ห น ้ า | 98 2. หลกั ดินท่ีหุม้ ดว้ ยคอนกรีต (Concrete Encased Electrode) คอนกรีตที่ ฝังอยใู่ นดินและมี ความช้ืนอยรู่ อบๆ จะเป็นวตั ถุก่ึงนาํ ไฟฟ้า มีความตา้ นทานจาํ เพาะ ประมาณ 30 โอห์ม-เมตร ที 20 องศา เซลเซียส ซึงเป็นคา่ ท่ีต่าํ กวา่ เกณฑเ์ ฉล่ีย ของดินทว่ั ไป ดงั นนั แท่งโลหะที่ฝั่งอยู่ ในดินในฐานราก คอนกรีต (Concrete Foundation) ทีมีเหลก็ เสริม (Reinforcing Bar) จาํ นวนมาก จึงสามารถใชเ้ ป็นหลกั ดินไดอ้ ยา่ งดี แตต่ อ้ งมีตวั ตอ่ ไฟฟ้าเขา้ กบั เหลก็ เสริมหลกั แลว้ นาํ ออกมาดว้ ยสายดิน 3. แทง่ หรือสายเคเบิลที่ฝังดิน (Buried strip or cable) กรณีท่ีบริเวณติดต้งั ระบบ สายดินมีทราย หรือมีช้นั หิน อยใู่ กลผ้ วิ ดิน ความช้ืนจะนอ้ ยและดินมีความตา้ นทานสูง ไม่เหมาะกบั การ ตอกแท่งดิน อาจใชแ้ ท่งโลหะหรือสายไฟ ฝังใตด้ ินลึกประมาณ 0.5 เมตร โดยแท่งโลหะนนั ตอ้ งยาวไม่ นอ้ ยกวา่ 20 ฟุต และถา้ เป็นไปไดค้ วรฝั่งไวร้ อบอาคาร 4. กริด (Grid) เป็นระบบทีนิยมใชก้ บั สถานีไฟฟ้ายอ่ ย ซึงครอบคลุมพ้ืนท่ีทว่ั สถานี ระบบนี ประกอบดว้ ยตวั นาํ ไฟฟ้า วางเรียงเป็นรูปตาข่ายส่ีเหล่ียม ฝังลึกประมาณ 0.5 ฟุต ระยะห่างระหวา่ งตวั นาํ ข้ึนอยกู่ บั แรงดนั ในสถานีไฟฟ้ายอ่ ย ซึงอยรู่ ะหวา่ ง 10-12 ฟตุ จุดตดั ของตวั นาํ ทุกจุดตอ้ งเชื่อมเขา้ ดว้ ยกนั แลว้ ต่อเขา้ กบั อปุ กรณ์ทงั หมดในสถานีไฟฟ้า รวมถึงรั่วและโครงสร้างโลหะดว้ ย 5. แผน่ ฝัง (Buried Plate) หลกั ดินท่ีมีลกั ษณะเป็นแผน่ จะถูกนาํ มาใช้ เมื่อไม่ตอ้ งการขดุ ดินลง ไปลึกๆ การฝังแผน่ จะทาํ ในแนวด่ิง หรือแนวนอนก็ได้ ขนาดของแผน่ โลหะท่ีใช้ ตอ้ งมีพ้ืนที่ ผิวสัมผสั ไม่นอ้ ยกวา่ 0.18 ตารางเมตร และในกรณีทีเป็น เหลก็ อาบโลหะชนิดกนั การผกุ ร่อน ตอ้ งมี ความหนาไม่ นอ้ ยกวา่ 1.5 มม. โดยตอ้ งฝ่ังแผ่นโลหะลึกจากผิวดิน ไมน่ อ้ ยกวา่ 1.6 เมตร ความจาํ เป็นของการตรวจหาสภาพดิน ส่ิงที่มกั พบเสมอของสภาพดินคือ บริเวณเดียวกนั อาจมีสภาพดินแตกต่างกนั มาก จึงตอ้ ง ตรวจวดั หลายๆ จุด เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูล ท่ีถกู ตอ้ งโดยใชเ้ คร่ืองวดั ความตา้ นทานดิน ซ่ึงมีรายละเอียดวิธีการ วดั แตกตา่ ง กนั ไปตามที่ผผู้ ลิตกาํ หนด โดยกระทาํ ที่ความลึก ไมเ่ กิน 3 เมตร สาํ หรับพ้ืนทีขนาดใหญ่ควร ตรวจวดั สภาพดินอยา่ งนอ้ ย 10 จุด การลดค่าความตา้ นทานของการต่อลงดิน
ห น ้ า | 99 กรณีทีพบวา่ คา่ ความตา้ นทานของการตอ่ ลงดินสูงกวา่ ท่ีกาํ หนด จาํ เป็นตอ้ งหาวิธีลดความ ตา้ นทานลง อาจใชว้ ธิ ีการเพิ่ม ความนาํ จาํ เพาะของดินหรือเพมิ พ้ืนที่สัมผสั ดินของหลกั ดิน ซ่ึงแต่ละวิธี จะมีขอ้ จาํ กดั ในการใชง้ านจึงตอ้ งเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสม ในประเทศไทยอุณหภมู ิส่วนใหญ่สูงกวา่ ศนู ย์ องศา การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมีผลกระทบไมม่ ากนกั อาจตดั ทิ้งไปได้ ยกเวน้ บางสถานทีทีมี อุณหภูมิตาํ กวา่ ปกติเช่น ยอดเขาสูง การลดความตา้ นทานดินทาํ ไดห้ ลายวธิ ีดงั น้ี 1. โดยการปรับปรุงสภาพดิน 2. โดยการปรับปรุงหลกั ดิน ดว้ ยการเพิ่มพ้ืนท่ีสมั ผสั ดิน เช่น เปล่ียนรูปร่าง ขนาด และเพิ่ม จาํ นวนหลกั ดิน 3. โดยการเพมิ่ ความยาวหลกั ดิน 4. โดยการเพมิ่ ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางหลกั ดิน 5.โดยการเพม่ิ จาํ นวนหลกั ดิน การต่อลงดินของระบบไฟฟ้า (System grounding) เป็นการตอ่ ส่วนใดส่วนหน่ึงของระบบไฟฟ้าท่ีมีกระแสไหลผา่ นเช่นจุดศนู ย์ (Nuetral) ลงดิน จุดประสงคข์ องการต่อลงดิน 1. จาํ กดั แรงดนั เกินของระบบไฟฟ้าซึงอาจเกิดจากฟ้าผา่ , หรือสมั ผสั กบั สายแรงสูงโดยบงั เอิญ 2. ใหค้ ่าแรงดนั เทียบกบั ดินขณะระบบทาํ งานปกติมีคา่ คงตวั 3. ช่วยใหอ้ ุปกรณ์ป้องกนั กระแสเกินทาํ งานไดเ้ ร็วข้ึนเมื่อเกิดการลดั วงจรลง ดิน การต่อลงดินในระบบไฟฟ้ากระแสสลบั แบ่งออกเป็น 3 กล่มุ คือ 1. ระบบท่ีมีแรงดนั ต่าํ กวา่ 50 โวลท์ 2. ระบบที่มีแรงดนั ระหวา่ ง 50 - 1000 โวลท์ 3. ระบบท่ีมีแรงดนั 1000 โวลทข์ ้นึ ไป
ห น ้ า | 100 กรณีที่ใชร้ ะบบแรงดนั ระหวา่ ง 50 - 1000 โวลท์ ซ่ึงพบเห็นกนั มากท่ีสุดมีรูปแบบการตอ่ ลงดิน ดงั รูป ระบบ เฟส สาย ระบบ เฟส สาย ระบบ เฟส สาย ขนาดสายดินของระบบ (System grounding conductor) ใหพ้ ิจารณาตามขนาดสายเมน (ทองแดง) เขา้ อาคารซึงเป็นไปตามกฏของการไฟฟ้าท้งั กฟน. และ กฟภ. ดงั ตาราง นาดใหญส่ ดของ ขนาดเลก็ สดของ สายเมนทองแดง ; sq.mm สายดินทองแดง ; sq.mm ไม่เกิน 35 10 16 35 - 50 25 70 - 95 35 120 - 185 50 240 - 300 70 400 - 500 95 เกิน 500 คาํ แนะนาํ ในการต่อสายดิน สาํ หรับสายดินขนาด 10 ตร.มม แนะนาํ ใหต้ ิดต้งั ในท่ออาจเป็นท่ออโลหะ หรือท่อโลหะหนา , ท่อ โลหะหนาปานกลาง หรือท่อโลหะบาง การต่อลงดินที่เมนสวิตซ์ (Service Equipment Grounding) ถา้ หากสถานประกอบการน้นั รับไฟผา่ นหมอ้ แปลงท่ีติดต้งั นอกอาคารซ่ึงมีกาํ แพงกนั จะตอ้ งมี การตอ่ ลงดิน 2 จุดคือ หมอ้ แปลง 1 จุด และทีเมนสวิตซ์อีก 1 จุด
ห น ้ า | 101 ในส่วนของการต่อฝากหลกั ซ่ึงเป็นการต่อโครงโลหะของเมนสวติ ซเ์ ขา้ กบั ตวั นาํ ท่ีมีการต่อลงดิน ที่อาจ เป็นบสั บาร์สายดิน, บสั บาร์สายศูนย์ หรือสายศูนย์ มีจุดประสงคเ์ พื่อนาํ กระแสรัวไหลท่ีอาจเกิด จากการ เหนียวนาํ ทีเมนสวติ ซ์ลงดิน เพอื ป้องกนั อนั ตรายแก่บคุ คล ที่ไปสมั ผสั กบั ส่วนที่เป็นโลหะของ เมนสวิตซ์ น้นั อีกท้งั ยงั นาํ กระแสลดั วงจรไปยงั แหลง่ จ่ายไฟ เมือเกิดลดั วงจรข้ึนทางดา้ นโหลดอีกดว้ ย การต่อลงดิน ของบา้ นพกั อาศยั ทวั่ ไปสามารถทาํ ไดท้ งั ท่ีเป็นแผงคทั เอา๊ ท์ และแผงคอนซูมเมอร์ยนู ิต กรณีท่ีเมนสวิตซ์ เป็นแผงคทั เอา๊ ท์ ใหต้ อ่ สายดินออกจากสายนิวทรัลดา้ นไฟเขา้ ดงั รูป สาํ หรับบา้ นพกั อาศยั ทวั่ ไปที่ใชส้ ายเมนทองแดง ขนาดไมเ่ กิน 35 ตร.มม เดินเขา้ แผงคทั เอา๊ ท์ ใหใ้ ชส้ ายดินทองแดงขนาด 10 ตร.มม (สาย THW) ส่วน สายเมนท่ีมีขนาดใหญก่ วา่ น้ีใหเ้ ป็นไปตามคา่ ที่กาํ หนดในตารางขา้ งบน กรณีที่แผงสวติ ซ์เป็นคอนซมเมอร์ยนิต (Consumer Unit) ใหเ้ ดินสายนิวทรัลไปพกั ไวท้ ี่ข้วั ตอ่ สายดินแลว้ จึงเดินสายจากข้วั ตอ่ สายดินอีกเสน้ หน่ึง ไปยงั ข้วั N ท่ี ระบไุ วด้ า้ นลา่ ง ของเมนเบรกเกอร์ ส่วนสายท่ีตอ่ กบั หลกั ดิน (ground rod) ให้เดินไปเช่ือมต่อกบั สายนิวทรัลที่ข้วั ตอ่ หลกั ดินดงั รูป
ห น ้ า | 102 ท้งั 2 กรณีใหใ้ ชห้ ลกั ดินขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 5/8 นิ้ว ความยาว 2.40 เมตร ตอกลงไปในดิน (มีความช้ืนและดินแน่นพอควร) โดยการขดุ หลุมกวา้ งประมาณ 30 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร เอา หลกั ดินตอกลงไปใหป้ ลายดา้ นบนอยสู่ ูงจากกน้ หลมุ ประมาณ 15 เซนติเมตร แลว้ ต่อสายเขา้ กบั หลกั ดิน โดยการใชแ้ คลม้ ป์ รูปหวั ใจ (Ground Clamp) ขนั ใหแ้ น่น แลว้ จึงใชด้ ินกลบหลุม ใหเ้ รียบร้อย
ห น ้ า | 103 ขนาดของสายต่อฝากหลกั 1. ใหใ้ ชข้ นาดเดียวกบั ขนาดสายดินของระบบ (ตามตารางดา้ นบน) 2. กรณีทีสายเฟสมีขนาดพ้ืนที่หนา้ ตดั โตกวา่ 500 ตร.มม ใหใ้ ชข้ นาดสายไมต่ ่าํ กวา่ 12.5% ของ พ้ืนท่ีหนา้ ตดั สายเฟส (สาํ หรับสายควบใหค้ ิดพ้ืนที่หนา้ ตดั รวมของสายทุกเสน้ ) เมนสวิตซ์ท่ี จ่ายไฟใหอ้ าคาร 2 หลงั ข้ึนไป สถานประกอบการทีมีอาคารหลายหลงั แต่มีเมนสวติ ซ์จ่ายไฟชุดเดียว การต่อลงดินให้เป็นไปตาม ขอ้ กาํ หนดดงั น้ีคือ 1. อาคารเมนให้เป็นไปตามขอ้ กาํ หนดของการต่อลงดินท่ีเมนสวิตซ์ 2. อาคารหลงั อื่น ตอ้ งมีหลกั ดินเป็นของตนเอง และตอ้ งตอ่ ลงดินเช่นเดียวกบั เมนสวิตซ์ ยกเวน้ อาคารหลงั อ่ืนมีวงจรยอ่ ย เพยี งวงจรเดียวไม่ตอ้ งมีหลกั ดินได้ การต่อลงดินของอุปกรณ์ไฟฟ้า (Equipment Grounding) เป็นการต่อส่วนท่ีเป็นโลหะท่ีไม่มีกระแสไหลผา่ นของสถานประกอบการใหถ้ ึงกนั แลว้ ต่อลง ดิน ปกรณ์ไฟฟ้าท่ีตอ้ งต่อลงดิน 1. เครืองห่อหุม้ ท่ีเป็นโลหะของสายไฟฟ้า แผงเมนสวิตซ์ โครงและรางปั่นจนั่ ท่ีใชไ้ ฟฟ้า โครงของตู้ ลิฟต์ ลวดสลิงยกของที่ใชไ้ ฟฟ้า 2. ส่ิงกนั ท่ีเป็นโลหะ รวมท้งั เครื่องห่อหุม้ ของอปุ กรณ์ไฟฟ้าในระบบแรงสูง 3. อปุ กรณ์ไฟฟ้าท่ียดึ ติดอยู่กบั ที่และทีต่ออยกู่ บั สายไฟฟ้าที่เดินอยา่ งถาวร ส่วนที่เป็นโลหะเปิ ดโล่ง ซ่ึง ปกติไม่มีไฟฟ้า แตอ่ าจมีไฟร่ัวได้ ตอ้ งต่อลงดินถา้ อยใู่ นสภาพตามขอ้ ใดขอ้ หน่ึงดงั น้ี 3.1 อยหู่ ่างจากพ้นื หรือโลหะท่ีต่อลงดินไม่เกิน 8 ฟตุ ในแนวตงั หรือ 5 ฟุตในแนวนอนและบคุ คล อาจสมั ผสั ได้ (ถา้ มีวธิ ีป้องกนั ไม่ให้ บคุ คลสัมผสั ไดก้ ็ไมต่ อ้ งต่อลงดิน) 3.2 สัมผสั ทางไฟฟ้ากบั โลหะอ่ืน ๆ และบคุ คลอาจสมั ผสั ได้ 3.3 อยใู่ นสภาพเปี ยกช้ืนและไมไ่ ดม้ ีการแยกใหอ้ ยตู่ า่ งหาก 4. อุปกรณ์ไฟฟ้าสาํ หรับยดึ ติดอยกู่ บั ที่ดงั ต่อไปน้ี ตอ้ งต่อส่วนที่เป็นโลหะเปิ ดโล่งและปกติไมม่ ี กระแสร่ัวลงดิน 4.1 โครงของแผงสวิตซ์ 4.2 โครงของมอเตอร์ชนิดยดึ ติดกบั ที่
ห น ้ า | 104 4.3 กลอ่ งเครืองควบคุมมอเตอร์ ถา้ เป็นสวิตซธ์ รรมดาและมีฉนวนรองท่ีฝาดา้ นใน ไม่ ตอ้ งต่อลงดิน 4.4 อปุ กรณ์ไฟฟ้าของลิฟตแ์ ละป่ันจน่ั 4.5 ป้ายโฆษณา เครื่องฉายภาพยนต์ เคร่ืองสูบน้าํ 5. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใชเ้ ตา้ เสียบ ส่วนท่ีเป็นโลหะเปิ ดโล่งของอุปกรณ์ไฟฟ้าตอ้ งต่อลงดินเมื่อมีสภาพ ตามขอ้ ใดขอ้ หน่ึงดงั น้ี 5.1 แรงดนั เทียบกบั ดินเกิน 150 โวลท์ ยกเวน้ มีการป้องกนั อยา่ งอ่ืนหรือมีฉนวนอยา่ งดี 5.2 อปุ กรณ์ไฟฟ้าท้งั ที่ใชใ้ นที่อยอู่ าศยั และที่อื่น ๆ เช่น - ตเู้ ยน็ ตแู้ ช่แขง็ เครื่องปรับอากาศ - เครื่องซกั ผา้ เคร่ืองอบผา้ เครื่องลา้ งจาน เคร่ืองสูบนาํ ทิ้ง - เครื่องประมวลผลขอ้ มูล เครื่องใชไ้ ฟฟ้าในตูเ้ ล้ียงปลา - เครื่องมือท่ีทาํ งานดว้ ยมอเตอร์ เช่นสวา่ นไฟฟ้า - เคร่ืองตดั หญา้ เครื่องขดั ถู - เคร่ืองมือทีใชใ้ นสถานท่ีเปี ยกช้ืน เป็นพ้นื ดินหรือเป็นโลหะ - โคมไฟฟ้าชนิดหยบิ ยกได้ สายดินของอปกรณ์ไฟฟ้า หมายถึงสายทีต่อส่วนท่ีเป็นโลหะท่ีไมม่ ีกระแสไหลผา่ นของอุปกรณ์ไฟฟ้า ท่อสายไฟ และสิ ห่อหุม้ อื่น ๆ เขา้ กบั สายต่อหลกั ดินที่เมนสวิตซ์ ขนาดสายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้าใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาํ หนด ดงั น้ี
ห น ้ า | 105 1. เลือกขนาดสายดินตามขนาดเครื่องป้องกนั กระแสเกินตามตาราง ตดั หรือขนาดปรับต้งั ขนาดต่าํ สุดของสายดิน(ทองแดง) ของเครื่องป้องกนั กระแสเกิน (A) ของอปุ กรณ์ไฟฟ้า (sq.mm) 16 1.5* 20 2.5* 40 4* 70 6* 100 10 200 16 400 25 500 35 800 50 1000 70 กดั หรือขนาดปรับต้งั ขนาดต่าํ สุดของสายดิน(ทองแดง) ของเคร่ืองป้องกนั กระแสเกิน (A) ของอุปกรณ์ไฟฟ้า (sq.mm) 1000 70 1250 95 2000 120 2500 185 4000 240 6000 400
ห น ้ า | 106 หมายเหตุ * ขนาดต่าํ สุดของสายดินของบริภณั ฑไ์ ฟฟ้าใชส้ าํ หรับที่อยอู่ าศยั หรืออาคารของผใู้ ชไ้ ฟ ที่ อยหู่ ่างจากหมอ้ แปลง ระบบจาํ หน่ายระยะไม่เกิน 100 เมตร 2. เม่ือเดินสายควบ ถา้ มีสายดินของอปุ กรณ์ให้เดินขนานกนั ไปในแต่ละทอ่ สาย และขนาดสายดิน ให้ คิดตามพิกดั เครื่องป้องกนั กระแสเกิน 3. เม่ือมีมากกวา่ 1 วงจรเดินในท่อสาย อาจใชส้ ายดินร่วมกนั ไดแ้ ละใหค้ ดิ ขนาดสายดินตามพกิ ดั เครื่องป้องกนั กระแสเกินตวั โตท่ีสุด 4. สายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้าไมจ่ าํ เป็นตอ้ งโตกวา่ สายเฟส
ห น ้ า | 107 แบบฝึกหดั บทท่ี 8 การติดต้งั ระบบสายดิน จงตอบคาํ ถามต่อไปนีใหไ้ ดข้ อ้ ความสมบรณ์ 1. หลกั ดินมีก่ีประเภท อะไรบา้ ง และหลกั ดินแต่ละประเภทต่างกนั อยา่ งไร ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 2. การต่อลงดินมีกี่ประเภท อะไรบา้ ง อธิบายความแตกต่างของการต่อแต่ละประเภทมาพอ เขา้ ใจ ............................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................
ห น ้ า | 108 3. การลดค่าความตา้ นทานของการต่อลงดินมีวธิ ีการอยา่ งไร อธิบายมาพอ เขา้ ใจ ............................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 4. อุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทใดบา้ งทีตอ้ งต่อลงดิน ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................
ห น ้ า | 109 บทท่ี 9 การตรวจ ซ่อมแซม บาํ รุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารและในโรงงาน ความหมายของการบาํ รุงรักษา การบาํ รุงรักษา (Maintenance) หมายถึง การพยายามรักษาสภาพของอปุ กรณ์ไฟฟ้าท่ีใชต้ ่างๆ ให้ มีสภาพท่ีพร้อมจะใชง้ านอยตู่ ลอดเวลา การบาํ รุงรักษาน้นั ครอบคลุมไปถึงการซ่อมแซม (Repair) อปุ กรณ์ไฟฟ้าดว้ ย จุดมงุ่ หมายของการบาํ รุงรักษา จุดมุ่งหมายของการบาํ รุงรักษามี 6 ประการดงั น้ี 1. เพอื่ ให้อปุ กรณ์ไฟฟ้าทาํ งานอยา่ งมีประสิทธิผล(Effectiveness) คือสามารถ ใชง้ านไดอ้ ยา่ ง เตม็ ความสามารถและตรงกบั วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีจดั หามาใหม้ ากที่สุด 2. เพอ่ื ให้อุปกรณ์ไฟฟ้ามีสมรรถนะการทาํ งานสูง(Performance) และช่วยใหม้ ี อายกุ ารใชง้ าน ยาวนานข้ึน 3. เพอ่ื ให้อุปกรณ์ไฟฟ้ามีความเที่ยงตรงน่าเชื่อถือ(Reliability) คอื การทาํ ใหอ้ ปุ กรณ์ ไฟฟ้าท่ีใช้ มีมาตรฐาน ไมม่ ีความคลาดเคลื่อนใดๆ เกิดข้ึน 4. เพอ่ื ความปลอดภยั (Safety) ซ่ึงเป็นจุดมุ่งหมายที่สาํ คญั อุปกรณ์ไฟฟ้าจะตอ้ งมีความ ปลอดภยั เพยี งพอต่อผใู้ ชง้ าน ไมม่ ีความเสี่ยงที่จะเกิดความไมป่ ลอดภยั 5. เพอ่ื ลดมลภาวะของสิงแวดลอ้ ม เพราะอุปกรณ์ถา้ เส่ือมสภาพไว จะเกิดมลภาวะ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม 6. เพอ่ื ประหยดั พลงั งาน เช่น Standby generator จะตอ้ งใชน้ าํ มนั Diesel ถา้ เราดูแลเคร่ืองยนตด์ ี จะประหยดั นาํ มนั ที่ใชใ้ นการเผาไหม้ ประเภทของการบาํ รุงรักษา ในทางปฏิบตั ิเราสามารถที่จะแยกประเภทของการบาํ รุงรักษาได้ 2 ประเภทดงั น้ี 1. การบาํ รุงรักษา ตามแผน (Planned maintenance) หมายถึงการบาํ รุงรักษาตามกาํ หนด ตาม แผนงาน ตามระบบท่ีวางไวท้ ุกประการ จึงสามารถทีจะคาดการณ์ไดล้ ่วงหนา้ วา่ จะตอ้ งเตรียมการ อยา่ งไรบา้ ง
ห น ้ า | 110 เช่น วธิ ีการบาํ รุงรักษา, เครืองมือท่ีตอ้ งการใช,้ อุปกรณ์ท่ีตอ้ งเปล่ียน และระยะเวลาที่ใชใ้ น การ ดาํ เนินงาน 2. การบาํ รุงรักษานอกแผน (Unplanned maintenance) เป็นการ บาํ รุงรักษานอกระบบงานที วางไว้ เน่ืองจากเคร่ืองจกั รหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดการชาํ รุงกระทนั หนั และตอ้ งรีบซ่อมแซมและนาํ เขา้ ใชง้ านทนั ที รูปแบบตา่ งๆของงานบาํ รุงรักษา รูปแบบตา่ งๆของงานบาํ รุงรักษา แบ่งออกได้ ประเภทคือ 1. งานซ่อมแซมหลงั เหตุขดั ขอ้ ง ( Breakdown Maintenance ) 2. งานบาํ รุงรักษาป้องกนั ( Preventive Maintenance ) 3. งานบาํ รุงรักษาเชิงแกไ้ ข ( Corrective Maintenance ) 4. งานบาํ รุงรักษาทวีผล ( Productive Maintenance ) 5. งานบาํ รุงรักษาโดยรวม ( Total Productive Maintenance ) งานซ่อมแซมหลงั เหตุขดั ขอ้ ง ( Breakdown Maintenance : BM ) เป็นการใชอ้ ปุ กรณ์ไฟฟ้าจนกระทงั เกิดการขดั ขอ้ ง จึงจะดาํ เนินการซ่อมบาํ รุง ซึงการ บาํ รุงรักษาหลงั เกิดเหตุจะตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งเร่งด่วนเพื่อลดการสูญเสีย งานบาํ รงรักษาป้องกนั (Preventive Maintenance : PM) เป็นการบาํ รุงรักษาก่อนที่อปุ กรณ์ไฟฟ้าจะเกิดการขดั ขอ้ ง และมีการจดั ทาํ แผนงาน ตรวจสอบ และ ทดสอบอปุ กรณ์เพ่ือลดโอกาสอุปกรณ์ชาํ รุด ไดแ้ ก่ การทาํ ความสะอาด การหล่อลื่น การตรวจสอบ สภาพของอปุ กรณ์ไฟฟ้า การทดสอบการทาํ งานของชุดป้องกนั เป็นตน้ งานบาํ รุงรักษาเชิงแกไ้ ข (Corrective Maintenance) เป็นการแกไ้ ข ปรับปรุงอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือดดั แปลงชินส่วนอปุ กรณ์ของอปุ กรณ์ไฟฟ้าใหด้ ีข้ึน เพอ่ื ลด หรือขจดั เหตุขดั ขอ้ งทีเกิดข้ึน งานบาํ รุงรักษาทวีผล (Productive Maintenance) เป็นการผสมผสานระหวา่ งการบาํ รุงรักษาหลงั เกิดเหตุกบั การบาํ รุงรักษาเชิงป้องกนั โดยพิจารณา ถึง คา่ ใชจ้ ่ายในการบาํ รุงรักษาในจุดท่ีเหมาะสม
ห น ้ า | 111 งานบาํ รุงรักษาโดยรวม ( Total Productive Maintenance : TMP ) เป็นการบาํ รุงรักษาทวีผลท่ีพนกั งานปฏิบตั ิการทุกคนสามารถดาํ เนินการบาํ รุงรักษาไดด้ ว้ ยตนเอง แต่ โดยทว่ั ไปแลว้ การจดั การบาํ รุงรักษามกั คาํ นึงถึง 2 ประเภทคอื การบาํ รุงรักษาหลงั เกิดเหตุและการ บาํ รุงรักษาเชิงป้องกนั โดยทีแนวทางการเลือกประเภทของการบาํ รุงรักษามกั คาํ นึงถึงค่าใชจ้ ่ายที่ เหมาะสม และคา่ ใชจ้ ่ายทีเกิดจากความขดั ขอ้ ง หรือการรอคอยที่เกิดจากการหยดุ ของระบบไฟฟ้า และ ค่าใชจ้ ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ มกั จะสูงกวา่ การดาํ เนินการบาํ รุงรักษาเชิงป้องกนั การ ทดสอบและวิธีทดสอบอปกรณ์ไฟฟ้า เราสามารถแบ่งการทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าออกไดเ้ ป็น 3 อยา่ ง ดงั น้ี การทดสอบแบบตรวจรับ (Acceptance tests), การทดสอบประจาํ เดือนหรือประจาํ ปี (Routine maintenance tests) และการทดสอบ แบบพิเศษ(Special maintenance test) 1 การทดสอบแบบตรวจรับ (Acceptance tests) หลงั จากที่ติดต้งั อุปกรณ์ไฟฟ้า เขา้ ในระบบแลว้ จะทาํ การทดสอบอุปกรณ์นนั ทกุ เง่ือนไขและทกุ ระบบท่ีอุปกรณ์ไฟฟ้าน้นั สามารถท่ี จะ ปรับต้งั ค่าการ ทาํ งานได้ 2. การทดสอบประจาํ เดือนหรือประจาํ ปี (Routine maintenance tests) หลงั จากที่อุปกรณ์น้นั ติดต้งั ใชง้ านไปแลว้ เป็นระยะเวลาหน่ึง จะทาํ การทดสอบอุปกรณ์ทุกๆ 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพื่อ ตรวจสอบวา่ อุปกรณ์ไฟฟ้าน้นั ยงั คงทาํ หนา้ ที่ตามทีเราไดป้ รับตงั ค่าทาํ งานเอาไว้ ในในการทดสอบน้ีจะ มีการแบง่ การทดสอบออกไดเ้ ป็น 2 แบบคือ - As-found test : เป็นการทดสอบอปุ กรณ์หลงั จากที่ทาํ การหยดุ เดินเคร่ืองจกั ร และ ก่อนที่จะทาํ การซ่อมบาํ รุงรักษา - As-left test : เป็นการทดสอบอุปกรณ์หลงั จากที่ไดท้ าํ การซ่อมบาํ รุงเชิงป้องกนั แลว้ 3. การทดสอบแบบพิเศษ(Special maintenance test) หากอปุ กรณ์น้นั เกิดการ ชาํ รุดเสียหาย ถา้ เราไดท้ าํ การซ่อมแซม และก่อนที่จะนาํ เขา้ ใชง้ านในระบบไฟฟ้าจะตอ้ งทาํ การ ทดสอบก่อน การตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของระบบและอปกรณ์ไฟฟ้าในอาคาร อุปกรณ์ไฟฟ้าก็เหมือนกบั เครืองยนต์ เมือผา่ นการใชง้ านไปช่วงระยะเวลาหน่ึงจะตอ้ งมี การ ตรวจสอบสภาพการทาํ งาน มีความปลอดภยั มากนอ้ ยเพียงใด หมากตรวจพบปัญหาเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ควรหา ทางแกไ้ ขก่อนทีจะลุกลามจนไมส่ ามารถแกไ้ ขได้ ทาํ ใหส้ ินเปลืองคา่ ใชจ้ ่ายและส่งผลกระทบ
ห น ้ า | 112 ต่อวงจร ไฟฟ้า ท้งั ระบบดงั นนั งานซ่อมบาํ รุง (maintenance) จึงตอ้ งกระทาํ อยา่ งต่อเนืองและ ทกุ ครังที่ทาํ การ ตรวจซ่อม ควรบนั ทึกจดั ทาํ เป็ น ประวตั ิการ ซอ้ มเพ่ือประโยชนใ์ นการวเิ คราะหป์ ัญหา และแนวทาง ป้องกนั ในอนาคต การตรวจสอบแบง่ ออกได้ 2 วธิ ีคอื ตรวจสอบดว้ ยประสาทสมั ผสั และตรวจสอบดว้ ยเครืองมือ ทดสอบ 1. การตรวจสอบดว้ ยประสาทสัมผสั เราสามารถตรวจสอบสภาพการทาํ งานของอุปกรณ์ ไฟฟ้า ดว้ ยการ ฟังเสียง ดู ดมกลิ่นหรือการสัมผสั สิงเหล่าน้ีเป็นการตรวจสอบสภาพภายนอกทวั่ ไป ตวั อยา่ ง เช่นเรามองเห็นฟิ วส์ขาดจากกนั นนั แสดงวา่ วงจรไฟฟ้าผดิ ปกติหรืออาจมี ปัญหาอยา่ งใด อยา่ ง หน่ึงตอ้ งหาวธิ ีแกไ้ ข 2. ตรวจสอบดว้ ยเครืองมือทดสอบ การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดต้งั ภายในอาคาร ส่วนใหญ่ จะใชม้ ลั ติมิเตอร์ เมกเกอร์หรือ insulation tester meter เครื่องวดั ความตา้ นทานการตอ่ ลงดิน การตรวจสอบทวั่ ๆไป ไดแ้ ก่การวดั ค่าความตา้ นทาน ของไสห้ ลอดไฟฟ้าความตา้ นทานของ บาลาสท์ ตรวจสอบเซอร์กิตเบรกเกอร์ (C.B.) ตรวจสอบบรีเลยต์ รวจสอบฉนวนของ สายไฟฟ้า การทดสอบดว้ ยเครืองมือทดสอบ เราสามารถแบ่งการทดสอบอปุ กรณ์ไฟฟ้าดว้ ยเครืองมือทดสอบออกไดเ้ ป็ น 6 อยา่ งดงั น้ี 1. Solid insulation testing : จะเป็นการทดสอบฉนวนทีเป็นของแขง็ เช่นสายไฟฟ้า โดยจะทาํ การจ่ายไฟฟ้าแรงดนั สูงเขา้ ไปที่เน้ือฉนวน และทาํ การวดั คา่ กระแสรัวไหล ซ่ึงในการ ทดสอบแบบน้ีจะ สามารถที่จะทาํ นายไดว้ า่ ฉนวนไฟฟ้าน้ียงั มีสภาพดีอยหู่ รือไมโ่ ดยการทาํ นายจาก ค่ากระแสท่ีรั่วไหล การทดสอบฉนวนที่เป็นของแขง็ เช่นสายไฟฟ้า
ห น ้ า | 113 ชุดทดสอบ breaker down ในฉนวนแขง็ 2. Insulation liquid testing : จะเป็นการทดสอบฉนวนของเหลว โดยการนาํ ฉนวนของเหลว มาทาํ การทดสอบใน Chamber มาตรฐานและทาํ การจ่ายแรงดนั ไฟฟ้า กระแสสลบั และสงั เกตวา่ ฉนวน ของเหลวน้ีเกิดการ breakdown ที่ค่าแรงดนั เทา่ ไหร่ โดยจะ สามารถทดสอบมาตรฐาน IEC หรือ ASTM ชุดทดสอบ breaker down ในฉนวนนาํ มนั หมอ้ แปลง 3. Protective device testing : เป็นการทดสอบรีเลยต์ าม Function การทาํ งานของรีเลย์ วา่ ยงั ทาํ งานตามคา่ ทีต้งั ไวห้ รือไม่
ห น ้ า | 114 เคร่ืองทดสอบรีเลย์ เฟส 4. Circuit breaker time-travel analysis : จะเป็นการทดสอบ หนา้ สมั ผสั ของ Circuit breaker วา่ สามารถทีจะปิ ดวงจร หรือเปิ ดวงจร พร้อมกนั ท้งั 3 เฟส หรือไม่ 5. Grounding electrode resistance testing : จะเป็นการทดสอบ ความตา้ นทานของระบบราก สายดินวา่ มีคา่ ความตา้ นทานอยใู่ นมาตรฐานหรือไม่ โดยจะทาํ การ ทดสอบโดยใช้ Rod reference หรือ สามารถใช้ Clamp ก็ได้ ซ่ึงในการทดสอบแบบใช้ Clamp จะมีขอ้ ดีคือไมต่ อ้ งปลดสายตวั นาํ ท่ีต่อลงดิน 6. Infrared inspection testing : ในการทดสอบน้ีจะเป็นการนาํ เทคโนโลยี Infrared มาใชโ้ ดย จะทาํ การตรวจสอบความร้อนที่เกิดข้ึนก่อนทาํ การ Preventive maintenance วา่ จุดใดของอุปกรณ์ไฟฟ้า มีการยดึ อปุ กรณ์ไม่แน่น หรือจุดใดของสายไฟฟ้ามี การใช้ Load เกิน ซ่ึงจะสามารถซ่อมแซมจุดน้นั ได้ อยา่ งถกู ตอ้ งและลดการสูญเสีย พร้อมท้งั ป้อง การการเกิดเพลิงไหม้ การตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของระบบอุปกรณ์ไฟฟ้า อปุ กรณ์ไฟฟ้าทกุ ชนิดเม่ือผ่านการใชง้ านในระยะเวลาหน่ึงอาจจะเส่ือมสภาพ ชาํ รุดเสียหายไม่ สามารถใชง้ านไดเ้ ช่นเดิม จึงเป็นหนา้ ที่ของช่างไฟฟ้าตอ้ งเขา้ ไปดุแลรักษา ใหม้ ีประสิทธิภาพดีข้ึน จน สามารถใชง้ านไดถ้ า้ หากแกไ้ ขไม่ไดจ้ าํ เป็นตอ้ งเปลี่ยนอุปกรณ์อนั ใหมเ่ ขา้ ไปแทน เพ่ือใหร้ ะบบ ไฟฟ้า มีความปลอดภยั พน้ จากสภาวะ ผิดปกติ หรือ ทีเรียกวา่ ฟอลต์ (fault) ไดแ้ ก่การตรวจสอบ การซ่อม บาํ รุงระบบไฟฟ้าภาย ในอาคารและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีการเคล่ือนท่ีของ
ห น ้ า | 115 หนา้ สมั ผสั ไดแ้ ก่ เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงต่าํ รีเลยป์ ้องกนั ทางไฟฟ้า ส่วนอปุ กรณ์ทีไมม่ ีการเคล่ือนท่ี ขณะทาํ งาน ประกอบดว้ ยการตรวจสอบฉนวน ของ สายไฟฟ้า หมอ้ แปลงไฟฟ้า เป็นตน้ การตรวจสอบเซอร์กิตเบรกเกอร์ C.B. จะมีคนั โยกเป็ นส่วนที่เคลื่อนไหว ดงั น้นั โดยทวั่ ไปจะตรวจสอบระบบทางกล ตรวจสอบ หนา้ สมั ผสั และความเป็นฉนวนระหวา่ งขวั (pole) วธิ ีตรวจสอบมีหลกั ปฏิบตั ิดงั น้ี 1. การตรวจสอบระบบทางกล ก. จบั คนั โยกดนั ข้ึนดา้ นบน เพ่ือให้ CB. ต่อวงจรในตาํ แหน่ง “ON” ถา้ หากระบบ กลไก ภายใน ไมล่ ๊อก แสดงวา่ ระบบทางกลชาํ รุด ข. CB. ที่มีป่ ุมรีเซ็ต (reset) เราสามารถทดสอบการทาํ งานของกลไก ดว้ ยการใช้ ปลาย ปากกา หรือไมเ้ ลก็ ๆ กดลงที่ป่ ุมรีเซ็ต ถา้ หากรีเซ็ตคนั โยกไมเ่ ดง้ กลบั แสดงวา่ กลไกภายใน ผิดปกติ 2. การตรวจสอบหนา้ สมั ผสั และความเป็ นฉนวน โดยทวั่ ไปจะใชม้ ลั ติมิเตอร์วดั ความตา้ นทานเน่ืองจากราคาถูกและใชง้ านไดด้ ีมีหลกั ปฏิบตั ิ ดงั น้ี ก. ทดสอบหนา้ สมั ผสั ดว้ ยการจบั คนั โยกดนั ข้ึนบนตาํ แหน่ง “ ON ” ข. ใชม้ ลั ติ มิเตอร์ (ยา่ นวดั R×1 หรือ R×10) ตรวจสอบที่ข้วั 1-2,3-4และ 5-6 ถา้ อยู่ ในสภาพปกติ เขม็ ของมลั ติมิเตอร์ตอ้ งชีท่ีศนู ยโ์ อหม์ แต่ถา้ หากเขม็ ไมก่ ระดิกแสดงวา่ หนา้ สัมผสั ต่อกนั ไมส่ นิท วธิ ีการตรวจสอบหนา้ สัมผสั ดว้ ยมิเตอร์
ห น ้ า | 116 วธิ ีการตรวจสอบความเป็นฉนวนดว้ ยมลั ติมิเตอร์ การซ่อมบาํ รุงเซอร์กิตเบรกเกอร์ 1. ขวั ต่อสายของเซอร์กิตเบรกเกอร์ ก. ข้วั ต่อหลวมหรือไม่ ข. มีรอยไหมเ้ กรียมท่ีเกิดจากการอาร์ก บริเวณจุดต่อหรือไม่ ค. มีสิงสกปรกบริเวณขวั ต่อ เช่น เศษดินต่างๆ หรือไม่ 2. หนา้ สมั ผสั ก. หนา้ สัมผสั ของส่วนท่ีเคล่ือนที่กบั ส่วนท่ีอยกู่ บั ท่ีจะตอ้ งแนบสนิทกนั ข. เม่ือหนา้ สมั ผสั ตอ่ ถึงกนั ค่าความตา้ นทานตอ้ งมีคา่ ศูนยโ์ อห์ม 3. สภาพทวั่ ไปของการติดต้งั และจบั ยดึ ก. ตอ้ งแขง็ แรง ไมผ่ กุ ร่อน ข. ยดึ ติดอยกู่ บั แป้นรองอยา่ งมน่ั คง ไมห่ ลวม ฉนวนของสายไฟฟ้า 1.สาเหตทุ ่ีทาํ ใหฉ้ นวนเส่ือม 1.1 อุณหภูมิ 1.2 ฉนวนทีห่อหุม้ บริเวณรอยตอ่ ไม่ดี 1.3 กระแสไหลผา่ นมากเกินไป ก. สายขนาดเลก็ เกินไป
ห น ้ า | 117 ข. ติดต้งั อุปกรณ์เพม่ิ เติม แต่ขนาดสายเท่าเดิม ค. ติดตงั อปุ กรณ์ป้องกนั ไมเ่ หมาะสม 1.4 สายไฟฟ้าถูกกดทบั 1.5 การสัน่ สะเทือน 1.6 รอยต่อหลวม 1.7 ขาดการตรวจสอบและดูแล การบาํ รุงรักษาฉนวนของสายไฟฟ้า - หมนั ตรวจสอบและทาํ ความสะอาด - ตรวจสอบกระแส - ติดตงั อุปกรณ์ป้องกนั วงจร ขนาดที่เหมาะสม - อยา่ ใหส้ ายไฟฟ้าถกู แสงแดด - ระวงั อยา่ ใหส้ ายไฟฟ้าถกู กดทบั ดว้ ยสิงของท่ีมีคมหรือมีนาํ หนกั มาก หลกั การ ปฏิบตั ิสาํ หรับการบาํ รุงรักษาหมอ้ แปลง - หน่ึงเดือนแรก ตอ้ งตรวจสอบระดบั นาํ มนั และการรัวซึม - ตรวจสอบเป็นประจาํ ทุกๆปี ๆละ 1- 2 คร้ัง - ตรวจสอบทกุ ครังจะตอ้ งตดั ไฟทงั ดา้ นแรงสูงและแรงต่าํ - ทาํ ความสะอาดบุชชิง เกจวดั นาํ มนั ถงั หมอ้ แปลง ระดบั นาํ มนั และการรัวซึม - ตรวจสอบหนา้ สัมผสั ของ tap changer - ตรวจสอบ silica gel - ตรวจสอบรอยแตกร้าวของบชุ ชิง - ตรวจสอบจุดต่อต่างๆ ควรขนั แคลม้ ป์ ใหแ้ น่น - ตรวจสอบตาํ แหน่งและระยะ air gap ของ arcing horn - ตรวจสอบระบบการต่อลงดิน - ตรวจสอบความเป็นสนิมของถงั หมอ้ แปลง - ตรวจสอบระบบเตือนการทาํ งานผิดปกติ
ห น ้ า | 118 - ตรวจสอบนงั่ ร้านหมอ้ แปลงหรือส่วนประกอบการติดต้งั อุปกรณ์ป้องกนั และล่อฟ้า - หมอ้ แปลงที่เกิดฟอลตบ์ ่อยๆตอ้ งตรวจสอบความเสื่อมของนาํ มนั อยา่ งนอ้ ย 6เดือนตอ่ คร้ัง - ภายหลงั จากที่หมอ้ แปลงเกิดฟอลต์ ควรทิ้งเวลาไวอ้ ยา่ งนอ้ ย 15 นาที ก่อนจ่ายไฟใหม่ สาเหตท่ีสาํ คญั ของการเกิดปัญหาระบบไฟฟ้าขดั ขอ้ ง ปัญหาระบบไฟฟ้าขดั ขอ้ งที่เกิดข้ึนมกั มีตน้ เหตุหลายประการพอสรุปสาเหตหุ ลกั ไดด้ งั น้ี 1. ความเส่ือมสภาพและการชาํ รุดของชิ้นส่วน เช่นหนา้ สมั ผสั ของเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Main Contact) ชุดกลไกเคลื่อนท่ี(Mechanical Parts ) อุปกรณ์รีเลย์ (Control Relay) เป็นตน้ ที่ส่งผลต่อการทาํ งาน ของอปุ กรณ์ไฟฟ้า 2. ขาดการบาํ รุงรักษาที่เป็นระบบ เช่น ขาดการทดสอบการทาํ งานของอปุ กรณ์ไฟฟ้า ขาดการทาํ ความ สะอาดทาํ ใหเ้ กิดความสกปรกของอุปกรณ์ไฟฟ้า ขาดการตรวจสอบ จุดตอ่ ตา่ งๆของอุปกรณ์ไฟฟ้า 3. ขาดการปรับเงื่อนไขการทาํ งานท่ีมีการปฏิบตั ิการในสภาวะท่ีเกิดจากปัจจยั ขอ้ กาํ หนดของการ ออกแบบปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การเส่ือมสภาพไดแ้ ก่อณุ หภมู ิขนาดของโหลด เป็นตน้ การบาํ รุงรักษาระบบไฟฟ้า ( Electrical System Preventive Maintenance) ปัจจุบนั ปัญหาของระบบไฟฟ้าท่ีขดั ขอ้ ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดาํ เนินงานของ องคก์ ร หน่วยงานหรือ อาคาร และยงั ทาํ ใหส้ ูญเสียโอกาสในการแข่งขนั เชิงธุรกิจ มกั มีสาเหตมุ าจาก การขาดการ วางแผนในการบาํ รุงรักษาระบบไฟฟ้าท่ีเหมาะสม ดงั น้นั การบาํ รุงรักษาระบบไฟฟ้า ( Electrical System Preventive Maintenance ) จึงเป็นแนวทางที่จะช่วย รักษาความเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าได้ Infrared Thermographic Inspection Service ปัจจุบนั การบาํ รุงรักษาเชิงป้องกนั (Preventive Maintenance) เป็นงานท่ีมีความสาํ คญั มาก เพราะ อปุ กรณ์ไฟฟ้าเปรียบเสมือนหวั ใจหลกั ของโรงงาน หรือ อาคาร ในการดาํ เนินกิจการปัจจุบนั ไดม้ ีการนาํ กลอ้ งอินฟราเรดมาใช้ เพื่อตรวจสอบความสมบรู ณ์ของ จุดตอ่ ไฟฟ้าต่างๆ อุปกรณ์เปิ ด-ปิ ด ไฟฟ้า สายไฟ ฟิ วส์ คาปาซิเตอร์ มอเตอร์ เป็นตน้ ซ่ึงเป็นการตรวจวดั อุณหภูมิแบบไม่สัมผสั วตั ถุ แต่ สามารถวดั อณุ หภูมิได้ โดยจะมีภาพแสดงทีจอ LCD ของกลอ้ งอินฟราเรด ทาํ ใหส้ ามารถพบจุดท่ีมี ปัญหาและแกไ้ ขไดท้ นั ที
ห น ้ า | 119 พร้อมทงั ยงั สามารถบนั ทึกภาพเพื่อนาํ มาทาํ รายงานในการวเิ คราะหป์ ัญหาทีพบ เพ่ือป้องกนั ความเสียหาย ที่ อาจเกิดข้ึนในระบบไฟฟ้า ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการตรวจเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าดว้ ยกลอ้ งอินฟราเรด 1. ช่วยลดความเสียงจากการเกิดอคั คีภยั อนั เนืองจากไฟฟ้าลดั วงจร . ช่วยแสดงตาํ แหน่งของอุปกรณ์ท่ีมีปัญหาไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ . ช่วยจดั ลาํ ดบั ความเร่งด่วนในการซ่อมบาํ รุงเชิงป้องกนั . ช่วยลดเวลาและคา่ ใชจ้ ่ายในการซ่อมบาํ รุงอุปกรณ์ไฟฟ้า . ช่วยเพมิ่ ประสิทธิภาพของทีมงานซ่อมบาํ รุง . ช่วยในการจดั เตรียมอะไหลล่ ว่ งหนา้ . ช่วยยดื อายกุ ารใชง้ านของอปุ กรณ์และเครื่องจกั รได้ . ช่วยลดค่าเบ้ียประกนั ภยั ได้ . ช่วยใหต้ รวจพบส่ิงผดิ ปกติต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วขณะเคร่ืองจกั รทาํ งาน . ช่วยลดความสิ้นเปลืองของพลงั งานที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ห น ้ า | 120 แบบฝึกหดั บทที่ 9 การตรวจ ซ่อมแซม บาํ รุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารและในโรงงาน 1. จุดมุง่ หมายของการบาํ รุงรักษามีอะไรบา้ งอธิบายมาพอเขา้ ใจ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2. การบาํ รุงรักษามีกี่ประเภท อะไรบา้ ง อธิบายมาพอเขา้ ใจ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. การทดสอบดว้ ยเครืองมือทดสอบมีกี่แบบ อะไรบา้ ง แตล่ ะแบบมีวิธีการ อยา่ งไร ............................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................
ห น ้ า | 121 4. การตรวจสอบเซอร์กิตเบรกเกอร์มีวธิ ีการอยา่ งไรบา้ ง อธิบายพอเขา้ ใจ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 5. สาเหตทุ ี่ทาํ ใหฉ้ นวนสายไฟฟ้าเส่ือมมีอะไรบา้ ง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 6. การบาํ รุงรักษาฉนวนของสายไฟฟ้ามีวธิ ีการอยา่ งไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................
ห น ้ า | 122 7. หลกั การปฏิบตั ิสาํ หรับการบาํ รุงรักษาหมอ้ แปลงมีอะไรบา้ ง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 8. สาเหตทุ ่ีสาํ คญั ของการเกิดปัญหาระบบไฟฟ้าขดั ขอ้ ง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................. 9 . ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการตรวจเชค็ อปุ กรณ์ไฟฟ้าดว้ ยกลอ้ งอินฟราเรด ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................
ห น ้ า | 123 อ้างองิ บทท่ี 1 เร่ือง เครื่องมือที่ใชใ้ นงานติดต้งั ไฟฟ้า บทท่ี 2 เรื่อง วสั ดุและอุปกรณ์ในงานติดต้งั ไฟฟ้าในอาคาร บทท่ี 3 เร่ือง ทอ่ ในงานเดินสายติดต้งั ไฟฟ้า บทที่ 4 การเดินสายในรางเดินสาย รางเคเบิล และ Busway บทท่ี 5 เร่ือง อปุ กรณ์ป้องกนั ในระบบจ่ายไฟฟ้า บทที่ 6 เร่ือง อุปกรณ์ประกอบตคู้ วบคุมไฟฟ้า บทท่ี 7 เร่ือง ขนาดสายไฟฟ้าท่ีใชใ้ นงานติดต้งั ไฟฟ้า บทที่ 8 เรื่อง การติดต้งั ระบบสายดิน (Grounding) บทที่ 9 เร่ือง การตรวจ ซ่อมแซม บาํ รุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารและในโรงงาน : https://sites.google.com/site/epowersomporn/xeksar-prakxb-kar-sxn-wicha-kar-tid-tang-fifa-1
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127