คำศัพท์ ไวยำกรณ์ และสำนวนภำษำอังกฤษท่ี จำเป็ นต้องใช้ในงำนวิชำกำร และกำรศึกษำข้ันสงู
คำศัพท์ ไวยากรณแ์ ละสำนวนภาษาองั กฤษที่จำเป็นต้องใชใ้ นงานวชิ าการ และการศกึ ษาข้นั สูง 1. คำศพั ท์ (Vocabulary) ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย abstract บทคดั ย่อ achievement สมั ฤทธผิ ล adult education การศึกษาผู้ใหญ่/ผ้มู ีประสบการณ์ andragogy ศาสตร์การสอน(ผู้ใหญ่/ผู้มีประสบการณ)์ analogy การเปรียบเทียบ assignment การมอบหมาย audience ผ้ชู ม ผูด้ ู, ผู้ฟงั assessment การประเมนิ bibliography บรรณานุกรม behavioral objective วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม brain-based Learning การเรียนรโู้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน case-based learning การเรียนร้โู ดยใช้กรณเี ป็นฐาน citation การกล่าวอ้าง clarify ทำให้เขา้ ใจงา่ ย coherent ซึง่ สอดคล้อง ซึ่งเห็นพอ้ งตรงกนั cognition ปญั ญา compare เปรยี บเทยี บ
ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย competency สมรรถนะ/ความสามารถ competency-based teaching การสอนแบบเน้นความสามารถ comprehension ความเขา้ ใจอยา่ งลึกซงึ้ conation เจตจำนง/ประสงค์ (พลงั ขับเคลอ่ื นส่กู ารแสดงออก/ปฏิบัต)ิ conclusion ส่วนสุดท้าย contrast ความแตกตา่ ง ความตรงกนั ขา้ ม contemplative education จติ ตปญั ญาศกึ ษา document ใช้เอกสารประกอบ ใชเ้ อกสารยืนยัน, ยืนยันดว้ ยเอกสาร draft ฉบบั รา่ ง, ร่าง edit แก้ไข ทำให้ถกู ต้อง essay ความเรยี ง ขอ้ เขียน, บทความ, เรียงความ evaluation การประเมินผล experiential learning การเรียนรผู้ า่ นประสบการณต์ รง footnote เชิงอรรถ คำอธบิ ายท่พี ิมพไ์ ว้ส่วนลา่ ง formative assessment การประเมินช่วงพฒั นา general objective วัตถปุ ระสงค์ทั่วไป grading system ระบบเกรด heutagogy ศาสตรก์ ารสอนผู้อาศัยความมุ่งม่ันแห่งตนในการเรียนรู้ information สารสนเทศ introduction การแนะนำตวั
ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย inquiry-based learning การเรียนร้โู ดยใช้การสบื ค้นเปน็ ฐาน inspiration แรงบัลดาลใจ knowledge ความรู/้ องคค์ วามรู้ learning approach แนวทางการเรยี นรู้ learning curve เสน้ โคง้ การเรียนรู้ learning experience ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ learning pattern/profile แบบรูป/โพรไฟล์/ขอ้ มลู แสดงลกั ษณะเฉพาะการเรียนรู้ learning progress ความก้าวหนา้ ทางการเรยี นรู้ measurement การวดั ผล metaphor คำอปุ มา คำเปรยี บเทยี บ metacognition, metacognitive ability อภปิ ัญญาหรือการรคู้ ิดในตน, ความสามารถทางอภิปญั ญา motivation แรงจงู ใจ outcome ผลลัพธ์ paradigm กระบวนทศั น์ pedagogy ศาสตรก์ ารสอน (เยาวชน) performance ความสามารถ/การปฏบิ ตั ิการ paragraph ย่อหน้า ตอนหนึ่งของข้อความ paraphrase การถอดความ การแปลความ precise แมน่ ยำ แนน่ อน, ถูกตอ้ ง, เท่ียงตรง problem-based learning การเรียนร้โู ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน
ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย project-based learning การเรียนร้โู ดยใช้โครงงานเป็นฐาน quotation สิ่งที่อา้ งองิ ถงึ การอา้ ง, คำอา้ งองิ research การวิจัย การศกึ ษา, การค้นคว้า research-based learning การเรยี นรโู้ ดยใช้การวิจยั เป็นฐาน scope ขอบเขต ขอบข่าย source ต้นกำเนดิ ทม่ี า, แหลง่ กำเนิด standard-based assessment การประเมนิ ฐานมาตรฐาน standard-referenced assessment การประเมนิ องิ มาตรฐาน structure โครง, โครงรา่ ง, แผน style ท่า, ท่าทาง, แบบ summary ทำหัวขอ้ , ยอ่ ใจความ summative assessment การประเมนิ รวมยอด support สนับสนุน taxonomy of educational objective อนกุ รมวธิ านจุดประสงคท์ างการศกึ ษา theme หัวขอ้ ประเดน็ หลกั , ใจความสำคัญ, สาระสำคัญ, แกน่ สาร thesis ข้อสมมุติ topic เร่อื ง, เรอ่ื งพดู transition การเปลี่ยน, การผ่าน transformative learning การเรียนรู้เพ่อื การเปล่ียนแปลง
2. ไวยากรณ์ (Grammar) 2.1 Present Tense (ปัจจบุ ันกาล) กลา่ วถึงเรอื่ งราวในปัจจุบนั • Present Simple Tense โครงสร้าง : S. + V.1 (s/es) หลักการใช้ : บอกเลา่ ขอ้ เท็จจรงิ ทว่ั ไป ของคน สัตว์ สง่ิ ของ สถานที่ … ตัวอย่างประโยค - I eat rice every day. (ฉนั กินข้าวทุกวนั ) - A cat has four legs. (แมวมสี ่ขี า) - The bank opens at 8.30 a.m. (ธนาคารเปิดทำการเวลา 08.30 น.) • Present Continuous Tense โครงสร้าง : S. + is, am, are + Ving หลักการใช้ : บอกเลา่ เหตุการณ์ทกี่ ำลังเกิดข้ึนขณะน้ี หรอื บอกเลา่ เหตุการณ์ทก่ี ำลังจะเกดิ ข้นึ จริงในอนาคต ตัวอยา่ งประโยค - I am eating rice now. (ฉันกำลังกนิ ขา้ วอยตู่ อนน้ี) - I am going to Paris next month. (ฉันกำลงั จะไปปารสี เดือนหน้า) - We are visiting our grandfather tomorrow. (พวกเรากำลงั จะไปเย่ยี มปูพ่ รุง่ นี้) • Present Perfect Tense โครงสรา้ ง : S. + has, have + V3 หลักการใช้ : บอกเล่าเหตุการณ์ทด่ี ำเนนิ เสรจ็ แล้ว หรอื บอกเลา่ เหตกุ ารณท์ ี่ดำเนนิ มาไดใ้ น ระยะเวลาหน่งึ จนถงึ ปัจจบุ นั ตัวอย่างประโยค - I have drunk milk. (ฉนั ดม่ื นมแล้ว (ดม่ื เสร็จแล้ว)) - She has finished her homework. (หล่อนทำการบา้ นเสร็จแล้ว) - My father has lived here since 2007. (พ่อของฉนั อาศยั อยู่ทนี่ ตี่ ้ังแตป่ ี 2007)
• Present Perfect Continuous Tense โครงสร้าง : S. + has, have + been + Ving หลักการใช้ : บอกเล่าเหตุการณ์ทด่ี ำเนนิ มาได้ในระยะเวลาหนงึ่ จนถงึ ปัจจบุ ันคลา้ ย present perfect tense แตเ่ ป็นการเน้นย้ำวา่ ทำอยา่ งตอ่ เน่ือง ตวั อยา่ งประโยค - I have been studying English language since 8 o'clock. (ฉันเรยี นภาษาอังกฤษ (อยา่ งตอ่ เน่อื ง) ตงั้ แต่ 8 โมง) - She has been exercising for 30 minutes. (หล่อนออกกำลงั กาย (อย่างตอ่ เนอื่ ง) เปน็ เวลา 30 นาที) - He has been studying here since 2012. (เขาเรยี นทน่ี ี่ (อย่างตอ่ เนื่อง) ตง้ั แต่ปี 2012 (ไม่เคยยา้ ยไปที่อน่ื )) 2.2 Past Tense (อดีตกาล) กลา่ วถงึ เรือ่ งราวในอดตี • Past Simple Tense โครงสร้าง : S. + V2 หลักการใช้ : บอกเล่าเหตกุ ารณ์ในอดีต ทีเ่ กิดขน้ึ ณ จุดเวลาใดเวลาหนง่ึ ตัวอย่างประโยค - I went to school yesterday. (ฉนั ไปโรงเรยี นเมื่อวานน้ี) - She watched this movie last year. (หล่อนดูหนังเร่ืองนี้ปีท่แี ลว้ ) - Krist visited his parents two weeks ago. (คริสไปเยย่ี มพอ่ แม่ของเขาเมือ่ สองสัปดาหก์ ่อน) • Past Continuous Tense โครงสร้าง : S. + was, were + Ving หลักการใช้ : บอกเลา่ เหตุการณ์ทก่ี ำลังเกิดขึน้ ในอดตี แลว้ มอี ีกเหตกุ ารณ์หนง่ึ แทรกขน้ึ มา ตัวอย่างประโยค - We were eating dinner when dad came home. (พวกเรากำลงั กินข้าวเยน็ อยู่ ตอนที่พ่อมาถงึ บา้ น) - She was taking a bath when my mom called her. (หลอ่ นกำลังอาบนำ้ อยู่ ตอนที่คณุ แมโ่ ทรหาหลอ่ น)
- Mark was driving home when it started to rain. (มาร์คกำลังขับรถกลบั บ้าน ตอนทีฝ่ นเรมิ่ ตก) • Past Perfect Tense โครงสรา้ ง : S. + had + V3 หลักการใช้ : บอกเล่าเหตกุ ารณ์ที่สนิ้ สุดแล้วในอดตี ก่อนจะมอี ีกเหตุการณต์ ามมา ตัวอย่างประโยค - They had had dinner before they went movie. (พวกเขาไดก้ ินข้าว กอ่ นพวกเขาไปดูหนัง) - The train had left when we got to the station. (รถไฟออกไปแลว้ ตอนทเ่ี ราไปถึงสถานี) - I had drunk hot cocoa before I went to bed. (ฉันได้ดื่มโกโกร้ ้อน ก่อนท่ฉี ันเขา้ นอน (ด่มื กอ่ น)) • Past Perfect Tense โครงสร้าง : S. + had + been + Ving หลกั การใช้ : บอกเล่าเหตุการณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ ในอดตี และดำเนนิ มาเปน็ ระยะเวลาหน่งึ เนน้ การบอก เวลามากกวา่ การกระทำ ตัวอยา่ งประโยค - I had been waiting for the plane for three hours before it arrived. (ฉนั รอเคร่ืองบินเปน็ เวลา(ตงั้ ) 3 ชั่วโมง (นะ) กอ่ นท่มี ันจะมาถึง) - We had been driving for one hour when we saw that camel. (พวกเราขับรถ (ต้งั ) 1 ชว่ั โมง (แนะ่ ) ตอนทีพ่ วกเราเหน็ อูฐตวั นั้น) - They had been playing football for four hours when it started to rain. (พวกเขาไดเ้ ลน่ ฟุตบอล (ตั้ง) 4 ช่ัวโมง กอ่ นทีฝ่ นเริ่มตก (วนั นี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกิน ช่ัวโมงก็ตกแลว้ ))
2.3 Future Tense (อนาคตกาล) กล่าวถึงเร่ืองราวในอนาคต • Future Simple Tense โครงสร้าง : S. + will + V1 หลักการใช้ : บอกเลา่ คาดการณ์เหตุการท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต ตวั อยา่ งประโยค - I will watch Thida Wanon drama this evening. (ฉันจะดูละครธิดาวานรเย็นนี้ (เพ่ือนบอกว่าสนกุ จะลองดูหน่อย)) - You will eat beef steak tonight. (คุณจะกนิ สเตก็ เนอื้ คืนน้ี (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)) - She will buy a motorcycle next month. (หลอ่ นจะซ้อื รถจกั รยานยนต์เดือนหนา้ (หล่อนว่าเดนิ ไปเรียนแลว้ เหน่ือย)) • Future Continuous Tense โครงสรา้ ง : S. + will + be + Ving หลกั การใช้ : บอกเล่าเหตกุ ารณ์ทก่ี ำลังเกิดขึ้นอย่ใู นอนาคต ตัวอยา่ งประโยค - I will be going Chiang Mai at 6 o’clock tomorrow. (ฉนั จะกำลงั ไปเชียงใหมเ่ วลา 6 นาฬกิ า วันพรุ่งนี้) - She will be waiting when you arrive. (หล่อนจะกำลงั รอคอย เม่อื คุณมาถงึ ) - At six o’clock, I will be eating dinner with my parents. (เวลา 6 นาฬกิ า ฉนั จะกำลังกนิ ข้าวกบั พอ่ แม่ของฉัน) • Future Perfect Tense โครงสรา้ ง : S. + will + have + V3 หลักการใช้ : บอกเล่าเหตกุ ารณ์ทส่ี ้ินสุดแลว้ ในอนาคต ตัวอยา่ งประโยค - I will have gone office at 7 o’clock tomorrow. (ฉันจะไปถึงสำนกั งานเรียบร้อยแลว้ เวลา 7 นาฬิกา วนั พรงุ่ น้ี) - She will have gone when you arrive. (หลอ่ น(คง)จะไปแลว้ เมอื่ คุณมาถงึ )
- I will have done cooking when my mom gets home. (ฉัน(คง)จะทำกับข้าวเสรจ็ แล้ว ตอนทแี่ ม่มาถงึ ) • Future Perfect Continuous Tense โครงสร้าง : S. + will + have + been + Ving หลกั การใช้ : บอกเลา่ เหตกุ ารณ์ทด่ี ำเนินมาไดร้ ะยะเวลาหนง่ึ ในอนาคต ก่อนมีอกี เหตกุ ารณ์หนง่ึ แทรกเข้ามา ตวั อยา่ งประโยค - I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow. (ฉนั จะได้กำลังกนิ ข้าวเชา้ เปน็ เวลา 30 นาทีแลว้ ณ เวลา 8 นาฬกิ า วันพร่งุ น้ี) - You will have been waiting for two hours when the plane arrives. (คณุ จะได้กำลงั รอ เป็นเวลาสองชว่ั โมง เมอื่ เคร่อื งบินมาถงึ ) - At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on the farm for two hours. (เวลา 10 นาฬกิ าพรุ่งนี้ พวกเราจะไดก้ ำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชว่ั โมงแลว้ ) 3. สำนวน (Idiom) • A light bulb moment ความหมาย : ปงิ๊ ไอเดยี , ชว่ งเวลาท่ีมคี วามคดิ ดี ๆ ผุดขึน้ ตัวอย่างประโยค : It was a light-bulb moment for me when I am going to travel. (ฉนั มีชว่ งเวลาทมี่ ีความคดิ ดี ๆ ผุดข้นึ ตอนท่ีฉันได้ไปเที่ยว) • A piece of cake ความหมาย : เรอื่ งหมู ๆ ง่ายเหมือนปลอกกลว้ ยเข้าปาก ตัวอยา่ งประโยค : It's easier than I thought. It's a piece of cake. (มนั ง่ายกว่าที่ฉนั คิดไว้ งา่ ยมากเหมอื นปอกกล้วยเขา้ ปากเลยละ่ ) • A storm in a teacup ความหมาย : เร่อื งเลก็ น้อย ทำเรือ่ งเลก็ ให้เปน็ เรือ่ งใหญ่ ตวั อย่างประโยค : Don’t listen to my brother. He’s always making a storm in a teacup. (อย่าไปฟังที่นอ้ งชายฉนั พดู เลย เขาน่ะชอบทำเรือ่ งเล็กใหเ้ ป็นเร่อื งใหญเ่ สมอ)
• Bear in mind ความหมาย : ใหจ้ ำไว้, ตระหนกั ไว้ ตัวอย่างประโยค : Tourists must bear in mind that they are visitors in the forest. Please don't disturb the animals. (นกั ทอ่ งเท่ยี วควรตระหนกั ว่าเขาเป็นผู้เย่ยี มเยยี นในปา่ กรุณาอย่ารบกวนสตั ว์) • Bite off more than you can chew ความหมาย : ทำอะไรเกินตวั , ทำอะไรท่ีเกินความสามารถของตวั เอง ตัวอย่างประโยค : It feels like I bite off more than I can chew when I promised to solve this project in 6 months. (ฉนั รสู้ ึกทำอะไรเกินความสามารถของตัวเองไปหน่อย ทจี่ ะสญั ญาว่าจะแกป้ ัญหาโปรเจกตน์ ้ี ภายใน 6 เดอื น) • Break the ice ความหมาย : ละลายพฤตกิ รรม ตัวอย่างประโยค : It’s always easiest to break the ice after I’ve had a few drinks. (มันงา่ ยสำหรับการละลายพฤตกิ รรม หลังจากท่ีดื่มไป 2-3 แกว้ ) • Burn the candle at both ends ความหมาย : ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตวั อย่างประโยค : I’ve been burning the candle at both ends trying to finish this project in time. (หมูน่ ้ีเราตน่ื แตไ่ กโ่ ห่ ทำงานตอ่ จนถึงดึกด่ืน เพ่อื ทำงานใหเ้ สร็จทันเวลา) • Cut throat ความหมาย : เขม้ ขน้ , รุนแรง, โหด ตัวอย่างประโยค : Scrapping of price fixing legislation led to a cut-throat battle for supermarket customers. (การยกเลกิ กฎหมายการกำหนดราคา ทำให้เกดิ การแขง่ ขันท่ีดุเดอื ดสำหรับลูกคา้ ซุปเปอรม์ ารเ์ กต็ )
• Down the drain ความหมาย : สูญเปลา่ , เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ตวั อยา่ งประโยค : All of my efforts to move on seem to be going down the drain, When he text to me. (ความพยายามจะกา้ วไปขา้ งหน้าของฉนั สูญเปลา่ เม่ือเขาส่งข้อความมาทกั ) • Down the rabbit hole ความหมาย : เจอเรอ่ื งไม่ปกติ, ตกอยู่ในสถานการณท์ ี่ไม่คาดฝนั ตวั อย่างประโยค : I feel down the rabbit hole when I see my friend going with my boyfriend. (ฉนั ตกอยใู่ นเหตกุ ารณ์ท่ีไม่คาดฝัน เมอื่ ฉันเหน็ เพื่อนไปกับแฟนของฉนั ) • Feel at home ความหมาย : ร้สู ึกสบายใจ (กับสถานทห่ี รอื สงิ่ แวดลอ้ ม) ตัวอย่างประโยค : I feel at home when I'm with you. (ฉันรสู้ ึกสบายใจเมื่ออย่กู บั คุณ) • Get a grip ความหมาย : ตั้งสติ ตัวอย่างประโยค : In this situation. You should get a grip. And apology what that you make a mistake. (ในสถานการณแ์ บบนี้ คุณควรตั้งสตแิ ละขอโทษในสงิ่ ทคี่ ณุ ทำผิด) • Get a foot in the door ความหมาย : ผา่ นข้ันเเรกของขัน้ ตอนหรอื กระบวนการที่ยาว ตัวอยา่ งประโยค : Can you help my sister to get her foot in the door. (คุณชว่ ยน้องสาวฉันให้ผา่ นขนั้ แรกไปหนอ่ ยน่ะ) • Get the picture ความหมาย : เข้าใจเร่อื งราวท้งั หมด, เข้าใจสถานการณ์ ตวั อย่างประโยค : When she told me about her work. I get the picture suddenly. (เม่อื เธอพดู ถงึ งานของเธอ ฉันก็เขา้ ใจสถานการณ์ท้ังหมดไดท้ ันที)
• Give someone a hand ความหมาย : ช่วยเหลือ ตวั อยา่ งประโยค : Can you give me a hand putting away these toys? (คณุ ช่วยฉันเก็บของเลน่ เหล่านหี้ นอ่ ยไดไ้ หม) • Hands are tied ความหมาย : ไม่สามารถทำได้ ถงึ แม้จะอยากทำให้ก็ตาม ตัวอย่างประโยค : Unfortunately, our hands are tied because of COVID-19. We can't meet friends at a school. (เสยี ด่ายที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ แม้จะอยากทำก็ตามเพราะ COVID-19 เราไมส่ ามารถไปเจอ เพอ่ื นที่โรงเรียนได้) • Heart in your mouth ความหมาย : อาการประหมา่ ตื่นเต้น ทำตวั ไม่ถกู ตัวอย่างประโยค : I had my heart in my mouth when I saw a stunt show. (ฉันกลวั จนหวั ใจตกไปตาตุ่มเวลาท่ีดูการแสดงผาดโผน) • Jump to conclusions ความหมาย : ด่วนตัดสนิ ใจหรือรีบตัดสนิ ใจ ตวั อย่างประโยค : Don't jump to conclusions. Wait until you know everything. (อย่าเพงิ่ ดว่ นตัดสินใจรอจนกระทง่ั คุณรู้ทุกอย่างก่อน) • Keep posted ความหมาย : คอยสง่ ขา่ วคราว/ความคืบหนา้ , คอยอัพเดตเรื่องราว ตัวอยา่ งประโยค : The doctors kept me posted about my condition. (หมอให้ฉนั คอยสง่ ข่าวความคืบหน้า เกย่ี วกับอาการของฉนั ) • Know something inside out ความหมาย : รแู้ บบละเอยี ดหรือรทู้ งั้ หมด ตวั อย่างประโยค : Why don't you ask your sister ? She know inside out. (ทำไมคณุ ไม่ถสมพ่สี าวคุณ หลอ่ นรทู้ ้ังหมดเก่ียวกบั มัน)
• Learn the ropes ความหมาย : เรยี นรงู้ านใหม่ ๆ ตวั อย่างประโยค : The new-jobber had to learn the ropes for improved their skills. (เดก็ ใหม่ทีเ่ พง่ิ เร่ิมทำงาน ควรทจี่ ะเรียนร้งู านใหม่ ๆ เพอ่ื ที่จะพัฒนาทักษะของตวั เอง) • Raised the bar ความหมาย : เพ่ิมมาตรฐานให้สงู ข้นึ , ยกระดบั , สรา้ งมาตรฐานใหม่ (ให้สูง / ดกี วา่ เดิม) ตวั อย่างประโยค : The Olympic athlete plans to raise the bar by setting a new world record. (นกั กีฬาโอลิมปกิ วางแผนเพอ่ื ท่ีจะเพิ่มมาตรฐานให้สงู ขึน้ เพอื่ ทจ่ี ะสรา้ งสถิติโลกใหม่) • See eye to eye ความหมาย : เหน็ ด้วยกับความคิดเห็นของอกี ฝ่าย ตวั อย่างประโยค : They finally saw eye to eye on the business deal. (ในทีส่ ุดพวกเขาก็ตกลงธรุ กจิ กนั ได้) • Take a leaf out of someone's book ความหมาย : เอาเปน็ ตวั อยา่ ง / เลยี นแบบ / ทำตาม ตัวอย่างประโยค : If you want to lose some weight, you should take a leaf out of trainer's book. (ถ้าคุณตอ้ งการลดนำ้ หนกั คุณควรทำตามเทรนเนอร์นะ) • Up in the air ความหมาย : ยงั ไม่แนน่ อน, ยงั ไมถ่ กู ตดั สินใจ ตวั อย่างประโยค : Everything is still up in the air until Covid-19 situation is better. (ทกุ อยา่ งยังไม่แน่นอน จนกว่าสถานการณ์ COVID-19 จะดีขนึ้ )
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: