Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมกิจกรรมศิลปะ

รวมกิจกรรมศิลปะ

Published by Jar Wanicha, 2021-10-17 15:34:11

Description: รวมกิจกรรมศิลปะ

Search

Read the Text Version

อปุ กรณก์ ารปัน้ ดินกระดาษ 1. กระดาษรไี ซเคลิ ,กระดาษนิตยสาร,กระดาษหนงั สือพมิ พ์ 2. กาวลาเทก็ ซ์ 3. ผ้าขาวบาง 4. นา้ เปล่า 5. ชามใบใหญ่





Thank You

สะท้อนกจิ กรรมการปัน้ กิจกรรมท่ี 1 กจิ กรรมปัน้ แปง้ โดว์ การปั้นช่วยพัฒนาทักษะท้ัง 2 ด้าน คือ ด้านกายภาพ เช่น กล้ามเน้ือมัดเล็ก ซ่ึงในส่วนนี้ เด็กยุคใหม่จะเร่ิมมีปัญหากันมาก เพราะเลน่ แต่เกมคอมพิวเตอร์ และคลิกเมาส์อย่างเดียว ส่งผลให้จับปากกาไม่ได้ เพราะกล้ามเน้ือมัดเล็กไม่แข็งแรง ส่วนด้านท่ี 2 คือ เรอ่ื งของ อารมณ์ งานป้ันแปง้ โดวจ์ ะช่วยฝกึ สมาธิ ทาให้เด็กซน สามารถนัง่ และจดจ่ออยกู่ บั สิง่ ที่ทาได้นานขึ้น นอกจากน้ี ยังจะช่วยใน เรือ่ งของมติ สิ มั พนั ธ์ ทาให้เด็ก สามารถมองภาพที่เป็น 3 มติ ิ ไดด้ ขี น้ึ 1.ด้านสมอง = ได้ใช้สมองซีกซ้ายในการทาผลงานผ่านกระบวนการข้ันตอนต่าง ๆ จดจาวิธีและในการทาอาจเกิด ข้อผิดพลาดได้ เช่น การผสมแป้งสาลีกับน้าอุ่นแล้วเหนียวหนืดเกินไป หรือเหลวเกินไป จึงทาให้เราต้องหาถึงสาเหตุและแก้ไขปัญหา ในการทาผลงานจะได้ใช้สมองซีกขวาในการจินตนาการสร้างผลงานการป้ันด้วยนิ้วมือซ่ึงเป็นการกระตุ้นสมองท้ังซีกซ้ายในการคิด วางแผนออกแบบ และซีกขวาในการสรา้ งสรรค์ผลงานตัวเองออกมาตามจนิ ตนาการ ฝกึ สมาธโิ ดยการจดจอ่ ใสใ่ จ หรอื เกิดทักษะ EF

สะทอ้ นกจิ กรรมการปน้ั กิจกรรมท่ี 1 กิจกรรมปัน้ แปง้ โดว์ 2. ด้านร่างกาย = ได้ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการผสมแป้งด้วยการคนไปเรื่อย ใช้มือ ไหล่ และแขน ส่วนขณะท่ีวาดผลงาน ผ่านน้ิวมือทาให้ได้ใช้กล้ามเน้ือมัดเล็ก คือ มือกับตาประสานสัมพันธ์กันบริหารนิ้วมือให้เกิดความคล่องแคล่วพัฒนากล้ามเน้ือมือ กลา้ มเน้อื มัดเล็ก มือและนวิ้ มือ ในการนวด นวด คลึง และป้ัน พัฒนากล้ามเนื้อมือกล้ามเนื้อมัดใหญ่ แขนหยิบจับเล่นพัฒนาประสาท สัมพันธ์ สอดคลอ้ งระหวา่ งตากบั มือ ระหว่างที่ปั้น 3. ด้านภาษา = รจู้ กั ชื่อวสั ดอุ ุปกรณม์ ากย่ิงข้ึน ไดถ้ ่ายทอดเร่ืองราวผ่านผลงานทาใหเ้ ข้าใจเรื่องราวได้และสารมารถอธิบาย ช่ือผลงงานของตนเอง ขณะอธิบายสามารถเชื่อมโยงประโยคสง่ิ ทีป่ นั้ ออกมาได้

สะท้อนกิจกรรมการปั้น กจิ กรรมท่ี 2 กจิ กรรมปั้นดินน้ามัน การป้ันช่วยพัฒนาทักษะทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านกายภาพ เช่น กล้ามเน้ือมัดเล็ก ซึ่งในส่วนนี้ เด็กยุคใหม่จะเริ่มมีปัญหากันมาก เพราะเล่นแต่เกมคอมพิวเตอร์ และคลิกเมาส์อย่างเดียว ส่งผลให้จับปากกาไม่ได้ เพราะกล้ามเน้ือมัดเล็กไม่แข็งแรง ส่วนด้านท่ี 2 คือเรือ่ งของ อารมณ์ งานป้นั ดินนา้ มันจะช่วยฝกึ สมาธิ ทาให้เดก็ ซน สามารถน่งั และจดจอ่ อย่กู บั สิ่งทที่ าไดน้ านขึ้น นอกจากนี้ ยังจะ ช่วยในเรื่องของมติ สิ ัมพันธ์ ทาใหเ้ ด็ก สามารถมองภาพทเ่ี ป็น 3 มติ ิ ได้ดีขึน้ กจิ กรรมศิลปะที่ชว่ ยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก สามารถทา ไดอ้ ย่างหลากหลายกจิ กรรม เชน่ กจิ กรรมป้ันดนิ นา้ มันเป็นต้น 1.ด้านสมอง = เกิดกระบวนการคิดและออกแบบผลงานของตัวเองว่าจะใช้วัตถุลอยตัวอะไรมาสร้างสรรค์ผลงาน และ ออกแบบการป้ันให้ได้ระยะทางตามที่ต้องการ ซ่ึงเป็นการกระตุ้นสมองทั้งซีกซ้ายในการคิดวางแผนออกแบบ และซีกขวาในการ สรา้ งสรรคผ์ ลงานตัวเองออกมาตามจินตนาการ ฝึกสมาธิโดยการจดจ่อใส่ใจ หรือเกิดทักษะ EFได้ใช้สมองซีกซ้ายในการทาผลงาน ผา่ นกระบวนการขน้ั ตอนตา่ ง ๆ จดจาวิธแี ละในการทา

สะทอ้ นกิจกรรมการปั้น กิจกรรมที่ 2 กจิ กรรมปั้นดนิ น้ามนั 2. ด้านร่างกาย = ได้ใช้มือประสานสัมพันธ์กับตาระหว่างการปั้นดินน้ามันท่ีกาลังจดจ่ออยู่ ได้ใช้กล้ามเน้ือมัดเล็กให้ คล่องแคล่วมากข้ึน ควบคุมมือในการป้ันดินน้ามันได้ใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่ในการผสมแป้งด้วยการคนไปเรื่อย ใช้มือ ไหล่ และแขน สว่ นขณะที่วาดผลงานผา่ นนิว้ มือทาใหไ้ ดใ้ ช้กลา้ มเนือ้ มัดเลก็ คือ มือกับตาประสานสัมพันธ์กันบริหารน้ิวมือให้เกิดความคล่องแคล่ว พฒั นากลา้ มเนอ้ื มือกลา้ มเนื้อมัดเลก็ มือและน้ิวมือ ในการนวด นวด คลึง และปั้น พัฒนากล้ามเน้ือมือกล้ามเนื้อมัดใหญ่ แขนหยิบ จบั เล่น 1-2 ปี หยบิ ขยา กด ทุบใหแ้ ผ่ออก มีลกั ษณะการใชม้ อื แบบกาทั้ง 5 นิว้ 2-3 ปี : ดงึ ดินนา้ มนั ฯลฯ ออกจากกันเปน็ ก้อนๆ มีลักษณะการกาหรือใชน้ ิ้ว และตดั ดว้ ยอปุ กรณต์ ่างๆ ได้ 3-4 ปี : ปนั้ ดินนา้ มัน ฯลฯ และคลงึ เปน็ เสน้ ยาว คลึงเปน็ ลูกบอล และกดเปน็ แผ่นแบนกลมด้วยฝ่ามอื 4-5 ปี : ปั้นดนิ น้ามนั ฯลฯ เปน็ รปู รา่ ง ท่ีเด็กอาจจะเขา้ ใจความหมายไดค้ นเดยี ว 5 ปีขึ้นไป : ปน้ั ดินนา้ มันฯลฯเป็นรปู รา่ งที่มีรายละเอียดผ้อู ืน่ เข้าใจความได้มีการใช้อปุ กรณต์ ่างๆช่วยในการป้ัน

สะทอ้ นกจิ กรรมการปน้ั กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมปัน้ ดนิ น้ามัน 3. ดา้ นภาษา = รู้จักช่ือวสั ดอุ ปุ กรณม์ ากยิง่ ขนึ้ ได้ถา่ ยทอดเรือ่ งราวผ่านผลงานทาใหเ้ ข้าใจเร่อื งราวได้และสารมารถ อธิบายชื่อผลงงานของตนเอง ขณะอธบิ ายสามารถเชื่อมโยงประโยคสง่ิ ทีป่ นั้ ออกมาได้ กิจกรรมท่ี 3 กิจกรรมปั้นดนิ เหนยี วประกอบวสั ดุ การป้ันช่วยพัฒนาทักษะทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านกายภาพ เช่น กล้ามเน้ือมัดเล็ก ซ่ึงในส่วนน้ี เด็กยุคใหม่จะเริ่มมีปัญหากันมาก เพราะเล่นแต่เกมคอมพิวเตอร์ และคลิกเมาส์อย่างเดียว ส่งผลให้จับปากกาไม่ได้ เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง ส่วนด้านที่ 2 คือเรื่องของ อารมณ์ งานป้ันดินนา้ มนั จะชว่ ยฝึกสมาธิ ทาให้เด็กซน สามารถนงั่ และจดจ่ออยูก่ ับสงิ่ ทท่ี าไดน้ านขนึ้ นอกจากนี้ ยังจะ ชว่ ยในเร่อื งของมติ สิ ัมพันธ์ ทาให้เดก็ สามารถมองภาพท่ีเปน็ 3 มิติ ไดด้ ขี ้ึนกิจกรรมศลิ ปะทช่ี ว่ ยพฒั นากลา้ มเนื้อมัดเล็ก สามารถทา ได้อย่างหลากหลายกิจกรรม เช่น กิจกรรมป้ันดินเหนียวและจะยิ่งเป็นการสอนให้เด็กได้รู้จักการนาเศษวัสดุเหลือใช้ต่างๆท่ีมีมาใช้ ประกอบเขา้ กับดินเหนียวทต่ี นเองจะสร้างเป็นผลงานขึน้ มา จงึ เป็นกจิ กรรมการป้นั ดนิ เหนยี วประกอบวสั ดุ

สะท้อนกิจกรรมการป้ัน กิจกรรมท่ี 3 กจิ กรรมปัน้ ดนิ เหนยี วประกอบวัสดุ 1.ด้านสมอง = เกิดกระบวนการคิดและออกแบบผลงานของตัวเองว่าจะใช้วัตถุลอยตัวอะไรมาสร้างสรรค์ผลงาน และ ออกแบบการปั้นให้ได้ระยะทางตามท่ีต้องการ ซึ่งเป็นการกระตุ้นสมองท้ังซีกซ้ายในการคิดวางแผนออกแบบ และซีกขวาในการ สร้างสรรคผ์ ลงานตัวเองออกมาตามจินตนาการ ฝึกสมาธิโดยการจดจ่อใส่ใจ หรือเกิดทักษะ EFได้ใช้สมองซีกซ้ายในการทาผลงาน ผ่านกระบวนการขนั้ ตอนต่าง ๆ จดจาวิธกี ารทาและวิธใี นการทากจิ กรรมหยิบ ขยา กด ทุบให้แผอ่ อก มีลักษณะการใช้มือแบบกาท้ัง 5 นิว้ ดงึ ดินน้ามนั ฯลฯ ออกจากกนั เปน็ ก้อนๆ มีลกั ษณะการกาหรือใช้นิ้ว และตัดด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ได้ป้ันดินน้ามัน ฯลฯ และคลึง เป็นเส้นยาว คลึงเป็นลูกบอล และกดเป็นแผ่นแบนกลมด้วยฝ่ามือป้ันดินน้ามัน ฯลฯ เป็นรูปร่าง ที่เด็กอาจจะเข้าใจความหมายได้ คนเดยี วปน้ั ดินน้ามันฯลฯเป็นรูปรา่ งท่ีมีรายละเอยี ดผู้อ่ืนเข้าใจความไดม้ ีการใช้อปุ กรณ์ต่างๆชว่ ยในการปั้นในชว่ งอายุตา่ งๆ

สะทอ้ นกจิ กรรมการปั้น กิจกรรมที่ 3 กจิ กรรมป้นั ดนิ เหนียวประกอบวัสดุ 2. ด้านรา่ งกาย = ได้ใช้มอื ประสานสัมพันธ์กบั ตาระหว่างการป้ันดนิ น้ามนั ทกี่ าลังจดจ่ออยู่ ไดใ้ ชก้ ล้ามเนอื้ มดั เล็กให้ คลอ่ งแคล่วมากขน้ึ ควบคมุ มอื ในการปั้นดินเหนยี วไดใ้ ชก้ ล้ามเนอื้ มัดใหญ่ในการปน้ั ดินเหนยี วดว้ ยการทุบไปเร่อื ยๆ ใชม้ ือ ไหล่ และ แขน สว่ นขณะที่วาดผลงานผ่านนว้ิ มือทาให้ไดใ้ ช้กลา้ มเน้อื มดั เล็ก คอื มอื กับตาประสานสัมพันธ์กันบรหิ ารนิ้วมอื ใหเ้ กิดความ คล่องแคล่วพัฒนากลา้ มเน้ือมอื กลา้ มเนอื้ มดั เลก็ มอื และนิ้วมือ ในการนวด นวด คลึง และปั้น พฒั นากลา้ มเน้ือมอื กลา้ มเนอ้ื มัดใหญ่ แขนหยิบจบั เล่น 1-2 ปี หยิบ ขยา กด ทบุ ให้แผอ่ อก มลี ักษณะการใชม้ อื แบบกาทั้ง 5 นวิ้ 2-3 ปี : ดึงดินนา้ มนั ฯลฯ ออกจากกนั เปน็ กอ้ นๆ มลี กั ษณะการกาหรอื ใช้นวิ้ และตดั ดว้ ยอปุ กรณต์ ่างๆ ได้ 3-4 ปี : ป้ันดินนา้ มัน ฯลฯ และคลึงเปน็ เส้นยาว คลงึ เป็นลกู บอล และกดเป็นแผน่ แบนกลมด้วยฝ่ามือ 4-5 ปี : ปน้ั ดินนา้ มัน ฯลฯ เปน็ รูปร่าง ทีเ่ ดก็ อาจจะเข้าใจความหมายได้คนเดยี ว

สะทอ้ นกจิ กรรมการปัน้ กิจกรรมท่ี 3 กจิ กรรมปั้นดนิ เหนียวประกอบวสั ดุ 3. ด้านภาษา = รจู้ กั ชอ่ื วสั ดอุ ปุ กรณม์ ากยิ่งขึน้ ไดถ้ า่ ยทอดเร่อื งราวผา่ นผลงานทาให้เขา้ ใจเรื่องราวได้และสารมารถ อธิบายชอื่ ผลงงานของตนเอง ขณะอธบิ ายสามารถเช่อื มโยงประโยคสงิ่ ทีป่ ัน้ ออกมาได้ กจิ กรรมท่ี 4 กจิ กรรมป้ันกระดาษ (เปเปอรม์ าเช่) เป็นกิจกรรมท่ีนากระดาษมาแช่น้าและผสมกาวจากน้ันนามาป้ันขึ้นรูปให้เป็นรูปต่างๆและนาไปตากแดดให้แห้งและนามา ระบายสีให้สวยงาม การปั้นช่วยพัฒนาทักษะทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านกายภาพ เช่น กล้ามเน้ือมัดเล็ก ซ่ึงในส่วนน้ี เด็กยุคใหม่จะเร่ิมมี ปญั หากนั มาก เพราะเล่นแตเ่ กมคอมพิวเตอร์ และคลิกเมาส์อย่างเดียว ส่งผลให้จับปากกาไม่ได้ เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง ส่วนด้านท่ี 2 คือเรื่องของ อารมณ์ งานปั้นดินน้ามันจะช่วยฝึกสมาธิ ทาให้เด็กซน สามารถนั่ง และจดจ่ออยู่กับสิ่งท่ีทาได้นานขึ้น นอกจากน้ี ยังจะช่วยในเรื่องของมิติสัมพันธ์ ทาให้เด็ก สามารถมองภาพที่เป็น 3 มิติ ได้ดีขึ้นกิจกรรมศิลปะที่ช่วยพัฒนากล้ามเน้ือ มดั เล็ก สามารถทาไดอ้ ยา่ งหลากหลายกจิ กรรม เชน่ กจิ กรรมปน้ั ดนิ เหนียวและจะยงิ่ เป็นการสอนใหเ้ ดก็ ไดร้ ู้จกั การนาเศษวัสดุเหลือ ใช้ต่างๆที่มีมาใช้ประกอบเข้ากบั ดินเหนยี วท่ีตนเองจะสรา้ งเป็นผลงานข้ึนมา

สะทอ้ นกจิ กรรมการปนั้ กจิ กรรมท่ี 4 กจิ กรรมป้ันกระดาษ (เปเปอร์มาเช่) 1.ด้านสมอง = ได้ใช้สมองซกี ซา้ ยในการทาผลงานผา่ นกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ จดจาวิธแี ละในการป้นั แล้วเหนียวหนืดเกนิ ไป หรอื เหลวเกนิ ไป จึงทาใหเ้ ราตอ้ งหาถงึ สาเหตุและแกไ้ ขปญั หา ในการทาผลงานจะได้ใชส้ มองซกี ขวาในการจินตนาการสรา้ งผลงานการป้ัน ด้วยน้ิวมือซ่ึงเป็นการกระตนุ้ สมองท้งั ซีกซ้ายในการคิดวางแผนออกแบบ และซกี ขวาในการสร้างสรรคผ์ ลงานตัวเองออกมาตามจินตนาการ ฝกึ สมาธิโดยการจดจอ่ ใสใ่ จ หรือเกดิ ทกั ษะ EF 2. ด้านร่างกาย = ไดใ้ ช้กลา้ มเนอื้ มัดใหญใ่ นการผสมแปง้ ดว้ ยการคนไปเรอ่ื ย ใชม้ อื ไหล่ และแขน สว่ นขณะที่วาดผลงานผา่ นน้วิ มือทาให้ไดใ้ ช้กล้ามเน้อื มดั เล็ก คอื มอื กบั ตาประสานสัมพนั ธก์ นั บรหิ ารนว้ิ มือให้เกดิ ความคลอ่ งแคลว่ พฒั นากล้ามเน้ือมอื กล้ามเน้อื มัดเลก็ มือ และนวิ้ มอื ในการนวด นวด คลงึ และปนั้ พฒั นากล้ามเนื้อมอื กลา้ มเนื้อมัดใหญ่ แขนหยบิ จบั เล่นพัฒนาประสาทสัมพันธ์ สอดคล้องระหวา่ ง ตากับมือ ระหวา่ งท่ปี น้ั 3. ดา้ นภาษา = รู้จกั ชอ่ื วสั ดุอปุ กรณ์มากย่งิ ขน้ึ ได้ถา่ ยทอดเร่ืองราวผา่ นผลงานทาให้เขา้ ใจเร่ืองราวไดแ้ ละสารมารถอธบิ ายชือ่ ผลงงานของตนเอง ขณะอธบิ ายสามารถเชอ่ื มโยงประโยคสง่ิ ที่ปน้ั ออกมาได้พัฒนาประสาทสมั พันธ์ สอดคลอ้ งระหว่างตากับมือ ระหว่างท่ีปน้ั

ผลงานกจิ กรรมการป้นั

นางสาวพัชชา พรหมทา นางสาวจันทรฉาย อย่เู กตุ นางสาวมนสั วี วรปัญญา นางสาวอพญิ ญา อปุ ปชั ฌาย์ รหสั นักศึกษา 63121860002 รหสั นักศกึ ษา 63121860003 รหสั นักศึกษา 63121860013 รหสั นกั ศึกษา 63121860021 นางสาวกฤติยา ศลิ ปศาสตร์ นางสาวสาธิตา ศิริกระจาย นางสาวบุศรา วเิ ศษการ นางสาวน้าฝน พงั แสงสุ รหัสนักศกึ ษา 63121860029 รหัสนกั ศกึ ษา 63121860042 รหัสนกั ศึกษา 63121860050 รหัสนักศกึ ษา 63121860053

กจิ กรรมกลุ่มที่ 4 กจิ กรรมการร้อย

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > การร้อยเชิงอนุกรม -อนุกรม เป็นการเรียงลาดบั ตามรูปแบบท่ีกาหนดให้ ในแต่ละรูปแบบจะเรียงลาดบั กนั เป็ นชุด ๆ ลกั ษณะ ของอนุกรมกจ็ ะมีหลากหลายรูปแบบไมว่ า่ จะเป็น การจดั เรียงตวั เลข รูปภาพ รูปร่าง รูปทรง หรือคน สัตว์ ส่ิงของ จะมีการเรียงลาดบั การสลบั ตาแหน่งสี มีการเดินหนา้ ถอยหลงั แลว้ แตร่ ูปแบบ ตวั อยา่ ง การเรียงสลบั สีตามลาดบั เช่น สีนาเงิน สีแดง สีน้าเงิน สีแดง …….?

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > การทาลกู ปัดจากกระดาษสี

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > การทาลูกปัดจากกระดาษลงั ลูกฟูก

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > กจิ กรรมสายคล้องแมส อุปกรณ์ -ไหมพรม/เอน็ ใส -ตะขอสร้อยหรือคลิปลวดหนีบ กระดาษ -ลกู ปัดจากกระดาษเหลือใช้ กระดาษสี (ขนาดตา่ งๆ) -หลอดพลาสติก (ขนาดต่างๆ) -กรรไกร -เขม็ (สาหรับการร้อย)

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > กจิ กรรมโมบาย อปุ กรณ์ -ตะเกียบหรือกิ่งไมย้ าวประมาณ 20 เซนติเมตร -ไหมพรมหรือเอน็ ใส -ฝาขวดน้า -ลูกปัดจากกระดาษเหลือใช้ กระดาษสี (ขนาดต่างๆ) -หลอดพลาสติก (ขนาดต่างๆ) -กรรไกร -เขม็ (สาหรับการร้อย)

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > กจิ กรรมร้อยสร้อยคอ อุปกรณ์ -ลกู ปัดจากกระดาษเหลือ ใช้ กระดาษสี (ขนาดตา่ งๆ) -หลอดพลาสติก (ขนาด ตา่ งๆ) -ไหมพรมหรือเอน็ ใส -กรรไกร -เขม็ (สาหรับการร้อย)

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > กจิ กรรมร้อยสร้อยข้อมือ อุปกรณ์ -ไหมพรมหรือเอน็ ใส -ลูกปัดจากกระดาษเหลือ ใช้ กระดาษสี (ขนาดตา่ งๆ) -หลอดพลาสติก (ขนาด ต่างๆ) -คลิปหนีบกระดาษ -กรรไกร -เขม็ (สาหรับการร้อย)

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > กจิ กรรมร้อยเชือกรองเท้า อุปกรณ์ -กระดาษแขง็ -ไหมพรม -สีไม้ สีน้าหรือสีอื่นๆที่หาได้ -อุปกรณ์การตกแตง่ ที่สามารถหาได้ -ดินสอ -ไมบ้ รรทดั -กรรไกรหรือมีดคดั เตอร์

< Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec > แบบการร้อยเชือกรองเท้า

สะท้อนกิจกรรมการรอ้ ย จะมีการทาลูกปดั จากกระดาษหลายชนิด เชน่ กระดาษหนงั สอื พิมพ์ กระดาษนิตยาสาร การดาษสี กระดาษเหลือใช้ตา่ งๆ เป็น ตน้ และยังมกี ารร้อยแบบสร้างสรรค์ การรอ้ ยเชิงอนุกรมและการรอ้ ยตามแบบ (ใน 5 กจิ กรรมตอ้ งทาใหค้ รบการรอ้ ยทั้งสาม) -การร้อยสร้างสรรค์ คือ การร้อยทสี่ ามารออกแบบไดเ้ องตามตามจนิ ตนาการ -การร้อยเชงิ อนุกรม คือ การเรยี งลาดับตามรูปแบบท่กี าหนดให้ในแตล่ ะรปู แบบจะเรียงลาดบั กันเปน็ ชุด ๆ ตวั อย่าง การเรียงสลบั สีตามลาดบั เชน่ สนี ้าเงนิ สีแดง สีนา้ เงนิ สีแดง เปน็ ต้น -การร้อยตามแบบสว่ นใหญ่จะเปน็ การร้อยเชือกรองเท้า เพราะมีตัวอย่างจากคลิปวดิ โี อ

สะทอ้ นกิจกรรมการร้อย กจิ กรรมท่ี 1 กจิ กรรมการรอ้ ยสายคลอ้ งแมส เป็นกิจกรรมท่ีนาลูกปดั จากกระดาษท่ีทาเตรียมไว้มาร้อยกับเอ็นใสหรือไหมพรมแล้วนาปลายท้ังสองด้านผูกเข้ากับคลิป ลวดหนีบกระดาษเมอ่ื จะใชง้ านสามารถนาหแู มสมาคล้องกบั คลปิ ลวดหนีบกระดาษ จากกิจกรรมเด็กได้พัฒนาการตา่ ง ๆ ได้แก่ 1. ดา้ นสมอง = ไดใ้ ชส้ มองซกี ขวาในการออกแบบผลงานตามจินตนาการ ได้เรยี นร้ถู ึงกระบวนการในการสรา้ งผลงาน และใชส้ มองซกี ซ้ายในการใช้ภาษาที่จะสอ่ื สารเก่ียวกบั ผลงานของตนเอง 2. ดา้ นรา่ งกาย = ได้ใชก้ ลา้ มเนอ้ื มดั เล็กในการหยิบจับอุปกรณ์และลงมือทา ไดฝ้ กึ การใช้การประสานสมั พันธร์ ะหวา่ งมอื กับตาในการรอ้ ย 3. ด้านภาษา = ไดส้ ่ือสารความรูส้ กึ และถา่ ยทอดความคิดผ่านผลงาน เชน่ อธิบายวิธีการนาผลงานไปใช้การต้งั ช่อื ผลงาน เป็นตน้

สะทอ้ นกิจกรรมการร้อย กจิ กรรมท่ี 2 กจิ กรรมการรอ้ ยโมบายหรือมลู่ ่ี เปน็ กิจกรรมทีน่ าสง่ิ ของเหลอื ใชม้ าสรา้ งสรรคใ์ ห้เกิดผลงาน เชน่ ขวดน้า ฝาขวดน้า หลอดพลาสติกหรอื วสั ดุจาก ธรรมชาติ เชน่ กง่ิ ไม้เป็นตน้ จากกิจกรรมเด็กได้พฒั นาการต่าง ๆ ได้แก่ 1. ด้านสมอง = เกดิ กระบวนการคิดและออกแบบผลงานของตนเองวา่ จะใช้วสั ดุเหลอื ใช้หรอื วัสดจุ ากธรรมชาติอะไรมา สรา้ งสรรคผ์ ลงาน และออกแบบว่าจะสร้างผลงานเปน็ โมบายหรอื มลู่ ี่ ซง่ึ ท้งั โมบายและมู่ลจี่ ะมวี ธิ ที าท่ีคล้ายกนั แต่จะมรี ูปแบบที่ ตา่ งกัน เป็นการกระตุ้นสมองท้ังซีกซ้ายในการคดิ วางแผนออกแบบ และซีกขวาในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานตวั เองออกมาตาม จนิ ตนาการ 2. ด้านรา่ งกาย = ได้ใช้กลา้ มเนอื้ มัดเลก็ ในการหยิบจบั อุปกรณ์ การใชก้ รรไกร การมัดเชือก ไดฝ้ กึ การใช้การประสาน สมั พันธร์ ะหว่างมอื กับตาในการร้อย 3. ด้านภาษา = ไดอ้ ธบิ ายอุปกรณท์ นี่ ามาใชใ้ นการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน สามารถสื่อสารได้วา่ ผลงานของตวั เองประกอบไป ด้วยอะไรบ้างและสามารถตงั้ ชื่อผลงานของตนเอง

สะทอ้ นกิจกรรมการรอ้ ย กิจกรรมท่ี 3 กจิ กรรมการรอ้ ยสรอ้ ยคอ (แบบมีระย้า) หรอื การร้อยเครอ่ื งแขวนจากดอกไมส้ ด เปน็ กิจกรรมท่นี าลูกปดั จากกระดาษท่เี ตรยี มไวม้ าร้อยใสเ่ อ็นในหรอื ไหมพรมจากนน้ั ให้เพิ่มระยา้ ของสรอ้ ยคอหรอื หากรอ้ ย เคร่อื งแขวนจากดอกไมส้ ดจะทาใหเ้ หน็ ระยา้ ได้ชัดขนึ้ จากกิจกรรมเดก็ ไดพ้ ัฒนาการต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1.ด้านสมอง = ได้ออกแบบผลงานและเกดิ กระบวนการคิดว่าจะเพมิ่ ระย้าของสรอ้ ยคอไดอ้ ยา่ งไรและจะออกแบบการ รอ้ ยแบบอนุกรมอย่างไรถ้าหากจะรอ้ ยเป็นอนุกรม จะเลอื กการร้อยแบบไหนมาสรา้ งเปน็ ผลงานตนเองจนเกิดทกั ษะ EF ระหวา่ งทา ผลงานเราได้ใช้จินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรคอ์ อกมา กระตุน้ สมองทง้ั ซีกซา้ ยและซีกขวา 2. ด้านร่างกาย = ไดใ้ ช้กล้ามเนื้อมดั เลก็ ในการหยิบจบั อปุ กรณ์ การทาลกู ปัด การเตรียมดอกไม้ การสร้างผลงานและได้ ฝึกการใช้การประสานสมั พนั ธ์ระหวา่ งมอื กับตา เปน็ ตน้ 3. ด้านภาษา = ต้งั ชอ่ื และถา่ ยทอดเรอื่ งราวพร้อมอธบิ ายผลงานของตวั เองได้ เรยี นร้ชู ื่อวสั ดอุ ปุ กรณร์ ู้จกั อปุ กรณม์ าก ยง่ิ ขึ้นและสามารถอธบิ ายอปุ กรณ์ทนี่ ามาใช้ในการสรา้ งผลงานได้

สะทอ้ นกิจกรรมการรอ้ ย กจิ กรรมท่ี 4 กิจกรรมการร้อยสร้อยขอ้ มือ เปน็ กิจกรรมทนี่ าลกู ปดั ทท่ี าจากกระดาษตา่ งๆ หลายชนิดและหลายขนาดมาร้อยกบั เอน็ ใสหรอื ไหมพรมโดยสามารถวดั ขนาดความยาวของเอ็นใสหรือหรือไหมพรมไดจ้ ากการนามาวดั ท่ีข้อมือตนเอง สามารถรอ้ ยแบบอนกุ รมหรอื สรา้ งสรรคก์ ไ็ ด้ จาก กจิ กรรมเด็กได้พฒั นาการตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ 1.ด้านสมอง = ได้ใช้สมองซกี ขวาในการสร้างสรรค์ผลงานตามจนิ ตนาการทาใหเ้ กิดเกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ได้ฝกึ การทา ผลงานโดยมขี นั้ ตอนมีการออกแบบผลงานของตัวเองผ่านกระบวนการคดิ และใชส้ มองซกี ซา้ ยในการใชภ้ าษาทจี่ ะส่อื สารเกี่ยวกับ ผลงานของตนเอง 2. ดา้ นร่างกาย = ได้ฝึกการใช้การประสานสัมพนั ธร์ ะหว่างมือกับตา ได้ใช้กลา้ มเนอื้ มัดเล็กในการหยิบจบั อปุ กรณ์ การ ทาลูกปัด การรอ้ ย เป็นต้น 3. ด้านภาษา = สามารถอธิบายไดว้ า่ ในผลงานใช้อปุ กรณ์อะไรบ้างในการรอ้ ยและอธิบายไดว้ า่ ตนเองใช้ร้อยแบบใด สามารถถ่ายทอดและเล่าเรอื่ งผลงานของตนเองได้

สะทอ้ นกจิ กรรมการร้อย กจิ กรรมที่ 5 กิจกรรมการร้อยเชอื กรองเท้า เปน็ กจิ กรรมที่สามารถนารองเทา้ จริงมาร้อยและสามารถประดษิ ฐ์รองเท้าจากกระดาษแขง็ นามาเจาะรูแล้วใชไ้ หมพรม แทนเชือกรองเท้าไดส้ ว่ นใหญ่จะเปน็ การร้อยตามแบบ อาศยั การดแู บบการร้อยใหม่ ๆ จากคลปิ วิดีโอใน youtube จากกิจกรรม เดก็ ได้พัฒนาการต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1.ด้านสมอง = ไดใ้ ช้สมองซีกซ้ายในการทาผลงานผ่านกระบวนการขนั้ ตอนการรอ้ ยตา่ ง ๆ จดจาวธิ กี ารรอ้ ยแบบใหม่ ๆ จาก youtube และหากเรารอ้ ยผดิ รูหรอื ทาตามคลิปไมท่ ันจึงทาให้เราต้องหาถงึ สาเหตุและแกไ้ ขปญั หา ในการรอ้ ยจะไดใ้ ชส้ มองซกี ขวาในการจนิ ตนาการและสรา้ งสรรคก์ ารร้อยแบบใหมข่ ึน้ มา 2. ดา้ นร่างกาย = ไดใ้ ชก้ ลา้ มเนอ้ื มัดเล็กจากการรอ้ ย และได้ฝึกการใช้การประสานสมั พนั ธ์ระหวา่ งตาและมอื 3. ดา้ นภาษา = สามารถฟงั การอธิบายวิธกี ารร้อยและเกดิ ความเข้าใจและสามารถทาตามได้ สามารถพดู อธิบายวธิ ีการ รอ้ ยท่ีตนเองรอ้ ยได้ สามารถอธบิ ายขั้นตอนการร้อยได้

ผลงานกจิ กรรมการป้นั

นางสาวภาวินี บาดกระโทก นางสาวอรวรรณ กว้ั ประดบั นางสาวกฤตพร เดชพุ่ม นางสาวชตุ ิกาญจน์ ประภยั ภกั ด์ิ รหัสนกั ศกึ ษา 63121860001 รหสั นักศึกษา 63121860015 รหสั นักศึกษา 63121860016 รหัสนกั ศกึ ษา 63121860019 นางสาวพัชนดิ า อินอุเทน นางสาววาสนา บุญโพธิ์ นางสาวพลอยพมิ ล ศรหี าวัตร นางสาวพาตเี มาะ นนิ าแว รหัสนักศึกษา 63121860024 รหัสนกั ศึกษา 63121860038 รหสั นักศกึ ษา 63121860041 รหสั นักศกึ ษา 63121860046

กลมุ่ ที่ 5 กจิ กรรมศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย จากการใช้สธี รรมชาติและวสั ดุธรรมชาติ

กจิ กรรมที่ 1 ปะตดิ วัสดุ 1.กะลามะพรา้ ว 2.ดอกไม้ 10-25ดอก 3.เมลด็ ขา้ ว เมล็ดพชื อย่างละ 100 กรมั อุปกรณ์ 1.กาวน้า ขั้นตอนการทา 1.เตรียมวัสดุและอุปกรณ์ 2.ทากาวลงบริเวณพ้ืนผิวที่ตอ้ งการตดิ บนกะลา 3.นาดอกไมแ้ ละเมล็ดขา้ ว เมล็ดพชื ที่เตรียมไว้มา ติดใหส้ วยงาม

กจิ กรรมที่ 2 รดู สี วสั ดุ 1.ใบเตย อญั ชัน ขม้นิ แกว้ มงั กร มะมว่ งหาวมะนาวโห่ อุปกรณ์ 1.ดาษ A4 1 แผน่ 2. แกว้ ใส่สี 5 ใบ 3.หม้อตม้ 4. เชอื กปาน ขนั้ ตอนการทา 1.เตรียมวสั ดแุ ละอปุ กรณ์ 2.นาใบเตย อญั ชนั ขมน้ิ แก้วมังกร มะม่วงหาวมะนาวโห่ ไปตม้ ให้เกดิ สี 3.ใช้เชอื กรดู สี

กจิ กรรมที่ 3 ป้ันตำมจนิ ตนำกำร วสั ดุ 1.ดินเหนยี ว 1 กิโล 2. นา้ อุปกรณ์ 1.ถุงมือ 2.กระดาษ ขนั้ ตอนการทา 1.เตรียมวัสดแุ ละอปุ กรณ์ 2.นวดดินเหนียวใหน้ ุ่ม พร้อมปนั้ 3.ข้นึ รปู ดนิ เหนยี ว เปน็ รูปทรงตา่ งๆ 4.ดาไปตากแดด

กจิ กรรมที่ 4 รอ้ ยพวงมำลยั /โมบำย วัสดุ 1.ดอกรกั 20-25 ดอก 2. ดอกดาวเรือง 4 ดอก อุปกรณ์ 1.เข็มร้อยพวงมาลยั 2.ดา้ ย 3.กรรไกร ขัน้ ตอนการทา 1.เตรยี มวัสดุและอปุ กรณ์ 2.ร้อยดอกเข็มและดอกไม้ตามทรงท่ตี ้องการ 3.อุบะ 2 ขาโดยใส่ดอกรักและปดิ ทา้ ยด้วยดอก ดาวเรืองและผกู ปม

กจิ กรรมที่ 5 ถกั สำน วสั ดุ 1.พรา้ ว 5 ใบ 2. กา้ นมะพร้าว 5 กา้ น อปุ กรณ์ 1.วหรอื ขวด 1 ใบ 2.เชือกป่าน ยาว 20 ซม. 3.กรรไกร ข้ันตอนการทา 1.เตรยี มวสั ดุและอปุ กรณ์ 2.ตัดใบมะพรา้ วแล้วนามาพบั เปน็ ปลา 3.กรรไกรตกแตง่ ใหส้ วยงามและใชเ้ ชือกปานมาถัก แลว้ พนั รอบแก้ว

สะท้อนกิจกรรมศิลปะสาหรับเดก็ ปฐมวัยจากการใชส้ ีธรรมชาตแิ ละวสั ดุธรรมชาติ กิจกรรมที่ 1 การรอ้ ยพวงมาลยั เป็นกจิ กรรมที่ใชว้ สั ดุทน่ี ามารอ้ ยจากธรรมชาติ จะเปน็ การเอาดอกไม้และใบไมต้ า่ งๆ ทห่ี าไดใ้ กลต้ ัวมาร้อยสรา้ งสรรค์เป็นพวงมาลยั ใน รปู แบบตา่ ง ๆ จากการทากจิ กรรมการร้อยพวงมาลัยเดก็ ไดร้ บั พฒั นาการทงั้ 4 ด้าน ดงั นี้ 1. ด้านรา่ งกาย คอื เด็กบังคบั กลา้ มเน้อื มอื ในการหยิบจับวสั ดอุ ุปกรณ์ตา่ งๆ ฝึกการใชป้ ระสารสัมพันธร์ ะหวา่ งมือกบั ตา เช่น การหยบิ จับดอกไมม้ ารอ้ ยลงเข็ม และได้ใช้กล้ามเน้อื มดั ใหญ่ในการเดินไปหยบิ วสั ดอุ ปุ กรณ์มาลงมอื ทา การเกบ็ วสั ดุอปุ กรณใ์ ห้เรียบรอ้ ย 2. ดา้ นอารมณ์ คือ เด็กจะไดค้ วามพงึ พอใจตอ่ ผลงานการรอ้ ยพวงมาลยั ทตี่ นเองทาและสามารถอธบิ ายความร้สู กึ ในระหว่างการทา กจิ กรรม เชน่ เด็กรสู้ ึกมคี วามสขุ และสนกุ ท่ไี ดค้ ิด ออกแบบหรือสรา้ งสรรคร์ ูปแบบของพวงมาลัยตามจนิ ตนาการของตวั เด็กเอง 3. ดา้ นสังคม คอื เด็กจะไดร้ ู้จกั วัสดุตา่ งๆท่เี ปน็ ธรรมชาติ เดก็ ช่วยเหลือตนเองในระหว่างการทากจิ กรรมได้ เช่น การร้อยดา้ ยเขา้ กับ เขม็ และเมือ่ ทากจิ กรรมเสร็จตอ้ งเกบ็ วัสดุอปุ กรณ์ให้เรยี บร้อย และเดก็ ยังได้รูจ้ กั การแบ่งปัน การเขา้ หาคนอืน่ เช่น เมอื่ มีวสั ดอุ ุปกรณ์ ของตนเองท่ีชารดุ หรือมีไมพ่ อใจกไ็ ปขอแบ่งจากเพอื่ น 4. ด้านสติปัญญา คอื เดก็ จะมที กั ษะการใชภ้ าษาอธิบายผลงาน ถ่ายทอดความรสู้ ึกของตวั เอง ในการออกมาเลา่ ให้เพอ่ื นร่วมชนั้ ฟงั หน้าหอ้ งและเด็กไดฝ้ กึ ความคดิ สร้างสรรค์กบั จินตนาการในการรอ้ ยพวงมาลัยในแบบต่างๆทเ่ี ดก็ ชอบ

สะทอ้ นกิจกรรมศลิ ปะสาหรับเดก็ ปฐมวยั จากการใช้สีธรรมชาติและวสั ดธุ รรมชาติ กิจกรรมที่ 2 การป้นั “ศลิ ปะการปัน้ ” เปน็ การสง่ เสรมิ พัฒนาการในดา้ น “มติ สิ มั พนั ธ์” และกล้ามเนือ้ มอื ใหก้ บั เดก็ เปน็ อยา่ งดี เชน่ มีการหยบิ จับไดค้ ลอ่ ง เขยี นหนงั สือได้ดีขึ้น โดยเฉพาะความแข็งแรงของกลา้ มเนอื้ มือน้ัน มีความสาคัญกับเด็กมาก เหน็ ได้จากผลการศึกษาของ “เพียเจท”์ นกั จติ วทิ ยาชาวสวิสเซอรแ์ ลนด์ เกย่ี วกับการพฒั นาการเด็ก พบวา่ ความสามารถในการคิดและทักษะทางภาษาของเด็กเกีย่ วโยงกับ พ้ืนฐานและประสบการณด์ า้ นกล้ามเนอ้ื เดก็ จะไมส่ ามารถพฒั นาทางภาษาได้ ถา้ ปราศจากพื้นฐานที่ม่ันคงทางดา้ นประสบการณอ์ อก กาลังกายและการหยิบจบั ส่งิ ของรอบ ๆ ตัว เพราะเดก็ ปฐมวัยจะเรียนรูจ้ ากการที่ไดส้ มั ผสั กบั สอื่ วัสดุตา่ ง ๆ ผ่านประสาทสมั ผสั ทั้งหา้ การปน้ั ชว่ ยพฒั นาทกั ษะท้ัง 2 ด้าน คอื ดา้ นกายภาพ เปน็ การพฒั นากล้ามเน้ือมอื กล้ามเนอ้ื มัดเล็ก และน้วิ มือ ในการนวด คลึง และ ป้ัน สว่ นดา้ นท่ี 2 คอื เรอ่ื งของอารมณ์ งานปนั้ แป้งโดว์จะช่วยฝึกสมาธิทาใหเ้ ดก็ ซนสามารถน่งั และจดจ่ออยู่กบั สง่ิ ทีท่ าได้นานขึน้ นอกจากน้ียังจะช่วยในเร่อื งของมติ สิ มั พนั ธ์ ทาให้เด็กสามารถมองภาพท่ีเป็น 3 มติ ิ ได้ดขี น้ึ

สะทอ้ นกจิ กรรมศิลปะสาหรับเดก็ ปฐมวัยจากการใชส้ ธี รรมชาติและวสั ดุธรรมชาติ กิจกรรมที่ 2 การป้นั (ตอ่ ) ประโยชน์ของการปั้น 1. พฒั นากลา้ มเนือ้ มอื กลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ มือและน้วิ มือในการนวด คลงึ และปัน้ 2. พฒั นากล้ามเนื้อมือกล้ามเนือ้ มัดใหญ่ แขนหยิบจบั เลน่ 3. พัฒนาประสาทสมั พนั ธ์ สอดคล้องระหวา่ งตากับมอื ระหว่างท่ีปน้ั 4. พัฒนาทกั ษะทางด้านภาษาในการอธิบายผลงานของตนเอง 5. พฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์และเสริมสร้างจนิ ตนาการ 6. ฝกึ สมาธทิ าใหเ้ ดก็ จดจ่อกับงานทีท่ าได้นานมากขึ้น 7. ผอ่ นคลายอารมณ์เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินขณะทากจิ กรรม 8. เสรมิ สรา้ งความภูมิใจในตัวเอง พงึ พอใจในผลงานของตน 9. พัฒนาการทางดา้ นสังคม โดยเด็กสามารถเลน่ รว่ มกบั เพื่อน พ่นี อ้ ง พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และญาตผิ ูใ้ หญไ่ ด้

สะท้อนกิจกรรมศิลปะสาหรับเดก็ ปฐมวยั จากการใช้สธี รรมชาตแิ ละวสั ดธุ รรมชาติ กิจกรรมท่ี 3 การรูดสีจากธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่ใช้สีในการรูดจากธรรมชาติ รือการเอาสีจากดอกไม้ ผลไม้ และไบไม้ต่างๆ มาทาให้เกิดสีด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ผลไม้ แกว้ มงั กรสีแดง เอามาหนั่ เปน็ ชน้ิ เล็กๆแลว้ เอามอื ขยาพร้อมกับเตมิ น้าเปลา่ เล็กนอ้ ยจากนนั้ กก็ รองเอาน้าออกมา กิจกรรมการรูดสีการ ธรรมชาติน้ีเด็กไดพ้ ัฒนาการทัง้ 4 ด้านคอื 1.พัฒนาการทางด้านร่างกาย เด็กได้ใช้พัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อใหญ่ในการขยับส่วนแขนในการดึงเชือกรูดสี กล้ามเน้ือเล็ก เป็น การที่เด็กใช้น้ิวมือและมือในการรูดสีบนกระดาษ และพัฒนาประสาทสัมพันธ์ระหว่างตากับมือในการตรวจดูความถูกต้องและความ สวยงามของงาน 2.พัฒนาการทางด้านสังคม เด็กมีทักษะในการเรียนรู้สีที่เกิดจากทาธรรมชาติ การทางานร่วมกับผู้อ่ืน เรียนรู้จากกันและกัน แลกเปลีย่ นและยอมรับความคดิ เห็นของผ้อู น่ื ในการอธิบายกจิ กรรมของตวั เอง และการรจู้ ักแบ่งปันวสั ดสุ ิง่ ของใหก้ นั 3. พัฒนาการทางด้านอารมณ์-จิตใจ จากการทากิจกรรมน้ีเด็กได้สร้างความเช่ือมั่นในตนเอง เห็นคุณค่าและภูมิใจในตนเองในการ ถ่ายทอดแสดงผลงานในแบบที่ตนเองจินตนาการออกมาให้ผู้อื่นรับรู้ การคิดดีและช่ืนชมในผลงานของผู้อื่น เป็นการสร้างวินัยและ ความรบั ผิดชอบต่องานของตนเองและเด็กเกดิ สุนทรยี ภาพ

สะท้อนกิจกรรมศลิ ปะสาหรับเด็กปฐมวัยจากการใชส้ ีธรรมชาติและวัสดุธรรมชาติ กิจกรรมท่ี 3 การรูดสีจากธรรมชาติ (ต่อ) 4.พัฒนาการทางดา้ นสตปิ ัญญา : เด็กไดม้ ีความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการในการสรา้ งสรรค์และคิดค้นรปู แบบผลงานการรดู สีท่ี ตนเองชนื่ ชอบ เชน่ การรูดออกมาใหเ้ ป็นดอกไม้ที่สวยงาม เด็กได้รจู้ กั แก้ปัญหา ทางานแบบมรี ะบบ วางแผน ตดั สนิ ใจ และลงมือ ปฏบิ ตั ิรจู้ ักคิดและชี้แจงเหตผุ ล สังเกต และเปรยี บเทียบ

สะทอ้ นกจิ กรรมศลิ ปะสาหรบั เดก็ ปฐมวยั จากการใชส้ ธี รรมชาติและวสั ดธุ รรมชาติ กิจกรรมที่ 4 การปะติด เป็นกิจกรรมท่ีที่ใช้วัสดุอุปกรณ์จากแหล่งธรรมชาติ ก็คือการเอากะลามะพร้าวมาทาเป็นท่ีใส่ดินสอหรือสิ่งของต่างๆ ที่ไว้ประดับ ตกแตง่ โดยกะลามะพร้าวทหี่ ามาได้จะเอามาตกแต่งคือการนาเมลด็ พชื ขนนก ข้าวสาร ก่ิงไม่ หรอื ส่งิ ตา่ งๆทหี่ าไดจ้ ากธรรมชาติมาทา กาวแล้วติดกับกะลาให้สวยงามให้เกิดเป็นภาพหรือรูปร่างต่าง ๆ ตามจินตนาการ กิจกรรมการปะติดนี้เด็กได้พัฒนาการจากการทา กจิ กรรมทั้ง 4 ดา้ นคอื 1.ด้านร่างกาย คือ การช่วยให้เด็กได้ฝึกมีกล้ามเน้ือมือท่ีแข็งแรงและสามารถบังคับกล้ามเนื้อมือไปในทิศทางต่าง ๆ ได้อย่าง คลอ่ งแคล่วในการทากิจกรรมปะตดิ จากการนาวัสดุทห่ี ามาได้จากธรรมชาติมาปะ ติด ตกแต่งตามกะละให้เป็นรูปร่างตามจินตนาการ และได้ฝึกการประสานสัมพันธ์ของตากับมือกับเพิ่มสมาธิ 2.ดา้ นสงั คม คือ การทใี่ หเ้ ด็กได้ลองลงมอื ทากิจกรรมหรือลองเล่น ทาให้เด็กไดม้ ีโอกาสปฏิสมั พนั ธ์กับผอู้ ื่นจากการเล่าผลงานของตอน เอง ช่วยให้มีโอกาสฝึกวิธีเข้าสังคมเรียนรู้การที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น เด็กจะเรียนรู้การรอคอย การเล่นเรียนรู้วิธีเล่นกับผู้อื่น เรียนรู้การ แบ่งปัน

สะทอ้ นกจิ กรรมศิลปะสาหรบั เด็กปฐมวัยจากการใช้สธี รรมชาตแิ ละวสั ดธุ รรมชาติ กิจกรรมท่ี 4 การปะตดิ (ต่อ) 3.ด้านอารมณ์จิตใจ คือ จากท่ีเด็กได้ทากิจกรรมประติดน้ีเด็กได้ความสนุกสนาน มีจินตนาการในการออกแบบการติดวัสดุต่างๆ ตกแตง่ บนกะลามะพรา้ วใหม้ คี วามสวยงามตามทตี่ นเองคิดไวแ้ ล้วออกมาเป็นผลงาน 4.ด้านสตปิ ัญญา คือ เป็นการให้เด็กคิดสร้างสรรค์ผลงานปะติดตามรูปร่างที่ตนเองชอบเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็กมีความใฝ่รู้ ได้แสดง ความสามารถ กล้าแสดงความคดิ เห็น โดยปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ เปน็ คนรูจ้ ักคิด ฝึกใหส้ ังเกตสง่ิ ของธรรมชาติรอบตัว ให้ความสนใจในสิ่งที่เด็ก ทา ให้เด็กไดม้ โี อกาสเรยี นรจู้ ากการลองผิดลองถกู ในเรื่องตา่ งๆ ให้เดก็ ได้ฝกึ คดิ แก้ปัญหาต่างๆดว้ ยตวั เอง

สะท้อนกจิ กรรมศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัยจากการใช้สีธรรมชาติและวสั ดุธรรมชาติ กจิ กรรมที่ 5 การถกั และสานจากวัสดธุ รรมชาติ เปน็ กจิ กรรมทเ่ี ปน็ การเอาใบมะพร้ามมาสานเปน็ รูปตา่ งๆตามใจชอบและการนาเชอื กปา่ นมาถักตกแต่งเช่น การนาใบมะพร้าวมาสาน เปน็ รปู นกหรือรูปปลาแลว้ เอาเชือกที่ถกั แล้วมารอ้ ยหรือผูกตดิ กบั รปู รา่ งท่ีสานได้ กิจกรรมน้เี ด็กไดพ้ ฒั นาการทง้ั 4 ด้านคอื 1.ด้านร่างกาย คือการที่เด็กได้ใช้กล้ามเน้ือนิ้วมือ การทางานประสานสัมพันธ์ระหว่ามือกับตาในการหยิบจับวัสดุต่างที่จะนามา สร้างสรรค์ผลงาน เช่น การนาใบมะพร้าวและเชือกที่สารให้เป็นรูปต่างๆตามที่ต้องการ การเก็บวัสดุอุปกรณ์เม่ือทางานศิลปะเสร็จ แลว้ ใหเ้ รียบรา้ ย 2.ดา้ นสังคมคม คอื เด็กได้รู้จักการรอคอยในการท่ีจะใช้อุปกรณ์บางส่วนร่วมกับผู้อ่ืนและเรียนรู้การแบ่งปันของซึ่งกันและกัน เด็กได้ ทางาน ได้แสดงความคดิ เหน็ และเล่าผลงานที่ตนทาให้ผู้อื่นรับรู้ถึงสิ่งท่ีตนเองทาเป็นการให้เด็กได้กล้าที่จะแสดงออกท้ังทางความคิด และทางดา้ นความกลา้

สะทอ้ นกจิ กรรมศิลปะสาหรับเดก็ ปฐมวัยจากการใช้สีธรรมชาติและวัสดุธรรมชาติ กจิ กรรมท่ี 5 การถักและสานจากวสั ดุธรรมชาติ (ต่อ) 3.ดา้ นอารมณ์ คือ จากการทเี่ ดก็ ไดท้ ากจิ กรรมถกั สานน้ัน เป็นการให้เดก็ ไดช้ ่นื ชมผลงานท้งั ของตนเองและผู้อ่นื เป็นการสร้างสรรค์ส่ิง ที่สวยงามตามท่ีตนเองจินตนาการออกมาทาให้เด็กเกิดความสุขและสนุกในการทากิจกรรมและเกิดเป็นภาพผลงานที่สมบูรณ์ตามท่ี เดก็ ตอ้ งการ 4.ด้านสติปัญญา คือ การท่ีเด็กได้เรียนรู้ในด้านความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้เกี่ยวกับรูปร่างหรือลักษณะสิ่งท่ีจะถักสานออกมาเป็น ผลงาน และการใช้ภาษาในการส่ือสารด้วยการพูดเล่าผลงานท่ีตนเองได้ถ่ายทอดออกมาว่ามีอะไรบ้างให้เพ่ือนและคุณครูได้ฟัง

ผลงานกิจกรรมศิลปะสาหรบั เด็กปฐมวยั จากการใช้สธี รรมชาตแิ ละวัสดุธรรมชาติ

นางสาวอาทิตยา สัมมากิจ นางสาวชณญั ญา เดชสุภา นางสาวณชิ า อฒุ าธรรม นางสาวลภัสรดา จติ รีปลมื้ รหัสนกั ศกึ ษา 63121860004 รหัสนกั ศึกษา 63121860005 รหสั นักศึกษา 63121860009 รหสั นกั ศกึ ษา 63121860010 นางสาวเกศนิ ี ภัทรารุ่งโรจน์ นางสาวสปุ รียา แสนสระ นางสาวชนม์นภิ า เงินเอ่ียม นางสาววราภรณ์ แก้ววจิ ติ ร์ รหสั นักศึกษา 63121860032 รหัสนกั ศกึ ษา 63121860033 รหัสนกั ศึกษา 63121860047 รหัสนักศึกษา 63121860048


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook