Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารการสอนMED3506

เอกสารการสอนMED3506

Published by mareeya4344, 2021-03-25 08:03:28

Description: เอกสารการสอนMED3506

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างส่อื การเรียนรู้คณติ ศาสตรร์ ะดับมธั ยม รหสั วิชา MED3506 1 บทท่ี 1 ความหมายและประเภทของสอ่ื การเรยี นการสอน 1.1. ความหมายของสอ่ื การสอน ความหมายของสื่อการเรยี นการสอน (Instructional Media) สอ่ื (Media) หมายถึง ตวั กลางทีใ่ ชถ่ ่ายทอดหรือนาความรู้ ในลกั ษณะต่าง ๆ จากผสู้ ่งไปยังผูร้ ับใหเ้ ขา้ ใจ ความหมายได้ ตรงกันในการเรยี นการสอนสอื่ ทใี่ ชเ้ ปน็ ตัวกลางนาความร้ใู นกระบวนการส่ือความหมายระหว่าง ผูส้ อนกับผู้เรียนเรยี กว่าสอ่ื การสอน (Instruction Media) ในทางการศึกษามีคาทีม่ ีความหมายแนวเดยี วกนั กบั ส่ือการเรียนการสอน เช่น ส่ือการ สอน (Instructional Media or Teaching Media) สื่อการสอน (Educational media) อปุ กรณช์ ว่ ยสอน (Teaching Aids) เปน็ ตน้ ในปจั จบุ นั นักการศกึ ษามกั จะเรยี กการนาส่ือการ เรียนการสอนชนดิ ตา่ ง ๆ มารวมกนั ว่า เทคโนโลยีทางการศึกษา(Educational) ซ่งึ หมายถึงการ นาเอาวสั ดุอปุ กรณแ์ ละวิธีการมาใชร้ ว่ มกนั อย่างมีระบบในการเรียนการสอน เพอ่ื เพิ่ม ประสิทธิภาพในการสอน สอ่ื การเรียนการสอน หมายถึง สิ่งต่างๆ ท่เี ป็นบคุ คล วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเทคนคิ วธิ ีการ ซึ่งเป็นตวั กลางทาใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ตามจดุ ประสงคข์ องการเรยี นการสอนที่กาหนด ไว้ได้อย่างงา่ ยและรวดเร็วเปน็ เคร่ืองมอื และตัวกลางซึ่งมีความสาคญั ในกระบวนการเรียนการ สอนมหี น้าท่ีเป็นตวั นาความต้องการของครไู ปสู่ตวั นักเรียนอยา่ งถูกต้องและรวดเร็วเปน็ ผลให้ นักเรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไปตามจดุ มุ่งหมายการเรียนการสอนได้อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม นกั การศกึ ษาเรียกชื่อการสอนดว้ ยช่ือต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์การสอน โสตทศั นูปกรณ์ เทคโนโลยี การศกึ ษา สื่อการเรยี นการสอนสื่อการศกึ ษา เป็นต้น 1.2. ประเภทของสื่อการเรยี นการสอน สอื่ การเรยี นการสอนจาแนกตามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน 1. สือ่ ประเภทวัสดุ ไดแ้ ก่ สอ่ื เลก็ ซ่ึงทาหน้าท่เี กบ็ ความร้ใู นลักษณะของภาพเสียง และ อกั ษรในรูปแบบต่าง ๆ ทผ่ี ู้เรียนสามารถใช้เปน็ แหล่งหาประสบการณ์ หรือศึกษาได้อย่างแทจ้ รงิ และกว้างขวาง แบง่ ออกเปน็ 2 ลักษณะ คือ 1.1 วัสดุทเ่ี สนอความรไู้ ดจ้ ากตัวมนั เอง ได้แก่หนังสือเรยี นหรือตาราของจรงิ ห่นุ จาลอง รูปภาพ แผนภูมิ แผนที่ ป้ายนิเทศ เปน็ ต้น 1.2 วัสดุทีต่ อ้ งอาศยั สอ่ื ประเภทเครอื่ งกลไก เปน็ ตวั นาเสนอความรู้ได้แก่ฟลิ ม์ ภาพยนตร์ แผ่นสไลด์ ฟิล์มสตริป เส้นเทปบนั ทกึ เทป รายการวทิ ยุ รายการโทรทัศน์ รายการทใ่ี ช้เครื่องชว่ ย สอน เปน็ ต้น

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่ือการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหัสวชิ า MED3506 2 2. สอ่ื ประเภทเครื่องมือ หรือโสตทศั นูปกรณ์ ได้แก่ สื่อใหญ่ ท่ีเปฯ็ ตวั กลางหรือ ทางผ่านของความรู้ ที่ถ่ายทอดไปยงั ครูและนักเรยี น สอ่ื ประเภทนต้ี ัวมนั เองแทบไม่มปี ระโยชน์ต่อ การส่อื ความหมายเลยถ้าไม่มีใครร้ใู นรปู แบบต่าง ๆ มาป้อนผา่ นเคร่ืองกลไกลเหลา่ นี้ สอ่ื ประเภท นี้จึงจาเป็นตอ้ งอาศยั ส่ือประเภทวัสดุ บางชนดิ เป็นแหลง่ ความรใู้ หม้ นั ส่งผ่าน ซึ่งจะทาให้ความรู้ที่ ส่งผา่ นมีการเคล่ือนไหวไปสูน่ ักเรียนจานวนมาก ได้ไกลๆ และรวดเรว็ และบางทีก็ทาหน้าท่ี เหมือนครูเสยี เอง เชน่ เคร่ืองช่วยสอน ได้แก่เคร่อื งฉายภาพยนตร์ เครอื่ งเลน่ แผ่นเสยี ง เครอ่ื ง บนั ทึกเสียง เครอื่ งรบั วิทยุ เคร่ืองฉายภาพนง่ิ ท้งั หลาย 3. ส่ือประเภทเทคนคิ หรือวธิ ีการ ตัวกลางในกระบวนการเรียนการสอนไม่จาเป็นตอ้ ง ใชแ้ ต่วัสดหุ รือเคร่ืองมือเทา่ น้ัน บางคร้ังจะต้องใช้เทคนคิ และกลวธิ ีตา่ ง ๆ ควบคูก่ ันไป โดยเนน้ ท่ี เทคนิคและวธิ ีการเป็นสาคัญ สอ่ื การเรยี นการสอนจาแนกตามประสบการณ์ 1. ประสบการณ์ตรงและมีความมุ่งหมาย ประสบการณข์ ัน้ น้ี เปน็ รากฐานสาคญั ของ การศกึ ษาทัง้ ปวง เปน็ ประสบการณท์ ่ผี ู้เรยี นไดร้ บั มาจากความเปน็ จรงิ และด้วยตัวเองโดยตรง ผู้รับประสบการณ์นจ้ี ะได้เห็น ได้จับ ไดท้ า ได้ร้สู กึ และได้ดมกลนิ่ จากของจรงิ ดังนัน้ สอ่ื การสอนท่ี ไหป้ ระสบการณก์ ารเรียนรู้ในขน้ั นกี้ ็คือของจรงิ หรือความเป็นจริงในชวี ติ ของคนเราน่ันเอง 2. ประสบการณจ์ าลอง เปน็ ที่ยอมรับกันวา่ ศาสตร์ต่างๆ ในโลก มมี ากเกนิ กว่าท่จี ะ เรียนรไู้ ด้หมดสน้ิ จากประสบการณต์ รงในชีวิต บางกรณีก็อยู่ในอดตี หรือซบั ซ้อนเร้นลบั หรอื เปน็ อนั ตรายไมส่ ะดวกตอ่ การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงไดม้ กี ารจาลองสิง่ ต่าง ๆ เหลา่ นน้ั มาเพ่ือ การศึกษา ของจาลองบางอย่างอาจจะเรยี นได้ง่ายกวา่ และสะดวกกวา่ 3. ประสบการณ์นาฏการ ประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนเราน้นั มหี ลายสิง่ หลายอยา่ งที่เรา ไมส่ ามารถประสบไดด้ ้วยตนเอง เชน่ เหตกุ ารณใ์ นอดตี เร่ืองราวในวรรณคดี การเรียนในเร่ืองท่มี ี ปัญหาเกย่ี วกับสถานท่ี หรือเร่ืองธรรมชาติท่ีเป็นนามธรรม การแสดงละครจะชว่ ยไปให้เราไดเ้ ข้า ไปใกล้ความเปน็ จรงิ มากทสี่ ดุ เชน่ ฉาก เคร่ืองแต่งตวั เครอ่ื งมือ ห่นุ ต่าง ๆ เป็นต้น 4. การสาธติ การสาธติ คอื การอธบิ ายถึงข้อเทจ็ จรงิ หรือแบ่งความคดิ หรือกระบวนการ ต่าง ๆใหผ้ ู้ฟังแลเหน็ ไปด้วย เช่น ครูวทิ ยาศาสตร์เตรียมกา๊ ซออกซิเจนให้นักเรยี นดู กเ็ ป็นการ สาธติ การสาธติ ก็เหมือนกับนาฏการ หรอื การศกึ ษานอกสถานท่ี เราถอื เป็นสื่อการสอนอย่างหนึ่ง ซ่ึงในการสาธิตน้ีอาจรวมเอาสิ่งของทใี่ ชป้ ระกอบหลายอย่าง นบั ตงั้ แต่ของจริงไปจนถึงตวั หนงั สือ หรอื คาพดู เขา้ ไวด้ ้วย แต่เราไม่เพง่ เลง็ ถงึ สิง่ เหล่าน้ี เราจะให้ความสาคัญกับกระบวนการทง้ั หมดที่ ผเู้ รียนจะตอ้ งเฝ้าสังเกตอยูโ่ ดยตลอด 5. การศกึ ษานอกสถานท่ี การพานกั เรียนไปศึกษานอกสถานท่ี เปน็ การสร้างเสรมิ ประสบการณช์ ีวิตเพอ่ื ใหน้ ักเรียนไดเ้ รียนจากแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ที่มีอยู่จริงภายนอก ห้องเรยี น ดังนนั้ การศึกษานอกสถานทีจ่ งึ เปน็ วิธีการหนึง่ ทเ่ี ปน็ สอ่ื กลางใหน้ ักเรยี นได้เรียนจาก ของจริง 6. นทิ รรศการ นิทรรศการมีความหมายท่กี วา้ งขวาง เพราะหมายถึง การจดั แสดงสง่ิ ตา่ งๆเพ่ือให้ความรูแ้ กผ่ ูช้ ม ดังนั้นนิทรรศการจึงเปน็ การรวมสือ่ ต่าง ๆ มากมายหลายชนิด การจดั

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างส่อื การเรยี นร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 3 นทิ รรศการที่ให้ผเู้ รียนมามสี ่วนรว่ มในการจดั จะสง่ เสริมให้ผ้เู รียนได้มโี อกาสคิดสรา้ งสรรคม์ ีส่วน ร่วม และได้รับข้อมลู ย้อนกลับดว้ ยตวั ของเขาเอง 7. โทรทศั น์และภาพยนตร์ โทรทศั นเ์ ปน็ สือ่ การสอนที่มบี ทบาทมากในปัจจุบัน เพราะได้ เหน็ ทั้งภาพและได้ยินเสียงในเวลาเดยี วกัน และยังสามารถแพร่และถ่ายทอดเหตุการณท์ ่ีกาลัง เกิดขนึ้ ไดด้ ว้ ย นอกจากนน้ั โทรทศั นย์ งั มหี ลายรูปแบบ เชน่ โทรทัศนว์ งจรปดิ ซ่งึ โรงเรยี นสามารถ นามาใชใ้ นการเรยี นการสอนไดเ้ ปน็ อย่างดี นอกจากนี้ยังมโี ทรทศั น์วงจรปิด ท่ีเออ้ื ประโยชนต์ อ่ การศึกษาอย่างกวา้ งขวาง ภาพยนตรเ์ ปน็ สอ่ื ทจี่ าลองเหตุการณม์ าให้ผู้ชมหรอื ผเู้ รยี นได้ดแู ละได้ ฟังอย่างใกลเ้ คียงกับความจริง แตไ่ ม่สามารถถา่ ยทอดเหตุการณ์ทกี่ าลังเกดิ ข้ึนได้ ถึงอยา่ งไรกต็ าม ภาพยนตรก์ ็ยงั นับวา่ เปน็ ส่ือท่ีมบี ทบาทมากในการเรยี นการสอน เชน่ เดียวกันกบั โทรทัศน์ 8. ภาพนงิ่ การบันทึกเสียง และวิทยุ ภาพน่งิ ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาดซ่งึ มีทั้งภาพทบึ แสงและโปร่งแสง ภาพทบึ แสงคือรูปถา่ ย ภาพวาด หรือภาพในสง่ิ พิมพ์ต่าง ๆ ส่วนภาพนิ่ง โปร่งใสหมายถึงสไลด์ ฟลิ ์มสตริป ภาพโปรง่ ใสทใ่ี ช้กบั เครอ่ื งฉายวัสดุโปรง่ ใส เปน็ ต้น ภาพนง่ิ สามารถจาลองความเป็นจริงมาให้เราศึกษาบนจอได้ การบันทกึ เสยี ง ได้แก่ แผน่ เสยี งและเครื่อง เล่นแผ่นเสียง เทปและเครื่องบันทกึ เสยี ง และเครอ่ื งขยายเสยี งตลอดจนอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวกบั เสียงซ่ึงนอกจากจะสามารถนามาใช้อย่างอสิ ระในการเรียนการสอนด้วยแลว้ ยงั ใชก้ ับรายการ วทิ ยุและกจิ กรรมการศกึ ษาอ่ืน ๆ ไดด้ ว้ ย สว่ นวทิ ยนุ ้นั ปจั จบุ ันที่ยอมรับกันแลว้ วา่ ช่วยการศึกษา และการเรยี นการสอนไดม้ าก ซึง่ ไมจ่ ากัดอยแู่ ตเ่ พยี งวิทยโุ รงเรยี นเท่าน้ัน แตย่ งั หมายรวมถึงวทิ ยุ ทั่วไปอีกดว้ ย 9. ทศั นสญั ลักษณ์ ส่ือการสอนประเภททศั นสญั ญลกั ษณ์นี้ มีมากมายหลายชนิด เชน่ แผนภมู ิแผนภาพ แผนท่ี แผนผงั ภาพโฆษณา การ์ตูน เป็นต้น สื่อเหลา่ นีเ้ ปน็ ส่อื ท่ีมีลกั ษณะเปน็ สัญลักษณส์ าหรับถ่ายทอดความหมายให้เข้าใจได้รวดเรว็ ขน้ึ 10. วจนสญั ลักษณ์ สือ่ ข้นั น้เี ป็นสอื่ ท่ีจดั ว่า เป็นข้ันที่เปน็ นามธรรมมากท่สี ดุ ซึง่ ได้แก่ ตวั หนงั สอื หรอื อักษร สัญลกั ษณท์ างคาพูดที่เป็นเสียงพูด ความเป็นรปู ธรรมของสื่อประเภทนีจ้ ะ ไม่คงเหลอื อยู่เลย อย่างไรก็ดี ถึงแม้ส่ือประเภทน้จี ะมีลักษณะที่เปน็ นามธรรมทีส่ ุดกต็ ามเรากใ็ ช้ ประโยชน์จากสอ่ื ประเภทน้ีมาก เพราะต้องใช้ในการส่ือความหมายอยู่ตลอดเวลา สอื่ การเรยี นการสอนจาแนกตามคณุ สมบัติ Wilbure Young ไดจ้ ัดแบ่งไว้ดงั นี้ 1. ทัศนวสั ดุ (Visual Materials) เช่น กระดานดา กระดานผา้ สาลี) แผนภูมิ รปู ภาพ ฟลิ ม์ สตริป สไลด์ ฯลฯ 2. โสตวัสดุ (Audio Materials ) เชน่ เครื่องบนั ทึกเสยี ง (Tape Recorder) เครอ่ื งรับ วทิ ยุ หอ้ งปฏิบตั กิ ารทางภาษา ระบบขยายเสียง ฯลฯ 3. โสตทศั นวัสดุ (Audio Visual Materials) เชน่ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ 4. เคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ (Equipments) เช่น เคร่อื งฉายภาพยนตร์ เครือ่ งฉายฟลิ ์ม สตริปเคร่อื งฉายสไลด์ 5. กิจกรรมตา่ ง ๆ (Activities )เชน่ นทิ รรศการ การสาธิต ทัศนศึกษา ฯลฯ

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างสอื่ การเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวิชา MED3506 4 สื่อการเรยี นการสอนจาแนกตามรปู แบบ(Form)Louis Shores ไดแ้ บ่งประเภทสื่อการสอนตาม แบบไว้ ดังนี้ 1. สงิ่ ตีพิมพ์ (Printed Materials) เชน่ หนังสือแบบเรียน เอกสารการสอน ฯลฯ 2. วัสดุกกราฟกิ เช่น แผนภูมิ ( Charts) แผนสถิติ (Graph) แผนภาพ (Diagram) ฯลฯ 3. วสั ดุฉายและเครื่องฉาย (Projected Materials and Equipment) เชน่ ภาพยนตร์ สไลด์ ฯลฯ 4. วสั ดถุ า่ ยทอดเสียง (Transmission) เช่น วิทยุ เครื่องบนั ทกึ เสียง สือ่ การเรยี นการสอนตามลกั ษณะและการใช้ 1. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ (Hardware) 2. วัสดุ (Software) 3. เทคนิคหรือวธิ ีการ (Techniques or Methods) จากที่กลา่ วมาขา้ งต้นยังมีผูท้ ่ีได้ใหค้ วามหมายของส่ือการเรียนการสอนไวห้ ลากหลาย ดงั น้ี เอ็ดการ์ เดล จาแนกประสบการณ์ทางการศึกษา เรียงลาดับจากประสบการณท์ เี่ ป็น รูปธรรมไปสปู่ ระสบการณ์ทีเ่ ป็นนามธรรม โดยยดึ หลักวา่ คนเราสามารถเข้าใจสง่ิ ที่เปน็ รปู ธรรม ไดด้ ีและเร็วกว่าสิ่งที่เป็นนามธรรมซงึ่ เรียกว่า \"กรวยแหง่ ประสบการณ์\" (Cone of Experiences) ซึ่งมที ั้งหมด 10 ขนั้ ดังแผนภาพต่อไปน้ี ที่มา: http://dctedtech1sy20162017.blogspot.com/2016/08/lesson-5-cone-of- experience-cone-is.html

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสรา้ งส่ือการเรยี นรู้คณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 5 โรเบริ ์ต อี. ด.ี ดฟี เฟอร์ แบง่ ประเภทของสือ่ การสอน ดังนี้ 1. วสั ดทุ ไ่ี มต่ ้องฉาย ได้แก่ รปู ภาพ แผนภูมิ กราฟ ของจริง ของตวั อยา่ ง หนุ่ จาลอง แผนที่ กระดาษสาธิต ลูกโลก กระดานชอลค์ กระดานนเิ ทศ กระดานแม่เหล็ก การแสดงบทบาท นทิ รรศการ การสาธิต และการทดลองเปน็ ต้น 2. วัสดฉุ ายและเครื่องฉาย ได้แก่ สไลด์ ฟิล์มสตรปิ ภาพโปร่งใส ภาพทบึ ภาพยนตร์ และเคร่ืองฉายต่าง ๆ เช่น เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เครื่องฉายสไลด์ และฟิล์มสตริป เครอ่ื งฉาย กระจกภาพ เคร่ืองฉายภาพข้ามศีรษะ เคร่ืองฉายภาพทบึ แสง เครื่องฉายภาพจลุ ทศั น์ เป็นต้น 3. โสตวสั ดุและเคร่อื งมือ ได้แก่ แผน่ เสียง เครอ่ื งเล่นจานเสยี ง เทป เครื่องบนั ทกึ เสยี ง เคร่อื งขยายเสยี ง และวิทยุ เป็นต้น ศาสตราจารย์สาเภา วรางกูร ได้แบง่ ประเภทและชนดิ ของสอ่ื การสอน ดังน้ี ก. ประเภทวสั ดุโสตทัศน์ (Audio-Visual Materials) 1. ประเภทภาพประกอบการสอน (Picture Instructional Materials) a. ภาพทไ่ี มต่ ้องฉาย (Unprojected Pictures) -ภาพเขยี น (Drawing) -ภาพแขวนผนัง (Wall Pictures) -ภาพตัด (Cut-out Pictures) -สมุดภาพ (Pictorial Books, Scrapt Books) -ภาพถา่ ย (Photographs) b. ภาพทตี่ อ้ งฉาย (Project Pictures) -สไลด์ (Slides) -ฟลิ ม์ สตริป (Filmstrips) -ภาพทึบ (Opaque Projected Pictures) -ภาพโปรง่ แสง (Transparencies) -ภาพยนตร์ 16 มม., 8 มม., (Motion Pictures) -ภาพยนตร์ (Video Tape) 2. ประเภทวัสดอุ ุปกรณ์ลายเสน้ (Graphic Instructional Materials) -แผนภูมิ (Charts) -กราฟ (Graphs) -แผนภาพ (Diagrams) -โปสเตอร์ (Posters) -การต์ นู (Cartoons, Comic strips) -รูปสเกช็ (Sketches) -แผนท่ี (Maps) -ลกู โลก (Globe)

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสรา้ งสอ่ื การเรียนรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดับมธั ยม รหสั วชิ า MED3506 6 3. ประเภทกระดานและแผ่นปา้ ยแสดง (Instructional Boards and Displays) -กระดานดาหรือกระดานชอล์ก (Blackboard,Chalk Board) -กระดานผา้ สาลี (Flannel Boards) -กระดานนเิ ทศ (Bulletin Boards) -กระดานแม่เหลก็ (Magnetic Boards) -กระดานไฟฟา้ (Electric Boards) 4. ประเภทวสั ดุสามมิติ (Three-Dimensional Materials) มี -หุ่นจาลอง (Models) -ของตัวอย่าง (Specimens) -ของจริง (Objects) -ของลอ้ แบบ (Mock-Ups) -นทิ รรศการ (Exhibits) -ไดออรามา (Diorama) -กระบะทราย (Sand Tables) 5. ประเภทโสตวัสดุ (Auditory Instructional Materials) -แผ่นเสียง (Disc Recorded Materials) -เทปบนั ทกึ เสียง (Tape Recorded Materials) -รายการวิทยุ (Radio Program) 6. ประเภทกิจกรรมและการละเล่น (Instructional Activities and Plays) -การทศั นาจรศึกษา (Field Trip) -การสาธติ (Demonstrations) -การทดลอง (Experiments) -การแสดงแบบละคร (Drama) -การแสดงบทบาท (Role Playing) -การแสดงหุน่ (Pupetry) ข. ประเภทเคร่อื งมือโสตทัศนูปกรณ์ (Audio-Visual Equipments) 1. เครื่องฉายภาพยนตร์ 16 มม. , 8 มม. 2. เครอ่ื งฉายสไลด์และฟิลม์ สตริป (Slide and Filmstrip Projector) 3. เครื่องฉายภาพทบึ แสง (Opaque Projectors) 4. เครื่องฉายภาพข้ามศรี ษะ (Overhead Projector) 5. เครอ่ื งฉายกระจกภาพ (3 1/4 \"x 4\" หรือ Lantern Slide Projector) 6. เครอ่ื งฉายภาพจุลทัศน์ (Micro-Projector) 7. เคร่ืองเล่นจานเสียง (Record Plays) 8. เครือ่ งเทปบนั ทึกภาพ (Video Recorder) 9. เคร่ืองรบั โทรทัศน์ (Television Receiver) 10. จอฉายภาพ (Screen) 11. เครือ่ งรบั วิทยุ (Radio Receive)

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างสือ่ การเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ระดับมธั ยม รหสั วิชา MED3506 7 12. เครอื่ งขยายเสยี ง (Amplifier) 13. อปุ กรณเ์ ทคโนโลยแี บบใหม่ตา่ งๆ (Modern Instructional Technology Devices) เชน่ โทรทัศนศึกษา ห้องปฏิบตั กิ ารภาษา โปรแกรมเรยี น (Programmed Learning) และอ่ืนๆ ยพุ ิน พิพธิ กุล และ อรพรรณ ตนั บรรจง (อ้างใน ไพโรจน์ สุขวิสัยพานิช, 2536 : 17 – 18 ) ได้แบ่งประเภทของสื่อการเรยี นการสอนคณิตศาสตร์ไว้ ดงั น้ี 1. วัสดุ แยกออกเปน็ 1.1 วัสดุประกอบการสอนประเภทส่ิงตีพิมพ์ ได้แก่ หนังสือเรียน คู่มือครู เอกสารประกอบการสอน โครงการสอน วารสาร จุลสาร หนังสือประกอบ หนังสืออุเทศ บทเรยี นแบบโปรแกรม เอกสารแนะแนวทาง ฯลฯ 1.2 วัสดุประดิษฐ์ เป็นสิ่งท่ีครูสามารถทาด้วยตนเอง อาจจะใช้กระดาษ ไม้ พลาสตกิ และอืน่ ๆ ซงึ่ ครูนามาประดิษฐ์เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน เช่น ใช้กระดาษทา รูปทรงต่าง ๆ หรือภาพเขียน แผ่นภาพ แผ่นโปร่งใส ภาพถ่าย แผนภูมิ บัตรคา แผ่นภาพ พลกิ กระดานตะปู กระดาน ผ้าสาลี ชดุ การเรยี นการสอน นอกจากน้ันยังมีเทปโทรทัศน์และ คอมพวิ เตอรช์ ่วยการเรยี นการสอน 1.3 วสั ดถุ าวร ไดแ้ ก่ กระดานดา กระดานนิเทศ กระดานกราฟของจริง ของ จาลอง ของตวั อยา่ ง โปสเตอร์ แผนท่ี ฯลฯ 2. อปุ กรณ์ เป็นสอ่ื การเรยี นการสอนประเภทเครือ่ งมอื เชน่ เครื่องฉายภาพข้ามศรี ษะ เครื่องฉายสไลด์ และฟิล์มสตริป เครื่องบันทึกเสียง เครื่องเล่นจานเสียง เคร่ืองเทป บนั ทึกภาพ เครอ่ื งรับ วทิ ยุ เคร่ืองฉายภาพทบึ เครื่องรับโทรทัศน์ เคร่ืองฉายภาพยนตร์ 3. กิจกรรม การจัดกิจกรรมต่างๆ ก็ถือว่าเป็นส่ือการเรียนการสอนท้ังส้ิน เช่น การ ทดลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ การเล่นละคร การร้องเพลง การใช้คาประพันธ์ ประเภทร้อยกรอง การใชเ้ กม ปริศนา การ์ตูน กลลวง 4. ส่ือการเรยี นการสอนจากสิง่ แวดล้อม เป็นสือ่ การเรยี นการสอนท่หี าไดง้ า่ ยเพราะอยู่ รอบๆ ตัวเรา เม่ือเข้าไปในชั้นเรียนครูอาจจะใช้แผ่นกระเบ้ืองสอนการหาพ้ืนท่ีรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส หรือกระดานดา ประตหู น้าตา่ ง สมุด หนังสอื ก็เปน็ รูปส่ีเหล่ยี มผืนผ้าทั้งสิ้น ผู้ท่ีเป็นครูควรนา สิง่ ทีอ่ ยรู่ อบตวั มาใช้เปน็ ส่ือการสอนได้ กระทรวงศึกษาธิการ (2540 : 3 – 10) ระบุว่า สื่อการเรียนการสอน แบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทใหญๆ่ คอื 1. การแสดงปฏสิ ัมพนั ธ์ (ท้งั คาพดู และไม่ใชค้ าพดู ) 2. ของจริง 3. ภาพ 4. สัญลกั ษณ์ ตวั หนงั สือ 5. เสยี งบนั ทกึ

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างสอื่ การเรียนรู้คณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 8 กิดานันท์ มลทิ อง (2540 : 8) กล่าวถึงแนวคิดของ คีพเพอร์ (Kieffer) ว่า สื่อแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คอื 1. สอื่ ประเภทใชเ้ ครื่องฉาย (Projected Aid) 2. สอื่ ประเภทไมใ่ ชเ้ ครอ่ื งฉาย (Non Projected Aid) 3. ส่อื ประเภทเครอื่ งเสียง (Audio Aids) รัฐกรณ์ คิดการ (2543 : 40) กลา่ ววา่ สอื่ การเรยี นการสอนจาแนกได้ ดงั น้ี 1. อปุ กรณ์ (hardware) หมายถงึ ส่ิงทเ่ี ปน็ ตัวกลาง หรอื ตวั ผา่ น ทาให้ข้อมูลความรู้ที่ บันทึกไว้ในวัสดุสามารถถ่ายทอดออกมาให้เห็นหรือได้ยินได้ เช่น เคร่ืองฉายข้ามศีรษะ เครื่อง เล่นเทป เป็นต้น 2. วสั ดุ (software) หมายถึง ส่ิงทเี่ ก็บความรู้อยู่ในตวั เอง จาแนกได้ 2 ลกั ษณะ คอื 2.1 วัสดุท่สี ามารถถ่ายทอดเนอื้ หาไดด้ ้วยตนเอง เช่น ลูกโปง่ หุ่นจาลอง ฯลฯ 2.2 วัสดุที่ไม่สามารถ่ายทอดเนื้อหาได้ด้วยตนเอง จาเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์อื่น ชว่ ย เชน่ แผน่ เสยี ง สไลด์ 3. เทคนิคและวิธีการ (technique and method) หมายถึง ส่ือท่ีมีลักษณะเน้น แนวความคิด หรือรูปแบบข้ันตอนในการเรียนการสอนเป็นสาคัญ อาจนาวัสดุหรืออุปกรณ์มา ช่วยในการสอนดว้ ยก็ได้ มนตรี แยม้ กสิกร (2537 : 5) แบง่ ส่ือการเรยี นการสอนออกได้ 3 ประเภท คอื 1. ส่ือประเภทวัสดุ (software) หมายถึง สื่อเป็นตัวอุ้มหรือเก็บความรู้ สามารถ ถ่ายทอดความรู้ได้เอง เช่น รูปภาพ แผนภูมิ ฯลฯ และอีกลักษณะเม่ือต้องใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ช่วย เชน่ แผ่นเสยี ง ม้วนเทป ฟิล์ม ฯลฯ 2. สื่อประเภทอุปกรณ์ (hardware) หมายถึง เคร่ืองมือที่ใช้บรรจุวัสดุภายใน เช่น เคร่อื งรับโทรทัศน์ เคร่อื งฉายขา้ มศรี ษะ คอมพิวเตอ ร์ ฯลฯ 3. ส่ือประเภทเทคนิควิธีการ (techniques and methods) ได้แก่ วิธีการเชิงระบบ การสอนจุลภาคกลุ่มสมั พนั ธ์ จากทก่ี ลา่ วมาข้างต้น ส่อื การเรียนการสอนสามารถจาแนกได้ ดงั นี้ ส่ือการเรยี นการสอนจาแนกตามรูปแบบ 1. ส่ิงตีพมิ พ์ (Printed Materials) เชน่ หนงั สอื แบบเรียน เอกสารการสอน ฯลฯ

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างสอื่ การเรียนร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหัสวิชา MED3506 9 รปู ที่ 1 หนงั สอื แบบเรยี น 2. วสั ดกุ ราฟกิ เชน่ แผนภูมิ ( Charts) แผนสถิติ (Graph) แผนภาพ (Diagram) ฯลฯ รปู ท่ี 2 แผนภมู ิ 3. วสั ดุฉาย และเครอ่ื งฉาย (Projected Materials and Equipment) เช่น ภาพยนตร์ สไลด์ ฯลฯ รปู ที่ 3 วทิ ยแุ ละเครอื่ งบันทกึ เสยี ง 4. วสั ดถุ า่ ยทอดเสียง (Transmission) เช่น วิทยุ เครอื่ งบันทึกเสียง รปู ที่ 4 วทิ ยแุ ละเครอื่ งบันทกึ เสยี ง

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างสื่อการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ระดบั มัธยม รหัสวชิ า MED3506 10 สือ่ การเรยี นการสอนจาแนกตามคุณสมบตั ิ 1. ทัศนวัสดุ (Visual Materials) เชน่ กระดานดา กระดานผา้ สาลี แผนภมู ิ รปู ภาพ ฟิลม์ สตริป สไลด์ ฯลฯ รปู ท่ี 5 กระดานดา 2. โสตวสั ดุ (Audio Materisls ) เช่น เครอ่ื งบนั ทึกเสียง (Tape Recorder) เครอ่ื งรับ วิทยุ ห้องปฏิบตั กิ ารทางภาษา ระบบขยายเสยี ง ฯลฯ รปู ที่ 6 เครอ่ื งบนั ทกึ เสียง 3. โสตทัศนวัสดุ (Audio Visual Materials) เชน่ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ รปู ท่ี 7 โทรทศั น์ 4. เครอ่ื งมือ หรอื อปุ กรณ์ (Equipments) เช่น เครอ่ื งฉายภาพยนตร์ เคร่อื งฉายฟลิ ์ม สตริป เคร่อื งฉายสไลด์

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสอื่ การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดับมธั ยม รหัสวชิ า MED3506 11 รปู ที่ 8 เครอื่ งฉาย 5. กิจกรรมตา่ ง ๆ (Activities ) เช่น นิทรรศการ การสาธิต ทัศนศึกษา ฯลฯ รปู ท่ี 9 การทากจิ กรรม สือ่ การเรยี นการสอนตามลกั ษณะและการใช้ 1. เครื่องมอื หรืออุปกรณ์ (Hardware) ภาพ สอื่ ทเี่ ปน็ เครอ่ื งมอ หรอื อุปกรณ์ 2. วสั ดุ (Software) ภาพ สอื่ ทเี่ ปน็ วสั ดุ (Software)

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสร้างส่อื การเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ระดบั มัธยม รหสั วชิ า MED3506 12 3. เทคนิค หรอื วิธกี าร (Techinques or Methods) ภาพ เทคนิค หรอื วธิ กี ารสอน จากการศึกษาถึงความสาคัญ ตลอดจนการแบ่งประเภทและชนิดของสือ่ การสอน ข้างตน้ ชใี้ ห้เหน็ ถึงความสัมพันธข์ องสอ่ื การสอนท่ีมบี ทบาทในการทาให้การเรียนการสอนเป็นไป อยา่ งมีประสิทธิภาพ อย่างไรกด็ ี แมส้ อื่ การสอนจะมีความสาคญั และมีประโยชน์มาก แต่ก็ต้อง อาศัยเทคนคิ ในการใช้ส่ือการสอนดว้ ย

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสร้างสอ่ื การเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวชิ า MED3506 13 1.3 ขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ของสือ่ ประเภทต่าง ๆ 1. ส่ือสง่ิ พมิ พ์ รูปท่ี 1 หนังสือ ขอ้ ดี ขอ้ จากดั 1. กระบวนการในการผลิตวสั ดุส่งิ พิมพ์สามารถ 1.วัสดุสิง่ พมิ พม์ ีความบอบบางและฉีกขาดง่าย ทาไดห้ ลายแบบ เปิดโอกาสใหเ้ ลือกวิธผี ลิตที่ 2.เก็บรักษายากเน่ืองจากมลี กั ษณะ รปู ทรง เหมาะสมกับสถานการณน์ น้ั ๆ และขนาดแตกต่างกนั มาก 2. สามารถจัดพิมพ์ได้หลายรูปแบบ ตาม 3. .การเก็บรกั ษาในระยะยาวสาหรบั ส่ิงพมิ พ์ วตั ถุประสงค์ที่จะนาไปใช้ เชน่ ใบปลิว จานวนมาก ๆ ยากท่จี ะป้องกันใหพ้ น้ จากความ จดหมายเวียน และเอกสารเผยแพร่ เปยี กชน้ื ความร้อน และฝนุ่ ละออง 3. สามารถใชว้ ัสดุสิง่ พิมพไ์ ดห้ ลายๆ ทาง อาจ 4.การพมิ พใ์ นระบบที่มีคณุ ภาพตอ้ งใช้การ ใช้เปน็ สื่อให้การศกึ ษาดว้ ยตัวของมันเองหรือใช้ ลงทุนสูงมาก โดยเฉพาะการพมิ พ์ในระบบสี สนับสนนุ สื่ออืน่ ๆ ก็ได้ 4. สงิ่ พมิ พ์สามารถผลิตเพื่อใช้ให้เหมาะกบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะดา้ นได้ 5. การผลติ สิ่งพิมพส์ ามารถปรบั ใหเ้ หมาะสม กบั กระบวนการใชแ้ ละผลลัพธ์ที่ตอ้ งการตาม สภาพของเครอ่ื งอานวยความสะดวกทมี่ ีอยู่

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างส่ือการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ระดบั มัธยม รหัสวชิ า MED3506 14 2. วสั ดุกราฟฟกิ รปู ที่ 2 แผนภมู ิ ขอ้ ดี ข้อจากดั 1. สามารถแสดงเนื้อหาให้เข้าใจได้ง่ายและ 1. ใชไ้ ดก้ บั กลุ่มเป้าหมายท่มี ขี นาดเลก็ เทา่ นน้ั เปรยี บเทียบเนือ้ หาต่าง ๆ ได้ดี 2. การออกแบบในการผลิตไม่ดีอาจทาให้ 2. สามารถผลิตไดง้ ่ายไมจ่ าเป็นต้องอาศัยความ ผู้เรยี นเขา้ ใจได้ยาก ชานาญพเิ ศษมากนัก 3. วัสดุกราฟิกท่ีมีคุณภาพดีและสวยงาม 3. ต้นทุกในการผลิตมีราคาถูกกว่าส่ือประเภท จาเป็นตอ้ งใช้ผ้ชู านาญพเิ ศษมาช่วยในการผลติ อน่ื ๆ 4. ใช้งานไดส้ ะดวกรวดเร็วไม่ยุ่งยาก เก็บรักษา ง่าย 5. ผู้เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน เชน่ ทาแผนภมู ิ จัดทาป้ายนเิ ทศ เป็นตน้

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างสื่อการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหสั วชิ า MED3506 15 3. สอ่ื วสั ดปุ ระเภทฉาย (ทศั นวสั ดุ) รูปท่ี 3 โปรเจคเตอร์ ขอ้ ดี ข้อจากดั 1.แสดงภาพตามความเปน็ จริง ทาให้จาได้ 1.การจดั หาลาบาก งา่ ย 2.บางครง้ั ราคาสงู เกินไป 2.อยู่ในลักษณะ 2 และ 3 มิติ 3.ตอ้ งอาศยั ความชานาญในการผลติ 3. สามารถจบั ต้องและพจิ ารณารายละเอียด 4.ไม่เหมือนของจริงทุกประการ บางครงั้ เกิด ได้ ความเข้าใจผดิ 4. เหมาะสาหรบั การแสดงสิ่งที่ไมส่ ามารถ มองเห็นไดด้ ว้ ยตาเปลา่ (เช่น การแสดง อวยั วะ ภายในของมนุษย์ สัตว)์

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสรา้ งสือ่ การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 16 4. สอ่ื วสั ดปุ ระเภทเสยี ง (โสตวสั ดุ) รูปที่ 4 ลาโพง ไมค์ ซีดี ขอ้ ดี ขอ้ จากดั 1. ระยะกระจายเสยี งกวา้ งและถา่ ยทอดไป 1.การบันทึกเสียงคุณภาพสงู ต้องใชห้ อ้ งและ ไดใ้ นระยะไกล อปุ กรณ์เฉพาะ 2. ดึงดดู ความสนใจของผู้ฟังและชว่ ยกระจาย 2. เกิดความเสยี หายไดง้ า่ ย ข้อมูลได้ในเวลา 3. อันรวดเรว็ มาก 4.สามารถใช้ไดโ้ ดยไม่จากัดขนาดของกลุม่

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างสื่อการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหัสวิชา MED3506 17 5. โสตทัศนวสั ดุ รูปที่ 5 ซดี ี ขอ้ ดี ขอ้ จากดั 1.แสดงการเคลื่อนไหวทง้ั ภาพและเสียงพร้อม 1.ตน้ ทนุ ในการผลิตสงู กล้องและอปุ กรณ์จัด กนั ตอ่ อุปกรณ์บันทึกเสยี ง 2.นาเสนอเน้ือหาเป็นลาดับและไม่เรียงลาดบั 2.ต้องมที ักษะในการผลติ รายการ ได้ 3.แก้ไขเนือ้ หายาก 3.นาเสนอได้พรอ้ มกนั ในหลายๆพ้ืนที่ 4.สอนได้ทัง้ รายบุคคลและกลุ่มใหญ่และหลาย กล่มุ ใหญ่ 5.ย้อนกลับหรือข้ามเนื้อหาหรือหยุดดู รายละเอียดของภาพได้ 6.ถา่ ยทา/บนั ทึกภาพแล้วดูได้ทันที เทป บันทกึ ภาพสามารถนามาใชไ้ ด้อกี

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างสอ่ื การเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวิชา MED3506 18 6. เคร่อื งมือหรอื อปุ กรณ์ รปู ที่ 6 รปู ทรงสามมิติ ขอ้ ดี ขอ้ จากดั 1. อยใู่ นลักษณะ 3 มิติ 1. ต้องอาศยั ความชานาญในการผลติ 2. สามารถจับตอ้ งและพจิ ารณา รายละเอียด 2. ส่วนมากราคาจะแพง ได้ 3. ปกติเหมาะสาหรับการแสดงตอ่ กลุม่ ยอ่ ย 3. เหมาะสาหรับการแสดงทไ่ี ม่สามารถ มองเห็นไดด้ ว้ ยตาเปลา่ (เชน่ ลักษณะของ 4. ชารุดเสยี หายได้ง่าย อวัยวะภายในร่างกาย) 5. ถ้าทาได้ไมเ่ หมือนของจรงิ ทกุ ประการ 4. สามารถใชแ้ สดงหนา้ ท่แี ละลักษณะ บางครง้ั อาจทาให้เกิดความเข้าใจผดิ ได้ ส่วนประกอบ 5. ชว่ ยในการเรียนรูแ้ ละการปฏบิ ัติทกั ษะชนดิ ตา่ ง ๆ 6. หุ่นบางอยา่ งสามารถผลิตไดด้ ้วยวัสดุ ท้องถิน่ ที่หาได้

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสื่อการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ระดับมธั ยม รหัสวิชา MED3506 19 7. กิจกรรมตา่ ง ๆ รูปที่ 7 กจิ กรรมค่ายคณติ ศาสตร์ ขอ้ ดี ข้อจากดั 1. มีคณุ คา่ ต่อสาธารณชนสูง 1.จาเปน็ ตอ้ งเตรยี มการเบื้องต้นและฝกึ 2.สามารถปรบั ให้เข้ากับสถานการณท์ างการ ปฏิบัติอยา่ งระมดั ระวงั สอนได้มากเช่นในบา้ น ในทอ้ งทีส่ าธารณะตา่ ง 2.จาเปน็ ต้องอาศยั ทกั ษะความชานาญใน ๆ เรื่องท่สี าธติ และวิธกี าร 3.สามารถใชส้ อนทักษะได้ดี 3.ถ้าหากมีผู้ชมจานวนมากอาจมอี ุปสรรค ไม่ 4.กระตนุ้ และเร่งเรา้ ให้มกี ารกระทา เนอื่ งจาก สามารถมองเหน็ ได้ชัดเจน การได้เหน็ การไดย้ นิ การอภิปรายและการ กระทา 5.เปดิ โอกาสใหม้ ีการพฒั นาความเปน็ ผนู้ า 6.เปิดโอกาสให้ไดเ้ รียนรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ หรอื เรยี นรู้วา่ ประชาชนในกล่มุ ผดู้ ูมคี วามคดิ และ ความรู้สึก

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่ือการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวชิ า MED3506 20 8. เทคนิคหรอื วธิ กี าร ข้อดี ขอ้ จากดั การจดั นทิ รรศการ 1.สถานทจ่ี ัดอาจไมเ่ หมาะสมทาใหไ้ ม่มผี ชู้ ม มากเทา่ ท่ีควร 1. เป็นการใหก้ ารศึกษาเพื่อการเรยี นรดู้ ว้ ย 2.อาจมีงบประมาณไมเ่ พียงพอทาให้ไม่ ตนเองโดยไม่ตอ้ งมคี รบู รรยาย สามารถ จัดหาสอื่ ได้ตามตอ้ งการ 2.เร้าให้เกดิ ความสนใจใฝ่รใู้ นเรอ่ื งราวทเี่ สนอ 3.หากขาดการประชาสัมพนั ธ์ทจี่ ูงใจจะทาให้ 3.ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ใน การ มีผู้ชม นอ้ ยสง่ ผลให้การจดั ไม่ประสบผลตาม จัดสอื่ ประกอบเนื้อหาบทเรยี นที่จะนาเสนอ ทตี่ ้ังจดุ มุง่ หมายไว 4.เสริมสร้างความรบั ผดิ ชอบของแตล่ ะบคุ คล และสร้างความสามคั คีในกลุ่ม 1.ผู้สอนตอ้ งมีทกั ษะความชานาญในวธิ ีการ สาธิตเป็นอย่างดจี ึงจะสามารถดาเนินการได้ การสาธติ อย่างราบรืน่ 2.อาจเสียคา่ ใช้จา่ ยสงู 1.การนาเสนอการปฏบิ ัติและกรรมวธิ ีใหเ้ หน็ 3.อาจไมส่ ามารถหาสถานท่ีที่เหมาะสมในการ อยา่ ง เปน็ ขั้นตอนได้ชัดเจน สาธิต 2.ใชส้ อนทักษะไดเ้ ป็นอย่างดี 3.สร้างประสบการณ์ใหผ้ ู้เรียนมกี ารรบั รู้ร่วมกนั 1.ตอ้ งการออกแบบการเรียนที่ดโี ดย 4.กระตุ้นให้มกี ารซักถามและปฏิบตั ติ ามขั้นตอน ผู้เชีย่ วชาญจึง จะทาให้การเรียนมี ได้ ประสทิ ธภิ าพสงู สุดได้ 2.การเรยี นในบทเรียนเดยี วซ้าๆกนั อาจทาให้ การสอนแบบโปรแกรม เกดิ ความเบ่ือหนา่ ยในการเรียนได้ 3.เป็นลักษณะการสอนรายบุคคลจงึ อาจทาให้ 1.ผเู้ รยี นสามารถเรยี นตามความสามารถของตน ผู้เรียน ขาดปฏิสมั พนั ธท์ างสังคม 2.ผ้เู รยี นจะต้องมสี ่วนร่วมอย่างกระฉับกระเฉง ในการ เรียนและไดร้ บั ผลป้อนกลับทนั ที 3.ให้รูปแบบการเรยี นรทู้ ี่เชื่อถือได้ 4.ให้ประสิทธผิ ลสงู กวา่ การสอนแบบธรรมดา :

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างสอื่ การเรียนรู้คณติ ศาสตรร์ ะดับมัธยม รหสั วชิ า MED3506 21 บรรณานุกรม กดิ านันท์ มลทิ อง. (2540). เทคโนโลยกี ารศึกษาและนวัตกรรม.กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ประเภทของสอื่ . 27 มกราคม 2560. http://2wilaiporn052.blogspot.com/ 2011/07/blog-post_7308.html?m=1 ประเภทของสอื่ การเรยี นการสอน. 3 มกราคม 2560. http://www.st.ac.th/av/media_kind.htm ประเภทของสื่อ. 3 มกราคม 2560. https://sites.google.com/site/thekhnoloyilaeasuxkarsuksa/ home/kar-phathna-sux-kar-suksa

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างสื่อการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหสั วิชา MED3506 22 บทที่ 2 คณุ คา่ และประโยชนข์ องสอ่ื การเรยี นการสอน 2.1 คณุ คา่ และประโยชนข์ องสื่อการเรยี นการสอน 1. ชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรูอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1.1 เรยี นรไู้ ด้ดีขนึ้ จากประสบการณ์ที่มีความหมายในรปู แบบตา่ งๆ 1.2 เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 1.3 เรยี นรู้ไดง้ า่ ยและเข้าใจได้ชดั เจน 1.4 เรียนรไู้ ด้มากขึ้น 1.5 เรยี นรไู้ ด้ในเวลาทีจ่ ากัด 2. ช่วยใหส้ ามารถเอาชนะข้อจากัดต่าง ๆ ในการเรยี นรู้ ได้แก่ 2.1 ทาสิง่ นามธรรมให้เป็นรูปธรรมมากขน้ึ 2.2 ทาสิ่งซบั ซอ้ นใหง้ ่ายขึ้น 2.3 ทาสง่ิ เคล่ือนไหวช้าใหเ้ ร็วข้นึ 2.4 ทาส่งิ เคล่ือนไหวเร็วให้ช้าลง 2.5 ทาสิง่ เลก็ ใหใ้ หญ่ข้ึน 2.6 ทาสิ่งใหญใ่ หเ้ ลก็ ลง 2.7 นาสิง่ ท่ีอยู่ไกลมาศึกษาได้ 2.8 นาสิ่งทีเ่ กดิ ในอดีตมาศึกษาได้ช่วยกระตนุ้ ความสนใจของผู้ 2.9 ช่วยใหจ้ ดจาได้นาน เกดิ ความประทับใจและม่ันใจในการเรยี น 2.10 ช่วยให้ผู้เรียนได้คิดและแก้ปญั หา 2.11 ช่วยแกป้ ัญหาเรอื่ งความแตกตา่ งระหว่างบุคคล 2.2 คุณคา่ ของสอื่ การเรยี นการสอนการเรยี นการสอน 1. ส่อื การเรียนการสอนสามารถเอาชนะข้อจากดั เร่อื งความแตกตา่ งกันของ ประสบการณ์ด้งั เดมิ ของผเู้ รยี น คือเมื่อใช้สอ่ื การเรยี นการสอนแล้วจะช่วยใหเ้ ดก็ ซ่ึงมี ประสบการณเ์ ดิมตา่ งกนั เข้าใจไดใ้ กลเ้ คยี งกนั 2. ขจัดปัญหาเกี่ยวกบั เร่อื งสถานท่ี ประสบการณต์ รงบางอยา่ ง หรอื การเรียนรู้ 3. ทาให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงจากสิง่ แวดลอ้ มและสังคม 4. สือ่ การเรยี นการสอนทาใหเ้ ด็กมีความคดิ รวบยอดเป็นอย่างเดยี วกัน 5. ทาให้เด็กมีมโนภาพเรม่ิ แรกอยา่ งถกู ต้องและสมบรู ณ์ 6. ทาใหเ้ ดก็ มีความสนใจและต้องการเรียนในเรือ่ งตา่ ง ๆ มากข้ึน เช่นการอ่าน ความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ ทัศนคติ การแกป้ ญั หา ฯลฯ 7. เปน็ การสร้างแรงจงู ใจและเร้าความสนใจ 8. ชว่ ยใหผ้ เู้ รียนได้มปี ระสบการณจ์ ากรปู ธรรมสูน่ ามธรรม

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งสื่อการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวิชา MED3506 23 2.3 สอ่ื การเรยี นการสอนมปี ระโยชนส์ าหรบั ครผู สู้ อนอยา่ งไร สื่อการเรียนการสอนสามรถชว่ ยการเรยี นการสอนของครไู ด้ดีมากซ่ึงเราจะเหน็ วา่ ครูน้ัน สามารถจดั ประสบการณ์การเรียนรใู้ ห้กับนกั เรยี นได้มากทีเดยี ว แถมยงั ชว่ ยใหค้ รูมีความรูม้ ากข้นึ ในการจัดแหล่งวิทยาการทีเ่ ป็นเน้อื หาเหมาะสมแกก่ ารเรยี นรูต้ ามจดุ มุ่งหมายในการสอนช่วยครู ในด้านการคุมพฤตกิ รรมการเรียนรู้และสามารถสนบั สนุนการเรยี นร้ขู องนักเรียนได้มากทีเดียว ส่ือการสอนจะช่วยสง่ เสริมให้นกั เรยี นไดท้ ากิจกรรมหลายๆรปู แบบ เชน่ การใชศ้ นู ยก์ ารเรียน การใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยสอน การสาธติ การแสดงนาฏการ เปน็ ต้น ช่วยใหค้ รผู ู้สอนไดส้ อนตรง ตามจดุ มุ่งหมายการเรยี นการสอน และยังช่วยในการขยายเน้อื หาที่เรียนทาให้การสอนงา่ ยข้ึน และยงั จะช่วยประหยดั เวลาในการสอน นกั เรียนจะได้มเี วลาในการทากิจกรรมการเรียนมากข้นึ จากข้อมูลเราจะได้เหน็ ถึงประโยชน์ของสือ่ การเรียนการสอน ซงึ่ ทาใหเ้ รามองเหน็ ถงึ ความสาคัญ ของส่ือสารมีประโยชนแ์ ละมคี วามจาเปน็ สามารถชว่ ยพฒั นาการเรียนการสอนได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ธรรมชาตใิ นการเรียนรขู้ องมนุษย์นัน้ มาจากการรับรู้ (perception) ท่ตี ีความจาก ความรู้สึกที่ไดจ้ ากสง่ิ แวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั ด้วยอวัยวะรับการสัมผัส (sensory organs) หรือเรยี ก อกี อยา่ งหนึ่งว่า เคร่ืองรบั (receptors) ได้แก่ 1. อวยั วะรบั การสมั ผสั ภายนอก ประกอบดว้ ย • ตา (visual sense) สาหรบั การมองเหน็ • หู (auditory sense) สาหรบั การไดย้ ิน • จมกู (olfactory sense) สาหรบั การดมกล่ิน • ลนิ้ (gustatory sense) สาหรับการชมิ รส • กาย (skin sense) สาหรับการสมั ผสั ทางกาย 2. อวยั วะสัมผัสภายใน ประกอบด้วย • สัมผัสเกย่ี วกบั การเคลอ่ื นไหว (kinesthesis) ทาให้ทราบการเคล่ือนไหวของ อวยั วะต่าง ๆ ภายในรา่ งกาย มนษุ ยส์ ามารถรับรไู้ ด้โดยอาศัยประสาทสัมผสั ในกลา้ มเนอื้ เอน็ ข้อ ตอ่ กระดกู • สมั ผัสการทรงตัว (vestibular sense) ทาใหร้ ับรเู้ กีย่ วกบั การทรงตัว โดย มนษุ ย์สามารถรับรกู้ ารสัมผัสน้ี ดว้ ยอวัยวะสมั ผสั ในชอ่ งหดู ้านใน เมือ่ อวยั วะสมั ผสั กระทบกบั ส่ิงเรา้ (Stimulus) จากส่ิงแวดล้อม กจ็ ะส่งความรสู้ กึ ไปยงั สมอง ซึ่งสมองจะทาหน้าทแี่ ปลสัมผัส(sensation)และสง่ ตอ่ ไปยังระบบประสาท(nervous system) จากน้นั จะเกดิ การเปลยี่ นแปลง เช่น กระบวนการไฟฟา้ และเคมี เพื่อให้สมองรับทง้ั พฤติกรรม การรบั รู้ หรือเกดิ วิญญาณ ตัวอย่างเช่น เด็กเลก็ ๆ มองเหน็ เปลวเทียนมแี สงสว่างไสว แสงเทยี นท่เี ด็กเหน็ จะเป็นสิง่ เรา้ เด็กจะคลานเข้าไปหา และเอื้อมมอื จับเปลวเทยี น มือ (กาย สมั ผสั ) ทสี่ มั ผสั ไฟ และตา (จักษสุ ัมผัส) ท่ีมองเห็นเปลวเทียน จะส่งความรู้สึกไปยังสมองและ ระบบประสาท ซ่งึ จะทาใหเ้ ด็กนนั้ สามารถรู้ได้ว่า เปลวไฟนั้นมีความร้อนและแสงสว่าง

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสอ่ื การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดับมธั ยม รหัสวชิ า MED3506 24 จากการวจิ ัยเกยี่ วกับการใช้อวยั วะสมั ผสั เพ่อื การรบั รู้ทัง้ หา้ ของมนุษย์ พบว่า จะมี ปรมิ าณการรบั รู้ทแ่ี ตกตา่ งกัน ดงั นี้ ประสาทสมั ผสั การรบั รู้ ปริมาณการรบั รู้ (ร้อยละ) ตา การมองเห็น 75 หู การไดย้ นิ 13 จมูก การดมกลิ่น 3 ลน้ิ การรบั รส 3 กาย การสัมผสั ทางกาย 6 หลงั จากน้ัน จึงเกดิ การเรยี นรู้ (learning) ท่เี ป็นกระบวนการต่อเนือ่ งจากการรบั รู้ เมื่อ ประสาทสัมผัสกระทบกบั สงิ่ เรา้ และเกดิ การรบั รู้ ถา้ การรับรหู้ รือความรูส้ กึ นั้นผ่านไปโดยทม่ี ไิ ด้ บันทกึ ความจา การรับรนู้ ้นั จะถอื วา่ ยังไม่ก่อให้เกิดประสบการณ์ แตถ่ า้ หากสมองไดบ้ นั ทึกการ รบั ร้นู ้นั ไวเ้ ป็นประสบการณ์ เมอ่ื ประสาทสัมผสั กระทบต่อส่ิงเร้าเดมิ อีก จะทาใหเ้ กิดความระลึก ได้ ทาใหเ้ กิดการเรียนรู้ขึ้น อย่างไรก็ตาม การท่ีมนษุ ยจ์ ะรบั รแู้ ละสามารถพัฒนาจนเป็นการเรยี นร้ไู ด้ดีหรือไม่นนั้ ยอ่ มขึ้นอยู่กับองคป์ ระกอบต่าง ๆ ดงั นี้ 1. สตปิ ัญญา ผมู้ สี ตปิ ัญญาสูงกว่า ย่อมรับรูไ้ ด้ดกี ว่าผู้มสี ติปญั ญาตา่ กว่า 2. การสังเกตและพิจารณา ขนึ้ อยูก่ ับความชานาญ และความสนใจตอ่ สง่ิ เรา้ 3. คณุ ภาพของจิตในขณะนนั้ ถ้ามคี วามเหน่ือยอ่อน เครยี ด หรอื อารมณ์ขุ่นมัว อาจทาให้แปลความหมายของสิง่ เร้าท่สี มั ผัสได้ไมด่ ี แต่ในทางตรงกันข้าม หากสภาพจิตใจผ่องใส ปลอดโปร่ง ก็จะทาใหก้ ารรบั รู้และการเรยี นรู้เป็นไปด้วยดี และเปน็ ระบบ จากการศึกษาเกย่ี วกับธรรมชาตใิ นการเรียนรู้ของมนษุ ย์ดังท่ไี ด้กล่าวมาข้างต้นนัน้ เรา จะสามารถนาความรู้ดังกลา่ วมาประยุกตใ์ นการสร้างแบบการสอน โดยอาศยั หลัก 4 ประการ ดงั นี้ 1. หลกั สตู รหรอื คาอธบิ ายรายวิชา ควรระบุจุดมุง่ หมายวา่ ต้องการใหผ้ เู้ รยี นบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ในเรือ่ งใดบา้ ง 2. กิจกรรม ควรมีกิจกรรมการเรียนหรือกจิ กรรมเสริมอะไรบ้างทจ่ี ะช่วยใหผ้ เู้ รียน บรรลุจดุ มุ่งหมายและกจิ กรรมเหล่านั้นควรจัดในรูปแบบใด 3. สภาพแวดล้อมของการเรยี น ควรจดั สภาพแวดลอ้ มเพ่อื กจิ กรรมการเรียน อย่างไร ต้องใชส้ ถานทเ่ี รียน บุคลากร และวัสดุอุปกรณ์อะไรบา้ ง

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสรา้ งสอ่ื การเรียนรู้คณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 25 4. การประเมินผล ต้องสรา้ งระบบการประเมินผลทีม่ ีประสิทธภิ าพ เพื่อให้ทราบ ระดับของสัมฤทธิผลของผู้เรยี น ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ กล่าววา่ กอ่ นทจ่ี ะวางแผนระบบการสอนขา้ งตน้ ส่วนท่ีควรพิจารณาเปน็ พิเศษ คอื เร่ืองของการวิเคราะห์ผู้เรียนว่ามีอะไรบ้างทผี่ ู้เรยี นตอ้ งการเรยี นรู้ มอี ะไรบา้ งท่ีผู้เรียน รู้อยแู่ ลว้ อะไรคือปัญหาของผู้เรยี นในการเรยี น ผูเ้ รยี นมีความพร้อมที่จะเรียนหรือไม่ หลังจากนั้น จงึ ควรเร่ิมวเิ คราะหร์ ะบบการสอน ดงั นี้ 1. ความม่งุ หมาย (Goals) เรามีความมงุ่ หมายอะไรบา้ งที่ม่งุ จะก่อให้เกิดผลสาเรจ็ ในการจัดการเรยี นสอน การวิเคราะห์ในเร่ืองนี้กค็ ือ การวิเคราะห์ภารกจิ ของผู้สอน 2. สภาพการณ์ (Conditions) ผเู้ รียนจะประสบผลสาเร็จในการเรียนไดด้ ี ควร เรยี นรู้อยภู่ ายใตส้ ภาพการณ์อะไรบา้ ง อย่างไร ควรใช้ยทุ ธวธิ ีหรอื วธิ ีการอยา่ งไร 3. แหล่งการเรียนหรอื ทรัพยากรการเรยี น (Resources) มีแหล่งการเรยี นหรอื ทรัพยากรอะไรบ้าง ท่จี ดั ว่าจาเปน็ ต่อการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ใหแ้ กผ่ ูเ้ รียน 4. ผลที่ได้ (Outcomes) เราจะประสบผลสาเรจ็ ตามจดุ ม่งุ หมายทต่ี งั้ ไวเ้ พยี งใด มี อะไรบ้างท่จี าเป็นจะต้องปรบั ปรุงแก้ไข เกอร์ลัชแหง่ มหาวิทยาลัยแหง่ รัฐอาริโซนาและอลี แี ห่งมหาวิทยาลัยซรี าคิวส์ สหรฐั อเมริกา ได้ออกแบบระบบการสอนจนเปน็ ทีย่ อมรบั กันอย่างแพร่หลาย ระบบการสอนทีเ่ ขา ท้ังสองออกแบบไวน้ ัน้ มีทัง้ หมด 10 ข้นั ตอน คือ 1. กาหนดจดุ มุง่ หมาย ซ่ึงนบั เป็นจดุ เร่ิมต้นของระบบการสอน จดุ มงุ่ หมายควรเป็น จดุ มงุ่ หมายเฉพาะ หรอื จดุ มุ่งหมายเชงิ พฤติกรรม ท่ผี เู้ รียนสามารถปฏิบัตไิ ด้ และครูสามารถวัด และสังเกตได้ 2. กาหนดเนอ้ื หา เปน็ ขน้ั ของการเลอื กเน้ือหา เพื่อนามาชว่ ยให้ผูเ้ รยี นได้เรยี นรู้ และบรรลุจดุ มุ่งหมายเชงิ พฤติกรรมที่ตัง้ ไว้ 3. ประเมนิ ผลพฤตกิ รรมก่อนเรียน เป็นการประเมินผลก่อนเรียนเพ่อื ใหท้ ราบ พฤติกรรมเบื้องต้นหรือพนื้ ฐานเดิมของผูเ้ รยี น 4. พจิ ารณายุทธศาสตร์หรือวธิ ีการสอน คาวา่ “ยทุ ธศาสตรก์ ารสอน” เปน็ คาทใ่ี ช้ เพอ่ื จาเพาะเจาะจงยง่ิ กว่าคาวา่ “วธิ สี อน” “ยุทธศาสตร์” คอื วิธกี ารของครใู นการใชส้ อ่ื ความ เรือ่ งราวข่าวสาร การเลอื กทรัพยากร และการกาหนดบทบาทของผู้เรยี นในการเรียนการสอน ซ่ึง เปน็ แนวปฏิบตั ิโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้บรรลจุ ดุ มงุ่ หมายของการสอน สว่ นคาว่า “วิธีสอน” เป็น การวางแผนกระบวนการสอนอย่างมรี ะบบ ยุทธศาสตร์การสอนท่เี กอร์ลัชและอีลีชเสนอมี 2 ระบบ คอื 4.1 แบบท่คี รเู ตรียมเน้ือหาความรมู้ าให้แกผ่ ูเ้ รยี นเองท้งั หมด โดยครูใชส้ อื่ ตา่ ง ๆ เพื่อการสอนหรอื ถ่ายทอดความรู้ ยุทธศาสตรก์ ารสอนแบบน้ีไดแ้ ก่ การสอนแบบบรรยาย อภิปราย ซึง่ ทัง้ หมดนีเ้ รียกว่ายุทธศาสตร์แบบ Expository Approach 4.2 ยทุ ธศาสตรแ์ บบสบื เสาะหาความรู้ ซ่งึ ครจู ะมบี ทบาทเปน็ เพยี งผู้เตรียม ส่ิงอานวยความสะดวกตา่ ง ๆ เพ่อื การเรยี นและการจัดสถานการณ์เพอื่ ให้การเรียนรบู้ รรลุ จุดมุ่งหมาย ยุทธศาสตร์การสอนแบบนเ้ี รียกวา่ Inquiry หรือ Discovery Approach

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่ือการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 26 5. การจัดแบ่งกลมุ่ ผู้เรยี น เปน็ การจดั กลุ่มผู้เรยี นเพ่ือให้ไดเ้ รียนรูร้ ว่ มกนั จุดมงุ่ หมายของการสอนจะทาใหเ้ ราสามารถจดั กลุม่ ผเู้ รียนได้อยา่ งเหมาะสม ดังน้นั ในการจัด แบง่ กลุ่มผเู้ รยี นต้องพิจารณาจากจดุ มงุ่ หมาย เนื้อหาและยุทธศาสตรก์ ารสอน ซ่ึงสามารถยดื หยุ่น ได้ตามตัวแปรทก่ี ลา่ วมาแลว้ 6. กาหนดเวลาเรียน จากการกาหนดยทุ ธศาสตร์และวธิ ีการสอนกบั ผเู้ รียนกลุ่มตา่ ง ๆ แล้วก็จะต้องกาหนดเวลาเรียน การกาหนดเวลาเรยี นจะขึ้นอยกู่ บั เน้ือหา จดุ มุ่งหมาย สถานท่ี การบรกิ ารและความสามารถตลอดจนความสนใจของผเู้ รยี น ดังนั้น การกาหนดเวลาจงึ ขึ้นอย่กู ับ ผลการวิเคราะห์สภาพการณด์ ังกลา่ ว 7. กาหนดขนาดหรือสถานทบ่ี รรยาย ห้องเรยี นปกตโิ ดยทวั่ ไปจะมผี ู้เรยี นประมาณ 30-40 คน ภายในห้องเรียนมีโต๊ะนักศึกษา โตะ๊ ครู กระดานดาและปา้ ยนเิ ทศ ซง่ึ นบั วา่ เหมาะสม กับการสอนแบบบรรยาย แต่อาจจะไม่เหมาะสมกบั การสอนที่ใช้ยทุ ธศาสตร์แบบต่าง ๆ ดังนน้ั หอ้ งบรรยายจึงควรมีหลายขนาด 7.1 ห้องเรียนขนาดใหญ่ ท่ีสามารถบรรจุผู้เรยี นไดร้ ะหว่าง 60-300 คน 7.2 ห้องเรยี นขนาดเล็ก สาหรับการเรียนระบบกล่มุ ยอ่ ย 7.3 ห้องเรียนแบบเอกตั บคุ คลหรอื เรียนแบบเสรี ซึ่งห้องเรียนแบบนอ้ี าจใช้ ห้องศนู ย์ส่ือการสอนที่ผ้เู รยี นสามารถเข้าไปศึกษาค้นคว้าหรอื ศึกษาค้นควา้ หรือเรียนรดู้ ้วยตนเอง ในหอ้ งเรยี นแบบน้ีอาจจะมีคูหารายบุคคลไวใ้ หผ้ ู้เรยี นใช้น่ังเรยี น อยา่ งไรกต็ าม ปัจจบุ นั ห้องบรรยายจาเปน็ ตอ้ งมรี ะบบการติดตงั้ อุปกรณป์ ระกอบการ ใชส้ ่อื การสอนมากขึ้นกว่าแต่กอ่ น กลา่ วคือ เม่ือก่อนจะมีเพียงกระดานดา เครอ่ื งฉายข้ามศีรษะ โตะ๊ อาจารย์ เก้าอี้ โตะ๊ ผูเ้ รียน ก็สามารถทาการสอนได้ แต่ในปจั จุบนั ขอ้ มลู การเรียนการสอน เป็นไปในลกั ษณะท่ีไร้พรมแดนมากขน้ึ ผสู้ อนจึงมีความจาเป็นตอ้ งใช้ส่อื ชนดิ ตา่ ง ๆ ที่เหมาะสม มากข้นึ เช่นกนั เช่น คอมพิวเตอร์ วีดทิ ศั น์ เป็นต้น ดังน้นั ห้องบรรยายจงึ ควรเป็นห้องบรรยายท่ีสามารถดดั แปลงหรือเปลีย่ นแปลงได้ หมายถงึ การจดั โตะ๊ เก้าอ้ี ที่สามารถเปล่ยี นแปลงรูปแบบต่าง ๆ ไดต้ ามความเหมาะสมกับ บทเรียนและกจิ กรรมการเรยี นการสอนน้นั ๆ ส่งิ ที่ผู้สอนพึงพจิ ารณาก็คือ อุปสรรคของ ส่งิ แวดลอ้ มทีม่ ีตอ่ การเรียนของผูเ้ รียน โดยมีหลกั ดังน้ี 1. หลกั การวางแผนการใชห้ อ้ งบรรยาย • พจิ ารณาจากจานวนผเู้ รยี น • พจิ ารณาจากจานวนผู้สอน • จะใช้สื่ออะไรบ้างสาหรบั การเรยี นการสอนในรายวิชาที่จะบรรยาย • พิจารณาจากสภาพห้องบรรยาย มีวสั ดอุ ปุ กรณ์อะไรบ้าง • ห้องเรยี นสามารถทาให้มืด เพ่ือใช้กบั เคร่ืองฉายประเภทตา่ ง ๆ ได้ทกุ เวลา หรอื ไม่ และห้องเรยี นมีพน้ื ทก่ี ว้างพอท่ีจะใหผ้ ูเ้ รยี นแบ่งกลุม่ สาหรับใชอ้ ปุ กรณ์ต่าง ๆ ไดห้ รอื ไม่ • เนือ้ หาและส่ือการสอนที่จะใช้ สามารถดัดแปลงไดห้ รอื ไม่ สื่อตา่ ง ๆ หรอื อุปกรณส์ าหรบั สื่อ สามารถเคล่อื นยา้ ยได้ง่ายหรือไม่ เชน่ แผนทีโ่ ลก ลูกโลก แผนภูมิ เทป บันทกึ เสยี ง เคร่ืองฉายวดิ ีทศั น์ เคร่ืองฉายทบึ แสง ฯลฯ ผเู้ รยี นสามารถใช้ในห้องเรยี นได้เลย หรอื ตอ้ งไปใชท้ ่ศี นู ยโ์ สตทัศนูปกรณข์ องมหาวทิ ยาลยั

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งสอื่ การเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 27 2. หลกั การเตรียมห้องเรียนสาหรบั การฉาย การเตรียมสถานท่ีและการเตรยี มตวั ผู้เรียนก่อนการฉายน้นั เป็นสง่ิ จาเป็นมาก ท้ังนเ้ี พ่ือให้การใช้ เคร่อื งฉายในการเรียนการสอนได้ผลดี และผเู้ รียนไดร้ ับความร้สู มความม่งุ หมาย ไชยศ เรือง สวุ รรณไดใ้ ห้ข้อเสนอแนะสาหรับการเตรยี มห้องเรียนทม่ี ีผู้เรียนประมาณ 30-35 คน ดังน้ี -สาหรบั การฉายทัว่ ไป การเตรยี มจอฉายขนาดไมเ่ ล็กกวา่ 70 x 70 นิ้ว มีการ เลือกฟิลม์ ภาพยนตร์ ฟิล์มสไลด์ หรอื ฟิล์มสตริป ตรงตามเนอ้ื หาที่ผ้สู อนจะสอน -จัดท่นี ่งั ผ้เู รียนใหน้ ัง่ หา่ งจากจอฉายอยา่ งเหมาะสม คือ แถวนงั่ หนา้ สุดไม่ควร ใกลจ้ อเกนิ กวา่ 2 เท่า ของความกว้างของจอ และนั่งหลงั สุดไมค่ วรไกลไปกว่า 6 เทา่ ของความ กวา้ งของจอ -จัดทนี่ ง่ั ผเู้ รยี นใหน้ งั่ ห่างกันพอสมควร และให้ทกุ คนในหอ้ งฉายสามารถ มองเห็นภาพบนจออยา่ งชัดเจนทกุ คน กลางหอ้ งควรเว้นช่องให้กวา้ งพอทส่ี ่งแสงจากเครอ่ื งฉาย พงุ่ ไปยังจอไดโ้ ดยไม่มผี เู้ รยี นนั่งกีดขวางอยู่ -ถ้าเปน็ ไปได้ควรใหแ้ สงสลัว ๆ เข้าไปในห้องไดบ้ า้ ง แต่อย่ามากเกินไป เพราะ จะทาใหภ้ าพบนจอไม่คมชดั -ต้องจาไว้เสมอว่า จะต้องต้งั เครอื่ งฉายโดยหันด้านหลงั ของเครอ่ื งฉายไปทาง ประตูหรือหน้าต่างทม่ี ีแสงสวา่ งเขา้ ได้ เพราะมบี ่อยครง้ั ทป่ี ระตหู อ้ งถกู เปิดเพราะผู้เรียนเข้าออก แสงสว่างจากภายนอกจะไดไ้ มร่ บกวนสายตาผเู้ รยี น หรือถ้าเป็นไปได้ ควรใช้ผา้ มา่ นกั้นประตูเข้า ออกไวอ้ ีกช้นั หนึง่ ก็จะเป็นการดี -เม่ือทา่ นต้องการใช้เครื่องฉายเพ่อื การศึกษาเปน็ กลุม่ ย่อย หรอื เป็นรายบคุ คล ควรปฏิบตั ิ ดังน้ี -แบง่ กลุ่มผู้เรียน แลว้ กาหนดเวลาเขา้ หอ้ งฉายตามเวลาท่ีผู้สอนกาหนดของ แต่ละกลุ่ม หรือแตล่ ะบคุ คล -ควรทดลองใชเ้ ครื่องฉายก่อนทผี่ เู้ รยี นจะเข้าไปใช้ -ในกรณีที่ผู้เรียนจะใชเ้ คร่ืองฉายเอง ผูส้ อนควรพจิ ารณาว่า เครื่องฉายชนดิ นัน้ มีความยากในการใช้สาหรบั การท่ีผเู้ รียนใชเ้ องหรือไม่ 8. การเลือกทรัพยากรหรือสื่อการเรียนการสอน ในขน้ั น้ีครูจะเลอื กสื่อต่าง ๆ เพ่ือ นามาใช้ในการเรียนการสอนทใี่ ช้ยุทธศาสตร์การสอน ขนาดกลุม่ และสถานทใ่ี นการสอนต่าง ๆ กันเพ่ือใหก้ ารสอนบรรลุจุดมุ่งหมาย เชน่ รูปภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ เคร่ืองเสียง หนงั สอื และอ่ืน ๆ 9. การประเมนิ ผลการเรียน การเรียนเป็นการปะทะสมั พันธ์ระหว่างครูกบั ผู้เรยี น ผเู้ รยี นกบั ผู้เรยี น หรือระหว่างผู้เรียนกับส่ือการเรียนการสอน ดงั น้ัน ผลการเรียนจงึ เปน็ เรื่อง สาคัญในการเรียน 10. การวเิ คราะหข์ ้อมลู ย้อนกลบั เป็นการตรวจสอบหาข้อบกพร่องเพ่ือปรบั ปรุง แกไ้ ข

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างส่อื การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 28 บทที่ 3 หลกั การเลอื กใชส้ อื่ การเรยี นการสอน 3.1 การเลอื กและจดั หาสอื่ การเรยี นการสอน ในการเลอื กสือ่ การเรยี นการสอนเพอ่ื ให้เกดิ ประสิทธภิ าพต่อการเรยี นการสอนนั้น ผสู้ อนจาเป็นตอ้ งคานึงถงึ องค์ประกอบในการเลอื กส่อื ไดแ้ ก่ จดุ มุงหมายของการสอน รูปแบบ และระบบของการเรยี นการสอนลักษณะของผ้เู รียน เกณฑ์เฉพาะของสื่อ วัสดอุ ุปกรณแ์ ละ ตลอดจนสิง่ อานวยความสะดวกที่มอี ยู่นอกจากนี้ยังต้องคานงึ ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเภท ของสื่อกบั คณุ สมบัติเฉพาะและจดุ ประสงคข์ องการเรยี นการสอน 3.2 หลกั การใชส้ ื่อการสอน 1. เตรยี มตัวผสู้ อน เปน็ การเตรียมตัวในการอ่าน ฟังหรือดเู นอื้ หาท่ีอยใู่ นส่ือทจ่ี ะใช้วา่ มีเน้อื หาถูกต้อง ครบถว้ นและตรงกับท่ตี ้องการหรอื ไม่ จะต้องเพ่ิมเตมิ ในส่วนใด จะมวี ธิ ีการใชส้ อ่ื อยา่ งไร เชน่ การใชภ้ าพนงิ่ เพื่อเป็นการนาเขา้ สู่บทเรียน แล้วอธบิ ายเนื้อหาเกย่ี วกบั บทเรียนนน้ั จากนน้ั จงึ ให้ชมวีดิทศั น์เพื่อเสรมิ สร้างความรู้ แล้วสรปุ ความรอู้ ีกครง้ั ด้วยแผน่ ภาพโปร่งใส ซง่ึ ขนั้ ตอนเหลา่ นี้ผู้สอนต้องเตรียมตัวโดยเขียนลงในแผนการสอนเพ่ือการใชส้ อ่ื ได้อย่างถกู ต้อง 2. เตรียมจัดสภาพแวดลอ้ ม โดยการจดั เตรยี มวสั ดุ เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ทจี่ าเปน็ ต้อง ใช้ให้พร้อม ตลอดจนจดั เตรียมสถานทห่ี ้องเรียนให้อยใู่ นสภาพที่เหมาะสม ซงึ่ สิ่งเหล่านี้จะเปน็ สิ่ง ทช่ี ว่ ยใหก้ ารเรียนการสอนเป็นไปด้วยความสะดวก ราบรน่ื ไม่เสียเวลา 3. เตรียมพรอ้ มผเู้ รียน เปน็ การตัวผู้เรียน โดยมกี ารแนะนาหรือใหค้ วามคิดรวบยอด เกีย่ วกับเนื้อหา เพื่อให้ผูเ้ รยี นเตรยี มพร้อมในการฟัง ดูหรอื อ่านบทเรยี นจากส่ือนัน้ ใหเ้ ข้าใจและ สามารถจับประเด็นสาคัญของเนือ้ หาได้ และผูส้ อนควรบอกผ้เู รยี นล่วงหน้าว่าหลังจากมีการเรียน หรอื ใช้สื่อแล้วผ้เู รยี นจะต้องมีกิจกรรมอะไรบ้าง เชน่ การทดสอบ การอภิปราย การแสดงหรือ การปฏิบัติ เพื่อผูเ้ รียนจะได้เตรียมตวั ได้ถูกต้อง 4. การใชส้ อื่ ผสู้ อนต้องใช้สอื่ ให้เหมาะสมกบั ขนั้ ตอนที่เตรียมไว้ เพ่ือให้ดาเนินการสอน ไปได้อยา่ งราบรน่ื และต้องควบคุมการนาเสนอสือ่ ให้ถูกต้อง เชน่ การปรับภาพบนจอรบั ภาพให้ ชัดเจน การปรบั เสยี งใหพ้ อเหมาะสาหรบั นกั เรียนในหอ้ งและไมร่ บกวนห้องเรียนอื่น เปน็ ต้น 5. การติดตามผล ควรมกี ารติดตามผลโดยการใหผ้ เู้ รียนตอบคาถาม อภปิ รายหรือเขยี น รายงาน เพอื่ เป็นการทดสอบว่าผู้เรียนเขา้ ใจบทเรยี นและเรยี นรจู้ ากสือ่ ท่เี สนอไปน้นั ถกู ตอ้ ง หรือไม่ เพ่อื ผูส้ อนจะไดส้ ามารถทราบถงึ จุดบกพรอ่ งและเพื่อการแก้ไขปรบั ปรุงการสอนของตน ต่อไป

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสรา้ งส่ือการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหสั วชิ า MED3506 29 A nalyze Learner Characteristics การวเิ คราะหล์ ักษณะผเู้ รียน S tate Objectives การกาหนดวตั ถุประสงค์ S elect , Modify or Design Materials การเลอื ก ดัดแปลงหรือออกแบบส่อื ใหม่ U tilize Materials การใช้สือ่ R equire Learner Response การกาหนดการตอบสนองของผ้เู รียน E valuation การประเมินการใชส้ ื่อ การวิเคราะห์ลักษณะผ้เู รยี น ( Analyze Learner Characteristics) เพอื่ เลือกสื่อใหส้ ัมพันธก์ ับ ลกั ษณะของผ้เู รียน เชน่ -ลกั ษณะทั่วไป เชน่ อายุ ระดับความรู้ สังคม เศรษฐกิจและวฒั นธรรมของผ้เู รียน แตล่ ะคน -ลกั ษณะเฉพาะ เชน่ ทักษะท่ีมีมาก่อน ( prerequitsite skills) ทักษะเปา้ หมาย ( targer skills) ทักษะในการเรียน ( study skills) ทัศนคติ ( attitude) การกาหนดวัตถุประสงค์ ( State Objective) เพื่อ -สะดวกในการเลือกสอ่ื และวธิ ีการท่ีถกู ต้องตลอดจนการจัดลาดับกจิ กรรมการเรียนและ สร้างส่งิ แวดล้อม หรือประสบการณก์ ารเรยี นรู้ -การประเมนิ ผเู้ รียนได้อยา่ งถกู ต้อง ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นทราบถงึ ผลแหง่ การเรียนรู้และผลแหง่ การกระทาหลงั จากเสรจ็ สิน้ บทเรยี นแล้ว ซ่งึ การกาหนดวตั ถุประสงค์ ควรประกอบดว้ ย 1. การกระทา ( performance) เปน็ สงิ่ ทีค่ าดหวงั ว่าผเู้ รียนจะสามารถกระทาได้ ภายหลังจบบทเรียนแลว้ 2. เง่อื นไข ( conditions) เป็นขอ้ จากัดหรอื เง่ือนไขทต่ี ้ังขนึ้ โดยรวมอยภู่ ายใตก้ าร กระทา 3. เกณฑ์ (criteria) เพ่อื การตัดสนิ การกระทานั้นวา่ เป็นไปตามท่ีกาหนดไวห้ รอื ไม่ การกาหนดวัตถปุ ระสงค์เป็น \" วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม\" แบง่ ออกเป็น 1. พุทธพิ ิสัย เป็นวตั ถุประสงค์ที่ต้งั ไว้เพ่ือวัดการเรยี นร้ขู องผู้เรยี นเก่ียวกบั ความรู้ ความ เข้าใจ สตปิ ญั ญา และการพัฒนา 2. จิตตพสิ ัย เปน็ วตั ถปุ ระสงค์ทางด้านความคดิ ทัศนคติ ความรสู้ กึ คา่ นิยมและการ เสรมิ สรา้ งทางปญั ญา 3. ทักษะพิสยั เป็นวัตถปุ ระสงคท์ ่ีเกีย่ วกบั การกระทา การแสดงออกหรือการปฏบิ ัติ การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อ (Select , Modify or Design Materials)

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างสือ่ การเรียนรูค้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหัสวิชา MED3506 30 เลอื กจากสื่อท่ีมอี ยแู่ ล้ว ดดั แปลงสือ่ ที่มีอยูแ่ ล้ว การออกแบบสือ่ ใหม่ การใชส้ อื่ (Ulilize Materials) ดหู รืออ่านเน้ือหาในสื่อเหล่านั้นก่อนเปน็ การเตรยี มตวั จัดเตรยี มสถานท่ี เตรียมตัวผูเ้ รยี น ควบคุมช้นั เรียน การกาหนดการตอบสนองของผู้เรยี น (Require Learner Response) การตอบสนองโดยเปดิ เผย (overt response) โดยการพดู หรือเขียน การตอบสนองภายในตัวผ้เู รยี น (covert response) โดยการท่องจาหรือคดิ ในใจ เมอื่ มีการตอบสนองแล้วผูส้ อนควรใหก้ ารเสรมิ แรงทนั ที เพ่ือให้ผูเ้ รียนทราบวา่ ตนมีความเขา้ ใจ และเกดิ การเรียนรู้ที่ถกู ต้องหรือไม่ การประเมนิ (Evaluation) การประเมนิ กระบวนการสอน ซ่ึงสามารถกระทาไดท้ ั้งในระยะก่อน ระหวา่ งและหลงั การสอน การประเมนิ ความสาเร็จของผู้เรยี น ซึง่ ข้นึ อยู่กับวัตถุประสงคแ์ ละเกณฑ์ที่ต้ังไว้ การประเมนิ สื่อและวธิ ีการสอน โดยให้ผู้เรยี นมีการอภิปราย และวจิ ารณ์การใช้สื่อและเทคนิคการ สอนว่ามีความเหมาะสมมากนอ้ ยเพยี งใด 3.3 ขน้ั ตอนการใชส้ ่อื การสอน 1. ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน เพือ่ กระตุ้นให้นักเรยี นเกิดความสนใจในเน้ือหาทกี่ าลงั จะเรียน ส่อื ที่ใชใ้ นข้นั นจ้ี ึงเป็นส่ือที่แสดงเนอ้ื หากวา้ ง ๆ หรอื เนื้อหาท่ีเก่ียวข้องกับการเรยี นในคร้ังก่อน ยัง มใิ ชส่ ่อื ท่ีเน้นเนื้อหาเจาะลึกอยา่ งแทจ้ รงิ อาจเป็นสอ่ื ที่เปน็ แนวปญั หาหรอื เพ่ือผ้เู รยี นคิด และควร เป็นสอ่ื ทงี่ ่ายต่อการนาเสนอในระยะเวลาอนั สั้น 2. ขน้ั ดาเนนิ การสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน เป็นข้ันสาคัญในการเรยี น เพราะ เป็นขัน้ ทจ่ี ะให้ความรู้เนื้อหาอย่างละเอยี ดเพื่อสนองวตั ถุประสงค์ท่ีวางไว้ ผูส้ อนตอ้ งเลือกสอื่ ให้ ตรงกบั เน้ือหาและวิธีการสอนหรืออาจจะใชส้ ่ือหลายแบบก็ได้ ตอ้ งมีการจัดลาดับขัน้ ตอนการใช้ สือ่ ใหเ้ หมาะสมและสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียน การใช้ส่อื ในข้ันน้ีจะต้องเป็นสอ่ื ทเ่ี สนอความรู้ อย่างละเอียด ถูกต้องและชดั เจนแก่ผเู้ รียน 3. ขน้ั วเิ คราะหแ์ ละฝกึ ปฏบิ ตั ิ เปน็ การเพิ่มพูนประสบการณ์ตรงแก่ผูเ้ รยี นเพ่ือให้ผูเ้ รยี น ไดท้ ดลองนาความรู้ดา้ นทฤษฎี หรือหลกั การทเ่ี รียนมาแล้วไปใช้แก้ปัญหาในขน้ั ฝึกหัด โดยการลง มอื ฝกึ ปฏบิ ตั เิ อง สอื่ ในขน้ั น้ีจงึ เปน็ สื่อท่เี ป็นประเด็นปัญหาใหผ้ ูเ้ รียนไดข้ บคดิ โดยผ้เู รยี นเป็นผู้ใช้ สือ่ เองมากทีส่ ุด 4. ขั้นสรุปบทเรยี น เป็นขนั้ ของการเรยี นการสอน เพ่ือการย้าเนือ้ หาบทเรียนใหผ้ เู้ รยี น มคี วามเข้าใจท่ถี ูกต้องและตรงตามวตั ถุประสงคท์ ี่ตั้งไว้ด้วย ข้นั สรุปนคี้ วรใชเ้ พียงระยะส้ัน ๆ เชน่ เดยี วกบั ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรียน ส่อื ใช้สรปุ น้ีจึงควรครอบคลมุ เนอ้ื หาสาคัญท้งั หมดโดยย่อและใช้ เวลาน้อย 5. ข้นั ประเมินผเู้ รียน เปน็ การทดสอบว่าผูเ้ รยี นสามารถเรียนรู้หรือเข้าใจในส่ิงที่เรียน

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างสือ่ การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 31 ไปถกู ตอ้ งมากน้อยเพยี งได และบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรมทีต่ ง้ั ไว้หรือไม่ สื่อในขนั้ การ ประเมนิ นี้มักจะเป็นคาถามจากเนอื้ หาบทเรียนโดยจะมีภาพประกอบด้วยก็ได้ หรอื อาจนาสื่อทีใ่ ช้ ในข้นั กิจกรรมการเรียนมาถามอีกคร้ัง และอาจเป็นการทดสอบโดยการปฏิบัติจากสื่อหรือการ กระทาของผเู้ รยี น เพื่อทดสอบดวู า่ ผเู้ รยี นสามารถมที ักษะจากการฝกึ ปฏิบตั ิอยา่ งถกู ต้องครบถว้ น หรอื ไม่ ชนดิ ของสอื่ การสอน สอ่ื ทีใ่ ชช้ ่วยในการสอนมีหลายชนดิ ซึง่ อาจกลา่ วไดว้ ่า ส่งิ ใดก็ตามทเี่ ปน็ เครื่องช่วยให้ เด็กวยั นี้มีพัฒนาการดังกล่าว นับว่าเป็นสื่อได้ท้ังสนิ้ ไดแ้ ก่ 1. ครูเปน็ สอื่ นบั ไดว้ ่าความสาคญั เพราะเป็นผกู้ ่อให้เกิดความเคลือ่ นไหวตา่ ง ๆ ใน การเรยี นรู้ และเปน็ สื่อทจ่ี ะนาส่อื อื่นใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพในการเรียนการสอน หากปราศจากครู การเรียนการสอนก็จะไม่มีผลแกเ่ ดก็ ในวยั น้ีอยา่ งแนน่ อน 2. ส่งิ แวดลอ้ มตามธรรมชาติ สอื่ ชนิดนค้ี รหู รือผใู้ ชไ้ มจ่ าเปน็ ต้องจัดหาหรือทาขน้ึ เพราะมอี ยู่แลว้ ตามธรรมชาติ เพยี งแตผ่ ู้ใช้จะต้องเลือกใหถ้ ูกตามความมุ่งหมาย เชน่ การสอน เรอื่ งวงจรชวี ติ กบ ก็ควรเลอื กฤดกู าลที่เหมาะสม คือฤดูฝน เพอ่ื จะได้นาสิง่ ทเ่ี ป็นไปตามธรรมชาติ มาศึกษาได้ แทนที่จะใช้วธิ ีวาดภาพ ไข่กบ ลกู อ๊อด และลกู กบ ประกอบคาอธบิ าย เป็นต้น 3. สื่อทต่ี ้องจัดทาขึ้น สื่อชนิดนมี้ มี ากมายหลายชนดิ สดุ แต่ผูท้ ่สี นใจจะจดั ซ้ือ จัดหา หรือจัดทาข้นึ ได้แก่ ของจรงิ ของจาลอง ภาพถ่าย ภาพวาด บตั รคา เกม กจิ กรรม เครื่องฉาย ภาพน่งิ เครื่องฉายภาพยนตร์ เป็นตน้ ส่ือดังกล่าวอาจแบง่ ออกตามลักษณะของการใชไ้ ด้ 3 ประเภท คอื 1. สื่อการสอนประเภทวสั ดุ เชน่ สี กระดาน ชอลค์ ภาพ เปลอื กหอย หนงั สือพิมพ์ เปน็ ตน้ 2. สอ่ื การสอนประเภทอปุ กรณ์ คือสงิ่ ท่ีเป็นเคร่ืองมือ วทิ ยุ เคร่อื งฉายภาพวีดีโอ กระดานดา ป้ายนิเทศ เปน็ ต้น 3. ส่อื การสอนประเภทวธิ ีการ กระบวนการจดั กจิ กรรม ได้แก่ การสาธิต การ ทดลอง เล่นเกม เล่นบทบาทสมมุติ จัดสถานการณ์จาลอง เช่น การจดั มุมตา่ ง ๆ ในห้องเรียน ในชน้ั เด็กเล็ก ไมไ่ ดส้ อนเป็นรายวชิ า เปน็ การเตรยี มความพร้อมโดยนาเอาวิชาตา่ ง ๆ มาบูรณาการเปน็ หน่วย และสอดแทรกวิธีสอนแบบเรยี นปนเลน่ ด้วยกจิ กรรมตา่ ง ๆ ดงั กล่าวมา จากบทก่อน ๆ แลว้ หากลองจดั สือ่ การสอนโดยยึดตามชือ่ หมวดวชิ า จะมรี ายละเอยี ดดังน้ี 1. หมวดภาษา วสั ดแุ ละอุปกรณส์ าหรบั ภาษาไทยมีจุดม่งุ หมายให้เดก็ คุ้นเคยกบั เสน้ ประเภทต่าง ๆ ทจ่ี ะประกอบเป็นตัวอักษร ซึ่งมผี ู้วิจยั ไว้แลว้ ว่า เสน้ ต่าง ๆ ทจ่ี ะประกอบเปน็ ตัวอักษรซ่ึงมีผูว้ จิ ยั ไว้แล้ววา่ เสน้ ตา่ ง ๆ ทป่ี ระกอบเปน็ อักษรไทยมี 13 ชนดิ จบั คกู่ ับภาพตา่ ง ๆ ได้ถูกตอ้ ง การฝกึ การสนทนา เล่านทิ าน แสดงละคร และกิจกรรมทางภาษาอืน่ ๆ ท่จี ะเสรมิ ให้ เด็กสามารถใช้ภาษาใหถ้ ูกต้องตามวฒั นธรรม วสั ดุในหมวดภาษา ได้แก่ แบบเรียน บัตรคา ภาพ แผนภูมิ ตรายาง อักษรตรายาง ภาพคานาม แท่งอักษร ตัวอักษรฉลุไม้ ตัวอักษรพลาสตกิ ภาพชุดประกอบนิทาน ห่นุ จาลอง หุน่ กระบอก สเี ทยี น ชุดสนทนา ฯลฯ

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างสอ่ื การเรียนรูค้ ณติ ศาสตรร์ ะดับมัธยม รหสั วชิ า MED3506 32 2. หมวดสังคมศกึ ษา เป็นวัสดุอุปกรณ์ทีม่ งุ่ ฝึกฝนการอย่รู ว่ มกันในชุมชน ฝึกใหเ้ ป็น สมาชกิ ทีด่ ี รู้จักบทบาทของตน รว่ มเลน่ แบ่งปันสง่ิ ของกับคนอนื่ รูจ้ ักหนา้ ทต่ี ามวัยของตน ฝกึ การเสยี สละ ฯลฯ วสั ดอุ ปุ กรณ์สาหรบั หมวดสังคมศึกษา ไดแ้ ก่ ภาพชดุ แผนภูมิ ของจรงิ (เชน่ ธงชาติ ภาพชดุ นิทาน หุ่นกระบอก เคร่อื งแต่งกาย นิทาน ชุดครัว มถี ว้ ย ชาม หมอ้ เตา) ฯลฯ บา้ นตุ๊กตา (บา้ นหนุ่ คนและสัตวข์ นาดเล็ก) กะบะทราย ฯลฯ 3. หมวดวิทยาศาสตร์ (ธรรมชาตศิ ึกษา) เป็นวสั ดุอปุ กรณ์ทช่ี ่วยฝกึ ให้เรยี นรู้ ธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม ทง้ั คน พชื สัตว์ และปรากฎการณ์ตามธรรมชาตอิ ยา่ งง่าย ๆ ประกอบดว้ ย รปู ภาพ แผนภมู ิ ของจรงิ (สตั ว์ พชื สิง่ ของ) ต้สู ัตว์ กรงเลย้ี งสัตว์ ต้สู ะสมแมลง กะบะเพาะพชื กะบะทราย อ่างน้า เคร่ืองเล่นทราย เลนส์แวน่ ขยาย ชุดแบตเตอรี่อยา่ งง่าย ๆ ชดุ แม่เหล็ก ฯลฯ 4. คณิตศาสตร์ เปน็ วสั ดุอุปกรณฝ์ กึ มโนทัศน์ทางการนับคานวณประกอบด้วยบตั ร ตวั เลขภาพชดุ เก่ียวกบั ตัวเลขของจริง ลูกคิด ลูกปัด กระดานปกั หมนุ บนั ไดเลข แท่งไม้ คณิตศาสตร์ แห่งไม้เรขาคณิต เคร่ืองชง่ั น้าหนกั เคร่ืองตวง ฯลฯ 5. หมวดขับร้องและดนตรี เป็นวสั ดอุ ปุ กรณ์สาหรบั ฝึกการขับรอ้ ง และดนตรีเพ่ือ สร้างความชื่นชอบศลิ ปดนตรี และฝึกโสตประสาทต่อเสียงดนตรตี า่ ง ๆ ประกอบด้วย เครื่องเล่น แผ่นเสียง เคร่อื งบนั ทึกเสยี ง ออร์แกน เปยี โน กลอง ฉ่ิง ฉาบ ระฆัง เหล็กสามเหลยี่ ม กรับพวง กรับกรงุ๊ กริ๊ง ลกู ซัด เกราะ กาไลลกู พรวน ระนาด ใชอ้ ุปกรณท์ ี่ครูทาขนึ้ เองจากวสั ดุเหลือใช้หรอื ผกั พืชตา่ ง ๆ ก็ได้ เช่น ฝกั ราชพฤกษ์ ไม้เคาะจงั หวะ หรอื อุปกรณจ์ ากกระป๋องแป้ง ฯลฯ 6. หมวดศลิ ปศึกษา เปน็ วัสดอุ ุปกรณ์ที่ฝึกความชื่นชมทางศิลปกรรม และทักษะ ทางการใช้มือ ประกอบดว้ ยกระดาษ ขาหยัง่ เขยี นภาพ ดนิ สอสตี ่าง ๆ ดนิ นา้ มัน ดนิ เหนียว เขยี ง ลูกกล้ิงคลงึ นา้ มัน กระดาษสี (งานพับ ตัดปะ) กรรไกรปลายทู่ เศษวสั ดุ ชุดงานไม้ (คอ้ น เลอ่ื ย ไข ควง ทาจากพลาสตกิ ) ฯลฯ 7. หมวดพลานามัย สว่ นมากเปน็ เคร่อื งสนามที่จะพัฒนาการทางกาย แขน ขา กล้ามเนอื้ ฯลฯ ประกอบดว้ ย รถจกั รยาน รถเข็น รถลากม้าโยก เรือโยก ลูกบอล หว่ งยาง ลูกช่วง ชงิ ชา้ ม้าลอด ม้าหมุน กระดานอ่นื ฯลฯ หากจะกลา่ วถงึ การเลือกส่ือเพอื่ สง่ เสรมิ พฒั นาการด้านตา่ ง ๆ แลว้ เราอาจเลือกส่ือ เพอ่ื การสง่ เสรมิ พฒั นาการแต่ละด้านดังนี้ 1. สอื่ เพ่อื พฒั นาสตปิ ัญญาและความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ อาจแบ่งไดด้ ังน้ี 1.1 ส่อื เพื่อฝกึ การรับรู้ 1.1.1 สื่อฝึกการรับรู้เกี่ยวกับขนาด ไดแ้ ก่ การจัดหาวสั ดสุ ง่ิ ของ กล่อง บล็อก วางใหเ้ ด็กจบั ต้อง วางซอ้ นกนั นาของสองสิง่ สามสงิ่ มาเปรียบเทยี บขนาด เล็กใหญ่ เลก็ ทส่ี ดุ ใหญท่ ่สี ดุ 1.1.2 สอ่ื ฝกึ การรับรู้เก่ยี วกบั รูปรา่ ง ครูให้เด็กเลน่ ภาพตดั ต่อ ลองวางชิ้นส่วนให้ พอดีกับชอ่ ง เชน่ ชอ่ งวงกลม เด็กตอ้ งหยบิ รปู วงกลมวางลงในช่องสเี่ หล่ยี ม เด็กต้องหยิบรูป สี่เหลย่ี มวางได้ถกู ต้อง นอกจากนใี้ หเ้ ดก็ แยกรูปร่าง สเี่ หล่ยี ม สามเหล่ยี ม วงรี ได้

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่อื การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดับมธั ยม รหัสวิชา MED3506 33 1.1.3 ส่อื ฝกึ การรบั รู้เกยี่ วกบั เรอ่ื งสี แนะนาใหเ้ ดก็ รจู้ ักสี เลน่ ส่งิ ของเครือ่ งใช้ บล็อก แผ่นกระดาษรูปทรงเรขาคณิตท่มี สี ตี ่าง ๆ โดยเฉพาะเด็กชอบสีสดใส ใหเ้ ด็กแยกสงิ่ ของ วตั ถุ รูปภาพ ท่ีมีสเี หมือนกนั 1.1.4 ส่อื ฝกึ การรบั รเู้ กี่ยวกบั เนือ้ ผิวของวัตถุ ใหเ้ ดก็ ไดส้ ารวจสิ่งของใกลต้ วั ได้รับไดส้ มั ผสั ส่ิงของท่ีมีความออ่ น น่มุ แข็ง หยาบ และบอกไดว้ ่าของแตล่ ะช้ิน มีลกั ษณะอย่างไร เช่น กระดาษทราบหยาบ สาลนี ุ่ม กอ้ นหินแข็ง ฯลฯ 1.2 สือ่ เพ่ือฝึกความคดิ รวบยอด อาจใช้วัสดุ อุปกรณ์ และวิธกี ารจดั สงิ่ แวดล้อม เชน่ เรยี นรู้เก่ียวกับชีวิตของสัตว์ ครคู วรจดั สวนสัตว์จาลอง เล่านิทาน เชิดหนุ่ เก่ียวกบั สตั ว์ สนทนาซกั ถามเกย่ี วกบั สตั ว์ท่ีเด็กรู้จัก เปรียบเทยี บลักษณะของสัตว์แตล่ ะชนดิ วาด ปน้ั ฉกี แปะ รปู ร่างสัตว์ การจดั กิจกรรมความคิดรวบยอดเก่ยี วกับอาชพี เกยี่ วกับสงิ่ ของ เคร่ืองใช้และบคุ คลใน สงั คม ครูควรใช้สอื่ สถานการณจาลอง เสริมใหเ้ ด็กเข้าใจได้ถกู ต้องรวดเรว็ ข้ึน การรจู้ ักตัวเลขมีความคิดรวบยอดทางคณติ ศาสตร์ ด้วยการใช้วธิ ีการให้เดก็ ค้นพบดว้ ย ตนเอง จดั วสั ดุอุปกรณ์ เชน่ กระดุมสตี ่าง ๆ ฝาเบียร์ ดอกไม้ ใบไม้ ขวด บลอ็ ก ใหเ้ ด็กจับต้อง นบั สอนใหเ้ ข้าใจเลขคี่เลขคู่ 2. ส่อื เพ่ือพัฒนาทางดา้ นภาษา การใช้สื่อพฒั นาการทางภาษาจะตอ้ งคานงึ ถึงพฒั นาการที่สาคญั ของเดก็ เล็กและ ตอ้ งศึกษาว่าการรับฟังและการเข้าใจภาษาของเด็กวา่ อยู่ระดับที่สามารถฟงั และแยกเสยี งตา่ ง ๆ ได้ เช่น เสยี งสตั ว์ เสียงดนตรีบางชนิด ฟงั ประโยคและข้อความส้ันและยาวพอสมควร เข้าใจคา จากดั ความ เข้าใจหนา้ ท่ีของสิ่งตา่ ง ๆ แยกภาพตามหน้าท่ีได้ เช่น ส่งิ ทใ่ี ช้กนิ นอน หรือส่ิงทอ่ี ยู่ใน บ้าน ในครวั เปรยี บเทยี บภาพเหมือนไมเ่ หมอื นได้ อ่านรูปภาพ จาชอื่ ตัวเองและเพ่อื นได้ เป็นต้น ดังน้ันครูเดก็ เล็กจะต้องใชส้ ่ือประเภทวธิ กี าร สอ่ื ประเภทวัสดุอุปกรณ์มาจัดกจิ กรรมเสริมความ พรอ้ มทางดา้ นภาษาใหเ้ ด็กได้พัฒนาตามเกณฑด์ ังกลา่ วขา้ งต้น ส่อื ท่ีครูควรจดั เพอื่ เสริม พัฒนาการทางภาษา ไดแ้ ก่ หนังสอื ภาพ แผ่นภาพ ภาพประกอบคาคลอ้ งจอง ห่นุ มือ หุ่นนิ้วมอื หนุ่ เชิด หุ่นถงุ กระดาษ เกมเลียนเสยี งสตั ว์ เกมสมั พันธภ์ าพกับคา เกมเรียนร้ดู า้ นการฟัง เกมทาย เรื่อง เกมจับคู่ภาพเหมอื นและแยกภาพตา่ ง ๆ การเลน่ น้วิ มอื ประกอบคาร้องหรือเรอื่ งราว วิธีการ เลน่ บทบาทสมมตุ ิ มมุ บล็อคต่าง ๆ ใหเ้ ล่นเป็นกลุ่มในมมุ บา้ น เทป วทิ ยุ เคร่ืองเสียง 3. สอื่ เพื่อพัฒนาความพร้อมกล้ามเน้ือเลก็ ใหญ่ และประสาทสัมพนั ธ์ ครจู ะตอ้ งศึกษา พฒั นาเก่ียวกับการทรงตวั ความม่นั คงของการใช้กลา้ มเนื้อตามวัย เพอ่ื จะเลือกใชส้ อื่ ได้เหมาะ สอื่ ประเภทวสั ดุอปุ กรณแ์ ละวิธีการทีค่ รสู ามารถเลือกใช้ได้มีดังนี้ ลกู บอล ดนตรี กลอง ฉ่งิ ฉาบ กรบั ตีขณะท่ีใหเ้ ด็กยืนทรงตัว เพอื่ ใหเ้ กิดความวอ่ งไวใน การบังคับกลา้ มเน้ือ ลูกบอล ตุก๊ ตาผา้ ลูกต้มุ ทาด้วยฟางขา้ ว หรอื ผา้ สาหรบั แข่งขวา้ งไกล ๆ รองเทา้ เชอื กผกู รองเท้า กระดมุ ซปิ สาหรับฝกึ การบังคับกล้ามเน้อื มือและฝึกสายตา แผน่ ภาพ รูปภาพ สงิ่ ของ นามาแขวนจดั เรียงกนั ให้เดก็ มองกรอกสายตาตามภาพหรือ ของทว่ี างไว้

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งส่อื การเรยี นรู้คณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหสั วชิ า MED3506 34 ขดี เส้นใตเ้ ติมตามเสน้ คดเค้ียว แผ่นภาพขดี เป็นช่องสาหรบั ใชน้ ว้ิ ลากตามเสน้ ทางที่ครู กาหนด ดนิ เหนยี วให้เด็กใชป้ ้ันเปน็ รูปต่าง ๆ อุปกรณ์วาดภาพ สไี ม้ สีเทียน สีดินสอ สจี ากพชื ฉีกกระดาษปะเปน็ รูปต่าง ๆ ขยากระดาษหนังสือพิมพ์ ร้อยดอกไม้ เล่นตดั เมล็ดพืช เปา่ สดี ้วยหลอดกาแฟ ตอ่ ภาพแบบโยนโบว์ลิ่ง ตวงทราย กรอกน้าใส่ขวด เรียงลกู คิดลงหลกั วาง แผน่ รปู ทรงลงในชอ่ งทกี่ าหนด เดนิ กระดานแผ่นเดยี ว เล่นภาพตัดต่อ เล่นเครอ่ื งเล่นสนาม ยิงปนื ก้านกล้วย ร้อยเชอื กรอบแผน่ ภาพ ฝึกประสาทสัมพนั ธ์ เลน่ เกมจาแนกหมวดหมู่ ส่ือดงั กล่าวน้มี ักจะถกู เลือกมาใชต้ ามความเหมาะสม ซึ่งอาจมีการใช้คร้งั ละชนิดหรือใช้ พรอ้ มกันเกินกว่าหนึ่งชนดิ หรอื ใชต้ ามลาดับก่อนหลังกไ็ ด้

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสร้างสื่อการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหัสวชิ า MED3506 35 บทท่ี 4 การสรา้ งและออกแบบสอื่ การสอน  หลักการสร้างส่อื การสอน  การสร้างสื่อการสอนเพือ่ ใหไ้ ด้ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล  การสร้างสอ่ื การสอนแต่ละประเภท  ความหมายของการออกแบบสือ่ การสอน  หลักการออกแบบสื่อการสอน  ลกั ษณะการออกแบบสื่อการสอนที่ดี  องคป์ ระกอบของการออกแบบส่อื การสอน หลกั การสรา้ งสือ่ การสอน 1.ตอ้ งออกแบบให้ตรงกบั จดุ มุ่งหมายเหมาะสมกับผูเ้ รียน 2.ผลติ โดยคานึงถงึ ประโยชน์ท่จี ะนาไปใช้งาน 3.สามารถนาไปใชไ้ ด้ง่ายวิธีการใชไ้ ม่ยุ่งยากมคี ู่มือประกอบการใช้งาน 4.การสอ่ื บางประเภทไมจ่ าเป็นตอ้ งแสดงรายละเอียดมากนัก 5. คานงึ ถึงความประหยดั ทั้งงบประมาณและเวลาใหเ้ หมาะสม การสรา้ งสอื่ การสอนเพือ่ ใหไ้ ดป้ ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล ต้องอาศัยหลกั การแนวคิดของทฤษฎที างจิตวิทยาดังนี้ 1. สื่อการสอนที่มปี ระสิทธิภาพตอ้ งให้ผ้เู รียนเข้ามามสี ว่ นรว่ ม 2. สือ่ การสอนที่ดีต้องสามารถใหผ้ เู้ รียนทราบผลในการเรยี นไดท้ ันที 3. สื่อการสอนท่ีดตี อ้ งให้ความรู้แกผ่ ู้เรียนเปน็ ข้นั ตอนทีละนอ้ ย ๆ จากงา่ ยไปหายาก 4. สอ่ื การสอนที่ดีต้องเรา้ ความสนใจของผูเ้ รยี นและผู้เรยี นสามารถตอบสนองได้ทนั ที 5. สอ่ื การสอนท่ีดีตอ้ งเหมาะสมกบั วุฒภิ าวะและความสามารถของผเู้ รียน 6. สอ่ื การสอนที่ดตี อ้ งใหผ้ ู้เรียนได้รับประสบการณ์ความสาเร็จของตนเอง

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งสอื่ การเรียนร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดับมธั ยม รหสั วิชา MED3506 36 การสรา้ งสอ่ื การสอนแตล่ ะประเภท 1. การประดษิ ฐ์ตวั อกั ษร 2. บัตรคา 3. การผนกึ ภาพ 4. สมุดลาดบั ภาพ 5. การขยายภาพ 6. แผนภูมิ 7. แผนสถิติ 8. ภาพโปรง่ ใส 9. ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์. -การประดษิ ฐต์ ัวอักษร การผลิตสื่อจะขาดเสียมิไดเ้ ลยคือ การประดิษฐต์ วั อักษร ไม่วา่ จะใชป้ ระกอบในการจัดทาบตั รคา ป้ายนเิ ทศ ปา้ ยโฆษณา การเขียนเพื่อประกอบเปน็ คาบรรยายต่างๆ ถือไดว้ ่าเปน็ เร่ืองพน้ื ฐานท่ี จาเป็นสาหรบั ครูธุรกิจการประดษิ ฐต์ วั อักษรอย่างเหมาะสมจะชว่ ยดึงดูดความสนใจของผู้เรยี น ทง้ั นต้ี วั อักษรท่ปี ระดษิ ฐ์ต้องมีขนาดพอเหมาะกับระยะในการเรียนรู้ ชดั เจน อ่านง่าย หลกั ในการประดษิ ฐต์ ัวอักษร 1. การเลือกแบบ หรอื ลักษณะของตวั อักษรทจี่ ะเขียน หัวเรอ่ื ง หรือใจความสาคัญควรจะมกี าร เน้นรปู แบบ ขนาดท่ีแตกตา่ งจากข้อความธรรมดา 2. ขนาดของตัวอกั ษร ควรสัมพันธก์ ับระยะความห่างจากตัวอกั ษร เชน่ ผอู้ ่านอยู่ ห่าง 4.8 เมตร ตัวอกั ษรควรจะมขี นาด 1.2 เซนตเิ มตร 3. ช่องไฟ ต้องคานึงถึงชอ่ งไฟ เพื่อความสวยงาม ดูเปน็ ระเบียบ อาจใช้การ ประมาณดว้ ยสายตา หรือถือหลักชอ่ งไฟระหวา่ งตัวอักษรเป็น 1 ใน 3 หรือ 2 ใน 3 สว่ นของ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสรา้ งส่ือการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ระดบั มัธยม รหสั วชิ า MED3506 37 ตวั อกั ษร ทงั้ นี้ก่อนทีจ่ ะประดษิ ฐต์ วั อักษร ควรนบั จานวนตัวอักษรเสยี ก่อน จากน้ันก็หาจดุ ศนู ยก์ ลาง แลว้ จึงลงมือร่างแบบ การประดิษฐ์ตวั อกั ษรแบ่งออกเปน็ 2 ชนดิ คือ 1.การประดิษฐ์อักษรดว้ ยมือ เช่น ปากกา ดินสอน ปากกาสปีดบอล พ่กู ัน ชอลก์ ปากกาเมจิ เป็นตน้ 2. การประดิษฐอ์ ักษรดว้ ยเครอ่ื ง เช่น เคร่ืองพิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ ตวั อกั ษรแบบฉลุ ตวั อักษรแบบฝน เป็นต้น วธิ กี ารประดิษฐต์ วั อักษรดว้ ยมือ 1. กาหนดจดุ สองจุดเปน็ ส่วนสงู ของตวั อักษร แล้วใชไ้ มฉ้ ากลากเส้นขนานผา่ นทงั้ 2 จดุ นน้ั 2. ลากเสน้ คู่ขนานกนั ทัง้ ด้านบนและลา่ ง เพ่ือเปน็ ขนาดของหวั ตัวอักษร 3. แบ่งชอ่ งออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกนั 4.ใช้เขยี นตวั อกั ษรเพยี ง 3 สว่ น อีก 1 สว่ น เปน็ ชอ่ งไฟและกาหนดความหนาของอักษรเป็น 1 ใน 3 สว่ นของขนาดตวั อักษร รูปที่ 1 การประดิษฐ์ตวั อักษรด้วยมือ วิธกี ารประดษิ ฐต์ ัวอักษรแบบฉลุ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างสื่อการเรยี นรู้คณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหสั วิชา MED3506 38 1. ร่างแบบตวั อักษรลงบนกระดาษ 2. แลว้ จงึ ตดั โดยใชใ้ บมดี คมๆ เอาตัวอกั ษรออกมา 3. นาตัวอักษรแบบฉลมุ าวางบนกระดาษ หรือแผน่ ปา้ ยทตี่ ้องการ 4. แลว้ ระบายลงในรอ่ งด้วยหมึก, ใชก้ ารพน่ สีผ่านตวั อกั ษรแบบฉลุ รูปท่ี 2 การประดิษฐ์ตวั อกั ษรแบบฉลุ -บัตรคา บัตรคาเปน็ ส่ือวสั ดทุ ่ีทาด้วยกระดาษแข็งให้เปน็ บัตรรปู สเ่ี หลี่ยมท่มี ีขนาดตา่ งๆกัน บัตร คามกั จะเขียนเป็นคาๆ หรือเป็นประโยค โดยอาจจะมรี ปู ประกอบด้วยก็ได้ ตวั อักษรท่ีเขียนบน บัตรควรจะคานึงถงึ สีและความเหมาะสมดว้ ย การสรา้ งบตั รคา 1. ตดั กระดาษแข็งใหเ้ ปน็ บัตรสเี่ หลี่ยมตามขนาดและจานวนที่ต้องการ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสร้างส่อื การเรียนรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหัสวิชา MED3506 39 2. เขียนตัวอักษรที่ต้องการลงบนบัตรตามความเหมาะสมโดยอาจจะมีรูปภาพ ประกอบมาปะบนบัตรคา 3. เมือ่ เขียนเสร็จแล้วควรทง้ิ ไว้ใหแ้ ห้ง การเกบ็ บตั รคา เพื่อความเรยี บร้อย สะดวกในการนาออกมาใชง้ าน ควรเกบ็ เปน็ หมวดหมู่ โดยอาจจะเก็บในกลอ่ งลนิ้ ชัก ตเู้ กบ็ อุปกรณ์ รูปท่ี 3 บัตรคารปู เรขาคณติ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่อื การเรยี นรู้คณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 40 รปู ที่ 4 บตั รคาการคณู และการหารจานวนเตม็ -การผนึกภาพ การผนกึ ภาพคอื การเก็บรกั ษาวสั ดุการสอนทเ่ี ป็นกระดาษทีฉ่ ีกขาดงา่ ย โดยการผนึกเข้า กบั วสั ดทุ ีแ่ ขง็ กว่า เช่น ผา้ กระดาษหนา ซึ่งจะชว่ ยให้ใช้ได้นาน วสั ดทุ ี่จะผนกึ คือ ภาพจากนิตยสาร หนังสอื พิมพ์ ใบปลิว โปสเตอร์ ซ่งึ อาจจะเป็นรปู ภาพพมิ พ์ กระดาษหยาบๆ หรอื เป็นภาพลายวาด หรือพิมพ์ ภาพถ่าย อาจจะเป็นภาพสี หรอื ขาวดา วสั ดุที่ รองผนึกได้ควรเป็นกระดาษแข็ง ซง่ึ มีความแขง็ ปานกลาง มนี า้ หนักเบาและราคาไม่แพง วสั ดอุ ีก อย่างคือ ผ้า ทาใหง้ ่ายต่อการพบั งอ ดงั น้นั การเลือกใชว้ ัสดขุ ้ึนอย่กู ับจุดมงุ่ หมายในการใช้งาน การผนกึ ภาพแบง่ ได้ 2 ประเภทคอื 1. การผนกึ แบบธรรมดา เป็นการผนกึ ดว้ ยกาวยางน้า แป้งเปียก กาวลาเท็กซ์ สต๊ิกเกอร์ใส เป็นตน้ 2. การผนกึ แบบใช้ความร้อนช่วย เชน่ การผนกึ โดยใช้แผ่นเย่ือผนึกแห้ง วิธกี ารผนึกดว้ ยกาวลาเท็กซ์ 1. นากระดานท่ีมขี นาดพอเหมาะกับภาพท่ีต้องการจะผนึก 2. นาภาพที่ต้องการไปแช่น้าใหท้ ั่วทัง้ ภาพประมาณ 10 นาที หรือจนน้าซึมเข้าท่วั ทัง้ ภาพ 3. ทากาวลาเท็กซ์บนกระดาน 4. วางภาพบนกระดานทาให้เรียบ อาจจะใชข้ วดนา้ เกล้ยี งบนภาพให้เรียบ 5. ทากาวบนภาพใหท้ ั่วอีกครงั้ และทง้ิ ไวใ้ ห้แห้ง วิธกี ารใชแ้ ผ่นเยื่อผนึกแหง้

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างสอ่ื การเรียนรู้คณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหสั วิชา MED3506 41 1. วางภาพไว้ระหว่างแผน่ เย่อื ผนึกแหง้ 2. ใช้กระดาษสะอาดปิดด้านบนของรปู ภาพ แล้วสอดรูปภาพและกระดาษรองดังกล่าว เขา้ ไปในเคร่ืองอดั ภาพ ประมาณ 1 นาที ทอี่ ณุ หภูมิความร้อน 225 องศา 3. ไดภ้ าพผนกึ แห้งทีต่ ้องการ รปู ที่ 5 เครอ่ื งผนึกภาพ รูปท่ี 6 การผนกึ ภาพโดยใช้กาวลาเทกซ์

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสรา้ งสื่อการเรียนรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 42 รปู ที่ 7 การผนึกภาพโดยใชส้ ติ๊กเกอร์ใส -สมุดลาดบั ภาพ สมุดลาดบั ภาพ เป็นสมุดรวบรวมภาพเปน็ ชดุ แสดงเรือ่ งใดเรื่องหนึ่งทีม่ ีเนื้อหาตดิ ต่อกัน ตามลาดับ อาจเป็นนิทาน เรื่องสั้นสาหรับเดก็ หรอื เนอ้ื หาทเ่ี ปน็ ลาดบั ข้ันตอน เชน่ วธิ กี ารเข้าสู่ ระบบอนิ เตอร์เน็ต, ขั้นตอนในการเขา้ พบลกู ค้า เป็นต้น สมุดลาดับภาพ อาจใช้การผนึกภาพ หรือเขียนลงบนกระดาษ , ผ้าก็ได้วิธีการใช้รูปภาพ ผนกึ ลงบนกระดาษ หรือผา้ 1. พิจารณาเนื้อหาวา่ จุดไหนเป็นจดุ สาคัญของเรื่อง ควรเสนอเป็นภาพ 2. รวบรวมภาพ แยกหมวดหม่ขู องภาพใหเ้ ขา้ กบั เนอื้ หาที่วางไว้ 3. เขยี นหมายเลขตามลาดบั ภาพ เพ่ือกันภาพสลบั กนั 4.ผนกึ ภาพบนกระดาษ หรือผ้า ถา้ มีคาอธิบายใต้ภาพ ก่อนผนึกควรคานึงถึงเนื้อที่ขา้ งลา่ งของ ภาพไว้สาหรบั คาบรรยาย 5. เขียนคาบรรยายใตภ้ าพด้วยภาษาที่ง่าย กะทดั รดั ไดใ้ จความ 6. ตรวจดูควรเรยี บรอ้ ย และการลาดบั ภาพก่อนเขา้ เล่ม

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสื่อการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 43 รูปที่ 8 สมุดลาดับภาพการเพิ่มของปรมิ าณ รูปท่ี 9 สมุดลาดับภาพคณิตศาสตร์ -การขยายภาพ การขยายภาพจะช่วยทาใหภ้ าพทีต่ ้องการซ่งึ มีขนาดเลก็ ให้ใหญ่ขนึ้ เพ่ือนาไปใชใ้ นการสอน หรือ จดั แสดงไดง้ า่ ยขึ้น การขยายภาพยังทาใหเ้ ห็นส่วนประกอบของภาพได้ชดั เจนยง่ิ ขึ้น การขยายภาพแบง่ เปน็ 2 ประเภทคือ 1. การใช้เคร่ืองมอื ขยายภาพ เชน่ เครื่องฉายภาพขา้ มศีรษะ, เครือ่ งขยายภาพแผน ท,่ี เครือ่ งฉายสไลด์ เปน็ ตน้

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างส่อื การเรียนรู้คณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหสั วชิ า MED3506 44 2. การขยายภาพแบบตาราง วิธกี ารขยายภาพโดยใช้เครื่องฉายขา้ มศีรษะ 1. วางกระดาษวาดเขียนติดกับผนังโดยใชส้ ก๊อตเทป 2. เปิดสวทิ ซเ์ คร่ืองฉาย แล้ววางแผ่นโปร่งใส 3. ปรับขนาดและความคมชดั ของภาพ 4. เมอ่ื ภาพคมชดั ดีแล้ว ลงมือร่างภาพตามต้องการ วธิ ีการขยายภาพโดยวธิ เี ขยี นตาราง 1. ตกี รอบสเี่ หลีย่ มรอบภาพ อาจเป็นรปู สี่เหล่ียมจัตรุ สั หรือส่ีเหลี่ยมผืนผ้ากไ็ ด้ แลว้ แต่ ความเหมาะสมของภาพ 2. แบ่งด้านทุกด้านออกเปน็ สว่ นๆสว่ นละเท่าๆกนั พร้อมทง้ั เขียนหมายเลขกากับ จากนอ้ ยไปหามาก ดา้ นตรงข้ามจะมหี มายเลขตรงกนั ลากเส้นระหว่างจดุ ของด้านตรง จะได้ ตารางออกมา 3. นากระดาษวาดเขียนมาตีกรอบสเ่ี หล่ยี ม ทาเหมือนข้อ 2 แตก่ ารแบ่งส่วนของแต่ ละด้านตอ้ งมีขนาดใหญ่กวา่ เดิม 4. ใช้ดนิ สอวาดภาพบนกระดาษเบาๆ สังเกตเส้นของภาพเดิมว่ามีความสมั พันธก์ บั เส้นตารางอย่างไร หมายเลขทก่ี ากับจุดและเสน้ จะเปน็ เคร่ืองช่วยในการวาดรปู ให้ถกู ตาแหน่ง 5. แต่งเติมเสน้ ใหช้ ดั เจนด้วยหมึก หรือสตี ามความต้องการ

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งสื่อการเรยี นรู้คณติ ศาสตรร์ ะดับมัธยม รหัสวิชา MED3506 45 รูปที่ 10 การขยายอตั ราสว่ นของภาพ -แผนภมู ิ แผนภูมแิ สดงความสมั พนั ธ์ของขอ้ เท็จจริง หรอื แนวความคิดตา่ งๆ เป็นการแสดง เปรียบเทียบ แสดงพัฒนาการของขบวนการ แสดงโครงสร้างขององค์กร ซ่งึ จะทาให้สามารถ เข้าใจได้งา่ ย โดยทาเปน็ แผน่ ภาพซ่งึ ประกอบด้วยรปู ภาพ สัญลักษณ์ต่างๆและตัวหนงั สือ แผนภมู ิมหี ลายประเภทเชน่ แผนภูมิตน้ ไม้ แผนภูมิแบบตอ่ เน่ือง แผนภูมแิ บบเปรียบเทียบ แผนภูมแิ บบองคก์ ร แผนภมู ิอธบิ ายภาพ แผนภมู ิแบบวิวฒั นาการ แผนภมู แิ บบตาราง การผลิตแผนภมู สิ ามารถใช้การวาด หรือใช้เคร่ืองคอมพวิ เตอรใ์ นการสร้างก็ได้ รูปที่ 11 แผนภูมิชนิดตา่ งๆ -แผนสถิติ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสือ่ การเรียนรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดับมัธยม รหสั วชิ า MED3506 46 ใชเ้ สนอขอ้ มูลที่เปน็ จานวนเลขแผนสถิตจิ ะแสดงให้เหน็ ความสมั พนั ธ์ของข้อมลู เช่น แนวโน้ม ความเปลีย่ นแปลง การเปรียบเทยี บ การแสดงข้อมูลในรูปแบบของสถติ จิ ะทาให้ ผูเ้ รยี นสามารถ เข้าใจไดร้ วดเรว็ และนา่ สนใจ แผนสถิตมิ หี ลายประเภท เช่น แผนสถิตแิ บบพ้ืนที่ แผนสถิติแบบแท่ง แผนสถิตแิ บบ รปู ภาพ แผนสถติ ิแบบวงกลมและแผนสถติ แิ บบเสน้ การใชแ้ ผนสถติ ขิ ึน้ อยู่กับความเหมาะสมกับ เนื้อหา ซ่ึงควรศึกษาขอ้ ดี - ข้อเสียเพ่ือเลอื กใชใ้ หถ้ ูกต้อง การผลิตแผนสถติ ิสามารถใช้การวาดภาพ ปะกระดาษสี หรือใช้เครื่องคอมพวิ เตอร์ ชว่ ยสรา้ งก็ได้ รูปที่ 12 แผนสถิตชิ นิดตา่ งๆ -ภาพโปรง่ ใส ภาพโปรง่ ใส เป็นแผนสไลด์ขนาดใหญ่ใช้กับเคร่ืองฉายภาพข้ามศีรษะ สามารถใช้ได้ กับทุกกลุ่มวัย ภาพโปร่งใสสามารถแสดงความคิดรวบยอด ขบวนการ ข้อเท็จจริง หัวข้อได้ ทั้งนี้ ในระดับวัยเด็ก สามารถสร้างแผนโปร่งใสเคลอื่ นไหว เพือ่ ดึงดูดความสนใจได้อีกด้วย 1.การใช้ภาพโปร่งใสในลักษณะปิดบังบางส่วน วิธีนี้เหมาะกับการนาเสนอเร่ืองราว เป็นข้ันตอนตามลาดับโดยแสดงเรื่องราวทีละส่วนและปิดบังส่วนที่ยัง ไม่ต้องการเสนอไว้ ด้วยกระดาษแข็ง ซ่ึงอาจผนึกติดกับกรอบของแผ่นโปร่งใสไว้อย่างถาวร หรือจะนามาปิดบัง เฉพาะในช่วงเวลาที่ใช้ก็ได้ เม่ือต้องการเสนอเร่ืองราวส่วนใดก็เปิดส่วนนั้นตามลาดับ ผู้เรียนก็จะ สามารถเข้าใจเรื่องราวไดอ้ ยา่ งงา่ ยและรวดเร็วไม่เกิดความสับสนการผลิตแผ่นโปร่งใสเคล่ือนไหว

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งส่ือการเรยี นร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 47 2. ทาขอบตดิ แผน่ โปรง่ ใส 3. วาดภาพ หรือข้อความท่ีต้องการลงบนแผ่นโปรง่ ใส 4. ตดั กระดาษแขง็ ให้พอดีกับคาท่ีต้องการจะปิดไว้ แลว้ ตดิ กระดาษแข็งกบั กรอบ ของแผน่ โปรง่ ใสดว้ ยสก๊อตเทปทัง้ น้แี ผน่ โปร่งใสยงั สามารถนาไปผลิตได้อกี หลายรูปแบบ เชน่ สามารถดึงขึน้ ลงได้ หรอื ตัดแผ่นโปรง่ ใสเป็นรปู คนใช้ในการเล่าเรือ่ ง สนทนาก็ได้ รูปท่ี 13 ภาพโปรง่ ใสในลกั ษณะปดิ บังบางส่วน 2. การใช้ภาพโปร่งใสซ้อนกันหลายแผ่น (Overlays) การใช้วิธีนี้ก็เช่นเดียวกับวิธีแรก เพ่ือเสนอเร่ืองราวไปทีละข้ันตอน แตกต่างไปจากวิธีแรกที่ว่าเรื่องราว ในแต่ละแผ่นน้ัน จะสัมพันธ์กันทุกส่วน มิได้เสนอทีละส่วนแต่เสนอทีละแผ่นซ้อนกันเป็นลาดับ ดังนั้น จึงใช้แผ่นโปร่งใสตั้งแต่สองแผ่นข้ึนไปเสนอเรื่องราวท่ีสัมพันธ์และต่อเนื่องกันมาซ้อนกัน ทีละแผ่นเมื่อซ้อนครบทุกแผ่นแล้ว จะได้เร่ืองราวท่ีสมบูรณ์ แผ่นโปร่งใสเหล่านี้ ควรเข้ากรอบเดียวกันโดยให้แผ่นแรกอยู่ล่างสุดผนึกขอบทั้งสี่กับกรอบกระดาษแข็ง ส่วนแผ่นต่อ ๆ ไปผนึกกับกรอบเพียงด้านใดด้านหน่ึง พิจารณาถึงความสะดวกในการใช้ วิธีน้ีไม่ ควรใช้แผ่นโปร่งใส เกินกว่า 3 แผ่น เพราะจะทาให้ภาพท่ีปรากฏบนจอไม่ชัดเจนแจ่มใส 3. การใช้ภาพโปร่งใสชนิดเคลื่อนไหวได้ (Polarized or Motion Transparency)

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่อื การเรียนร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดบั มัธยม รหัสวชิ า MED3506 48 เร่ืองราวบางเร่ืองต้องการแสดงความเคล่ือนไหวเพื่อให้ดูสมจริงสมจัง ซ่ึงอาจเป็นไป ในรูปการไหล การหมุน การส่ัน สะเทือน การเคลื่อนที่เป็นวงจร เป็นต้น ควรใช้ แผ่นภาพโปร่งใสชนิดน้ีนาเสนอเรื่องราวดังกล่าว แต่ภาพโปร่งใสชนิดน้ีต้องอาศัย แถบสีโพลารอยซ์ ( Polarized Material) ห รื อ แ ผ่ น ฟิ ล์ ม ส า เ ร็ จ รู ป (Mobile Adhesive Film) ซึ่งมีลักษณะคล้ายสติกเกอร์ติดลงบนแผ่นโปร่งใส ใ น ส่ ว น ท่ี ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ ดู เ ค ล่ื อ น ไ ห ว แ ล ะ ใ น ก า ร ใ ช้ กั บ เ ค ร่ื อ ง ฉ า ย ภ า พ ข้ า ม ศ รี ษ ะ จ ะ ต้ อ ง ใ ช้ แผ่นหมุนหรือแผ่นตัดแสงซึ่งมีท้ังชนิดมีมอเตอร์ ( Polarized Spinner)แ ล ะ ชนิดใช้มือหมุน (Polarized Disc) โดยนามาใช้ระหว่างภาพโปร่งใสบนแท่นเครื่องฉาย กับเลนส์ฉาย เมื่อแผ่นตัดแสงหมุนจะทาใหภ้ าพทป่ี รากฏบนจดเคลอื่ นไหว ดังภาพด้านล่าง รปู ท่ี 14 ภาพโปร่งใสชนิดเคลอ่ื นไหวได้ 4. การใช้วัสดุอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติโปร่งใส เช่น ใช้ไม้โปรแทรกเตอร์ใส หลอดแก้วที่ใช้ทดลองทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น บางครั้งอาจต้องวางเคลื่อนฉายในลักษณะ แนวนอนและใชก้ ระจกเงาราบเพ่อื สะท้อนแสงให้ภาพปรากฏบนจอ ดังภาพดา้ นล่าง รปู ที่ 15 วสั ดอุ ืน่ ๆ ทมี่ ี คณุ สมบัตโิ ปรง่ ใส

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสร้างสือ่ การเรียนรูค้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 49 -สือ่ อิเล็กทรอนกิ ส์ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกสเ์ ป็นสอื่ ที่มคี วามทันสมัย ในปัจจุบันส่อื อิเล็กทรอนกิ ส์น้ีเป็นนิยม มากข้นึ เพราะสามารถลดข้อบกพรอ่ งต่างๆได้ ไมว่ า่ จะเปน็ ด้านเวลาและสถานท่ี ผู้เรียนยงั สามารถเรียนรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง ใชใ้ นการทบทวน นอกจากน้ียังช่วยลดต้นทนุ ในการซ้ือวสั ดอุ ปุ กรณ์ ในการผลติ สอ่ื อีกทงั้ สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์นย้ี ังสามารถดึงดูดใจผู้เรียนได้เป็นอยา่ งดี การผลิตสอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ 1. กาหนดเรอ่ื งท่ีต้องการจะผลิต ควรจะเป็นเรือ่ งทม่ี ีความถนัด ความเข้าใจ และมี ความน่าสนใจ 2. ศึกษาและรวบรวมขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มูลทห่ี ลากหลายโดยท่ีข้อมลู ควรจะต้องมี ความทันสมัย นอกจากรวบรวมข้อมูลแลว้ ก็ยังตอ้ งมีการกาหนดหัวขอ้ เร่ืองทจ่ี ะจัดทา และต้อง ศึกษากลมุ่ ผ้เู รยี น 3. กาหนดขอบเขตของงานกอ่ นว่าต้องการจะนาเสนอเน้อื หาให้เป็นไปในลักษณะใด ครอบคลุมเนือ้ หามากน้อยเพียงใด 4. กาหนดรปู แบบ วางโครงสร้างของส่ือว่าต้องการให้มสี ่วนประกอบอะไรบา้ ง เช่น ส่วนของเนอ้ื หา แบบทดสอบและเกมการศึกษา เปน็ ตน้ เนน้ ท่ีเนอื้ หาหรือรปู ภาพใหเ้ หมาะสมกับ ผเู้ รยี นและสามารถดึงดูดความสนใจ 5. จัดทาStory board เปน็ การรา่ งโครงสรา้ งของการจัดทาสื่อท้งั หมด กาหนดการ เช่ือมโยงแต่ละหนา้ เขา้ ดว้ ยกัน การทาStory board กอ่ นจะทาใหส้ ะดวกในการผลติ 6. จดั ทาส่ือโดยเลือกโปรแกรมท่มี ีความสามารถในการจัดทาตามเน้อื หาใน Story board ทไี่ ดว้ างโครงสร้างไว้ เพราะแตล่ ะโปรแกรมจะมีขอ้ จากดั ท่ีแตกตา่ งกันออกไป จงึ ควร เลอื กให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของโปรแกรม

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งส่อื การเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ระดับมธั ยม รหสั วชิ า MED3506 50 รปู ท่ี 16 ส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์ เร่อื ง เซต ความหมายของการออกแบบส่ือการสอน คือการวางแผนสร้างสรรค์ส่ือการสอนหรือการปรับปรุงสื่อการสอนเดิมท่ีมีอยู่ให้ดีขึ้น โดยอาศัยหลักการทางศิลปะ การรู้จักเลือกวัสดุและวิธีการทา เพ่ือให้ส่ือการสอนท่ีผลิตออกมามี ความสวยงาม เหมาะสมกับประโยชน์ใชส้ อยและเหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอน การจดั ทาใหน้ า่ สนใจ น่าตดิ ตาม เปน็ ส่งิ สาคญั อยา่ งหนึง่ ที่ผผู้ ลิตจะตอ้ งออกแบบและอาศัยความรู้ ความชานาญด้านศิลปะเข้ามาช่วยในการจัดทาให้หัวข้อย่อยหรือโครงสร้างข้อมูลที่กาหนดไว้น้ัน เป็นรูปเป็นร่าง มีรูปแบบที่สวยงาม สามารถส่ือความหมายได้เหมาะสมกับเน้ือหา รวมทั้งการ ประดิษฐ์คิดค้นเทคนิคต่าง ๆ ท่ีทาให้สื่อท่ีผลิตน้ัน .สะดวกต่อการใช้ ง่ายต่อการเข้าใจ จะทาให้ ส่อื ทผี่ ลติ นนั้ มีคุณค่า และมปี ระสิทธภิ าพในการเรียนการสอนเปน็ อย่างดี การออกแบบส่อื องคป์ ระกอบทีส่ าคญั ในการเรียนการสอนคือส่ิงท่ีครูมักนาไปประกอบการเรียนการสอน นนั่ กค็ ือ สอื่ การสอนนนั่ เอง ส่อื การสอนนบั วา่ มีประโยชน์มากเพราะส่ือการสอนเปรียบเป็นกุญแจ สาคัญท่ีจะช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าใจในเน้ือหาและได้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งข้ึนมากกว่าที่ ครผู ้สู อนจะสอนโดยการมาบรรยายหรอื สอนตามเนอ้ื หา โดยไมม่ อี ปุ กรณช์ ่วยสอนเลย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook