การประชมุ เชงิ วชิ าการ การวจิ ยั สงั คมวทิ ยาเพอื การพฒั นา ครงั ที 1 เหลยี วหนา้ แลหลงั ประเทศไทย หลกั สตู รศลิ ปศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าสงั คมวทิ ยาเพอื การพฒั นา วชิ าเอกการวจิ ยั สงั คมวทิ ยาเพอื การพฒั นา
ก คำนำ หนงั สือรวบรวมผลงำนวิจัยเล่มนี้ถอื เป็นผลงำนทำงวิชำกำรของนิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรศิลปศำสตร์บัณฑิต สำขำวิชำสังคมวิทยำเพื่อกำรพัฒนำ วิชำเอกกำรวิจัย สังคมวทิ ยำเพ่ือกำรพัฒนำ คณะสังคมศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ที่ได้จำก กำรปฏิบัติงำนวิจัยที่ผ่ำนกำรเรียนรู้ทั้งทำงภำคทฤษฎีสและภำคปฏิบัติ ซึ่งนิสิตได้ทำ กำรคัดเลือกโจทย์หรือประเด็นกำรวิจัยในมิติของสังคมวิทยำที่ตนมีควำมสนใจเพื่อ สร้ำงเป็นชุดข้อมูลทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมและประเทศ หนังสอื เล่มนีม้ จี ุดประสงค์เพอื่ รวบรวมผลงำนวิจยั ของนสิ ิตชั้นปีท่ี 4 หลักสูตร ศิลปศำสตร์บัณฑิต สำขำวิชำสังคมวิทยำเพื่อกำรพัฒนำ วิชำเอกกำรวิจัยสังคมวิทยำ เพื่อกำรพัฒนำ คณะสังคมศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประจำปีกำรศึกษำ 2563 เพื่อถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้จำกกำรนำเสนอผลงำนวิจยั ของนิสิตสู่กำรพัฒนำสังคม และประเทศที่เหลื่อมล้ำ อกี ทง้ั หนังสอื เลม่ นี้ยงั เป็นชุดข้อมลู สำคญั ต่อกำรศึกษำวิจัยใน ประเด็นทำงสังคมวิทยำ หรือประเดน็ อื่น ๆ ที่มีควำมเกีย่ วข้องซึ่งเป็นกำรศกึ ษำที่เปดิ พื้นที่ควำมรู้ต่อโลกที่เหลื่อมล้ำในมิติต่ำง ๆ ของสังคมจึงเป็นที่มำของหัวข้อ “เหลียว หน้ำแลหลังประเทศไทย” คณะผู้จัดทำหนังสือรวบรวมผลงำนวิจัย ขอกรำบขอบพระคุณในควำม อนุเครำะห์ขององค์กร หน่วยงำน รวมถึงชุมชนต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ให้กำรสนับสนุน นิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรศิลปศำสตร์บัณฑิต สำขำวิชำสังคมวิทยำเพื่อกำรพัฒนำ วิชำเอกกำรวิจัยสังคมวิทยำเพื่อกำรพัฒนำ คณะสังคมศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรี นครินทรวิโรฒ ที่ได้รับควำมเมตตำในกำรเข้ำเก็บข้อมูลที่สำคัญอันเป็นประโยชน์ต่อ ผลงำนวจิ ยั และทีส่ ำคัญเปน็ ประโยชนร์ ะหว่ำงผ้รู ับขอ้ มูลและผูใ้ ห้ข้อมูล สุดท้ำยน้ีหวัง ว่ำหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร หน่วยงำน รวมถึงชุมชน หรือประชำชน ท่วั ไปทีม่ คี วำมสนใจให้สำมำรถนำชุดข้อมูลน้ีเปน็ แนวทำงในกำรพฒั นำหรือขับเคล่ือน สังคมและประเทศชำตติ อ่ ไปในอนำคต คณะผจู้ ดั ทำ หลกั สตู รศลิ ปศำสตรบณั ฑติ สำขำวชิ ำสงั คมวทิ ยำเพอ่ื กำรพฒั นำ วชิ ำเอกกำรวจิ ยั สงั คมวทิ ยำเพอื่ กำรพฒั นำ คณะสงั คมศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
ข สำรบญั เรอื่ ง หนำ้ คำนำ ก สำรบญั ข บทปำฐกถำพเิ ศษ 1 Part 1 สงั คม กฎหมำย นโยบำย ควำมเหลอื่ มลำ้ 16 กำรศึกษำแนวทำงกำรนำนโยบำยกำรควบคุมและป้องกนั 17 โรคติดตอ่ โควดิ 19 ในกลมุ่ คนไรบ้ ำ้ นไปปฏิบัติ กำรศกึ ษำผตู้ อ้ งขังก่อนพน้ โทษในกำรวำงแผนใชช้ วี ิต 18 เพื่อกลบั สูส่ งั คม กรณศี ึกษำ : เรือนจำกลำงบำงขวำง อำเภอนนทบรุ ี จังหวดั นนทบุรี กำรศกึ ษำพฤตกิ รรมท่กี อ่ ใหเ้ กดิ กำรระรำนผอู้ น่ื บนโลกไซเบอร์ 19 กำรศึกษำทัศนคตเิ ก่ียวกบั อำนำจชำยเป็นใหญท่ ่สี ่งผลตอ่ 20 กำรคกุ คำมทำงเพศ ในมหำวทิ ยำลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ กำรศกึ ษำทศั นคตเิ น้อื หำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำน 21 ทำใหแ้ ทง้ ลูกมำตรำ 301 และมำตรำ 305 ระหวำ่ งกฎหมำย ฉบบั เกำ่ และฉบับแกไ้ ขเพม่ิ เติม ในเขตกรงุ เทพมหำนคร กำรศึกษำสวัสดิกำรของคนไรท้ ่ีพึ่งกรณีศกึ ษำศนู ย์ 22 คุ้มครองคนไร้ทีพ่ งึ่ กรุงเทพมหำนคร กำรมีส่วนรว่ มในกำรเมืองของนกั ศกึ ษำคณะรฐั ศำสตร์ 23 มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ : กรณีศึกษำกำรชุมนมุ ของเยำวชนใน พ.ศ. 2563 กำรศกึ ษำพฤติกรรมทีม่ ีตอ่ กำรตดิ ตำมประเดน็ ข่ำวสำรผำ่ น 24 แฮชแทก็ ในทวติ เตอร์ของผรู้ บั ส่ือ ในกรุงเทพมหำนคร กำรศึกษำเจตคตขิ องผู้หญิงต่อกำรแก้ไขกฎหมำยกำร 25 ทำแทง้ มำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ในกรงุ เทพมหำนคร กำรศกึ ษำควำมพงึ พอใจของผูเ้ ขำ้ รว่ มโครงกำรคนละคร่ึง 26 ในตลำดนดั จตุจักร กำรศึกษำพฤติกรรมกำรใช้เฟซบ๊กุ ของนิสิตระดับปรญิ ญำตรี 27 ท่ีส่งผลต่อกำรคุกคำมทำงเพศของผูม้ อี ัตลกั ษณ์ ควำมหลำกหลำยทำงเพศ (LGBT)
ค สำรบญั (ตอ่ ) หนำ้ เรอื่ ง 28 29 กำรศกึ ษำแนวทำงกำรคุ้มครองผเู้ สยี หำยจำกอำชญำกรรม 30 ทำงอิเล็กทรอนกิ ส์ กรณีศึกษำ Romance scam 31 กำรศึกษำทัศนะในควำมเหลือ่ มล้ำทำงเพศทม่ี ผี ลต่อ 32 คนวัยทำงำนในกรงุ เทพมหำนคร 33 พฤตกิ รรมกำรมีเพศสมั พนั ธ์ทมี่ คี วำมเส่ียงตอ่ กำรติดเช้ือ เอชไอวีของบคุ คลวัยทำงำนในกรุงเทพมหำนคร 34 กำรศกึ ษำภำวะโรคซึมเศร้ำในสถำนกำรณโ์ ควิด 19 ของสังคมไทย Part 2 เมอื ง ชมุ ชน สง่ิ แวดลอ้ ม 35 กำรศึกษำแรงจงู ใจตอ่ กำรทำเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกร 36 ตำบลภูเขำทอง จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยำ 37 กรณศี ึกษำศนู ยก์ ำรเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้ำนของพอ่ 38 บทบำทและควำมคำดหวังของชมุ ชนในกำรเปน็ 39 มหำวทิ ยำลยั รบั ใช้สงั คม กรณีศึกษำมหำวิทยำลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ประสำนมติ ร 40 แนวทำงกำรใชป้ ระโยชน์พ้นื ท่สี ำธำรณะกรณศี กึ ษำ สวนลอยฟำ้ เจ้ำพระยำ อิทธพิ ลของสื่อสังคมออนไลนด์ ้ำนกำรท่องเทีย่ วท่ีสง่ ผล ตอ่ ควำมตระหนกั รู้ด้ำนกำรอนรุ ักษ์สิง่ แวดลอ้ ม กำรศึกษำพฤติกรรมสง่ เสรมิ สขุ ภำพทส่ี ่งผลต่อทัศนคติ พืน้ ทีส่ เี ขยี วของประชำกรใน กรงุ เทพมหำนคร กำรศึกษำผลกระทบทำงกำรทอ่ งเทย่ี วในชุมชนบำงกะเจำ้ จำกโรคระบำด โควิด-19 กำรศึกษำควำมรู้ ควำมตระหนกั และพฤตกิ รรมกำรดำเนิน ชีวติ ชีวิตประจำวนั ทีค่ ำนึงถึงกำรเปลย่ี นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ ของนิสติ คณะสังคมศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสำนมิตร พฤติกรรมกำรผลิตขยะอำหำรของนิสิตนักศกึ ษำระดบั อดุ มศกึ ษำในกรุงเทพมหำนคร
ง สำรบญั (ตอ่ ) เรอื่ ง หนำ้ นโยบำยควบคุมกำรผลติ ยำสูบทมี่ ีผลต่อเกษตรที่ปลกู ยำสูบ 41 ในเขตอำเภอร้องกวำง จงั หวัดแพร่ Part 3 กำรศกึ ษำ กำรปรบั ตวั ครอบครวั 42 รูปแบบกำรปรับตัวของพนกั งำนต้อนรับบนเคร่ืองบินจำก 43 ผลกระทบของโรคระบำดโควิด-19 กรณศี กึ ษำ: กำรบินไทย แอรเ์ อเชีย กำตำร์แอรเ์ วย์ส กำรศึกษำคณุ ภำพชีวิตกำรทำงำนของพนักงำนต้อนรบั บนเครื่องบิน 44 แรงจงู ใจทส่ี ง่ ผลต่อกำรตดั สินใจไม่มีบุตรของครอบครัว DINKs 45 และครอบครัว SINKs ในกรุงเทพมหำนคร กำรศึกษำทศั นคตขิ องนิสิตปรญิ ญำตรีมหำวทิ ยำลัย 46 ศรนี ครินทรวโิ รฒตอ่ กำรส่งเสริมคำ่ นิยมกำรไดร้ ับสิทธิพเิ ศษ จำกรปู ลกั ษณ์ภำยนอก กำรศึกษำทัศนคติกลุม่ ชำติพันธป์ุ กำเกอะญอทมี่ ีตอ่ 47 กำรศกึ ษำภำคบงั คบั กำรศึกษำภำวะผ้นู ำของผบู้ รหิ ำรสตรสี ังกดั สำนกั งำน 48 คณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พื้นฐำนกรงุ เทพมหำนคร กำรศึกษำพฤติกรรมกำรออมภำยในครอบครัวทส่ี ่งผลถงึ 49 พฤติกรรมกำรออมของนักศึกษำปรญิ ญำตรใี นเขตกรงุ เทพมหำนคร ทศั นคตดิ ้ำนควำมเหล่ือมลำ้ ทำงกำรศกึ ษำใน 50 ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนอื กรณีศกึ ษำนสิ ติ ระดับปริญญำตรี มหำวิทยำลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ ควำมเหลอื่ มลำ้ ทำงกำรศึกษำดำ้ นกำรสนับสนุนของครอบครวั 51 ท่สี ง่ ผลตอ่ แรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธข์ิ องนกั เรยี นระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษำ ตอนปลำย ในเขตกรุงเทพมหำนคร กำรศกึ ษำปัจจัยคุณภำพชีวิตทส่ี ง่ ผลตอ่ วิถีชวี ิตคนในชุมชนบ้ำนบำตร 52 กำรศกึ ษำสภำพปัญหำกำรเรยี นกำรสอนออนไลน์ของนิสติ 53 ระดับปริญญำตรี
จ สำรบญั (ตอ่ ) เรอื่ ง หนำ้ อทิ ธพิ ลของส่ือออนไลนท์ ีส่ ่งผลต่อพฤติกรรมลอกเลียน 54 แบบกำรกลน่ั แกลง้ จำกกำรรบั ชมส่ือ กรณีศึกษำ: โรงเรยี นมัธยมชำยของรฐั เขตสำทร กรุงเทพมหำนคร กำรศึกษำควำมคิดเห็นของนิสติ มหำวิทยำลัยศรนี ครินทรวิโรฒ 55 ท่มี ตี อ่ กำรจัดกำรเรยี นกำรสอนรปู แบบออนไลน์ ในสถำนกำรณ์ กำรแพรร่ ะบำดของเช้ือไวรสั โคโรนำสำยพนั ธใ์ุ หม่ (COVID-19) กำรรับชมรีววิ รำ้ นอำหำรผำ่ นสอื่ สงั คมออนไลน์ 56 กบั กำรตัดสินใจเลือกรำ้ นอำหำรของผบู้ ริโภคในเขตห้วยขวำง Part 4 วฒั นธรรม ศำสนำ ชำตพิ นั ธ์ุ 57 กำรศึกษำภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ ของหมอพื้นบำ้ นใน 58 กำรรักษำกระดกู หักกรณีศึกษำ หมอสัมฤทธิ์ จำแนกวุฒิ อำเภออุทยั จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยำ ระบบอปุ ถัมภข์ องวฒั นธรรมกำรรบั นอ้ งในมหำวทิ ยำลัย 59 ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ วทิ ยำศำสตร์ปะทะควำมเชอ่ื : ประสบกำรณ์กำรฟ้ืนฟูผู้ปว่ ย 60 สงู อำยโุ รคหลอดเลือดสมองของนักกำยภำพบำบดั ศกึ ษำทัศนคติระหวำ่ งวัยท่แี ตกตำ่ ง ในกรณีศึกษำ 61 Generation Y และGeneration Z ทีม่ ีตอ่ พทุ ธศำสนำ บริเวณย่ำนอโศก กำรพฒั นำวิธกี ำรนำเสนอผลิตภณั ฑจ์ ักสำนไม้ไผเ่ ชงิ 62 สร้ำงสรรค์ผำ่ นเฟสบ๊คุ (Facebook) วัฒนธรรมครำฟทเ์ บยี รใ์ นสงั คมไทยร่วมสมัย 63 อทิ ธพิ ลของบทเพลงตอ่ กำรชุมนมุ ทำงกำรเมอื ง : 64 กรณศี กึ ษำขบวนกำรเคลอื่ นไหวทำงกำรเมอื ง พ.ศ. 2563-2564 แรงจูงใจจำกซีรีย์เกำหลสี คู่ วำมสำเรจ็ ในชวี ติ ของผู้หญิง 65 ปัจจัยทีส่ ่งผลกระทบตอ่ พฤติกรรมกำรบริโภค 66 แบบฟำสตแ์ ฟช่ัน (Fast Fashion)
ฉ สำรบญั (ตอ่ ) หนำ้ เรอื่ ง 67 กำรสรำ้ งอำนำจและตัวตนของวฒั นธรรมฮลู แิ กนตอ่ 68 ภำพลกั ษณ์แฟนบอลเมอื งทอง 69 ควำมเปน็ พลวัตทำงชนช้ันจำกอดีตสปู่ จั จบุ ันผำ่ นกำรเลน่ ไมด้ ัดไทย คณะทำงำน
1 บทปำฐกถำพเิ ศษ เรอื่ ง จนิ ตนำกำรทำงสงั คมวทิ ยำในโลกทเ่ี หลอ่ื มลำ้ : บทบำทนกั วจิ ยั รนุ่ ใหมก่ บั อนำคต (ประเทศ)1 ศำสตรำจำรยส์ รุ ชิ ยั หวนั แกว้ 2 สังคมวิทยำซึ่งเป็นวิชำที่ทำให้เรำได้มำพบกันในวันนี้ สังคมวิทยำเป็นวิชำที่ เปน็ ตัวเชอ่ื มระหวำ่ งนิสติ ซึ่งถือวำ่ เปน็ คนรนุ่ ใหม่กบั คนรนุ่ หลังซง่ึ มอี ำยมุ ำกอยำ่ งผมนั่น ก็คือเรื่องของควำมสมั พันธ์ แต่ว่ำเรำก็ไม่ได้ต่ำงเพียงอำยุอย่ำงเดียวแต่เรำยังมีจุดรว่ ม และมอี ะไรที่สนใจจึงสำมำรถทำให้เรำพูดคุยกนั ได้ ในสังคมปัจจบุ ันหัวข้อท่ีเรำมองเห็น ควำมสนใจร่วมกันคือกำรคุยกันเรื่องอนำคต ซึ่งกำรคุยกันเรื่องอนำคตถือว่ำเป็นเรื่อง ใหญแ่ ละมีควำมสำคัญเปน็ อย่ำงย่งิ ซงึ่ จรงิ ๆ แลว้ ผมอยำกจะชวนให้พวกเรำได้นำงำน ที่ศึกษำวิจัยมำเสนอกัน วันนี้ผมได้รับโจทย์ให้มำพูดในหัวข้อ “จินตนำกำรทำงสังคม วิทยำในโลกที่เหลื่อมล้ำกับบทบำทของนักวิจัยรุ่นใหม่” ซึ่งผมถือว่ำเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ เพียงแค่กำรเหลยี วหนำ้ แลหลัง หรือเหลยี วหลงั แลหน้ำอย่ำงเดยี ว แตเ่ รำยังเรียกว่ำวิชำ เหล่ำนี้อำจจะมีบทบำทสำคัญในกำรช่วยทำให้เรำมองเห็นว่ำจะเหลียวหน้ำอย่ำงไรดี? แลหลงั อยำ่ งไรดี? ซงึ่ วันน้ีผมก็จะพดู คุยกันแบบสบำย ๆ ผมจะเรมิ่ จำกกำรอธบิ ำยถงึ สถำนกำรณ์กำรแพรร่ ะบำดของเช้ือไวรสั COVID- 19 (โควดิ -19) วำ่ มบี ทเรยี นอะไรกับเรำบ้ำง เช้อื ไวรสั โควิด-19 เป็นสง่ิ ที่เปิดเผยให้เห็น ถึงสถำนกำรณ์ของสังคมและประเทศ อีกทั้งยังเปิดเผยให้เห็นถึงประสิทธิภำพของ ภำวะผนู้ ำ ซง่ึ มบี ทบำทสำคัญในกำรสร้ำงควำมหวงั และกำรอยูร่ ่วมกนั ที่กล่ำวมำแสดง ใหเ้ ห็นว่ำ โควดิ -19 นอกจำกจะเป็นส่งิ หน่งึ ท่ีเปิดเผยภำพสะท้อนของสังคมแล้วยังเป็น สื่อถึงควำมตระหนักของกำรเตรียมควำมพร้อมถึงสถำนกำรณ์ที่คำดไม่ถึงได้อย่ำงไร? ผมเกริ่นมำแบบนี้เพื่อที่จะชวนใหด้ ูว่ำ ปัจจุบันทั้งชีวติ สังคม และประเทศกำลังเผชิญ กับควำมเสี่ยง (Risk) ที่เรำเรียกว่ำ “ควำมเสี่ยงเชิงระบบในระดบั โลก (Global Risk)” ซึ่งมีรำยงำนฉบับหนึ่งที่ชื่อว่ำ “Global Risk Report” ซึ่งแสดงให้เห็นว่ำ ควำมเสี่ยง ระดับโลกนั้นเป็นเรื่องที่มีควำมสำคัญเนื่องจำกเป็นสิ่งที่เข้ำมำมีผลกระทบกับทุก โครงสร้ำงของสังคม ซึ่งไม่ได้เป็นควำมเสี่ยงแบบไม่รู้ต้นสำยปลำยเหตุและจะมีแรง 1 ปำฐกถำพิเศษงำนงำนประชุมวิชำกำรกำรวิจัยสังคมวิทยำเพื่อกำรพัฒนำ ครั้งที่ 1 เมื่อวันท่ี 14 พฤษภำคม พ ศ. 2564 2 ศนู ยศ์ กึ ษำสันติภำพและควำมขดั แยง้ จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย
2 กระเพื่อมเกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งที่ว่ำมำเป็นปรำกฏกำรณ์ท่ีเกิดบ่อยขึ้นในโลกปัจจบุ ัน ผม จะขอเน้นลักษณะของมันคือ เป็นควำมเสี่ยงที่มีลักษณะแบบ “ข้ำมพรมแดน” กลำ่ วคือ แมจ้ ะมพี รมแดนประเทศหรือมีควำมชดั เจนทำงด้ำนกำยภำพ แต่กไ็ มส่ ำมำรถ ปิดกั้นควำมเสี่ยงที่อำจเกิดขึ้นได้อย่ำงสมบูรณ์ เช่นเดียวกับกำรแพร่ระบำดของเช้ือ ไวรัสโควิด-19 ก็เป็นควำมเส่ียงระดับโลกเช่นกัน อีกทั้งควำมเสี่ยงยังมีกำรขยำยตวั ย่งิ สภำวะไร้พรมแดนยิ่งมีกำรขยำยตัวเป็นวงกว้ำง จึงต้องมีกำรกระจำยข้อมูลข่ำวสำร อย่ำงท่วั ถงึ เพอื่ รองรบั ถึงควำมเสี่ยง ดงั นน้ั ในสภำวะไรพ้ รมแดนกำรสือ่ สำรจงึ เป็นส่งิ ที่มี ควำมสำคัญในมติ สิ ร้ำงกำรรบั รถู้ งึ ควำมเสี่ยงทกี่ ำลงั จะเกิดขึน้ ควำมเสี่ยงยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือข้อโต้เถียงทำงวิชำกำรในปริมณฑล สำธำรณะ รวมถึงกำรพิจำรณำร่วมกันหมำยควำมว่ำ กำรที่เรำตัง้ คำถำมถงึ ควำมเส่ยี ง นั้นหำกสมมติเรำตั้งคำถำมว่ำ “สถำนกำรณ์เป็นเช่นนั้นจะเรียกได้ว่ำเป็นควำมเสี่ยง หรือไม่?” แล้วถ้ำเป็น “ควำมเสี่ยงจะมีอันตรำยหรือไม่?” จะเห็นว่ำกำรพิจำรณำไม่ ควรจะพจิ ำรณำในข้อมูลเชิงเดย่ี ว แต่จะต้องพิจำรณำจำกหลำกหลำยขอ้ มูลหรือหลำย กรณี ยกตัวอย่ำงเช่น ควำมเสี่ยงเรื่องวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นสถำนกำรณ์ที่สร้ำงควำม หวำดผวำในวงกว้ำงพอสมควร จึงต้องมีกำรพิจำรณำทำงข้อมูล ข้อเท็จจริง และสร้ำง ควำมเข้ำใจร่วมกัน หำกไม่มีกำรพิจำรณำและสร้ำงควำมเข้ำใจอำจเกิดควำมเสี่ยงใน ลักษณะของกำรขยำยกำรบอกกล่ำวกันไปโดยทไี่ ม่มีกำรยืนยันร่วมกัน ซึง่ อำจทำให้เกิด ควำมเสียหำยและอันตรำยได้ ดังนั้นเงื่อนไขกำรโต้เถียงทำงสำธำรณะจึงสำคัญมำก ขณะเดียวกันควำมเสี่ยงระดับโลกนั้นจะรับมือโดยเพียงแค่องค์กรเดียวไม่พอ เช่นเดียวกับภำครัฐบำลท่ีไม่สำมำรถรับมือได้เพียงภำคเดียว ดังนั้นจึงต้องอำศัยภำค ประชำชนและภำคประชำสงั คมดว้ ย นอกจำกน้ี single command3 ยงั มีควำมสำคัญ ในมิติบทบำทของกำรกระจำยศูนย์ซึ่งมีควำมสำคัญอย่ำงยิ่ง แต่อย่ำงไรก็ตำมยังต้อง อำศัยกันและกัน อกี ทง้ั กำรส่ือสำรควำมเสย่ี งก็เปน็ เรื่องใหญแ่ ละมีควำมสำคัญ โดยสรุป แล้วควำมเสี่ยงเชิงระบบคือเรื่องใหญ่ของโควิด-19 ที่บอกกล่ำวเรำว่ำเรำจะเผชิญ อนั ตรำยในยคุ ใหม่ 3 กำรระดมสรรพทรัพยำกรในมือ ทั้งที่เป็นทรัพยำกรรูปธรรมและนำมธรรมเข้ำมำร่วมกันทำงำน เพือ่ เปำ้ หมำยคือควำมสำเร็จในภำรกจิ
3 บทบำทของรัฐบำลในสถำนกำรณ์โควิด-19 นั้นก็มีควำมสำคัญแต่ใน ขณะเดียวกันบทบำทสังคมนัน้ ดูจะสำคญั ยงิ่ กว่ำ ผมจะยกตวั อย่ำงกลไกของภำครัฐต่อ กำรจดั กำรหน้ำกำกอนำมนั ซง่ึ เรำจะเห็นวำ่ มีกำรกักตนุ เพ่อื ผลประโยชน์บำงกลมุ่ เป็น ต้น แต่ทำนองเดียวกันลักษณะของวิชำสังคมวิทยำไม่ได้เถียงกันว่ำรัฐกับสังคมมี บทบำทต่ำงกันอย่ำงไร แต่สังคมวิทยำเองสนใจรัฐในฐำนะที่เป็นสถำบันกำรปกครอง ดงั นน้ั รฐั ตำมหลกั ของสงั คมวิทยำก็คอื จะอยใู่ นกำรกำกับของสงั คมซง่ึ มีหลำยสถำบันท่ี ต้องดูแลรวมถงสถำบนั กำรศึกษำดังทีเ่ รำไดม้ ำเจอกนั ในกำรแลกเปลี่ยนในวันนี้ ดังนัน้ ในสถำนกำรณ์โควิด-19 เรำต้องสนใจกำรวำงจุดตำแหน่งของรัฐวำ่ ไม่ใช่กำรรวมศูนย์ เบ็ดเสร็จที่จะสำมำรถแก้ปัญหำอะไรได้หมดขณะเดียวกันก็ไม่สำมำรถที่จะผูกขำด อำนำจในกำรบริหำรจัดกำรได้หมด ซึ่งตรงน้ีทำให้สังคมมีศักยภำพในกำรปรับตัว แต่ ขณะเดียวกันก็ต้องสนใจด้วยว่ำกำรทำงำนร่วมกับภำครัฐแบบรูปธรรมนั้นเรียกร้อง ควำมเข้ำใจปฏิสัมพันธ์อย่ำงมีนัยยะสำคัญไม่เช่นนัน้ จะเดินไปข้ำงหน้ำได้อยำ่ งลำบำก อีกทัง้ เรือ่ งกำรยกระดับของควำมเข้ำใจของบทบำทสงั คมและสถำบนั อน่ื ๆ เปน็ เร่ืองที่ มคี วำมสำคญั อย่ำงยง่ิ สถำนกำรณ์โควดิ -19 สะท้อนให้เห็นอยำ่ งชัดเจนว่ำเศรษฐกิจของประเทศนน้ั หยุดชะงักลง เน่อื งจำกเศรษฐกิจของประเทศนน้ั สว่ นใหญต้องพึ่งพำกำรท่องเที่ยว อีก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทำน (Supply Chain) ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องหยุดชะงักลง นอกจำกนีย้ งั มีกำรถ่ำยระดับดำวเทยี ม ซ่งึ มีหลักฐำนหลำยอย่ำง อำทิ ข้อมูล GIS และ ข้อมูลระดับดำวเทียมที่ยนื ยังถึงกำรหยุดชะงักของกำรเคลื่อนไหวหรือกำรเคลื่อนย้ำย ระดับโลก โดยเฉพำะกำรท่องเท่ียวและกำรเดนิ ทำงเปน็ อย่ำงมำก ภำพรวมจะเห็นว่ำมี กำรชะงักงันทำงเศรษฐกจิ หลำยดำ้ น แต่ขณะเดียวกันอกี มมุ หน่ึงภำวะชะงักงนั นีก้ ็สร้ำง โอกำศกำรฟื้นฟแู ก่สภำพแวดลอ้ มท่ีถกู มลภำวะจำกกำรทอ่ งเที่ยวทำลำยลงไป ที่กล่ำว มำนั้นผมเพียงยกตัวอย่ำงให้เห็นว่ำ ที่จริงแล้วอำจจะเป็นโอกำสสำคัญกำรลดกำร เคลื่อนไหวอย่ำงรวดเร็วโดยที่ไม่จำเป็น เพรำะบำงครั้งควำมเร็วก็เป็นตัวปัญหำของ ควำมเจริญเนื่องจำกข้อจำกัดทำงด้ำนกำรปรับตัว อีกอย่ำงสิ่งทีต่ ้องให้ควำมสนใจนัน้ คือกำรที่เรำควรพิจำรณำถึงภำวะกำรชะงักงันว่ำ “มันไม่ใช่เรื่องภำวะชะงักงันทำง เศรษฐกิจ” เพียงมุมเดียวแต่เป็น “โอกำศของเศรษฐกิจใหม่” ด้วย นอกจำกนี้ภำวะ
4 ชะงกั งันยงั เป็นโอกำศของท้องถ่ินในกำรทบทวนตนเองซงึ่ ตรงนี้เปน็ โอกำสสำคญั ในกำร ต้ังหลกั ในกำรพัฒนำ แตอ่ ย่ำงไรก็ตำมหำกกำรเรยี นร้ขู องสงั คมเกิดภำวะชะงักงันจะทำ ใหเ้ กดิ ปัญหำตำมมำ เชน่ กำรแก้แก้ไขปัญหำโควิด-19 ไม่ควรแกไ้ ขโดยอำศัยควำมคิด เชงิ อำนำจอย่ำงเดียว หรอื กำรใชเ้ ครือ่ งมือเชงิ อำนำจอย่ำงเดยี ว อำจจะต้องอำศัยเร่ือง สำคัญท่ีสุดคือ กำรอำศัยควำมรู้และควำมเข้ำใจของสังคม ควำมรู้ควำมเข้ำใจใน สถำนกำรณ์ที่เรำกำลังเผชิญอยู่ร่วมกัน ถ้ำอำศัยควำมรู้ควำมเข้ำใจเป็นตัวหลัก กำร ประชุมอยำ่ งวันนีก้ อ็ ำศัยกำรวจิ ัยสังคมวิทยำมำเป็นตัวเชื่อมของกำรสร้ำงควำมรู้ควำม เขำ้ ใจอำจจะเปน็ ตวั หนึ่งทีท่ ำใหส้ ังคมเรำมกี ำรใช้สันตริ ว่ มกนั คิดดว้ ยกันมำกขน้ึ นอกจำกนี้ โควิด-19 ยังชวนให้เห็นถึงกำรทบทวนกำรพัฒนำในช่วงท่ีผ่ำนมำ หำกอธิบำย “สังคมวิทยำเพื่อกำรพัฒนำ” ไม่ใช่เพื่อกำรพัฒนำแบบไหนก็ได้? คำว่ำ “เพื่อกำรพัฒนำ” ต้องหันมำสนใจด้วยว่ำนิยำม “กำรพัฒนำ” อำจจะต้องมีกำร ปรบั เปลีย่ นกัน ซึง่ ในระดบั โลกมกี ำรทบทวนครงั้ สำคัญทำให้เกิดกำรยอมรับและสนใจ เรื่องควำมยั่งยืนมำกขึ้น ควำมยั่งยืนเป็นคำหลักของกำรทบทวนในปี พ.ศ. 2530 ใน รำยงำนที่เรียกว่ำ Brundtland Report หนังสือชื่อว่ำ The Common Future ซ่ึง ประธำนขององคก์ ำรชุดน้ันคอื Gro Harlem Brundtland เป็นอดตี นำยกรัฐมนตรีชำว นอร์เวย์ ช่วงน้ันไดข้ อ้ สรปุ ว่ำ “กำรพฒั นำนั้นมมี นษุ ยเ์ ปน็ ศูนยก์ ลำง” แต่ควำมเป็นจริง แล้วจุดเปลี่ยนเรื่องสำคัญในปัจจุบันนั้นมีกำรยอมรับว่ำ “กำรพัฒนำไม่ควรเอำมนษุ ย์ มำเป็นศูนย์กลำง” เพรำะมนุษย์บำงทีมีพฤติกรรมเห็นแก่ประโยชน์ บำงครั้งใช้กำร บริโภคสภำพแวดลอ้ มจนเกินปริมำณ กลำ่ วคือบรโิ ภคแบบไมบ่ นั ยะบันยงั กำรพัฒนำท่ี เอำมนษุ ย์เป็นหลกั จนเกินไปโดยไมส่ นใจระบบนิเวศอำจนำมำซึ่งควำมวนุ่ วำยและควำม เสยี หำยอย่ำงรำ้ ยแรงตอ่ สภำพแวดล้อม เรื่องสภำพแวดล้อมเป็นเรื่องที่เรำเข้ำใจน้อย ซึ่งเรำมักจะเข้ำใจว่ำ สภำพแวดลอ้ มคอื สิ่งทอี่ ยู่รอตวั เรำซ่ึงมกั จะได้ยนิ คำนบี้ ่อย แต่หำกพิจำรณำถงึ “นิเวศ” หมำยถึง ระบบสภำพแวดล้อมอยู่กันที่เป็นระบบเชื่อมโยงกันไปหมด ซึ่งกำรตัดสินใจ ครง้ั สำคญั ในปี พ.ศ. 2558 ท่ผี ำ่ นมำระดับโลกยอมรบั กนั ว่ำ ระบบเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น ไม่ไดเ้ ลยถำ้ ไม่มสี ังคมลอ้ มอยู่ อีกท้งั สังคม เศรษฐกจิ และกำรเมอื งก็อย่ไู ม่สำมำรถดำรง อยู่ได้หำกไม่ยอมรับควำมเป็นจริงของสภำพแวดล้อม หรือสภำพระบบนิเวศของโลก
5 กลำ่ วอกี อยำ่ งหนง่ึ ก็คือว่ำ ทกุ อยำ่ งแม้กระทั่งชวี ิตของเรำทเี่ ป็นไปได้ในโลกใบน้ี หำกไม่ มีระบบนิเวศในโลกที่ห่อหุ้มอยูห่ รือล้อมอยู่เป็นไปไม่ได้ สภำพกำรณ์อย่ำงน้ีจึงนำมำสู่ ขอ้ ตกลงเรื่องจะตอ้ งมี “เป้ำหมำยกำรพฒั นำทย่ี ัง่ ยนื ” หรือท่ีเรียกว่ำ SDGs เปน็ ตัวช้วี ัด ร่วมกนั ควำมคดิ เหลำ่ นีพ้ ้ืนฐำนของกำรพฒั นำจะต้องเขำ้ ใจว่ำระบบนิเวศซึง่ มนุษย์เป็น สว่ นหนึ่งของระบบนิเวศ มนษุ ยไ์ มใ่ ช่ผู้จดั กำรหรือผู้ควบคุมระบบนิเวศ ควำมรู้ท่ีมนุษย์ มใี นปจั จุบนั ไมส่ ำมำรถจัดกำรหรือควบคุมระบบนิเวศได้ แตอ่ ำจจดั กำรได้บ้ำงแต่ว่ำไม่ สำมำรถควบคุมไม่ไดเ้ ลย สภำพกำรณ์แบบน้ีจึงมภี ำวะวิกฤตหลำยอย่ำง อำทิ โควดิ -19 ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรำกฏกำรณ์ที่แสดงถึงโรคระบำดชนิดที่มำจำกไวรัสที่มีลักษณะ พิเศษซึ่งที่มำของมันเหล่ำน้ีคือมำจำกสัตว์ สรุปก็คือว่ำ โควิด-19 เป็นข้อสรปุ ในระดบั โลกของชวี วทิ ยำ ระบำดวิทยำ หรอื พัฒนำระหวำ่ งประเทศหลำยสว่ นทยี่ อมรบั ว่ำ ท่ีมำ ของโรคระบำดท่เี รยี กว่ำ โรคระบำดชนิดทีม่ ำจำกสตั ว์ ตรงนี้ถำมว่ำแลว้ มำจำกอะไร ที่ สำคัญคือมำจำกกำรพัฒนำที่รุกรำนเข้ำไปในระบบนิเวศที่ไม่ (บันยะบันยัง) ในโลก ท้งั หมดตรงนค้ี ืออยำกใหพ้ วกเรำสนใจ ต่อมำที่น้ีผมจะกล่ำวต่อเนื่องคือ เรื่องเป้ำหมำยของโลก ซึ่งเมื่อก่อนน้ัน ควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งประเทศยังมีลกั ษณะหำกจะใช้คำทเ่ี รียกงำ่ ยนน้ั คือ “ประเทศใคร ประเทศมัน” หำกแต่ปัจจุบันระบบควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศนั้นมีลักษณะคือ ประเทศปริมณฑล หรือประเทศที่พัฒนำจะต้องมีบทบำทหน้ำที่เข้ำมำรับร่วมกัน แต่ บำงกรณีก็ต้องรับผลกระทบจำกกำรปฏบิ ัติของประเทศปริมณฑล ดว้ ยเหตุน้ี SDGs 12 หรือ กำรผลิตและกำรบริโภคท่ยี ่งั ยืน หรอื SDGs 4 ท่เี ปน็ เรอ่ื งของกำรศึกษำ จะเห็นว่ำ เป้ำหมำยทั้งหมดที่กล่ำวมำเป็นกำรพัฒนำทั้งเรื่องคน กำรพัฒนำทำงด้ำน สภำพแวดล้อมสังคมเพื่อให้อยู่บนควำมร่มเย็น รวมถึงสันติภำพและควำมยุติธรรม รว่ มกัน ผมจะอธิบำยตอ่ วำ่ แก่นสำรของโลกและสังคมปัจจบุ นั ท่ีมคี วำมสนใจร่วมกันคือ “กำรเดนิ ไปด้วยกนั แบบไม่ทิ้งใครไวข้ ้ำงหลงั ” หำกแต่โลกท่ีมคี วำมเหลอ่ื มล้ำซึ่งจะเป็น ปัญหำที่ร้ำยแรงหำกไมม่ ีควำมสนใจร่วมกัน กำรไม่เอำใจใส่ปัญหำควำมเหลื่อมล้ำนนั้ อำจกลำยเป็นควำมบน่ั ทอนและสร้ำงปัญหำอนื่ ๆ ท่ีมำกข้นึ ควำมเหล่ือมล้ำท่ีเพิ่มมำก ขึ้นในสังคมปัจจุบันจะเป็นเรื่องทำงด้ำนวัตถุ เช่น รำยได้ อำชีพ โอกำศทำมำหำกิน หำกแต่ควำมเหลื่อมล้ำที่เรำมักจะมองข้ำมไปจะเป็นควำมเหลื่อมล้ำด้ำนอวัตถุ หรือ
6 เปน็ ควำมเหล่ือมล้ำที่จับตอ้ งได้ยำก แตเ่ ป็นควำมเหล่ือมลำ้ ท่ีรสู้ กึ ได้ เชน่ อำนำจ ควำม ยุติธรรม ควำมหวัง เรำจะเห็นได้ในสังคมปัจจุบันว่ำคนบำงคนรู้สึกไม่มคี วำมหวังเลย ดงั นั้นควำมเหลื่อมล้ำที่จบั ต้องไม่ได้อำจมีพลังอย่ำงสำคญั ในหลำยกรณี ควำมเหล่อื มล้ำ ของควำมหวังซึ่งอำจจะโยงถึงควำมเกลียดชังหรือควำมคับแค้นใจจนนำไปสู่ควำม รุนแรงได้ ซึ่งสภำพแบบนี้เรำปฏิเสธไม่ได้เลยว่ำควำมเหลื่อมล้ำทั้งทำงด้ำนวัตถุและ อวัตถนุ ่เี ป็นโจทย์ใหญข่ องยคุ สมยั และของประเทศด้วย รวมถงึ ของโลกด้วย สงิ่ ท่เี กิดข้ึน ในประเทศพมำ่ ก็แสดงใหเ้ หน็ ว่ำเรำต้องเอำใจใส่ในขณะเดียวกนั กต็ ้องสนใจเพรำะเป็น ประเทศข้ำงเคียงด้วย ตอ่ มำผมจะกล่ำวถงึ SDGs 16 ซึง่ เนน้ ควำมเหลอื่ มลำ้ ทำงด้ำนควำมเป็นธรรม และกำรสร้ำงควำมไว้ใจต่อกนั ซึง่ ตรงนช้ี วนให้เหน็ วำ่ ถำ้ เรำไม่ดใู หด้ ีเรอ่ื งอนำคตบำงคน ก็คิดว่ำกำรมีอำนำจที่สำคัญในประเทศทำให้คนอยู่ภำยใต้กำรควบคุมของอำนำจ ทงั้ หมดจะเปน็ โอกำศสำคญั ของประเทศในกำรพฒั นำเพื่อควำมยั่งยืนต่อไป แต่อำนำจ ก็ไมส่ ำมำรถทำให้บำ้ นเมืองมีโอกำศมีควำมหวงั ร่วมกันได้ต้องอำศัยควำมรู้ควำมเข้ำใจ ต้องอำศัยกำรใช้ควำมคิดร่วมกัน ต้องอำศัยพื้นที่ที่ร่มเย็นร่วมกัน กำรตื่นตัวของ นักศึกษำที่ผ่ำนมำที่เรียกร้องหำพื้นที่ปลอดภัยนี่ก็เป็นตัวอย่ำงหนึ่งของกำรเรียกหำ เป้ำหมำยของกำรพัฒนำที่เรียกว่ำ เป้ำหมำย SDGs 16 ให้เป็นหลักเกณฑ์หนึ่งในกำร แก้ไขควำมเหลื่อมล้ำทำงด้ำนควำมรู้สึกที่ว่ำ บ้ำนเมืองไม่ค่อยร่มเย็นสำหรับควำม ปลอดภยั สำหรบั กำรพูดคยุ ประเดน็ ต่ำง ๆ โดยรวมแล้ว โควิด-19 ยืนยันได้ว่ำโลกนี่ไม่มีควำมแน่นอนอีกแล้ว หรือสิ่งท่ี แน่นอนกอ็ ำจกลำยเปน็ สิ่งที่ไม่แนน่ อนอกี แลว้ โลกทมี่ เี ป้ำหมำยกำรพัฒนำท่ยี ังยืนตั้งไว้ แตเ่ รำลมื ไปว่ำ เรำไปให้ควำมสำคัญกับกำรตอบสนองต่อควำมตอ้ งกำรของมนุษย์มำก เกินไปโดยไม่สนใจสมดลุ ที่จะอยูก่ ับธรรมชำติ ข้อสำคัญที่ว่ำควำมก้ำวหน้ำในโลกกำร พฒั นำภำยหลงั ก็คือวำ่ “ถำ้ จะก้ำวหนำ้ กต็ อ้ งถอยหลัง” เช่นเดยี วกบั กำรเหลียวหน้ำได้ กต็ ้องแลหลังได้ ที่นี้พอเรำถำมวำ่ แลหลังไปดอู ะไรคือ? แลหลังไปดูส่ิงทีเ่ ปน็ พื้นฐำนท่ีสุด (Back to basic) พื้นฐำนของมนุษย์คือ ดิน น้ำ อำกำศ ตอนนี้กำรพัฒนำมีกำร ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่ำงกำรกระทำของเรำ และภำคส่วนต่ำง ๆ กบั ปญั หำทเ่ี รำเผชญิ ถ้ำเรำ มองเฉพำะยอดของอำนำจ ใครมอี ำนำจใครแกไ้ ขอยำ่ งไร แตเ่ รำไม่ไดด้ เู ลยวำ่ มนุษย์ทุก
7 คนที่ได้รับผลกระทบสำมำรถท่ีจะบอกไดเ้ ลยว่ำปัญหำพื้นฐำนนั้จะต้องร่วมกันคิด ทุก อย่ำงกระทบไปสู่สุขภำพหมดทั้ง สุขภำพของระบบ สุขภำพของบุคคล สุขภำพของ มหำวิทยำลัย สุขภำพของประเทศ และสุขภำพของประชำคมโลก สภำพแบบนีผ้ มพูด แบบนี้เพื่อจะเน้นปัจจัยพื้นฐำนซึ่งเป็นปัจจัยที่สำมัญที่สุดคือ ภูมิอำกำศ กำรหำยใจ แล้วก็พื้นแผ่นดินที่เรำอยู่ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่ำ สังคมวิทยำจะเป็นตัวช่วยให้เรำ เชื่อมโยงกับพื้นฐำนพวกนี้ในชีวิตสังคมปัจจุบันได้อย่ำงไร โควิด-19 จึงเป็นตัวเผยให้ เห็นโจทยห์ ลำยโจทย์ สถำนกำรณห์ ลำยอย่ำง รวมไปถึงทำใหเ้ รำต้องปรับบทบำทของ สงั คมวทิ ยำกนั ใหม่ดว้ ยกนั ต่อมำอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยำกกล่ำวต่อไปก็คือ ท่ำมกลำงเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นใน โลกปัจจุบันนี้ห้วงเวลำประมำณไม่ถึง 10 ปีที่ผ่ำนมำ สิ่งที่สำคัญอย่ำงหนึ่งที่โลกรู้จัก ก่อนที่จะมำเจอสถำนกำรณโ์ ควิด-19 โลกรจู้ กั คำหนง่ึ ซ่งึ ขณะน้ีกลำยเป็นที่ยอมรับและ สนใจกันมำกมำย ซึ่งเป็นคำที่ Oxford Dictionary ยอมรับให้เป็นคำประจำปี พ.ศ. 2560 เป็นคำท่ีแสดงใหเ้ ห็นถงึ ปรำกฏกำรณข์ องคนรุ่นใหม่ คอื คำว่ำ “Youth Quake” ถ้ำพิจำรณำเฉพำะคำว่ำ Quake อำจกล่ำวได้ว่ำคือ กำรสั่นไหว แต่ถ้ำคำว่ำ “Youth Quake” คอื New Generation ท่ีปรำกฏในโลกยุคปัจจุบัน ซงึ่ มบี ทบำทสำคัญในกำร เขย่ำปรำกฏกำรณ์หลำยอย่ำงในโลก ซงึ่ อนั นี้ทสี่ ำคญั เกดิ ข้ึนในตะวันออกกลำง เกิดข้ึน ในยโุ รป อำทิ ปรำกฏกำรณ์ของ Greta Thunberg ซ่งึ เรำคงจะจำกันได้ ปรำกฏกำรณ์ ของเยำวชนซึ่งแสดงออกทำงกำรเมือง หรอื กำรแสดงออกเรื่องควำมห่วงใยเรื่องอนำคต หลำยลกั ษณะปรำกฏกำรณเ์ ชน่ นีเ้ กดิ ขนึ้ ออกไปอย่ำงกวำ้ งขวำงรวมถงึ ประเทศไทยในปี 2563 เดือนกุมภำพันธ์ ก่อนที่โควิด-19 จะปะทุขึ้นมำเป็นประเด็นที่สำคัญ “Youth Quake” หลำยคนบอกว่ำเป็นสัญญำณอันตรำยหรือเป็นสัญญำณที่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก ระเบียบและกำรเคำรพกฏหมำยของประเทศ บำงคนก็เห็นว่ำนี่เป็นสัญญำณของ ควำมหวงั เป็นสัญญำณท่ีสอ่ื ถึงศกั ยภำพของคนรนุ่ ใหม่ที่มีควำมเช่อื มโยงกับเทคโนโลยี สมัยใหม่และรู้จักโจทย์ใหม่ที่มีลักษณะข้ำมพรมแดน และเรียนรู้จำกคนร่วมรุ่นใน ต่ำงประเทศ กำรจะมองปรำกฏกำรณ์ของคนรุน่ ใหม่ที่มีควำมตื่นตัวเป็นปรำกฏกำรณ์ ทำงบวกหรือมองว่ำเป็นปรำกฏกำรณ์ทำงลบ ก็อำจให้เห็นถึงว่ำผู้มองหรือผู้รู้สึกว่ำมี จุดยืนอย่ำงไร แต่ถ้ำเรำมองในแง่วิชำกำรเรำจะมองเห็นทั้งโอกำสและควำมเสีย่ งของ
8 ปรำกฏกำรณ์นี้ด้วย กำรมองทั้งบวกและลบของปรำกฏกำรณ์ “Youth Quake” เพื่อที่จะได้เห็นโอกำสสำคัญว่ำมันไม่ใช่แค่ลบหรือบวกแต่มันอยู่ที่ว่ำเรำจะช่วยกัน เกื้อกูลให้เงื่อนไขทำงบวกเหล่ำน้ี เขำเป็นคนรุ่นใหม่เขำจะมีโอกำสอย่ำงไรสำหรับ อนำคตทไี่ ดร้ ับกำรสนับสนนุ ด้ำนกำรแลกเปลย่ี นและประสบกำรณท์ ี่สำคัญ Greta Thunberg ถือเป็นปรำกฏกำรณ์ที่น่ำสนใจสะท้อนให้เห็นถึงว่ำเธอมี ควำมตื่นตัวตั้งแตอ่ ำยุ 16 ปี เป็นคนที่ทำให้คนทั้งโลกต้องหันมำสนใจปรำกฏกำรณ์ท่ี เรียกว่ำ “Youth Quake” ในปรำกฏกำรณ์วิกฤตระบบนิเวศโดยกำรแสดงของคนรุ่น ใหม่ ผมสงั เกตคำพูดของเธอว่ำ “ผู้ใหญม่ กั จะบอกวำ่ ต้องให้ควำมหวงั กบั คนรุ่นใหม่ หนู ไม่ต้องกำรควำมหวังแบบนั้นของคุณ หนูไม่อยำกให้คุณคิดว่ำเรำยังมีควำมหวัง หนู อยำกให้คุณตื่นตระหนก อยำกให้คุณกลัวเหมือนที่หนูกลัวอยู่ทุกวันและทำตัวให้ เหมือนกำลังอยูใ่ นวกิ ฤติเหมือนกบั วำ่ บ้ำนของเรำกำลังไฟไหม้ เพรำะมันเป็นอย่ำงนนั้ จริง ๆ” คือ จะเห็นว่ำเขำมีวิธีกำรสื่อสำร ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของกำรเริ่มต้นของ ขบวนกำรทำงยุโรปที่ชวนให้นักเรียนหยุดเรียนเพื่อที่จะชวนให้ผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนำจ เร่ืองนโยบำยกำรพัฒนำเหน็ ควำมเรง่ ด่วนของปญั หำนเิ วศของโลกมำกข้ึน ในประเทศไทยนั้นหลำยคนพอจะรูจ้ ักคำว่ำ “กำรทบทวนกำรพัฒนำ” คำว่ำ “สังคมวทิ ยำเพอ่ื กำรพัฒนำ” เรำต้องหันมำสนใจคำวำ่ “กำรพฒั นำ” วำ่ ในวลนี ีแ้ ปลว่ำ อะไร กำรพัฒนำผิดทำงหรือถูกทำงในโลกซึ่งมีวิกฤติสภำพแวดล้อม วิกฤติทำงนิเวศ แบบนี้มันก็แปลว่ำกำรทบทวนนีเ่ รียกร้องให้ปฏิบัติกันแบบจริงจังไม่ใช่เพียงแคพ่ ูดกนั ด้วยลมปำก สภำพกำรณ์แบบน้เี รำจะพบว่ำประเทศเรำกม็ ีถำ้ จำกันได้ ผมจะยกกรณีลกู สำวของชำวประมง เธอชือ่ ไครียะห์ ระหมันยะ ซึง่ ก็ปรำรภเรอ่ื งของตัวเองในกรณีของ โครงกำรอตุ สำหกรรม อำเภอจะนะ ทีเ่ ขำต่อตำ้ นกนั คือ โครงกำรอุตสำหกรรมถ้ำไม่โยง กับทรัพยำกรพื้นที่ที่มีทรัพยำกรหลำยทำงชีวภำพกับท้องทะเล มันกลับกลำยเป็นว่ำ โครงกำรอุตสำหกรรมได้ทำลำยเขำจึงต่อต้ำน แต่ถ้ำโครงกำรอุตสำหกรรมมีนัยยะใน กำรเชื่อมโยงทรัพยำกรท้องถิ่นและทำให้มั่นคงมำกขึ้นก็อำจจะมีกำรเปิดช่องสำหรบั กำรถกเถยี งกันต่อไป สภำพแบบน้มี นั น่ำสนใจมำก จะเหน็ ว่ำนยั ยะกำรตน่ื ตวั ของคนรนุ่ ใหมจ่ ึงตอ้ งเผชิญกบั สงั คมทีม่ ีควำมเหลื่อมล้ำหลำยมิติ ผมอยำกจะชวนให้เห็นในเวลำที่ เหลอื ให้พวกเรำหันมำดูควำมเหลื่อมล้ำในหลำยมติ ิท่ีเรำอำจจะต้องดวู ่ำสังคมวิทยำเรำ
9 ในปัจจุบันให้ควำมสนใจได้มำกน้อยอย่ำงไร ควำมเหลื่อมล้ำทำงด้ำนกำรเมือง ด้ำน สุขภำพ แม้กระทั่งควำมเหลื่อมลำ้ จำกกำรเอำใจใส่และให้ควำมสนใจถ้ำจำกันได้กรณี ของ อำม่ำทรี่ อเตยี งจนเสียชีวติ จำกโควิด-19 เป็นกรณีทส่ี ำมำรถเขย่ำระบบสำธำรณสุข ของกรงุ เทพมหำนครและของรัฐบำลให้ชว่ ยเอำใจใส่เรอื่ งสำคญั ข้นึ มำได้ ผมคิดว่ำเร่ือง ที่เรำคำม่นั สญั ญำที่พูดได้ยินกนั ท่ัวไปว่ำ “ไม่ทอดท้ิงใครไว้ขำ้ งหลัง” แต่เวลำเกิดเรื่อง ขึ้นจริง ๆ จะเห็นว่ำสิง่ ที่พดู ยังทำไม่ไดเ้ พรำะว่ำ มันต้องปรับระบบกันอีกเยอะ ซึ่งกำร เรียกร้องใหร้ ะบบมันมีชวี ติ ในกำรปรับปรุงตัวเองได้ กรณีศึกษำกำรสื่อสำรในสังคมใน บำงเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องที่สะเทือนใจนับว่ำมีบทบำทสำคัญในกรณีแบบนี้เรำจะพบว่ำ มนั มหี ลำยเรอ่ื งท่ีสะท้อนมำจำกโควิด-19 ทเี่ รำกำลังเผชญิ ควำมเหลอื่ มล้ำน้ันยังปรำกฏอีกหลำยมิติ ซ่ึงผมก็ยงั ยินดีท่ียังมีรำยกำรรื่นเริง ช่วงนี้ก็ยังมีควำมสนใจมำกขึ้นที่จะเอำรำยกำรจำกโทรทัศน์ที่เอำควำมทุกข์ควำม ลำบำกมำนำเสนอมำกข้ึน สงั คมท่ีมีควำมสำมำรถในกำรรว่ มทุกขก์ ันได้อย่ำงกว้ำงขวำง สังคมนั้นก็จะมีควำมหนักแน่นมำกขึ้นถ้ำไม่สำมำรถที่จะนำควำมเดือดร้อนของคนมำ รับฟัง คิดต่อทำต่อ หรือช่วยกันมนั ก็จะกลำยเป็นสังคมที่มีควำมวงั เวง โดดเดี่ยว และ เพิ่มพูนควำมเหลื่อมล้ำจนบำงทีอำจสำยเกินแก้ อันที่จริงคงจะเห็นกันคำว่ำ “Social Distancing” ซึ่งเป็นคำที่เรำรู้จัก ที่จริงในทำงสังคมวิทยำจะนำคำนี้มำพูดกันถกกัน ค่อนข้ำงหนักแน่น สิ่งทีน่ ำ่ สนใจมำกถือเปน็ เรอื่ ง “Physical Distancing” คือ ชวนให้ ห่ำงทำงกำยภำพแต่อยำกให้มีควำมรู้สึกห่วงใยกันทำงสังคม คือ มิติสังคมเป็นมิติ ควำมสัมพนั ธ์มิติทเ่ี รำมีควำมเออ้ื อำทรต่อกันนี่เป็นมิติที่ขำดไม่ได้ ดังน้ันควำมรู้สึกร่วม ทุกข์สำมำรถช่วยเหลือกันได้ เช่น ข่ำวของคนที่ต้องกำรควำมช่วยเหลือเรำสำมำรถ ช่วยเหลือ ช่วยกันแบ่งปัน บริจำค หรือไปร่วมซือ้ สินค้ำจำกเขำได้ เช่นเดียวกับกำรซ้อื สินค้ำทำงออนไลน์ช่วงนี้ก็อำจเป็นโอกำสหนึ่งในกำรสร้ำงเครือข่ำยเหล่ำนี้เชื่อมโยง ระหว่ำงพี่น้องที่ผลิตเกษตรกรรมในพื้นที่ซึ่งจ ำหน่ำยไม่ได้ท่ ำมกลำงกำรจ ำกัดกำร เดนิ ทำงในแง่ Social Distancing น่ีควำมจริงเรำอำจจะต้องช่วยกันแปลงวำ่ สง่ิ ที่สำคัญ คือ Physical Distancing ต้องเคร่งครัดมำก แต่ Social Distancing อำจจะต้องลด ควำมหมำยลงไปลดกำรใช้ลงไป ตอ้ งใช้กำรมีควำมรู้สึกรว่ มทุกข์ ให้เยอะข้นึ กรณีแบบนี้ คำว่ำ “Social” กับ “Physical” น่ำจะทำให้เรำเห็นควำมจำเป็นในกำรปรับตัวมำก
10 ยิ่งขึ้น แต่อย่ำงไรก็ตำมถำ้ เรำไม่ปรับตัวร่วมกันมันก็มีปัญหำหลำยอย่ำงรวมถึงปัญหำ ทำงดำ้ นจิตใจ ซึ่งปัจจบุ ันถ้ำนิสติ มเี วลำลองดูผมว่ำ ปรำกฏกำรณป์ ระเทศไทยชว่ งไมก่ ี่ปี จนถึงปจั จบุ ันนมี้ ีควำมน่ำเป็นห่วงหลำยเรื่อง ทง้ั สถติ ิเกี่ยวกับภำวะซมึ เศร้ำ และกำรฆ่ำ ตัวตำยสงู ดังนั้นควำมเหลื่อมล้ำที่สำคัญที่เรำอำจจะต้องเอำใจใส่ร่วมกันก็คือ ควำม เหลื่อมล้ำด้ำนอำนำจ กำรแก้ไขปัญหำหลำยอย่ำงเกี่ยวข้องกับโควดิ -19 นี่หลำยคนก็ เคยพ่ึงพำเรอื่ งอำนำจทำงกฏหมำย กำรบังคบั ใชก้ ฏหมำยแต่ทจ่ี ริงมันขึ้นอยกู่ ับ ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจในกำรควบคุมตนเอง คือถ้ำไม่ควบคมุ ตนเอง ดแู ลตนเอง หรอื วำ่ ควบคุมใน จัดกำรชุมชนร่วมกันมันจะยำกมำก ใช้กำรบังคับใช้กฏหมำยอยำ่ งเดียวไม่ได้มันจะทำ ใหเ้ รำไดม้ องปญั หำในมมุ ใหม่มำกขึ้น ซึ่งท่ผี ่ำนมำเรำจะเหน็ เลยวำ่ กำรไปเนน้ หลำยเร่อื ง โดยใช้อำนำจมำก ยกตวั อย่ำงสนำมมวยรำชดำเนนิ จะเห็นว่ำค่อนขำ้ งทีจ่ ะมีอภิสิทธ์ิ เรำ จะสังเกตเลยว่ำคลัสเตอร์ที่เป็นปญั หำทำใหเ้ กิดขึน้ ของกำรละลอกที่ผ่ำนมำ ว่ำไปแลว้ มันโยงไปสู่จุดที่เรียกว่ำกำรบริหำรจัดกำรโดยพึ่งพำอำศัยควำมเชื่อที่ว่ำคนที่มีสิทธิ์ พิเศษว่ำเขำจัดกำรกนั ได้หมดอันน้ีไม่จริง แต่จะกลำยเป็นควำมหละหลวมอย่ำงสำคญั ดังน้ันกำรติดอยใู่ นกบั ดักของอำนำจหรอื อภสิ ทิ ธใิ์ นกำรแก้ปัญหำทำให้เรำไมม่ ีอนำคตที่ มั่นคง ดังนั้นกำรตื่นตัวทำงสังคมในเรื่องนี้เพื่อจะทบทวนกำรตื่นตัวให้มีกำรจำกัด บทบำทของกำรรวมศนู ย์อำนำจจนเกนิ ไปนี่เป็นเรอื่ งสำคญั แต่ไม่ใช่จำกัดอย่ำงเดียวคือ ว่ำ สังคมก็ต้องตื่นตัวในกำรดูแลตนเอง แล้วก็ช่วยทำให้กลไกสถำบันทำงกำรเมือง สำมำรถใชท้ รัพยำกรบำงส่วนไดอ้ ย่ำงเหมำะสมและถกู ตรวจสอบไดอ้ ย่ำงเหมำะสมเพื่อ ทำใหเ้ รำเขม้ แขง็ รว่ มกันมำกขน้ึ ที่พูดแบบนก้ี ็คอื ทำให้สังคมเรำมีพ้ืนฐำนของสังคมที่ใช้ ควำมรู้ควำมเข้ำใจมำกขึ้นแลว้ ก็ลดกำรใช้อำนำจแบบเบ้ืองบนลงมำให้น้อยลง อำนำจ จำกภำยในสงั คมเอง อำนำจจำกกำรตืน่ ตวั จะเปน็ บทบำทสำคัญในกำรกำกบั ดูแล หำกแต่ว่ำถ้ำสังคมยังติดอยู่ในกบั ดักของอำนำจมำกหรือยังติดอยู่กับกำรรวม ศูนย์มำกบำงทีก็นิยมสื่อสำรประเภทสั่งให้คนปฏิบัตติ ำมเชน่ “กำร์อย่ำตก” แต่ถูกชก โดยคนวงในด้วยกันเอง หรือกำรส่อื สำร กำรประชำสมั พนั ธ์ ในลกั ษณะท่ีตอ่ วำ่ หรือโยน ควำมผิดใหก้ ับผู้ทไี่ ด้รบั ผลกระทบ บำงกรณีเรียกวำ่ กำรประณำฌคนที่เดือนร้อนอยู่แล้ว แบบน้เี ปน็ วธิ งี ำ่ ยของฝ่ำยทอี่ ยใู่ นอำนำจหรอื อยู่ในอภิสิทธ์ิแต่จรงิ ๆ แลว้ กำรตรวจสอบ
11 ระบบอำนำจ กำรตรวจสอบระบบที่ดูแลต่ำงหำกที่เป็นเรื่องที่เรียกร้องควำมสนใจที่ แท้จริง กำรสื่อสำรจำนวนไม่น้อยชี้นิ้วไปที่คนที่ประสบเครำะห์กรรมว่ำเป็นพวกที่มี ปัญหำท่ีมีนสิ ัยสว่ นตัวท่ที ำให้เดินไปก็ไปชนลกู ปืนเอำเอง ก็ส่วนหน่ึงตอ้ งยอมรับว่ำส่วน หนึ่งพฤติกรรมส่วนบุคคลก็มีส่วน เพียงแต่ว่ำกำรสื่อสำรทำให้เกิดกำรทบทวนทำง นโยบำยและกำรทำงำนทำงในระดับสำธำรณะเรียกร้องไม่ใช่เพียงกำรปรับพฤติกรรม ส่วนบุคคล เรียกร้องให้มีกำรปรับพฤติกรรมระหว่ำงองค์กร ระดับรัฐบำล ระดับ กระทรวง ทบวง กรม แมก้ ระทั่งระดับธุรกจิ ปรำกฏกำรณ์ควำมเสี่ยงใหม่ที่เรำกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เรำอำจจะต้องยอมรบั ว่ำต้องทบทวนขนำนใหญ่วำ่ ทีก่ ำรมองเรอ่ื งวำ่ คนรุน่ ใหม่ทมี่ คี วำมต่นื ตัวเปน็ บวกหรือลบ หรือหลำยคนมองว่ำกำรตื่นตัวมีควำมคิดบำงอย่ำงที่ผู้ใหญ่บำงส่วนมองว่ำไม่ค่อย เหมำะสมก็มีคนท่ีมองคนกลุ่มนี้ไปในทำงผู้ร้ำยหรืออำชญำกร กำรมองควำมผิดพลำด ของคนในสังคมเป็นอำชญำกรเสมอไปมันเป็นแนวโน้มอย่ำงหนึ่งขององค์กรที่ใช้วิธี อำชญวิทยำแบบหนึ่ง แต่ที่จริงกำรมองคนที่กระทำหรือมีพฤติกรรมที่แตกต่ำงกันใน ควำมผิดพลำดเสมอไปจะต้องใช้กำรจัดกำรด้วยกฏหมำยอันนี้เป็นกำรมองอ ย่ำง คับ แคบเกินไป กำรที่เรำแก้ไขควำมผิดเรื่องน้ีถ้ำจำได้เรื่องควำมผิดท่ีเกี่ยวกับผู้ตอ้ งหำยำ เสพติดยุคเรำก็ต้องมำแก้ปัญหำคุกล้น เพรำะว่ำยำเสพติดอยู่ในคุกเยอะ คนจึงล้นคุก แบบนี้เป็นต้น ตอนหลังเรำต้องมำเปลี่ยนว่ำผู้ต้องหำยำเสพติดหลำยกรณีเป็นผู้ป่วย ไม่ใช่ผู้ร้ำย ปรำกฏกำรณ์นี้เขำเรียกว่ำ Digitalization คือ กำรลดควำมเป็น อำชญำกรรมในกำรมองเร่อื งกำรกระทำควำมผิดท่ีเกี่ยวขอ้ งกับยำเสพติด คอื จะไม่มอง สุดข้ัวว่ำอะไรกต็ ้องอำชญำกรรมไปหมด อำจจะมองในแง่ท่ีวำ่ เขำมีปัญหำ หรืออำจจะ เผชิญกบั ควำมเดอื ดร้อนหลำยอย่ำงรวมไปถึงกำรที่มองวำ่ ที่บำบัดแก้ไขปญั หำน้ี เพรำะ อย่ำงนั้นกำรมองเขำในแง่ผู้ป่วยก็ลดกำรมองแบบนัน้ ไปเยอะ ผมยกตัวอย่ำงนี้เพ่ือจะ ชวนให้เห็นว่ำกำรมองสุดขั้วในโลก Digitalization ในปัจจุบันยังเป็นเรื่องที่สุดขั้วอยู่ มำกเพรำะว่ำ มีคนรุ่นหนึง่ ทีเ่ กิดมำก็คุ้นเคยกับกำรใช้ดิจิทัลมำกก็คือ รุ่นของนสิ ิตที่จะ นำเสนองำนในวันนี้เรียกว่ำ Digital Native คือ เกิดมำก็คุ้นกับดิจิทัลอยู่แล้วไม่รูสึก แปลกแยกต่อกำรใช้ แต่หลำยคนก็รูว้ ำ่ มันเป็นปัญหำอกี เหมือนกนั แต่ขณะเดียวกันก็มี คนอีกร่นุ หน่งึ ซ่งึ เป็นรุน่ ผมคือรุ่น Digital Immigrant ทีเ่ ขำเรยี กวำ่ มำเย่ียมเยียนโลกท่ี
12 ใช้ดจิ ิทลั คอื ทำอะไรแต่ละอย่ำงก็ยำกกว่ำจะคนุ้ เคย ซงึ่ ชอ่ งวำ่ งตรงน้ใี หญ่มำก จะเดิน ไปส่อู นำคตรว่ มกันได้อย่ำงไร? ไมใ่ ช่แคม่ องว่ำฝ่ำยหนงึ่ เปน็ ผู้รำ้ ยฝำ่ ยหนึ่งเป็นผู้ดีแบบน้ี มันไปกนั ไม่ได้ ดงั นั้นตอ้ งเลิกมองแบบเหมำรวมแต่ต้องมองโอกำสท่กี ำรส่ือสำรยุคใหม่ ซง่ึ ชว่ ยสือ่ สำรในหลำยลักษณะไดเ้ ปน็ อย่ำงดี ควำมเหล่ือมลำ้ เรื่องดิจทิ ัลเป็นเร่ืองร้ำยแรงละสำคัญ แตใ่ นขณะเดียวกันเรำก็ ต้องสนใจแง่มุมท่ีทำให้มันมีควำมหมำยมำกขึ้น มีคุณประโยชน์มำกขึ้น ผู้ใหญ่บำงคน มองเห็นปรำกฏกำรณ์เรื่องย้ำยประเทศเป็นปรำกฏกำรณ์เชิงลบ แต่ที่จริงแล้วอำจจะ เป็นปรำกฏกำรณ์ที่น่ำศึกษำน่ำสนใจได้ ซึ่งบำงที่อำจกลำยเป็นข้อถกเถียงโอกำสกำร มองกำรทำงำนในโลกกว้ำง ทีจ่ ริงหลำยคนคงจะทรำบดีว่ำอำหำรไทยท่ีขำยดีได้ท่ัวโลก ส่วนหนึ่งก็มำจำกปรำกฏกำรณ์ข้ำมชำติของวัฒนธรรมอำหำรของประเทศไทย และ ปรำกฏกำรณ์ที่ว่ำอำหำรไทยย้ำยประเทศไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลยพอทีนี้เวลำคุยกัน แคจ่ ะย้ำยไปทำงำนต่ำงประเทศบำงคนก็อำจมองว่ำไมร่ กั ชำติ ซงึ่ อันน้ีมนั อำจจะเกนิ ไป แตก่ ส็ ำมำรถคุยกนั ได้ จะมองในแงเ่ นื้อหำต้องจับผดิ กันเหมือนทีว่ ำ่ กระทรวงดจิ ิทัลคอย จับจ้องอันนี้ก็เป็นกับดักของกำรมอง ถ้ำคอยแต่จับผิดหรือมองเปน็ อำชญำกรมันก็นำ่ เสยี ดำยในศักยภำพของกระทรวงท่นี ่ำจะมีบทบำทของกำรเข้ำใจศักยภำพ หรือกำรใช้ Hashtag ของคนรุ่นใหม่ในกำรประท้วงมำกขึ้น ก็เป็นเรื่องที่นำ่ สนใจทำให้กำรสือ่ สำร บำงเรื่องที่ทำให้คนสนใจมำกข้ึนก็เป็นโอกำสดี ขณะเดียวกันก็ไมไ่ ด้แปลว่ำเรำจะต้อง มองเฉพำะเรื่องกำรเมืองอย่ำงเดียวอำจจะมองในแง่สุขภำพร่วมกัน มองในแง่ข้อมูล ข้อเทจ็ จรงิ ต้องตรวจสอบดว้ ยกนั ใหม้ ำกข้นึ อนั นีก้ ็ตอ้ งกำรทักษะยคุ ใหม่ ผมจะกล่ำวต่อว่ำเรำเจอโจทย์ควำมเหลื่อมล้ำหลำยลักษณะรวมไปถึงควำม เหลื่อมล้ำด้ำนควำมยุติธรรม ถ้ำเหลื่อมล้ำมำก ๆ มันก็จะทำให้เกิดวิกฤติของสถำบัน ยุติธรรมอย่ำงที่เรำเห็น ซึ่งตอนนี้หลำยคนพยำยำมคลี่คลำยว่ำบทบำทของศำลอะไร ตำ่ ง ๆ เรำกเ็ หน็ กันอยู่ แตว่ ่ำควำมรวดเรว็ ต่อกำรเรยี นรูจ้ ำกกำรปรับตัวต่อควำมเหลื่อม ล้ำเป็นเรื่องที่เรำจะต้องสนใจร่วมกนั มำกขึน้ และมำกกว่ำกำรที่จะผลักใหเ้ รำอยู่คนละ ข้ำงกำรตอ่ สจู้ นกว่ำฝ่ำยใดฝำ่ ยหน่งึ จะตอ้ งแพช้ นะกนั ไปขำ้ งหน่ึงทีส่ ำคัญควำมเหลล่ือม ล้ำด้ำนควำมยุติธรรมตอ้ งได้รับกำรเอำใจใส่อย่ำงมำกเพรำะวำ่ คนรุ่นใหม่หลำยส่วนก็ ประสบเครำะห์กรรมกับเรื่องเหล่ำนี้ ในโลกที่มีควำมเหลื่อมล้ำไม่ใช่ว่ำเรำจะต้องกำร
13 แก้ไขปัญหำโดยหลกั ฐำนแลว้ มำพสิ ูจนก์ นั ตำมลำดบั เรำอำจจะตอ้ งสนใจมำกข้ึนอย่ำงท่ี ผมเปรยไปเมื่อกี้ว่ำ โลกดิจิทัลต้องกำรจินตนำกำรใหม่ทำงสังคมวิทยำ ไม่ใช่ว่ำโลก ดิจิทัลทำให้คนที่อยู่ Generation Digital Native กับพวก Digital Immigrant เป็น ศัตรูกัน หรือวำ่ โลกดจิ ิทัลทำใหค้ นซ่ึงไม่ไปฉีดวัคซีนกับคนฉีดวัคซนี รู้สกึ วำ่ ถกู ต่อวำ่ ต่อ ขำนต่ำงกนั คอื แบบน้ีมันเปน็ เร่อื งทีเ่ รำจะต้องตรวจสอบกันใหด้ ี ดังน้ันจนิ ตนำกำรใหม่ ทำงสังคมวิทยำมันเป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงในโลกวิชำกำรของสังคมวิทยำที่เขียนโดย นักวิชำกำรอยู่ที่ มหำวิทยำลัยโคลอมเบีย ชื่อว่ำ C Wright Mills คือ หนังสือ The Sociological Imagination (1959) เป็นหนังสือที่เน้นว่ำควำมทุกข์ร้อนส่วนตัวกับ ควำมเดอื ดรอ้ นของสังคมมันเปน็ เร่ืองที่เชือ่ มโยงกันอย่ำงเปน็ ระบบ คือไม่ใช่มองสังคม เป็นเรื่องหนึ่งหรือควำมรู้สึกได้ส่วนตัวเป็นเรื่องหนึ่ง หลำยคนรู้จักสำนวนที่เรียกว่ำ “รสู้ กึ ได้” ควำมเหลือ่ มลำ้ รู้สึกไดไ้ หม? คำว่ำ “รู้สกึ ได”้ แปลว่ำประสบกำรณ์ส่วนตวั กับ โครงสรำ้ งอำจรู้สกึ ได้ ในประเทศไทยมอี ำจำรย์อกี ท่ำนหนึ่งซึ่งเปน็ อำจำรย์ของผมและ เป็นอำจำรย์ของคนในแวดวงสังคมวิทยำและมำนุษยวิทยำในประเทศไทยที่สำคัญคือ ศำสตรำจำรย์ ดร.พัทยำ สำยหู ท่ำนเขียนหนังสือเรื่อง กำรศึกษำสังคมผลไม้รวม (2559) ท่ำนพูดถึงสังคมไทยเหมือนกับสังคมผลไม้รวม จินตนำกำรที่จะเรียกว่ำ สังคมไทยเปน็ สังคมแบบไหนน่ีเป็นเร่ืองใหญ่ ดังนัน้ อำจำรย์พทั ยำจึงชวนให้เหน็ วำ่ เรำ เข้ำใขควำมเป็นพหุลักษณะของสังคมไทยที่มีที่ไปที่มำที่หลำกหลำยและมีภำษำท่ี หลำกหลำยทำใหเ้ รำเข้ำใจรำกเหง้ำของกำรเปน็ ประเทศร่วมกันได้ดีกว่ำเดิม ซ่ึงอันนีถ้ ้ำ นสิ ติ มเี วลำลองไปดูมบี ทควำมหลำยชิน้ ท่นี ่ำสนใจมำกในเล่มนี้ เพรำะเรำไม่ได้ต้องกำร ควำมคิดใหมแ่ ต่เรำต้องกำรจินตนำกำรใหมส่ ำหรับอนำคต เรำไมต่ อ้ งกำรข้อสรุปวำ่ ใคร เป็นพิษภัยต่ออนำคต แต่เรำต้องกำรว่ำคนที่อยู่ร่วมกนั จะมีโอกำสเข้ำใจกันมำกขึ้นได้ อย่ำงไร ในกำรเรียนรู้ควำมเดือดร้อนของกันและกันที่มำกขึ้นก็จะเป็นตัวเช่ือมท่ีทำให้ เรำเห็นวำ่ เรำร่วมทุกข์กันไดไ้ ม่ใช่มองแค่ว่ำคนทีต่ ่ำงออกไปจะเปน็ ตวั ปัญหำ แบบน้ีมัน ทำให้พนื้ ทขี่ องกำรสนทนำลดลงไปโดยทเ่ี รำไมร่ ตู้ วั ดังน้ันโดยนัยยะของขอ้ สรปุ กค็ ือว่ำ ดีมำก ๆ ท่ผี มเจอนสิ ิตที่จะนำเสนอผลงำน ในวันนี้เอำผลงำนที่เตรียมตัวมำประมำณ 6 เดือนแล้วมำเสนอกัน เพรำะว่ำคนหนุ่ม สำวเป็นเปำ้ หมำยของนโยบำย และเปน็ ทัง้ ผูข้ ับเคลอื่ นนโยบำย พูดอกี อยำ่ งหนึ่งคอื คน
14 หนุ่มสำวเป็นยุทธศำสตร์ชำติและเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศำสตร์ชำติได้ด้วย ซึ่งประโยค หลังหลำยคนอำจจะยังไม่ค่อยได้ยอมรับกันแบบจริงจัง คนหนุ่มสำวในฐำนะที่เป็น เป้ำหมำยของกำรรองรับโจทย์ในอนำคตขณะเดียวกันก็เอำโจทย์อนำคตมำเป็นตัว ขับเคลื่อนงำนได้ ซึ่งอันนี้ที่เรำจะต้องช่วยกันทำให้ควำมรูสึกนึกคิดของคนหนุ่มสำวท่ี นำเสนองำนในวันนี้สื่อสำรกันในแวดวงท่ีกว้ำงออกไปตำมลำดับ ยุคนี้เรำยังพบว่ำคน หนุ่มคนสำวยุคใหม่ซ่ึงมีประเด็นกับปัญหำข้ำมพรมแดนอย่ำงรวดเร็วโดยผ่ำน ประสบกำรณ์ของ Digital Native ผ่ำนประสบกำรณท์ ี่รู้จักใช้สื่อหลำยลักษณะ ดังนั้น กำรที่สนใจโจทย์เรื่องควำมเดือดร้อนข้ำมพรมแดน ควำมเดือนร้อนของคนต่ำงชำติ พันธ์ุ หรือวำ่ พันธมติ รชำนมท่ีเกดิ ข้ึนในฮอ่ งกงหรอื ไต้หวันเร่ืองเหล่ำนี้เป็นเรื่องคนรุ่นนี้ จะรู้สึกปกติมำกขึ้นในกำรสื่อสำร ขณะที่คนที่ไม่ได้ผ่ำนประสบกำรณ์เหล่ำนีก้ ็จะรู้สกึ ต่ำงกันออกไป ดังนั้นควำมเป็นคนรุ่นใหม่ทำให้เรำมีภำษำที่เป็นสำกลมำกข้ึน ถ้ำท่ำน ได้อ่ำนดูข้อคิดเห็นของบุคคลที่ชื่อ ดวง ที่เป็นคนกะเหรี่ยงทีพ่ ูดถึงท่ีเป็นชำวบ้ำนบำง กลอยแล้วถกู จบั เข้ำคกุ ผู้หญิงโดนโกนหัวซ่ึงอนั น้ีถอื เป็นกำรละเมดิ สิทธิมนุษยชนอย่ำง สำคัญ ซึง่ อันนี้ไมค่ อ่ ยมีใครใสใ่ จเทำ่ ท่คี วร ซ่ึงอนั น้ีถำ้ เรำใส่ใจก็แสดงวำ่ ควำมเป็นมนุษย์ ของเรำท่มี คี วำมรสู้ กึ ไดต้ อ่ ควำมทุกขข์ องคนอ่ืนที่มำกข้นึ กำรวิจัยที่นิสิตจะทำกันวันนี้ถ้ำพูดตำมหลักก็จะขออ้ำงถึงคำพูดของ สมเด็จ พระพุทธโฆษำจำรย์ (ป.อ.ปยุตโต) วิจัยที่สำคัญมำกก็มี 2 เรื่องคือ 1. วิจัยเพื่อรู้จัก ตัวเอง และ 2. วิจัยเพื่อทีจ่ ะรูเ้ ท่ำทันโลกและผู้อื่น ที่ผมพูดแบบนี้เพื่อทีจ่ ะชวนให้เห็น ว่ำ กำรวิจัยรู้จักตัวเองถ้ำตัวเองมีใจคอกว้ำงขำวงขึ้นก็จะทำให้เข้ำใจมหำวิทยำลัย ตนเอง เขำ้ ใจองคก์ รตนเอง เขำ้ ใจท้องถน่ิ ตนเอง เชน่ เข้ำใจสังคมแถวสขุ ุมวทิ หรอื อำจ เป็นทอ้ งถ่นิ ที่มหำวิทยำลยั ตงั้ อยู่ และเขำ้ ใจประเทศเข้ำใจโลก ทั้ง 2 อย่ำงมันเชื่อมโยง กนั ทำให้กำรวจิ ัยช่วยให้อนำคตมคี วำมหวงั ได้ นิสติ เองมกี ำรนำเสนอหลำยเรอื่ ง เห็นว่ำ มีประเด็นทำงสังคมมำถกกันมำกมำยซึ่งน่ำสนใจมำก มีควำมหลำกหลำย กำรมอง ประเทศเรำหรือกำรมองโลกมองแบบภำพนิ่งอย่ำงเดิมที่หลำยส่วนคุ้นเคยคงไม่ได้คง ต้องสนใจอำศัยงำนศึกษำแบบที่นิสิตทำมำเป็นตัวสื่อให้เห็นโลกที่มีพลวัตสูงขึ้น ว่ำมี องค์ประกอบหลำยอย่ำงให้เห็นโลกที่มีควำมหลำกหลำยทำงวัฒนธรรม รวมถึง วัฒนธรรมกำรใช้อำนำจที่แตกต่ำงกัน สภำพกำรณ์เหล่ำนี้ทำให้เรำพัฒนำควำมเขำ้ ใจ
15 ให้มันมีควำมเท่ำทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงได้มำกขึ้น โลกที่เปลี่ยนแปลงมำกขึ้นมัน ตอ้ งกำรควำมเทำ่ ทนั มำกเชน่ ไวรสั ท่ีกลำยพันธ์ไุ ปมนั ต้องกำรควำมเข้ำใจท่ีเท่ำนทันต่อ วงกำรแพทย์ รวมถึงผู้ปว่ ยด้วย ดังนั้นเรำยังมคี วำมเป็นพลวัตไม่เพียงพอในกำรคิด ใน กำรสัมผัสกับโลกรอบตัวเรำมีกำรเปลี่ยนแปลงมำกทั้งที่โควิด-19 ควรจะทำให้หลำย อย่ำงชะงักงัน เรำก็ต้องปรับวิธีกำรรับรู้โลกที่เปลี่ยนแปลง ดังน้ันจึงต้องสังเกตดูว่ำ งำนวิจัยของนิสิตที่เสนอขึ้นมำอำจจะต้องช่วยกันจำแนกว่ำมีงำนวิจัยหลำยแบบ งำนวจิ ยั ที่มคี วำมสำคญั มำก ๆ ที่ผมเน้นตลอดไมใ่ ช่กำรวิจยั แกป้ ัญหำ แตเ่ ปน็ กำรวิจัยที่ ทำแลว้ ช่วยให้เข้ำใจเร่ืองต่ำง ๆ ได้มำกข้ึน เรำไม่เข้ำใจสงั คมที่เรำกำลงั เผชิญหรือคนท่ี แก้ไขปัญหำไมเ่ ขำ้ ใจโจทย์ที่ตนเองเผชญิ อยู่ ใช้แต่วิธีแก้ปัญหำที่เชิงอำนำจมำกเกนิ ไป ซึ่งอันนี้เข้ำใจเขำก็ต้องตีควำมเขำให้มำกขึ้น ต้องหำทำงสื่อสำรกันมำกขึ้น เพื่อจะได้ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือกำรสื่อสำรระหว่ำงกัน กำรวิจัยเหล่ำนี้เป็นกำรวิจัยเพื่อ สรำ้ งควำมเปลย่ี นแปลงไม่ใช่วิจัยท่ีตอกอยกู่ บั ทีเ่ ดิมเสมอไป เหลำ่ นี้ถำ้ จะต้องกำรควำม เปลี่ยนแปลงก็ต้องผลักดันให้กำรวิจัยส่วนหนึ่งของกำรปฏิบัติกำรให้มำกขึ้น ซึ่งอันน้ี เปน็ แบบแผนกำรวิจยั หลำยแบบ ผมคดิ วำ่ นิสิตกท็ ำควำมคุน้ เคยกันได้อยแู่ ล้ว ขอบคุณครับ
16 W Part 1 สังคม กฎหมาย นโยบาย ความเหลื่อมลา้ W
17 กำรศกึ ษำแนวทำงกำรนำนโยบำยกำรควบคมุ และปอ้ งกนั โรคตดิ ตอ่ โควดิ 19 ในกลมุ่ คนไรบ้ ำ้ นไปปฏบิ ตั ิ ปฏพิ ล บุญชยั ศร,ี ปยิ ทศั น์ วไิ ลนริ นั ดร์ และสภุ สั สรำ ตรอี ดุ ม บทคัดยอ่ กำรวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำแนวทำงกำรนำนโยบำยกำรควบคุ ม และป้องกันโรคติดต่อโควิด 19 ที่ใช้ในกรณีคนไร้บ้ำน ในเขตกรุงเทพมหำนคร เพ่ือ ศกึ ษำผลกระทบของกำรนำนโยบำยกำรควบคุมและป้องกนั โรคติดต่อโควิด 19 ที่ใช้ใน กรณีคนไร้บ้ำน ในเขตกรุงเทพมหำนคร ผู้วิจัยได้ใช้วิธีกำรวิจัยเชิงคุณภำพโดยใช้โดย กำรสุ่มแบบเจำะจง จำนวน 1 คน ในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปสู่กำรสุ่มแบบ Snowball Sampling จำนวน 1 คนในแต่ละพื้นที่ ผู้วิจัยได้ใช้กำรสัมภำษณ์เรื่องกำรศึกษำแนว ทำงกำรนำนโยบำยกำรควบคุมและป้องกันโรคติดต่อโควิด 19 ในกลุ่มคนไร้บ้ำนไป ปฏิบตั ิ จำนวนทั้งหมด 10 คน เพ่ือให้ได้ข้อมลู ทต่ี รงประเดน็ และมีประสทิ ธิภำพ ผลจำกกำรศึกษำแนวทำงกำรนำนโยบำยกำรควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ โควิด 19 ในกลุ่มคน ไร้บ้ำนไปปฏิบตั ิ พบวำ่ แนวทำงกำรนำนโยบำยกำรควบคุม และ ป้องกันโรคติดต่อโควิด 19 ที่ใช้ในกรณีคนไร้บ้ำน ในเขตกรุงเทพมหำนครนั้นไม่ สำมำรถปฎิบัติได้จริง เนื่องจำกมีควำมคิดเห็นไปในทิศทำงเดียวกันว่ำไม่เห็นด้วยต่อ กำร ประกำศใช้นโยบำยกำรควบคุมและป้องกัน ในช่วงสถำนกำรณ์กำรแพร่ อันเนื่องมำจำก ลักษณะของคนไร้บ้ำนไม่ได้มีที่อยู่ อำศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง จึงไม่ สำมำรถทำตำมประกำศใช้นโยบำยกำรควบคุม และป้องกันในช่วงสถำนกำรณ์ กำร แพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ดีเท่ำที่ควร ผลกระทบของกำรนำนโยบำยกำร ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อโควิด 19 พบว่ำผู้ให้ข้อมูลได้รับผลกระทบในด้ำนกำร ประกอบอำชีพ และที่อยู่อำศัย โดยผลกระทบเกิดจำกกำรปิดตัวของสถำนประกอบ กิจกำร และกำรกำหนดระยะเวลำกำรเขำ้ ออกนอกเคหสถำน จึงสง่ ผลใหค้ นไร้บ้ำนไม่ สำมำรถปฎิบัติตำมนโยบำยได้ เนื่องจำกกำรดำเนินตำมมำตรกำรควบคุมโรคระบำด ภำยในประเทศ ตั้งอยู่บนสมมติฐำนที่ว่ำคนทกุ คนมีบ้ำนอยู่ และมีบริกำรสุขอนำมัยท่ี เพียงพอ แต่ไม่ใช่สำหรับคนไร้บ้ำนในประเทศไทย จึงทำให้กำรเข้ำถึงสวัสดิกำรของ ภำครัฐยังเป็นส่งิ ที่คนไร้บ้ำนไมส่ ำมำรถเข้ำถงึ ได้ คำสำคัญ: คนไรบ้ ้ำน, มำตรกำรป้องกัน, โรคตดิ ต่อโควดิ 19
18 กำรศกึ ษำผตู้ อ้ งขงั กอ่ นพน้ โทษในกำรวำงแผนใชช้ วี ติ เพอื่ กลบั สสู่ งั คม กรณีศกึ ษำ : เรอื นจำกลำงบำงขวำง อำเภอนนทบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี รตมิ ำ สุขคมุ้ , รนิ ลดำ มำลยั และวำรฒุ เลำะเมำะ บทคดั ยอ่ กำรวิจัยเรื่องกำรศกึ ษำผูต้ ้องขังก่อนพ้นโทษในกำรวำงแผนใช้ชีวิตเพือ่ กลับสู่ สังคม กรณีศึกษำ : เรือนจำกลำงบำงขวำง อำเภอนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี มี วตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศกึ ษำ 1) กำรวำงแผนกำรใช้ชวี ติ ของผตู้ อ้ งขังคดีอำญำในระยะเวลำ 6 เดือนก่อนพ้นโทษ 2) สำรวจกำรรับรู้ถึงสิทธิในกำรช่วยเหลือผู้ต้องขังที่ควรได้รับเมื่อ พ้นโทษ และ 3) กำรสำรวจควำมต้องกำรของผู้ต้องขังเมือ่ พ้นโทษเร่ืองกำรช่วยเหลือ เพื่อกลับเข้ำสู่สังคม กำรวิจัยในครั้งนี้เป็นกำรวิจัยเชิงคุณภำพ กลุ่มตัวอย่ำง ได้แก่ ผู้ต้องขังเรือนจำกลำงบำงขวำง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี โดยมีอำยุ ต้งั แต่25-45 ปี คดีอำญำท่ีกำลังจะพ้นโทษในระยะเวลำ 6 เดือน ผลกำรวิจัยพบวำ่ 1) ไดว้ ำงแผนกลบั ไปอำศยั อยกู่ บั ครอบครัวเน่อื งจำกมีธุรกิจ ส่วนตัวอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังกลเรื่องอำชีพเพรำะจะกลับไปรับช่วงตอนธุรกิจทำงบ้ำน โดยมีควำมตั้งใจวำ่ จะกลับไปดูแลครอบครวั ของตนเอง 2) ผูต้ ้องขังได้รับคำแนะนำด้ำน วิชำชีพจำกเจ้ำหน้ำที่เพียงพอต่อควำมต้องกำร เนื่องจำกมีกำรจัดกำรฝึกอบรมด้ำน วชิ ำชีพทีห่ ลำกหลำยซึ่งเป็นประโยชน์และตรงต่อควำมต้องกำรในกำรพฒั นำทักษะด้ำน วชิ ำชพี 3) ผู้ต้องขงั มีมุมมองเกี่ยวกบั คนภำยนอก กำรตีตรำจำกสงั คม ตอ้ งกำรให้สังคม ใหโ้ อกำสและไมเ่ อำคนส่วนน้อยมำตัดสนิ คนสว่ นมำก ในสว่ นของควำมต้องกำรในด้ำน กำรช่วยเหลือในด้ำนอื่นผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มองถึงทุนในกำรประกอบอำชีพหลังพ้น โทษ และอปุ กรณ์ในกำรประกอบอำชีพ คำสำคญั : กำรวำงแผน, ผู้ต้องขงั , เรอื นจำ, สงั คม
19 กำรศกึ ษำพฤตกิ รรมทก่ี อ่ ใหเ้ กิดกำรระรำนผอู้ นื่ บนโลกไซเบอร์ นภสั สร แสนรมั ย์, พชิ ชำ ชนิ พรี ะเสถยี ร และสพุ รยี ำ รงั สพิ รำหมณกลุ บทคดั ยอ่ กำรศึกษำวิจัยเรื่อง กำรศึกษำพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดกำรระรำนผู้อื่นบนโลก ไซเบอร์ มวี ัตถุประสงค์เพือ่ ศกึ ษำพฤติกรรม และผลกระทบของกำรระรำนผู้อื่นบนโลก ไซเบอร์ โดยวิธกี ำรสังเกตกำรณ์แบบไม่มีส่วนรว่ ม และกำรสมั ภำษณ์แบบกึ่งโครงสร้ำง จำกกลุ่มตัวอย่ำงแบบเฉพำะเจำะจง จำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้กระทำ และกลุ่ม ผู้ถูกกระทำ ผลกำรวิจัย พบว่ำ กลุ่มผู้กระทำมีพฤติกรรมหรือวำจำที่แสดงถึงกำรระรำน ผู้อ่นื บนโลกไซเบอร์ โดยกำรกระทำส่วนใหญเ่ ป็นกำรล้อเลียนรปู ร่ำง หนำ้ ตำ สผี ิว และ สร้ำงขำ่ วลือทส่ี ร้ำงควำมอับอำยทำงโลกไซเบอร์ ส่วนสำเหตุท่ีทำให้เกิดพฤติกรรมกำร ระรำนผู้อ่ืนบนโลกไซเบอร์ เกิดจำกปัญหำควำมแค้นส่วนบุคคล ควำมคึกคะนอง และ ควำมรเู้ ท่ำไม่ถงึ กำรณ์ ทัง้ น้ี กลมุ่ ผ้กู ระทำไม่ไดต้ ง้ั ใจทจี่ ะมีพฤตกิ รรมระรำนแตเ่ น่อื งจำก อำรมณ์ตอนนั้นทำให้พลั้งปำกพูดออกไป ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะจำก กำรศึกษำพฤติกรรมกำรระรำนผอู้ ืน่ บนโลกไซเบอร์ คอื กลมุ่ ผ้กู ระทำควรมีสติในกำรใช้ งำนบนโลกไซเบอร์ รู้จักควบคุมอำรมณ์ และใช้คำพูดที่ไม่รุนแรง เพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้รับ ผลกระทบทำงจิตใจ ด้ำนผลกระทบของกำรระรำนผู้อื่นบนโลกไซเบอร์ พบว่ำ พฤติกรรมหรือวำจำที่กลุ่มผู้ถูกกระทำได้รับจำกกำรระรำนบนโลกไซเบอร์นั้นส่งผล กระทบต่อจิตใจ หน้ำที่กำรงำน กำรเรียน และกำรใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ กลุ่ม ผู้ถูกกระทำได้มีวิธีกำรจดั กำรกับควำมรูส้ ึกที่มำกระทบจิตใจ คือ ไม่เก็บคำพดู พวกน้ัน มำใส่ใจ หำกิจกรรมอย่ำงอืน่ ทำ และปรึกษำเพื่อนสนิท หรือครอบครัว อย่ำงไรก็ตำม ผลกระทบที่กล่ำวมำข้ำงต้นได้สร้ำงปัญหำให้แก่เด็กและเยำวชนที่ถูกระรำนบนโลก ไซเบอร์ คือ ทำให้มีพฤติกรรมก้ำวร้ำว เกิดควำมเครียด ซึมเศร้ำ หนีเรียน และอำจ นำไปสู่กำรคิดสั้น ด้วยเหตุน้ี ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะจำกกำรศึกษำผลกระทบของกำร ระรำนผอู้ ืน่ บนโลกไซเบอร์ คอื ผู้ใหญท่ ม่ี สี ว่ นเก่ียวขอ้ งควรใหค้ วำมสำคัญกับปัญหำกำร ดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันของเด็กและเยำวชนท่ีถกู กล่นั แกล้งทำงไซเบอร์ เนือ่ งจำกปัญหำนี้ เปน็ ภัยใกลต้ ัว และสง่ ผลกระทบตอ่ จิตใจของเด็กและเยำวชนเปน็ อย่ำงมำก คำสำคัญ: กำรระรำน, พฤตกิ รรม, โลกไซเบอร์
20 กำรศกึ ษำทศั นคตเิ กยี่ วกบั อำนำจชำยเปน็ ใหญท่ ส่ี ง่ ผลตอ่ กำรคกุ คำมทำงเพศ ใน มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ฉัตรชนำวดี อินออ่ น, ธญั รกั ษ์ พทุ ธำนุ และ อนญั พร จนิ ดำธรี โชติ บทคัดยอ่ กำรศึกษำวิจัยเรื่องกำรศึกษำทัศนคติเก่ียวกับอำนำจชำยเป็นใหญ่ท่ีส่งผลตอ่ กำรคุกคำมทำงเพศ ในมหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนให้ เห็นถึงทัศนคติต่ออำนำจชำยเป็นใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดกำรคุกคำมทำงเพศ และหำข้อ เปรียบเทียบทัศนคติที่มีควำมเหลื่อมล้ำต่ออำนำจชำยเป็นใหญ่ โดยศึกษำนิสิต มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒ จำนวน 20 คน ใช้ระเบียบวิธีกำรวิจัยเชิงคุณภำพ ในกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยกำรสัมภำษณ์เชิงลกึ ผลกำรวจิ ัยออกเป็น 3 ดำ้ น ดังน้ี 1. ด้ำนทศั นคติเกยี่ วกับอำนำจชำยเปน็ ใหญ่ พบว่ำ เรื่องทสี่ งั คมมองว่ำกำรกด ทับทำงเพศ หรือกำรเอำเปรียบทำงเพศเป็นเรื่องปกติที่เกิดจำกควำมเคยชินในระบบ ควำมคิดท่ผี ้ชู ำยมีโอกำสทำงสังคมและเศรษฐกิจมำกกว่ำผู้หญิง รวมไปถงึ กำรได้เปรียบ ในดำ้ นกำรทำงำนและกำรเป็นผู้นำ ตลอดจนเกิดกำรเอำรดั เอำเปรียบในดำ้ นตำ่ ง ๆ อกี ดว้ ย และในสังคมส่วนใหญจ่ ะมองผหู้ ญงิ เปน็ วัตถทุ ำง 2. ดำ้ นวฒั นธรรม พบวำ่ ในสังคม ส่วนใหญ่มีควำมคิดว่ำผู้ชำยมีอำนำจทำงสังคมมำกกว่ำผู้หญิง โดยควำมเชื่อที่ผู้ชำยมี อำนำจนี้เกิดจำกคำ่ นิยม กำรปลูกฝังทำงควำมคดิ และวฒั นธรรมที่มีกำรเปล่ยี นแปลงได้ อยำ่ งลำ่ ชำ้ ตง้ั แตอ่ ดีตจนถงึ ปจั จุบัน ส่งผลให้เกดิ ควำมล้ำหลงั ของควำมไม่เท่ำเทียมทำง เพศ ปญั หำกำรคุกคำมทำงเพศมำจำกสอ่ื มวลชน สบื เนอื่ งจำกสอ่ื ไมม่ คี วำมตระหนักถึง ควำมเท่ำเทียมทำงเพศ และตรอกย้ำแนวคิดปิตำธิปไตยผ่ำนทำงละคร เพรำะสื่อเป็น กระบอกเสียงและมอี ิทธิพลมำกที่สุด 3. ด้ำนรูปแบบและพฤติกรรมกำรถกู คุกคำมทำง เพศ พบว่ำ รูปแบบของกำรคุกคำมทำงที่พบมำกที่สุด คือ ทำงสำยตำ วำจำ Social media และกำรสัมผัส ประสบกำรณ์กำรถกู คกุ คำมทำงเพศพบในผู้หญงิ มำกกว่ำผู้ชำย มีผู้ชำยบำงกลุม่ เลือกทีจ่ ะไม่ใหค้ วำมสำคัญและมองเป็นเร่ืองตลก นอกจำกนี้ยังส่งผล ตอ่ กำรใช้ชวี ิตในสังคมและจติ ใจเป็นอยำ่ งมำก ทำใหภ้ ำวะเครยี ด หวำดระแวง ไปจนถงึ กำรฆ่ำตัวตำย ทำให้มีกำรป้องกันตนเองกำรถูกคุกคำมทำงเพศโดยกำรหลีกเลี่ยง สถำนทเ่ี สย่ี ง คำสำคญั : กำรคกุ คำมทำงเพศ, ควำมเทำ่ เทียมทำงเพศ, ชำยเป็นใหญ่, ทศั นคติ
21 กำรศกึ ษำทศั นคตเิ นอื้ หำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผดิ ฐำนทำใหแ้ ทง้ ลกู มำตรำ 301 และมำตรำ 305 ระหวำ่ งกฎหมำยฉบับเกำ่ และฉบับแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ในเขต กรงุ เทพมหำนคร อภชิ ญำ เบยี้ ไธสง, อญั ชสิ ำ แซเ่ ฮง้ และสภุ ชั ชำ สอดสี บทคัดยอ่ กำรศึกษำวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวัดระดับทัศนคติของกลุ่มตัวอย่ำงต่อ เนอ้ื หำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำให้แท้งลูก มำตรำ 301 และมำตรำ 305 ระหว่ำงกฎหมำยฉบบั เก่ำและฉบับแกไ้ ขเพิม่ เติม 2) เพ่อื ศึกษำลักษณะส่วนบุคคลของ กลุม่ ตัวอย่ำงท่สี ง่ ผลตอ่ ทัศนคตเิ กีย่ วกับเนอื้ หำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำ ให้แท้งลูกฯ และ 3) เพื่อศึกษำทัศนคติควำมเสมอภำคทำงเพศที่ส่งผลต่อทัศนคติ เนื้อหำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำให้แท้งลูกฯ เครื่องมือวิจัยอยู่ในรูป แบบสอบถำม โดยทำกำรส่งให้กลุ่มตัวอย่ำงที่เป็นประชำชนทั่วไปในเขต กรงุ เทพมหำนคร จำนวน 400 คน ในชว่ งเดือนมีนำคม พ.ศ. 2564 ผลกำรศึกษำพบว่ำกลุ่มตัวอย่ำงมีระดับควำมคิดเห็นต่อเนื้อหำประมวล กฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำให้แทง้ ลูก มำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ฉบับเก่ำและ ฉบบั แก้ไขเพ่มิ เติมอยู่ในระดับมำก สว่ นลักษณะสว่ นบุคคลได้แก่ อำยุ ระดับกำรศึกษำ ศำสนำ รำยได้ สถำนภำพ มีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติในด้ำนทัศนคติ เนื้อหำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำให้แท้งลูก มำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ฉบบั เก่ำ และอำยุ ระดับกำรศึกษำ ศำสนำมีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงมนี ยั สำคัญทำง สถิติในด้ำนทัศนคติเนื้อหำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำให้แท้งลูก มำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ฉบับแกไ้ ขเพม่ิ เติม กล่มุ ตัวอย่ำงทมี่ ที ัศนคติควำมเสมอภำคทำง เพศแตกต่ำงกันมีทัศนคติเนื้อหำประมวลกฎหมำยอำญำควำมผิดฐำนทำให้แท้งลูก มำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ฉบับเกำ่ แตกตำ่ งกนั อย่ำงมนี ัยสำคัญทำงสถิติ คำสำคัญ: กำรทำแทง้ , กฎหมำยทำแทง้ , ทศั นคต,ิ ควำมเสมอภำคทำงเพศ
22 กำรศกึ ษำสวสั ดกิ ำรของคนไรท้ พี่ ง่ึ กรณศี กึ ษำศนู ย์คมุ้ ครองคนไรท้ พ่ี งึ่ กรงุ เทพมหำนคร ณรงคเ์ ดช พนิ จิ ศกั ดกิ์ ลุ บทคดั ยอ่ กำรวิจัยเรื่อง กำรศึกษำสวัสดิกำรของคนไร้ทีพ่ ึ่งกรณีศึกษำ ศูนย์คุ้มครองคน ไร้ทพ่ี ่งึ กรุงเทพมหำนคร มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษำควำมต้องกำรของคนไร้ที่พ่ึงในด้ำน สวัสดิกำรทำงสังคมที่ต้องกำรจำกทำงรัฐบำล และเพื่อเสนอแนวทำงในกำรสร้ำง สวัสดิกำรสงั คมที่สอดรบั กับควำมต้องกำรของคนไร้ทพ่ี ง่ึ โดยทำกำรเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้กำรสัมภำษณ์แบบเจำะลึก และกำรสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม กลุ่มเป้ำหมำยคือ เจ้ำหนำ้ ที่ท่ดี แู ลในด้ำนสวัสดกิ ำรของศูนย์คมุ้ ครองคนไรท้ ่ีพง่ึ กรุงเทพมหำนคร จำนวน 5 คน และกลมุ่ คนไรท้ พ่ี ึ่งทใี่ ช้บริกำรอยู่จำนวน 13 คน ผลกำรศึกษำพบว่ำควำมต้องกำรของคนไร้ที่พึ่งในด้ำนสวัสดิกำรทำงสังคมที่ ต้องกำรจำกทำงรัฐบำลยังมีอยู่มำกเพรำะกลุ่มคนเหลำ่ นี้เป็นกลุ่มคนที่เปรำะบำงที่สุด ในสังคมสิ่งที่กลุ่มคนเหล่ำนี้ต้องกำรจะเป็นในด้ำนปัจจัย4 1.อำหำร 2.เครื่องนุ่งห่ม 3.ท่ีอยู่อำศยั 4.ยำรักษำโรค และยังมีในเรอื่ งของสิทธิสวัสดกิ ำรข้นั พ้ืนฐำนต่ำงๆที่กลุ่ม คนเหล่ำนี้ควรจะไดร้ ับซ่ึงทำงรัฐบำลควรจะรีบจัดหำทำงในกำรชว่ ยเหลือแก้ไขเพือ่ ให้ กลุ่มคนเหล่ำได้รับควำมเท่ำเทียมเหมือนคนปกติในสังคม แนวทำงในกำรสร้ำง สวัสดิกำรสังคมที่สอดรับกับควำมต้องกำรของคนไร้ที่พึ่งพบว่ำ รัฐบำลควรจัดสรร งบประมำณเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนไร้ที่พึ่งโดยเฉพำะและควรส่งเสริมในด้ำนสวัสดิกำร ทำงสงั คมให้ประชำชนทุกกลุม่ ไมว่ ่ำจะอย่ใู นฐำนะใดก็ตำมได้รบั สวัสดิกำรขั้นพ้ืนฐำนที่ เท่ำเทียมกันทั้งนี้จะเป็นกำรช่วยขจัดในด้ำนควำมเหลื่อมล่ำต่ำสูง ช่วยลดช่องว่ำง ระหว่ำงประชำชน จัดให้มีบริกำรฝึกสอนเสริมทักษะอำชีพให้กับกลุ่มคนเหล่ำน้ี เพ่อื ทีจ่ ะนำไปประกอบอำชพี หำรำยไดช้ ่วยเหลอื ตัวเองได้ จะทำใหเ้ กิดควำมผำสุกและ ทำให้สงั คมดขี ึ้นอีกด้วย คำสำคญั : กำรดูแลจำกภำครัฐ,คนไร้ที่พึ่ง, ควำมเท่ำเทียม, ควำมเหลื่อมล้ำ, สิทธิและ สวัสดิกำรของคนไรท้ ี่พ่ึง
23 กำรมสี ว่ นรว่ มในกำรเมอื งของนกั ศกึ ษำ คณะรฐั ศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ : กรณีศกึ ษำกำรชมุ นมุ ของเยำวชนใน พ.ศ. 2563 รชั ดำภรณ์ เฉยสวสั ดิ์, วนญั ญำ ตลุ ำกำรณุ วงศ์ และวลั ลภำ รกั ซอ้ น บทคัดยอ่ กำรวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมำย เพื่อศึกษำปัจจัยที่มีผลต่อกำรมีส่วนร่วมในกำรเมอื ง และเปรียบเทียบตำมตัวแปรเพศ ชั้นปีกำรศึกษำ สำขำวิชำ กำรได้รับแรงสนับสนุน และสถำนะทำงเศรษฐกิจของครอบครัว เพื่อสำรวจควำมต้องกำร ต่อกำรออกมำ เรียกร้องในรูปแบบต่ำง ๆ กลุ่มตัวอย่ำงเป็นนักศึกษำมหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์ คณะ รัฐศำสตร์จำนวน 278 คน เครื่องมือที่ใช้ในกำรเก็บขอ้ มูลคือแบบสอบถำม วิเครำะห์ ข้อมูลโดยโปรแกรม SPSS สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่ำเฉล่ีย ค่ำส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนกำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนแบบ One-way ANOVA และ กำรทดสอบสมมติฐำนด้วยวิธีกำรหำวิเครำะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression) และใชส้ ถติ เิ ชิงพรรณนำ ผลกำรวจิ ัยพบวำ่ พฤติกรรมกำรมสี ่วนร่วมโดยรวมอยใู่ นระดบั มำก พฤตกิ รรม กำรมีส่วนร่วมในกำรเมืองไม่แตกต่ำงกัน นักศึกษำที่มีสำขำต่ำงกันและฐำนะทำง เศรษฐกจิ ของครอบครวั ตำ่ งกนั มพี ฤติกรรมกำรมีส่วนร่วมในกำรเมอื งแตกต่ำงกนั อย่ำง มนี ยั สำคญั ทำงสถิติทีร่ ะดับ .05 และได้รบั แรงสนบั สนนุ กำรมีส่วนรว่ มในกำรเมืองจำก เพื่อนมำกที่สุด 80.6 % และนักศึกษำมีควำมมุ่งหวังต้องกำรเห็นประเทศเกิดกำร พัฒนำไปในทศิ ทำงทีด่ ีข้นึ คำสำคัญ: กจิ กรรมทำงกำรเมอื ง, ทศั นคติ, พฤตกิ รรมกำรมีสว่ นร่วมในกำรเมือง
24 กำรศกึ ษำพฤตกิ รรมทมี่ ตี อ่ กำรตดิ ตำมประเดน็ ข่ำวสำรผำ่ นแฮชแทก็ ในทวติ เตอรข์ อง ผรู้ บั สอ่ื ในกรงุ เทพมหำนคร ฌำนตุ ม์ เดชคำภู และนติ พิ ฒั น์ นฐั เศรษฐสริ ิ บทคัดยอ่ กำรศึกษำวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษำพฤติกรรมที่มีต่อกำรติดตำม ประเด็นข่ำวสำรผ่ำนแฮชแท็กในทวิตเตอร์ของผู้รับสื่อ ในด้ำนแรงจูงใจ สิ่งที่คำดหวงั ทัศนคติ และ เพื่อศึกษำเปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้รับสื่อที่มีต่อกำรติดตำมประเดน็ ข่ำวสำรผ่ำนแฮชแท็กในทวิตเตอร์ เม่ือกลุ่มอำยุและเพศต่ำงกัน เป็นกำรวิจัยเชิง ปริมำณ กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในครั้งนี้ คือ ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นทวิตเตอร์ จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในกำรเกบ็ รวบรวมคือแบบสอบถำม ได้ทำกำรวิเครำะห์ข้อมูลดว้ ย สถิติ ค่ำควำมถี่ ค่ำร้อยละ ค่ำเฉลี่ย ค่ำส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน และกำรวิเครำะห์ควำม แปรปรวนแบบทำงเดียว ผลกำรวิจัยพบว่ำ ผู้รับสื่อส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอำยุเฉลี่ยอยู่ที่ 21-30 ปี กำรศึกษำระดับปริญญำตรี มีอำชีพนักเรียน/นิสิต นักศึกษำ มีรำยได้ต่อเดือนอยู่ที่ 5,001 – 10,000 บำท ต่อเดือน ประเด็นข่ำวสำรที่ผู้รับสื่อสนใจติดตำมมำกที่สุด คือ ประเด็นสถำนกำรณ์ทำงกำรเมอื ง โดยในแต่ละวันผู้รับสื่อเข้ำใช้แฮชแท็กในทวิตเตอร์ เพ่อื ตดิ ตำมประเดน็ ข่ำวสำรน้อยกว่ำ 2 ครั้ง และในแต่ละคร้งั ใชเ้ วลำนอ้ ยกวำ่ 1 ช่วั โมง พฤติกรรมของผู้รับสื่อในกำรติดตำมประเด็นข่ำวสำรผ่ำนแฮชแท็กในทวิตเตอร์ ด้ำน แรงจูงใจ สิ่งที่คำดหวัง และทัศนคติ อยู่ในระดับมำก ในส่วนของกำรเปรียบเทียบ พฤติกรรมของผู้รับสื่อที่มีต่อกำรติดตำมประเด็นข่ำวสำรผ่ำนแฮชแท็กในทวิตเตอร์ จำแนกตำมกลุ่มอำยุ รวมทุกด้ำน พบวำ่ ผรู้ ับสือ่ ที่กลุ่มอำยุต่ำงกันมีพฤติกรรมที่มีกำร ตดิ ตำมประเด็นข่ำวสำรผ่ำนแฮชแทก็ ในทวติ เตอร์ทไ่ี ม่แตกต่ำงกนั อย่ำงมีนัยสำคัญทำง สถิติ และ ส่วนของกำรจำแนกตำมกลุ่มเพศ รวมทุกด้ำน พบว่ำ ผู้รับสื่อที่กลุ่มเพศ ต่ำงกันมีพฤติกรรมที่มีต่อกำรติดตำมประเด็นข่ำวสำรผ่ำนแฮชแท็กในทวิตเตอร์ที่ ตำ่ งกันอย่ำงมนี ยั สำคัญทำงสถติ ิท่ี .05 คำสำคญั : ทวิตเตอร์, ประเด็นข่ำวสำร, ผูร้ ับสื่อ, แฮชแท็ก
25 กำรศกึ ษำเจตคตขิ องผหู้ ญงิ ตอ่ กำรแกไ้ ขกฎหมำยกำรทำแทง้ มำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ในกรงุ เทพมหำนคร จริ วฒั น์ สบื สมิ มำ, ปรำยฟำ้ ทองแร่ และพรรณภิ ำ เจมิ พำนชิ ย์ บทคัดยอ่ กำรวจิ ยั คร้งั นี้มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษำ 1. เพื่อศึกษำเจตคติของผู้หญิงต่อกำร แก้ไขกฎหมำยกำรทำแท้งมำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ในกรุงเทพมหำนคร 2. เพื่อ เปรียบเทียบเจตคติผู้หญิงต่อกำรแก้ไขกฎหมำยกำรทำแท้งมำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ในกรุงเทพมหำนคร โดยใช้วธิ ีกำรวิจยั เชงิ คุณภำพ (Qualitative research) กลุ่ม ตวั อยำ่ ง ได้แก่ ผู้หญงิ ทอ่ี ำศยั อยใู่ นกรงุ เทพมหำนคร เขตวัฒนำ บรเิ วณคลนิ กิ เวชกรรม สมำคมพัฒนำประชำกรและชุมนุม (PDA) มำสัมภำษณ์แบบเจำะลึก (In-Depth interview) และวิธีกำรสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Non-Participation) จำนวน 20 คน อำยตุ ง้ั แต่ 20-45 ปี โดยกระบวนกำรและวธิ ีกำรวิเครำะห์ ท่เี ปน็ กระบวนกำรวิเครำะห์ โดยกำรเริ่มต้นจำกกำรวิเครำะห์ภำพรวมไปสู่กำรวิเครำะห์ประเด็นย่อยของ กระบวนกำรวเิ ครำะหต์ ำมแนวทำงกำรวิจยั เชิงคณุ ภำพ ผลกำรวจิ ยั พบว่ำ 1) ผ้หู ญิงอำยุตั้งแต่ 20-45 ปี ทอี่ ำศยั อยู่ในกรุงเทพมหำนคร มีเจตคติต่อกำรแก้ไขกฎหมำยกำรทำแท้ง กลุ่มที่เห็นด้วยคิดว่ำ กฎหมำยมำตรำ 301 และ มำตรำ 305 ได้เพิ่มทำงเลือกให้แก่ผู้หญิงมำกขึ้นในกำรตัดสินใจว่ำจะทำแท้ง หรอื ไม่ และมองวำ่ อำจจะทำให้กำรทำแทง้ เถื่อนลดนอ้ ยลงเพรำะกำรทำแท้งเถื่อนเป็น อันตรำยต่อผู้หญิง และเป็นกำรลดปัญหำกำรไม่พร้อมเลี้ยงดูบุตร เพรำะกำรไม่ได้ให้ ควำมใส่ใจเด็กที่เกิดมำ จะทำให้เด็กขำดควำมรักและกำรดูแลเอำใจใส่ในกลุ่มคนที่ไม่ เห็นด้วยได้ให้ควำมเห็นว่ำ กำรแก้ไขกฎหมำยมำตรำ 301 และ มำตรำ 305 แล้วน้ัน จะเปน็ กำรเพ่มิ ประชำกรมำกข้นึ และทำใหเ้ ด็กทีย่ ังไม่มีควำมรู้ควำมเข้ำใจมีควำมคิดที่ ผิด 2) เจตคติของผู้หญิงอำยุตัง้ แต่ 20-45 ปี แตกต่ำงกัน เนื่องจำกกลุ่มคนที่เหน็ ดว้ ย คิดว่ำจะให้กำรทำแท้งเถื่อนลดลงแต่กลับกันกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกลับมองว่ำจะเป็น กำรเพิ่มกำรทำแท้งเถื่อน เพรำะกฎหมำยเร่ิมให้สิทธ์ิกับผู้หญิงมำกข้ึนอำจจะทำให้ผ้ทู ี่ ขำดวุฒภิ ำวะทำไปอย่ำงไม่ยัง้ คิด คำสำคญั : กำรทำแทง้ , กฎหมำยมำตรำ 301, กฎหมำยมำตรำ 305, เจตคติ
26 กำรศกึ ษำควำมพงึ พอใจของผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำรคนละครงึ่ ในตลำดนดั จตจุ กั ร ธรี ร์ ศิ รำ วริ วิ ฒั น์ และสรุ ยี พ์ ร ชนื่ ประทมุ บทคดั ยอ่ กำรวจิ ยั ครง้ั นีม้ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษำควำมพงึ พอใจของผเู้ ข้ำร่วมโครงกำรคน ละคร่ึงในตลำดนดั จตจุ ักร และเพ่อื ศึกษำวิเครำะหเ์ ปรยี บเทยี บควำมแตกตำ่ งของปัจจัย ส่วนบุคคลท่มี ีผลต่อควำมพึงพอใจของผู้เข้ำรว่ มโครงกำรคนละครง่ึ ในตลำดนัดจตุจักร โดยเก็บข้อมูลจำกผู้เข้ำร่วมโครงกำรคนละครึ่ง ในตลำดนัดจตุจักร จำนวน 400 คน มีกำรสุม่ ตวั อยำ่ งแบบบงั เอิญ (Accidental Sampling) โดยใช้แบบสอบถำมในกำรเก็บ รวบรวมข้อมูล และวิเครำะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS ด้วยสถิติพรรณนำ ได้แก่ รอ้ ยละ คำ่ เฉลย่ี สว่ นเบยี่ งเบนมำตรฐำน และสถติ เิ ชิงอนมุ ำน จำกกำรศกึ ษำพบวำ่ ภำพรวมควำมพงึ พอใจ ท้งั 3 ด้ำน ของผเู้ ข้ำร่วมโครงกำร คนละคร่งึ อยู่ในระดับปำนกลำง โดยด้ำนท่ีมีควำมพงึ พอใจมำกที่สุด คือ ด้ำนกำรรับรู้ ควำมง่ำยต่อกำรใช้งำน ภำพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมำก ต่อมำเป็นด้ำนที่มีค่ำเฉลี่ย ของควำมพึงพอใจรองลงมำ คือ ด้ำนกำรรับรู้ประโยชน์ ภำพรวมอยู่ในระดบั พงึ พอใจ ปำนกลำง และด้ำนที่มีค่ำเฉลย่ี ของควำมพงึ พอใจน้อยท่ีสุด คอื ด้ำนทัศนคติท่ีมีต่อกำร ใช้ ภำพรวมอยใู่ นระดับพึงพอใจปำนกลำง ส่วนใหญเ่ หน็ ว่ำโครงกำรคนละคร่ึงสำมำรถ ช่วยประหยัดคำ่ ใช้จ่ำยในกำรซอ้ื สนิ คำ้ ต่ำงๆ ได้จริง เหน็ ว่ำโครงกำรคนละครึ่งช่วยเพ่ิม รำยได้ให้กับร้ำนค้ำได้จริง และเห็นว่ำโครงกำรคนละครึ่งสำมำรถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จริง กำรเปรียบเทียบค่ำเฉลี่ยและค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำนของควำมแตกต่ำงควำมพึง พอใจของผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรคนละครึ่ง ในตลำดนดั จตุจักร โดยรวมและรำยด้ำน พบว่ำ ปัจจยั เพศ อำยุ และระดบั กำรศกึ ษำ มคี วำมพึงพอใจในต่อกำรเข้ำร่วมโครงกำรคนละ ครึ่ง ในตลำดนัดจตุจักร โดยรวมทุกด้ำนไม่แตกต่ำงกัน จึงไม่สอดคล้องกับสมมติฐำน ทตี่ ง้ั ไว้ ในส่วนของ ปัจจัย ระดับกำรศกึ ษำ อำชีพ และรำยได้ต่อเดอื น ควำมพึงพอใจใน ต่อกำรเข้ำร่วมโครงกำรคนละครึ่ง ในตลำดนัดจตุจักร โดยรวมทุกด้ำนแตกต่ำงกัน สอดคล้องกับสมมติฐำนที่ตั้งไว้ สำหรับข้อเสนอแนะ จำกควำมคิดเห็นส่วนใหญ่คิดวำ่ ควรได้สิทธิอย่ำงเท่ำเทียมกันทุกคน และควรปรับปรุงระบบให้มีควำมเสถียร รองรับ กำรเขำ้ ใช้งำนได้หลำกหลำยอปุ กรณ์ และลดขั้นตอนทยี่ งุ่ ยำกในกำรสมคั ร คำสำคญั : ควำมพึงพอใจ, ผเู้ ข้ำร่วม, โครงกำรคนละครึง่ , ตลำดนดั จตุจักร
27 กำรศกึ ษำพฤตกิ รรมกำรใช้เฟซบกุ๊ ของนสิ ติ ระดบั ปรญิ ญำตรที สี่ ง่ ผลตอ่ กำรคกุ คำมทำง เพศของผมู้ อี ตั ลกั ษณค์ วำมหลำกหลำยทำงเพศ (LGBT) ณริ ฌำ รตั นมงคลถำวร และนธี เหมธำนนท์ บทคัดยอ่ กำรศึกษำครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำเพื่อศึกษำพฤติกรรมกำรใช้เฟซบุ๊ก ของนิสิตระดับปริญญำตรีที่ส่งผลต่อกำรคุกคำมทำงเพศของผู้ที่มีอัตลักษณ์ควำม หลำกหลำยทำงเพศ (LGBT) และเพื่อศึกษำปัจจัยอันเป็นสำเหตุของกำรโดนคุกคำม ทำงเพศต่อผู้ที่มีอัตลักษณ์ควำมหลำกหลำยทำงเพศ (LGBT) โดยทำกำรวจิ ัยได้ทำกำร วิจัยแบบผสำนวิธี (Mixed Methods) ด้วยแบบสำรวจที่มีคำตอบครบถ้วนสมบรูณ์ จำนวน 121ชุด และ รวบรวมข้อมูลเชิงคุณภำพ ด้วยกำรสัมภำษณ์ (Interview) จำนวน 15 คน เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนเบื้องต้น โดยนำข้อมูลดังกล่ำวมำวิเครำะห์ ร่วมกันข้อมูลที่ได้จำกกำรทบทวนวรรณกรรม เพื่อนำมำใช้ประกอบกำรศึกษำวิจัยให้ สมบรูณ์ โดยผู้วิจัยได้แบ่งประเด็นกำรวิเครำะห์ผลกำรตอบแบบสำรวจและกำร สมั ภำษณ์ เพื่อสรุปประเด็นตำมวัตถุประสงค์ผลกำรศึกษำวิจัยพบว่ำ นิสิตอำยุ 22 ปี มีกำรใช้เฟซบุ๊กบ่อยที่สุด ในปัจจุบันเครือข่ำยสังคม ออนไลน์ได้กระจำยไปอย่ำง แพร่หลำย โดยผู้ใช้งำนที่มีจำนวนสูงสุดคือกลุ่มอำยุ 18-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัย นักศกึ ษำระดบั ปรญิ ญำตรี ซ่ึงเป็นกลุ่มทน่ี ิยมใช้กำรสอื่ สำรผำ่ นเครือขำ่ ยสงั คมออนไลน์ นิยมและมีกำรใช้งำนบ่อยที่สุดคือเฟซบุ๊ก โดยมีกำรใช้งำนเฉลี่ยวันละมำกกว่ำสอง ช่วั โมงในช่วงเวลำก่อนนอน ในสว่ นของกำรใชง้ ำนนนั้ สว่ นใหญ่จะเป็นกำรใชเ้ พอื่ สอ่ื สำร สร้ำงควำมสัมพนั ธ์ ซ่ึงเหตผุ ลทีน่ ิสิตเข้ำใช้เฟซบุก๊ ไดแ้ ก่ เพอ่ื ตดิ ตำมขำ่ วสำร ติดต่อกับ บคุ คลทร่ี ู้จกั เพ่อื หำเพ่ือนใหม่ อัพเดทสถำนะ เปน็ ตน้ ปจั จัยอนั เป็นสำเหตุของกำรถูก คุกคำมทำงเพศต่อผู้ที่มีอัตลักษณ์ควำมหลำกหลำยทำงเพศ (LGBT) พบว่ำ ในด้ำน สำเหตุของกำรถูกคุกคำมทำงเพศผ่ำนเฟซบุ๊กต่อผูท้ ี่มีอัตลักษณ์ควำมหลำกหลำกทำง เพศ (LGBT) คือ ตัวผทู้ ที่ ำกำรคกุ คำมทำงเพศ โดยกำรคอมเมน้ ต์แทะโลม กำรชักชวน มีเพศสัมพันธ์ คำสำคัญ: พฤติกรรมกำรใช้เฟซบุ๊ก, กำรคุกคำมทำงเพศ, อัตลักษณ์ควำมหลำกหลำย ทำงเพศ
28 กำรศกึ ษำแนวทำงกำรคมุ้ ครองผเู้ สยี หำยจำกอำชญำกรรมทำงอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ กรณศี กึ ษำ Romance scam จฑุ ำทิพย์ ศริ พิ นั ธ,์ มนทริ ำวรรณ จนั ปี และวงศร์ กั ษ์ ตรศี กั ดศ์ิ รี บทคัดยอ่ กำรวิจยั คร้ังน้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พือ่ ศกึ ษำรปู แบบกระบวนกำรและผลกระทบจำก อำชญำกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ Romance scam และเพื่อศึกษำหำ แนวทำงมำตรกำรที่เหมำะสมต่อกำรป้องกันผู้เสียหำยและปรำบปรำมอำชญำกรรม อิเล็กทรอนิกส์ในรปู แบบ Romance scam วิธีกำรดำเนินกำรวิจัยใช้กำรวิจัยรูปแบบ เชงิ คุณภำพ โดยเกบ็ ข้อมูลจำกกำรสัมภำษณเ์ ชงิ ลึก และศกึ ษำเอกสำร ตำรำ งำนวจิ ยั ท่ี เก่ยี วข้อง ซึง่ ผลกำรวจิ ัยสำมำรถอภปิ รำยไดด้ งั น้ี จำกกำรศึกษำแนวทำงกำรคุ้มครองผู้เสียหำยจำกอำชญำกรรมทำง อิเล็กทรอนิกส์ กรณีศึกษำ Romance scam พบว่ำในปัจจุบันสื่อออนไลน์เข้ำมำมี บทบำทในชีวิตประจำวันเป็นอยำ่ งมำก จึงทำให้อำชญำกรใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทำง ในกำรก่ออำชญำกรรมในรูปแบบต่ำง ๆ โดยรูปแบบของอำชญำกรรม Romance scam ส่วนมำกจะเป็นกำรสร้ำงโปรไฟล์ปลอมให้ดูน่ำสนใจ มีกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ ผ่ำนสื่อออนไลน์ อำชญำกรจะมวี ิธใี นกำรหลอกลวงเหยื่อโดยใช้วิธตี ่ำง ๆ อำทิ หลอกให้ โอนเงิน กำรแบล็คเมล์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งผลกระทบทีเ่ กิดจำกอำชญำกรรม Romance scam ทำให้เหยื่อเสียเงินหรือทรัพย์สินต่ำง ๆ เสียชื่อเสียง เสียควำมรู้สึกที่โดนหลอก ให้รักจำกควำมสัมพันธ์ที่อำชญำกรสร้ำงขึ้น ในส่วนของมำตรกำรในกำรป้องกันและ ปรำบปรำมอำชญำกรรม Romance scam ภำครัฐควรมีมำตรกำรที่ครอบคลุมในกำร ป้องกันกำรเกิดอำชญำกรรม อำทิ ทำงกฎหมำยควรมีกำรตรวจสอบกำรทำธุรกรรม ทำงกำรเงินที่มีควำมน่ำสงสัย และควรมีกำรเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยไปยังสื่อต่ำง ๆ ให้ทุกคนสำมำรถรับรู้ถึงภัยและวิธีกำรป้องกันตัวเองจำกอำชญำกรรม Romance scam คำสำคญั : กำรคมุ้ ครอง, ผเู้ สยี หำย, Romance scam
29 กำรศกึ ษำทศั นะในควำมเหลอ่ื มลำ้ ทำงเพศทมี่ ผี ลตอ่ คนวยั ทำงำนในกรงุ เทพมหำนคร จนิ ตนำ สมบรุ ษุ และศภุ ำฐนิ ี ผวิ สำ บทคดั ยอ่ กำรวจิ ัยครั้งนม้ี ีวัตถุประสงค์ เพือ่ ศกึ ษำทัศนะในควำมเหลื่อมล้ำทำงเพศท่ีมีผล ตอ่ คนวัยทำงำนในกรงุ เทพมหำนคร เป็นกำรวจิ ยั เชิงคุณภำพ (Qualitative Research) ซึ่งใช้วิธีกำรวิจัยโดยวิเครำะห์เอกสำรงำนวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน (Documentary research) และใช้วิธีกำรสัมภำษณ์เชิงลกึ (In-depth interview) ไดก้ ำหนดประชำกร และกลุม่ ตวั อยำ่ งทใ่ี ช้ในกำรวิจัยจำกผู้เชยี่ วชำญด้ำนแรงงำน จำนวน 3 ทำ่ น และกลุ่ม บุคคลวัยทำงำนที่ทำงำน อีกจำนวน 12 ท่ำน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องกบั หัวข้อกำรวิจัยครั้งน้ี รวมทั้งสิ้นจำนวน 15 ท่ำน โดยดำเนินกำรคัดเลือกกลุ่มตัวอย่ำงด้วยวิธีกำรสุ่มแบบ เฉพำะเจำะจง (Purposive Random) อันเป็นกำรเลือกตัวอย่ำงที่ผู้วิจัยได้ดำเนินกำร พิจำรณำเลือกตวั อยำ่ งดว้ ยเกณฑท์ ่ผี วู้ ิจยั กำหนดขน้ึ ผลกำรวิจัยพบว่ำ 1) เพศมีผลต่อกำรคัดเลอื กเข้ำทำงำนในตำแหน่งตำ่ ง ๆ ทำง สังคม พบวำ่ เพศยงั คงมีผลต่อกำรเลือกเข้ำทำงำนในตำแหน่งต่ำง ๆ อย่ำงมำก เพรำะ ในแต่ละตำแหน่งจะมีกำรทำงำนที่แตกต่ำงกัน 2) เพศทุกเพศมีโอกำสในกำรเลื่อน ตำแหน่งงำนไดเ้ หมอื นกัน โดยข้ึนอยกู่ ับควำมรู้ ควำมสำมำรถ และศกั ยภำพของแต่ละ คน มำกกว่ำที่จะมองเรื่องของเพศสภำพ 3) กำรจำกัดเพศในกำรทำงำนจำกควำม คิดเห็นของผู้ถูกสัมภำษณ์ส่วนใหญ่ ยังพบว่ำ ไม่เห็นด้วยในกำรจำกัดเพศ แต่ควร พิจำรณำที่ควำมสำมำรถตำมศักยภำพของแต่ละบุคคลมำกกว่ำ แต่บำงส่วนของผู้ให้ ข้อมูลมที ัศนะท่เี ห็นดว้ ยกับอำชพี บำงอำชพี หรอื ลกั ษณะงำนไดม้ ขี ้อจำกดั ทำงเพศ เช่น เพศชำยมคี วำมเหมำะสมกบั อำชพี ทีใ่ ชพ้ ละกำลงั และเพศหญิงมคี วำมเหมำะสมกบั งำน ที่ละเอียดออ่ นหรือเนน้ ควำมปรำณีต ในส่วนประเดน็ เรื่องเพศมีผลต่อกำรเลือกปฏิบัติ ในทท่ี ำงำน เหน็ วำ่ กำรเลอื กปฏิบัติทำงเพศไม่ไดข้ น้ึ อยกู่ ับเพศใด ซึ่งอยู่ในตัวบุคคลน้ัน ว่ำมีค่ำนิยมท่ีมีควำมพึงพอใจกับเพศไหนเป็นพิเศษโดยส่วนใหญ่ผู้ให้สัมภำษณม์ ีควำม คิดเหน็ ร่วมกันว่ำกำรเลอื กปฏบิ ตั ไิ ม่ไดข้ ึน้ อยู่กับเพศ คำสำคัญ: ควำมเหลือ่ มล้ำ, ชำย, หญงิ , เพศ
30 พฤตกิ รรมกำรมเี พศสมั พนั ธท์ ม่ี คี วำมเสย่ี งตอ่ กำรตดิ เชอื้ เอชไอวขี องบคุ คลวยั ทำงำนใน กรงุ เทพมหำนคร ฉตั รดนยั รกั ชำติ บทคดั ยอ่ กำรวจิ ยั ครั้งนีม้ วี ัตถปุ ระสงค์เพ่อื ศกึ ษำปัจจัยด้ำนประชำกรศำสตร์ ได้แก่ เพศ วิถี อำยุ สถำนภำพ ระดับกำรศกึ ษำ อำชพี และรำยไดต้ อ่ เดอื นของบุคคลวัยทำงำนใน กรุงเทพมหำนครที่มีพฤติกรรมกำรมีเพศสัมพันธ์ที่มีควำมเสี่ยงต่อกำรติดเชื้อเอชไอวี เพื่อศกึ ษำพฤติกรรมกำรมเี พศสมั พันธ์ทม่ี คี วำมเส่ียงตอ่ กำรติดเช้อื เอชไอวขี องบุคคลวัย ทำงำนในกรุงเทพมหำนคร และเพ่อื ศึกษำควำมร้เู ก่ยี วกับโรคเอดส์ของบคุ คลวัยทำงำน ในกรุงเทพมหำนครท่มี ีควำมเส่ยี งตอ่ กำรตดิ เชอ้ื เอชไอวี งำนวิจยั ฉบบั นเ้ี ป็นงำนวจิ บั เชิง ปรมิ ำณ กลุ่มตวั อยำ่ งที่ใชใ้ นกำรวิจัยครั้งน้ี คือ ผูท้ ีอ่ ยใู่ นวยั ทำงำนมอี ำยตุ งั้ แต่ 20 – 60 ปี ที่มีงำนทำและทำงำนในกรุงเทพมหำนคร เขตบำงรัก จำนวน 400 คน โดยใช้ แบบสอบถำมเป็นเครื่องมือในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่ำร้อยละ (Percentage) ค่ำเฉลี่ย (Mean) ค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำน (Standard Deviation) และสถิติที่ใช้ในกำรทดสอบสมมติฐำน ได้แก่ T-test independent และ One-way Anova ผลกำรวิจัย พบว่ำ 1. ปจั จยั ดำ้ นประชำกรศำสตร์ ไดแ้ ก่ เพศวถิ ี อำยุ สถำนภำพ ระดบั กำรศึกษำ อำชีพ และรำยได้ต่อเดือนที่แตกต่ำงกัน มีผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงตอ่ กำรตดิ เช้ือเอชไอวี ของบุคคลวัยทำงำนในกรุงเทพมหำนครแตกต่ำงกัน อย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติท่รี ะดับ .05 2. ประสบกำรณก์ ำรมเี พศสมั พันธ์ท่ีแตกต่ำงกนั มีผลต่อพฤติกรรมเส่ียงต่อกำร ติดเชื้อเอชไอวีของบุคคลวัยทำงำนในกรุงเทพมหำนครแตกต่ำงกัน อย่ำงมีนัยสำคัญ ทำงสถิติท่รี ะดับ .05 3. ควำมรู้เก่ยี วกับโรคเอดส์ที่แตกต่ำงกนั มีผลต่อพฤตกิ รรมเส่ยี งต่อกำรติดเชื้อ เอชไอวขี องบุคคลวยั ทำงำนในกรงุ เทพมหำนครแตกตำ่ งกนั อย่ำงมนี ยั สำคญั ทำงสถิติท่ี ระดับ .05 คำสำคัญ: พฤติกรรมกำรมีเพศสัมพันธ์, ควำมเสี่ยงต่อกำรติดเชื้อเอชไอวี, บุคคลวัย ทำงำน
31 กำรศกึ ษำภำวะโรคซมึ เศรำ้ ในสถำนกำรณโ์ ควดิ 19 ของสงั คมไทย สชุ ำดำ ไกยนำม และสนุ ิตำ พรมสำกล บทคัดยอ่ กำรวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำปัจจัยหรือสำเหตุของภวะโรคซึมเศร้ำใน สถำนกำรณ์โควิด 19 ของสังคมไทย และเพื่อศึกษำแนวทำงกำรแก้ปัญหำภำวะโรค ซมึ เศร้ำในสถำนกำรณโ์ ควิด 19 ของสังคมไทย โดยมีวธิ กี ำรดำเนนิ กำรวิจัยเชิงพรรณำ โดยเก็บข้อมูลไปข้ำงหน้ำ โดยใช้แบบสอบถำมข้อมูลทั่วไป ระยะเวลำกำรเก็บข้อมูล สิงหำคม พ.ศ. 2563 ถึง เมษำยน พ.ศ. 2564 เกณฑก์ ำรเลอื กผู้เขำ้ ร่วมวจิ ยั คือ บุคคลที่ มีอำยุ 18 ปขี ึน้ ไป ที่ไดร้ บั ผลกระทบจำกกำรแพร่ระบำดของโควิด 19 เป็นผู้ที่อำศัยอยู่ ในจงั หวัดนนทบรุ ีเขตปำกเกร็ดและเขตบำงใหญ่ และจังหวดั กรงุ เทพมหำนครเขตดอน เมือง เขตลำดพร้ำว และเขตจตุจักร และวิเครำะห์ด้วยสถิติควำมถี่ ร้อยละ ค่ำเฉล่ีย และสว่ นเบีย่ งเบนมำตรฐำน ผลกำรศึกษำกำรวิจัยครั้งนี้กลุ่มตัวอย่ำงเข้ำร่วมกำรศึกษำทั้งสิ้น 400 คน มีอำยุเฉลี่ย 51.66 ปี (S.D. = 16.55) ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ประกอบอำชีพรับจ้ำง และไม่มีโรคประจำตัว พบกลุ่มตัวอย่ำงที่มีลักษณะกำรทำงำนมีควำมเสี่ยงในกำรติด เชื้อโควิด 19 มีประวัติไปในพื้นที่เสี่ยง เป็นผู้แยกสังเกตอำกำร/ผู้กักกันตัว มีญำติ เข้ำเกณฑ์กำรสอบโรค/ติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นผู้ป่วยเข้ำเกณฑ์สอบสวนโรค กลุ่ม ตวั อย่ำงมภี ำวะซมึ เศร้ำร้อยละ 1.6 ปจั จัยด้ำนอำยุ เพศ อำชพี โรคประจำตัว ลักษณะ กำรทำงำนท่เี สีย่ งในกำรติดเชือ้ โควิด 19 ไมม่ คี วำมสมั พนั ธ์กบั ภำวะโลกซึมเศร้ำอย่ำงมี นัยสำคญั ทำงสถิติ คำสำคญั : โควิด 19, ผลกระทบโควิด 19, ภำวะซึมเศร้ำ
32 W Part 2 เมือง ชุมชน สิ่งแวดล้อม W
33 กำรศกึ ษำแรงจงู ใจตอ่ กำรทำเกษตรอนิ ทรยี ข์ องกลมุ่ เกษตรกร ตำบลภเู ขำทอง จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยำ กรณีศกึ ษำศนู ยก์ ำรเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งบำ้ นของพอ่ พรรณวชิ ชำ ชน่ื บำน บทคดั ยอ่ งำนวิจัยครั้งนี้ มีวัตุประสงค์ในกำรศึกษำเพื่อศึกษำแรงจูงใจต่อกำรทำเกษตร อินทรีย์และกระบวนกำรทำเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกร ในศูนย์กำรเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียงบำ้ นของพอ่ ตำบลภูเขำทอง จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยำ รวมถงึ เพ่ือศึกษำผลท่ี ตำมมำหลังจำกกำรทำเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกร โดยใช้วิธีกำรวิจัยเชิงคุณภำพใน กำรสัมภำษณ์เชิงลึกจำกเกษตรกรของศูนย์กำรเรียนรู้จำนวน 10 คน แบ่งเป็นผู้ชำย จำนวน 8 คน ผหู้ ญงิ จำนวน 2 คน มอี ำยุระหวำ่ ง 35 – 75 ปี ผลกำรศึกษำพบว่ำ แรงจูงใจในกำรทำเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกรพบว่ำ มีปัญหำด้ำนสุขภำพและลดค่ำใช้จ่ำยในกำรซื้อปุ๋ยเคมี ต่อมำกระบวนกำรในกำรทำ เกษตรอินทรีย์พบว่ำ เจ้ำหน้ำที่ศูนย์กำรเรียนรู้มีกระบวนกำรกำรเรียนรู้ เจ้ำหน้ำที่มี ควำมใฝร่ ้ใู ฝศ่ ึกษำในกำรหำข้อมูลเพ่อื ลงมอื ทำเกษตรอินทรยี ์โดยเจ้ำหน้ำท่ีมีข้ันตอนใน กำรทำเกษตรอินทรีย์ คือ กำรเลือกพื้นที่ กำรวำงแผนป้องกันสำรเคมีจำกภำยนอก กำรเลือกพันธทุ์ ี่เหมำะสมกับพื้นท่ี กำรนำเมล็ดพนั ธุ์ท่ีเลอื กมำลงพ้ืนท่ีท่ีเตรียมไว้ และ สุดท้ำยกำรบำรุงแปลงเกษตรด้วยน้ำหมักชีวภำพ ผลที่ตำมมำหลังจำกกำรทำเกษตร อนิ ทรยี พ์ บว่ำ เปน็ กำรใชพ้ ื้นที่ให้เกิดประโยชน์ทำให้เปน็ ท่ียอมรบั ของคนในชุมชนและ หน่วยงำนต่ำง ๆ ทำให้คนในชมุ ชนและหน่วยงำนตำ่ ง ๆ ทเี่ ขำ้ มำเรียนรเู้ กิดอำชีพเสริม จำกกำรศกึ ษำในศูนย์กำรเรยี นรู้และยงั ส่งผลให้บริเวณพ้นื ทม่ี ีสภำพแวดล้อมที่ดีขึ้นซึ่ง ผลมำจำกกำรทำเกษตรอินทรีย์ คำสำคัญ: เกษตรอินทรีย์, แรงจูงใจ, เศรษฐกิจพอเพยี ง
34 บทบำทและควำมคำดหวงั ของชมุ ชนในกำรเปน็ มหำวทิ ยำลยั รบั ใชส้ งั คม กรณศี กึ ษำ มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสำนมติ ร กฤตธิ ี เอกวรำกร และสภุ นยั หลอ่ นำค บทคดั ยอ่ กำรศึกษำวิจัยเรื่อง บทบำทและควำมคำดหวังของชุมชนในกำรเป็น มหำวิทยำลัยรับใช้สังคม กรณีศึกษำมหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสำนมิตร มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษำควำมคำดหวงั ของชมุ ชนต่อบทบำทกำรเปน็ มหำวิทยำลัยรับใช้ สังคม และเพื่อศกึ ษำแนวทำงและจัดทำขอ้ เสนอแนะต่อบทบำทกำรเปน็ มหำวิทยำลัย รบั ใช้สงั คม ซึง่ มผี ูใ้ หข้ อ้ มลู สำคัญประกอบด้วย ประธำนชมุ ชน กรรมกำรชมุ ชน รวมถึง ผทู้ ่มี สี ่วนเกี่ยวขอ้ งหรือมีสว่ นได้สว่ นเสียกับชมุ ชนมีวิธีกำรเก็บข้อมูลแบบพหุวิธีทั้งกำร สัมภำษณ์แบบเจำะลกึ กำรสนทนำกลมุ่ ผลกำรวิจยั พบว่ำ ควำมคำดหวังของชุมชนต่อกำรเป็นมหำวิทยำลัยรับใช้สังคมนั้นด้วยวิถีชีวิต รูปแบบกำรดำรงชีพ สถำนะทำงเศรษฐกิจ และกลไกทำงสั งคมของชุมชนที่ เปลี่ยนแปลงไปตำมสภำพและบริบทของสังคมและวัฒนธรรมเมืองที่มีควำมซับซ้อน มำกขึ้นจึงมีควำมหวังใหม้ หำวิทยำลัยเข้ำมำมีบทบำทในกำรสรำ้ งคุณภำพชวี ิตทีด่ ีและ พ้ืนที่ควำมสุขใหก้ บั คนในชุมชน อีกท้งั ชมุ ชนยงั มีควำมหวงั วำ่ กำรพฒั นำนนั้ จะต้องเน้น ภำคปฏิบัติมำกกว่ำทฤษฎี ส่วนข้อเสนอแนะต่อบทบำทกำรเป็นมหำวิทยำลัยรับใช้ สังคมนั้นมหำวิทยำลัยต้องยึดสภำพกำรณ์ปัจจุบันและควำมต้องกำรของชุมชนที่มี ควำมแตกต่ำงทำงภมู วิ ัฒนธรรมเป็นฐำนกำรพัฒนำเพ่ือปรับกระบวนทัศน์ทำงนโยบำย และบูรณำกำรพันธกจิ ของมหำวิทยำลัยทั้ง 4 ด้ำนทั้งกำรเรยี น กำรวิจัย กำรบรกิ ำรวชิ ำ กำรแก่ชุมชน และกำรทำนุบำรุงศิลปวัฒนำธรรม เพื่อพัฒนำองค์ควำมรู้จำกสภำพ ปัญหำจริงอันนำไปสู่กำรพัฒนำโจทย์และประเด็นทำงวิชำกำร รวมถึงโครงกำรและ กิจกรรมบริกำรวิชำกำรที่สอดรับกับควำมต้องกำรของชุมชนและสังคม อีกท้ัง ข้อเสนอแนะต่อบทบำทกำรเป็นมหำวิทยำลัยรับใช้สังคมนั้นมหำวิทยำลัยควรมีควำม ตอ่ เนือ่ งจำกกำรจัดกจิ กรรมกำรบริกำรวิชำกำรตำมพลวัตของปญั หำที่เกิดขึ้นกับชุมชน และควรส่งเสรมิ ให้มกี ำรเขำ้ ศึกษำชมุ ชนท่ขี ำดทนุ ทำงสังคม เศรษฐกจิ และทรพั ยำกร คำสำคัญ: มหำวิทยำลัยรับใช้สังคม, มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสำนมิตร, ชุมชน
35 แนวทำงกำรใชป้ ระโยชนพ์ นื้ ทสี่ ำธำรณะกรณศี กึ ษำสวนลอยฟำ้ เจำ้ พระยำ ธญั ยช์ นก จนั ทรส์ วำ่ งวงศ์ และสทุ ญำดำ รงุ่ เรอื ง บทคัดยอ่ กำรศึกษำวิจัยเรื่อง แนวทำงกำรใช้ประโยชน์พืน้ ท่ีสำธำรณะ กรณีศึกษำสวน ลอยฟ้ำเจำ้ พระยำครง้ั น้ีมวี ัตถุประสงค์คอื 1) เพอ่ื ศึกษำพฤตกิ รรม กิจกรรมกำรใช้งำน และสภำพปัญหำของพนื้ ทแ่ี ละควำมต้องกำรของกลุ่มผู้ใชง้ ำน 2) เพ่อื ศกึ ษำแนวทำงใน กำรใช้ประโยชน์พื้นที่สำธำรณะ กำรวิจัยนี้ใช้วิธีกำรดำเนินงำนกำรวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative Research) โดยใชว้ ธิ ีวจิ ัยเชิงปฏบิ ตั กิ ำร (Action Research) ดว้ ยวิธกี ำร สังเกตุกำรณ์อย่ำงไม่มีส่วนร่วม (Participant Observation)และกำรสัมภำษณ์ (Interview) โดยผู้ที่ให้ข้อมูลคนสำคัญ (Key informant interview) แบ่งออกเป็น 3 กลมุ่ ได้แก่ วยั ร่นุ ท่มี ีอำยุ 18-23 ปี วัยทำงำน 25-40 ปี และวยั ผสู้ งู อำยุ อำยุ 60 ปี ขึ้นไป งำนวิจัยนี้ใช้วิธีกำรสุ่มตัวอย่ำงแบบ (Snowball Sampling) โดยอำศัยกำร แนะนำของผูท้ ใ่ี ห้ข้อมลู ทไี่ ด้เก็บข้อมลู ไปแล้วต่อๆไปจนกระทั่งได้กลุ่มตัวอย่ำงครบตำม จำนวนทีต่ ้องกำรหรือกระท่ังได้ข้อมูลที่สนใจศึกษำกับกลุ่มคนท้ัง 3 ช่วงวัยที่เขำ้ มำใช้ พน้ื ทบ่ี ริเวณสวนลอยฟ้ำเจำ้ พระยำ ผลกำรวิจัยพบว่ำ สวนลอยฟ้ำเจ้ำพระยำเป็นพื้นที่ในกำรพักผ่อนหย่อนใจ มีรูปแบบกิจกรรมในพื้นที่หลำกหลำย ในแต่ละวัย มีกำรทำกิจกรรมที่แตกต่ำงกัน เนอ่ื งจำกพื้นทีบ่ รเิ วณสวนลอยฟ้ำเจ้ำพระยำเช่อื มโยงติดต่อกับสวนป่ำเฉลิมพระเกียรติ ในเขตคลองสำนและสวนสมเด็จพระปกเกล้ำในเขตพระนคร ทำให้สำมำรถใช้พื้นทีท่ ำ กิจกรรมไดห้ ลำกหลำยชนดิ กำรสร้ำงพน้ื ทส่ี วนลอยฟ้ำมีควำมสอดคลอ้ งกับแนวคดิ ของ Jan Gehl สถำปนิคชำวเดนมำร์ค ที่สรุปแนวคิดได้วำ่ พื้นที่สำธำรณะเปน็ หัวใจหลกั ท่ี สำคัญในกำรพัฒนำของเมือง ไม่ว่ำจะเปน็ คุณภำพชีวิตของประชำชน แหล่งพักผ่อน กำรมพี ืน้ ที่สเี ขยี ว องค์ประกอบเหลำ่ นีเ้ ปน็ ส่วนสำคัญตอ่ ศกั ยภำพในกำรพัฒนำเมืองให้ มีควำมมีชีวิตชวี ำ และเจริญก้ำวหน้ำ ซึ่งจะส่งผลต่อแนวทำงในกำรใช้ประโยชนพ์ ้นื ที่ สำธำรณะในอนำคต ดงั นั้นสวนลอยฟำ้ เจ้ำพระยำจงึ เป็นตน้ แบบในกำรปรับปรุงพัฒนำ พน้ื ท่ีท่ไี ม่ได้ใชป้ ระโยชน์นำมำปรบั เปลย่ี นขน้ึ ใหม่ในพื้นทที่ ีก่ อ่ ให้เกดิ ประโยชน์กับคนใน สังคม คำสำคัญ: พฤตกิ รรม, พนื้ ทีส่ ำธำรณะ, กำรวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั ิกำร
36 อิทธพิ ลของสอื่ สงั คมออนไลนด์ ำ้ นกำรทอ่ งเทยี่ วทสี่ ง่ ผลตอ่ ควำมตระหนกั รดู้ ำ้ นกำร อนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม กลุ สตรี อำนำจบณั ฑติ , ธรี นนั ท์ ไกรทอง และมธรุ นิ บญุ สรำ้ ง บทคัดยอ่ กำรวิจยั ฉบบั น้ีมีวัตถุประสงค์เพอ่ื ศกึ ษำอิทธพิ ลของส่อื สงั คมออนไลน์ด้ำนกำร ท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อควำมตระหนักรู้ด้ำนกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมกำร ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อศึกษำพฤติกรรมกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ สมำชิกกลุ่มท่องเที่ยวใน Facebook เพื่อศึกษำควำมตระหนักรู้ด้ำนกำรอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมของสมำชิกกลุ่มท่องเที่ยวใน Facebook และสุดท้ำยเพื่อศึกษำ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงพฤติกรรมกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และควำม ตระหนักรู้ด้ำนกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้วิจัยได้ใช้กำรวิจัยเชิงปริมำณ โดยใช้ แบบสอบถำมเป็นเครื่องมือในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มตัวอย่ำงคือสมำชิกกลุ่ม ทอ่ งเทยี่ วใน Facebook จำนวน 400 คน ผลกำรศึกษำพบวำ่ อิทธิพลของส่อื สงั คมออนไลน์ดำ้ นกำรท่องเทีย่ วท่ีส่งผลต่อ ควำมตระหนักรู้ด้ำนกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ประเภทของผู้ส่งสำรข้อมูลกำรท่องเที่ยวใน Facebook ทุกประเภทมี ควำมสัมพันธ์กับพฤติกรรมกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ตระหนกั รู้ด้ำนกำร ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่ต่ำงกัน พฤติกรรมกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส่ิงแวดลอ้ มสมำชิกกลุม่ ท่องเที่ยวใน Facebook มีพฤติกรรมกำรท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมในด้ำนกิจกรรมมำกที่สุด ควำมตระหนักรู้ด้ำนกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีควำมตระหนักรู้ด้ำนกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในด้ำนกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมมำกที่สุด เพศ รำยได้ อำชีพที่ต่ำงกันมีควำมตระหนักรู้ด้ำนกำรทอ่ งเที่ยว เชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและควำมตระหนักรู้ด้ำนสิ่งแวดล้อมที่ไม่ต่ำงกัน และพบว่ำ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงพฤติกรรมด้ำนกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและควำม ตระหนักรดู้ ำ้ นกำรอนรุ ักษ์สงิ่ แวดลอ้ มมีควำมสมั พนั ธ์กันทุกด้ำน คำสำคัญ: กำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ,ควำมตระหนักรู้ ,สื่อสังคมออนไลน์ ,eco - tourism
37 กำรศกึ ษำพฤตกิ รรมสง่ เสรมิ สขุ ภำพทส่ี ง่ ผลตอ่ ทัศนคตพิ นื้ ทสี่ เี ขยี วของประชำกรใน กรงุ เทพมหำนคร แกว้ กำนดำ บญุ มำเลศิ และพทิ ยำภรณ์ ยนิ ดผี ลเจรญิ บทคัดยอ่ กำรศึกษำวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงปัจจัยส่วน บุคคลกับพฤติกรรมสุขภำพของประชำกรในกรุงเทพมหำนคร เพื่อศึกษำระดับภำวะ สุขภำพของประชำกรในกรุงเทพมหำนคร และเพื่อศึกษำทศั นคตขิ องประชำกรที่มีต่อ พื้นที่สีเขียวที่ส่งผลต่อสุขภำพ โดยมีกำรกำหนดกลุ่มตัวอย่ำงจำกกำรกำหนดกลุ่ม ตัวอย่ำงสูตรเครซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan) เปน็ จำนวน 500 คนจำกกำร ใช้แบบสอบถำม เป็นเครื่องมือในกำรวิจัยเชิงปริมำณ มีวิธีวิเครำะหข์ ้อมูลพ้ืนฐำนของ กล่มุ ตวั อย่ำงตำมตัวแปรท่ีศกึ ษำโดยใชว้ ิธกี ำรคำนวนคือค่ำร้อยละค่ำเฉล่ียและค่ำส่วน เบย่ี งเบนมำตรฐำน สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลคือสถิตขิ นั้ พืน้ ฐำน จดั นำเสนอในรูป ของตำรำงเป็นร้อยละ กำรแจกแจงควำมถ่ี และสว่ นเบ่ยี งเบนมำตรฐำน ผลจำกกำรศึกษำจำกกำรวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภำพทั้ง 6 ด้ำน ของ Pender และทัศนคติต่อพื้นที่สีเขียวพบว่ำประชำกรที่มีพฤติกรรมกำรส่งเสริม สุขภำพและกำรมีทัศนคติต่อพื้นที่สีเขียวโดยส่วนใหญ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมเป็นเพศ หญิง คิดเป็นร้อยละ 71.2 อยู่ในช่วงอำยุ 21-30 ปี คิดเป็นร้อยละ 34.0 มี สถำนภำพ โสด คิดเปน็ ร้อยละ 74.8 ซง่ึ เปน็ นักเรียน/นักศกึ ษำ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 58.6 และมีรำยได้ เฉลี่ย ต่ำกว่ำ 15,000 บำท คิดเป็นร้อยละ 62.0 ทัศนคติของพื้นที่สีเขียวที่ส่งผลต่อ สุขภำพ ประชำกรส่วนใหญม่ ีควำมคดิ เห็นในระดบั มำกที่สดุ คือประชำกรมคี วำมคิดเห็น ของกำรมีพืน้ ที่สเี ขียวช่วยยกระดบั คุณภำพชวี ติ ของคนในชุมชนและควำมคิดเห็นท่วี ำ่ พ้นื ที่สเี ขียวไม่เพียงพอต่อควำมตอ้ งกำรของประชำกร คำสำคัญ: ทศั นคต,ิ พ้นื ท่สี เี ขียว, สุขภำวะ
38 กำรศกึ ษำผลกระทบทำงกำรทอ่ งเทยี่ วในชมุ ชนบำงกะเจำ้ จำกโรคระบำดโควดิ -19 มินตรำ หลปี ระสทิ ธิ์ บทคดั ยอ่ กำรวิจัยเรื่องกำรศึกษำผลกระทบทำงกำรท่องเที่ยวในชุมชนบำงกะเจ้ำจำก โรคระบำดโควิด-19 มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษำผลกระทบทำงด้ำนกำรท่องเทีย่ วจำก สถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ของชุมชนบำงกะเจ้ำ 2)เพื่อศึกษำแนว ทำงกำรปรบั ตวั ท่ำมกลำงวกิ ฤตเิ ศรษฐกิจจำกสถำนกำรณก์ ำรแพร่ระบำดของโรคโควิด- 19ของชุมชนบำงกะเจ้ำ 3)เพื่อศึกษำกำรพัฒนำศักยภำพกำรท่องเที่ยวของชมุ ชนบำง กะเจำ้ จำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 กำรวจิ ยั ครัง้ น้ีเป็นกำรวิจัยเชิง คุณภำพโดยใช้กำรสมุ่ แบบเฉพำะเจำะจง ใช้วธิ ีกำรสมั ภำษณ์เชิงลึก โดยมกี ล่มุ ตัวอย่ำง คือ ผู้ประกอบกำรเจ้ำของกิจกำรหรือร้ำนค้ำที่เปิดให้บริกำรในด้ำนกำรท่องเที่ยว แบ่งเป็น 4 อำชีพ ในคุ้งบำงกะเจ้ำ ตำบลบำงน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัด สมุทรปรำกำร ผลกำรวิจัยพบว่ำ 1) จำกกำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ รำยไดจ้ ำกนกั ท่องเท่ียวลดหำยไปมำกกว่ำคร่งึ เนอื่ งจำกผปู้ ระกอบกำรไม่สำมำรถเปิด ให้บริกำรไดท้ กุ วันเหมอื นเดิม รวมไปถงึ ปัญหำเศรษฐกจิ ท่ียำ่ แย่ ทำให้นักทอ่ งเท่ียวต้อง ทบทวนกำรใช้เงินมำกยิ่งขึ้น 2) มีกำรปรับลดพนักงำนรำยวันและเขำ้ มำบริกำรลูกคำ้ ด้วยตนเอง นอกจำกนี้ยังมีกำรปรับลดค่ำใช้จ่ำยส่วนตัวในบำงส่วนลงเพื่อให้กิจกำร ยังคงดำเนินตอ่ ไปได้ และผปู้ ระกอบกำรไดม้ ีกำรปฏบิ ัตติ ำมมำตรกำรของทำงรัฐที่ขอให้ ห้ำงร้ำนประชำชนทุกภำคส่วนรักษำระยะห่ำงทำงสังคม 3)ทำงองค์กำรบริหำรส่วน ตำบลมีเจลแอลกอฮอร์ไว้แจกให้สำหรับผู้ประกอบกำรทุกท่ำน แต่ในด้ำนกำรพัฒนำ ศักยภำพไม่สำมำรถที่จะเขำ้ มำดูแลผู้ประกอบกิจกำรได้อย่ำงทั่วถึงจึงไม่มีกำรจัดกำร วำงแผนรว่ มกนั คำสำคัญ: กำรท่องเทย่ี ว, ผลกระทบ, โรคระบำดโควดิ -19
39 กำรศกึ ษำควำมรู้ ควำมตระหนกั และพฤตกิ รรมกำรดำเนนิ ชวี ติ ชวี ติ ประจำวนั ท่ี คำนงึ ถงึ กำรเปลยี่ นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศของนสิ ติ คณะสงั คมศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศรี นครนิ ทรวโิ รฒ ประสำนมติ ร เกวลี หำสขุ , เจนจริ ำ ทำ่ ชว่ งทำเล, ชษิ ณชุ ำ ศริ ชิ ำนนท์ บทคัดยอ่ กำรวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษำควำมรู้และควำมตระหนักต่อกำร เปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศของนิสิตคณะสังคมศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรีนครินทร วิโรฒ ประสำนมิตร และเพื่อศึกษำปัจจัยที่มีควำมสัมพันธ์พฤติกรรมกำรดำเนิน ชีวติ ประจำวนั ท่ีคำนงึ ถึงกำรเปลยี่ นแปลงสภำพภมู ิอำกำศ เป็นงำนวิจัยเชิงปรมิ ำณ โดย มีกลุ่มตัวอย่ำงคือ นิสิตคณะสังคมศำสตรช์ ั้นปีที่ 1-4 และนิสิตชั้นปีที่ 4 ที่กำลังศึกษำ คณะบรหิ ำรธุรกิจ จำนวน 338 คน โดยเลอื กใช้แบบสอบถำมเป็นเครอ่ื งมือในกำรเก็บ ข้อมลู โดยแบง่ เป็น 4 ส่วน คือ ขอ้ มูลท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถำม ควำมรเู้ กี่ยวกับกำร เปลีย่ นแปลงสภำพภูมิอำกำศ ควำมตระหนักตอ่ กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภมู ิอำกำศ และ พฤติกรรมกำรดำเนินชวี ิตประจำวนั ท่ีคำนงึ ถงึ กำรเปล่ียนแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ จำกกำรศึกษำพบว่ำ กลุ่มตัวอย่ำงส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เรียนอยู่ในภำควิชำ สังคมวทิ ยำมำกที่สุด กลมุ่ ตวั อย่ำงสว่ นใหญ่อยใู่ นระดับช้ันปีท่ี 4 และกลุ่มตัวอย่ำงส่วน ใหญ่มีรำยได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001 – 10,000 บำท โดยกลุ่มตัวอย่ำงมีควำมรู้เกี่ยวกบั กำรเปลี่ยนแปลงสภำพทำงภูมิอำกำศระดับปำนกลำง (4-6 คะแนน) ส่วนควำม ตระหนักต่อกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ กลุ่มตัวอย่ำงมีควำมตระหนักต่อกำร เปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ ในภำพรวมอยู่ระดับมำก พฤติกรรมกำรดำเนินชีวิต ประจำวันที่คำนึงถึงกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ กลุ่มตัวอย่ำงมีพฤติกรรมกำร ดำเนินชีวิตประจำวันที่คำนึงถึงกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศในภำพรวมอยู่ใน ระดับปำนกลำง แนวทำงในกำรสรำ้ งกำรศึกษำควำมรู้ ควำมตระหนกั และพฤตกิ รรมทค่ี ำนึงถงึ กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ ทั้งนี้ควรมีกำรทำควำมเข้ำใจให้ชัดเจนว่ำ กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ อันเป็นผลจำกกิจกรรมของมนุษย์ทั้งทำงตรงหรือ ทำงออ้ ม ดงั นัน้ ปัญหำดำ้ นกำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมอิ ำกำศจึงเปน็ ปัญหำสำคัญที่มวล มนุษยชำติจะต้องร่วมมือป้องกันและเสริมสร้ำงควำมสำมำรถในกำรรองรับปัญหำที่ เกดิ ข้นึ ว่ำไมส่ ำมำรถหลกี เลย่ี งได้ คำสำคญั : ควำมรู้, กำรเปลย่ี นแปลงสภำพภูมอิ ำกำศ, ควำมตระหนกั , พฤติกรรม
40 พฤติกรรมกำรผลิตขยะอำหำรของนิสติ นกั ศึกษำระดับอุดมศึกษำในกรุงเทพมหำนคร พรทวี กยุ ยกำนนท์ และอฒั ฐวศั สมั พันธพ์ ำนชิ บทคดั ยอ่ กำรวจิ ัยคร้งั นมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษำพฤติกรรม ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ กำรรับรู้ ทัศนคติ เกี่ยวกับกำรผลิตขยะอำหำรของนิสิตนักศึกษำระดับอุดมศึกษำในพื้นที่ กรุงเทพมหำนคร วิเครำะห์ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหำขยะอำหำรของนิสิตนักศึกษำ ระดับอุดมศึกษำ และเสนอแนะแนวทำงกำรลดและกำรจัดกำรขยะอำหำรเหลือทิ้ง กำรวิจัยนี้เป็นกำรวิจัยเชิงปริมำณโดยใช้วิธีกำรวิจัยเชิงคุณภำพในกำรวิเครำะหข์ ้อมลู กลุ่มตวั อย่ำงกำรวิจัยคือ นักศึกษำในระดับอุดมศกึ ษำ จงั หวัดกรุงเทพมหำนคร จำนวน 399 คน โดยกำรสุ่มตัวอย่ำงอย่ำงง่ำย ใช้สูตรของคอแครน และมีกำรสัมภำษณ์กลุ่ม ตัวอย่ำงจำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสัมภำษณ์และ แบบสอบถำม กำรวิเครำะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรใ์ นกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลทำง สถิติ ผลกำรวิจัยพบว่ำ กลมุ่ ตวั อยำ่ งส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง มอี ำยุระหว่ำง 17-22 ปี มีรำยได้ 5001-10000 บำท ศึกษำอยู่ระดับชั้นปี 4 ที่พักระหว่ำงกำรศึกษำอำศัยอย่ทู ี่ บ้ำนเดี่ยวส่วนตัว และจำนวนมื้ออำหำรเฉลี่ยต่อสัปดำห์ที่ทำนในมหำวิทยำลัย รบั ประทำนอำหำรเฉลีย่ 0-4 มื้อ ผลสรปุ ขอ้ มลู ควำมรู้ ควำมเข้ำใจเก่ยี วกับขยะอำหำร พบว่ำกลุ่มตัวอย่ำงมีควำมรู้เกี่ยวกับขยะอำหำรอยู่ในระดับมำก ทัศนคติเกี่ยวกับขยะ อำหำรอยู่ในระดับมำก และผลสรุปข้อมูลพฤติกรรมเกยี่ วกับกำรผลิตขยะอำหำรแสดง ให้เห็นภำพรวมอยู่ในระดับปำนกลำง ผลกำรทดสอบควำมสมั พันธ์ ของนิสิตนักศึกษำ ในกรุงเทพมหำนคร กับพฤติกรรมเกี่ยวกับกำรผลิตขยะอำหำร พบว่ำ อำยุมี ควำมสัมพันธ์กับพฤติกรรมเกี่ยวกับกำรผลิตขยะอำหำร กำรรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับขยะ อำหำรมีควำมสัมพันธ์กับพฤตกิ รรมเกี่ยวกับกำรผลิตขยะอำหำร และทัศนคติเกี่ยวกับ ขยะอำหำรมคี วำมสมั พันธ์กับพฤติกรรมเกี่ยวกับกำรผลิตขยะอำหำร อย่ำงมีนัยสำคัญ ทำงสถติ ิ คำสำคญั : พฤตกิ รรม, อำหำรขยะ, นสิ ิต/นกั ศกึ ษำ
41 นโยบำยควบคมุ กำรผลติ ยำสบู ทมี่ ผี ลตอ่ เกษตรทปี่ ลกู ยำสบู ในเขตอำเภอรอ้ งกวำง จงั หวดั แพร่ ลขิ ิต โอดเฮงิ บทคัดยอ่ กำรวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษำนโยบำยควบคุมกำรผลิตยำสูบ และ เพื่อศึกษำผลกระทบของนโยบำยที่มีต่อเกษตรที่ปลูกยำสูบ เป็นกำรวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative Research) ซึ่งใช้วิธีกำรวิจัยโดยวิเครำะห์เอกสำรงำนวิจัยที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน (Documentary research) และใช้วิธีกำรสัมภำษณ์เชิงลึก (In-depth interview) ได้กำหนดกลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ในกำรวจิ ัยจำกเกษตรที่ปลูกยำสูบ จำนวน 10 ท่ำน โดยดำเนินกำรคัดเลือกกลุ่มตัวอย่ำงด้วยวิธีกำรสุ่มแบบเฉพำะเจำะจง (Purposive Random) อันเป็นกำรเลือกตัวอย่ำงที่ผู้วิจัยได้ดำเนินกำรพิจำรณำเลือก ตวั อยำ่ งดว้ ยเกณฑท์ ีผ่ วู้ ิจัยกำหนดขน้ึ ผลวิจัยพบว่ำ 1) นโยบำยยำสูบมีควำมสำคัญอย่ำงไรต่อเกษตรที่ปลูกยำสูบ พบวำ่ มีควำมสำคัญต่อกำรกำหนดโควตำหรอื กำรกำหนดรำคำและปริมำณในกำรปลูก ยำสูบ และในกำรออกกฎเกี่ยวกับสภำพปัญหำใบหญ้ำในกำรซื้อขำยระหว่ำงเกษตร และภำครัฐในกำรกำหนดนโยบำยยำสูบ 2) นโยบำยควบคมุ กำรผลิตยำสูบมผี ลกระทบ ตอ่ เกษตรทป่ี ลกู ยำสูบ พบว่ำ ส่งผลกระทบตอ่ กำรเกษตรอย่ำงมำกเพรำะ รำยได้ลดลง จำกำรกำหนดนโยบำยยำสูบที่ลดลงในกำรผลิตยำสูบส่งผลต่อครอบครัวผู้ปลูกยำสูบ รวมไปถึงคนในชุมชน คนรับจ้ำงรำยวันที่รำยได้ลดลง หรือพ่อค้ำแม่ที่ขำยของได้ลง ลดลง และยังส่งผลต่อกำรนำเงินส่งบุตรหลำนที่เรียนหนังสือในระดับประถม มัธยม และมหำวิทยำลัย คำสำคัญ: เกษตรทป่ี ลกู ยำสบู , นโยบำยควบคุมกำรผลิตยำสูบ, ผลกระทบ
42 W Part 3 การศึกษา การปรับตัว ครอบครัว W
43 รปู แบบกำรปรบั ตวั ของพนกั งำนตอ้ นรบั บนเครอ่ื งบนิ จำกผลกระทบของโรคระบำด โควดิ -19 กรณศี กึ ษำ: กำรบนิ ไทย แอรเ์ อเชยี กำตำรแ์ อรเ์ วยส์ ลกั ษกิ ำ ดำรงสกลุ สขุ และทพิ ยช์ นกเทพ วจิ ติ รประภำพงษ์ บทคัดยอ่ บทควำมวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อศึกษำรูปแบบกำรปรับตัวของ พนักงำนต้อนรับบนเครื่องบินในสำยกำรบินไทย แอร์เอเชีย กำตำร์แอร์เวย์ส จำกผลกระทบของโรคระบำดโควิด-19 ด้ำนเศรษฐกิจ ด้ำนสังคม ด้ำนจิตใจ และด้ำน ควำมมั่นคงทำงอำชีพ 2.เพื่อหำแนวทำงกำรรับมือในอนำคตจำกสถำนกำรณ์ที่อำจ ก่อให้เกิดปญั หำด้ำนควำมมั่นคงทำงอำชีพของพนักงำนต้อนรับบนเคร่ืองบิน เป็นกำร วิจัยเชิงคุณภำพ ที่ใช้ระเบียบวิธีวิจัยทำงมำนุษยวิทยำเปน็ หลัก โดยสังเกตกำรณ์และ สัมภำษณ์เชิงลึก ร่วมกับกำรวิจัยเชิงเอกสำร มีเกณฑ์ในกำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำง คือ ผู้ที่เป็นพนักงำนต้อนรับบนเครื่องบินในสำยกำรบินไทย แอร์เอเชีย กำตำร์แอร์เวย์ส จำนวน 19 คน ใช้วิธีกำรสุ่มแบบสโนวบอล เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภำษณ์ก่ึง โครงสรำ้ ง และทำกำรวิเครำะหเ์ ชิงเนอื้ หำ ผลกำรวิจยั พบว่ำรูปแบบกำรปรับตวั เป็นไปตำมโครงสร้ำงองคก์ รทีแ่ ตกต่ำงกัน คือ พนักงำนกำรบินไทย มีกำรช่วยงำนจิตอำสำแผนกอื่นในช่วงเวลำที่ไม่มีบิน แอร์ เอเชีย มีกำรออกบูธขำยของเพื่อส่งเสริมกำรตลำดให้กับสำยกำรบิน กำตำร์แอร์เวยส์ พนักงำนทีต่ ิดอยู่ต่ำงประเทศตอ้ งหยุดบินชั่วครำว ทั้งนี้กำรปรับตัวทีค่ ล้ำยคลึงกัน คือ มีกำรอำสำไปบินและปฏิบัติหน้ำที่แบบวิถีใหม่ มีกำรหำรำยได้เสริมจำกกำรทำงำน พิเศษ ตลอดจนปรับตัวให้เข้ำกับสถำนกำรณ์ที่ไม่สำมำรถควบคุมได้สำหรับแนว ทำงกำรรับมือในอนำคตประกอบด้วย แนวทำงสำหรับรัฐบำล ควรมีมำตรกำรเยียวยำ ธุรกิจสำยกำรบินด้วยเงินกู้ผ่อนปรนที่มีอัตรำดอกเบี้ยถูก เพื่อหมุนให้ธุรกิจสำมำรถ ดำเนินตอ่ ไปได้ในชว่ งนี้ แนวทำงสำหรบั ธุรกจิ สำยกำรบิน ควรมีกำรบรหิ ำรทรพั ยำกรที่ มีอยู่แล้วให้คุ้มค่ำที่สุด และส่งเสริมกำรตลำด แนวทำงสำหรับพนักงำนต้อนรับบน เครอื่ งบนิ ควรวำงแผนกำรเงินและกำรทำงำนให้ดีรวมไปถึงกำรมีรำยได้หลำยทำงเพื่อ ลดควำมเสี่ยง ต้องร้จู กั คดิ บวกวำ่ ในวกิ ฤตมีโอกำสอยู่เสมอ ฝึกฝนเพิ่มทกั ษะและพัฒนำ ทกั ษะเป็นสิง่ สำคญั เพรำะตอนน้ีตอ้ งมหี ลำยทกั ษะจงึ จะอยรู่ อด คำสำคญั : กำรปรับตวั , พนักงำนต้อนรบั บนเครือ่ งบิน, โรคระบำดโควิด-19
Search