต่ี ้องดาเนนิ การ เปูาหมาย ผลสัมฤทธ์ิ และตัวชี้วดั ความสาเร็จ ค. การปฏบิ ตั ิตามแผนปฏบิ ัติราชการเกิดผลกระทบต่อประชาชน ต้องดาเนินการแก้ไข ง.ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง.ถูกทุกข้อ 13. สว่ นราชการทมี่ ีภารกจิ ใกล้เคียงกันหรือต่อเนอื่ งกัน ให้สว่ นราชการกาหนดแนวทางปฏิบัตเิ พือ่ ใหเ้ กดิ การ บริหารราชการแบบบรู ณาการรว่ มกัน โดยมจี ุดม่งุ หมายเพ่ือใหเ้ กดิ ตามข้อใด ก. เกดิ ผลสมั ฤทธ์ิต่อภารกจิ ของรฐั ข. เกิดความสามัคคีในหนว่ ยงาน ค. เพอ่ื ลดข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ าน ง. เพื่อความคุม้ ค่าในการปฏบิ ัติงาน เฉลย ก. เกดิ ผลสมั ฤทธ์ติ ่อภารกิจของรฐั 14. “สว่ นราชการต้องจัดทาแผนปฏิบตั ิการไว้ลว่ งหน้า”สนองต่อเปูาหมายการบรหิ ารจัดการบา้ นเมืองทดี่ ีข้อใด ก. เกิดประโยชน์สขุ ของประชาชน ข. เกิดผลสัมฤทธต์ิ อ่ ภารกิจของรฐั ค. มปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ความคุ้มคา่ เชิงภารกจิ รัฐ ง. ไมม่ ีขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ านทเี่ กนิ ความจาเปน็ เฉลย ข. เกดิ ผลสมั ฤทธิ์ตอ่ ภารกจิ ของรัฐ 13. การบรหิ ารราชการจงั หวัดแบบบูรณาการ (CEO) สนองต่อเปูาหมายข้อใด ก. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน ข. เกดิ ผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกิจของรฐั ค. มปี ระสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าเชิงภารกจิ รฐั ง. ปรบั ปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันตอ่ เหตกุ ารณ์ เฉลย ข. เกิดผลสัมฤทธติ์ ่อภารกจิ ของรัฐ

-16- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 14. สว่ นราชการต้องจดั ใหม้ ีการตดิ ตามและประเมินผลการปฏิบัตติ ามแผนปฏบิ ตั ิราชการตามหลักเกณฑ์ และ วธิ ีการทส่ี ว่ นราชการกาหนดข้ึนต้องสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานที่ใครกาหนด ก. ครม. ข. รมต. ค. สานักงบประมาณ ง. ก.พ.ร. เฉลย ง. ก.พ.ร. 15. เร่ืองใดเกิดขน้ึ ก่อน ก. แถลงนโยบาย ข. จดั ทาแผนปฏิบัติราชการ ค. จดั ทาแผนบรหิ ารแผน่ ดนิ ง. จัดทาแผนนิตบิ ัญญตั ิ เฉลย ก. แถลงนโยบาย 16. หนว่ ยงานทมี่ หี นา้ จดั ทาแผนบรหิ ารราชการแผ่นดินเพ่ือเสนอ ครม. ใหค้ วามเห็นชอบ ก. สานกั งานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ข. สานกั งานเลขาธิการนายกรฐั มนตรี ค. สานกั งบประมาณ ง. ถูกทุกข้อ เฉลย ง. ถูกทกุ ขอ้ 17. หน่วยงานตามข้อ 16 ต้องจดั ทาแผนการบริหารราชการแผ่นดนิ เสนอ ครม.ภายในกี่วนั ก. ภายใน 15 วันนบั ตงั้ แต่วันท่ีแถลงนโยบาย ข. ภายใน 30 วันนบั ตั้งแต่วนั ที่แถลงนโยบาย ค. ภายใน 60 วันนบั ต้งั แตว่ นั ท่แี ถลงนโยบาย ง. ภายใน 90 วันนับต้ังแตว่ นั ที่แถลงนโยบาย เฉลย ง. ภายใน 90 วันนบั ต้ังแตว่ ันทีแ่ ถลงนโยบาย 18. แผนปฏบิ ัตริ าชการของสว่ นราชการกาหนดระยะเวลาไวต้ ามขอ้ ใด ก. 1 ปี ข. 2 ปี ค. 3 ปี ง. 4 ปี เฉลย ง. 4 ปี 19. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้องเกยี่ วกับแผนบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ก. สาระสาคญั ต้องมีกาหนดเปาู หมายและผลสมั ฤทธ์ขิ องงาน ข. ต้องมบี ุคคลทีร่ บั ผิดชอบในแต่ละภารกิจ ค. ต้องมปี ระมาณการรายได้และรายจา่ ยและทรพั ยากรต่างๆ ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถูกทุกขอ้

-17- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 22. เม่ือส้ินปีงบประมาณให้ส่วนราชการจัดทารายงานแสดงผลสัมฤทธ์ิของแผนปฏบิ ตั ิราชการประจาปีเสนอต่อใคร ก. นายรัฐมนตรี ข. คณะรฐั มนตรี ค. รัฐมนตรี ง. ปลดั กระทรวง เฉลย ข. คณะรฐั มนตรี 23. ส่วนราชการต้องจดั ทาแผนปฏิบตั ิราชการเพือ่ ขอรับงบประมาณหน่วยงานใดกาหนดแนวทางจดั ทา ก. ก.พ.ร. ข. สานกั งบประมาณ ค. สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ง. ถกู ทั้งข้อ ก และ ข เฉลย ง. ถูกทง้ั ข้อ ก และ ข 24. ในการปฏบิ ตั ริ าชการในสว่ นราชการให้มปี ระสทิ ธภิ าพข้อมลู ขา่ วสารใดที่ตอ้ งเผยแพร่ใหข้ ้าราชการและ ประชาชนทราบท่ัวโดยทว่ั กัน ก. เปูาหมาย ข. แผนการทางานและงบประมาณ ค. ระยะเวลาเสรจ็ โครงการ ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถกู ทกุ ข้อ 25. รายจ่ายตอ่ หนว่ ยของงานบริการสาธารณะใดของสว่ นราชการใดสูงกวา่ รายจ่ายต่อหน่วยของสว่ นราชการ อ่นื ทมี่ ีประเภทและคณุ ภาพคลา้ ยคลงึ กนั ให้ส่วนราชการน้ันจัดทาแผนลดรายจ่ายเสนอต่อใคร ก. สานักงบประมาณ ข. กรมบญั ชกี ลาง ค. ก.พ.ร. ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถกู ทุกข้อ 26. หน่วยงานใดจัดใหม้ ีการประเมินความคุ้มค่าในการปฏบิ ตั ภิ ารกิจของรัฐท่สี ่วนราชการดาเนนิ การอยู่ ก. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ข. สานักงบประมาณ ค. สานกั งานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. ถูกทงั้ ก และ ข เฉลย ง. ถูกทัง้ ก และ ข 27. การประเมนิ ความคุม้ ค่าตามข้อ 25 ใหค้ านงึ ถึงอะไร ก. ประเภทและสภาพของแต่ละภารกิจ ข. ความเป็นไปไดข้ องภารกจิ หรอื โครงการที่ดาเนนิ การ ค. ประโยชน์ทร่ี ัฐและประชาชนจะพงึ ได้ และรายจ่ายทีต่ ้องเสียไปก่อนและหลงั ดาเนนิ การ ง. ถูกทกุ ข้อ เฉลย ง. ถกู ทกุ ข้อ

-18- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 28. การจัดซ้ือจดั จ้าง สนองต่อเปูาหมายการบริหารจดั การบา้ นเมืองท่ีดขี ้อใด ก. เกิดประโยชน์สขุ ของประชาชน ข. เกดิ ผลสมั ฤทธ์ิต่อภารกจิ ของรฐั ค. มปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ความคุมคา่ เชิงภารกิจรัฐ ง. ปรับปรุงภารกิจของสว่ นราชการใหท้ นั ตอ่ เหตกุ ารณ์ เฉลย ค. มีประสทิ ธิภาพและเกดิ ความคมุ คา่ เชิงภารกิจรฐั 29. การจดั ซื้อจดั จ้างข้อใดถูกตอ้ ง ก. เปดิ เผย และ เท่ียงธรรม ข. คานึงถึงผลประโยชน์และผลเสยี ทางสงั คม ค. ไมต่ อ้ งถือราคาต่าสดุ เสมอไป ง. ถกู ทุกขอ้ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ 30. สว่ นราชการทร่ี ับเรื่องการอนุญาต อนุมัตติ ามกฎหมายกาหนดจากสว่ นราชการอ่นื ต้องพิจารณาและแจง้ ผลให้สว่ นราชการทยี่ ื่นเร่อื งภายในกว่ี ันนับจากไดร้ บั คาขอ ก. ภายใน 7 วัน ข. ภายใน 15 วัน ค. ภายใน 30 วนั ง. ภายใน 60 วนั เฉลย ข. ภายใน 15 วัน 31. เรอ่ื งใดท่ีมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรอื มติ ครม. กาหนดข้นั ตอนการปฏบิ ัตไิ ว้ และ ขั้นตอนการปฏิบตั ินั้นตอ้ งใช้ระยะเวลาเกนิ ตามข้อ 29 ให้ส่วนราชการอน่ื นน้ั ดาเนนิ การอยา่ งไร ก. ดาเนนิ โดยด่วนเมือ่ ได้รบั การประสาน ข. แจง้ ให้สว่ นราชการน้ันทราบล่วงหนา้ ค. ประกาศกาหนดระยะเวลาไว้ ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ค. ประกาศกาหนดระยะเวลาไว้ 32. การสง่ั ราชการโดยปกติใหก้ ระทาเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร เวน้ แตผ่ ูบ้ ังคับบัญชามคี วามจาเป็นท่ีไม่อาจสั่งเปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษรได้ จะสั่งราชการด้วยวาจาก็ได้ ผรู้ บั คาสงั่ ต้องดาเนนิ การอยา่ งไร ก. บันทกึ คาสง่ั ด้วยวาจาไว้เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ข. ปฏบิ ตั ริ าชการตามคาสั่ง ค. บนั ทึกรายงานให้ผ้สู ง่ั ทราบพร้อมบันทกึ องิ คาสั่งด้วยวาจาไว้ ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถกู ทกุ ข้อ

-19- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 33. การกระจายอานาจการตัดสนิ ใจเกี่ยวกับการอนุญาต อนมุ ัติ หรือการปฏบิ ตั ริ าชการ มงุ่ ใหเ้ กดิ ความ สะดวกและรวดเรว็ ในการบริการประชาชน ก. เกดิ ผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกจิ ของรัฐ ข. มปี ระสิทธิภาพและเกดิ ความคุมค่าเชิงภารกิจรฐั ค. ปรบั ปรงุ ภารกจิ ของสว่ นราชการให้ทันตอ่ เหตกุ ารณ์ ง. การลดข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิงาน เฉลย ง. การลดขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน 34. หน่วยงานใดเปน็ ผู้กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการหรอื แนวทางในการกระจายอานาจการตัดสนิ ใจความรบั ผิดชอบ ระหว่างผมู้ อบอานาจและผรู้ ับมอบ และการลดขัน้ ตอนในการปฏบิ ัติราชการให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ ก. ก.พ.ร. ข. สานกั งบประมาณ ค.สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ง. ถูกทง้ั ข้อ ข และ ค เฉลย ก. ก.พ.ร. 35. ใครใหค้ วามเห็นชอบหลักเกณฑต์ ามขอ้ 34 ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรฐั มนตรี ค. รัฐมนตรี ง. ปลดั กระทรวง เฉลย ข. คณะรฐั มนตรี 36. สว่ นราชการต้องจดั ทาแผนภมู ิ ข้นั ตอนระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิราชการเปดิ เผยใหป้ ระชาชนทราบไวท้ ่ีใด ก. สานักงานท่ที าการส่วนราชการนัน้ ข. เผยแพรใ่ นราชกิจจานุเบกษา ค. เวบ็ ไซต์ของหนว่ ยงาน ง. ขอ้ ก และ ค เฉลย ง. ข้อ ก และ ค 37. One Stop Service สนองต่อเปาู หมายการบริหารจัดการบ้านเมืองทีด่ ีข้อใด ก. เกิดผลสัมฤทธ์ติ อ่ ภารกิจของรฐั ข. มปี ระสิทธภิ าพและเกิดความคมุ คา่ เชงิ ภารกิจรฐั ค. ปรบั ปรงุ ภารกิจของส่วนราชการใหท้ นั ต่อเหตกุ ารณ์ ง. การลดขัน้ ตอนการปฏิบตั งิ าน เฉลย ง. การลดขน้ั ตอนการปฏิบัติงาน

-20- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 42. หากประชาชนมีหนังสือสอบถามเรื่องตามอานาจหนา้ ทมี่ ายังหนว่ ยงานราชการนั้นๆจะตอ้ งตอบหรือแจ้ง การดาเนนิ งานให้ประชาชนทราบภายในกว่ี ัน ก. ภายใน 5 วัน ข. ภายใน 7 วัน ค. ภายใน 15 วนั ง. ตามความเหมาะสม เฉลย ค. ภายใน 15 วนั 43. กรณีส่วนราชการใดไม่อาจจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการได้ อาจขอร้องให้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารดาเนินการจัดทาระบบให้ แตก่ ระทรวงเทคโนโลยฯี จะขอ สง่ิ ใดจากส่วนราชการ ก. บคุ ลากร ข. คา่ ใช้จา่ ย ค. ข้อมลู ง. ถูกทกุ ข้อ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ 44. ในกรณีทีไ่ ดร้ ับการรอ้ งเรียนหรอื ขอ้ เสนอแนะจากส่วนราชการอื่นในเร่ืองใด ให้ส่วนราชการนนั้ ชีแ้ จงต่อผู้ ร้องเรยี นหรือข้อเสนอแนะจากส่วนราชการอ่นื ภายในก่วี นั ก. ภายใน 5 วัน ข. ภายใน 7 วัน ค. ภายใน 15 วัน ง. ตามความเหมาะสม เฉลย ค. ภายใน 15 วนั 45. การปฏบิ ตั ริ าชการในเร่ืองใดๆ โดยปกติถือวา่ เปน็ เรื่องเปิดเผย เว้นแตเ่ รื่องต่อไปนใ้ี ห้กาหนดเปน็ ความลบั ก. เพื่อประโยชนใ์ นการรักษาความมน่ั คงของประเทศและความมั่นคั่งทางเศรษฐกิจ ข. การคุม้ ครองสิทธสิ ว่ นบคุ คล ค. การรักษาความสงบเรยี บร้อยของประชาชน ง. ถูกทุกขอ้ เฉลย ง. ถกู ทกุ ข้อ 46. สว่ นราชการต้องเปดิ เผยข้อมูลงบประมาณรายจา่ ยแต่ละปี รายการจัดซ้ือจัดจ้าง สญั ญาตา่ งๆ ให้ประชาชน สามารถขอดหู รือตรวจสอบได้ โดยเปดิ เผยใหป้ ระชาชนทราบไวท้ ่ีใด ก. สานักงานทท่ี าการส่วนราชการนน้ั ข. เผยแพรใ่ นราชกิจจานเุ บกษา ค. เว็บไซตข์ องหน่วยงาน ง. ข้อ ก และ ค เฉลย ง. ข้อ ก และ ค

-21- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 47 ข้อใดไม่ถูกตอ้ งเกี่ยวกบั ดาเนนิ การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ก. ประเมนิ เก่ียวกับผลสัมฤทธขิ์ องภารกิจ คณุ ภาพการใหบ้ ริการ ความพึงพอใจขอประชาชน ผรู้ บั บริการ ความคมุ้ ค่าในภารกิจ ข. การประเมินต้องกระทาเป็นความลบั และเปน็ ไปเพอ่ื ประโยชน์แหง่ ความสามัคคีของข้าราชการ ค. การประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของขา้ ราชการเพื่อประโยชนใ์ นการบริหารงานบุคคล ใหส้ ่วนราชการ ประเมินโดยคานึงถึงผลการปฏิบตั ิงานของขา้ ราชการทงั้ หมดในหนว่ ยงานน้ัน เพอ่ื ประโยชนแ์ ละ ผลสัมฤทธท์ิ ีเ่ กิดขน้ึ กบั หน่วยงานนั้น ง. ส่วนราชการใดได้ดาเนินงานไปตามเปาู หมาย สามารถเพิ่มผลงานและผลสัมฤทธิ์ โดยไมเ่ ป็นการเพมิ่ ค่าใช้จ่ายและค้มุ ค่าตอ่ ภารกิจของรฐั ให้ ก.พ.ร. เสนอคณะรัฐมนตรจี ัดสรรเงินรางวัลการเพิ่ม ประสทิ ธภิ าพใหแ้ ก่สว่ นราชการนน้ั เฉลย ค. การประเมินผลการปฏบิ ตั ิงานของข้าราชการเพ่ือประโยชน์ในการบรหิ ารงานบุคคล ให้ส่วน ราชการประเมินโดยคานงึ ถึงผลการปฏบิ ัติงานของขา้ ราชการทั้งหมดในหน่วยงานนนั้ เพือ่ ประโยชน์ และผลสมั ฤทธท์ิ เี่ กิดขึน้ กบั หน่วยงานน้ัน 48. สว่ นราชการทดี่ าเนินการให้บริการทมี่ ีคณุ ภาพเปน็ ไปตามเปูาหมาย ประชาชนพงึ พอใจ จะได้รบั ก. เงินเพ่มิ พิเศษ ข. เงินโบนัส ค. เงนิ ตอบแทน ง. เงนิ รางวลั การเพ่ิมประสิทธิภาพ เฉลย ง. เงินรางวัลการเพม่ิ ประสิทธิภาพ 49. หน่วยงานใดใหค้ วามเหน็ ชอบใหร้ างวลั แกส่ ่วนราชการตามข้อ 48 ก. ก.พ.ร. ข. นายกรัฐมนตรี ค. รฐั มนตรีทสี่ ่วนราชการน้ันสงั กดั ง. คณะรฐั มนตรี เฉลย ง. คณะรัฐมนตรี 50. ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ จัดทาหลักเกณฑ์การบริหารกจิ การบา้ นเมอื งท่ดี ีใหส้ อดคลอ้ งกบั บทบญั ญตั ิ นเี้ กยี่ วกับเรอื่ งใด ก. การลดขัน้ ตอนการปฏิบัติงาน ข. การบริหารเพ่ือให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกจิ ของรัฐ ค. การอานวยความสะดวกและตอบสนองความตอ้ งการของประชาชน ง. ถกู ท้งั ข้อ ก และ ข เฉลย ง. ถูกทง้ั ข้อ ก และ ข 51. ใครเปน็ ผลู้ งนามสนองพระบรมราชโองการตามกฎหมายนี้ ก. นายกรัฐมนตรี ข. รมต.ประจาสานกั นายกรัฐมนตรี ค. รมต.ทนี่ ายกรฐั มนตรีมอบหมาย ง. ปลัดสานักนายกรฐั มนตรี เฉลย ก. นายกรัฐมนตรี

-22- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ แนวข้อสอบ พรบ. วิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 1. ผทู้ ่ีจะทาการพจิ ารณาทางปกครองไม่ได้ คือข้อใด ก. เปน็ คกู่ รณเี อง ข. เปน็ คู่หม้นั ของคู่กรณี ค. เปน็ ญาตขิ องคู่กรณี ง. ถกู ทุกข้อ ตอบ ง. ถูกทุกข้อ อธบิ าย เจา้ หน้าท่ดี ังต่อไปนจ้ี ะทาการพจิ ารณาทางปกครองไมไ่ ด้ (1) เป็นคกู่ รณีเอง (2) เปน็ คู่หม่ันหรือคสู่ มรสของค่กู รณี (3) เปน็ ญาตขิ องค่กู รณี คือ เป็นบุพการีหรอื ผู้สบื สนั ดานไม่วา่ ชั้นใด ๆ หรือเปน็ พ่ีนอ้ งหรือลูกพีล่ ูกนอ้ งนบั ได้ เพียงภายในสามช้นั หรอื เป็นญาตเิ กยี่ วพันทางแต่งงานนับไดเ้ พียงสองชั้น (4) เป็นหรอื เคยเปน็ ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมหรือผ้พู ทิ ักษห์ รอื ผแู้ ทนหรอื ตวั แทนของคู่กรณี (5) เป็นเจา้ หน้หี รอื ลูกหน้ี หรอื เป็นนายจ้างของค่กู รณี (6) กรณอี น่ื ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง (พรบ.วิธปี ฏบิ ัตฯิ มาตรา 13) 2. ที่ประชมุ มมี ตใิ ห้กรรมการผ้ถู ูกคดั ค้านปฏบิ ัตหิ น้าทต่ี ่อไป ต้องมีคะแนนเสียงเทา่ ใดของกรรมการที่ไม่ถกู คัดคา้ น ก็ให้กรรมการผู้น้ันปฏิบัติหน้าท่ีตอ่ ไปได้ ก. ไมน่ ้อยกว่ากึ่งหน่ึง ข. ไม่น้อยกว่าหนงึ่ ในสาม ค. ไม่นอ้ ยกวา่ สองในสาม ง. ไมน่ ้อยกว่าสามในส่ี ตอบ ค. ไมน่ ้อยกว่าสองในสาม อธบิ าย ถ้าที่ประชมุ มีมตใิ ห้กรรมการผถู้ ูกคดั ค้านปฏิบัติหนา้ ท่ตี อ่ ไปดว้ ยคะแนนเสยี งไมน่ อ้ ยกว่าสองในสาม ของกรรมการทไ่ี ม่ถูกคดั ค้าน กใ็ หก้ รรมการผ้นู น้ั ปฏิบัติหนา้ ทต่ี ่อไปได้ มตดิ ังกล่าวใหก้ ระทาโดยวิธีลงคะแนน ลบั ให้เป็นท่สี ดุ (พรบ.วธิ ปี ฏบิ ตั ิฯ มาตรา 15) 3. ในกรณีท่มี ีการยืน่ คาขอหลายคาขอน้ันมขี ้อความทานองเดยี วกัน สามารถท่ีจะระบบุ ุคคลใดเปน็ ตวั แทนรว่ มได้ ในกรณีเชน่ น้ีต้องมีผลู้ งชือ่ รว่ มเกนิ กวา่ ก่ีคน ก. เกินสามสิบคน ข. เกนิ ห้าสิบคน ค. เกนิ หา้ ร้อยคน ง. เกนิ หนงึ่ พนั คน ตอบ ข. เกินหา้ สบิ คน อธิบาย ในกรณีที่มีการยื่นคาขอโดยมีผู้ลงชื่อร่วมกันเกินห้าสิบคนหรือมีคู่กรณีเกินห้าสิบคนยื่นคาขอที่มี ขอ้ ความอยา่ งเดยี วกนั หรือทานองเดียวกัน ถ้าในคาขอมกี ารระบุใหบ้ ุคคลใดเป็นตัวแทนของบคุ คลดังกล่าว หรอื มีข้อความเปน็ ปรยิ ายให้เข้าใจไดเ้ ชน่ น้นั ใหถ้ ือว่าผู้ที่ถูกระบุชอื่ ดงั กล่าวเป็นตวั แทนรว่ มของค่กู รณี เหลา่ น้ัน (พรบ.วธิ ปี ฏิบัตฯิ มาตรา 25)

-23- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 4. คาสัง่ ทางปกครองของคณะกรรมการน้ัน คู่กรณีมีสทิ ธิโต้แยง้ ตอ่ คณะกรรมการวนิ ิจฉัยรอ้ งทุกข์ ได้ภายในก่ี วันนับแตว่ ันไดร้ ับแจ้งคาส่ัง ก. 30 วนั ข. 60 วนั ค. 90 วนั ง. 120 วนั ตอบ ค. 90 วัน อธิบาย คาสั่งทางปกครองของบรรดาคณะกรรมการตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะจดั ตั้งขน้ึ ตามกฎหมายหรือไม่ ให้คู่กรณี มสี ทิ ธโิ ตแ้ ย้งตอ่ คณะกรรมการวินจิ ฉยั รอ้ งทกุ ข์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทง้ั ปญั หา ขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อกฎหมาย ภายในเก้าสบิ วันนับแตว่ นั ที่ได้รับแจ้งคาสั่งน้ัน แต่ถา้ คณะกรรมการดังกล่าวเป็น คณะกรรมการวินิจฉยั ข้อพิพาทสทิ ธกิ ารอุทธรณ์และกาหนดเวลาอทุ ธรณใ์ หเ้ ป็นไปตามที่บัญญตั ใิ นกฎหมาย วา่ ด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกา (พรบ.วธิ ีปฏบิ ัตฯิ มาตรา 48) 5. ผ้ทู ีไ่ ดร้ ับผลกระทบจากการเพิกถอนคาสง่ั ทางปกครอง มสี ิทธไิ ดร้ บั คา่ ทดแทนความเสยี หาย ซึง่ ตอ้ งรอค่า ทดแทนภายในระยะเวลาใด นบั แต่ได้รับแจ้งการเพกิ ถอน ก. 30 วนั ข. 60 วนั ค. 120 วัน ง. 180 วัน ตอบ ง. 180 วนั อธบิ าย คาสงั่ ทางปกครองทไ่ี ม่ชอบดว้ ยกฎหมาย อาจถูกเพิกถอนทงั้ หมดหรอื บางส่วนได้ แต่ผู้ไดร้ บั ผลกระทบจากการเพกิ ถอนคาสั่งทางปกครองดงั กล่าวมีสิทธไิ ดร้ บั ค่าทดแทนความเสียหายเน่ืองจากความ เชื่อโดยสุจรติ ในความคงอยู่ของคาสั่งทางปกครองได้ แต่ตอ้ งร้องขอคา่ ทดแทนภายในหนง่ึ ร้อยแปดสิบวนั นับแต่ได้รับแจง้ ให้ทราบถึงการเพิกถอนนั้น (พรบ.วิธีปฏบิ ตั ฯิ มาตรา 52) 6. คาสง่ั ทางปกครองทกี่ าหนดใหก้ ระทา แลว้ ผู้อยใู่ นบงั คบั ของคาสั่งทางปกครองฝุาฝนื หรือไม่ปฏิบัติตาม เจา้ หน้าทจี่ ะดาเนนิ การด้วยตวั เองและต้องชดใช้เงินเพมิ่ ให้แก่เจ้าหน้าท่ีร้อยละเท่าใดตอ่ ปี ก. รอ้ ยละห้า ข. ร้อยละสิบ ค. รอ้ ยละสิบหา้ ง. ร้อยละย่ีสบิ ห้า ตอบ ง. ร้อยละยส่ี บิ ห้า อธบิ าย คาสงั่ ทางปกครองทก่ี าหนดให้กระทาหรือละเว้นกระทา ถา้ ผู้อยู่ในบงั คบั ของคาสัง่ ทางปกครองฝุา ฝนื หรือไม่ปฏิบัติตามเจ้าหนา้ ท่ีอาจใช้มาตรการบงั คับทางปกครอง เจา้ หนา้ ทเ่ี ข้าดาเนินการดว้ ยตนเองหรือ มอบหมายให้บุคคลอ่ืนกระทาการแทน โดยผู้อยใู่ นบังคับของคาสั่งทางปกครองจะตอ้ งชดใชค้ ่าใช้จ่ายและ เงนิ เพมิ่ ในอัตราร้อยละยี่สิบหา้ ตอ่ ปขี องค่าใชจ้ ่ายดงั กลา่ วแก่เจ้าหน้าที่ (พรบ.วิธีปฏบิ ตั ิฯ มาตรา 58)

-24- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 7. จากข้อข้างตน้ อาจมีการชาระคา่ ปรับทางปกครองในอัตราไม่เกนิ เท่าใดตอ่ วัน ก. 5,000 บาท/วนั ข. 10,000 บาท/วนั ค. 15,000 บาท/วนั ง. 20,000 บาท/วนั ตอบ ง. 20,000 บาท/วัน อธิบาย คาสั่งทางปกครองทกี่ าหนดให้กระทาหรือละเว้นกระทา ถา้ ผู้อยู่ในบงั คบั ของคาสัง่ ทางปกครองฝาุ ฝืนหรอื ไมป่ ฏบิ ัติตามเจา้ หน้าทอี่ าจใชม้ าตรการบงั คับทางปกครอง ให้มีการชาระคา่ ปรับทางปกครองตาม จานวนทีส่ มควรแก่เหตุแต่ต้องไม่เกนิ สองหมน่ื บาทต่อวนั (พรบ.วิธปี ฏบิ ัตฯิ มาตรา 58) 8. การแจง้ คาส่ังทางปกครองโดยวิธสี ง่ ทางไปรษณยี ์ตอบรับ ใหถ้ อื ว่าไดร้ บั แจง้ เมื่อครบกาหนดกี่วันนบั แตว่ นั ส่ง ท้งั ในกรณภี ายในประเทศและต่างประเทศ ก. 3 วนั , 7 วนั ข. 5 วนั , 7 วนั ค. 7 วนั , 15 วนั ง. 15 วนั , 30 วัน ตอบ ค. 7 วนั , 15 วนั อธิบาย การแจง้ โดยวธิ สี ่งทางไปรษณีย์ตอบรับให้ถือว่าได้รบั แจง้ เม่ือครบกาหนดเจด็ วนั นบั แตว่ นั ส่งสาหรับ กรณีภายในประเทศหรอื เม่อื ครบกาหนดสบิ หา้ วนั นับแต่วันส่งสาหรบั กรณสี ง่ ไปยังต่างประเทศ เว้นแตจ่ ะมี การพสิ ูจน์ได้ว่าไม่มกี ารได้รบั หรอื ไดร้ ับกอ่ นหรือหลังจากวนั น้นั (พรบ.วธิ ีปฏิบัตฯิ มาตรา 71) 9. ในการนดั การประชมุ น้นั ตอ้ งแจ้งใหค้ ณะกรรมการทกุ คนทราบลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่ากวี่ นั ก. ไม่น้อยกว่าสามวนั ข. ไมน่ ้อยกวา่ ห้าวัน ค. ไมน่ อ้ ยกว่าเจ็ดวัน ง. ไม่น้อยกวา่ สิบหา้ วนั ตอบ ก. ไมน่ ้อยกวา่ สามวนั อธิบาย การนัดประชุมต้องทาเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมการทกุ คนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกวา่ สามวนั เว้นแต่ กรรมการนน้ั จะไดท้ ราบการบอกนัดในทีป่ ระชุมแลว้ กรณีดงั กลา่ วน้จี ะทาหนังสือแจ้งนดั เฉพาะกรรมการท่ี ไม่ไดม้ าประชมุ ก็ได้ (พรบ.วิธปี ฏิบตั ฯิ มาตรา 80) 10. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการใน พรบ.วธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ฉบับน้ี คอื ใคร ก. นายอานนั ท์ ปันยารชุน ข. นายบรรหาร ศลิ ปอาชา ค. นายสมคั ร สุนทรเวช ง. พตท. ทกั ษิณ ชนิ วัตร ตอบ ข. นายบรรหาร ศิลปอาชา อธบิ าย ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายกรฐั มนตรี

-25- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 11. การเตรยี มการและดาเนินการของเจ้าหนา้ ทเี่ พื่อจัดให้มีคาส่งั ทางปกครอง หรือ กฎ และการดาเนินการใด ๆ ในทางปกครอง ตรงกบั ข้อใด ก. วธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง ข. วิธีปฏิบตั ิทางปกครอง ค. การพจิ ารณาทางปกครอง ง. การดาเนนิ ทางปกครอง เฉลย ก. วธิ ีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง 12. “คาสงั่ ทางปกครอง” ขอ้ ใดไม่ถกู ต้อง ก. การส่งั การ การวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณ์ ข. การอนญุ าต การอนุมัติ ค. การออกกฎ ง. การรับรอง การจดทะเบยี น เฉลย ค. การออกกฎ 13. เกยี่ วกบั กรรมการโดยตาแหนง่ คณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง ขอ้ ใดไม่ถูกต้อง ก. ปลดั สานักนายกรัฐมนตรี ปลดั กระทรวงมหาดไทย ข. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธกิ ารคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ค. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ง. เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า เฉลย ค. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 14. ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิในคณะกรรมการวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง ให้ คณะรัฐมนตรแี ตง่ ตง้ั ต้องไมเ่ ป็นผู้ดารงตาแหนง่ ทางการเมืองมวี าระกป่ี ี ก. คราวละ 1 ปี ข. คราวละ 2 ปี ค. คราวละ 3 ปี ง. คราวละ 4 ปี เฉลย ค. คราวละ 3 ปี 15. คาสั่งทางปกครองกระทาโดยใคร ก. ผ้พู พิ ากษาเจ้าของคดี ข. เจา้ หน้าท่ซี ึ่งมีอานาจหนา้ ท่ีในเรื่องนั้น ค. คณะกรรมการกฤษฎกี า ง. ผบู้ ังคับบญั ชา เฉลย ข. เจ้าหนา้ ทซ่ี ึง่ มีอานาจหน้าท่ใี นเรอ่ื งน้ัน 16. เจ้าหนา้ ทเ่ี ปน็ ญาติของคู่กรณีจะทาการพจิ ารณาทางปกครองไม่ได้ คาว่า “เป็นญาติของคกู่ รณี” ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง ก. เปน็ บุพการี ข. ผูส้ บื สนั ดานไม่ว่าชน้ั ใด ๆ ค. เปน็ พี่นอ้ งหรือลูกพ่ลี กู น้องนับได้เพยี ง 3 ชน้ั ง. เปน็ ญาตเิ กย่ี วกันทางแตง่ งานนับไดเ้ พียง 3 ช้ัน เฉลย ง. เปน็ ญาติเกีย่ วกนั ทางแต่งงานนับได้เพยี ง 3 ชั้น

-26- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 17. ในกรณีที่มีการยืน่ คาขอโดยในคาขอมีการระบุให้บุคคลใดเป็นตัวแทนของบคุ คลดังกล่าว หรือมขี ้อความเปน็ ปรยิ าย ใหเ้ ข้าใจไดเ้ ช่นนั้น ใหถ้ ือว่าผู้ที่ถูกระบุช่ือดังกล่าวเป็นตัวแทนรว่ มของคู่กรณีเหล่าน้ัน ซ่ึงจะมีจานวนตามข้อใด ก. มผี ลู้ งชื่อรว่ มกันเกนิ 50 คน ข. มคี ่กู รณเี กิน 50 คนยื่นคาขอที่มีข้อความอย่างเดียวกนั หรอื ทานองเดยี วกัน ค. มีผ้ลู งชื่อรว่ มกันเกิน 100 คน ง. ข้อ ก และ ข เฉลย ง. ข้อ ก และ ข 18. การทาคาสงั่ ทางปกครองสามารถดาเนนิ การได้ตามข้อใด ก. ทาเปน็ หนังสอื ข. วาจา ค. การสือ่ ความหมายในรปู แบบอน่ื แตต่ ้องมีข้อความหรอื ความหมายท่ชี ัดเจนเพยี งพอท่ีจะเข้าใจได้ ง. ถูกทุกขอ้ เฉลย ง. ถกู ทุกข้อ 19. ในกรณีทคี่ าสง่ั ทางปกครองเปน็ คาสั่งด้วยวาจา ถ้าผู้รับคาส่งั น้นั ร้องขอและการรอ้ งขอได้กระทาโดยมีเหตุ อันสมควร เจ้าหนา้ ท่ีผู้ออกคาสง่ั นั้นต้องยืนยนั คาส่งั นั้นเป็นหนังสือภายในกว่ี นั ก. ภายใน 3 วันนับแต่วันที่มีคาสง่ั ดังกล่าว ข. ภายใน 5 วันนับแต่วนั ทม่ี ีคาสง่ั ดังกล่าว ค. ภายใน 7 วนั นับแต่วนั ท่มี ีคาส่ังดงั กลา่ ว ง. ภายใน 15 วนั นับแตว่ นั ทีม่ ีคาส่ังดังกลา่ ว เฉลย ค. ภายใน 7 วันนับแตว่ ันที่มคี าส่ังดงั กล่าว 20. คาสง่ั ทางปกครองที่ทาเป็นหนังสอื ไม่ต้องระบุอะไร ก. วนั เดอื นและปีท่ีทาคาสงั่ ข. ช่อื และตาแหนง่ ของเจา้ หน้าที่ท่ที าคาสัง่ ค. ลายมอื ช่อื ของเจ้าหนา้ ท่ีที่ทาคาสง่ั ง. ช่ือและตาแหน่งของผู้รับคาสั่ง เฉลย ง. ช่ือและตาแหนง่ ของผรู้ บั คาสัง่ 21. คาสง่ั ทางปกครองให้มีผลตราบเทา่ ทยี่ งั ไม่มีการเพกิ ถอนหรอื สนิ้ ผลลงใหม้ ีผลใช้ยนั ต่อบคุ คลตามข้อใด ก. ตง้ั แตข่ ณะที่ผูน้ ั้นได้รับแจง้ เปน็ ต้นไป ข. ต้งั แตข่ ณะทีเ่ จา้ หน้าที่ลงนามในคาสงั่ ทางปกครองเปน็ ต้นไป ค. ตงั้ แต่ขณะทีเ่ จา้ หน้าทีล่ งนามในคาส่ังทางปกครองจนถงึ วันท่ีบุคคลน้ันยน่ื อุทธรณค์ าส่ังทางปกครองน้นั ง. ภายใน 15 วนั ตง้ั แตข่ ณะทเี่ จา้ หน้าที่ลงนามในคาสัง่ ทางปกครองเป็นตน้ ไป เฉลย ก. ตั้งแตข่ ณะทผี่ ู้น้นั ได้รับแจง้ เปน็ ต้นไป 22. ใหเ้ จ้าหน้าทพี่ จิ ารณาคาอุทธรณ์และแจ้งผอู้ ุทธรณโ์ ดยไมช่ กั ช้าภายในกวี่ ัน ก. ต้องไม่เกนิ 15 วันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รบั อทุ ธรณ์ ข. ตอ้ งไม่เกนิ 30วันนบั แต่วนั ท่ไี ดร้ ับอุทธรณ์ ค. ต้องไม่เกิน 60วนั นบั แต่วนั ท่ีไดร้ ับอทุ ธรณ์ ง. ต้องไมเ่ กิน 90วนั นับแต่วนั ท่ีได้รับอุทธรณ์ เฉลย ข. ตอ้ งไมเ่ กิน 30วนั นบั แต่วนั ทีไ่ ด้รับอทุ ธรณ์

-27- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 23. การเพิกถอนคาสั่งทางปกครองท่ีมลี ักษณะเปน็ การให้ประโยชนต์ ้องกระทานบั แต่ได้รูถ้ งึ เหตุท่จี ะใหเ้ พิก ถอนคาส่ังทางปกครองน้นั ภายในก่ีวัน ก. ภายใน 15 วนั ข. ภายใน 30 วนั ค. ภายใน 60 วัน ง. ภายใน 90 วัน เฉลย ง. ภายใน 90 วัน 24. คาส่งั ทางปกครองที่ไมช่ อบดว้ ยกฎหมายอาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางสว่ นได้ แต่ผไู้ ด้รับผลกระทบจาก การเพิกถอนคาสั่งทางปกครองดงั กลา่ วมีสทิ ธิได้รับค่าทดแทนความเสยี หายภายในก่ีวัน ก. ภายใน 30 วันนับแตไ่ ดร้ บั แจง้ ใหท้ ราบถึงการเพกิ ถอนนั้น ข. ภายใน 60 วนั นบั แตไ่ ดร้ บั แจง้ ให้ทราบถึงการเพิกถอนน้ัน ค. ภายใน 90 วนั นบั แตไ่ ดร้ ับแจ้งให้ทราบถึงการเพกิ ถอนน้ัน ง. ภายใน 180 วันนบั แต่ได้รับแจ้งใหท้ ราบถึงการเพิกถอนนั้น เฉลย ง. ภายใน 180 วนั นบั แตไ่ ด้รับแจ้งใหท้ ราบถึงการเพิกถอนน้นั 25. คาสั่งทางปกครองที่กาหนดใหผ้ ู้ใดชาระเงนิ ใหเ้ จ้าหน้าท่มี ีหนงั สือเตอื นให้ผนู้ ้นั ชาระตามวนั เวลาในข้อใด ก. ตอ้ งไมน่ ้อยกวา่ 7 วนั ข. ต้องไมน่ ้อยกว่า 15 วนั ค. ต้องไมน่ อ้ ยกวา่ 30 วนั ง. ตอ้ งไมน่ ้อยกวา่ 60 วนั เฉลย ก. ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 7 วัน 26. คาส่ังทางปกครองทก่ี าหนดให้ผู้ใดชาระเงิน ถ้าถึงกาหนดแลว้ ไมม่ ีการชาระโดยถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าหนา้ ที่มี หนังสือเตือนให้ผู้น้ันชาระภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ถ้าไม่มีการปฏิบัติตามคาเตือนให้เจ้าหน้าที่กระทา ตามข้อใด ก. เจา้ หนา้ ที่แจง้ ดาเนินคดีกับผนู้ น้ั ฐานช่อโกง ข. เจา้ หนา้ ทีอ่ าจใชม้ าตรการบังคับทางปกครองโดยยดึ หรืออายัดทรัพย์สนิ ของผูน้ ้ันและขายทอดตลาด เพือ่ ชาระเงินให้ครบถ้วน ค. เจา้ หนา้ ทย่ี ่ืนฟูองเปน็ บุคคลล้มละลาย ง. เจา้ หน้าท่ีแจง้ ผูบ้ งั คับบญั ชาดาเนนิ การทางวนิ ัย เฉลย ข. เจ้าหนา้ ท่อี าจใชม้ าตรการบงั คับทางปกครองโดยยดึ หรืออายัดทรัพย์สินของผ้นู น้ั และขายทอดตลาด เพอ่ื ชาระเงินใหค้ รบถ้วน 27. วธิ กี ารแจง้ คาส่ังทางปกครองให้ผูท้ ่เี กย่ี วขอ้ งทราบ ข้อใดไมถ่ ูกต้อง ก. การแจง้ ด้วยวาจา ข. การแจ้งเปน็ หนังสือ ค. โดยการสือ่ ความหมายในรูปแบบอนื่ ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ง. การแจง้ เป็นลายลกั ษณ์อักษร เฉลย ง. การแจง้ เป็นลายลักษณ์อกั ษร

-28- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 28. การแจ้งโดยวธิ สี ง่ ทางไปรษณยี ต์ อบรับ กรณภี ายในประเทศให้ถือว่าได้รบั แจ้งเมื่อครบกาหนดก่วี นั ก. เมือ่ ครบกาหนด 3 วนั นบั แตว่ ันสง่ ข. เมือ่ ครบกาหนด 7 วันนับแตว่ ันสง่ ค. เม่อื ครบกาหนด 15 วันนับแตว่ นั ส่ง ง. เมือ่ ครบกาหนด 30 วนั นับแต่วนั สง่ เฉลย ข. เมอ่ื ครบกาหนด 7 วนั นับแตว่ ันส่ง 29. เจ้าหน้าท่ีจะแจ้งใหท้ ราบตง้ั แต่เร่ิมดาเนินการต่อบคุ คลจะกระทาโดยวิธปี ิดประกาศไว้ ณ ทท่ี าการของ เจา้ หนา้ ทแ่ี ละทวี่ ่าการอาเภอทผ่ี รู้ บั มีภูมลิ าเนา ใช้ในกรณีใด ก. มผี ้รู ับเกิน 50 คน ข. มผี ้รู ับเกนิ 100 คน ค. มผี ูร้ ับเกิน 150 คน ง. มีผู้รับเกนิ 200 คน เฉลย ก. มีผรู้ บั เกนิ 50 คน 30. การแจง้ เป็นหนงั สือโดยการประกาศในหนังสือพิมพใ์ ห้ถือว่าไดร้ บั แจง้ เมื่อใด ก. เม่อื ลว่ งพน้ ระยะเวลา 7 วันนับแตว่ ันทไี่ ด้แจ้ง ข. เมอ่ื ล่วงพ้นระยะเวลา 15 วันนับแตว่ นั ท่ีไดแ้ จง้ ค. เมอ่ื ลว่ งพน้ ระยะเวลา 30 วนั นบั แต่วนั ทไ่ี ดแ้ จง้ ง. เมื่อล่วงพ้นระยะเวลา 60 วนั นบั แต่วนั ที่ได้แจง้ เฉลย ข. เมอ่ื ล่วงพ้นระยะเวลา 15 วันนับแต่วันที่ได้แจง้ 31. ในกรณีมเี หตุจาเป็นเร่งด่วนการแจ้งคาสงั่ ทางปกครองจะใช้วิธีส่งทางเคร่ืองโทรสารได้ ใหถ้ อื ว่าผ้รู บั ได้รับ แจง้ คาส่ังทางปกครองเมอ่ื ใด ก. เมื่อล่วงพ้นระยะเวลา 3 วนั นบั แตว่ ันทไี่ ดแ้ จ้ง ข. เมื่อลว่ งพน้ ระยะเวลา 7 วันนับแต่วนั ท่ไี ดแ้ จ้ง ค. เมือ่ ล่วงพ้นระยะเวลา 15 วันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้แจง้ ง. ตามวนั เวลาทป่ี รากฏในหลกั ฐานของผ้จู ัดบริการโทรคมนาคม เฉลย ง. ตามวนั เวลาทีป่ รากฏในหลักฐานของผจู้ ัดบริการโทรคมนาคม

-29- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ สรุปแนวขอ้ สอบ พ.ร.บ.วิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 1. การพจิ ารณาของอธิดีกรมการปกครอง ต้องอยูภ่ ายใตบ้ ังคบั บญั ชาของ พ.ร.บ.วธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง 2. การเตรยี มการของเจา้ หนา้ ท่ีเพื่อจดั ให้มีคาสั่งทางปกครอง , การดาเนนิ การของเจ้าหน้าท่ีเพ่ือจดั ให้มีคาส่งั ทางปกครอง , การเตรียมการของเจา้ หนา้ ที่เพื่อออกกฎ , การดาเนินการของเจา้ หนา้ ท่ีเพ่ือออกกฎ คอื วิธี ปฏิบตั ิราชการทางการปกครอง 3. การออกระเบยี บ ไม่ใชค่ าส่งั ทางปกครอง 4. การประกาศเตือน ไมใ่ ช่คาสงั่ ทางปกครอง 5. พระราชบญั ญตั ิ ไม่ใช่กฎ 6. การเตรียมการและดาเนนิ การของเจา้ หนา้ ทเ่ี พ่ือจดั ให้มีคาสั่งทางปกครอง คือการพิจารณาทางปกครอง 7. เจา้ หนา้ ที่จะทาการพจิ ารณาทางปกครองไม่ได้ ถา้ คหู่ ม้ันหรือคสู่ มรสของคู่กรณี , ญาติของคู่กรณี , นายจา้ ง ของคู่กรณี หรอื เป็นคู่กรณีเองไมไ่ ด้ 8. ถา้ กรณีเคยเปน็ ลูกจ้างของคกู่ รณี เจ้าหนา้ ที่ทาการพจิ ารณาทางปกครองได้ 9. คู่กรณีไม่มสี ิทธนิ าทนายความของตนเขา้ มาในการพจิ ารณาทางปกครองได้ 10. ค่กู รณีไม่มีสิทธิแต่งต้ังบุคคลหนง่ึ บุคคลใดแทนตนในการพจิ ารณาทางปกครอง 11. เจ้าหนา้ ที่ไม่มสี ทิ ธิห้ามการปฏบิ ัติหน้าท่ีของผูแ้ ทนของคกู่ รณีทีไ่ ม่ทราบข้อเท็จจรงิ ในเรอ่ื งที่พิจารณาทาง ปกครองอยา่ งพยี งพอ 12. เมื่อมีการแต่งต้งั ตัวแทนรว่ มของคกู่ รณีๆ จะยกเลิกการใหต้ วั แทนร่วมดาเนนิ การแทนตนมิได้ 13. ในการพิจารณาทางปกครองเจา้ หน้าท่จี ะต้องแจง้ สิทธิและหนา้ ที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครองให้ คกู่ รณีทราบ , ให้ค้กู รณีมโี อกาสท่จี ะได้รับทราบข้อเท็จจรงิ อย่างเพยี งพอ , ใหค้ ่กู รณมี ีโอกาสไดโ้ ตแ้ ย้งและ แสดงหลกั ฐานของตนเอง , ไมอ่ นญุ าตให้ตรวจดูเอกสารหรือพยานหลักฐานได้ ในกรณที ตี่ อ้ งรักษาไวเ้ ป็นความลบั 14. คาสัง่ ทางปกครองท่ีอาจอทุ ธรณ์หรือโตแ้ ย้งตอ่ ไปได้ ให้ระบกุ รณีท่ีอาจอทุ ธรณห์ รือโตแ้ ย้งไว้ในคาส่ังด้วย 15. คาสง่ั ทางปกครองที่ทาเป็นหนังสอื ต้องจดั ให้มเี หตุผลไว้ดว้ ย 16. คาสง่ั ทางปกครองท่ีมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย เจา้ หน้าท่ีอาจแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ไดเ้ สมอ 17. คาสง่ั ทางปกครองท่ีตอ้ งให้เจ้าหนา้ ที่อืน่ ให้ความเห็นชอบก่อน จะไมเ่ สียไปถา้ เจ้าหนา้ ที่นัน้ ได้ให้ความ เห็นชอบในภายหลังถอื ว่าใชไ้ ด้ 18. การอุทธรณ์คาส่งั ทางปกครองท่ีไม่ออกโดยรัฐมนตรี ต้องยนื่ ต่อเจ้าหน้าท่ผี ูท้ าคาสั่งทางปกครองภายใน 15 วนั 19. คาสง่ั ของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยไม่ต้องอุทธรณ์ภายในฝุายปกครอง คู่กรณีสามารถฟูองต่อศาลปกครองได้ 20. คาสัง่ ของคณะกรรมการวนิ ิจฉยั ขอ้ พิพาท ไม่สามารถอุทธรณ์ไดแ้ ตส่ ามารถฟูองศาลปกครองได้ 21. หากไดร้ ับการวนิ ิจฉัยความผดิ ถงึ ทส่ี ดุ และเหน็ ว่าคาส่ังทางปกครองท่ไี ด้รับไม่เปน็ ธรรม สามารถฟูองศาล ปกครองภายใน 90 วันนบั แต่วันรับทราบคาสงั่ 22. เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาคาอุทธรณ์ภายใน 30 วนั นบั แตว่ นั ที่ไดร้ ับอุทธรณ์ 23. การอุทธรณไ์ มเ่ ป็นเหตุให้ทเุ ลาการบงั คับตามคาสง่ั ทางปกครอง 24. กรณเี ห็นด้วยกับอทุ ธรณ์ ใหด้ าเนินการเปลี่ยนแปลงคาสงั่ ทางปกครองตามความเห็นของตน 25. กรณไี มเ่ ห็นด้วยกบั อุทธรณ์ ใหร้ ายงานความเห็นพร้อมเหตผุ ลไปยังผมู้ อี านาจพิจารณาอุทธรณ์ 26. การเพิกถอนคาส่ังทางปกครองท่ลี ักษณะเปน็ การให้ประโยชนต์ อ้ งกระทาภายใน 90 วนั นบั แตร่ ูถ้ งึ เหตทุ ี่ จะเพิกถอนคาสั่งนน้ั 27. ผทู้ ีไ่ ม่รูถ้ ึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคาสัง่ ทางปกครองในขณะที่รบั คาส่ังทางปกครองสามารถอา้ ง ความเชื่อโดยสุจรติ ไดเ้ มือ่ ถูกเพิกถอนคาสั่งทางปกครอง

-30- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 28. ผูท้ ไี่ ดร้ ับผลกระทบจากการเพกิ ถอนคาส่งั ทางปกครองต้องรอ้ งขอคา่ ทดแทนภายใน 180 วันนับแต่ได้รับ แจ้งให้ทราบถึงการเพิกถอนนัน้ 29. การยนื่ ขอให้พิจารณาใหม่ ตอ้ งกระทาภายใน 90 วนั นบั แตว่ นั ผ้นู ้ันไดร้ ถู้ งึ เหตุซ่ึงอาจขอให้พิจารณาใหม่ 30. เจ้าหน้าทอ่ี าจยึดอายัดทรพั ยส์ ินของผทู้ ไี่ ม่ชาระเงนิ ตามกาหนดของคาส่งั ทางปกครอง 31. คาสั่งทางปกครองท่ีกาหนดให้ละเวน้ กระทา หากฝุาฝืนต้องชาระค่าปรบั ทางปกครองไม่ตา่ กว่า 20,000 บาทต่อวนั 32. คาส่ังทางปกครองท่ีกาหนดใหก้ ระทาแลว้ ไม่ปฏิบตั ติ าม เจา้ หนา้ ท่สี ามารถเข้าดาเนินการดว้ ยตนเองได้ 33. เจา้ หน้าท่ีอาจใช้กาลังเข้าดาเนินการเพ่ือใหเ้ ป็นไปตามมาตรการบังคบั ทางปกครองได้ หากมีการต่อสู้ขดั ขวาง 34. การแจง้ คาสง่ั ทางปกครอง เจา้ หน้าท่จี ะกระทาดว้ ยวาจากไ็ ด้ 35. การแจง้ ทางไปรษณีย์ต้องแจ้งโดยไปรษณยี ์ตอบรบั เทา่ นน้ั 36. การแจง้ ภายในประเทศใหถ้ ือวา่ ไดร้ บั เม่อื ครบกาหนด 7 วนั นบั ต้ังแตว่ นั ส่ง 37. การแจ้งคาสงั่ ทางปกครองจะกระทาไดโ้ ดยการประกาศในหนงั สอื พิมพ์ ในกรณไี มร่ ู้ตวั ผู้รับ กรณีรตู้ ัวแต่ไม่ รภู้ มู ลิ าเนา กรณีมผี ้รู บั เกิน 100 คนขึน้ ไป 38. ในกรณปี ระกาศหรอื ลงหนังสอื พิมพ์ให้ถอื ว่าไดร้ ับแจ้งเม่อื พน้ 15 วนั นับแตว่ ันได้แจ้ง 39. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทาการอยา่ งหนง่ึ อย่างใด ให้นับวันสิน้ สุดของระยะเวลานนั้ รวมเข้าดว้ ยกนั แมว้ นั สุดท้ายจะเปน็ วันหยุดการทางาน 40. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ไม่สามารถจะเป็นพยานในการส่งหนังสือเพื่อแจง้ คาสงั่ ทางปกครองใน กรณีผรู้ บั ไม่ยอมรบั หรือไมม่ ผี ู้รับ 41. คา่ ปรับทางปกครองมี 4 ระดับ คือ 50,000 บาท สาหรับคณะกรรมการ และรฐั มนตรี 42. 30,000 บาท สาหรับปลัด อธบิ ดี ผูว้ า่ ฯ 43. 20,000 บาท สาหรบั นายอาเภอ หวั หนา้ สว่ นราชการประจาจงั หวดั ผบู้ ริหารท้องถิน่ ผแู้ ทนของ รฐั วสิ าหกจิ หรอื หน่วยงานรฐั อ่ืนๆ 44. 10,000 บาท สาหรบั พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ตามกฎหมายอนื่ ๆ 45. ช้นั ศาลปกครองได้แก่ ศาลปกครองชัน้ ต้น และศาลปกครองสูงสดุ 46. ศาลปกครองช้นั ตน้ แบ่งออกเปน็ สองประเภท ได้แกศ่ าลปกครองกลาง และศาลปกครองสว่ นภมู ิภาค 47. ในวาระแรกกฎหมายได้กาหนดใหจ้ ดั ตงั้ ศาลปกครองในรูปภมู ิภาคจานวน 16 แหง่ 48. การเปิดทาการของศาลปกครองในภูมิภาค กฎหมายกาหนดให้เปิดทาการไม่น้อยกวา่ ปลี ะ 7 ศาล 49. คดที ี่ไม่อยู่ในศาลปกครองมี ,การดาเนินการเกี่ยวกบั วินยั ทหาร , คดีทีอ่ ยูใ่ นอานาจศาลแรงงาน , คดที ี่อยู่ ในอานาจศาลภาษอี ากร , คดที ่ีอยใู่ นอานาจศาลล้มละลาย 50. การฟูองในคดีโต้แย้งคาสงั่ ทางปกครองต้องฟูองภายใน 90 วนั นบั แต่วนั ทราบคาสัง่ 51. การฟูองเกยี่ วกับสัญญาทางปกครองต้องฟูองภายใน 1 ปนี ับแตว่ ันทรี่ หู้ รือควรรถู้ ึงเหตแุ ห่งการฟอู งคดี 52. ผู้ฟูองคดีต้องเป็นผูเ้ ดือดร้อนเสยี หายอันเนื่องมาจากการกระทาทางปกครอง 53. ผู้ทจี่ ะได้แต่งตัง้ เป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นตน้ ต้องมีอายุ 35 ปี

-31- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ แนวข้อสอบพระราชบัญญตั ิความรับผิดทางละเมิด พ.ศ. 2539 1. ข้อใด คอื เปาู หมายหลกั ของพระราชบญั ญตั ิความรบั ผิดทางละเมิดของเจา้ หนา้ ที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ก. เพอ่ื รักษาผลประโยชนข์ องหนว่ ยงานของรฐั ข. เพอื่ รักษาผลประโยชน์ของผู้เสยี หาย อนั เกิดจากกระกระทาจากหนว่ ยงานของรฐั ค. ความเป็นธรรมแกเ่ จ้าหนา้ ทผ่ี ปู้ ฏิบัตงิ าน ในหน่วยงานของรัฐ ง. เพอ่ื สรา้ งขวัญและกาลังใจ ใหแ้ ก่เจ้าหนา้ ท่ีผู้ปฏบิ ัตงิ าน ในหน่วยงานของรัฐ เฉลย ค. ความเปน็ ธรรมแกเ่ จ้าหนา้ ทีผ่ ูป้ ฏิบตั งิ าน ในหน่วยงานของรัฐ หมายเหตุ:- เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตฉิ บับน้ี คือ การท่ีเจา้ หนา้ ท่ีดาเนนิ กิจการตา่ ง ๆ ของ หนว่ ยงานของรฐั น้ัน หาไดเ้ ป็นไปเพื่อประโยชน์อนั เป็นการเฉพาะตวั ไม่ การปลอ่ ยให้ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หน้าที่ ในกรณีท่ปี ฏบิ ัติงานในหน้าท่ี และเกิดความเสียหายแกเ่ อกชน เปน็ ไปตามหลกั กฎหมายเอกชน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จงึ เป็นการไม่เหมาะสมก่อให้เกิดความข้าใจผดิ ว่าเจา้ หน้าที่จะต้องรับ ผดิ ในการกระทาต่าง ๆ เปน็ การเฉพาะตวั เสมอไป เม่ือการท่ีทาไปทาใหห้ นว่ ยงานของรัฐตอ้ งรบั ผดิ ต่อ บุคคลภายนอกเพียงใด กจ็ ะมีการฟ้องไลเ่ บ้ียเอาจากเจา้ หน้าทีเ่ ต็มจานวนน้นั ท้ังท่ีบางกรณเี กดิ ขนึ้ โดยความไม่ ตง้ั ใจ หรือความผดิ พลาดเพียงเลก็ น้อยในการปฏิบตั หิ น้าท่ี นอกจากนั้นยงั มีการนาหลกั เรื่องลกู หน้รี ่วม ใน ระบบกฎหมายแพ่งมาใช้บังคับให้เจา้ หน้าที่ ตอ้ งร่วมรับผิดในการกระทาของเจ้าหนา้ ท่ผี ู้อน่ื ดว้ ย ซึง่ ระบบนัน้ ม่งุ หมายแต่จะได้เงินครบโดยไม่คานึงถึงความเป็นธรรมทีจ่ ะมีต่อแต่ละคน กรณเี ป็นการก่อใหเ้ กิดความไม่เปน็ ธรรมแกเ่ จ้าหน้าที่และยังเปน็ การบ่นั ทอนกาลงั ขวญั ในการทางานของเจ้าหนา้ ทีด่ ้วย จนบางครัง้ กลายเป็น ปัญหาในการบรหิ าร เพราะเจ้าหน้าทีไ่ ม่กล้าตดั สินใจดาเนนิ งานเทา่ ท่ีควรเพราะเกรงความรับผิดชอบทจ่ี ะเกิด แกต่ น อนง่ึ การใหค้ ุณให้โทษแกเ่ จ้าหน้าทเ่ี พ่ือควบคุมการทางานของเจา้ หน้าท่ียังมีวธิ กี ารในการบรหิ ารงาน บุคคล และการดาเนนิ การทางวินัย กากบั ดแู ล อีกสว่ นหนึง่ อันเปน็ หลกั ประกันมิใหเ้ จ้าหน้าทท่ี าการใด ๆ โดย ไม่รอบคอบอยู่แลว้ ดงั น้นั จึงสมควรกาหนดให้เจา้ หนา้ ที่ต้องรบั ผิดทางละเมดิ ในการปฏิบัติงานในหน้าทเ่ี ฉพาะ เมือ่ เป็นการจงใจกระทา เพื่อการเฉพาะตัวหรือจงใจให้เกิดความเสียหายหรือประมาทเลินเลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง เท่านน้ั และให้แบง่ แยกความรับผิดของแตล่ ะคนมิใหน้ าหลักลกู หนี้รว่ มมาใชบ้ งั คบั ทงั้ นี้ เพ่อื ใหเ้ กิดความเป็น ธรรม และเพม่ิ พนู ประสิทธิภาพในการปฏบิ ัติงานของรฐั จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั ิน้ี ความเป็นธรรม ทก่ี ล่าวถึง คอื ความเป็นธรรมแกเ่ จ้าหน้าที่ เพราะถ้าไมม่ ีพระราชบญั ญัติฉบับนี้ เจา้ หน้าท่ีท่ีถกู ฟอ้ งจะต้องไปใชก้ ฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ซ่งึ ไม่เปน็ ธรรม เพราะเจา้ หน้าท่ไี มไ่ ดป้ ฏิบัติงานของตน แต่ ปฏบิ ัตงิ านในนามของรฐั นอกจากนเี้ รอื่ งลูกหนร้ี ว่ มก็เป็นการให้ความเปน็ ธรรมแก่เจ้าหน้าที่ เพราะไม่เหมาะ รวม แตใ่ หค้ ดิ แยกสว่ นเป็นคน ๆ ไป

-32- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 2. นาย ก. พนักงานขับรถ และ นาย ข. ลกู จา้ งประจาตาแหนง่ คนงานของหนว่ ยงานของรัฐแหง่ หน่งึ ออกปฏบิ ตั งิ าน ด้วยกัน นาย ส. ได้ขับรถพลกิ คว่า ทาให้บคุ คลทั้งสองได้รบั บาดเจ็บและรถยนตข์ องทางราชการไดร้ บั ความเสยี หาย\" กรณนี ้ี ข้อใดมีความเป็นไปได้มากทส่ี ดุ ก. นาย ก. ฟอู งค่าเสียหายจากหน่วยงานของรฐั ได้ ข. นาย ข. ฟูองค่าเสยี หายจากหน่วยงานของรฐั ได้ ค. หนว่ ยงานของรฐั ใหน้ าย ก. ชดใชค้ ่าเสยี หาย ง. ขอ้ 1 และ ข้อ 2 เฉลย ข. นาย ป. ฟูองค่าเสียหายจากหน่วยงานของรัฐได้ นาย ป. ไม่ไดม้ ีสว่ นรว่ มในการกระทาละเมดิ และเปน็ ผู้ที่ได้รบั ความเสียหายจากการกระทาละเมิดของ นาย ก. นาย ข. จงึ เป็นผู้เสยี หาย จงึ มสี ิทธเิ รียกร้องใหห้ น่วยงานที่ นาย ก. สังกัดชดใชค้ า่ สินไหมทดแทนจากการถูก กระทาละเมดิ โดยเจ้าหนา้ ที่ คือ นาย ก. ได้ กรณี นาย ก. ตอ้ งพิจารณาวา่ ขับรถโดยประมาทเลนิ เล่ออย่าง ร้ายแรง หรอื ไม่ ขับรถถูกกฎจราจรหรอื ไม่ ถ้าเปน็ การกระทาที่ประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง นาย ก. ต้อง รบั ผิดชอบในเรื่องค่าเสยี หายด้วย 3. นาย ส. เป็นลูกจ้างตาแหน่งพนักงานขับรถ ของหน่วยงานของรัฐแห่งหน่ึง ได้รับคาส่ังให้ขับรถไปสถานที่ แหง่ หนึง่ ขณะขบั รถยนต์มาตามถนนตามปกติ มีผู้ขบั ขร่ี ถจักรยานยนตอ์ อกจากซอยด้านซา้ ยมือตัดหนา้ ใน ระยะกระชัน้ ชดิ มาก นาย ส. จึงหกั หลบโดยไม่มโี อกาสไดท้ ันคิดหรอื ตดั สินใจวา่ ควรจะหักหลบไปทางใดได้ โดยปลอดภัย จึงไปชนรถยนต์ของ นาย ก. ทส่ี วนทางมา\" ในกรณนี ้ี ข้อใดมีความเปน็ ไปไดม้ ากทีส่ ุด ก. นาย ก. ฟูองเรียกคา่ เสยี หาย จาก นาย ส. ข. หนว่ ยงานที่นาย ส. สังกัด ต้องชดใชค้ ่าเสยี หายให้แก่ นาย ก. ค. นาย ก. เรยี กร้องคา่ เสยี หาย จากผขู้ บั ขร่ี ถจักรยานยนต์ ง. นาย ส. และ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตอ้ งชดใชค้ ่าเสยี หายใหแ้ ก่ นาย ก. เฉลย ข. หน่วยงานทน่ี าย ส. สงั กัด ตอ้ งชดใชค้ ่าเสยี หายให้แก่ นาย กรณีนี้ ถือวา่ นาย ส. ปฏิบัตหิ น้าทท่ี างราชการ และเปน็ เหตสุ ดุ วสิ ยั ไม่ไดเ้ กิดจากความประมาทเลินเล่อ จงึ ไม่ ต้องรับผดิ เรอ่ื งคา่ เสียหาย แต่หน่วยงานท่ี นาย ส. สังกัด ต้องรบั ผิดชอบค่าเสียหาย 4. \"เมื่อเกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐแหง่ ใด และหวั หน้าหน่วยงานของรฐั แห่งน้นั มีเหตุอนั ควรเช่ือว่า เกิดจากการกระทาของเจ้าหน้าทข่ี องหน่วยงานของรฐั แหง่ นน้ั ให้หัวหนา้ หนว่ ยงานของรัฐดังกลา่ วแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบข้อเท็จจรงิ ความรบั ผิดทางละเมิดขึ้นคณะหน่ึงโดยไม่ชกั ชา้ เพื่อพจิ ารณาเสนอความเห็น เกย่ี วกับผตู้ ้องรบั ผดิ และจานวนค่าสนิ ไหมทดแทนทีผ่ ู้น้ันต้องชดใช้\" คณะกรรมการขา้ งต้น มีจานวนก่ีคน ก. จานวนไมเ่ กนิ 5 คน ข. จานวนไมเ่ กิน 7 คน ค. จานวน 3-7 คน ง. จานวน 5-10 คน

-33- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ เฉลย ก. จานวนไม่เกนิ 5 คน ข้อ 8 ตาม ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับความรับผดิ ทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มดี งั น้ี เมือ่ เกดิ ความเสียหายแก่หนว่ ยงานของรัฐแหง่ ใด และหวั หน้าหน่วยงานของรัฐแหง่ นัน้ มีเหตอุ ันควรเช่ือว่าเกิด จากการกระทาของเจา้ หนา้ ที่ของหนว่ ยงานของรฐั แหง่ น้ัน ให้หัวหนา้ หนว่ ยงานของรฐั ดงั กลา่ วแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผดิ ทางละเมิดข้นึ คณะหนงึ่ โดยไมช่ ักช้า เพ่ือพจิ ารณาเสนอความเหน็ เกยี่ วกบั ผ้ตู ้องรบั ผดิ และจานวนคา่ สนิ ไหมทดแทนท่ผี ูน้ นั้ ตอ้ งชดใช้ คณะกรรมการตามวรรคหนึง่ โดยแตง่ ต้งั จากเจ้าหน้าท่ขี องหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นหรือหน่วยงานของรฐั อื่น ตามทีเ่ หน็ สมควร 5. ในกรณีท่กี ารละเมิดเกดิ จากเจ้าหน้าที่ ซ่งึ ไม่ไดส้ ังกัดหนว่ ยงานของรฐั แหง่ ใด หนว่ ยงานใดจะเป็น ผรู้ บั ผดิ ชอบชดใชค้ ่าเสยี หาย ก. กระทรวงมหาดไทย ข. กระทรวงการคลงั ค. สานกั นายกรฐั มนตรี ง. กรมบญั ชกี ลาง เฉลย ข. กระทรวงการคลงั มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐ ต้องรบั ผิดต่อผู้เสยี หายในผลแหง่ ละเมิดที่เจา้ หนา้ ท่ีของตนไดก้ ระทาในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีใน กรณีนี้ ผเู้ สยี หายอาจฟอ้ งหน่วยงานของรฐั ดงั กล่าวได้โดยตรง แตจ่ ะฟ้องเจา้ หน้าทีไ่ ม่ได้ถ้าการละเมิด เกดิ จาก เจ้าหนา้ ทซี่ ง่ึ ไม่ไดส้ ังกัดหน่วยงานของรัฐแหง่ ใด ใหเ้ ปน็ หน่วยงานของรัฐทตี่ อ้ งรบั ผดิ ตามวรรคหนง่ึ 6. \" นาย ส. พนกั งานขบั รถของหนว่ ยงานของรัฐแหง่ หนง่ึ ไดร้ บั คาสั่งให้ขับรถพาคณะเจ้าหนา้ ท่ีไปยงั สถานที่ แห่งหน่งึ ขณะขับรถ นาย ส. ขบั รถเร็วเกินอัตราท่ีกฎหมายกาหนด และขับรถประมาท หวาดเสยี ว ในท่สี ุด เกิดอุบัติเหตชุ นรถจักรยานยนต์ ของนาง ย. ทาให้รถจักรยานยนต์เสียหาย ก. นาง ย. ตอ้ งฟูองเรยี กคา่ เสียหาย จาก นาย ส. ข. หน่วยงานท่ี นาย ส. สังกดั ต้องรบั ผดิ ชอบต่อความเสยี หาย ของ นาง ย. ค. หน่วยงานท่ี นาย ส. สงั กดั ไม่มสี ิทธไิ ลเ่ บี้ย นาย ส. ง. นาย ส. ไม่ตอ้ งรับผิดชอบ เพราะเป็นการปฏบิ ัตงิ านในหน้าทร่ี าชการ เฉลย ข. หนว่ ยงานที่ นาย ส. สังกดั ตอ้ งรบั ผิดชอบต่อความเสียหาย ของ นาง ย.

-34- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐ ตอ้ งรบั ผิดต่อผู้เสียหายในผลแหง่ ละเมิดที่เจา้ หนา้ ท่ขี องตนไดก้ ระทาในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ใี น กรณนี ้ี ผู้เสียหายอาจฟอ้ งหน่วยงานของรัฐดังกล่าว ไดโ้ ดยตรง แต่จะฟอ้ งเจ้าหนา้ ท่ีไม่ได้ มาตรา ๘ ในกรณที ่หี นว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรับผิดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนแก่ผเู้ สยี หายเพอ่ื การละเมดิ ของเจ้าหน้าที่ ให้ หน่วยงานของรัฐ มสี ทิ ธิเรยี กให้เจ้าหน้าที่ผทู้ าละเมิด ชดใชค้ า่ สินไหมทดแทนดังกล่าว แกห่ นว่ ยงานของรฐั ได้ ถา้ เจา้ หนา้ ที่ได้กระทาการนน้ั ไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเลอ่ อย่างรา้ ยแรงในกรณนี ้ี ถอื วา่ นาย ส. ได้ กระทาการในหน้าท่ีหน่วยงานที่ นาย ส. สงั กดั จึงต้องรับผดิ ตอ่ ผ้เู สียหายในผลแหง่ ละเมิด ของ นาย ส. คือ ตอ้ งจ่ายค่าเสียหาย ให้แก่ นาง ย. แต่ นาย ส. กระทาไปดว้ ยความประมาทเลินเล่อ อกี ท้ังยังขับรถเร็วอย่างผิด กฎหมาย ดังนนั้ หน่วยงาน จงึ มีสทิ ธ์ทิ ี่จะให้ นาย ส. ชดใชค้ า่ เสียหาย ตามมาตรา 8 แต่จะใหช้ ดใชเ้ ท่าไร ต้อง พจิ ารณาระดับความร้ายแรงแห่งการกระทาอีกครง้ั เช่น เหตผุ ลท่ที าใหต้ อ้ งขับรถเรว็ สภาพท้องถนน และอน่ื ๆ เป็นต้น 7. \"เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รับคาสั่งให้เข้าไปฉีดพ่นไซเพอร์เมทรินเพ่ือกาจัดยุงในพ้ืนที่ที่รับผิดชอบเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขเห็นว่าบ้านหลังหนึ่งในชุมชน เป็นแหล่งเพาะพันธ์ุยุงลาย จึงได้เข้าไปฉีดพ่นไซเพอร์เมทรินใน บ้านดังกล่าว เพื่อกาจัดแหล่งเพาะพันธ์ุของยุง แต่ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านหลังนั้น\" ในกรณนี ้ี ใครเปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบในความเสียหายที่เกดิ จากการละเมิดของเจ้าหนา้ ท่ี ก. หน่วยงานทเ่ี จา้ หน้าที่สาธารณสุขสงั กดั ข. เจ้าหน้าทสี่ าธารณสขุ ผูฉ้ ีดพน่ ยา ค. เจา้ ของบา้ น เพราะเป็นแหลง่ เพาะพนั ธยุ์ งุ ลาย ง. ไม่มใี ครต้องรบั ผดิ ชอบ ถอื เปน็ อุบัตเิ หตใุ นการปฏิบตั ิราชการ เฉลย ก. หนว่ ยงานทเ่ี จา้ หนา้ ทสี่ าธารณสขุ สังกัด มาตรา ๕ หนว่ ยงานของรัฐ ต้องรับผิดต่อผเู้ สยี หายในผลแหง่ ละเมิด ทเ่ี จ้าหนา้ ที่ของตนไดก้ ระทาในการปฏิบตั ิหนา้ ทีใ่ น กรณนี ี้ ผเู้ สียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจา้ หน้าที่ไม่ได้ ในกรณีน้ี เปน็ การปฏบิ ตั หิ น้าท่รี าชการตามปกติ และไม่มหี ลักฐานข้อมลู วา่ เจ้าหน้าท่ไี ด้กระทาให้เกิดความ เสียหายดว้ ยความจงใจหรอื ประมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรง หน่วยงานจึงต้องรบั ผิดชอบ 8. เจ้าหนา้ ทีข่ องหน่วยงานรฐั แห่งหนึ่ง ออกตรวจพนื้ ที่ ขณะรับประทานอาหารกลางวันในรา้ นอาหารแหง่ หนึ่ง เกิดไปทะเลาะววิ าทกับวยั รนุ่ ในร้านอาหาร ทาใหท้ รพั ย์สินของรา้ นเสียหาย “ในกรณนี ี้ ใครจะเป็นผู้รับผดิ ชอบตอ่ การละเมดิ ของเจา้ หน้าที่ ตาม พ.ร.บ. ความรับผดิ ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ก. หน่วยงานรฐั แหง่ นนั้ เพราะการละเมิดเกดิ ขนึ้ ในขณะปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ข. เจา้ หน้าที่ ค. วยั รุ่นคู่กรณี ง. ข้อ 2 และ ข้อ 3 เฉลย ข. เจ้าหน้าที่

-35- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ กรณนี ้ี แม้การกระทาละเมดิ จะเกดิ ข้นึ ระหวา่ งการปฏิบัติหน้าที่ แต่กม็ ิไดเ้ ปน็ ไปเพื่อประโยชนข์ องทางราชการ หากแตเ่ ปน็ ไปเพ่ือบรรลุวตั ถุประสงคส์ ว่ นตัว จึงถอื ไม่ไดว้ ่าการกระทาละเมดิ ดังกล่าวเป็นการกระทาละเมิดใน การปฏบิ ตั หิ น้าที่ ดงั น้ันหน่วยงานจึงไมต่ ้องรับผิดชอบ มาตรา ๖ ถา้ การกระทาละเมิดของเจ้าหนา้ ที่ มใิ ชก่ ารกระทาในการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ เจ้าหน้าท่ตี ้องรับผิดในการนั้นเปน็ การ เฉพาะตวั ในกรณีน้ี ผเู้ สียหายอาจฟ้องเจา้ หน้าท่ีได้โดยตรง แตจ่ ะฟอ้ งหนว่ ยงานของรัฐไม่ได้ กรณีของวยั รนุ่ ไม่ถอื ว่า วัยรุ่น เปน็ เจา้ หน้าที่ ตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมดิ ของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงไม่อยใู่ นขอบข่ายของกฎหมายนี้ ๙. ในกรณีท่ี ศาลพิพากษายกฟูอง เพราะเหตุทีห่ น่วยงานของรัฐหรอื เจ้าหนา้ ท่ีท่ถี ูกฟูองมิใชผ่ ตู้ ้องรบั ผดิ แต่ ทง้ั น้ียงั มเี จ้าหน้าทีม่ ีสว่ นรว่ ม ซึง่ ยงั ไม่ได้ถกู เรยี กเข้ามาในคดี อีกจานวนหน่ึงผูเ้ สยี หายสามารถฟูองคดี ดงั กล่าวใหมไ่ ดภ้ ายในเวลากีเ่ ดอื น นับแต่ศาลพิพากษาถงึ ที่สุด ก. ภายในเวลา 5 เดือน ข. ภายในเวลา 6 เดือน ค. ภายในเวลา 9 เดือน ง. ภายในเวลา 12 เดอื น เฉลย ข. ภายในเวลา 6 เดือน มาตรา ๗ ในคดีทผ่ี ้เู สียหายฟอ้ งหน่วยงานของรฐั ถ้าหน่วยงานของรฐั เหน็ ว่าเป็นเรื่องทเ่ี จา้ หน้าที่ต้องรับผดิ หรือตอ้ งร่วม รับผิด หรือในคดที ผี่ ูเ้ สียหายฟ้องเจา้ หนา้ ที่ ถ้าเจ้าหน้าท่เี ห็นวา่ เป็นเรอ่ื งทหี่ นว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรบั ผิด หรอื ต้อง รว่ มรับผดิ หนว่ ยงานของรฐั หรือเจ้าหนา้ ที่ดังกล่าวมีสทิ ธขิ อให้ศาลที่พิจารณาคดีนั้นอยู่ เรียกเจา้ หน้าที่ หรอื หน่วยงานของรฐั แล้วแต่กรณี เข้ามาเปน็ คู่ความในคดี ถา้ ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะเหตทุ ี่หน่วยงานของรฐั หรือเจ้าหนา้ ที่ ทีถ่ ูกฟ้องมิใชผ่ ู้ตอ้ งรบั ผิด ให้ขยายอายุ ความฟ้องร้องผู้ที่ต้องรับผดิ ซึ่งมิได้ถกู เรยี กเข้ามาในคดี ออกไปถึงหกเดือน นบั แต่วนั ท่ีคาพิพากษาน้ันถึงท่สี ุด 10. เมือ่ ได้รับคาขอจากผเู้ สยี หายที่ถูกกระทาละเมดิ จากเจ้าหนา้ ท่ีในการปฏิบัตหิ น้าที่หนว่ ยงานของรฐั ต้อง ดาเนินการพจิ ารณาทุกขน้ั ตอนใหแ้ ล้วเสร็จ ภายในก่ีวนั ก. 60 วัน ข. 90 วนั ค. 120 วัน ง. 180 วนั เฉลย ง. 180 วัน

-36- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ หน่วยงานของรัฐจะต้องรบี ดาเนนิ การพจิ ารณาคาขอของผู้เสียหายโดยเรว็ ซึง่ ขน้ั ตอนและวธิ กี ารพจิ ารณาคาขอ ของผเู้ สียหายน้นั เปน็ ไปตามระเบยี บสานัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ความรับผดิ ทาง ละเมิดของเจ้าหนา้ ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยหน่วยงานของรัฐต้องพจิ ารณาทุกขนั้ ตอนให้แล้วเสร็จอยา่ งชา้ ภายใน ๑๘๐ วัน นับแตร่ บั คาขอจากผเู้ สียหาย แต่ถ้าไม่อาจพิจารณาให้เสรจ็ ตามเวลาดงั กล่าวหนว่ ยงานของรฐั อาจ ขอขยายเวลาการพิจารณาออกไปอกี ได้ แต่รฐั มนตรจี ะขยายให้ไดไ้ ม่เกิน ๑๘๐ วัน 11. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง ก. หนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรับผิดต่อผเู้ สียหายในผลแห่งละเมิดท่เี จ้าหนา้ ทข่ี องตนได้กระทา ข. หน่วยงานของรฐั ต้องรบั ผดิ ต่อผูเ้ สยี หายในผลแห่งละเมดิ ท่เี จ้าหน้าที่ของตนได้กระทาในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ค. หน่วยงานของรฐั สามารถฟอู งไลเ่ บีย้ เอาคา่ เสยี หายจากเจ้าหนา้ ที่ ทกี่ ระทาผิดทางละเมิดได้ ง. ในกรณีที่ เจ้าหน้าที่หลายคน มสี ว่ นรว่ มกนั กระทาผิดทางละเมิด ใหน้ าหลักเรื่องลกู หน้ีรว่ ม ในระบบ กฎหมายแพ่ง มาใชบ้ งั คบั เฉลย ข. หนว่ ยงานของรฐั ต้องรบั ผดิ ต่อผูเ้ สยี หายในผลแหง่ ละเมดิ ท่ีเจ้าหนา้ ที่ของตนได้กระทาในการปฏบิ ัติ หนา้ ที่ ข้อ ก. ไมถ่ ูกต้องทงั้ หมด กล่าวคือ ถ้าไมไ่ ด้ทาในขณะปฏิบัติหนา้ ท่ี เจ้าหนา้ ทกี่ ็ต้องรบั ผิดชอบในการกระทาของ ตน ตาม มาตรา 6 ทีก่ ลา่ วว่า \"ถ้าการกระทาละเมิดของเจ้าหน้าที่ มใิ ช่การกระทาในการปฏิบัติหนา้ ที่ เจ้าหนา้ ทตี่ อ้ งรับผิด ในการน้นั เป็นการ เฉพาะตัว ในกรณีนี้ ผูเ้ สยี หายอาจฟูองเจา้ หน้าทีไ่ ดโ้ ดยตรง แตจ่ ะฟูองหนว่ ยงานของรฐั ไม่ได้ \" ขอ้ ข. ถกู ตอ้ ง ตามมาตรา 5 ซึ่งกล่าวว่า \"หน่วยงานของรฐั ตอ้ งรับผิดตอ่ ผู้เสยี หายในผลแหง่ ละเมิด ทีเ่ จ้าหน้าทข่ี องตนไดก้ ระทาในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ ใน กรณีน้ี ผูเ้ สยี หายอาจฟูองหน่วยงานของรัฐดงั กลา่ ว ไดโ้ ดยตรง แต่จะฟูองเจ้าหน้าที่ไมไ่ ด้ \" ข้อ ค. ไม่ถกู ต้องทง้ั หมด เพราะถา้ เปน็ กรณีที่ เจา้ หน้าท่กี ระทาตามหนา้ ท่ี ไม่ได้กระทาด้วยความจงใจ หรอื ประมาท เลนิ เล่อ อยา่ งรา้ ยแรง ซ่งึ ถ้าเปน็ ในลักษณะนี้ หน่วยงานของรฐั จะฟูองไลเ่ บยี้ เอาจากเจา้ หน้าที่ไม่ได้ มาตรา 8 ในกรณที ี่หนว่ ยงานของรฐั ต้องรับผิดใชค้ ่าสินไหมทดแทนแกผ่ ู้เสียหาย เพือ่ การละเมิดของ เจา้ หนา้ ที่ ให้ หน่วยงานของรฐั มสี ิทธิเรียกให้เจา้ หนา้ ท่ี ผู้ทาละเมิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกลา่ ว แก่หนว่ ยงานของ รฐั ได้ ถ้าเจ้าหน้าท่ีได้กระทาการนั้นไปดว้ ยความจงใจ หรือประมาทเลินเลอ่ อย่างร้ายแรง ข้อ ง. ไม่ถกู ต้อง เพราะ มาตรา 8 ของพระราชบญั ญตั ิน้ี กาหนดไมใ่ ห้นาหลกั เรอ่ื งลูกหน้รี ่วมมาใชบ้ งั คบั มาตรา 8 ในกรณีที่การละเมิด เกิดจากเจ้าหน้าท่หี ลายคน มใิ หน้ าหลักเรอ่ื งลูกหนรี้ ่วม มาใช้บงั คบั และเจา้ หน้าที่ แตล่ ะ คน ตอ้ งรับผดิ ใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทน เฉพาะสว่ นของตนเทา่ น้ัน

-37- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 12. ทาไม พระราชบญั ญตั คิ วามรบั ผิดทางละเมิดของเจา้ หน้าที่ พ.ศ. 2539 จงึ ไม่ใหน้ าหลกั เรื่องลูกหน้รี ่วมมาบังคับใช้ ก. เพราะเป็นการไมย่ ุติธรรมแกเ่ จา้ หน้าที่ ข. เพราะต้องการให้ผู้เสยี หายไดร้ บั ค่าเสยี หายเต็มจานวน ค. เพราะให้ความสาคญั แก่ผเู้ สยี หายซึ่งเกดิ จากความผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หน้าท่ี ง. เพราะหลกั เรื่องลกู หน้รี ่วม อยใู่ นประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ เฉลย ก. เพราะเปน็ การไม่ยุติธรรมแก่เจา้ หนา้ ท่ี ดเู หตุผลไดจ้ าก หมายเหตุ ของ พระราชบญั ญัติ หมายเหต:ุ - นอกจากน้ัน ยังมีการนาหลักเรอ่ื งลกู หนร้ี ว่ ม ในระบบกฎหมายแพ่ง มาใชบ้ งั คับให้เจา้ หนา้ ท่ีตอ้ งร่วมรบั ผดิ ใน การกระทาของเจา้ หนา้ ทีผ่ ้อู ื่นด้วย ซ่ึงระบบน้ัน มุง่ หมายแต่จะได้เงนิ ครบโดย ไม่คานงึ ถึงความเป็นธรรม ท่จี ะมี ต่อแต่ละคน กรณีเป็นการก่อให้เกิด ความไมเ่ ป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ ... 13. ข้อใดกลา่ ว ไม่ถกู ต้อง กรณเี จา้ หนา้ ท่ใี นหน่วยงานของรฐั กระทาละเมดิ ต่อบคุ คลภายนอก ก. หน่วยงานของรัฐจะต้องรับผิดชอบตอ่ ผเู้ สยี หายทุกกรณี ข. หน่วยงานของรัฐจะต้องรับผดิ ขอบต่อผู้เสยี หาย เฉพาะในกรณีทีเ่ ปน็ การกระทาในการปฏิบัติหนา้ ท่ี ค. ถ้าเป็นการกระทาในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ี ใหผ้ เู้ สยี หายฟอู งหนว่ ยงานของรัฐโดยตรง ง. ถา้ การกระทานนั้ ไมใ่ ช่การปฏิบัตหิ น้าที่ ผเู้ สยี หายจะฟูองหนว่ ยงานของรฐั ไม่ได้ เฉลย ก. หน่วยงานของรฐั จะตอ้ งรบั ผิดชอบต่อผูเ้ สียหายทุกกรณี ข้อ ก. ไมถ่ ูกเพราะ ถ้าเปน็ การกระทาที่ เจ้าหนา้ ท่ีกระทาโดยไมใ่ ช่การปฏิบตั หิ น้าทีร่ าชการ หนว่ ยงานกไ็ ม่ต้อง รับผดิ ชอบ ตามมาตรา 6 มาตรา 6 ถา้ การกระทาละเมิดของเจา้ หน้าที่ มิใชก่ ารกระทาในการปฏิบตั ิหน้าที่ เจ้าหน้าทตี่ อ้ งรบั ผดิ ในการ น้ันเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีน้ี ผูเ้ สยี หายอาจฟอู งเจา้ หนา้ ทไี่ ดโ้ ดยตรง แตจ่ ะฟูองหนว่ ยงานของรัฐไม่ได้ 14. กรณที ่หี น่วยงานของรัฐ ไดช้ ดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนจากการระทาละเมดิ ของเจา้ หนา้ ทแ่ี ก่ผู้เสยี หายไปแล้ว และพจิ ารณาวา่ เจา้ หน้าที่ได้ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่โดยประมาทเลินเลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง ในกรณนี ี้ หนว่ ยงานจะต้อง ดาเนินการไลเ่ บย้ี จากเจา้ หนา้ ที่ มีอายุความกี่ปี ก. อายุความ 1 ปี ข. อายุความ 2 ปี ค. อายุความ 3 ปี ง. อายคุ วาม 4 ปี เฉลย ก. อายุความ 1 ปี มาตรา 9 ถ้าหนว่ ยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าทีไ่ ด้ใชค้ ่าสินไหมทดแทนแก่ผ้เู สยี หายสทิ ธทิ ่จี ะเรียกให้อีกฝาุ ยหน่งึ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตน ให้มีกาหนดอายุความหนึ่งปี นบั แต่วันทหี่ น่วยงานของรฐั หรอื เจ้าหน้าท่ี ได้ใช้คา่ สินไหมทดแทนนน้ั แกผ่ ู้เสยี หาย

-38- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ 15. นาย ส. ตาแหน่งพนักงานขบั รถ ได้รบั คาส่ังให้นารถไปปฏบิ ตั ิราชการ ขณะขบั รถตามปกตเิ กิดอบุ ัตเิ หตุ ทาให้รถของ นาง ข. เสียหาย นาย ส. ไดจ้ า่ ยคา่ สินไหมทดแทนให้แก่ นาง ข ในกรณนี ้ี สทิ ธิที่ นาย ส. จะเรียกร้องให้ หนว่ ยงาน จ่ายค่าสนิ ไหมทดแทน ให้แก่ตน มีอายคุ วามกปี่ ี ก. อายุความ 1 ปี ข. อายคุ วาม 2 ปี ค. อายคุ วาม 3 ปี ง. อายุความ 4 ปี เฉลย ก. อายุความ 1 ปี มาตรา 9 ถ้าหน่วยงานของรัฐ หรือเจา้ หนา้ ท่ไี ด้ใช้คา่ สินไหมทดแทนแกผ่ ู้เสียหาย สิทธิที่จะเรยี กให้อกี ฝาุ ยหน่ึง ชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนแก่ตน ใหม้ ีกาหนดอายุความหน่งึ ปี นบั แต่วนั ทีห่ นว่ ยงานของรฐั หรอื เจา้ หนา้ ที่ ได้ใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนนน้ั แก่ผู้เสยี หาย 16. ในกรณีที่ผู้เสียหาย ไม่พอใจผลการวนิ ิจฉยั ของหน่วยงานของรัฐเก่ียวกบั คาขอให้หน่วยงานพิจารณาชดใช้ คา่ สนิ ไหมทดแทน ผ้เู สยี หายต้องร้องทกุ ขต์ ่อคณะกรรมการวินิจฉยั รอ้ งทุกข์ ภายในกี่วัน ก. 30 วนั ข. 45 วนั ค. 90 วัน ง. 180 วนั เฉลย ค. 90 วัน มาตรา 11 ในกรณที ี่ผู้เสยี หายเห็นวา่ หน่วยงานของรฐั ต้องรบั ผดิ ตามมาตรา ๕ ผเู้ สยี หายจะยน่ื คาขอ ต่อ หนว่ ยงานของรัฐ ให้พจิ ารณาชดใช้คา่ สินไหมทดแทน สาหรับความเสียหายท่เี กิดแก่ตนก็ได้ ในการน้ี หน่วยงาน ของรฐั ตอ้ งออกใบรับคาขอให้ไว้ เป็นหลักฐานและพจิ ารณาคาขอน้ันโดยไมช่ กั ชา้ เม่ือหน่วยงานของรัฐมีคาสั่ง เช่นใดแล้ว หากผูเ้ สียหายยงั ไมพ่ อใจในผลการวนิ จิ ฉัยของหนว่ ยงานของรฐั ก็ให้มสี ทิ ธิรอ้ งทุกข์ตอ่ คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยรอ้ งทกุ ข์ ตามกฎหมายวา่ ด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ภายในเก้าสบิ วัน นับแตว่ นั ที่ตน ไดร้ บั แจง้ ผลการวนิ ิจฉยั 17. ผเู้ สยี หายจากการละเมดิ ของเจา้ หนา้ ท่ี มีสิทธิในการเรียกร้องให้หนว่ ยงานชดใช้ได้อย่างไรบา้ ง ก. ฟอู งคดตี ่อศาล ข. ยน่ื คาขอต่อหนว่ ยงานของรัฐ ให้ชดใชค้ ่าสินไหมทดแทน ค. ย่ืนหนังสอื ร้องทุกขต์ ่อ คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยร้องทกุ ข์ ตามกฎหมายว่าดว้ ยคณะกรรมการกฤษฎกี า ง. ขอ้ 1 หรือ ข้อ 2 เฉลย ก. ฟูองคดตี ่อศาล มาตรา 5 กาหนดให้ผเู้ สียหาย อาจฟูองหนว่ ยงานของรฐั ไดแ้ ละ มาตรา 11 ผเู้ สียหายมสี ทิ ธิ ยื่นคาร้องขอใหห้ นว่ ยงานชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนได้โดยตรง

-39- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 18. พนกั งานขบั รถของหนว่ ยงานของรฐั แห่งหนึ่ง นารถไปใชป้ ฏิบตั หิ นา้ ทร่ี าชการ แตร่ ถอยู่ในสภาพไม่ เหมาะสม มีการแจ้งซอ่ มหลายคร้ัง แตห่ น่วยงานไม่มงี บประมาณจัดซอ่ ม ขณะนารถไปใช้ปฏิบัตหิ น้าท่ี เกิดอบุ ตั ิเหตุเนื่องมาจากการกระทาโดยประมาทเลินเลอ่ อย่างร้ายแรง ของพนักงานขบั รถ ทาให้เกิดความ เสียหายแกท่ รัพย์สนิ ของเอกชน ในกรณีนี้ ข้อใดถกู ต้องท่ีสุด ก. พนักงานขบั รถต้องชดใช้ค่าเสยี หายทงั้ หมด เน่ืองมาจากการกระทาโดยประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง ข. หน่วยงานตอ้ งชดใชค้ า่ เสียหายให้แกเ่ อกชน และไลเ่ บี้ยเอากับพนักงานขบั รถท้งั หมด ค. หน่วยงานชดใช้คา่ เสียหายให้แก่เอกชน และไลเ่ บยี้ เอากับพนักงานขับรถ โดยพนักงานขบั รถไม่ต้องจ่าย เตม็ จานวน ง. หนว่ ยงานต้องชดใช้ค่าเสยี หายทง้ั หมดใหแ้ กเ่ อกชน จะไล่เบยี้ เอากบั พนกั งานขบั รถ ไมไ่ ด้ เฉลย ค. หน่วยงานชดใชค้ า่ เสียหายให้แกเ่ อกชน และไลเ่ บ้ยี เอากบั พนักงานขับรถ โดยพนักงานขับรถไม่ต้อง จ่ายเตม็ จานวน มาตรา 8 ในกรณีท่ีหน่วยงานของรฐั ตอ้ งรับผดิ ใชค้ ่าสินไหมทดแทนแกผ่ ู้เสียหาย เพื่อการละเมดิ ของเจา้ หน้าที่ ใหห้ น่วยงานของรัฐมีสิทธิเรยี กให้เจา้ หนา้ ท่ีผูท้ าละเมิด ชดใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนดังกล่าว แก่หน่วยงานของรัฐได้ ถา้ เจา้ หนา้ ที่ได้กระทาการน้นั ไปดว้ ยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างรา้ ยแรง สทิ ธิเรยี กใหช้ ดใชค้ ่าสินไหมทดแทน ตามวรรคหนึ่ง จะมไี ด้เพยี งใด ให้คานงึ ถึงระดับความร้ายแรงแหง่ การ กระทา และความเป็นธรรมในแต่ละกรณี เป็นเกณฑ์ โดยมิตอ้ งใหใ้ ชเ้ ต็มจานวนของความเสียหาย กไ็ ด้ ถ้าการละเมิด เกิดจากความผดิ หรือความบกพร่องของหน่วยงานของรฐั หรือระบบการดาเนินงาน สว่ นรวม ให้ หักสว่ นแหง่ ความรบั ผิดดงั กล่าวออกด้วย ดังนน้ั จึงสรปุ วา่ ในกรณนี ี้ หน่วยงาน ก็ต้องรบั ผิดในระบบของตนท่ไี มไ่ ด้ทารถให้อย่ใู นสภาพสมบูรณ์ พนักงาน ขบั รถ จงึ ไม่ตอ้ งจา่ ยเตม็ จานวน 19. \"เมอื่ เกิดความเสยี หายแก่หนว่ ยงานของรฐั แหง่ ใด และหวั หน้าหน่วยงานของรฐั แห่งน้ันมเี หตุอนั ควรเชือ่ วา่ เกดิ จากการกระทาของเจ้าหนา้ ท่ีของหน่วยงานของรฐั แห่งนน้ั ให้หวั หน้าหน่วยงานของรัฐดงั กล่าว แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ความรบั ผิดทางละเมิดข้ึนคณะหน่ึง\" คณะกรรมการชุดนี้ ประกอบด้วยใครบ้าง ก. เจา้ หนา้ ทขี่ องหน่วยงานของรฐั แหง่ น้ัน ข. เจา้ หน้าทข่ี องหนว่ ยงานของรฐั แห่งอ่นื ค. ผเู้ ช่ยี วชาญ ในสาขาท่ีเกีย่ วข้อง ง. ข้อ ก และ/หรอื ข้อ ข เฉลย ง. ข้อ ก และ/หรอื ข้อ ข

-40- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ ข้อ 8 ตามระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยหลักเกณฑก์ ารปฏบิ ตั ิเกีย่ วกบั ความรับผิดทางละเมิดของ เจา้ หนา้ ท่ี พ.ศ. 2539 เมอื่ เกิดความเสยี หายแกห่ น่วยงานของรฐั แห่งใด และหวั หนา้ หนว่ ยงานของรฐั แห่งนน้ั มี เหตอุ ันควรเชอื่ ว่า เกิดจากการกระทาของเจ้าหนา้ ท่ีของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น ให้หัวหนา้ หนว่ ยงานของรฐั ดังกลา่ ว แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเทจ็ จรงิ ความรับผิดทางละเมิดขนึ้ คณะหน่ึง โดยไมช่ ักช้า เพือ่ พิจารณา เสนอความเห็นเก่ียวกับผตู้ ้องรับผดิ และจานวนคา่ สนิ ไหมทดแทนทผ่ี ู้นนั้ ต้องชดใช้ คณะกรรมการตามวรรค หนึง่ ให้มจี านวนไม่เกนิ ห้าคน โดยแต่งตงั้ จากเจ้าหนา้ ท่ีของหนว่ ยงานของรัฐแหง่ น้นั หรือหนว่ ยงานของรฐั อื่น ตามท่เี ห็นสมควร 20. ขอ้ ใด กล่าวได้ถกู ต้อง ก. ในกรณที ีห่ นว่ ยงานของรัฐ มีสิทธิไลเ่ บีย้ เอากับเจา้ หน้าที่ ไมส่ ามารถไลเ่ บี้ยไดเ้ ต็มจานวน ข. เมอื่ เกิดความเสยี หายขน้ึ หนว่ ยงานของรฐั จะรบั ภาระชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน แกผ่ ู้ได้รับความเสยี หาย ตามผลการวนิ จิ ฉัย ของกรรมการสอบสวน ค. สาหรบั ในกรณที ี่การละเมิดมิไดเ้ กิดขึ้นในการปฏิบตั หิ น้าท่ี ความรับผดิ อันเน่ืองมาจากการละเมิด เป็นไปตามทีบ่ ญั ญตั ิอยใู่ นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ง. ในกรณที ่ีการละเมิดเกดิ จากเจา้ หน้าท่หี ลายคนก็ จะใช้หลักกฎหมายเรอื่ งลูกหนรี้ ่วม ตามกฎหมายแพง่ มาใชบ้ ังคับก็ได้ เฉลย ค. สาหรบั ในกรณที ี่การละเมิดมิได้เกิดข้นึ ในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ ความรบั ผดิ อันเนอื่ งมาจากการละเมิด เปน็ ไปตามที่บัญญตั ิอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ขอ้ ก. ผดิ เพราะในกรณที ่ีหน่วยงานของรัฐ มสี ิทธไิ ล่เบย้ี เอากับเจ้าหนา้ ที่ อาจจะไลเ่ บ้ยี ไดเ้ ตม็ จานวน หรือไม่ เตม็ จานวน ก็ได้ ตามมาตรา 8 \"สิทธเิ รียกใหช้ ดใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทน ตามวรรคหน่ึง จะมีไดเ้ พียงใด ให้คานงึ ถึงระดับความร้ายแรงแห่งการ กระทา และความเป็นธรรมในแตล่ ะกรณี เป็นเกณฑ์ โดยมิตอ้ งใหใ้ ช้เต็มจานวนของความเสียหาย กไ็ ด้ ถ้าการละเมิด เกดิ จากความผดิ หรือความบกพร่องของหน่วยงานของรฐั หรอื ระบบการดาเนนิ งาน ส่วนรวม ใหห้ ักสว่ นแหง่ ความรบั ผิดดงั กล่าวออกดว้ ย \" ขอ้ ข. ผิด เพราะ เม่ือเกดิ ความเสยี หายข้ึน หน่วยงานของรัฐจะรับภาระชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนแกผ่ ู้ได้รับความ เสียหายไปก่อน แต่หน่วยงานของรฐั อาจจะมสี ิทธิไลเ่ บ้ยี เอากบั เจ้าหนา้ ท่ีในภายหลังได้ ข้ึนอยกู่ ับว่า การวา่ ละเมิดน้นั ได้เกิดขึน้ จากการกระทาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออยา่ งร้ายแรงของเจา้ หน้าทีผ่ ้นู ั้นหรือไม่ ข้อ ค. ถูกตอ้ งแลว้ ตามมาตรา 6 \"มาตรา 6 ถา้ การกระทาละเมิดของเจา้ หนา้ ที่ มิใช่การกระทาในการปฏิบตั ิหน้าท่ี เจา้ หน้าที่ตอ้ งรบั ผิด ในการ น้ันเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ ผู้เสยี หายอาจฟ้องเจา้ หน้าท่ีได้โดยตรง แตจ่ ะฟ้องหน่วยงานของรฐั ไม่ได้ \" ข้อ ง. ไม่ถกู เพราะ มาตรา 8 ระบไุ วช้ ดั เจน วา่ ไม่ใหน้ าหลักเรือ่ งลูกหน้ีร่วมมาใช้บังคับ มาตรา 8 ในกรณีท่ีการละเมดิ เกดิ จากเจา้ หนา้ ทีห่ ลายคน มใิ หน้ าหลักเรื่องลูกหนีร้ ว่ ม มาใช้บังคับ และเจ้าหนา้ ท่ี แตล่ ะ คน ต้องรบั ผดิ ใช้ค่าสินไหมทดแทน เฉพาะสว่ นของตนเท่าน้ัน คาตอบคือ ขอ้ ค

-41- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ สรปุ สาระสาคัญ พระราชบัญญตั ิความรับผิดทางละเมดิ ของเจ้าหนา้ ที่ พ.ศ. 2539 โดยมผี ลใชบ้ ังคับ ต้ังแตว่ นั ท่ี 15 พฤศจกิ ายน 2539 เปน็ กฎหมายท่เี ก่ียวกบั ความรับผิดทางละเมิดอันเกิดจากการกระทาของเจ้าหน้าท่ี การฟูองคดีละเมิด อนั เกิดจากการกระทาของเจ้าหนา้ ท่ี การเรยี กร้องและการชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน ดว้ ยการที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ ดาเนินกิจการต่างๆของหน่วยงานของรัฐ อันเป็นกระทาตามหน้าที่และถูกฟูองเรียกค่าสินไหมทดแทนซ่ึงบาง กรณีมีวงเงินที่สูงมากเป็นการบ่ันทอนการทางานของเจ้าหน้าท่ี ทาให้บางกรณีไม่กล้าตัดสินใจ เพราะเกรงว่า อาจถกู ฟูองเรยี กคา่ เสียหายไดท้ าให้เกดิ ผลกระทบต่อการปฏบิ ัติงานของหน่วยงานของรัฐไมน่ ้อย มาตรา 4 ท่ีสาคญั พระราชบัญญัติความรบั ผิดทางละเมิดของเจา้ หนา้ ที่ พ.ศ. 2539 มีหลกั การสาคัญ อยู่ 2 ประการ 1. กาหนดความรับผดิ ของเจ้าหน้าทห่ี รือความรับผิดของหน่วยงานทมี่ ตี ่อผเู้ สยี หาย 2. กาหนดความรับผดิ ของเจ้าหน้าทท่ี ี่มีต่อหน่วยงานของรัฐท่เี สยี หาย กาหนดความรับผิดของเจ้าหน้าที่หรือความรับผิดของหน่วยงานที่มีต่อผู้เสียหาย กฎหมายน้ีได้กาหนดให้ เกิดความรับผิดข้ึนเมื่อได้มีการทา “ละเมิด” ต่อผู้เสียหายโดยเจ้าหน้าท่ีซึ่งเกิดจากการปฏิบัติหน้าท่ีราชการ โดยผลของการละเมิดดังกล่าวเป็นผลให้ “เจ้าหน้าที่ผู้ทาละเมิด” กับ “หน่วยงานของรัฐ” มีความรับผิดในมูล ละเมดิ ดงั กล่าว มาตรา 5 กาหนดเง่ือนไขการใช้สิทธิในการฟูองคดีเพื่อเรียกร้องสินไหมทดแทนไว้ คือ หน่วยงานของ รัฐต้องรับผดิ ตอ่ ผูเ้ สียหายในผลแห่งละเมิดท่ีเจ้าหน้าที่ของตนได้กระทาในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีน้ีผู้เสียหาย ต้องฟูองหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นทาละเมิดได้โดยตรง แต่จะฟูองเจ้าหน้าที่ไม่ได้แต่ถึงแม้ว่าจะฟูองคดี ละเมดิ ต่อเจา้ หน้าทผ่ี ้ทู าละเมดิ ไมไ่ ด้ แตห่ ากหนว่ ยงานของรฐั ท่รี ่วมรบั ผิดนัน้ อาจใชส้ ิทธิขอให้ศาลท่ีพิจารณาคดี เรยี กเจา้ หน้าท่ีผทู้ าละเมดิ นน้ั มาเปน็ คูค่ วาม ในคดกี ็ได้ มาตรา 6 หากเป็นกรณมี กี ารฟอู งผดิ ไป ฟูองหนว่ ยงานของรฐั แทนทจี่ ะฟูองเจา้ หนา้ ที่ มาตรา 7 วรรค สองบญั ญตั ิวา่ ถ้าศาลพพิ ากษายกฟูองเพราะเหตทุ ีห่ นว่ ยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีที่ถูก ฟูองมิใชผ่ ตู้ อ้ งรบั ผิด ให้ “เจา้ หนา้ ท”่ี หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งต้ังในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ”หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรมราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และรฐั วสิ าหกจิ ท่ีตัง้ ข้นึ โดยพระราชบญั ญตั ิหรือพระราชกฤษฎกี า และใหห้ มายความรวมถึงหน่วยงานอ่ืนของรัฐ ทมี่ ีพระราชกฤษฎกี ากาหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ขยายอายุความฟูองร้องผู้ที่ต้อง รับผิดซ่ึงมิได้ถูกเรียกเข้ามาในคดีออกไปถึงหกเดือนนับแต่วันท่ีคาพิพากษาน้ันถึงท่ีสุด เม่ือเกิดกรณีการทา ละเมิดอันเกดิ จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ี ผู้เสียหายสามารถดาเนินการเพ่ือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เพอื่ ความเสียหายได้ดังกล่าว 2 ทางคอื (1) ใชส้ ิทธิในการฟูองคดตี ่อศาล (2) เรียกร้องขอใหห้ นว่ ยงานของรฐั ชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทน แทนการฟูองคดีต่อศาล (มาตรา 7 วรรคหน่ึง) แต่ถ้าในการทาละเมิดดังกล่าว หากเป็นการทาละเมิดไปโดยไม่ได้เกิดจากการ ปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือหน้าท่ี หรือกระทานอกเหนือกฎระเบียบทางราชการ ในกรณีเช่นนี้ผู้ท่ีต้องรับผิดในมูล ละเมิดน้ันก็คือ“เจ้าหน้าที่ผู้ทาละเมิด”เท่านั้น หน่วยงานของรัฐไม่ได้ร่วมรับผิดด้วย เจ้าหน้าที่รับผิดเป็นการ เฉพาะตวั ในกรณีน้ีผู้เสียหายจะฟูองหนว่ ยงานของรฐั ไม่ได้

-42- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ (มาตรา 8 วรรคส่ี) การชาระค่าสินไหมทดแทนของเจ้าหน้าท่ีท่ีทาละเมิดดังกล่าวสามารถผ่อนชาระได้ โดยคานงึ ถึงรายได้ ฐานะครอบครัว ความรบั ผิดชอบและพฤติการณ์ต่างประกอบกัน (มาตรา 8,10) โดยหน่วยงานของรฐั มีอานาจในการมีคาส่ังเรยี กใหเ้ จ้าหนา้ ทผี่ ู้นนั้ ชดใชค้ ่าสินไหม ทดแทนเต็มจานวนหรอื บางส่วนกไ็ ด้ โดยอาจคานงึ ถงึ สว่ นรับผดิ ชอบของหน่วยงานโดยไม่ต้องฟูองศาล (มาตรา 10 วรรคสอง) หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันทห่ี น่วยงานของรฐั มีคาสงั่ ตามความเห็นของ กระทรวงการคลงั ท่ีเหน็ วา่ เจ้าหน้าทตี่ อ้ งรับผดิ (มาตรา 10 วรรคสอง) (2) กรณีท่เี ปน็ การทาละเมดิ อนั มิได้เกดิ จากการปฏบิ ัติในหนา้ ท่ี หากเกดิ กรณี เจ้าหนา้ ทีใ่ ดโดยจงใจหรือประมาทเลนิ เล่อกระทาการใดที่ไม่ใชเ่ ป็นการปฏบิ ัติในหน้าที่ เป็นเหตใุ หห้ น่วยงาน ของรฐั ได้รบั ความเสียหาย ถือว่าเจ้าหนา้ ทผ่ี ูน้ ้นั กระทาละเมิดต่อหนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรับผดิ ชดใช้ค่าเสียหาย (มาตรา 10 วรรคหน่งึ ) หากหนว่ ยงานของรฐั เหน็ วา่ เจา้ หน้าทผี่ นู้ ั้นจะต้องรบั ผดิ ตอ้ งใช้สทิ ธิเรยี กรอ้ ง ให้ชดใชค้ ่าสินไหมทดแทนภายใน 2 ปี นบั แต่วนั ทห่ี น่วยงานรู้ถึงการละเมดิ และรูต้ วั เจ้าหนา้ ที่ผตู้ ้องชดใชค้ ่า สนิ ไหมทดแทน หรอื ภายใน 1 ปี นบั แต่วนั ที่หน่วยงานของรัฐมีคาส่ังตามความเหน็ ของกระทรวงการคลงั ที่เห็น ว่าเจา้ หน้าทตี่ อ้ งรับผิด (มาตรา 10 วรรคสอง) โดยการใช้สิทธิเรียกรอ้ งเพ่อื ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีทท่ี าละเมดิ ชดใชค้ ่าสินไหมทดแทนใน กรณนี ี้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 10 วรรคหนง่ึ ) (มาตรา 11) โดยการยื่นคารอ้ งเปน็ หนังสอื ตอ่ หนว่ ยงานของรฐั โดยใหห้ น่วยงานของรฐั พิจารณาคา ขอใหเ้ สร็จภายใน 180 วัน (อาจขยายไดอ้ ีกไม่เกนิ 180 วนั ) นอกจากน้ี กฎหมายยังกาหนดเง่ือนไขการใช้ สิทธิไล่เบ้ยี ระหวา่ งเจ้าหนา้ ที่กบั หน่วยงานของรฐั กรณที ี่เจ้าหนา้ ทีห่ รือหน่วยงานของรฐั ไดช้ ดใชค้ ่าสนิ ไหม ทดแทนแกผ่ ้เู สียหายไป แล้วดว้ ย กฎหมายวา่ ด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ไดก้ าหนดผลในทางกฎหมายไว้ 2 ประการ ได้แก่ 1. กรณที ี่การทาละเมิดเกิดจากการปฏบิ ัตใิ นหนา้ ท่ี หากเกดิ กรณเี จ้าหน้าที่ใดปฏบิ ัติราชการโดยจงใจ หรอื ประมาทเลินเลอ่ อย่างร้ายแรง แล้วเป็นเหตุให้เกดิ ความเสียหายต่อหนว่ ยงานของรัฐ กรณีเชน่ นีเ้ ป็นผลให้ เจา้ หนา้ ทีผ่ ูน้ ั้นตอ้ งรบั ผดิ ต่อหน่วยงานของรฐั 2. กาหนดความรับผดิ ของเจ้าหน้าที่ที่มตี ่อหน่วยงานของรัฐทเี่ สียหาย กฎหมายน้ีกาหนดเง่อื นไขความ รบั ผดิ ในมูลละเมดิ ของเจ้าหน้าทีไ่ วอ้ ีกประการหนง่ึ กค็ ือ เป็นการทาละเมิดของ “เจา้ หน้าที่” ตอ่ “หนว่ ยงาน ของรฐั ” (รฐั เป็นผู้เสยี หายจากการทาละเมดิ ของเจ้าหนา้ ท่ี) (มาตรา 12) หากเป็นกรณีท่ีมผี ู้ทาละเมิดทเ่ี ปน็ เจ้าหน้าที่มีหลายคน กไ็ ม่นาหลกั เร่ืองลกู หน้รี ่วมในมูล ละเมดิ มาใช้บงั คับกบั การเรียกให้เจา้ หนา้ ท่ีท้ังหลายที่ทาละเมิดชดใชค้ า่ เสียหาย (มาตรา 13) หน่วยงานของรัฐทีเ่ ปน็ ผเู้ สยี หายตอ้ งใชส้ ิทธเิ รียกให้เจา้ หนา้ ที่ทีท่ าละเมดิ ดังกล่าวชดใชค้ ่า สินไหมทดแทนภายใน 2 ปี นบั แตว่ นั ทรี่ ู้ถึงการละเมิดและรู้ตวั เจ้าหน้าทผี่ ู้ต้องชดใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทน

-43- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ แนวข้อสอบ พรบ.มาตรฐานทางจรยิ ธรรมของเจา้ หนา้ ท่ีของรฐั (ชุดที่ 1) 1. พระราชบัญญตั ิมาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์ตามข้อใด ก. กาหนดมาตรฐานทางจรยิ ธรรมของสังคมไทย ข. ใชเ้ ป็นหลกั สาคญั ในการจัดทาประมวลจรยิ ธรรมของหนว่ ยงานของรฐั ค. เปน็ กลไกตรวจสอบการรักษามาตรฐานทางจรยิ ธรรม ง. ปอู งกันการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ 2. หน่วยงานของรฐั ใดทไ่ี มอ่ ยู่ภายใต้บงั คับพระราชบญั ญตั ิมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 ก. สานักงานเลขาธกิ าร ข. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ค. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร ง. กรมการขนสง่ ทางราง 3. พ.ร.บ.มาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 กาหนดให้มาตรฐานทางจรยิ ธรรมจะต้องมีหลักเกณฑก์ าร ประพฤตปิ ฏิบตั อิ ย่างมีคุณธรรมของเจ้าหน้าที่ของรฐั กป่ี ระการ ก. 3 ประการ ข. 5 ประการ ค. 7 ประการ ง. 9 ประการ 4. ข้อใดถูกตอ้ งเก่ยี วกบั เลขาธิการ ก.พ. ก. เปน็ กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ข. เป็นรองประธานกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรม ค. ปฏบิ ัตงิ านธุรการของคณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรม ง. มีอายุไมต่ ่ากวา่ ส่ีสิบห้าปี 5. ข้อใดกล่าวผดิ เก่ียวกบั พ.ร.บ.มาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 ก. องค์กรกลางบริหารงานบคุ คลขององคก์ รอสิ ระ ไมต่ อ้ งนามาตรฐานทางจริยธรรมไปใช้ประกอบการจัดทา ประมวลจรยิ ธรรม ข. หน่วยงานธรุ การของศาลมิใชห่ น่วยงานของรฐั ค. กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมตอ้ งมีอายไุ มต่ ่ากวา่ 45 ปี ง. สภากลาโหมมหี น้าทจ่ี ัดทาประมวลจริยธรรมสาหรับข้าราชการทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหม 6. โดยท่วั ไปคณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมจะต้องทบทวนมาตรฐานทางจริยธรรมเมอ่ื ใด ก. ทกุ 2 ปี ข. ทกุ 3 ปี ค. ทกุ 4 ปี ง. ทกุ 5 ปี

-44- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 7. ขอ้ ใดมใิ ช่กรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมโดยตาแหนง่ ก. ผแู้ ทนคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน ข. ผแู้ ทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศึกษา ค. ผแู้ ทนคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ง. ผู้แทนคณะกรรมการข้าราชการตารวจ 8. มาตรฐานทางจริยธรรมคอื หลักเกณฑ์การประพฤตปิ ฏิบัติอย่างมีคุณธรรมของเจ้าหน้าท่ขี องรัฐ ยกเว้นขอ้ ใด ก. กล้ากระทาในส่ิงท่ีถูกต้องชอบธรรม ข. แสวงหาความร้ตู ลอดเวลา ค. ดารงตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดี ง. มีจติ สาธารณะ 9. คณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมมีหน้าท่ีและอานาจตาม พ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ให้คาปรึกษาเกย่ี วกบั ยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานทางจรยิ ธรรมตอ่ คณะรัฐมนตรี ข. ปฏิบตั ิหนา้ ทอ่ี ่นื ตามทคี่ ณะรฐั มนตรมี อบหมาย ค. ตรวจสอบรายงานประจาปีของหนว่ ยงานของรฐั ง. จัดทาประมวลจริยธรรม 10. หน่วยงานของรฐั ต้องดาเนนิ การในเร่อื งใด เพ่ือเป็นการรักษาจรยิ ธรรมของเจา้ หน้าทขี่ องรฐั ก. กาหนดให้มผี ูร้ ับผดิ ชอบเก่ียวกับการรักษาจริยธรรมประจาหน่วยงานของรัฐ ข. ใหค้ วามร้แู ก่ประชาชนอยา่ งเท่าเทียมและเสมอภาค ค. จดั ทาประมวลจริยธรรมให้สอดคล้องตามยุทธศาสตรช์ าติ ง. กากบั ดูแลการดาเนนิ กระบวนการรกั ษาจรยิ ธรรม 11. พระราชบัญญตั มิ าตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 มผี ลใช้บงั คับตง้ั แต่เมอ่ื ใด ก. วันที่ 16 เมษายน 2562 ข. วนั ที่ 17 เมษายน 2562 ค. วันท่ี 18 เมษายน 2562 ง. วันท่ี 19 เมษายน 2562 12. การจดั หลักสูตรการฝึกอบรมและเผยแพรค่ วามเขา้ ใจเพ่อื ใหเ้ จ้าหน้าทขี่ องรฐั มีพฤติกรรมทางจรยิ ธรรมเปน็ แบบอยา่ งท่ีดี เปน็ หนา้ ที่ของผ้ใู ด ก. เจา้ หน้าทขี่ องรัฐ ข. ผบู้ ังคบั บัญชา ค. หนว่ ยงานของรัฐ ง. องคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคล 13. กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ ใน ก.ม.จ. พ้นจากตาแหน่งตามขอ้ ใด ก. กระทาความผดิ โดยประมาทและถูกศาลพพิ ากษาถงึ ทสี่ ุดให้จาคุก ข. เป็นทป่ี รึกษาพรรคการเมือง ค. คณะรฐั มนตรีมมี ติให้ออก ง. ครบวาระการดารงตาแหน่งสี่ปี

-45- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 14. การดาเนนิ การข้อใดถูกต้อง หากปรากฏว่าการจัดทาประมวลจริยธรรมไมส่ อดคล้องกบั มาตรฐานทางจรยิ ธรรม ก. คณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมเสนอรายงานต่อคณะรฐั มนตรี ข. คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมแจง้ องค์กรกลางบรหิ ารงานบุคคลดาเนินการแกไ้ ขใหถ้ ูกต้อง ค. คณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมออกคาสั่งใหม้ ีการแก้ไขใหถ้ ูกต้อง ง. คณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมเสนอรายงานต่อรฐั สภาเพอ่ื ใชม้ าตรการดา้ นงบประมาณ 15. คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมมีหนา้ ท่ีกากบั ติดตามและประเมนิ ผลการดาเนินการตามมาตรฐาน ทางจรยิ ธรรม ทถี่ กู ทสี่ ดุ คือข้อใด ก. ให้หนว่ ยงานของรฐั จดั ให้มีการประเมินพฤตกิ รรมทางจริยธรรมสาหรบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐ ข. จัดทารายงานประจาปขี องหนว่ ยงานของรัฐ ค. วนิ ิจฉยั ปญั หาทเ่ี กิดจากการใชบ้ ังคับ พ.ร.บ.มาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 ง. กาหนดแนวทางการบังคบั ใชป้ ระมวลจรยิ ธรรมสาหรับเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ 16. คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม เรยี กโดยย่อวา่ ก. กมจ. ข. กม.จ. ค. ก.ม.จ. ง. ก.มจ. 17. ข้อใดถกู ตอ้ งเก่ยี วกับกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรม ก. คณะรฐั มนตรีแต่งตัง้ ไม่เกนิ 5 คน ข. คณะรฐั มนตรีแตง่ ตง้ั ไม่เกนิ 7 คน ค. นายกรฐั มนตรแี ต่งต้ังไมเ่ กิน 5 คน ง. นายกรัฐมนตรแี ต่งต้ังไม่เกิน 7 คน 18. ผรู้ กั ษาการตามพระราชบัญญตั มิ าตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 ก. ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ข. ประธานกรรมการขา้ ราชการพลเรือน ค. นายกรัฐมนตรี ง. อธบิ ดีกรมการศาสนา 19. จรยิ ธรรม ตรงกบั คาในภาษาอังกฤษข้อใด ก. Ethic ข. Morality ค. Occupation ง. Integrity 20. ข้อใดมิใช่กลไกหลักในการขบั เคลอื่ น พ.ร.บ.มาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 ก. มาตรฐานทางจริยธรรมและประมวลจริยธรรม ข. แนวนโยบายพ้นื ฐาน ค. คณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรม ง. การรักษาจริยธรรมของเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ

-46- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดิษฐ์ เฉลยแนวข้อสอบ พรบ.มาตรฐานทางจรยิ ธรรมของเจา้ หน้าท่ขี องรัฐ (ชุดท่ี 1) 1ข 2ค 3ค 4ก 5ก 6ง 7ก 8ข 9ง 10 ก 11 ข 12 ง 13 ข 14 ข 15 ก 16 ค 17 ค 18 ค 19 ก 20 ข

-47- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ แนวข้อสอบ พรบ. มาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ (ชดุ ท่ี 2) 1. พระราชบญั ญัติมาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 มีผลใช้บงั คับเมอ่ื ใด ก. ต้งั แต่วันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ข. หลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน ค. หลังจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษา 60 วัน ง. หลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วนั 2. พระราชบญั ญัตมิ าตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาวันทเ่ี ท่าใด ก. วนั ที่ 15 เมษายน 2562 ข. วันที่ 16 เมษายน 2562 ค. วนั ที่ 17 เมษายน 2562 ง. วนั ที่ 18 เมษายน 2562 3. พระราชบญั ญตั มิ าตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 มีผลใชบ้ งั คับตงั้ แตเ่ ม่ือใด ก. วันที่ 15 เมษายน 2562 ข. วนั ที่ 16 เมษายน 2562 ค. วันท่ี 17 เมษายน 2562 ง. วันท่ี 18 เมษายน 2562 4. พระราชบญั ญตั ิมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 มีจดุ มุ่งหมายตามข้อใด ก. กาหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของข้าราชการ ข. ใช้เปน็ หลักสาคญั ในการจัดทาประมวลจรยิ ธรรมของหนว่ ยงานของรัฐ ค. เป็นกลไกตรวจสอบการรักษามาตรฐานทางจรยิ ธรรม ง. ปอู งกันการทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบในหน่วยงานราชการ 5. หนว่ ยงานของรัฐใดอย่ภู ายใต้บังคับตามพระราชบัญญตั ิมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 ก. กรมการพัฒนาชุมชน ข. กระทรวงแรงงาน ค. กระทรวงมหาดไทย ง. ถกู ทุกข้อ 6. หนว่ ยงานของรฐั ใดทไ่ี มอ่ ยู่ภายใตบ้ ังคบั ตามพระราชบญั ญตั มิ าตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2542 ก. กรมการพฒั นาชมุ ชน ข. กระทรวงแรงงาน ค. ศาล ง. กรมการปกครอง 7. ตามพระราชบญั ญัติมาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 กาหนดให้มาตรฐานทางจริยธรรมจะต้องมี หลักเกณฑก์ ารประพฤติปฏิบัตอิ ย่างมีคณุ ธรรมของเจา้ หนา้ ที่ของรฐั ทั้งหมดก่ีประการ ก. 3 ประการ ข. 7 ประการ ค. 8 ประการ ง. 9 ประการ

-48- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมิน ดษิ ฐ์ 8. กาหนดใหม้ ีคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมคณะหนึ่ง เรยี กโดยยอ่ วา่ อยา่ งไร ก. “ก.ม.จ.” ข. “ค.ม.จ.” ค. “ก.จ.” ง. “ก.ม.” 9. บคุ คลใดเป็นประธานคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมตามพระราชบัญญัตมิ าตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 ก. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ค. นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรฐั มนตรีซง่ึ นายกรัฐมนตรมี อบหมาย ง. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม 10. บคุ คลใดเป็นรองประธานคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทาง จริยธรรม พ.ศ. 2562 ก. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ค. นายกรัฐมนตรีรองนายกรัฐมนตรีทน่ี ายกรัฐมนตรีมอบหมาย ง. ผู้แทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนท่ีได้รบั มอบหมาย 11. กรรมการโดยตาแหน่งในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมตามพระราชบัญญัตมิ าตรฐานทาง จรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 มจี านวนก่ีคน ก. 3 คน ข. 4 คน ค. 5 คน ง. 6 คน 12. บุคคลใดเปน็ ผูแ้ ต่งตัง้ กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ใิ นคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมตามพระราชบัญญตั ิ มาตรฐานทางจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 ก. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ค. นายกรฐั มนตรี ง. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยุติธรรม 13. กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิในคณะกรรมการมาตรฐานทางจรยิ ธรรมตามพระราชบญั ญตั มิ าตรฐานทาง จรยิ ธรรม พ.ศ. 2562 มจี านวนกค่ี น ก. 3 คน ข. 4 คน ค. 5 คน ง. ไม่เกิน 5 คน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook