Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานสถานการณ์ 63 ฉบับรวมเล่มสมบูรณ์สีพร้อมดาวน์โหลด

รายงานสถานการณ์ 63 ฉบับรวมเล่มสมบูรณ์สีพร้อมดาวน์โหลด

Published by สสว.2 ชลบุรี, 2020-09-17 04:22:18

Description: รายงานสถานการณ์ 63 ฉบับรวมเล่มสมบูรณ์สีพร้อมดาวน์โหลด

Search

Read the Text Version

รายงานสถานการณท์ างสงั คมกล่มุ จังหวดั ภาคตะวันออก

– ผลติ โดย : สำนกั งานส่งเสรมิ และสนบั สนนุ วิชาการ 2 จงั หวดั ชลบรุ ี (สสว.2) Facebook : สสว.2 สำนักงานปลดั กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เลขที่ 172/9 ม.4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150 โทร.0-3824-0938-9 แฟกซ์. 038-241-821 อเี มล์ : [email protected] เวบ็ ไซต์ : hรtาtยpง:า/น/สtpถsาoน-ก2า.รmณ-sท์ oาcงiสeังtคy.มgกoล.tุ่มhจ/งั หวัดภาคตะวนั ออก ไฟล์ขอ้ มลู เล่มรายงาน

ก คำนำ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมัน่ คงของมนุษย์ ได้มอบหมายให้สำนักงาน ส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1-11 (สสว. 1-11) ดำเนินการโครงการจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคม ในระดับกลุ่มจังหวัด เพื่อการศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์และสภาพแวดล้อม เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของ สถานการณ์ทางสังคมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะ แก่กลุ่มเป้าหมาย อาทิ หน่วยงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้อง องค์กร ภาคประชาชน และประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ สสว. 1-11 เพื่อให้หน่วยงานและภาคีเครือข่าย มีข้อมูล ประกอบการดำเนินงาน และการจัดทำแผนงานที่ทันต่อเหตุการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำนักงานส่งเสริม และสนับสนุนวิชาการ 2 (สสว. 2) จึงจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคมระดับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เขตพื้นที่รับผิดชอบ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว ซึ่งรายงานฉบับน้ีประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ บทนำ ข้อมูลพื้นฐานทางสังคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัด สถานการณ์ เชิงกลุ่มเป้าหมายหรือเชิงประเด็นสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก บทสรุปและข้อเสนอแนะ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานสถานการณ์ทางสังคมระดับกลุ่มจังหวัด ประจำปี 2563 ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อหน่วยงานและผู้สนใจทั่วไป ในการนำข้อมูลไปประกอบการวิเคราะห์และเฝ้าระวังสถานการณ์ทางสังคม เพอื่ ป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาทางสงั คมทเ่ี กดิ ข้นึ ต่อไป สำนักงานสง่ เสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 กันยายน 2563 รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวันออก

ข หนา้ สารบญั ก ข ก ค ง คำนำ จ สารบญั 1 สารบญั ตาราง 1 สารบัญแผนภูมิ 2 บทสรปุ ผู้บริหาร 3 ส่วนที่ 1 บทนำ 3 5 1.1 หลักการและเหตุผล 6 1.2 วัตถปุ ระสงค์ 7 ส่วนท่ี 2 ขอ้ มลู พน้ื ฐานของกลุม่ จงั หวัด 8 2.1 ท่ีตงั้ และอาณาเขต 12 2.2 ขอ้ มูลการปกครอง 14 2.3 ข้อมลู ประชากร 20 2.4 ดา้ นการศึกษา 21 2.5 ด้านศาสนา วฒั นธรรม และชาติพันธ์ุ 21 2.6 ดา้ นสาธารณสขุ 21 2.7 ด้านเศรษฐกิจและรายได้ 22 2.8 ข้อมลู ภาคีเครือข่าย 23 สว่ นที่ 3 ข้อมลู สถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวดั 24 3.1 สถานการณ์ทางสังคมเชงิ กลุ่มเปา้ หมาย 25 26 3.1.1 กลมุ่ เดก็ 27 3.1.2 กลุ่มเยาวชน 29 3.1.3 กลมุ่ สตรี 49 3.1.4 กล่มุ ครอบครัว 66 3.1.5 กลุม่ ผ้สู ูงอายุ 75 3.1.6 กลุ่มผูพ้ ิการ 79 3.1.7 กลุ่มผูด้ อ้ ยโอกาส 3.2 สถานการณ์ทางสงั คมเชงิ ประเด็น (การจ้างงานคนพิการ คามมาตรา 33,35 ) 3.3 สถานการณ์ทางสังคมทีเ่ กิดจากสถาณการณ์การแพรเ่ ชอ้ื ไวรัสโควิด-19 ส่วนท่ี 4 การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณท์ างสงั คมกลมุ่ จังหวดั ส่วนท่ี 5 บทสรุปและข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวันออก

สารบัญตาราง คข ข ตารางท่ี 1 พนื้ ท่ี 7 จังหวัดภาคตะวนั ออก หนา้ ตารางที่ 2 จำนวนเขตการปกครองรายจังหวดั ของ 7 จังหวัดภาคตะวันออก ตารางท่ี 3 จำนวนประชากรจำแนกตามเพศ รายจังหวัดพืน้ ทีภ่ าคตะวนั ออก 3 ตารางที่ 4 จำนวนประชากรแยกตามชว่ งอายุ จำแนกตามเพศ 5 ตารางท่ี 5 สถานศกึ ษาในระบบ นอกระบบ จำแนกรายสังกัด รายจังหวดั ปกี ารศึกษา 2562 6 ตารางที่ 6 จำนวนหนว่ ยบรกิ ารสาธารณสุข ภาครฐั และภาคเอกชนภาคตะวันออก 7 ตารางท่ี 7 จำนวนประชากรต่อแพทย์รายจังหวดั ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวนั ออก 7 ตารางท่ี 8 การขยายตัวของผลติ ภัณฑม์ วลรวม 7 จงั หวัดรายจงั หวดั พ้นื ทภ่ี าคตะวันออก 12 ตารางที่ 9 ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมจงั หวัดต่อหัว (GPP per capita) ปี 2561 13 ตารางที่ 10 รายได้โดยเฉลี่ยต่อเดอื นตอ่ ครวั เรือนของกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก พ.ศ.2552-2560 14 ตารางท่ี 11 หนี้สินเฉลยี่ ต่อครวั เรือน จำแนกตามวตั ถปุ ระสงค์ของการกยู้ ืม ภาคตะวนั ออก พ.ศ. 2552 – 2560 14 ตารางที่ 12 จำนวนองคก์ รภาคเี ครอื ขา่ ย และจำนวนภาคีเครือขา่ ยอาสาสมัคร 15 ตารางที่ 13 จำนวนเด็ก จำแนกตามจังหวัดรายปี (หน่วย:คน) 16 ตารางท่ี 14 จำนวนเยาวชนจำแนกตามจังหวัดรายปี (หนว่ ย : คน) 17 ตารางที่ 15 จำนวนสตรีจำแนกตามจงั หวัดรายปี (หนว่ ย : คน) 21 ตารางท่ี 16 จำนวนการจดทะเบียนสมรสจำแนกตามจังหวัดรายปี (หนว่ ย : ค)ู่ 22 ตารางท่ี 17 จำนวนผู้สงู อายจุ ำแนกตามจังหวัดรายปี (หนว่ ย : คน) 23 ตารางที่ 18 จำนวนคนพกิ ารทีม่ ีบัตรประจำตัวคนพิการจำแนกตามจงั หวดั (หนว่ ย: คน) 24 ตารางที่ 19 จำนวนคนยากจน จำแนกตามรายจงั หวดั รายปี (หนว่ ย: พนั คน) 25 ตารางที่ 20 ประเภทความพกิ ารท่ีได้รับจา้ งงาน มาตรา 33 จังหวัดชลบุรี 26 ตารางที่ 21 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ ับจา้ งงาน มาตรา 33 จังหวดั ระยอง 28 ตารางท่ี 22 ประเภทความพิการท่ไี ดร้ ับจา้ งงาน มาตรา 33 จังหวัดจันทบุรี 31 ตารางที่ 23 ประเภทความพิการท่ไี ดร้ บั จ้างงาน มาตรา 33 จังหวดั ตราด 32 ตารางท่ี 24 ประเภทความพกิ ารท่ีไดร้ บั จ้างงาน มาตรา 33 จังหวดั ฉะเชงิ เทรา 33 ตารางที่ 25 ประเภทความพิการท่ไี ด้รับจ้างงาน มาตรา 33 จงั หวัดปราจนี บรุ ี 34 ตารางท่ี 26 ประเภทความพิการทีไ่ ดร้ ับจา้ งงาน มาตรา 33 จังหวดั สระแกว้ 35 ตารางที่ 27 ประเภทความพิการทีไ่ ด้รับจา้ งงาน มาตรา 35 จังหวดั ชลบุรี 36 ตารางที่ 28 ประเภทความพิการทีไ่ ด้รับจ้างงาน มาตรา 35 จงั หวัดระยอง 37 ตารางที่ 29 ประเภทความพิการทีไ่ ดร้ ับจา้ งงาน มาตรา 35 จงั หวัดจนั ทบุรี 38 39 40 รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก

ค - ตอ่ – หนา้ ตารางท่ี 30 ประเภทความพกิ ารที่ไดร้ ับจ้างงาน มาตรา 35 จงั หวัดตราด 41 ตารางที่ 31 ประเภทความพิการที่ได้รับจ้างงาน มาตรา 35 จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา 42 ตารางที่ 32 ประเภทความพกิ ารทีไ่ ดร้ ับจา้ งงาน มาตรา 35 จงั หวดั ปราจีนบุรี 43 ตารางท่ี 33 ประเภทความพกิ ารทีไ่ ด้รับจ้างงาน มาตรา 35 จงั หวดั สระแก้ว 44 ตารางท่ี 34 การจา้ งงานคนพิการตาม มาตรา 33 และ มาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.สง่ เสริมและ 46 พัฒนาคุณภาพชวี ิตคนพิการ พ.ศ.2550 ในพ้ืนที่ภาคตะวนั ออก 50 ตารางท่ี 35 ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดชลบุรี 51 ตารางที่ 36 จำนวนผตู้ อ้ งการความช่วยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดชลบุรี 52 ตารางที่ 37 ผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดระยอง 53 ตารางท่ี 38 จำนวนผู้ต้องการความชว่ ยเหลือ จากสถานการณ์ COVID-19 จังหวัดระยอง 54 ตารางที่ 39 ผทู้ ี่ไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดจันทบุรี 55 ตารางที่ 40 จำนวนผู้ต้องการความช่วยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จังหวดั จนั ทบุรี 56 ตารางที่ 41 ผู้ที่ไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จังหวัดตราด 57 ตารางท่ี 42 จำนวนผตู้ ้องการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดตราด 58 ตารางที่ 43 ผู้ท่ีได้รบั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จังหวดั ฉะเชิงเทรา 59 ตารางท่ี 44 จำนวนผตู้ ้องการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จังหวดั ฉะเชิงเทรา 60 ตารางที่ 45 ผ้ทู ี่ไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จังหวดั ปราจนี บรุ ี 61 ตารางที่ 46 จำนวนผตู้ อ้ งการความช่วยเหลือ จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวดั ปราจนี บรุ ี 62 ตารางที่ 47 ผทู้ ่ีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดสระแกว้ 63 ตารางที่ 48 จำนวนผตู้ ้องการความช่วยเหลือ จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวดั สระแก้ว 66 ตารางที่ 49 การคาดการณ์แนวโนม้ สถานการณจ์ ำนวนเด็ก จำแนกตามจังหวัดรายปี (หน่วย:คน) 67 ตารางท่ี 50 การคาดการณแ์ นวโนม้ สถานการณจ์ ำนวนเยาวชน จำแนกตามจังหวัดรายปี (หนว่ ย:คน) 68 ตารางท่ี 51 การคาดการณแ์ นวโนม้ สถานการณจ์ ำนวนสตรี จำแนกตามจงั หวัดรายปี (หนว่ ย:คน) 69 ตารางท่ี 52 การคาดการณ์แนวโนม้ สถานการณ์จำนวนการจดทะเบียนสมรส จำแนกตามจังหวดั รายปี (หนว่ ย:ค่)ู 70 ตารางท่ี 53 การคาดการณแ์ นวโน้มสถานการณจ์ ำนวนผู้สงู อายุ จำแนกตามจงั หวดั รายปี (หนว่ ย:คน) 71 ตารางท่ี 54 การคาดการณแ์ นวโน้มสถานการณ์จำนวนคนพกิ าร จำแนกตามจังหวดั รายปี (หน่วย:คน) 72 ตารางที่ 55 การคาดการณ์แนวโนม้ สถานการณ์จำนวนคนยากจน จำแนกตามจังหวดั รายปี (หนว่ ย:พนั คน) รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก

สารบัญแผนภมู ิ ง แผนภูมทิ ี่ 1 สดั ส่วนประชากรหญงิ – ชาย หนา้ แผนภมู ทิ ี่ 2 สถานศึกษาในระบบ นอกระบบ จำแนกรายสังกดั รายจงั หวัด ปีการศึกษา 2561 6 แผนภูมิท่ี 3 รายได้โดยเฉลยี่ ต่อเดือนตอ่ ครัวเรือนของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พ.ศ.2552 –2560 8 แผนภมู ทิ ี่ 4 หน้ีสนิ้ เฉลี่ยต่อครวั เรือนจำแนกวัตถปุ ระสงค์ของการกยู้ ืม ปี พ.ศ. 2560 15 แผนภูมิท่ี 5.1 จำนวนองค์กรภาคเี ครอื ขา่ ย และแผนภูมทิ ่ี 5.2 จำนวนภาคีเครือข่ายอาสาสมัคร ปี 2563 19 แผนภมู ทิ ่ี 6 แนวโนม้ จำนวนเด็ก จำแนกตามรายจงั หวัด 20 แผนภูมทิ ี่ 7 แนวโน้มจำนวนเยาวชน จำแนกตามรายจงั หวัด 22 แผนภมู ิท่ี 8 แนวโน้มจำนวนสตรี จำแนกตามรายจังหวดั 23 แผนภูมิท่ี 9 แนวโนม้ จำนวนครอบครัว จำแนกตามรายจังหวัด 24 แผนภูมทิ ี่ 10 แนวโน้มผสู้ งู อายุ จำแนกตามรายจังหวดั 25 แผนภูมทิ ี่ 11 แนวโน้มจำนวนคนพิการท่ีมีบตั รประจำตัวคนพกิ าร จำแนกตามรายจังหวดั 26 แผนภมู ิท่ี 12 แนวโน้มจำนวนคนยากจน จำแนกตามรายจังหวดั 27 แผนภูมิท่ี 13 ประเภทความพิการที่ไดร้ ับการจ้างงานตามมาตรา 33 จังหวดั ชลบรุ ี 28 แผนภูมิที่ 14 ประเภทความพิการทไ่ี ด้รับการจ้างงานตามมาตรา 33 จังหวัดระยอง 31 แผนภูมิท่ี 15 ประเภทความพิการท่ีไดร้ ับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จังหวัดจนั ทบรุ ี 32 แผนภมู ทิ ี่ 16 ประเภทความพิการที่ไดร้ บั การจ้างงานตามมาตรา 33 จังหวดั ตราด 33 แผนภูมทิ ี่ 17 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ บั การจ้างงานตามมาตรา 33 จงั หวดั ฉะเชิงเทรา 34 แผนภูมทิ ี่ 18 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ บั การจา้ งงานตามมาตรา 33 จังหวดั ปราจีนบุรี 35 แผนภูมิท่ี 19 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ ับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จงั หวดั สระแกว้ 36 แผนภมู ทิ ่ี 20 ประเภทความพิการที่ไดร้ ับการจ้างงานตามมาตรา 35 จังหวดั ชลบรุ ี 37 แผนภูมิท่ี 21 ประเภทความพิการทไี่ ดร้ บั การจา้ งงานตามมาตรา 35 จงั หวัดระยอง 38 แผนภมู ิที่ 22 ประเภทความพิการทไี่ ด้รับการจ้างงานตามมาตรา 35 จงั หวดั จันทบรุ ี 39 แผนภมู ิที่ 23 ประเภทความพิการที่ไดร้ บั การจา้ งงานตามมาตรา 35 จงั หวดั ตราด 40 แผนภูมิท่ี 24 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ ับการจ้างงานตามมาตรา 35 จงั หวดั ฉะเชิงเทรา 41 แผนภูมทิ ี่ 25 ประเภทความพิการทไ่ี ด้รบั การจ้างงานตามมาตรา 35 จังหวดั จงั หวัดปราจนี บุรี 42 แผนภูมทิ ่ี 26 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ ับการจ้างงานตามมาตรา 35 จังหวัดสระแก้ว 43 แผนภมู ทิ ี่ 27 เปรียบเทยี บการจ้างงาคนพิการ ตาม มาตรา 33 และ 36 พ.ร.บ.ส่งเสรมิ 44 46 และพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการ พ.ศ.2550 47 แผนภมู ิที่ 28 แนวโน้มการจา้ งงานคนพกิ ารจงั หวัดชลบุรี 47 แผนภมู ิท่ี 29 แนวโนม้ การจ้างงานคนพกิ ารจงั หวัดระยอง 47 แผนภูมิท่ี 30 แนวโนม้ การจ้างงานคนพิการจงั หวัดจันทบรุ ี รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก

ง หนา้ 47 - ตอ่ – 47 48 แผนภมู ทิ ่ี 31 แนวโน้มการจ้างงานคนพกิ ารจงั หวัดตราด 48 แผนภูมทิ ่ี 32 แนวโน้มการจา้ งงานคนพิการจังหวัดฉะเชิงเทรา 51 แผนภูมิที่ 33 แนวโน้มการจา้ งงานคนพกิ ารจงั หวดั ปราจีนบุรี 52 แผนภมู ิที่ 34 แนวโนม้ การจ้างงานคนพิการจังหวดั สระแก้ว 53 แผนภมู ทิ ่ี 35 ร้อยละผู้ทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจงั หวัดชลบรุ ี 54 แผนภมู ทิ ี่ 36 จำนวนผู้ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดชลบรุ ี 55 แผนภมู ทิ ี่ 37 รอ้ ยละผทู้ ไี่ ด้รบั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจังหวดั ระยอง 56 แผนภมู ทิ ่ี 38 จำนวนผู้ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวัดระยอง 57 แผนภูมิที่ 39 รอ้ ยละผูท้ ี่ไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจงั หวัดจันทบุรี 58 แผนภูมิที่ 40 จำนวนผูต้ ้องการความช่วยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จังหวดั จันทบรุ ี 59 แผนภมู ทิ ่ี 41 รอ้ ยละผทู้ ่ไี ดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจงั หวดั ตราด 60 แผนภมู ทิ ่ี 42 จำนวนผตู้ อ้ งการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวดั ตราด 61 แผนภูมทิ ี่ 43 รอ้ ยละผ้ทู ีไ่ ด้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจังหวดั ฉะเชิงเทรา 62 แผนภมู ทิ ่ี 44 จำนวนผตู้ อ้ งการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จงั หวดั ฉะเชิงเทรา 63 แผนภมู ทิ ่ี 45 ร้อยละผทู้ ่ีไดร้ ับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจังหวัดปราจีนบุรี 64 แผนภมู ทิ ี่ 46 จำนวนผูต้ อ้ งการความช่วยเหลือ จากสถานการณ์ COVID-19 จังหวัดปราจนี บุรี 67 แผนภมู ิท่ี 47 ร้อยละผทู้ ี่ไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในจังหวัดสระแก้ว แผนภูมิที่ 48 จำนวนผู้ต้องการความชว่ ยเหลอื จากสถานการณ์ COVID-19 จังหวัดสระแกว้ 68 แผนภูมทิ ี่ 49 ประมาณการและแนวโน้มสถานการณจ์ ำนวนเดก็ 69 จำแนกตามจังหวดั และปี พ.ศ. 2563 – 2565 แผนภูมิที่ 50 ประมาณการและแนวโนม้ สถานการณ์จำนวนเยาวชน 70 จำแนกตามจังหวดั และปี พ.ศ. 2563 – 2565 71 แผนภูมทิ ี่ 51 ประมาณการและแนวโนม้ สถานการณ์จำนวนสตรี 72 จำแนกตามจังหวดั และปี พ.ศ. 2563 – 2565 แผนภูมทิ ่ี 52 ประมาณการและแนวโน้มสถานการณจ์ ำนวนการจดทะเบียนสมรส 73 จำแนกตามจังหวัดและปี พ.ศ. 2563 – 2565 แผนภมู ิที่ 53 ประมาณการและแนวโน้มสถานการณ์จำนวนผสู้ ูงอายุ จำแนกตามจังหวัดและปี พ.ศ. 2563 – 2565 แผนภูมทิ ี่ 54 ประมาณการและแนวโน้มสถานการณจ์ ำนวนคนพิการ จำแนกตามจังหวดั และปี พ.ศ. 2563 – 2565 แผนภูมิท่ี 55 ประมาณการและแนวโนม้ สถานการณจ์ ำนวนคนยากจน จำแนกตามจังหวัดและปี พ.ศ. 2562 – 2564 รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวันออก



จ บทสรปุ ผ้บู ริหาร การจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคมในระดับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีเขตพื้นท่ี รับผิดชอบ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์และสภาพแวดล้อม เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์ ทางสังคมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่จังหวัด และเพื่อสนับสนุน ข้อมูลในการจัดทำแผนงาน โครงการ กิจกรรม และการบูรณาการแผนงานโครงการ กิจกรรมในระดับจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ให้กับหน่วยงานระดับท้องถิ่น เจ้าหน้าท่ี นักวิชาการขององค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้ประโยชน์ และแก้ไขปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น รายงานนี้ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ บทนำ ข้อมูลพื้นฐานทางสังคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัด สถานการณ์เชิงกลุ่มเป้าหมายหรือเชิงประเด็นสำคัญในพื้ นที่กลุ่ม จงั หวดั บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ โดยสรปุ ได้ดงั นี้ ข้อมูลพื้นฐาน ทางสังคมในพื้นที่ภาคตะวันออก มีประชากรรวม จำนวน 4.79 ล้านคน ชาย จำนวน 2.35 ล้านคน หญิงจำนวน 2.43 ล้านคน มีประชากรเด็ก (0-17 ปี) 1 ล้านคน (ร้อยละ 20.86) ประชากรวัยแรงงาน (18-59 ปี) 3.16 ล้านคน (ร้อยละ 65.94) และวัยผสู้ งู อายุ (60 ปขี ึน้ ไป) 6.94 แสนคน (ร้อยละ 14.46) จากสถิติดังกล่าวภาคตะวันออกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (มีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 10) แต่ยังไม่เข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (มีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 20) คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 1.12 แสนคน จงั หวัดท่ีคนพกิ ารมีบตั รประจำตัวคนพกิ ารมากทสี่ ุดคือ ชลบุรี 24,662 คน รองลงมาคือ ฉะเชิงเทรา 21,693 คน และสระแก้ว 18,972 คน ดา้ นการศึกษา มีสถานศึกษาในระบบ จำนวน 2,687 แหง่ แบง่ เป็น สังกดั สพฐ. จำนวน 1,708 แห่ง เอกชน จำนวน 846 แห่ง อาชีวศึกษา จำนวน 53 แห่ง อุดมศึกษา 49 แห่ง เมืองพัทยา 13 แห่ง สำนักพุทธ ศาสนาแห่งชาติ จำนวน 18 แห่ง และสถานศกึ ษานอกระบบ จำนวน 142 แหง่ สงั กัด กศน. ด้านสุขภาพ หน่วยบริการสาธารณสุข ภาครัฐและภาคเอกชนของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวน 783 แห่ง โดยจงั หวัดท่มี ีหน่วยบริการมากทส่ี ุด คือ ฉะเชงิ เทรา 136 แหง่ รองลงมาชลบรุ ี 133 แห่ง และ ระยอง 117 แห่ง ภาคตะวันออกมีประชากร 4,797,082 คน มีแพทย์ทั้งหมด 4,845 คน สัดส่วน ประชากร ต่อแพทย์ 990 : 1 คน จังหวัดที่มีแพทย์มากที่สุด คือ ชลบุรี จำนวน 2,671 คน ประชากรต่อแพทย์ 583:1 คน รองลงมา ระยอง จำนวน 788 คน ประชากรต่อแพทย์ 932:1 คน และฉะเชิงเทรา จำนวน 667 คน ประชากร ต่อแพทย์ 1,154:1 คน ส่วนจังหวัดที่มีแพทย์น้อยที่สุด คือ จังหวัดตราด จำนวน 87 คน ประชากรต่อแพทย์ 2,497:1 คน แต่ในขณะทสี่ ระแก้วมีแพทย์ 132 คน แต่ประชากรต่อแพทย์ 4,185:1 คน ด้านเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์จังหวัด แบบปริมาณลูกโซ่ การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม 7 จังหวัดรายจงั หวัดพ้ืนทภ่ี าคตะวันออก (GPP) พบวา่ ในปี 2561 สระแก้วมีการขยายตวั มากท่ีสุด คอื ร้อยละ 13.3 รองลงมา คือ ฉะเชงิ เทรา ร้อยละ 11.2 และชลบุรี ร้อยละ 4.3 ผลติ ภัณฑ์จังหวดั ตอ่ หวั (GPP per capita) ปี 2561 พบวา่ ระยอง มีจำนวนผลติ ภณั ฑม์ วลรวมจงั หวัดต่อหวั มากทีส่ ดุ จำนวน 1,067,449 บาท/ปี รองลงมา คอื ชลบุรี จำนวน 566,801 บาท/ปี ถดั มาคอื ปราจนี บุรี จำนวน 513,789 บาท/ปี รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก

จ รายไดโ้ ดยเฉลยี่ ต่อเดือนตอ่ ครวั เรอื น พ.ศ.2552 – 2560 พบว่าในปี 2560 จงั หวดั ชลบุรี มรี ายได้ โดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน จำนวน 27,665.39 บาท ซึ่งสูงขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 1.50 จังหวัดระยอง มีจำนวน 27,797.79 บาท ซงึ่ ลดลงจากปี 2558 รอ้ ยละ 8.30 และจังหวดั ฉะเชงิ เทรา มีจำนวน 26,061.85 บาท ซึง่ ลดลงจากปี 2558 จำนวน ร้อยละ 5.42 หนีส้ นิ้ เฉลี่ยตอ่ ครัวเรือน จำแนกวัตถุประสงค์ของการกู้ยืม พ.ศ.2552-2560 ในปี 2560 มีหน้ีสิน เฉลี่ยต่อครัวเรือน รวมทั้งสิ้น 1,059,684.97 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ของการกู้ยืม คือ เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือน มากที่สุด จำนวน 449,971.30 บาท รองลงมาเพื่อใช้ชือ้ /เช่าซื้อบ้านและที่ดิน จำนวน 316,784.16 บาท ถัดมา เพื่อใช้ทำการเกษตร จำนวน 198,196.78 บาท เพื่อใช้ทำธุรกิจที่ไม่ใช่การเกษตร จำนวน 82,398.91 บาท และสดุ ท้ายเพือ่ ใช้ในการศึกษา 9,518.12 บาท องคก์ รภาคเี ครอื ขา่ ย ปี 2563 ของกลุม่ จงั หวัดภาคตะวนั ออก องคก์ รภาคีเครือข่ายที่มีมากท่ีสุด คือ ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) จำนวน 503 แห่ง มีมากในจังหวัดฉะเชิงเทรา รองลงมาคือ สภาองคก์ รชุมชน จำนวน 483 แหง่ มมี ากในจังหวดั ฉะเชงิ เทรา ถัดมากองทุนสวสั ดิการชมุ ชน จำนวน 476 แห่ง มีมากในจังหวัดตราด องค์กรสวัสดิการชุมชน จำนวน 447 แห่ง มีมากในจังหวัดจันทบุรี องค์กรสาธารณะ ประโยชน์ จำนวน 394 แห่ง มีมากในจังหวัดฉะเชิงเทรา ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) จำนวน 243 แหง่ มีมากในจังหวัดตราด และสดุ ท้าย องคก์ รคนพิการ จำนวน 116 แหง่ มมี ากในจังหวัด ชลบุรี ส่วนจำนวนภาคีเครือข่ายอาสาสมัคร ปี 2563 พบว่าเครือข่ายอาสาสมัครที่มีมากที่สุดคือ อาสาสมัคร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) จำนวน 11,333 คน ซึ่งมีมากในจังหวัดชลบุรี 3,383 คน (ร้อยละ 29.85) รองลงมาคือ สภาเด็กและเยาวชน จำนวน 9,726 คน มีมากในจังหวัดชลบุรีเช่นกัน จำนวน 2,662 คน (รอ้ ยละ 27.37) สถานการณ์การจ้างงานคนพิการ ตามมาตรา 33 และมาตรา 35 ในพื้นที่ภาคตะวันออก ช่วงระยะเวลา ปี 2558 – 2562 พบว่า มีการจ้างงานคนพิการทุกประเภทความพิการ โดยประเภทความพิการ ที่มีการจ้างงานมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ประเภทความพิการทางการเคลื่อนไหวหรือร่างกาย รองลงมาคือ ทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย และความพิการทางการเห็น ซึ่งการจ้างงานคนพิการมีแนวโน้มเพิ่มข้ึน โดยจังหวัดชลบุรีมีการจ้างงานคนพิการ ตามมาตรา 33 และ มาตรา 35 มากที่สุด รองลงมา คือ ระยอง และ ฉะเชิงเทรา เนื่องจาก 3 จังหวัดเป็นพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development หรือ EEC) ทำให้มีสถานประกอบการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสถานประกอบการเข้าขา่ ยต้องปฏบิ ัตติ ามพระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ และพัฒนาคุณภาพชวี ิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และท่แี ก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 รายงานสถานการณ์ทางสังคมกล่มุ จงั หวัดภาคตะวนั ออก

จ สถานการณโ์ ควดิ -19 ในเขตพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออก ณ วนั ที่ 28 สิงหาคม 2563 มยี อดผตู้ ิดเชือ้ รวม 136 คน โดยจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตามลำดับ ส่วนจังหวัดตราดไม่พบผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเปน็ เขตปกครองพิเศษและเขตส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยผู้ติดเชื้อในชลบุรีเป็นกลุ่มที่กลับจากสนามมวย กทม. กลุ่มต่างชาติ กลุ่มที่ไปเที่ยวร้านเหล้า ผู้ทำงานผับ/บาร์/ร้านนวด ซึ่งสัมผัสกับชาวต่างชาติ จากการสำรวจ ผู้ประสบปัญหารายครัวเรือนพบว่า กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ต้องการความ ช่วยเหลือลำดับแรกเป็นเงินอุดหนุน/เงินสงเคราะห์ รองลงมาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ และการซ่อมแซม ปรบั ปรงุ ท่ีอยอู่ าศัย ตามลำดับ โดยหนว่ ยงาน One Home ในพ้ืนท่ที กุ จงั หวดั ได้ให้การชว่ ยเหลอื ผู้ประสบปัญหา เป็นเงินอุดหนุน/เงินสงเคราะห์ ถุงยังชีพ และจังหวัดระยองเป็นพื้นที่นำร่องจังหวัดแรกของประเทศที่ดำเนิน โครงการพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส เข้าสู่อาชีพใหม่เพื่อสร้างรายได้และการลดความ เหลื่อมล้ำด้านรายได้ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 6 หลักสูตร 17 รุ่น กลุ่มเป้าหมาย 340 คน ดำเนินการระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม - 16 ตุลาคม 2563 โดยได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจดั สวัสดิการสงั คม ท้งั นี้ ได้มีการจดั แผนพฒั นารายบุคคลเพือ่ ติดตามความกา้ วหนา้ ตอ่ ไป การคาดการณแ์ นวโน้มสถานการณ์ทางสงั คม จากข้อมูลรายงานสถานการณ์แนวโน้มจำนวนกลุ่มเป้าหมายในเขตพื้นที่ 7 จังหวัดภาค ตะวนั ออก ในระหวา่ งปี พ.ศ. 2553 – 2562 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู เพื่อหาสมการทำนายจำนวนกลุ่มเป้าหมาย ระหวา่ งปี พ.ศ. 2563 – 2565 มีดังน้ี เด็ก พบว่า จำนวนเด็กในชลบุรีจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นในแต่ละปีมากที่สุดในกลุ่มจังหวัด รองลงมาคอื ฉะเชงิ เทรา และจังหวัดทีม่ จี ำนวนเด็กเพมิ่ ข้นึ ในอัตราต่อปีต่ำสดุ คือ ระยอง เยาวชน พบวา่ จำนวนเยาวชนในชลบุรจี ะมีอตั ราการเพิม่ ขน้ึ ในแตล่ ะปีมากทส่ี ดุ ในกลุ่มจังหวัด รองลงมาคือ ระยอง และจงั หวัดทมี่ ีจำนวนเยาวชนเพิม่ ขึน้ ในอตั ราต่อปตี ำ่ สดุ คอื จันทบุรี สตรี พบว่าจำนวนสตรีในชลบุรีจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นในแต่ละปีมากที่สุดในกลุ่มจังหวัด รองลงมาคอื ระยอง และจังหวัดที่มจี ำนวนสตรีเพิ่มข้ึนในอตั ราตอ่ ปตี ่ำสุด คือ ตราด ครอบครัว พบวา่ จำนวนการจดทะเบียนสมรสในชลบุรีจะมีอตั ราการเพ่ิมขนึ้ ในแตล่ ะปีมากท่สี ดุ ในกลุ่มจังหวัด รองลงมาคือ ระยอง และจังหวัดที่มีจำนวนการจดทะเบียนสมรสเพิ่มขึ้นในอัตราต่อปีต่ำสุด คอื ตราด ผูส้ ูงอายุ พบวา่ จำนวนผู้สูงอายุในชลบุรีจะมีอตั ราการเพมิ่ ข้ึนในแตล่ ะปีมากทีส่ ดุ ในกลุ่มจงั หวดั รองลงมาคอื ฉะเชิงเทรา และจงั หวดั ทีม่ จี ำนวนผสู้ งู อายุเพม่ิ ข้นึ ในอัตราต่อปตี ำ่ สุด คือ ตราด ผู้พิการ พบว่าจำนวนคนพิการในฉะเชิงเทราจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นในแต่ละปีมากที่สุดใน กล่มุ จังหวัด รองลงมาคอื ชลบรุ ี และจังหวดั ทม่ี จี ำนวนคนพิการเพ่ิมข้ึนในอตั ราตอ่ ปีต่ำสดุ คือ จงั หวดั ตราด ผูด้ อ้ ยโอกาส พบวา่ จำนวนคนยากจนในฉะเชิงเทราจะมอี ตั ราการลดลงในแตล่ ะปีมากที่สุดใน กลุ่มจงั หวดั รองลงมาคอื จังหวดั จนั ทบรุ ี และจงั หวดั ทมี่ จี ำนวนคนยากจนลดลงในอตั ราต่อปตี ำ่ สดุ คือ สระแก้ว รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก

จ ข้อเสนอแนะ การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายให้สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ เพื่อลดความเหล่ือมลำ้ ทางสังคม โดยมคี วามสอดคลอ้ งกับบรบิ ทพื้นท่ี มีขอ้ เสนอแนะ ดังนี้ ข้อเสนอเชงิ นโยบาย 1. ควรมีการขยายโอกาสการเพิ่มทักษะอาชีพ การสนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพ ให้กับ ผู้ได้รบั ผลกระทบจากโรค COVID-19 ในทุกจงั หวดั 2. การทำบนั ทกึ ข้อตกลงเพ่ือส่งเสรมิ คุณภาพชีวติ คนพิการรว่ มกนั ระหว่างสถานประกอบการ องค์กรภาคเี ครอื ขา่ ย เพอื่ สนบั สนนุ ให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพกิ ารเข้าถงึ สทิ ธิตามกฎหมายไดร้ วดเรว็ 3. การเชื่อมประสานการทำงานระหว่างเครือข่ายคนพิการ คนพิการ ภาครัฐ และสถาน ประกอบการ 4. การรองรับสังคมผสู้ งู อายุ โดยการสง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ิตผูส้ งู อายุ สง่ เสรมิ การจา้ งงานผ้สู งู อายุ ทั้งผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุที่มีทักษะความชำนาญ จัดเตรียมระบบการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน สถานพักฟ้ืน และโรงพยาบาล ทเ่ี ป็นความร่วมมอื ของภาครฐั ภาคเอกชน ชุมชน และครอบครวั ขอ้ เสนอเชงิ ปฏบิ ตั ิ 1. จงั หวดั นำฐานขอ้ มูลแบบจัดเก็บผู้ประสบปญั หาทางสงั คม (รายครวั เรอื น) ในกรณีการแพร่ ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ไปใช้ประโยชน์ ในการวิเคราะห์เพือ่ ชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบปัญหา ทางสังคมทัง้ รายกรณี รวมถึงกลมุ่ จังหวัดภาคตะวนั ออกสามารถนำขอ้ มลู ไปจัดทำโครงการภายใตแ้ ผนพฒั นาภาค 2. การพัฒนาศักยภาพคนพิการในการต่อยอดอาชีพที่ได้รบั การส่งเสริมการจ้างงานคนพกิ าร ตาม มาตรา 35 เพอ่ื สร้างความย่ังยนื ในอาชีพ และสำหรับคนพกิ ารทท่ี ำงานในสถานประกอบการตามมาตรา 33 ควรได้รับการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ทักษะการปรับตัว เพื่อให้สถานประกอบการรับ คนพิการ เข้าทำงานท่มี ศี กั ยภาพเช่นคนปกติ 3. การส่งเสริมองค์กรภาคีเครือข่าย อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และสภาเดก็ และเยาวชน ใหม้ คี วามเขม้ แข็งและเขา้ มามีส่วนรว่ มในการพฒั นาชุมชน 4. การส่งเสรมิ ใหม้ ีการถ่ายทอดภมู ปิ ัญญาผูส้ ูงอายุแกค่ นในชมุ ชน รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุม่ จังหวดั ภาคตะวันออก

1 สว่ นที่ 1 บทนำ 1.1 หลักการและเหตผุ ล ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มีสาระสำคัญ เก่ียวขอ้ งกับการบูรณาการ โดยกำหนดว่า “ในกรณที ่ภี ารกจิ ใดมีความเกย่ี วข้องกับหลายสว่ น ราชการหรอื เป็นภารกิจ ท่ใี กล้เคียงหรือต่อเนอื่ งกัน ใหส้ ว่ นราชการทีเ่ ก่ียวข้องนน้ั กำหนดแนวทางปฏบิ ตั ริ าชการ เพอื่ ให้เกิดการบริหารราชการ แบบบรู ณาการร่วมกนั โดยมุง่ ให้เกดิ ผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกิจของรัฐ” (มาตรา 10 วรรค 1) ในทางปฏบิ ัติแม้วา่ จะมีความ พยายามในการบริหารแบบบูรณาการในภารกจิ ที่มคี วามสำคัญหลายเรือ่ ง แต่ยังเกิดปัญหาความซ้ำซ้อนในการปฏบิ ตั ิ ในหลายๆ ภารกิจ เปน็ ผลใหเ้ ป็นการสน้ิ เปลอื งทรพั ยากรเป็นอย่างมาก การปฏริ ปู งบประมาณประเทศจาก “ระบบงาน งบประมาณเชงิ ยุทธศาสตร์” สู่ “ระบบงบประมาณเชิงพืน้ ท่ี”(Arae-Based Budgeting : ABB) ซึ่งเป็นแนวคดิ ของการ ทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) โดยมีการฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ มีกระบวนการทำ แผนพัฒนาจากล่างขน้ึ บนต้ังแต่แผนชุมชนจนถงึ แผนจงั หวดั และใหห้ นว่ ยงานทง้ั ภูมิภาคและทอ้ งถิ่นร่วมกันกล่ันกรอง ทำให้งบประมาณสามารถใช้ให้ตรงกับปัญหาความต้องการของคนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นท้งั กระบวนการเพมิ่ ประสิทธภิ าพประสิทธิผลการใชง้ บประมาณแผน่ ดิน การมสี ว่ นร่วมของประชาชนในการบริหารจดั การ ตนเอง การสร้างความโปร่งใสและธรรมาภบิ าล การควบคุมพฤติกรรมนักการเมืองโดยประชาชนในพื้นท่ีและการบรู ณา การการทำงานของหน่วย Function และหน่วย Area ที่อยู่ในพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งตามแผนปฏิรูปกำหนดให้เริ่มตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2548 สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1-11 (สสว.) เป็นส่วนราชการส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค กฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2563 กำหนดให้ สสว.1-11 มอี ำนาจหน้าท่ี คอื ขอ้ 1 พฒั นางานด้านวิชาการเก่ยี วกบั การพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์ ใหส้ อดคล้องกับพืน้ ที่และกลมุ่ เป้าหมาย ขอ้ 2 สง่ เสริมและสนบั สนุนงานดา้ นวิชาการองค์ความรขู้ ้อมูลสารสนเทศและให้ คำปรกึ ษาแนะนำแกห่ น่วยงานบริการทุกกลุ่มเปา้ หมายในพ้ืนทใี่ ห้บริการ ในความรบั ผดิ ชอบของกระทรวง รวมท้ัง องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรภาคเอกชนและประชาชน ข้อ 3 ศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์และ สภาพแวดล้อมเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์ทางสังคมและผลกระทบ รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะการพัฒนาสังคม และการจัดยทุ ธศาสตรใ์ นพื้นทก่ี ลุ่มจังหวดั ข้อ 4 สนับสนนุ การนิเทศงาน ติดตามประเมนิ ผลการดำเนนิ งานเชงิ วชิ าการตาม นโยบายและภารกิจของกระทรวงในพ้ืนทกี่ ลมุ่ จงั หวัด ขอ้ 5 ปฏิบัตงิ านร่วมกับหรอื สนบั สนุนการปฏบิ ัตงิ านของหน่วยงาน อ่ืนท่ีเก่ยี วขอ้ ง หรอื ทป่ี ลัดกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์มอบหมาย นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมและ สนับสนุนวิชาการทำหน้าที่เชื่อมโยงประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคในการแปลงนโยบาย ข้อมูลสารสนเทศ องค์ความรู้ และแผนต่างๆ ของกระทรวงฯ ให้เกิดการบูรณาการการปฏิบัติงานของหน่วยงานสังกัด กระทรวงฯ ในส่วนภูมิภาค ให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ และมีการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สสว.1-11 จึงตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนให้เกิดการบูรณาการโครงการดา้ นสงั คมเชิงพืน้ ที่ในระดับพืน้ ทีจ่ ังหวัดและ กลุ่มจังหวัด ทั้งในส่วนของแผนปฏิบัติงานและแผนคำของบประมาณเชิงพื้นที่ เพื่อตอบสนองความต้องการของจังหวดั รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกล่มุ จงั หวดั ภาคตะวนั ออก

2 และกลุ่มจังหวัดในการบูรณาการการดำเนินงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการสังคมที่สอดคล้องกับพื้นที่และยุทธศาสตร์ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคมและคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ทาง สังคมในพ้ืนท่ีกลมุ่ จังหวัดภาคตะวันออกตามการรบั ผิดชอบของสำนักงานส่งเสรมิ และสนบั สนุนวิชาการ 2 ท่คี รอบคลุม 7 จังหวดั ไดแ้ ก่ ชลบุรี ระยอง จันทบรุ ี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบรุ ี และสระแก้ว 1.2 วัตถปุ ระสงค์ 1.2.1 เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กลุ่มจังหวัด สำนักงานสง่ เสริมและสนับสนุนวชิ าการ 2 1.2.2 เพอ่ื คาดการณ์แนวโนม้ สถานการณท์ างสังคมและผลกระทบในพื้นที่กลมุ่ จงั หวัดสำนกั งานส่งเสริมและ สนบั สนนุ วชิ าการ 2 1.2.3 เพื่อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาทางสงั คมในพ้นื ท่กี ลมุ่ จังหวัดสำนักงานสง่ เสริมและสนับสนุน วชิ าการ 2 1.3 วธิ ีการดำเนินงาน ในปีงบประมาณ 2563 สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 - 11 ได้มีมติร่วมกันและให้สำนักงาน ส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 3 จังหวัดนครปฐม เป็นหน่วยงานรบั ผิดชอบหลักในการดำเนินการเพื่อจัดทำรายงาน สถานการณท์ างสังคม โดยไดม้ ีการจดั ประชุมเพ่ือการขบั เคลอ่ื นงาน ดงั น้ี 1) การประชุมการจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคมประจำปี 2563 วันที่ 2 มิถุนายน 2563 ผ่านระบบ ประชุมทางไกลออนไลน์ Web Conference 2) การประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนการจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคม ประจำปี 2563 วันที่ 28 สงิ หาคม 2563 ผา่ นระบบประชมุ ทางไกลออนไลน์ Web Conference 1.4 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1) มีข้อมูลสถานการณ์ทางสงั คมระดบั พน้ื ทที่ ี่ครอบคลมุ ทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย สามารถใชป้ ระโยชน์ในการป้องกัน และแก้ไขปญั หาสงั คม 2) หน่วยงานระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัด สามารถนำข้อมูลในพื้นท่ีไปใช้ในการกำหนดนโยบาย แผนงาน โครงการ ในการคุ้มครอง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาทางสังคมในระดับพื้นที่ และหน่วยงานระดับกระทรวง สามารถ นำขอ้ มลู ในภาพรวมไปใช้ประโยชน์วิเคราะห์สถานการณ์ปญั หาทางสังคมทีส่ ำคัญและกำหนดนโยบาย แผนงานในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมภาพรวมตอ่ ไป รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก

3 สว่ นท่ี 2 ข้อมลู พืน้ ฐานในพน้ื ท่ีกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก (จงั หวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจนี บุรี และสระแก้ว) ขอ้ มลู บริบทพนื้ ที่ 2.1 ทต่ี ้งั ขนาดพนื้ ที่ และอาณาเขต ตารางที่ 1 พ้นื ที่ 7 จงั หวดั ภาคตะวนั ออก พน้ื ท่ี จำนวนประชากร ความหนาแน่นของประชากร จังหวดั ตาราง ไร่ (คน) กิโลเมตร ชลบุรี 4,363 2,726,875 1,558,301 1 ตร.กม. : 343 คน ระยอง 3,552 2,220,000 734,753 1 ตร.กม. : 200 คน จนั ทบุรี 6,466 4,041,250 529,330 1 ตร.กม. : 82 คน ตราด 2,892 1,761,000 217,298 1 ตร.กม. : 75 คน ฉะเชงิ เทรา 5,351 3,300,000 720,113 1 ตร.กม. : 152 คน ปราจีนบรุ ี 4,762 2,976,476 484,893 1 ตร.กม.: 102 คน สระแก้ว 7,220 4,496,962 552,394 1 ตร.กม. : 77 คน ที่มา : ระบบสถิติทางทะเบียน ข้อมูลทางการปกครอง กรมการปกครอง ณ ธนั วาคม 2561 จากข้อมลู ตารางท่ี 1 พบวา่ จงั หวดั สระแก้ว มีขนาดพ้ืนทมี่ ากเป็นอนั ดับ 1 ของพ้นื ที่ภาคตะวนั ออก คอื มพี น้ื ที่ 7,220 ตารางกิโลเมตร หรือ 4,496,962 ไร่ รองลงมา คือ จังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ 6,466 ตารางกิโลเมตร หรือ 4,041,250 ไร่ และจังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ 5,351 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,300,000 ไร่ ทั้งนี้ความหนาแน่น ของประชากร พบว่า จังหวัดชลบุรี มีความหนาแน่นของประชากรมากทีส่ ดุ คอื 343 คน/1 ตร.กม. รองลงมา จังหวัด ระยอง 200 คน/1 ตร.กม. และจังหวัดฉะเชงิ เทรา 152 คน/1 ตร.กม. ภาพท่ี 1 แผนท่แี สดงอาณาเขตของกลมุ่ จงั หวดั 7 จังหวัด ภาคตะวันออก รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก

4 2.1.1 ลักษณะภมู ิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงสลับกับภูเขาลูกเตี้ยมาก ๆ มีชายฝั่งทะเลที่เรียบยาวและโค้งเว้า มีทิวเขาจันทบุรีอยู่ทางด้านชายฝั่งทะเลตะวันออก ทอดตัวไปทางด้านทิศตะวันตก จรดกับ ทิวเขาบรรทัด ซึ่งเป็นทิวเขาที่เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา และมีแม่น้ำสายสำคัญอยู่หลายสาย ทไี่ หลลงสอู่ ่าวไทยไดแ้ ก่ แมน่ ำ้ ระยอง แม่น้ำจันทบรุ ี แมน่ ำ้ ประแสร์ แมน่ ำ้ ตราด แมน่ ำ้ บางปะกง นอกจากนี้ พื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้ว พื้นที่ตอนบน เป็นแนวเทือกเขาสูงอยู่ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี ต่อเนื่องไปจนถึงจังหวัดสระแก้ว ซึ่งแนวเขาสูงดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีระดับความสูง ของยอดเขาอยูใ่ นชว่ ง 300 - 1,300 เมตรจากระดบั นำ้ ทะเลปานกลาง พ้นื ทขี่ องภาคตะวันออกมขี อบเขตจรดภูมิภาคตา่ ง ๆ ดังนี้ ทิศเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ อาทิ นครราชสีมา บุรรี มั ย์ ทศิ ตะวนั ออก จรดประเทศกมั พูชา ทศิ ตะวนั ตก จรดภาคกลาง สมุทรปราการ ปทุมธานี และนครนายก ทิศใต้ จรดอ่าวไทย มีแนวชายฝั่งทะเลยาว 500 กิโลเมตรแยกเป็น จังหวัดฉะเชิงเทรา 12 กิโลเมตร จังหวัดชลบุรี 172 กิโลเมตร จังหวัดระยอง 104 กิโลเมตร จังหวัดจันทบุรี 108 กิโลเมตร และจังหวดั ตราด 104 กโิ ลเมตร จากสภาพภมู ศิ าสตร์ ภูมอิ ากาศ ความอุดมสมบรู ณข์ องพน้ื ท่ี และท้องทะเลทกี่ ว้างใหญ่ มโี รงงานอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งกำหนดให้ เป็นแหล่งอุตสาหกรรมหนัก ที่ต้องใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ เป็นวตั ถุดบิ ภมู ภิ าคนีย้ ังเปน็ ทต่ี ้ังของสนามบนิ อตู่ ะเภา ซงึ่ เปน็ สนามบนิ ของทหาร ใช้เป็นทีจ่ อดเครือ่ งบินขณะร่วมซ้อมรบ ระหว่างไทยกบั สหรัฐอเมรกิ า อกี ท้ังยังใชเ้ ปน็ สนามบนิ สำหรับเครื่องบินเชา่ เหมา ของนักท่องเทย่ี วจากตา่ งประเทศ 2.1.2 ลกั ษณะภูมอิ ากาศ สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปของพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เขตอากาศแบบสะวันนา (Savanna Climate) ส่วนใหญ่ ในพื้นท่ี จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ลักษณะอากาศจะมีช่วงฤดูแล้งสลับฤดูฝนอย่างชัดเจน อิทธิพลจากลมมรสุม ตะวนั ออกเฉยี งเหนือจะทำให้อากาศแหง้ แล้ง ตั้งแต่เดือนธนั วาคมถงึ เดอื นมีนาคม และฝนเริ่มตกตงั้ แต่ เดือนเมษายน ถึงเดือนตุลาคม ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยปริมาณฝนรวมเกิน 60 มิลลิเมตร ใน 8 เดือน และฝนตกชุกที่สุด ในเดอื นสิงหาคม ทั้งนี้ ลกั ษณะภมู ิอากาศ ส่วนใหญ่มอี ากาศรอ้ น โดยทว่ั ไปบางพื้นท่อี ากาศรอ้ นจัด ปรมิ าณฝนน้อยและ ตำ่ กว่าค่าปกติ ทำใหม้ ีฟา้ คะนองเปน็ บางแห่ง หรอื ประมาณรอ้ ยละ 20 ของพืน้ ท่ี และมลี มกระโชกแรงบางแหง่ สำหรบั อณุ หภมู เิ ฉลีย่ ตลอดทง้ั ปี สูงกว่าคา่ ปกตปิ ระมาณ 27 – 28 องศาเซลเซยี ส อณุ หภมู เิ ฉลี่ยสูงสดุ อยู่ในจังหวัดชลบุรีและ จากลมทะเลพัดผา่ นตลอดเวลา อากาศเย็นสบายตลอดปีไมร่ อ้ นจดั และไมห่ นาวเย็น ความช้นื ในอากาศสงู สภาพอากาศ เป็นไปตามฤดกู าล แบง่ ได้เป็น 3 ฤดู คอื รายงานสถานการณท์ างสังคมกลมุ่ จังหวดั ภาคตะวันออก

5 - ฤดรู ้อน เรม่ิ ต้ังแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ระหวา่ ง 23.7 - 35.4 องศาเซลเซียส - ฤดูฝน เรม่ิ ตั้งแตเ่ ดอื นมิถนุ ายน ถงึ เดอื นตลุ าคม อณุ หภมู ิอยรู่ ะหวา่ ง 23.0 - 33.2 องศาเซลเซียส - ฤดูหนาว เร่ิมตง้ั แตเ่ ดอื นพฤศจกิ ายน ถึงเดอื นกมุ ภาพันธ์ อุณหภูมอิ ย่รู ะหว่าง 19.3 - 34.7 องศาเซลเซยี ส 2.2 ข้อมลู การปกครอง 2.4.1 การแบ่งจังหวัดเป็นภมู ิภาคดว้ ยระบบ 6 ภาค เป็นการแบง่ ที่เป็นทางการโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์ แห่งชาติ โดยภาคตะวันออก ประกอบไปด้วยเขตการปกครอง 7 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง สระแก้ว จันทบุรี ปราจีนบุรี และตราด นอกจากนี้ ยังมีการจัดแบ่งภูมิภาคตามคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ กำหนดให้ภาคตะวันออกมีท้ังหมด 9 จังหวัด ประกอบด้วย 7 จังหวัดข้างต้น รวมกับจังหวัดนครนายก และ จังหวดั สมทุ รปราการ 2.4.2 การปกครอง แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 63 อำเภอ 480 ตำบล 4,451 หมู่บ้าน ในส่วน การปกครองท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 7 แห่ง เทศบาลนคร 3 แห่ง (จังหวัดชลบุรี 2 แห่ง และจังหวัดระยอง 1 แห่ง) เทศบาลเมือง 23 แห่ง เทศบาลตำบล 175 แห่ง และองค์การบริหาร สว่ นตำบล 327 แหง่ และรปู แบบการปกครองพิเศษ 1 แห่ง (จงั หวดั ชลบรุ ี) ดังรายละเอียดตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 จำนวนเขตการปกครองรายจงั หวดั ของ 7 จังหวดั ภาคตะวันออก (หน่วย:แห่ง) จำนวนองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน จงั หวดั อำเภอ ตำบล หมบู่ ้าน อบจ. ทน. ทม. ทต. อบต. พิเศษ ชลบรุ ี 11 92 687 1 2 10 35 48 1 เมืองพทั ยา ระยอง 8 58 441 1 1 2 27 37 - จนั ทบุรี 10 76 731 1 - 5 42 34 - ตราด 7 38 261 1 - 1 13 29 - ฉะเชงิ เทรา 11 93 892 1 - 1 33 74 - ปราจีนบรุ ี 7 65 708 1 - 1 12 56 - สระแก้ว 9 58 731 1 - 3 13 49 - รวม 63 480 4,451 7 3 23 175 327 1 ที่มา : ระบบสถติ ทิ างทะเบยี น ข้อมลู ทางการปกครอง กรมการปกครอง, กรมส่งเสรมิ การปกครองสว่ นท้องถน่ิ ณ ธันวาคม 2561 รายงานสถานการณท์ างสงั คมกล่มุ จังหวัดภาคตะวนั ออก

6 2.3 ขอ้ มลู ประชากร ตารางท่ี 3 จำนวนประชากรจำแนกตามเพศ รายจงั หวดั พื้นท่ภี าคตะวนั ออก (หน่วย : คน) จงั หวัด เพศ ชาย หญิง รวม ชลบรุ ี 762,141 796,160 1,558,301 ระยอง 361,109 373,644 734,753 จนั ทบุรี 258,684 270,646 529,330 ตราด 107,614 109,684 217,298 ฉะเชิงเทรา 353,368 366,745 720,113 ปราจีนบรุ ี 239,332 245,561 484,893 สระแกว้ 276,212 276,182 552,394 รวม 2,358,460 2,438,622 4,797,082 ทม่ี า: ระบบสถิตทิ างทะเบียนกรมการปกครองข้อมูล ณ ธันวาคม พ.ศ. 2562 จากข้อมลู ตารางท่ี 3 และแผนภูมิท่ี 1 จำนวนประชากรจำแนกตามเพศ รายจังหวดั พืน้ ท่ภี าคตะวันออก 7 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว) จำนวนทั้งสิ้น 4,797,082 คน คิดเป็น สดั สว่ นร้อยละ 7.21 ของประเทศ ( 66,558,935 คน) เป็นชายจำนวน 2,358,460 คน รอ้ ยละ 49.16 เปน็ หญิงจำนวน 2,438,622 คน ร้อยละ 50.84 2,438,622 คน หญงิ ชาย 2,358,460 คน 50.84 % 49.16 % 4,797,082 แผนภมู ทิ ่ี 1 สดั ส่วนประชากรหญงิ - ชาย รายงานสถานการณ์ทางสังคมกล่มุ จงั หวดั ภาคตะวันออก

7 ตารางที่ 4 จำนวนประชากรแยกตามช่วงอายุ จำแนกตามเพศ จงั หวดั อายุ 0 -17 ปี อายุ 18 -24 ปี อายุ 25-59 ปี อายุ 60 ปี ขึน้ ไป ชาย หญิง รวม ชลบรุ ี ชาย หญงิ รวม ชาย หญิง รวม ชาย หญิง รวม 87,193 117,828 205,021 ระยอง 41,302 53,333 94,635 จันทบรุ ี 176,241 167,161 343,402 91,372 79,509 170,881 392,685 427,299 819,984 41,136 50,396 91,532 ตราด 17,392 20,357 37,749 ฉะเชิงเทรา 85,124 81,059 166,183 33,304 33,617 66,921 193,048 199,564 392,612 47,195 61,722 10,8917 ปราจีนบุรี 33,681 44,027 77,708 สระแกว้ 55,620 52,827 108,447 25,720 26,049 51,769 136,208 141,374 277,582 36,068 42,468 78,536 303,967 390,131 694,098 รวม 23,311 21,819 45,130 10,600 10,203 20,803 56,311 57,305 113,616 32,915 31,174 108,917 111,747 106,127 217,874 186,836 192,425 379,261 53,116 50,188 103,304 27,398 22,645 50,043 125,137 128,701 253,838 64,642 61,064 125,706 29,550 27,271 56,821 145,952 145,379 291,331 490,969 465,292 1,001,089 329,691 305,421 635,112 1,236,177 1,292,047 2,528,224 ที่มา : ระบบสถิตทิ างทะเบยี น กรมการปกครอง ข้อมูล ณ ธนั วาคม พ.ศ. 2562 จากตารางที่ 4 จำนวนประชากรแยกตามช่วงอายุของ 7 จังหวัดภาคตะวันออก จะเห็นได้ว่า ประชากรช่วงอายรุ ะหวา่ ง 25-59 ปี มีมากทีส่ ุดในกลุ่มจงั หวัดนี้ จำนวน 2,528,224 คน หรือ รองลงมา คือ ช่วงอายุ ระหว่าง 0-17 ปี จำนวน 1,001,089 คน ถัดมา ชว่ งอายรุ ะหว่าง 60 ปีขึ้นไป จำนวน 694,098 คน และอายุ 18-24 ปี จำนวน 635,112 คน 2.4 ดา้ นการศึกษา ตารางที่ 5 สถานศกึ ษาในระบบ นอกระบบ จำแนกรายสังกดั รายจงั หวดั ปีการศึกษา 2562 จงั หวัด ในระบบ เมือง สำนกั พุทธ นอก (หนว่ ยแห่ง) พัทยา ศาสนา ระบบ สพฐ. เอกชน อาชวี ศึกษา อุดมศกึ ษา แหง่ ชาติ รวม 13 กศน. ชลบุรี 307 484 25 3 0 9 842 ระยอง 217 149 6 2 0 4 1 381 จนั ทบุรี 212 20 4 10 0 - 3 256 ตราด 127 8 3 2 0 - 10 147 ฉะเชิงเทรา 317 150 8 2 0 3 7 585 ปราจีนบรุ ี 251 23 4 15 0 1 105 301 สระแก้ว 277 12 3 15 1 7 317 13 9 รวม 1,708 846 53 49 18 1,708 142 ทมี่ า : ศนู ย์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร สำนกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวันออก

8 นอก กศน. ในระบบ ระบบ สานักพุทธศาสนาแห่งชาติ เมอื งพทั ยา 600 อดุ มศกึ ษา อาชีวศึกษา เอกชน สพฐ. 0 100 200 300 400 500 สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด จันทบรุ ี ระยอง ชลบรุ ี แผนภูมิท่ี 2 สถานศกึ ษาในระบบ นอกระบบ จำแนกรายสงั กดั รายจังหวดั ปกี ารศึกษา 2561 จากตารางที่ 5 และแผนภูมิที่ 2 มีสถานศึกษาในระบบ จำนวน 2,687แห่ง แบ่งเป็น สังกัด สพฐ. จำนวน 1,708 แห่ง เอกชน จำนวน 846 แห่ง อาชีวศึกษา จำนวน 53 แห่ง อุดมศึกษา 49 แห่ง เมืองพัทยา 13 แหง่ สำนักพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ จำนวน 18 แหง่ และสถานศกึ ษานอกระบบ จำนวน 142 แหง่ สังกัด กศน. โดยสถานศึกษา เอกชนมีมากทสี่ ดุ ในจงั หวัดชลบรุ ี จำนวน 484 แห่ง 2.5 ขอ้ มลู ด้านศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และชาติพันธุ์ 2.5.1 ศาสนา กลมุ่ จงั หวัดภาคตะวนั ออก มีผูน้ บั ถอื ศาสนาพุทธรอ้ ยละ 97 ศาสนาครสิ ต์ รอ้ ยละ 1.5 อสิ ลามรอ้ ยละ 1 และอน่ื ๆ ร้อยละ 0.5 2.5.2 ประเพณี งานประเพณีของคนในภาคตะวันออกคือ งานบุญเช่นเดยี วกับชนในภาคอ่ืน ที่ไปวัดทำบุญใน วนั สำคญั ทางศาสนา มเี ทศกาลนมัสการหลวงพ่อโสธร ทจี่ งั หวัดฉะเชิงเทรา งานสมโภชตน้ ศรีมหาโพธิ 200 ปี ท่ีจังหวัด ปราจีนบุรี นอกจากนี้เป็นเทศกาลส่งเสรมิ ผลผลิตของภูมิภาคนี้ งานเทศกาลเกีย่ วกับผลไม้มีชื่อแตกต่างกนั ไป แต่จัด ต่อเน่ืองกันทง้ั จังหวัดตราด จนั ทบุรี และระยอง นอกจากน้ัน มีประเพณวี ิง่ ควาย และงานเทศกาลพัทยาท่ีจังหวัดชลบุรี สว่ นจังหวดั ระยองจัดงานวันเกาะแกว้ พิสดาร และงานสุนทรภู่รำลึก ประเพณีแยกตามจงั หวดั ดงั น้ี จังหวดั ชลบรุ ี - งานเทศกาลพทั ยา จัดขึ้นในชว่ งเดือนเมษายน เพือ่ ส่งเสรมิ การทอ่ งเท่ยี วและเผยแพรช่ อื่ เสยี ง ของพทั ยา ภายในงานมีการประกวดขบวนรถบปุ ผชาติ การประกวดนางงาม การแขง่ ขนั กีฬาทางนำ้ และมหรสพตา่ ง ๆ - งานเทศกาลวันไหล เป็นงานสงกรานต์ของภาคตะวันออก มีความแตกต่างจากที่อื่นคือ จะเริ่มเล่นกันประมาณวันท่ี 16 หรือ 17-18-19 เมษายน โดยเรียกกันวา่ \"วันไหล\" ส่วนที่พัทยาได้กำหนดวันไหลเปน็ วนั ท่ี 19 เมษายนของทุกปี โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พิธรี ดนำ้ ดำหัว มกี ารละเลน่ พืน้ บา้ นและขบวนแห่ตา่ ง ๆ รายงานสถานการณท์ างสังคมกล่มุ จังหวัดภาคตะวนั ออก

9 - งานบุญกลางบ้านและเครื่องจักสานพนัสนิคม จัดเป็นประจำทุกปี เป็นงานประเพณีที่ สืบทอดกันมาเป็นเวลาชา้ นาน มีการจัดงานในราวเดอื น 3 ถึงเดือน 6 โดยผู้เฒ่าหรอื ชาวบ้านท่นี ับถือจะเป็นผูก้ ำหนด วันทำบุญของชาวบ้าน หลงั พิธีสงฆ์มีการรบั ประทานอาหารร่วมกนั และมีการละเลน่ พื้นบา้ น - งานประเพณีกองข้าว จัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน ที่อำเภอศรีราชา เปน็ ประเพณเี กา่ แก่ท่ยี ังคงรักษาไว้ มีการจัดขบวนแห่ในชุดไทยประจำบ้าน พิธีบวงสรวง การละเลน่ พ้นื เมอื ง และการ สาธิตการทำอาหาร - งานประเพณีวง่ิ ควาย จัดในวนั ขน้ึ 14 คำ่ เดอื น 11 เป็นประเพณีท่ีเกา่ แก่ของจังหวัดชลบุรี ในวันงานจะมกี ารแต่งควายอยา่ งสวยงามดว้ ยผ้าแพรพรรณสีต่าง ๆ และนำควายมาชุมนุมที่หน้าเทศบาลเมืองชลบุรี โดยจดั ใหม้ ีการวง่ิ ควายและการประกวดสขุ ภาพควาย จังหวดั ระยอง - งานวนั สนุ ทรภู่ มีการจดั งานเป็นประจำทุกปี ในวนั ท่ี ๒๖ มิถุนายน มพี ธิ สี กั การะอนุสาวรีย์ และการแสดงนิทรรศการ - งานเทศกาลผลไมแ้ ละของดีเมอื งระยอง มีการจัดงานในทกุ ๆ ปี ในช่วงเดอื นพฤษภาคมถึง มถิ นุ ายน เพราะในช่วงนม้ี ที เุ รยี น, เงาะ, ระกำหวาน และยงั มกี ารประกวดผลไม้ การแข่งขนั ทางผลไม้ - งานเจดีย์กลางน้ำ มีการสมโภชพระเจดีย์ขึ้นที่วัดสมุทรคงคาราม การแข่งเรือยาว และ การละเล่นตา่ ง ๆ จะจดั งานประมาณเดือน ๑๒ ของทุกปี จังหวดั จันทบุรี - ประเพณกี ารนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ จดั ขึน้ ในวันแรม 15 คำ่ เดือน 2 ช่วงเทศกาล ตรุษจีนถงึ เดอื นมาฆบูชา (ประมาณเดือนมกราคม-มนี าคม) ณ บริเวณยอดเขาคิชฌกูฏ ภายในงานมีการจัดบวงสรวง เทวดาอารกั ษ์ พธิ ีปดิ ทองรอยพระพทุ ธบาท การจัดเดินป่าขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ เป็นงานประเพณีท่ปี ฏิบตั สิ ืบทอดกันมา นานหลายสิบปี โดยมคี วามเชอ่ื วา่ จะไดบ้ ญุ สูง และเป็นการฝึกจิตใจให้มคี วามอดทนไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ความยากลำบาก - ประเพณชี ักพระบาท จดั ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ณ วดั ตะปอนใหญ่ อำเภอขลงุ เปน็ ประเพณี ที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปีแล้ว ภายในงานมีการรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ และมีการแข่งขันการชักเย่อเกวียน โดยมี ม้วนภาพเขียนรอยพระพุทธบาทอยู่ตรงกลาง กลางคนื มีมหรสพ - งานตากสินรำลึก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม ถึงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม ของทุกปี ที่สนามกีฬาจังหวัด เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา มีการจัดนิทรรศการของหน่วยงานราชการ และการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของจันทบุรี และการประกวด นางสาวจันทบูร - ประเพณีการทำบุญข้าวหลามหรือการทำบุญหัวสะพาน การทำบุญหัวสะพานของ ชาวหมู่บ้านหนองตาลิ่น เดิมมีจัดที่หัวสะพานจริง ๆ แต่เนื่องจากไม่สะดวกเพราะรถผ่านไปมาได้ย้ายไปจัดบริเวณ ศาลาพกั รอ้ นกลางหมบู่ า้ น จดั ข้ึนประมาณกลางเดอื นอา้ ย โดยกอ่ นถงึ วันงานคนในหมู่บ้านแทบทกุ บ้าน จะทำการเผา ขา้ วหลามกันเปน็ การใหญเ่ พอื่ เตรียมนำไปทำบุญในวนั รงุ่ ขึ้น บางบา้ นก็ทำข้าวต้มหอ่ โดยนำอาหารหวานคาวไปทำบุญ ที่ศาลากลางหมู่บ้าน กลางคืนจะมีการแสดงละครชาตรี รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวันออก

10 จงั หวัดตราด - งานวันวีรกรรมทหารเรือไทย ในยุทธนาวีที่เกาะช้าง จัดขึ้นวันที่ 17 มกราคม ถึงวันที่ 21 หรอื 23 มกราคม บรเิ วณอำเภอแหลมงอบและเกาะชา้ ง จดั ขึ้นเพือ่ ระลึกถงึ การทำยุทธนาวีของกองทัพเรือไทยกับ กองทพั เรอื ฝร่งั เศสเมอ่ื วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 และมกี ารอุทิศสว่ นกุศลใหแ้ ก่ทหารเรอื ไทยที่ได้สละชีพ ปกป้อง แผน่ ดนิ ไทยในคร้งั นัน้ ภายในงานมกี ารแสดงนิทรรศการของกองทัพเรือ ตลอดค่ำมกี ารแสดงดนตรี พิธีลอยพวงมาลา การออกร้านงานกาชาด มหรสพอื่นๆ มีการออกร้าน 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ของจังหวัดตราด และการจำหนา่ ยสินค้าราคาถูก คุณภาพดี - งานวันตราดรำลึก จัดขึ้นวันที่ 23-27 มีนาคมของทุกปี ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ที่ฝรั่งเศสเข้ายดึ ครองเมอื งตราด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทรงดำเนนิ วิเทโศบายทางการเมืองระหวา่ งประเทศดว้ ยพระปรชี าสามารถ จนในทีส่ ุดฝรง่ั เศสยอมทำสัญญา ยกเมืองตราดคืนให้แก่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2449 ในงานจะมีริ้วขบวนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองตราด การประกวดสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน การจำหนว่ ยสนิ ค้าและผลติ ภณั ฑก์ ารเกษตร การแสดงวัฒนธรรมพนื้ บ้าน และความบนั เทิงอีกหลายรูปแบบท่ีน่าสนใจ คือการแข่งขนั ปรงุ อาหารพน้ื บ้าน งานจะคกึ คกั ไปจนคำ่ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา งานเทศกาลนมัสการหลวงพอ่ โสธร - งานเทศกาลเดอื น 5 เริ่มต้ังแตว่ นั ข้ึน 15 ค่ำ ถงึ แรม 2 คำ่ รวม 3 วัน 3 คืน เป็นงานฉลอง สมโภชในวันทอี่ าราธนาหลวงพ่อโสธรขึน้ จากน้ำมาประดษิ ฐานท่วี ดั แหง่ น้ี - งานเทศกาลเดือน 12 เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ ถึงแรม 1 ค่ำ เนื่องจากในปี พ.ศ. 2433 เกิดโรคฝีดาษระบาดทั่ว ชาวบ้านจึงบนบานต่อหลวงพ่อโสธร ขอให้หายและได้จัดพิธีสมโภช จนกลายเป็นประเพณี สืบต่อกันมา ปัจจุบันทางจังหวัดฉะเชิงเทราและทางวัดโสธรฯ ได้ร่วมกันจัด \"งานนมัสการพระพุทธโสธร และงาน กาชาดฉะเชงิ เทรา\" ขึ้นเปน็ ประจำ มีการเฉลิมฉลองและการจดั ขบวนแหห่ ลวงพ่อโสธรจำลองท้ังทางบกและทางนำ้ - งานเทศกาลตรุษจีน จัดโดยสมาคมชาวจีน พร้อมด้วยพ่อค้าประชาชน และข้าราชการ เรม่ิ ตงั้ แต่วนั ขน้ึ 1 ค่ำ ถึงขน้ึ 5 ค่ำ (ตามจันทรคติของจีน) - งานวันมะม่วงและของดเี มอื งแปดริ้ว จัดขึ้นประมาณเดือนมีนาคม ถึง เมษายนของทุกปี ซ่งึ เป็นช่วงทผี่ ลผลติ มะมว่ งออกสตู่ ลาด งานจัดทีโ่ รงเรยี นพทุ ธโสธร อำเภอเมืองฉะเชงิ เทรา ในงานมีการออกร้านจำหนา่ ย มะมว่ งและผลผลติ ทางการเกษตร การประกวดผลติ ผลทางการเกษตรและการจัดนทิ รรศการทางวชิ าการ จงั หวัดปราจนี บุรี - งานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน งานนี้จัดขึ้นที่วัดสระมรกต ในบริเวณโบราณสถาน สระมรกต อำเภอศรีมโหสถ เป็นระยะเวลา 3 วัน ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชาของทุกปี ในงานกิจกรรมหลักคือการเข้าค่าย พุทธศาสน์และปลูกจิตสำนึกทางศาสนาและวัฒนธรรมของนักเรียน นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป การประชุม พระภิกษุและพระสังฆาธิการในจังหวัดการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา กิจกรรมการเวียนเทียนรอบ รอยพระพทุ ธบาทคู่ รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลมุ่ จังหวดั ภาคตะวันออก

11 จงั หวัดสระแก้ว - ประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าว เป็นประเพณีท้องถิ่นของ ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ ทจี่ ดั ข้ึนเป็นประจำทกุ ปี ชว่ งข้ึน 3 ค่ำเดอื น 3 ของทกุ ปี - งานสบื สานประเพณีแห่เจา้ พอ่ พระปรง ระหว่างวันท่ี 17-19 เมษายน เพ่ือให้ประชาชนได้ สักการะและสรงน้ำเจ้าพ่อพระปรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทีเ่ คารพ ประเพณีนี้เปน็ การประกอบพิธีฉลองเสาวิญญาณบรรพบรุ ุษ (เหนียะเอน หลอ่ โบง) ในระหวา่ งนช้ี าวเผา่ มอแกนจะหยดุ การทำกิจกรรมต่าง ๆ 2.5.3 วฒั นธรรม กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกมีวิถีชีวิตประสมประสานกับคนไทยพื้นถิ่น สื่อสารกันด้วยภาษา วฒั นธรรม และความเชอ่ื ไปในแนวเดียวกัน ผสมกลมกลนื ไม่มีปัญหาขดั แยง้ กันแต่อย่างใด ใช้ภาษาไทยอย่างเดียวกัน สำเนียงไทยภาคกลาง แต่จะมีเสียงเพี้ยนไปบ้าง ผู้คนแถบภาคตะวันออกคล้ายคนภาคกลาง ค่อนไปทางปักษ์ใต้ แต่สำเนียงการพูดและภาษาท้องถิ่นมีคำสรอ้ ยท้ายคำ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ในเรื่องผิวพรรณอาจแตกต่างตรง ขาวกว่า สว่ นบ้านเรอื นท่อี ยูอ่ าศัยคล้ายคลึงกนั มาก บา้ นเรือนเก่า ๆ นิยมปลูกเป็นเรอื นไทยปน้ั หยา พนื้ บา้ นยกใต้ถุนสงู และมีเสาปูนรองรับเสาบ้าน เพื่อกันความชื้นจากพื้นดินอีกที ทั้งมักปลูกอยู่ในลานทรายท่ามกลางดงมะพร้าว นอกจากนี้พืชพรรณที่ปลูกทำกิน เช่น มะพร้าว เงาะ ทุเรียน มังคุด สับปะรด รสชาติอาหารการกินของชาวภาค ตะวันออก จะคลา้ ยชาวภาคกลาง เพยี งแต่จะเนน้ อาหารทะเลมากขนึ้ เนื่องจากอยใู่ กล้ชายฝั่งทะเลทีอ่ ดุ มสมบรู ณ์ 2.5.4 ชาตพิ ันธุ์ ภาคตะวันออกนอกจากจะมีกลมุ่ ใหญท่ ี่เป็นคนไทยมาแตเ่ ดิมแล้ว ยังเปน็ ถิน่ ท่ีอยู่ของคนหลาย เชื้อชาติ เช่น ชาวซอง ซึ่งเป็นชนเผ่าตระกูลมอญ-เขมร ที่อยู่ในเขตป่าเขา ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ประดิษฐ์เครื่องมอื เคร่ืองใช้ท่ที ำจากวัสดใุ นทอ้ งถน่ิ เชน่ เครอ่ื งจกั สาน มกี ระบุง ตะกร้า และของป่าเอามาแลกเปลย่ี นเส้ือผ้า และอาหาร กับคนในเมือง สว่ นชาวญวน อพยพเขา้ มาตง้ั ถ่นิ ฐานสมัยใดไม่ปรากฏชัดเจน อย่ทู แี่ ถบบา้ นท่าเรอื จ้าง เป็นญวนที่นับ ถอื ศาสนาคริสต์ ชาวจีนเปน็ กลมุ่ ทม่ี ีจำนวนมากทส่ี ดุ มบี ทบาทดา้ นการคา้ เร่ิมจากการคา้ ทางเรอื สำเภามาตงั้ แตใ่ นอดีต ชาวไทยมสุ ลิม อพยพเขา้ มาต้ังถนิ่ ฐาน ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยู่หัว อนั สืบเนือ่ งมาจากปัญหาการ ยดึ ครองอนิ โดจนี ของฝรั่งเศส ทม่ี า : สืบคน้ ส่ือออนไลน์ https://th.wikipedia.org/wiki ณ วันท่ี 19 กรกฎาคม 2563 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก

12 2.6 ดา้ นสาธารณสขุ ตารางที่ 6 จำนวนหน่วยบรกิ ารสาธารณสุข ภาครัฐและภาคเอกชนภาคตะวนั ออก (หน่วย:แหง่ ) ภาครัฐ โรงพยาบาล โรงพยาบาล โรงพยาบาล ภาคเอกชน จังหวัด โรงพยาบาล ทัว่ ไป ชุมชน ส่งเสรมิ ศนู ย์ (รพ (รพท.) รวม ศ.) (รพช.) สุขภาพตำบล (รพ.สต.) ชลบุรี 1 1 10 118 3 133 ระยอง 1 2 6 95 3 107 จันทบุรี 1 - 11 105 - 117 ตราด 1 6 66 1 - 74 ฉะเชงิ เทรา 1 - 10 118 7 136 ปราจีนบรุ ี 1 1 5 93 - 100 สระแก้ว - 2 7 107 - 116 รวม 6 12 115 637 13 783 ทมี่ า : HDC Report กระทรวงสาธารณสุข ขอ้ มูล ณ 31 กรกฎาคม 2563 จากตารางที่ 6 จำนวนหน่วยบริการสาธารณสุข ภาครัฐและภาคเอกชนของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีหนว่ ยบรกิ ารสาธารณสุข จำนวน 783 แหง่ จะเห็นได้ว่าหน่วยบรกิ ารสาธารณสุขทางภาครัฐมีมากทสี่ ุดถึง 770 แห่ง และภาคเอกชน 13 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 637 แห่ง ซึ่งมีมากที่สุดในกลุ่มภาค ตะวันออก รองมาได้แก่ โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 115 แห่ง ถัดมา โรงพยาบาลท่ัวไป (รพท.) 12 แห่ง และโรงพยาบาล ศูนย์ (รพศ.) 6 แห่ง ตามลำดับ สำหรับจังหวดั ที่มหี นว่ ยบริการสาธารณสขุ มากที่สดุ ได้แก่ จังหวัดฉะเชงิ เทรา จำนวน 136 แหง่ รองลงมาจังหวัดชลบรุ ี จำนวน 133 แห่ง และจังหวัดจันทบรุ ี 117 แหง่ ตามลำดับ รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก

13 ตารางท่ี 7 จำนวนประชากรต่อแพทย์รายจังหวดั ของกลมุ่ จังหวัดภาคตะวันออก (หน่วย : คน) จังหวดั แพทย์ ประชากร ประชากรต่อแพทย์ ชลบุรี 2,671 1,558,301 583:1 ระยอง 788 734,753 932:1 จันทบรุ ี 302 529,330 1,752:1 ตราด 87 217,298 2,497:1 ฉะเชิงเทรา 667 720,113 1,154:1 ปราจนี บรุ ี 198 484,893 2,449:1 สระแก้ว 132 552,394 4,185:1 รวม 4,845 4,797,082 990:1 ท่มี า : สำนกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ ระบบสถติ ทิ างการทะเบยี น กรมการปกครอง ข้อมลู ณ วนั ที่ 31 ก.ค. 2563 ที่มา : กลุ่มภารกิจดา้ นขอ้ มูลข่าวสารและสารสนเทศสขุ ภาพ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สป.สธ. ข้อมลู ณ กนั ยายน 2560 จากตารางที่ 5 จำนวนประชากรต่อแพทย์ในกลุ่มจังหวัดนี้มีแพทย์ทั้งหมด 4,845 คน มีประชากร ท้งั หมด 4,797,082 คน มีประชากรต่อแพทย์ 990:1 คน จังหวดั ท่ีมีแพทย์มากทสี่ ุด คือ จงั หวดั ชลบุรี จำนวน 2,671 คน ประชากรต่อแพทย์ 583:1 คน รองลงมา จังหวัดระยอง จำนวน 788 คน ประชากรต่อแพทย์ 932:1 คน และจังหวัด ฉะเชิงเทรา จำนวน 667 คน ประชากรตอ่ แพทย์ 1,154:1 คน ส่วนจังหวัดที่มีแพทย์น้อย ที่สุด คือ จังหวดั ตราด จำนวน 87 คน ประชากรต่อแพทย์ 2,497:1 คน แต่ในขณะที่จังหวดั สระแก้วมีแพทย์ จำนวน 132 คน แตม่ ปี ระชากร 552,394 คน สัดสว่ นประชากรตอ่ แพทย์ 4,185:1 คน ซึง่ สะท้อนให้เหน็ ว่า การเข้าถึงระบบบรกิ ารสาธารณสุขทีค่ ่อนข้างยากในจงั หวัด สระแก้ว รายงานสถานการณท์ างสงั คมกล่มุ จังหวัดภาคตะวันออก

14 2.7 ด้านเศรษฐกิจและรายได้ ผลิตภณั ฑม์ วลรวม ตารางที่ 8 การขยายตวั ของผลิตภัณฑ์มวลรวม 7 จงั หวดั รายจังหวัดพน้ื ท่ีภาคตะวนั ออก จังหวดั อัตราการขยายตัว GPP (ร้อยละ) ปี 2560 ปี 2561 ชลบรุ ี 2.2 4.3 ระยอง 5.8 -1.4 ตราด 16.5 -10.8 จันทบรุ ี 17.1 -5.2 ฉะเชงิ เทรา -11.5 11.2 ปราจนี บุรี 22.6 7.4 สระแกว้ 7.0 13.3 ทีม่ า: ผลติ ภณั ฑ์ภาคและจงั หวดั แบบปรมิ าณลูกโซ่ ฉบับ พ.ศ. 2561 สำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ จากข้อมูลตารางที่ 8 การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม 7 จังหวัดรายจังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออก (GPP) พบว่า ในปี 2561 จังหวัดสระแกว้ มีการขยายตวั มากที่สุด คือ ร้อยละ 13.3 รองลงมา คือ จังหวัดฉะเชงิ เทรา ร้อยละ 11.2 และจังหวัดชลบุรี ร้อยละ 4.3 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบอตั ราการขยายตัว GPP ปี 2560 กับ ปี 2561 หลายจังหวดั ส่วนมากมีอตั ราการขยายตวั ของ GPP ชะลอลง ตารางที่ 9 ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมจังหวัดต่อหัว (GPP per capita) ปี 2561 จังหวดั บาทต่อปี ชลบรุ ี 566,801 ระยอง 1,067,449 จันทบรุ ี 217,393 ตราด 161,322 ฉะเชงิ เทรา 469,539 ปราจีนบรุ ี 513,789 สระแก้ว 80,716 ทมี่ า: ผลติ ภณั ฑภ์ าคและจงั หวดั แบบปรมิ าณลกู โซ่ ฉบับ พ.ศ. 2562 สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ จากตารางที่ 9 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว (GPP per capita) ปี 2560 ของ 7 จังหวัด ภาคตะวันออก พบว่า จังหวัดระยอง มีจำนวนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว ( GPP per capita) มากที่สุด จำนวน 1,067,449 บาท/ปี รองลงมา คือ จังหวัดชลบุรี จำนวน 566,801 บาท/ปี ถัดมาคือ จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 513,789 บาท/ปี รายงานสถานการณท์ างสังคมกลมุ่ จังหวดั ภาคตะวนั ออก

15 ตารางที่ 10 รายได้โดยเฉลีย่ ตอ่ เดอื นตอ่ ครวั เรอื นของกลมุ่ จงั หวัดภาคตะวนั ออก พ.ศ.2552-2560 (หนว่ ย:บาท) จังหวัด 2552 2554 2556 2558 2560 ชลบุรี 24,052.20 23,007.20 28,366.50 27,256.70 27,665.39 ระยอง 22,982.83 21,929.00 30,400.80 30,314.80 27,797.79 จันทบรุ ี 19,441.86 24,277.60 27,284 36,024 32,894 ตราด 16,948.60 28,118.20 21,653 25,333 27,797 ฉะเชงิ เทรา 21,251.57 23,030.70 34,548.30 27,554.90 26,061.85 ปราจนี บรุ ี 22,548.12 25,338.10 21,039 24,166 22,953 สระแก้ว 15,525.44 17,781.10 24,805 26,953 22,115 ทมี่ า สำนกั งานสถติ แิ ห่งชาติ ขอ้ มูล ณ วันท่ี 31 กรกฎาคม 2563 ร า ย ไ ด้ โ ด ย เ ฉ ลี่ ย ต่ อ เ ดื อ น ต่ อ ค รั ว เ รื อ น ข อ ง ก ลุ่ ม จั ง ห วั ด ภ า ค ตะวันออก พ.ศ.2552 –2560 จานวนเ ิงน (บาท) ชลบุรี ระยอง จันทบรุ ี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว 2560 40,000.00 2552 2554 2556 2558 30,000.00 ปี พ.ศ. 20,000.00 10,000.00 0.00 แผนภมู ิที่ 3 รายได้โดยเฉลย่ี ต่อเดอื นตอ่ ครัวเรือนของกล่มุ จงั หวดั ภาคตะวันออก พ.ศ.2552 –2560 จากตารางที่ 22 และแผนภูมิที่ 15 รายได้โดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือนของกลุ่มจังหวัดภาค ตะวันออก พ.ศ.2552 –2560 พบว่าในปี 2560 จังหวัดชลบุรี มีรายได้โดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน จำนวน 27,665.39 บาท ซง่ึ สูงขนึ้ จากปี 2558 ร้อยละ 1.50 จงั หวัดระยอง มีจำนวน 27,797.79 บาท ซึ่งลดลงจากปี 2558 ร้อยละ 8.30 และจังหวัดฉะเชงิ เทรา มีจำนวน 26,061.85 บาท ซ่งึ ลดลงจากปี 2558 ร้อยละ 5.42 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุม่ จังหวดั ภาคตะวันออก

16 ตารางท่ี 11 หน้ีสนิ เฉลี่ยตอ่ ครัวเรือน จำแนกตามวตั ถปุ ระสงค์ของการกยู้ ืม ของภาคตะวันออก พ.ศ. 2552 – 2560 (หน่วย:บาท) จังหวดั วตั ถุประสงค์ของ 2552 2554 2556 2558 2560 การกู้ยมื ชลบรุ ี หนีส้ ินทง้ั สน้ิ 191,149.00 186,509.00 159,083.70 149,191.50 170,022.64 เพอ่ื ใชจ้ ่ายในครวั เรือน 50,818.00 46,507.20 67,208.40 72,108.30 81,276.07 เพื่อใช้ทำธุรกิจทไ่ี มใ่ ช่ 5,615.00 837.50 2,381.90 4,648.80 330.76 การเกษตร เพอ่ื ใช้ทำการเกษตร 3,607.00 1,925.40 1,128.10 892.80 652.63 เพ่อื ใช้ในการศกึ ษา 1,732.00 850.30 705.50 78.10 803.85 เพือ่ ใชซ้ ื้อ/เชา่ ซอ้ื บา้ น 129,377.00 136,388.60 87,532.40 71,463.50 86,959.33 และทด่ี ิน อนื่ ๆ 0 0 127.40 0 0 ระยอง หน้ีสินทงั้ สนิ้ 144,786.00 104,910.40 171,432.40 145,526.80 124,478.28 จนั ทบรุ ี 49,190.00 46,867.20 58,998.20 36,753.20 42,971.14 เพอ่ื ใชจ้ ่ายในครัวเรือน 17,534.00 16,874.20 30,251.50 19,775.60 13,528.26 เพื่อใชท้ ำธรุ กจิ ท่ไี มใ่ ช่ การเกษตร เพือ่ ใช้ทำการเกษตร 16,748.00 18,328.60 12,445.90 3,548.40 2,189.30 เพื่อใชใ้ นการศึกษา 1,014.00 0 39.80 0 223.48 เพอ่ื ใช้ซอ้ื /เชา่ ซื้อบ้าน 60,301.00 22,316.80 69,696.90 85,438.40 65,566.10 และที่ดนิ 523.70 0 11.10 0.00 อนื่ ๆ 0 124,265.50 110,504.30 130,258.20 186,071.96 48,390.30 44,057.70 69,832.70 72,316.98 หนี้สนิ ทง้ั สิน้ 125,646.00 18,036.90 11,110.60 9,880.50 14,219.28 เพื่อใชจ้ ่ายในครัวเรือน 40,428.00 เพอ่ื ใชท้ ำธุรกิจทไ่ี ม่ใช่ 15,608.00 การเกษตร รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวัดภาคตะวนั ออก

17 เพ่อื ใช้ทำการเกษตร 34,424.00 24,999.50 28,283.50 29,273.10 51,224.22 เพอ่ื ใชใ้ นการศกึ ษา 985.00 2,095.70 1,045.50 2,112.60 567.89 เพื่อใช้ซอ้ื /เชา่ ซอ้ื บ้าน 32,666.00 30,086.20 26,007.10 16,929.80 45,838.70 และทด่ี นิ 1,535.00 657.00 - 2,229.60 1,904.89 อืน่ ๆ ตราด หน้สี ินทัง้ สนิ้ 99,210.00 91,346.40 147,138.70 147,113.80 193,674.99 เพอ่ื ใชจ้ ่ายในครวั เรอื น 36,608.00 38,257.20 58,001.50 83,337.00 86,672.89 เพื่อใช้ทำธรุ กจิ ท่ไี ม่ใช่ 9,735.00 14,626.10 34,209.70 5,776.80 27,591.57 การเกษตร 28,015.00 18,395.80 18,535.80 26,157.10 33,869.60 เพอ่ื ใช้ทำการเกษตร เพื่อใชใ้ นการศกึ ษา 4,690.00 1,595.80 615.20 757.20 2,899.44 เพื่อใชซ้ ือ้ /เช่าซ้ือบ้าน 19,843.00 18,471.40 35,762.40 31,085.70 42,641.50 และท่ีดนิ 318.00 - 14.10 - - อน่ื ๆ 102,745.40 217,297.60 75,443.10 80,062.22 ฉะเชิงเทรา หน้สี นิ ทัง้ ส้ิน 95,398.00 เพื่อใชจ้ า่ ยในครวั เรือน 31,719.00 37,813.80 66,998.00 53,027.60 44,365.22 เพื่อใช้ทำธุรกิจท่ไี ม่ใช่ 11,371.00 7,179.90 19,988.60 3,372.00 3,194.95 การเกษตร 22,559.70 11,690.10 5,836.20 17,986.39 เพื่อใช้ทำการเกษตร 26,587.00 เพอื่ ใช้ในการศึกษา 1,360.00 477.50 676.60 1,554.00 277.20 เพื่อใชซ้ อ้ื /เชา่ ซอ้ื บา้ น 24,203.00 34,639.60 117,780.40 11,653.30 14,238.46 และที่ดนิ อน่ื ๆ 158.00 74.90 163.90 0 0 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก

ปราจนี บุรี หน้ีสินทงั้ สิ้น 18 110,519.10 161,432.80 135,499.30 175,679.00 127,50310 เพอ่ื ใชจ้ า่ ยในครวั เรือน 59,342.00 72,411.20 49,914.50 67,125.70 51,096.86 10,549.40 5,855.80 17,135.80 11,374.92 เพอ่ื ใชท้ ำธุรกจิ ทไ่ี ม่ใช่ 34,992.00 การเกษตร 21,690.00 12,612.70 14,265.50 48,175.90 26,602.01 8,652.70 1,202.70 131.80 1,916.43 เพ่อื ใชท้ ำการเกษตร 21,064.60 39,280.60 28,607.60 44,509.09 เพอ่ื ใช้ในการศกึ ษา 3,653.00 2,212.60 - 106,147.10 169,875.58 เพื่อใชซ้ ือ้ /เชา่ ซอ้ื บ้าน 55,711.00 46,933.30 - 255.90 71,272.14 และที่ดิน 290.00 9,004.90 166,090.30 249,126.90 12,159.17 51,241.80 144,502.20 อน่ื ๆ 31,128.70 15,561.40 26,256.40 65,672.63 2,008.50 2,829.83 สระแกว้ หนี้สนิ ท้ังสิ้น 105,886.00 11,603.80 17,030.98 เพ่อื ใช้จา่ ยในครวั เรอื น 39,364.00 5,467.90 910.82 เพอ่ื ใชท้ ำธุรกิจที่ไมใ่ ช่ 10,360.00 47,466.10 43,752.80 การเกษตร 38,691.00 1,317.10 5,601.40 36,555.30 28,381.00 เพื่อใช้ทำการเกษตร เพื่อใช้ในการศึกษา 332.00 เพอื่ ใช้ซือ้ /เชา่ ซอื้ บา้ น 16,643.00 13,948.70 633.10 และท่ดี ิน 496.00 อื่น ๆ ท่ีมา สำนักงานสถิติแหง่ ชาติ ขอ้ มลู ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 หมายเหต:ุ หน้อี ื่นๆ ได้แก่ หนจ้ี ากการคำ้ ประกันบุคคลอ่นื หน้คี ่าปรับหรือจ่ายชดเชยค่าเสียหายเป็นตน้ รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลมุ่ จงั หวดั ภาคตะวันออก

19 ปี 2560 ของกลมุ่ จงั หวัดภาคตะวันออก (หนว่ ย : บาท) อื่น ๆ 2,815.71 316,784.16 เพ่ือใช้ซอ้ื /เชา่ ซอื้ บา้ นและที่ดนิ 9,518.12 ัวต ุถประสง ์คของการกู้ ืยม เพือ่ ใชใ้ นการศึกษา 198,196.78 เพ่อื ใช้ทาการเกษตร เพอ่ื ใช้ทาธุรกจิ ท่ไี ม่ใชก่ ารเกษตร 82,398.91 449,971.30 เพื่อใช้จา่ ยในครวั เรอื น 0.00 50,000.00 100,000.00 150,000.00 200,000.00 250,000.00 300,000.00 350,000.00 400,000.00 450,000.00 จานวนเงิน แผนภูมิที่ 4 หน้ีสนิ้ เฉลี่ยตอ่ ครัวเรอื นจำแนกวัตถุประสงคข์ องการกยู้ ืม ปี พ.ศ. 2560 จากตารางท่ี 11 และแผนภมู ทิ ี่ 4 หนี้ส้นิ เฉลยี่ ตอ่ ครัวเรือน จำแนกวตั ถุประสงค์ของการกู้ยืม ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พ.ศ.2552-2560 พบว่าในปี 2560 มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน รวมทั้งส้ิน 1,059,684.97บาท โดยจังหวัดที่มหี นี้สินเฉลี่ยตอ่ ครัวเรือนมากที่สุด คือ จังหวัดตราด รองลงมา คือจังหวดั จันทบุรี ชลบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ตามลำดับ ซึ่ง มีวัตถุประสงค์ของการกู้ยืม คือ เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนมากที่สุด จำนวน 449,971.30 บาท รองลงมาเพื่อใช้ชื้อ/เช่าซื้อบ้านและที่ดิน จำนวน 316,784.16 บาท ถัดมาเพื่อใช้ทำการเกษตร จำนวน 198,196.78 บาท เพื่อใช้ทำธุรกิจที่ไม่ใช่ การเกษตร จำนวน 82,398.91 บาท และสดุ ทา้ ยเพ่ือใชใ้ นการศกึ ษา 9,518.12 บาท ตามลำดบั และจากขอ้ มลู ตารางที่ 11 พบว่า หนี้สินเฉลี่ยต่อครวั เรือน จำแนกตามวัตถุประสงค์ของการกู้ยืม พ.ศ.2552 – 2560 พื้นท่ี ภาคตะวันออก สว่ นใหญ่มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ใช้จา่ ย ในครัวเรือน รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก

20 2.8 ขอ้ มูลภาคเี ครอื ข่าย ตารางที่ 12 จำนวนองคก์ รภาคเี ครอื ขา่ ย (หนว่ ย : แห่ง) จังหวัด องค์กร องคก์ ร กองทนุ สภา ศพอส. องค์กร ศพค. สภาเด็ก อพม. สวสั ดิการ สาธารณะ สวัสดิการ องค์กร พกิ าร และ (คน) ชุมชน ประโยชน์ ชุมชน ชมุ ชน เยาวชน 3,383 (คน) 1406 1,037 ชลบรุ ี 49 54 64 90 15 51 70 2,662 841 1,682 ระยอง 46 53 64 65 13 6 67 1,322 461 2,523 จันทบรุ ี 147 56 72 86 16 10 81 882 11,333 ตราด 71 71 115 10 158 10 43 51 ฉะเชิงเทรา 39 101 59 96 17 6 108 2,268 ปราจีนบุรี 51 34 59 71 13 24 69 1580 สระแก้ว 44 25 43 65 11 9 65 961 รวม 447 394 476 483 243 116 503 9,726 ทม่ี า สำนกั งานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์จังหวดั ขอ้ มูล ณ วันท่ี 31 กรกฎาคม 2563 องค์กรภาคเี ครอื ข่ายภาคตะวันออก (แห่ง) ภำคีเครือข่ำยอำสำสมัคร (คน) 600 องคก์ รสวสั ดิการชมุ ชน 11,500 11,333 องค์กรสาธารณะประโยชน์ 500 กองทุนสวสั ดิการชุมชน 11,000 400 สภาองคก์ รชมุ ชน 300จานวนแ ่หง 503 200 100 จำนวนคน 447 394 476 483 10,500 0 243 116 10,000 9,726 9,500 ศพอส. 9,000 องค์กรพิการ 8,500 ศพค. สภำเด็กฯ อพม. (คน) แผนภูมิที่ 5.1 จำนวนองคก์ ร ภาคีเครอื ขา่ ย แผนภมู ิที่ 5.2 ภาคเี ครือขา่ ยอาสาสมัคร จากตารางที่ 12 และแผนภูมิที่ 5.1 จำนวนองค์กรภาคีเครือข่าย ปี 2563 ของกลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก พบว่า องค์กรภาคีเครือข่ายที่มีมากที่สุดคือ ศูนย์พัฒนาครอบครัว (ศพค.) จำนวน 503 แห่ง มีมากในจังหวัดฉะเชิงเทรา รองลงมาคือสภาองค์กรชุมชน จำนวน 483 แห่ง มีมากในจังหวดั ฉะเชิงเทรา ถัดมา กองทนุ สวัสดกิ ารชุมชน จำนวน 476 แหง่ มมี ากในจังหวดั ตราด องคก์ รสวัสดิการชมุ ชน จำนวน 447 แหง่ มีมาก ในจังหวดั จนั ทบรุ ี องคก์ รสาธารณะประโยชน์ จำนวน 394 แหง่ มมี ากในจงั หวัดฉะเชงิ เทรา ศนู ย์พัฒนาคุณภาพ ชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) จำนวน 243 แห่ง มีมากในจังหวัดตราด และสุดท้าย องค์กรคนพิการ จำนวน 116 แห่ง มีมากในจงั หวัดชลบุรี ตามลำดบั สำหรับจำนวนภาคีเครือข่ายอาสาสมัคร ปี 2563 ตามแผนภูมิ ท่ี 5.2 กลุ่มจังหวัดภาคตะวนั ออก พบวา่ เครอื ขา่ ยอาสาสมัครทีม่ มี ากท่ีสุดคือ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ (อพม.) จำนวน 11,333 คน มีมากในจังหวัดชลบุรี ร้อยละ 29.85 เครือข่ายอาสาสมัครรองลงมา คือ สภาเดก็ และเยาวชน จำนวน 9,726 คน มมี ากในจงั หวดั ชลบุรี ร้อยละ 27.37 รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก

21 ส่วนที่ 3 สถานการณท์ างสงั คมของกลุ่มจังหวดั 3.1 ข้อมลู สถานการณท์ างสังคมเชงิ กลมุ่ เปา้ หมาย พื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 ครอบคลุมจำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว มีสถานการณ์ทางสัคมของ กลุ่มเป้าหมาย 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็ก กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สงู อายุ กลุ่มผู้พกิ าร และ กล่มุ คนยากจน ในการจัดทำรายงานสถานการณท์ างสงั คมประจำปี 2563 ได้ดำเนนิ การรวบรวมข้อมูลย้อนหลงั เป็นระยะเวลา 10 ปี ในช่วงปี พ.ศ. 2553 – 2562 จากเว็บไซต์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (www.dopa.go.th) และ สำนักงานสถติ แิ ห่งชาติ (www.nso.go.th) กระทรวงดจิ ทิ ัลเพอื่ เศรษฐกิจและสังคม (www.nso.go.th) โดยมผี ลจากการวเิ คราะห์สถานการณท์ างสงั คมของแต่ละกลมุ่ เป้าหมาย ดงั ตอ่ ไปนี้ 3.1.1 กลมุ่ เด็ก ประชากรเด็ก หรือบคุ คลท่ีมีอายตุ ่ำกวา่ 18 ปีบรบิ รู ณ์ ทีอ่ ยูใ่ นพ้ืนที่ 7 จังหวัดตามความรบั ผิดชอบของ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 ในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนรวม 1,075,401 คน และจากข้อมูล ประชากรเด็กโดยรวมระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2562 แสดงให้เห็นแนวโนม้ ว่าจำนวนประชากรเด็กเพิ่มขึ้นใน บางจังหวัดและลดลงอย่างต่อเนื่องในบางจังหวัด ดังตารางที่ 13 และแผนภูมิที่ 6 เมื่อพิจารณารายจังหวดั พบวา่ ประชากรเดก็ เพิม่ ข้นึ ในทกุ ๆ ปี จำนวน 2 จังหวดั คอื จังหวัดชลบุรี ระยอง และลดลงในทกุ ๆ ปี จำนวน 4 จังหวัด คือ จังหวัดจนั ทบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบรุ ี และสระแกว้ นอกจากน้นั เมอ่ื พิจารณาเปรยี บเทียบราย จงั หวัด พบว่า จังหวัดตราดมีประชากรเดก็ ต่ำท่สี ดุ ในกลมุ่ จงั หวดั และจังหวดั ชลบุรีเปน็ จงั หวัดทีม่ ีประชากรเดก็ สงู สดุ ในกล่มุ จังหวัด ตารางที่ 13 จำนวนเดก็ จำแนกตามจงั หวัดรายปี (หน่วย:คน) จงั หวดั 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบุรี 326,164 329,385 332,770 342,962 346,178 350,394 353,910 357,479 360,035 361,225 ระยอง 162,605 164,369 165,741 168,857 169,560 171,325 171,845 172,135 172,762 173,604 จนั ทบุรี 120,268 119,542 118,583 117,572 115,868 114,681 113,012 112,022 111,004 109,685 ตราด 51,333 50,830 50,263 51,302 50,799 51,639 50,890 50,073 49,209 48,586 ฉะเชงิ เทรา 116,642 160,857 160,419 159,842 158,253 156,636 155,144 154,817 153,776 152,714 ปราจีนบุรี 111,872 111,098 110,394 109,575 108,269 106,664 105,601 104,945 104,106 103,308 สระแกว้ 139,438 138,093 136,507 134,974 133,014 131,244 129,669 128,646 127,257 126,279 รวมกลุม่ 1,028,322 1,074,174 1,074,677 1,085,084 1,081,941 1,082,583 1,080,071 1,080,117 1,078,149 1,075,401 จังหวัด ทมี่ า กรมการปกครอง และสำนักงานสถติ ิแหง่ ชาติ ข้อมูล ณ วนั ท่ี 26 มถิ ุนายน 2563 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก

22 400,000 แนวโนม้ จำนวนเด็ก จำแนกตำมรำยจงั หวดั (หน่วย : คน) 350,000 300,000 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 250,000 ระยอง จนั ทบุรี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว 200,000 150,000 100,000 50,000 0 2553 ชลบุรี แผนภมู ิที่ 6 แนวโนม้ จำนวนเด็ก จำแนกตามรายจังหวัด 3.1.2 กลุ่มเยาวชน ประชากรเยาวชน หรือบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18-25 ปีบริบูรณ์ ที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 ในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนรวม 534,657 คน และจากข้อมูล ประชากรเยาวชนโดยรวมระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2562 แสดงให้เห็นแนวโน้มว่าจำนวนประชากรเยาวชน ส่วนมากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังตารางที่ 14 และแผนภูมิที่ 7 เมื่อพิจารณารายจังหวัด พบว่า ประชากร เยาวชนเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี มี 5 จังหวัด คือ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี และมีเพียง 2 จังหวัดท่ีแนวโน้มประชากรเยาวชนลดลงในเกือบทุกปี คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา และสระแก้ว นอกจากนนั้ เมื่อพจิ ารณาเปรียบเทียบรายจังหวดั พบว่า จงั หวัดตราดมีประชากรเยาวชนตำ่ ท่ีสดุ ในกลุม่ จงั หวัด และจงั หวัด ชลบุรีเป็นจงั หวัดทมี่ ปี ระชากรเยาวชนสงู สดุ ในกลมุ่ จังหวัด ตารางท่ี 14 จำนวนเยาวชนจำแนกตามจงั หวดั รายปี (หน่วย : คน) จังหวัด 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี 156,472 152,583 157,067 163,607 168,739 174,347 176,905 175,072 175,231 173,778 ระยอง 68,162 68,751 69,718 72,574 75,282 77,488 78,204 78,426 78,187 77,828 จันทบรุ ี 59,940 59,295 60,405 61,674 62,421 62,775 62,381 61,097 59,853 58,882 ตราด 25,092 25,136 24,960 25,709 25,608 26,370 26,075 25,742 22,334 25,056 ฉะเชงิ เทรา 78,102 77,714 77,675 78,675 80,083 80,735 80,018 78,858 77,964 77,314 ปราจนี บุรี 55,667 56,522 56,816 57,508 58041 58,563 58,457 57,532 57,398 57,057 สระแกว้ 67,253 66,819 66,335 66,991 67,391 68,080 67,508 66,511 65,570 64,742 รวมกล่มุ 510,688 506,820 512,976 526,738 537,565 548,358 549,548 543,238 536,537 534,657 จงั หวดั ที่มา กรมการปกครอง และสำนักงานสถติ ิแห่งชาติ ข้อมลู ณ วนั ท่ี 26 มิถุนายน 2563 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกล่มุ จงั หวดั ภาคตะวนั ออก

200,000 23 แนวโนม้ จานวนเยาวชน จาแนกตามรายจงั หวัด (หนว่ ย : คน) 150,000 100,000 50,000 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจนี บุรี สระแก้ว แผนภูมทิ ่ี 7 แนวโนม้ จำนวนเยาวชน จำแนกตามรายจังหวัด 3.1.3 กล่มุ สตรี ประชากรสตรี หรอื บคุ คลเพศหญิงทกุ ชว่ งวยั ที่อยูใ่ นพ้ืนท่คี วามรบั ผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและ สนับสนุนวิชาการ 2 ในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนรวม 2,459,053 คน และจากข้อมูลประชากรสตรีโดยรวม ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2562 แสดงให้เห็นแนวโนม้ ว่าจำนวนประชากรสตรีเพิ่มขึ้นอย่างตอ่ เนื่อง ดังตาราง ที่ 15 และแผนภูมิที่ 8 เมื่อพิจารณารายจังหวัด พบว่า ประชากรสตรีเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีทั้ง 7 จังหวัด เช่นเดียวกับภาพรวม นอกจากนัน้ เมื่อพิจารณาเปรยี บเทียบรายจังหวัด พบว่า จังหวัดตราดมีประชากรสตรี ต่ำที่สุดในกลุม่ จงั หวัด และจังหวดั ชลบุรีเป็นจงั หวดั ทีม่ ีประชากรสตรีสูงสุดในกลุ่มจังหวัด ตารางท่ี 15 จำนวนสตรจี ำแนกตามจงั หวัดรายปี (หน่วย : คน) จงั หวัด 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบุรี 670,027 682,119 695,258 708,955 725,387 742,164 756,131 770,182 783,666 796,160 ระยอง 317,388 323,344 329,406 335,585 342,140 349,666 355,913 361,461 367,777 373,644 จันทบรุ ี 260,998 262,339 265,122 266,477 268,309 270,483 271,413 272,572 273,851 274,213 ตราด 110,492 111,212 111,620 112,232 112,673 115,254 115,328 115,509 115,817 115,985 ฉะเชิงเทรา 343,217 346,219 349,738 352,101 354,514 357,056 359,220 361,905 364,319 366,745 ปราจนี บรุ ี 235,059 236,868 238,900 240,266 241,969 243,570 244,785 246,263 247,985 249,500 สระแกว้ 270,374 271,310 272,770 274,112 274,755 277,556 278,869 280,441 281,666 282,806 รวมกลุ่มจงั หวดั 2,207,555 2,233,411 2,262,814 2,289,728 2,319,747 2,355,749 2,381,659 2,408,333 2,435,081 2,459,053 ที่มา กรมการปกครอง และสำนักงานสถติ แิ ห่งชาติ ข้อมลู ณ วันท่ี 26 มิถุนายน 2563 รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุม่ จังหวัดภาคตะวนั ออก

24 900,000 แนวโนม้ จานวนสตรี จาแนกตามรายจงั หวัด (หน่วย : คน) 800,000 700,000 600,000 500,000 400,000 300,000 200,000 100,000 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแกว้ แผนภูมทิ ่ี 8 แนวโน้มจำนวนสตรี จำแนกตามรายจงั หวัด 3.1.4 กลุ่มครอบครัว จำนวนการจดทะเบยี นสมรสท่อี ยู่ในพื้นทค่ี วามรบั ผิดชอบของสำนกั งานสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ วิชาการ 2 ในปี พ.ศ. 2562 มจี ำนวนรวม 38,598 คู่ และจากขอ้ มลู การจดทะเบยี นสมรสโดยรวมระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2562 แสดงใหเ้ ห็นแนวโนม้ วา่ จำนวนการจดทะเบียนสมรสเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ดงั ตารางท่ี 16 และแผนภมู ิท่ี 9 เม่ือพิจารณารายจงั หวดั พบวา่ จำนวนการจดทะเบียนสมรสเพิ่มขึน้ ในทุกๆ ปที ้ัง 7 จังหวดั เชน่ เดยี วกบั ภาพรวม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรายจงั หวัด พบว่า จังหวดั ตราดมีจำนวนการจดทะเบียนสมรสต่ำที่สุดในกลุ่มจังหวดั และจงั หวัดชลบุรีเป็นจงั หวดั ท่มี ีจำนวนการจดทะเบยี นสมรสสูงสดุ ในกลุ่มจงั หวัด ตารางท่ี 16 จำนวนการจดทะเบยี นสมรสจำแนกตามจงั หวดั รายปี (หนว่ ย : คู่) จงั หวัด 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบุรี 12,271 13,088 13,600 14,193 14,708 14,879 15,949 15,795 15,888 16,736 ระยอง 6,182 6,195 6,272 6,257 6,648 7,404 7,852 7,588 7,705 8,221 จนั ทบุรี 1,813 1,877 1,998 1,809 1,792 2,012 1,871 1,930 1,997 2,105 ตราด 821 978 873 848 824 832 898 829 895 919 ฉะเชงิ เทรา 3,709 3,716 4,025 3,963 4,037 4,192 4,531 4,149 4,507 4,775 ปราจีนบุรี 2,541 2,752 2,560 2538 2,576 2,628 2,678 2,938 3013 3,382 สระแก้ว 2,307 2,393 2,216 2,088 2,134 2,221 2,206 2,235 2,243 2,460 รวมกลมุ่ จงั หวัด 29,644 30,999 31,544 31,696 32,719 32,719 35,985 35,464 36,248 38,598 ท่มี า กรมการปกครอง และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 26 มถิ ุนายน 2563 รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลมุ่ จงั หวดั ภาคตะวันออก

25 แนวโน้มจานวนการจดทะเบยี นสมรส จาแนกตามรายจงั หวัด (หน่วย : คู่) 18,000 16,000 14,000 12,000 10,000 8,000 6,000 4,000 2,000 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด แผนภูมิท่ี 9 แนวโนม้ จำนวนครอบครัว จำแนกตามรายจงั หวดั 3.1.5 กลุ่มผสู้ ูงอายุ ประชากรผ้สู งู อายุ หรือบคุ คลที่มีอายุ 60 ปีขน้ึ ไป ทีอ่ ย่ใู นพ้ืนทค่ี วามรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริม และสนับสนุนวิชาการ 2 ในปี พ.ศ. 2562 มจี ำนวนรวม 719,044 คน และจากข้อมูลประชากรผสู้ งู อายุโดยรวม ระหวา่ งปี พ.ศ. 2553 – 2562 แสดงให้เห็นแนวโน้มวา่ จำนวนประชากรผสู้ งู อายุเพิม่ ขึน้ อย่างตอ่ เน่ือง ดงั ตาราง ที่ 17 และแผนภูมิที่ 10 เมื่อพิจารณารายจังหวัด พบว่า ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีทั้ง 7 จังหวัด เช่นเดียวกับภาพรวม นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรายจังหวัด พบว่า จังหวัดตราดมีประชากร ผ้สู ูงอายุต่ำท่ีสดุ ในกลุ่มจังหวดั และจงั หวดั ชลบุรีเปน็ จังหวัดทม่ี ปี ระชากรผ้สู งู อายุสงู สดุ ในกลมุ่ จังหวัด ตารางที่ 17 จำนวนผู้สงู อายจุ ำแนกตามจงั หวัดรายปี (หน่วย : คน) จงั หวดั 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี 128,631 134,774 142,009 153,361 161,374 168,605 175,875 184,912 194,605 205,021 ระยอง 60,804 63,712 66,874 72,211 75,694 78,870 81,899 85,795 90,316 94,635 จันทบรุ ี 64,671 67,414 70,472 75,771 78,863 81,443 84,256 87,594 91,532 95,420 ตราด 26,908 28,005 29,189 31,207 32,395 33,653 34,789 36,155 37,749 39,413 ฉะเชงิ เทรา 86,110 89,282 92,509 98,873 102,513 105,382 108,314 112,387 116,342 121,318 ปราจีนบุรี 56,681 58,901 61,253 65,270 67,850 69,981 71,932 74,788 77,708 80,845 สระแกว้ 53,949 56,185 58,972 63,710 66,660 69,094 71,639 75,101 78,536 82,392 รวมกลุ่มจังหวัด 477,754 498,273 521,278 560,403 585,349 607,028 628,704 656,732 686,788 719,044 ทีม่ า กรมการปกครอง และสำนักงานสถิตแิ ห่งชาติ ข้อมลู ณ วันท่ี 26 มิถนุ ายน 2563 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลมุ่ จังหวดั ภาคตะวนั ออก

26 แนวโน้มจานวนผู้สูงอายุ จาแนกตามรายจงั หวัด (หน่วย : คน) 250,000 200,000 150,000 100,000 50,000 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบรุ ี สระแกว้ แผนภมู ิที่ 10 แนวโนม้ จำนวนครอบครัว จำแนกตามรายจังหวัด 3.1.6 กลุ่มผูพ้ กิ าร ประชากรคนพกิ าร หรือคนทจ่ี ดทะเบยี นเป็นผ้พู กิ ารหรอื ทพุ พลภาพ ทอ่ี ย่ใู นพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของ สำนกั งานส่งเสริมและสนบั สนนุ วชิ าการ 2 ในปี พ.ศ. 2562 มจี ำนวนรวม 112,726 คน และจากข้อมูลประชากร คนพิการโดยรวมระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2562 แสดงให้เห็นแนวโน้มว่าจำนวนประชากรคนพิการเพิ่มข้ึน อย่างต่อเนื่อง ดังตารางท่ี 18 และแผนภูมทิ ่ี 11 เมื่อพิจารณารายจงั หวัด พบว่า ประชากรคนพิการเพิ่มขึน้ ใน ทุกๆ ปีท้ัง 7 จงั หวดั เชน่ เดยี วกับภาพรวม นอกจากนนั้ เมอ่ื พจิ ารณาเปรียบเทยี บรายจงั หวดั พบว่า จังหวดั ตราด มีประชากรคนพิการต่ำที่สุดในกลุ่มจังหวัด และจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีประชากรคนพิการสูงสุดในกล่มุ จงั หวดั ตารางที่ 18 จำนวนคนพกิ ารทม่ี บี ตั รประจำตัวคนพกิ ารจำแนกตามจงั หวดั (หน่วย: คน) จงั หวัด 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบรุ ี 11,664 14,450 15,811 17,686 19,653 21,064 20,285 22,140 23,381 24,662 ระยอง 7,408 8,051 8,831 9,857 10,786 11,415 10,767 11,640 12,378 13,065 จนั ทบรุ ี 7,598 9,478 10,121 11,253 12,307 12,800 12,972 13,880 14,323 14,746 ตราด 2,922 3,237 3,396 3,702 4,000 4,137 3,879 4,140 4,289 4,484 ฉะเชิงเทรา 9,632 11,188 12,403 13,815 15,114 16,883 17,976 19,708 20,674 21,693 ปราจนี บุรี 8,168 9,053 9,817 11,068 12,415 13,670 13,280 14,247 14,748 15,104 สระแกว้ 10,062 11,569 12,544 14,014 15,491 16,682 16,217 17,223 18,217 18,972 รวมกลุ่มจังหวดั 57,454 67,026 72,923 81,395 89,766 96,651 95,376 102,978 108,010 112,726 ทม่ี า กรมสง่ เสริมและพฒั นาคุณภาพชวี ิตคนพิการ กระทรวง พม. ข้อมูล ณ วนั ที่ 26 มถิ ุนายน 2563 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลมุ่ จังหวดั ภาคตะวันออก

27 แนวโน้มจำนวนคนพกิ ำรทม่ี ีบัตรประจำตัวคนพิกำรจำแนกตำมจังหวัด (หนว่ ย: คน) 30,000 25,000 20,000 15,000 10,000 5,000 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ชลบุรี ระยอง จนั ทบรุ ี ตรำด ฉะเชิงเทรำ ปรำจนี บรุ ี สระแกว้ แผนภมู ิที่ 11 แนวโน้มจำนวนคนพกิ ารท่ีมบี ตั รประจำตวั คนพกิ าร จำแนกตามรายจังหวัด 3.1.7 กล่มุ ผดู้ อ้ ยโอกาส ประชากรคนยากจน หรือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน ที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนนุ วิชาการ 2 ในปี พ.ศ. 2561 มีจำนวนรวม 335,000 คน และจากข้อมูลประชากร คนยากจนโดยรวมระหวา่ งปี พ.ศ. 2552 – 2561 แสดงให้เหน็ แนวโน้มว่าจำนวนประชากรคนยากจนลดลงอย่าง ต่อเน่ือง ยกเว้นจังหวัดสระแกว้ ที่มีประชากรคนยากจนเพิ่มขึ้น ดังตารางที่ 19 และแผนภูมทิ ี่ 12 เมื่อพิจารณา รายจังหวัด พบว่า ประชากรคนยากจนลดลงในทุกๆ ปีทั้ง 7 จังหวัดเช่นเดียวกับภาพรวม นอกจากน้ัน เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรายจังหวัด พบว่า จังหวัดชลบุรีมีประชากรคนยากจนต่ำที่สุดในกลุ่มจังหวัด และ จงั หวดั สระแก้วเปน็ จังหวัดทีม่ ปี ระชากรคนยากจนสูงสดุ ในกลุ่มจังหวัด รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก

28 ตารางที่ 19 จำนวนคนยากจน จำแนกตามรายจงั หวดั รายปี (หน่วย: พันคน) จงั หวัด 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 ชลบุรี 22.8 32.1 38.3 1.2 1.3 6.4 10 0.5 35.5 5.7 ระยอง 47.9 29.4 30.1 17.9 24.1 2.8 4.7 19.3 16.9 39.7 จันทบรุ ี 49.9 50.3 58.5 69.8 66.4 45 19.4 19.8 33.3 29.9 ตราด 61.0 65.9 50.2 52.5 45.2 29 30.3 37.9 22.3 41.2 ฉะเชิงเทรา 67.5 90.0 57.8 22.9 13.8 28.8 18.9 35.6 7.7 23 ปราจนี บรุ ี 55.3 43.0 82.2 45.4 47.4 33.7 10 65.7 37.9 26.6 สระแก้ว 55.3 226.3 152.2 87.7 78.5 74.5 66.7 95.9 118.7 168.8 รวมกลุม่ จงั หวดั 359.7 537 469 297 277 220 160 275 272 335 ที่มา : ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถติ แิ ห่งชาติ www.nso.go.th ประมวลผลโดย : สำนักพัฒนาฐานข้อมูลและตัวช้วี ดั ภาวะสังคม สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ขอ้ มลู ณ วันท่ี 26 มิ.ย. 2563 แนวโนม้ จานวนคนยากจน จาแนกตามรายจงั หวดั (หน่วย: พันคน) 250.0 200.0 150.0 100.0 50.0 0.0 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 ชลบรุ ี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแกว้ แผนภูมทิ ี่ 12 แนวโนม้ จำนวนคนยากจน จำแนกตามรายจงั หวัด รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลมุ่ จังหวัดภาคตะวันออก



29 3.2 สถานการณ์ทางสังคมเชงิ ประเดน็ : การจา้ งงานคนพกิ าร บทนำ สถานการณ์คนพิการกลุม่ จังหวัดภาคตะวันออกในปี 2562 ตามพื้นที่รับผดิ ชอบของสำนกั งานส่งเสริม และสนับสนุนวิชาการ 2 ตามตารางที่ 18 มีคนพิการที่จดทะเบียนคนพิการ ตามพระราชบัญญัติส่งเสรมิ และ พฒั นาคุณภาพชวี ติ คนพกิ าร พ.ศ. 2550 และทีแ่ กไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 จำนวนท้งั สน้ิ 112,726 คน โดยเรียนจังหวดั ทีม่ ีคนพกิ ารจดทะเบียนมากทีส่ ดุ ถงึ น้อยท่ีสุด ดงั นี้ จังหวดั ชลบรุ ี 24,662 คน จังหวัดฉะเชิงเทรา 21,693 คน จังหวัดสระแก้ว 18,972 คน จังหวัดปราจีนบุรี 15,104 คน จังหวัดจันทบุรี 14,746 คน จังหวดั ระยอง 13,065 คน และจังหวดั ตราด 4,484 คน ท้ังนี้ พระราชบัญญัติส่งเสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และทีแ่ กไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2556 มีเจตนารมณ์เพื่อส่งเสรมิ และพัฒนาคุณภาพชีวติ คนพิการ ซงึ่ มบี ทบัญญตั ิ เพือ่ กำหนดมาตรการสำคัญเกย่ี วกับการส่งเสรมิ อาชพี และคุ้มครองให้คนพิการมงี านทำ เพอ่ื ให้ คนพิการ ได้มีโอกาสใช้ความสามารถ มีรายได้ พึ่งพาตนเองได้ และลดภาระของครอบครัว โดยกำหนดให้ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะของงานใน อตั ราสว่ นท่เี หมาะสมกับผปู้ ฏิบตั ิงานในสถานประกอบการหรือหนว่ ยงานของรัฐ ตามมาตรา 33 และกำหนดให้ หนว่ ยงานของรัฐ นายจา้ งหรอื เจา้ ของสถานประกอบการท่ีไม่ประสงค์ดำเนินการตามมาตรา 33 และไมป่ ระสงค์ จะส่งเงินหกั เขา้ กองทนุ ตามมาตรา 34 การดำเนนิ การให้สมั ปทาน จัดสถานท่ีจำหนา่ ยสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ ง เหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการโดยวิธีกรณีพิเศษ ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามอื หรอื ให้ความช่วยเหลืออ่ืนใด ต่อคนพิการหรือผดู้ แู ลคนพิการได้ ตามมาตรา 35 ในกลมุ่ จังหวัดภาคตะวนั ออก มกี ารเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ จากข้อมูลปี 2559 ธนาคารแห่งประเทศไทย มีนคิ มอุตสาหกรรมในไทย 53 แห่งกระจายอยูใ่ น 15 จงั หวดั โดยภาคตะวันออกมีสัดสว่ นพน้ื ทนี่ ิคมอตุ สาหกรรม มากที่สุดในไทย ประมาณ 75.3% ภาคกลาง 16.3% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.3% ภาคเหนอื 2.8% ภาคใต้ 1.5% และภาคตะวันตก 0.8% ภาคตะวนั ออกเป็นภาคทมี่ ีพืน้ ท่นี ิคมอตุ สาหกรรมมากที่สุดของไทยเนอ่ื งจากเปน็ ภาคที่มีศักยภาพในการเตบิ โตสูงสุดสาหรับนิคมอุตสาหกรรม โดยพื้นที่ภาคตะวันออกครอบคลุมจังหวดั ชลบุรี จังหวดั ระยอง จงั หวัดฉะเชงิ เทรา จงั หวัดปราจีนบรุ ี มีโรงงานอุตสาหกรรมจากนคิ มอุตสาหกรรมในพน้ื ที่อื่นย้าย ฐานการลงทนุ มายงั นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกมากข้นึ จากการเปน็ ฐานการผลติ เชื่อมโยงโครงการพัฒนา พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard Development Program) อีกทั้ง ปัจจุบันจังหวัด ชลบุรี จงั หวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา ถกู กำหนดใหเ้ ป็นพ้ืนที่โครงการพฒั นาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development หรือ EEC) จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีสถาน ประกอบการจำนวนมากที่เข้าข่ายปฏิบัติตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2556 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวัดภาคตะวนั ออก

30 ปัจจัยการจา้ งงานคนพิการ การจ้างานคนพกิ ารเปน็ การสรา้ งอาชีพและรายไดใ้ ห้กับคนพิการและครอบครัว การยอมรับในศักยภาพ เปิดโอกาสใหค้ นพกิ ารเขา้ รว่ มทำงานกบั คนปกติ เกิดการตระหนักในคณุ ค่าและศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ยอ์ ยา่ งเท่า เทยี มกนั นอกจากพระราฃบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ ที่ 2) พ.ศ. 2556 ยงั มนี โยบายและกฎหมายอ่ืนๆ ทส่ี ง่ เสรมิ การจ้างงานคนพกิ าร ดงั น้ี ปจั จยั ส่งเสริม 1.นโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ประเทศไทยในฐานะ ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติได้รบั รองวาระการพฒั นาอย่างยัง่ ยืน พ.ศ. 2573 กำหนดระยะเวลาจะบรรลุ เป้าหมายภายในระยะเวลา 15 ปี ประกอบด้วย 17 เป้าหมายการพฒั นาอยา่ งย่ังยืน เช่น การพัฒนาสังคมโดย มุ่งเน้นเร่ืองขจดั ปญั หาความหิวโหย ความยากจนและความเหล่ือมล้ำ การไม่รู้หนังสอื ความเจ็บป่วยและความ เสื่อมโทรมของส่ิงแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ เป้าหมายการพัฒนาอยา่ งยัง่ ยืนเน้นให้ความสำคัญกบั การปรับสมดุล ทั้ง 3 มิติของการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบบูรณาการและการมี ส่วนร่วมเพอ่ื ไมท่ ิ้งใครไวข้ ้างหลัง 2. กิจการเพอ่ื สังคม (Social Enterprise) หรอื SE กลา่ วคือ รปู แบบการทำธรุ กิจทไ่ี มห่ วงั ผลกำไรสงู สุด มจี ุดมุ่งหมายในการแกไ้ ขปัญหาสงั คมและส่งิ แวดลอ้ ม ปจั จุบันไดก้ ลายเปน็ กระแสท่ีเกดิ ข้นึ อย่างตอ่ เน่อื งในหลาย ประเทศท่ัวโลก รวมทงั้ ประเทศไทยมสี ถานประกอบการได้วเิ คราะห์ผลกระทบระหวา่ งองค์กรและชุมชน นำไปสู่ การกำหนดนโยบายการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รอบสถานประกอบการ ทั้งสิ่งแวดล้อม และคุณภาพ ชีวิตของประชาชน ตามหลักธรรมาภิบาล 3.พระราชบัญญัติสง่ เสรมิ วิสาหกิจเพื่อสงั คม พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเจตนารมณข์ องกฎหมาย เพ่อื ส่งเสริมการ จ้างงานแกบ่ คุ คลผ้สู มควรได้รบั การสง่ เสริมเป็นพิเศษ การแก้ไขปญั หาหรือพฒั นาชุมชน สงั คมหรือสิ่งแวดล้อม หรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอื่นหรือคืนประโยชน์ให้แก่สังคมอันเป็นกิจการเพื่อสังคมหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม สมควรได้รับการส่งเสริมใหข้ ยายตัวมากข้นึ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการคา้ ท้ังภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ปัจจยั จำกดั 1.คนพิการมีทักษะฝีมือแรงงานน้อย ทำให้ไม่สอดคล้องกับความต้องการของลักษณะงานของ สถานประกอบการในภาคตะวันออกที่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก และพลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามลำดับ ซึ่งจะเนน้ สายวิชาชพี และวชิ าชีพชา่ งตา่ ง ๆ 2.การจัดสภาพแวดลอ้ มและสิ่งอำนวยความสะดวกท่ีเอ้ือตอ่ คนพิการ ได้แก่ ทางลาด ทีจ่ อดรถ ห้องน้ำ ปา้ ยสัญลกั ษณ์ และบรกิ ารขอ้ มูลข่าวสาร โดยสถานประกอบการต้องปรบั ปรงุ อาคารหรือสถานท่ี ท้งั ภายในและ ภายนอกอาคาร เพอื่ ใหค้ นพิการเข้าถงึ และใชป้ ระโยชน์ไดบ้ นพ้ืนฐานของความตอ้ งการพเิ ศษของคนพิการแต่ละ ประเภท ซงึ่ ต้องมคี วามเข้าใจทถ่ี กู ต้องและมีคา่ ใชจ้ ่ายในการปรบั ปรงุ 3.สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลต่อการจ้างงาน ช่วงที่มีการ แพร่ระบาดฯ มีสถานประกอบการหยดุ กิจการหรอื ปิดกิจการเน่ืองจากไมม่ รี ายได้และตอ้ งแบกรบั ภาระคา่ ใช้จา่ ย ทำใหม้ แี รงงานถกู เลกิ จา้ ง ซ่ึงจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการจ้างงานคนพกิ าร รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวันออก

31 สถานการณก์ ารจ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 ตารางที่ 20 ประเภทความพิการท่ีได้รบั จ้างงาน มาตรา 33 จงั หวัดชลบรุ ี ท่ี ประเภทความพิการ 2558 2559 2560 2561 2562 1 ไม่ระบุ 1 00 0 0 2 ความพิการทางการเคล่ือนไหวหรือร่างกาย 1358 1406 1497 1621 1665 3 ความพกิ ารทางการได้ยนิ หรือส่อื ความหมาย 417 432 462 520 517 4 ความพิการทางการเหน็ 98 101 119 117 125 5 ความพกิ ารทางการเรียนรู้ 13 3 4 9 5 6 ความพิการทางจติ ใจหรือพฤติกรรม 16 15 19 24 28 7 ความพิการทางสติปัญญา 65 66 77 82 91 8 ความพิการทางออทสิ ตกิ 0 01 1 0 ทม่ี า : กรมสง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ คนพกิ าร ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 จากตารางที่ 20 ประเภทความพิการทไี่ ด้รบั การจ้างงาน มาตรา 33 จงั หวัดชลบรุ ี พบว่า ประเภทความ พิการท่มี ีการจา้ งงาน ตามมาตรา 33 ทกุ ประเภทความพกิ ารและ 3 อันดับทมี่ กี ารจ้างงานมากทส่ี ุด คือ ประเภท ทางการเคล่อื นไหวและร่างกาย ประเภทความพิการทางการได้ยนิ หรอื สอ่ื ความหมาย และประเภททางการเหน็ ประเภทความพกิ ารที่ไดร้ ับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จังหวัดชลบรุ ี 1621 1665 ไม่ระบุ 1497 1358 1406 ความพิการทางการ เคลื่อนไหวหรือร่างกาย 417 432 462 520 517 ความพิการทางการได้ยิน หรือสอื่ ความหมาย ความพกิ ารทางการเห็น ความพกิ ารทางการีเรียนรู้ ความพิการทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรม ความพกิ ารทางสตปิ ญั ญา 98 65 101 66 119 77 117 82 125 91 13 16 1 0 315 0 0 419 0 1 924 0 1 528 0 0 2558 2559 2560 2561 2562 แผนภมู ิท่ี 13 ประเภทความพิการที่ได้รบั การจ้างงานตามมาตรา 33 จังหวัดชลบรุ ี รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวันออก

32 ตารางท่ี 21 ประเภทความพกิ ารทีไ่ ด้รับจา้ งงาน มาตรา 33 จังหวดั ระยอง ท่ี ประเภทความพกิ าร 2558 2559 2560 2561 2562 0 1 ไมร่ ะบุ 31 10 692 2 ความพกิ ารทางการเคลอ่ื นไหวหรอื รา่ งกาย 535 574 623 628 240 69 3 ความพิการทางการได้ยนิ หรอื ส่ือความหมาย 128 141 176 191 5 4 ความพกิ ารทางการเห็น 34 39 49 56 15 47 5 ความพิการทางการเรียนรู้ 74 35 1 6 ความพิการทางจิตใจหรือพฤตกิ รรม 4 5 13 13 7 ความพิการทางสติปัญญา 25 39 47 40 8 ความพิการทางออทิสตกิ 11 00 ทม่ี า : กรมส่งเสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คนพิการ ณ วนั ท่ี 2 กรกฎาคม 2563 จากตารางท่ี 21 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ บั การจา้ งงาน มาตรา 33 จงั หวดั ระยอง พบว่า ประเภทความ พกิ ารที่มีการจ้างงาน ตามมาตรา 33 ทกุ ประเภทความพกิ ารและ 3 อนั ดบั ท่ีมีการจ้างงานมากทีส่ ุด คือ ประเภท ทางการเคล่ือนไหวและรา่ งกาย ประเภทความพกิ ารทางการได้ยนิ หรือสอ่ื ความหมาย และประเภททางการเหน็ ประเภทความพกิ ารทไ่ี ด้รับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จงั หวัดระยอง 692 ไม่ระบุ 623 628 ความพกิ ารทางการเคลอ่ื นไหว 574 หรอื รา่ งกาย 535 ความพกิ ารทางการไดย้ นิ หรอื สอ่ื ความหมาย 240 ความพกิ ารทางการเหน็ 176 191 ความพกิ ารทางการเีี รยี นรู้ 128 141 ความพกิ ารทางจิตใจหรอื พฤติกรรม ความพิการทางสตปิ ัญญา ความพกิ ารทางออทิสตกิ 32347145 39 497 5406 4679 145 10133 1053 10155 2558 2559 2560 2561 2562 แผนภมู ิท่ี 14 ประเภทความพิการที่ไดร้ ับการจ้างงานตามมาตรา 33 จงั หวดั ระยอง รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุม่ จงั หวัดภาคตะวนั ออก

33 ตารางท่ี 22 ประเภทความพกิ ารท่ีได้รบั จ้างงาน มาตรา 33 จงั หวดั จนั ทบรุ ี ท่ี ประเภทความพิการ 2558 2559 2560 2561 2562 0 1 ไมร่ ะบุ 200 0 43 10 2 ความพกิ ารทางการเคลอ่ื นไหวหรือร่างกาย 23 35 47 47 1 0 3 ความพกิ ารทางการไดย้ ินหรอื สื่อความหมาย 10 11 7 7 2 0 4 ความพกิ ารทางการเหน็ 100 3 0 5 ความพกิ ารทางการเรยี นรู้ 000 0 6 ความพกิ ารทางจิตใจหรือพฤตกิ รรม 223 2 7 ความพิการทางสติปัญญา 012 1 8 ความพิการทางออทสิ ติก 000 0 ท่ีมา : กรมส่งเสรมิ และพัฒนาคุณภาพชวี ิตคนพิการ ณ วนั ท่ี 2 กรกฎาคม 2563 จากตารางที่ 22 ประเภทความพิการที่ได้รับการจ้างงาน มาตรา 33 จังหวัดจันทบุรี พบว่า ประเภท ความพิการทีม่ ีการจ้างงาน ตามมาตรา 33 จำนวน 5 ประเภทความพิการ และ 3 อันดับที่มีการจ้างงานมาก ที่สุด คือ ประเภททางการเคลื่อนไหวและรา่ งกาย ประเภทความพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย และ ประเภทความพิการทางจติ ใจและพฤติกรรม ประเภทความพกิ ารทไ่ี ดร้ ับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จงั หวัดจนั ทบุรี 47 47 ไม่ระบุ 43 ความพกิ ารทางการ 35 เคลอื่ นไหวหรอื รา่ งกาย ความพกิ ารทางการไดย้ นิ 23 หรอื สอื่ ความหมาย ความพกิ ารทางการเห็น 10 11 10 7 ความพกิ ารทางการ เีี รยี นรู้ ความพิการทางจิตใจหรอื พฤติกรรม ความพิการทางสติปัญญา ความพกิ ารทางออทสิ ติก 7 102 201 23 0231 021 0 2558 2559 2560 2561 2562 แผนภูมิที่ 15 ประเภทความพกิ ารท่ไี ดร้ ับการจ้างงานตามมาตรา 33 จงั หวัดจันทบุรี รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุม่ จังหวดั ภาคตะวันออก

34 ตารางที่ 23 ประเภทความพิการท่ีได้รับจา้ งงาน มาตรา 33 จังหวัดตราด ที่ ประเภทความพกิ าร 2558 2559 2560 2561 2562 1 ไมร่ ะบุ 000 0 0 2 ความพกิ ารทางการเคล่ือนไหวหรอื ร่างกาย 9 9 8 10 16 3 ความพกิ ารทางการไดย้ นิ หรอื สอื่ ความหมาย 888 8 9 4 ความพิการทางการเห็น 001 1 2 5 ความพกิ ารทางการเรียนรู้ 000 0 0 6 ความพิการทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรม 111 1 1 7 ความพกิ ารทางสติปัญญา 000 0 1 8 ความพกิ ารทางออทสิ ตกิ 000 0 0 ท่ีมา : กรมส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพกิ าร ณ วนั ที่ 2 กรกฎาคม 2563 จากตารางท่ี 23 ประเภทความพิการท่ีไดร้ ับการจา้ งงาน มาตรา 33 จงั หวดั ตราด พบว่า ประเภทความ พิการที่มีการจ้างงาน ตามมาตรา 33 จำนวน 5 ประเภทความพิการ และ 3 อันดับที่มีการจ้างงานมากที่สดุ คอื ประเภททางการเคลือ่ นไหวและรา่ งกาย ประเภทความพิการทางการไดย้ นิ หรือส่ือความหมาย และประเภท ความพกิ ารทางการเหน็ ประเภทความพกิ ารทไ่ี ด้รับการจ้างงานตามมาตรา 33 จงั หวัดตราด 16 ไม่ระบุ 10 ความพิการทางการ เคลอื่ นไหวหรอื รา่ งกาย 99 9 ความพิการทางการไดย้ ินหรอื สอ่ื ความหมาย 8888 ความพิการทางการเห็น ความพกิ ารทางการเรยี นรู้ ความพกิ ารทางจิตใจหรอื พฤติกรรม ความพกิ ารทางสตปิ ัญญา ความพิการทางออทสิ ติก 2 11111 00000 2558 2559 2560 2561 2562 แผนภูมิท่ี 16 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ บั การจ้างงานตามมาตรา 33 จงั หวัดตราด รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก

35 ตารางท่ี 24 ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ ับจ้างงาน มาตรา 33 จังหวัดฉะเชิงเทรา ท่ี ประเภทความพกิ าร 2558 2559 2560 2561 2562 0 1 ไม่ระบุ 1 110 497 2 ความพิการทางการเคลื่อนไหวหรอื ร่างกาย 360 408 454 484 138 32 3 ความพิการทางการไดย้ ินหรือส่ือความหมาย 88 93 109 122 0 4 ความพิการทางการเห็น 22 33 32 30 15 26 5 ความพิการทางการเรียนรู้ 5 221 1 6 ความพกิ ารทางจติ ใจหรือพฤตกิ รรม 7 4 8 14 7 ความพิการทางสตปิ ัญญา 27 28 20 22 8 ความพิการทางออทิสตกิ 1 222 ทมี่ า : กรมส่งเสรมิ และพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ ณ วนั ที่ 2 กรกฎาคม 2563 จากตารางท่ี 24 ประเภทความพกิ ารทีไ่ ดร้ ับการจ้างงาน มาตรา 33 จงั หวัดฉะเชิงเทรา พบว่า ประเภท ความพกิ ารทม่ี ีการจ้างงาน ตามมาตรา 33 ทกุ ประเภทความพกิ าร และ 3 อันดบั ทม่ี กี ารจา้ งงานมากท่ีสุด คือ ประเภททางการเคลื่อนไหวและร่างกาย ประเภทความพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย และปร ะเภท ความพกิ ารทางการเหน็ ประเภทความพิการทไ่ี ดร้ ับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จงั หวัดฉะเชิงเทรา 484 497 ไม่ระบุ 454 ความพิการทางการ 408 เคลอ่ื นไหวหรอื รา่ งกาย ความพิการทางการไดย้ ิน 360 หรอื สอื่ ความหมาย ความพกิ ารทางการเหน็ 88 93 109 122 138 ความพกิ ารทางการ เีี รยี นรู้ ความพิการทางจิตใจหรอื พฤติกรรม ความพิการทางสติปัญญา ความพกิ ารทางออทสิ ติก 2215772 3238 3212820 312021420 23110562 214 2558 2559 2560 2561 2562 แผนภูมิที่ 17 ประเภทความพิการท่ไี ด้รับการจ้างงานตามมาตรา 33 จงั หวัดฉะเชงิ เทรา รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวันออก

36 ตารางที่ 25 ประเภทความพกิ ารทไ่ี ดร้ บั จา้ งงาน มาตรา 33 จงั หวัดปราจนี บุรี ท่ี ประเภทความพิการ 2558 2559 2560 2561 2562 1 ไมร่ ะบุ 40000 2 ความพิการทางการเคลือ่ นไหวหรือรา่ งกาย 318 292 275 281 291 3 ความพกิ ารทางการไดย้ นิ หรือสอ่ื ความหมาย 55 71 72 79 83 4 ความพกิ ารทางการเห็น 24 22 22 26 24 5 ความพิการทางการเรียนรู้ 21100 6 ความพกิ ารทางจิตใจหรอื พฤตกิ รรม 10 5 6 7 8 7 ความพิการทางสตปิ ัญญา 5 7 6 8 11 8 ความพิการทางออทสิ ตกิ 00000 ทีม่ า : กรมส่งเสรมิ และพัฒนาคณุ ภาพชีวิตคนพกิ าร ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 จากตารางที่ 25 ประเภทความพกิ ารท่ไี ด้รับการจ้างงาน มาตรา 33 จังหวดั ปราจนี บุรี พบว่า ประเภท ความพิการทีม่ ีการจ้างงาน ตามมาตรา 33 จำนวน 6 ประเภทความพิการ และ 3 อันดับที่มีการจ้างงานมาก ที่สุด คือ ประเภททางการเคลื่อนไหวและรา่ งกาย ประเภทความพิการทางการไดย้ ินหรือสื่อความหมาย และ ประเภทความพกิ ารทางการเห็น ประเภทความพกิ ารทไ่ี ด้รับการจา้ งงานตามมาตรา 33 จังหวดั ปราจนี บุรี 318 ไม่ระบุ 292 275 281 291 ความพกิ ารทางการ 71 72 79 83 เคลอื่ นไหวหรอื รา่ งกาย 55 ความพกิ ารทางการไดย้ ิน 24 22 22 26 24 หรอื สอ่ื ความหมาย 142500 7501 061 078 1081 ความพกิ ารทางการเหน็ 2558 2559 2560 2561 2562 ความพิการทางการ เีี รยี นรู้ ความพิการทางจิตใจหรอื พฤตกิ รรม ความพกิ ารทางสตปิ ัญญา ความพิการทางออทสิ ติก แผนภมู ทิ ่ี 18 ประเภทความพกิ ารท่ไี ดร้ บั การจา้ งงานตามมาตรา 33 จงั หวัดปราจนี บรุ ี รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก