33 2.13.8 ความม่ันคงของมนุษยม์ ติ ศิ าสนาและวัฒนธรรม ตารางท่ี 2.28 แสดงข้อมูลความม่นั คงของมนุษย์ มิติศาสนาและวัฒนธรรม รายจงั หวดั ปี 2562 ตัวชว้ี ัด จังหวัด จำนวนศาสนสถานทุกประเภทต่อ คนอายุ 6 ปขี ึน้ ไปทุกคนปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ประชากร 100,000 คน ทางศาสนาอยา่ งน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ชลบุรี 32.11 99.59 ระยอง 41.61 96.65 จันทบุรี 83.88 99.15 ตราด 69.16 99.58 ฉะเชิงเทรา 63.92 99.72 ปราจนี บรุ ี 87.46 99.71 สระแกว้ 77.12 99.81 ท่ีมา : ข้อมูลจากสำนกั งานปลัดกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมมนั่ คงของมนษุ ย์ ปี 2562 จากตารางท่ี 2.28 แสดงข้อมูลความมั่นคงของมนุษย์ มิติศาสนาและวัฒนธรรม รายจังหวัด ปี 2562 เป็นการวัดจาก 2 ตัวช้ีวัด คอื จำนวนศาสนสถานทุกประเภทต่อประชากร 100,000 คน และ คนอายุ 6 ปีขึ้นไปทุกคนปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า จังหวัดที่มีจำนวนศาสนสถาน ทุกประเภทต่อประชากร 100,000 คน มากที่สุด คือ จังหวัดปราจีนบุรี ร้อยละ 87.46 รองลงมา คือ จังหวัด จันทุบรี ร้อยละ 83.88 และจังหวัดสระแก้ว ร้อยละ 77.12 จังหวัดที่มีคนอายุ 6 ปีขึ้นไปทุกคนปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ทางศาสนาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มากที่สุด คือ จังหวัดสระแก้ว ร้อยละ 99.81 รองลงมา คือ จังหวัด ฉะเชงิ เทรา รอ้ ยละ 99.72 และจังหวดั ปราจีนบรุ ี รอ้ ยละ 99.71 รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวันออก
34 2.13.9 ความมั่นคงของมนษุ ยม์ ติ ิความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ ิน ตารางท่ี 2.29 แสดงข้อมูลความมั่นคงของมนษุ ย์ มิตคิ วามปลอดภัยในชวี ติ และทรัพยส์ นิ รายจังหวดั ปี 2562 ตัวชว้ี ดั จงั หวดั จำนวนฐานความผดิ คดอี าญา 4 กลมุ่ อัตราการเสียชีวติ ด้วยอุบตั ิเหตุ ต่อประชากร 100,000 คน ตอ่ ประชากร 100,000 คน ชลบุรี 159.11 27.940 ระยอง 195.63 32.766 จันทบุรี 127.68 22.927 ตราด 126.57 22.182 ฉะเชิงเทรา 136.74 22.237 ปราจีนบุรี 131.60 21.154 สระแก้ว 96.97 20.741 ท่มี า : ข้อมลู จากสำนักงานปลดั กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมม่ันคงของมนษุ ย์ ปี 2562 จากตารางท่ี 2.29 แสดงข้อมูลความมั่นคงของมนุษย์ มิติความปลอดภัยในชวี ติ และทรัพย์สิน รายจังหวัด ปี 2562 เป็นการวัดจาก 2 ตัวชี้วัด คือ จำนวนฐานความผิดคดีอาญา 4 กลุ่ม ต่อประชากร 100,000 คน และอัตราการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ต่อประชากร 100,000 คน พบว่า จังหวัดที่มีจำนวน ฐานความผิดคดีอาญา 4 กลุ่ม ต่อประชากร 100,000 คน มากที่สุด คือ จังหวัดระยอง ร้อยละ 195.63 รองลงมา คือ จังหวัดชลบุรี ร้อยละ 159.11 และจังหวัดฉะเชิงเทรา ร้อยละ 136.74 จังหวัดที่มีอัตราการ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ต่อประชากร 100,000 คน มากที่สุด คือ จังหวัดระยอง ร้อยละ 32.766 รองลงมา คือ จงั หวดั ชลบรุ ี ร้อยละ 27.940 และจงั หวัดจันทบรุ ี รอ้ ยละ 22.927
35 2.13.10 ความม่นั คงของมนุษย์มติ สิ ิทธิและความเปน็ ธรรม ตารางที่ 2.30 แสดงข้อมลู ความมัน่ คงของมนษุ ย์ สทิ ธแิ ละความเป็นธรรม รายจงั หวัด ปี 2562 ตวั ชวี้ ัด จังหวดั จำนวนคดใี นศาล จำนวนเรื่องรอ้ งเรียนจาก รอ้ ยละของเร่ืองท่ีไดข้ ้อยุติ ปกครองต่อประชากร ประชาชนผ่าน ศูนยบ์ ริการ ตามข้อรอ้ งเรยี น ผา่ น ศูนยบ์ รกิ ารประชาชน 100,000 คน ประชาชนต่อประชากร 100,000 คน ชลบรุ ี 14.39 135.21 88.49 ระยอง 10.37 97.19 88.34 จนั ทบุรี 6.52 75.12 84.62 ตราด 12.61 53.93 78.23 ฉะเชงิ เทรา 7.55 87.83 89.65 ปราจนี บุรี 7.73 84.61 85.58 สระแกว้ 3.37 45.03 77.95 ทีม่ า : ขอ้ มลู จากสำนกั งานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมม่นั คงของมนุษย์ ปี 2562 จากตารางที่ 2.30 แสดงข้อมูลความมั่นคงของมนุษย์ สิทธิและความเป็นธรรม รายจังหวัด ปี 2562 เป็นการวัดจาก 3 ตัวชี้วัด คือ จำนวนคดีในศาลปกครองต่อประชากร 100,000 คน จำนวนเรื่อง ร้องเรียนจากประชาชนผ่าน ศูนย์บริการประชาชนต่อประชากร 100,000 คน และร้อยละของเรื่องที่ได้ข้อยุติ ตามข้อรอ้ งเรียน ผา่ นศูนยบ์ ริการประชาชน พบวา่ จงั หวัดที่มจี ำนวนคดใี นศาลปกครองต่อประชากร 100,000 คน มากที่สุด คือ จังหวัดชลบุรี ร้อยละ 14.39 รองลงมา คือ จังหวัดตราด ร้อยละ 12.61 และจังหวัดระยอง ร้อยละ 10.37 จังหวัดที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่าน ศูนย์บริการประชาชนต่อประชากร 100,000 คน มากที่สดุ คือ จังหวดั ชลบรุ ี รอ้ ยละ 135.21 รองลงมา คือ จังหวัดระยอง ร้อยละ 97.19 และจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา ร้อยละ 87.83 จังหวัดที่มีร้อยละของเรื่องที่ได้ข้อยุติตามข้อร้องเรียน ผ่านศูนย์บริการประชาชนมากที่สุด คือ จังหวดั ฉะเชิงเทรา ร้อยละ 89.65 รองลงมา คือ จงั หวดั ชลบุรี รอ้ ยละ 88.49 และจงั หวดั ระยอง ร้อยละ 88.34 รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก
36 2.13.11 ความมน่ั คงของมนุษย์มิติการเมอื ง ตารางท่ี 2.31 แสดงข้อมูลความม่นั คงของมนษุ ย์ มิติการเมือง จำแนกรายจังหวัด ปี 2562 ตัวชว้ี ัด จงั หวดั อัตราการมาใชส้ ทิ ธลิ งคะแนนเลือกตง้ั อัตราการมาใชส้ ทิ ธิออกเสยี งประชา ส.ส. เป็นการท่วั ไป มติร่างรัฐธรรมนญู เมอื่ 7 ส.ค.2559 ชลบุรี 74.55 54.42 ระยอง 75.37 57.94 จนั ทบรุ ี 76.44 61.44 ตราด 74.04 58.33 ฉะเชิงเทรา 79.07 59.58 ปราจีนบุรี 78.53 62.75 สระแก้ว 74.59 87.35 ทมี่ า : ข้อมลู จากสำนกั งานปลดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมมัน่ คงของมนษุ ย์ ปี 2562 จากตารางท่ี 2.31 แสดงข้อมลู ความมนั่ คงของมนุษย์ มติ กิ ารเมอื งจำแนกรายจังหวัด ปี 2562 ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เป็นการวัดจาก 2 ตัวชี้วัด คือ อัตราการมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป และอัตราการมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อ 7 ส.ค.2559 พบว่า จังหวัดที่มี อัตราการมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป มากที่สุดคือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ร้อยละ 79.07 รองลงมาคือ จังหวัดปราจีนบุรี ร้อยละ 78.53 และจังหวัดจันทบุรี ร้อยละ 76.44 จังหวัดที่มีอัตราการมาใช้ สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อ 7 ส.ค.2559 มากที่สุดคือ จังหวัดสระแก้ว ร้อยละ 87.35 รองลงมาคอื จงั หวัดปราจนี บุรี ร้อยละ 62.75 และจงั หวัดจนั ทบุรี ร้อยละ 61.44
37 2.13.12 ความมน่ั คงของมนุษย์มิตสิ ่งิ แวดลอ้ ม ทรัพยากร/พลังงาน ตารางท่ี 2.32 แสดงข้อมูลความมน่ั คงของมนุษย์ มิตสิ ง่ิ แวดลอ้ ม ทรัพยากร/พลงั งาน รายจังหวดั ปี 2562 ตัวชีว้ ัด อตั ราการผลิต อัตราปรมิ าณ อัตราปญั หา อัตราปรมิ าณ ขยะมูลฝอย จงั หวดั รอ้ ยละของ ตดิ ตัง้ ไฟฟ้า การจำหนา่ ย มลพษิ ที่ได้รับการ (ตนั ตอ่ วนั ) พื้นท่ปี า่ ต่อ จากพลงั งาน ตอ่ 1,000 ชลบุรี พ้นื ทจ่ี ังหวัด ทดแทนต่อ นำ้ มันเชื้อเพลงิ รอ้ งเรยี นต่อ ครวั เรือน ระยอง จนั ทบรุ ี 1,000 ต่อ 1,000 ประชากร ตราด ฉะเชงิ เทรา ครัวเรอื น ครวั เรอื น 100,000 คน ปราจีนบรุ ี สระแกว้ 12.07 0.13 8,665.84 2.80 4.15 8.09 0.09 3,538.21 3.32 2.92 32.48 0.21 1,537.17 0.19 2.92 31.26 0.05 998.86 0.43 2.86 15.49 0.32 2,543.45 4.20 2.83 28.58 0.97 1,521.54 1.02 2.50 22.00 2.38 873.76 0.53 2.96 ทีม่ า : ข้อมลู จากสำนักงานปลัดกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมมน่ั คงของมนุษย์ ปี 2562 จากตารางที่ 2.32 แสดงข้อมูลความมั่นคงของมนุษย์ มิติสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร/พลังงาน รายจังหวัด ปี 2562 เป็นการวัดจาก 5 ตัวชี้วัด คือ ร้อยละของพื้นที่ป่าต่อพื้นที่จังหวัด อัตราการผลิตติดต้ัง ไฟฟา้ จากพลงั งาน ทดแทนต่อ 1,000 ครวั เรือน อัตราปรมิ าณการจำหน่ายน้ำมนั เช้ือเพลิงต่อ 1,000 ครัวเรือน อัตราปัญหามลพิษทีไ่ ด้รับการร้องเรียนต่อ ประชากร 100,000 คน และ อัตราปริมาณขยะมูลฝอย (ตันต่อวัน) ต่อ 1,000 ครัวเรอื น พบว่า จังหวดั ท่ีมีร้อยละของพ้ืนทีป่ า่ ต่อพืน้ ที่จังหวัดมากท่ีสุด คือ จังหวัดจันทบรุ ี ร้อยละ 32.48 รองลงมา คือ จังหวัดตราด ร้อยละ 31.26 และจังหวัดปราจีนบุรี ร้อยละ 28.58 จังหวัดที่มีอัตราการ ผลติ ติดตัง้ ไฟฟา้ จากพลงั งาน ทดแทนต่อ 1,000 ครัวเรอื นมากทส่ี ดุ คือ จังหวัดสระแก้ว ร้อยละ 2.38 รองลงมา คือ จังหวัดปราจีนบุรี ร้อยละ 0.97 และจังหวัดฉะเชงิ เทรา ร้อยละ 0.32 จังหวัดที่มีอัตราปรมิ าณการจำหนา่ ย น้ำมันเชื้อเพลิง ต่อ 1,000 ครัวเรือนมากที่สุด คือ จังหวัดชลบุรี 8,665.84 รองลงมา คือ จังหวัดระยอง 3,538.21 และจังหวัดฉะเชิงเทรา 2,543.45 จังหวัดที่มีอัตราปัญหามลพิษที่ได้รับการร้องเรียนต่อ ประชากร 100,000 คน มากที่สุด คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ร้อยละ 4.20 รองลงมา คือ จังหวัดระยอง ร้อยละ 3.32 และ จังหวัดชลบุรี ร้อยละ 2.80 จังหวัดที่มีอัตราปริมาณขยะมูลฝอย (ตันต่อวัน) ต่อ 1,000 ครัวเรือนมากที่สุด คือ จังหวัดชลบุรี ร้อยละ 4.15 รองลงมา คือ จังหวัดสระแก้ว ร้อยละ 2.96 และจังหวัดระยอง ร้อยละ 2.92 จังหวดั จนั ทบุรี ร้อยละ 2.92 รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
38 ส่วนท่ี 3 สถานการณก์ ลมุ่ เปา้ หมายทางสงั คมระดบั กลมุ่ จงั หวดั 3.1 กลมุ่ เดก็ (อายุต่ำกวา่ 18 ปี บรบิ รู ณ)์ ตารางที่ 3.1 แสดงสถานการณ์เด็ก จำแนกตามจังหวัด (หน่วย:คน) จังหวดั จำนวน (1) (2) (3) (4) (5) เด็กท่ีไดร้ ับ **เด็กท่ีมี เด็กที่ถกู ทารุณ เด็กท่อี ยู่ เดก็ ที่ ชลบุรี 359,056 เงินอดุ หนุน พฤติกรรม ตง้ั ครรภ์ ระยอง 172,580 กรรมทาง ในครอบ ก่อนวัยอัน จันทบุรี 107,075 เพ่ือการเล้ยี ง ไมเ่ หมาะสม รา่ งกายจติ ใจ ครัวเลีย้ ง ควรและไม่ ตราด 43,815 ดูเดก็ แรกเกิด และทางเพศที่ เดย่ี ว พรอ้ มใน ฉะเชิงเทรา 159,694 มกี ารดำเนินคดี การเลี้ยงดู ปราจนี บุรี 101,869 18,033 350 1,738 สระแกว้ 125,175 12,931 48 228 ไมม่ ีข้อมลู รวม 1,069,264 2,723 48 2 1,001 74 7,176 5 12 545 23,278 158 8 198 441 16,256 52 7 186 23,347 105 1 382 133 103,738 766 5 262 263 2,574 2,896 275 524 6,081 หมายเหตุ (1) เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ที่มาจาก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ข้อมลู ณ วันท่ี 30 เมษายน 2564 (2) เดก็ ท่ีมีพฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม ท่ีมาจาก สถานพนิ ิจคมุ้ ครองเด็กและเยาวชนจังหวัด ข้อมลู ณ วนั ที่ 31 พฤษภาคม 2564 **เด็กทมี่ พี ฤตกิ รรมไม่เหมาะสม หมายถึง 1) ดืม่ เคร่ืองดม่ื ทีม่ ีแอลกอฮอลสูบบหุ ร่ีและตดิ สารเสพตดิ ร้ายแรง เช่น ยาบ้า ยาอี สารระเหย กญั ชา เป็นต้น 2) มว่ั สมุ และทําความรำคาญให้กบั ชาวบ้าน 3) ตดิ เกมส์ และเล่นการพนนั ต่าง ๆ 4) มพี ฤติกรรมทางเพศ 5) อ่ืน ๆ (3) เด็กที่ถูกทารุณกรรมทางร่างกายจิตใจและทางเพศที่มีการดำเนินคดี ที่มาจาก สถานีตำรวจภูธรจังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 16 มถิ ุนายน 2564 (4) เด็กท่ีอยใู่ นครอบครวั เลยี้ งเดยี่ ว ท่ีมาจาก ฐานข้อมูลเด็กแรกเกิด กระทรวงพม. ข้อมูล ณ วันที่ 10 มถิ นุ ายน 2564 (5) เด็กที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและไม่พร้อมในการเลี้ยงดู ที่มาจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ข้อมูล ณ วันท่ี 30 มถิ ุนายน 2564
39 จากตารางที่ 3.1 แสดงสถานการณเ์ ดก็ จำแนกตามจงั หวัดภาคตะวันออก จะเหน็ ไดว้ ่า เดก็ ที่ได้รับเงิน อุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ของ 7 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุดคือ 103,738 คน รองลงมา คือ เด็กที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและไม่พร้อมในการเลี้ยงดู มีจำนวน 6,081 คน และเด็กที่อยู่ใน ครอบครวั เล้ยี งเด่ียว มจี ำนวน 2,574 คน หรอื รอ้ ยละ 0.24 ของจำนวนเด็กทั้งหมด 1,069,264 คน 3.2 กลมุ่ เยาวชน (อายุ 18-25 ปี) ตารางท่ี 3.2 แสดงสถานการณเ์ ยาวชน จำแนกตามจังหวัด จงั หวดั จำนวน (1) (หน่วย:คน) **เยาวชนท่ีมพี ฤติกรรม ชลบุรี 149,532 (2) ระยอง 77,905 ไม่เหมาะสม เยาวชนทถี่ กู ทารณุ กรรม จันทบุรี 56,843 143 ทางรา่ งกายจติ ใจและทางเพศ ตราด 23,008 0 ฉะเชิงเทรา 67,595 40 ปราจนี บรุ ี 56,138 72 23 สระแก้ว 62,704 10 รวม 493,725 15 16 2 725 9 21 119 121 70 1,144 หมายเหตุ (1) เยาวชนทม่ี พี ฤตกิ รรมไม่เหมาะสม ท่ีมาจาก สถานพนิ ิจค้มุ ครองเด็กและเยาวชนจังหวัด ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี 31 พฤษภาคม 2564 ** เยาวชนท่มี พี ฤตกิ รรมไม่เหมาะสม หมายถึง 1) ด่ืมเครอ่ื งดื่มทมี่ ีแอลกอฮอล สูบบุหรแี่ ละตดิ สารเสพตดิ ร้ายแรง เช่น ยาบา้ ยาอี สารระเหย กัญชา เป็นตน้ 2) มัว่ สมุ และทาํ ความรำคาญให้กับชาวบา้ น 3) ตดิ เกมส์ และเล่นการพนนั ตา่ ง ๆ 4) มีพฤตกิ รรมทางเพศ 5) อ่นื ๆ (2) เยาวชนที่ถูกทารุณกรรมทางร่างกายจิตใจและทางเพศ ที่มาจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก
40 จากตารางที่ 3.2 แสดงสถานการณ์เยาวชน จำแนกตามกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก จะเห็นได้ว่า เยาวชนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ของจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุด คือ 1,144 คน หรือร้อยละ 0.23 ของจำนวนเยาวชนทั้งหมด 493,725 คน รองลงมา คือ เยาวชนที่ถูกทารุณกรรมทางร่างกาย จิตใจ และทางเพศ มีจำนวน 121 คน หรือร้อยละ 0.02 ของจำนวนเยาวชนทั้งหมด 493,725 คน 3.3 กลมุ่ สตรี (หญงิ ที่มีอายุ 26ปี-59ปี) ตารางท่ี 3.3 แสดงสถานการณก์ ล่มุ สตรี จำแนกตามจงั หวัด (1) (2) (3) (หนว่ ย:คน) สตรีทีถ่ กู ละเมดิ สตรที ถี่ ูกทา แม่เลย้ี งเดย่ี ว จังหวัด จำนวน ทางเพศ รายรางกาย ฐานะยากจนท่ี (4) ตองเล้ยี งดบู ตุ ร สตรีทถี่ ูกเลิก จติ ใจ เพียงลาพัง จา้ ง/ตกงาน ชลบรุ ี 807,741 147 72 1,101 12,986 ระยอง 197,783 121 ไม่มีขอ้ มลู 767 8,888 จนั ทบุรี 136,989 43 ไมม่ ีขอ้ มูล 269 1,088 ตราด 57,060 16 198 697 ฉะเชิงเทรา 67 1,671 ปราจนี บุรี 184,734 5 619 12,315 49 294 สระแก้ว 126,114 168 52 37,939 รวม 1,233 146,929 85 411 3 1,657,350 585 2,316 1,424 หมายเหตุ (1) สตรที ่ีถกู ละเมิดทางเพศ ทมี่ าจากสำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 16 มิถุนายน 2564 (2) สตรีทีถ่ กู ทาํ ร้ายร่างกาย จติ ใจ ทม่ี าจากสำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั ข้อมลู ณ วนั ท่ี 16 มิถุนายน 2564 (3) แม่เลีย้ งเดี่ยวฐานะยากจนท่ตี ้องเล้ยี งดบู ตุ รเพียงลาํ พงั ท่ีมาจาก กระทรวงพม. ข้อมลู ณ วนั ท่ี 10 มถิ นุ ายน 2564 (4) สตรที ีถ่ ูกเลกิ จ้าง/ตกงาน ทีม่ าจากสำนกั งานจัดหางานจังหวดั ข้อมูล ณ วันท่ี 16 มิถนุ ายน 2564 จากตารางที่ 3.3 แสดงสถานการณ์กลุ่มสตรี จำแนกตามกลุม่ จงั หวัดภาคตะวันออก จะเห็นได้ว่า สตรี ที่ถูกเลิกจ้าง/ตกงาน ของจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุด คือ 37,939 คน หรือร้อยละ 2.29 ของ จำนวนสตรีทั้งหมด 1,657,350 คน รองลงมา คือ แม่เลี้ยงเดี่ยวฐานะยากจนที่ต้องเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพัง มีจำนวน 2,316 คน หรือร้อยละ 0.14 ของจำนวนสตรีทั้งหมด 1,657,350 คน และสตรีที่ถูกทำร้ายร่างกาย จิตใจ มีจำนวน 1,424 คน หรอื ร้อยละ 0.08 ของจำนวนสตรที ง้ั หมด 1,657,350 คน
41 3.4 กลมุ่ ครอบครวั ตารางท่ี 3.4 แสดงสถานการณ์กลุ่มครอบครัวจำแนกตามจังหวดั (1) (2) (3) (หนว่ ย:ครอบครวั ) จังหวัด จำนวน ครอบครัว ครอบครัวทีม่ ีคนใน ครอบครัว (4) หย่ารา้ ง ครอบครวั กระทาความ แหว่งกลาง ครอบครัว ยากจน รุนแรงต่อกนั 5,764 ชลบุรี 630,549 6,172 84 ไม่มีขอ้ มูล 1,476 ระยอง 152,749 3,452 237 ไม่มีข้อมลู จันทบุรี 243,727 763 ไมม่ ีขอ้ มลู 214 926 ตราด 60,183 239 56 573 1,193 ฉะเชงิ เทรา 313,586 1,816 182 ไมม่ ีข้อมลู 4,539 ปราจีนบุรี 214,024 12,173 19 60,954 8,378 สระแก้ว 119,039 913 4 ไมม่ ีขอ้ มูล 4,668 รวม 1,733,857 25,528 582 61,741 26,944 หมายเหตุ (1) ครอบครวั หยา่ รา้ ง ทม่ี าจากกรมการปกครอง ขอ้ มูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 (2) ครอบครวั ท่ีมคี นในครอบครัวกระทาํ ความรุนแรงตอ่ กนั ทมี่ าจากสำนกั งานสาธารณสขุ จังหวดั ข้อมูล ณ วนั ท่ี 16 มถิ ุนายน 2564 (3) ครอบครวั แหวง่ กลาง ท่ีมาจากสำนกั งานพฒั นาสังคมจังหวัดจนั ทบุร/ี ตราด/ปราจนี บรุ ี ข้อมลู ณ วนั ที่ 31 ก.ค. 2564 (4) ครอบครัวยากจน ที่มาจากฐานข้อมลู TPMAP ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 จากตารางท่ี 3.4 แสดงสถานการณ์กลุ่มครอบครัวจำแนกตามจังหวัfจำแนกตามกลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก จะเห็นได้ว่า ครอบครัวแหว่งกลาง ของจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุด คือ 61,741 ครอบครัว หรือร้อยละ 2.22 ของจำนวนครอบครัวทั้งหมด 1,733,857 ครอบครัว รองลงมา คือ ครอบครัว ยากจน มีจำนวน 26,944 ครอบครัว หรือร้อยละ 0.14 ของจำนวนครอบครัวทั้งหมด 1,733,857 ครอบครัว และครอบครัวหย่าร้าง มีจำนวน 25,528 ครอบครัว หรือร้อยละ 0.08 ของจำนวนครอบครัวทั้งหมด 1,733,857 ครอบครัว รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวันออก
42 3.5 กลมุ่ ผู้สงู อายุ (อายุ 60 ปีขนึ้ ไป) ตารางที่ 3.5 แสดงสถานการณผ์ สู้ งู อายุ จำแนกตามจงั หวัด (1) (2) (3) (4) (หน่วย:คน) ผู้สูงอายุ ผู้สงู อายุท่ี ผู้สงู อายุที่ ผู้สงู อายุ ชว่ ยเหลอื ตอ้ งดำรง ` ตัวเองไม่ได/้ ชีพด้วย ไดร้ ับเบีย้ ท่ียงั ไมไ่ ด้ ไม่มคี นดูแล/ การเรร่ ่อน (5) (6) ไม่มีรายได้/ ขอทาน ผู้สูงอายุ ผูส้ งู อายทุ ่ี ยงั ชพี รบั เบ้ยี ยงั ผปู้ ่วยเร้อื รงั ตดิ บา้ น 11 ทีถ่ กู รับภาระ จังหวดั จำนวน ชีพ ตติ เตยี ง 1 กระทา ดแู ลบคุ คลใน ความ ครอบครัว ชลบรุ ี 216,726 141,947 5,727 10,858 ไม่มขี ้อมลู รุนแรง เชน่ คน ระยอง 100,827 85,668 ทาง พิการ ผู้ปว่ ย จันทบุรี 102,879 86,406 11,426 2,547 220 รา่ งกาย เรือ้ รงั บุตร ตราด 41,763 36,231 6 หรอื หลาน และ ฉะเชิงเทรา 127,535 109,523 ไม่มีข้อมลู 1,314 3 จติ ใจ จติ เวช ปราจนี บุรี 84,339 73,447 ไมม่ ขี ้อมลู 3 สระแกว้ 88,730 74,178 ไม่มขี อ้ มลู ไมม่ ขี อ้ มลู 244 ไมม่ ขี ้อมลู ไม่มขี อ้ มลู รวม 762,799 607,400 10,892 2,017 1 13 ไม่มขี อ้ มลู 549 2 816 22,318 480 ไมม่ ขี อ้ มลู 1 17,765 ไมม่ ีข้อมลู ไมม่ ขี ้อมลู 3 141 1 ไม่มขี อ้ มลู 7 971 หมายเหตุ (1) ผู้สูงอายุทไ่ี ด้รบั เบี้ยยงั ชพี ทมี่ าจาก สำนักงานทอ้ งถ่ินจังหวดั ขอ้ มูล ณ วันท่ี 31 ธนั วาคม 2563 (2) ผสู้ ูงอายุท่ยี งั ไม่ไดร้ ับเบ้ยี ยังชพี ทมี่ าจาก ฐานขอ้ มูล TPMAP ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 9 มถิ นุ ายน 2564 (3) ผูส้ งู อายชุ ่วยเหลอื ตวั เองไม่ได/้ ไม่มีคนดูแล/ไม่มรี ายได่/ผปู้ ว่ ยเรอ้ื รงั ตดิ บา้ น/ติตเตียง ท่มี าจากสำนักงานสาธารณสขุ จังหวัด ขอ้ มูล ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2564 (4) ผ้สู ูงอายุที่ต้องดำรงชพี ดว้ ยการเรร่ ่อน ขอทาน ที่มาจากศูนยค์ มุ้ ครองคนไร้ท่พี ึง่ จังหวดั ขอ้ มลู ณ วันที่ 16 มถิ ุนายน 2564 (5) ผสู้ ูงอายทุ ่ีถกู กระทําความรนุ แรงทางร่างกายหรอื จิตใจ ท่ีมาจากสำนกั งานพฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนุษย์ จงั หวัด ขอ้ มลู ณ วันท่ี 9 มิถุนายน 2564 (6) ผ้สู ูงอายุทรี่ บั ภาระดแู ลบุคคลในครอบครัว เชน่ คนพิการ ผปู้ ่วยเร้ือรงั บุตรหลาน และจติ เวช ท่มี าจากสำนกั งานพัฒนาสงั คมและ ความมั่นคงของมนุษย์จงั หวดั ขอ้ มูล ณ วันท่ี 31 มนี าคม 2564 จากตารางที่ 3.5 แสดงสถานการณ์ผู้สูงอายุ จำแนกตามจังหวัด จะเห็นว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุด คือ 607,400 คน หรือร้อยละ 79.62 ของจำนวนประชากร ผู้สูงอายุทั้งหมด 762,799 คน รองลงมา คือ ผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ จำนวน 22,318 คน หรือร้อยละ 2.92 และผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้/ ไม่มีคนดูแล/ไม่มีรายได้/ผู้ป่วยเรื้อรังติดบ้าน ติตเตียง จำนวน 17,765 คน หรือรอ้ ยละ 2.32
43 3.6 กลมุ่ คนพิการ ตารางท่ี 3.6.1 แสดงสถานการณค์ นพิการ จำแนกตามจังหวัด คนพกิ ารทม่ี ีบตั ร คนพกิ ารที่ คนพกิ ารที่ คนพกิ ารมี (หน่วย:คน) ไมไ่ ด้รบั เบ้ีย ความ ประจำตวั คน ได้รับเบี้ยยัง คนพกิ ารทอี่ ยู่ ยังชีพ ตอ้ งการกาย คนเดยี วตาม จังหวดั จำนวน พกิ าร ชพี อุปกรณ์ ลำพงั /ไม่มี 0 ผดู้ ูแล/ถกู ชลบรุ ี 26,825 26,825 26,825 339 8 ระยอง 13,903 13,903 13,903 ไม่มีขอ้ มลู 2 ทอดทิง้ จนั ทบุรี 16,170 16,170 13,893 234 ไมม่ ีขอ้ มลู ตราด 4,756 4,756 5,339 ไมม่ ีข้อมลู 25 ฉะเชิงเทรา 33,210 33,210 21,059 ไม่มขี ้อมลู 31 3 ปราจีนบรุ ี 15,760 15,760 15,577 25 39 สระแก้ว 19,606 19,606 19,606 183 25 รวม 130,230 130,230 116,202 0 350 ไมม่ ขี อ้ มลู 522 ไมม่ ขี ้อมลู ไมม่ ีข้อมลู ไมม่ ขี ้อมลู 42 ทีม่ าจาก : ศนู ย์บรกิ ารคนพกิ ารจังหวัด ข้อมูล ณ วนั ที่ 30 เมษายน 2564 คนพกิ ารท่ไี ม่ไดร้ ับเบี้ย ท่ีมาจาก ฐานขอ้ มูล TPMAP ณ วันที่ 16 มถิ ุนายน 2564 จากตารางที่ 3.6.1 แสดงสถานการณ์คนพิการ จำแนกตามจังหวัดจำแนกตามกลุ่มจังหวัดภาค ตะวันออก จะเห็นได้ว่า คนพิการที่มีบัตรประจำตัวมากที่สุดของจังหวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุด คือ 130,230 คน หรอื ร้อยละ 100 ของจำนวนประชากรคนพิการทั้งหมด 130,230 คน รองลงมา คอื คนพิการ ที่ได้รับเบี้ยยังชีพ มีจำนวน 116,202 คน หรือร้อยละ 89.22 ของจำนวนประชากรคนพิการทั้งหมด 130,230 คน และคนพิการที่ไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ มีจำนวน 522 คน หรือร้อยละ 0.40 ของจำนวนประชากรคนพิการทั้งหมด 130,230 คน รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
44 ตารางท่ี 3.6.2 แสดงจำนวนคนพิการจำแนกตามสาเหตุความพิการ แยกรายจงั หวัด (หน่วย:คน) สาเหตุความพกิ าร จังหวัด พันธกุ รรม โรคตดิ เชอ้ื อุบัติเหตุ โรคอ่นื ๆ ไม่ทราบ มากกวา่ 1 รวม สาเหตุ สาเหตุ ชลบรุ ี 6,202 368 2,819 11,354 5,945 3 26,691 ระยอง 123 3,153 1,259 6,728 2,640 ไมม่ ขี ้อมลู 13,903 จนั ทบรุ ี 3 18 78 281 ไมม่ ีข้อมูล 15 395 ตราด ฉะเชิงเทรา 28 56 327 849 785 2,383 4,428 ปราจนี บรุ ี สระแกว้ 2,792 627 4,750 12,247 8,081 ไมม่ ีข้อมลู 28,497 103 2,959 1,569 7,936 3,189 4 15,760 23 114 342 407 699 30 1,615 รวม 9,274 7,295 11,144 39,802 21,339 2,435 91,289 ท่มี าจาก : ขอ้ มลู จากศูนยบ์ ริการคนพิการจงั หวัด ณ วันท่ี 30 เมษายน 2564 จากตารางที่ 3.6.2 แสดงจำนวนคนพิการจำแนกตามสาเหตุความพิการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พบว่าจากจำนวน คนพิการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกทั้งหมด จำนวน 130,230 คน มีสาเหตุมาจากโรคอื่น ๆ มากที่สุด จำนวน 39,802 คน รองลงมาไม่ทราบสาเหตุ จำนวน 21,339 คน สาเหตุมาจากอุบัติเหตุ จำนวน 11,144 คน สาเหตุมาจากพันธุกรรม จำนวน 9,274 คน สาเหตุมาจากโรคติดเชื้อ จำนวน 7,295 คน และมากกว่า 1 สาเหตุ น้อยทส่ี ดุ จำนวน 2,435 คน
45 3.7 กลมุ่ ผดู้ อ้ ยโอกาส ตารางที่ 3.7 แสดงสถานการณ์กล่มุ ผู้ด้อยโอกาส จำแนกตามจงั หวัด (หน่วย:คน) จังหวัด คนไร้ที่พึ่ง ผู้ทำการ ผแู้ สดง กลุ่มชาติพนั ธ/์ุ ผูต้ ิดยาเสพติด ผูต้ ดิ เชอ้ื ขอทาน ความสามารถ ชนกลมุ่ น้อย HIV ชลบุรี 266 28 47 ไม่มีขอ้ มลู 3,962 ไมม่ ขี อ้ มลู ระยอง 21 9 28 ไม่มขี อ้ มลู 984 4 จันทบรุ ี 15 3 3 ไม่มขี ้อมลู 1,918 15 ตราด 52 ไมม่ ขี อ้ มลู 23 1,986 31 2,268 ฉะเชงิ เทรา 35 10 43 ไม่มขี อ้ มลู 2,406 4,976 ปราจีนบรุ ี 248 11 35 ไม่มีข้อมลู 1,767 3,286 สระแกว้ 39 3 86 ไม่มีข้อมลู 1,816 190 รวม 676 64 258 1,986 13,737 10,739 ท่มี าข้อมลู จาก 1) คนไร้ท่ีพึ่ง ทม่ี าจาก 2) ผทู้ ำการขอทาน ทม่ี าจาก ศนู ย์คุม้ ครองคนไรท้ ีพ่ ึง่ จังหวดั ขอ้ มลู ณ วันที่ 16 มถิ นุ ายน 2564 3) ผู้แสดงความสามารถ ที่มาจาก สำนกั งานพฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ยจ์ ังหวัด ข้อมูล ณ วันท่ี 16 มถิ ุนายน 2564 4) ผู้ตดิ ยาเสพตดิ ที่มาจาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพตดิ ข้อมูล ณ วันท่ี 16 มิถุนายน 2564 5) ผ้ตู ดิ เชื้อ HIV ทม่ี าจาก ศูนยค์ ้มุ ครองคนไร้ทพี่ ึง่ จังหวัด ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 16 มถิ นุ ายน 2564 จากตารางที่ 3.7 แสดงสถานการณ์กลุ่มผู้ด้อยโอกาส จำแนกตามจังหวัดจำแนกตามกลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก จะเห็นได้ว่า ผู้ติดยาเสพติดมากที่สุดของจงั หวัดภาคตะวันออก มีจำนวนมากที่สุด คือ 13,737 คน หรอื ร้อยละ 50.02 ของจำนวนประชากรกลมุ่ ผู้ด้อยโอกาสทั้งหมด 27,460 คน รองลงมา คือ ผู้ติดเชอ้ื HIV มีจำนวน 10,739 คน หรือร้อยละ 39.10 ของจำนวนประชากรกลุ่มผู้ดอ้ ยโอกาสทง้ั หมด 27,460 คน และกลุ่ม ชาติพันธ์ุ/ชนกลุ่มน้อย มีจำนวน 1,986 คน หรือร้อยละ 7.23 ของจำนวนประชากรกลุ่มผู้ด้อยโอกาศทั้งหมด 27,460 คน รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวันออก
46 ส่วนที่ 4 สถานการณ์เชิงประเดน็ ทางสงั คมในระดับกลมุ่ จงั หวดั 4.1 สถานการณก์ ารคา้ มนุษย์ 4.1.1 สถานการณ์ค้ามนษุ ย์ จังหวดั ชลบุรี ภาพท่ี 2 แผนที่จงั หวดั ชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มี ก า ร เ จ ร ิ ญ เ ต ิ บ โ ต ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ อุตสาหกรรม (นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ) การท่องเที่ยว การเกษตรกรรม และการ บริการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย จึงทำให้ จังหวัดชลบุรี เป็นทั้งต้นทาง ปลายทาง และทางผ่าน สำหรับปญั หาการค้ามนุษย์ ทำให้มีการอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของ ประชากรจากทุกภูมิภาคทั้งในประเทศ ไทยและต่างประเทศเข้ามาในจังหวัด ชลบุรี จึงมีจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิด ประชากรแฝงแรงงานตา่ งด้าวหลบหนีเข้าเมือง (ไรส้ ญั ชาติ) ผ้เู สียหายจากการค้ามนุษย์ (แรงงานประมง) ที่ท่าเรือ แสมสาร อำเภอ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี นอกจากนี้เมืองพัทยาซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มักจะมีเด็ก เร่ร่อน ขอทาน ผู้ถูกแสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เป็นคนไทยและต่างด้าว รวมไปถึงการแสวงหาผลประโยชน์จากการผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามกและ การแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ รูปแบบอื่นๆ รวมถึงรูปแบบการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ก็พบว่ายังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ซึ่งพบว่าเป็นเด็กชายมากขึ้น) ซึ่งผู้เสียหายจากการค้าประเวณี ยังปฏิเสธการให้ข้อเท็จจรงิ และให้การเข้าข้าง ผู้กระทำผิดโดยไม่คิดว่าตนเองตกเป็น “ผู้เสียหาย”จึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่ต้องเร่งการแก้ปัญหา การค้ามนุษย์ในพื้นทีจ่ งั หวัดชลบุรเี พือ่ ให้ปัญหาการค้ามนุษยล์ ดลง
47 แผนภมู ิท่ี 7 แสดงจำนวนการดำเนนิ คดีการคา้ มนุษย์จังหวดั ชลบุรี ปี 2564 30 25 20 15 10 5 0 จบั กมุ (คดี) ผตู้ อ้ งหา(ราย) ผู้เสียหาย (ราย) 7 14 14 ปี 2562 18 26 24 ปี 2563 ข้อมลู สนง.อัยการจังหวัดชลบุรี จากแผนภูมิ 6 แสดงจำนวนการดำเนินคดีการค้ามนุษย์จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่ปี 2562 – 2563 ซง่ึ ในปี 2562 จบั กุมได้จำนวน 7 คดี ผู้ตอ้ งหา 14 ราย และผู้เสยี หาย จำนวน 14 ราย และ ปี 2563 จับกุมได้ จำนวน 18 คดี ผู้ต้องหา 26 ราย และผ้เู สียหาย จำนวน 24 ราย โดยมีจำนวนสูงขึ้นเม่อื เทียบกัน ในปี 2564 สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกับทีม สหวิชาชีพ การคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวม 13 ราย พบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกวา่ 18 ปี จำนวน 4 ราย และ อายุ 18 ปี ข้นึ ไป จำนวน 9 ราย เมือ่ จำแนกตามสัญชาติ พบวา่ สญั ชาติไทย 12 ราย และ สญั ชาติ เมยี นมาร์ 1 ราย 4.1.2 สถานการณ์ค้ามนษุ ย์ จงั หวดั ระยอง จังหวัดระยองมีสถานะของการคา้ มนุษย์ทัง้ ต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ซึ่งในปี 256 และ ปี 2563 สถานการณ์การค้ามนุษย์ในจังหวัดระยองอยู่ในระดับไม่รุนแรง เมื่อเปรียบเทียบกับ ปี 2559 มีการดำเนินคดีในความผิดฐานการค้ามนุษย์ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี รูปแบบการค้ามนุษย์ที่พบ คือ การบังคับขายบริการทางเพศ การขอทานและการบังคบั ใช้แรงงานฯ จงั หวดั ระยองมีความเจริญเติบโตทางด้าน เศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม มีผลิตผลด้านการเกษตร ประมง จึงมีอัตราการจ้างงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีแรงงานต่างถิ่นทั้งคนไทยและต่างชาตเิ ขา้ มาทำงานในพื้นที่ ตามที่รัฐกำหนดนโยบายเปิดให้มีการจ้าง แรงงานต่างด้าวเข้าทำงาน ลักษณะงานที่ไม่ได้ใช้ความรู้ใช้กำลังกายทำงาน อาทิ ภาคประมง ภาคเกษตร ภาคก่อสร้าง ภาคธรุ กจิ ให้บรกิ าร ซึง่ คนกลุ่มนี้มคี วามเสย่ี งสงู ท่ีจะถกู แสวงหาประโยชน์ แมจ้ งั หวัดระยองจะเป็นจังหวัดที่มีการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแต่ใน ขณะเดียวกันก็ยังมีประชากรบางส่วนที่ประสบปัญหาด้านสังคมและคุณภาพชีวิต โดยกลุ่มประชากรที่ประสบ ปัญหาสังคมมากที่สุด คือ ผู้สูงอายุ รองลงมา คือ วัยแรงงาน เด็กและครอบครัว สอดคล้องกับการดำเนินงาน ตามยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีนโยบายเร่งด่วนในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาและคุ้มครองกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาทางสังคมดังกล่าว ในขณะเดียวกันเป็นการพัฒนาตามกรอบ แนวคิดการพัฒนา จังหวัดระยองด้วยที่มุ่งเน้นให้ “จังหวัดระยองเป็นเมืองที่มีการคิดและนำนวัตกรรมมาใช้ภายใต้ บริบทการพฒั นาเปน็ เมืองท่ีประชาชนมีคณุ ภาพชีวิตทดี่ ี ปลอดจากยาเสพติดและการค้ามนษุ ย์ รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวนั ออก
48 ตง้ั แตม่ กี ารประกาศใช้พระราชบญั ญตั ปิ ้องกนั และปราบปรามการค้ามนษุ ย์ พ.ศ. 2551 และฉบบั แก้ไข เพม่ิ เตมิ จังหวดั ระยองเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเตบิ โตขึ้นอย่างรวดเร็ว มแี รงงานสัญชาติไทยและต่างด้าว จำนาน มาก ทำให้มีการคัดแยกผูเ้ สียหายและการชว่ ยเหลือคุ้มครองผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จังหวัด ระยอง ตั้งแต่ปี 2553 – 2563 มีจำนวนผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองเพ่ิมและลดลง ปรากฏตามตารางจำแนก ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (ที่มา : รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการ ค้ามนุษยจ์ ังหวัดระยอง ประจำปี 2563, สำนกั งานพัฒนาสงั คมและความม่ันคงของมนษุ ย์จงั หวัดระยอง, 2563) ตารางท่ี 4.1 ตารางจำแนกผู้เสยี หายจากการค้ามนษุ ย์ จังหวดั ระยอง ตารางจำนวนผเู้ สียหายจากการค้ามนุษย์ จำแนกตามรูปแบบอายุและสัญชาติ จังหวดั ระยอง ปี 2553-2563 (หนว่ ย : คน) ปี รปู แบบ/อายุ สญั ชาติ รวม ค้าประเวณี ขอทาน บังคบั ใช้แรงงาน ไทย กัมพชู า เมยี นมา ต่ำกว่า 18 ปี ตำ่ กว่า 18 ปี ต่ำกว่า 18 ปี 18 ปี ขนึ้ ไป 18 ปี ข้นึ ไป 18 ปี ข้ึนไป 2553 2 - - - - - 2 - -2 2554 - - 1 2 - - - 3 - 3 2555 5 - - - - - 5 - -5 2556 10 - 4 4 1 - 11 8 - 19 2557 12 1 - - 2 - 13 - 2 15 2558 12 1 - - - 1 13 - 1 14 2559 12 - 1 - - - 12 1 - 13 2560 6 - - - - - 6 - -6 2561 1 - - - - - 1 - -1 2562 1 - - - - - 1 - -1 2563 1 - - - - - 1 - -1 รวม 62 2 6 6 3 1 65 12 3 80 จากตารางพบว่า สถานการณ์การค้ามนุษย์จังหวัดระยอง ปี 2553 - 2563 มีจำนวนผู้เสียหาย จากการค้ามนุษย์ ประเภทค้าประเวณี มากที่สุด จำนวน 64 คน รองลงมา คือประเภทขอทาน จำนวน 12 คน และ ประเภทบังคับใช้แรงงานน้อยที่สุด จำนวน 4 คน ส่วนจำนวนผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เป็นสัญชาติไทย มากที่สุด จำนวน 65 คน รองลงมาเปน็ ชาวกมั พูชา จำนวน 12 คน และเปน็ ชาวเมยี นมาน้อยที่สุด จำนวน 3 คน
49 4.1.3 สถานการณ์คา้ มนษุ ย์ จังหวดั จันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เป็นจังหวัดชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา โดยมีอำเภอ สอยดาวและอำเภอโป่งน้ำร้อน ติดกับจังหวัดพระตะบอง และกรุงไพลินของประเทศกัมพูชา เป็นปัจจัย เออ้ื ต่อการโยกยา้ ยถิ่นฐานของชาวต่างด้าวซึ่งมีทงั้ มาอาศัย และทำงานในจงั หวัดจนั ทบุรี และใช้จังหวัดจันทบุรี เป็นทั้งต้นทางและปลายทาง และทางผ่านในการเดินทางไปทำงานในจังหวัดใกล้เคียงหรือจังหวัดเ ศรษฐกิจ ปัจจุบันส่งผลให้กลุ่มเด็กและเยาวชนเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงไปแสวงหาประโยชน์ ที่ผ่านมาจังหวัดจันทบุรี ให้ความสำคัญต่อการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบต่างๆ จึงได้มีการบูรณาการ หน่วยงานในการปฏิบัติการป้องกันทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ด้านการตรวจสถานประกอบการ สถานบริการ ที่พัก แรงงานต่างด้าว การตรวจเรือประมง การจัดระเบียบขอทาน และการจัดอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย ทั้งเด็ก เยาวชน และกลุ่มผู้ประกอบการ รวมทั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อให้เป็นเครือข่ายมีส่วนร่วม ในการชเี้ ปา้ เฝา้ ระวงั ดา้ นการดำเนินคดี เนอ่ื งจากปงี บประมาณ 2564 ไม่มีคดีท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การค้ามนุษย์ 4.1.4 สถานการณ์คา้ มนษุ ย์ จังหวดั ตราด จังหวัดตราดจัดเป็นพื้นที่สีเขียวที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดคดีค้ามนุษย์จำนวนน้อย โดยคดีล่าสุดปี 2559 จำนวน 1 คดี มีสถานะเป็นทั้งต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง เนื่องจากลักษณะทาง ภูมิศาสตร์ของจังหวัดตราด มีพื้นที่ติดกับราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งทางบกและทางทะเล อาจมีการเคลื่อนยา้ ย แรงงานผ่านจดุ แดนและช่องทางธรรมชาติไปยังจงั หวดั พนื้ ท่ใี กล้เคยี ง เศรษฐกจิ ของจังหวดั สว่ นใหญ่มาจากการ ทำเกษตรกรรม สถานประกอบการ สถานแปรรปู และการประมงชายฝง่ั รวมทงั้ รายได้ทีม่ าจากแหลง่ ท่องเท่ียว ทางทะเล และแหลง่ ทอ่ งเที่ยวทางธรรมชาติ ซึ่งมีความต้องการด้านแรงงานเป็นจำนวนมาก อาทิ เพ่ือเก็บเกี่ยว ผลผลิตทางการเกษตร แรงงานในโรงงาน ลูกเรือประมง การก่อสร้างต่างๆ ทำให้มีประชากรจากในประเทศ และประเทศเพือ่ นบา้ นใกล้เคยี งเดนิ ทางเข้ามาประกอบอาชีพ และทอ่ งเที่ยวตามแหล่งท่องเทีย่ วตา่ ง ๆ ในพ้ืนที่ จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่เป็นเกาะต่าง ๆจำนวน หลายเกาะมีการประกอบธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท บังกะโล ฯลฯ ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานต่างชาติเป็น จำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพื่อสามารถแข่งขันทางการค้าได้ จึงเป็นปจั จัยดึงดูดให้กลุ่มคน หรือบุคคล แสวงหาโอกาสลักลอบนำเข้ าแรงงานมาขายภายในจังหวัดบางส่วนสามารถหานายจ้างและเข้ าระบบ อย่างถูกต้อง และบางส่วนถูกหลอกลวง การทำงานไม่เป็นไปตามที่ตกลง ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการทำงาน ซงึ่ ประชากรเหล่านเี้ ป็นกลมุ่ เสยี่ งต่อการตกเป็นเหยื่อของการค้ามนษุ ย์ในรปู แบบต่างๆ รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก
50 เส้นทางการคา้ มนษุ ยข์ องจังหวัดตราด เสน้ ทางของการลักลอบเข้าเมืองน้ันสว่ นใหญจ่ ะผดิ กฎหมาย โดยจะทำเป็นเครือข่าย มีการรับ - ส่ง ผ้หู ญิง เด็กและผู้ใช้แรงงานที่เป็นผูช้ าย โดยจะดำเนินการเปน็ ทอดๆ ผู้เสยี หายจากการค้ามนุษย์ส่วนใหญ่ มีภมู ลิ ำเนาอย่ใู นเขตพื้นทีช่ ายแดนหรือจงั หวดั ใกล้เคียง โดยถกู ชักจูงจากนายหน้าจัดหางานหรือคนรู้จักใกล้ชิด ส่งต่อให้ผู้รับจ้างนำพาข้ามแดน และส่งต่อให้นายหน้าเพื่อส่งผู้เสียหายไปยังที่ต่างๆ เช่น ร้านคาราราโอเกะ สถานประกอบการเรือประมง เป็นต้น มีช่องทางธรรมชาติตามพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (ประเทศ กัมพูชา) และมีเขตแดนติดทะเล ซึ่งเมื่อหลบหนีเข้ามาในจังหวัดตราดแล้วจะพบว่าจังหวัดตราดมีเส้นทาง คมนาคมทั้งทางถนนทางเรือ และสนามบิน ซึ่งเป็นช่องทางการคมนาคมที่สะดวก จึงเป็นโอกาสของผู้แสวงหา ประโยชน์ที่จะนำพาหรือจัดหาแรงงานเข้ามายัง หรือออกไปจาก หรือผ่านไปยังจังหวัดอื่นๆหรือประเทศอื่นๆ ได้สะดวกและรวดเร็วกลุ่มเสี่ยงของการแสวงหาประโยชน์ของขบวนการค้ามนุษย์คือกลุ่มเสี่ยงสัญชาติกัมพูชา เพราะมีเสน้ ทางธรรมชาติในการขา้ มแดนซ่ึงเปน็ รอยต่อระหวา่ งชายแดนไทยกัมพชู า สถิติทีเ่ กี่ยวข้องกบั สถานการณก์ ารคา้ มนุษยข์ องจงั หวัดตราด ตารางที่ 4.2 แสดงสถิตผู้เสยี หายจากการค้ามนุษย์จังหวัดตราด ลำดบั ประเภทคดีค้ามนษุ ย์ พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 2560 - 2556 2557 2559 พ.ศ. 2563 1 การแสวงหาผลประโยชนจ์ ากการค้าประเวณี - - 1 - 2 การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรปู แบบอ่ืน - - - - 3 การนำคนมาขอทาน --- - 4 การบงั คบั ตัดอวยั วะเพ่อื การค้า --- - 5 การผลติ หรอื เผยแพรว่ ัตถุหรอื สอื่ ลามก --- - 6 การเอาคนลงเปน็ ทาส --- - 7 การบงั คบั ใช้แรงงานหรือบริการ 24- - 8 การอื่นใดทคี่ ล้ายคลงึ กนั อันเป็นการขูดรีดบุคคล - - - - รวม (ราย) 241 - ทีม่ า : สถานตี ำรวจภูธรจงั หวดั ตราด และพมจ.ตราด หมายเหตุ : ในปี พ.ศ. 2555 ,พ.ศ. 2558 ไมพ่ บผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ในจังหวดั ตราด ปัจจัยที่ส่งผลต่อสถานการณ์การค้ามนุษย์ของจังหวัดตราด สืบเนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของ จังหวัดตราด มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท บังกะโล การ ประมง ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความต้องการแรงงานจาก ประเทศท่ีมคี า่ แรงหรือคุณภาพชวี ติ ตำกว่าประเทศไทย คาดวา่ จะมีแนวโน้มท่ีสงู ขึน้ ซึ่งการลกั ลอบเข้าเมืองโดย ผิดกฎหมายของแรงงานข้ามชาตกิ ็จะมีอตั ราทีเ่ พ่ิมสงู ขึ้นตามลำดับ
51 4.1.5 สถานการณ์ค้ามนุษย์ จังหวัดฉะเชงิ เทรา จังหวัดฉะเชงิ เทรา เป็นพื้นที่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ และการลงทุน มีความต้องการ แรงงานจำนวนมาก ทำให้จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทั้งทางผ่านแรงงาน ที่พักแรงงาน เพื่อต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ทำให้การลักลอบขนย้ายแรงงานผิดกฎหมายมีมากขึ้น ทั้งทางบก และทางธรรมชาติ แต่ที่ผ่านมาเรื่องการ ค้ามนุษย์ด้านแรงงานจะไม่มีการพบเห็นเพราะส่วนใหญ่เป็นทางผ่าน ยังไม่ไปถึงนายจ้างหรือผู้ที่นำแรงงาน ไปแสวงประโยชน์อย่างแท้จริง ถึงแม้จะมีการเคลื่อนย้ายของแรงงาน ซึ่งสามารถเดินทางเข้าออกอย่างเสรี แตย่ ังไมเ่ คยพบการคา้ มนษุ ยใ์ นรูปแบบการบังคับใช้แรงงาน หรือการร้องเรยี นในประเด็นน้ี อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2564 พบคดีค้ามนุษย์ รวมทั้งสิ้น 21 คดี โดยยังไม่เคยพบ การค้ามนุษย์ในรูปแบบอื่น นอกจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ในรูปแบบการค้าประเวณี เฉพาะในปี 2563 พบคดีที่อาจเข้าข่ายคดีการค้ามนุษย์ 1 คดี เป็นรูปแบบของการที่บุคคลในครอบครัวนำพาเด็กหญิง อายุ 12 ปี ไปให้บุคคลอื่นลว่ งละเมิดทางเพศ และในปี 2564 มีคดีคา้ มนุษย์ 1 คดี เป็นกรณมี ารดานำเด็กหญิง อายุ 15 ปี ไปแสวงหาผลประโยชนจ์ ากการค้าประเวณี สำหรับผลการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในปี 2564 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ดำเนนิ การตามมาตรการทงั้ 5 ด้าน ดงั น้ี 1. ด้านการป้องกัน (Prevention) มีแผนงาน โครงการด้านการให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้แก่ เด็กและเยาวชน ประชาชน แรงงานต่างด้าว เจ้าของสถานประกอบการ โดยหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สนง.พมจ.ฉะเชิงเทรา ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดฉะเชิงเทรา สนง.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ฉะเชิงเทรา สนง.จัดหางานจังหวัดฉะเชิงเทรา สนง.แรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา สนง.วัฒนธรรมจังหวัด ฉะเชงิ เทรา สนง.สาธารณสขุ จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำการปกครองจังหวัดฉะเชิงเทรา (กลมุ่ งานความมนั่ คง) 2. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย (Prosecution) เน้นการบังคับใช้กฎหมายตามภารกิจและอำนาจ หนา้ ทีท่ ไ่ี ดร้ บั ของแต่ละหน่วยงาน รว่ มกันในการตรวจตราสถานท่ีเส่ยี ง สถานประกอบการ และเรือประมง 3. ด้านการคมุ้ ครองช่วยเหลือ (Protection) ดำเนนิ การตามกระบวนการให้ความช่วยเหลอื คมุ้ ครอง ตามกฎหมาย มีแผนงานในการติดตามดำเนินคดี การประเมนิ ครอบครัว รวมทงั้ การพฒั นาศักยภาพเจ้าหน้าที่ท่ี เกีย่ วขอ้ งกับการทำงานด้านการป้องกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์ 4. ด้านการพัฒนากลไกเชิงนโยบายและการขับเคลื่อน (Policy) ใช้กลไกคณะอนุกรรมการศูนย์ ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหลักในการติดตามและกำกับการ ดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ และใช้กลไกรูปแบบของคณะอนุกรรมการ คณะทำงานตาม กฎหมายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน ได้แก่ คณะอนุกรรมการควบคุมการของทานจังหวัดฉะเชิงเทรา คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา คณะทำงานคัดแยก ผู้เสียหายจากการค้ามนษุ ยจ์ ังหวดั ฉะเชงิ เทรา เปน็ ตน้ รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวันออก
52 5. ด้านการพฒั นาและบริหารขอ้ มลู (Partnership) ข้อเสนอแนะในด้านการป้องกนั และปราบปรามการค้ามนษุ ย์ ได้แก่ 1) การค้ามนุษย์ในปี 2562- 2563 เป็นรูปแบบของบุคคลในครอบครัวนำพาเด็กไปแสวงหา ประโยชน์ทางเพศ ซึ่งเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน จึงควรมีมาตรการส่งเสริมกลไกสถาบัน ครอบครัวและชมุ ชนให้เข้มแขง็ และสรา้ งการทำงานในรปู แบบเครือข่ายครอบครัวชุมชนในการเฝ้าระวังปัญหา ค้ามนษุ ยใ์ นพ้ืนท่ี 2) จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าว เข้ามาทำงานในพื้นที่ จึงควรมีการ ประชาสัมพันธ์ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจทั้งนายจ้างและลูกจ้าง รวมทั้งช่องทางในการให้คำปรึกษาตลอด 24 ช่วั โมง ในรปู แบบสอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ 3) ควรมีการจัดหาล่ามให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ซึ่งจังหวัดฉะเชิงเทรามีการคัดแยกผู้ที่อาจ ตกเปน็ ผูเ้ สียหายจากการค้ามนษุ ย์ ซงึ่ เป็นแรงงานต่างดา้ ว ไดแ้ ก่ กมั พูชา และเมียนมา 4.1.6 สถานการณค์ า้ มนุษย์ จังหวัดปราจีนบุรี สถานะการค้ามนุษย์จังหวดั ปราจีนบุรีในปี 2563 ตกเป็น 1 สถานะ คือ ทางผ่าน เนื่องจากไม่ มีการค้ามนุษย์เกิดขึ้นภายในจังหวัดและไม่มีผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดปราจีนบุรีตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ จึง ตกเป็นสถานะทางผ่านเพียงอย่างเดียว ปี 2563 จงั หวดั ปราจนี บรุ ีไม่มคี ดคี ้ามนุษยเ์ กิดขน้ึ แตม่ ีการสอบคัดแยก แรงงานต่างด้าวจำนวน 9 คน ไม่พบผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ถึงแม้ว่าในปีนี้ไม่มีคดีค้ามนุษย์แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้แรงงานหรือ บริการ การค้าประเวณี และการบังคับกระทำการขอทาน อาจจะแอบแฝงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งปัจจุบันรูปแบบ การค้ามนุษย์ มีขบวนการที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเหตุผลที่สืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และจากการเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ผจู้ ้างแรงงานมักมีความต้องการจ้างแรงงาน ในราคาถูก ทำให้เกิดปัญหา แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและถูกล่อล่วงให้ตกเป็นเหยือ่ การค้ามนุษย์ จังหวัดปราจีนบุรี ไดม้ กี ารเตรยี มความพร้อมการป้องกัน แกไ้ ข ปญั หาการคา้ มนุษย์ตามนโยบาย 5 P ได้แก่ 1. ด้านดำเนนิ คดแี ละบังคับใช้กฎหมาย (Prosecution) 2. ดา้ นคมุ้ ครองช่วยเหลอื (Protection) 3. ดา้ นปอ้ งกนั (Prevention) 4. ดา้ นนโยบายและกลไกการขบั เคลอ่ื นไปสูก่ ารปฏบิ ัติ (Policy and Mechanism) 5. ความร่วมมือกบั ทกุ ภาคส่วน (Partnership) เสน้ ทางการค้ามนุษย์ของจังหวดั ปราจนี บรุ ี จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนใหญ่เกิดสถานการณ์การค้ามนุษย์ในพื้นที่ อำเภอศรีมหาโพธิอำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอเมอื งปราจีนบรุ ี ซึง่ เป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเปน็ แหลง่ ทม่ี ตี ลาดนัดใหญ่ ของจังหวดั ปราจีนบรุ ี ต่างประเทศลงทุนปีละจำนวนมาก การขยายเขตอุตสาหกรรมเพิ่มเติมอย่างกว้างขวาง จึงทำให้มีผลจากการ เจริญเตบิ โตทางดา้ นเศรษฐกิจมากขนึ้ มีแรงงานตา่ งพนื้ ทีย่ ้ายถน่ิ ฐานเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรม และผลจากความเจริญที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดสถานบริการและสถานบันเทิงประเภทต่างๆในพื้นท่ี เป็นจำนวนมาก เช่น ร้านคาราโอเกะ รา้ นอาหาร และอาบอบนวด เปน็ ต้น
53 สถติ ทิ ่ีเก่ยี วข้องกบั สถานการณ์การคา้ มนษุ ยข์ องจงั หวดั ปราจนี บรุ ี ตารางที่ 4.3 แสดงสถิติคดีทีเ่ ร่มิ สอบสวนจำแนกตามรปู แบบการแสวงหาประโยชน์ ปี จำนวนคดี รปู แบบการแสวงหาผลประโยชน์ เพศ แรงงาน ขอทาน 2561 1 1 - - 2562 1 - - 1 2563 - - - - รวม 2 1 - 1 ท่มี าขอ้ มลู จาก รายงานสถานการณ์ การปอ้ งกันและปราบปรามการคา้ มนุษย์จงั หวัดปราจนี บรุ ี ณ วนั ท่ี 31 มนี าคม 2564 ตารางที่ 4.4 แสดงสถติ กิ ารฟ้องคดตี ่อศาลจำแนกตามรูปแบบการแสวงหาประโยชน์ รปู แบบการแสวงหาผลประโยชน์ ปี จำนวนคดี จำนวนจำเลย เพศ แรงงาน ขอทาน คดี คน คดี คน คดี คน 2561 1 1 1 1 - - - - 2562 1 1 - - - -13 2563 - - ------ 2 2 11- -13 รวม ที่มาข้อมลู จาก รายงานสถานการณ์ การป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์จงั หวัดปราจนี บุรี ณ วนั ที่ 31 มีนาคม 2564 ตารางที่ 4.5 แสดงสถติ กิ ารพิพากษาลงโทษของศาลถงึ ทีส่ ุด ปีงบประมาณ 2561-2563 ปี จำนวนจำเลยท่ถี ูกศาลพพิ ากษา (คน) 1 – ไมเ่ กิน 2 ปี 2 – ไมเ่ กนิ 3 ปี 3 – ไมเ่ กิน 5 ปี 5 – ไม่เกิน 7 ปี 2561 1 - - - 2562 - 1 - - 2563 - - - - รวม 1 1 - - ทมี่ าขอ้ มูลจาก รายงานสถานการณ์ การป้องกันและปราบปรามการคา้ มนุษย์จงั หวัดปราจนี บุรี ณ วนั ที่ 31 มีนาคม 2564 รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวันออก
54 ปัจจัยเส่ียงท่ีสง่ ผลต่อการเกิดปัญหาการคา้ มนษุ ยใ์ นพ้ืนทีจ่ ังหวดั ปราจีนบรุ ที ีเ่ ก่ียวข้องต้องเฝา้ ระวัง ดงั นี้ 1. การจ้างแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา ลาว เวียดนาม) ในโรงงานอุตสาหกรรมและสถานประกอบการต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีมีจำนวนมากอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการกระทำความผิดการค้ามนุษย์ เช่น มีนายหน้า รับลูกจ้างแรงงานต่างด้าวเข้ามาเพื่อรอบริษัทต่างๆ มาจ้างงาน แต่ระหว่างรอได้กักขังบริเวณแรงงานต่างด้าว และเม่ือมีบรษิ ัทมาจ้างแรงงาน นายหนา้ จะได้รบั ค่านายหน้าจากบรษิ ัท และหักคา่ หวั จากแรงงานต่างด้าว เป็นตน้ 2. ปญั หาสถาบนั ครอบครัว (การหย่ารา้ ง) ส่งผลตอ่ การดูแลเด็กและเยาวชนทำให้เด็กได้รับการเล้ียงดู ท่ไี มเ่ หมาะสม ไรท้ พ่ี ่งึ ไมม่ ีผอู้ ปุ การะเล้ยี งดู เสยี่ งต่อการค้าประเวณีและการขอทาน 3. ปัญหาเด็กและเยาวชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาเด็กและเยาวชน ที่อาจนำไปสู่การค้ามนุษย์ เช่น เด็กและเยาวชนทำงานร้านคาราโอเกะที่อำเภอศรีมโหสถ เด็กและเยาวชน (เด็กกลุ่มอาชีวศึกษา) รับงานเอนเตอร์เทรน รับงานผ่านกลุ่มไลน์ การที่ผู้ปกครองนำบุ ตรหลานออกมาขาย สินคา้ ในช่วงเวลากลางคืนในพ้นื ทีอ่ ำเภอเมืองปราจีนบรุ ี 4. ปญั หาผสู้ ูงอายแุ ละผพู้ ิการ ท่เี สี่ยงตอ่ การเป็นบคุ คลเรร่ ่อนและคนไรท้ พ่ี งึ่ ทต่ี อ้ งการออกมาหางาน นอกบา้ นหรอื ไรท้ อ่ี ย่อู าศยั เส่ยี งตอ่ การถกู ล่อล่วงนำคนมาเป็นขอทานและเขา้ ขา่ ยของการค้ามนุษย์ 5. ปัญหาการจ้างแรงงานนอกสถานประกอบการ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและต้นทุนในการผลิตของ สถานประกอบการที่สูงขึ้นทำให้สถานประกอบการจ้างบุคคลภายนอกซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาผลิตหรือประกอบ สินค้าและบริการ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายจึงท าให้เกิดการจ้างแรงงานที่ผิดกฎหมายและเสี่ยงตอ่ การใชแ้ รงงานเด็กและอาจนำไปสูก่ ารคา้ มนุษย์ 4.1.7 สถานการณ์คา้ มนุษย์ จงั หวัดสระแกว้ การค้ามนุษย์ในประเทศไทยนั้นเกิดจากวัตถุประสงค์ที่หลากหลายแต่ที่พบได้มากที่สุดนั้นคือ การค้ามนุษย์เพื่อการใช้แรงงานผู้คา้ มนุษยจ์ ะเป็นผูค้ ัดเลือกและเอาเปรียบกลุ่มคนที่มีความต้องการที่จะทำงานที่ให้ ค่าตอบแทนสูงมีการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายหรือข่มขู่ให้ทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การประมงหรือ งานก่อสร้างนอกจากนี้เหยื่อของการค้ามนุษย์ที่เป็นผู้หญิงและเด็กจำนวนมากยังถูกนำพามาเพื่อการล่วงละเมิด ทางเพศแต่ถงึ กระน้ันจังหวดั สระแกว้ ยังถูกมองว่า มปี ญั หาการขอทานในพ้ืนทีต่ ลาดโรงเกลือซงึ่ ในสภาพของความเปน็ จริงนั้นในพื้นที่ตลาดโรงเกลือไม่พบชาวต่างชาติที่มาขอทานโดยตรงแต่จะมีในลักษณะที่เด็กซึ่งติดตามผู้ปกครอง ใช้เวลาว่างระหว่างท่ีรอผูป้ กครองทำงานนนั้ เดินเก็บหาของเก่าในพน้ื ที่ตลาดโรงเกลอื หรือการกางรม่ หรือโบกรถให้กับ นักท่องเที่ยวซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวน้ัน ไม่ได้เข้าองค์ประกอบของการขอทานตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 เพราะ “การขอทาน” หมายถงึ การขอเงนิ หรือทรัพยส์ ินจากผอู้ ื่นเพื่อเล้ียงชีวิตไม่วา่ จะเปน็ การขอดว้ ยวาจา ข้อความหรือการแสดงกิริยาอาการใดหรือการกระทำด้วยวิธีการใดให้ผู้อื่นเกิดความสงสารและส่งมอบเงินหรือ ทรพั ยส์ ินให้ดงั นน้ั จึงเปน็ ทเ่ี หน็ ได้ชัดแจง้ ว่าเด็กดงั กลา่ วที่อยู่ในบรเิ วณพื้นท่ีตลาดโรงเกลือไม่ใช่ขอทานอันจะเข้าข่าย ความผดิ ตามพระราชบัญญตั ิควบคมุ การขอทาน พ.ศ.2559 แตอ่ ยา่ งไรก็ตามจงั หวัดสระแก้วไดม้ ีการบรู ณาการสำหรบั การแสดงความสามารถไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพือ่ ให้ได้มา ซึ่งเงินหรือทรัพย์สนิ จากผู้ชมหรอื ผู้ฟังไม่ถือว่าเป็นการขอทานตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทานพ.ศ.2559 ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว มีผู้ประสงค์จะเป็นผู้แสดงความสามารถไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรีหรือการแสดงอื่นใดมาลงทะเบียนให้ถูกต้องตาม กฎหมาย รายละเอียดตามตารางท่ี 4.6
55 ตารางท่ี 4.6 จำนวนผขู้ อมีบัตรประจำตวั แสดงความสามารถจังหวัดสระแกว้ ประจำปี 2563 ลำดับ ประเภทการแสดงความสามารถ จำนวน(คน) รวม ชาย หญิง 1 การแสดงดนตรี 7- 7 2 การแสดงนาฏศลิ ป์ - 3 การแสดงละคร -- - -- 4 การแสดงศลิ ปะ --- 5 การแสดงกายกรรม --- ทมี่ า : กรมพฒั นาสงั คมและสวัสดกิ าร (ณ เดือนกนั ยายน 2563) เมอื่ วนั ท่ี 16 กันยายนพ.ศ.2559 จงั หวดั สระแก้วได้มีคำสั่งแต่งตงั้ คณะทำงานแก้ไขปัญหาแรงงานและ การค้ามนุษย์ซึ่งมีการบรู ณาการหลาย ๆ หน่วยงานเข้าด้วยกนั โดยมีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำแผนปฏิบัติการ แบบบูรณาการในการจดั การปญั หาแรงงานต่างดา้ วและการค้ามนุษยท์ ้ังรับแจ้งสืบเสาะข้อเทจ็ จรงิ และรวบรวม ข้อมูลพยานหลักฐานหากมเี หตุอนั ควรเช่ือว่ามีผูต้ กอยู่ในภาวะเสี่ยงหรือตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ ให้ดำเนินการช่วยเหลือทันทีพร้อมทั้งการประสานส่งต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เข้าสู่ระบบการคุ้มครอง ช่วยเหลือบาบัดฟ้ืนฟูตลอดจนคนื สสู่ ังคมอย่างปลอดภยั สถานการณ์การค้ามนุษย์จังหวดั สระแก้วไม่มีการดำเนินคดีการค้ามนุษย์ แต่มีการดำเนินงานด้านการ ป้องกัน โดยศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดสระแก้วตระหนักถึงความรุนแรงของ ปัญหาการค้ามนุษย์ มีการบูรณาการการทำงานป้องกันปัญหาค้ามนุษย์ ส่งเสริมให้หน่วยงานเอกชนเข้ามา มีส่วนร่วมในการป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ เพื่อขยายและสร้างเครอื ข่ายใหม่ในการทางานพร้อมทงั้ เสรมิ สร้างองค์ความรู้ เช่น การจัดโครงการอบรมให้ความรเู้ กยี่ วกบั กฎหมายการคา้ มนุษยก์ ฎหมายเกีย่ วกับสิทธิ ของแรงงาน โดยต้องให้ความสำคัญกับทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติและสร้างทัศนคติที่ดีไม่ให้ตกเป็น เหยื่อและผู้กระทำผิดในกระบวนการค้ามนุษย์เช่นดูแลแรงงานข้ามชาติปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง และมีการติดตามการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัด สระแก้วอยา่ งต่อเนอ่ื ง เพ่อื ให้การปอ้ งกันปราบปรามการค้ามนุษย์ในจังหวดั สระแกว้ เกิดประสทิ ธิภาพสงู สดุ ดังนั้น สถานการณ์ด้านการค้ามนุษย์ส่วนใหญ่ที่พบในจังหวัดสระแก้ว จะเป็นกลุ่มแรงงานแฝงมากับ แรงงานต่างด้าว กลุ่มแรงงานเด็ก และเยาวชน ที่เสี่ยงต่อการเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งอัตราปัญหาที่พบ ยังมีไม่มาก จึงถือว่าสถานการณ์ด้านการค้ามนุษย์ของจังหวัดสระแก้วไม่รุนแรง และจังหวัดสระแก้วถือเป็น เพียงทางผ่านของแรงงานและกระบวนการค้ามนุษย์เท่านั้นแต่จังหวัดสระแก้วก็ได้ให้ความสำคัญกับการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เป็นอย่างมาก โดยกำหนดให้มีการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหาการค้ามนุษย์เข้าเป็นนโยบายของจังหวัดและมีกระบวนการในการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันระหว่าง หนว่ ยงานเพอ่ื บรู ณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนษุ ยอ์ ยา่ งเป็นระบบ ทั้งภาครฐั และภาคเอกชนให้ ครอบคลุมทุกพื้นท่ี แต่อย่างไรก็ดีในปี พ.ศ.2561 จังหวัดสระแก้วได้มีการบูรณาการทำงานกับหน่วยงานที่ เกย่ี วขอ้ งอย่างจริงจัง ในการรณรงค์ทุกภาคสว่ นในการดำเนินงานด้านการป้องกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์ และปีพ.ศ.2562 ไมพ่ บการกระทำผิดเกยี่ วกับการคา้ มนุษย์ ซ่งึ สอดคล้องกนั การดำเนินงานของรัฐบาลไทยจาก รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก
56 รายงานการค้ามนุษย์ ประจำปีพ.ศ.2562 ของประเทศสหรฐั อเมริกาท่ีเลื่อนอันดับข้นึ ไปอยใู่ นกลมุ่ ที่ 2 (Tier 2) คือสหรัฐอเมริกาตระหนักถึงความมุ่งมั่นพยายามของไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ทุก รปู แบบ ในปีท่ีผา่ นมาท้ังการบังคบั ใช้กฎหมายและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผดิ การคมุ้ ครองดูแลผู้เสียหายการ ป้องกนั การตกเป็นเหยือ่ การคา้ มนุษย์ แนวโน้มสถานการณ์การค้ามนุษย์จังหวัดสระแก้ว ยังมีข้อน่าห่วงใยในอนาคตมีการจัดตั้งนิคม อุตสาหกรรมในพ้ืนจังหวัดสระแกว้ ซ่งึ เปน็ พ้นื ที่เศรษฐกจิ พเิ ศษซง่ึ จะทำให้เกดิ ความต้องการแรงงานจำนวนมาก เข้ามาในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ดังนั้นสถานการณ์การค้ามนุษยอ์ าจจะมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางท่ี เพมิ่ มากขนึ้ เน่ืองจากอาจจะมีการเคล่ือนย้ายแรงงานอย่างเสรีมากขึ้น โดยปัญหาเดก็ เร่ร่อนชาวกัมพูชาอาจจะ เพม่ิ มากขึ้น ซงึ่ เด็กเรร่ ่อนชาวกัมพูชากลุ่มน้ีจดั ว่าเปน็ กลุ่มเสีย่ งที่อาจจะตกเปน็ เหย่ือของกระบวนการค้ามนุษย์ ในอนาคตดังกล่าวต่อไปได้ 4.2 ความรุนแรงในครอบครัว ความเป็นมา ความรุนแรงในครอบครัวหมายถึงการกระทำใด ๆโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดอันตราย แก่รา่ งกาย จติ ใจ หรอื สุขภาพ หรือกระทำโดยเจตนาในลกั ษณะทนี่ ่าจะก่อใหเ้ กิดอันตรายแกร่ า่ งกายจิตใจหรือ สุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับ หรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้อง กระทำการละเว้นกระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งโดยมิชอบ ซึ่งปัญหาความรุนแรงใน ครอบครัวเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ อีกหลายปัญหา การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวไม่สามารถ ดำเนินการได้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือวิธีการใดวิธีการหนึ่ง จำเป็นต้องทำงานแบบบูรณาการ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อัยการ ตำรวจ แพทย์ พยาบาล ทนายความ นักสังคมสงเคราะห์ นักจติ วทิ ยา เป็นตน้ หรือแมก้ ระท่ังองค์กรภาคเอกชนทใ่ี ห้ความชว่ ยเหลือผู้ถูกกระทำความรนุ แรง เนื่องจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัวมีความละเอียด ซับซ้อน และเกี่ยวพันกับบุคคล ใกล้ชิดมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการทำร้ายร่างกายระหว่างบุคคลโดยทั่วไปการใช้มาตรการทางอาญามา บงั คับการกระทำด้วยความรนุ แรงในครอบครัวยังไมเ่ หมาะสม ดังนั้น การมีพระราชบัญญตั ิคุ้มครองผู้ถูกกระทำ ด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 จึงมีความเหมาะสมกว่ากระบวนการทางกฎหมายอาญาเพราะ สามารถกำหนดรูปแบบ วิธีการ และขั้นตอน เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง ทั้งให้ผู้กระทำ ผิดมีโอกาสกลับตัว และยับยั้งการกระทำผิดซ้ำรวมทั้งจะรักษาความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวไว้ได้ ซึ่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2550 และมีผลบังคับใช้วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่29 มิถุนายน 2542 ให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นช่วงเวลาของการระดมความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างความ ตระหนกั ถึงปัญหาความรนุ แรงต่อเดก็ และสตรี
57 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (COVID-19) มาตรการหนึ่งที่บังคับใช้ เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค คือการให้ประชาชนกักตัวอยู่บ้าน ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ทั้งสถานที่ทำงาน สถานศึกษาทุกระดับ อาจมีความเครียดเกิดขึ้น เช่น ปัญหาความเครียดสะสมจากภาวะ เศรษฐกิจตกต่ำ การขาดรายได้ การถูกเลิกจ้าง การถูกลดค่าตอบแทน รวมทั้งยังมีการใชส้ ิ่งกระตุ้นเพื่อระบาย ความเครียดจำพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดมากขึ้น จนกลายเป็นสาเหตุของความรุนแรง ในครอบครัว ความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกสังคม และเป็นต้นเหตุสำคัญของอีก หลายปญั หาที่ตามมาในชวี ิต ประเทศไทยมีสถิติความรุนแรงต่อผหู้ ญงิ สูงเปน็ อันดับต้นๆ ของโลก จากรายงานของสำนักงานว่าด้วย ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC : United Nations Office on Drugs and Crime) พบว่า กว่า 87% ของคดีการล่วงละเมิดทางเพศไม่เคยถูกรายงานเพื่อหาผู้กระทำผิด หรือให้ทางการรับรู้ ปัญหาเหล่านี้ถูกซุกไว้ใต้พรม 1 ใน 3 ของผู้หญิงถูกกระทำความรุนแรงมีมากกว่าตัวเลขที่ได้รับรายงาน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พบว่าความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 66% ภาคใต้ มีความ รนุ แรงในครอบครัวถึงร้อยละ 48.1 และกรงุ เทพฯ พบความรุนแรงในครอบครัวน้อยท่ีสุด รอ้ ยละ 26 ซึ่งปัจจัย ทม่ี ีความสัมพันธ์กับความรุนแรงในครอบครัว ได้แก่ รายได้ของครอบครัว และการใช้สารเสพติด เชน่ สรุ า บหุ รี่ สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครวั กล่มุ จังหวดั ตะวันออก ปี 2564 แผนภูมิท่ี 8 จำนวนผู้ถกู กระทำความรนุ แรงในครอบครัวจำแนกตามเพศ กล่มุ จงั หวดั ตะวันออก ปี 2564 ผถู้ กู กระทำควำมรุนแรงในครอบครวั แยกเพศ 25 20 จานวน 15 10 5 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจีนบรุ ี สระแกว้ รวม 3 21 0 15 33 3 12 7 1 29 18 54 . ชาย 6 9 15 5 56 หญิง 9 21 22 6 85 รวม ขอ้ มูล สนง.พมจ.7 จงั หวัด วนั ที่ 30 มถิ นุ ายน 2564 จากแผนภูมิท่ี 8 แสดงข้อมูลเปรียบเทียบผู้ถูกกระทำความรุนแรง ปี 2564 รวม 85 ราย ซึ่งเม่ือ เปรียบเทยี บแลว้ สถานการณ์ความรนุ แรงรายจงั หวดั พบว่า ความรนุ แรงในครอบครัวมีมากทสี่ ุดในพ้ืนที่จังหวัด ปราจีนบุรี จำนวน 22 ราย ฉะเชิงเทรา จำนวน 21 ราย ฃลบุรี จำนวน 18 ราย และพบความรุนแรง ในครอบครวั นอ้ ยที่สดุ ในจงั หวัดจนั ทบุรี จำนวน 4 ราย รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออก
58 ตารางท่ี 4.7 จำนวนประเภทความรนุ แรงในครอบครวั กลุ่มจงั หวัดตะวนั ออก ปี 2564 ประเภทความรุนแรง ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบรุ ี สระแกว้ รวม รา่ งกาย 14 2 25 9 10 3 45 ทางเพศ 01 21 0 3 07 ทางจติ ใจ 42 03 9 9 3 30 ถึงแกช่ วี ติ 00 00 3 0 03 รวม 18 5 49 21 22 6 85 ขอ้ มลู สนง.พมจ.7 จงั หวัด วนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน 2564 แผนภูมทิ ี่ 9 จำนวนประเภทความรนุ แรงในครอบครัวกลุ่มจงั หวดั ตะวนั ออก ปี 2564 จานวนประเภทความรุนแรงในครอบครวั กลมุ่ จงั หวดั ตะวนั ออก ปี 2564 14 14 12 10 99 10 9 จํานวน 8 65 4 4 22 3 3 3 3 3 2 2 11 2 0 00 0 0000 00 0 ร่างกาย ทางเพศ ทางจติ ใจ ถึงแก่ชีวิต ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจนี บรุ ี สระแกว้ จากแผนภูมิที่ 9 แสดงข้อมูลเปรียบเทียบประเภทความรุนแรง โดยในปี 2564 สถานการณ์ ความรุนแรงกลุ่มจังหวัดตะวันออก พบว่า ประเภทความรุนแรงที่พบส่วนใหญ่คือ ความรุนแรงทางร่างกาย จำนวน 45 ราย ทางจติ ใจ จำนวน 30 ราย และ ทางเพศ จำนวน 7 ราย ตามลำดับ ตารางที่ 4.8 จำนวนสาเหตุของกระทำความรุนแรงในครอบครวั กลมุ่ จังหวดั ตะวันออก ปี 2564 จำแนกตามสาเหตุ สาเหตุความรุนแรง ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจนี บรุ ี สระแก้ว รวม บัลดาลโทสะ 4 0 2 4 2 6 0 18 0 3 2 11 ยาเสพตดิ 50 10 6 1 0 10 1 2 2 11 พฤติกรรมนอกใจ 2 1 0 0 5 3 0 17 1 3 04 เมาสุรา 4 0 0 2 6 4 2 14 อาการทางจติ 3 2 1 3 ขอ้ มูล สนง.พมจ.7 จงั หวัด วนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน 2564 หยา่ ร้าง/แยกทาง 0 0 0 0 ความเครยี ดทาง 0 2 0 0 เศรษฐกจิ
59 แผนภมู ทิ ี่ 10 จำนวนสาเหตุของกระทำความรนุ แรงในครอบครัวกลุ่มจงั หวัดตะวันออก ปี 2564 16% 21% บลั ดาลโทสะ 5% ยาเสพติด 13% พฤตกิ รรมนอกใจ 20% 12% เมาสรุ า 13% อาการทางจิต หย่ารา้ ง/แยกทาง ความเครยี ดทางเศรษฐกิจ จากตารางที่ 4.8 และแผนภูมิท่ี 10 แสดงข้อมูลเปรียบเทียบสาเหตุการกระทำความรุนแรง ปี 2564 กล่มุ จังหวัดตะวันออก พบว่า ส่วนใหญ่สาเหตุมาจาก การบลั ดาลโทสะ รอ้ ยละ 21 รองลงมา พฤตกิ รรมนอกใจ อาการทางจิต ร้อยละ 20 ความเครียดทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 16 ปัญหายาเสพติด และการเมาสุรา จำนวน เท่ากัน ร้อยละ 13 พฤติกรรมนอกใจ รอ้ ยละ 12 และหยา่ ร้าง/แยกทาง ร้อยละ 5 จะเหน็ ว่าปัญหาการกระทำความรุนแรงยังคงเป็นปัญหาทางสังคมท่ีสำคัญ ความรุนแรงในครอบครัวมิใช่ เพยี งการทำร้ายร่างกายหรือการกระทำรุนแรงทางเพศเท่าน้ัน แต่ยงั หมายรวมถึงการใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่น เช่น ความรุนแรงทางวาจา การกักขังหน่วงเหนี่ยวอิสรภาพ หรือการใช้ความรุนแรงต่อจิตใจและอารมณ์ด้วย และมีสาเหตุหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดความรุนแรง เช่น ยาเสพติด สุรา การพนัน หย่าร้าง/แยกทาง หึงหวง/ นอกใจ บันดาลโทสะ ความเครียดทางเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพกาย ปัญหาสุขภาพจิต และคิดว่าตนเอง มีอำนาจมากกว่า ซึ่งการกระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และมักเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือบุคคลใน ครอบครวั ส่วนผถู้ ูกกระทำเปน็ เด็ก สตรี และผสู้ งู อายุ สังคมจะมองว่าเป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็น เรื่องส่วนตัว แม้แต่ญาติพี่น้องและผู้ใกล้ชิดไม่กล้าเข้ามาช่วยเหลือเพราะตกอยู่ในภาวะยากลำบากและไม่กลา้ เล่าให้ใครฟัง เพราะคดิ วา่ เป็นเรอื่ งนา่ อบั อาย ซง่ึ มีผลกระทบต่อผู้ถกู กระทำความรุนแรงในครอบครวั ทำให้เกิด การบาดเจ็บ พิการ หรือถึงแก่ชีวิต เกิดปัญหาสุขภาพจิต มีพฤติกรรมก้าวร้าว และมีผลกระทบต่อครอบครัว เป็นเหตุให้ครอบครัวไม่สงบสขุ ความสัมพนั ธใ์ นครอบครวั ถูกทำลาย หนว่ ยงานส่วนที่เกี่ยวข้อง จงึ ต้องมกี ารเฝ้าระวังป้องกัน เพอ่ื หวังวา่ จะสามารถลดปัญหาให้น้อยลงเท่าที่ จะเป็นไปได้ หากทุกฝ่ายทั้งภาคประชาชน และภาครัฐร่วมมือกันอย่างจริงจัง ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ก็จะสามารถลดลงได้ ควบคู่ไปกับการสร้างภมู ิคุ้มกันทางด้านจิตใจที่ต้องเร่งสร้างเสริมกนั ตั้งแต่วัยก่อนอนุบาล เพือ่ ปอ้ งกันปัญหาอยา่ งยงั่ ยนื รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก
60 บทบาทของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนษุ ย์ 7 จังหวดั ทั้งนี้ในปงี บประมาณ 2564 สำนักงานพฒั นาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ 7 จงั หวัด ได้จัดกิจกรรม รณรงค์ยตุ ิความรนุ แรงตอ่ เด็ก สตรี และบคุ คล ในครอบครัว ดงั น้ี 1) ร่วมเสวนาทีมสหวิชาชีพ โครงการอบรมเพิ่มประสิทธิภาพด้านการสืบสวนสอบสวนขยายผลการ ดำเนินคดสี ่ือลามกอนาจารเด็กและคดเี กีย่ วกบั คอมพวิ เตอรข์ องตำรวจภูธรจังหวัด 3) ร่วมโครงการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ประจำปี 2563 ในโครงการบำบัดทกุ ข์ บำรงุ สขุ คนื ความสขุ ให้ประชาชน 4) เป็นวิทยากรโครงการรณรงคเ์ พือ่ ยุตกิ ารใชค้ วามรนุ แรงต่อเด็ก สตรี และบคุ คลในครอบครัว 5) รว่ มโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและเครอื ข่ายเพอื่ การพฒั นาครอบครัว 4.3 การใหบ้ รกิ ารของศนู ย์ช่วยเหลอื สงั คมสายด่วน 1300 กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนษุ ย์ ได้ก่อต้ังศูนย์ชว่ ยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตั้งแต่ ปี 2556-2563 โดยให้บรกิ ารเตม็ รูปแบบ รวมสายการให้บรกิ าร ณ จดุ เดียว ในสว่ นกลางทศ่ี นู ย์ชว่ ยเหลือสังคม กทม. สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชัว่ โมง 7 วนั ซึ่งในช่วงมกราคม - กันยายน 2563 มีสายรับแจ้งเหตุในพื้นที่ตา่ งจังหวัดจำนวนมาก เนื่องจากเกิดวิกฤติ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด 19) จึงได้มีการปรับกระบวนงานสู่ภูมิภาคโดย ถ่ายโอนคู่สาย 1300 ไปยัง 76 จังหวัด เพื่อให้การบริการได้ทันท่วงที ภายใต้การบริหาร One Home พม. จงั หวัด สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 จึงได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของศูนย์ ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 จังหวัด และคาดการณ์แนวโน้มของปัญหาทางสังคมกลุ่มจังหวัด ในเขตพื้นที่ รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวชิ าการ 2 ที่ครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจีนบุรี และสระแกว้ เป็นรายไตรมาส ภาพที่ 3 Model 1300 จังหวดั
61 การวเิ คราะหส์ ถติ กิ ารให้บรกิ ารศูนยช์ ว่ ยเหลือสงั คมสายด่วน 1300 จังหวัด ตงั้ แต่ 1 ต.ค. 2563 – 21 ก.ย. 2564 และคาดการณ์แนวโน้มของปัญหา ภาพที่ 4 สถิติการใหบ้ รกิ ารศูนยช์ ่วยเหลือสงั คมสายดว่ น 1300 กลุ่มจังหวดั ตะวันออก 4.3.1 กลุ่มเปา้ หมาย ตารางท่ี 4.9 แสดงสถิติการใหบ้ รกิ ารตามกลมุ่ เปา้ หมาย จำแนกรายไตรมาส สถติ กิ ารใหบ้ รกิ าร ไตรมาส 4 ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 (2564) กลุม่ เป้าหมาย (2563) (2563) (2564) (2564) รวม (1 ก.ค..-30 ก.ย.64) (1 ก.ค. - 30 ก.ย. 63) (1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 63) (1 ม.ค. - 31 ม.ี ค. 64) (1 เม.ย.-30 มิ.ย.64) 3,288 461 948 เดก็ 1,392 468 432 535 439 7,605 2,004 3,043 เยาวชน 47 92 218 152 362 14,884 3,266 ผูใ้ หญ่ 1,366 995 2,164 1,076 ผู้สูงอายุ 1,260 253 861 307 รวม 4,065 1,808 3,675 2,070 ท่มี า : http://hotline1300.m-society.go.th รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก
62 แผนภูมิท่ี 11 แสดงแนวโน้มการใหบ้ ริการตามกลุม่ เปา้ หมาย จำแนกรายไตรมาส 7,000 6,000 5,000 4,000 3,000 2,000 1,000 0 ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) รวม 468 432 535 461 1,896 เดก็ 92 218 152 439 901 เยาวชน 995 2164 1,076 2,004 6,239 ผใู้ หญ่ 253 861 307 362 1,783 ผสู้ งู อายุ จากตารางที่ 4.9 และแผนภูมิที่ 11 แสดงสถิติการให้บริการสายด่วน 1300 โดยกลุ่มเป้าหมายที่มีการ ใช้บริการมากที่สุดคือ กล่มผู้ใหญ่ อันดับที่สอง คือ กลุ่มเด็ก อันดับที่สาม คือ กลุ่มผู้สูงอายุ และอันดับที่ส่ี คือ กลุ่มเยาวชน จากการคาดการ์ณแนวโน้มการให้บริการพบว่า กลุ่มเป้าหมาย เยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ มีแนวโน้มการใช้บริการสายด่วน 1300 เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายเด็กพบว่ามีแนวโน้มการใช้บริการสายด่วน 1300 ลดลง
4.3.2 กลมุ่ เปา้ หมายเดก็ 63 ตารางที่ 4.10 แสดงสถติ ิการใหบ้ รกิ ารตามกลุ่มเปา้ หมายเดก็ จำแนกรายไตรมาส รวม ประเดน็ ปญั หา สถติ ิการใหบ้ รกิ าร 2,197 ไตรมาส 4 (2563) ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 595 (1 ก.ค.-30 ก.ย.63) (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) (1 ม.ค.-31 มี.ค.64) (2564) (2564) (1 เม.ย.-30 ม.ิ ย. (1 กค.-30 กย. 80 119 64 64) 199 44 1. ปญั หาเรอ่ื งสทิ ธิ 787 384 300 447 279 24 สวัสดกิ าร และกฎหมาย 540 5 5 10 9 31 8 2. ปัญหาทเ่ี ปน็ 29 18 11 ปรากฏการณ์ทางสงั คม 13 17 7 10 16 เหตุการณอ์ บุ ตั ิใหม่ 6 45 19 25 0 3. ปญั หาความสัมพนั ธใ์ น 47 34 89 3,288 ครอบครวั 16 10 5 4. ปญั หาความรุนแรง 42 7 5. ปญั หารายได้ความ 9 20 10 1 เป็นอยู่ 5 8 11 0 6. ปัญหาพฤตกิ รรม 12 5 7. ปญั หาสขุ ภาพ/อุบตั ิเหตุ 2 9 3 อบุ ตั ิภยั 0 3 0 8. ปญั หาเรร่ อ่ น/ขอทาน 461 9. ปัญหาบุคคลหาย พลดั 3 3 01 หลง ศพนิรนาม 3 0 00 10. การถกู แสวงหา 1 1 432 535 ผลประโยชน์ 0 0 / แจง้ เบาะแสค้ามนุษย์ 1,392 468 11. ปญั หาตั้งครรภใ์ นวยั รุ่น / ตัง้ ครรภ์ไม่พึงประสงค์ 12. งานบรกิ ารภายใน ศูนย์บรกิ ารรว่ มกระทรวงฯ รวม ท่ีมา : http://hotline1300.m-society.go.th รายงานสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก
64 แผนภูมิท่ี 12 แสดงแนวโน้มสถติ ิการให้บริการกลมุ่ เป้าหมายเด็ก จำแนกรายไตรมาส 500 ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) 450 300 447 279 400 10 9 31 350 300 47 34 89 250 200 45 19 25 150 100 50 0 ไตรมาส 1 (2564) ปัญหาเร่อื งสทิ ธิสวสั ดิการและกฎหมาย 384 ปญั หาทเี่ ป็นปรากฏการณท์ างสังคม 5 . ปญั หารายไดค้ วามเป็นอยู่ใน 20 ครอบครัว ปญั หาความรุนแรง 17 จากตารางที่ 4.10 และแผนภูมิที่ 12 แสดงแนวโน้มสถิติการให้บริการสำหรับกลุ่มเป้าหมายเด็ก โดยประเดน็ สำคญั 4 อันดบั อนั ดบั แรกคอื ปญั หาเรอ่ื งสิทธิ สวสั ดกิ ารและกฎหมาย อนั ดับทส่ี องคือ ปญั หาท่ีเป็น ปรากฏการณ์ทางสังคม ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) และ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาของกลุ่มเป้าหมายการให้บริการของกระทรวง พม. อันดับสามคือ ปัญหาด้านรายได้ และความเป็นอยู่ และอันดับส่ีคือ ปัญหาความรุนแรง โดยปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม/เหตุการณ์ อุบัติใหม่ ปัญหาด้านรายได้และความเป็นอยู่ และปัญหาความรุนแรง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนปัญหาเรื่องสิทธิ สวสั ดกิ าร กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้อง มแี นวโนม้ ลดลง
65 4.3.3 กลมุ่ เปา้ หมายเยาวชน ตารางที่ 4.11 แสดงสถิติการใหบ้ ริการตามกล่มุ เป้าหมายเยาวชน จําแนกรายไตรมาส ประเดน็ ปญั หา สถิตกิ ารใหบ้ รกิ าร ไตรมาส 4 (2563) ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) รวม (1 ก.ค.-30 ก.ย.63) (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) (1 ม.ค.-31 มี.ค.64) (1 เม.ย.-30 มิ.ย.64 (1 ก.ค.-30 ก.ย.64) 151 1. ปัญหาทเี่ ปน็ ปรากฏการณ์ 24 1 16 8 102 438 ทางสังคม เหตุการณ์อบุ ตั ิใหม่ 3 29 67 72 267 222 2. ปัญหารายไดแ้ ละความ 2 31 103 45 41 37 เป็นอยู่ 1 14 7 12 3 25 3. ปญั หาเรือ่ งสทิ ธิ สวัสดกิ าร 7 44 3 7 24 และกฎหมาย 2 11 19 4. ปัญหาความสมั พันธใ์ น 3 2 12 ครอบครวั 3 3 5 5. ปัญหาความรุนแรง 0 1 11 3 2 4 6. ปญั หาสขุ ภาพ/อบุ ัติเหตุ 8 2 1 1 0 0 อุบัติภัย 0 0 948 7. ปัญหาพฤตกิ รรม 068 152 439 8. ปัญหาเรร่ อ่ น/ขอทาน 0 4 2 9. การแสวงหาผลประโยชน์ / 2 11 แจง้ เบาะแสการคา้ มนษุ ย์ 0 06 10. ปัญหาตง้ั ครรภใ์ นวัยรนุ่ / 0 03 ตัง้ ครรภ์ไมพ่ งึ ประสงค์ 0 00 11. ปญั หาบคุ คลหาย พลดั 47 92 218 หลง ศพนริ นาม 12. งานบริการภายใน ศูนยบ์ รกิ ารร่วมกระทรวงฯ รวม ท่มี า : http://hotline1300.m-society.go.th * การคาดการณ์แนวโนม้ ใชส้ ถติ ยิ ้อนหลัง 3 ไตรมาสหาคา่ เฉลย่ี รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวันออก
66 แผนภูมทิ ี่ 13 แสดงแนวโนม้ สถติ ิการให้บริการกลุ่มเปา้ หมายเยาวชน จำแนกรายไตรมาส 300 250 200 150 100 50 0 ไตรมาส 1 (2563) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) 1 16 8 102 ปัญหาท่เี ป็นปรากฏการณท์ างสงั คม 29 67 72 267 ปัญหารายไดแ้ ละความเป็นอยู่ 31 103 45 41 ปัญหาเร่อื งสทิ ธิสวสั ดิการและกฎหมาย 14 7 12 3 ปัญหาความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั จากตารางที่ 4.11 และแผนภูมิที่ 13 แสดงแนวโน้มสถิติการให้บริการสำหรับกลุ่มเป้าหมายเยาวชน โดยประเด็นสำคญั 4 อนั ดับ อนั ดับแรกคือ ปญั หาดา้ นรายได้และความเปน็ อยู่ มีแนวโนม้ ท่ีเพิ่มสูงขึ้น อันดับสอง คอื ปัญหาเรื่องสิทธิ สวัสดิการ กฎหมายทเี่ กี่ยวข้องมีแนวโน้มที่ลดลง อันดับสามคอื ปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ ทางสังคม เหตุการณ์อุบัติใหม่ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เงินสงเคราะห์ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) และมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของกลุ่มเป้าหมายการให้บริการของกระทรว ง พม. มีแนวโน้ม ที่เพ่ิมสูงข้นึ สว่ นอันดบั สคี่ อื ปญั หาความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั มแี นวโน้มลดลง
67 4.3.4 กลุ่มเปา้ หมายผ้ใู หญ่ ตารางที่ 4.12 แสดงสถติ กิ ารใหบ้ รกิ ารตามกลุ่มเป้าหมายผูใ้ หญ่ จาํ แนกรายไตรมาส ประเด็นปญั หา สถิตกิ ารใหบ้ รกิ าร 1. ปญั หาท่ีเป็น ไตรมาส 4 (2563) ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) รวม ปรากฏการณท์ างสงั คม (1 ก.ค.-30 ก.ย.63) (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) (1 ม.ค.-31 มี.ค.64) (1 เม.ย.-30 มิ.ย.64 (1 ก.ค.-30 ก.ย.64) 1,817 เหตกุ ารณอ์ บุ ตั ิใหม่ 2. ปญั หาเรอื่ งสิทธิ 1,020 45 299 74 379 2,201 สวสั ดกิ าร และ กฎหมาย 159 400 1,038 321 283 2,542 3. ปัญหารายได้และ 286 ความเป็นอยู่ 96 363 580 401 1,102 204 4. ปัญหาเรร่ ่อน/ 15 64 68 73 66 162 ขอทาน 36 29 33 37 69 212 5. ปัญหาสุขภาพ/ 15 34 36 50 27 124 อบุ ัติเหตุ อุบตั ิภัย 22 6. ปัญหาความรนุ แรง 0 7. ปัญหาความสัมพนั ธ์ 18 28 56 62 48 13 ในครอบครวั 24 8. ปัญหาพฤติกรรม 4 22 37 37 23 9. ปัญหาบคุ คลหาย 0 6 4 9 3 7,606 พลัดหลง ศพนริ นาม 0 10. งานบรกิ ารภายใน 0 0 0 0 0 ศนู ย์บรกิ ารร่วม 4 กระทรวงฯ 2,005 11. การถูกแสวงหา 1 2 7 3 ผลประโยชน์/แจง้ เบาะแสค้ามนุษย์ 12. ปญั หาตัง้ ครรภใ์ น 2 2 6 9 วัยรนุ่ / ตั้งครรภ์ไม่พึง ประสงค์ รวม 1,366 995 2,164 1064 ทีม่ า : http://hotline1300.m-society.go.th รายงานสถานการณท์ างสงั คมกล่มุ จงั หวดั ภาคตะวนั ออก
68 แผนภูมิที่ 14 แสดงแนวโน้มสถติ ิการใหบ้ รกิ ารสำหรบั กลุ่มเป้าหมายผใู้ หญ่ 1,200 1,000 800 600 400 200 0 ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) 45 299 74 379 ปัญหาท่เี ป็นปรากฏการณท์ างสงั คม 400 1038 321 283 ปัญหาเร่อื งสทิ ธิสวสั ดกิ ารและกฎหมาย 363 580 401 1102 ปัญหารายไดแ้ ละความเป็นอยู่ 64 68 73 66 ปัญหาเรร่ ่อน/ขอทาน จากตารางที่ 4.12 และแผนภูมิที่ 14 แสดงแนวโน้มสถิติการให้บริการสำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้ใหญ่ โดยประเด็นสำคัญ 4 อันดับ อันดับแรกคือ ปัญหารายได้และความเป็นอยู่ มีแนวโน้มท่ีเพิม่ สูงขึ้น อันดับสองคือ ปัญหาเรื่องสิทธิ สวัสดิการ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีแนวโน้มลดลง อันดับสามคือ ปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ ทางสังคม เหตุการณ์อุบัติใหม่ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เงินสงเคราะห์ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid- 19) และมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของกลุ่มเป้าหมายการให้บริการของกระทรวง พม. มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น อนั ดบั สคี่ ือ ปัญหาเรร่ ่อน/ขอทาน มีแนวโน้มลดลง
69 4.3.5 กลมุ่ เปา้ หมายผูส้ งู อายุ รวม ตารางที่ 4.13 แสดงสถิติการให้บรกิ ารตามกลุ่มเปา้ หมายผสู้ ูงอายุ จาํ แนกรายไตรมาส 1,289 ประเดน็ ปญั หา ไตรมาส 4 (2563) ไตรมาส 1 (2564) สถิตกิ ารใหบ้ รกิ าร ไตรมาส 4 (2564) (1 ก.ค.-30 ก.ย.63) (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) (1 ก.ค.-30 ก.ย.64) 980 1. ปัญหาท่ีเป็น ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ปรากฎการณท์ างสังคม 1079 14 (1 ม.ค.-31 มี.ค.63) (1 เม.ย.-30 มิ.ย.64 46 565 เหตกุ ารณ์อบุ ตั ใิ หม่ 56 2. ปญั หาเรอื่ งสิทธิ 120 108 121 29 56 สวัสดิการ และ 54 กฎหมาย 33 93 513 130 109 18 3. ปัญหารายได้และ 13 7 11 ความเป็นอยู่ 5 15 181 94 164 14 4. ปัญหาความสมั พนั ธ์ 6 8 3,043 ในครอบครวั 2 1 10 14 12 5. ปัญหาเรร่ อ่ น/ 2 3 ขอทาน 0 4 11 9 16 6. ปัญหาสุขภาพ/ 1,260 253 อบุ ัติเหตุ อบุ ัติภัย 11 19 10 7. ปญั หาความรุนแรง 8. ปญั หาบคุ คลหาย 7 71 พลัดหลง ศพนริ นาม 2 22 9. ปญั หาพฤติกรรม 5 32 รวม 861 307 362 ทีม่ า : http://hotline1300.m-society.go.th * การคาดการณ์แนวโนม้ ใชส้ ถติ ิย้อนหลัง 3 ไตรมาสหาค่าเฉลีย่ รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลมุ่ จังหวดั ภาคตะวนั ออก
70 แผนภูมทิ ่ี 15 แสดงแนวโนม้ สถติ กิ ารใหบ้ ริการกล่มุ เป้าหมายผู้สูงอายุ จำแนกรายไตรมาส 600 500 400 300 200 100 0 ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) 14 121 29 46 ปัญหาท่เี ป็นปรากฏการณท์ างสงั คม 108 513 130 109 ปัญหาเร่อื งสทิ ธิสวสั ดิการและกฎหมาย 93 181 94 164 ปัญหารายไดแ้ ละความเป็นอยู่ 7 10 14 12 ปัญหาความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั จากตารางที่ 4.13 และแผนภูมิที่ 15 ตารางแสดงแนวโน้มสถิติการให้บริการกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ จำแนกรายไตรมาส โดยประเด็นสำคัญ 4 อันดับ อันดับแรก คือ การใช้บริการสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่ เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม เหตุการณ์อุบัติใหม่ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือ เยียวยาผู้ไดร้ บั ผลกระทบ จากสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) และ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาของกลุ่มเป้าหมายการให้บริการของกระทรวง พม. อันดับสองคือ ปัญหาเรื่องสิทธิ สวัสดิการ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันดับสามคือ ปัญหาด้านรายได้และความเป็นอยู่ และอันดับสี่คือ ปัญหา ความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยปัญหาปัญหาเร่ืองสิทธิ สวัสดิการ ปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม/เหตุการณ์ อุบัติใหม่ และปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว มีแนวโน้มท่ีลดลงในในไตรมาสต่อมา ส่วนปัญหาด้านรายได้และ ความเป็นอยมู่ ีแนวโนม้ เพิม่ สูงขน้ึ
71 4.3.6 การให้ความช่วยเหลอื ตารางที่ 4.14 แสดงการใหค้ วามชว่ ยเหลือผรู้ ับบริการ จำแนกรายไตรมาส การให้ความชว่ ยเหลือ สถติ กิ ารใหบ้ รกิ าร (เคส) การใหค้ ำปรึกษา ไตรมาส 4 (2563) ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) รวม แนะนำ 12,967 (1 ก.ค.-30 ก.ย.63) (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) (1 ม.ค.-31 ม.ี ค.64) (1 เม.ย.-30 มิ.ย.64) (1 ก.ค.-30 ก.ย.64) 2,191 4,310 2,054 4,104 2,264 235 0 ส่งตอ่ หนว่ ยงาน 205 515 840 515 116 15,158 0 00 หนว่ ยปฏบิ ัตกิ าร 0 0 เคลอ่ื นท่เี ร็ว รวม 4,515 2,569 4,944 2,779 351 ทีม่ า : http://hotline1300.m-society.go.th * การคาดการณ์แนวโนม้ ใช้สถติ ยิ อ้ นหลัง 3 ไตรมาสหาค่าเฉลยี่ แผนภูมิที่ 16 แสดงสถานการณ์แนวโน้มการใหค้ วามช่วยเหลือ จำแนกรายไตรมาส 4500 ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) 4000 2054 4104 2264 3153 3500 515 840 515 1440 3000 0 0 0 0 2500 2000 สง่ ตอ่ หนว่ ยงาน 1500 1000 500 0 การใหค้ าปรกึ ษาแนะนา สง่ ตอ่ หนว่ ยงาน หน่วยปฏิบตั ิการเคลอ่ื นท่เี ร็ว การใหค้ าปรกึ ษาแนะนา หน่วยปฏิบตั กิ ารเคล่อื นท่เี ร็ว จากตารางที่ 4.14 และ แผนภูมิที่ 16 แสดงสถานการณ์แนวโน้มสถิติการให้ความช่วยเหลือของศูนย์ ช่วยเหลือสังคม 1300 จงั หวัดในพืน้ ที่รบั ผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนนุ วิชาการ 2 พบว่า ผู้รับบริการ ขอปรึกษาแนะนำ เกย่ี วกบั มาตรการช่วยเหลือ เยียวยาของกลุ่มเปา้ หมายการใหบ้ ริการของกระทรวง พม.ข้อมูล ด้านสิทธิ สวัสดิการ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์การการแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) และอ่นื ๆ มีแนวโน้ม เพิ่มขึ้น ส่วนการส่งต่อหน่วยงานตามกลุ่มเป้าหมายการให้บริการของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนษุ ย์ มแี นวโน้มเพ่ิมสงู ข้นึ โดยในชว่ งไตรมาสที่ 4 ของปงี บประมาณ พ.ศ.2564 มกี ารส่งตอ่ หน่วยงานภายใน กระทรวงฯ และภายนอกกระทรวงฯ เช่น ตำรวจ อปท. เป็นต้น จำนวน 1,440 กรณี คิดเป็นร้อยละ179.61 % จากในช่วงไตรมาสที่ 3 เนื่องจากการถ่ายโอนคู่สายมายังต่างจังหวัดทำให้มีการประสานงานเครือข่ายได้สะดวก รวดเร็วข้นึ รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
72 4.3.7 พื้นทใี่ ห้บริการ (รายจังหวัด) ตารางที่ 4.15 แสดงพ้นื ทใี่ ห้บรกิ าร จำแนกรายไตรมาส สถิติการให้บรกิ าร จงั หวดั ไตรมาส 4 (2563) ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 รวม (1 ก.ค.-30 ก.ย.63) (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) (1 ม.ค. – 31 มี.ค..64) (1 เม.ย.-30 มิ.ย.64) (2564) (1 ก.ค.-30 ก.ย. 6,903 ชลบรุ ี 1,617 1,025 1,601 1,033 3,619 64) 2,198 ระยอง 622 413 1,026 521 2,039 1,627 1,855 จนั ทบรุ ี 499 243 685 337 2,046 1,037 740 ฉะเชิงเทรา 635 289 516 236 19,400 434 สระแกว้ 472 232 472 285 363 ปราจนี บุรี 461 246 493 293 394 ตราด 209 121 151 74 553 รวม 4515 2569 4,944 2,779 185 4,593 แผนภูมิที่ 17 แสดงสถานการณแ์ นวโนม้ พน้ื ที่ให้บรกิ าร จำแนกรายไตรมาส 1,800 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจนี บรุ ี สระแกว้ 1,600 1,400 ไตรมาส 1 (2564) ไตรมาส 2 (2564) ไตรมาส 3 (2564) ไตรมาส 4 (2564) 1,200 1,025 1601 1033 1,627 1,000 413 1026 521 1037 243 685 337 434 800 121 151 74 185 600 289 516 236 363 400 246 493 293 553 200 232 472 285 394 0 ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบรุ ี สระแกว้ จากตารางท่ี 4.15 และแผนภมู ทิ ่ี 17 แสดงสถานการณ์แนวโนม้ สถติ ิพนื้ ทีก่ ารให้บรกิ ารของศนู ย์ช่วยเหลือ สังคม 1300 จังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 พบว่า จังหวัดที่มี การให้บริการสูงสุดเป็น 4 ลำดับแรก ปีงบประมาณ 2564 (รวมไตรมาส 1-4) ได้แก่ ลำดับหนึ่งคือ จังหวัดชลบุรี จำนวน 6,903 กรณี ลำดับสองคือ จังหวัดระยอง จำนวน 3,619 กรณี ลำดับสามคือ จังหวัดจันทบุรี จำนวน 2,198กรณี และอันดับสี่คือ จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 2,046 กรณี โดยทุกพื้นที่มีแนวโน้มการใช้บริการ สายด่วน 1300 ที่สูงข้ึนเรื่อยๆ
73 ส่วนที่ 5 การวิเคราะห์และจดั ลำดบั ความรุนแรงของสถานการณ์ทางสงั คมกลมุ่ จังหวดั 5.1 สถานการณเ์ ชิงกลมุ่ เปา้ หมายในพื้นท่กี ลมุ่ จงั หวัด 5.1.1 กลมุ่ เดก็ ตารางท่ี 5.1 แสดงผลการจดั ลำดับความรุนแรงของสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวดั กลมุ่ เด็ก (หน่วย:คน) ประชากรเดก็ จำนวน 1,069,264 คน ลำดบั ที่ ประเดน็ สถานการณก์ ลมุ่ เปา้ หมาย จำนวน คิดเป็นรอ้ ยละ ของประชากรเดก็ กลมุ่ เป้าหมายตาม ทัง้ หมดในเขตพนื้ ทกี่ ลุ่ม ประเดน็ จังหวดั ทร่ี บั ผดิ ชอบ 1 เดก็ ทีต่ ัง้ ครรภก์ อ่ นวัยอันควรและไมพ่ ร้อม 6,081 3.05 ในการเล้ียงดู (เพศหญิง อายุ 12-17 ปี จำนวน 199,183 คน ) 2 เดก็ ที่อยู่ในครอบครัวเล้ยี งเด่ียว 2,574 0.24 3 เด็กท่มี พี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม 766 0.07 ท่มี าจาก 1.สำนักงานสาธารณสขุ จงั หวดั 2.ฐานข้อมลู เด็กแรกเกดิ กระทรวงพม. 3.สถานพนิ ิจคมุ้ ครองเดก็ และเยาวชนจงั หวดั จากตารางท่ี 5.1 แสดงผลการจดั ลำดับความรนุ แรงของสถานการณท์ างสงั คมของกลมุ่ จังหวัด มปี ญั หา ของกลุ่มเด็กที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและไม่พร้อมในการเลี้ยงดูมากที่สุด จำนวน 6,081 คิดเป็นร้อยละ 0.54 ของประชากรเด็ก (เพศหญิง อายุ 12-17 ปี จำนวน 199,183 คน) ในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดท่ีรับผิดชอบ รองลงมาคือปัญหาเด็กที่อยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว จำนวน 2,574 คน คิดเป็นร้อยละ 0.24 ของประชากรเด็ก ทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ และลำดับที่สาม คือปัญหาเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จำนวน 766 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.07 ของประชากรเด็กท้งั หมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดท่ีรับผิดชอบ รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก
74 5.1.2 กลุ่มเยาวชน ตารางที่ 5.2 แสดงผลการจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวดั กลุ่มเยาวชน ประชากรเยาวชน จำนวน 493,725 คน (หน่วย:คน) ลำดับท่ี ประเดน็ สถานการณก์ ลุ่มเปา้ หมาย จำนวน คิดเปน็ รอ้ ยละ กลุ่มเป้าหมายตาม ของประชากรเยาวชน ประเดน็ ทั้งหมดในเขตพนื้ ที่กลุ่ม จงั หวัดท่ีรบั ผดิ ชอบ 1 เยาวชนท่ีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 1,144 0.23 2 เยาวชนทถ่ี กู ทารณุ กรรมทางรา่ งกาย 121 0.02 จติ ใจ และทางเพศ ทม่ี าจาก 1.สถานพนิ จิ คุ้มครองเดก็ และเยาวชนจงั หวดั 2.สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั จากตารางที่ 5.2 แสดงผลการจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั กลุ่มเยาวชน พบว่ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีปัญหาเยาวชนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมากที่สุด จำนวน 1,144 คิดเป็น ร้อยละ 0.23 ประชากรเยาวชนทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ รองลงมาคือปัญหาเยาวชนท่ีถูก ทารุณกรรมทางร่างกาย จิตใจ และทางเพศ จำนวน 121 คน คิดเป็นร้อยละ 0.02 ของประชากรเยาวชน ทั้งหมดในเขตพืน้ ทกี่ ลุ่มจังหวดั ทีร่ ับผดิ ชอบ 5.1.3 กลุ่มสตรี ตารางที่ 5.3 แสดงผลการจดั ลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั กลุ่มสตรี ประชากรสตรี จำนวน 1,657,350 คน (หนว่ ย:คน) ลำดับท่ี ประเดน็ สถานการณ์กล่มุ เป้าหมาย จำนวน คดิ เป็นร้อยละ กลุม่ เปา้ หมายตาม ของประชากรสตรี ประเดน็ ทง้ั หมดในเขตพื้นทก่ี ล่มุ จังหวดั ทร่ี บั ผดิ ชอบ 1 สตรที ถ่ี กู เลิกจา้ ง/ตกงาน 37,939 2.29 2 แมเ่ ล้ียงเด่ียวฐานะยากจนท่ตี ้องเลี้ยงดู 2,316 0.14 บตุ รเพยี งลำพัง 3 สตรที ี่ถูกทำร้ายร่างกาย จิตใจ 1,424 0.08 ท่มี าจาก 1.สำนกั งานจัดหางานจังหวดั 2. กระทรวงพม. 3.สำนกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั จากตารางที่ 5.3 แสดงผลการจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวัด กลุ่มสตรี พบว่ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีปัญหาสตรีที่ถูกเลิกจ้าง/ตกงานมากที่สุด จำนวน 37,939 คิดเป็นร้อยละ 2.29 ของประชากรสตรีทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ รองลงมาคือปัญหาแม่เลี้ยงเดี่ยวฐานะ ยากจนที่ต้องเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพัง จำนวน 2,316 คน คิดเป็นร้อยละ 0.14 ของประชากรสตรีทั้งหมด ในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ และลำดับที่สาม คือปัญหา สตรีที่ถูกทำร้ายร่างกาย จิตใจ จำนวน 1,424 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0.08 ของประชากรสตรีทงั้ หมดในเขตพืน้ ทก่ี ลมุ่ จังหวัดทร่ี บั ผิดชอบ
75 5.1.4 กลุ่มครอบครวั ตารางท่ี 5.4 แสดงผลการจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มครอบครวั จำนวนครอบครัว 1,733,857 ครอบครวั (หนว่ ย:ครอบครวั ) ลำดับที่ ประเดน็ สถานการณ์กลมุ่ เปา้ หมาย จำนวน คิดเป็นรอ้ ยละ ของจำนวนครอบครวั กลุ่มเป้าหมายตาม ท้งั หมดในเขตพืน้ ทีก่ ลุ่ม ประเด็น จงั หวัดทร่ี ับผิดชอบ 1 ครอบครวั แหวง่ กลาง 61,741 3.56 2 ครอบครวั ยากจน 26,944 1.55 3 ครอบครัวหยา่ รา้ ง 25,528 1.47 ท่มี าจาก 1.สนง.พมจ. 2.ฐานขอ้ มลู TPMAP 3.กรมการปกครอง จากตารางที่ 5.4 แสดงผลการจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มครอบครัว พบว่ากลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก มีปญั หาครอบครัวแหว่งกลางมากที่สุด จำนวน 61,741 ครอบครวั คิดเป็นรอ้ ยละ 3.56 ของกลมุ่ ครอบครัว ทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ รองลงมาคือปัญหาครอบครัวยากจนจำนวน 26,944 ครอบครัว คิดเป็น ร้อยละ 1.55 ของกลุ่มครอบครัวทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ และลำดับที่สาม คือปัญหาครอบครัว หย่าร้าง จำนวน 25,528 ครอบครวั คดิ เปน็ ร้อยละ 1.47 ของกลุม่ ครอบครวั ทั้งหมดในเขตพ้นื ท่ีกล่มุ จังหวดั ที่รบั ผิดชอบ 5.1.5 กลมุ่ ผู้สูงอายุ ตารางท่ี 5.5 แสดงผลการจดั ลำดับความรุนแรงของสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจงั หวัดกลุ่มผสู้ งู อายุ ประชากรผสู้ งู อายุ จำนวน 762,799 คน (หนว่ ย:คน) ลำดับท่ี ประเดน็ สถานการณก์ ลมุ่ เป้าหมาย จำนวน คดิ เป็นร้อยละ กลุ่มเปา้ หมายตาม ของจำนวนผู้สูงอายุ ท้ังหมดในเขตพ้นื ท่กี ลุม่ ประเด็น จงั หวัดทร่ี ับผิดชอบ 1 ผู้สงู อายุท่ยี ังไม่ไดร้ บั เบี้ยยังชีพ 22,318 2.93 2 ผ้สู งู อายชุ ว่ ยเหลอื ตวั เองไมไ่ ด/้ ไม่มีคนดแู ล/ไมม่ ี 17,765 2.33 รายได/้ ผ้ปู ่วยเรอ้ื รังติดบ้าน ตดิ เตียง 3 ผู้สูงอายทุ ่ีรบั ภาระดูแลบุคคลในครอบครวั เชน่ 971 0.13 คนพกิ าร ผปู้ ว่ ยเรื้อรัง บุตรหลาน และจิตเวช ทม่ี าจาก 1.ฐานขอ้ มูล TPMAP 2.สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั 3.สนง.พมจ. จากตารางท่ี 5.5 แสดงผลการจัดลำดบั ความรนุ แรงของสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจงั หวดั กลุม่ ผู้สูงอายุ พบว่ากล่มุ จังหวดั ภาคตะวันออก มีปัญหาผู้สูงอายุท่ียงั ไม่ไดร้ บั เบ้ยี ยังชีพ มากทส่ี ุด จำนวน 22,318 คน คิดเป็น ร้อยละ 2.93 ของประชากรผ้สู ูงอายุท้ังหมดในเขตพนื้ ทก่ี ลุ่มจงั หวดั ท่รี บั ผดิ ชอบรองลงมาคือ ผสู้ ูงอายชุ ่วยเหลือ ตัวเองไม่ได้/ไม่มีคนดูแล/ไม่มีรายได้/ผู้ป่วยเรื้อรังติดบ้าน ติดเตียง จำนวน 17,765 คน คิดเป็นร้อยละ 2.33 ของประชากรผู้สูงอายุทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ และลำดับที่สาม คือปัญหา ผู้สูงอายุ ที่รับภาระดูแลบุคคลในครอบครัว เช่น คนพิการ ผู้ป่วยเรื้อรัง บุตรหลาน และจิตเวช จำนวน 971 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 0.13 ของประชากรผสู้ ูงอายทุ ั้งหมดในเขตพ้นื ท่ีกลุม่ จังหวัดทรี่ ับผดิ ชอบ รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก
76 5.1.6 กลมุ่ คนพิการ ตารางที่ 5.6 แสดงผลการจดั ลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวัด กลุ่มคนพิการ ประชากรคนพิการ จำนวน 130,230 คน (หนว่ ย:คน) ลำดับที่ ประเดน็ สถานการณก์ ลุม่ เปา้ หมาย จำนวน คดิ เปน็ ร้อยละ กลมุ่ เป้าหมายตาม ของจำนวนคนพิการ ประเด็น ทั้งหมดในเขตพืน้ ทก่ี ล่มุ จังหวดั ทีร่ บั ผดิ ชอบ 1 คนพิการทไ่ี ม่ไดร้ ับเบ้ยี ยงั ชีพ 522 0.40 2 คนพกิ ารมีความตอ้ งการกายอุปกรณ์ 350 0.27 3 คนพกิ ารทอี่ ยูค่ นเดยี วตามลำพัง/ไมม่ ี 42 0.03 ผดู้ แู ล/ถกู ทอดทงิ้ ทม่ี าจาก 1./2.ศูนย์บริการคนพกิ ารจังหวดั 3.ฐานขอ้ มลู TPMAP จากตารางท่ี 5.6 แสดงผลการจดั ลำดับความรนุ แรงของสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจงั หวดั กลุม่ ผู้สูงอายุ พบว่ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีปัญหาคนพิการที่ไม่ได้รับเบี้ยยังชีพมีจำนวน 522 คน หรือ ร้อยละ 0.40 ของประชากรคนพิการทั้งหมดในเขตพนื้ ที่กลุ่มจังหวัดทร่ี ับผิดชอบ รองลงมาคอื ปัญหาคนพิการมคี วามต้องการ กายอุปกรณ์ จำนวน 350 คน คิดเป็นร้อยละ 0.27 ของประชากร คนพิการทั้งหมดในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัด ที่รับผิดชอบ และลำดับที่สามคนพิการที่อยู่คนเดียวตามลำพัง/ไม่มีผู้ดูแล/ถูกทอดทิ้ง จำนวน 42 คน คิดเป็น ร้อยละ 0.03 5.1.7 กลมุ่ ผู้ดอ้ ยโอกาส ตารางที่ 5.7 แสดงผลการจัดลำดบั ความรุนแรงของสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจงั หวัด กล่มุ ผดู้ ้อยโอกาส ประชากรผู้ดอ้ ยโอกาส จำนวน 27,460 คน (หนว่ ย:คน) ลำดับที่ ประเด็นสถานการณก์ ลุ่มเป้าหมาย จำนวน คดิ เปน็ รอ้ ยละ กลมุ่ เป้าหมายตาม ของจำนวนประชากร ประเดน็ ท้งั หมดในเขตพนื้ ทกี่ ลุ่ม จงั หวัดที่รับผดิ ชอบ 1 ผตู้ ิดยาเสพตดิ 13,737 50.02 2 ผู้ตดิ เชอื้ HIV 10,739 39.10 3 กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ/ชนกลมุ่ นอ้ ย 1,986 7.23 ทมี่ าจาก 1.สำนกั งานปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด 2. ศูนยค์ มุ้ ครองคนไร้ที่พึ่งจงั หวดั 3.สำนกั งานสถติ จิ ังหวัด จากตารางที่ 5.7 แสดงผลการจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวัด กลุ่มผู้ด้อยโอกาส พบว่ากล่มุ จังหวัดภาคตะวนั ออก มปี ญั หาผู้ตดิ ยาเสพตดิ มากทีส่ ุด จำนวน 13,737คน คิดเปน็ ร้อยละ 50.02 ของประชากรกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทั้งหมดในเขตพืน้ ทีก่ ลุ่มจังหวดั ที่รบั ผิดชอบ รองลงมาคือปัญหา ผู้ติดเชื้อ HIV จำนวน 10,739 คน คิดเป็นร้อยละ 39.10 ของประชากรกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทั้งหมดในเขตพื้นท่ี กลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ และลำดับที่สาม คือปัญหากลุ่มชาติพันธุ์/ชนกลุ่มน้อย จำนวน 1,986 คน คิดเป็น รอ้ ย 7.23 ของประชากรกล่มุ ผูด้ ้อยโอกาสทง้ั หมดในเขตพื้นท่กี ลุ่มจงั หวัดทร่ี ับผิดชอบ
77 5.2 สถานการณส์ ำคัญในพ้นื ที่กล่มุ จงั หวัด 5.2.1 สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 1) สถานการณร์ ะบาด COVID-19 รอบ 1 ถึง 3 ในประเทศไทย โดยสังเขป ระลอก 1 ประเทศไทยพบการระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส - 2019 หรือ COVID-19 ตั้งแต่ ต้นมกราคม 2563 จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID - 19 เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนถึงมีนาคม 2563 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพ่มิ เป็นหลักร้อยและมียอดผู้ป่วยใหม่ 188 คน ในวันที่ 15 มีนาคม 2563 ซึ่งถือว่าเป็นวันที่สูงสุดของการระบาด รอบแรก แล้วจึงลดลงต่อเนื่อง รักษาระดับการติดเชื้อสองหลักเอาไว้ถึง 9 เดือน และมีผู้เสียชีวิตน้อยมาก จนไดร้ บั คำชมจากองคก์ ารระหวา่ งประเทศวา่ ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของ COVID - 19 ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ระลอก 2 หลังจากนั้นอีกไม่นานก็เกิดการระบาดรอบ 2 ขึ้น สำหรับประเทศไทย ในที่สุดก็เกิด การระบาดขึ้นที่ตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาครเริ่มตั้งแต่ ประมาณวันที่ 19 ธันวาคม 2563 มียอดผู้ติดเชื้อ 576 คน ใช้เวลาเพียงเดือนเศษมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,732 คน ในวันที่ 29 มกราคม 2564 จากนั้นยอดผู้ติดเชื้อใหม่ค่อยๆ ลดลงต่ำกว่าร้อยคนต่อวัน มีแนวโน้มควบคุมได้ จนเกิดการเรียกร้องจาก ผู้ประกอบการให้ผ่อนคลายมาตรการ เปิดแหล่งเอนเตอร์เทนเมนต์ เช่น ผับ บาร์ ร้านเหล้า และแหล่งบันเทิง เริงรมย์ต่างๆ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ในบางประเทศเริ่มมีระบาดรอบ 3 ส่วนไทย ศบค.ยังกำชับให้ประชาชน อยา่ การ์ดตก ระลอก 3 กระท่ังใกล้ถึงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อใหม่กลับเพิ่มสูงข้ึน จากแหล่งเอนเตอร์เทนเมนต์ ย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 194 คน 9 วันต่อมาเพิ่มสูงขึ้นถึง 1,335 คน ที่สำคัญมีหลายจังหวัดติดเชื้อเป็นดาวกระจายจากนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองได้ติด COVID - 19 เพราะบางรายไม่ปรากฏอาการรุนแรง ให้เห็น จนทำให้เกิดการกระจายตัวของเชื้อ ในการระบาดรอบที่ 3 ไปยังหลายสิบจังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบนั ยังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากการเยี่ยมครอบครัว ยอดผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,839 คน เมื่อวันที่ 24 ภายในเดือนเดียวกัน การระบาดที่รุนแรงและรวดเร็วด้วยสายพันธุ์ COVID - 19 สายพันธุ์ใหม่นี้ ยงั ไมท่ ราบว่าจะบรรเทาลงเมื่อไรในขณะที่ประชากรไทยเพิง่ ไดร้ บั การฉีดวัคซีนป้องกนั COVID - 19 เข็มแรกไป เพียง 1% เท่านั้น การระบาดรอบที่ 3 นี้เกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งมหาวิทยาลัย หอการค้าไทยประเมินเบื้องต้นว่าการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะลดลงถึง 1% จากที่เคยประมาณการณ์ไว้ แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบตอ่ ตลาดแรงงานอยา่ งมอิ าจหลีกเลยี่ งได้ ท่มี า : สถาบนั วิจยั เพ่ือการพัฒนา ประเทศไทย (ทดี อี าร์ไอ) ข้อมลู ณ วนั ท่ี 24 เมษายน 2564 แผนภูมิที่ 18 จำนวน ผตู้ ดิ เช้ือ COVID – 19 ของ ประเทศไทย รายงานสถานการณ์ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก
78 เป็นเวลากว่าหนึ่งปีครึ่งแล้วที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งการแก้ไขปัญหา ดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ข้อมูลหลายด้าน ทั้งที่เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ วิธีการรักษา วัคซีน การตรวจหาเชื้อ รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ณ วันที่ 14 กันยายน 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด - 19 ประจำวัน ภาพที่ 5 จำนวนผไู้ ด้รับวัคซีนป้องกันโควดิ - 19 ประจำวัน รวม 676,669 โดส แบ่งเปน็ เข็มที่ 1 จำนวน 237,043 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 438,126 ราย เขม็ ท่ี 3 จำนวน 1,500 ราย โดยมผี ไู้ ดร้ บั วคั ซนี สะสมท้ังหมด 40,953,025 โดส แบง่ เปน็ เข็มที่ 1 จำนวน 27,540,743 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 12,795,707 ราย เขม็ ที่ 3 จำนวน 616,575 ราย ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ประชากร 50 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของจำนวนประชากร ภายในสิ้นปี 2564 ต่อมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศตั้งเป้าหมายใหม่ เตรียมเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน นับจากวันที่ 16 มิถุนายน 2564 โดยคนไทย จะต้องได้รับวัคซีนเข็มแรกอย่างน้อย 50 ล้านคน สำหรับ สัดส่วนประชากรไทยใช้ตวั เลข ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 คือ 66,186,727 คน (ทม่ี า : จำนวนผไู้ ด้รบั วคั ซนี โควิด - 19 ในประเทศไทย (วนั ที่ 14 กันยายน 2564), สำนกั ขา่ ว THE STANDARD, 2564) 2) สถานการณ์ผ้ตู ดิ เชอ้ื COVID – 19 ของประเทศไทย ภาพท่ี 6 สถานการณ์ผตู้ ิดเช้อื COVID – 19 ของประเทศไทย วันที่ 14 กันยายน 2564 สถานการณ์โควิดในประเทศไทย พบ ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 11,786 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อจาก ต่างประเทศ 5 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 11,510 ราย มาจากเรือนจำ 271 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,406,542 ราย แต่หากนับผู้ป่วยสะสมของการระบาดระลอก เดือนเมษายนรวมทั้งสิ้น 1,377,679 ราย โดยนับตั้งแต่วันท่ี 1 เมษายน 2564 สำหรับผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม 14,738 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 1,262,896 ราย ผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ 129,025 ราอาการหนัก 4,080 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 818 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 136 ราย เสียชีวิตสะสม 14,621 ราย (ท่มี า : ศบค. โควดิ -19 วันท่ี 14 กันยายน 2564)
79 3) สถานการณผ์ ตู้ ิดเชือ้ COVID – 19 ของกลมุ่ จงั หวดั ตะวันออกในเขตรับผดิ ชอบ สสว.2 ณ วันที่ 14 กันยายน 2564 กลุ่มจังหวัด ภาพท่ี 7 สถานการณ์ผตู้ ดิ เชอ้ื Covid-19 กลุม่ จังหวัดภาคตะวนั ออก ตะวันออก มียอดผู้ติดเชื้อระลอกใหม่เมษายน สะสม รวม 163,635 คน เสียชีวิตสะสม 116 คน กำลังรักษา 36,430 คน โดยนับต้งั แต่วันที่ 1 เมษายน 2564 (ระลอก 3) เรียงลำดับจากมากสุดดังนี้ จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง สระแก้ว ปราจีนบุรี จันทบุรี และจังหวัดตราด ส่วนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด อยู่ในเขตจังหวัด ชลบุรี มีผู้ติดเชื้อสะสม 75,009 คน ผู้เสียชีวิต 520 คน โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอ บางละมุง ซึ่งเป็น เขตปกครองพิเศษ และเขตส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงพบ อัตราการติดเชื้อมากสดุ และเพ่มิ ขน้ึ มาโดยตลอด โดยเปน็ กลุ่มที่มาจาก กลุ่มต่างชาติเข้าประเทศ กลุ่มที่ไปเที่ยว ร้านเหล้ากับเพื่อนที่ติดเชื้อในชลบุรี กลุ่มที่กลับจาก ท่องเที่ยวภูเก็ตและ กทม. กลุ่มทำงานผับ/บาร์/ร้านนวด ซึ่งสัมผัสกับต่างชาติ จะเห็นได้ว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาศยั อยู่ในพื้นที่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งได้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ และการลงทุน มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก และ ที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ที่ทำให้ GPP ของประเทศไทยและของกลุ่มจังหวัด ลดลงอย่างมาก และโดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเปราะบาง ที่ส่งผลให้มีความต้องการการช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น และเร่งดว่ น 5.2.2 บทบาทการดาเนินงานของ สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 (สสว.2) ในช่วง สถานการณก์ ารแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 สํานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 (สสว.2) เป็นกลไกของกระทรวง พม. ในการขับเคลื่อน นโยบายและวิชาการจากส่วนกลางไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม มีพื้นที่รับผิดชอบ 7 จังหวัด ได้แก่ จงั หวดั ชลบรุ ี ระยอง จันทบรุ ี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจนี บรุ ี และสระแก้ว ได้ปรับกลยุทธ์ พัฒนาวิชาการ สู้ภัยโควิด-19 โดยใช้ดิจิทัลในการทํางาน (Digital Transformation) เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ในการป้องกัน ตนเองจากโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 หรอื โควิด-19 และประชาสัมพันธ์มาตรการบริการเยยี วยาของรัฐบาล และกระทรวง พม.ให้สาธารณะไดร้ ับทราบ โดยสรปุ ประเดน็ ท่สี ําคัญดังนี้ รายงานสถานการณท์ างสังคมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวันออก
80 สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พม. จังหวัดชลบุรี สระแก้ว ระยอง ปราจีนบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา จันทบุรี โดยผู้อํานวยการ สสว. 2 เป็นท่ี ปรึกษาและเป็นหน่วยงานสนับสนุนการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ (ตามคําสั่งกระทรวง พม. ท่ี 203/2563 ลงวันท่ี 23 มีนาคม 2563 และตามคาํ สั่งนายกรฐั มนตรี ที่ 6/2563 ลงวันที่ 27 มนี าคม 2563) ตั้งศูนย์รายงานข้อมูลการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรค COVID-19 ในกลุ่มเปราะบางทางสังคมและผู้ป่วยยนื ยัน โดยจัดทำคำสั่ง ที่ 39/2564 แต่งตั้งคณะทำงาน ศูนย์ปฏบิ ตั กิ ารภาวะวกิ ฤตโควิด- 19 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 โดยมีหนา้ ที่รับผิดชอบดำเนนิ การ ประสาน ความร่วมมือ ติดตาม กับผู้รายงานข้อมูลจาก สำนักงาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว) โดยรวบรวมข้อมูลสถิติการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนดูแลผู้ป่วยหรือผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่รับผิดชอบ อย่างเร่งด่วน โดยคำนึงถึงการรักษาชีวิตและความปลอดภัยสาธารณะเป็นอันดับแรก พร้อมรายงานผลต่อ คณะทำงานกระทรวง พม. เป็นประจำอย่างต่อเนือ่ ง การผลิตและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกัน และการให้บริการเยียวยาของรัฐบาลและ กระทรวง พม. ในรูปแบบอินโฟกราฟิกและวีดีทัศน์ โดยในภาพรวมของ สสว.1-11 มีการ ผลิตและเผยแพร่อินโฟกราฟกิ วดี ีทัศน์ รวมท้งั มกี ารจัดทํารายงานสถานการณ์ โควดิ -19 เป็นประจาํ ทกุ วัน ร่วมขับเคลื่อนงานสถานรับเลี้ยงเด็ก “บ้านเปี่ยมสุข” (Night Care) การจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ชว่ งอายุ 6 เดือน – 6 ปี เพื่อชว่ ยเหลอื กลุ่มแมเ่ ล้ยี งเดีย่ ว พ่อเลย้ี งเดีย่ ว ทีต่ ้องไปทำงานช่วงเวลากลางคนื - สสว.2ประสานงานกับคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ด้านการจัดหลักสูตรจัดอบรม เพม่ิ ทักษะพ่เี ลยี้ งดแู ลเด็ก - การเปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก “บ้านเปี่ยมสุข” โดย รมว.พม. ทำให้เกิดกระแสการรับรู้ สร้างการยอมรับ จากประชาชน ผู้นำชมุ ชน และท้องถนิ่ ในพื้นที่ ร่วมเป็นคณะทํางานถอดบทเรียนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนุษย์ ร่วมกับทีม One Home ดำเนินการ โครงการ พม. Mobile “ปันสุข สู่ชุมชน” กระทรวง พม. กำหนดใหจ้ ดั ต้ังตู้ปันสุขในพน้ื ทช่ี มุ ชนสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (โควิด-19) การดำเนินงาน 1. การจดั เตรยี มเครอ่ื งอุปโภคบรโิ ภคสำหรับเพื่อมอบให้กบั ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 2. จดั ทำระบบการแจ้งขอรับการช่วยเหลอื ผ่านระบบ ออนไลน์ 3. การประสานเครือข่ายประชาสัมพนั ธโ์ ครงการและร่วมลงพื้นทต่ี ามโครงการ พม.ปนั สุข
81 สว่ นที่ 6 บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ 6.1 บทสรปุ การจัดทำรายงานสถานการณ์ทางสังคมในระดับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก มีเขตพื้นที่รับผิดชอบ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์และสภาพแวดล้อม เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์ทางสังคมและ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่จังหวัด และเพื่อสนับสนุนข้อมูลในการ จัดทำแผนงาน โครงการ กิจกรรม และการบูรณาการแผนงานโครงการ กิจกรรมในระดับจังหวัดและ กลุ่มจังหวัดและภาค ให้กับหน่วยงานระดับท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ นักวิชาการขององค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น รายงานนี้ประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ บทนำ ข้อมูลพื้นฐานทางสังคมในพื้นที่กลุม่ จังหวัด สถานการณ์เชงิ กลุ่มเป้าหมายหรอื เชิงประเด็นสำคญั ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดการวิเคราะห์และจัดลำดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางสังคมกลุ่มจังหวัด บทสรุป และข้อเสนอแนะ โดยสรุปไดด้ งั นี้ ข้อมูลพื้นฐาน ทางสังคมในพื้นที่ ภาคตะวันออก มีประชากรรวม จำนวน 4.84 ล้านคน ชายจำนวน 2.38 ล้านคน หญิงจำนวน 2.46 ล้านคน มีประชากรเด็ก (0-17 ปี) 1.06 ล้านคน (ร้อยละ 22.03) ประชากรวัยแรงงาน (18-59 ปี) 8.4 แสนคน (ร้อยละ 69.42) และวัยผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) 7.6 แสนคน (ร้อยละ 15.61) จากสถิติดังกลา่ ว ภาคตะวันออกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (มีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 15) แต่ยังไม่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (มีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 20) คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 1.30 แสนคน จังหวัดที่คนพิการมีบัตร ประจำตัวคนพิการมากท่ีสุดคือ ฉะเชิงเทรา 33,210 คน รองลงมาคือ ชลบุรี 26,825 คน และสระแก้ว 19,606 คน ด้านการศกึ ษา มสี ถานศึกษาในระบบ จำนวน 2,928 แหง่ แบ่งเป็น สังกดั สพฐ. จำนวน 1,711 แหง่ เอกชน จำนวน 733 แห่ง อาชีวศึกษา จำนวน 68 แห่ง อุดมศึกษา 15 แห่ง ท้องถิ่น 166 แห่ง สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 12 แห่ง และสถานศึกษานอกระบบ สังกัด กศน. จำนวน 218 แห่ง และคะแนนเฉลี่ยการทดสอบ O-Net ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (%) ปี พ.ศ. 2561-2563 พบวา่ จงั หวดั จันทบรุ ี มคี ะแนนเฉลยี่ สงู สุดในปี 2561 (39.79) ปี 2562 (43.14) และปี 2563 (38.80) ส่วนค่าเฉลี่ยเชาวน์ปัญญา (IQ) ของเด็กนักเรียนไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (คะแนน) ปี พ.ศ. 2563 พบว่า จงั หวัดชลบุรี มีคา่ เฉลย่ี เชาวน์ปญั ญา (IQ) มากทส่ี ุด คอื 104.45 ด้านสุขภาพ หน่วยบริการสาธารณสุข ภาครฐั และภาคเอกชนของกลุ่มจังหวดั ภาคตะวนั ออก มีจำนวน 864 แห่ง โดยจังหวัดที่มีหน่วยบริการมากที่สุด คือ ชลบุรี 157 แห่ง รองลงมาฉะเชิงเทรา 143 แห่ง และจันทบุรี 129 แห่ง ภาคตะวันออกมีประชากร 4,847,817 คน มีแพทย์ทั้งหมด 8,771 คน สัดส่วน ประชากรต่อแพทย์ 553 : 1 คน จังหวัดที่มี ประชากรเข้าถึงแพทย์ได้มากที่สุด คือ ระยอง จำนวน 3,377 คน ประชากรต่อแพทย์ 219:1 คน รองลงมา ชลบุรี จำนวน 4,214 คน ประชากรต่อแพทย์ 372:1 คน และสระแก้ว จำนวน 889 คน ประชากร ต่อแพทย์ 630:1 คน ส่วนจังหวัดที่มี แพทยน์ อ้ ยท่สี ุด คอื จังหวัดจันทบรุ ี จำนวน 327 คน ประชากรตอ่ แพทย์ 1,395:1 คน และสาเหตกุ ารตาย 5 อนั ดับแรกจาก โรคต่างๆ ของ 7 จังหวัดภาคตะวันออก พบว่า สาเหตุการตายจากโรควัยชรามีจำนวนมากที่สุด คือ 1,790 คน มีมากที่สุด รายงานสถานการณท์ างสงั คมกลุ่มจังหวดั ภาคตะวันออก
82 ในจังหวัดสระแก้ว จำนวน 463 คน รองลงมา คือ โรคหัวใจล้มเหลว (ไม่ระบุรายละเอียด) 1,512 คน มีมากที่สุดในจังหวัด ชลบุรี จำนวน 818 คน โรคติดเชื้อในกระแสเลือด 936 คน มีมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี จำนวน 259 คน โรคหัวใจล้มเหลว 716 คน มีมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี จำนวน 248 คน และโรคความดันโลหิตสูง 343 คน มีมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี จำนวน 84 คน สะท้อนให้เหน็ วา่ จังหวดั ชลบรุ ี มจี ำนวนประชากรมากก็ย่งิ ทำให้มีอัตราการตายของโรคต่างๆ สงู ที่สดุ ด้านแรงงาน ภาวการณ์การมีงานทำของประชากรในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก จำแนกตามกำลัง แรงงานในปัจจุบัน แรงงานที่รอฤดูกาล และผู้ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน พบว่า จังหวัดชลบุรี มีผู้มีงานทำมากที่สุด จำนวน 1,045,175 คน รองลงมา คือ จังหวัดระยอง จำนวน 582,069 คน และจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 443,677 คน ผู้ว่างงาน พบว่า จังหวัดสระแก้ว มีผู้ว่างงานมากที่สุด คือ 9,413 คน รองลงมา คือ จังหวัด ปราจีนบุรี จำนวน 7,590คน และจังหวัดระยอง 6,180 คน ส่วนจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน คงเหลอื ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พ.ศ. 2559-2563 พบวา่ ในปี 2563 จังหวัดชลบรุ ี มีจำนวนคนต่างด้าว ที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือ 156,773 คน ซึ่งลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 4.24 จังหวัดระยอง มีจำนวน 76,384 คน ซึ่งลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 16.51 และจังหวัดปราจีนบุรี มีจำนวน 17,762 คน ซึ่งสูงขึ้นจาก ปี 2562 รอ้ ยละ 42.80 ด้านที่อยู่อาศัย จำนวนชุมชนที่มีรายได้น้อยของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พบว่า มีจำนวนชุมชน ทั้งหมด 128 ชุมชน แยกเป็นชุมชนแออัด 103 ชุมชน มีครัวเรือน 6,668 ครัวเรือน ชุมชนเมือง 17 ชุมชน มีครัวเรือน 8,983 ครัวเรือน ชุมชนชานเมือง 8 ชุมชน มีครัวเรือน 59 ครัวเรือน และมีบ้านทั้งหมด 17,905 ครวั เรอื น จงั หวดั ชลบุรี มีชุมชนมากทส่ี ดุ จำนวน 43 ชมุ ชน แยกเป็น ชมุ ชนแออัด 40 ชมุ ชน 3,053 ครัวเรือน ชุมชนเมือง 2 ชุมชน 99 ครัวเรอื น และ ชุมชนชานเมอื ง 1 ชุมชน 30 ครัวเรอื น และมีจำนวนครวั เรือน 3,182 ครัวเรือน รองลงมา คือ จังหวัดระยอง มีชุมชนทั้งหมด จำนวน 32 ชุมชน แยกเป็น ชุมชนแออัด 20 ชุมชน 1,257 ครวั เรอื น ชมุ ชนเมอื ง 6 ชมุ ชน 7,115 ครัวเรอื น และ ชุมชนชานเมือง 6 ชุมชน 2,195 ครัวเรอื น และมี จำนวนครัวเรือน 10,567 ครัวเรือน ถัดมา คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชุมชนทั้งหมด จำนวน 20 ชุมชน แยกเป็น ชุมชนแออัด 15 ชุมชน 805 ครัวเรือน ชุมชนเมือง 4 ชุมชน 383 ครัวเรือน ชุมชนชานเมือง 1 ชุมชน 29 ครัวเรือน และมจี ำนวนครวั เรอื น 1,217 ครัวเรอื น ด้านเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์จังหวัด แบบปริมาณลูกโซ่ การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม 7 จังหวัด รายจังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออก (GPP) พบว่า ในปี 2561 ปราจีนบุรีมีการขยายตัวมากที่สุด ร้อยละ 22.6 รองลงมาคือ จันทบรุ ี คอื รอ้ ยละ 17.1 คอื และตราด รอ้ ยละ 16.5 ผลิตภัณฑจ์ ังหวัดต่อหวั (GPP per capita) ปี 2563 พบว่า ระยอง มีจำนวนผลิตภัณฑ์มวลรวมจงั หวดั ตอ่ หัว มากที่สุดจำนวน 907,370 บาท/ปี รองลงมา คือ ชลบรุ ี จำนวน 691,558 บาท/ปี ถดั มาคอื ปราจีนบรุ ี จำนวน 551,150 บาท/ปี รายได้โดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน พ.ศ.2558 - 2562 พบว่าในปี 2562 จังหวัดชลบุรี มีรายได้ โดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน จำนวน 28,706 บาท ซึ่งสูงขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 3.63 จังหวัดจันทบุรี มีจำนวน 28,114 บาท ซ่ึงลดลงจากปี 2560 ร้อยละ -14.53 และจังหวัดปราจนี บุรี มจี ำนวน 25,843 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน ร้อยละ 12.59 หนี้สิ้นเฉลี่ยต่อครัวเรือน จำแนกวัตถุประสงค์ของการ กยู้ ืม พ.ศ.2558-2562 ในปี 2562 มหี น้สี ินเฉลีย่ ตอ่ ครัวเรือน รวมทง้ั ส้นิ 840,225 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ของ การกู้ยืมคือ เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนมากที่สุด จำนวน 391,822 บาท รองลงมาเพื่อใช้ซื้อ/เช่าซื้อบ้านและที่ดนิ จำนวน 222,927 บาท ถัดมา เพื่อใช้ทำการเกษตร จำนวน 161,974 บาท เพื่อใช้ทำธุรกิจที่ไม่ใช่การเกษตร จำนวน 161,974 บาท และสุดทา้ ยเพ่อื ใช้ในการศึกษา 4,256 บาท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110