บทที่ 3 Microsoft Excel 2019

ทัวร์ห้อง Microsoft Excel 2019 ความรู้เบื้องต้น การจัดรูปแบบเวิกร์ชีต การคำนวณ และฟังก์ชัน แผนภูมิ และกราฟ

สารบัญ บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น 01 แถบเครื่องมือ ส่ วนประกอบของโปรแกรม การป้อนข้อมูลลงในโปรแกรม แบบฝึกหัดท้ายบท 5 ข้อ 02 บทที่ 2 การจัดรู ปแบบเวิกร์ชีต การจัดรู ปแบบและลักษณะตัวอักษร การตีเส้ น และการใส่ สี พื้นหลัง การเรียงลำดับข้อมูลและการกรองข้อมูล แบบฝึกหัดท้ายบท 5 ข้อ บทที่ 3 การคำนวณ และฟังก์ชัน 03 การใช้เครื่องหมายทางคณิ ตศาสตร์ การป้อนสูตรการคำนวณ รู ปแบบของฟังก์ชัน การใช้งานฟังก์ชัน ค่าผิดพลาดในการใช้สูตร แบบฝึกหัดท้ายบท 5 ข้อ 04 บทที่ 4 แผนภูมิ และกราฟ การสร้างแผนภูมิคอลัมน์ การสร้างแผนภูมิวงกลม การตกแต่งแผนภูมิ แบบฝึกหัดท้ายบท 5 ข้อ

Microsoft Excel 2019 คำ นำ เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง Microsoft Excel 2019 จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อการ เรียนการสอนของนั กเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยศึกษาเนื้ อหา 4 บท 1. ความรู้เบื้องต้น 2. จัดรูปแบบเวิกร์ชีต 3. การคำนวณและฟังก์ชัน 4.แผนภูมิและกราฟ เอกสารประกอบการ เรียนนี้ สามารถนำไปใช้ในการสอนซ่อมเสริม หรือทบทวนเนื้ อหาเพิ่มเติมในแต่ละเรื่องได้ อย่างเหมาะสม ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ เป็นประโยชน์ แก่ผู้อ่าน ผู้ จั ด ทำ นางสาวฮัสวานี บินยามา ฮัสวานี บินยามา 080-5469104 KRU WANEE [email protected]

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น โปรแกรม Microsoft Excel 2019 เป็นโปรแกรมที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการคำนวณ ซึ่งทำให้เกิด ประโยชน์ ในการใช้งานด้านต่าง ๆ เช่น งานบัญชี งานการเงิน งานเอกสารในรูปแบบต่าง ๆ จำเป็น ต้องรู้วิธีการใช้สูตรคำนวณ การย้ายและคัดลอกสูตร การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัว คอลัมน์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักขั้นตอนการใช้งานการคำนวณ การคำนวณของ โปรแกรม Microsoft Excel 2019 นั้ นสามารถนำเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์พื้น ฐานมาใช้ร่วมกับการกำหนดสูตรเพื่อคำนวณได้ นอกเหนื อจากนั้ นโปรแกรม Excel ยังมีฟังก์ชัน สำเร็จรูปที่สามารถนำมาใช้ในการคำนวณได้อย่างสะดวกและไม่ซับซ้อน สำหรับเครื่องหมาย คณิตศาสตร์ที่ใช้ในการคำนวณในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือในโปรแกรม Microsoft Excel 2019 นั้ น โปรแกรมจะดูความสำคัญของเครื่องหมายทางการคำนวณตามหลักทางคณิ ตศาสตร์ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้เครื่องหมายทางคณิ ตศาสตร์ การคำนวณใน Excel ทำได้โดยการป้อนตัวเลขเข้าไปในช่อง cell แต่ละช่อง จากนั้ นจึงกำหนด ให้นำตัวเลขในแต่ละช่อง มา บวก ลบ คูณ หาร ดูตัวอย่าง และทำตามต่อไปนี้ การบวกเลข 1. คลิกที่ ช่อง A1 2. พิมพ์เลข 50 3. แล้วกด Enter เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ ช่อง cell A2 (ถ้าไม่เลื่อนลงมาตรง ๆ แสดงว่ามีการไป ตั้งค่าทิศทาง การกด Enter ให้ท่านตั้งค่าใหม่ได้ 4. คลิกที่ช่อง A2 และพิมพ์เลข 60 แล้วกด Enter 5. เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ช่อง A3 ให้พิมพ์ =A1+A2 6. เครื่องหมายเท่ากับ ข้างหน้ า เป็นการบอก Excel ว่า กำลังใช้สูตร ไม่ใช่เป็นการพิมพ์ข้อความ ธรรมดา และจะสังเกต สีของ ข้อความ A1 และ A2 แตกต่างไปจากสีธรรมดา และเมื่อขณะพิมพ์ A1 จะมีกรอบเกิดขึ้นที่ช่อง A1 ด้วย และขณะพิมพ์ A2 ก็จะมีกรอบเกิดที่ช่อง A2 แสดงขอบเขตที่ ถูกเลือก ดังนี้ 7. เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter กรอบจะเลื่อนไปยังตำแหน่ ง A4 และจะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 140 ในช่อง A3 ดังภาพ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้เครื่องหมายทางคณิ ตศาสตร์ การลบเลข 1. คลิกที่ ช่อง A1 2. พิมพ์เลข 60 3. แล้วกด Enter เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ ช่อง cell A2 4. คลิกที่ช่อง A2 และพิมพ์เลข 35 แล้วกด Enter 5. เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ช่อง A3 ให้พิมพ์ =A1-A2 6. เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter กรอบจะเลื่อนไปยังตำแหน่ ง A4 และจะได้ ผลลัพธ์เท่ากับ 25 ในช่อง A3 ดังภาพ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้เครื่องหมายทางคณิ ตศาสตร์ การคูณ 1. คลิกที่ ช่อง A1 2. พิมพ์เลข 60 3. แล้วกด Enter เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ ช่อง cell A2 4. คลิกที่ช่อง A2 และพิมพ์เลข 35 แล้วกด Enter 5. เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ช่อง E3 ให้พิมพ์ =E1*E2 6. เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter กรอบจะเลื่อนไปยังตำแหน่ ง A4 และจะได้ผลลัพธ์ เท่ากับ 2100 ในช่อง A3 ดังภาพ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้เครื่องหมายทางคณิ ตศาสตร์ การหาร 1. คลิกที่ ช่อง A1 2. พิมพ์เลข 60 3. แล้วกด Enter เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ ช่อง cell A2 4. คลิกที่ช่อง A2 และพิมพ์เลข 35 แล้วกด Enter 5. เคอร์เซอร์ จะเลื่อนมาที่ช่อง A3 ให้พิมพ์ =A1/A2 6. เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter กรอบจะเลื่อนไปยังตำแหน่ ง A4 และจะได้ ผลลัพธ์เท่ากับ 1.714286 ในช่อง A3 ดังภาพ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การป้อนสูตรการคำนวณ วิธีการป้อนสูตรคำนวณใน Excel เราต้องกรอกเครื่องหมายเท่ากับ (=) นำหน้ าสูตร เสมอ หากลืมใส่เครื่องหมายเท่ากับ (=) ก่อนพิมพ์สูตรคำนวณ จะทำให้ได้ผลลัพธ์กลาย เป็นข้อความธรรมดา ซึ่งไม่สามารถคำนวณได้ การป้อนสูตรลงในเซลล์ของแผ่นงาน อาจ ทำได้ 3 วิธีคือ 1. การป้อนสูตรโดยตรง เป็นวิธีที่ต้องพิมพ์ตัวเลขที่ต้องการคำนวณลงไปในเซลล์เพื่อให้ Excel คำนวณ โดยตรง เหมือนการใช้เครื่องคิดเลข เช่น พิมพ์ = 5 + 8 คำตอบที่ได้ คือ 13 ดังรูป 2. การอ้างอิงเซลล์ เป็นการพิมพ์สูตรโดยใช้ชื่อเซลล์เป็นตัวอ้างอิงในการคำนวณ โดยจะคำนึ งถึงว่าในเซลล์ จะมีตัวเลขใด ๆ เช่น =A1+A2 หมายความว่า ให้คำนวณและแสดงผลลัพธ์ของข้อมูลที่อยู่ใน เซลล์ A1 และ A2 บวกกัน เช่นถ้าตัวเลขในเซลล์ A1 คือ 5 และตัวเลขใน A2 คือ 8 ดังนั้ น คำตอบคือ 13 และเมื่อเปลี่ยนตัวเลขในเซลล์เปลี่ยนคำตอบก็จะเปลี่ยนผลลัพธ์ให้โดย อัตโนมัติ แสดงดังรูป MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น สิ่ งที่ควรทราบในการป้อนสูตร ก่อนที่จะป้อนสูตรใน Excel ควรทราบข้อกำหนด หรือความแตกต่างกับการคำนวณ โดยทั่วไปดังนี้ 1. สูตรใน Excel จะเขียนในบรรทัดเดียวกัน ดังนั้ น การเขียนเลขยกกำลังจึงต้อง เปลี่ยนวิธีการเขียนเล็กน้ อย เช่น 22 จะเขียนเป็น 2^2 แทน รวมทั้งไม่สามารถสร้าง เป็นเครื่องหมายเศษส่วนได้ ต้องเขียนเป็น 2/3 (เศษ 2 ส่วน 3) 2. เราไม่สามารถที่จะใส่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เช่น (Square root) ลงใน สูตรของ Excel ได้ ดังนั้ น ต้องมีการนำฟังก์ชันมาช่วยทำงาน เช่น ใช้ฟังก์ชัน SQRT หาค่ารากที่สองของ 7 โดยเขียนเป็น =SQRT(7) แทน 3. เครื่องหมายวงเล็บเป็นเครื่องหมายที่มีลำดับแรกสุด จึงทำให้สิ่งที่อยู่ในเครื่องหมาย วงเล็บถูกคำนวณเป็นอันดับแรกเสมอ ดังนั้ น ถ้าไม่แน่ ใจว่าลำดับของสัญลักษณ์ที่คุณ ใช้เป็นเท่าใด ควรใส่วงเล็บไว้ก่อน เช่น (1+2)*3 จะมีผลลัพธ์เท่ากับ 9 เพราะ Excel จะทำ 1+2 ซึ่งอยู่ในวงเล็บก่อน แล้วจึงนำไปคูณกับ 3 4. ใน Excel มีการลำดับความสำคัญของเครื่องหมาย โดยเครื่องหมายที่มีลำดับแรกจะ ถูกคำนวณก่อน เช่น 1+2*3 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 7 เนื่ องจาก * (ลำดับที่ 4) มีลำดับมา ก่อน + (ลำดับที่ 5) ดังนั้ น โปรแกรม Excel จึงทำ 2*3 ได้ผลลัพธ์เท่ากับ 6 ก่อน แล้ว จึงนำ 1+6 ซึ่งได้ผลลัพธ์เท่ากับ 7 MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น รูปแบบของฟังก์ชัน ใน Excel ทุกฟังก์ชันจะมีรูปแบบรูปแบบพื้นฐานที่เหมือน ๆ กัน ดังนี้ จากรูปมีส่วนประกอบหลัก ๆ 6 ส่วน ได้แก่ A เครื่องหมายเท่ากับ (=) เมื่อใส่เครื่องหมายเท่ากับเพื่อบอก Excel ว่า นี่ เป็นการ คำนวณไม่ใช่ข้อความหรือตัวเลขปกติทั่วไป B ชื่อฟังก์ชัน (Function) เป็นชื่อฟังก์ชันที่ Excel เตรียมไว้ให้ใช้งาน C เครื่องหมายวงเล็บเปิด เพื่อแสดงขอบเขตของข้อมูลที่ใช้ประกอบการทำงานกับ ฟังก์ชัน D ตัวรับค่า (Argument) หมายถึง ข้อมูล (หรือตำแหน่ งที่เก็บข้อมูล) ที่ใช้ประกอบการ ทำงานของฟังก์ชัน เช่น ฟังก์ชัน AVERAGE จะมีตัวรับค่า (Argument) เป็นชื่อเซลล์ เริ่มต้น และชื่อเซลล์ปิดท้ายของการหาค่าเฉลี่ย เป็นต้น ซึ่งแต่ละฟังก์ชันจะมีตัวรับค่า (Argument) ที่ต่างกัน และความหมายที่ต่างกันด E เครื่องหมายจุลภาค ( , : คอมม่า) ใช้สำหรับแยกตัวรับค่า (Argument) แต่ละตัวออก จากกัน F เครื่องหมายวงเล็บปิด เพื่อแสดงจะสิ้นสุดของข้อมูลที่ใช้งานกับฟังก์ชันนั้ น ๆ ตัวอย่างฟังก์ชัน =SUM(A1:A7,D1:D7) เป็นฟังก์ชันสำหรับหาผลรวมของตัวเลขที่อยู่ในเซลล์ A1 ถึง A7 และ D1 ถึง D7 =COUNT(C8:C8) เป็นฟังก์ชันสำหรับนั บจำนวนช่องเซลล์ระหว่างเซลล์ C8 ถึง F8 โดยนั บเฉพาะ เซลล์ที่มีข้อมูลด้านตัวเลขอยู่ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น รูปแบบของฟังก์ชัน การกำหนดตัวรับค่า ตัวรับค่า (Argument) เป็นส่วนที่รับข้อมูลที่จำเป็นต้องนำไปใช้ในฟังก์ชันนั้ น เพื่อให้เกิดค่าหรือผลลัพธ์ใหม่ขึ้น ตัวรับค่าเหล่านี้ จะต้องอยู่ภายในเครื่องหมายวงเล็บ เสมอ และอาจมีชนิ ดที่แตกต่างกันได้ถึง 6 ชนิ ดขึ้นอยู่กับชนิ ดของข้อมูลที่ต้องการจะรับ เข้ามาซึ่งมีดังนี้ ตัวเลข (Number) เป็นตัวรับค่าที่ข้อมูลเป็นตัวเลขที่จะนำไปทำการคำนวณซึ่งอาจเป็น จำนวนเต็มหรือทศนิ ยมก็ได้ ข้อความ (Text) เป็นตัวรับค่าที่จะรับข้อความที่อยู่เครื่องหมายคำพูด (\" \") ค่าตรรกะ (Logical values) เป็นตัวรับค่าที่จะรับค่าจริง (TRUE) หรือ เท็จ (FALSE) ค่าความผิดพลาด (Error values) เป็นตัวรับค่าที่รับค่าความผิดพลาด เช่น #DIV/0! , #N/A เป็นต้น การอ้างอิงเซลล์ (References) เป็นตัวรับค่าที่รับตำแหน่ งเซลล์ ซึ่งอาจเป็นการ อ้างอิงแบบ A1 เช่น $A$6, A6, $A6, A$6 หรือแบบ R1C1 เช่น R[6]C[-1] เป็นต้น ข้อมูลชุด (Arrays) เป็นตัวรับค่าที่จะรับข้อมูลชุด เช่น {12,3,4} เป็นต้น ตัวอย่างเช่น ฟังก์ช้น SUM ซึ่งมีรูปแบบ คือ =SUM(ตัวเลข1,ตัวเลข2,....) เมื่อเราเรียกใช้ เราก็จะ ต้องกำหนดค่าให้กับตัวรับค่าเป็นแบบตัวเลขเพื่อนำไปคำนวณหาผลรวม เช่น =SUM(1,2,3,4) หรืออาจระบุด้วยตำแหน่ งเซลล์ที่เก็บค่าตัวเลขเหล่านั้ น เช่น =SUM(B1:B4) ก็ได้ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้งานฟังก์ชัน ฟังก์ชันที่ควรรู้ มีดังนี้ 1.การใช้ Auto sum/ Sum Sum หรือ AutoSum เป็นฟังก์ชันสำหรับหาผลรวมของข้อมูลในเซลล์หรือเขตข้อมูล รู ปแบบคำสั่ ง ความหมายคือ บวกจำนวนทั้งหมดในช่วงของเซลล์ ตัวอย่าง บวกค่า 2 และ 3 =SUM(2,3) บวกค่าข้อมูลในเซลล์ A1 และ A3 =SUM(A1,A3) บวกค่าช่วงข้อมูล A1 ถึง A10 =SUM(A1:A10) การป้อนสูตร SUM มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกที่เซลล์ที่จะใส่ผลลัพธ์ เช่น F2 2. คลิกแท็บสูตร (Formulas) 3. คลิกผลรวมอัตโนมัติ (AutoSum) (คลิกที่ลูกศรชี้ลง) 4. เลือกฟังก์ชันผลรวม (SUM) 5. จะได้เส้นประวิ่งรอบ ๆ เซลล์ที่อยู่ทางขวาของสูตร =SUM(C2:E2) 6. กดแป้น Enter จะได้ผลลัพธ์ คือ การรวมข้อมูลในเซลล์ C2, D2, E2 MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้งานฟังก์ชัน ฟังก์ชันที่ควรรู้ มีดังนี้ 2.การใช้ count นั บจำนวน (Count) เป็นฟังก์ชันสำหรับนั บจำนวนเซลล์ที่ระบุว่ามีข้อมูลอยู่กี่เซลล์ รู ปแบบคำสั่ ง ความหมายคือ การนั บจำนวนช่องเซลล์ที่มีตัวเลขบรรจุอยู่ ว่ามีกี่เซลล์ การนั บจำนวนตัวเลขเซลล์ โดยใช้ฟังก์ชัน จำนวน (COUNT) มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกที่เซลล์ที่จะใส่ผลลัพธ์ 2. คลิกแท็บสูตร (Formulas) 3. คลิกผลรวมอัตโนมัติ (AutoSum) (คลิกที่ลูกศรชี้ลง) 4. เลือกฟังก์ชันนั บตัวเลข (Count Numbers) 5. จะได้เส้นประวิ่งรอบ ๆ เซลล์ที่อยู่ทางขวาของสูตร =COUNT(C2:F6) 6. กดแป้น Enter จะได้ผลลัพธ์ คือ การนั บตัวเลขที่อยู่ในช่องเซลล์ C2 ถึง F6 MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้งานฟังก์ชัน ฟังก์ชันที่ควรรู้ มีดังนี้ 3.การใช้ MAX/MIN ค่ามากที่สุด (Maximum) เป็นฟังก์ชันที่ใช้แสดงค่ามากที่สุดในช่วงข้อมูลที่เลือก รู ปแบบคำสั่ ง ความหมายคือ การหาค่ามากที่สุดจากชุดของค่าที่ระบุ การหาค่ามากที่สุด โดยใช้ฟังก์ชันค่ามากที่สุด (MAX) มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกที่เซลล์ที่จะใส่ผลลัพธ์ เช่น C8 2. คลิกแท็บสูตร (Formulas) 3. คลิกผลรวมอัตโนมัติ (AutoSum) (คลิกที่ลูกศรชี้ลง) 4. เลือกฟังก์ชันค่ามากที่สุด (MAX) 5. จะได้เส้นประวิ่งรอบ ๆ เซลล์ที่อยู่ทางขวาของสูตร =MAX(C2:C6) 6. กดแป้น Enter จะได้ผลลัพธ์ คือ การหาค่ามากที่สุดของข้อมูลช่องเซลล์ C2, C3, C4, C5 และ C6 MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้งานฟังก์ชัน ฟังก์ชันที่ควรรู้ มีดังนี้ 4.การใช้ MAX/MIN ค่ามากที่สุด (Minimun) เป็นฟังก์ชันที่ใช้แสดงค่าน้ อยที่สุดในช่วงข้อมูลที่ระบุ รู ปแบบคำสั่ ง ความหมายคือ หาค่าตัวเลขที่มีน้ อยที่สุดของค่าที่ระบุ การหาค่ามากที่สุด โดยใช้ฟังก์ชันค่าน้ อยที่สุด (MIN) มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกที่เซลล์ที่จะใส่ผลลัพธ์ เช่น C9 2. คลิกแท็บสูตร (Formulas) 3. คลิกผลรวมอัตโนมัติ (AutoSum) (คลิกที่ลูกศรชี้ลง) 4. เลือกฟังก์ชันค่าน้ อยที่สุด (MIN) 5. จะได้เส้นประวิ่งรอบ ๆ เซลล์ที่อยู่ทางขวาของสูตร =MIN(C2:C6) 6. กดแป้น Enter จะได้ผลลัพธ์ คือ การหาค่าน้ อยที่สุดของข้อมูลช่องเซลล์ C2, C3, C4, C5 และ C6 MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น การใช้งานฟังก์ชัน ฟังก์ชันที่ควรรู้ มีดังนี้ 5.การใช้ AVERAGE Average (ค่าเฉลี่ย) เป็นฟังก์ชันสำหรับหาค่าเฉลี่ยของข้อมูลในเขตข้อความที่ กำหนด รู ปแบบคำสั่ ง ความหมายคือ คำนวณค่าเฉลี่ยเลขคณิตของข้อมูลในช่วงเซลล์ การหาค่าเฉลี่ย โดยใช้ฟังก์ชันค่าเฉลี่ย (AVERAGE) มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกที่เซลล์ที่จะใส่ผลลัพธ์ เช่น C2 2. คลิกแท็บสูตร (Formulas) 3. คลิกผลรวมอัตโนมัติ (AutoSum) (คลิกที่ลูกศรชี้ลง) 4. เลือกฟังก์ชันค่าเฉลี่ย (AVERAGE) 5. จะได้เส้นประวิ่งรอบ ๆ เซลล์ที่อยู่ทางขวาของสูตร =AVERAGE(C2:C6) 6. กดแป้น Enter จะได้ผลลัพธ์ คือ การค่าเฉลี่ยของข้อมูลในเซลล์ C2, C3, C4, C5 และ C6 MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น ค่าผิดพลาดในการใช้สูตร การใช้สูตรบางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดในการทำงาน ไม่สามารถประมวลผลได้ Excel จะแจ้งข้อผิดพลาดให้ทราบว่าผิดพลาดที่จุดใด โดยค่าผิดพลาดจะเริ่มด้วยเครื่องหมาย # เสมอ ค่าผิดพลาดที่แสดงมีความหมายแตกต่างกันดังนี้ #VALUE หมายถึง Error in Value ค่าอ้างอิงหรือเซลล์ที่อ้างอิงบรรจุค่าไม่ถูกต้อง #DIV/0! หมายถึง Divide by Zero Value หาค่าไม่ได้เพราะหารกับค่าศูนย์หรือช่อง เซลล์ว่างเปล่า #N/A หมายถึง No Value is available ระบุค่าในฟังก์ชันไม่ครบ ไม่มีอยู่หรืออ้างอิง ช่องเซลล์ที่มีค่าเป็น N/A #NAME? หมายถึง Invalid Name Error ใช้ชื่อที่ Excel ไม่รู้จักหรือเขียนชื่อฟังก์ชันผิด #NULL! หมายถึง Null Error ไม่ใส่เครื่องหมาย : ในการอ้างอิงช่วงเซลล์ #NUM หมายถึง ค่าตัวเลขในสูตรไม่ถูกต้อง #REF! หมายถึง อ้างอิงเซลล์ที่ใช้ไม่ได้ #### หมายถึง ค่ายาวเกินไปไม่สามารถแสดงในเซลล์ได้ คอลัมน์ ต้องกว้างกว่าที่ ใช้งานอยู่ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

ก า ร คำ น ว ณ แ ล ะ ฟั ง ก์ ชั น แบบฝึกหัดท้ายบท 5 ข้อ 1.หากต้องการหาค่าเฉลี่ย ต้องใช้คำสั่งฟังก์ชันใด ก.AVERAGE ข.COUNT ค.SUM ง.ถูกทุกข้อ 2.หากต้องการหาค่าน้ อยสุดของสองตัวเลข ควรทำอย่างไร ก.=MIN(C2:C11) ข.=MIX(C2:C11) ค.=MIN ง.ผิดทุกข้อ 3.หากต้องการหาผลรวม ต้องใช้คำสั่งฟังก์ชันใด ก.AVERAGE ข.COUNT ค.SUM ง.ผิดทุกข้อ 4.ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก.#VALUE หมายถึง Error in Value ค่าอ้างอิงหรือเซลล์ที่อ้างอิงบรรจุค่าไม่ถูกต้อง ข.#NAME? หมายถึง Invalid Name Error ใช้ชื่อที่ Excel ไม่รู้จักหรือเขียนชื่อฟังก์ชันผิด ค.#### หมายถึง ค่ายาวเกินไปไม่สามารถแสดงในเซลล์ได้ คอลัมน์ ต้องกว้างกว่าที่ใช้งานอยู่ ง.ถูกทุกข้อ 5.หากต้องการหาค่ามากสุดของสองตัวเลข ควรทำอย่างไร ก.=MIN(C2:C11) ข.=MIX(C2:C11) ค.=MIN ง.ผิดทุกข้อ MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104

อ้างอิง การคำนวณ และฟั งก์ชั่น https://sites.google.com/site/krutoonexcel/

MICROSOFT EXCEL 2019 [email protected] | 080-5469104