Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore cookbook-การดำเนินงานกองทุนชุมชนตามหลักธรรมาภ

cookbook-การดำเนินงานกองทุนชุมชนตามหลักธรรมาภ

Published by management management, 2021-10-24 09:07:05

Description: cookbook-การดำเนินงานกองทุนชุมชนตามหลักธรรมาภ

Search

Read the Text Version

คํานํา กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจทีสําคัญคือ การพัฒนาทุนชุมชน โดยมุ่งเน้นการเสรมสรา้ ง ทุนชุมชน ให้มีประสิทธภิ าพและมีธรรมาภิบาล ภายใต้แนวคิดกองทุนชุมชนเปนแหล่งทุนทีเกิดจาก การบรหารจดั การโดยคนในชุมชน สามารถส่งเสรมและสนับสนุนการประกอบอาชพี ของคนในชุมชนให้เกิด การสรา้ งงาน สรา้ งอาชพี สรา้ งรายได้ ให้ชุมชนพึงตนเองได้ด้วยหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สํานักพัฒนาทุนและองค์กรการเงนชุมชน จึงได้จัดทํา คู่มือ การดําเนินงานกองทุนชุมชน ตามหลักธรรมาภิบาล สําหรับพัฒนากรขึน เพือสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ และให้ความสําคัญ ในการขับเคลือนการดําเนินงานกองทุนชุมชนกับผู้ปฏิบัติงานในพืนที ใชเ้ ปนแนวทางในการขับเคลือน การบรหารจัดการกองทุนชุมชนให้เกิดประสิทธภิ าพ สามารถส่งเสรม สนับสนุน ให้คนในชุมชน มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนเพือประกอบอาชพี สรา้ งงาน สรา้ งรายได้ พึงพาตนเอง และสามารถส่งผลให้ ลดความเหลือมลาทางสังคมต่อไป คณะผู้จดั ทาํ ตุลาคม 256๔

สารบัญ “ÁÒ·Òí ¤ÇÒÁÃٌ¨¡Ñ Ê·Í. ¡¹Ñ ” กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต การดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต 1 การตรวจบญั ชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต 10 โรงเรยนกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต 15 กิจกรรมเครอข่าย (ธรุ กิจชุมชน) 17 การจดั สวัสดิการจากทุนชุมชน 37 การออมเชงิ คณุ ภาพ (ออมสรา้ งสุข) 40 การประเมินศักยภาพกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต 45 แนวทางปฏิบตั ิการดําเนินการแก้ไขปญหาเรองข้อเรยนกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต 52 การจดทะเบยี นเปนสถาบนั การเงนประชาชน 58 โครงการแก้ไขปญหาความยากจน (กข.คจ.) การดําเนินงานแก้ไขปญหาความยากจน (กข.คจ.) 60 การประเมินศักยภาพโครงการแก้ไขปญหาความยากจน (กข.คจ.) 71 แนวทางปฏิบตั ิการดําเนินการแก้ไขปญหา เรองรอ้ งเรยนโครงการแก้ไขปญหาความยากจน (กข.คจ.) 87 ศูนยจ์ ดั การกองทนุ ชุมชน 93 107 การดําเนินงานศูนย์จดั การกองทุนชุมชน กองทุนแม่ของแผ่นดิน งานทุนชุมชนตามแนวพระราชดําร 120 การพัฒนาหมู่บา้ นทนุ ชุมชนขยายผลตามแนวพระราชดําร 127 เทคนิค15กลไกการขับเคลือนงานทุนชุมชน

ÁÒ·íÒ¤ÇÒÁÃÙ¨Œ Ñ¡ Ê·Í. ¡Ñ¹¹Ð¤ÃѺ ÊíÒ¹¡Ñ ¾²Ñ ¹Ò·Ø¹áÅÐͧ¤¡ áÒÃà§¹Ô ªÁØ ª¹ Êíҹѡ¾Ñ²¹Ò·Ø¹áÅÐͧ¤¡ áÒÃà§Ô¹ªØÁª¹ ¡‹Íµéѧ¢éÖ¹àÁè×ÍÇѹ·Õè ø àÁÉÒ¹ ¾.È. òõõò µÒÁ¡®¡ÃзÃǧẋ§Ê‹Ç¹ÃÒª¡Òà ¡ÃÁ¡ÒþѲ¹ÒªØÁª¹ ¡ÃзÃǧÁËÒ´ä·Â ¾.È. òõõò 䴌ÁÕ ¼ÅºÑ§¤ºÑ 㪌µéÑ§áµ‹Ç¹Ñ ·Õè ø àÁÉÒ¹ ¾.È. òõõò â´ÂÁÀÕ ÒáԨ ¤×Í “àÊÃÁÔ ÊÌҧáÅоѲ¹ÒÃкº ·Ø¹ªØÁª¹ ¡ÒúÃÔËÒèѴ¡Ò÷عªØÁª¹ ¡ÒÃáÊǧËÒáËŋ§·Ø¹áÅФÇÒÁËÇÁÁÍ× ã¹¡ÒþѲ¹ÒÃٻẺ Ç¸Ô Õ¡ÒôŒÒ¹¡ÒâÂÒ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¢Í§ªØÁª¹ à¾èÍ× ¾²Ñ ¹ÒÃкº·Ø¹ªÁØ ª¹ãˌÁÕ¤ÇÒÁÁ¹èÑ ¤§¼Ò‹ ¹¡Ãкǹ¡Òà ¨´Ñ ¡ÒÃâ´ÂªÁØ ª¹ ṋ¹Í¹àÅÂÇ‹Ò ¡Ò÷íÒ§Ò¹¢Í§Êíҹѡ¾Ñ²¹Ò·Ø¹áÅÐͧ¤¡ áÒÃà§Ô¹ªØÁª¹ ¤§Ë¹ÕäÁ¾‹ Œ¹¤Òí Çҋ “·Ø¹” äÁNj ҋ ¨Ð໚¹ “·¹Ø ¡ÒÃà§¹Ô ” áÅÐ “·Ø¹·ÕèäÁ㋠ªà‹ §Ô¹” (ʧèÔ ·Õàè »¹š ÁÙŤҋ ËÃÍ× Áդس¤‹Ò·ÕèÁÔãª‹à§¹Ô µÃÒ áµ‹ËÁÒ¶§Ö ÊèÔ§·èÕÁÕ¤ÇÒÁÊíҤѭµ‹ÍªÕÇÔµ¤ÇÒÁ໚¹ÍÂً¢Í§¤¹ હ‹ ¤ÇÒÁÌ٠ÀÙÁÔ»˜­­Ò »ÃÐʺ¡Òó ¢Í§¤¹ ·Ø¹·Ò§Êѧ¤Á ÇѲ¹¸ÃÃÁ»ÃÐླÕ) »ÃСͺ´ŒÇ ·Ø¹Á¹Øɏ ·Ø¹Êѧ¤Á ·Ø¹¡ÒÂÀÒ¾ áÅзع¸ÃÃÁªÒµÔ ÂØ·¸ÈÒʵÏ¡ÃÁ¡Òþ²Ñ ¹ÒªÁØ ª¹ »ÃСͺ´ŒÇ ô ÂØ·¸ÈÒʵÏ ´Ñ§¹Õé (ñ) ÊÌҧÊÃ䪏 ÁØ ª¹¾Ö觵¹àͧ䴌 (ò) ʋ§àÊÃÔÁàÈÃÉ°¡¨Ô °Ò¹ÃÒ¡ãˌ¢ÂÒµÑÇ (ó) àÊÃÔÁÊÌҧ·¹Ø ªØÁª¹ãˌÁÕ»ÃÐÊ·Ô ¸ÔÀÒ¾áÅÐÁ¸Õ ÃÃÁÒÀºÔ ÒÅ (ô) àÊÃÔÁÊÌҧͧ¤¡ ÃãˌÁ¢Õ Õ´ÊÁÃö¹ÐÊÙ§ ÊíÒ¹¡Ñ ¾Ñ²¹Ò·Ø¹áÅÐͧ¤¡Ã¡ÒÃà§Ô¹ªØÁª¹ ÁÕÀÒáԨ㹡ÒÃʧ‹ àÊÃÔÁáÅоѲ¹Ò¡ÒúÃÔËÒèѴ¡Òà ¡Í§·Ø¹ªÁØ ª¹ãËÁŒ Õ¸ÃÃÁÒÀºÔ ÒÅ â´ÂÁÕà»Ò‡ ËÁÒ “¡Í§·¹Ø ªÁØ ª¹ÁÕ¸ÃÃÁÒÀÔºÒÅà¾èÁÔ ¢é¹Ö ¨Òí ¹Ç¹ ò÷,ððð ¡ÅÁ‹Ø ÀÒÂã¹»‚ òõöõ” ¹Ò·ç¾Å ÇÔªÂÑ ¢Ñ·¤Ð ¼ŒÙÍíҹǡÒÃÊíÒ¹¡Ñ ¾²Ñ ¹Ò·Ø¹áÅÐͧ¤¡Ã¡ÒÃà§Ô¹ªØÁª¹

หน่วยงานในสังกัด สํานักพัฒนาทุนและองค์กรการเงนชุมชน มีทีมงานทังหมด 5 + 1 คือ..... 5 กลุ่มงาน และ 1 ฝายอาํ นวยการ ดังนี 1. กลุ่มงานประสานแผนและยุทธศาสตร์ 2. กลุ่มงานพัฒนาทุนชุมชนตามแนวพระราชดําร 3. กลุ่มงานส่งเสรมและพัฒนาทุนชุมชน 4. กลุ่มงานส่งเสรมและพัฒนาองค์กรการเงนชุมชน 5. กลุ่มงานเสรมสรา้ งธรรมาภิบาลทนุ ชุมชน 6. ฝายอาํ นวยการ กลุ่มงานประสานแผนและยุทธศาสตร์ กลุ่มงานพัฒนาทุนชุมชนตามแนวพระราชดําร จัดทํายุทธศาสตรแ์ ละแผนปฏิบัติการ แผนงาน งานทนุ ชุมชนตามแนวพระราชดําร โครงการ งบประมาณของสํานักฯ ดูแล ติดตาม งานศูนยเ์ รยนรูท้ นุ ชุมชน งาน อพ.สธ. ประเมินผล และรายงานผลการดําเนินงาน งานศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาเขาหินซอ้ น จดั ทาํ ระบบฐานข้อมูล คิดถึงโทร. 0 – 2141 6099 คดิ ถึงโทร. 0 – 2141 6089 กลุ่มงานส่งเสรมและพัฒนาทนุ ชุมชน กลุ่มงานส่งเสรมและพัฒนาองค์กรการเงนชุมชน งานกลุ่มออมทรพั ยเ์ พอื การผลติ งานศูนย์จดั การกองทนุ ชุมชน งานโครงการแก้ไขปญหาความยากจน (กข.คจ.) งานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ศูนยส์ าธติ การตลาด งานธรุ กจิ ชุมชน งานเครอขา่ ยกองทนุ ชุมชน โรงเรยนกลุ่มออมทรพั ยเ์ พอื การผลติ งานสวัสดิการชุมชน คดิ ถึงโทร. 0 – 2141 6098 คดิ ถึงโทร. 0 – 2141 6100 กลุมงานเสรมิ สรางธรรมาภิบาลทนุ ชุมชน ฝายอํานวยการ งานสารบรรณ งานการเจา้ หน้าที งานตรวจสอบและประเมนิ ผลกองทนุ ชุมชน งานพัสดุ งานการเงนและบัญชี ให้คําแนะนําปรกษา ให้ความรูเ้ รองกฎหมาย อาํ นวยความสะดวกในการทาํ งาน จดั การเรองรอ้ งเรยน ของ จนท. ฯลฯ คิดถึงโทร. 0 – 2141 6377 คดิ ถึงโทร. 0 – 2141 6374

ความเปนมา กรมการพัฒนาชุมชน ดําเนินการส่งเสรม สนับสนุนการจัดตังกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต โดยศาสตราจารย์ ดร.ยุวฒั น์ วฒุ ิเมธี อดีตอธบิ ดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้เรมทดลองดําเนินการครงั แรก เมือวันที 6 มีนาคม พ.ศ.2517 จาํ นวน 2 แห่ง คือ ตําบลขัวมุง อําเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และ ตําบลละงู อําเภอละงู จงั หวัดสตูล และต่อมากรมการพัฒนาชุมชนได้กําหนดให้ วันที 6 มีนาคม ของทุกป เปนวนั คล้ายวนั ก่อตังกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนการผสมผสานระหว่างแนวคิดของสหกรณ์การเกษตรเครดิตยูเนียน และสินชอื เพือการเกษตร โดยใช้ \"เงนเปนเครองมือในการพัฒนาคน\" ทําให้คนมีคุณธรรม มีการช่วยเหลือ เกือกูล เอืออาทร แบ่งปนซึงกันและกัน เกิดกระบวนการเรยนรูก้ ารทํางานรว่ มกัน ตามวถีทาง ประชาธปิ ไตย มีการยอมรบั ฟงความคิดเห็นของเสียงส่วนใหญ่ เคารพกฎกติกาทีมาจากข้อตกลงรว่ มกัน เกิดการเรยนรูก้ ารบรหารจดั การเงนทุนของตนเอง เพือจดั สรรผลประโยชน์และจดั เปนสวัสดิการให้กับ สมาชกิ ทาํ ให้ชุมชนมีแหล่งทุนในการประกอบอาชพี เปนของตนเอง ลดการพึงพิงแหล่งทุนจากภายนอก ชุมชน และทีสําคัญทีสุดคือ เปนการฝกคนให้มีความอดทน มีสัจจะ มีระเบียบวนัยในการใช้เงน รูจ้ ัก ใช้จ่ายเงนอย่างมีเหตุมีผล มีความเหมาะสม พอประมาณกับตนเอง เปนการสรา้ งภูมิคุ้มกันให้กับ ครอบครวั และชุมชน ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวฯ รชั กาลที 9 แนวคิด แนวคิดที 1 การรวมคนในหมู่บ้านชุมชน ให้ชว่ ยหลือซงึ กันและกันโดยรวมคนทีมีฐานะแตกต่างกัน ให้ชว่ ยเหลือกันอยูบ่ นพืนฐานความเชอื ทวี า่ \"จนเงนแต่ไม่จนนาใจ\" แนวคิดที 2 การแก้ไขปญหาการขาดแคลนเงนทุน โดยการรวมกลุ่มออมเงน แล้วให้สมาชกิ กู้ยืม เปนทุนในการประกอบอาชพี แนวคิดที 3 การนําเงนทุนไปใช้ดําเนินการประกอบอาชีพ ด้วยความขยัน ประหยัด ถูกต้อง เพือให้ได้ทนุ คืนและมีกําไรเปนการสรา้ งรายได้ให้กับสมาชกิ แนวคิดที 4 การลดต้นทุนในการครองชีพโดยให้สมาชิกมีการจัดตังศูนย์สาธิตการตลาด เปนการรวมตัวกันซอื รวมตัวกันขาย สามารถลดต้นทนุ ในการซอื สินค้าอุปโภคบรโภคและปจจยั การผลิตได้

-2- หลักการ การดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนการรวมตัวของประชาชน บรหารจัดการ โดยประชาชนและเพือประโยชน์ของสมาชกิ และประชาชนในหมู่บา้ น มีหลักการดําเนินงาน ดังนี 1. ความรูส้ ึกเปนเจา้ ของ เปนการสรา้ งความรูส้ ึกการเปนเจา้ ของให้กับสมาชกิ ทุกคน ทําให้เกิด ความรบั ผิดชอบและชว่ ยกันดูแลเอาใจใส่ในการดําเนินงานของกลุ่ม 2. การพึงตนเอง ฝกนิสัยการประหยัดและอดออม โดยนําเอาคุณสมบัติพิเศษ 3 ประการ ของชาวชนบท คือ ความซือสัตย์ ความทนอด และความอดทน มารวมกันในรูปกลุ่มทําให้มีการรวม เงนทนุ ชุมชนเปนของตนเอง ลดการพึงพาแหล่งทนุ จากภายนอกหมู่บา้ น 3. หลักคุณธรรม ใช้การออมทรพั ย์เปนเครองมือในการพัฒนาคน เพือให้คนมีคุณธรรม 5 ประการ คือ ความซอื สัตย์ ความเสียสละ ความรบั ผิดชอบ ความเห็นอกเห็นใจ และความไวว้ างใจ 4. หลักการควบคุมกันเอง สมาชกิ ลุ่ม ฯ ทุกคนจะต้องให้ความสนใจดูแลความคลือนไหวและ ตรวจสอบซงึ กันและกัน คําสําคัญทีควรรู ้ “กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต” หมายถึง การรวมตัวของประชาชน เพือช่วยเหลือตนเอง และ ชว่ ยเหลือซงึ กันและกัน โดยการประหยัดทรพั ย์แล้วนํามาสะสมทีละเล็ก ทีละน้อย เปนประจาํ สมาเสมอ เรยกว่า “เงนสัจจะสะสม” เพือใช้เปนทุนให้สมาชิกทีมีความจําเปนเดือดรอ้ นกู้ยืมไปใช้ในการลงทุน ประกอบอาชพี หรอเพือสวัสดิการของตนเอง และครอบครวั \"สมาชิก\" หมายถึง สมาชิกชองกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ซึงสมัครเข้ามาโดยถูกต้อง ตามระเบียบและปรากฏรายชอื อยู่ในทะเบียนของกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต \"เงนสัจจะสะสม\" หมายถึง จาํ นวนเงนทีสมาชิกสมัครใจฝากออมไว้กับกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ตามทีให้สัจจะกับกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตอยา่ งสมาเสมอเปนประจาํ ทุกเดือน \"เงนสัจจะพิเศษ\" หมายถึง เงนทีสมาชกิ นํามาฝาก นอกเหนือจากเงนสัจจะสะสม สามารถเบิกถอนได้ และมีดอกผลตามระเบียบของกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต \"คณะกรรมการ\" หมายถึง คณะกรรมการบรหารกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ทีได้รบั การคัดเลือก โดยมติทีประชุมสมาชกิ \"เครอข่าย\" หมายถึง เครอข่ายกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือกรผลิตซงึ เปนองค์กรทีเกิดจากการรวมตัวกัน ของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต \"คุณธรรม\" หมายถึง คุณธรรม ๕ ประการ ได้แก่ ความชอื สัตย์ ความเสียสละ ความรบั ผิดชอบ ความเห็นอกเห็นใจ และความไวว้ างใจ

-3- วัตถุประสงค์ เ พื อ พั ฒ นา คน เพือพัฒนาเศรษฐกิจ เพือพัฒนาสังคม ชุมชน 1. เพือพัฒนาคน โดยใช้หลักการกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนเครองมือในการพัฒนา ตนเอง และเพือนสมาชกิ ให้มีคุณธรรม 5 ประการ 2. เพือพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน โดยการระดมเงนออม จัดตังเปนกองทุน ทําให้ชุมชนมีแหล่ง เงนทุน ในการกู้ยืมเงนไปประกอบอาชพี ตามความจาํ เปนของครอบครวั และเรยนรูก้ ิจกรรมเชงิ ธรุ กิจ สามารถเพิมรายได้ให้กับครอบครวั 3. เพือพัฒนาสังคม โดยการปลูกฝงคุณธรรม 5 ประการ ปลูกฝงวถีประชาธปิ ไตยก่อให้เกิด ความสามัคคี การช่วยเหลือเอืออาทรต่อกัน ความร่วมมือรว่ มใจ ความเปนอันหนึงอันเดียวกัน ความยุติธรรม ความเท่าเทยี มกันของสมาชกิ เงนทุนดําเนินการของกลุ่ม เงนทุนของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต อาจได้มาจากเงนต่าง ๆ ดังนี 1. เงนค่าสมัครเข้าเปนสมาชกิ เงนค่าปรบั กรณีผิดสัญญา 2. เงนสัจจะสะสม เปนเงนทีได้จากการออมของสมาชกิ จาํ นวนเท่า ๆ กัน ทุกเดือน ซงึ จะจา่ ยเงนคืน เมือขาดจากการเปนสมาชกิ ภาพเท่านัน โดยกลุ่มจะจา่ ยผลตอบแทนให้สมาชกิ ในรปู ของเงนปนผล 3. เงนสั จจะสะสมพิเศษ เปนเงนรับฝากจากสมาชิกทีมีเหลือและประสงค์จะฝากไว้กับกลุ่ม ซึ ง ส า ม า ร ถ ถ อ น ไ ป ใ ช้ไ ด้ ต า ม ค ว า ม จํา เ ป น แ ล ะ จ่า ย ผ ล ต อ บ แ ท น เ ป น ด อ ก เ บี ย ห ร อ เ ง น ป น ผ ล ตามระเบียบของกลุ่ม 4. เงนอุดหนนุ กลุ่มอาจได้รบั เงนอุดหนุนจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิน และ องค์กรอืน ๆ 5. เงนกู้ยมื จากแหล่งเงนทนุ เชน่ ธนาคาร หรอสถาบันการเงนอืน ๆ 6. รายได้อืน ๆ เชน่ ดอกเบยี เงนบรจาค สมาชกิ สมาชกิ กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต มี ๓ ประเภท ดังนี คือ ๑. สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลธรรมดาในหมู่บ้านหรอตําบลทุกเพศ ทุกวัย ทีสมัครเข้ามาเปน สมาชกิ กลุ่ม ตามระเบยี บข้อบงั คับของกลุ่ม ๒. สมาชิกวสามัญ ได้แก่ กลุ่ม องค์กร ภายในหมู่บ้านหรอตําบล ทีทางราชการสนับสนุน และรบั รอง ฐานะทสี มัครเข้ามาเปนสมาชกิ กลุ่ม ตามระเบียบข้อบงั คับของกลุ่ม ๓ . สม าชิก กิ ตติ มศั กดิ ได้ แก่ ข้ า ราช ก าร คห บดี ภิ กษุ ส ามเ ณร บุคคลทีมี คว าม สนใจ และ ให้การสนับสนุนกลุ่มโดยไม่หวงั ผลตอบแทนตามทีคณะกรรมการมีมติเห็นชอบ

-4- คณะกรรมการกลุ่ม คณะกรรมการกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ประกอบด้วยคณะกรรมการ ๔ คณะ แต่ละคณะ มีจาํ นวนไม่น้อยกว่า ๓ คน ประกอบด้วย ๑. คณะกรรมการอํานวยการ มีหน้าที กําหนดระเบียบข้อบังคับ จัดทําบัญชี/ทะเบียน เอกสาร บรหารงานต่าง ๆของกลุ่ม ๒. คณะกรรมการเงนกู้ มีหน้าที พิจารณาคําร้องขอกู้เงนของสมาชิก ติ ดตามการใช้จ่ายเงนกู้ ให้เปนไปตามวัตถุประสงค์ เรง่ รดั การส่งคืนเงนกู้ กรณีสมาชกิ ผิดสัญญา เยียมเยียน/ชว่ ยเหลือให้ คําแนะนาํ แก่สมาชกิ ๓. คณะกรรมการตรวจสอบ มีหน้าทตี รวจสอบบัญช/ี ทะเบยี นเอกสาร ตรวจสอบการดําเนินกิจการของกลุ่ม ๔. คณะกรรมการส่งเสรม มีหน้าที ชักชวนผู้สนใจสมัครเปนสมาชิกกลุ่ม เสรมสรา้ งความเข้าใจ ในหลักการกลุ่ม เผยแพรผ่ ลการดําเนินงาน วาระการดํารงตําแหน่ง คณะกรรมการกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีวาระการดํารงตําแหน่ง คราวละ 4 ป กิจกรรมของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต 1. การให้เงนกู้แก่สมาชกิ เพือเปนทนุ ในการประกอบอาชพี และสวสั ดิการของครอบครวั 2. การดําเนินงานศูนย์สาธติ การตลาด เพือรวมกันซือ รวมกันขาย วัสดุอุปกรณ์ทีเปนปจจยั การผลิต และสินค้าอุปโภค บรโภค ให้ได้ในราคาถูกและมีคุณภาพ เชน่ ขายปุย ขายเมล็ดพันธพุ์ ืช พันธุส์ ัตว์ ข้าวสาร นามัน เปนต้น 3. การดําเนินงานยุ้งฉาง เพือรวมกันขายข้าว หรอผลผลิตทางการเกษตรเพือให้ได้ราคาทีสูง และลด การถกู เอาเปรยบจากพ่อค้าคนกลาง 4. การดําเนินงานธนาคารข้าว เปนการรวบรวมหรอรบั บรจาคข้าว เพือให้การสงเคราะห์แก่ผู้ยากไรข้ าดแคลน 5. กิจกรรมอืน ๆ ตามระเบียบข้อบังคับทีกลุ่มกําหนด เช่น จัดสวัสดิการแก่สมาชิก การลงทุนธุรกิจ ทีเปนประโยชน์ และสามารถชว่ ยเหลือแก้ไขปญหาความเดือดรอ้ นแก่สมาชกิ อาทิ ปมนามัน โรงสีข้าว โรงงานนาดืม ลานตากผลผลิต แปรรูปผลิตภัณฑ์ การพัฒนากรรมการและสมาชกิ เปนต้น

-5- การเก็บรกั ษาเงนของกลุ่ม การเก็บรกั ษาเงน ให้กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต นําเงนฝากธนาคาร เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน หรอธนาคารอืน ๆ ตามทีกลุ่ม เห็นสมควร และการเปดบัญชเี งนฝาก การถอนเงน ต้องให้ประธาน รองประธาน เหรญั ญิก ลงลายมือชือ อย่างน้อย ๒ ใน ๓ โดยให้ประธานลงนามด้วยทกุ ครงั การจดั ทาํ ทะเบียนเอกสารของกลุ่ม การดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ต้องมีการจัดทําเอกสารทะเบียนต่าง ๆ เพือใช้ ควบคุมตรวจสอบการดําเนินงานของกลุ่ม ประกอบด้วย ทะเบยี นรายชอื สมาชกิ ทะเบยี นคมุ เงน สัจจะ สะสม / เงนสัจจะสะสมพิเศษ ทะเบียนคุมหนังสือเงนกู้ ทะเบียนคุมลูกหนีเงนกู้ ทะเบียนคณะกรรมการ สมุดบันทึกการประชุม เอกสารหลักฐานอืน ๆ ตามความเหมาะสม การจดั ทาํ บัญชขี องกลุ่ม การดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนการดําเนินงานเกียวกับเรองเงน จงึ มีความจาํ เปน ต้องมีการจดั ทําบัญชที ีเปนเอกสารหลักฐานสําหรบั ใชค้ วบคุม ตรวจสอบการดําเนินงานของกลุ่ม ทําให้ ทราบสถานะการเงนของกลุ่มว่ามีกําไรหรอขาดทุน ในการดําเนินงานจาํ เปนต้องจดั ทําบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์ เพือการผลิตทสี ําคัญ ประกอบด้วย ๑. บัญชเี งนสด – เงนฝากธนาคาร (ส.) ๒. บัญชรี ายได้และหนี สิน (ร.) ๓. บญั ชรี ายจา่ ยและทรพั ยส์ ิน (จ.) ๔. งบกําไร – ขาดทนุ ๕. งบดุล ขอ้ หา้ ม การดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนการระดมเงนออมทีรเรมโดยประชาชน ปจจุบันจึงไม่มีกฎหมาย ทบี ังคับใชโ้ ดยตรง ดังนัน เพือไม่ให้กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตเปนองค์กรการเงนนอกระบบทีไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และ พ.ร.บ.การประกอบ ธุรกิจเงนทุน ธุรกิจหลักทรพั ย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ร.บ ธุรกิจ สถาบนั การเงน พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังนัน กรมการพัฒนาชุมชน จงึ ได้ทาํ ความตกลงกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีข้อห้าม ดังนี 1. ห้ามรบั ฝากเงนจากบุคคลภายนอกทีไม่ได้เปนสมาชกิ กลุ่ม 2. ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกทีมิใชส่ มาชกิ กลุ่มกู้เงน 3. ห้ามคิดดอกเบยี เงนกู้เกินกวา่ ทกี ฎหมายกําหนด (รอ้ ยละ ๑๕ ต่อป)

-6- ¾²Ñ ¹Ò¡Ã กับการส่งเสรมการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต การจัดตังกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ให้ประสบความสําเรจ็ และ กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต สามารถดําเนินงานได้อย่างเข้มแข็งยังยืนนัน พัฒนากรควรศึกษาแนวคิด หลักการและแนวทางการจัดตังกลุ่มให้เข้าใจ อ ย่ า ง ชัด เ จ นถ่ อ ง แ ท้ ซึง ใ น ก า ร จัดตั ง กลุ่ ม อ อ มท รัพ ย์เ พื อ ก ารผลิ ต แบ่งการดําเนินงานเปน ๓ ขันตอนดังนี ขันตอนที ๑ ก่อนการจัดตังกลุ่ม พัฒนากรต้ องศึกษาข้อมูล ของหมู่บ้าน/ชุมชน ทังทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสภาพปญหา และนําข้อมูลเข้าสู่เวที พูดคุยกับผู้นําชุมชนหรอผู้ทีสนใจ รว่ มกันวเคราะห์ เพือให้เห็นความสําคัญในการออมเงน โดย พัฒนากรเปนผู้กระตุ้น และเปนผู้เผยแพร่ แนวคิด หลักการ วัตถุประสงค์ ตลอดจนวธกี ารดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต และค้นหาแกนนํา หรอกลุ่มเปาหมายทีมีความสนใจเข้ารว่ มในการจดั ตังกลุ่ม ขันตอนที ๒ การจดั ตังกลุ่ม สรา้ งความเข้าใจในแนวคิด หลักการ วัตถุประสงค์ วธกี ารดําเนินงาน แก่แกนนํา และกลุ่มเปาหมายทีจะเข้ารว่ มให้มีความชดั เจนยิงขึน และเปดรบั สมาชกิ เลือกคณะกรรมการ รา่ งระเบียบ ข้อตกลงเบืองต้น จดั ทาํ สมุดสัจจะสะสม เอกสารทะเบียน/บญั ชี และวางแผนการดําเนินงานในการจดั ตังต้อง มีสมาชกิ ก่อตังไม่น้อยกว่า ๑๕ คน เอกสารทตี ้องจดั เตรยมในการจดั ตังกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต ระยะเรมจดั ตัง ๑. ใบสมัครเปนสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต ๒. สมุดสัจจะสะสมทรพั ย์ของสมาชกิ ๓. ทะเบียนรายชอื สมาชกิ ๔. ทะเบียนคมุ เงนสัจจะสะสม/เงนสัจจะสะสมพิเศษ ๕. สมุดบนั ทกึ การประชุม ๖. แบบฟอรม์ หนังสือยินยอมของผู้ปกครอง กรณีสมาชกิ ยงั ไม่บรรลุนิติภาวะ ๗. สมุดบญั ชี ได้แก่ บัญชเี งนสด-เงนฝากธนาคาร (ส.) บญั ชรี ายได้และหนีสิน (ร) บญั ชรี ายจา่ ยและ ทรพั ย์สิน (จ.) งบกําไร-ขาดทนุ งบดุล ขันตอนที 3 หลังการจัดตังกลุ่ม พัฒนากรต้องติดตาม/สนับสนุนการดําเนินงานอย่าง สมาเสมอ เช่น เข้ารว่ มประชุม ให้คําปรกษาแนะนําด้านการบรหารจัดการ จัดกิจกรรมเพิมศักยภาพ กรรมการ/สมาชิก ติดตามผลความก้าวหน้า เปนต้น หลังจากจดั ตังกลุ่มแล้วมีเอกสารเพิมเติม ดังนี ๑. ทะเบียนคุมลูกหนีเงนกู้รายตัว ๒. ทะเบียนคมุ สัญญากู้เงน ๓. แบบฟอรม์ สัญญากู้เงน

-7- ¢ŒÍº‹§ªÕé สัญญาณทีแสดงออกว่ากลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตจะ à¡´Ô »˜­ËÒ·Ò§¡ÒÃà§Ô¹ ๑. กรรมการคนใดคนหนึงทาํ หน้าทรี บั ผิดชอบการเงนของกลุ่มโดยมีระบบกํากับตรวจสอบ ๒. กรรมการทีรบั ผิดชอบรบั ฝากถอนเงนไม่ยินยอมให้มีการตรวจสอบสถานะทางการเงน หรอ หาเอกสารมายนื ยนั การรบั จา่ ยเงนไม่ได้ ๓. ไม่ออกหลักฐานการรบั จา่ ยเงนให้แก่สมาชกิ หรอระหว่างคณะกรรมการด้วยกัน ๔. ไม่มีการประชุมคณะกรรมการหรอสมาชกิ ตามระเบียบทีกําหนด ๕. ให้ผลตอบแทนสมาชกิ ทนี าํ เงนมาฝากสูงผิดปกติ ๖. ผลกําไรมีแนวโน้มลดลง ๗. สมาชกิ ขอกู้เงนมีความล่าชา้ หรอไม่สามารถปล่อยกู้ได้ ๘. สมาชกิ ขอถอนเงนฝากเงนหุ้นไม่ได้ ๙. ไม่สามารถปดงบดุลประจาํ ปได้ ๑๐. คณะกรรมการทีถือเงนรบั ฝากเงนปล่อยกู้มีพฤติกรรมการใช้ชวี ตฟุมเฟอย มีการลงทุน ทาํ ธรุ กิจส่วนตัวเพิมขึน โดยไม่มีเหตุผลทีไปทีมาของรายได้จากการประกอบอาชพี ส่วนตัว หรออาจนําเงนกลมุ่ ไปใชใ้ นการหาเสียงเลือกตังผู้นาํ ท้องถิน ๑๑. ไม่นําเงนไปฝากสถาบนั การเงนก่อนทจี ะนาํ เงนไปทาํ ธรุ กรรมอืน ๆ á¹Ç·Ò§¡ÒôíÒà¹Ô¹§Ò¹Ê‹§àÊÃÁÔ ¡ÒôÒí à¹¹Ô §Ò¹¡ÅÁ؋ ÍÍÁ·Ã¾Ñ à¾è×Í¡ÒüÅÔµ วัตถุประสงค์ เพือส่งเสรมและสนับสนุนให้ประชาชนมีการออมเงนผ่านกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต โดยการจัดตังกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีการขยายฐานสมาชิกและการเพิมเงนสัจจะสะสม เพือวางแผนทางการเงนให้มีเงนพรอ้ มใชใ้ นวันทีหยุดทํางาน (วัยเกษียณ) Happy Money Happy Retirement แนวทางการปฏิบัติงานสําหรบั นักวชาการพัฒนาชุมชนจงั หวัด เกียวกับการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต 1. ทบทวนและปรบั ปรุงฐานข้อมูลกลุ่มออมทรพั ยเ์ พอื การผลติ ในระบบศูนยข์ ้อมลู กลาง ของกรมการพัฒนาชุมชน 2. จดั ทาํ ฐานข้อมูลการขับเคลือนการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตของพัฒนากร 3. มอบหมายให้พัฒนากรทกุ คน ดําเนินการดังนี (1) จดั ตังกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ตามนโยบาย 1 พัฒนากร 1 กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต (2) ขยายฐานสมาชกิ โดยการส่งเสรมให้ประชาชนในหมู่บา้ นทยี งั ไม่ได้เปนสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์ฯ ให้สมัครเปนสมาชกิ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 10 ของจาํ นวนสมาชกิ ทีมีอยูข่ องกลุ่มฯ

-8- (3) ส่งเสรมการออมเชงิ คุณภาพ เพือให้สมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์ฯ เกิดความตระหนัก และมีการวางแผน การออมโดยการเพิมเงนสัจจะสะสม เพือให้มีเงนพรอ้ มใชใ้ นวันทหี ยุดทาํ งาน (วัยเกษียณ) Happy Money Happy Retirement (การออมเชงิ คุณภาพ หมายถึง การออมเงนอย่างมีเปาหมาย เพือเปน หลักประกัน ในการดําเนินชวี ตอย่างมีความสุขในวันทีหยุดทํางาน (วัยเกษียณ) Happy Money Happy Retirement และเปนการสรา้ งวนัยการใช้เงนอย่างมีคุณภาพ เพือสรา้ งหลักประกัน ความมันคงของชวี ต) (4) รว่ มกับทีมคู่หูคู่คิด (Move For Fund Team) ดําเนินการประเมินศักยภาพกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ตามหลักธรรมาภิบาล จดั ทําแผนการพัฒนาตามตัวชีวัดทีไม่ผ่านเกณฑ์ และบันทึกผลในระบบ www.cddhealthyfund.com (5) บันทกึ ข้อมูลการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตในระบบศูนยข์ ้อมูลกลาง ปละ 1 ครงั 4. รายงานผลการดําเนินงานตามข้อ 3 ให้กรมการพัฒนาชุมชนทราบภายในเดือนสิงหาคมของทุกป 5. นิเทศ ติดตาม และให้ข้อเสนอแนะแก่เจ้าหน้าทีพัฒนาชุมชนอําเภอ ในการส่งเสรมและพัฒนา การดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตเปนประจาํ สมาเสมอ 6. กรณีมีการรอ้ งเรยนและรายงานความเสียหายทีเกิดขึนกับกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ให้ถือปฏิบัติตามแนวทาง การปฏิบัติกรณีเกิดความเสียหายโดยเครง่ ครดั และรายงานให้กรมการพัฒนาชุมชนทราบโดยเรง่ ด่วน แนวทางการปฏิบัติงานสําหรบั พัฒนาการอําเภอ เกียวกับการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต 1. กํากับ ติดตามให้พัฒนากรปฏิบตั ิงานตามแผนการปฏิบัติงาน 2. หากพบว่ามีปญหาหรอส่อพฤติกรรมให้เกิดข้อร้องเรยนของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ให้พัฒนากรทาํ บันทึกเสนอนายอําเภอ แล้วให้อาํ เภอประชุมหาแนวทางแก้ไขเบอื งต้นก่อน แนวทางการปฏิบัติงานสําหรบั พัฒนากร เกียวกับการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต 1. จดั ทาํ แผนติดตาม ปฏิทนิ กําหนดการ การปฏิบตั ิงานของพัฒนากร 2. สํารวจจดั ทาํ ฐานข้อมูลกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตในพืนทตี ําบลหมู่บา้ น 3. ลงพืนทเี ข้ารว่ มประชุมทุกครงั ในวนั ทีมีการจดั เก็บเงนสัจจะสะสม 4. รว่ มประชุมคณะกรรมการกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนประจําทุกเดือน และกํากับดูแล ให้การส่งใชเ้ งนคืนของสมาชกิ ตลอดจนการนาํ เงนฝากเข้าบญั ชธี นาคารให้ถกู ต้อง 5. ติดตามและส่งเสรมการจดั ทาํ บัญชี รวมทงั การตรวจสอบบัญชอี ยา่ งน้อยเดือนละ ๑ ครงั 6. เข้ารว่ มประชุมใหญ่ประจําปของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เพือให้คําแนะนําปรกษาและ ตรวจสอบการดําเนินงานการจดั งบดุลกําไร – ขาดทนุ 7. กําหนดให้กลุ่มมีการรายงานสถานะทางการเงน การายงานยอดเงนสัจจะสะสมให้เปนประจาํ ทกุ เดือน 8. ส่งเสรมให้มีกิจกรรมเครอข่ายของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตในเชงิ ธรุ กิจสอดคล้องกับความต้องการ ของสมาชกิ และชุมชนเชอื มโยงนโยบายของรฐั บาล กรมการพัฒนาชุมชน และภาคีการพัฒนา 9. รายงานผลการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตให้พัฒนาการอําเภอทราบเปนประจาํ ทกุ เดือน

-9- การพัฒนากลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต การพัฒนากลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตไปสู่ความเข้มแข็ง เปนเปาหมายทีกรมการพัฒนาชุมชน ให้ความสําคัญเปนอย่างยิง จึงได้จัดทําเกณฑ์ชวี ัดเพือใชเ้ ปนเครองมือในการพัฒนากลุ่มออมทรพั ย์ เพือการผลิตขึน เพือให้คณะกรรมการกลุ่มนํามาวางแผนและพัฒนาปรบั ปรุงให้ดียิงขึน ปจจุบัน มีเครองมือสําหรบั ใชใ้ นการพัฒนากลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต ดังนี ๑. การประเมินศักยภาพกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตตามหลักธรรมาภิบาล ซงึ ใชห้ ลักธรรมาภิบาล 10 ข้อ มาเปนแนวทางในการจดั ทาํ แบบประเมินเพือให้กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีการบรหารจดั การ ทีมีความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ และยังเปนการสรา้ งความเชอื มันให้แก่สมาชิก เรมใชใ้ นป พ.ศ. 2562 เปนต้นมา ประกอบด้วย 4 หลักการสําคัญ 10 หลักการยอ่ ย ๒๑ ตัวชวี ดั ได้แก่ 1) หลักนิยมประชาธปิ ไตย ประกอบด้วย 4 หลักการยอ่ ย 13 ตัวชวี ัด 2) หลักประชารฐั ประกอบด้วย 2 หลักการยอ่ ย 2 ตัวชวี ัด 3) หลักความรบั ผิดชอบทางการบรหาร ประกอบด้วย 1 หลักการยอ่ ย 1 ตัวชวี ดั 4) หลักการบรหารจดั การแนวใหม่ ประกอบด้วย 3 หลักการย่อย 5 ตัวชวี ดั เกณฑ์การจดั ระดับการพัฒนากลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต - ระดับ 1 พอใช/้ ปรบั ปรงุ หมายถึง กลุ่มทีมีผลงานต้องปรบั ปรุงและพัฒนา เงอนไข คือ ผ่านเกณฑ์ ไม่ถึง 13 ตัวชวี ัด - ระดับ 2 ปานกลาง หมายถึง กลุ่มทีมีผลงานปานกลาง เงอนไขคือ ผ่านเกณฑ์ 1๓ – ๑๗ ตัวชีวัดและต้องผ่านตัวชีวัดหลัก 1๐ ตัวชีวัดคือ ตัวชวี ัดที 2,๕,6,7,8,9,10,11,15 และ ๑๖ หากไม่เปนไป ตามเกณฑ์ให้จดั อยูใ่ นระดับ ๑ - ระดับ 3 ดี หมายถึง กลุ่มทมี ีผลงานดี เงอนไขคือ ผ่านเกณฑ์ ๑๘ – ๒๑ ตัวชวี ดั และต้องผ่าน ตัวชวี ัดหลัก ๑๒ ตัวชวี ัดคือ ตัวชีวัดที 2,๔,๕,6,7,8,9,10,11,15,๑๖ และ ๑๗ หากไม่เปนไปตามเกณฑ์ ให้จดั อยูใ่ นระดับ ๒ ระเบียบทีเกียวข้อง ปจจุบันการส่งเสรมการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ดําเนินการภายใต้ระเบียบ กรมการพัฒนาชุมชน ว่าด้วยการส่งเสรมการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต พ.ศ. ๒๕๕๕ สรุปได้ว่ากลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนกลไกสําคัญในกระบวนการเสรมสรา้ งชุมชนให้ เข้มแข็ง ทําให้เกิดการพัฒนาชุมชนครอบคลุมในหลาย ๆ มิติ ทังด้านเศรษฐกิจ สังคม การส่งเสรม ประชาธิปไตย การพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและสิงแวดล้อม ตลอดจนการส่งเสรมวัฒนธรรมวถี การดํารงชวี ตของคนในชุมชน ซงึ เปนรากฐานในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งได้อย่างยังยืนในทีสุด

- 10 - การตรวจสอบบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ทีมาและความสําคัญ การตรวจสอบบัญชีกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เปนบทบาทหน้าทีสําคัญของพัฒนากร ในการตรวจสอบการดําเนินงานของกลุ่มออมทรพั ย์ฯ โดยการตรวจสอบข้อมูลทางการเงน ทะเบยี น และ เอกสารต่าง ๆ ของกลุ่ม เพือให้ทราบวา่ กลุ่มมีเงนทุน หนีสิน ทรพั ย์สิน เทา่ ไหร่ ในแต่ละปมีผลกําไรหรอ ขาดทุนเท่าไหร่ ซึงข้อมูลเหล่านีเปนพืนฐานในการวเคราะห์ผลการดําเนินงาน จนนําไปสู่การวางแผน การบรหารจดั การกลุ่มให้ประสบความสําเรจ็ และมีประสิทธภิ าพมากยงิ ขึน ศัพท์การบัญชที ีควรรู้ การบญั ชี (Accounting) หมายถึง งานศิลปะของการนาํ รายงานและเหตุการณ์ทางการเงนมาจดบนั ทึก จดั หมวดหมู่ สรปุ ผล และวเคราะห์ ตีความอย่างมีหลักเกณฑ์คาํ ว่า การบัญชี (Book-keeping) ได้มีผู้ให้ คําจาํ กัดความไว้มากมาย เชน่ การบัญชี คือ การจดบันทึกรายการค้าต่าง ๆ ทีเกียวกับการรบั -จา่ ยเงน และส่งทีมีค่าเปนเงนไว้ในสมุดบัญชีอย่างสมาเสมอเปนระเบียบถูกต้องตามหลักการและสามารถ แสดงผลการดําเนินงานและฐานะการเงนของกิจการในระยะเวลาหนึงได้ การทําบัญชี (Bookkeeping) หมายถึง งานประจาํ ทเี กียวข้องกับการบันทกึ และรวบรวมข้อมูลประจาํ วนั เพือให้สามารถจดั ทํางบการเงนได้ การทําบัญชีเปนงานย่อยส่วนหนึงของการบัญชบี ุคคลผู้ปฏิบัติงาน เกียวกับการบัญชีเรยกว่า นักบัญชี (Accountant) ส่วนผู้ทีมีหน้าทีบันทึกและรวบรวมข้อมูลเกียวกับ การเงนประจาํ วัน เรยกว่า ผู้ทาํ บญั ชี (Bookkeeper) การตรวจสอบบัญชี หมายถึง การตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสารประกอบการลงบัญชี และหลักฐานอืน ๆ รวมทังการใชว้ ธตี รวจสอบอืน ๆ ทีจาํ เปน เพือให้ผู้ตรวจสอบบัญชไี ด้วนิจฉัยและแสดงความคิดเห็นต่อ งบการเงนทีกิจการได้จัดทําขึน แสดงให้เห็นถึงฐานะการเงนและผลการดําเนินงานของกิจการ โดยถูกต้องตามหลักการบญั ชี งบการเงน (Financial Statement) หมายถึง รายงานทางการเงนทีแสดงฐานะทางการเงนและ ผลการดําเนินงานของกิจการในระยะเวลาใดเวลาหนึง ณ วันสินงวดบัญชี สําหรบั ธุรกิจทัวไปมักจะปด งบการเงนปละ 1 ครงั งบกําไร – ขาดทุน (Profit and Loss Statement) หมายถึง งบการเงนทีแสดงผล การดําเนินงานของกิจการ ในชว่ งเวลาใดเวลาหนึง เชน่ รอบปบัญชี โดยจะแสดงรายได้ ค่าใชจ้ า่ ย และกําไรหรอขาดทุนสุทธิ ชว่ ยให้ผู้ใชท้ ราบว่าผลกําไรหรอขาดทนุ ของกิจการ นันมาจากส่วนใด เพือปรบั ปรุง และคาดการณ์ผลในอนาคต ง บแ ส ดง ฐ านะ ทางก ารเง นห รองบ ดุล (Statements of Financial Position) หมายถึง งบทีจะแสดงข้อมูลฐานะทางการเงนของกิจการ ณ วันใดวันหนึงของรอบบัญชี โดยจะแสดงทรพั ย์สิน หนีสิน และส่วนของเจา้ ของ (ทุน) สามารถอธบิ ายความสัมพันธ์ ของส่วนต่าง ๆ ของงบแสดงฐานะทางการเงนได้จากสมการ สินทรพั ย์ = หนีสิน + ส่วนของเจา้ ของ (ทุน)

- 11 - สินทรพั ย์ หมายถึง ทรพั ยากรทางเศรษฐกิจทังทีมีตัวตนและไม่มีตัวตนทีสามารถประมาณค่าได้ ซงึ กิจการเปนเจา้ ของเพือก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อกิจการ เชน่ เงนสด ลูกหนี สินค้า ทีดิน เครองจกั ร อาคาร อุปกรณ์สํานักงาน วัสดุสินเปลือง พันธบัตร และสิทธบิ ัตร ฯลฯ หนีสิน หมายถึง หนีทีกิจการมีพันธะทีจะต้องชดใชต้ ่อบุคคลภายนอกซึงอาจชดใช้ เปนเงนสด สินค้า หรอบรการ หรอสิงทีมีค่าอืนใดภายในกําหนดเวลาทีตกลงกัน เช่น เงนสัจจะสะสมพิเศษ ตัวเงนจา่ ย ค่าใชจ้ า่ ยค้างจา่ ย เจา้ หนีการค้า ทุนหรอส่วนของเจา้ ของ หมายถึง ส่วนของผู้เปนเจา้ ของกิจการ เชน่ เงนสัจจะสะสม เงนหุ้น กําไรสะสม เปนต้น ซงึ สามารถคํานวณได้โดยนาํ หนีสินไปหักออกจากสินทรพั ย์ ส่วนทีเหลือ คือส่วนของเจา้ ของ รายได้จากการดําเนินงาน หมายถึง รายได้อันเกิดจากดอกเบียเงนกู้ การขายสินค้าหรอบรการ ซงึ เปนรายได้ตามปกติของกิจการ เชน่ รายได้จากดอกเบียรบั ค่าปรบั จากลูกหนีผิดนัด ส่วนรายได้อืน ๆ เปนรายได้จากกิจกรรมทีไม่เกียวข้องกับการดําเนินงานตามปกติ เช่น ค่าสมัคร ค่าธรรมเนียม เงนบรจาค ฯลฯ ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน หมายถึง ค่าใชจ้ า่ ยทีจา่ ยไปเพือก่อให้เกิดรายได้จากการดําเนินงาน เชน่ ค่าใชจ้ า่ ยในการจดั ซอื เครองเขียนแบบพิมพ์ ค่าพาหนะ ค่านา ค่าไฟ หรอค่าอาํ นวยการในการทาํ ธรุ กรรม ทางการเงนเพือให้เกิดรายได้ส่วนค่าใชจ้ า่ ยอืน ๆ เปนการแสดงค่าใชจ้ า่ ยของกิจกรรมทีไม่เกียวข้องกับ การดําเนินงานตามปกติของกิจการ เช่น เงนบรจาค เงนค่าสวัสดิการสมาชิก หรอเงนค่าสาธารณะ ประโยชน์ เปนต้น เปาหมายของการตรวจสอบบัญชี 1. เพือลดความผิดพลาด เพราะการตรวจสอบบญั ชคี ือ การประเมินความเสียง 2. เพือให้กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีความมันใจในการบรหารจดั การงบประมาณ สรา้ งความเชอื มัน ให้กับสมาชกิ ในการบรหารงานของคณะกรรมการ 3. เพือนาํ ผลการตรวจสอบบญั ชแี ละผลการวเคราะห์งบการเงนมาปรบั ปรุง พัฒนา การดําเนินงานต่อไป เทคนิค/วธกี ารตรวจสอบบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตทีควรรู้ 1. การตรวจดู (Inspection) เอกสารหลักฐานต่าง ๆ และทรพั ย์สินทีมีรูปรา่ ง เช่น พันธบัตรรฐั บาล ตัวสัญญาใชเ้ งน เอกสารการสมัครเปนสมาชกิ หลักฐานการส่งเงนสัจจะ เปนต้น เพือเปนการประเมิน มูลค่าทรพั ย์สิน และตรวจสอบสภาพทรพั ย์สินว่ามีอยู่จรง 2. การสังเกตการณ์ (Observation) ด้วยตาเพือชว่ ยให้พัฒนากรได้ทราบถึงข้อเท็จจรงทีเปนอยู่ของกลุ่ม รวมถึงการใชว้ จารณญาณสิงทีได้เห็นและบันทึกไว้ ว่าความสอดคล้องกันหรอไม่ เชน่ การสังเกตการณ์ วธกี ารรบั เงน - จา่ ยเงน วธกี ารตรวจนับเงนของกรรมการ และพฤติกรรมอืน ๆ เปนต้น 3. การตรวจนับ (Counting) เปนการพิสูจน์ปรมาณและคุณภาพของสิงทีต้องการตรวจว่ามีอยู่จรง ครบถ้วนตามทีบันทึกไว้โดยตรงให้เห็นด้วยตา สภาพของสินทรพั ย์ (ชาํ รุด/เสียหาย) การเก็บดูแล รกั ษาสินทรพั ย์เปนต้น

- 12 - 4. การยืนยันยอด (Confirmation) เปนวธีการทีพัฒนากรสามารถตรวจสอบบัญชีด้วยการให้ ผู้รบั ผิดชอบโดยตรงหรอคณะกรรมการกลุ่มยืนยันความถูกต้องเปนลายลักษณ์อักษรซงึ เปนหลักฐานที เชือถือได้มากทีสุด โดยต้องควบคุมและสอบทานการยืนยันยอด เช่นการพิสูจน์ความถูกต้อง ครบถ้วนของจาํ นวนลูกหนี เงนฝากธนาคาร เงนสัจจะ เงนสัจจะสะสม เปนต้น 5. การตรวจสอบเอกสารใบสําคัญ (Examination of original Documents) เปนการตรวจสอบ เอกสาร หลักฐานทีบันทึกไว้ในสมุดบัญชี เชน่ ใบเสรจ็ รบั เงน ใบสําคัญจา่ ย สัญญาเงนกู้ของสมาชกิ ทะเบียนคมุ ต่าง ๆ ทีเกียวข้องกับกลุ่ม 6. การตรวจสอบการคํานวณ (Recomputation) เปนการคํานวณตัวเลขในบญั ชี เชน่ การบวกเลข ในสมุด ขันต้น จาํ นวนยอดคงเหลือในบัญชแี ยกประเภท การคํานวณค่าเสือมราคา และหนีสงสัยจะสูญ เปนต้น เพือเปนการพิสูจน์ความถูกต้องของผลลัพธแ์ ต่มิได้พิสูจน์แหล่งทมี าของตัวเลข 7. การตรวจสอบการผ่านรายการ (Posting) เปนการตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของการผ่าน รายการจากบัญชีสมุดขันต้น ไปบัญชีสมุดขันปลาย (บัญชีแยกประเภท) เพือเปนการพิสูจน์ ความถกู ต้องของการคัดลอกข้อมูลเท่านัน 8. การสอบถาม (Inquiry) เปนการสอบถามข้อมูลจากคณะกรรมการหรอผู้ทําบญั ชขี องกลุ่มเพือให้ได้ทราบ ข้อเท็จจรงต่าง ๆ ทเี กียวข้อง ซงึ อาจเปนลายลักษณ์อักษรหรอวาจา เชน่ เหตุการณ์หลังวนั สินปบญั ชี ทสี ําคัญ หนีสินทีอาจเกิดขึนในอนาคต และภาระผูกพันของกลุ่ม ขันตอนการตรวจสอบบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ให้ทําการตรวจสอบจากงบการเงนซงึ ประกอบด้วย งบกําไร-ขาดทุน และงบดุล ของกลุ่ม ณ วันใด วันหนึงหรอรอบปบัญชี (ปกติจะดําเนินการอย่างน้อยปละ 1 ครงั ) โดยตรวจสอบควบคู่กับเอกสารการรบั จ่าย ใบเสรจ็ รบั เงน ทะเบียนคมุ ยอดต่าง ๆ หรออืน ๆ มี 4 ขันตอน ดังนี 1. ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของงบการเงน โดยพิจารณารูปแบบของงบดุล และงบกําไร - ขาดทนุ วา่ มีการจดั ทาํ รูปแบบใด (แบบรายงานหรอแบบตัว T) กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตทไี ม่ได้ทาํ บญั ชี ตามหลักสากล มักทําบัญชีในรูปแบบรายงาน และมีการสรุปผลในสมุดทะเบียนคุม พัฒนากรหรอ ผู้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบข้อมูลทางบัญชจี ากเอกสารดังกล่าว แทนการทาํ บัญชแี บบสากล (แบบตัว T) 2. ตรวจสอบความถูกต้องของรายในงบการเงน ดังนี กรณีงบดุล 2.1 ยอดรายการทังสินของรายการสินทรพั ย์ หนีสินและส่วนของเจา้ ของ (ทุน) วา่ ถูกต้องหรอไม่ 2.2 รายการต่าง ๆ ทมี าจากบัญชรี ายวนั และบัญชแี ยกประเภทต่าง ๆ มีความครบถ้วนและถูกต้อง 2.3 ยอดรายการทางด้านสินทรพั ยจ์ ะต้องเทา่ กับหนีสิน + ส่วนของเจา้ ของ (ทนุ ) กรณีงบกําไร-ขาดทนุ 2.4 ยอดรายการทังสินของรายได้ และค่าใชจ้ า่ ย ถูกต้องหรอไม่ 2.5 การผ่านรายการต่าง ๆ จากบัญชรี ายวนั และบญั ชแี ยกประเภทต่าง ๆ มีความครบถ้วนและถกู ต้อง 2.6 ยอดรายได้หักค่าใชจ้ า่ ย ผลต่างคือกําไรหรอขาดทนุ จากการดําเนินงาน

- 1๓ - 3. ตรวจสอบเอกสารทีใชป้ ระกอบในการบันทึกบัญชี ดังนี กรณีงบดุล สินทรพั ย์ 3.1 ใบสําคัญรบั /จา่ ย ทแี สดงถึงแหล่งทมี าของสินทรพั ย์ 3.2 ใบเสรจ็ รบั เงน 3.3 ทะเบยี นคุมลูกหนีเงนกู้ของกลุ่ม 3.4 สมุดบญั ชเี งนฝากของกลุ่ม หนีสิน 3.5 สัญญาการกู้ยืมเงนของกลุ่ม 3.6 ทะเบียนคมุ ยอดเงนสัจจะสะสมพิเศษของสมาชกิ ส่วนของเจา้ ของ (ทนุ ) 3.7 ใบสมัครสมาชกิ 3.8 ทะเบยี นคมุ ยอดเงนสัจจะของสมาชกิ 3.9 ทะเบียนคุมกําไรสะสม กรณีงบกําไร-ขาดทุน 3.9 ใบสําคัญรบั /จา่ ย 3.10 ใบเสรจ็ รบั เงน 3.11 สมุดบัญชเี งนฝากของกลุ่ม 4. วเคราะห์งบการเงนทีได้ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว หากพบข้อผิดพลาด ให้พัฒนากรหรอผู้ตรวจสอบ แจ้งข้อผิดพลาดดังกล่าวให้กลุ่มทราบ พรอ้ มให้คําแนะนํา หรอข้อเสนอแนะ เพือปรบั ปรุงแก้ไข หากตรวจสอบแล้วตัวเลขมีความถกู ต้อง สัมพันธก์ ัน ให้วเคราะห์ผล ดังนี กรณีงบกําไร – ขาดทุน มีผลเปนกําไร 4.1 ให้พัฒนากรหรอผู้ตรวจสอบ วเคราะห์รายได้ของกลุ่มว่ามาจากแหล่งใด และแนะนาํ ให้กลุ่มรกั ษา มาตรฐานการหารายได้ให้คงที หรอหารายได้เพิมจากการลงทุนทีได้ผลตอบแทนแน่นอน (มีความเสียงตา) เชน่ การซอื พันธบัตรรฐั บาล สลากออมสิน สลากธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เปนต้น กรณีงบกําไร – ขาดทุน มีผลเปนขาดทุน 4.2 ให้พัฒนากรหรอผู้ตรวจสอบ วเคราะห์ค่าใชจ้ า่ ยของกลุ่มว่ามาจากแหล่งใด และแนะนําให้กลุ่ม ลดค่าใชจ้ า่ ยนัน เชน่ ลดอัตราเงนปนผล หรอ ค่าใชจ้ า่ ยทไี ม่จาํ เปน ในขณะเดียวกัน กลุ่มจะต้องเพิมรายได้ ให้มากขึน เชน่ การเพิมสมาชกิ แต่ยงั ไม่ควรเพิมการลงทุน เปนต้น *** กรณีทีกลุ่มมีผลการดําเนินงานเปนผลขาดทุนต่อเนือง ควรแนะนําให้กลุ่มยุติการดําเนินงาน (อาจเปนการยุติชวั คราวเพือปรบั ปรงุ หรอยุติถาวร) ขึนอยูก่ ับมติทปี ระชุมของกลุ่ม กรณีงบดุล 4.3 ให้ตรวจสอบตัวเลขของงบดุลทงั สองด้านต้องมีความสมดุลกันคือ สินทรพั ย์ = หนีสิน+ส่วนของเจา้ ของ (ทนุ ) 4.4 นํางบดุล 1 – 2 ปย้อนหลังมาเปรยบเทียบงบดุลในปปจจุบันเพือตรวจสอบแนวโน้มของ ทรพั ยส์ ิน หนีสิน และส่วนของเจา้ ของ (ทุน) 4.5 กรณีแนวโน้มของสินทรพั ย์เพิมขึนแสดงว่ามีผลการดําเนินงานดีให้รกั ษามาตรฐานต่อไป หากสินทรพั ย์ลดลง ต้องตรวจสอบว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เชน่ รายได้ลดลง สมาชิกถอนหุ้น มีการลงทุนเพิม เปนต้น หารเปนกรณีรายได้ลดลง หรอ สมาชกิ ถอนหุ้น ต้องหาแนวทางแก้ไข กรณีมีการลงทุนเพิม ต้องดู ว่ามีรายได้กลับเข้ามาค้มุ ค่าหรอไม่กับการลงทุน

- 1๔ - 4.6 กรณีแนวโน้มของหนีสินเพิมขึน แสดงว่ากลุ่มเรมมีปญหาขาดสภาพคล่อง ต้องหาแนวทางแก้ไข หากหนีสินลดลงหมายถึงกลุ่มมีผลการดําเนินงานดี มีกําลังในการชาํ ระหนี ให้รกั ษามาตรฐานต่อไป 4.7 กรณีแนวโน้มของส่วนของเจ้าของ (ทุน) เพิมขึน แสดงว่ามีผลการดําเนินงานดี มีกําไร สะสมเพิมขึน มีเงนสัจจะสะสมเพิมขึน ควรให้กลุ่มพิจารณาการลงทุนเพิม การทาํ กิจกรรมเครอข่าย หรอ การจัดสวัสดิการให้สมาชิกเพิมขึน หากส่วนของเจ้าของ (ทุน) มีแนวโน้มลดลง ต้องกลับไปหาสาเหตุ เช่น กําไรสะสมลดลง หรอเงนสัจจะสะสมลดลงหรอไม่ หากเปนสาเหตุดังกล่าว ต้องหาแนวทางแก้ไข เช่น เพิมผลกําไร จากการดําเนินงานให้มากขึนหรอการเพิมวงเงนสัจจะให้มากขึน หากส่วนของเจา้ ของ (ทุน) ลดลงจากการนําเงนไปลงทุน ดั งนัน มู ลค่าในด้ านของสินทรัพย์ของกลุ่มจะต้องเพิมขึน ตามความสัมพันธข์ องสมการ เครองมือทีใชใ้ นการทาํ งาน ค่มู ือหลักสูตรการบญั ชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ป 2563 (สามารถดาวโหลดเอกสารได้จาก www.fund.cdd.go.th) หมายเหตุ : พัฒนากรหรอผู้ตรวจสอบบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ควรศึกษารูปแบบ และวธกี าร จัดทําบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตก่อนเข้าพืนที เพือเปนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ และสรา้ งความเชอื มันในการตรวจสอบและให้คาํ แนะนํากลุ่ม

- 15 - âçàÃÕ¹¡ÅÁ‹Ø ÍÍÁ·Ã¾Ñ Âà ¾èÍ× ¡ÒüÅÔµ “¾ÕèÊ͹¹ŒÍ§ à¾èÍ× ¹Ê͹à¾èÍ× ¹” ปจจุบัน กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เหล่านีมีกลุ่มเปนจาํ นวนมากทีเรยนรูแ้ ละพัฒนาตนเองจน ประสบความสําเรจ็ สามารถชว่ ยเหลือสมาชกิ และชุมชนในการแก้ไขปญหาของชุมชนได้เปนอย่างดี ทําให้ ประชาชนมีเงนออม และมีรายได้เพิมขึน มีแหล่งทุนในการประกอบอาชพี หนีสินครวั เรอนลดลง อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มออมทรพั ย์ฯ อีกจาํ นวนหนึง ทียังขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง ทังในด้านการบรหารจดั การกลุ่ม การจัดทําบัญชี การตรวจสอบบัญชี และการขยายกิจกรรมเครอข่ายของกลุ่มซึงถือเปนหัวใจสําคัญ ในการดําเนินงานของกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ให้มีความเข้มแข็ง การจดั ตังโรงเรยนกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต จงึ เปนการส่งเสรมและสนับสนุนให้กลุ่มออมทรพั ย์ ฯ ทเี ข้มแข็ง มีศักยภาพ เปนสถานทีถ่ายทอดองค์ความรแู้ ละประสบการณ์ให้กับคณะกรรมการกลุ่มออมทรพั ยฯ์ กลุ่มอืน ๆ ทียังไม่เข้มแข็ง ทําให้เกิดการเชือมโยงเปนเครอข่ายการแลกเปลียนเรยนรูซ้ ึงกันและกัน ทงั ภาครฐั และภาคเอกชน โดยใชช้ ุมชนเปนศูนย์กลางการพัฒนาและเสรมสรา้ งความเข้มแข็ง โรงเรยนกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตจดั ตังขึนครงั แรกในป 2554 ภาคละ 1 แห่งรวม 4 แห่ง เดิมใชช้ อื ว่า “ศูนย์ศึกษาและพัฒนากลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต” ต่อมาในป 2555 ได้จดั ตังเพิมอีกภาคละ 1 แห่ง รวม 4 แห่ง รวมทัวประเทศ 8 แห่ง และเปลียนชอื เปน “โรงเรยนกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต” โดยกรมการพัฒนาชุมชนพิจารณาคัดเลือกกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ทีมีการบรหารจดั การทีดี มีความเข้มแข็ง มีอาคารสถานทีเหมาะสม เอือต่อการจัดการเรยนการสอน เดินทางสะดวก มีกิจกรรมเครอข่าย คณะกรรมการมีความรูแ้ ละประสบการณ์ด้านการบรหารจดั การกลุ่มออมทรพั ย์ฯ และสามารถถ่ายทอด องค์ความรแู้ ละประสบการณ์โดยใชแ้ นวคิด “พีสอนน้อง เพือนสอนเพือน” สําหรบั วตั ถปุ ระสงค์ในการจดั ตังโรงเรยนกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตก็เพือให้มีสถานทีสําหรบั การเรยนรูด้ ้านการบรหารจดั การกลุ่มออมทรพั ย์ฯ เพือพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการกลุ่มออมทรพั ย์ฯ และเพือเปนการสรา้ งเครอข่ายการเรยนรดู้ ้านกลุ่มออมทรพั ย์ฯ โรงเรยนกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีโครงสรา้ ง ประกอบด้วย คณะกรรมการบรหารโรงเรยน ทีปรกษา และวทยากรคือคณะกรรมการ กลุ่มออมทรพั ยฯ์ ซงึ ดําเนินการฝกอบรม 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการบรหารจดั การกลุ่มออมทรพั ย์ฯ หลักสูตรการบญั ชกี ลุ่มออมทรพั ย์น และหลักสูตรกิจกรรมเครอข่ายกลุ่มออมทรพั ยฯ์ ต ล อ ด ร ะ ย ะ เ ว ล า ที ผ่ า น ม า ก ร ม ก า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น ไ ด้ เ ข้ า ไ ป ส นั บ ส นุ น ก า ร ดํ า เ นิ น กิ จ ก ร ร ม ข อ ง โรงเรยนกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตด้วยการสนับสนุนงบประมาณและอํานวยความสะดวกในการดําเนินงาน โดยได้สนับสนุนให้มีการจัดการอบรม 3 หลักสูตรดังกล่าวในชว่ งระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน ซงึ การอบรมดังกล่าวจะมีผู้เข้าอบรมหลักสูตรละ 30 คน โรงเรยนละ 3 หลักสูตร รวมจาํ นวนผู้เข้ารบั การอบรม 720 คน/ป

- 16 - ผลการดําเนินงานของโรงเรยนกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตคือการเปดโอกาสให้กลุ่มออมทรพั ย์ฯ ทียังไม่เข้มแข็งได้มีความรู้ ความเข้าใจในด้านการบรหารจดั การกลุ่มออมทรพั ย์ฯ การบัญชกี ลุ่มออมทรพั ย์ฯ และการดําเนินกิจกรรมเครอข่าย โดยสามารถนําความรูน้ ันไปปรบั ปรุงกลุ่มของตนเองให้ทํางานได้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพมากยงิ ขึน

- 17 - 1. ทีมาของกิจกรรมเครอข่าย (ธุรกิจชุมชน) หมายถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตหรอการลงทุนของกลุ่มออมทรพั ย์ ฯ อันประกอบด้วย กิจกรรมทางการผลิต กิจกรรมทางการขายผลผลิต กิจกรรมการซอื - ขาย การบรการ และการบรโภคของชุมชน จะเห็นได้ว่ากลุ่มออมทรพั ย์ฯ ทีมีความเข้มแข็งจะสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง และสามารถขยายการลงทุนหรอขยายกิจการ โดยอาศัยความรว่ มมือและการมีส่วนรว่ มของสมาชกิ เพือยกระดับ ความเปนอยู่ทีดีขึน เปนกิจกรรมทีช่วยเหลือและแก้ไขปญหาความเดือดรอ้ นของชุมชน เช่น ศูนย์สาธติ การตลาด ยุ้งฉาง ปมนามัน ลานตากผลผลิต โรงสีข้าว กองทุนปุยชวี ภาพ เปนต้น เปนการฝกหัดการดําเนินธรุ กิจ ในระบบกลุ่ม โดยมุ่งหวงั ผลกําไร เพือนาํ ไปดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ หรอจดั สวัสดิการให้กับสมาชกิ กลุ่มและชุมชน 2. คําสําคัญทีควรรู้ ¡Å؋ÁÍÍÁ·ÃѾà¾è×Í¡ÒüÅÔµ หมายถึง การรวมตัวของประชาชน เพือช่วยเหลือตนเอง และ ชว่ ยเหลือซงึ กันและกัน โดยการประหยัดทรพั ย์แล้วนํามาสะสมทีละเล็ก ทีละน้อย เปนประจาํ สมาเสมอ เรยกว่า “เงนสัจจะสะสม” เพือใช้เปนทุนให้สมาชิกทีมีความจําเปนเดือดรอ้ นกู้ยืมไปใช้ในการลงทุน ประกอบอาชพี หรอเพือสวัสดิการของตนเอง และครอบครวั á¼¹¸ÃØ ¡¨Ô เปนผลสรุปหรอผลรวมแห่งกระบวนการคิดพิจารณาและการตัดสินใจของผู้ประกอบการ ออกมาเปนโอกาสทางธรุ กิจ ซงึ เปนแผนทีชว่ ยชแี นะการดําเนินงานขันตอนต่าง ๆ ในการก่อตังและดําเนิน กิจการ/ โครงการ ให้รายละเอียดต่าง ๆ ทางด้านการตลาด การแข่งขัน กลยุทธ์ การประมาณการทางการเงน โดยชใี ห้เห็นประเด็นจุดอ่อนและข้อควรระวัง ¡ÒúÃÔËÒäÇÒÁàÊÕÂè § เหตุการณ์หรอกิจกรรมใด ๆ ก็ตามทีจะเกิดขึนในอนาคต และส่งผลกระทบหรอ สรา้ งความเสียหายต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ เปาหมายขององค์กร ทังในด้านกลยุทธ์ ด้านการปฏิบัติงาน ด้านการเงน และด้านระเบยี บ ข้อบังคับ โดยมีการวดั โอกาสทีจะเกิดและความรุนแรงจากผลกระทบ ¤ÇÒÁµŒÍ§¡ÒâͧµÅÒ´ กลุ่มจะต้องทราบความต้องการสินค้า และบรการของสมาชกิ และคนใน ชุมชน ความได้เปรยบทางด้านการผลิต หรอการแข่งขัน เพราะชุมชนแต่ละพืนทีมีความได้เปรยบทาง ทรพั ยากรทีแตกต่างกัน นันคือ กลุ่มควรตระหนักว่าจะนําทรพั ยากรของชุมชนทีมีอยู่มาผลิตสินค้าอะไร เพือตอบสนองความต้องการและเกิดประโยชน์ต่อกลุ่มและชุมชนได้มากทสี ุด ¡ÒüÅÔµÊ¹Ô ¤ŒÒËÃÍ× ºÃÔ¡Ò÷Õàè ËÁÒÐÊÁ จะต้องทราบว่าผู้ทีลงมือผลิตมีใครบ้าง ผู้ทีเกียวข้องกับการผลิต มีใครบ้าง จงึ ควรให้ผู้มีความสามารถนีเปนผู้ลงมือผลิต ให้คําแนะนํา และยังให้พึงพาผู้ทีเกียวข้องกับการผลิต เชน่ หน่วยงานราชการ สถาบนั วชาการต่าง ๆ นอกจากนี ในการผลิตทเี หมาะสมของธุรกิจ จะต้องคาํ นึงถึง ปจจยั การผลิตอันประกอบด้วย ทดี ิน แรงงาน ทุนทใี ชใ้ นการดําเนินงาน และผู้ประกอบการ ¡ÒèѴÊÇÑÊ´Ô¡Òà เมือกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตได้ดําเนินการกิจกรรมเครอข่าย (ธุรกิจชุมชน) ซึงเมือมีกําไรจากการดําเนินงานจึงนํามาจัดสรรเปนสวัสดิการให้กับสมาชิกในรูปแบบต่าง ๆ โดยมี เปาหมายหลักให้คนในชุมชนดูแลซงึ กันและกัน ตังแต่เกิดจนตาย บนพืนฐานของความเอืออาทรต่อกัน เชน่ การรกั ษาพยาบาล ฌาปนกิจสงเคราะห์ ทุนการศึกษา ทนุ สาธารณะประโยชน์ ฯลฯ

- 18 - 3. เปาหมาย มกี ิจกรรมเครือขา่ ย มกี จิ กรรมสง่ เสริม นาํ ผลกาํ ไร การดาํ เนนิ ธรุ กจิ มาจดั สวสั ดกิ าร ธรุ กจิ ชมุ ชน 1) กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตมีกิจกรรมเครอข่ายธรุ กิจชุมชน ทีสรา้ งงาน เพิมรายได้ ชว่ ยเหลือ และแก้ไขปญหาความเดือดรอ้ นด้านเศรษฐกิจของสมาชกิ และชุมชนได้ 2) กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีกิจกรรมทีส่งเสรมให้คณะกรรมการ สมาชกิ และคนในชุมชน มีความรู้ ความเข้าใจ ในการดําเนินธรุ กิจ 3) กิจกรรมเครอข่ายธรุ กิจชุมชนของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต สามารถนําผลกําไรมาจัดสรร เปนสวัสดิการให้กับสมาชกิ และชุมชน ๔. ขันตอนกระบวนการ ๑) คณะกรรมการและสมาชิก รว่ มกันประเมินความพรอ้ มของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ในการดําเนินกิจกรรมเครอข่าย (ธรุ กิจชุมชน) ได้แก่ - ความพรอ้ มของบุคลากรมีความรู้ ความเชยี วชาญ ในการดําเนินกิจกรรมหรอไม่ - เงนทีจะนําไปลงทุน มาจากการระดมหุ้นของกิจกรรมเครอข่าย หรอ เงนทุนสะสม (เงนหุ้น และเงนสัจจะ) กรณีทีนาํ มาจากเงนทุนสะสม ต้องไม่เกินรอ้ ยละ 5 เพือปองกันความเสียง ฯลฯ - ความเปนไปได้ของการดําเนินกิจกรรม กลุ่มเปาหมาย ตลาดรองรบั ฯลฯ 2) คณะกรรมการและสมาชกิ ประชุมวเคราะห์สถานการณ์ การบรหารความเสียงของกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ในการดําเนินกิจกรรมเครอข่าย ซงึ มีข้อควรพิจารณา ดังนี - เหตุผลความจาํ เปนและสภาพก่อนจดั ตัง - ประโยชน์ทสี มาชกิ และชุมชนได้รบั - ประเด็นขันตอนการจดั ตัง - เงนทุน ทมี าของแหล่งเงนทุนตังต้น - โครงสรา้ งคณะกรรมการและการควบคุมกํากับดูแล เพือแสดงถึงบทบาทหน้าที - บุคลากร มีความรู้ ความเชยี วชาญในงานแต่ละด้าน - ผลผลิต รายการสินค้า การจดั เก็บข้อมูลสินค้า - การคาํ นวณต้นทุน – ผลกําไร - การจดั แบง่ ผลกําไร - เครองจกั ร แหล่งซอื หากําลังการผลิตของเครองจกั ร การติดตังและซอ่ มบาํ รงุ รกั ษา - วธหี าตลาดรบั ซอื แหล่งจดั จาํ หน่าย การกระจายสินค้า วธสี ่งเสรมการขาย เพิมยอดขาย - สถานทีดําเนินการ-จดั จาํ หน่าย-แหล่งวตั ถุดิบ เหตุผลทีเลือกอาจพิจารณาวา่ สถานทนี ี มีข้อได้เปรยบดีกวา่ แหล่งอืนอยา่ งไร - ทะเบียน เอกสารบญั ชแี ละอุปกรณ์ทจี าํ เปน - เวลาเปด-ปดทาํ การ เหตุผลทีเลือกชว่ งเวลาดังกล่าว

- 1๙ - - ข้อจํากัด การดําเนินกิจกรรมภายใต้สถานะ สภาพแวดล้อม ประชากร ทรัพยากร งบประมาณทมี ีจาํ กัด หรอระเบยี บกฎหมายทมี ีผลบังคับ - ข้อปองกันและการแก้ไข กรณียังไม่เกิดปญหาแต่เปนการปองกันมิให้เกิดปญหาภายหลัง เกิดปญหาแล้วมีข้อแก้ไขอย่างไรได้ผลดีอยา่ งไร - ข้อทีควรรู้ จุดสังเกตตรวจจบั ทจุ รตพฤติกรรมส่อทุจรตของผู้เกียวข้อง ได้สํารวจพฤติกรรม ผู้บรโภคในการตัดสินใจซอื สินค้า หรอความเปนไปได้ทางธรุ กิจหรอไม่ - เทคนิคการทาํ งาน การสือความเข้าใจ วธดี ําเนินงานทีได้ผลดี ลดความผิดพลาด ลดเวลา หรอการจดั รา้ นค้าให้น่าสนใจ - การจดั การความรู้ วธ/ี ประสบการณ์ทีได้ขุดค้น และรวบรวมความรู้ จัดหมวดหมู่ สือสาร ถ่ายทอดความรูแ้ บบรนุ่ สู่รุน่ แบบ การจดั กิจกรรมกระบวนการแลกเปลียนเรยนรู้ สรา้ งองค์ความรใู้ หม่ - สรุปประเมินสถานการณ์ปจจุบัน ประเมินสถานการณ์ของกิจกรรมทีดําเนินการด้วย SWOT Analysis ซงึ เปนเครองมือวเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ แยกเปน - จุดแข็ง (Strengths) ปจจยั ภายในทสี นับสนุนให้ดําเนินกิจกรรมอยูไ่ ด้ - จุดอ่อน (Weaknesses) สภาพปญหาภายในทีเกิดขึนและยงั แก้ไขไม่ได้ - โอกาส (Opportunities) ปจจยั ภายนอกทีสนับสนุนการดําเนินกิจกรรม - อุปสรรค (Threats) ภายคกุ คามจากภายนอกทีไม่สามารถควบคุมจดั การได้เลย ๓) คณะกรรมการและสมาชกิ ลงมติคัดเลือกธรุ กิจชุมชน ในการดําเนินการกิจกรรมเครอข่าย ๔) จดั ทาํ แผนธรุ กิจ ประกอบด้วย - บทสรุปผู้บรหาร บอกเหตุผล โอกาส กลุ่มลูกค้า สภาวะการแข่งขันของธุรกิจ ความสามารถ ในการทาํ กําไร ความเชยี วชาญ ทักษะของบุคลากร - ประวตั ิของกลุ่ม ทมี า วสัยทัศน์ พันธกิจ ของกลุ่ม - วเคราะห์สถานการณ์โดย SWOT ธรุ กิจ - ตังเปาหมายในอนาคต โดยมี ระยะสัน 1 ป ระยะกลาง 3 - 5 ป ระยะยาว 5 ปขึนไป - แผนการตลาด แผนการขายสินค้า/บรการ เกิดจากการวเคราะห์กลุ่มเปาหมาย ตลาด และค่แู ข่ง - แผนการดําเนินงาน ขันตอนการดําเนินธรุ กิจ - แผนการเงน ทีมาของเงนลงทนุ แผนการใชเ้ งนปจจุบัน และอนาคต - แผนฉุกเฉิน การประเมินความเสียงของธุรกิจ และวธกี ารทีคาดว่าจะใชเ้ พือรบั มือกับปญหา ทอี าจเกิดขึน ๕) ดําเนินกิจกรรมเครอข่าย (ธรุ กิจชุมชน) ทีกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ได้คัดเลือกซงึ ทางสํานัก พัฒนาทุนและองค์กรการเงนชุมชน ได้จดั ทาํ ค่มู ือหลักสูตร กิจกรรมเครอข่ายกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต (กรณีศึกษากิจกรรมเครอข่าย (ธรุ กิจชุมชน)) สามารถดาวโหลดได้ที เว็ปไซต์ www.fund.cdd.go.th 5. เครองมือในการทํางาน ๑) เอกสารชุดความรกู้ ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตสีขาว WSG Mobile : เทคนิคการบรหารจดั การ กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ป ๒๕๕๘ ๒) คู่มือหลักสูตรกิจกรรมเครอข่ายกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต ป ๒๕๖๓

- 20 - ตัวอย่างการดําเนินการธุรกิจชุมชน 2 กิจกรรม ได้แก่ ศูนย์สาธติ การตลาด และโรงสีชุมชน ทีมาและความสําคัญ ÈٹÊÒ¸µÔ ¡ÒõÅÒ´ เรมดําเนินการครงั แรกเมือ ป พ.ศ. 2520 ตลอดระยะเวลา 40 กว่าปทีผ่านมา ศูนย์สาธติ การตลาดได้ บ รร เ ท า แล ะ แ ก้ ไข ป ญ หา คว าม เ ดื อ ด ร้อ นข อ งประ ชาชน ในหมู่บ้าน/ตําบลในด้านสินค้าอุปโภค - บรโภค และปจจยั การผลิต ได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ปจจุบันการแข่งขันระหว่างรา้ นค้าปลีก ทีจําหน่ายสินค้าอุปโภค บรโภคต่าง ๆ ได้ทวความรุนแรงขึน ประกอบกับสถานการณ์ทีเปลียนแปลงไปพฤติกรรมผู้บรโภค เดิมมากและเปลียนแปลงตลอดเวลา การรบั รูแ้ ละวธที ีผู้บรโภค เข้าถึงสือส่งผลให้ผู้บรโภคมีทางเลือกมากขนึ และเปนผลให้รา้ นค้าปลีก รวมถึงศูนย์สาธติ การตลาดเองจาํ เปนต้องปรบั ตัว เรยนรูก้ ลยุทธ์ ในการบรหาร จดั การรา้ นทดี ี เพือให้อยู่รอดและมีกําไรในสถานการณ์ปจจุบนั ศูนย์สาธติ การตลาดเปนกิจกรรมเครอข่ายของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ทีเกิดจากแนวคิด “ÃÇÁ¡Ñ¹«é×Í -ÃÇÁ¡Ñ¹¢ÒÂ\" ของคนในชุมชน ทีกรมการพัฒนาชุมชนให้การส่งเสรมและสนับสนุนอยู่ สาเหตุ ทีให้ชอื ว่า “ศูนย์สาธติ การตลาด” เนืองจากถือว่าเปนการทดลองปฏิบัติ เรยนรู้ และรบั ผิดชอบรว่ มกันของ สมาชิกกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ในการดําเนินการซือขายสินค้า ปจจัยการผลิตในราคายุติธรรมและ ชว่ ยแก้ไขปญหาของชุมชน คําสําคัญทีควรรู ้ ¡Å؋ÁÍÍÁ·ÃѾà¾è×Í¡ÒüÅÔµ หมายถึง การรวมตัวของประชาชน เพือช่วยเหลือตนเอง และช่วยเหลือ ซึงกันและกัน โดยการประหยัดทรพั ย์แล้วนํามาสะสมทีละเล็ก ทีละน้อย เปนประจําสมาเสมอ เรยกว่า “เงนสัจจะสะสม” เพือใช้เปนทุนให้สมาชกิ ทีมีความจาํ เปนเดือดรอ้ นกู้ยืมไปใชใ้ นการลงทุนประกอบอาชพี หรอเพือสวัสดิการของตนเอง และครอบครวั ÈÙ¹Âʏ Ò¸µÔ ¡ÒõÅÒ´ เปนกิจกรรมเครอข่ายของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตรูปแบบหนึงทีดําเนินการจดั ตัง ขึนเพือมุ่งให้ประชาชนในชนบทรวมตัวกันแสวงหาสินค้าอุปโภค-บรโภค ปจจยั การผลิตมาจาํ หน่ายและเปน อีกกิจกรรมทีปองกันการถูกเอารดั เอาเปรยบจากพ่อค้าคนกลาง ทีส่งผลให้คนในชุมชน ซอื สินค้าแพงหรอ ขายผลผลิตได้ราคาตากว่าราคาตลาด ÃÇÁ¡Ñ¹«é×Í เปนการจดั หาสินค้าหรอความต้องการซอื ของคนในชุมชน ศูนย์สาธติ การตลาดไปซอื มาในราคา ส่งแล้วขายสู่ชุมชนในราคายุติธรรม ÃÇÁ¡Ñ¹¢Ò ชว่ ยกระจายสินค้าชุมชน โดยอาจเปนสินค้าเกษตรกรรม หรอสินค้าชุมชนจากฝมือคนในชุมชน มาขายในศูนย์สาธติ การตลาด หรอขายออกสู่ตลาดภายนอก

- 21 - เปาหมาย 1. เพือฝกหัดให้สมาชิกกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต มีความรู้ เกิดความเข้าใจและสามารถนําไป ดําเนินงานศูนย์สาธติ การตลาด ด้านการค้าขายได้ 2. เปนการฝกหัดการนาํ เงนทุนทมี ีไปลงทุน เพือให้เกิดดอกผลเพิมพูนมากยงิ ขึน 3. เพือชว่ ยเหลือสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตและประชาชนในหมู่บ้านให้สามารถหาซอื สิงของใชใ้ น ครอบครวั และอุปกรณ์การประกอบอาชพี ได้สะดวกรวดเรว็ และประหยดั 4. ปองกันการถูกเอารดั เอาเปรยบต้องซอื ของแพง และขายผลผลิตได้ราคาตาของสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์ เพือการผลิต และประชาชนทัวไป 5. ต้องการให้สมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตทีมีฐานะยากจน มีบทบาทด้านการค้าในระดับหมู่บ้าน ตําบล และอาจขยายผลไปสู่ระดับอําเภอ จงั หวดั ได้ หมายเหตุ : ปจจุบัน (ป พ.ศ. 2564) มีศูนย์สาธติ การตลาดกระจายและดําเนินการอยู่ทัวประเทศไทย จาํ นวนกว่า 693 แห่ง และเปนศูนย์สาธติ การตลาดต้นแบบแล้ว จาํ นวน 42 แห่ง ขันตอนกระบวนการ รูปแบบ/ลักษณะการดําเนินงาน “รวมกันซือ-รวมกันขาย” คือแนวคิด (Concept) สําคัญของ ศูนย์สาธติ การตลาด ประกอบด้วย - เปนรา้ นค้าที \"สมาชกิ เปนเจา้ ของ\" - จดั หาสินค้าอุปโภค- บรโภค ปจจยั การผลิตและปองกันการเอาเปรยบจากพ่อค้าคนกลาง - รวมกันซอื – รวมกันขาย - ผลกําไรปนคืนสู่ชุมชน - ชอื \"ศูนย์สาธติ การตลาด\" เปนการทดลอง ปฏิบตั ิเรยนรูแ้ ละรบั ผิดชอบรว่ มกัน ขันที ๑ ศึกษาถึงความต้องการซอื และขายสินค้า/ผลผลิตตามความต้องการของผู้บรโภค ลูกค้า 1. วเคราะห์กลุ่มลูกค้า “5W1H” Who เราขายสินค้าให้ใคร ข้อมูลอายุ เพศ รสนิยม What ลูกค้าต้องการอะไร ใชว้ ธกี ารสํารวจ และสอบถาม Where ลูกค้าเราอยู่ทีไหน When ลูกค้าซอื มากทีสุด ในช่วงเวลาไหน ความถีในการซือสินค้า เช่น กีครงั ต่อวัน/สัปดาห์/เดือน ช่วงกลางวัน/กลางคืน Why จุดเด่นหรอจุดขาย เช่น ราคาถูก บรการดี มีสินค้าหายาก หรอสวัสดิการแก่ลูกค้า How สินค้าและการ บรการแบบใด ทตี อบโจทย์ลูกค้าจะส่งเสรมการขายด้วยวธไี หน ประชาสัมพันธผ์ ่านชอ่ งทางใด 2. การเลือกสินค้าและบรการเข้ารา้ น - สินค้าหลัก (สินค้าบรโภคทีจาํ เปนในชีวตประจาํ วัน ได้แก่ ข้าว เครองปรุงรส นายาล้างจาน ยาสีฟน เปนต้น) (สินค้าอุปโภค/บรโภค ทีไม่ใช่สินค้าจําเปน แต่ซือเพือความพึงพอใจ ได้แก่ บุหร เครองดืมแอลกอฮอล์ โลชนั บาํ รุงผิว ของเล่น เปนต้น) - กลุ่มสินค้าใหม่ จะชว่ ยให้ศูนย์สาธติ การตลาด ดูทันสมัย และมีความเคลือนไหวทีสมาเสมอ ซงึ จะชว่ ยสรา้ งความประทับใจได้ดี ทาํ ให้มีลูกค้าถามถึง ซงึ ควรพิจารณานาํ มาจาํ หน่ายทรี า้ นในปรมาณ ทพี อเหมาะก่อนโดยการทาํ ประชาสัมพันธ์ เชน่ การติดตังปายแนะนาํ สินค้าใหม่ เปนต้น

- 22 - - กลุ่มสินค้าเทศกาล เช่น กระดาษห่อของขวัญ การด์ อวยพรในช่วงเทศกาลปใหม่ รูปเทียน เครองสังฆทาน ในชว่ งวันสําคัญทางศาสนา นาอบ ตุ๊กตาและดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ เปนต้น - กลุ่มสินค้าหรอบรการพิเศษ เฉพาะของศูนย์สาธติ การตลาด เปนการสรา้ งความแตกต่าง และ เพิมความได้เปรยบให้กับศูนย์สาธติ การตลาด โดยนําสินค้ามาจาํ หน่ายเพือดึงดูดความสนใจของลูกค้า เพิมกลุ่มลูกค้าใหม่ เชน่ สินค้าสมุนไพร หรออาจเปนการให้บรการอืน ๆ เชน่ การรบั ถ่ายเอกสาร ส่งพัสดุ - ปจจยั การผลิต (เฉพาะศูนย์สาธติ การตลาดบางแห่งทีมีสินค้าประเภทนีอยู่แล้ว) แสวงหา ปจจยั การผลิตทีตอบโจทย์อาชพี คนในชุมชน โดยเฉพาะเทคโนโลยีหรอเครองมือใหม่ๆ มานําเสนอลูกค้า โดยปจจยั การผลิตในทีนี หมายถึง ปจจยั การผลิตสินค้าเกษตร เชน่ เมล็ดพันธุ์ ปุย เครองมือทางการเกษตร นอกเหนือจากสินค้าการเกษตร เลือกปจจยั การผลิตจากราคา ความต้องการลูกค้า ประสิทธภิ าพของสินค้า - สินค้าชุมชน หรอสินค้าฝากขายจากคนในพืนที สามารถ มีส่วนชว่ ยส่งเสรมเศรษฐกิจชุมชนได้ ด้วยการรบั สินค้าชุมชนมาขายหรอเปดพืนทีให้คนในพืนทีนําสินค้ามาฝากขายในศูนย์ฯ โดยส่วนมากจะไม่ซา กับสินค้าอุปโภคบรโภคทีมีอยู่ในศูนย์สาธติ การตลาด ไม่ว่าจะเปน สินค้า OTOP ทีมีคุณภาพ ทังของกิน ของใช้ เครองนุ่งห่ม เปนต้น นอกจากชว่ ยเพิมสีสันให้ศูนย์สาธติ การตลาดให้มีความน่าสนใจแล้ว ยังเปน การส่งเสรมรายได้ของชุมชนอีกด้วย 3. กลยุทธก์ ารตังราคา - กลยุทธร์ าคาล่อใจ เลือกสินค้าหลักบางอย่าง มาตังราคาให้ถูกกว่าคู่แข่งเล็กน้อย เพือดึงดูด ลูกค้าและสรา้ งภาพลักษณ์ให้ลูกค้าวา่ เราขายสินค้าแบบเดียวกันในราคาถูกกวา่ กําไรน้อยลงจากทีควรจะ ได้ก็จรง แต่ราคาเชน่ นี ส่วนมากลูกค้าซอื ในปรมาณทีมาก และผู้บรโภคมาจบั จา่ ยก็มักไม่เจาะจงซอื สินค้า เพียงอยา่ งเดียว แต่อาจจะหยบิ สินค้าอืนติดไม้ติดมือไปด้วย สามารถทาํ กําไรจากสินค้าตัวอืน ๆ ได้อีกด้วย - ตังราคาขายเปนเซ็ท (เปนชุด) แม้จะมีราคารวมมากกว่าแต่ราคาต่อชินถูกกว่า สามารถ กระตุ้นยอดขายได้แน่นอน เพราะลูกค้าจะรสู้ ึกวา่ \"คุ้ม\" แม้ตอนแรกไม่ได้ต้องการสินค้าหลายชนิ เลยก็ตาม - ตังราคาสินค้าลงท้ายด้วยเลข 9 ไม่ว่าจะเปน 09 หรอ 99 ว่ากันว่าราคานีมีผลให้ลูกค้ารูส้ ึก ว่าราคานัน \"ถกู \" ลงยิงถ้าเปน 99 บาท แทนทจี ะเปน 100 บาท ลูกค้าจะยงิ รสู้ ึกถึงความแตกต่าง เพราะหลักสิบ กับหลักหน่วยดูห่างกันมาก นอกจากนี เหตุผลทางวทยาศาสตรว์ ่า เลข 9 นันมีผลทางจิตวทยาของลูกค้า โดยตรง ถ้ามีของสองชนิ ราคา 74 และ 79 ในเวลาเรง่ รบ ลูกค้ายงั หยบิ สินค้าราคา 79 เพราะความเคยชนิ - เปรยบเทียบราคาให้ดู ระหวา่ งศูนย์สาธติ การตลาด กับรา้ นคู่แข่ง ในสินค้าทีเรามันใจว่าถกู กวา่ จรง ให้ลูกค้าตัดสินใจ ได้ไวและง่ายขึน \"ซอื เปนชุดถกู กว่า\" ก็เปนการเปรยบเทียบราคา อีกชนิดหนึง ผู้บรโภคปจจุบนั ชอบค้นหาข้อมูล ชอบคํานวณผลต่างกําไร ชอบหาดีลทถี ูกทีสุด เราก็ \"บรการข้อมูล\" เปรยบเทยี บราคาจดั ให้ลูกค้า

- 23 - 4. การส่งเสรมการขาย (Promotion) เปนเทคนิคหนึงทีจะช่วยเพิมยอดขายให้ศูนย์สาธติ การตลาดได้ โดยสามารถจดั ได้หลายรูปแบบ และหลายชว่ งเวลา ทีสําคัญ คือ ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการ ลูกค้าให้มากทีสุด โดยมีวัตถุประสงค์เพือรกั ษาลูกค้าเก่าทีมีอยู่ ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้เข้ารา้ น สรา้ งยอดขาย โดยกระตุ้นยอดการซอื ต่อครงั เพิมขึน หรอจากสินค้าพิเศษชว่ งเทศกาล การส่งเสรมการขาย ทีสําคัญคือ สือโฆษณา ซงึ สามารถทําได้หลายแนวทาง ไม่ว่าจะเปนการทาํ สือโฆษณา “ภายนอกรา้ น” รูปแบบต้องมี ขนาดใหญ่ เห็นได้ชดั เจน สะดุดตา “ภายในรา้ น” รูปแบบต้องมีจุดดึงดูดสายตา ทําให้เกิดการตัดสินใจซอื สินค้านัน ๆ ทีจุดขายทันที สามารถติดได้หลายจุด เชน่ หน้าเคาน์เตอรค์ ิดเงน หน้าชนั วางสินค้า อีกวธคี ือ การปนผลเฉลียนคืน 6 เดือนครงั หรอปละ 1 ครงั รวมถึง การจบั คปู องรางวลั ขันที ๒ นําข้อมูลทีได้รบั จากขันที ๑ เสนอทีประชุมคณะกรรมการบรหารกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต เพือพิจารณาสถานทีจดั ตังศูนย์สาธติ การตลาด และเลือกประเภทสินค้า จํานวนสินค้า และรา้ นค้าทีจะ เลือกซอื สินค้า การจดั ตังศูนย์สาธติ การตลาดนันมีทมี าหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย 1. เกิดจากเงนทุนทีมาจากการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์ฯ นํามาลงทุนการจัดตังศูนย์สาธติ การตลาด 100% 2. ระดมทุนใหม่ โดยใชว้ ธลี งหุ้นจากผู้ทีสนใจ โดยการเปนแบบปด คือรบั สมัครจากผู้ทีเปนสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์ฯ เท่านัน หรอแบบเปด คือ รบั สมัครบุคคลทัวไป เชน่ สมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์ฯ ส่วนหนึง กลุ่มอาชีพในชุมชน หรอ คนในหมู่บ้านอีกส่วนหนึง โดยอาจกําหนดราคาหุ้น เช่น 100 บาท = 1 หุ้น สมาชกิ แต่ละคนถือหุ้นได้ ไม่เกินคนละ 20 หุ้น เปนต้น 3. เปนแบบผสมระหวา่ งแบบที 1 และ แบบที 2 เปนกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต นาํ เงนมาลงทนุ และเปดรบั สมาชกิ เพิม 4. กู้เงนธนาคาร โดยใชส้ มุดสัจจะของกลุ่มฯ คาประกันเงนกู้ จึงเปนทีมาว่าคณะกรรมการบรหารกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ต้องพิจารณาสถานทีทีมีความพรอ้ ม และวเคราะห์สินค้าจะนาํ มาจาํ หน่าย (ตามการวเคราะห์ขันที 1) พัฒนาสินค้าและบรการทตี อบโจทย์ลูกค้า รวมถึงเปนแหล่งรวบรวมและกระจายสินค้าชุมชน โดยใชก้ ารวเคราะห์ความแตกต่าง เปนมูลค่าเพิมให้กับ ตัวศูนย์สาธติ การตลาด สามารถสรา้ งความแตกต่าง ให้ไม่เหมือนใครด้วย 3 วธงี ่าย (1) แตกต่างด้วย “สินค้าและบรการ” โดยเลือกจากสินค้าทีใหม่ มีคุณภาพได้มาตรฐาน ราคายุติธรรม รา้ นค้าสะดวกซอื อืน ไม่มี (2) แตกต่างด้วย “การตกแต่ง” เน้นสะดวกสบายในการเลือก บรรยากาศสีรา้ นสดใส สะอาด (3) แตกต่างด้วย “ความสัมพันธก์ ับชุมชน” คือ จุดแข็งทีสําคัญของศูนย์สาธติ การตลาด คือ การรูใ้ จของคน ในชุมชน รูจ้ ักชือลูกค้าทุกคน พูดภาษาถินมีความเปนกันเองกับลูกค้า เปนศูนย์กลางในการกระจาย ข่าวสาร การจดั กิจกรรมคืนกําไรให้ชุมชน เปนต้น

- 24 - ขันที 3 ศึกษาต้นทุนสินค้าแต่ละชนิดทีจะจดั จาํ หน่ายในศูนย์สาธติ การตลาด วธกี ารคิดต้นทนุ -กําไร 1. จดราคาของทซี อื มาทุกครงั 2. หาราคาต่อกรมั หรอต่อชนิ 3. คิดราคาต่อสูตร โดยการคณู ปรมาณทใี ชก้ ับราคาต่อกรมั 4. รวมเปนต้นทุนวัตถุดิบ 5. คิดค่าแรง/ค่าไฟ/ค่าของทีอาจทาํ เสีย = 30% ของต้นทุนวตั ถุดิบ 6. คิดกําไร 30 - 50 % ของทุน+ค่าแรง (ถ้าเปนอาหารหรอขนมทีทาํ งา่ ย ควรคิดกําไรประมาณ 30% แต่ถ้ามีขันตอนในการทําทียุง่ ยาก ซบั ซอ้ นควรขึนกําไรเพิมขึนจาก 30% แต่ไม่ควรเกิน 50%) 7. รวมต้นทุนทงั หมด = ทนุ (4) + ค่าแรง (5) + กําไร (6) 8. หาราคาเฉลียต่อชนิ โดยนาํ ต้นทนุ ทังหมดหารด้วยจาํ นวนชนิ ทไี ด้ 9. คิดราคาสําหรบั ขายปลีกและขายส่ง ขันที ๔ แจ้งให้สมาชิกกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตและประชาชนทัวไปทราบ โดยการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การใชส้ ือโฆษณา ซงึ สามารถทาํ ได้หลายแนวทาง ดังนี 1. การทําสือโฆษณา “ภายนอกรา้ น” รูปแบบตัวสือต้องมีขนาดใหญ่ติดอยู่หน้ารา้ น ให้เห็นได้ ชดั เจน สะดุดตาผู้ทีเดินผ่านไป 2. การทําสือโฆษณา “ภายในรา้ น” รูปแบบต้องเปนจุดดึงดูดสายตา ทําให้เกิดการตัดสินใจซอื สินค้านัน ๆ ทจี ุดขายทันที สามารถติดได้หลายจุด เชน่ หน้าเคาน์เตอรค์ ิดเงน หรอหน้าชนั วางสินค้า 3. ประชาสัมพันธผ์ ่านทางเวทีการประชุมสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต 4. ประชาสัมพันธต์ ามเสียงตามสายของหมู่บ้าน หรอสือวทยุคลืนชุมชนนัน ๆ ขันที ๕ แต่งตังคณะกรรมการจดั การศูนย์สาธติ การตลาดและดําเนินงาน/กิจกรรมศูนย์สาธติ การตลาด เนืองจากศูนย์สาธิตการตลาดเปนกิจกรรมหนึงของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ศูนย์สาธติ การตลาดจึงไม่มีสมาชกิ เฉพาะของศูนย์สาธติ การตลาด แต่มีสมาชกิ ลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตทุกคน เปนเจา้ ของการดําเนินงานจงึ ต้องมีคณะกรรมการดําเนินงาน ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการบรหารกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ทําหน้าที กําหนดนโยบาย ระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทเี กียวกับศูนยส์ าธติ การตลาด 2. คณะกรรมการฝายอํานวยการกลุ่มออมทรัพย์เพือการผลิต ทําหน้าทีการบรหารงาน ศูนยส์ าธติ การตลาด 3. จดั ตังคณะกรรมการจดั การศูนยส์ าธติ การตลาด

- 25 - ฝายจดั ซอื และดูแลสต็อกสินค้า ดําเนินการจดั ซอื ตามความจาํ เปน การตรวจสอบการจดั ซือ ดูแลติดตามความเคลือนไหวของ สินค้าคงคลัง ตรวจสอบสต็อกสินคา ทํารายงานและรายการราคาสินค้าแต่ละตัวรวมไปถึงการรบั ฟง ข้อสังเกตจากฝายขาย ฝายบัญชี วา่ สินค้าใดขายดี เพือวางแผนซอื สินค้านันมากขึน ฝายขาย รูจ้ กั สินค้า รูร้ าคา รูใ้ จลูกค้า ทังนี เพือให้ลูกค้าได้รบั ข้อมูลทีถูกต้องและเพียงพอ ทีจะนําไปใน การตัดสินใจเลือกซอื พนักงานขายทีเก่งต้องมีเทคนิคการขาย มีใจบรการ และมีมนุษยสัมพันธท์ ีดี ฝายประชาสัมพันธ์ การสือสารกับลูกค้าอย่างเอาใจใส่เปนเสน่ห์ ทีทําให้ทําให้ลูกค้าเดินข้ารา้ น ดังนันควรมี ฝายประชาสัมพันธท์ หี าวธดี ึงลูกค้าให้ภักดีกับศูนยส์ าธติ การตลาด ฝายบัญชี ศูนย์สาธติ การตลาดมิติใหม่ต้องจดั ทําบัญชี บันทึกรายการสินค้าเข้าออก ยอดขายในแต่ละวัน การทาํ บญั ชนี ันสําคัญและจาํ เปน เพือให้รวู้ า่ กําไรหรอขาดทนุ ในแต่ละวัน/เดือน เท่าไร และสินค้าชนิดไหน ทขี ายดี ขายไม่ดี ข้อมูลทไี ด้จะสามารถนาํ มาใชใ้ นการตัดสินใจเพือการลงทุนในอนาคต 4. ให้มีการแต่งตังผู้จัดการศูนย์สาธิตการตลาด ทําหน้าทีควบคุมดูแลและดําเนินงาน และ แต่งตังพนักงานขายสินค้าและพนักงานบญั ชจี าํ นวนทีจาํ เปน ขันที ๖ คณะกรรมการจดั การศูนย์สาธติ การตลาด ต้องจัดทาํ บัญชกี ารเงนของศูนย์สาธติ การตลาด และ รายงานผลการดําเนินงาน ยอดจาํ หน่ายสินค้า จาํ นวน และประเภทสินค้าทคี งเหลือในศูนยส์ าธติ การตลาด ให้คณะกรรมการบรหารกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตทราบความเคลือนไหวอยู่เสมอ การจดั ทาํ ระบบบญั ชศี ูนย์สาธติ การตลาด - ใชร้ ะบบและรูปแบบบัญชเี ชน่ เดียวกับบัญชกี ลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต คือใชร้ ะบบบญั ชคี ู่ และ กําหนดให้มีบัญชหี ลักรวม 3 เล่มด้วยกัน อีกทังมีสมุดทะเบียนต่าง ๆ ประกอบบัญชหี ลักดังกล่าว บญั ชหี ลัก ประกอบด้วย 1. บัญชเี งนสด 2. บญั ชรี ายวนั รบั 3. บัญชรี ายวนั จา่ ย ทะเบยี นต่าง ๆ 1. ทะเบียนคมุ ลินค้าเปนประเภท 2. ทะเบียนคมุ ลูกหนีรายบุคคล 3. ทะเบียนคุมเจา้ หนีรายบุคคล 4. ทะเบียนซอื สินค้าของสมาชกิ เปนรายบุคคล 5. บญั ชรี บั – จา่ ยรายวนั

- 26 - บัญชหี ลัก 3 เล่ม ได้แก่ 1. บัญชเี งนสด ใช้ชือบัญชีว่า “บัญชเี งนสด-บัญชีเงนฝากธนาคาร” ใช้อักษรย่อ “ส” เปน บัญชี ชนั ต้นใชล้ งรายการรบั -จา่ ย เมือมีการรบั หรอจา่ ยเปนเงนสด บัญชเี งนสดนีได้นําบัญชี เงนฝากธนาคารมารวมไว้ ด้วยกันแบ่งเปน 3 ชอ่ ง คือ ชอ่ งบญั ชเี งนสด ชอ่ งบญั ชเี งนฝาก ประจาํ และชอ่ งบัญชเี งนฝากออมทรพั ย์ 2. บัญชรี ายวันรบั ใชช้ อื บัญชวี ่า “บัญชรี ายได้และหนีสิน” ใชอ้ ักษร “ร” เปนบัญชแี ยกประเภทใช้ สําหรบั บันทึกรายการรบั เงนทุกประเภทซงึ แยกเฉพาะรายการรบั เงนจากบัญชเี งนสดมาลงในบัญชเี ล่มนี อีกครงั หนึงโดยแยกประเภทรายรบั ไวเ้ ปนชอ่ งๆ ตามประเภทของเงนที ได้รบั เมือได้รบั เงนประเภทใดก็ให้ นาํ จาํ นวนเงนทไี ด้รบั ลงในชอ่ งรายได้ประเภททีได้รบั นัน ๆ บญั ชรี ายได้และหนีสิน แบง่ เปน 2 ส่วน คือ ส่วนที 1 ชอ่ งรายได้ เปนรายได้อันเกิดจากการขายสินค้า ดอกเบยี เงนฝากธนาคาร และรายได้อืน ๆ ส่วนที 2 ช่องหนีสิน เปนการรบั เงนอันก่อให้เกิดเปนหนีสินของศูนย์สาธติ การตลาดเนืองจาก รายได้ทไี ด้รบั นี ศูนย์สาธติ การตลาดมีภาระจะต้องจา่ ยคืนให้กับเจา้ ของเงนเมือครบกําหนด 3. บัญชีรายวันจ่าย ใช้ชือบัญชีว่า “บัญชีรายจ่ายและทรพั ย์สิน” ใช้อักษร “จ” เปนบัญชี แยก ประเภทเชน่ กัน ใชส้ ําหรบั บันทึกรายการจา่ ยเงนซงึ แยกเอาเฉพาะรายจา่ ยจากบัญชเี งน สดมาลงในบัญชี เล่มนีอีกครงั หนึงโดยแยกประเภทรายจา่ ยเปนชอ่ งๆ เชน่ เดียวกับบัญชี รายวันรบั เมือได้จา่ ยเงนประเภท ใดก็ให้นาํ จาํ นวนเงนทจี า่ ยลงในชอ่ งจา่ ยนัน ๆ บัญชรี ายจา่ ยและทรพั ย์สิน แบง่ เปน 2 ส่วน คือ ส่วนที 1 ช่องรายจ่าย เปนรายจ่ายจากการซือสินค้า และรายจ่ายจากการดําเนินงานของ ศูนยส์ าธติ การตลาด ได้แก่ ค่าเครองเขียน แบบพิมพ์ ค่าพาหนะ ค่าภาชนะหีบห่อ ดอกเบีย เงนกู้ เปนต้น ส่วนที 2 ชอ่ งทรพั ย์สิน ได้แก่ ลูกหนีทีเกิดจากการขายสินค้าเปนเงนเชือ หรอการซอื ทรพั ย์สิน ต่าง ๆ มาใชใ้ นศูนยส์ าธติ การตลาด ได้แก่ เครองคิดเลข ตู้ ชนั วางของ โต๊ะ เก้าอี เปนต้น การขายสินค้าแบบนันเปนเงนเชอื จาํ นวนเงนทีขายเปนเงนเชอื ให้นําลงบัญชใี นชอ่ งลูกหนี ถ้าซอื สินทรพั ยใ์ ห้นาํ จาํ นวนเงนทซี อื สินทรพั ยล์ งบัญชใี นชอ่ งทรพั ยส์ ิน ทรพั ย์สินต่าง ๆ ทีปรากฏในชอ่ งที 2 คือ ชอ่ งทรพั ย์สิน จะต้องมีทะเบยี นคุมทรพั ย์สินทีซอื มาและ ทําทะเบียนคุมลูกหนีทีซอื สินค้าเปนเงนเชือเปนรายตัวบุคคล เพือให้ทราบว่า ลูกหนีแต่ละคนมีเงนค้าง ชาํ ระเปนจาํ นวนเทา่ ใด ดังนัน การทาํ บญั ชศี ูนยส์ าธติ การตลาด นอกจากจะมีบัญชหี ลัก 3 เล่มดังกล่าวแลว้ ยงั จะต้องมีสมุดทะเบียนต่าง ๆ ประกอบบญั ชี หลัก 3 เล่ม อีกด้วย ดังนี ทะเบียนคมุ สินค้าเปนรายประเภท ทะเบียนคมุ ลูกหนีเปนรายบุคคล ทะเบยี นคมุ เจา้ หนีเปนรายบุคคล ทะเบยี นซอื สินค้าของสมาชกิ เปนรายบุคคล บัญชรี บั -จา่ ยรายวัน

- 27 - ขันตอนการทาํ บัญชี การเปดบัญชี คือการเรมบันทึกรายการลงในบัญชีนันเอง สําหรบั ศูนย์สาธติ การตลาดจะเรม บันทึกรายการในบัญชตี ังแต่เรมได้รบั ทุนมาดําเนินการ ทุนทีได้รบั จะได้มาจาก กลุ่มออมทรพั ย์ฯ ดังนัน การลงบญั ชเี มือได้รบั เงนมาลงทุน คือ 1. ลงในบญั ชเี งนสด ในชอ่ ง “รบั ” ของชอ่ งเงนสด เท่ากับจาํ นวนเงนทไี ด้รบั 2. ลงในบัญชรี ายได้และหนีสิน ในชอ่ งเจา้ หนี (กลุ่มออมทรพั ย์ฯ)โดยลงในชอ่ ง “เงนลงทนุ ” ในจาํ นวนเงน ทเี ทา่ กันกับบัญชเี งนสด 3. ในลําดับต่อไปเมือได้รบั เงนมาลงทุนแล้ว ก็จะเปนการซอื สินค้า และการขายสินค้า ประจาํ วัน ให้ลงบัญชตี ามลําดับวันทที ซี อื และวนั ทีทขี ายสินค้า การปดบญั ชี เมือสินป (31 ธนั วาคมของทุกป) ดําเนินการดังนี 1. ปดบญั ชที กุ เล่ม โดยรวมยอดรายรบั -รายจา่ ยทุกประเภท รวมทังหายอดคงเหลือในบญั ชเี งนสด และ บัญชีเงนฝากธนาคาร (ถ้ามี) การปดบัญชีสินปนัน เนืองจากได้ปดบัญชี ทุกเล่มเปนประจาํ ทุกเดือนอยู่แล้ว ดังนัน ยอดรวมของรายรบั -รายจา่ ย ก็คือยอดรวมทงั ปในวนั ที 31 ธนั วาคม ซงึ ได้บวกพันยอดกันมาตังแต่ ต้นปนันเอง 2. ทาํ งบกําไรขาดทนุ เพือหากําไรสุทธปิ ระจาํ ป 3. ทํางบดุลเพือแสดงทรพั ย์สิน หนีสิน และทุนของศูนย์สาธติ การตลาด ณ วันที 31 ธนั วาคม เพือให้สมาชกิ ได้ทราบผลการดําเนินงานในรอบป เมือจัดทํางบดุลเสรจ็ แล้ว กรรมการตรวจสอบจะต้อง ตรวจสอบบัญชีทุกเล่ม พรอ้ มด้วยงบกําไร-ขาดทุน และงบดุล เมือเห็นว่าถูกต้องแล้วให้เซน็ ชือรบั รอง ความถกู ต้องในตอนทา้ ยของงบดุลด้วย การควบคุมเงน เหรญั ญิกของกลุ่มออมทรพั ยฯ์ เปนผู้รบั ผิดชอบควบคมุ การเงนของศูนย์สาธติ การตลาดทาํ หน้าที เบกิ จา่ ยเงนให้คณะกรรมการจดั การศูนยส์ าธติ การตลาด และตรวจสอบบัญชที งั หมด เงนทุนดําเนินงานรายวัน ให้ผู้จัดการศูนย์สาธติ การตลาดทําเรองขออนุมัติจากคณะกรรมการ จดั การศูนยส์ าธติ การตลาด เมือได้รบั อนุมัติแล้วให้ไปขอเบิกจา่ ยเงนจาก เหรญั ญิกมาเก็บไวเ้ พือใชจ้ า่ ยได้ จาํ นวนเงนทีผู้จัดการศูนย์สาธติ การตลาดเก็บไว้ จะมีจาํ นวนเท่าไรให้เปนหน้าทีของคณะกรรมการ บรหารกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ส่วนการเก็บรกั ษาเงนของผู้จดั การ ศูนย์สาธติ การตลาดนัน ควรมีระยะเวลาคราวละ 1 สัปดาห์ คือ ทุกวันสุดสัปดาห์ ผู้จดั การศูนย์สาธติ ฯ จะต้องนําเงนส่งคืนเหรญั ญิก และขอเบิกเงนจาก เหรญั ญิกใหม่ทุกวนั จนั ทร์ หากเห็นวา่ ไม่สะดวกอาจจะกําหนดระยะเวลา 1 เดือน สําหรบั ส่งคืนเงน และขอเบกิ เงน จากเหรญั ญิกก็ได้แต่คณะกรรมการศูนยส์ าธติ ฯ จะต้องคอยควบคมุ ดูแลอยา่ งใกล้ชดิ ผลกําไร ในรอบเดือนของศูนยส์ าธติ ฯ ให้นาํ ฝากบญั ชฝี ากประจาํ สัจจะสะสมทรพั ยข์ องกลุ่มออมทรพั ยฯ์ ส่วนเงนทุนดําเนินการให้นําเข้าฝากบัญชสี ะสมทรพั ยข์ องกลุ่มออมทรพั ยฯ์ เพือให้สามารถถอนมาใชไ้ ด้ ทุกวันก่อนปดบรการศูนยส์ าธติ การตลาด ผู้จดั การศูนยส์ าธติ การตลาดจะต้องตรวจสอบ ยอดสินค้าทจี าํ หน่ายประจาํ วนั และสินค้าคงเหลือทกุ ประเภท แล้วลงบัญชไี ว้ เปนหลักฐาน

- 28 - การจดั สรรผลกําไร สามารถแบง่ ได้เปน 2 ลักษณะ คือ 1. เฉลียคืนแก่ผู้ซอื สินค้าทีเปนสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์ฯ เปนรายเดือน โดยคณะกรรมการบรหาร กลุ่มออมทรพั ยฯ์ ประชุมพิจารณารว่ มกันวา่ จะเฉลียคืน กีเปอรเ์ ซน็ ต์ของกําไรทีได้ เชน่ คืนรอ้ ยละ 4 บาท สามารถซอื สินค้าไปในรอบเดือนเปนเงน 500 บาท ก็เฉลียคืนตามวงเงนทีซอื ตามทีคณะกรรมการบรหาร กลุ่มออมทรพั ยฯ์ กําหนด 2. นํากําไรส่วนทีเหลือจากเฉลียคืนให้สมาชกิ ไปรวมกับกําไรของกลุ่มออมทรพั ย์ฯ เพือจดั สรรเปน เงนปนผลให้สมาชิกกลุ่มออมทรพั ย์ฯ ตามจํานวน หุ้นทีสมาชิกกลุ่มออมทรพั ย์ฯ แต่ละคนมีอยู่ใน สมุดสัจจะสะสมทรพั ย์ หักเปนทุน ขยายงาน ทนุ สํารอง และทนุ สาธารณะ เปนต้น ด้านระบบคลังสินค้า จาํ นวนสต็อกสินค้าทีเหมาะสมคือกําไรสูงสุดของรา้ นค้า การบรหารสินค้าคงคลังทีดี จะส่งผลให้ ปรมาณสินค้ามีเพียงพอต่อความ ต้องการของลูกค้า และควบคุมเงนทุนหมุนเวยนทีมีอยู่ไม่ให้จมไปกับ สินค้าทซี อื มา กักตุนจนมากเกินไป โดยปจจยั ในการควบคมุ ระดับสินค้าคงคลังประกอบด้วย 1. ความถีของการเลือกซอื สินค้าเข้ารา้ น 2. ความพรอ้ มของเงนทนุ หมุนเวยน ทนี ํามาใชใ้ นการลงทนุ ซอื สินค้า 3. ปรมาณขายออกของสินค้าแต่ละตัว ซงึ ชว่ ยระบุปรมาณสินค้าทตี ้องการ 4. ความผันผวนของราคาสินค้า ซึงอาจเกิด,ขึน และทําให้เจ้าของรา้ น จาํ เปนต้องซือเพิมหรอ ลดลงกว่าปกติ เคล็ดลับในการจดั สต็อกสินค้า 1. ไม่เก็บสต็อกสินค้ามากเกินไป จะทาํ ให้รา้ นมีเงนหมุนเวยน เพิมผลกําไรอีกทางหนึง 2. หมันสํารวจความต้องการของลูกค้า มีสินค้าทีหลากหลาย เพือให้ลูกค้าได้สินค้าทตี ้องการเสมอ 3. ระบายสินค้าทขี ายชา้ และนาํ สินค้าใหม่เข้ามาทดแทน 4. หาแหล่งสินค้าทีมีสินค้าครบ เพือความสะดวกและประหยัดค่าเดินทาง ถ้ายิงขายดี ก็เท่ากับว่ายิงมีกําไรเพิมขึน บางคนจึงลงทุนไปกับการโฆษณาเปนจํานวนมาก สรา้ งโปรโมชนั ลด แลก แจก แถม เพือสรา้ งยอดขายและฐานลูกค้า แต่รหู้ รอไม่ว่าการบรหารสต๊อกสินค้าให้ดี ก็เปนอีกชอ่ งทางหนึงทชี ว่ ยเพิมกําไรได้ ดังนี 1. ชว่ ยปองกันสินค้าในคลังหาย ระบบจะทาํ ให้รา้ นค้ารูว้ า่ สินค้ามีกีขึน ตรวจสอบได้ว่าใครเปนคน นําเข้า หรอขายออกไป ปองกันการรบั สินค้าไม่ครบ รวมทงั ปองกันไม่ให้ลูกน้องหยิบของผิดพลาด 2. ลดโอกาสการขาดทุนจากสินค้าทีไม่ได้ขาย รา้ นค้าได้รูว้ ่าสินค้าจดั วางทีไหน แก้ปญหาการหา สินค้าไม่เจอ สินค้าถูก วางลืม และสําหรบั สินค้าทมี ีอายุจาํ กัด อะไรมาก่อน หลัง ควรระบายสินค้าไหนก่อน 3. ลดความเสียงสินค้าขาดหรอล้นสต๊อก เพราะความเปนระบบจะรวู้ า่ สินค้าแต่ละชนิดมีความเรว็ ในการขายอยา่ งไร เหลือเท่าใด เพราะการขาดสินค้าเมือลูกค้าต้องการทาํ ให้เสียโอกาสในการขาย 4. เห็นภาพรวมคลังสินค้าวา่ มีการเข้า ออกอยา่ งไร สินค้าชนิดใดขายดีในชว่ งไหน หรอ กับคนกลุ่มไหน ใชเ้ ปนกลยุทธใ์ นการทาํ ความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า 5. ชว่ ยให้คุมงบของรา้ นได้ดีขึน เพราะได้คํานวณตังแต่การสังของวา่ ต้นทุนเท่าไหร่ ทาํ ให้ตังราคา ได้อย่างเหมาะสม รูว้ า่ ควร ขายอะไรจงึ จะได้กําไรทีคุ้มค่าทสี ุด

- 29 - เครองมือในการทํางาน ค่มู ือหลักสูตรกิจกรรมเครอข่ายกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลติ ป 2563 คู่มือศูนย์สาธติ การตลาด ป 2560 ระเบียบข้อกฎหมายทีเกียวข้อง ภาษีศูนย์สาธติ การตลาด “ศูนย์สาธติ การตลาด” คือ รา้ นค้าของกลุ่มออมทรพั ย์ เพือการผลิต เปนกิจกรรม รวมกันซอื เพือแก้ปญหาซอื ของแพงของสมาชกิ และถือเปน การทดลองทําธุรกิจซือขาย จึงให้ ชือว่า “ศูนย์สาธิตการตลาด” ในระยะแรกของ การทดลอง จงึ ได้รบั การยกเว้นการ เก็บภาษี ลักษณะการดําเนินงานเปนการซอื สินค้า มาขาย เงนทีได้จากการขายจงึ เปนเงน ได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวล รษั ฎากร และเนืองจากผู้มีเงนได้เปนคณะ บุคคล มีหน้าทตี ้องเสียภาษีเงนได้ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรษั ฎากร กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตทีมีกิจกรรมศูนย์สาธติ การตลาด จงึ มีหน้าทีต้องเสียภาษีเงนได้หากมีรายได้ตามทีกฎหมายกําหนด ผู้มีส่วนเกียวข้อง - คณะกรรมการ/บรหารกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต - คณะกรรมการ/คณะทาํ งานศูนย์สาธติ การตลาด เมือวันที 7 กุมภาพันธ์ 2560 ได้ทําบันทึกข้อตกลงการดําเนินงานภายใต้ความรว่ มมือ ( Memorandum of Understanding : MOU) ร ะ ห ว่ า ง ก ร ม ก า ร พั ฒ นา ชุ มช น กั บ ห น่ ว ย ง า นอื น ในการขอความรว่ มมือการดําเนินงานศูนย์สาธติ การตลาดตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและ ประชารฐั (SE) (มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรูด้ ้านการบรหารจัดการเชงิ ธุรกิจ ด้านการปรบั ปรุงและ พัฒนาศูนย์ฯ ให้ทันสมัย ด้านการปรบั ปรุงรูปลักษณ์การวางผังและการจดั เรยงสินค้า และด้านการจดั ทํา ระบบบัญชแี ละระบบการเชค็ คลังสินค้า) ประกอบด้วย - มูลนิธพิ ัฒนาชวี ตชนบท โดยบรษัทเครอเจรญโภคภัณฑ์ จาํ กัด - บรษัท สยามแม็คโครจาํ กัด (มหาชน)

- 30 - ทีมาของการก่อตัง การจดั ตังโรงสีชุมชน โดยกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตบ้านสระยายชี เกิดขึนจากความต้องการ ของคณะกรรมการและสมาชกิ กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต ทีจะลดปญหาการถูกเอารดั เอาเปรยบจาก เจา้ ของโรงสีข้าว จงึ ได้รว่ มกันจดั ตังโรงสีข้าวในนามของโรงสีสวัสดิการชุมชนตําบลเนินปอขึนเมือป พ.ศ. 2544 โดยมีกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตบ้านสระยายชีเปนแกนหลักในการจัดตัง โดยมี วัตถุประสงค์เพือให้สมาชกิ และคนในชุมชนได้มีโรงสีข้าว ทีได้มาตรฐานและให้บรการอย่างเปนธรรม ตลอดจนสามารถสรา้ งรายได้ให้กลับกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตและเปนสวัสดิการให้กับสมาชกิ กลุ่ม ขันตอน/วธกี ารดําเนินการ 1. ประชุมทาํ ความเข้าใจวัตถปุ ระสงค์ในการจดั ตังโรงสีแก่สมาชกิ 2. ตังคณะกรรมการบรหารจดั การเพือดําเนินงานตามหลักเกณฑ์ทกี ําหนด 3. จดั หาสถานที 4. เขียนโครงการเสนอของบประมาณสนับจากกองทุนเพือการลงทุนทางสังคม (SIF) เปนเงน 560,000 บาท โดยใชช้ อื ของกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตบ้านสระยายชเี ปนผู้เสนอของบประมาณ 5. ทาํ การก่อสรา้ งตามแบบและตามรายละเอียดทีของบประมาณไปโดยใชแ้ รงงานในชุมชนเปน แรงงานงบประมาณทังหมดจัดซือวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสรา้ งได้รบั ความรว่ มมือคนในชุมรว่ มด้วย ชว่ ยกันในการก่อสรา้ งโดยไม่คิดค่าแรง 6. บรหารจดั การในรูปแบบคณะกรรมการ การระดมเงนทุน กลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิตลงทุนจาํ นวน 100,000 บาท สมาชกิ กลุ่มออมทรพั ย์และบุคคลทัวไปถือหุ้น ๆ ละ 1,000 บาท (ไม่เกินคนละ 1,000 บาท) ปนผลคิดเปนรอ้ ยละ 10 บาท/ป

- 31 - อุตสาหกรรมสีข้าว การแปรรูปข้าวเปลือกให้เปนข้าวสาร โดยผ่านกระบวนการลดความชนื ของข้าวเปลือก การทํา ความสะอาดข้าวเปลือก การกะเทาะข้าวเปลือก การแยกแกลบ การขัดข้าว รวมถึงการคัดแยกขนาด และการบรรจุกระสอบ เพือส่งต่อไปสู่ผู้บรโภคและนําไปใช้เปนวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอืน ๆ เช่น แปงข้าวเจา้ แปงข้าวเหนียว เส้นก๋วยเตียว และเส้นขนมจนี ลักษณะและประเภทโรงสีข้าว แบง่ ตามประเภทการใชเ้ ครองจกั รต้นกําลังเปน 3 ประเภท ได้แก่ 1. โรงสีข้าวทใี ชเ้ ครองจกั รไอนา (Steam Engine) โดยใชแ้ กลบเปนเชอื เพลิง 2. โรงสีข้าวทีใชม้ อเตอรไ์ ฟฟาในการขับเคลือนเครองสีข้าว 3. โรงสีทใี ชเ้ ครองยนต์ดีเซลในการขับเคลือนเครองสีข้าว ในปจจุบันนี โรงสีข้าวทีนิยมทีสุดคือระบบไฟฟาเพราะมีกระบวนการทีง่ายและต้นทุนตา วตั ถุดบิ ผลิตภัณฑ์ ผลพลอยได้ 1. ข้าวเปลือก 1. ข้าวกล้อง 1. ราํ ข้าว 2. ข้าวขาว 2. ปลายข้าว 3. ข้าวเหนียวขาว 3. แกลบ 4. ข้าวนึง ¡Ãкǹ¡ÒüŵÔ

- 32 - ขันตอนการทาํ งานของโรงสีข้าว 1. นําข้าวเปลือกทไี ด้รบั จากชาวนาหรอสมาชกิ เข้าตะแกรงรอ่ นเพือคัดแยกสิงเจอื ปนออก ได้แก่ ฟางข้าว เศษดิน เศษหิน และฝุนละออง 2. นําเข้าเครองกะเทาะเปลือก ซงึ จะมีลูกยางกลม 2 ลูก หมุนอยู่ เมล็ดข้าวเปลือกทีผ่านรอ่ ง ระหว่างลูกกลมยาว 2 ลูกนีจะถกู แรงเสียดสีของลูกยางทาํ ให้เปลือกข้าวหลุดออก 3. จากเครองกะเทาะข้าวเปลือกจะได้แกลบ ข้าวกล้อง และข้าวเปลือกบางส่วนทียังไม่ถูก กะเทาะเปลือก ผ่านต่อไปยงั ตะแกรงเหลียม ทาํ การรอ่ น แยกแกลบ ข้าวเปลือก และข้าวกล้องออกจากกัน 4. ข้าวเปลือกจะย้อนกลับไปเข้าเครองกะเทาะเปลือกใหม่ ข้าวกล้องจะผ่านไปทีตะแกรงโยก เพือทาํ การคัดข้าวเปลือกทียังมีผสมไปกับข้าวกล้องออกให้เหลือแต่ข้าวกล้องล้วน ๆ 5. แกลบทีรอ่ นออกจากตะแกรงจะถูกพัดลมดูดไปไว้ต่างหาก ขณะเดียวกันพัดลมจะดูดเศษ ข้าวกล้องละเอียด หรอจมูกข้าวรวมทงั แกลบละเอียด ส่วนนีเรยกว่าราํ หยาบ 6. ตะแกรงโยก มีหน้าทีคัดข้าวเปลือกออกจากข้าวกล้อง ในตะแกรงโยกมีแผ่นเหล็กบาง ๆ วางกัน เปนชอ่ ง ๆ สลับฟนปลา เดินหน้า – ถอยหลังตลอดเวลา ข้าวเปลือกและข้าวกล้องจะแยกไปคนละทาง ข้าวเปลือกจะย้อนกลับไปเข้าเครองกะเทาะใหม่ ส่วนข้าวกล้องจะผ่านไปสู่หินขัด และหินขัดข้าวขาวต่อไป 7. หินขัดข้าวกล้อง และหินขัดข้าวขาว มีลักษณะเปนเหล็กทรงลูกข่าง มีหินกากเพชรผสมปูนพอกไว้ โดยรอบ ตังบนแกนทีหมุนได้ ผนังทีหุ้มหินขัดข้าว จะมียางเปนท่อน ๆ เรยกยางขัดข้าว ข้าวกล้องจะ ผ่านชอ่ งวา่ งระหว่างหินขัดข้าวและยาง ข้าวกล้องจะถกู ขัดจนขาว โดยผ่านหินขัดข้าว 2 ครงั 8. ทผี นังหุ้มหินขัดข้าวกล้อง และหินขัดข้าวขาวจะมีชอ่ งให้พัดลมดูผิวของเมล็ดขา้ วกล้องทถี กู ขัด ออกไปส่วนนีเรยกวา่ ราํ ละเอียด 9. ข้าวขาวทีออกจากหินขัดข้าว จะเปนข้าวสารเต็มเมล็ด ข้าวหัก และปลายข้าว รวมกันจะต้อง นาํ ไปผ่านตะแกรงเหลียม และตะแกรงกลมเพือคัดออกมาเปนชนิดข้าวตามต้องการต่อไป 10. ตะแกรงเหลียมทีจะคัดข้าวสารเต็มเมล็ดและปลายข้าวนี ประกอบด้วยแผ่นตะแกรงซอ้ นกัน หลายแผ่น จะมีรูตะแกรงขนาดต่าง ๆ กัน เพือให้ข้าวแต่ละชนิดผ่านได้และผ่านไม่ได้ 11. ตะแกรงกลมเปนแผ่นเหล็กม้วนกลมหมุนตลอดเวลา ผิวแผ่นเหล็กด้านในมีผิวนูนกลมเล็ก ๆ จาํ นวนมาก เพือให้เมล็ดข้าวทหี ักเล็กเกาะอยู่ ขณะทีปล่อยให้เมล็ดใหญ่กวา่ ผ่านไปได้ ขันตอนการสีข้าวนันจะสินสุดเมือทาํ การขัดเมล็ดข้าวสารให้สะอาด และจะได้ผลิตภัณฑ์ คือ ข้าวสาร และปลายข้าว ปลายข้าวนันจะมีความยาวประมาณเท่ากับหรอน้อยกว่า 6/8 ของความยาวเมล็ดเต็ม ระดับการสีข้าวแบ่งเปน 4 ระดับ 1. สีดีพิเศษ (extra well milled) การสีขัดเอาราํ ออกทังหมดจนเมล็ดข้าวมีลักษณะสวยงามเปนพิเศษ 2. สีดี (well milled) การขัดเอาราํ ออกทงั หมดจนเมล็ดข้าวมีลักษณะสวยงามดี 3. สีปานกลาง (reasonably well milled) การสีขัดเอาราํ ออกเปนส่วนมากจนเมล็ดข้าวมีลักษณะสวยงาม 4. สีธรรมดา (ordinarily milled) การสีขัดเอาราํ ออกแต่เพียงบางส่วน

- 33 - มลพิษและของเสียทีเกิดจากโรงสีข้าว 1. สิงปฏิกูลหรอวัสดุทไี ม่ใชแ้ ล้ว - เศษฟางหรอวสั ดุปลอมปน กรวด ดิน ทราย พลาสติก จากการทาํ ความสะอาด - แกลบ จากการแยกแกลบ - ราํ หยาบ ราํ ละเอียด จากกระบวนการขัดขาว - ปลายข้าว จากกระบวนการคัดแยกเมล็ด - กากตะกอนจากระบบบาํ บัดนาเสีย กรณีโรงงานมีระบบบาํ บัดนาเสีย 2. มลพิษทางอากาศ แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ 2.1 ฝุนละอองทีเกิดขึนในขันตอนของการสีข้าว บรเวณลานตากข้าวเปลือก การขนส่งวัตถุดิบและ ผลิตภัณฑ์ ผู้ทไี ด้รบั ฝุนมีสมรรถภาพปอดลดลง เกิดการระคายเคืองของเยือบุตาและผิวหนัง 2.2 เขม่าควัน ไอเสีย และฝุนละอองจากการเผาไหม้ กรณีโรงสีทมี ีการใชน้ ามันเชอื เพลิงและโรงสีที ใชห้ ม้อนาทีมีการใชแ้ กลบเปนเชือเพลิง เมือเผาไหม้จะก่อให้เกิดมลพิษในอากาศหรอ ไอเสีย ได้แก่ ควันทีเกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของสารทีมีคารบ์ อนเปนองค์ประกอบ ฝุนทีเปนอนุภาคของแข็ง ลอยตัวอยู่ในอากาศ นอกจากนีการเผาไหม้ยังก่อให้เกิดไอระเหยรวมถึงก๊าซและสารประกอบ ได้แก่ คารบ์ อนไดออกไซด์ คารบ์ อนมอนนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ และซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ เมือได้รบั จะทาํ ให้เกิดการวงเวยนศีรษะ หน้ามืด ตาลาย แสบจูมกและอาจทาํ ให้เกิดโรคปอดได้ 3. มลพิษทางนาและกลินเหม็น เกิดจากนาจากการแชข่ ้าว ผงราํ ข้าวทีตกลงตามพืนและถูกชะล้างโดยนาฝน ทําให้เกิดนาเน่าเสีย และส่งกลินเหม็น ในกรณีโรงสีข้าวทีใชเ้ ครองจกั รไอนา จะมีนาเสียจากการควบแน่น และนาระบายทิง จากหม้อไอนา ซงึ นาประเภทนีอุณหภูมิสูงกวา่ ปกติ เมือปล่อยลงสู่ธรรมชาติจะมีผลกระทบต่อสิงแวดล้อม 4. มลพิษทางเสียง เกิดจากเครองจักรต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต ได้แก่เครองกะเทาะ เครองแยก และเครองขัดข้าว เมือได้รบั เสียงดังมาก ๆ เปนเวลาติดต่อกันทําให้เกิดอาการหูตึงหรอหูหนวก อัตรายต่อสุขภาพทัวไป และจติ ใจ รบกวนการนอนหลับ รบกวนการทาํ งาน และประสิทธภิ าพความถกู ต้องของงานสูญเสียไป มาตรการในการแก้ไขปญหาโรงสีข้าวและข้อควรปฏิบัติดังนี 1. ผู้ดําเนินกิจการจะต้องมีระบบควบคุมการกําจดั ฝุนละออง มิให้ฟุงกระจาย ออกสู่ภายนอก 2. ผู้ดําเนินกิจการจะต้องมีระบบการรกั ษาความสะอาดเกียวกับการจัดเก็บวัตถุดิบให้เปนระเบียบ เรยบรอ้ ย เชน่ จุดทีไว้เก็บข้าวเปลือก ราํ ข้าว หรอวัสดุอุปกรณ์ เครองมือซอ่ มบาํ รงุ ต่าง ๆ จะต้องมี ระบบการจดั เก็บทีดี แยกกันไว้ต่างหากเพราะอาจทําให้เกิดปญหาด้านเชอื ราในข้าวได้ หากเมือนํามา บรโภคแล้วอาจเกิดอันตราย หรอสถานทีดังกล่าวอาจเปนแหล่งเพาะพันธุเชือโรคได้ง่ายเพราะ มีสภาพอับชนื มากเกินไป

- 34 - 3. ผู้ดําเนินกิจการจะต้องมีระบบหรอวธกี ารใด ๆ เพือควบคุมมลภาวะจากเสียง มิให้ผู้อืนทีอยู่ใกล้เคียง ได้รบั ความเดือดรอ้ น ราํ คาญ เชน่ ทาํ การสีข้าวให้เปนเวลา ไม่สีข้าวในยามคาคืน หมันตรวจสอบดูแล เครองจกั รอยู่เปนประจาํ หากมีปญหาก็ควรรบปรบั ปรุงซอ่ มแซมโดยเรว็ เปนต้น 4. ผู้ดําเนินกิจการหรอคนงานจะต้องจดั ให้มีทอี ุดหู หน้ากากกันฝุน เสือผ้าทสี วมใส่จะต้องมิดชดิ ในการดําเนินการ สีข้าวทุกครงั เพือความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัยของตนเอง และผู้ทอี ยูใ่ นสถานทนี ัน 5. ผู้ดําเนินกิจการจะต้องจัดให้มีเครองปองกันทีตัวเครองจักร หรอสถานทีนาทิงจากการสีข้าว เชน่ จัดให้มีถังดับเพลิงไว้ใกล้ๆ กับเครองจักรทีมีความรอ้ นสูงและถังนาเสียจากกระบวนการสีข้าว จะมีความรอ้ นสูงมากต้องจดั ไวไ้ นสถานทปี ลอดภัย ห่างไกลผู้ทสี ัญจรไปมาควรมีปายเตือนให้ชดั เจน หลักเกณฑ์ วธกี ารและเงอนไขการขอและการออกใบอนุญาต หลักเกณฑ์ วธกี ารและเงอนไขการขอและการออกใบอนุญาตจัดตังโรงสีนัน ขึนอยู่กับองค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถินนัน ๆ วา่ มีการออกหลักเกณฑ์อยา่ งไร อาจมีความแตกต่างไปตามบรบทของพืนที การพิจารณาว่าผู้ดําเนินกิจการมีสถานทีประกอบกิจการ หรอ สถานทีก่อตังโรงสีข้าวเหมาะสมหรอไม่ และได้ขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารให้ผู้ประกอบ กิจการสีข้าวด้วยเครองจักร ดําเนินกิจการเกียวกับสถานทีหรอสุขลักษณะของสถานทีประกอบการ ดังต่อไปนี (ยดึ ถือตามคําแนะนําของคณะกรรมการสาธารณสุข ฉบบที 3/2548 เรองการควบคมุ การ ประกอบกิจการ การสีข้าวด้วยเครองจกั ร) ดังนี 1. ลักษณะทีตังของโรงสีข้าว 1.1 ห้ามตังโรงสีข้าวทีใชเ้ ครองจกั รในการผลิต ในบรเวณบ้านจดั สรรเพือการพักอาศัย อาคารชุด พักอาศัย และบ้านแถวเพือการพักอาศัย 1.2 ห้ามตังโรงสีข้าวทีใช้เครองจักร ในการผลิตขนาดมากกว่า 30 เกวยนต่อวัน ภายในระยะ ไม่ตากวา่ 50 เมตร และตังแต่ 31 เกวยนขึนไปต่อวัน ต้องอยูร่ ะยะห่างไม่ตากวา่ 100 เมตร จากเขตชุมชน วัด โรงเรยน โรงพยาบาล หรอสถานทีอืน ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายอืนทีเกียวข้อง ยกเว้นสถานทีทําการของ หน่วยราชการทีใช้เปนทีทําการ เพือการควบคุมกํากับดูแลอํานวย ความสะดวก หรอการ ให้บรการแก่การดําเนินกิจการนัน ๆ 1.3 ทีตังโรงสีข้าวต้องตังอยู่ในทําเลและสถานแวดล้อมทีเหมาะสมมีบรเวณเพียงพอทีจะ ประกอบกิจการตามขนาดและเภทหรอชนิดของโรงสีข้าว โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหตุราํ คาญ หรอ ความเสียหายต่อบุคคลหรอทรพั ย์สินของผู้อืนด้วย

- 35 - 2. ลักษณะของอาคารโรงสีข้าว 2.1 อาคารต้องมีความมันคง แข็งแรง วัสดุทีใชใ้ นการก่อสรา้ งต้องเหมาะสมกับการประกอบกิจการ โรงสีข้าวตามขนาดและประเภท รวมทงั ไม่ก่อให้เกิดการลุกลามของอัคคีภัย 2.2 พืนต้องมีความมันคง แข็งแรง ไม่มีนาขังหรอลืน อันอาจก่อให้เกิดอุบติเหตุได้ง่าย 2.3 ประตูหรอทางออกเพียงพอกับจาํ นวนคน บานประตูเปดออกได้ง่าย โดยเฉพาะเมือมีเหตุฉุกเฉิน และมีขนาดกวา้ งไม่น้อยกว่า 1.10 เมตร และสูงไม่น้อยกว่า 2.00 เมตร 2.4 มีบันไดขึนลงเพือการตรวจสอบ ดูแล เครองจักร อุปกรณ์ บันได้ต้องมีความมันคง แข็งแรง มีชว่ งระยะห่างเท่ากันโดยตลอด 2.5 มีการระบายอากาศเหมาะสม โดยมีพืนทปี ระตู หน้าต่าง และชอ่ งลมรวมกันแล้วไม่น้อยกวา่ 1 ใน 10 ของพืนทหี ้องหรอมีการระบายอากาศไม่น้อยกว่า 0.5 ลูกบาศก์เมตรต่อนาทตี ่อคนงาน 1 คน 2.6 ต้องจดั ให้มีแสงสว่างในการทาํ งานอย่างเพียงพอ ความเข้มของแสงสว่างต้องไม่น้อยกว่า 100 ลักซ์ 2.7 จดั ให้มีสายล่อฟา ตามความจาํ เปนและเหมาะสม 3. เครองจกั รและอุปกรณ์ทีใชใ้ นโรงสีข้าว 3.1 ต้องมันคง แข็งแรงและเหมาะสมกับการใชง้ าน มีเครองปองกันอันตราย รวมทังมีการตรวจสอบ เครองมือและอุปกรณ์ก่อนการใชง้ านทกุ ครงั และตรวจซอ่ มบาํ รงุ อยา่ งสมาเสมอ 3.2 เครองลําเลียงขนส่งข้าว ซงึ มีสายลําเลียง ผ่านเหนือบรเวณทีมีผู้ปฏิบัติงานหรอทางเดิน ต้องมี เครองปองของตกและต้องมีเครองบังคับทที าํ ให้สายลาํ เลียงหยุดได้เมือเครองหยุดทาํ งาน 3.3 ระบบไฟฟา การเดินสายไฟฟา และการติดตังเครองยนต์ สวตซไ์ ฟฟา อุปกรณ์เครองไฟฟาอืน ๆ ต้องเปนเปนไปตามหลักวชาการ 4. มีการจดั การด้านสุขาภิบาลและปองกันปญหามลพิษ ดังนี 4.1 จดั ให้มีนาดืม นาใช้ ทีสะอาดเพียงพอและเหมาะสม 4.2 จดั ให้มีห้องนา/สุขาสะอาด ถูกหลักสุขาภิบาล ตามทกี ําหนดไว้ไนกฎหมาย ว่าด้วยการควบคมุ อาคาร 4.3 จดั ให้มีภาชนะรองรบั มูลฝอยทเี หมาะสมและเพียงพอ สถานทีศึกษาดูงาน : กลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิตบ้านสระยายชี ตําบลเนินปอ อําเภอสามง่าม จงั หวัดพิจติ ร (นายสุนทร มัจฉิม โทรศัพท์ 08 1394 1592)

- 36 - 4.4 ติดตังระบบควบคุม ปองกันการฟงกระจายของฝุนละออง เขม่า เถ้าถ่านในทุกกระบวนการผลิต เชน่ จดั ให้มีเครองดูดอากาศ หรออุปกรณ์กําจดั ฝุนชนิดทีมีประสิทธภิ าพสูงตามปรมาณ'ของฝุน ทเี กิดจาก กระบวนการผลิต - ภายในโรงสีข้าว ให้มีค่าเฉลียของระดับเสียง 8 ชวั โมงทาํ การ ไม่เกิน 90 เดซเิ บลเอ - ในชุมชนทัวไปทตี ังบ้านเรอนอยู่ใกล้เคียง กับสถานประกอบการ(โรงสี) ให้มีค่าเฉลียของ ระดับ เสียง ในชว่ งเวลากลางวนั (07.00-22.00 น.) ไม่เกิน 55 เดซเิ บลเอ และในชว่ งเวลากลางคนื (22.00 - 07.00 น.) ไม่เกิน 45 เดซิเบลเอ โดยเสียงดังทีได้รบั ต้องมีค่าเฉลียของระดับ เสียง ตลอด 24 ชวั โมงไม่เกิน 70 เดซเิ บลเอ 4.6 กรณีทีมีนาเสียเกิดขึน ในกระบวนการผลิตของโรงสีข้าว ต้องจดั ให้มีระบบบําบัดนาเสียทีสามารถ บาํ บดั นามีลักษณะเปนไปตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสรมและรกั ษาคุณภาพสิงแวดล้อมหรอกฎหมาย วา่ ด้วยโรงงานแล้วแต่กรณี ก่อนระบายนาทงิ ออกจากโรงสีข้าว 5. จดั ให้มีบรการและดําเนินการเพือปองกัน และแก้ไขผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน ดังนี 5.1 ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทํางาน และตรวจสุขภาพเปนระยะโดยเฉพาะระบบ หรออวัยวะทีก๊าซพิษ มีผลกระทบให้เปนไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการคุ้มครองแรงงาน 5.2 ปองกัน ผู้ปฏิบัติงานมิให้ได้รบั หรอสัมผัสก๊าซพิษ โดยจัดเตรยมอุปกรณ์ในการปองกันภัย ส่วนบุคคล เชน่ หน้ากากปองกันฝุน เครองกรองฝุน ทีอุดหู หมวกนิรภัยให้เหมาะสมกับลักษณะงาน และออกระเบยี บบงั คับให้คนงานต้องสวมใส่ ขณะทาํ งานทุกครงั จดั อบรมต้านความปลอดภัย 5.3 จัดให้มีบรการทางการแพทย์ ให้เปนไปตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองแรงงานในเรองเกียวกับ การจดั สวสั ดิภาพของสถานประกอบกิจการ 5.4 การดูแลสถานทีและสภาพแวดล้อมในการทาํ งาน ผู้ดําเนินกิจการจะต้อง - ตรวจสอบประสิทธภิ าพเครองมือและอุปกรณ์ก่อนการใชง้ านทุกครงั ซอ่ มบาํ รุงอยา่ งสมาเสมอ - จดั ทาํ แผนผังวงจรไฟฟา และตรวจสอบสายไฟฟาหากชาํ รดุ ต้องซอ่ มแซมหรอเปลียนใหม่ทันที - จดั ให้มีการติดปายเตือนอันตรายจากไฟฟา และการใชก้ ๊าซพิษรมข้าวภายในโรงสีข้าว - ในบรเวณทีมีอุณหภูมิสูงกว่า 45 องศาเซลเซยี ส ต้องมีการแก้ไขปรบั ปรงุ เพือลดระดับความรอ้ น - ตรวจวดั และระบายความรอ้ นบรเวณเครองจกั รอุปกรณ์ ให้อยู่ระดับทีปลอดภัยอย่างสมาเสมอ - จดั เตรยมระบบหรอเครองมือในการปองกันอัคคีภัย อย่างเหมาะสม - ตรวจสอบประสิทธภิ าพของระบบ/เครองมือปองกันอัคคีภัยอย่างสมาเสมอ ให้มีสัญญาณ แจง้ ภัยอันตราย อยา่ งน้อย 2 ที - เครองจักร (ตาม พรบ.โรงงานฯ) หมายถึง สิงทีประกอบด้วยชินส่วนหลายชิน สําหรบั ใช้ ก่อกําเนิดพลังงาน หรอเปลียนแปลง หรอส่งพลังงาน ทังนีด้วยกําลังนา ไอนา ลม ก๊าซ ไฟฟา หรอพลังงานอืน อย่างใดอย่างหนึง หรอหลายอย่างรวมกัน และหมายความรวมถึง เครองอุปกรณ์ - ไฟลล์วลปุลเล สายพาน เพลา เกียร์ หรอสิงอืนทที าํ งานสนองกัน

- 37 - การจดั สวสั ดิการจากทนุ ชมุ ชน คือ บรการสําคัญของกลุ่มการเงนชุมชน มีเปาหมายหลกั ให้คนในชุมชน ดูแลซงึ กันและกัน ตังแต่เกิดจนตายบนพืนฐานความเอืออาทรกัน พัฒนากรมีบทบาทหน้าทีในการสนับสนุนการดําเนินการกองทุนชุมชน จําเปนต้องมีความรู้ เรองหลักการจัดสวัสดิการชุมชน เพือสนับสนุนให้กองทุนชุมชนสรา้ งมาตรการในการให้ความช่วยเหลือ ซงึ กันและกัน ซงึ จะทาํ ให้ชุมชนเข้มแข็งและมีการพัฒนาทยี งั ยนื รูจ้ กั หลกั การจดั สวัสดิการชุมชน ตามแนวคิดสถาบนั พัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) 1. ต้องสอดคล้องกับวธชี วี ตคนในชุมชน 2. เรมจากเล็กไปใหญ่/ค่อยเปนค่อยไป 3. เงนเปนเพียงเครองมือ ไม่ใชเ่ ปาหมาย: ใชเ้ งนเปนเงอนไขให้คนอยากชว่ ยเหลอื ซงึ กันและกัน 4. ระบบการจดั สวัสดิการทดี ีจะต้องทาํ ให้ชุมชนชว่ ยเหลือกัน ไม่เกิดการแบง่ แยกในชุมชน 5. สวัสดิการทดี ีทาํ ให้เกิดการเชอื มโยงของกิจกรรมสวสั ดิการ 6. ต้องเปนทังผ้ใู ห้และผู้รบั ไมใ่ ชฝ่ ายใดให้อีกฝายหนึงรอรบั ฝายเดียว 7. ต้องรกั และอดทนมีศรทั ธาเชอื มันวา่ จะสรา้ งสวสั ดิการตนเองได้ ประเภทสวัสดิการกองทุนชุมชน สามารถแบง่ ได้เปน 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ 1. สวัสดิการพืนฐาน “เกิดแก่เจบ็ ตาย” สวัสดิการนีมาจากหลักสัจธรรมแบบศาสนาพุทธ โดยสรา้ งสวัสดิการพืนฐาน ได้แก่ สวัสดิการ ทารก (เกิด) สวัสดิการผู้สูงอายุ (แก่) สวัสดิการการรกั ษาพยาบาล (เจบ็ ) สวสั ดิการการเสียชวี ต (ตาย) พัฒนากรมีหน้าทีให้ความรแู้ ละส่งเสรมให้เกิดการจดั สวัสดิการพืนฐานขึน โดยดูความพรอ้ มของกลุ่ม สิงทีบ่งบอกถึงความพรอ้ มของกลุ่ม ได้แก่ “เงนทุนสะสม” กลุ่มฯ ควรกําหนดเงอนไขการให้สวัสดิการที สอดคล้องกับฐานะการเงนของกลุ่ม และตอบสนองความต้องการพืนฐานของสมาชกิ ได้ 1.1 กรณีกลุ่มใหม่ หรอมีขนาดเล็ก (สมาชกิ ไม่ถึง 100 คน เงนทุนไม่เกิน 10,000 บาท) : ควรทดลอง ตังเงนสวสั ดิการเปนหลักสิบ หลักรอ้ ยก่อน 1 ป ดูรายจา่ ยจรงเพือดูวา่ มีศักยภาพจดั สวสั ดิการหรอไม่ 1.2 กรณีชุมชนอยากจัดตัง “กองทุนสวัสดิการ” ต่างหากเพือจัดสวัดิการโดยเฉพาะ ต้องดู ความสําเรจ็ และความเข้มแข็งในการบรหารจดั การเงนของชุมชนก่อน (เน้นความเข้มแข็งของการบรหาร จดั การเงนในชุมชนมากกวา่ การแยกหรอไม่แยกบัญช)ี 1.3 ก่อนกลุ่มจะจา่ ยสวสั ดิการให้ ผู้ได้รบั สิทธคิ วรเปนสมาชกิ มาแลว้ อย่างน้อยระยะหนึง เชน่ เปนสมาชกิ มาแล้ว 6 เดือนและมีประวัติดี เชน่ ไม่ขาดส่งเงนสัจจะ เพือกระตุ้นให้สมาชกิ มีวนัย 1.4 จาํ นวนเงนให้สวัสดิการอาจพิจารณาตามอายุการเปนสมาชกิ ด้วย เพราะเปนสมาชิกกลุ่มมานานและ ไม่ขาดส่ง เพือส่งเสรมให้วนัยสมาชกิ ต่างรนุ่ และผู้ทเี ปนสมาชกิ นานคือคนทรี บั ความเสียงมากกว่าสมาชกิ ใหม่ .สลลิ ทิพย์ เชยี งทอง อนิ ทิรา วทยสมบูรณ์ . (2553). สถาบันพฒั นาองค์กรชุมชน (องคก์ ารมหาชน).คมู่ ือสวัสดิการชุมชน2553.

- 38 - 1.5 ความเหมาะสมของการให้เงนสวัสดิการให้พิจารณาจากผลประกอบการปแรก ถ้าพบว่าปแรก จา่ ยเงนสวัสดิการสูงกว่ารายรบั กลุ่ม (เชน่ ดอกเบียเงนกู้) วธแี ก้ไขคือ ลองใชเ้ งอนไขเดิมต่อไปอีก 1 ป แล้วประเมินสถานการณ์ใหม่ หรอลดจาํ นวนเงนสวัสดิการหรอจาํ นวนวันรบั สวสั ดิการลง 1.6 บางกลุ่มเรยกเงนกู้ว่าสวัสดิการ ทังทีความจรงเงนกู้ไม่ใชส่ วัสดิการ เพราะเปน “พันธะสัญญา” ทลี ูกหนีต้องชดใชใ้ นอนาคตไม่ใช่ “สิทธปิ ระโยชน์” ทีพึงได้เมือเปนสมาชกิ 2. สวสั ดกิ ารเสรม ถ้ากลุ่มมีความคุ้นเคยกับการจัดสวัสดิการพืนฐาน สรา้ งความมันคงโดยสามารถบรหารรายรบั -จ่าย ในแต่ละปให้มีกาํ ไรแลว้ ก็ควรพิจารณาสวัสดิการด้านอืนทีเพิมประโยชน์ให้สมาชกิ เชน่ - สวสั ดิการสมทบค่านาไฟส่วนกลาง - สวสั ดิการการศึกษา - สวสั ดิการพัฒนาหมู่บ้าน - บญั ชกี ําไรชวี ต เชน่ จดั อบรม ศึกษาดูงาน 3. สวัสดิการอืน ๆ นอกเหนือจากการจัดสวัสดิการพืนฐานและสวัสดิการเสรม ถ้ากลุ่มเข้มแข็งสามารถพิจารณา จดั สวัสดิการอืน ๆ ให้กับคนในชุมชนทีไม่ได้เปนสมาชกิ เพือชว่ ยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน โดยมักเปน การตังมติจากคณะกรรมการกลุ่มไปชว่ ยเหลือ เชน่ สวัสดิการผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ถูกทอดทิง

- 39 - ¡Òè´Ñ â¤Ã§¡ÒÃʧ‹ àÊÃÔÁ¡Òè´Ñ ÊÇÊÑ ´Ô¡ÒêØÁª¹ à¾Íè× ãˌ¤ÇÒÁÌÙá¡¡‹ ͧ·Ø¹ªÁØ ª¹¼Å¡Ãзºµ‹Í梯 ÀÒ¾¢Í§¼ÙŒ»¯ÔºµÑ §Ô Ò¹ ´§Ñ ¹éÕ สาํ นกั งานพฒั นาชมุ ชนจงั หวดั 1. กลุ่มเปาหมายควรเปนกองทุนชุมชนทีเขม้ แข็ง เพราะโดยหลักการแล้วกองทุนต้องมีการบรหารจดั การ ทมี ันคง จงึ จะนําเงนไปจดั สวัสดิการได้ 2. การจดั อบรมการให้ความรูเ้ รอง “การจดั สวสั ดิการ” โดยละเอียด วทยากรต้องมีความรูเ้ รองการจดั สวสั ดิการ ทีลึกในรายละเอียด ตัวอย่างเชน่ ความเสียงประการสําคัญของการจดั สวัสดิการชุมชน คือ \"เงนชว่ ยเหลือ ครอบครวั ผู้ตาย” เนืองจากมักเปนเงนจํานวนมาก การจัดสวัสดิการฌาปนกิจทีดี ต้องอาศัยการคํานวณ “การประมาณการ” สมาชกิ ทีจะเสียชวี ตแต่ละป เทยี บกับรายรบั กลุ่ม จาํ นวนสมาชกิ ใหม่ เงอนไขการส่งเงน เพือคํานวณว่ากลุ่มมีแนวโน้มจะไม่มีเงน การจัดสวัสดิการส่วนนีในปใด และควรเปลียนเงอนไขแบบใด (สามารถใชโ้ ปรแกรม excel คาํ นวณได้) การคํานวณโดยอาศัยการวเคราะห์เช่นนีคล้ายกับการคํานวณเงนบรษัทประกันฯ ควรใช้ผู้เชยี วชาญเปน วทยากรทสี ามารถถ่ายทอดได้ สาํ นกั งานพฒั นาชมุ ชนอาํ เภอ 1. พัฒนากรให้คําแนะนาํ เรองการจดั สวสั ดิการชุมชนให้กับกองทนุ ชุมชน (1) ตรวจดูกองทุนชุมชนนันว่ามีการดําเนินการทเี ข้มแข็งหรอไม่และมีเงนทุน ทเี พียงพอต่อการจดั สวสั ดิการ เพียงใด โดยดูจากการประเมินศักยภาพกองทุนชุมชนตามหลักธรรมาภิบาลและการตรวจสอบ หลักฐานทางการเงน (2) สอบถามความพรอ้ มและแนะนําให้กลุ่มกําหนดเงอนไขการให้สวัสดิการทีสอดคล้องกับฐานะ การเงนของกลุ่ม และตอบสนองความต้องการพืนฐานของสมาชกิ ได้ Q : ควรตังสวสั ดิการอะไรบา้ ง ? A : ควรเรมจากการจดั สวัสดิการพืนฐาน Q : ควรใชเ้ งอนไขอะไรในการตังสวสั ดิการและควรเรยงลาํ ดับก่อนหลังอย่างไร? A : พิจารณาถึงประโยชน์ทีสมาชกิ ควรได้รบั ควบคู่ไปกับความยังยืนของการดําเนินงานกลุ่ม เชน่ ผู้ได้รบั สิทธคิ วรเปนสมาชกิ มาแล้วระยะหนึง จาํ นวนเงนให้สวสั ดิการพิจารณาตามอายุการเปนสมาชกิ ความเหมาะสมของการให้เงนสวัสดิการให้พิจารณาจากผลประกอบการปแรก ถ้ากลุ่มมี ความมันคงมีกําไรแล้ว ก็พิจารณาสวัสดิการด้านอืนทเี พิมประโยชน์ให้สมาชกิ 2. ในกรณีทีมีปญหาหรอข้อเสนอแนะ พัฒนากรรายงานพัฒนาการอําเภอ เพือพัฒนาการอําเภอจะเสนอ ถึงข้อเสนอแนะให้กับจังหวัดและจังหวัดรายงานกรมฯ เพือพัฒนาการส่งเสรมจัดสวัสดิการ จากกองทนุ ชุมชนต่อไป

- 40 - ¡ÒÃÍÍÁàª§Ô ¤Ø³ÀÒ¾ (ÍÍÁÊÃŒÒ§Ê¢Ø ) ทีมาและความสําคัญ หมายถึง ออมสรา้ งสุข คือ การออมเงนอย่างมีเปาหมาย เพือเปนหลักประกัน ในการดําเนินชีวตอย่าง มีความสุขในวัยสูงอายุ และเปนการสรา้ งวนัยการใชเ้ งนอยา่ งมีคณุ ภาพ สรา้ งหลักประกันความมันคงของชวี ต คําสําคัญทีควรรู ้ การออม คือ ส่วนต่างระหว่างรายได้และรายจา่ ยทีอาจเกิดขึนในชว่ งเวลาหนึง อาจกล่าวได้ง่าย ๆ ว่าเปนเงน รายได้ทเี หลือจากการใชจ้ า่ ยแล้วนํามาเก็บสะสมทลี ะเล็กทลี ะน้อยให้พอกพนู ขึน เมือเวลาผ่านไป การตรวจสุขภาพการออม การประเมินสภาพการออมของบุคคล โดยแบบสํารวจการออม ทําให้ทราบถึง แนวทาง และการวางแผนด้านการเงนในอนาคต วนัยทางการเงน การจัดการวางแผนทางการเงน การออม การลงทุน อย่างเปนระบบและดําเนินการ อย่างต่อเนืองตามแผนทวี างไว้ หลกั ประกันความมันคง การมีความมันคง ปลอดภัย ในการดําเนินชวี ตอย่างมีความสุข การลงทุน หมายถึง การออมเพือให้ได้รบั ผลตอบแทนทมี ากขึน ซงึ เราจะต้องยอมรบั ความเสียงทเี พิมขึน ดังนัน จงึ ต้องพิจารณาอยา่ งรอบคอบ และศึกษาหาข้อมูลทเี กียวข้องเปนอย่างดีเพือให้ได้รบั ผลตอบแทน ตามทคี าดหวังไว้ และเพือลดความเสียงทจี ะเกิดขึนจากการลงทนุ เปาหมาย 1) ให้ประชาชนตระหนักรถู้ ึงการวางแผนในการใชเ้ งน (รายได้ – การออม = เหลือจา่ ย) 2) ประชาชนมีการวางแผนการใชเ้ งน มีเงนออมเปนของตนเอง และดํารงชวี ตอยา่ งมีความสุขในวัยสูงอายุ ขันตอนกระบวนการ 1. สํารวจการออมของประชาชนจากข้อมูล จปฐ. ด้านรายได้ รายจ่าย หนีสิน เงนออม บัญชีครวั เรอน (บญั ชรี ายรบั – รายจา่ ย) แบบสํารวจการออม 2. วเคราะห์ผลจากการลงมือสํารวจการออม โดยบูรณาการ รว่ มกับภาคีเครอข่าย ได้แก่ ธนาคาร สถาบัน การเงน ศูนย์จดั การกองทุนชุมชน องค์การบรหารส่วนตําบล กลุ่มสัมมาชพี ปราชญ์ชุมชน กลุ่ม OTOP เครอข่ายด้านการเงน ด้านอาชพี พรอ้ มการกําหนดกลุ่มเปาหมาย โดยแบง่ เปน 2 กลุ่ม

- 41 - กลมุ่ ทียังไมม่ เี งนิ ออม กล่มุ ทีมกี ารออมแลว้ 1) ค้นหาสาเหตุไม่ออมเงน เชน่ รายได้ไม่เพียงพอกับ (กลุ่มทีมีผลการตรวจสุขภาพการออมในระดับ รายจา่ ย มีหนีสิน ขาดความรูเ้ รองการออมเงน ฯลฯ 1,2,3) ดําเนินการสรา้ งความตระหนักเรองของ การวางแผนการใชเ้ งนเพืออนาคต วางแผนเกษียณ 2) หาแนวทาง/ดําเนินการแก้ไขปญหา ให้คําแนะนาํ สรา้ งหลักประกันความมันคงในชวี ต และการนําเงน ในการลดรายจา่ ย หาอาชพี เสรม ฯลฯ ไปลงทนุ ออกดอก เพิมมูลค่า โดยดําเนินการ ดังนี 1) สรา้ งความตระหนักในการออม ตรวจสุขภาพ 3) เรมการออม นําผลวเคราะห์จากผลตรวจสุขภาพ การออมมาใชก้ ําหนดเปาหมาย โดยใชส้ มุดบันทึก การออม ให้ประชาชนเห็ นความสํ าคัญของ การออมบนั ทึกและใชเ้ ปนเครองมือในการติดตาม การออม วางแผนการใชเ้ งน เปนรายบุคคล 2) รว่ มกับภาคีเครอข่าย กําหนดแนวทาง วางแผน 4) วางแผนเตรยมความพรอ้ มในการใชช้ วี ตชว่ งสูงวัย ดูแลสุขภาพการออมรายบุคคล โดยมีเมนกู ารออมรูปแบบต่าง ๆ เชน่ กลุ่มออมทรพั ย์ฯ 3) ดําเนินการวางแผนการออม เปนรายบุคคล กองทนุ ออมต่าง ๆ สลากออมทรพั ยฯ์ ฯลฯ 4) ติดตามผลการดําเนินงานตามแผนทกี ําหนด 5) ติดตามผลหลังจากดําเนินกิจกรรม และประกาศ ความสําเรจ็ ในทีสาธารณะ เพือให้เกิดความภาคภูมิใจ และเกิดแรงบนั ดาลใจให้กับคนอืน à·¤¹¤Ô ¡Ãкǹ¡ÒÃàÊÃÁÔ ¾Å§Ñ (¡ÒÃàÊÃÁÔ ÊÌҧ¡Òí Å§Ñ ã¨) จะเปนการใช้คําพูดและการกระทําเพือลดและผ่อนคลายความทุกข์ใจ ความเดือดร้อนใจ ให้มีกําลังใจในการดําเนินชีวต และช่วยเสรมกําลังใจให้ผู้ทีเข้ารว่ มกิจกรรมได้มองเห็นทางออกของ การแก้ปญหาด้วยตนเองได้ดียิงขึน โดยมีลักษณะของการเสรมพลัง ดังนี สะทอน คือ การเข้าไปมีส่วนทําให้ผู้ทีเข้ารว่ มฯ ได้สะท้อนความรูส้ ึกของตนเองออกมา ความรสู ึก ไม่ว่าจะเปนความรูส้ ึกทีอยากให้ภาระหนีสินหมดไป อยากมีอนาคตในชีวตทีดีกว่าเดิม อยากพัฒนาชวี ตแต่ไม่รทู้ ศิ ทาง ฯลฯ เพือให้พวกเขาได้รตู้ นเองวา่ กําลังรสู้ ึกอยา่ งไร ค้นหาศักยภาพของผู้เข้ารว่ มกิจกรรม โดยใชค้ ําถามปลายเปดเพือกระตุ้นให้ คนหา ผู้เข้ารว่ มกิจกรรมได้พูดถึงศักยภาพของตนทีสามารถจัดการได้ ภายใต้ความรูส้ ึก ศักยภาพ เชน่ เขารูส้ ึกว่าตนเองสามารถประกอบอาชพี เสรมได้ แม้ว่าจะมีอาชพี หลัก เพียงแต่ ยังไม่สามารถดําเนินการในตอนนีได้ เนืองจากทรพั ยากรบางอย่างไม่พรอ้ ม เปนต้น สนับสนุน หรอการให้กําลังใจ โดยเชอื มโยงกับสิงทีผู้เข้ารว่ มกิจกรรมมีความผูกพันรว่ ม ศักยภาพ เช่น บุคคลทีเขารกั สมาชิกภายในครอบครวั ให้มีส่วนรว่ มในการเปลียนแปลง ตัวอยา่ งเชน่ การลงบันทกึ รายรบั - รายจา่ ยรว่ มกับสมาชกิ ภายในครอบครวั เปนต้น

- 42 - à¤Å´ç ÅºÑ ã¹¡ÒÃàÊÃÔÁ¾Å§Ñ ๑) เมือผู้เข้ารว่ มกิจกรรมได้แสดงพฤติกรรมทแี สดงให้เห็นถึงทศั นคติทดี ี ให้มีการเสรมกาํ ลงั ใจ ในทนั ที เชน่ การชนื ชม พูดขอบคณุ เปนต้น ๒) เพือไม่ให้ใครบางคนรสู้ ึกวา่ ถกู ละเลย ดังนันพยายามหาโอกาสเสรมกําลงั ใจให้ทวั ถึงกัน 3) การเสรมกําลังใจไม่ควรมาจากเจ้าหน้าทีเพียงฝายเดียว ควรมาจากผู้เข้ารว่ มกิจกรรมด้วย เชน่ การปรบมือของสมาชกิ ภายในกลุ่มเวทีชุมชน ฯลฯ 4) หากเห็นว่าแนวคิดของผู้ทีเข้ารว่ มกิจกรรมอาจนําไปสู่ความขัดแย้ง หรอออกไปทางเชงิ ลบ ควรให้เขาได้ทบทวนความคิด หรอใชค้ าํ ถามงา่ ย ๆ ให้เขาสะทอ้ นความคิดตนเอง ตัวอย่างเชน่ มีผู้เข้ารว่ ม โครงการบางรายเห็นว่ากิจกรรมนีไม่เกิดประโยชน์ต่อเขา ก็ให้เจ้าหน้าทีได้ลองใช้คําถามปลายเปด เชน่ คณุ คิดว่าจะมีวธกี าร อืนใดบา้ งทจี ะพัฒนาคณุ ภาพชวี ตของตนเองได้ เปนต้น เครองมือในการทาํ งาน ๑) แบบตรวจสุขภาพการออม ๒) แบบคํานวณการวางแผนทางการเงน ๓) แบบเปาหมายออมสรา้ งสุข (พันธะสัญญาออมสรา้ งสุข) ๔) เอกสารข้อมูลการออม และการลงทนุ ๕) ห้องเรยนนักลงทนุ (E-learning) ตลาดหลักทรพั ยแ์ ห่งประเทศไทย 6) คลิป “รอบรูเ้ รองเงน” ตลาดหลักทรพั ย์แห่งประเทศไทย

- 43 - ¡ÒúÃËÔ ÒÃâ¤Ã§¡Òà ºÃËÔ ÒÃÊ­Ñ ­Ò áÅкÃËÔ ÒÃ˹Õé ทีมาและความสําคญั การเพิมศักยภาพการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี เปนการสรา้ งความรู้ และ ความเข้าใจแนวทางการการบรหารและพิจารณาอนุมัติโครงการ การจัดทําสัญญา และการบรหารหนี ของกองทุนชุมชน รวมทังสามารถตรวจสอบกองทุนชุมชนเพือหาข้อบกพรอ่ ง จุดอ่อน ปญหา และสาเหตุ และให้คาํ แนะนํา ในการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนีกองทุนชุมชนให้มีประสิทธภิ าพ ตามหลักธรรมาภิบาล โดยมี “ทมี ค่หู ู คู่คิด (Move for fund team)” เปนกลไกสําคัญในการขับเคลือน คําสําคัญที ควรรู ้ การบรหารโครงการ การบรหารจดั การทรพั ยากร (เวลา วัสดุ บุคลากร และค่าใชจ้ า่ ย) ทีมีอยูอ่ ยา่ ง เหมาะสมและสมบูรณ์ทีสุด โดยใชอ้ งค์ความรู้ ทกั ษะ เครองมือ และเทคนิคต่าง ๆ กับกิจกรรมของโครงการ เพือให้สําเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ทีวางไว้ การบรหารสัญญา การควบคุม หรอดําเนินการต่าง ๆ ให้เปนไปตามเงอนไขหรอข้อกําหนด ในสัญญาในฐานะเปนผู้กู้หรอผู้ให้กู้ ซงึ ต้องปฏิบตั ิตามระเบียบ ข้อกําหนดของทางราชการและข้อกฎหมาย ทเี กียวข้องด้วย การบรหารหนี การบรหารจดั การเพือให้เปนหนีทมี ีคณุ ภาพ มีหลักการและแนวทางในการปรบั ปรุง แก้ไขปญหาหนีเสียให้เปนหนีดี หนี หมายถึง การกู้ยมื เงนจากกลุ่ม/กองทนุ ชุมชน หนีดี หมายถึง หนีทชี ว่ ยสรา้ งรายได้ สรา้ งอนาคต สรา้ งอาชพี หรอสรา้ งความมันคงระยะยาว หนีค้างชาํ ระ หมายถึง หนีทอี าจมีการชาํ ระล่าชา้ หนีเสีย หมายถึง หนีทไี ม่ก่อให้เกิดรายได้ หนีเสียประเภท A หมายถึง ลูกหนีทมี ีความรบั ผิดชอบแต่เกิดอุปสรรคและไม่มีเงนจา่ ยหนี หนีเสียประเภท B หมายถึง ลูกหนีทมี ีเงนแต่ไม่ยอมจา่ ยหนี หนีเสียประเภท C หมายถึง ลูกหนีทไี ม่มีเงนจา่ ยหนีและไม่มีความรบั ผิดชอบ กองทนุ ชุมชน หมายถึง กลุ่ม/กองทุนชุมชนและองค์กรการเงนในชุมชนทีประชาชนจดั ตังขึนเอง และสนับสนุนโดยภาครฐั เพือส่งเสรมและพัฒนาให้สมาชกิ และคนในชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงนทุน ในการประกอบอาชพี ก่อให้เกิดรายได้และสวัสดิการชุมชน สัญญากู้ยืมเงน หมายถึง สัญญาทีฝายหนึงเปนผู้ให้กู้ ซึงให้ยืมใช้เงนแก่คู่สัญญาอีกฝายหนึง เรยกว่า “ผู้ยืมหรอผู้กู้”โดยทีผู้ยืมตกลงจะใชค้ ืนซงึ เงนทียืมนัน ตามเวลาและเงอนไขทีได้กําหนดตกลงกัน โดยทีผู้ให้กู้อาจได้สิงตอบแทนการให้กู้ยืมเงนนันเปนดอกเบีย นอกจากเงอนไขเกียวกับการชาํ ระเงนต้น และดอกเบียแล้ว ในสัญญากู้เงนยังระบุถึงเงอนไขการชาํ ระคืน การชาํ ระคืนก่อนกําหนด หลักประกัน แห่งการกู้ยืม เบียปรบั ผิดนัด และรายละเอียดอืน ๆ ทีผู้ให้กู้หรอผู้กู้ควรจะได้ตกลงกันไว้แต่แรกตังแต่ การเรมก้ยู ืมเงนกัน เพือหลีกเลียงปญหาทอี าจเกิดขึนจากความไม่ชดั เจนต่าง ๆ

- 44 - เปาหมายของการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี 1. เพือเปนการสนับสนุนองค์ความรูใ้ นการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี แก่กองทุนชุมชน เพือให้มีการบรหารจดั การทมี ีประสิทธภิ าพตามหลักธรรมาภิบาล 2. เพือเปนการแก้ปญหาข้อรอ้ งเรยนและการฟองรอ้ งดําเนินคดีกรณีต่าง ๆ อันมีสาเหตุมาจาก การบรหารโครงการบรหารสัญญา และการบรหารหนีทขี าดประสิทธภิ าพ ขันตอนการดําเนินการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี 1. จงั หวัดรว่ มกับอําเภอพิจารณาคัดเลือก “ทีมคู่หู ค่คู ิด (Move for fund team)” อย่างน้อย อาํ เภอละ 1 ทีม ๆ ละ 4 คน ประกอบด้วย 1.1 เจา้ หน้าทพี ัฒนาชุมชนอาํ เภอทรี บั ผิดชอบงานทุนชุมชน จาํ นวน 1 คน 1.2 ปราชญ์ชาวบา้ นทมี ีความรู้ ความเชยี วชาญด้านกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต จาํ นวน 1 คน 1.3 ปราชญ์ชาวบา้ นทมี ีความรู้ ความเชยี วชาญเรองโครงการแก้ไขปญหาความยากจน(กข.คจ.) จาํ นวน1คน 1.4 คณะกรรมการศูนยจ์ ดั การกองทนุ ชุมชน จาํ นวน 1 คน 2. จงั หวัดรว่ มกับอาํ เภอคัดเลือกกองทนุ ชุมชน ประกอบด้วยกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลติ และ หมู่บ้านโครงการแก้ไขปญหาความยากจน (กข.คจ.) ทีมีผลการดําเนินงานอยู่ในระดับ 1 เปนลําดับแรก หากไม่มีหรอไม่เพียงพอให้คัดเลือกระดับ 2 และ 3 เปนลาํ ดับถัดไป เปนกลุ่มเปาหมายในการเก็บข้อมูลลูกหนี 3. ทีมค่หู ู ค่คู ิด (Move for fund team) ส่งแบบเก็บข้อมูลลูกหนีกองทนุ ชุมชนให้กับประธาน/ ผู้ประสาน กองทุนชุมชนทีได้คัดเลือกไว้ เพือเก็บข้อมูลลูกหนีของกองทุน โดยเปนการเก็บข้อมูลเฉพาะ สมาชกิ กองทนุ ทมี ีสถานะเปนลูกหนี/ผู้ยืม เท่านัน (เปนการเก็บข้อมูล 100% ของลูกหนี/ผู้ยืม ทังหมด) 4. ทีมคู่หู คู่คิด (Move for fund team) นําข้อมูลในแบบเก็บข้อมูลลูกหนีมากรอกลงใน ฐานข้อมูลการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี (www.cddmff.com) 5. ทีมคู่หู คู่คิด (Move for fund team) นําผลการประเมินกองทุนชุมชนพรอ้ มข้อเสนอแนะ ลงไปให้คําแนะนาํ ปรกษาและหาแนวทางแก้ไขปญหาของกองทนุ ชุมชน 6. ทมี ค่หู ู ค่คู ิด (Move for fund team) ลงพืนทีติดตามผลการดําเนินงานของกองทนุ ชุมชน 7. ทมี ค่หู ู ค่คู ิด (Move for fund team) รายงานผลการติดตามการดําเนินงานกองทุนชุมชนให้จงั หวดั ทราบ 8. จงั หวัดรายงานผลการดําเนินงานให้กรมฯ ทราบ เครองมือทีใชใ้ นการทํางาน 1. ค่มู ือเพิมศักยภาพด้านการบรหารโครงการ บรหารหนี และบรหารสัญญา 2. คู่มือหลักสูตรการบรหารจดั การกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลติ การบญั ชกี ลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต และค่มู ือหลักสูตรกิจกรรมเครอข่ายกลุ่มออมทรพั ยเ์ พือการผลิต (www.fund.cdd.co.th) 3. ฐานข้อมูลการบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี หมายเหตุ : ทีมคู่หู คู่คิด (Move for fund team) ควรศึกษาและทําความเข้าใจเนือหา แนวทาง วธกี าร การบรหารโครงการ บรหารสัญญา และการบรหารหนี เพือให้มีความรู้ ความเข้าใจ และ สามารถให้คาํ แนะนาํ ปรกษาแก่กองทนุ ชุมชนได้ถกู ต้อง เปนไปตามวัตถุประสงค์

- 45 - ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô È¡Ñ ÂÀÒ¾¡ÅÁ‹Ø ÍÍÁ·Ã¾Ñ Âà ¾Í×è ¡ÒüÅÔµµÒÁËÅ¡Ñ ¸ÃÃÁÒÀºÔ ÒÅ การประเมนิ ศักยภาพกลุม ออมทรพั ยเพ่ือการผลิต ของงาน เพือสํารวจ ค้นหาปจจยั เสียง และเตรยมความพรอ้ มรองรบั ปญหา ส่งเสรมสนับสนุนการดําเนินงานกลุ่มออมทรพั ย์เพือการผลิต ให้มีการบรหารจัดการทีมีคุณภาพและถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล เปนไปตามแนวทางของกรมการพัฒนาชุมชน ผจู้ ดั เก็บขอ้ มลู และผู้ให้ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ พฒั นากร/คณะกรรมการกล่มุ ออมทรพั ยเ์ พอื การผลติ ผูใ้ ห้ข้อมูล ไดแ้ ก่ คณะกรรมการกล่มุ ออมทรพั ยเ์ พอื การผลิต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook