Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวอย่าง งานวิจัย อบรม

ตัวอย่าง งานวิจัย อบรม

Published by Nathaphop Tala, 2022-01-10 06:02:09

Description: ตัวอย่าง งานวิจัย อบรม

Search

Read the Text Version

1 เอกสารการประชมุ ปฏิบตั กิ ารการเขยี นรายงานการวจิ ัย แบบฝกึ หัดรายงานวจิ ยั 5 บท (ฉบับย่อ) เรอ่ื ง การพฒั นาชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธุ์ของพชื ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนปา่ งิ้ววิทยา โดย ปรานอม จรเกตุ ผูอ้ านวยการโรงเรียนป่างวิ้ วทิ ยา

2 สว่ นนา 1.บทคัดยอ่ 2.กิตติกรรมประกาศ 3.สารบัญ 3.1 สารบญั เรอ่ื ง 3.2 สารบัญตาราง 3.3 สารบัญตาราง 3.4 สารบัญภาคผนวก

3 บทคัดยอ่ ชือ่ ผลงาน : การพฒั นาชดุ การสอน กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ งการดารงพันธขุ์ องพชื ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนป่างิ้ววทิ ยา ผู้ศึกษา : นางปรานอม จรเกตุ ปีการศึกษา : 2562 การศกึ ษาในคร้งั น้ีมีวตั ถุประสงค์คือ 1) เพ่อื พฒั นาและหาประสิทธิภาพของชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธุ์ของพืช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษา ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรยี นจาก การจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธ์ุของพืชชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการสอนกลุ่มสาระ การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ งการดารงพันธุ์ของพชื ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ประชากรได้แกน่ กั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียน ท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 โรงเรียนป่าง้ิววิทยา สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 2 จานวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ใน การศกึ ษาครง้ั นไ้ี ด้แก่ ชดุ การสอน คูม่ ือการใช้ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อ ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ที่วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืช ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ คา่ เฉลี่ย ร้อยละและคา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบวา่ 1. ประสทิ ธภิ าพรวมของชดุ การสอนกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื งการดารงพนั ธ์ขุ องพืช ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 มคี า่ ประสทิ ธิภาพ E1 / E2 = 86.61/88.57 ซง่ึ สงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ทีต่ ง้ั ไว้ 2. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรยี นทจี่ ัดกิจกรรมการเรียนร้โู ดยใช้ชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เร่อื งการดารงพันธขุ์ องพชื ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 พบวา่ หลังการจัดการเรียนรู้สงู กวา่ ก่อนการจดั การเรยี นรู้ 3. ความพึงพอใจตอ่ ชดุ การสอน กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพนั ธุ์ ของพืช ช้ัน ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ

4 บทท่ี 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา วทิ ยาศาสตรม์ บี ทบาทสาคัญยงิ่ ในสงั คมโลกปจั จุบนั และอนาคตเพราะวทิ ยาศาสตร์เก่ยี วข้องกบั ชีวติ ของทกุ คนทาให้พฒั นาวิธี คิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ มีวิจารณญาณในการคิดมีทักษะท่ีสาคัญในการค้นคว้าหาความรู้มี ความสามารถใน การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบสามารถตดั สินใจใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานท่ีตรวจสอบได้วิทยาศาสตร์เป็น วัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซ่ึงเป็นสังคมแห่งความรู้ (Knowledge Based Society) ทุกคนจึงต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ (Scientific Literacy for All) ในการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ผูเ้ รียนควรได้รับการพัฒนาและสร้างความเข้าใจว่าวิทยาศาสตร์เป็นท้ัง ความรู้และกระบวนการสืบเสาะหาความรู้เรียนทุกคนควรได้รับการกระตุ้นส่งเสริมให้สนใจและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี 2551 : 5) จากสภาพการณ์ดังกล่าวทาให้เกิดการปฏิรูปการศึกษามุ่งให้การศึกษาเป็นเคร่ืองมือสาคัญในการพัฒนาคนและสังคม กล่าวคือคนไทยในอนาคตต้องเป็นคนมองกว้าง มองไกล ใฝ่ดี ใฝ่เรียนรู้ มีคุณธรรม รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกและมี วิจารณญาณทีด่ เี ป็นคนมีคณุ ภาพในสังคม (อารงุ จนั ทวานิช. 2543 : 15) แต่เน่ืองจากอดีตจนถึงปัจจุบันการจัดกระบวนการเรียนการ สอนไม่ เออื้ ตอ่ การพฒั นาคนใหม้ ีลักษณะมองกว้าง คิดไกล ใฝ่ดี ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน เพราะการศึกษาในช้ันเรียนได้ล้อมกรอบตัวเองออกจาก ชมุ ชนและสังคม วธิ ีการเรยี น การสอนยังมุ่งเน้นการถ่ายทอดเนื้อหาวิชามากกว่าการเรียนรู้จากสภาพจริงและไม่เน้นกระบวนการท่ีให้ นกั เรียนได้พัฒนาการคดิ วิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็น การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง (รพีพรรณ เอกสุภาพันธ์. 2541 : 14) เพื่อให้ สอดคลอ้ งกับการปฏิรปู การศึกษาตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยเฉพาะหมวด 4 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 22 ระบวุ ่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่านักเรียนทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง ให้ถือว่านักเรียนมีความสาคัญที่สุด กระบวนการ จดั การศึกษาตอ้ งส่งเสริมใหน้ ักเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ศกั ยภาพ มาตรา 24 ระบุว่ากระบวนการเรียนรู้ต้องจัดเน้ือหา กจิ กรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและความแตกต่างของนักเรียนฝึกทักษะกระบวนการคิดการจัดการเผ ชิญสถานการณ์ ประยกุ ตใ์ ชใ้ หน้ ักเรยี นเรียนรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ ฝึกการปฏิบตั ิให้ทาได้คดิ เป็นทาเปน็ รวมทง้ั ปลกู ฝังคุณธรรมค่านยิ มและคณุ ลักษณะท่ี พึงประสงค์ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนอานวยความสะดวกให้นักเรียนได้เกิด การเรียนรู้เพ่ือนาไปสู่ เปา้ หมายของการเปน็ คนดี คนเก่ง มีความสุข กระบวนการเรียนรู้ที่นักเรียนสาคัญท่ีสุดเป็นการกาหนดสาระกิจกรรม แหล่งเรียนรู้ ส่ือ การเรียนและการวัดผลประเมินผลทีม่ ุ่งพฒั นาคนให้เกดิ ประสบการณ์เรยี นรู้อย่างเตม็ ความสามารถ สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ ความต้องการของนักเรยี น กจิ กรรมการเรยี นตอ้ งคานงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล ชว่ ยส่งเสรมิ ให้นักเรยี นได้สัมผัสกับส่ิงแวดล้อมท้ัง ท่เี ป็นเพือ่ นมนุษย์และธรรมชาติโดยนักเรียนได้ค้นคว้าทดลองฝึกปฏิบัติ แลกเปล่ียนเรียนรู้และสรุปความคิดเห็นจนค้นพบสาระสาคัญ ของบทเรียน ไดค้ ดิ และวิเคราะห์ สามารถแสดงออกไดอ้ ยา่ งมเี หตุผลโดยมีเปา้ หมายเพ่ือใหน้ ักเรยี นไดร้ จู้ ักใชก้ ระบวน การแสวงหาความรู้ สืบเสาะและสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท. 2551 : 3) กล่าวว่าการเรียน วิทยาศาสตร์เป็นการพัฒนา นักเรียนให้ได้รับทั้งความรู้ กระบวนการและเจตคตินักเรียนทุกคนควรได้รับการกระตุ้นส่งเสริม ให้สนใจ กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ มีความสงสัยเกดิ คาถาม ในสงิ่ ตา่ ง ๆทเี่ ก่ยี วกบั โลกธรรมชาติรอบตัวมีความมุ่งมั่นและมีความสุขที่จะศึกษาค้นคว้าสืบเสาะ หาความรู้เพื่อรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ผลนาไปสู่คาตอบของคาถามสามารถตัดสินใจด้วยการใช้ข้อมูลอย่างมีเหตุผลสามารถสื่อสาร คาถามคาตอบขอ้ มูลและส่งิ ทคี่ น้ พบจากการเรียนรู้ให้ผู้อ่ืนเข้าใจการสอนวิทยาศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพจะช่วยพัฒนาให้เกิดเจตคติต่อ วทิ ยาศาสตรใ์ นตัวนกั เรียน การปลกู ฝังใหน้ ักเรียนมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้สึกต่อการคิดการกระทา และการตัดสนิ ใจในการแสวงหาความร้ทู างวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏเปน็ พฤตกิ รรมได้แก่ ความมีเหตุผล ความอยากรู้อยากเห็น ความเพียร พยายาม ความซื่อสตั ย์ ความละเอียดรอบคอบกอ่ นการตดั สินใจ และใจกวา้ งเต็มใจรบั ฟังความคิดเห็นใหม่ ๆ บุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว นีจ้ ะประสบความสาเร็จในการทางานและสามารถพัฒนาสงั คมไทยให้เป็นสังคมวิทยาศาสตรไ์ ด้ ผลการจดั การศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2561 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใน กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนป่าง้ิววิทยา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศกึ ษาเชยี งราย เขต 2 ปรากฏผลเฉลย่ี รอ้ ยละดังตารางท่ี 1

5 ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีการศึกษา 2559 - 2561 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ปีการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เป้าหมาย (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) 2559 64.53 80.00 2560 63.56 80.00 2561 70.33 80.00 ที่มา : (โรงเรียนปา่ ง้ิววิทยา. 2561 : 5) จากตารางท่ี 1 พบวา่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 ตา่ กว่า เกณฑท์ ี่ทางโรงเรยี นกาหนด หากจาแนกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 แยกตามหน่วยการเรียนรู้ประจาปีการศกึ ษา 2559 - 2561 ปรากฏผลเฉลย่ี รอ้ ยละดังตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จาแนกตามหน่วยการเรยี นรู้ ประจาปกี ารศึกษา 2559 - 2561 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนป่าง้ิววิทยา หนว่ ยการเรยี นรู้ 2559 2560 2561 หนว่ ยที่ 1 การดารงพนั ธขุ์ องสิ่งมีชวี ิต 62.50 62.00 61.00 หนว่ ยที่ 2 วสั ดุและสมบัติของวสั ดุ 63.00 63.50 63.50 หน่วยท่ี 3 แรงและความดนั 61.50 62.00 63.00 หน่วยท่ี 4 เสียงและการไดย้ ิน 62.70 63.00 63.50 หนว่ ยที่ 5 น้า ฟา้ และดวงดาว 63.50 63.75 64.00 หนว่ ยที่ 6 เทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา - 64.26 65.11 ที่มา : (โรงเรียนปา่ งิ้ววิทยา 2561 : 7) จากตารางท่ี 2 พบวา่ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การดารงพันธ์ขุ องสิง่ มชี วี ติ มีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นทตี่ า่ กว่าหนว่ ยการเรียนรู้อ่ืน สาเหตุดังกล่าวได้มีการรายงานสรุปแผนงานวิชาการโรงเรียนป่าง้ิววิทยา อาเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ปีการศึกษา 2561 (โรงเรยี นปา่ งวิ้ วิทยา 2561 : 3) พบว่าสาเหตุท่ีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่ากว่าเกณฑ์ท่ี โรงเรยี นได้กาหนดไวท้ ัง้ นเ้ี กดิ จากปญั หาด้านเทคนิคการสอนของครทู ี่ใช้วธิ ีแบบบรรยาย ไม่ได้ใช้นวัตกรรมทางการศกึ ษาเข้าไปช่วยในการ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ทาให้นักเรยี นเกดิ ความเบอื่ หน่ายในกจิ กรรมการเรยี นรู้ นอกจากนยี้ ังมปี ัญหาที่เกิดจากตัวนักเรียนได้แก่ การขาด ทักษะกระบวน การทางวิทยาศาสตร์และคุณลกั ษณะทแ่ี สดงถึงการมีจิตวิทยาศาสตร์ จากสภาพปัญหาดังกลา่ วจะเหน็ ไดว้ า่ กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสิง่ ทคี่ วรจะไดร้ บั การปรับปรุงและพัฒนา ซ่ึงจาก การศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยท่เี กี่ยวข้องพบวา่ ชดุ การสอนเป็นสอื่ ท่จี ะชว่ ยให้นักเรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ มีความรู้ความ เข้าใจท่ีถูกต้อง ไดร้ ับการพฒั นาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกิดคุณลักษณะท่ีแสดงถึงการมีจิตวิทยาศาสตร์จนสามารถพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นให้สงู ข้นึ นิคม ทาแดง และคณะ (2543 : 113 - 12) สุวิทย์ มูลคา และอรทัย มูลคา (2545 : 51) พัฒนา จันทนา (2545 : 210 - 213) และจากการศึกษางานวิจัยท่ีเก่ียวกับการนาชุดการสอนไปใช้ใน การจัดการเรียนรู้วิชาต่าง ๆพบว่าชุดการสอนเป็นสื่อประสมที่ สอดคล้องกับเน้อื หาวิชาและบทเรยี นที่แบง่ เน้อื หาออกเป็นหนว่ ยยอ่ ย ๆ เน้ือหาท่ีนามาสร้างชุดการสอนได้มาจากขอบข่ายของความรู้ท่ี หลกั สูตรตอ้ งการให้นักเรยี นได้เรยี นรู้ เนื้อหานน้ั ตรงและชดั เจนท่จี ะสื่อความหมายให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมตามเป้าหมายของการเรียน และประสบการณ์ของแต่ละหน่วยมาช่วยในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ ชุดการสอนประกอบการบรรยายหรือชุดการสอน สาหรับครูจะเปลีย่ นบทบาทของครูใหบ้ รรยายนอ้ ยลง ภายในชุดการสอนประกอบด้วยส่อื การสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหา ซึ่งส่ือการสอน จะชว่ ยให้นกั เรยี นได้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้นและมีการประเมินผล เพ่ือประเมินนักเรียนว่าได้เกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมายหรือไม่ และจะแก้ไข ปรบั ปรุงใหก้ ับนักเรียนท่มี ปี ญั หาได้ทนั ที จากเหตุผลดังกลา่ ว ผู้ศึกษา จงึ มีความเหน็ ว่าชุดการสอนสามารถพฒั นาการจดั การเรียนรูไ้ ดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ เอื้อต่อการ ให้นักเรียนได้มีความรู้ มีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ มีทักษะ กระบวนการ มีความเข้าใจในวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี สามารถพัฒนา

6 ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนได้ ผู้ศกึ ษาจึงได้สร้างชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยการดารงพันธ์ุของพืช ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 ขนึ้ วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษา 1. เพ่ือพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรอื่ ง การดารงพันธ์ุของ พชื ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2. เพื่อศกึ ษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรียน จากการจดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชช้ ุดการสอนกล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพันธขุ์ องพชื ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 3. เพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ ชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่อง การดารง พนั ธุ์ของพืช ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ประโยชนข์ องการศกึ ษา 1. ไดช้ ดุ การสอน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพันธ์ุของพืช ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 5 ที่มี ประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2. เป็นแนวทางสาหรบั ครูทีจ่ ะนาไปสร้างชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหนว่ ยอ่ืนๆ เพื่อ พฒั นาการจัดการการเรยี นร้ใู ห้มปี ระสิทธิภาพยิ่งข้นึ 3. นกั เรยี นมีความพงึ พอใจตอ่ ชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรอ่ื ง การดารงพันธุ์ของพืช ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตดา้ นเน้ือหา เนื้อหาวชิ าที่ใชใ้ นการศกึ ษาครงั้ นเี้ ปน็ เนอื้ หากลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 เรอ่ื ง การดารงพนั ธุ์ของพชื ซึง่ เปน็ เน้อื หาตรงตามหลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานพุทธศักราช 2560 นามาพัฒนาเป็น ชุดการสอน แบ่งเน้อื หาออกเป็น 6 ชดุ ชดุ ที่ 1 เรื่อง ส่วนประกอบของดอก ชุดท่ี 2 เร่ือง สว่ นประกอบของเกสรเพศผ้แู ละเกสรเพศเมยี ชุดท่ี 3 เรื่อง การสบื พนั ธ์ขุ องพืชดอก ชุดท่ี 4 เรอื่ ง การขยายพันธุ์พชื ด้วยการปักชาและตอนกง่ิ ชุดท่ี 5 เร่ือง การขยายพันธุ์พืชดว้ ยการติดตาและทาบกงิ่ ชดุ ที่ 6 เร่อื ง ความหลากหลายของพืชในท้องถิ่น 2. ขอบเขตดา้ นประชากร ประชากรท่ใี ช้ในการศกึ ษาครง้ั นี้ คือนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนป่างิว้ วทิ ยา สานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา ประถมศึกษาเชยี งราย เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 จานวน 14 คน 3. ขอบเขตด้านตัวแปร 3.1 ตัวแปรต้น คือ การจดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยการใชช้ ดุ การสอนกลุ่มสาระ การเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพนั ธขุ์ องพชื ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 3.2 ตัวแปรตาม คอื 3.2.1 ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั เรียนจากการจดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้ ชดุ การสอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื ง การดารงพันธุข์ องพืช ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 3.2.2 ความพงึ พอใจของนกั เรียนต่อชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่ือง การดารง พันธ์ุของพชื ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 5

7 4. ระยะเวลาทใี่ ช้ ดาเนินการศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โดยทาการทดลองจดั การเรยี นรู้ตัง้ แตว่ ันท่ี 21 เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงวนั ท่ี 23 เดอื นกรกฎาคม 2562 รวมระยะเวลา 18 ชว่ั โมง กรอบแนวคดิ ในการศึกษา แผนภมู ทิ ่ี 1 กรอบแนวคดิ ในการศกึ ษา การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี น โดยการใช้ชุดการสอน ความพงึ พอใจของนกั เรียน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเรอ่ื ง การดารงพนั ธ์ุ ของพืช ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5 สมมตฐิ านของการศกึ ษา 1. ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธ์ขุ องพชื ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 มี ประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ทก่ี าหนด 80/80 2. นักเรียนมีสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ ชุดการสอนกลุ่ม สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ งการดารงพนั ธุข์ องพชื ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 สูงกว่าก่อนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 3. นักเรียนมคี วามพึงพอใจในระดับมากต่อชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่อง การดารงพันธ์ุ ของพืช ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 1. ชดุ การสอน หมายถงึ ชดุ การสอนกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธ์ุของพืช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ท่ีการวางแผนการเรียนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ส่ือประสมที่ผลิตขึ้นอย่างเป็นระบบ ซ่ึงมีความ สมบรู ณ์เบด็ เสรจ็ ในชดุ การสอนแต่ละชุดและในชุดการสอนประกอบด้วยแผนภูมิแสดงขั้นตอนการเรียนรู้ด้วยชุดการสอน จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลังเรียน บัตรคาสั่ง บัตรกิจกรรม บัตรเนื้อหา บัตรบันทึก กิจกรรม แบบประเมินพฤติกรรมกลุ่ม เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี นมีจานวนท้งั หมด 6 ชุด 2. คมู่ ือการใชช้ ดุ การสอน หมายถงึ เอกสารคู่มอื สาหรับครทู ่ใี ช้ค่กู บั ชุดการสอน ประกอบดว้ ยคาชีแ้ จงในการใชช้ ดุ การสอน แผนการจดั การเรยี นรู้ บัตรคาสัง่ บัตรเน้ือหา บัตรกจิ กรรม บตั รบนั ทกึ กิจกรรม บัตรเฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน และเฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลังเรียน 3. ประสทิ ธภิ าพชดุ การสอน หมายถึง ระดับประสิทธภิ าพของชุดการสอน กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธ์ขุ องพชื ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ท่ีช่วยให้นักเรียนเกิด การเรียนรู้สามารถทาคะแนนได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 มี ความหมาย ดงั นี้ 80 ตัวแรก หมายถึง ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการเรียนโดยคิดเป็นร้อยละของคะแนนเฉล่ียจากการทาแบบฝึกหัดระหว่าง เรยี นในแตล่ ะชุด 80 ตัวหลงั หมายถงึ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์โดยคิดเปน็ ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยจากการทาแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียน 4. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น หมายถงึ ผลทไ่ี ดจ้ ากการวดั ความรู้และประเมินทักษะ การปฏิบตั กิ จิ กรรมของนกั เรียนทเี่ กดิ จาก การเรยี นรู้ โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิก์ ารเรยี นทผี่ ู้สอนสรา้ งขนึ้ และได้ผา่ นการตรวจสอบคณุ ภาพความตรง อานาจจาแนก ความยาก ง่ายและความเชอื่ มั่นตามเกณฑท์ ีก่ าหนด

8 5. แบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น หมายถงึ เครอื่ งมือที่ใชว้ ัดความรู้กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพันธุ์ของพืช ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 เปน็ แบบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 30 ขอ้ ใช้ทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น 6. ความพึงพอใจ หมายถึง ความรสู้ กึ ในทางท่ีดีทม่ี ตี อ่ การเรยี นรดู้ ว้ ยชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพนั ธขุ์ องพืช ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 สามารถวัดได้จากแบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรียนต่อชดุ การสอนท่ี ผู้ศกึ ษาสร้างขนึ้

9 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี เอกสารงานวิจัยท่ีเกยี่ วขอ้ ง การพัฒนาชดุ การสอน กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพนั ธ์ขุ องพชื ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ียวข้องต่าง ๆ เพ่อื เปน็ ข้อมลู ประกอบการจัดกิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ดงั ต่อไปนี้ 1. โครงสร้างของกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. การจัดสาระการเรียนรูก้ ลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.1 เป้าหมายของการจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.2 คุณภาพของผเู้ รียน 2.3 แนวทางการจดั การเรยี นรูก้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. ชดุ การสอน 3.1 ความหมายของชดุ การสอน 3.2 แนวคิดและหลักการของชดุ การสอน 3.3 ประเภทของชดุ การสอน 3.4 ชดุ การสอนประกอบการบรรยาย 3.5 องค์ประกอบชุดการสอน 3.6 การสรา้ งชดุ การสอน 3.7 คุณคา่ และประโยชน์ของชดุ การสอน 3.8 การเขยี นแผนการจดั การเรยี นรสู้ าหรบั ชุดการสอน 3.9 ส่ือการสอน 3.10 การวดั ผลประเมินผล 3.11 คู่มือการใช้ชุดการสอน 3.12 การทดสอบประสิทธิภาพของชดุ การสอน 3.13 การกาหนดเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพของชดุ การสอน 3.14 วธิ ีการคานวณหาประสิทธิภาพของชุดการสอน 4. ความพึงพอใจ 5. งานวจิ ัยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง โครงสร้างของกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2560 กาหนดสาระและมาตรฐานการเรยี นรู้เป็นเกณฑ์ในการกาหนดคุณภาพของ นักเรยี นเม่ือเรยี นจบการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานซึ่งกาหนดใชเ้ ฉพาะสว่ นท่ีจาเป็นสาหรับพื้นฐานในการดารงชีวิตให้มีคุณภาพสาหรับสาระและ มาตรฐานการเรียนรู้ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจของนักเรียนสถานศึกษาสามารถพัฒนาและเพ่ิมเติมได้สาระและ มาตรฐานการเรยี นรู้กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานมีรายละเอียด ดังน้ี (กระทรวงศึกษาธิการ. 260 : 14 - 16) 1. สาระทเี่ ป็นองคค์ วามร้ขู องกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบดว้ ย 4 สาระ ดังน้ี สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท้ัง 4 สาระมี รายละเอยี ดดังน้ี สาระที่ 1 : วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิต กับส่ิงมีชีวิต และความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ

10 ประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม รวมท้งั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องส่ิงมีชวี ติ หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ความสัมพันธ์ ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของระบบต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ่ีทางานสัมพนั ธก์ นั ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าท่ี ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพนั ธก์ ัน รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การ เปล่ยี นแปลงทางพนั ธุกรรมท่มี ีผลตอ่ สิง่ มชี ีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโย ชน สาระท่ี 2 : วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของ สสารกับโครงสร้างและแรง ยดึ เหนย่ี วระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาติ ของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจาวัน ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลักษณะ การเคลอ่ื นทีแ่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถรุ วมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน มาตรฐาน ว 2.3 ขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหว่างสสารและ พลงั งาน พลังงานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาติ ของคลืน่ ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้งั นาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน สาระท่ี 3 : วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบ สรุ ิยะ รวมทัง้ ปฏสิ ัมพนั ธภ์ ายในระบบสุริยะ ทส่ี ง่ ผลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสมั พนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณพี บิ ัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศโลก รวมท้ังผลตอ่ สิ่งมชี ีวิตและส่งิ แวด สาระท่ี 4 : เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พ่อื การดารงชวี ิตในสังคมทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลง อย่างรวดเรว็ ใช้ความรู้และ ทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และ ศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ระบบ ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม การจัดสาระการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตรเ์ ป็นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้หลักในโครงสร้างหลักสตู รการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) ท่ี มคี วามสาคญั อย่างย่ิงในการวางรากฐานการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนักเรียนแต่ละระดับชั้นให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงต้ังแต่ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาความคิดมีทักษะท่ีสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วย กระบวนการสืบเสาะหาความรสู้ ามารถแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบมรี ายละเอียดของการจดั สาระการเรียนรู้ ดังนี้ (กรมวิชาการ. 2560 : 3 – 12) เปา้ หมายของการจัดการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผูเ้ รียนได้คน้ พบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้งกระบวนการและความรู้ จากวธิ ีการสงั เกต การสารวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนาผลท่ีได้ มาจัดระบบเป็นหลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ การจัดการเรียน การสอนวทิ ยาศาสตร์จึงมเี ปา้ หมายทสี่ าคญั ดังนี้ 1. เพือ่ ให้เขา้ ใจหลักการ ทฤษฎแี ละกฎทเ่ี ป็นพ้นื ฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจากดั ในการศกึ ษา วิชาวิทยาศาสตร์ 3. เพอ่ื ให้มีทกั ษะท่ีสาคัญในการศกึ ษาค้นควา้ และคิดค้นทางเทคโนโลยี 4. เพ่ือใหต้ ระหนักถึงความสัมพันธร์ ะหวา่ งวิชาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีมวลมนษุ ย์ และสภาพแวดล้อมในเชิงท่ีมีอิทธิพลและ ผลกระทบซง่ึ กนั และกัน 5. เพือ่ นาความรูค้ วามเขา้ ใจ ในวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ต่อสังคมและการดารงชีวิต

11 6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และ การจัดการ ทักษะในการสื่อสาร และ ความสามารถในการตัดสนิ ใจ 7. เพื่อใหเ้ ป็นผู้ท่มี ีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มในการใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ คุณภาพของนกั เรยี น จบช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 ❖ เขา้ ใจโครงสรา้ ง ลักษณะเฉพาะการปรับตวั ของสิ่งมีชวี ิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของ สิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ การทาหน้าท่ี ของสว่ นต่าง ๆ ของพชื และการทางานของระบบย่อยอาหาร ของมนษุ ย์ ❖ เข้าใจสมบัติและการจาแนกกล่มุ ของวัสดุ สถานะและการเปล่ยี นสถานะของสสาร การละลาย การเปล่ียนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงท่ีผันกลับได้และผันกลับไมไ่ ด้และการแยกสาร อย่างงา่ ย ❖ เข้าใจลกั ษณะของแรงโนม้ ถว่ งของโลก แรงลัพธแ์ รงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและ ผลของแรงตา่ ง ๆ ผลที่เกิดจากแรงกระทา ตอ่ วตั ถคุ วามดัน หลักการทม่ี ตี ่อวัตถุวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณ์เบ้อื งตน้ ของเสยี ง และแสง ❖ เขา้ ใจปรากฏการณ์การขนึ้ และตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏ ของดวงจันทร์องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ความแตกต่างของ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์การข้ึนและตกของกลุ่มดาวฤกษ์การใช้แผนท่ีดาว การเกิดอุป ราคา พัฒนาการและประโยชนข์ องเทคโนโลยีอวกาศ ❖ เข้าใจลักษณะของแหลง่ น้า วัฏจักรน้า กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าคา้ ง น้าคา้ งแข็ง หยาดน้าฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหนิ การใช้ประโยชน์หนิ และแร่ การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพก์ ารเกดิ ลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณพี บิ ตั ิภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณเ์ รือนกระจก ❖ ค้นหาขอ้ มลู อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและประเมินความน่าเช่ือถอื ตัดสินใจเลอื กข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการทางานร่วมกนั เข้าใจสิทธิและหนา้ ทขี่ องตน เคารพสิทธิของผอู้ ่ืน ❖ ตงั้ คาถามหรือกาหนดปญั หาเกี่ยวกับส่ิงท่จี ะเรยี นร้ตู ามท่กี าหนดใหห้ รือตาม ความสนใจ คาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสอดคล้องกับคาถามหรือปัญหา ที่จะสารวจตรวจสอบ วางแผนและสารวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ ท่ีเหมาะสม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลทง้ั เชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ ❖ วเิ คราะห์ข้อมลู ลงความเหน็ และสรุปความสมั พันธข์ องขอ้ มูลที่มาจากการ สารวจตรวจสอบในรูปแบบท่ีเหมาะสม เพ่ือ สือ่ สารความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ งมี เหตผุ ลและหลักฐานอา้ งอิง ❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งม่ัน ในสิ่งท่ีจะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เก่ียวกับ เรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง ยอมรับในขอ้ มูลที่มี หลักฐานอ้างองิ และรบั ฟังความคิดเหน็ ผู้อื่น ❖ แสดงความ รับผิดชอบด้วยการทางานที่ได้ รับมอบหมายอย่างมุ่งม่ัน รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์จนงานลุล่วงเป็น ผลสาเร็จ และทางานร่วมกบั ผู้อืน่ อย่างสร้างสรรค์ ❖ ตระหนักในคณุ ค่าของความรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีใช้ความรู้และ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต แสดงความชนื่ ชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงาน ของผู้คิดค้นและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทาโครงงานหรือช้ินงานตามท่ีกาหนดให้ หรอื ตามความสนใจ ❖ แสดงถงึ ความซาบซง้ึ ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกยี่ วกบั การใช้การดูแลรักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรู้ คณุ ค่า ชดุ การสอน ความหมายของชุดการสอน ชุดการสอนเปน็ นวัตกรรมทางการศกึ ษาอย่างหน่งึ ท่ีเข้ามามีบทบาทต่อการศึกษา ชดุ การสอนในภาษาองั กฤษใชช้ อื่ ต่างๆ กนั เช่น Learning Packages หรอื Teaching Packages หรือ Instructional Packages หรอื Instructional Kits ซ่ึงนักการศกึ ษาไดใ้ ห้ ความหมายของชดุ การสอนไว้ดังน้ี ชัยยงค์ พรหมวงศ์และคณะ (2540 : 90) กลา่ ววา่ “ชุดการสอน คือระบบการนาสอ่ื แบบประสมที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชา และประสบการณข์ องแตล่ ะหน่วย มาชว่ ยในการเปลีย่ นพฤติกรรมการเรยี นรูข้ องเดก็ ใหบ้ รรลจุ ดุ มุ่งหมาย”

12 สวุ ิทย์ มูลคาและอรทยั มูลคา (2545 : 51)ไดก้ ลา่ วว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน เป็นกระบวนการเรียนรู้จากชุด การสอนเปน็ ส่ือการสอนชนิดหนงึ่ ทีเ่ ป็นลกั ษณะของสอ่ื ประสม (Multi-media) เป็นการใช้ส่ือตั้งแต่สองชนิดข้ึนไปร่วมกันเพื่อให้นักเรียน ได้รับความรทู้ ีต่ ้องการโดยอาจจัดข้ึนสาหรบั หนว่ ยการเรียนตามหัวขอ้ เนอื้ หาและประสบการณ์ของแต่ละหน่วยทต่ี ้องการจะให้นักเรียนได้ เรียนรูอ้ าจจดั เอาไวเ้ ป็นชดุ ๆ บรรจุในกลอ่ งซองหรอื กระเป๋าชุดการสอนแต่ละชุดประกอบด้วยเน้ือหาสาระบัตรคาสั่ง/ ใบงานในการทา กิจกรรม วัสดุอุปกรณ์ เอกสาร/ใบความรู้ เครอื่ งมือหรือส่อื ทจ่ี าเปน็ สาหรับกิจกรรมตา่ งๆ รวมทัง้ แบบวัดประเมินผลการเรียนรู้ พัฒนา จนั ทนา (2545 : 210 - 213) กลา่ วว่า ชุดการสอนคือชุดสือ่ ประสมทมี่ กี ารจัดเตรียมเนื้อหาวิชาอยา่ งเป็นระบบบรรจุ ไวเ้ ป็นกล่องหรือซองภายในชดุ การสอนประกอบด้วยคู่มอื การใช้ชดุ การสอนมบี ตั รคาส่งั บตั รเนือ้ หา บัตรคาตอบ บตั รเฉลย และ แบบสอบถามก่อนเรยี นหลงั เรยี น จริ าภรณ์ ตรยี าพนั ธ์ (2540 : 8)ไดใ้ ห้ความหมายของชดุ การสอนว่าคือโปรแกรมทางการสอนที่จัดไว้โดยมีส่ืออุปกรณ์ที่ใช้ใน การเรียนการสอน คู่มือครู จุดมุ่งหมายของการเรยี น เน้ือหา กิจกรรมการเรยี น แบบทดสอบท่จี ัดไว้อย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือชุดการ สอนน้ีนักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเองและชุดการสอนเป็นชุดของส่ือประสมสร้างข้ึนเพื่อช่วยเหลือครูให้สามารถสอนได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพชุดการสอนนีอ้ าจจะอยใู่ นกลอ่ งหรือซองและบางครง้ั จะประกอบด้วยส่ิงของหลายอย่างเช่น ภาพ แผ่นโปร่งใส ฟิล์มสตริป ภาพเหมือน โปสเตอร์ สไลด์ แผนภูมิ บางชุดอาจประกอบด้วยแผ่นโปร่งใสเพียงอย่าง เดียวบางชุดอาจเป็นโปรแกรมที่มี บัตรคาสงั่ ให้นักเรียนเรียนด้วยตนเอง สรุปได้วา่ ชุดการสอนเปน็ สื่อการสอนทมี่ งุ่ ให้นกั เรยี นไดค้ น้ ควา้ หาความร้ดู ว้ ยตนเองมกี ารใชก้ ระบวนการกลุม่ นกั เรียน สามารถรบั ขอ้ มลู ย้อนกลับอยา่ งฉบั พลนั ครไู ด้ทราบผลการเรยี น และความสาเร็จในการเรียนของนกั เรยี นทนั ทีทาให้สามารถปรบั ปรงุ ซ่อมเสริมนกั เรยี นในรายที่มปี ัญหาได้ทันทชี ุดการสอนจึงเป็นนวัตกรรมทีช่ ่วยสง่ เสริมการเรียนการสอนให้มปี ระสทิ ธภิ าพเป็นอย่างดี แนวคิดและหลกั การของชุดการสอน แนวคดิ และหลกั การที่นาไปสู่การผลติ ชุดการสอนเพือ่ ใชใ้ นระบบการศกึ ษาสรปุ ได้ดังนี้ ภพ เลาหะไพบลู ย์ (2542 : 85) ไดใ้ ห้ขอ้ ควรพจิ ารณาในการสร้างชุดการสอนไว้ดังน้ี 1. ทฤษฎคี วามแตกตา่ งระหว่างบุคคล นกั การศึกษาไดน้ าหลกั จิตวทิ ยามาใช้ในการเรยี นการสอนโดยคานึงถึงความต้องการ ความถนัด และความสนใจของนกั เรยี นเป็นสาคญั 2. การนาเอาสอ่ื ประสมมาใช้ หมายถงึ การนาเอาส่อื การสอนหลาย ๆอย่างมาสมั พันธ์กันและมคี ณุ ค่าทีส่ ่งเสริมซง่ึ กันและ กนั อยา่ งมรี ะบบส่อื การสอนอย่างหนง่ึ อาจใช้เพ่อื เร้าความสนใจในขณะทสี่ ือ่ การสอนอกี อย่างหน่งึ ใช้เพ่อื อธบิ ายข้อเท็จจริงของเนือ้ หา และอีกอย่างหนึ่งอาจใชเ้ พอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจทล่ี ึกซ้งึ การใช้สอ่ื ประสมจะช่วยใหน้ กั เรยี นมปี ระสบการณจ์ ากประสาทสัมผัสท่ีผสมผสาน ให้นักเรยี นได้คน้ พบวิธกี ารทีจ่ ะเรียนในสิ่งท่ีต้องการไดด้ ้วยตนเองมากย่ิงขึ้น 3. การเอากระบวนการกลุม่ มาใช้ เดิมน้นั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งครแู ละนักเรียนในห้องเรียนมีลกั ษณะเปน็ ทางเดยี ว กล่าวคือ ครูเปน็ ผนู้ าและนักเรียนเป็นผ้ตู ามและแสดงความคิดเห็นอยา่ งเสรนี กั เรียนไมม่ ีโอกาสฝกึ ฝนการทางานร่วมกนั เป็นหมคู่ ณะฝกึ ฟงั และ เคารพความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื แนวโนม้ ในปัจจุบนั และในอนาคตกระบวนการเรียนรจู้ ะตอ้ งนากระบวนการกลมุ่ สัมพนั ธ์มาใช้ซงึ่ มกี ารเปิด โอกาสให้นักเรยี นได้ประกอบกิจกรรมร่วมกัน 4. ทฤษฎีการเรียนรู้ ยึดหลกั จิตวิทยาการเรยี นรซู้ ึ่งหมายถงึ การเรียนการสอนที่เปดิ โอกาสให้นกั เรยี นเข้าร่วมกจิ กรรมการ เรยี นดว้ ยตนเอง ทราบผลการเรยี นของตนทนั ทีมีการเสริมแรง อันจะทาใหน้ ักเรยี นกระทาพฤตกิ รรมนน้ั ซา้ ๆ หรือหลีกเล่ยี งไม่กระทา ได้ เรยี นรูไ้ ปทีละขัน้ ตามความสามารถและความสนใจของนักเรยี นเอง 5. การนาเอาวิธีวเิ คราะห์ระบบ (Systems Approach) มาใชใ้ นการเรยี นการสอนซึ่งแตกตา่ งไปจากการทาโครงการสอนใน ปจั จุบันตรงทว่ี า่ ชุดการสอนมกี ารจดั เนอื้ หาวิชาใหส้ อดคล้องกับสภาพแวดลอ้ มและวยั ของนกั เรยี น รายละเอียดต่างๆ ได้นาไปทดลอง ปรบั ปรงุ จนมีคุณภาพเช่ือถอื ไดแ้ ล้วจงึ นามาใช้ ซง่ึ มกี ารเสนอแนะการสอนสาหรับครู ตงั้ แต่จดุ มุ่งหมายเชงิ พฤตกิ รรม ขั้นตอนการจดั กิจกรรม สอ่ื การสอน ตลอดจนเครื่องมือและวิธีการประเมนิ ผลทุกส่ิงทกุ อยา่ งในระบบจะต้องสรา้ งขึ้นเป็นรูปแบบบูรณาการมคี วาม เกอื้ กูลและสอดคล้องกันเป็นอย่างดี ชยั ยงค์ พรหมวงศ์และคณะ (2540 : 102 - 135) ได้กล่าวถงึ แนวคดิ การสรา้ งชุดการสอนไว้ดังน้ี แนวคิดที่ 1 เป็นแนวคิดเก่ียวกับทฤษฎีความแตกต่างระหว่างบุคคลตามหลักจิตวิทยานักเรียนมี ความแตกต่างกันในด้าน ต่างๆ อาทิ ความสามารถ สติปัญญา ความตอ้ งการ ความสนใจ ร่างกาย อารมณ์ สังคมและอื่นๆ ดังน้ันนักการศึกษาได้นาหลักจิตวิทยา มาประยกุ ต์ใชใ้ นการเรยี นการสอนโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียนซ่ึงวิธีการท่ีเหมาะสมท่ีสุดคือการจัดการศึกษา

13 ตามเอกัตภาพโดยให้โอกาสนกั เรยี นมอี ิสระในการเรียนตามสติปัญญาความสามารถและความสนใจของตนเองตามกาลังความสามารถ ของนักเรยี นแตล่ ะคน แนวคดิ ที่ 2 เปน็ แนวคิดที่พยายามท่ีจะเปล่ยี นการเรยี นการสอนจากแบบเดิมท่เี คยยดึ ครูเปน็ แหลง่ ความรู้หลัก มาเป็นการจัด ประสบการณ์ใหน้ กั เรียนดว้ ยการใชแ้ หล่งความร้จู ากสอ่ื การสอนแบบตา่ งๆ ซง่ึ ประกอบด้วยวสั ดุ อุปกรณ์ และวธิ ีการนาส่ือการสอนมาใช้ จะต้องจดั ให้ตรงเนอ้ื หา และประสบการณ์ตามหน่วยการสอนของวิชาตา่ งๆ โดยนิยมจดั ในรปู ของชดุ การสอนการเรยี นดว้ ยวธิ นี ี้ครูจะช่วย ถา่ ยทอดความรู้ให้แกน่ ักเรียนเพยี งหนึ่งในสามของเนอื้ หาทงั้ หมด ส่วนอกี สองในสามนักเรียนจะศกึ ษาด้วยตนเองจากครเู ตรียมไว้ให้ในรูป ของชุดการสอนและทค่ี รผู ูส้ อนช้ีทางให้ แนวคดิ ที่ 3 เป็นแนวคดิ ในเรือ่ ง การใช้สือ่ การสอนตา่ งๆ ได้เปลีย่ นและขยายตัวออกไป แต่เดิมน้ันการผลิตและการใช้สื่อการ สอนมกั ออกมาในรูปตา่ งคนตา่ งผลิต ต่างคนตา่ งใช้ เป็นส่ือเด่ยี ว ๆ มไิ ดม้ กี ารจัดระบบการใช้สื่อหลายอย่างมาผสมผสานกันให้เหมาะสม และใช้เป็นแหลง่ ความรู้สาหรับนักเรียน แทนการใชค้ รเู ป็นผ้ถู ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนตลอดเวลา แนวโน้มใหม่จึงเปน็ การผลิตสื่อการ สอนแบบประสมใหเ้ ป็นชดุ การสอน อนั จะมีผลต่อการใช้สอื่ “เพ่ือช่วยครูสอน” คือครูเป็นผู้หยิบใช้อุปกรณ์ต่างๆ มาเป็นการใช้สื่อการ สอน “เพื่อชว่ ยนกั เรียนเรียน” คือให้นักเรียนหยิบและใช้ส่อื การสอนตา่ งๆ ดว้ ยตวั ของนกั เรยี นเองโดยอยู่ในรปู ชุดการสอน แนวคิดท่ี 4 เป็นแนวคดิ ท่พี ยายามจะสร้างปฏสิ มั พนั ธใ์ หเ้ กิดขึ้นระหว่างครูกับนกั เรยี น นักเรียนกับนักเรียน และนักเรียนกับ สภาพแวดล้อม เดิมนั้นความสมั พนั ธ์ระหวา่ งครูกับนักเรียนในห้องเรยี นมีลักษณะเปน็ ทางเดยี ว คือครูเป็นผู้นาและนักเรียนเป็นผู้ตาม ครู มิไดเ้ ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นอยา่ งเสรี นกั เรยี นจะมโี อกาสพดู ก็ต่อเมื่อครูให้พูด การตัดสินใจของนักเรียนส่วนใหญ่มักจะ ตามครู นักเรยี นเปน็ ฝ่ายเอาใจครมู ากกว่าครูเอาใจนักเรียน ในส่วนท่ีเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับนักเรียนในห้องเรียนน้ั น แทบจะไม่มีเลย เพราะครสู ว่ นใหญไ่ ม่ชอบนักเรยี นคุยกัน นักเรยี นจึงไมม่ โี อกาสฝึกฝนทางานร่วมกันเป็นหมู่คณะ และเช่ือฟังและเคารพ ความคิดของผูอ้ น่ื เม่อื เตบิ โตจึงทางานรว่ มกันไมไ่ ด้ นอกจากนป้ี ฏกิ ริ ิยาสัมพันธร์ ะหวา่ งนักเรียนกับสภาวะแวดล้อมก็ขึ้นอยู่กับเพียงชอล์ก และแบบเรียนในหอ้ งสเ่ี หลีย่ มแคบๆ หรือในบรเิ วณอันไมค่ อ่ ยสวยงามนกั ครไู มเ่ คยพานักเรยี นออกไปสู่สภาพภายนอกโรงเรียน การเรียน การสอนจึงจัดอยู่เพียงในห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ แนวโน้มในปัจจุบันและอนาคตของกระบวนการเรียนรู้จึงต้องนากระบวนการกลุ่ม สัมพนั ธม์ าใชใ้ นการเปดิ โอกาสให้นักเรียนได้ประกอบกิจกรรมร่วมกันทฤษฎีกระบวน การกลุ่มจึงเป็นแนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่ง นามาสกู่ ารจัดระบบการผลิตส่ือการสอนออกมาในรูปของชดุ การสอน แนวคิดที่ 5 แนวคิดที่ยึดหลกั จิตวิทยาการเรียนมาจัดสภาพส่งิ แวดลอ้ มการเรยี นรโู้ ดยจัดสภาพการณ์ออกมาเป็นการสอน แบบโปรแกรม ซ่ึงหมายถึงระบบการเรียนการสอนที่เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี น 1. ไดเ้ ข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นการสอนด้วยตนเอง 2. มีทางทราบวา่ การตดั สินใจหรือการปฏิบตั ิงานของตนถูกหรือผิดอย่างไร 3. มกี ารเสรมิ แรงบวกท่ที าใหน้ กั เรยี นภาคภูมใิ จทีไ่ ด้ทาถูกหรอื คดิ ถกู อนั จะทาให้พฤตกิ รรมนั้นซ้าอีกในอนาคต 4. ได้เรียนรู้ไปทีละข้ันตามความสามารถและความสนใจของนักเรียนเองโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับการจัดสภาพการณ์ที่ เอือ้ อานวยต่อการเรียนรู้ตามนัยดังกล่าวจะต้องมีเครื่องมือช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมายปลายทางโดยการจัดการสอนแบบโปรแกรมในรูป กระบวนการและใชช้ ดุ การสอนเป็นเครอ่ื งมอื สาคัญแบ่งออกเปน็ 4 ข้ันตอน คือ ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์เนือ้ หา ขั้นท่ี 2 การวางแผนการสอน ข้นั ที่ 3 การผลติ สื่อการสอน ขน้ั ท่ี 4 การทดสอบประสิทธิภาพของชดุ การสอน สนุ นั ท์ สงั ข์ออ่ ง (2546 : 134) ได้กล่าวถงึ แนวคดิ ในการผลิตชดุ การสอนไว้ ดังนี้ 1. เน่อื งจากนักเรียนมคี วามแตกตา่ งกันในทกุ ๆ ดา้ น การทีจ่ ะสอนดว้ ยวิธีแบบเดมิ จึงไมอ่ าจสนองความแตกต่างของนกั เรียน ได้ 2. ปจั จุบันการใหก้ ารศกึ ษาไดเ้ น้นทน่ี กั เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรยี น (Student Centered) ไมใ่ ช่เน้นท่ีครเู ปน็ ศนู ยก์ ลาง 3. การใช้โสตทศั นปู กรณ์ไดเ้ ปล่ยี นแปลงมาเป็นรปู ของสอ่ื การสอน 4. ปฏกิ ิรยิ าสัมพนั ธ์ (Interaction) ของครูและนักเรยี นตา่ งไปจากเดิม 5. กระบวนการเรยี นการสอนยึดหลกั จติ วิทยาการเรยี นรู้มาสนบั สนนุ เช่น การใช้ แรงเสรมิ การเรียนตามลาดับข้นั การถา่ ย โยงการเรยี นรู้

14 จากแนวความคดิ และหลกั การทน่ี าไปส่กู ารสรา้ งชุดการสอน จะเห็นได้ว่าชุดการสอนเปน็ สื่อการสอนท่ีสร้างขน้ึ โดยคานึงถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ความถนัดและความสนใจของนกั เรยี น เนอ้ื หาวชิ าภายในชดุ การสอนจะสอดคล้องกบั สภาพและวยั ของ นกั เรยี น ซง่ึ ครูผูส้ อนได้จดั ทาไว้ล่วงหน้าเพื่อใช้สอนนกั เรียน โดยยึดนักเรยี นเปน็ ศนู ย์กลางในการเรียนการสอนและเปน็ การช่วยให้ นกั เรียนเกดิ การเรยี นรู้ทมี่ ปี ระสิทธภิ าพและบรรลจุ ุดม่งุ หมายของหลกั สตู ร ประเภทของชุดการสอน ชดุ การสอนเปน็ ชดุ ของสอื่ ประสมทม่ี ีการวางแผนการจัดการเรียนการสอนท้ังในด้านเนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอนและ ส่อื การสอนอย่างเป็นระบบ จากการศึกษาค้นควา้ เกยี่ วกับ ชุดการสอนจากเอกสารตา่ งๆ ซ่ึงนักการศึกษาได้แบ่งประเภทของชดุ การสอน ไวต้ า่ งๆ กันดังน้ี กรองกาญจน์ อรณุ รตั น์ (2542 : 194) ได้จาแนกประเภทของชุดการสอนออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. ชดุ การสอนประกอบบรรยายใชส้ าหรับช่วยครูสอนนกั เรยี นเป็นกลุ่มใหญ่เป็นการให้เนอื้ หาและประสบการณท์ ่ีผสู้ อน ตอ้ งการวางพ้นื ฐานให้นักเรียนได้รับพรอ้ มกนั โดยเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนไดเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนบา้ ง 2. ชดุ การสอนแบบกลุม่ ใช้ในการประกอบกจิ กรรมการเรียนของนักเรียนเป็นกลุ่มใน ชุดการสอนมสี ือ่ ไว้ใหส้ มาชิกแต่ละคน ประกอบกจิ กรรมตามคาสัง่ ในศูนย์กจิ กรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในหอ้ งเรยี นทใ่ี ชช้ ุดการสอนแบบกลุ่มคือ “ห้องเรียนแบบศูนยก์ ารเรยี น” ภพ เลาหะไพบลู ย์ (2542 : 98) ได้แบ่งชุดการสอนตามลกั ษณะการใชง้ านแบง่ ได้ เป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 1. ชุดการสอนสาหรบั ครู เป็นชดุ การสอนที่กาหนดกจิ กรรมและส่อื การสอนใหค้ รูใช้ ประกอบการสอน เพอื่ เปลี่ยนบทบาทครูให้พูดน้อยลงและเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนมากขึ้น ชุดการสอน สาหรบั ครูน้จี ะมีเนือ้ หาเพยี งอยา่ งเดียว โดยแบง่ เป็นหวั ข้อทจ่ี ะใหน้ กั เรยี นประกอบกจิ กรรมไวต้ ามขัน้ ตอนหรือลาดับข้ันในการเรียนรู้ สื่อ ทใ่ี ช้อาจเป็นแผนการสอน สไลด์ประกอบ เสียงบรรยายในเทป แผนภูมิ ภาพยนตร์หรือใช้กิจกรรมกลุ่มเพ่ือให้นักเรียนได้อภิปรายตาม ปัญหา และหัวข้อทีค่ รูกาหนดไวเ้ พ่อื ความเรียบรอ้ ยในการใช้ชุดการสอนประเภทนม้ี กั บรรจุในกลอ่ งที่มขี นาดพอเหมาะกับจานวนส่ือการ สอน อยา่ งไรก็ตามหากเปน็ วสั ดุอปุ กรณท์ ่ีมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่และแพงเกินไป อาจแตกหรือเสียได้ง่าย จะไม่ใส่ไว้ใน ชุดการสอน แตจ่ ะกาหนดไว้ในสว่ นทเี่ กย่ี วกับสงิ่ ที่ครูตอ้ งเตรียมล่วงหน้าก่อนสอนใน “คู่มือครู” วัสดุอุปกรณ์เหล่าน้ีนิยมจัดไว้ในห้องปฏิบัติการเช่น หอ้ งปฏบิ ัติการวชิ าการหรือห้องปฏิบตั ิการวิทยาศาสตร์ 2. ชุดการสอนสาหรับกจิ กรรมกลมุ่ เป็นชุดการสอนทม่ี ุ่งเนน้ ตัวนักเรยี นได้ปฏิบตั กิ จิ กรรมรว่ มกนั และจดั การเรยี นในรปู ศนู ย์ การเรียน ชุดการสอนแบบกิจกรรมกลุ่มจะประกอบดว้ ย ชดุ การสอนย่อยท่ีมจี านวนเทา่ กบั ศูนย์ที่แบ่งไว้ในแตล่ ะหนว่ ย ในแตล่ ะศนู ยจ์ ะมี สือ่ การสอนหรือบทเรยี นครบชดุ ตามจานวนที่เรียนในศูนย์กจิ กรรมนัน้ เพ่อื ความสะดวกในการเรยี นอาจจัดในรปู ของการเรยี นรายบุคคล หรือนกั เรยี นทัง้ ศูนยใ์ ชร้ ว่ มกนั ก็ได้ นกั เรียนท่เี รยี นจากชดุ การสอนแบบนี้อาจจะต้องการความช่วยเหลอื จากครูเพยี งเลก็ น้อยในระยะแรก เท่านน้ั หลังจากท่ีนกั เรียนเคยชนิ กบั การเรยี นแบบนีน้ ักเรียนสามารถชว่ ยเหลอื กันไดร้ ะหวา่ งประกอบกจิ กรรมการเรียน หากนกั เรียนมี ปัญหาก็สามารถซักถามครไู ดเ้ สมอ เม่อื จบการเรยี นแต่ละศนู ย์การเรยี นแลว้ นกั เรียนอาจสนใจเรยี นเสรมิ ดว้ ยความรู้อกี ก็ได้ 3. ชดุ การสอนรายบุคคล เปน็ ชดุ การสอนที่จัดระบบขน้ั ตอนเพื่อให้นักเรียนใช้เรียนด้วยตนเองตามลาดับความสามารถของ แตล่ ะบุคคล เม่อื จบการศึกษาแลว้ นักเรียนจะทาการทดสอบประเมนิ ผลความกา้ วหน้าและศกึ ษาตอ่ ไปตามลาดบั แตเ่ ม่อื มปี ัญหานักเรียน จะปรกึ ษาครไู ดใ้ นฐานะผูช้ ี้แนะแนวทางการเรียน ชุดการสอนนี้จัดทาขึ้นเพ่ือส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลให้พัฒนาการ เรียนรู้ของตนองไปได้จนสุดความสามารถโดยไม่ต้องเสียเวลารอผู้อ่ืน ปัจจุบันนี้ชุดการสอนแบบน้ีบางครั้งก็เรียกว่า บทเรียนโมดูล (Module) ชัยยงค์ พรหมวงศ์และคณะ (2540 : 118) ไดจ้ าแนกประเภทของชดุ การสอนออกเป็น 4 ประเภทดงั น้ี 1. ชดุ การสอนประกอบการบรรยาย เป็นชุดการสอนทม่ี ุง่ ช่วยขยายเน้ือหาสาระการสอนใหช้ ัดเจนขนึ้ ชว่ ยใหค้ รผู ู้สอนพูด น้อยลงและใหส้ อ่ื การสอนทาหน้าทีแ่ ทน ชดุ การสอนชนิดนนี้ ยิ มใชก้ บั การฝกึ อบรมและการสอนในระดบั อดุ มศกึ ษาท่ียงั ถอื การสอนแบบ บรรยายยังมีบทบาทสาคัญในการถา่ ยทอดความรแู้ กน่ กั เรียน 2. ชุดการสอนแบบกล่มุ กจิ กรรม เป็นชดุ การสอนทม่ี ุ่งใหน้ ักเรยี นได้ประกอบกจิ กรรมกลุม่ เชน่ ในการสอนแบบศนู ย์การเรยี น การสอนแบบกล่มุ สมั พันธ์ เปน็ ต้น 3. ชดุ การสอนตามเอกัตภาพหรือชุดการสอนรายบุคคล เปน็ ชดุ การสอนทม่ี ุง่ ให้นักเรียนสามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ความแตกตา่ งระหว่างบุคคลอาจเป็นการเรียนในโรงเรียนหรือท่ีบ้านก็ได้ เพ่ือให้นักเรียนก้าวไปข้างหน้าตามความสามารถความสนใจ และความพร้อมของนกั เรยี น ชดุ การสอนรายบคุ คลอาจออกมาในรปู ของหนว่ ยการสอนย่อยหรือโมดลู

15 4. ชุดการสอนทางไกลเปน็ ชดุ การสอนทค่ี รผู ู้สอนกบั นกั เรยี นอยตู่ ่างถ่นิ ต่างเวลากนั มุ่งสอนใหน้ กั เรียนศึกษาไดด้ ว้ ยตนเอง โดยไมต่ ้องเข้าชั้นเรยี นประกอบด้วยส่อื ประเภทสง่ิ พิมพร์ ายการวิทยโุ ทรทศั น์ ภาพยนตร์ การสอนเสรมิ ตามศนู ยบ์ รกิ ารการศกึ ษาเช่น ชดุ การสอนทางไกล ของมหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าชเป็นต้น จิราภรณ์ ตรียาพันธ์ (2540 : 11)ได้กล่าวว่าชุดการสอนแบ่งได้เป็นชุดการสอนประกอบ การบรรยาย หรือชุดการสอน สาหรับครู ชุดการสอนสาหรับกิจกรรมกลุ่มและชุดการสอนรายบุคคลซ่ึงชุดการสอนทุกประเภทช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้สืบเสาะหา ความรดู้ ว้ ยตนเองเปน็ สาคญั วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2542 : 27 - 28) แบง่ ชุดการเรยี น เป็น 3 ประเภท 1. ชุดการเรยี นรายบุคคล ผเู้ รียนสามารถเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (Self-Instruction Package) ประกอบด้วยบทเรยี นสาเรจ็ รูป แบบประเมินผลและวสั ดอุ ุปกรณก์ ารเรียน 2. ชุดการเรยี นสาหรบั นักเรยี นเป็นกลมุ่ ยอ่ ย ซง่ึ จะจดั ประสบการณต์ า่ งๆไว้ให้นักเรยี นประกอบกจิ กรรมเปน็ กลุม่ ตามคาส่ังที่ ปรากฏอยใู่ นบัตรคาโดยจดั เป็นลกั ษณะศนู ยก์ ารเรียน (Learning Center) 3. ชุดการเรยี นประกอบการบรรยายครู (Instruction Package) เปน็ กิจกรรมทีไ่ ด้รบั การออกแบบอย่างเป็นระบบโดยจัดไว้ ในกล่องสาหรับช่วยครผู ้สู อนเพื่อให้ผเู้ รียนสามารถพัฒนาประสบการณเ์ รียนรพู้ รอ้ มๆ กันตามเวลาทีก่ าหนด บุญเกื้อ ควรหาเวช (2542 : 94 - 95) ไดแ้ บง่ ชุดการเรยี นการสอนที่ใชอ้ ยเู่ ป็น 3 ประเภทใหญๆ่ คือ 1. ชดุ การเรียนการสอนประกอบคาบรรยายเปน็ ชดุ การเรียนการสอนสาหรับผู้สอนจะใช้สอนนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ใหญ่หรือเป็น การสอนท่ตี ้องการปูพ้ืนฐานให้นักเรียนส่วนใหญร่ ูแ้ ละเข้าใจในเวลาเดยี วกนั มงุ่ ในการขยายเนอื้ หาให้ชัดเจนย่ิงขนึ้ 2. ชดุ การเรียนการสอนแบบกลุม่ กิจกรรมเป็นชดุ การเรียนการสอนสาหรับใหน้ ักเรยี นเรียนรว่ มกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 5 - 7 คน โดยใชส้ ่อื การสอนทบ่ี รรจุไวใ้ นชุดการเรยี น การสอนแตล่ ะชุดมงุ่ ท่ีจะฝกึ ทักษะในเนอื้ หาวิชาที่เรยี นและใหน้ ักเรยี นมโี อกาส ทางานรว่ มกัน 3. ชดุ การเรียนการสอนแบบรายบุคคลหรือชุดการเรียนการสอนตามเอกตั ภาพเป็นชดุ การเรียนการสอนสาหรับเรยี นดว้ ย ตนเองเปน็ รายบุคคลคือนักเรยี นจะตอ้ งศกึ ษาหาความรูต้ ามความสามารถและ ความสนใจของตนเองนักเรียนได้ทาความเข้าใจใน เนอื้ หาวชิ าทีเ่ รยี นเพ่มิ เตมิ นักเรยี นสามารถจะประเมินผล การเรียนด้วยตนเองได้ด้วย สุวทิ ย์ มูลคา และอรทัย มูลคา (2545 : 52 - 53) ได้กล่าวถึงประเภทของชดุ การสอนว่า ชดุ การสอนแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ประเภทดังน้ี 1. ชดุ การสอนประกอบการบรรยายของครูเป็นชดุ การสอนสาหรบั ผเู้ รยี นกลมุ่ ใหญห่ รือเป็นการสอนทม่ี ุง่ เนน้ การปพู ื้นฐานให้ ทุกคนรบั ร้แู ละเข้าใจในเวลาเดยี วกนั มงุ่ ในการขยายเนอ้ื หาสาระใหช้ ดั เจนยง่ิ ขึน้ ชุดการสอนแบบนลี้ ดเวลาในการอธิบายของผู้สอนให้พูด น้อยลงเพมิ่ เวลาใหน้ กั เรียนได้ปฏิบัติมากขึ้นโดยใช้ส่ือที่มีอยู่พร้อมในชุดการสอนในการนาเสนอเนื้อหาต่างๆ สิ่งสาคัญคือส่ือที่นามา ใช้ จะตอ้ งให้นักเรียนไดเ้ หน็ ชดั เจนทุกคนและมโี อกาสได้ใช้ครบทุกคนหรือทุกกลมุ่ 2. ชุดการสอนแบบกลุ่มกิจกรรมหรือชุดการสอนสาหรับการเรียนเป็นกลุ่มย่อยเป็นชุดการสอนสาหรับให้นักเรียนเรียน ร่วมกันเปน็ กลุ่มย่อยประมาณกล่มุ ละ4 - 8 คนโดยใช้ส่อื การสอนตา่ งๆทีบ่ รรจไุ ว้ในชุดการสอนแต่ละชุดมุ่งที่จะฝึกทักษะในเน้ือหาวิชาท่ี เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นมีโอกาสทางานร่วมกนั ชุดการสอนชนดิ นี้มกั ใชใ้ นการสอนแบบกิจกรรมกล่มุ เช่นการสอนแบบศนู ย์การเรียน การสอน แบบกลุม่ สัมพันธเ์ ป็นต้น 3. ชุดการสอนรายบุคคลหรือชุดการสอนตามเอกัตภาพเป็นชุดการสอนสาหรับเรียนด้วยตนเองเป็นรายบุคคลคือนักเรียน จะต้องศกึ ษาหาความรู้ตามความต้องการและความสนใจของตนเองอาจจะเรียนที่โรงเรียนหรือท่ีบ้านก็ได้จุดประสงค์หลักคือมุ่งให้ทา ความเข้าใจกับเนอื้ หาวิชาเพ่ิมเตมิ นกั เรียนสามารถประเมนิ ผลการเรยี นดว้ ยตนเองไดช้ ุดการสอนชนิดนี้ส่วนใหญ่จัดในลักษณะของหน่วย การสอนยอ่ ยหรอื โมดลู ตวั อยา่ งเชน่ ชดุ วชิ าต่าง ๆ ของมหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช สรุปได้วา่ ชดุ การสอนน้ันจาแนกได้หลายลกั ษณะ แตผ่ ู้ศกึ ษาไดเ้ ลอื กวิธีการสร้างชุดการสอนประกอบการบรรยายเน่ืองจาก เปน็ สอ่ื การสอนทีส่ ามารถใชพ้ ัฒนาการเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์เปน็ อย่างดี มีตวามเหมาะสมกับวัยของนักเรียนและสอดคล้องกับการ จัดคาบเวลาเรยี นในระดบั ประถมศึกษา ชุดการสอนประกอบการบรรยาย ชุดการสอนประกอบการบรรยายเป็นชุดการสอนสาหรับครู มีการกาหนดกิจกรรมและส่ือการสอนให้ครูใช้ประกอบการ บรรยายทาใหค้ รูพูดนอ้ ยลง นกั เรียนมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นมากข้ึน

16 ชดุ การสอนแต่ละชดุ จะต้องมีชดุ การสอน ภายในกล่องจะมซี องบรรจเุ อกสารในการใช้ประกอบกิจกรรมนักเรียน เพอ่ื จัดไว้ เปน็ หมวดหม่ใู หส้ ะดวกแกก่ ารหยิบใช้สอย เอกสารประกอบกจิ กรรมนี้มกั จัดไว้ในซอง ซองละกลมุ่ ถ้าจัดสอน 4 กลุ่มก็จะตอ้ งมซี องอยา่ ง นอ้ ย 4 ซอง ซองท่ีใชบ้ รรจุเอกสารสาหรับนักเรียนนอ้ี าจเป็นซองสีนา้ ตาลขนาดประมาณ 8 นวิ้ X 10 นิ้ว องค์ประกอบของชุดการสอน ชุดการสอนทีส่ รา้ งขนึ้ ในการเรียนการสอนเพอ่ื ให้นักเรียนสามารถบรรลุผลตามเปา้ หมายของหลกั สตู รไดน้ น้ั องคป์ ระกอบท่ีมี อย่ภู ายในชุดการสอนนบั ว่ามีความสาคัญมาก ซงึ่ นักการศกึ ษาหลายท่านไดก้ ล่าวถงึ สว่ นประกอบที่อยภู่ ายในชดุ การสอนมีดงั นี้ กรองกาญจน์ อรณุ รัตน์ (2542 : 195 - 202) ไดก้ ลา่ วถงึ องค์ประกอบของชดุ การสอนไวด้ ังน้ี 1. หลกั การและเหตผุ ล (Rationale) อธบิ ายจดุ มุ่งหมายของชุดการสอนและความสาคัญของกระบวนวิชา โดยจะดาเนินการ ในเรอ่ื งของความต่อเน่อื งระหวา่ งประสบการณใ์ นการเรยี นท่มี มี ากอ่ นกับกรอบของการทางานสาหรบั ประสบการณ์ตอ่ มาของนักเรียน 2. รายละเอียดของเนอ้ื หา (Content Description) จะบอกให้ทราบถงึ ความคดิ รวบยอด ทักษะ คุณคา่ ทน่ี ักเรยี นจะ สามารถแสดงออกหลงั จากเรยี นจากชุดการสอนแลว้ 3. วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (Behavioral Objectives) เป็นการระบพุ ฤติกรรมทคี่ วรเกิดข้ึนภายใต้เง่ือนไขตามเกณฑ์ มาตรฐานและจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม จะชว่ ยครูในการเลือกใช้และผลิตสื่อการสอน กิจกรรมการประเมินผลการเรยี นการสอน 4. กจิ กรรมการเรยี นที่เปน็ ทางเลือก (Alternative Learning Activities) กิจกรรมการเรียนที่จัดต้องสอดคล้องกับลักษณะ ของนกั เรยี นแตล่ ะคน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงกจิ กรรมการเรยี นภายในชดุ การเรยี นนัน้ จะตอ้ งเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนเลือกกิจกรรมท่ีเหมาะสม กับรปู แบบการเรียน (Learning Style) ของนกั เรียน นอกจากน้นั แล้วกิจกรรมทางเลือกที่จัดขึ้นน้ันควรจะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เลือก วธิ ีการท่ีแตกต่างกนั ไป เพือ่ ท่ีนักเรียนจะไดบ้ รรลผุ ลสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ เชงิ พฤติกรรม 5. กจิ กรรมทางเลือกทถ่ี ูกขอ (Optional Quest หรอื Attitudinal Activities) เพื่อช่วยให้ นกั เรยี นสามารถศกึ ษาได้ลกึ และละเอียดภายใต้ขอบเขตโครงสร้างของกิจกรรมการเรียนนอกจากน้ียังช่วยทาให้ประสบการณ์การเรียน ภายในชุดมีลักษณะพัฒนาและสร้างสรรค์ได้ดีเท่า ๆ กัน แบบฝึกหัดการเรียนรู้ท่ีเน้นพฤติกรรมการแสดงออก ( Performance – Oriented Learning Exercise) 6. เครอ่ื งมอื ประเมนิ ผลกอ่ นเรยี น เครอื่ งมอื ประเมนิ ผลตนเองและเครอ่ื งมอื ประเมนิ ผลหลงั เรียน (Pre – Evaluation , Self Evaluation , Post – Evaluation Instruments) ในการทีจ่ ะบอกถงึ ความก้าวหนา้ ของนักเรียนและนักเรียนสามารถบรรลผุ ลตามท่ี วตั ถุประสงค์สดุ ท้ายท่กี าหนดได้นน้ั จะมเี ครื่องมอื ทใี่ ช้ในการประเมินอยู่ 3 ประการทม่ี ีอยู่ภายในชุดคอื แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre – Test) ใชท้ ดสอบเพื่อดูวา่ นกั เรยี นมเี ขา้ ใจในเนอ้ื หา หรอื วตั ถปุ ระสงค์ขอ้ ใดที่ทราบมาก่อนแล้ว และมเี น้ือหาใดทนี่ กั เรยี นยังไม่ทราบการประเมินตรงนี้ จะทาใหน้ กั เรียนสามารถเลอื กแหล่งความร้ทู เ่ี หมาะสมสอดคล้องกับความต้องการหรืออาจจะเป็นการทดสอบเพ่ือออกจากชุดดังกล่าว เพอ่ื ไปเรียนเน้อื หาในชดุ ต่อไป แบบทดสอบตนเอง (Self – Test) ใช้ประเมินนักเรียนระหว่างที่กาลังทากิจกรรมการเรียนโดยแบบทดสอบตนเองจะเป็น แบบทดสอบส้ันๆ หรือเป็นเพียงคาสั่งสาหรับนักเรียนใน การทบทวนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ทั้งน้ีเพื่อประเมินความก้าวหน้าของ นักเรียนในการบรรลวุ ตั ถุประสงค์การเรียนแต่ละข้อ แบบทดสอบหลังเรียน (Post – Test) ใช้ภายหลังจากที่นักเรียนได้เรียนจากชุดการสอนแล้ว เพ่ือวัดดูว่านักเรียนมีความรู้ ความสามารถเฉพาะตามทว่ี ัตถปุ ระสงค์ของชดุ กาหนดไว้หรอื ไม่ ถา้ หากว่า ภายหลงั จากทนี่ ักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนแล้วเขายังไม่ ประสบผลสาเรจ็ ในการเรียน นักเรยี นอาจจะตอ้ งยอ้ นกลับไปศึกษาจากกจิ กรรมการเรียนใหม่จนกระทั่งเขาสามารถบรรลผุ ลสาเรจ็ ตามท่ี วตั ถปุ ระสงคข์ องชดุ การสอนทก่ี าหนดไว้ 7. คู่มือครู (Teacher’s Guide) พัฒนาขึ้นตามชุดการสอน ท้ังน้ีเพ่ือจะให้ข้อมูลเพ่ิมเติมโดยเป็นข้อมูลที่สัมพันธ์กันกับ เนื้อหา และขอ้ มลู เกย่ี วกบั การใช้ชุดการสอนภายในคู่มอื ครปู ระกอบดว้ ยส่วนสาคัญต่างๆ ดงั น้ี 7.1 คานา 7.2 วัตถปุ ระสงค์ 7.3 พื้นฐานความร้เู ดมิ 7.4 เน้ือหา 7.5 สว่ นประกอบของชุดการสอน 7.6 คาช้ีแจงสาหรับครูในการใช้ชดุ การสอน

17 7.7 สงิ่ ทค่ี รูหรือนกั เรยี นตอ้ งเตรียม 7.8 บทบาทครแู ละนกั เรียน 7.9 การจัดชัน้ เรยี น 7.10 แผนการสอน 7.12 เน้ือหาสาระ 7.13 แบบฝกึ ปฏิบัติ 7.14 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น (พร้อมคาเฉลย) สนุ นั ท์ สงั ข์อ่อง (2546 : 134 – 135) ได้กลา่ วถงึ สว่ นประกอบของชุดการสอนว่ามีองค์ประกอบดงั นี้ 1. เนอื้ หาหรือมโนทัศน์ (Concept Focus) ชดุ การสอนหนงึ่ ควรจะเนน้ ให้นกั เรียนศึกษาเพยี งมโนทัศนห์ ลักเรอ่ื งเดยี ว 2. วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (Behaviorally Stated Objectives) เป็นส่งิ สาคญั ทีส่ ดุ ทจ่ี ะทาให้ ชดุ การสอนนั้นประสบ ผลสาเร็จหรือประสบความลม้ เหลว เป็นข้อความที่ระบุถึงพฤติกรรมที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้นหลังการเรียนรู้ ควรจะระบุไว้อย่างชัดเจน เพือ่ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจอย่างแจ่มแจ้ง เพราะวัตถุประสงค์นี้เปน็ แนวทางในการทากิจกรรมเพื่อใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ 3. กิจกรรมให้เลือกหลาย ๆ อย่าง (Multiple Activities and Methodologies)คอื รายละเอยี ดของกิจกรรมที่ตอ้ งการ ใหน้ ักเรยี นเลือกปฏบิ ัติ เชน่ ทางานกลุ่มทาการทดลองหรอื ใช้ ส่ือการเรียนชนดิ ต่าง ๆ การทม่ี กี จิ กรรมใหน้ ักเรียนเลอื กปฏิบตั ิหลาย ๆ ทางมาจากความเชือ่ ท่ีวา่ ไมม่ ีวิธีใดวิธเี ดียวท่ีจะเหมาะสมท่ีสดุ กบั นักเรยี นทุกคน 4. วัสดปุ ระกอบการเรียน (Diversified Learning Resources) จากกจิ กรรมทใี่ หเ้ ลอื กหลาย ๆ ทางน้นั จาเป็นต้องมีวัสดุ ประกอบการเรียนหลาย ๆ อย่าง เชน่ ฟิล์มสตริป เทปบันทกึ เสยี ง แผนภูมิ ภาพ หุ่นจาลอง ฯลฯ วสั ดหุ รือส่ือการเรียนเป็นแหลง่ ท่จี ะ ชว่ ยให้นักเรยี นบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ และเกดิ การเรียนรใู้ นมโนทศั น์ทก่ี าหนดให้ 5. แบบทดสอบ (Evaluation Instruments)ในการประเมินผลดูว่านกั เรยี นเกดิ ผลสมั ฤทธ์ใิ นการเรียนรูจ้ ากการสอนมาก น้อยเพยี งใด แบบทดสอบท่ใี ช้อาจใช้ใน 3 ลกั ษณะ คือ 5.1 แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre - Test) ทาหนา้ ท่ี 3 อย่าง คือ 5.1.1 ประเมนิ ความพร้อมของนักเรียนจากชุดการสอน 5.1.2 ทาใหท้ ราบพนื้ ฐานความสามารถของนกั เรยี นกอ่ นเรยี น 5.1.3 ใหพ้ ้นื ฐานแก่ครูในการตัดสินใจว่านักเรยี นจะเรม่ิ เรียนจากชดุ การสอนเมอื่ ไรตรงไหน การใช้แบบทดสอบ กอ่ นเรียนจึงเป็นการช่วยครใู นการเตรียมตวั นักเรยี นให้พรอ้ มท่ีจะเรยี นจากชุดการสอน 5.2 แบบทดสอบตนเอง (Self – Test) ช่วยให้นักเรียนทราบความก้าวหน้าของตนว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และยงั เป็นแรงเสรมิ ให้นกั เรียนพยายามนาตนเองไปสู่เป้าหมายท่กี าหนดไว้ 5.3 แบบทดสอบหลังการเรยี น (Post - Test) เป็นเคร่ืองมอื ทช่ี ่วยให้ท้ังครแู ละ นกั เรียนทราบวา่ การเรยี นรบู้ รรลตุ ามวตั ถุประสงค์หรอื ไม่ แบบทดสอบหลังการเรยี นจะชว่ ยวัดดูว่านักเรียนเกดิ พฤติกรรมตามท่ีคาดหวัง ไว้หรือไม่ 6. กจิ กรรมสารองหรือกิจกรรมเพิม่ เตมิ (Breath and Depth Activities) หลังจากที่นักเรยี นทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นหลงั เรยี นแล้ว อาจทากิจกรรมทีไ่ ด้เสนอแนะเพ่มิ เติมตามความสนใจได้ 7. คาชีแ้ จงวิธใี ช้ชุดการสอน (Instruction) เนื่องจากชุดการสอนผลิตขนึ้ เพ่ือใหน้ ักเรยี นเรียนด้วยตนเอง คาชแี้ จงวิธใี ชช้ ดุ การสอนให้นกั เรียนสามารถเข้าใจและเรยี นได้ด้วยตนเอง จิราภรณ์ ตรียาพนั ธ์ (2540 : 12 - 13)ไดก้ ลา่ วว่าชุดการสอนสาหรับครูเปน็ ผใู้ ชใ้ นการนาเสนอความรใู้ ห้แก่นักเรียนควรจะ ประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลกั ๆ 4 สว่ นโดยสว่ นประกอบเหลา่ นีจ้ ะบรรจุอยใู่ นกล่องหรือซองดังน้ี 1. ค่มู ือครู ซึ่งภายในค่มู ือครจู ะกลา่ วถึงรายละเอียดเกีย่ วกับนกั เรียนเวลาทีใ่ ช้ในการเรียนการสอน สภาพห้องเรยี น วิธใี ชช้ ดุ การสอน รายการสื่อการเรยี นการสอน แผนการสอนการประเมนิ ผลและเอกสารอ้างอิงหรือหนงั สือคน้ ควา้ เพ่ิมเติม 2. ส่อื การเรยี นการสอนเปน็ สือ่ การเรยี นการสอนทีก่ าหนดไวใ้ นแผนการสอน 3. แบบฝึกหดั และเสริมทกั ษะ 4. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรยี นและหลังเรียน บุญชม ศรสี ะอาด (2541 : 95) ได้กาหนดองค์ประกอบของชุดการเรียนการสอนว่า ชุดกิจกรรมมีองค์ประกอบที่สาคัญ 4 ดา้ นดังนี้

18 1. คู่มอื การใช้ชุดการเรยี นการสอนเปน็ คู่มือทีจ่ ดั ทาขึ้นเพ่ือให้ผูใ้ ช้ชดุ การเรียนการสอนศึกษาและปฏบิ ัติตามเพือ่ ใหบ้ รรลผุ ล อยา่ งมีประสิทธภิ าพอาจประกอบด้วย แผนการสอน สง่ิ ทีค่ รตู ้องเตรยี มกอ่ นสอนบทบาทของนักเรยี นและการจัดชัน้ เรียน 2. บตั รงาน เป็นบัตรทมี่ คี าสัง่ วา่ จะใหน้ กั เรียนปฏิบัติอะไรบา้ งโดยระบกุ ิจกรรมการเรียนการสอนตามลาดบั ขัน้ ตอนของการ เรียน 3. แบบทดสอบวดั ผลความกา้ วหนา้ ของนักเรียนเป็นแบบทดสอบทใี่ ชส้ าหรับตรวจสอบวา่ หลังจากเรียนชุดการเรยี นการสอน จบแลว้ นักเรียนเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ 4. ส่ือการเรียนต่างๆ เป็นสื่อสาหรับนักเรียนได้ศึกษา มีหลายชนิดประกอบกันอาจเป็นประเภทสิ่งพิมพ์ เช่น บทความ เน้อื หาเฉพาะเร่ือง จุลสาร บทเรยี นโปรแกรมหรือประเภทโสตทัศนูปกรณ์ เช่น รูปภาพ แผนภูมิต่างๆ เทปบันทึกเสียง ฟิล์มสตริปของ จรงิ เป็นต้น บุญเก้ือ ควรหาเวช (2542 : 95 - 102) ได้กาหนดองค์ประกอบทีส่ าคญั ภายในชุดการเรยี นการสอนสามารถจาแนกออกเป็น 4 ส่วนดว้ ยกนั คือ 1. ค่มู ือครู เป็นคูม่ ือและแผนการสอนสาหรบั ผู้สอนหรอื นักเรยี นตามแต่ชนิดของชุดการเรยี นการสอนภายในคูม่ ือจะชี้แจงถึง วิธีการใช้ชดุ การสอนเอาไวอ้ ย่างละเอยี ดประกอบดว้ ย 1.1 คานา (สาหรบั คมู่ อื ที่เป็นเล่ม) 1.2 สว่ นประกอบของชดุ การเรยี นการสอน 1.3 คาช้ีแจงสาหรับนักเรยี น 1.4 สงิ่ ทผี่ ู้สอนและนกั เรยี นตอ้ งเตรยี ม 1.5 บทบาทของผู้สอนและนักเรยี น 1.6 การจดั ห้องเรียน 1.7 แผนการสอน 1.8 เน้ือหาสาระของชุดการเรียนการสอน 1.9 แบบฝกึ หัด ปฏบิ ัติหรอื กระดาษคาตอบ 1.10 แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน (พร้อมเฉลย) 2. บัตรคาสง่ั หรือคาแนะนาจะเปน็ สว่ นท่บี อกให้นกั เรยี นดาเนินการเรียนหรือประกอบกิจกรรมแต่ละอย่างตามข้นั ตอนที่ กาหนดไวป้ ระกอบด้วย 2.1 คาอธิบายในเรือ่ งท่จี ะศึกษา 2.2 คาสง่ั ให้นักเรยี นดาเนนิ กจิ กรรม 2.3 การสรุปบทเรียน 3. เนอ้ื หาสาระและสื่อจะบรรจุไว้ในรูปของส่ือการสอนต่างๆ อาจประกอบด้วยบทเรียนโปรแกรม สไลด์ เทปบันทึกเสียง ฟลิ ์มสตริป แผน่ ภาพโปร่งใส วัสดุกราฟกิ หนุ่ จาลอง ของตวั อยา่ ง รปู ภาพเป็นตน้ 4. แบบประเมินผลนกั เรยี นจะทาการประเมนิ ผลความรดู้ ว้ ยตนเองก่อนและหลังเรียนแบบประเมินผลท่อี ย่ใู นชุดกจิ กรรม อาจเปน็ แบบฝกึ หดั ให้เตมิ คาในชอ่ งวา่ งเลือกคาตอบทถ่ี ูก จับคูด่ ูผลการทดลองหรือทากจิ กรรมเป็นตน้ สวุ ทิ ย์ มูลคาและอรทยั มลู คา (2545 : 52) ไดก้ ลา่ วถึงชุดการสอนวา่ มีองค์ประกอบสาคัญ 4 ประการ ดงั นี้ 1. ค่มู อื การใช้ชดุ การสอน เปน็ คู่มือหรอื แผนการสอนสาหรับผู้สอนใช้ศึกษาและปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆซึ่งมีรายละเอียด ชีแ้ จงไวอ้ ย่างชัดเจน เชน่ การนาเขา้ สู่บทเรียน การจัดชัน้ เรยี น บทบาทนกั เรยี น เปน็ ตน้ ลกั ษณะของคูม่ ืออาจจัดทาเป็นเล่มหรือแผ่นพับ กไ็ ด้ 2. บตั รคาสั่งหรือบตั รงาน เปน็ เอกสารทีบ่ อกให้นักเรียนประกอบกจิ กรรมแตล่ ะอยา่ งตามขน้ั ตอนทีก่ าหนดไวบ้ รรจใุ นชุดการ สอนบตั รคาส่ัง หรอื บัตรงานจะมคี รบตามจานวนกลมุ่ หรือจานวนนกั เรียน ซ่ึงประกอบด้วยคาอธิบายในเร่ืองที่จะศึกษาคาส่ังให้นักเรียน ประกอบกจิ กรรมและการสรุปบทเรียน 3. เนื้อหาสาระและสอ่ื การเรยี นประเภทต่าง ๆจดั ไว้ในรูปของสอ่ื การสอนท่ีหลากหลาย เช่น หนังสือ วารสาร บทความ ใบ ความรู้ (Fact Sheet) ของเนื้อหาเฉพาะเร่ือง บทเรียนโปรแกรม รูปภาพ แผนภาพ แผนภูมิ สมุดภาพ เทปบันทึกเสียง เทปโทรทัศน์ สไลด์ (Slide) วดี ที ัศน์ (Video) ซดี รี อม (CD-ROM) โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI) เปน็ ต้น

19 4. แบบประเมินผล เป็นแบบทดสอบทใ่ี ช้วดั และประเมนิ ความรู้ด้วยตนเองทั้งก่อนและหลงั เรยี น อาจจะเป็นแบบทดสอบ ชนดิ จับคูเ่ ลือกตอบหรือกาเครื่องหมายก็ได้ จากการศึกษาองคป์ ระกอบของชดุ การสอน พบวา่ มีสว่ นประกอบเหมือนกนั ดังนนั้ ในการศึกษาครงั้ น้ี ผศู้ ึกษาจงึ สรา้ งชุดการ สอนซึ่งมีสว่ นประกอบดงั นี้ 1. ชุดการสอนสาหรับนักเรียนประกอบด้วย บัตรคาส่ัง บัตรเน้ือหา บัตรกิจกรรมบัตรบันทึกกิจกรรม แบบทดสอบก่อน เรียนและแบบทดสอบหลังเรียนพร้อมบตั รเฉลย 2. คู่มือการใช้ เป็นคมู่ ือและแผนการจดั การเรียนรูส้ าหรบั ครผู สู้ อน ประกอบไปดว้ ย 2.1 คานา 2.2 คาชแี้ จงในการใช้ชุดการสอน 2.3 คาชี้แจงสาหรับครู 2.4 บทบาทของครแู ละบทบาทนกั เรียน 2.5 ส่วนประกอบของชดุ การสอน 2.6 ส่งิ ทีค่ รูต้องเตรียม ส่ือการเรียนการสอน 2.7 แผนการจัดการเรยี นรู้ 2.8 บตั รคาส่งั 2.9 บัตรเน้อื หา 2.10 บัตรกจิ กรรม 2.11 บตั รบันทกึ กิจกรรม 2.12 บัตรเฉลยบัตรบันทกึ กจิ กรรม 2.13 แบบประเมินบตั รบันทึกกจิ กรรม 2.14 แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน (พร้อมเฉลย) การสร้างชดุ การสอน การสรา้ งชุดการสอนวิชาใดหรอื เรือ่ งใดก็ตามอาศัยวิธรี ะบบ (System Approach) มาช่วยในการออกแบบสร้างชุดการสอน ท้ังส้ิน และชุดการสอนทดี่ แี ละมีประสทิ ธภิ าพช่วยให้การสอนของครเู ปน็ ไปอยา่ งสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ สรปุ เป็นขน้ั ตอนในการ สร้างเปน็ ลาดบั ข้นั ตอ่ ไปนี้ 1. กาหนดหน่วยการสอนเปน็ การแบ่งเนือ้ หาวชิ าออกเป็นหนว่ ยการสอนโดยประมาณเนอื้ หาวิชาท่จี ะให้ครสู ามารถถา่ ยทอด ความร้แู ก่นักเรียนได้ในหนึ่งครัง้ ดังน้ันในการกาหนดหน่วยการสอนจึงไดน้ าเอาเนื้อหาวิชาในรายวชิ าที่จะสร้างชุดการสอนมาแบ่ง ออกเป็นหน่วยการสอนตา่ งๆ และจดั แบง่ เวลาทจ่ี ะใช้ในแต่ละหน่วยการสอน เพื่อให้ครสู ามารถจัดการเรียนการสอนอย่างตอ่ เนื่องและ สัมพันธก์ ันกับเนอื้ หาวิชา 2. กาหนดหัวเรื่องเป็นการนาเอาหนว่ ยการสอนที่ไดก้ าหนดไว้ออกมาแบ่งเป็นหวั เร่ืองตา่ ง ๆ โดยครูผู้สอนจะต้องถามตนเอง วา่ ในการสอนแตล่ ะหนว่ ยควรให้ประสบการณอ์ ะไรแก่นักเรียนบ้างแล้วกาหนดออกมาเปน็ 4 – 6 เรอื่ ง ดังน้ันการกาหนดหัวเร่ืองของชุด การสอนในแต่ละหน่วยครูผู้สอนจาเป็นต้องแบ่งหน่วยการสอนแต่ละหน่วยออกเป็นหัวเรื่องต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสภาพของนักเรียน และเนื้อหาวชิ า เพ่อื ทีจ่ ะใหน้ ักเรยี นเรยี นรไู้ ดล้ ึกซ้ึงย่งิ ขน้ึ และมุ่งเน้นให้เกิดความคิดรวบยอดในการเรียนรู้ พร้อมทั้งแบ่งเวลาท่ีใช้ในการ เรียนในแต่ละหวั เร่อื ง 3. กาหนดวัตถุประสงค์การสอนจะเป็นการนาเอาหน่วยการสอนและเรื่องต่างๆ มาเขียนเป็นวัตถุประสงค์ของการสอนที่ สอดคลอ้ งกบั หวั เรอ่ื งโดยกาหนดเป็นจุดประสงค์ทั่วไปก่อนเปลี่ยนเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้องมีเง่ือนไขและเกณฑ์การเปล่ียน พฤตกิ รรมซง่ึ ถอื ว่าเป็นพฤติกรรมข้ันสดุ ทา้ ยท่ตี อ้ งการ 4. กาหนดเนื้อหาในการสรา้ งชุดการสอนต้องกาหนดเน้ือหาใหส้ อดคลอ้ งกบั หน่วยการสอนหัวเรอื่ งและครอบคลมุ วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมระบชุ นดิ ของการเรียนเหตกุ ารณ์ของการสอนนอกจากนต้ี อ้ งคานึงถงึ ลกั ษณะของนกั เรียนและความสามารถใน การเรยี น เพื่อให้นักเรยี นบรรลุผลในการเรยี นรู้ในแตล่ ะหนว่ ยการสอน แตล่ ะหวั เรือ่ งและในแต่ละเนือ้ หา 5. สรา้ งแบบทดสอบโดยดาเนนิ การสรา้ งแบบทดสอบความรเู้ รอ่ื งพ้ืนฐานแบบทดสอบประจาหน่วยและแบบทดสอบ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นให้สอดคล้องกับหัวเร่อื งวัตถปุ ระสงคก์ ารสอนและเนอ้ื หา โดยใชแ้ บบทดสอบอิงเกณฑ์เพือ่ ให้ผ้สู อนทราบว่า หลังจากเรยี นจากชุดการสอนแลว้ นกั เรยี นได้เปลยี่ นพฤติกรรมการเรียนตามวัตถุประสงคท์ ่ีตัง้ ไวห้ รอื ไม่

20 6. เขียนแผนการสอนโดยภายในแผนการสอนจะประกอบด้วยชื่อเรื่องกาหนดเวลาเรียนสาระสาคัญ เน้ือหาจุดประสงค์ ปลายทางจุดประสงค์นาทางกิจกรรมการเรียนการสอนสื่อการสอนและการประเมินผล ซึ่งจะเป็นแนวทางท่ีครูจะทาการสอนได้อย่าง ถกู ตอ้ งตามขั้นตอนของการเรยี นรู้และช่วยใหน้ กั เรยี นเกิดการเรียนร้ไู ด้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 7. ผลิตส่ือการเรียนการสอนโดยการนาเอาสื่อการสอนทร่ี ะบไุ ว้ในแผนการสอนมาดาเนินการผลิตและทาไว้เป็นหมวดหมู่ใน กล่องหรอื ในซองทตี่ รียมไว้ก่อนท่จี ะนาชดุ การสอนทั้งหมดไปหาประสทิ ธภิ าพ 8. สร้างค่มู อื การใช้ชุดการสอนซงึ่ จะประกอบด้วย คานา คาช้ีแจงสาหรบั ครสู ง่ิ ที่ครจู ะตอ้ งเตรียมบทบาทของครูและนกั เรยี น แบบฝึกปฏิบัติพรอ้ มเฉลย ซงึ่ คู่มอื การใช้นน้ั เป็นสง่ิ จาเป็นสาหรบั ผทู้ ใ่ี ชช้ ุดการสอนมากเพราะการศึกษาให้เข้าใจถึงวิธีการใช้ย่อมจะทาให้ การใชช้ ุดการสอนเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ และจะเปน็ ผลให้นกั เรยี นเกิดการเรยี นรดู้ ขี น้ึ 9. หาประสิทธิภาพของชุดการสอนโดยดาเนนิ การทดสอบหาประสิทธิภาพของชดุ การสอนเพอ่ื เปน็ การประกนั ว่าชุดการ สอนที่สร้างข้นึ น้ันมีประสิทธิภาพตามเกณฑท์ ีไ่ ด้กาหนดไว้และในการกาหนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพน้ันครตู อ้ งคานงึ หลักการเรียนรู้เปน็ กระบวนการเพ่ือช่วยให้ การเปลี่ยนพฤตกิ รรมของนักเรยี นบรรลผุ ล จากการศึกษาข้ันตอนการสร้างชุดการสอนสรุปได้ว่า การสร้างชุดการสอนควรมีการวางแผนกาหนดเนื้อหา กาหนด จดุ ประสงค์ สรา้ งแบบทดสอบ เขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ ผลิตสื่อ สร้างคมู่ ือการใช้ และหาประสทิ ธิภาพของชดุ การสอน คุณคา่ และประโยชน์ของชดุ การสอน ชดุ การสอนท่ีมีประสทิ ธิภาพยอ่ มจะทาใหค้ รูดาเนินการกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างสะดวก ราบรื่นและทาให้นักเรียน บรรลเุ ปา้ หมายของการเรียนไดจ้ ากการศกึ ษาคณุ คา่ และประโยชนข์ องชุดการสอน พอจะสรุปประเดน็ ที่จะศกึ ษาในเร่ืองของการสร้างชุด การสอนความสนใจและความรับผดิ ชอบของนักเรียน และความพึงพอใจของครูผู้สอนท่ีมีต่อการเรียน การสอนโดยใช้ชุดการสอน ซึ่ง แยกออกด้านตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ดา้ นพทุ ธิพิสัย (Cognitive Domain) เป็นผลการเรยี นรูท้ ่ีทาให้นกั เรยี นมีความรคู้ วามสามารถและทกั ษะทางสมอง ซึ่ง พบว่าชุดการสอนมคี ุณคา่ และประโยชน์ ดงั น้ี 1.1 ช่วยใหน้ กั เรยี นมีความรใู้ นแนวเดียวกนั 1.2 ชว่ ยให้นกั เรยี นรู้จดุ มงุ่ หมายของการเรยี นชัดเจน 1.3 ชว่ ยให้นกั เรยี นเข้าใจบทเรยี นไดอ้ ยา่ งแจ่มกระจา่ งยง่ิ ข้นึ 1.4 ชว่ ยใหเ้ กิดประสทิ ธภิ าพในการสอนอยา่ งเชื่อถือได้ 1.5 ชว่ ยใหค้ รูวดั ผลนักเรยี นไดต้ ามวตั ถุประสงค์ 1.6 ชว่ ยสร้างเสรมิ การเรยี นแบบต่อเน่อื ง 2. ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นผลการเรียนรู้ท่ที าใหน้ กั เรยี นแสดงพฤติกรรมเก่ียวกับความรู้สึก อารมณ์ เจตคติ ความสนใจ ความชอบ-ไม่ชอบ ซงึ่ พบว่าชุดการสอนมีคณุ คา่ และประโยชนด์ ังน้ี 2.1 ช่วยเพ่มิ พูนให้เกดิ การจงู ใจในการเรียน 2.2 ชว่ ยฝกึ ใหน้ ักเรียนรูจ้ กั เคารพ นบั ถอื ความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน 2.3 สรา้ งทศั นคตทิ ี่ดตี ่อการเรยี นรู้แก่นักเรยี น 2.4 สรา้ งความพรอ้ มและความมน่ั ใจในการสอน 2.5 สง่ เสริมการเรยี นรายบุคคลนักเรยี นเรียนได้ตามความสามารถความสนใจเวลาและโอกาสท่เี หมาะสมของแต่ละคน 2.6 ชว่ ยลดภาระของครู ทาใหค้ รูไมต่ อ้ งเสยี เวลาคดิ คน้ มาก 3. ด้านทกั ษะพิสัย (Psychomotor Domain) เป็นผลการเรียนรูท้ ที่ าให้นักเรียนเกดิ ทักษะในการปฏบิ ตั แิ ละดาเนินงาน ซ่งึ พบวา่ ชดุ การสอนมีคณุ ค่าและประโยชนด์ ังน้ี 3.1 ชว่ ยใหก้ ิจกรรมของเรยี นมีประสิทธิภาพ 3.2 เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดใ้ ช้ความสามารถของตนเองไดอ้ ยา่ งเต็มที่ 3.3 ช่วยให้นักเรียนไดฝ้ ึกการแสดงความคิดเห็นและตดั สนิ ใจ บุญเก้ือ ควรหาเวช (2542 : 50) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของชุดการสอน คือ 1. สง่ เสรมิ การเรียนแบบรายบุคล 2. ชว่ ยขจัดปัญหาการขาดแคลนครู 3. ชว่ ยในการศกึ ษานอกระบบโรงเรียน

21 4. ลดภาระและสรา้ งความมน่ั ใจใหก้ ับครู 5. เปน็ ประโยชนใ์ นการสอนแบบศูนยก์ ารเรียน 6. ช่วยให้สามารถวดั ผลไดต้ ามความมุ่งหมาย 7. เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นไดแ้ สดงความคิดเหน็ 8. ชว่ ยให้นักเรยี นจานวนมากไดร้ ับความรแู้ นวเดียวกันอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 9. ชว่ ยฝึกใหน้ ักเรยี นรู้จกั เคารพ นับถอื ความคดิ เห็นของผู้อ่ืน ชยั ยงค์ พรหมวงค์ (2543 : 450) ได้กล่าวถึงชุดการสอนว่าชุดการสอนแบ่งตามลักษณะการผลิตการใช้แล้วได้ 3 ประเภท ด้วยกนั แต่ละประเภทจะมลี ักษณะและกระบวนการที่แตกต่างกันออกไปอย่างไรก็ตาม ชุดการสอนไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตามก็จะ ช่วยเพ่ิมประสิทธภิ าพในการเรียนการสอนได้ในดา้ นต่างๆ ดังน้ี 1. ช่วยเรา้ และกระตุ้นความสนใจของนกั เรียนเน่ืองจากชุดการสอนเป็นชดุ สือ่ ประสมท่ีมีกจิ กรรมและสอื่ ท่จี ะเปดิ โอกาสให้ นกั เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนอยา่ งเต็มทีจ่ ึงจะทาใหน้ กั เรยี นสนใจในเนอ้ื หาบทเรียนมากขึน้ 2. สนับสนุนและตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล ชดุ การสอนส่วนใหญจ่ ะจัดกิจกรรมการเรยี นและสือ่ ประสมทีจ่ ะ เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนเป็นผกู้ ระทากจิ กรรมการเรียนดว้ ยตนเองและเรยี นรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ความสามารถหรอื ความตอ้ งการ ของตนเองได้ 3. ให้ประสบการณแ์ ก่นักเรียนในแนวทางเดยี วกัน เพราะชุดการสอนเปน็ สื่อประสมทผี่ ลติ ขึ้นมาอย่างมรี ะบบ และเปน็ ไป ตามวัตถุประสงค์เฉพาะของหนว่ ยเนื้อหาน้ันๆ ผ้สู อนทแ่ี ตกต่างกนั ก็สามารถให้ประสบการณ์ไดเ้ หมือนกัน 4. ช่วยใหก้ ารเรียนรู้ของนักเรยี นเป็นอสิ ระจากอารมณแ์ ละบคุ ลกิ ภาพของผสู้ อนสภาพการเรียนรู้จากชุดการสอนนักเรียนจะ ทากจิ กรรมจากสอื่ ต่างๆ ดว้ ยตนเองครูผสู้ อนจะทาหนา้ ที่เพยี งเป็นผูช้ ่วยดูแลควบคมุ ใหด้ าเนนิ กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ด้เตม็ ที่เทา่ นน้ั บคุ ลิกภาพของครูหรืออารมณ์ของครจู งึ ไม่มีผลต่อการเรียนของผูเ้ รียนแต่อยา่ งใด 5. ช่วยลดภาระและสรา้ งความม่ันใจให้แกค่ รูผสู้ อน เพราะชดุ การสอนแตล่ ะชดุ ผลิตข้นึ มาเป็นหมวดหมู่ มอี ุปกรณ์ กิจกรรม ตลอดจนมีขอ้ แนะนาชี้แจงเกีย่ วกบั ใชไ้ ว้อย่างละเอียดชดั เจนสามารถนาไปใชไ้ ดท้ ันที 6. ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนครหู รือผ้มู ีประสบการณ์เฉพาะทางได้เพราะชดุ การสอนโดยเฉพาะชดุ การสอนแบบกิจกรรม กลมุ่ และชดุ การสอนรายบคุ คลนกั เรยี นสามารถเรียนดว้ ยตนเองและกลุ่มได้ โดยทไี่ ม่ต้องใหค้ รหู รือผูเ้ ชยี่ วชาญสอนโดยตรงก็ได้ 7. เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนได้ฝึกฝนตนเองในดา้ นความกลา้ แสดงออกความคดิ เหน็ การตัดสนิ ใจการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง และความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม จริ าภรณ์ ตรียาพนั ธ์ (2540 : 23) ไดก้ ล่าวถงึ คณุ คา่ ของชดุ การเรียนตามแนวคิดของแฮริส เบอรเ์ กอร์ ไว้ 5 ประการคือ 1. นกั เรียนสามารถทดสอบตนเองกอ่ นวา่ มคี วามสามารถอย่ใู นระดบั ใด หลังจากน้ันก็เริ่มต้นเรียนในสิ่งท่ีตนเองไม่ทราบ ทา ให้ไมต่ อ้ งเสยี เวลากลับมาเรยี นในสง่ิ ทนี่ ักเรียนรแู้ ลว้ 2. นักเรยี นสามารถนาบทเรยี นไปเรียนทไี่ หนกไ็ ดต้ ามความพอใจไมจ่ ากัดในเรื่องของเวลา สถานที่ 3. เมอ่ื เรียนจบแลว้ นกั เรยี นสามารถทดสอบตัวเองไดท้ นั ที เวลาไหนกไ็ ด้ และไดท้ ราบผลการเรยี นของตนเองทันทีเชน่ กนั 4. นักเรยี นมโี อกาสไดพ้ บปะกบั ผ้สู อนมากขึ้น เพราะนักเรียนดว้ ยตนเอง ครกู ม็ ีเวลาใหค้ าปรึกษากับผ้มู ปี ัญหาในขณะที่ใช้ชุด การเรียนท่ีเรียนด้วยตนเอง 5. นักเรยี นจะได้รบั คะแนนอะไรนนั้ ข้นึ อยู่กับความสามารถของนักเรียนหรอื ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรียนเอง ไม่มีคา ว่าสอบตกสาหรับนักเรียนไม่สาเรจ็ แต่จะใหน้ ักเรียนกลับไปศกึ ษาเร่อื งเดิมนน้ั ใหม่ จากผลการเรียนจนได้ตามมาตรฐานเกณฑ์ท่ีตง้ั ไว้ สวุ ิทย์ มลู คาและอรทยั มูลคา (2545 : 52) ได้กลา่ วถึงประโยชน์ของชดุ การสอนไวว้ ่า 1. สง่ เสรมิ การเรยี นแบบรายบุคคล นักเรียนเรยี นได้ตามความสามารถ ความสนใจ ตามเวลาและโอกาสทเี่ หมาะสม 2. ช่วยขจดั ปญั หาการขาดแคลนครู เพราะชุดการสอนชว่ ยใหน้ ักเรียนเรียนได้ด้วยตนเอง 3. ช่วยในการศึกษานอกระบบโรงเรียน เพราะนกั เรยี นสามารถนาชุดการสอนไปใช้ได้ทกุ สถานท่ีและทกุ เวลา 4. ชว่ ยลดภาระและช่วยสรา้ งความพร้อมและความม่นั ใจใหแ้ ก่ครู เพราะสามารถนาไปใช้ไดท้ ันที 5. เปน็ ประโยชนใ์ นการสอนแบบศนู ย์การเรยี น 6. ช่วยให้ครวู ดั ผลผู้เรียนได้ตรงตามความมุง่ หมาย 7. เปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้แสดงความคิดเหน็ ฝกึ การตัดสนิ ใจ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมคี วามรบั ผดิ ชอบ 8. ช่วยใหน้ ักเรยี นจานวนมากได้รับความรูแ้ นวเดียวกันอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

22 9. ช่วยฝึกใหน้ กั เรียนร้จู ักเคารพ นบั ถือความคดิ เห็นของผู้อื่น จะเหน็ ไดว้ า่ ชดุ การสอนช่วยให้ครูผู้สอนสามารถดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ ชุดการสอนช่วยสร้าง ประสบการณ์ในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนและช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่ อ นกั เรียนมสี ว่ นร่วมอยา่ งกระตือรือรน้ ในกระบวนการเรยี นรู้ และไดร้ บั ผิดชอบกบั ความสาเร็จของตนเอง การเรียนรู้อย่างดีเลิศจะเกิดข้ึน จากการไดฝ้ กึ คิดได้สมั ผัส ได้ตดั สนิ ใจ และลงมือปฏบิ ัติในเร่อื งท่สี าคญั ๆ การเขยี นแผนการจดั การเรยี นร้สู าหรบั ชุดการสอน การวางแผนการสอน ก่อนการเขยี นแผนการจัดการเรียนรูต้ ้องมีการวางแผนการจัดการเรยี นรู้ เช่นชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2540 : 39 - 40) ได้สรปุ สง่ิ สาคญั ในการวางแผนการจดั การเรียนรดู้ งั น้ี 1. วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ เป็นความคาดหวังหรอื ความต้องการทอ่ี ยากใหน้ กั เรียนเกิดพฤติกรรมอย่างไรบ้างภายหลังท่ี ได้รับประสบการณ์หรือการเรียนรู้เนื้อหาท่ีจัดให้แล้ว วัตถุประสงค์ของการเรียนมีความสาคัญที่ให้แนวทางในการเลือกเน้ือหาสาระ ประสบการณว์ ิธสี อน สอื่ การเรียน การวัดและประเมนิ ผล 2. เนอื้ หาสาระ คอื ส่งิ ทจ่ี ัดให้นักเรยี นไดเ้ รียนรู้ แล้วเกิดการเปลย่ี นแปลงไปตามวตั ถปุ ระสงค์ที่กาหนดไว้ เนือ้ หาสาระถือเป็น เครื่องมอื ที่จะนาไปสกู่ ารเรยี นรู้ตามวตั ถุประสงคฉ์ ะนน้ั เนื้อหาสาระท่จี ัดให้แก่นกั เรียนจึงต้องเลือกใหส้ อดคลอ้ งกับวตั ถุประสงคข์ องการ สอนเสมอ 3. การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน คือเมอ่ื ได้กาหนดวัตถปุ ระสงคแ์ ละรวู้ า่ ใชเ้ น้อื หาสาระอะไรจัดให้แกน่ กั เรียนแลว้ ก็ พิจารณาจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ให้สามารถสนองวตั ถปุ ระสงค์ทก่ี าหนดไว้ โดยจะต้องคานงึ ถงึ ลักษณะการเรยี นรูข้ องนักเรียนความ ตอ้ งการและความสนใจของนกั เรียน 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นเป็นการตรวจสอบดูว่าหลงั จากที่จัดกิจกรรมและจดั ประสบการณใ์ หแ้ ก่นกั เรียนแลว้ นกั เรยี นเกิดการเรียนรตู้ ามวตั ถุประสงค์ที่กาหนดไว้มากน้อยเพยี งใดแสดงว่าการวดั ประเมินผลนน้ั จะตอ้ งวัดและประเมินผลตาม วตั ถปุ ระสงค์หรอื จะต้องอาศัยวตั ถปุ ระสงคข์ องการเรียนเปน็ แนวทางในการวัดและประเมนิ ผลน่ันเอง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้แต่ละคนอาจมีรูปแบบแตกต่างกันออกไป แผนการจัด การเรียนรู้จะเป็นเคร่ืองช่วยชี้แนว ทางการสอนของครูและของผสู้ รา้ งชดุ การสอนนน้ั ในแตล่ ะแผนการจดั การเรยี นรูป้ ระกอบด้วย หัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1. ชือ่ วิชา ......................................หน่วย............................................................... 2. เรอื่ ง ................................................................................................................. 3. แนวคิด (มโนทัศน)์ ............................................................................................. 4. วัตถปุ ระสงค์ ...................................................................................................... 5. กิจกรรมการเรียนการสอน ..................................................................................... 6. ส่อื การสอน ........................................................................................................ 7. การวัดผลประเมนิ ผล ............................................................................................. สือ่ การสอน สอื่ การสอน หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรือกิจกรรมต่างๆท่ีใช้เป็นสื่อกลางให้ครูสามารถส่งหรือถ่ายทอดความรู้ เจตคติและ ทักษะไปยงั นกั เรียนอยา่ งมีประสิทธิภาพ ส่อื การสอนมี 3 ประเภท คือ 1. วัสดุ หมายถึง สอื่ ทีไ่ มค่ งทนถาวร เปน็ วัสดสุ น้ิ เปลอื ง เช่น สารเคมี แผ่นโปร่งใส ชอล์ก แผนภาพ 2. อุปกรณ์ หมายถึง สอื่ ที่คงสภาพ เช่น เคร่อื งฉายภาพข้ามศรี ษะ อุปกรณ์ ชดุ คอมพวิ เตอร์ จอฉายกระดาน หรืออุปกรณ์ท่ี ใช้ในการทดลอง ได้แก่ กล้องจลุ ทรรศน์ กล้องโทรทัศน์ บีกเกอร์ แทง่ แก้ว ถ้วยกระเบ้ือง 3. สื่อประเภทกระบวนการได้แก่ การจัดระบบ การทดลอง การสาธติ กจิ กรรมตา่ งๆทีค่ รูจัดขนึ้ การวัดผลประเมินผล การสรา้ งชุดการสอนท่มี ปี ระสิทธภิ าพจะตอ้ งทาการประเมินผล ซึง่ จะวัดจากองคป์ ระกอบของกระบวนการ คือวัดจากเน้อื หา และการหาประสิทธภิ าพของชดุ การสอน การวัดเนื้อหา เพ่ือวัดนักเรียนว่ามคี วามร้ตู ามวตั ถุประสงคห์ รือไม่ การวดั จะต้องวัดจากคะแนนสอบก่อนเรยี นเปรยี บเทียบกับ คะแนนสอบหลงั เรยี น แล้วเปรียบเทียบว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่และในความแตกต่างดังกล่าวนักเรียนสามารถผ่านได้ตามเกณฑ์ที่ กาหนดให้หรอื ไม่

23 การวัดด้านประสิทธิภาพเพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ว่าชุดการสอนดังกล่าวมีประสิทธิภาพดีพอ ท่ีจะใช้สอนหรือไม่ การวัด ประสิทธิภาพใช้คะแนนจากแบบฝกึ หัดกบั คะแนนจากแบบทดสอบ หลังเรยี นเปรียบเทียบกับเกณฑท์ ีก่ าหนดให้ เชน่ 80:80 เป็นตน้ ในปจั จบุ ันถอื วา่ การวดั ผลและประเมนิ ผลเป็นส่วนหนง่ึ ของกระบวนการเรยี นการสอน จึงสามารถวัดผลและประเมินผลได้ใน ทุกข้นั ตอนของการเรียนการสอนทัง้ ก่อนเรยี นระหว่างเรยี นและหลังเรยี นโดยเนน้ การวดั ผลและประเมินผลเพือ่ การปรับปรงุ การเรียนการ สอนมากกวา่ เพ่ือการตัดสินเลื่อนช้ันของนักเรียน การประเมินผลก่อนเรยี น เปน็ แบบทดสอบทีใ่ ช้วัดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมท่ีครูคาดหวังให้นักเรียนเปล่ียนพฤติกรรม และ เป็นการวดั ความร้พู ้ืนฐานของนกั เรยี นก่อนที่จะทาการสอนโดยการใช้แบบทดสอบแบบอิงเกณฑ์ซึ่งเป็นข้อสอบชุเดียวกันกับแบบทดสอบ หลงั เรียน 1. แบบฝึกปฏบิ ตั ิ เปน็ สว่ นหน่งึ ของกระบวนการเรยี นร้เู ป็นการวดั พฤติกรรมย่อยขณะเรยี น 2. แบบทดสอบหลงั เรยี น ใชว้ ัดพฤตกิ รรมตามจุดประสงคก์ ารเรียนร้ทู ี่ตง้ั ไวล้ ักษณะของ แบบทดสอบ เปน็ แบบทดสอบแบบอิงเกณฑซ์ ่งึ มงุ่ วดั พฤตกิ รรมทเี่ ปล่ยี นไปตามเกณฑ์ที่เขียนไว้ตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม แบบทดสอบจะตอ้ งครอบคลมุ พฤตกิ รรมต่างๆและต้องพอเหมาะกบั เวลาทใ่ี ชด้ ว้ ย 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น เปน็ เครื่องมือในการประเมินผลการเพื่อสังเกตพฤติกรรมทักษะและกระบวนการทางาน ของนักเรยี น เพื่อนาผลการประเมนิ ไปเปน็ สว่ นหนงึ่ ของการปรบั ปรงุ พฤติกรรมและทักษะกระบวนการ โดยที่นักเรียนเพ่ือนนักเรียน ครู หรือผู้ปกครองเปน็ ผปู้ ระเมิน คมู่ อื การใชช้ ุดการสอน คมู่ อื การใช้ชดุ การสอนหรือคู่มอื ครูเป็นเคร่ืองมือสาหรับครูในการศึกษารายละเอียดก่อนท่ีจะนาชุดการสอนไปใช้ (สมพงษ์ แตงตาด และ สมเชาว์ เนตรประเสรฐิ . 2541 : 85 - 87)ส่วนประกอบของคู่มือการใชช้ ดุ การสอนมีดงั นี้ 1. คานา 2. คาชแี้ จงในการใชช้ ดุ การสอนประกอบคาบรรยาย 3. ส่วนประกอบของชดุ การสอนบอกสว่ นตา่ งๆของชุดการสอน 4. การจัดชั้นเรยี น 5. สงิ่ ท่คี รูตอ้ งเตรยี ม สอ่ื การเรียนการสอน 6. แผนการสอน 7. แบบฝึกปฏิบตั ินักเรยี นพร้อมแนวคาตอบ 8. แบบประเมินผลก่อน-หลังเรียนพร้อมเฉลย การทดสอบประสทิ ธิภาพของชุดการสอน กอ่ นทจี่ ะนาชุดการสอนท่ไี ดผ้ ลิตขึน้ ไปใช้ตอ้ งมกี ารตรวจ แก้ไข ปรับปรุงและทดลองให้ได้มาตรฐานเสียก่อนเพ่ือจะให้ทราบ ว่าชุดการสอนน้ันมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดดังน้ันก่อนนาไปใช้จริงจะต้องมีการนาชุดการสอนน้ันไปทดสอบหาประสิทธิภาพ เสยี ก่อนซงึ่ กรองกาญจน์ อรณุ รตั น์ (2542 : 33 – 336) ไดก้ ลา่ วถึงขน้ั ตอนการทดสอบประสิทธภิ าพของชดุ การสอนไวด้ งั น้ี 1. แบบหนง่ึ ตอ่ หนึง่ เปน็ การนาชุดการสอนไปใชก้ บั นักเรียนจานวน 3 คนโดยใช้กับ นักเรียนที่มีผลการเรยี นอ่อนปานกลางและเกง่ ซ่ึงการทดลองในขั้นน้ีเป็นการทดสอบการส่ือความหมาย กล่าวคือจะดูความสามารถใน การสื่อความหมายของชดุ การสอนเปน็ หลกั เพอ่ื ทจี่ ะศึกษาถึงขอ้ บกพรอ่ งของสอ่ื การสอนลาดบั ของการนาเสนอเนื้อหา ความเหมาะสม ของวิธีการนาเสนอเนอ้ื หาวิชาความรวู้ ่ามีความเหมาะสมกับเน้ือหา วัตถุประสงค์และตัวนักเรียนหรือไม่ ไม่ได้มุ่งเน้นท่ีจะนาเอาคะแนน ผลสัมฤทธข์ิ องนักเรียนภายหลงั ทศ่ี กึ ษาจากชดุ การสอนมาเปน็ เคร่อื งตัดสนิ ประสทิ ธภิ าพของชุดการสอน 2. แบบกล่มุ เป็นการนาชดุ การสอนท่ปี รับปรุงแก้ไขทดลองใช้กับนักเรียน 6-10 คนโดยเป็นการคละกันระหว่างนักเรียนท่ี เรียนเก่งกับนักเรียนที่เรียนอ่อนในการทดลองขั้นน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อดูความสามารถของชุดการสอนในลักษณะของปฏิสัมพันธ์ของ นักเรียนที่ใช้ชุดการสอนและจาเป็นการทดลองตามข้ันตอนของกระบวนการเรียนการสอนท่ีกาหนดไว้ในชุดการสอนน้ันโดยก่อนท่ีจะ เรยี นมีการใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนซ่ึงในการทาแบบทดสอบก่อนเรียนนี้จะต้องกาชับให้นักเรียนทุกคนทาแบบทดสอบโดย อาศยั ความรทู้ ม่ี อี ยมู่ าใชใ้ นการตอบ ขอ้ ไหนที่ไม่ทราบก็ไม่ต้องตอบและห้ามเดาคาตอบเด็ดขาดภายหลังท่ีนักเรียนทาแบบทดสอบก่อน เรียนเสรจ็ แล้วให้นาแบบทดสอบพร้อมกระดาษคาตอบคืนใหค้ รู ครกู ็จะให้นกั เรียนศกึ ษาชดุ การสอนในขณะท่นี กั เรยี นกาลงั ศึกษาจากชุด การสอนนนั้ ครผู ู้สอนตอ้ งคอยสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนจบั เวลาในการเรียนและคอยช่วยเหลอื เมือ่ นกั เรียนประสบปัญหาในการเรียน

24 ภายหลังจากนาชดุ การสอนไปทดลองในข้ันที่ 1 และขนั้ ท่ี 2 แลว้ ถ้าคะแนนที่ได้ออกมาเท่ากับเกณฑ์ที่ต้ังไว้ ก็สามารถนาชุด การสอนไปทดสอบประสิทธิภาพในการทดลองขัน้ ท่ี 3 (ภาคสนาม) ต่อไป แต่ถ้าคะแนนที่ได้ออกมาต่ากว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ก็จะต้องนาชุด การสอนไปทดลองใช้แบบกลุ่มกับนักเรียนกลุ่มต่อไปเพ่ือหาทางปรับปรุงแก้ไขและขจัดข้อบกพร่องให้มากที่สุดทาการทดลองซ้า จนกระทั่งมคี วามแนใ่ จว่าชุดการสอนมปี ระสทิ ธภิ าพเท่ากับเกณฑ์แลว้ จงึ นาชดุ การสอนไปทดลองเพอื่ หาประสิทธิภาพในขนั้ ที่ 3 ต่อไป 3. ภาคสนามในการทดลองขั้นน้จี ะเป็นการนาชุดการสอนที่ปรบั ปรุงแกไ้ ขแล้วไปทดลองใช้ในช้นั เรยี นทีม่ ีนักเรยี นตงั้ แต่ 20 - 100 คน โดยมกี ารดาเนินการทดลองตามขนั้ ตอนเชน่ เดียวกับการทดลองแบบกลมุ่ หากการทดลองภาคสนามชใี้ ห้เห็นวา่ ชุดการสอนมี ประสิทธิภาพไมถ่ งึ ตามเกณฑม์ าตรฐานทกี่ าหนดไวก้ จ็ ะต้องนาชุดการสอนไปปรับปรงุ แกไ้ ขและทาการทดสอบหาประสทิ ธิภาพซ้าอกี จนกระทัง่ ชุดการสอนนั้นมปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ การกาหนดเกณฑ์ประสทิ ธิภาพของชดุ การสอน การกาหนดเกณฑ์ประสทิ ธภิ าพของชดุ การสอนนัน้ หมายถึง ระดับประสทิ ธภิ าพของชุดการสอนท่ีจะช่วยให้นักเรียนเกิดการ เรยี นรู้ หากชุดการสอนนนั้ ๆ มีประสทิ ธภิ าพถงึ เกณฑ์มาตรฐานแล้วย่อมแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของชุดการสอนที่จะนาไปใช้สอนนักเรียน ใหส้ ามารถบรรลุวตั ถุประสงคข์ องการเรียนได้ซ่ึงเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้มีหลายระดับ เช่น 75/75 80/80 85/85 90/90 และ 95/95 ทั้งน้ขี น้ึ อย่กู ับลกั ษณะของวิชาการกาหนดคา่ เกณฑ์ประสทิ ธิภาพของ ชดุ การสอนไมไ่ ดต้ ้งั ขึ้นตามความตงั้ ใจของผู้สร้าง แตเ่ ป็นผลจากการ ทดลองใช้โดยปกติเน้ือหาท่ีเป็นความรู้มักจะต้ังเกณฑ์ไว้ต้ังแต่ 90/90 ขึ้นไป ถ้าเป็นวิชาที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหรือมีอันตราย อาจจะตัง้ เกณฑไ์ ว้ 100/100 หรอื ต่ากวา่ เกณฑ์ แล้วแต่กรณี ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2543 : 357) ได้กล่าวถึง การกาหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพกระทาได้โดยการประเมินพฤติกรรมของ นกั เรียนเป็น 2 ประเภท คอื พฤตกิ รรมตอ่ เนื่อง (กระบวนการ) และพฤตกิ รรมขน้ั สุดทา้ ย(ผลลพั ธ)์ 1. การประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง (Transitional Behavior) คือ การประเมินผลต่อเน่ืองซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรมย่อย หลาย ๆ พฤติกรรม เรียกว่า “กระบวนการ (Process)” ของนักเรียนที่สังเกตจากการประกอบกิจกรรมกลุ่ม (รายงานของกลุ่ม) และ รายงานของบุคคลได้แกง่ านท่ีมอบหมายและกิจกรรมอนื่ ใดทคี่ รผู สู้ อนกาหนดไว้ 2. การประเมินพฤตกิ รรมข้ันสุดท้าย (Terminal Behavior) คือ การประเมนิ ผลลัพธ์ (Products) ของนักเรยี นโดย พิจารณาจากการสอบหลงั เรียนและการสอบปลายภาค ซ่งึ ประสิทธภิ าพของชุดการสอนจะกาหนดเป็นเกณฑท์ คี่ รูผสู้ อนคาดหมายว่านกั เรยี นจะเปลี่ยนพฤตกิ รรมเป็นที่พึงพอใจ โดย กาหนดให้เป็นเปอร์เซ็นต์ของผลเฉล่ียของคะแนนการทางานและการประกอบกิจกรรมของนักเรียนทั้งหมดต่อเปอร์เซ็นต์ของผลการ ทดสอบหลงั เรียนของนกั เรยี นท้งั หมด นัน่ คอื E1/E2 E1 คอื ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการคดิ เปน็ ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยจากการทาแบบฝึกหัด E2 คอื ค่าประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ (พฤติกรรมทเี่ ปลย่ี นในตัวนกั เรยี นหลงั เรยี น) คดิ เป็นร้อยละของคะแนนการทดสอบหลัง เรียน การกาหนดเกณฑป์ ระสทิ ธิภาพของชุดการสอน นิยมตั้งไว้ 90/90 สาหรบั เนอื้ หาวชิ าทเ่ี ป็นความจา และไม่ตา่ กว่า 80/80 สาหรบั วิชาทกั ษะเช่น ภาษา เพราะการเปลีย่ นพฤติกรรมคิดตามระยะเวลาไม่สามารถเปลย่ี นและวัดไดท้ ันทีที่เรียนเสร็จไปแลว้ วิธีการคานวณหาประสทิ ธภิ าพของชุดการสอน การหาประสทิ ธิภาพของชดุ การสอน ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ (2540 : 495) ได้กลา่ วถึงวิธกี ารคานวณหาประสิทธิภาพ ของชดุ การสอนสามารถหาได้ 2 วิธี คอื 1. วิธีคานวณโดยใช้สูตร กระทาโดยใช้สูตรตอ่ ไปนี้ x N E1  A 100 y N E2  B 100

25 เมอ่ื E1 แทน ประสิทธิภาพกระบวนการ E2 แทน ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ x แทน ผลรวมของคะแนนระหวา่ งเรยี น   y แทน คะแนนรวมจากการทดสอบหลังเรยี น N แทน จานวนนักเรียน A แทน คะแนนเต็มของคะแนนระหวา่ งเรยี น B แทน คะแนนเตม็ ของแบบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 2. วิธกี ารคานวณธรรมดา หากไมอ่ ยากใชส้ ตู รในการคานวณแลว้ ก็สามารถใช้วิธีการคานวณธรรมดาเพอ่ื หาค่า E1 และ E2 ได้ สาหรับค่า E1 คอื ค่าประสิทธิภาพของงานและแบบฝึกหดั น้ัน กระทาได้โดยการเอาคะแนนงานทกุ ชน้ิ ของนกั เรียนแตล่ ะคน มารวมกนั แลว้ หาคา่ เฉลย่ี และเทยี บสว่ นโดยเปน็ ร้อยละ สาหรบั คา่ E2 ของชุดการสอนแต่ละชดุ นน้ั ไม่ค่อยมปี ัญหาในการคานวณมากนัก เพราะอาจทาได้โดยการเอาคะแนนของ นักเรยี นท้ังหมดมารวมกนั หาคา่ เฉลีย่ แล้วเทียบส่วนร้อยเพื่อหาคา่ รอ้ ยละ การยอมรับและไม่ยอมรับประสิทธิภาพของชุดการสอนนั้นขนึ้ อยู่กับการคานวณหาประสทิ ธิภาพของชดุ การสอน แล้วนาค่าที่ ได้ไปเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานท่ีกาหนดเอาไว้ เราจะยอมรับประสิทธภิ าพของชุดการสอนที่สร้างขนึ้ อาจกาหนดไว้ 3 ระดับคอื 1. “สูงกว่าเกณฑ์” เปน็ ระดบั ประสทิ ธิภาพของชุดการสอนเม่ือชดุ การสอนนนั้ มีประสิทธภิ าพสงู กวา่ เกณฑ์ทีต่ ั้งไว้มีค่าเกนิ กวา่ 2.5% ขึ้นไป 2 . “เท่ากบั เกณฑ์” เปน็ ระดับประสิทธิภาพของชดุ การสอนเม่ือชดุ การสอนน้ันมปี ระสทิ ธิภาพเทา่ กบั เกณฑท์ ี่ตัง้ ไว้แต่ไมเ่ กนิ 2.5% 3. “ตา่ กวา่ เกณฑ์” เปน็ ระดับประสทิ ธภิ าพของชุดการสอนเมอื่ ชดุ การสอนนั้นมปี ระสิทธิภาพตา่ กวา่ 2.5% ถือว่ามี ประสิทธภิ าพท่ยี อมรับได้ ท้ังนี้การยอมรับประสิทธภิ าพของชดุ การสอนดงั กลา่ วใหถ้ อื ค่าความแปรปรวน 2.5% - 5 % น่ันคอื ประสทิ ธิภาพของชุด การสอนไม่ควรต่ากวา่ เกณฑ์เกิน 5% แต่ปกติเราจะกาหนดไว้ 2.5% เทา่ น้นั เกณฑ์มาตรฐานการยอมรับประสิทธภิ าพของชดุ การสอนนั้น กรองกาญจน์ อรุณรตั น์ (2542 : 216) ได้ใหค้ วามหมายไว้ ดงั น้ี เกณฑ์ 80/80 หมายถงึ 80 ตัวแรก หมายถึง นกั เรียนตอบคาถามในบทเรียนได้รอ้ ยละ 80 80 ตัวหลัง หมายถงึ คะแนนโดยเฉล่ยี ทนี่ ักเรยี นทาไดจ้ ากการทาแบบทดสอบหลังเรียน ชุดการสอนท่ีสร้างขึ้นก่อนท่ีจะนาไปใช้ ต้องมีการทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ได้มาตรฐานเสียก่อน การ ประเมินชดุ การสอนโดยการนาไปทดลองหลายๆ ครัง้ แล้วเทยี บกับเกณฑม์ าตรฐานการยอมรับประสิทธิภาพท่ีผู้สร้างกาหนดไว้ หากชุด การสอนมปี ระสทิ ธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานทีต่ งั้ ไว้ แสดงว่าชุดการสอนนน้ั มีคณุ ค่าสมควรทจ่ี ะนาไปใช้จรงิ ความพึงพอใจ ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลท่ีมีต่อส่ิงใดส่ิงหน่ึง อันเกิดจากพ้ืนฐานของการรับรู้ ค่านิยมและ ประสบการณ์ท่ีแต่ละบุคคลได้รับและจะเกิดขึ้นก็ตอ่ เม่อื สิ่งน้นั สามารถสนองความตอ้ งการให้แกบ่ ุคคลน้ันได้ และนักวิชาการหลายท่านได้ ใหค้ วามหมายของความพึงพอใจไว้ดังนี้ วิทย์ เท่ียงบูรณธรรม (2541 : 754) ได้ให้ความหมายของความพงึ พอใจว่า หมายถึง ความพอใจการทาให้พอใจ ความสาแก่ ใจ ความหนาใจ ความจุใจ ความแนใ่ จการชดเชย การไถ่บาป การแกแ้ ค้นสง่ิ ทีช่ ดเชย วริ ุฬ พรรณเทวี (2542 : 11) ไดใ้ หค้ วามหมายไว้ว่า ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกภายในจิตใจของมนุษย์ท่ีไม่เหมือนกัน ซึ่ง ขึ้นอยูก่ บั แตล่ ะบคุ คลวา่ จะคาดหมายกับสงิ่ หนงึ่ สิ่งใดอย่างไร ถา้ คาดหวังหรือมีความตั้งใจมากและได้รับการตอบสนองได้ดีจะมีความพึง พอใจมาก แตใ่ นทางตรงกันขา้ มอาจผดิ หวงั หรอื ไมพ่ อใจเปน็ อย่างย่ิง เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองตามที่คาดหวังไว้ ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับสิ่งที่ตน ตั้งใจไวไ้ ม่ว่ามมี ากหรอื นอ้ ย กมลา ลาพูน (2542 : 20) กล่าวว่าความพงึ พอใจหมายถึง ความต้องการเป็นแรงผลักดันให้เกิดพฤติกรรมหรือเป็นสภาวะที่ ร่างกายขาดความสมดลุ

26 สรุ พล เยน็ เจริญ (2543 : 6) ความพงึ พอใจหมายถึงสง่ิ ทท่ี าใหบ้ ุคคลเกดิ ความสบายใจเมอ่ื ได้ผลสาเร็จตามความม่งุ หมาย กาญจนา อรุณสุขรุจี (2546 : 5) กล่าวว่า ความพึงพอใจของมนุษย์เป็นการแสดงออกทางพฤติกรรมท่ีเป็นนามธรรมไม่ สามารถมองเหน็ เปน็ รูปร่างได้ การที่เราจะทราบวา่ บคุ คลมีความพึงพอใจหรอื ไม่ สามารถสงั เกตโดยการแสดงออกทคี่ ่อนขา้ งสลบั ซับซ้อน และต้องมีส่ิงเร้าท่ีตรงตามความต้องการของบุคคล จึงจะทาให้บุคคลเกิดความพึงพอใจ ดังนั้นการสร้างสิ่งเร้าจึงจาเป็นแรงจูงใจของ บคุ คลน้นั ใหเ้ กดิ ความพึงพอใจในงานน้นั สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ คือความรู้สึก ความคิดเห็นของแต่ละบุคคลที่มีต่อส่ิงใดสิ่งหน่ึง อันเกิดจากการท่ีบุคคลน้ันได้ เปรียบเทียบความต้องการของตนเองกับประสบการณ์หรือสิ่งที่ตนได้รับในขณะน้ัน แล้วตัดสินว่าสิ่งที่ตนได้รับน้ันตอบสนองต่อความ ต้องการของตนหรือไมม่ ากน้อยเพียงใด ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลท่ีมีต่อส่ิงใดส่ิงหนึ่งอันเกิดจากพื้นฐานของการรับรู้ ค่านิยมและ ประสบการณท์ ่ีแตล่ ะบคุ คลได้รบั และจะเกดิ ข้นึ ก็ตอ่ เมอื่ ส่ิงน้ันสามารถสนองความตอ้ งการให้แกบ่ คุ คลนั้น การวัดความพึงพอใจจึงมีมาตร วดั วามพงึ พอใจสามารถกระทาได้กลายวธิ ีได้แก่ 1. การใชแ้ บบสอบถาม โดยผูส้ อบถามจะออกแบบสอบถามเพ่อื ตอ้ งการทราบความคิดเหน็ ซ่ึงสามารถทาไดใ้ นลกั ษณะท่ี กาหนดคาตอบใหเ้ ลือกหรือตอบคาถามอสิ ระ คาถามดังกลา่ วอาจถามความพึงพอใจในดา้ นตา่ งๆ เช่นการบรหิ าร การควบคมุ งาน และ เงือ่ นไขต่าง ๆ เป็นตน้ 2. การสมั ภาษณ์ เป็นวธิ ีการวัดความพึงพอใจทางตรงทางหนึ่ง ซึ่งตอ้ งอาศัยเทคนิคและวธิ กี ารทด่ี ีจึงจะทาใหไ้ ด้ขอ้ มลู ท่เี ปน็ จริงได้ 3. การสังเกต เปน็ วิธีการวัดความพึงพอใจโดยสงั เกตพฤติกรรมของบุคคลเป้าหมาย ไม่วา่ จะแสดงออกจากการพูด กิริยา ท่าทาง วิธนี จี้ ะต้องอาศยั การกระทาอย่างจรงิ จังและการสังเกตอยา่ งมีระเบยี บแบบแผน งานวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วข้อง ทวี วิทยานนท์ (2551 : 25) ไดร้ ายงานการพฒั นาชุดการสอนเร่อื งนา้ และอากาศกลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จานวน 9 ชุด ในภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2551 จานวน 18 คนผลการศกึ ษาพบว่า 1) การพัฒนาชุดการสอนเร่อื ง นา้ และอากาศท่ีสร้างขึ้น มคี า่ เท่ากบั 82.96/85.00 ซ่ึงมีค่าสงู กว่าเกณฑม์ าตรฐานท่ีต้งั ไว้ 80/80 2) ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี น ที่เรยี นด้วยชดุ การสอน เรอ่ื งน้าและอากาศพบวา่ มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรยี นสงู กว่าก่อนเรียนอย่างมนี ยั สาคญั ทรี่ ะดับ 0.01 3) ความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมตี อ่ วิทยาศาสตรด์ ว้ ยชุดการสอน พบว่ามคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดบั มาก สมปอง โคตรมา (2552 : 35) ได้ศึกษาการสร้างและการพัฒนาชุดการสอนเรื่องชีวิตสัตว์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2552 โรงเรียนวัดอู่ตะเภา กรุงเทพมหานคร จานวน 28 คนผลการศึกษาพบว่า ชุดการสอนเร่ือง ชีวิตสัตว์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 มี ประสทิ ธิภาพ 82.14/83.56 สูงกวา่ เกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพท่ตี ง้ั ไว้ 80/80 ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นหลงั เรียนและก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมี นยั สาคัญทรี่ ะดบั 0.01 และนกั เรยี นมีความคิดเห็นตอ่ ชุดการสอนเร่ืองชีวิตสัตว์น่ารูอ้ ยูใ่ นระดับมากทุกขอ้ จากงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องสรุปได้ว่าการสอนโดยใช้ชุดการสอน เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองตาม ความสามารถของแตล่ ะบุคคลมีอสิ ระในการคดิ ทาใหน้ ักเรียนสามารถสร้างองคค์ วามรไู้ ดด้ ว้ ยตนเองและการจดั กิจกรรมจะช่วยเพ่มิ ความ สนใจและสร้างความ พึงพอใจท่ีดีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์รวมท้ังยังส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นส่งผลต่อ ความร่วมมือ ความกลา้ แสดงออกรวมทง้ั ความมมี นุษยสัมพนั ธม์ ากข้นึ

27 บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนนิ การศึกษา การพัฒนาชดุ การสอนกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื ง การดารงพันธ์ุของพืช ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 มี วตั ถปุ ระสงค์ คือ 1) เพอ่ื พัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง การดารง พนั ธ์ุของพชื ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนจาก การจัดกิจกรรม การเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธ์ุของพืช ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 3) เพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการ ดารงพันธขุ์ องพชื ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 ผศู้ กึ ษาขอนาเสนอขัน้ ตอนดงั นี้ 1. แบบแผนท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 2. ประชากร 3. เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 4. การสรา้ งและการหาคุณภาพเครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการศกึ ษา 5. วิธีดาเนนิ การศกึ ษา 6. การจัดทากับข้อมูลและการวเิ คราะห์ขอ้ มลู แบบแผนทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา การพฒั นาชดุ การสอน กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธข์ุ องพชื ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ใช้ การวิจัยเชิงทดลอง แบบแผนการวิจัยในชั้นเรียนเป็นกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว (One Group Pretest- Posttest Design) (ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ, 2543 : 249) ซ่ึงปรากฏดงั น้ี ตารางที่ 3 แบบแผนการวิจยั ในชัน้ เรยี นเปน็ กลุ่มทดลองกลุม่ เดยี ว (One Group Pretest Posttest Design) สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง O1 X O2 O1 หมายถึง การทดสอบก่อนใช้ชุดการสอน X หมายถงึ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยการใชช้ ดุ การสอน เรอื่ ง การดารงพันธ์ุของพืช O2 หมายถงึ การทดสอบหลังการใช้ชุดการสอน ท่มี า: (นพพร ชนะชัยขันธ์. 2544 : 46) ประชากร ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษาครง้ั นี้ เป็นนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนป่างิ้ววิทยา อาเภอเวียงปา่ เป้า สานักงานเขต พนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 จานวน 14 คน เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษา เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาครัง้ น้ปี ระกอบดว้ ย 1. เครอ่ื งมอื ในการทดลองไดแ้ ก่ ชดุ การสอนสาหรับนักเรียนจานวน 6 ชุด และคู่มือการใชช้ ดุ การสอน 2. เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพนั ธข์ุ องพชื ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 จานวน 30 ข้อและแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อ ชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ ง การดารงพนั ธข์ุ องพืช ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 จานวน 10 ข้อ การสร้างและการหาคุณภาพเคร่อื งมือทใี่ ช้ในการศกึ ษา ผศู้ ึกษาไดก้ าหนดขนั้ ตอนในการดาเนินการสรา้ งและการหาคุณภาพของเครื่องมอื ท่ีใช้ใน การทดลองดงั นี้

28 1. การสร้างชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพนั ธุ์ของพชื ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 มขี ้นั ตอนในการสร้างมดี ังนี้ 1.1 ศกึ ษาแนวทางและกาหนดรูปแบบในการสร้างชดุ การสอน ชดุ การสอนมหี ลายรูปแบบก่อนสร้างชดุ การสอนจงึ ตอ้ ง ศกึ ษาแนวทางในการสร้างตลอดจนเทคนิคในการจัดกิจกรรมดังน้ี 1.1.1 ศกึ ษาข้นั ตอนในการจดั ทาชุดการสอนแตล่ ะชนดิ 1.1.2 ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การจดั ทาชุดการสอน 1.1.3 เทคนคิ การสอนและกระบวนการท่ใี ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน วทิ ยาศาสตร์ การใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การตัง้ คาถามและกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ 1.1.4 ศกึ ษางานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้องกับการทาชุดการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1.2 กาหนดรูปแบบชดุ การสอน ผศู้ กึ ษาได้ทาการศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบของชดุ การสอนแบบต่างๆ จากเอกสารการ สอน ชดุ วิชาส่ือการสอนระดบั ประถมศกึ ษาเรื่องการผลิตชุดการสอนระดับประถมศึกษา โดยดร.ชัยยงค์ พรหมวงค์ ซ่ึงเป็นชุดการสอน แบบประกอบ คาบรรยาย (ชดุ การสอนสาหรบั ครู)ทกี่ าหนดกิจกรรมและส่อื การเรยี นใหค้ รใู ช้ประกอบ การบรรยาย เพ่ือเปลี่ยนบทบาท ของครูให้พดู ลดนอ้ ยลงและเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นร่วมกิจกรรมการเรียนมากขึ้น ในชุดการสอนประกอบด้วยชุดการสอนสาหรับนักเรียน ค่มู ือการใชช้ ุดการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน บตั รคาสัง่ บัตรกิจกรรม บัตรเน้อื หา บัตรบันทึกกิจกรรมและ บตั รเฉลยกจิ กรรม โดยสรา้ งชุดการสอนทั้งหมด 6 ชดุ การสอนประกอบดว้ ย ชุดท่ี 1 ส่วนประกอบของดอก ชดุ ท่ี 2 สว่ นประกอบของเกสรตัวผูแ้ ละเกสรตวั เมยี ชุดท่ี 3 การสบื พันธขุ์ องพชื ดอก ชุดท่ี 4 การขยายพันธ์ุพชื ดว้ ยการปักชาและการตอนกิ่ง ชุดที่ 5 การขยายพนั ธุ์พืชด้วยการติดตาและการทาบกิ่ง ชดุ ท่ี 6 ความหลากหลายของพชื ในท้องถิน่ 1.3 จดั ทาแบบประเมนิ ชดุ การสอน กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ ง การดารงพนั ธ์ุของพชื ชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ประกอบฉบบั จริง สาหรบั ผเู้ ชย่ี วชาญตรวจสอบ(ภาคผนวก ก : 78) ได้ประเมนิ โดยกรอกแบบประเมินชนดิ มาตรา สว่ นประมาณค่า (Rating Scale) ตรวจสอบให้คะแนนคาตอบตามเกณฑก์ ารประเมนิ ดงั ตอ่ ไปนี้ กรองกาญจน์ อรุณรตั น์ (2542 : 338) ดมี าก ตรวจใหค้ ะแนน 5 คะแนน ดี ตรวจให้คะแนน 4 คะแนน ปานกลาง ตรวจใหค้ ะแนน 3 คะแนน พอใช้ ตรวจให้คะแนน 2 คะแนน ควรแก้ไข ตรวจให้คะแนน 1 คะแนน และใช้เกณฑก์ ารแปลความหมายค่าเฉลีย่ ดงั น้ี ดมี าก ตรวจให้คะแนน 4.51 – 5.00 ดี ตรวจให้คะแนน 3.51 – 4.50 ปานกลาง ตรวจใหค้ ะแนน 2.51 – 3.50 พอใช้ ตรวจใหค้ ะแนน 1.51 – 2.50 ควรแก้ไข ตรวจให้คะแนน 1.00 – 1.50 ผลการประเมินชดุ การสอนกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื ง การดารงพันธ์ุของพืช ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 พบวา่ ชดุ การสอนท้ัง 6 ชดุ ในภาพรวมผเู้ ช่ียวชาญมีความคิดเห็นในระดบั ดีมากโดยมีค่าเฉลยี่ 4.96 (ภาคผนวก ค : 104) 1.4 การทดลองใช้และหาประสิทธิภาพ หลงั ทท่ี าการปรบั ปรุงพฒั นาตามคาแนะนาของผเู้ ชีย่ วชาญแลว้ ได้นาชดุ การ สอนท้งั 6 ชดุ ไปทดลองใชก้ บั นักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรยี นบ้านฮา่ งตา่ ที่ได้รบั การจัดการเรียนรู้หน่วยการเรยี นดังกล่าวมาแลว้ หลงั จากนัน้ นามาทดลองใช้เพื่อหาประสิทธภิ าพ มวี ธิ ที ดลอง 3 ข้นั ตอนคอื 1.4.1 ขั้นทดลองกลุ่มย่อย (แบบ 1:1หรือ Face to Face Tryout) นาชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืช ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 ไปทดลองใช้กับนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบ้านฮ่างต่า) อาเภอเวียงป่าเป้า สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาเชียงรายเขต 2 จานวน 3 คน ท่ีมี

29 ความสามารถแตกต่างกัน คือเก่ง ปานกลาง และอ่อน สังเกตและบันทึกพฤติกรรมนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรมพบข้อบกพร่องคือ นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมไม่ทนั ทุกชุดยังมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (ภาคผนวก ค : 105 ) และผู้ศึกษาได้ปรับปรุงให้ง่ายข้ึนและได้ ตรวจทานอักษร การพมิ พ์ เพิม่ เตมิ รูปภาพ เพือ่ ใหน้ า่ สนใจยิง่ ขึ้น 1.4.2 ขน้ั ทดลองกลุ่มเล็ก (แบบ1:10 หรอื Small Group Tryout) นาชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพันธขุ์ องพืช ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ทปี่ รับปรงุ แก้ไขแล้วทดลองใชก้ บั นักเรยี น ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาค เรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2561 โรงเรยี นบา้ นฮา่ งตา่ อาเภอเวียงปา่ เป้า สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาเชียงรายเขต 2 จานวน 9 คนท่ีมี ความสามารถแตกตา่ งกนั เปน็ นักเรยี นเกง่ 3 คน ปานกลาง 3 คนและออ่ น 3 คน หาประสทิ ธภิ าพและมปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 (ภาคผนวก ค : 106) จากการสังเกตและสอบถามนกั เรยี นไมเ่ ขา้ ใจคาถามท่ีถามและได้ปรับปรงุ แกไ้ ขคาถามใหเ้ ข้าใจง่ายย่ิงขึน้ ก่อนนาไป ทดลองใช้กบั นักเรียน จานวนนักเรยี น 40 คน 1.4.3 ข้ันทดลองภาคสนาม (แบบ 1:100 หรือ Field Group Tryout) เป็นนักเรียนกลุ่มใหญ่ ทดลองใช้กับ นกั เรียน ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561 โรงเรียนบ้านฮ่างต่า อาเภอเวียงป่าเป้า สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา เชยี งรายเขต 2 จานวน 40 คน ไดห้ าประสิทธิภาพของการเรยี นรู้ด้วย ชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธข์ุ องพืช ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 โดยใช้สตู รในการวิเคราะห์ขอ้ มูลตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ผลการหาประสิทธิภาพของ ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธุ์ของพืช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในภาพรวมทั้ง 6 ชุด พบวา่ ไดค้ า่ ประสิทธภิ าพของชดุ การสอน 86.58/88.00 ซึง่ สงู กวา่ เกณฑ์ทต่ี ั้งไว้ (ภาคผนวก ค : 109) 2. การสร้างคมู่ อื การใช้ชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธุ์ ของพืช ช้นั ระถม ศึกษาปที ่ี 5 จานวน 1 เลม่ 2.1 ศกึ ษา ตรวจสอบ ทบทวนหลักสตู รสถานศกึ ษาตามกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนป่างิ้ว วิทยา เกี่ยวกับการจัดสาระการเรียนรู้ คาอธิบายรายวิชามาวิเคราะห์เพื่อวางแผนอย่างมีคุณภาพในเร่ืองท่ีเกี่ยวกับมาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ตัวชี้วดั การกาหนดเวลาในการสอน ออกเป็นหนว่ ยการเรยี นรู้ 2.2 นาหนว่ ยการเรยี นรูต้ ามหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นปา่ งิว้ วิทยา มาพิจารณาทาการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ตัวช้วี ดั ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ จานวนแผนและช่วั โมงการเรยี นรู้ วิเคราะห์แยกเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ ในการน้ีผู้ ศึกษาไดน้ าหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื งการดารงพันธุ์ของพืช ซึ่งมีแผนการจัดการเรียนรู้อยู่ 10 แผนการเรียนรู้ มาดาเนินการจัดทาเป็น คมู่ ือการจดั การเรียนรู้ สัปดาหล์ ะ 2 ชว่ั โมง รวม ทั้งสน้ิ 18 ช่ัวโมง 2.3 การจัดทาคูม่ ือการใช้ชุดการสอน ผู้ศกึ ษาไดพ้ จิ ารณาวิเคราะหจ์ ากหนว่ ยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ืองการดารงพันธ์ุของพืช เพื่อจัดทาคู่มือการ จัดการเรียนรู้ และได้ทาการวิเคราะห์ความต้องการของนักเรียนและข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน เพ่ือจัดทาคู่มือการจัดการเรียนรู้ ตามลาดบั ดังน้ี 2.3.1 ค่มู อื การใชช้ ุดการสอนให้มีองคป์ ระกอบครบถว้ นเหมาะสม และมีรายละเอยี ดสอดคลอ้ งสัมพันธ์กัน ได้แก่ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั เน้อื หาสาระ กระบวนการเรยี นรู้ สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ กระบวนการวดั และประเมินผล 2.3.2 การเขยี นสาระการเรียนร้ทู กี่ ระชบั ครอบคลมุ ตามเปา้ หมาย 2.3.3 จุดประสงค์การเรยี นรมู้ คี วามชดั เจน ถกู ต้อง ครอบคลมุ เนือ้ หาสาระเนน้ พัฒนาทกั ษะกระบวนการคิด 2.3.4 เนอ้ื หา/กจิ กรรมการเรยี นการสอนเหมาะสมกับเวลาทีก่ าหนด 2.3.5 เนอื้ หาสาระในคมู่ อื การใชช้ ดุ การสอนถูกต้องตามหลักวิชาการ 2.3.6 กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย เหมาะสมกบั วยั ของนกั เรยี น ฝึกใหน้ กั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ มีทักษะ กระบวนการคดิ และสามารถนาไปปฏิบัติไดจ้ ริง 2.3.7 มีการใชส้ ่ือ แหลง่ การเรยี นรูท้ ีห่ ลากหลาย เหมาะสมกบั เนื้อหาสาระและวยั ของผู้เรียน 2.3.8 มีการวัดผลประเมินผลทห่ี ลากหลายรูปแบบ และสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.4 จดั ทาแบบประเมนิ คา่ ดชั นีความสอดคล้องคมู่ ือการใช้ชุดการสอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ ง การดารงพนั ธข์ุ องพืช ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ประกอบฉบบั จรงิ สาหรบั ผู้เชีย่ วชาญได้ประเมินคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง คู่มอื การ จัดการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ งการดารงพันธขุ์ องพชื ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 2.5 หาคา่ ดัชนคี วามสอดคล้องของคมู่ อื การใช้ชุดการสอน (Index of Item Objective Congruence : IOC ) ได้ค่า ดชั นีความสอดคลอ้ งอยรู่ ะหว่าง 0.60 – 1.00 โดยใชเ้ กณฑด์ ังน้ี

30 + 1 หมายถึง แน่ใจว่าคมู่ อื การใชช้ ดุ การสอนสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์ 0 หมายถงึ ไมแ่ นใ่ จว่าค่มู อื การใช้ชดุ การสอนสอดคล้องกับจุดประสงค์ -1 หมายถึง แน่ใจว่าคมู่ อื การใช้ชุดการสอนไมส่ อดคล้องกบั จุดประสงค์ 2.6 ปรบั ปรุงคูม่ ือการใชช้ ดุ การสอน ตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญ คอื กระบวนการจดั การเรยี นรู้ตอ้ งพฒั นาให้นักเรยี น เกิดการเรียนรู้ตามจดุ ประสงค์(ภาคผนวก ง : 113 - 115) และไดค้ ู่มือการใช้ชุดการสอน ที่มปี ระสทิ ธภิ าพจดั ทาเปน็ ฉบับสมบรู ณ์ นา ค่มู อื ทีไ่ ด้ปรบั ปรงุ ตามข้อเสนอแนะของผู้เชย่ี วชาญแล้วนาไปทดลองใช้พรอ้ มกับชดุ การสอนกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งและใชจ้ รงิ กบั ประชากรตอ่ ไป การดาเนินการสร้างเคร่อื งมอื ท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 1. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ ง การดารงพันธ์ุของพืช ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 จานวน 30 ขอ้ การสร้างแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ ง การดารงพันธุ์ของ พืช ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ผ้ศู ึกษาไดด้ าเนนิ การตามลาดับขั้นตอนดงั น้ี 1.1 ข้ันวิเคราะห์เนือ้ หา ศกึ ษาและวิเคราะหเ์ นือ้ หา สาระการเรียนรู้ ตัวชี้วดั กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 5 จากหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนป่าง้ิววิทยา สานักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศึกษาเชยี งราย เขต 2 และหนังสือเรียน เอกสารต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้องกบั การสรา้ งแบบทดสอบท่มี ปี ระสิทธภิ าพ 1.2 ขนั้ ออกแบบ ผ้ศู ึกษาได้ดาเนนิ การวเิ คราะห์หลักสูตร เนือ้ หาสาระการเรยี นรู้ ตวั ชี้วัดและสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน จานวน 35 ขอ้ เพอ่ื คัดเลอื กแบบทดสอบท่ีมคี ุณภาพตามเกณฑ์ไวใ้ ช้จานวน 30 ขอ้ (ภาคผนวก จ : 117 ) 1.3 ขั้นพัฒนา 1.3.1 การสร้างแบบทดสอบความรเู้ ร่ืองพนื้ ฐานเปน็ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นท่ีสอดคล้องกับหัวเร่ือง วัตถุประสงค์การสอนและเนื้อหา โดยใช้แบบทดสอบอิงเกณฑ์แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 35 ข้อโดยให้ครอบคลุม เนื้อหาและพฤติกรรมมี ความเท่ยี งตรงตามเนือ้ หาและควบคุมพฤติกรรมการเรียนรู้ท่ีต้องการวัดซ่ึงมีอยู่ 4 ด้านคือความรู้ความจาความ เข้าใจ การนาไปใช้และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ทราบว่าหลังจากเรียนจากชุดการสอนแล้ว นักเรียนได้เปล่ียน พฤติกรรมการเรยี นตามวตั ถุประสงคท์ ีต่ ั้งไวห้ รอื ไม่ 1.3.2 นาแบบทดสอบท่ีสรา้ งขนึ้ นาเสนอต่อผเู้ ชย่ี วชาญ 5 ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบความตรงของเน้อื หา ความ ถูกต้องของภาษาและความเหมาะสมของการวัดในตารางวิเคราะห์เพอ่ื หาค่าดชั นคี วามสอดคล้อง(Index of Item Objective Congruence : IOC) ระหวา่ งข้อสอบกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ผลดงั นี้ + 1 หมายถึง แน่ใจว่าสามารถวัดไดต้ รงตามจุดประสงค์การเรยี นร้ขู ้อน้ัน 0 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ สามารถวดั ได้ตรงตามจดุ ประสงค์การเรยี นรูข้ อ้ นั้น -1 หมายถึง แน่ใจวา่ ไมส่ ามารถวดั ได้ตรงตามจดุ ประสงค์การเรยี นรูข้ อ้ น้นั 1.3.3 หาค่าดัชนีความสอดคลอ้ งของเครอ่ื งมอื (Index of Item Objective Congruence : IOC ) และพบว่า แบบทดสอบทีม่ คี า่ IOC ท้งั 35 ข้อมคี ่า IOC ระหวา่ ง 0.60 – 1.00 ปรับปรงุ แบบทดสอบเร่อื งตวั อกั ษรและการพมิ พ์ตามคาแนะนาของ ผู้เชี่ยวชาญซงึ่ ในทีส่ ดุ ไดแ้ บบทดสอบที่สมบูรณ์ (ภาคผนวก จ : 118 - 120) 1.4 ขน้ั ทดลองใช้ นาแบบทดสอบท่ีสมบูรณไ์ ปทดลองใช้ (Try Out) เพ่อื ตรวจสอบคณุ ภาพแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี นกับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 40 คน ในภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561โรงเรยี นบ้านฮ่างต่า ทีผ่ า่ นการเรยี น เร่อื ง การดารงพนั ธุ์ของพืชมาแล้ว เพอื่ ทาการวเิ คราะหห์ าความยากงา่ ย (p) และค่าอานาจจาแนก (r) ซ่ึงเป็นขอ้ ที่ผา่ นมีคณุ ภาพตาม เกณฑ์ แล้วนาผลท่ไี ด้ไปหาค่าความเชอื่ มน่ั 1.5 ขั้นประเมินผล นาแบบทดสอบตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบดังนี้ 1.5.1 ตรวจสอบคา่ ความยากง่าย (Difficulty) ของแบบทดสอบเป็นการตรวจสอบจานวนผู้ตอบแบบทดสอบถกู ใน แต่ละข้อต่อจานวนผเู้ ขา้ สอบทั้งหมดโดยเกณฑ์ขอ้ สอบท่ีดีมคี า่ ความยากงา่ ย ระหว่าง 0.20 – 0.80 ถ้าคา่ ความยากงา่ ย (p) มีคา่ สงู หรอื ต่ากวา่ เกณฑ์ทีก่ าหนดจะต้องปรบั ปรงุ ขอ้ สอบหรือตัดท้งิ ไป (บุญชม ศรสี ะอาด 2545 : 24) จากขอ้ สอบจานวน 35 ข้อมขี อ้ สอบ จานวน

31 5 ขอ้ ทต่ี รวจสอบคา่ ความยากงา่ ยและค่าอานาจจาแนกที่ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ ดงั น้ันจงึ เหลือข้อสอบจานวน 30 ขอ้ และไดแ้ บบทดสอบ เพือ่ หาคา่ ความเชือ่ มนั่ ตอ่ ไป (ภาคผนวก จ : 123 - 126) 1.5.2 ตรวจสอบค่าอานาจจาแนก (Discrimination) ของแบบทดสอบเปน็ การตรวจสอบว่าข้อสอบสามารถ จาแนกนักเรยี นเก่งและนกั เรียนอ่อนได้ดเี พยี งใดโดยใช้เกณฑค์ า่ อานาจจาแนก ตั้งแต่ 0.20 – 1.00 ซ่งึ ถอื วา่ เป็นข้อสอบสามารถจาแนก นักเรยี นเกง่ และนักเรียนอ่อนไดด้ ี ถ้าคา่ อานาจจาแนกตา่ กว่า 0.20 จะตอ้ งปรบั ปรงุ ขอ้ สอบหรือตดั ทิ้งไป (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545 : 55) จากข้อสอบจานวน 35 ขอ้ มขี ้อสอบ จานวน 5 ขอ้ ที่ตรวจสอบค่าความยากงา่ ยและคา่ อานาจจาแนกทีไ่ ม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ ดังน้ันจงึ เหลอื ขอ้ สอบจานวน 30 ข้อ ได้แบบทดสอบเพอ่ื หาค่าความเช่ือมนั่ ตอ่ ไป (ภาคผนวก จ : 123 - 126) 1.5.3 ตรวจสอบคา่ ความเชอื่ มัน่ (Reliability) เป็นการตรวจสอบผลการวัดสม่าเสมอและคงท่ีโดยนาข้อสอบจานวน 30 ข้อท่ีผ่านการคัดเลือกมาหาค่าความ เชือ่ ม่ันของแบบทดสอบโดยการทดสอบเพยี งคร้งั เดยี วเปน็ แบบทดสอบทีต่ อบถกู ได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน แล้วจึงวิเคราะห์หา คา่ ความเช่อื มน่ั จากวธิ ีของคเู ดอร์ ริชารด์ สัน (Kuder – Richardson) KR - 20 และมีค่าความเช่ือม่ัน rtt = 0.87 (ภาคนวก จ : 127 - 131) 1.5.4 จัดพมิ พ์และทาสาเนาข้อสอบท่ผี า่ นการตรวจสอบคุณภาพแลว้ ใหเ้ ป็นฉบับที่สมบูรณ์เพือ่ ทจ่ี ะนาไปทดลอง จริงกับประชากรนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นป่างวิ้ วิทยา ต่อไป 2. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ งการ ดารงพันธ์ุของพืช ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5 จานวน 10 ข้อ การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธุข์ องพชื ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 15 ขอ้ ได้ดาเนนิ การตามข้นั ตอนดงั น้ี 2.1 ขน้ั วเิ คราะห์เนอ้ื หา 2.1.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับความพึงพอใจ เพ่ือนามาเป็นแนวทางในการสร้าง แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน 2.1.2 ศึกษาวิธีสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ และกาหนดรูปแบบสอบถามโดยอาศยั แนวคดิ ทฤษฎี และ งานวิจัยที่เก่ียวข้อง 2.2 ข้ันออกแบบ ผู้ศึกษาได้ออกแบบการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการเรียนโดยใช้ ชุดการสอนกลุ่มสาระการ เรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ งการดารงพันธ์ุของพืช ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โดยได้กาหนดเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นมาตราส่วน ประเมินค่า 5 ระดับ คือมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 59 - 63) ดังนี้ คะแนน 5 หมายถึง ระดับความพึงพอใจมากท่ีสุด คะแนน 4 หมายถึง ระดับความพึงพอใจมาก คะแนน 3 หมายถึง ระดับความพึงพอใจปานกลาง คะแนน 2 หมายถึง ระดับความพึงพอใจน้อย คะแนน 1 หมายถึง ระดับความพึงพอใจน้อยท่ีสุด การแปลความหมายค่าเฉล่ียของการประเมิน ระดับน้าหนักคะแนนเฉลี่ย ค่าความสาคัญ 4.51 - 5.00 พึงพอใจมากท่ีสุด 3.51 - 4.50 พึงพอใจมาก 2.51 - 3.50 พึงพอใจปานกลาง 1.51 – 2.50 พึงพอใจน้อย 1.00 – 1.50 พึงพอใจน้อยท่ีสุด 2.3 ข้ันพัฒนา 2.3.1 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า จานวน 15 ขอ้ มี 5 ระดับ คือ มากทีส่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ุด 2.3.2 นาแบบสอบถามท่สี รา้ งขน้ึ ไปให้ผ้เู ช่ยี วชาญ ตรวจสอบความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา แล้วนามาปรบั ปรุงแก้ไข

32 2.3.3 นาแบบสอบถามความพงึ พอใจเสนอต่อผ้เู ชย่ี วชาญ ประเมนิ ตามแบบประเมินในตารางวิเคราะห์ เพื่อหาคา่ ดชั นีความสอดคลอ้ งของแบบสอบถาม โดยใชค้ า่ IOC (Index of Item Objective Congruence) นาตารางวเิ คราะห์ค่า IOC ของ ผู้เชยี่ วชาญมาคานวณคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง แล้วเลอื กข้อทีม่ คี ่าดชั นีตงั้ แต่ 0.50 ขน้ึ ไป (บุญชม ศรสี ะอาด. 2545 : 61-67) และการ วิเคราะหพ์ บวา่ ผู้เชยี่ วชาญไดใ้ หค้ า่ ดชั นีความสอดคลอ้ งตา่ กวา่ 0.50 จานวน 5 ข้อ ดังนั้นจงึ เหลือแบบสอบถามความพงึ พอใจจานวน 10 ข้อโดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดงั นี้ (ภาคผนวก ฉ : 133) + 1 หมายถงึ ม่ันใจว่าแบบสอบถามมคี วามสอดคล้อง 0 หมายถึง ไม่มนั่ ใจว่าแบบสอบถามมีความสอดคล้อง -1 หมายถึง มนั่ ใจว่าแบบสอบถามไมม่ ีความสอดคล้อง 2.4 ขัน้ ทดลองใช้ นาแบบสอบถามทป่ี รับปรงุ แกไ้ ขตามคาแนะนาแลว้ นาไปทดสอบ กับนกั เรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านฮ่างต่า ใน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2561 จานวน 40 คน เพื่อนาคะแนนท่ีได้จากแบบสอบถามมาหาค่าความเชื่อม่ันท่ีใช้วิธีการคานวณหาค่า สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบคั (Cronbach,s Alpha Coefficient หรอื  - Coefficient) 2.5 ข้นั ประเมนิ ผล 2.5.1 นาคะแนนท่ไี ด้จากแบบสอบถามมาหาคา่ ความเช่ือม่นั (Reliability) เพ่ือทใ่ี ช้วธิ ี การคานวณหาค่าสมั ประสทิ ธิ์แอลฟาของครอนบัค (Cronbach,s Alpha Coefficient หรอื  - Coefficient) ซึง่ มคี า่ ความเช่อื มน่ั 0. 84 (ภาคผนวก ฉ : 135 - 138) 2.5.2 จัดพิมพแ์ บบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรยี นฉบับสมบรู ณ์และนาไปใช้จริงกบั กลมุ่ ประชากร วธิ ีดาเนนิ การศึกษา ผศู้ กึ ษาได้ดาเนนิ การทดลองกบั นักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นปา่ ง้ิววิทยา ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 ตาม ขั้นตอนในการจัดกจิ กรรมการเรียนรดู้ ังตอ่ ไปนี้ 1. ขนั้ เตรยี มนักเรยี นก่อนดาเนินการ 1.1 ช้ีแจงเกีย่ วกบั การเรยี นการสอนชุดการสอนกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธุ์ ของพืช ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 1.2 ทดสอบก่อนเรียนโดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เร่ือง การดารงพันธ์ุของพชื ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จานวน 30 ข้อ 2. ขั้นดาเนนิ การทดลอง 2.1 ประเมินผลก่อนเรียนชุดการสอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง การดารงพนั ธขุ์ องพืช ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ชดุ ท่ี 1 เรื่องสว่ นประกอบของดอก 2.2 ดาเนินการจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้ชดุ การสอน กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ งการดารง พันธุ์ของพืช ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ตามลาดับขั้นสอนทากิจกรรมและบันทึกคะแนนประเมินนักเรียนทั้งความรู้ ทักษะและเจตคติใน แต่ละชุดการสอน 2.3 ขนั้ ทดสอบหลงั เรียนโดยใช้แบบทดสอบชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ การสอนกล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ ง การดารงพนั ธ์ขุ องพืช ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 ชุดที่ 1 เรือ่ งสว่ นประกอบของดอก บนั ทกึ คะแนน 3. ดาเนนิ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนครบทง้ั 6 ชุด บนั ทึกคะแนน 4. ขัน้ สอบหลงั เรยี นเมือ่ ดาเนนิ การจัดกจิ กรรมตามแผนการจัดการเรยี นรู้ของชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธข์ุ องพชื ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 จนครบท้ัง 6 ชุด ดาเนินการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การดารงพันธุ์ของพืช จานวน 30 ขอ้ ทีเ่ ปน็ ขอ้ สอบกอ่ นเรียนนาคะแนนท่ีได้มาวิเคราะห์ขอ้ มลู ดว้ ยค่าสถติ ิ 5. นาแบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนต่อชุดการสอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ งการ ดารงพันธุข์ องพชื ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 10 ข้อนาคะแนนท่ไี ด้มาวิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยคา่ สถติ ิ การวเิ คราะหข์ ้อมลู การวิเคราะห์ขอ้ มูลแบง่ ออกเป็น 2 สว่ นคอื 1. การวเิ คราะหข์ ้อมลู เพือ่ ตรวจสอบคณุ ภาพเคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการวิจัย

33 1.1 ตรวจคุณภาพความตรง (Validity) ของคู่มือการใช้ชดุ การสอน แบบทดสอบความรู้ แบบประเมนิ ทกั ษะ แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ ชดุ การสอน กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ งการดารงพนั ธขุ์ องพชื ดว้ ยการหาคา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ งระหว่างคาถาม/ ราย การประเมิน/รายการสอบถามกับจุดประสงค์การเรียนรใู้ นแผนการเรียนรู้โดยนาเคร่ืองมือท่ี สร้างขึ้นไปให้ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นเน้ือหา ด้านภาษา ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสือ่ การสอน และดา้ น การวัดประเมินผล ใหด้ ลุ ย พนิ ิจและใหค้ ะแนนดังนี้ + 1 เมื่อแน่ใจว่าคาถาม/รายการสอบถามสอดคล้องกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรใู้ นคมู่ อื การใช้ชดุ การสอน 0 เมื่อไมแ่ น่ใจวา่ คาถาม/รายการสอบถามสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ นคมู่ ือการใชช้ ุดการสอน - 1 เมือ่ แน่ใจวา่ คาถาม/รายการสอบถามไม่สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ใู นคูม่ ือการใชช้ ุดการสอนแลว้ นา คะแนนท่ีได้มาแทนค่าในสตู รดงั นี้ ค่า IOC ใช้ตรวจสอบความตรงและความเป็นปรนัยของข้อสอบเกณฑ์ของค่า IOC ท่ีคานวณได้มากกว่าหรือเท่ากับ 0.50 แสดงวา่ ข้อคาถามนั้นมีความตรงในสิ่งที่ต้องการวัดแต่ถ้าค่า IOC ต่ากว่า 0.50 ให้ปรับปรุงข้อคาถามใหม่คานวณจากสูตร (บุญชม ศรี สะอาด. 2545 : 61) IOC  R สตู ร N เมื่อ IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องของแบบทดสอบ  R หมายถงึ ผลรวมความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญทกุ คน N หมายถึง จานวนผ้เู ช่ยี วชาญทัง้ หมด ถา้ ดัชนี IOC ทค่ี านวณได้ 0.60 – 1.00 ถอื วา่ ขอ้ คาถาม/รายการสอบถามมีความสอดคลอ้ งกับจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ในคมู่ ือ การใชช้ ดุ การสอน ถา้ คาถาม/ รายการสอบถามนัน้ มีคา่ ดัชนตี ่ากวา่ 0.60 คาถาม/ รายการสอบถามจะถกู ตดั ออกไปหรือนาไปปรบั ปรุง ใหมแ่ กไ้ ขให้ดขี ้ึน 1.2 ค่าความยากง่าย p เป็นการการวิเคราะห์ความยากง่ายของข้อสอบเป็นรายข้อ เกณฑ์ของค่าความยากง่ายท่ี ยอมรบั ได้ มีค่าระหว่าง 0.20 - 0.80 ถา้ ค่า p มีคา่ สงู หรอื ตา่ กว่าเกณฑท์ ก่ี าหนดจะต้องปรับปรุงขอ้ สอบหรอื ตัดทง้ิ ไปคานวณจากสูตร (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2545 : 24) R N สตู ร P  P คือ ค่าระดับความยากง่าย R คอื จานวนผตู้ อบถกู ทงั้ หมดในขอ้ นัน้ N คอื จานวนผเู้ ข้าสอบท้ังหมด 1.3 คา่ อานาจจาแนก r การวิเคราะหค์ ่าอานาจจาแนกเป็นการศกึ ษาความเหมาะสมของข้อสอบเปน็ รายขอ้ ว่าข้อ คาถามสามารถจาแนกกลุ่มเก่งกลมุ่ ออ่ นไดจ้ ริง หรือจาแนกนกั เรยี นทม่ี คี ณุ ลกั ษณะสงู จากผ้เู รียนทม่ี คี ณุ ลกั ษณะต่า เกณฑ์คา่ อานาจ จาแนกท่ียอมรบั ได้ควรมีค่าตงั้ แต่ 0.20 ขนึ้ ไปถ้าคา่ อานาจจาแนกตา่ กวา่ 0.20 จะต้องปรบั ปรงุ ขอ้ สอบหรือตดั ทง้ิ ไปคานวณจากสตู ร (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2545 : 25) สูตร r  Ru  RL f r คอื ค่าอานาจจาแนก Ru คอื จานวนผ้ทู ตี่ อบถูกในกลมุ่ สูง RL คือ จานวนผทู้ ีต่ อบถกู ในกลุ่มต่า f คือ จานวนผทู้ ีเ่ ข้าสอบในกลุ่มสูง (หรอื กลุ่มต่า ) 1.4 คา่ ความเชอ่ื มัน่ ของแบบทดสอบ r การวิเคราะหค์ ่าความเช่อื มั่นเป็นการศกึ ษาความเชือ่ ม่นั ของแบบทดสอบวา่ แบบทดสอบมผี ลการวัดท่สี มา่ เสมอและแน่นอน แบบทดสอบที่มีความเช่ือมัน่ สงู นาไปทดสอบกคี่ รั้งก็ได้ผลการดสอบเหมือนเดิม เกณฑ์

34 ค่าความเชือ่ มน่ั ท่ียอมรับได้ควรมีคา่ ต้ังแต่ 0.80 - 1.00 การคานวณโดยใช้สตู ร KR  20 ของ คเู ดอร์ รชิ ารด์ สนั (Kuder - Richardson) (กาญจนา วัฒายุ. 2550 : 190) สูตร rtt = K   pq  K 1  1  S2  rtt หมายถงึ ค่าความเชอื่ มน่ั ของแบบทดสอบ K หมายถึง จานวนขอ้ สอบ p หมายถงึ สดั สว่ นของผทู้ าถกู ในข้อหน่งึ ๆ q หมายถึง สัดสว่ นของผ้ทู าผดิ ในข้อหนึง่ ๆ S 2 หมายถึง ค่าความแปรปรวนของแบบทดสอบทั้งฉบับ X 2  X 2    S2 = N  N  1.5 การหาคา่ ความเชื่อม่นั ของแบบสอบถามท่ใี ชว้ ิธีการคานวณหาค่า สัมประสทิ ธ์อิ ัลฟาของครอนบัค (Cronbach,s Alpha Coefficient หรอื  - Coefficient) (วรรณวไิ ล พนั ธุ์สีดา. 2549 : 82)  sสตู ร =K  2  1  i K 1  S 2 t   หมายถึง คา่ สมั ประสทิ ธิ์ของความเชื่อมั่น K หมายถึง จานวนข้อของแบบสอบถาม S 2 หมายถงึ ความแปรปรวนของแบบสอบถามแตล่ ะขอ้ i S 2 หมายถึง ความแปรปรวนของแบบสอบถามท้ังฉบับ t 1.6 ค่าประสิทธิภาพของสอ่ื ตามเกณฑม์ าตรฐาน E1 / E2 = 80/80 คานวณโดยใชส้ ูตร (วรรณวไิ ล พันธุส์ ีดา. 2549 : 111) ดงั นี้ x สตู ร E1  N 100 A y สูตร E2  N 100 B E1 หมายถงึ ประสทิ ธภิ าพกระบวนการจดั การเรียนการสอน E2 หมายถงึ ประสิทธิภาพผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นหลงั เรยี น  x หมายถึง ผลรวมของคะแนนระหว่างเรียน  y หมายถึง คะแนนรวมจากการทดสอบหลงั เรยี น N หมายถึง จานวนนกั เรียน A หมายถึง คะแนนเต็มของคะแนนระหว่างเรียน B หมายถึง คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลงั เรียน 2. สถติ ิท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูลเพ่อื ตรวจสอบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู เพ่ือตรวจสอบผลสัมฤทธทิ์ างการ เรยี นในคร้ังน้ี ผ้ศู ึกษาใชส้ ูตรคานวณค่าสถิติ ดงั น้ี 2.1 ค่าเฉลย่ี สูตรการคานวณ (นพพร ธนะชัยขันธ์. 2544 : 11) ดังน้ี

35 สตู ร    X N  หมายถงึ คะแนนเฉล่ียของนักเรยี นท้ังชน้ั  X หมายถึง ผลรวมคะแนนของนกั เรียนทุกคนในช้นั N หมายถงึ จานวนนกั เรยี นท้ังชั้น 2.2 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สูตรการคานวณ (นพพร ธนะชยั ขนั ธ.์ 2544 : 11) σ= ������ x2 − x 2 ������ ������ − 1 σ หมายถึง ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หมายถึง ผลรวมของคะแนนดบิ ของนกั เรียน X หมายถงึ ผลรวมของคะแนนดิบของนักเรียนแต่ละคนยกกาลงั สอง X2 หมายถึง จานวนนักเรียน N

36 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล การพัฒนาชดุ การสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธุ์ของพืช ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนปา่ งิ้ววิทยา มีวตั ถปุ ระสงค์ คือ 1. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธภิ าพของชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพันธุ์ ของพืช ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ใหม้ ีประสิทธิภาพตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 2. เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียนท่ีจัดกิจกรรมการเรยี นร้โู ดยใช้ ชุดการสอน กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ ง การดารงพันธข์ุ องพชื ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 3. เพื่อศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรยี นต่อชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง การดารงพันธุ์ ของพืช ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5 หลังจากที่ผศู้ กึ ษาได้นาชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธ์ุของพืช ที่ปรับปรุง แก้ไขแล้วจึงได้นาไปทดลองกับประชากรซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนป่างิ้ววิทยา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา เชียงราย เขต 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 จานวน 14 คน ได้นาผลการทดลองไปวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการสอน ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน และความพงึ พอใจของนักเรยี นผู้ศกึ ษานาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ไดแ้ บง่ ออกเป็น 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ประสทิ ธิภาพของชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื ง การดารงพันธุข์ องพืช ช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ตอนท่ี 2 ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรียนท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธุข์ องพชื ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 ตอนท่ี 3 ความพงึ พอใจของนักเรยี นตอ่ ชดุ การสอน กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ ง การดารงพันธ์ุของ พชื ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 ตอนที่ 1 ประสทิ ธิภาพของชดุ การสอนกล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอื่ ง การดารงพันธ์ุของพชื ชัน้ ประถมศึกษา ปีท่ี 5 ตารางท่ี 4 สรปุ ประสทิ ธิภาพรวมของชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื งการดารงพนั ธข์ุ องพชื ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ประสิทธภิ าพของกระบวนการ ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์ E1 E2 ร้อยละ 86.61 88.57 E1 / E2 86.61/88.57 จากตารางที่ 4 พบวา่ ประสิทธภิ าพรวมของชุดการสอน กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื งการดารงพนั ธุ์ ของพชื ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 มคี ่าประสทิ ธภิ าพเทา่ กับ 86.61/88.57 ซึ่งสูงกวา่ เกณฑ์ 80/80 ที่ตง้ั ไว้ ตอนที่ 2 ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรยี นทจี่ ัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้ชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เรอื่ ง การดารงพนั ธขุ์ องพืช ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5

37 ตารางท่ี 5 การวิเคราะห์ข้อมูลสรปุ ผลคะแนนกอ่ นเรยี นและหลงั เรียนของนักเรียนทีจ่ ดั กจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใช้ชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การดารงพันธ์ขุ องพชื ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5 คะแนนประเมนิ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น คนที่ กอ่ นการจัดการเรียนรู้ X1  หลงั การจัดการเรยี นรู้ X 2  1 (30 คะแนน) (30 คะแนน) 2 3 12 25 4 5 11 26 6 7 13 27 8 9 14 27 10 11 13 26 12 13 12 26 14 N = 14 14 25 10 27 11 25 12 26 12 26 13 25 14 26 12 25 X1 = 173 X2 = 362  = 12.36  = 25.86  = 1.17  = 0.74 จากตารางที่ 5 พบวา่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นรู้ของนกั เรียนท่จี ัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพันธข์ุ องพืช ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 พบวา่ ก่อนการจัดการเรียนรู้ มคี ะแนนรวม 173 คะแนน หลังการจัดการเรียนรู้ มีคะแนนรวม หลังการจัดการเรียนรู้ 362 คะแนน ก่อนการจัดการเรียนรู้มีคะแนนเฉลี่ย  = 12.36 ส่วน เบ่ียงเบนมาตรฐาน   = 1.17 หลงั การจัดการเรียนรู้ มคี ะแนนเฉลี่ย  = 25.86 สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน   = 0.74 ตอนท่ี 3 ความพึงพอใจของนกั เรยี นตอ่ ชดุ การสอนกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพนั ธุข์ องพชื ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืช ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ดังตารางที่ 6

38 ตารางที่ 6 วเิ คราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพันธ์ุ ของพืช ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ขอ้ รายการประเมิน คา่ เฉล่ีย  สว่ นเบ่ยี งเบน ระดับ ท่ี ความพงึ พอใจ 4.86 มาตรฐาน   1 ชุดการสอนมีรปู แบบน่าสนใจ 4.71 มากทส่ี ุด 4.57 0.36 มากทีส่ ดุ 2 นกั เรยี นชอบชดุ การสอน 4.93 0.47 มากทส่ี ุด 4.93 0.65 มากที่สดุ 3 เนอ้ื หาชดั เจน เข้าใจงา่ ย 4.86 0.27 มากที่สดุ 4.93 0.27 มากทส่ี ุด 4 เนื้อหาทกุ เรอ่ื งมีประโยชน์ 0.36 มากทสี่ ดุ 4.86 0.27 5 คาถามทกุ กจิ กรรมชัดเจน 4.86 มากทีส่ ดุ 4.93 0.36 มากท่สี ดุ 6 ภาพประกอบมคี วามสมั พันธก์ บั เรอื่ ง 4.84 0.36 มากที่สดุ 0.27 7 ภาพสวยงามนา่ สนใจ มากที่สดุ 0.36 8 ชุดการสอนทาใหเ้ กิดทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ 9 ชุดการสอนทาให้สนกุ กับการเรยี น 10 เร่ืองในชดุ การสอน นาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ ภาพรวม จากตารางท่ี 6 พบว่า ความพงึ พอใจของนักเรียนตอ่ ชุดการสอน กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการ ดารงพันธ์ุของพืช ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการสอนอยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าเฉลี่ย = 4.84 ลาดบั ที่ 1 เท่ากนั มี 4 รายการไดแ้ ก่ เนอ้ื หาทุกเรอ่ื งมีประโยชน์ คาถามทุกกิจกรรมชดั เจน ภาพสวยงามน่าสนใจและเรื่องใน ชุดการสอน นาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ ค่าเฉล่ีย = 4.93 รองลงมาเท่ากัน 4 รายการ ได้แก่ ชุดการสอนมีรูปแบบน่าสนใจ ภาพประกอบมีความสัมพันธ์กับเร่ือง ชุดการสอนทาให้เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และชุดการสอนทาให้สนุกกับการเรียน ค่าเฉลีย่ = 4.86

39 บทท่ี 5 สรุป อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ การพัฒนาชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพันธขุ์ องพืช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีวตั ถปุ ระสงค์ คือ 1) เพ่อื พฒั นาและหาประสทิ ธภิ าพของชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารง พนั ธุ์ของพชื ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 ใหม้ ีประสิทธิภาพตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 2) เพอ่ื ศึกษาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนที่จัด กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้ชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพนั ธขุ์ องพืชชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 3) เพ่อื ศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรยี นตอ่ ชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืช ชั้น ประถมศึกษาปที ่ี 5 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนป่างิ้ววิทยา สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาเชียงราย เขต2 จานวน 14 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการศึกษาครัง้ นี้ไดแ้ ก่ 1. ชดุ การสอน กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธ์ุของพืช ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 2. คมู่ อื การใชช้ ุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องการดารงพนั ธุข์ องพืช ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 3. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื งการดารงพนั ธุ์ของพืช นักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 4. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อชดุ การสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการ ดารงพนั ธ์ขุ องพชื สรปุ ผลการศึกษา 1. ประสิทธภิ าพรวมของชดุ การสอน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพันธ์ขุ องพืช ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 มีคา่ ประสทิ ธภิ าพ E1 / E2 = 86.61/88.57 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ท่ตี งั้ ไว้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เร่อื งการดารงพันธุ์ของพชื ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 พบวา่ ก่อนการจดั การเรยี นรู้ มคี ่าคะแนนเฉล่ยี  = 12.36 หลังการ จัดการเรียนรู้ มีคะแนนเฉลี่ย  = 25.86 แสดงให้เห็นว่าวิธีการใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื ง การดารงพันธข์ุ องพืช ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 มีผลทาใหน้ ักเรียนเกดิ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นสงู ขึน้ 3. ความพงึ พอใจต่อชดุ การสอน กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพนั ธ์ขุ องพืช ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ภาพรวมนักเรยี นมคี วามพงึ พอใจอยใู่ นระดับมากทีส่ ุด คา่ เฉลี่ย  = 4.84 อภิปรายผล จากการศึกษาการใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธ์ุของพืช ผู้ศึกษาได้ อภิปรายผลเป็นประเด็นตา่ ง ๆ ดังนี้ 1. ผลการศกึ ษาประสิทธิภาพของชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรือ่ งการดารงพนั ธข์ุ องพืช มี ประสทิ ธิภาพโดยรวม 86.61/88.57 ซึ่งสูงกวา่ เกณฑ์ 80/80 ที่ตัง้ ไว้ เนื่องจากผูศ้ ึกษาได้ดาเนินการตามหลักการสร้างชุดการสอนอย่างเป็น ระบบโดยศกึ ษารายละเอียดเก่ียวกับแนวคิดหลักเก่ียวกับการสร้างชุดการสอนที่สอดคล้องกับแนวคิดของชัยยงค์ พรหมวงศ์และคณะ (2540 : 102 - 135) ได้กล่าวว่า แนวคิดของการสร้างชุดการสอนให้มีประสิทธิภาพต้องคานึงถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความ ต้องการ ความถนดั และความสนใจของนกั เรยี น เปลี่ยนวธิ กี ารเรยี นการสอนจากทีเ่ คยยดึ ครเู ป็นความรู้หลักมาเป็นการจัดประสบการณ์ ให้นกั เรยี นใช้แหล่งเรียนรู้จากสอ่ื การสอนแบบตา่ งๆทีจ่ ดั ให้ตรงเนื้อหา ใช้กระบวนการกลุ่มเพ่อื สร้างปฏิสัมพนั ธเ์ ปดิ โอกาสให้นักเรียนเข้า ร่วมกิจกรรมด้วยตนเองเรยี นรไู้ ปทีละข้ันตามความสามารถจัดสภาพการณ์ที่เอ้ืออานวยต่อการเรียนรู้ และภพ เลาหะไพบูลย์ (2542 : 85) ทีค่ ดั เลือก เน้ือหาเพ่อื นามาทาเป็นชดุ การสอน ซง่ึ เนื้อหาสาระที่นามาใช้ในการสร้างได้มีการพัฒนาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพ การเรียนรู้ของนักเรียน กาหนดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื การเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ของการเรียนรู้ มีการศึกษาหลักการสร้าง อย่างเป็นข้ันตอน ได้ทาการวิเคราะห์จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมให้สัมพันธ์กับหัวเรื่อง มโนทัศน์และเวลา มีส่ือการสอนท่ีนักเรียนสามารถ

40 เรียนรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง เชน่ บัตรเนือ้ หา บตั รกิจกรรม บตั รบนั ทึกกจิ กรรม และบัตรเฉลย ชุดการสอนเป็นส่ือที่นักเรียนให้ความสนใจ เข้าใจง่าย ทาให้นักเรียนเข้าใจในเนื้อหาและสรุปองค์ความรู้ได้เป็นอย่างดี ชุดการสอนดังกล่าวได้รับคาแนะนาจากผู้เช่ียวชาญและทาการปรับปรุง ขอ้ ดอ้ ยและพัฒนาข้อดที าใหช้ ดุ การสอนมปี ระสิทธภิ าพและสามารถพัฒนานักเรยี นใหเ้ กิดความรู้ ความสนใจมี ความกระตือรือร้นที่จะเรียน ตลอดจนสามารถสรุปความรู้เป็นองคร์ วม ซง่ึ ราไพ เรอื งมนตรี (2550 : 25) ได้ศึกษาผลการพัฒนา การสอนโดยใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระ การเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เร่ืองอาหารและสารอาหาร กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียน บา้ นดูกอึง่ ศรเี จรญิ สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 ปีการศึกษา 2550 จานวน 12 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แผนการจดั การเรยี นรู้ จานวน 16 แผน ชุดการสอนจานวน 16 ชุด แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จานวน 40 ข้อ ผลการศึกษา พบว่า ชุดการสอน เรือ่ งอาหารและสารอาหารกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 มีประสิทธิภาพ 85.21/88.54 ซ่ึง สูงกวา่ เกณฑท์ ี่ตง้ั ไว้ คะแนนเฉล่ยี ของแบบทดสอบหลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ความพึงพอใจของนักเรียนทีม่ ตี อ่ ชุดการสอนภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.46 และทวีศักดิ์ ไชยมาโย (2540 : 18) ได้ทา การวจิ ยั พฒั นาผลสัมฤทธท์ิ าง การเรยี นวิทยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และความคงทนในการเรียนรู้เร่ือง ความร้อน และสสารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โดยใช้ชุดการสอนผลการวิจัยพบว่าชุดการสอนท่ีผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.11/82.50 ซ่ึงสงู กว่าเกณฑ์มาตรฐานทก่ี าหนดไว้คือ 80/80 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และความคงทนในการเรยี นรรู้ ะหว่างนกั เรียนกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุม แตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 โดยนักเรียน กลุม่ ทดลองสงู กวา่ กล่มุ ควบคมุ และครูผสู้ อนนักเรยี นกลุ่มทดลองเห็นวา่ ชดุ การสอนท่ผี ้วู ิจัยพัฒนาข้ึนมคี วามเหมาะสมสามารถนาไปใช้ใน การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนได้อย่างมีประสิทธภิ าพอยู่ในระดบั มาก 2. จากการศกึ ษาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนชดุ การสอน กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพันธ์ุ ของพชื ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 พบว่าคะแนนเฉล่ยี หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนโดยภาพรวมและเป็นไปตามสมมุติฐานข้อที่ 2 แสดงว่าชุด การสอนทาให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในด้านเนื้อหา และกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยทาให้นักเรียนมีพัฒนาทางการเรียนสูงข้ึน ซึ่ง สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของ จิราภรณ์ ตรียาพนั ธ์ (2540 : 23)ได้กลา่ วถงึ คุณค่าของชดุ การเรยี นไว้คือ นักเรียนสามารถทดสอบตนเองก่อน วา่ มคี วามสามารถอยใู่ นระดบั ใด หลงั จากน้นั กเ็ ร่ิมตน้ เรยี นในสง่ิ ท่ีตนเองไม่ทราบทาให้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาเรียนในสิ่งที่นักเรียนรู้แล้ว นกั เรียนสามารถนาบทเรยี นไปเรียนท่ไี หนกไ็ ดต้ ามความพอใจไมจ่ ากดั ในเร่ืองของเวลา สถานท่ี เม่อื เรยี นจบแล้วนักเรียนสามารถทดสอบ ตัวเองได้ทันที เวลาไหนก็ได้ และได้ทราบผลการเรียนของตนเองทันทีเชน่ กนั นกั เรียนมีโอกาสได้พบปะกับผู้สอนมากข้ึน เพราะนักเรียน ด้วยตนเอง ครกู ็มีเวลาให้คาปรึกษากับผมู้ ปี ญั หาในขณะทใี่ ช้ชุดการเรียนท่เี รยี นด้วยตนเองและนักเรยี นจะได้รบั คะแนนอะไรน้ันข้ึนอยู่กับ ความสามารถของนกั เรียนหรือผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนเอง ไมม่ คี าว่าสอบตกสาหรับนักเรียนหรือไม่สาเร็จ แต่จะให้นักเรียน กลบั ไปศกึ ษาเรอ่ื งเดิมน้นั ใหม่ จากผลการเรียนจนได้ตามมาตรฐานเกณฑ์ที่ตัง้ ไว้ และสมปอง โคตรมา (2552 : 35)ได้ศึกษาการสร้างและ การพัฒนาชุดการสอนเรื่องชีวิตสัตว์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2552 โรงเรียนวัดอู่ตะเภากรุงเทพมหานคร จานวน 28 คน ผลการศึกษาพบว่าชุดการสอน เรื่องชีวิตสัตว์น่ารู้ กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 มีประสิทธิภาพ 82.14/83.56 สูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพท่ีตั้งไว้ 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญที่ระดับ 0.01 และนักเรียนมีความคิดเห็นต่อชุดการสอน เรือ่ งชวี ิตสัตว์นา่ รอู้ ยูใ่ นระดบั มากทกุ ขอ้ และทวี วทิ ยานนท์ (2551 : 25)ได้รายงานการพฒั นาชดุ การสอนเร่ืองน้าและอากาศ กลุ่มสาระ การเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จานวน 9 ชดุ ในภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2551 จานวน 18 คน ผลการศึกษาพบว่า 1) การพัฒนาชุดการสอนเรื่องน้าและอากาศท่ีสร้างขึ้น มีค่าเท่ากับ 82.96/85.00 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานท่ีตั้งไว้ 80/80 2) ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั เรยี นที่เรยี นด้วยชุดการสอน เรือ่ งนา้ และอากาศพบว่ามผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สาคญั ท่ีระดับ 0.01 3) ความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อวิทยาศาสตร์ด้วยชุดการสอนพบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก การเรยี นการสอนดว้ ยชุดการสอน กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืชเน้นความสาคัญของนักเรียน การมีส่วน ร่วมและลงมือปฏิบัติจริงทุกข้ันตอนด้วยความถนัดและวิธีการของตนเองทาให้นักเรียนเรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ฝึกสร้างสรรค์ จนิ ตนาการตลอดจนได้แสดงออกอยา่ งชดั เจนและมเี หตุผล นักเรยี นไดร้ ับแรงเสรมิ ใหค้ ้นหาคาตอบแกป้ ัญหาทัง้ ดว้ ยตนเองและระบบกลุ่ม ไดฝ้ ึกค้นรวบรวมและสร้างสรรคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองได้เลอื กทากจิ กรรมตามความสามารถอยา่ งมคี วามสุขและส่งผลให้นักเรยี นมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนท่สี ูงขนึ้ ซึง่ ถือว่าผา่ นเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้ 3. หลงั จากท่ีนักเรยี นได้เรยี นร้แู ล้วก็พบว่า ความพึงพอใจต่อชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพนั ธข์ุ องพืช ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด ลาดับที่ 1 มี 4 รายการได้แก่ เนื้อหาทุกเร่ืองมีประโยชน์ คาถามทุกกิจกรรมชัดเจน ภาพสวยงามน่าสนใจและเรื่องในชุดการสอน นาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้

41 รองลงมาเท่ากัน 4 รายการ ได้แก่ ชุดการสอนมีรูปแบบน่าสนใจ ภาพประกอบมีความสัมพันธ์กับเร่ือง ชุดการสอนทาให้เกิดทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และชุดการสอนทาให้สนุกกับการเรียนแสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจ ช่ืนชอบในการเรียนด้วยชุดการ สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื งการดารงพันธขุ์ องพชื ท่สี อดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของ สวุ ิทย์ มูลคาและอรทัย มูลคา (2545 : 52) ได้กล่าวถงึ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นไวว้ า่ เปน็ การส่งเสรมิ การเรียนแบบรายบุคคล นักเรียนเรียนได้ตามความสามารถ ความสนใจ ตาม เวลาและโอกาสท่ีเหมาะสม ชว่ ยขจัดปัญหา การขาดแคลนครู เพราะชุดการสอนช่วยให้นักเรียนเรียนได้ด้วยตนเอง ช่วยในการศึกษา นอกระบบโรงเรยี น เพราะนกั เรียนสามารถนาชดุ การสอนไปใชไ้ ด้ทุกสถานท่แี ละทุกเวลา เปิดโอกาสให้นกั เรยี นไดแ้ สดงความคิดเห็น ฝึก การตดั สินใจ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมคี วามรับผดิ ชอบชว่ ยใหน้ ักเรียนจานวนมากได้รับความรู้แนวเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยฝึกใหน้ ักเรียนรูจ้ กั เคารพ นบั ถือความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื ซึง่ เก้อื กูล ศลิ ปะสุวรรณ (2551 : 32) ไดร้ ายงานการพัฒนา ชุดการสอนกลุ่ม สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์เรื่องการดารงชีวิตของพืช ระดับประถมศึกษา ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภอทา่ ตะโก จงั หวดั นครสวรรค์ ภาคเรียน ท่ี 1 ปีการศึกษา 2551 จานวน 30 คนใช้เวลาในการทดลองสอน จานวน 12 ชั่วโมง ผล การศึกษาพบว่า ชุดการสอนเร่ืองการดารงชีวิตของพืช ระดับประถมศึกษามีค่าประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ โดยมีค่า ประสิทธิภาพของชดุ การสอน เท่ากับ 84.85/87.43 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ท่ีสอนโดยใช้ชุดการ สอนเรอื่ ง การดารงชีวิตของพชื ระดับประถมศกึ ษา มีคะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนระหว่างกอ่ นเรยี นและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมี นยั สาคญั ที่ระดับ 0.05 โดยมคี ะแนนผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดการสอนเรื่อง การดารงชีวติ ของพืชระดับประถมศึกษาอยใู่ นระดบั มาก ทกุ รายการ และราไพ เรืองมนตรี (2550 : 5) ได้ศึกษาผลการพัฒนาการสอน โดยใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องอาหารและสารอาหาร กลุ่มตัวอย่างได้นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนบ้านดูกอึ่งศรีเจริญ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 ปีการศึกษา 2550 จานวน 12 คน เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาคอื แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน 16 แผน ชุดการสอนจานวน 16 ชุด แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จานวน 40 ขอ้ ผลการศึกษาพบวา่ ชดุ การสอน เรอ่ื งอาหารและสารอาหารกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 มี ประสิทธภิ าพ 85.21/88.54 ซ่งึ สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คะแนนเฉล่ียของแบบทดสอบหลังเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการสอนภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย 4.46 การสอบถามความพงึ พอใจเพอื่ ให้ทราบว่านกั เรยี นมคี วามรู้สกึ พงึ พอใจในเรอ่ื งเนอ้ื หาทกุ เร่อื งมปี ระโยชน์ คาถามทุกกิจกรรมชัดเจนเร่ือง ในชดุ การสอน นาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ ชดุ การสอนมรี ูปแบบน่าสนใจและภาพประกอบมคี วามสัมพนั ธก์ บั เร่ืองดังนั้นชุดการสอนกลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นนวัตกรรมที่สามารถพัฒนานักเรียนให้บรรลุ วัตถปุ ระสงคข์ องการจดั การศกึ ษาในกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ ข้อเสนอแนะการนาผลการศึกษาไปใช้ ผลจากการศกึ ษาค้นคว้าการพัฒนา การจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ด้วยการใช้ชุด การสอน กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธุ์ของพืช ผศู้ ึกษามขี อ้ เสนอแนะดังต่อไปนี้ 1. ก่อนใช้ชุดการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพันธุข์ องพืช แตล่ ะชุดครูผสู้ อนควร ทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับวิธกี ารใชอ้ ย่างละเอยี ด โดยเฉพาะครผู สู้ อนตอ้ งดูแลเอาใจใสอ่ ยา่ งใกลช้ ดิ เพอ่ื ให้การเรยี นร้โู ดยใช้ชุดการสอน กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื งการดารงพนั ธุ์ของพืช มีประสทิ ธภิ าพมากยิง่ ข้ึน 2. ครูควรมีการเตรียมพร้อมเร่ืองสื่อและอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยชุดการสอน กลุม่ สาระการ เรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการดารงพนั ธ์ขุ องพชื อยู่เสมอ 3. ก่อนการเรียนรคู้ รูผู้สอนควรอธิบายช้แี จงให้นักเรียนเข้าใจวธิ ีการเรยี นด้วย ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรือ่ งการดารงพันธ์ขุ องพชื แตล่ ะชดุ อย่างละเอียด 4. ผู้บริหารสถานศึกษาควรให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดทาชุดการสอน เพื่อชว่ ยเหลอื ครผู สู้ อนและจะทาให้ นักเรยี นมชี ดุ การสอนท่ดี ีสาหรับการพัฒนาการเรยี นการสอนให้มปี ระสทิ ธภิ าพย่ิงข้นึ และลดปญั หานักเรียนเบื่อรูปแบบการเรยี น แบบเดมิ ๆ

42 ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การศกึ ษาคร้ังต่อไป 1. ควรมีการศกึ ษาโดยนารปู แบบของชดุ การสอนในการพฒั นาทกั ษะการคดิ ทกุ ช่วงช้ันโดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในระดับชว่ งช้นั ท่ี 1 เพือ่ เป็นพน้ื ฐานสาคัญในการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ื่น 2. ควรมกี ารศกึ ษาการสรา้ งและพฒั นาชดุ การสอน จากโปรแกรมคอมพวิ เตอร์กับบทเรยี นในกล่มุ สาระวิชาอน่ื ๆ

43 ส่วนอ้างองิ 1.บรรณานุกรม 2.ภาคผนวก 2.1 แผนการจัดการเรยี นรู้ 2.2 ขอ้ มลู ดบิ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนกอ่ น-หลังเรยี น 2.3 แบบทดสอบความรู้ 2.4 แบบสอบถามความพึงพอใจ 2.5 ข้อมลู การตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมือ 2.6 ข้อมลู การตรวจสอบประสทิ ธภิ าพชุดการสอน 2.7 สถิติที่ใชใ้ นการวิจัย 2.7.1 สถติ ิท่ใี ชใ้ นการตรวจสอบเคร่ืองมอื 2.7.2 สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการตรวจสอบชุดการสอน 2.7.3 สถิติท่ใี ชใ้ นการทดสอบ 2.8 รายละเอยี ดการคานวณสถติ ิท้งั หมด 2.9 ประวัติผู้วิจยั

44 แบบประเมนิ ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง การดารงพนั ธขุ์ องพืช ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5 คาอธิบาย แบบประเมนิ ชดุ การกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่อื งการดารงพนั ธข์ุ องพืช ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ฉบับน้ีใชส้ าหรบั ผู้เช่ียวชาญเพื่อประเมินชุดการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เร่อื งการดารงพันธข์ุ องพชื โปรดทาเครือ่ งหมาย  ในชอ่ งท่ีตรงกับความคดิ เหน็ ของท่านมากทส่ี ดุ ช่อง 5 หมายถงึ เห็นด้วยมากท่ีสดุ ชอ่ ง 4 หมายถึง เหน็ ดว้ ยมาก ช่อง 3 หมายถงึ เห็นดว้ ยปานกลาง ช่อง 2 หมายถึง เหน็ ดว้ ยนอ้ ย ช่อง 1 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยนอ้ ยที่สดุ ท่ี รายการ ความคิดเห็น 54321 1. ดา้ นคาช้แี จงในการใชช้ ดุ การสอน ส่อื ความหมายชัดเจนเข้าใจง่าย บอกรายละเอียดของเนอื้ หาไดค้ รอบคลุม 2. ด้านเนอื้ หา เนือ้ หามีความสอดคล้องกบั จุดประสงค์ เนื้อหามีความละเอียดครบถ้วน เหมาะสมกบั วยั ของนกั เรียน เน้อื หาเป็นไปตามลาดับข้ันตอน เนอ้ื หามคี วามยากง่ายพอเหมาะ เนอ้ื หามีความชดั เจน 3. ดา้ นกิจกรรม บัตรคาสง่ั มคี วามชัดเจน บตั รความรู้ บัตรเน้ือหาส่ือความหมายชดั เจน บัตรกจิ กรรมมคี วามยากง่ายพอเหมาะ บตั รกจิ กรรมทีใ่ หผ้ ูเ้ รียนปฏิบัติเร้าความสนใจ 4. ดา้ นแบบทดสอบและแบบฝึกหัด แบบทดสอบมคี วามพอเหมาะ แบบทดสอบสอดคล้องกบั เนอ้ื หาและจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบบฝกึ หดั มีความยากง่ายเหมาะสม 5. ด้านภาษา ความเหมาะสมของขนาดอกั ษร การใช้คาและส่ือความหมาย ความถกู ตอ้ งของภาษาทใ่ี ช้ ภาษาเขา้ ใจง่ายเหมาะสมกับวยั 6. ด้านเอกสารประกอบ เอกสารที่ใชม้ ีความเหมาะสมกับวัย ความสะดวกในการนาไปใช้

45 ท่ี รายการ ความคดิ เหน็ 54321 ทนทานและมคี วามสวยงาม เรา้ ความสนใจของนกั เรียน ข้อเสนอแนะ อนื่ ๆ (ถ้ามี) ………………………………………………………………………………………………… คาตอบตามเกณฑก์ ารประเมิน ดงั ต่อไปนี้ ดีมาก ตรวจให้คะแนน 5 คะแนน ดี ตรวจให้คะแนน 4 คะแนน ปานกลาง ตรวจใหค้ ะแนน 3 คะแนน พอใช้ ตรวจใหค้ ะแนน 2 คะแนน ควรแก้ไข ตรวจให้คะแนน 1 คะแนน และใชเ้ กณฑก์ ารแปลความหมายคา่ เฉลย่ี ดงั น้ี ดีมาก ตรวจใหค้ ะแนน 4.51 – 5.00 ดี ตรวจให้คะแนน 3.51 – 4.50 ปานกลาง ตรวจใหค้ ะแนน 2.51 – 3.50 พอใช้ ตรวจให้คะแนน 1.51 – 2.50 ควรแก้ไข ตรวจให้คะแนน 1.00 – 1.50

46 ผลการประเมนิ ชุดการสอนกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรอ่ื งการดารงพันธขุ์ องพืช ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ฉบบั นใ้ี ช้สาหรับผ้เู ชีย่ วชาญ ชดุ ท่ี 1 เรอื่ งส่วนประกอบของดอก ที่ รายการ ความคดิ เหน็ คา่ เฉลี่ย ค่าเบยี่ งเบน การแปล 5 4321 มาตรฐาน ความหมาย 1. ดา้ นคาชแ้ี จงในการใชช้ ดุ การสอน สือ่ ความหมายชัดเจนเข้าใจง่าย 5 5.00 0.00 ดีมาก บอกรายละเอียดของเนื้อหาได้ 41 4.80 0.45 ดมี าก ครอบคลมุ 2. ดา้ นเนื้อหา เนื้อหามีความสอดคลอ้ งกับจุดประสงค์ 5 5.00 0.00 ดมี าก เน้ือหามีความละเอยี ดครบถ้วน 41 4.80 0.45 ดมี าก เหมาะสมกับวยั ของนกั เรยี น 41 4.80 0.45 ดมี าก เนือ้ หาเป็นไปตามลาดบั ข้ันตอน 5 5.00 0.00 ดีมาก เนอ้ื หามีความยากงา่ ยพอเหมาะ 5 5.00 0.00 ดมี าก เนื้อหามคี วามชดั เจน 5 5.00 0.00 ดมี าก 3. ดา้ นกิจกรรม บตั รคาส่งั มคี วามชดั เจน 41 4.80 0.45 ดมี าก บตั รความรู้ บตั รเนื้อหาสอื่ ความหมาย 5 5.00 0.00 ดมี าก ชดั เจน บัตรกิจกรรมมคี วามยากง่ายพอเหมาะ 5 5.00 0.00 ดีมาก บัตรกิจกรรมที่ใหผ้ ูเ้ รยี นปฏบิ ตั ิเร้าความ 5 5.00 0.00 ดมี าก สนใจ 4. ดา้ นแบบทดสอบและแบบฝึกหัด แบบทดสอบมคี วามพอเหมาะ 41 4.80 0.45 ดีมาก แบบทดสอบสอดคล้องกบั เน้ือหาและ 5 5.00 0.00 ดีมาก จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบบฝึกหัดมีความยากง่ายเหมาะสม 4 1 4.80 0.45 ดีมาก 5. ดา้ นภาษา ความเหมาะสมของขนาดอกั ษร 5 5.00 0.00 ดีมาก การใช้คาและสอื่ ความหมาย 5 5.00 0.00 ดีมาก ความถกู ตอ้ งของภาษาที่ใช้ 5 5.00 0.00 ดีมาก ภาษาเข้าใจง่ายเหมาะสมกับวยั 5 5.00 0.00 ดีมาก 6. ด้านเอกสารประกอบ เอกสารทใี่ ชม้ ีความเหมาะสมกบั วัย 5 5.00 0.00 ดมี าก ความสะดวกในการนาไปใช้ 41 4.80 0.45 ดีมาก ทนทานและมคี วามสวยงาม 41 4.80 0.45 ดมี าก เรา้ ความสนใจของนักเรียน 5 5.00 0.00 ดีมาก รวม 107 8 4.93 0.16 ดมี าก

47 ผลการประเมนิ ภาพรวม ของชุดการกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ืองการดารงพนั ธข์ุ องพชื ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 5 ฉบับนี้ใชส้ าหรับผเู้ ช่ียวชาญ ชุดท่ี ค่าเฉลีย่ ค่าเบี่ยงเบน การแปลความหมาย มาตรฐาน ชุดท่ี 1 เรือ่ งสว่ นประกอบของดอก 4.93 ดีมาก ชุดท่ี 2 เรือ่ งสว่ นประกอบของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี 4.89 0.16 ดมี าก ชุดท่ี 3 เรอ่ื งการสบื พันธ์ุของพชื ดอก 4.97 0.25 ดีมาก ชุดที่ 4 เรื่องการขยายพันธพ์ุ ชื ด้วยการปกั ชาและการตอนกิ่ง 5.00 0.08 ดมี าก ชดุ ที่ 5 เร่อื งการขายพนั ธพุ์ ืชดว้ ยการตดิ ตาและทาบกง่ิ 4.99 0.00 ดีมาก ชดุ ท่ี 6 เรื่องความหลากหลายของพืชในท้องถิ่น 5.00 0.02 ดมี าก 4.96 0.00 ดมี าก ภาพรวม 0.09

การตรวจสอบคณุ ภาพคูม่ ือการใช้ชดุ การสอน เรอ่ื งการดารงพนั ธ์ขุ องพืช 48 คาชแ้ี จง ให้ผูเ้ ชี่ยวชาญใชด้ ลุ ยพนิ ิจตรวจสอบคู่มอื การใช้ชดุ การสอน โดยใชด้ ุลพินจิ ดงั น้ี ดุลยพินจิ ของผเู้ ช่ยี วชาญ + 1 เมอื่ แน่ใจวา่ รายการตรวจสอบคณุ ภาพนั้นมคี วามถูกตอ้ ง +1 0 -1 0 เมื่อไม่แน่ใจว่ารายการตรวจสอบคุณภาพนั้นมคี วามถกู ตอ้ ง - 1 เมอื่ แนใ่ จวา่ รายการตรวจสอบคุณภาพนนั้ ไม่มคี วามถูกตอ้ ง รายการตรวจสอบคณุ ภาพของคมู่ ือการใช้ชุดการสอน คุณภาพของคมู่ ือการใชช้ ดุ การสอน 1. มอี งค์ประกอบครบถ้วนและสมั พนั ธ์กัน 2. เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ แผนการจัดการเรยี นรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ อดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั 2. จดุ ประสงค์การเรียนรสู้ อดคลอ้ งกบั หน่วยการเรยี นรู้ เน้อื หาสาระ 1. สอดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. มีหัวข้อยอ่ ยชัดเจนและครบถ้วน 3. กอ่ ให้เกดิ การเรียนรูต้ ามจุดประสงค์ 4. สอดคล้องกับศกั ยภาพของผู้เรียน 5. มกี ารบูรณาการระหวา่ งกลุม่ สาระการเรยี นรู้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. เป็นไปตามข้ันตอนและวิธสี อนที่กาหนด 2. พัฒนาให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรูต้ ามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3. สอดคลอ้ งกับจุดประสงค์การเรยี นรู้และเนอ้ื หาสาระ 4. มีกจิ กรรมการเรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย 5. สอดคล้องกับความสามารถของผ้เู รยี น 6. เน้นกระบวนการคิด การลงมอื ปฏิบัติ และสรา้ งองค์ความร้ดู ว้ ยตนเอง 7. มีขั้นตอนถกู ต้องและชดั เจน 8. เน้นการพฒั นาผู้เรียนมากกวา่ การชนี้ าโดยครู 9. มกี ารวิเคราะหผ์ เู้ รียนเพ่อื วางแผนการพัฒนาตามศกั ยภาพ สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. สอดคลอ้ งกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ครบถว้ นตามขน้ั ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3. ปรากฏชัดเจนในคู่มอื การใชช้ ดุ การสอน 4. มคี วามหลากหลาย เหมาะสมกับวยั และความสามารถของผูเ้ รยี น 5. นักเรียนมสี ่วนร่วมในการเลือก/จดั ทา/จดั หา/กาหนด 6. มีการประเมินผลการใชส้ อื่ 7. มีการตรวจสอบประสิทธิภาพของสอ่ื 8. มีความสมบูรณ์และมคี วามคิดสร้างสรรค์

49 รายการตรวจสอบคณุ ภาพของคมู่ ือการใชช้ ุดการสอน ดลุ ยพนิ ิจของผเู้ ช่ยี วชาญ +1 0 -1 กระบวนการวัดและประเมินผล 1. สอดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. มีแบบประเมินปรากฏชัดเจนในคู่มือการใช้ชุดการสอน 3. แบบประเมินมีความหลากหลาย 4. สามารถนาไปวเิ คราะหไ์ ด้ด้วยคา่ สถิติ 5. มีการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบประเมิน 6. มีการกาหนดเกณฑก์ ารประเมินผลชัดเจน 7. ประเมนิ ครอบคลุมท้ังความรู้ ทักษะ เจตคติ 8. นาผลการประเมินไปพฒั นาการเรยี นรู้ 9. ประเมินได้ตรงตามความสามารถทีแ่ ทจ้ ริงของนกั เรียน 10. ใช้หลกั การประเมนิ ผลแบบมสี ่วนร่วม ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ.................................................................................................................................

การตรวจสอบคุณภาพคมู่ ือการใชช้ ดุ การสอน เรอ่ื งการดารงพันธข์ุ องพชื โดยผู้เช่ียวชาญ 50 รายการ ผู้เช่ียวชาญ R IOC คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 คนท่ี 5 คณุ ภาพของคู่มือการใช้ชดุ การสอน N 1.00 1. มอี งค์ประกอบครบถ้วนและสมั พนั ธก์ นั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 5 2. เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ +1 +1 +1 +1 +1 5 0.60 5 0.60 แผนการจัดการเรยี นรู้ 5 1.00 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3 0.80 5 1.00 1. จดุ ประสงค์ปลายทางสอดคลอ้ งกับผลการ -1 +1 +1 +1 +1 3 1.00 เรยี นรทู้ คี่ าดหวงั 5 0.80 1.00 2. จุดประสงค์นาทางสอดคล้องกับหน่วยการ -1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 เรียนรู้ 5 1.00 4 1.00 เนื้อหาสาระ 5 1.00 5 1.00 1. สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 5 1.00 2. มีหัวขอ้ ยอ่ ยชดั เจนและครบถ้วน 0 +1 +1 +1 +1 5 1.00 4 3. ก่อให้เกิดการเรยี นรูต้ ามจดุ ประสงค์ +1 +1 +1 +1 +1 5 4. สอดคลอ้ งกับศกั ยภาพของผู้เรยี น +1 +1 +1 +1 +1 5 5 5. มีการบรู ณาการ +1 +1 +1 0 +1 5 ระหวา่ งกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 5 5 กระบวนการจัดการเรียนรู้ 5 5 1. เปน็ ไปตามข้ันตอนและวิธสี อน +1 +1 +1 +1 +1 5 ทีก่ าหนด 5 5 2. พัฒนาให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ +1 +1 +1 +1 +1 5 ตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 5 5 3. สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้และ +1 +1 +1 +1 +1 5 เนอ้ื หาสาระ 5 5 4. มกี ิจกรรมการเรียนรทู้ ีห่ ลากหลาย +1 +1 +1 +1 +1 5 5 5. สอดคล้องกบั ความสามารถ +1 +1 +1 +1 +1 ของผูเ้ รยี น 6. เนน้ กระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และ +1 +1 +1 +1 +1 สรา้ งองคค์ วามร้ดู ว้ ยตนเอง 7. มีข้ันตอนถกู ต้องและชดั เจน +1 +1 +1 +1 +1 8. เน้นการพฒั นาผู้เรียนมากกวา่ +1 +1 +1 +1 +1 การชีน้ าโดยครู +1 +1 +1 +1 +1 9. มีการวิเคราะห์ผูเ้ รียนเพอ่ื วางแผนการพัฒนาตามศักยภาพ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook