Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Endocrinology-62

Endocrinology-62

Published by nayikasntrn, 2019-10-25 03:34:37

Description: ครูนายิกา สันทารุนัย
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี

Search

Read the Text Version

51

ความผดิ ปกติ ► ถ้ามฮี อร์โมนนนี้ อ้ ยเกินไปจะทา่ ใหร้ ะดับแคลเซียมในเลือดตา่ -การดูดซมึ แคลเซยี มกลับทีไตลดน้อยลง -มีอาการชาตามมือเทา้ กล้ามเนื้อหดรัดตวั เกรง็ เป็นตะคริวทีมอื และเทา้ -มอี าการชกั กระตกุ (tetany) บริเวณหน้า ปอดไมท่ า่ งาน และเสียชีวติ ได้ ► สามารถทดสอบการขาดแคลเซียมได้ -โดยการใชเ้ คร่ืองวดั ความดนั รดั แขน จนเกินความดนั ซีส เตอ ลิก เพื่อบีบเสน้ เลือดใหต้ ีบ กลา้ มเน้ ือจะขาดแคลเซียมไปเล้ ียง เกดิ อาการกลา้ มเน้ ือเกร็ง มอื กระตุกงอ ภายใน 3 นาที เรียกอาการน้ ีวา่ อาการของทรูโซ (Trousseau's sign)

► ถา้ มีพาราเทอรโ์ มนมากเกินไป จะท่าให้ระดบั แคลเซยี มในเลือดสงู ระดบั ฟอสเฟตต่า จะ ท่าให้เกดิ นิวทไี ต กระดกู เปราะบางได้เนอื งจากมีการสลายของแคลเซยี ม ทีกระดูกมาก กระดูกปกติ กระดูกพรุน

ฮอร์โมนทผ่ี ลติ จากตบั อ่อน (pancrease) ►เป็ นฮอร์โมนประเภทโปรตนี ฮอร์โมน ผลติ ทเ่ี นื้อเย่ือส่วน islets of langerhans ของตบั อ่อน - alpha cells ผลติ ฮอร์โมนกลคู ากอน (glucagon) - beta cells ซ่ึงเป็ นเซลล์ท่ีพบมากที่สุดทาหน้าทผี่ ลติ ฮอร์โมนอนิ ซูลนิ (Insulin) - delta cells ผลติ ฮอร์โมนโซมาโตสแตตนิ (somatostatin)

55

56



Insulin ►สร้างจากกลุ่มเบตาเซลล์ (- cell) ซงึ อยบู่ รเิ วณส่วนกลางของ Islet of Langerhans ► ท่าหน้าทีลดระดับกลโู คสในกระแสเลือดทสี งู เกินกว่าปกติ ► โดยนา่ ไปเกบ็ สะสมไว้ในรูปไกลโคเจนทตี ับและกลา้ มเนอื้ ► ซึงถา้ หากกลโู คสมีมากเกนิ ทีจะเกบ็ ในรูปไกลโคเจนก็จะนา่ ไปสังเคราะหเ์ ปน็ ไขมนั และเก็บทีเน้ือเยือไขมนั (adipose tissue) ► และยบั ย้งั การสลายตัวของไกลโคเจน

Glucagon ►เป็นโปรตนี ฮอรโ์ มน สรา้ งจากแอลฟาเซลล์ (-cell) ►-cell เปน็ เซลลท์ มี ขี นาดใหญแ่ ละมจี า่ นวนนอ้ ยกว่าเบตาเซลล์ ►ท่าหน้าทเี พิมระดับของนา่้ ตาลในเลอื ด ►กระตนุ้ การสลายตัวของไกลโคเจนทีตับและกลา้ มเนือ้ ►หรือกระต้นุ ใหเ้ กิดขบวนการสรา้ งกลโู คสจากสารอืน (gluconeogenesis) ทเี ซลล์ตับ

การควบคุมระดบั กลูโคสในกระแสเลือด

61

62

►เป็น growth inhibiting hormone ►ทา่ หน้าทีเกียวกับการยับย้ังหลังของฮอร์โมน GH

ฮอร์โมนทผ่ี ลติ จากต่อมหมวกไต (adrenal glands) ►ต่อมหมวกไตแบ่งบอกเป็น 2 สว่ น  ต่อมหมวกไตช้นั นอก (adrenal cortex)  ต่อมหมวกไตช้ันใน (adrenal medulla)



ต่อมหมวกไตช้ันนอก (adrenal cortex) ► มตี ้นกาเนิดมาจากเนื้อเย่ือช้ัน mesoderm ถูกควบคุมโดย ACTH แบ่งเป็ น 3 ช้ันคือ 1. zona glomerulosa สังเคราะห์ฮอร์โมนกลุ่ม mineralocorticoid คือ  อัลโดสเตอโรน (aldosterone) เป็ นสเตอรอยด์ฮอร์โมนทาหน้าที่ควบคุมการ ดูดกลบั ของ Na+ ท่ีหลอดไต  การหลั่งฮอร์โมน aldosterone เกิดจากสภาวะท่ีเลือดมคี วามดนั ต่าเน่ืองจากการ ขาดนา้ หรือการมี Na+ ลดลงในเลือด

2. zona fasciculata สังเคราะห์ฮอร์โมนกล่มุ กลูโคอร์ตคิ อยด์ คือ  คอร์ติซอล (cortisol) มหี น้าท่ีลดการใช้กลูโคสภายในเซลล์  กระตุ้นการสลายไขมัน และเพม่ิ การสลายตัวของโปรตีนในเซลล์ เพื่อทาให้ ร่างกายเตรียมพร้อมต่อการปรับตัวเม่ือเกดิ สภาวะเครียด  นอกจากนีย้ ังมผี ลทางการรักษาสมดุลเกลือแร่ด้วย 3. zona reticularis สร้างพวกฮอร์โมนเพศ  ส่วนใหญ่เป็ นฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ฮอร์โมนเพศหญงิ มีน้อยมาก (Estrogen)  แต่ฮอร์โมนท่ีสร้างได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับที่สร้างจากรังไข่หรืออณั ฑะ

68

Cushing’s syndrom เกิดจากมี H. glucocorticoid มากเกนิ ไป

ลกั ษณะอาการของโรคแอดดสิ ัน (Addison’s disease)

ต่อมหมวกไตช้ันใน (adrenal medulla) ►การทางานของต่อมหมวกไตช้ันในมคี วามสัมพนั ธ์กบั ระบบประสาท อตั โนมัติ (sympathetic) ►การหลง่ั ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนีจ้ ะอย่ภู ายใต้การควบคุมของไฮโพ ทาลามสั ►ต่อมหมวกไตช้ันในสร้างฮอร์โมนกลุ่มทเี่ รียกว่า cathecholamine คือ Epinephrine (adrenaline) ~ 80 % และ Norepinephrine (noradrenaline)



อะดรีนาลนิ (Adrenalin hormone) ►หรือ อพิ เิ นฟริน (Epinephrine hormone) ►มีหน้าทีก่ ระตุ้นให้ไกลโคเจนในตับสลายตวั เป็ นกลูโคส ทาให้ระดับกลโู คส ในเลือดเพม่ิ สูงขนึ้ ►กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขนึ้ ความดันเลือดสูงขนึ้ ทาให้เมทาบอลซิ ึมเพม่ิ ขนึ้ มาก ►ซึ่งเป็ นฮอร์โมนที่หลง่ั ออกมาเมื่อร่างกายอย่ใู นสภาวะฉุกเฉิน

นอร์อะดรีนาลนิ (Noradrenalin hormone) ► หรือนอร์อพเิ นฟรินฮอร์โมน (Norepinephrin hormone) ► ทาให้ความดนั เลือดสูงขนึ้ ► ทาให้หลอดเลือดทีไ่ ปเลยี้ งอวยั วะต่างๆ บีบตัว

หนา้ ที่ของ Adrenalin และ nor Adrenalin ►กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขนึ้ ทาให้ Adrenalin nor Adrenalin ความดนั เลือดสูง เส้นเลือดแดงบบี ตวั ►การหลงั่ ฮอร์โมนนีเ้ กดิ จากการ เส้นเลอื ดแดง หล่งั ออกมาเพียง กระตุ้นของกระแสประสาทซิม ขยายตัว จานวนน้อย พาเทติก) กระตุ้นการใช้ - จากไฮโพทาลามสั ออกซเิ จน กระตุ้นตับให้สลาย เป็ นไกลโคเจน

ฮอร์โมนจากอวยั วะเพศชาย (Testes) ►อณั ฑะมกี ล่มุ เซลล์ทที่ าหน้าทใี่ นการสร้างฮอร์โมนคือ interstitial cell ซ่ึง อยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิ (seminiferous tubule) ►โดยเมื่อถูกกระตุ้นโดย LH จะสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen) ทีส่ าคญั ทส่ี ุดคือ เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ►Testosterone จะหลงั่ ออกมามากในช่วงการพฒั นาของตวั อ่อน และจะ ลดลงเหลือน้อยมากในช่วงวยั เดก็ แต่จะเพมิ่ ขนึ้ สูงมากในช่วงวยั หนุ่มสาว ►ทาหน้าทคี่ วบคุมการเจริญเตบิ โตของอวัยวะสืบพนั ธ์ุ และควบคุมลกั ษณะ ความเป็ นเพศชาย กระตุ้นการสร้าง sperm

77

รังไข่ (Ovary)

Estrogens ►เป็ นฮอร์โมนประเภทสเตยี รอยด์ ►ซ่ึงพบว่า ในระหว่างการพฒั นาของ follicles เซลล์ที่อย่ใู น graafian follicles คือ granulose cells และ theca cells ►ฮอร์โมนทีส่ ร้างคือ estrogens ได้แก่ -estradiol, estriol และ estrone ซ่ึง -estradiol มีฤทธ์ิแรงท่สี ุดในกล่มุ ►ฮอร์โมน estrogens มผี ลต่อการพฒั นาของเพศเมยี และกระตุ้นการพฒั นา ของต่อมนา้ นม ►estrogens จะสูงมากในช่วงวยั สาวหรือช่วงเป็ นสัด (heat)

Progesterone ► เป็นฮอร์โมนประเภทสเตียรอยด์ ผลิตโดย คอรป์ สั ลเู ทียม (corpus luteum)  กระตนุ้ การคัดหลังของสารทผี นงั มดลูก (endometrium) เพอื เตรยี มพรอ้ มใน การฝังตัวของไข่  กระตุ้นการเจรญิ ของต่อมนา่้ นม  รักษาสภาพการตัง้ ท้อง

81

►Relaxin เป็ นโปรตนี ฮอร์โมนสร้างมาจากรังไข่ขณะที่ต้ังท้อง มหี น้าที่ กระตุ้นการคลายตวั ของเอน็ ทย่ี ดึ กระดูกเชิงกราน เพื่อให้คลอดลกู ได้ง่ายขนึ้ ►PGF2 เป็ นอนุพนั ธ์ของกรดไขมัน สามารถสร้างได้จาก granular cell หลายแห่ง มหี น้าทท่ี าให้ follicle แตกปริในช่วงตกไข่ และเกย่ี วข้องกบั การ สลายตวั ของ corpus luteum (luteolysis)

ฮอร์โมนจากรก (placental hormone) ►รกของสัตว์สามารถสร้างฮอร์โมนได้หลายชนิดเช่น  Pregnant Mare Serum Gonadotropin (PMSG)  Human Chorionic Gonadotropin (HCG)

Pregnant Mare Serum Gonadotropin (PMSG) ►เป็ นไกลโคโปรตนี โดยฮอร์โมนนีถ้ ือว่าเป็ น placental gonadotropin ►โดยธรรมชาติแล้วฮอร์โมนนีจ้ ะทาหน้าทีก่ ระตุ้นการพฒั นาของ follicles โดยมีฤทธ์ิหลกั คล้ายกบั FSH ►พบในเลือดแต่ไม่พบในปัสสาวะ ใช้ในการกระตุ้นการตกไข่

Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ► มบี ทบาทคลา้ ย progesterone ► พบท้ังในเลือดและปัสสาวะ ► ตรวจพบไดน้ บั จากวันที 8 หลังจากการผสมตดิ

ฮอร์โมนจากต่อมไทมสั (Thymus gland) ►ต่อมไทมัส มลี กั ษณะเป็ นพู 2 พู อยู่บริเวณทรวงอกรอบหลอดเลือดใหญ่ ของหัวใจ (บริเวณข้วั หัวใจ) ►ต่อมนีจ้ ะเจริญต้งั แต่อยู่ในครรภ์มารดาและเม่ือมอี ายุมากขนึ้ จะมีขนาดเลก็ ลงและฝ่ อไปเร่ือย ๆ ►ต่อมนีส้ ร้างฮอร์โมนไทโมซิน (Thymosin) ►ฮอร่โมนไทโมซิน มีหน้าท่ีกระตุ้นให้เนื้อเย่ือต่อมไทมัสสร้างลมิ โฟไซต์ชนิด เซลล์ที (T-lymphocyte) หรือเซลล์ท(ี T-cell)

ฮอร์โมนจากระบบทางเดนิ อาหาร ►แกสตริน (Gastrin) ►ซีครีตนิ (Secretin) ►โคเลซีสโตไคนิน (Cholecystokinin;CCK) หรือ แพนคลี โอไซมนิ (pancreozymin) ►เอนเทอโรแกสโตรน (Enterogastron)

แกสตริน (Gastrin) ►สร้างจากเนื้อเย่ือช้ันในของกระเพาะอาหาร ►มีหน้าทีก่ ระตุ้นให้ parietal cell หลงั่ กรดไฮโดรคลอริก ► มีหน้าท่กี ระตุ้นให้ chief cell หลงั่ เอนไซม์ pepsinogen

ซีครีตริน (Secretin) ►สร้างมาจากเนื้อเยื่อช้ันในของลาไส้เลก็ บริเวณดูโอดีนัม ►ทาหน้าที่กระตุ้นให้ตบั อ่อนหลงั่ สาร ไบคาร์บอเนต ►สนับสนุนการทางานของเอนไซม์ CCK

โคเลซีสโตไคนิน (Cholecystokinin;CCK) ► สร้ างมาจากลาไส้ เลก็ ►มหี น้าท่กี ระตุ้นการสร้างและหลงั่ นา้ ย่อยจากตบั อ่อน ►และกระตุ้นการหดตวั ของถุงนา้ ดี

เอนเทอโรแกสโตรน (Enterogastron) ► สร้ างมาจากลาไส้ เลก็ ►ทาหน้าทล่ี ดการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ►ทาให้อาหารผ่านลาไส้เลก็ ช้าลง โดยเฉพาะอาหารพวกไขมนั ►ยงั ยบั ย้งั การขบั น้าย่อยของกระเพาะอาหาร

การทางานของฮอร์โมนในระบบทางเดนิ อาหาร

93

ฟี โรโมน(Pheromone หมายถึง สารเคมที สี่ ร้างจากต่อมมที ่อ เม่ือส่งออกภาย นอกร่างกายแล้วสามารถทจ่ี ะไปมผี ลต่อสัตว์อื่นทเี่ ป็ นชนิดเดยี วกนั ทาให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงทางพฤตกิ รรมและสรีระเฉพาะอย่างได้

ฟี โรโมนแบ่งเป็ น 3 พวก คือ 1.Releaser Pheromone เป็ นฟี โรโมนท่มี ีผลโดยตรงต่อระบบประสาส่วนกลาง ทาให้พฤตกิ รรมต่างๆเปล่ียนไปเช่น - สารท่มี ีผลดงึ ดดู เพศตรงข้าม (Sex Attractant) - สารท่ใี ช้เตอื นภยั (Alarm Substance ) - ฟี โรโมนนาทาง ( Trail Pheromone ) ในผีเสือ้ กลางคืนบางชนิดพบว่า ตวั เมียสามารถหล่งั สาร ดงึ ดดู เพศตรงข้ามจากต่อมบริเวณท้องและถ้านาสารนีไ้ ปป้ายท่วี ตั ถุ ใดๆ ตวั ผู้จะสามารถเวยี นรอบวตั ถนุ ี้ และแสดงท่าต้องการผสมพนั ธ์ุ





2. Primer Pheromone มผี ลต่อสรีระภายใน ทาให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงทางสรีระของร่างกาย เช่น - ฟี โรโมนราชินีผงึ้ ( Queen Substance ) ทาให้ผงึ้ เป็ นหมนั - Bruce's Effect โดยหนูตัวเมยี แท้งลกู ถ้าได้รับฟี โรโมนของหนูตวั ผู้

3. Imprinting Pheromone -มผี ลต่อการฝังใจในช่วงวกิ รฤต เช่น แมลงสาบระยะตวั อ่อนได้รับ ฟี โรโมนจากตวั เตม็ วยั -ตวั ผู้ทาให้เกดิ การเจริญเตบิ โตและจาเพาะต่อสัตว์ Species เดยี วกนั ในการผสมพนั ธ์ุ

การรับฟี โรโมนเขา้ สู่ร่างกาย เกิดได้ 3 ทางคือ ► 1. ทางกลิ่น พบในแมลงหลายชนิด เช่น ฟี โรโมนดึงดูดเพศตรงขา้ มให้ มาหา หรือเตือนภยั ใหร้ ู้อนั ตราย ในสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยน้านม เช่น ชะมดมี กลิ่นตวั แรงสร้างมาจากต่อมใกลๆ้ อวยั วะสืบพนั ธุ ► 2. การกิน พบในผ้ึง เช่น ผ้ึงงานกิน queen substance จาก ผ้ึงราชินี ทาใหผ้ ้งึ งานเป็นหมนั เพราะสารน้ีจะไปยบั ย้งั การเจริญเติบโต ของรังไข่ และการสร้างไข่ ► 3. การดูดซึม พบในสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั เช่น แมงมมุ บาง ชนิด แมลงสาบ และตก๊ั แตน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook