2) การอนามยั แมแ่ ละเดก็ เปน็ การดแู ลสขุ ภาพของมารดา ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ และดูแลเด็กต้ังแต่อยู่ในครรภ์จนกระท่ัง คลอดออกมา โดยมวี ิธปี ฏบิ ตั ิ ดังนี้ เดก็ ควรรู หลกั การอนามัย แมแ่ ละเด็ก ในระหวา่ งการต้ังครรภ์ มารดาตอ้ งดแู ลตนเอง มารดาควรใหน ม อย่างดี เช่น การเลอื กรับประทานอาหารทม่ี ี บุตรดวยตัวเอง เพราะ เม่ือทราบว่าประจ�าเดือนไมม่ าตามปกติ หรือ ประโยชน์ การรกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย นาํ้ นมมารดามปี ระโยชน ตง้ั ครรภ์ ให้รีบไปพบแพทย์เพอ่ื ทา� การตรวจ และเครื่องนงุ่ ห่มตา่ งๆ การพักผ่อนใหเ้ พยี งพอ และเปยมไปดวยคุณคา การตั้งครรภ์ให้ชัดเจน หรอื ทา� การฝากครรภ์ การออกก�าลังกาย การท�าจติ ใจใหร้ า่ เริงแจม่ ใส อีกทั้งยังมีภูมิคุมกันให เพ่อื ใหก้ ารตั้งครรภแ์ ละการคลอดดา� เนนิ ไป เป็นต้น แกทารกทีค่ ลอดออกมา อย่างปกติและปลอดภัย ก่อนถงึ วนั กา� หนดคลอดควรจัดเตรียมเสอ้ื ผา้ สิง่ ของต่างๆ ท่จี า� เปน็ สา� หรบั ทารกไวใ้ ห้พรอ้ ม ผฉสู บอับน และเมือ่ ร้สู กึ เจบ็ ทอ้ งก็ควรรบี ไปสถานพยาบาล ท่ฝี ากครรภ์ทนั ทีเพ่ือท�าการคลอด เด็กควรรู หลงั การคลอด มารดาจะต้องคอยดแู ลเอาใจใส่ เปน สมดุ ทจี่ ดั พมิ พ ในสขุ ภาพของทารก ทงั้ เรอ่ื งการเลยี้ งดู ใหอ้ าหาร โดยสาํ นกั สง เสรมิ สขุ ภาพ ทา� ความสะอาด บ�าบดั การเจบ็ ป่วย การใหค้ วาม กรมอนามัย กระทรวง อบอนุ่ การพกั ผอ่ นนอนหลบั ตลอดจนพาทารก สาธารณสุข โดยใหนํา ไปรับภมู คิ มุ้ กันโรคตา่ งๆ ตามก�าหนดเวลา ตามที่ ตดิ ตวั ทกุ ครงั้ ทร่ี บั บรกิ าร ระบไุ ว้ใน “สมดุ บันทกึ สุขภาพแม่และเดก็ ” ทท่ี าง ในสถานพยาบาลทกุ แหง โรงพยาบาลมอบให้ โดยควรกระทา� อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง อีกท้ังยังใชประกอบการ แจง เกดิ เพอื่ ออกสตู บิ ตั ร ไปจนถึงวัยเดก็ เพ่ือใหเ้ ด็กมีการเจริญเตบิ โต และเพิ่มชื่อในทะเบียน- และพัฒนาการที่สมวัย มีภมู ิคมุ้ กันโรคทด่ี ี บาน ส�าหรับมารดาหลงั คลอดควรพกั ฟื้นอย่างน้อย 6-8 สปั ดาห์ โดยละเว้นจากการท�างานหนัก เดก็ ควรรู ซึ่งใน 6 สัปดาห์แรกแพทยจ์ ะนัดมารดามา ตรวจสขุ ภาพหลงั คลอดอกี ครั้ง ควรรับประทาน อาหารท่ีมีแรธาตุ และ วติ ามนิ ครบถว น โดยเฉพาะ เนื้อสัตว นมถ่ัวเหลือง ไข ผัก และผลไม ใหเพียงพอ ตอ รา งกาย ควรงดเวน ของ หมกั ดอง อาหารรสจดั แ4ล0ะ อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ 40
เสรมิ สาระ เดก็ ควรรู อาการแพทอง ดูแลสขุ ภาพคณุ แมต่ ั้งครรภ์ เกิดจากการเปลย่ี นแปลง ภายในรางกาย ซ่ึงรวม ระหว่างการต้ังครรภ์ ร่างกายอาจเกิดการ 3. ควรงดการดื่มน�้า หรืออาหารเหลวๆ ไปถึงการเปล่ียนแปลง เปล่ยี นแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะอาการแพ้ท้อง หรือรับประทานอิ่มจนเกินไปก่อนท่ีจะเข้านอน ของระดับฮอรโมนชนิด ซึ่งจะมีมากในระยะ 3 เดือนแรก เน่ืองจากการ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หนึ่งที่เรียกวา “HCG” เปล่ียนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย 4. ควรหลีกเลี่ยงการออกก�าลังกายอย่าง (Human Chorionic Go- หญิงต้ังครรภ์ส่วนใหญ่มักมีอาการปวดหลัง หกั โหมกอ่ นการเข้านอน แตใ่ หท้ า� อะไรทเ่ี บาๆ และ nadotropin) ท่ีเพ่ิมขึ้น ซึ่งมีสาเหตุจากฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่เพิ่มข้ึน ผ่อนค5ล.ายหแาทกนเป็นตะคริวที่ขาITให้กดฝ่าเท้าแรงๆ และประสาทสวนรับกลิ่น ในขณะตั้งครรภ์ ซ่ึงท�าให้ข้อกระดูกและเอ็นต่างๆ มีความไวมากข้ึน แมแต คลายตวั หลวมมากขนึ้ ความแข็งแรงของข้อลดลง ลงกบั ผนังห้อง หรอื ลกุ ขน้ึ ยนื สภาพอารมณหรือระดับ โดยมักปวดท่ีหลังส่วนล่าง ระหว่างก้นทั้งสองข้าง 6. หญิงตั้งครรภ์มักมีปัญหาฟันผุ และ ความเครียดก็สามารถ ร้าวไปท่ีต้นขา ซึ่งการยืนนานๆ ในท่าท่ีไม่ถูกต้อง เหงือกอักเสบได้ง่าย ในบางท่านอาจรู้สึกคลื่นไส้ ทําใหเกิดอาการแพทอง หรือยกของหนักเกินไปอาจท�าให้ปวดหลังได้ ควร และอาเจียนโดยส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหาร ไดเ ชนกนั พยายามนอนพ้ืนเรียบ ใช้หมอนหนุนหลังเวลานั่ง ไหลย้อนขึ้นมา และอาจกัดกร่อนฟันได้ จึงควร อย่าก้มหยิบของ ควรใช้วิธีน่ังหยิบของแทน และ แปรงฟนั อยา่ งถกู วธิ วี นั ละ 2 ครง้ั และบว้ นปากดว้ ย ผฉูส บอับน ควรใส่ร้องเท้าส้นเตยี้ น�า้ สะอาด หรือแปรงฟนั ทุกคร้งั หลังอาหาร นอกจากนหี้ ญงิ ตง้ั ครรภค์ วรใสใ่ จดแู ลสขุ ภาพ 7. ในขณะต้ังครรภ์ เต้านมจะขยายขึ้นเพื่อ IT คน หาขอ มลู เพม่ิ เตมิ ของตนเองให้ดี โดยการปฏิบตั ดิ ้วยวธิ งี ่ายๆ ดงั น้ี เตรยี มสร้างนา้� นมให้ลกู น้อย ควรเปลยี่ นยกทรงให้ เกย่ี วกบั ประโยชนข อง 1. ควรลดการดม่ื เครอื่ งดมื่ ท่มี คี าเฟอนี เช่น มีขนาดพอเหมาะใส่สบาย ถ้ามีปัญหาหัวนมสั้น นมมารดาไดท ี่ www. ชา กาแฟ นา�้ อัดลม ให้เหลอื น้อยทีส่ ุด หัวนมบอด หรือผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ หรือ thaibreastfeeding.org 2. ควรนอนหลบั ประมาณวนั ละ 8-10 ชว่ั โมง พยาบาลที่ฝากครรภ์ก่อนที่จะคลอด มิฉะน้ันอาจ เวบ็ ไซตศ นู ยน มแมแ หง และตอนบ่ายอย่างน้อย 1 ช่ัวโมง จะมอี ุปสรรคต่อการให้นา�้ นมลูกได้ ประเทศไทย 41
เด็กควรรู โดยใชช ุดตรวจสอบการตั้งครรภ เปน การตรวจฮอรโ มน ไกลโคโปรตีน (Glycoprotein) ซงึ่ ผลติ จากเซลลของรกหลังการ ปฏิสนธิของไขป ระมาณ 7-10 วนั โดยการทดสอบท่แี นน อนคอื ภายหลังการขาดของประจาํ เดอื นอยา งนอ ย 7-14 วัน 2. การต้ังครรภ์ ในระยะตง้ั ครรภ์ มารดาควร หลกี เลี่ยงปจั จัยท่มี ีผลกระทบต่อ การต้ังครรภ์ คือ ช่วงระยะเวลาหลังจากการปฏิสนธิ การต้ังครรภ์ เพ่ือความปลอดภัย โดยทต่ี วั อสจุ ขิ องผชู้ ายมาผสมกบั ไขข่ องผหู้ ญงิ ในสภาวะและเวลา ของทงั้ มารดาและทารกในครรภ์ Teacher’s Guide ทีเ่ หมาะสมจนถงึ ก�าหนดการคลอด ซ่งึ แพทยอ์ าจเป็นผ้ทู ดสอบ ด้วยนะครบั ใหน กั เรยี นแบง กลมุ เพื่อยืนยันผลการตั้งครรภ์ หรืออาจทดสอบเองที่บ้านก็ได้ แต่ ศกึ ษาปจ จยั ทม่ี ผี ลกระทบ เมอ่ื ทราบวา่ ตนเองตง้ั ครรภแ์ ลว้ ตอ้ งไปพบแพทยเ์ พอื่ ฝากครรภ์ ตอ การตงั้ ครรภ โดยเลอื ก และตรวจสุขภาพร่างกายเพิ่มเติม ทั้งน้ีเพื่อความปลอดภัยทั้ง ศึกษากลุมละ 1 ปจจัย เพื่อเตรียมตัวนําเสนอ แก่ตIัวมTารดาและทารกในครรภ์ หนาชัน้ เรียน ในระยะของการต้ังครรภ์ มารดาควรดูแลและเอาใจใส่ สขุ ภาพของตนเปน็ อยา่ งดี เพราะสขุ ภาพของมารดาอาจสง่ ผลตอ่ ทารกในครรภ์ได ้ ทส่ี า� คญั ควรหลกี เลยี่ งปจั จยั ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ การ ตั้งครรภ์ ดังน้ี 1) แอลกอฮอล ์ เป็นสารเสพตดิ ชนิดหนึง่ เกดิ จากการหมกั ผัก ผลไม้ หรือเมล็ดพืชชนิดต่างๆ ซ่ึงเป็นส่วนผสมท่ีมีอยู่ใน เครื่องด่ืมมึนเมา โดยเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แต่ละชนิดจะมี ผฉูสบอบั น ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์แตกต่างกันไป เม่ือด่ืมเข้าไปแล้ว รา่ งกายจะดดู ซมึ และกระจายแอลกอฮอล์ ไปยังทุกส่วนของร่างกายภายในเวลา 5 นาที ทั้งนี้เม่ือมารดาที่ต้ังครรภ์ด่ืม เข้าไป จะท�าให้ระดับแอลกอฮอล์ ในเลือดของมารดาสูงขึ้น เดก็ ควรรู และไหลเข้าสู่ทารกโดยผ่าน โดยปกติทารก ทางรก ซึ่งแอลกอฮอล์ในเลือด ชว งแรกเกดิ จะมคี า เฉลย่ี ของทารกทอี่ ย่ใู นครรภจ์ ะมรี ะดบั นาํ้ หนกั ตวั อยทู ี่ 2.8-3.2 สูงพอๆ กับมารดา แต่ทารก กโิ ลกรมั จะต้องใช้เวลาในการขับสารพิษนี้ ออกจากร่างกายมากกว่าถึงสองเท่า แอลกอฮอล์อาจส่งผลท�าให้แท้ง หรือ เม่ือทารกคลอดออกมาก็อาจมีน�้าหนัก มารดาที่ด่ืมแอลกอฮอล์ขณะต้ังครรภ์ จะส่งผลให้ทารกท่ีคลอดมาไม่แข็งแรง แรกเกดิ นอ้ ย หรอื อาจสง่ ผลตอ่ ระบบประสาท นา้� หนกั ตวั นอ้ ย และมคี วามผดิ ปกตทิ าง ของทารกทา� ใหเ้ กดิ ภาวะปญั ญาออ่ นได้ รา่ งกายได้ 42 42
2) บหุ ร ี่ เปน็ สารเสพตดิ ทใี่ หโ้ ทษทงั้ ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื เพราะ ลับสมอง เดก็ ควรรู ในควนั บหุ รมี่ สี ารเคมอี ยมู่ ากมาย ซงึ่ เปน็ พษิ ตอ่ สขุ ภาพของผเู้ สพ จะเปนอาการ และผทู้ ไ่ี ดร้ บั ควนั บหุ รเ่ี ขา้ สรู่ า่ งกาย โดยสารทอี่ ยใู่ นบหุ รนี่ น้ั จะไมม่ ผี ล นักเรียนคิดว่าบุหร่ีเป็นปัจจัยท่ีมี ทุรนทุรายที่เกิดจากการ ทที่ า� ใหผ้ สู้ บู ตดิ ได ้ แตเ่ ปน็ การตดิ ทางใจ ทเ่ี รยี กวา่ “สง่ิ เสพตดิ นสิ ยั ” ผลกระทบต่อการต้งั ครรภ์อย่างไร อยากรับประทาน ดื่ม สบู เพราะความเคยชนิ ถา้ ไมไ่ ดส้ บู จะไมท่ า� ใหเ้ กดิ อาการ “ลงแดง” หรอื เสพ บางอยา งคลาย เหมอื นสารเสพตดิ อน่ื ๆ มารดาและทารก กบั คนบา การสูบบุหร่ีไม่ว่าจะในช่วงก่อนตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ITได้รับออกซิเจนและสารอาหาร เดก็ ควรรู หลังต้ังครรภ์ หรือแม้กระทั่งการได้รับเอาควันบหุ ร่ีเขา้ ส่รู ่างกาย ห รื อ น้ํ า มั น ดิ น โดยทางออ้ มกต็ าม ลว้ นเปน็ ผลเสยี ตอ่ ทารกในครรภท์ งั้ สน้ิ โดย นอ้ ยลง ขณะทรี่ ะดับสารพษิ จะจับอยูท่ีปอดทําใหเกิด สารนโิ คตนิ ทาร์ คารบ์ อนมอนอกไซด์ที่มีอยู่ในบหุ รจี่ ะสง่ ผลเสีย ในมดลกู เพมิ่ ข้นึ ซึง่ หวั ใจของทารก อาการระคายเคอื ง ถงุ ลม ท้งั ต่อตัวมารดาและทารกในครรภ ์ ดังนี้ จะต้องท�างานหนักข้ึน เพ่ือพยายาม ขยาย ไอ และทําใหเปน ดงึ ออกซิเจนมาใช้ใหเ้ พียงพอกบั มะเรง็ ปอด มารดา ทารก ปรมิ าณทีร่ ่างกายต้องการ ผฉสู บอับน ผทู้ ่ีตง้ั ครรภ์ทส่ี ูบบหุ ร่ี เมอ่ื คลอดออกมา หรอื สูดควันบุหรเี่ ขา้ ไป จะมนี �้าหนกั นอ้ ย มปี ญั หาทาง IT เด็กควรรู จะมอี าการแพท้ อ้ งมาก มีโอกาส ด้านพฒั นาการ มีความเส่ียงทจ่ี ะ เปน การตั้งครรภ ตัง้ ครรภ์นอกมดลูก แทง้ และ ปว่ ยเปน็ โรคอนื่ ๆ เช่น หอบหืด ท่ีเกิดจากการฝงตัวของ คลอดกอ่ นกา� หนดได้ รวมถึง ตัวออนตรงบริเวณอื่น ภาวะเลอื ดออกทางช่องคลอด หรือบางรายอาจเสียชวี ิต ทไ่ี มไ ดอ ยใู นมดลูก ทาํ ให โดยไมท่ ราบสาเหตุ เกิดภาวะเส่ียงอันตราย ร่วมด้วย ตอมารดาและทารก IT 43 43
Teacher’s Guide ครคู วรใหน กั เรยี นตระหนกั ถงึ โทษของสารเสพตดิ วา มี อนั ตรายอยา งไร และไมใ ชแ คม ารดาทต่ี งั้ ครรภเ ทา นนั้ รวมถงึ นกั เรยี นเองกไ็ มค วรยงุ เกยี่ วกบั สารเสพตดิ ทกุ ชนดิ 3) สารเสพตดิ หมายถึง ยา หรือสารเคม ี หรือวัตถุชนดิ ใดๆ สารเสพตดิ เป็นปจั จยั ทสี่ ่งผล กระทบตอ่ การตั้งครรภ์โดยตรง หากมารดาทตี่ ง้ั ครรภเ์ สพสารเสพตดิ กต็ าม ทเี่ มื่อเสพเขา้ สรู่ ่างกายแลว้ ไม่ว่าจะโดยวธิ ีการรับประทาน เข้าไป จะส่งผลใหท้ ารกทคี่ ลอด สูบ ฉีด ดม หรือวิธีอื่นๆ ล้วนก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและ จติ ใจของผเู้ สพ โดยเฉพาะมารดาตง้ั ครรภท์ เ่ี สพสารเสพตดิ เขา้ ไป ออกมาพกิ าร ไดน้ ะครบั อาจส่งผลต่อท้ังตัวมารดาและทารกในครรภ์ ให้ได้รับอันตราย หรอื ก่อใหเ้ กิดอาการผดิ ปกติได ้ ดังน้ี 1. ท�าให้เกิดการแท้ง เลือดออกทางช่องคลอด หรือ คลอดก่อนก�าหนดได้ 2. ทารกแรกเกดิ ทค่ี ลอดออกมา จะมศี รี ษะเลก็ มปี ญั หา ทางดา้ นพัฒนาการ สมองพิการ 3. เมอื่ มารดาตดิ สารเสพตดิ ทารกในครรภจ์ ะตดิ ดว้ ย หาก เมื่อไหร่ที่มารดาขาดสารเสพติด อาจส่งผลท�าให้ทารกในครรภ์ เสยี ชวี ิตได้ 4. หลังคลอดบุตรมารดาอาจมีภาวะผิดปกติ กังวล ผฉสู บอบั น ซมึ เศรา้ และไมส่ ามารถเลย้ี งดบู ตุ รไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ ตอ้ ง ไดร้ ับการดแู ลจากแพทย ์ พยาบาล และญาตอิ ยา่ งใกลช้ ดิ ซ่งึ ถอื เดก็ ควรรู เปน็ ภาระของสังคมและครอบครัว เม่อื ใกลค ลอดจะ 4) สภาพแวดลอ้ ม หมายถงึ ทกุ สง่ิ ทง้ั ทมี่ ชี วี ติ และไมม่ ชี วี ติ มีอาการน้ําเดินเกิดข้ึน ที่แวดล้อมทารกตั้งแตเ่ รมิ่ ปฏสิ นธิในครรภ ์ จนกระทั่งหลังคลอด ซ่ึงเปนผลของถุงน้ําครํ่า โดยจะมผี ลตอ่ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก ดงั นี้ ท่ีพยุงทารกไวน้ันแตก ถอื เปน สญั ญาณวา ทารก 1. สว่ นของรา่ งกายมารดาทที่ ารกอาศยั อย ู่ ไมว่ า่ จะเปน็ ใกลจะคลอดจึงตองรีบ ถงุ ของเหลวในมดลกู หรอื ทเี่ รยี กวา่ ถงุ นา�้ ครา่� ทคี่ อยพยงุ ทารกให้ นาํ สงโรงพยาบาลทันที เดก็ ควรรู สามารถเจริญเตบิ โตและลอยตัวได้ โดยไมก่ ระทบกระทัง่ จากแรง ภายนอก รวมถงึ สายรกทตี่ ดิ กบั ผนงั มดลกู ของมารดา ทเี่ ชอ่ื มมาถงึ สารอาหารที่ สายสะดอื ของทารก ซงึ่ มารดาตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ใหก้ ระทบกระทง่ั จําเปนอยางหน่ึงของ หรอื เกิดอนั ตรายตอ่ ครรภ ์ มารดา คอื แคลเซยี ม ซง่ึ 2. อาหารของมารดา มารดาจา� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร มีสวนชวยลดการเสื่อม หรือผุกรอนของกระดูก เนอื่ งจากรา งกายตอ งการ ท่ีมีคุณค่าซ่ึงอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุให้ได้สัดส่วนและ ถั่วชนิดต่างๆ เป็นอาหารที่อุดมไปด้วย แคลเซียมมากวาปกติ ถกู สขุ ลกั ษณะ ตามทีแ่ พทย์ได้แนะนา� เพอ่ื น�าไปเป็นอาหารเล้ียง กรดโฟลิก ซึ่งมีความส�าคัญอย่างยิ่ง เพื่อใชในการเสริมสราง ทารกในครรภอ์ กี ตอ่ หนึ่ง ตอ่ พัฒนาการของลกู นอ้ ยในครรภ์ ทารกใหแ ขง็ แรง 44 44
เดก็ ควรรู อารมณข องมารดาอาจแปรปรวนไดง า ยในชว งตง้ั ครรภ เนอ่ื งจากระดบั ฮอรโ มนในรา งกายเพมิ่ สงู ขนึ้ เปน พเิ ศษ อกี ทงั้ รา งกายตอ งทาํ งานหนกั เพอ่ื ดแู ล ทารกที่กาํ ลงั เติบโต 3. สขุ ภาพกายและจติ ใจของมารดา เปน็ สง่ิ ทมี่ อี ทิ ธพิ ล ต่อการเจริญเติบโตของทารกภายในครรภ์เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงควรดูแลรักษาสุขภาพกายและจิตใจให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่ เสมอ หากมารดาปว่ ยเปน็ โรคตา่ งๆ ยอ่ มเปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ ของทารกในครรภ์ด้วย โดยอาจท�าให้ทารกท่ีคลอดออกมา ไมส่ มบรู ณ ์ หรอื พกิ ารได ้ หรอื ถา้ มารดามภี าวะเครยี ดอยา่ งรนุ แรง ในขณะต้ังครรภ์ มารดาควรท�าจิตใจให้ และต่อเนื่อง อาจท�าให้ทารกเป็นโรคประสาทภายหลังคลอด รา่ เริงแจ่มใส ไม่เครียด เพอ่ื ใหท้ ารกท่ี เดก็ ควรรู คลอดออกมามีสขุ ภาพจิตที่ดี มารดาตั้งครรภ ควรระวงั การรบั ประทาน ได้เช่นกัน ยาบางชนิดท่ีอาจสงผล 4. ยาบางชนดิ ทมี่ ารดารบั ประทานขณะตง้ั ครรภ์ อาจสง่ ตอทารกในครรภ ซึ่งใน ผลต่อทารกได้ ดงั นนั้ ก่อนจะใช้ยาจึงควรปรกึ ษาแพทย์ เพ่ือให้ การใชยาควรไดรับการ แพทย์พิจารณาถึงยาที่ก่อให้เกิดความพิการ หรือภาวะผิดปกติ ดแู ล และควบคมุ จากแพทย แก่ทารกในครรภ์ก่อน เทา น้ัน 5. อุบัติเหตุทเี่ กดิ กับมารดาในระยะต้ังครรภ์ อาจส่งผล ทา� ให้ทารกคลอดก่อนกา� หนด คลอดผิดปกต ิ และคลอดไดย้ าก ผฉสู บอับน รวมถงึ อาจทา� ใหท้ ารกขาดออกซเิ จนไปเลยี้ งสมอง ซงึ่ มผี ลทา� ให้ ทารกสมองพกิ าร มพี ฒั นาการทางดา้ นการเจรญิ เตบิ โตทผ่ี ดิ ปกติ Teacher’s Guide ไปจากทารกคนอน่ื ๆ ได้ ค รู ค ว ร ช้ี ใ ห เ ห็ น 6. ความพรอ้ มของบดิ ามารดาในการมบี ตุ ร ซง่ึ เปน็ สง่ิ ที่ ถึงปญหาความไมพรอม มผี ลตอ่ ทงั้ สขุ ภาพและการเจรญิ เตบิ โตของบตุ ร หากบดิ ามารดา IT มีบุตร ซ่ึงมีหลายสาเหตุ โดยสาเหตุหน่ึงเกิดจาก มคี วามพรอ้ มและมกี ารเตรยี มตวั ตอ่ การมบี ตุ รมาเปน็ อยา่ งดแี ลว้ การตง้ั ครรภไ มพ งึ ประสงค ย่อมท�าให้เด็กมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ที่เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ซ่ึงเปนผลมาจากการมี ในทางตรงขา้ ม หากบดิ ามารดายงั ไมพ่ รอ้ มจะมบี ตุ ร และดแู ลบตุ ร พฤตกิ รรมเส่ยี งทางเพศ ไดไ้ ม่เตม็ ท ่ี ย่อมท�าใหพ้ ัฒนาการและการเจริญเติบโตด้านต่างๆ รวมถึงสภาพจิตใจของทารกท้ังขณะอยู่ในครรภ์และหลังคลอด ออกมาเกิดความไม่สมบูรณ์ได้ 7. การไดร้ บั การดแู ลและเอาใจใสจ่ ากแพทย์/ เจา้ หนา้ ที่ สาธารณสขุ อยา่ งใกลช้ ดิ เปน็ สง่ิ ทจี่ า� เปน็ สา� หรบั มารดาทต่ี ง้ั ครรภ ์ เพอื่ ทม่ี ารดาจะไดป้ ฏบิ ตั ติ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง อนั จะสง่ ผลตอ่ การมี สขุ ภาพทส่ี มบรู ณแ์ ขง็ แรงของทารกทงั้ ทย่ี งั อยใู่ นครรภ ์ ขณะคลอด ความพร้อมของบิดามารดาในการมี และหลงั คลอดดว้ ย บุตรน้ัน ถือเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อการ มสี ุขภาพที่สมบรู ณ์แข็งแรงของทารก 45 45
เดก็ ควรรู เปน โรคตดิ เชอ้ื เนอื่ งจากเชอื้ ไวรสั ซง่ึ ทาํ ใหเ กดิ ลกั ษณะทสี่ าํ คญั คอื มไี ข มผี นื่ ขนึ้ ทผี่ วิ หนงั ตอมนา้ํ เหลืองบรเิ วณคอโต 5) การตดิ เชอ้ื โรคบางชนดิ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายและตดิ ตอ่ ถงึ ทารกไดโ้ ดยเฉพาะในระยะตงั้ ครรภ ์ หากมารดาไดร้ บั เชอ้ื บางชนดิ เช่น โรคหัดเยอรมัน ซิฟิลิส มาลาเรีย ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น จะส่งผลต่อสุขภาพของทารก และยังอาจก่อให้เกิดความพิการ แก่ทารกได้ 6) โรคทเี่ กดิ จากภาวะการต้งั ครรภ ์ ในระหวา่ งการตง้ั ครรภ์ มารดาอาจเปน็ โรคตา่ งๆ ทเ่ี กดิ จากภาวะตง้ั ครรภ์ได ้ แตท่ ง้ั นหี้ าก มารดาทม่ี ภี าวะความดนั โลหติ สงู ควรไป มารดาดูแลสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดีทั้งด้านร่างกายและ รับการดูแลรักษาครรภ์อย่างสม่�าเสมอ จติ ใจ โอกาสท่ีจะเกดิ โรคกจ็ ะลดนอ้ ยลง ดังนั้นมารดาที่ต้ังครรภ์ เพ่ือป้องกันไม่ให้โรครุนแรงมากยิ่งขึ้น จงึ ไมค่ วรวติ กกงั วลเกยี่ วกบั โรคตา่ งๆ มากนกั แตท่ ง้ั นก้ี ค็ วรศกึ ษา อันจะสง่ ผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หาความรูเ้ กี่ยวกบั โรคที่เกิดจากภาวะการตงั้ ครรภ ์ เพ่ือให้ทราบ เดก็ ควรรู วธิ ีการป้องกัน ตลอดจนการปฏิบตั ิตนหากเกดิ โรคต่างๆ ดังน้ี คือ น้ําครํ่า ซึ่ง เปนนํ้าใสๆ ไมมีกลิ่น 1. ภาวะความดันโลหิตสูงในมารดา เป็นกลุ่มอาการ เมื่อถึงเวลาใกลคลอด ถุงนํ้าครํ่ามักแตกเอง มี นํ้าไหลออกมา เรียกวา น้ําเดิน ผิดปกติที่พบในระหวา่ งการตงั้ ครรภ ์ การคลอด หรือหลงั คลอด โดยเปน็ ภาวะทม่ี ีความดันโลหติ สงู และอาจมีอาการอ่ืนรว่ มดว้ ย ผฉูสบอบั น คือ อาการบวม มีโปรตีนสงู ในปัสสาวะ บางรายอาจมีอาการชกั และไมร่ สู้ กึ ตวั สา� หรบั มารดาทไี่ ดร้ บั การฝากครรภอ์ ยา่ งสม่�าเสมอ จะไดร้ บั การดแู ลรกั ษาปอ้ งกนั ไม่ใหโ้ รคมคี วามรนุ แรง แตส่ า� หรบั มารดาที่ไมไ่ ดร้ บั การดแู ล เมอ่ื เกดิ การชกั อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตุ และส่งผลต่อทารกในครรภ์ รวมถึงอาจมีอาการอ่ืนๆ เกิดข้ึน เชน่ น้า� เดนิ ตกเลอื ด เป็นตน้ 2. โรคโลหิตจางในมารดา เป็นภาวะที่มีฮีโมโกลบิน ในเลือดต�่ากว่าร้อยละ 10 กรัมต่อเดซิลิตร โดยมารดาตั้งครรภ์ เด็กควรรู จะตอ้ งการธาตเุ หลก็ สงู ขนึ้ เพอื่ สรา้ งเมด็ เลอื ดแดงสา� หรบั มารดา และทารก โดยในรายทภี่ าวะโลหติ จางรนุ แรงจะท�าให้รกลอกตวั การมีเลือดออก ทางชอ งคลอด หรอื เลอื ด ออกในชอ งทอง เกดิ การคลอดกอ่ นก�าหนด หรอื ทา� ใหท้ ารกเสยี ชวี ติ ในครรภ์ หรอื เกิดการแท้งจากการติดเช้ืออย่างรุนแรง ดังนั้นการฝากครรภ์ และการไปพบแพทยต์ ามแพทยน์ ดั จะชว่ ยปอ้ งกนั ภาวะโลหติ จางได้ เปน็ อยา่ งด ี และหากมอี าการผดิ ปกตกิ จ็ ะไดร้ บั การรกั ษาทถ่ี กู ตอ้ ง ซ่ึงในกรณีท่มี ารดามอี าการบวมมาก เหนื่อยหอบ หรอื หัวใจเต้น มารดาทต่ี ง้ั ครรภค์ วรรบั ประทานผลไมท้ ่ี ผิดปกต ิ ตอ้ งรบี น�าส่งสถานพยาบาลทันที มวี ติ ามนิ ซี เพราะวติ ามนิ ซจี ะชว่ ยใหก้ าร ดูดซึมธาตุเหล็กเป็นไปด้วยดี 46 46
3. โรคเบาหวานจากการตั้งครรภ์ ผู้หญิงบางคนอาจ มารดาตง้ั ครรภค์ วรไปรบั การ เป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ ซึ่งในช่วงต้ังครรภ์จะมีอาการ ตรวจใหต้ รงตามทแ่ี พทย์นดั อย่าง มากขน้ึ และจะมคี วามเสย่ี งสงู ทงั้ ตอ่ ตวั มารดาและทารก สา� หรบั สม่า� เสมอ เพือ่ ความปลอดภยั จาก กลมุ่ ทตี่ งั้ ครรภแ์ ลว้ เปน็ เบาหวาน ทารกจะมอี ตั ราในการเสยี ชวี ติ โรคต่างๆ ทอี่ าจเกดิ ขน้ึ กับมารดา หลงั คลอดถงึ 7 เทา่ ของปกต ิ และมารดาจะมโี อกาสเปน็ เบาหวาน เพ่ิมขึ้นในอนาคต นอกจากน้ียังอาจส่งผลต่อการแท้ง มารดามี และทารกได้นะครับ ความดันโลหิตสูง คลอดยากเพราะทารกตัวใหญ ่ ตกเลอื ด และ เด็กควรรู ติดเชื้อได้มากข้ึน หากมารดาป่วยเป็นโรคเบาหวานมานานและ ควรไดร บั การดแู ล มอี าการรนุ แรงมาก จะทา� ให้มีการเปล่ียนแปลงของหลอดเลือด ท่ีไปเล้ียงอวยั วะต่างๆ สง่ ผลใหท้ ารกตัวเล็ก นา�้ หนักน้อย หรอื จากแพทยอยางใกลชิด เสียชีวิตในครรภ์ เน่ืองจากเลือดไหลไปสู่ทารกไม่สะดวก และ เพอื่ ปอ งกนั ไมใ หเ กดิ ภาวะ นา� ไปส่คู วามพกิ ารของทารก อาจมีความเจริญทางด้านจิตใจช้า แทรกซอ น และท่ีสําคญั กวา่ ปกต ิ รวมทง้ั เมอื่ เตบิ โตขนึ้ กจ็ ะมโี อกาสทจ่ี ะเปน็ เบาหวานได้ อยา ซอื้ ยารบั ประทานเอง มากกว่าเด็กปกตทิ วั่ ไป เพราะบางครงั้ อาการปว ย เล็กๆ นอ ยๆ อาจกระตุน 4. โรคหัวใจกับการตั้งครรภ์ ในระหว่างการต้ังครรภ์ โรคหัวใจมากขึ้น และ มารดาจะมีการเปล่ียนแปลงทั้งทางด้านกายวิภาคและทางสรีระ อาจสงผลตอทารกใน หลายอย่าง อาจท�าให้มารดามีอาการคล้ายเป็นโรคหัวใจ เช่น ครรภไ ด เหน่อื ย อ่อนเพลยี แน่นหน้าอก บวม ตลอดจนจังหวะการเตน้ ของหัวใจเปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น เน่ืองจากการตั้งครรภ์ ผฉสู บอับน ท�าให้หัวใจท�างานมากข้ึน โอกาสท่ีหัวใจจะวายสามารถเกิดข้ึน IT ไดแ้ ทบทุกระยะ ไม่ว่าจะเปน็ ระยะตง้ั ครรภ์ ระยะคลอด และ ระยะหลงั คลอด โดยโรคหวั ใจขณะตงั้ ครรภท์ า� ใหเ้ กดิ ภาวะ 47 การขาดออกซเิ จนของทารกในครรภ์ จงึ สง่ ผลใหเ้ กิด ภาวะต่างๆ คอื การแทง้ บุตร การคลอดก่อนกา� หนด ทารกตัวเล็กกว่าอายุครรภ์ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ทารกเสยี ชวี ติ หลงั คลอดอนั เนอื่ งมาจากการคลอด ก่อนก�าหนดหรอื ตัวเล็กมาก ซ่งึ ทารก ทเี่ กดิ จากแมท่ เ่ี ปน็ โรคหวั ใจแตก่ า� เนดิ จะมโี อกาสเสยี่ งตอ่ การเปน็ โรคหวั ใจประมาณรอ้ ยละ 2 หรอื อาจจะมากกวา่ ปกตถิ งึ 6 เทา่ 47
เดก็ ควรรู เสริมสาระ เปนความพิการ แตกําเนิด ซึ่งกอใหเกิด คุณแมท่ ีต่ ง้ั ครรภ์กบั ข้อควรระวังในการใชย้ า ความพกิ ารทเี่ หน็ เดน ชดั คือ รูปรางและเคาโครง การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์เป็นเร่ืองท่ีต้อง 2. ยาต้านการแข็งตัวของเลือดมีหลายชนิด ของใบหนา การพูดจา ระมัดระวังเปน็ อย่างยง่ิ เพราะยาบางชนดิ สามารถ เช่น เฟนินไดโอน (Phenindione) อินดานิดิโอน ไมชัด ภาวะแทรกซอน ผ่านรกไปถึงทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะในระยะ (Indanidione) คมู ารนิ (Coumarin) เปน็ ต้น ในระยะ หูชั้นกลางอักเสบ ระบบ ต้ังครรภ์ 3 เดือนแรก ซ่ึงเป็นช่วงท่ีทารกก�าลังมี 3 เดือนแรกของการต้ังครรภ์ มารดาไม่ควรใช้ยา การกลืนอาหาร ปญหา การพัฒนารูปร่างและอวัยวะต่างๆ ซ่ึงยาบางชนิด ประเภทนี้ เพราะอาจท�าให้ทารกท่ีคลอดออกมา เกี่ยวกับฟน การสบฟน อาจมีผลท�าให้ทารกมีความพิการทางรูปร่าง เช่น เกดิ ความพกิ ารได้ และการเจริญเตบิ โตชา แขนขากุด ปากแหว่ง เพดานโหว่ เป็นต้น 3. ยาจ�าพวกสเตียรอยด์ เช่น เพนนิโซโลน ผฉูสบอับน โดยปกติแล้วหญิงต้ังครรภ์ไม่ควรซื้อยามา (Pennisolone) เดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) รับประทานเอง หากเม่ือมีความจ�าเป็นต้องใช้ยา เป็นต้น เม่ือมารดาตั้งครรภ์รับประทานเข้าไปจะ เด็กควรรู ควรใชย้ าตามคา� แนะนา� และการดแู ลของแพทยห์ รอื ท�าให้มีโอกาสแท้งเพิ่มมากข้ึน หรือเด็กในครรภ์มี เ ป น ส า ร ท่ี ใ ช เภสชั กรอย่างใกล้ชดิ เพือ่ ให้เกิดความปลอดภัยทง้ั ความพิการแต่ก�าเนิด เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ สั ง เ ค ร า ะ ห ข้ึ น เ พื่ อ ใ ช ต่อตวั มารดาและทารกในครรภ์ เปน็ ต้น ประโยชนในการรักษา โรค โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ส�าหรับยาท่ีอาจท�าให้ทารกในครรภ์พิการได้ 4. ยารกั ษาโรคเบาหวาน เชน่ อนิ ซลู นิ (Insulin) คณุ สมบตั ใิ นการตา นการ ตัวอย่าง เช่น หรือพวกซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) เป็นต้น อกั เสบ ถ้ามารดาตั้งครรภ์น�าไปใช้ในปริมาณที่มากเกินไป 1. ยาคมุ กา� เนดิ ชนดิ รบั ประทาน หากมารดา จนเกิดอาการช็อกหรือนา้� ตาลในเลือดต�่ามาก จะ ท่ตี ง้ั ครรภ์รับประทานยาน้ีเข้าไป อาจทา� ให้ทารก ท�าให้ทารกท่ีคลอดออกมานั้นมีโอกาสเกิดความ ท่ีคลอดออกมามีความพิการของหลอดเลือดใหญ่ พกิ ารตงั้ แตก่ า� เนดิ ได้ และแขนขากดุ ได้ 48
อนามัยเจริญพันธุ์เป็นสภาวะท่ีสมบูรณ์พร้อมของชายและหญิงส�าหรับการ สบื ทอดเผ่าพันธ์ุ ซ่ึงประกอบด้วย 10 องค์ประกอบ คือ การวางแผนครอบครัว การ อนามัยแม่และเดก็ เพศศึกษา อนามยั วยั รุ่น โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มะเร็งระบบสืบพนั ธุ์ ภาวะการมบี ตุ รยาก การแท้งและภาวะแทรกซ้อน และภาวะ หลังวัยเจริญพันธุ์และวัยสูงอายุ โดยถือเป็นแนวทางการปฏิบัติตนท่ีเหมาะสมของ ชายและหญิงส�าหรับการสร้างครอบครัว ซึ่งในขณะเดียวกันเม่ือเกิดการต้ังครรภ์ กจ็ ะชว่ ยใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจถงึ ปจั จยั ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ การตง้ั ครรภแ์ ละหลกี เลยี่ ง ปัจจัยดังกล่าว อันจะน�าไปสู่การให้ก�าเนิดทารกที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมทั้ง ทางรา่ งกายและสตปิ ญั ญา เพอื่ จะไดเ้ จรญิ เตบิ โตโดยมคี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี และสามารถ ด�ารงชีวติ ได้อย่างมีความสุข ผฉสู บอับน ฝึกคดิ ฝกึ ท�ำ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ร่วมกนั เสนอแนะวธิ กี ารปฏิบตั ิตนทีเ่ หมาะสมต่อการวางแผนครอบครัว และ การอนามยั แม่และเดก็ ทนี่ กั เรยี นคิดว่าจะสามารถนา� ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจา� วันได้ จากนัน้ ส่งตวั แทนออกมานา� เสนอหน้าช้นั เรียน 2. ครูทา� สลากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการตัง้ ครรภ์ทัง้ 6 ปัจจยั จากนั้นให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม ส่งตวั แทน ออกมาจบั สลาก แล้วให้นกั เรยี นแสดงบทบาทสมมตหิ น้าชนั้ เรยี น โดยให้สอดคล้องกบั ปจั จยั ดงั กล่าว ว่ามผี ลกระทบต่อการต้ังครรภ์อย่างไร พร้อมกับเขียนเร่ืองราวบทบาทสมมติลงในกระดาษ A4 ส่งครผู ู้สอน 49 49
แบบฝกึ ทักษะพฒั นาการเรียนรู้ ตอนท่ี 1 ใหน้ กั เรียนอธบิ �ยองค์ประกอบของอน�มยั เจริญพันธท์ุ ีก่ ำ�หนดให้ พร้อมท้งั ยกตวั อย่�ง วิธกี �รปฏิบตั ิตนทเี่ หม�ะสมม�พอสงั เขป มฐ./ตัวชี้วดั การวางแผนครอบครัว การอนามยั แม่และเด็ก พ 21.1 (ม.3/1) ผฉูส บอบั น .......เ..ป...็น....ก....า..ร...ต...้ั.ง..เ..ป...้.า..ห...ม...า...ย...เ.พ....่ือ...ใ..ห....้ค...ร...อ....บ...ค....ร...ัว..ม...ีค....ว...า..ม... .......เ.ป....็น.....ก...า...ร...ด....ูแ...ล....ส...ุ.ข...ภ...า...พ....ข...อ...ง...ม...า...ร...ด....า...แ...ล....ะ..ท....า...ร...ก.... .พ...ร...อ้...ม...ใ...น...ด....้า..น....ต...า่...ง..ๆ.....ซ...่ึง...ม...ีว..ธิ...ปี...ฏ....บิ ...ัต....ิ ..ค...ือ........................... ต....้งั ..แ...ต...เ่..ร...ิม่ ...ต...้ัง...ค....ร...ร..ภ....์จ...น....ก...ร...ะ..ท....ัง่ ...ค...ล...อ...ด....อ...อ...ก...ม...า......ซ...่งึ...ม...ี. .......1........ต...ร...ว..จ...ส....ขุ ..ภ...า...พ...แ...ล...ะ..ข...อ..ค....า�..ป...ร...กึ....ษ...า..ก....อ่...น....แ..ต...ง่...ง...า..น.... ว...ธิ ..ปี....ฏ...ิบ....ตั ...ิ..ค...อื.............................................................................. .ห...ร...อื...ก....อ่ ...น...ม...บี....ุต....ร....................................................................... .......1.......เ.ม...อ่ื ...ส....ง..ส....ยั ...ห...ร...อื ...ท...ร...า...บ...ว..า่...ต...ง้ั ...ค...ร...ร...ภ...ใ์ ..ห...ร้...บี....ไ..ป...พ....บ.... .......2........พ...จิ...า..ร...ณ....า..ส....ขุ..ภ...า...พ...ร...า่ ..ง..ก....า..ย...แ..ล...ะ...จ..ต.ิ ...ใ..จ...ข..อ...ง..ม...า...ร..ด....า.. แ...พ...ท....ย...์เ.พ....ือ่ ...ต...ร...ว...จ...ก...า..ร...ต....้งั ...ค...ร...ร...ภ...์ห....ร...ือ...ฝ...า..ก...ค....ร...ร...ภ...์........... .ป...ร...ะ..ก....อ...บ...ก...บั....ภ...า..ว...ะ..ท...า...ง..เ..ศ...ร...ษ....ฐ...ก...จิ ...ข..อ...ง...ค...ร...อ...บ....ค...ร...วั ...เ.ม...อ่ื ... .......2.......ใ..น....ร...ะ..ห...ว...า่ ..ง...ต...งั้...ค...ร...ร...ภ...์..ม...า..ร...ด...า...ต...อ้...ง...ด...แู...ล...ต...น....เ..อ...ง... .ต...้อ...ง...ก...า...ร...ม...ีบ...ตุ....ร......................................................................... เ..ป...็น....อ...ย...่า..ง...ด...ีท....ง้ั ...ท...า..ง...ร...่า...ง..ก....า..ย...แ...ล...ะ..จ...ิต....ใ..จ.............................. .......3........เ.ล...ือ...ก....ใ..ช...ว้ ..ิธ...ีก...า...ร...ค...ุม...ก...า�...เ.น....ิด....ไ..ด...้อ...ย...า่...ง..เ..ห...ม...า...ะ..ส...ม..... .......3.......ห...ล....งั ..ก....า..ร...ค...ล....อ...ด.....ม...า..ร...ด...า...ต...อ้...ง...ด...แู..ล....เ.อ...า...ใ..จ...ใ..ส...ใ่..น..... ส....ขุ ..ภ....า..พ...ข...อ...ง...ท...้งั...ต...น....เ..อ...ง..แ...ล....ะ..ท...า...ร...ก......โ..ด...ย...ไ..ป....พ...บ....แ..พ....ท...ย...์. ...................................................................................................... ต....า..ม...ท...่แี...พ....ท...ย...์น....ัด...อ...ย...า่..ง...ส....ม...่�า..เ..ส...ม...อ.......................................... ...................................................................................................... อนามัยวยั ร่นุ โรคเอดส์ ........ว...ยั ...ร..น.ุ่ ...จ...า�...เ.ป...น็....ต...อ้...ง...ร...กั...ษ....า..อ...น....า..ม...ยั...ท...า...ง...ร..า่...ง..ก....า..ย...แ...ล...ะ. ........เ.ป...น็....โ..ร...ค....ต...ดิ...ต...อ.่ ..ร...า้...ย...แ..ร...ง.......ซ...ง่ึ ..ต....อ้ ...ง..ร...ะ..ม...ดั....ร...ะ..ว..งั...เ.ป....น็ ... ..ท...า...ง...เ.พ....ศ....ข..อ...ง...ต....น....เ.อ...ง...อ...ย...ู.่เ.ส....ม...อ.......เ..พ...ื่อ...ก....า..ร...ด....�า..ร...ง...ช...ีว...ิต.. .พ....เิ .ศ...ษ....โ..ด...ย...ค....ว..ร...ป...ฏ...บิ....ตั ...ติ...น......ด...งั...น....ี้ ........................................ ..ป...ร...ะ..จ....า� ..ว..ัน....ไ..ด....้อ...ย...่า..ง...ม...ีค...ว...า..ม...ส....ขุ ....ซ...ึง่...ค...ว...ร...ป...ฏ....ิบ...ัต....ิ .ด....ัง...น...ี้. ........1.......ร...ู้จ...ัก...ป....้อ...ง...ก...ัน....ต...น....เ..อ...ง..เ..ม...อื่ ...ม...เี .พ....ศ...ส....ัม...พ...นั....ธ...์ ....โ..ด...ย... ........1........ป...ร...บั ...ต...ว.ั ..ต...อ่...ก...า..ร...เ.ป...ล....ยี่ ..น....แ...ป...ล...ง...ไ..ด...อ้...ย..า่..ง...เ.ห....ม..า...ะ..ส...ม.. .ก....า..ร...ใ..ช..ถ้...งุ...ย...า..ง...อ...น....า..ม...ยั .............................................................. ..ท...งั้...ท...า..ง...ร..า.่ .ง...ก...า..ย.....จ...ติ...ใ..จ....อ...า..ร...ม...ณ....์..ส...งั...ค...ม.....แ..ล...ะ..ส....ต...ปิ...ญั....ญ....า. ........2.......ห...ล....กี ...เ.ล....ยี่ ...ง..พ....ฤ...ต...กิ...ร...ร...ม...เ..ส...ยี่...ง...ต...า่..ง...ๆ........................... ........2........ด...ูแ...ล....ร...ัก...ษ....า...ส...ุ.ข..ภ....า..ว...ะ..อ....น....า..ม...ัย...ท....า...ง...ด...้.า..น....ต....่า..ง...ๆ.. ........3.......ต...ร...ะ..ห....น...กั....ถ...งึ...ค...ว..า...ม...ร..นุ....แ...ร...ง..ข...อ...ง..โ..ร...ค....เ.อ...ด...ส....์ .......... ..ข..อ...ง...ต....น...เ..อ...ง...ใ..ห...ส้....ะ..อ...า...ด...อ...ย...ู่เ.ส....ม...อ........................................... ........4.......ห...า..ก....ไ..ม..แ.่ ..น...ใ.่ .จ...ห...ร...อื...ม...ขี..อ้...ส...ง...ส...ย.ั ..เ..ก...ยี่...ว..ก...บั....โ..ร..ค....เ.อ...ด...ส...์ ........3........ห...ม...น่ั....ศ...กึ...ษ....า..ห...า..ค....ว..า..ม...ร...เู้.ก....ย่ี ...ว..ก...บั....เ.ร...อื่...ง...เ.พ...ศ....ศ...กึ...ษ....า. .ส....า..ม...า..ร...ถ...ไ..ป....เ.ข..า้...ร..บ.ั ...ก...า...ร..ต....ร...ว..จ...เ.ล....อื ...ด.....ห...ร...อื...ต...ดิ...ต....อ่ ...ข..อ...ร...บั... ..เ.พ....อ่ื ..ใ..ห...เ้.ก....ดิ ...ค...ว..า..ม...ร...คู้...ว..า..ม...เ.ข..า้..ใ..จ...เ.ก...ย.ี่ ..ว..ก....บั ...เ.ร...อ่ื...ง..เ..พ...ศ...ไ..ด...อ้...ย..า่..ง.. .ค....า� ..ป...ร...กึ...ษ....า..ไ..ด...ท.้ ...ส่ี...า�...น...กั....ง..า...น...ส....า..ธ...า..ร...ณ.....ส...ขุ...ใ..ก...ล...บ้....า้ ..น........... ..ถ...กู...ต...อ้...ง...แ..ล...ะ...ส...า..ม...า..ร...ถ...น....า�..ไ..ป...ป...ฏ...บ.ิ ...ตั...ไิ..ด...อ้...ย...า่ ..ง..เ..ห...ม...า..ะ..ส...ม....... ...................................................................................................... ...พิจารณาจากค�าตอบของนักเรียนโดยอยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครูผูส้ อน... 50 50
ตอนท่ี 2 ให้นักเรยี นระบุปจั จยั ที่มีผลกระทบต่อก�รต้งั ครรภ์ลงในแผนผงั แล้วตอบค�ำ ถ�มให้ ถกู ตอ้ ง .......ส...า..ร...เ..ส...พ....ต...ิด......... .............บ....ุห...ร...ี่............. .................................... .................................... ......แ...อ...ล...ก...อ...ฮ...อ...ล...์...... ปัจจยั ทม่ี ีผลกระทบตอ่ ....ส...ภ....า..พ...แ...ว..ด....ล...้อ...ม..... การตง้ั ครรภ์ .................................... .................................... โ....ร....ค..ก......ท..า....รเี่ ....ก..ต....ิด..้ัง....จ..ค....า..ร..ก....ร....ภ..ภ....า..์ ..ว......ะ .......ก...า...ร..ต....ิด...เ.ช...ือ้ .......... ผฉูสบอับน .................................... 1. ปจั จยั ท่ีมผี ลกระทบตอ่ การต้งั ครรภ์ปัจจยั ใดทีค่ วรหลกี เลีย่ งมากทีส่ ดุ .......ส...า...ร..เ..ส...พ....ต...ดิ...เ..ป...น็....ป...จั...จ...ยั ...ท...มี่...ผี...ล...ก...ร...ะ..ท....บ...ต...อ่...ก....า..ร...ต...งั้...ค...ร...ร...ภ...ซ์...งึ่...ค...ว..ร...ห....ล...กี ...เ..ล...ยี่ ...ง..ม...า...ก...ท...ส่ี....ดุ .....เ.น....อื่...ง...จ...า..ก...เ..ป...น็ ...ป....จั ...จ...ยั ..... .ท...่ีเ.ป....็น...อ...ัน....ต...ร...า...ย...ต...่อ...ท...า...ร..ก....ใ..น....ค...ร...ร...ภ...์ ....ซ...ึ่ง..อ...า...จ...ท...�า..ใ...ห...้ท...า...ร..ก....เ.ส....ีย...ช..ีว...ิต...ต...ั้ง...แ...ต...่อ...ย...ู่ใ..น....ค...ร...ร...ภ...์ ....ห...ร...ือ...พ...ิก....า..ร...เ.ม...่ือ...ค....ล...อ...ด...... .อ...อ...ก...ม...า..ไ..ด....้ ....ท...งั้...น....ีค้ ...ว..ร...ห....ล...กี....เ.ส....่ยี ...ง..ส....า..ร...เ..ส...พ....ต...ดิ....ท...งั้...ใ..น....ข..ณ.....ะ..ต...ั้ง...ค....ร...ร...ภ...แ์ ..ล....ะ..ใ..น....ช...ีว..ติ...ป....ร...ะ..จ...า�..ว...นั ....ด...้ว..ย................................... 2. โรคทเี่ กดิ จากภาวะการตงั้ ครรภ ์ เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร และสง่ ผลกระทบตอ่ มารดาและทารกอยา่ งไร จงอธบิ าย ..........อ..า..จ...เ.ก....ดิ ...ไ..ด...จ้...า..ก...พ...นั....ธ..กุ...ร...ร...ม...ห...ร...อื ..ภ...า..ว...ะ..แ..ท...ร...ก...ซ...อ้...น...ร...ะ..ห...ว..า่..ง...ก...า..ร...ต...ง้ั...ค...ร...ร..ภ...์...ส...ง่..ผ...ล...ใ..ห...ท้...า...ร..ก...ไ..ด...ร.้ ..บั...เ..ช..อื้...จ...า..ก...โ..ร...ค...น....น้ั ... จ...น....อ...า..จ...ก...อ่...ใ..ห....เ้ .ก....ดิ ...ค...ว...า..ม...พ...กิ....า..ร......ห....ร...ือ...ท...า�..ใ..ห....้เ.ส....ยี ...ช..ีว...ติ ...ไ..ด...้....ซ...ึง่ ...น...ับ....ไ..ด...้ว...่า..เ.ป....น็ ....อ..ัน....ต....ร..า...ย...ท...้ัง...ต...่อ...ต...วั...ม...า..ร...ด...า..แ...ล...ะ..ท....า..ร...ก... เป็นอยา่ งมาก................................................................................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นมแี นวทางอยา่ งไรในการหลกี เลย่ี งปจั จยั จากสภาพแวดลอ้ มทส่ี ง่ ผลเสยี ตอ่ ทารกในครรภ์ .-......อ...ย...ใู่ ..น....ส...ภ...า...พ...แ...ว..ด...ล....้อ...ม...ท...ป่ี ...ล...อ...ด....ภ...ัย...แ..ล....ะ..ไ..ม...่เ.ส....ี่ย...ง...ต...อ่ ...โ..อ...ก...า..ส....ท...จี่...ะ..เ..จ...อ...ส...ิ่ง...ต...า่...ง..ๆ.....เ.ห....ล...า่ ..น....ัน้............................................ .-......ร...ะ..ม...ดั...ร...ะ..ว...งั ..ใ...น...ก....า..ร...ด...�า..เ..น....ิน...ช...วี..ิต....ใ..ห...ร้...อ...บ...ค....อ...บ...ม...า...ก...ข..ึ้น........................................................................................................... .-......ข..อ...ค....า� ..ป...ร...ึก...ษ....า..จ...า...ก...พ...อ่...แ...ม...่ ...ซ...ึง่...ม...ปี...ร...ะ..ส....บ....ก...า..ร...ณ.....์ช..ีว...ิต...ม...า..ก...ก....ว..า่........................................................................................... ...พิจารณาจากค�าตอบของนักเรียนโดยอย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน... 51 51
33Ẻ·´Êͺ˹‹Ç·Õè 1 ¤Òí ªáéÕ ¨§ ãËŒ¹Ñ¡แàบÃÂÕบ¹ทàดÅÍ×ส¡อ¤บÒí หµนÍ่วºย·ทÕ¶è ี่ ¡Ù 1µÍŒ §·ÕÊè ´Ø à¾Õ§¤Òí µÍºà´ÂÕ Ç 1. ขอ ใคดำ� ไชี้แมจใงชใหอน้ งักคเรปียนรเละอืกกอคำ�บตอขบอทงี่ถกูอตนอ้ งาทมี่สดุยั เพเจียงรคญิำ� ตพอบนั เดธยี วุ ก. เมพะศเร1ศ.ง็ กึ รขกขษะ.อ้. บใาดเมพบไะมศเสร่ใศช็งบืกึร่อษะงพบาคบ นั์ปสรธบืะกพุ อนั บธขุ ์ องอนามัยเจริญพงข.นั. ธงข กอุ์ .า.นราตมกั้งอยัคานวรรยัรารภตุ่นม์ ั้งัยควรยั รรภนุ ข. 2. กข.อใ ดกเาปรน 2ค.ก ุมขขกาก.้.อร ใาํ วดกกเเาาานปรรงน็เคดิ ลแกมุ ีย้าผกงร�าดวนเาูบนงคุติดแร รผอนคบรอคบรคัวรัว ข. การเล ้ยีค.ง ดกูบารุตหารรายไดเ้ ลี้ยงครอบครวั ค. การห3. ากงร.า ารอยกนาไารดมอบัยเลแรมมยี้ สแ่ งงั่ลสคะอเดรน็กอบเุตรบิม่รคใขหึ้นร้เปเัวมน็ ื่อคในดดี ง. การอ บกร. มตส้งั แ่งั ตสเ่ รอ่มิ นต้ังบคุตรรรภใ ์ หเปน คนดี 3. การ อนาม ัยคขแ.. มตตแ ัง้้ังแแลตตะ่ยท่ เงัาดไรมกก็ ต่คเง้ัลรคอร่มิดรอภขอ์ ึน้กมเาม อ่ื ใด ก. ตั้งแต เ งร. มิ่ ตตัง้ ง้ัแคต่พรารทภาร กไปฉีดวคั ซีนคร้งั แรก ข. ตตั้งั้งแแ4ตต. ยท เขกพังา.. ศไรศเคมกพกึวตศาษคมสาัง้ลัมสหคมัอพมรพานัดยรนัธอถ์ธภงึร์ออะหะกไวรม่างาชายกับหญงิ ผฉสู บอบั น ค. 4. งเพ. ศ ศตึกั้งแษ5ตา. หพบคง.ม.คุา คทาคกลยวาาใดรารถศมทกึกึงรม่ี เู้ษไอคีกาปวยี่ะเาวกไฉมกยี่ รเับดีวสกพยี่วับงัฒคัตเรนอ่ซือ่ ากงกนีาเาพรรคเศทกรอดิายั้งงโรเ่าแพคงลตศระดิ กเตอ่อียทดาแงลเะพลศกึ สซัม้ึงพันธ์มากที่สดุ ก. เคพวศามส ัมสขกคัมพ... พันบบบีมออันธลยใธชมม้ถรเีีเพพุงะยศศหาสสงมััมวอพพนา นันัางมธธชยั์กก์ าทับบั ุกผยผคหูู้้หกรญญ้ังับงิงิทททหี่มกุเ่ี ีเพญพวิ่งันศริงโสจู้ดมัักยพกไมันนั ซ่โธด้�า์ ยหในช้า้ถงุ ยางอนามัย ข. คกวาราศม6. ึกรกงจเูษ.ดัาก รวาที่ยา่บเเมี่ าวปกาสน็กร่ียมดกบัเีวาาพตรกพศองั้ สคับนัฒัมราเรมพรนภัยนั ือ่แ์ าเธลจงก์กว้รบัเไิญาปพหพรฝญศันทาิงกธอขาคขุ์ ายรง้อยรใเาบภดพงทร์ กิลสี่ศาถะราทเนอาพงยียเพาดบศแาโดลลย ใะเชพล้ถอ่ื งุึกใยหซาแ้ งพ้งึอทนยาน์มดัยั ตรวจเปน็ ระยะๆ ค. ง. 5. บุคค ลใดท ่มี ก.คี วกาารมวาเงสแย่ีผนงคตรออบกคารวัร เกิดโรคติดขต. อ ภทาวาะกงาเรพมีบศตุ สรยมั ากพ ันธม ากท่ีสดุ ก. บีมใช ถคงุ. ย กาางรออนนามาัยมแมัย่แทละุกเดคก็ ร ั้งทีม่ ีเพศสง. ัม กพารนั แทธง้ และภาวะแทรกซ้อน 1. ตอบ ง. 5ขค2อภว..ยันารวาะนุมบบหยั ลออเจโงั ลยรรวคัยญิมมเเจพอีเเี รดันพพญิสธศศปุพรันสสโะรธมััมกคแุ อลตพพบะดิ วดันนัตัยว อสธธยทูงกก1าอ0งับับาเยอพผผุงศคหูหูสป ัมญญรพะนัิงิงกธอททบกุเ่ี มพควะือเ่งินัรรง็ โกรูจดาะรักบยวบกาไงสมันแบื ผซโพนดนั้าํคยธหรุ ใอนชบภาาคถวระงุ วักยากรามางรบี ออตุ นนรายามายัมกแยัมกแ ลาระเแดทก็ ง แลเพะศภศาวกึ ะษแทารอกนซาอมนยั 2. ตอบ ก. กง.กกวาาาารงรรทแอคบผนมุมี่นากาไามสาํวยัรเมนแดมดิ ีเาแถพลตอื ะศเง้ัเปดสคน ก็ หมัรเปลรพน กัภกปนั แาฏรธบิลดกตัวแู ใิลับไนสปหกขุ ฝาภญราาวพิงากขงขอคแงผารมนยารครบภดรอารท ตบิกสี่ง้ัคาแถรตรวัาเเทรมนม่ิอื่ าตพยงง้ังั ยคเไมพราพรบศภรอาโมดแลทลยจ่ีะเะใดเมชพก็บี ถตตุอ่ื งั้ ุงรแใยตหหอารแ ยอืงใูพเอนมอ่ืทคนมรยบีารนตุมภรจ ดััยเนพตกยี รรงะพวทอจง่ั ตคเาปลมอทน ดไี่ รดออะม กกียมาะราๆ 3. ตอบ6.ก. 4. ตอบ ง. จดับเพอวศยาศเปึกเนปษผาน ทู หกี่มมคี าาวยราถมองึ เสนกยี่ ารงะมตบอ ยัวกนเากจราเรกริญดิเรโยี รพนครนัตูทิดธ่จี ตขุะอททอาํ าใใงหดเผพูเ ศรียสนัมมพคีันวธามมารกคู ทวสี่ามุดเขเานใอ่ืจงแจลากะมสพี าํ ฤสตอ ิกนรทรามงทเพาศงเพแศลอะยมา เี งพถศูกสตมั อ พงนั ธโ ดย 5. ตอบ ข. 6. ตอบ ค. คกกตไ..มัง้ามรคกีทกกรา่ีมราาราภปรรรแอดอวลงาะานกตกงันั้งาาแครมครผยัรลนภอแไดคปมดรราํแับเอนลกบินาะรไคเปตดรอรย็กัววาจงตปากมตทิต่ีแพามทธยรนรัดมอชายตางแิ ขงสล.ะ.มป่ําลเสกภอมาดาอภรนวัยแ้ันะทกถงาือแรเปมลนะบี หภุตลาักรกวยาะารแอกนทารมกัยแซมแอลนะเด็ก เพื่อใหการ 52 52
7. ขอ้ ใดเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ กค.. โโรรคค ซซาฟิ ริล7์ส. สิ คกข ..้อ ใ ดโโรรเปคคน็ซซโาฟิ รริลค์สิสต ดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ขง.. งข .โภ. ร าควมะโภะกรเาารคร็งวม มบีะุตะกรเยารารกง็ ม ีบุตรยาก 8. บุคคลใด จดั ว8.่า เบกป.ุค คน็ นล้าใบดแจกุคดั้ววคอา่าลเยป ุว็น35บัย ุคปทค ี ลอวยังทอง ข. อากิ่งอายุ 40 ปี กค.. นปา้้า แแวกว้วออ9.า า คขกยย..อ้ ุ ุใ 4ด3 มปไ8า้า5มแร ่ถ ดวปกูปาวหตอี ีาอ้ลยงัง ุค4ล8อ ปดค ี วรพักฟ้นื อย่างน้อยง . 6ขง-.8ล. ุงสพปั รอลด้าาาุงวหอพกา์ ยิง่รุ 6อ้า5าว ปยอี ุา4ย0ุ 6ป5ี ปี 9. ขก.อ้ ใดมไาม ร่ถดูกาหต้อล ขคงงงั ... ค โอวลรยันคสอาตูงมิดดอัยตาเคย่อจหุรทวิญรารอืงพเทพพนั ่เี ธรศักีย์ ุสคกฟมั ือวพ ่าน้ื สนัวภยัธอทา ์ เวยอชะงน่่าท ่สีเงโปมรน็นคบวหอ้รู ยั นณทยอ์พอ่ี ง รยใ6้อนู่ในม- โชข8ร่วอค งงซอสบฟิาุคปัยิลค ุิส4ดล 5ใ าน-โ5รกหค0า แร ์ปผส ี ืบล รทมิ ออด่อเผน่า พเปัน็นธตุ์ น้ ข. วยั ส ูงอ1า0ย. หุกภ.า รวะเอื ชกื้อาทรอม่เีสีบรุจุติมยี รนี กย้อายวก เ่ากวดิ จัยาทกสอาเงหต ใุเดปน็ วข.ยั ทรา่ อี่งกยายู่ใไนม่แชขง็ว่ แงรงอาย ุ 45-50 ป ี ค. อน ามยั เจ คร.ิญ กพารนัคุมธก์ุ า� เคนดิือ สภาวะทีส่ มบงูร. ณถกู์พทรง้ั ข้อ้อ มก.ข แอละง บข.คุ คลในการสบื ทอดเผ่าพันธุ์ ง. โรค ตดิ 1ต1.อ่ กสทัญ. าญเงหาเณมพอ่ใดลศทอย่บีส ง่ มับอพกวนัา่ มธีก์ ารเตชัง้ คน่ ร รภโร์เกคิดขหนึ้ นองใน โรคซิฟลิ สิ โรคแผลรมิ ออ่ น เปน็ ต้น 10. ภก.า วะเชกอ้ืา รอมสีบุจตุมิ งขครีน... ย อ้ านเกรยาอกยี รน กขเทราก้อ้ังดงวดิปคนั รวจ ะา จาม�าสกเดนสอืใจนา เหตใุ ด ข. ร่างกายไม่แข็งแรง ผฉสู บอับน ค. การ คุม1ก2. �ากกเา.น ร ทกิดดอ่ สนอปบรกะจา�ารเตดงั้ ือคนรมรภา ์ท1่ีไ5ด ้ผวนัลแนน่ อนจะตงอ้ ง.ท ดสถอบูกในทช้งั่วงขใด้อ ก. และ ข. 11. สญั ญาณ ใดท ีบ่ ข่ง. บ กอ่อนกมวีเพา่ ศมสมั กี พาันรธ์อตย้งั่างคน้อรยร 2ภ ชเ์ ่วักโมดิ งขนึ้ ก. เหม่อลอย ค. ภายหลังการขาดประจา� เดอื นอย่างนอ้ ย 7-14 วัน ง. ภายหลงั จากการมเี พศสัมพันธ์อย่างนอ้ ย 6 สปั ดาห์ ขค.. เนรอีย นกทร้อ1ั้ง3งว. คนั คกปว.. ัจ จา บสัยมภใคุ ดาคสทพล่ีสน ร่ง่าผใงกจลากยร ะทบตอ่ การตง้ั ครรภม์ ากขง.ท. ี่สคสดุ ภรอาบพคแรวัวดลอ้ ม ง. การขาดประจ�าเดือน 7. ตอบ12ค.. กโารรคทซฟิ ดลิ สสิ เอปน็บโกรคาตรดิ ตต้ังอ่ คทารงรเพภศสท์ มั ่ีไพดนั ผ้ธท์ ลเ่ี กแดิ นจา่นกเอชอ้ืนแจบคะทตเี รอ้ ยี งTทreดpoสnอemบaใPนaชllidว่ uงmใดซง่ึ เปน็ โรค5ต3ดิ ตอ่ ทส่ี ามารถทา� ให้ 8. ตอบ ค . กวเ.กัย ดิท โอกรงค่อจแะนกอร่ยปะใู่ บนรบชะ่วตจงา่ า�องาเยๆดุ ขือ4อ5นง-5รม0า่ างก ป1าีย5สได ว่ ห้วนลวนั าัยยสรงู ะอบาบยุจเะชมน่ ีอาซยฟิ ตุ ลิ งั้ สิ แตร่ะบ6บ0หปวั ใขี จึน้ แไลปะหลอดเลอื ด ซฟิ ลิ สิ ระบบประสาท เปน็ ตน้ 9. ตอบ ข . ขคไภส..ม า่วถ่ว นะกูภกวขตยัออ่า้อสงยงนกูงอาหมราเยมนลเี จุบีพือ่งั ะตุงมกศจรอี าายสากายรกมั ตุขเ้งักวพาแัยดิ ตสดนั จู่งาปธอก6์อาร0คยะวยกุ าปจบัา่มีข�าบวง้ึนยักเนไทดพปออ้ รืองอ่ยเนงป จน็อ2าวก ยัยชรท่าะ่ัวอ่ีงบยโนบ่ใูมสน้อบืงชยว่พง นั อ7ธา-ข์ุย1อทุ ง4่ีแเตพ กศวตชนั าา่ ยงกหนัรอื เพโดศยหวญยั งิทอเงชจน่ ะอเชยอืู้ใ่ นอสช่วจุ งมิ อนี าอ้ยยุ 45-50 ปี 10. ตอบ ง . ไมม่ ไี ขต่ ก 11. ตอบ ง . ง.กร ่าา งรกภขาาาดยไปยมรหแ่ ะขจลง็ า� แเังดรจงือานเกเปปก็นน็ ตสา้นัญรมญาีเณพบศง่ ชสอี้ ัมย่าพงแันรกธว์อ่า ยม่าีกงานรต้อั้งยคร 6รภ ์เสกดิัปขดน้ึ านหอ์กจากน้นั กอ็ าจมีอาการแสดงออกอย่างอ่ืน ตอ1บ3ค. . ปกร7ก.ัจ- ่วา1จมร 0ดทบยั ว้ดใคุยวสดันคอเทบชลฮ่นกส่ี อ ารง่รค์โตผมลงั้ นล่นื คดไกรสังรรก้ภะลเ์เจปท่าบ็็นวบจเกตะตาา้เจรน่อตือมปรกวนกาจอาฮรอรอตกรรบัมัง้โ์ มารคกนู้รรับสไกรปอลัสาภหโสคม์าารโวาปเะปรกขลตโท.ย่ีีนด นสี่ยไกคดุปซาึง่ รรผเทอหลดนติบสอื่จคอยาบกงรา่ทเวัซยี่ไลดลอ้ผข์าลอรแงมนรณ่นก์แหอปนลรังคปกือราภวรนาปยฏหเิสลปนังน็ จธตาขิ ้นกองกไาขร่ปขราะดมขาอณง 12. 13. ตอบ ง . คสป. รภ ะาจสพา� แภเวดดาือลนพอ้ อมรยทา่่างงั้ งนทก่มี้อชีายวี ยิต7 แ-ล14ะไมวม่ ันีชีวิตทแ่ี วดล้อมทารกต้งั แตงเ่ ร.ิ่ม ปฏสิสภนธาิใพนคแรวรดภจ์ ลนอ้ กมระท่งั หลงั คลอด โดยจะมผี ลต่อการ เจรญิ เติบโตและพัฒนาการด้านตา่ งๆ ของทารก เชน่ สภาพจิตใจของมารดา ยาบางชนิด อบุ ัตเิ หตุ เป็นตน้ 53 53
14. มารดาต้ังครรภท์ ่ีดืม่ แอลกอฮอล์จะส่งผลอย่างไรต่อทารกเม่ือคลอดออกมา ก. ด้อื ข. เลยี้ งยาก14. มารดาต้ังครรภท์ ี่ดมื่ แอลกอฮอล์จะสง่ ผลอย่างไรตอ่ ทารกเมื่อคลอดออกมา ก. ดอื้ ข. เลีย้ งยาก ค. เกิดอ าก1า5ร. มคม.า นึ ร ดเเกามิดทอต่ี าาิดก สาารรมเสึนพเมตาิด ขณะต้ังครรภ ์ ภายงห. ล ง ังเก.จ ดิาก ภกา เาวกระคปิดลญั อญภดาบาอตุ ่อวรนจะะมปีอญัากาญรอยา่าองไ่อร น 15. กม.า ร ดปากทตต่ี ิ ดิ สา รขกคเ...ส ปปกพงักววดตตลทิ ดิ้อซงมึขอเยศณ่ารง้าระนุ ตแรง้ัง ครรภ์ ภายหลังจากการคลอดบุตรจะมอี าการอย่างไร ข. กังวล ซ1มึ 6.เ ศงข.้อ ร ใดมา้ กปี ลัญ่าหวไามท่ถางูกดต้าอ้ นงสมอง ก. สภาพจิตใจของมารดาจะมีผลต่อสภาพจติ ใจของทารก ค. ปวดท้องอยา่ งรุนแรง ข. มารดาทตี่ ิดสารเสพตดิ ในขณะต้ังครรภ์จะทา� ให้ทารกในครรภ์ตดิ ไปดว้ ย ง. มปี ญั หาทางดา้ นสมอง ค. มารดาต้งั ครรภ์ควรด่ืมแอลกอฮอล์ในบางคร้งั เพ่อื เป็นยาในการบา� รงุ เลือด 16. ข้อใดกลา่ วไม่ถกู ต้อง ง. มารดาตง้ั ครรภท์ ่สี ูบบุหรีห่ รือสดู ควันบุหรี่เข้าไปจะท�าใหม้ อี าการแพท้ ้องมาก 17. สว่ นของรา่ งกายมารดาทที่ ารกอาศัยอยโู่ ดยตรงเรยี กว่าอะไร ก. สภาพ จติ ใ จคกข.. อชท่ออ้งงงมค ลาอดร ดาจะมีผลต่อสภงข..า พมถงุดจนล�า้กูติ ครใ่�าจของทารก คข.. มมาารรดด าาตท1งั้ีต่8.ค ิดตโกรรส.ิดค รต ตาโภ่อิดรรถคเ์คชงึมเท้อืสะวาชเรรพนรง็กดิ ดใตในดม่ืคดิเรมรแใอ่ื ภนมอ์ไาดขรล้ดณากไดอะร้ บัฮตเชองั้ ือ้ คลในร์ใขขนณร. ะภ บต โรงั้จ์าคคไะรงมรทคภเกอ์รา�ราน้ังจใกห ่อเใ้ทพห้เากอื่ ิดรเอกปนั ตใน็รนายยคแาลระใร นภ ก์ตาิดรไบป�าดรุงว้ เยลอื ด ง. มารด าต1งั้ 9ค. รแคร.ร ่ธ ภาโรตคชุ์ทวนติ สี่ดิ กใกบูดงัทวบชี่ ลว่ หุ ยปรอ้ ห่ีงกรันโือรคสโลูดหติคจวางนัใงน.บห ญ โหุ รงิ คตรหั้ง่เีคัดขรเยรภ้าอร์ไไดมป้นั จะท�าให้มอี าการแพท้ ้องมาก ผฉูสบอับน 17. กสว่. น ขทอ้องงร ่าง2ก0า. ยคกเม.. ม่ือ มธกาาารตรดรดุเโหดฟาทลลา็กตี่กิ ท้งั ครี่ทรภา์เปร็นกโรอคหาัวศใจัยจะอสง่ ยผลูโ่งขอ.ด. ย ข า่ ย ววงติิต.ไต าารมมตรินินอ่ มงทเซอเาีดรรกลยีในกู กครวรภา่ ์ อะไร ค. ชอ่ งคลอด ก. ทารกตัวใหญ่กว่าปกต ิ ง. ถงุ นา้� ครา�่ ข. ทารกตวั เลก็ กว่าอายุครรภ์ 18. โตรดิ คตตอ่ ดิ ถเชึงท ้ือาชรนกิด ใคงใน..ด ค เทไมรมาม่รรก่อืขี ภตอ้ ม่ืนถ์ไเกู าตด้นรอ้ ดย่ตูาลไอดดเว้รลบัา เช้ือในขณะต้ังครรภอ์ าจก่อใหเ้ กิดอันตรายและ 14. ตอบ ง .ก.เม ่ือ มโาร5รค4ดมาทะต่ี เงั้ รคง็ร รภ์ด่มื แอลกอฮอลเ์ ข้าไป จะท�าให้ระดับขแอ.ล ก อโรฮอคลไ์ใมนเเลกอื รดสนงู ขน้ึ และจะไหลเข้าสทู่ ารกโดยตรงผา่ น ค.ทท าา งรโรกรกทคา� ซใวงึ่หอติเ้ กากจิดสภกง่าังผวะลวปทลัญา� ใญหาแ้ อทอ่ ง้ นไหดร้ อื ทารกทค่ี ลอดออกมาองา.จ ม นี โา�้ รหคนกัหแัดรกเเยกดิอนรอ้ มยนั ห รอื อาจสง่ ผลตอ่ ระบบประสาทของ 15. ตตออ1บบ9.ค ข..กแร.กเมล าธ่ล ี้ยรา่างธดวดตไาามูบทุชตถ่่ตีุตกูนเุดิรหตไสิดดอ้ าล้องใรก็ยดเส่าเ ทนงพมอ่ืตช่ี ปีงิดรว่จขะายณสกปะิทแตอธอ้ั้งลภิ คงการพอกรฮันภอ์ลโไ์รภมคาถ่ ยอืโหลวลา่ หเงั ปจิตน็ ากยจากาางรเมคใอ่ื ขนลดอ.มื่ห ดเข บญา้ วุตไปงิริตไอตามาั้งว่มจา่ คมจนิ ภี ะราใซรวนะีภปผรดิ์ไมิปดากณ้ ตเิทา่ กใดังวลหรอืซบึมเอ่ ศยรแา้ คไ่ หแลนะกไต็มส่ามามาจระถมี 16. 17. ตอบ ง.คร.ผ า่ ลงทกก�าาใรยหขด้เอกโงดิ ฟมพาลษิรดติกาอ่ ท รีท่ะบารบกตอา่ างศๆยั ใอนยร่โู ด่างยกตารยงจซะม่งึ ถีไมงุ ค่นวา�้ รคดรม่ื ่�า ง(.A m n วioิตticามSินacเ)อคอยทา� หนา้ ท่ีพยุงทารกใหเ้ จรญิ เติบโตและ ตตออ2บบ0.งก ..กเม.ใลโ รน่ืออครยมทหะตดยัาัวาะเไรยตรดอดั้งโ้กรดคามตยรทนั ไัวรมเ่ตีปภใก่ น็์มห้ังราโะคญรรทคดรบก่ตารกจดิวภระเชะ่าต์เทอื้ ้อปปเัง่ นงจก็นกอื่าาตงกโรจรแ ิธารคกางตเหภชุเอื้าหวัยไลวนใร็กจอสัใกจนะปหสารกิม่งเากผณดิ ลทใน่ีเอพหย่ิมญมา่งิ าทงกเี่ไขรร้ึนมิ่ ตตงั้ เ่อคพรท่ือรสาภรอร์ ้าอ่กงนเใมนจ็ดะเคทลา�ือรใดหรแเ้ภดดก็ง์ ทสเ่ี�ากหดิ รมับามมโีาอรกดาาสแพลกิะทาราไรดก้ 18. 19. 20. ตอบ ข.ข.เเมม อื่อ่ื มม ทาารราดดราากทไดตี่ตร้ ง้ั บััวคธเราลรตภก็ ุเเ์หปกลน็ ว็กโอร่าคยอ่าหงาวั เยใพจยีุคงจรพะรอทภา� ใธ์หาตเ้ กเุ หดิ ลภาก็ วจะะกชา่วรยขปาอ้ดงอกอนักซโรเิ จคนโลขอหงิตทจาารงกในในรคะยระรตภัง้์ คซรง่ึ รสภง่ ์ไผดล้ ใหเ้ กดิ ภาวะตา่ งๆ เชน่ ค.ก ารทคลาอรดกกอ่ตนื่นกเ�าตหนน้ ดอยทาตู่ รลกตอวั ดเลเ็กวกลวา่าอายุครรภ์ ทารกเสียชวี ิตในครรภ์ ทารกเสียชวี ิตหลงั คลอด เปน็ ต้น ง. ไมม่ ขี อ้ ถูก 54 54
4˹Nj ·Õè Êã¹ÁÑ ¤¾Ãѹ͸ºÀ¤ÒþÑÇ ครอบครวั แตล่ ะครอบครวั ยอ่ มมปี ญั หาความขดั แยง้ เกดิ ขนึ้ ในจติ ใจ ขน้ึ อยกู่ บั ผฉสู บอับน ว่าปัญหาดังกล่าวนั้นมีความรุนแรงเพียงใด ซ่ึงปัญหาทุกปัญหานั้นย่อมมีทางแก้ไข เพยี งแตเ่ ราตอ้ งรจู้ กั แกป้ ญั หาเหลา่ นนั้ ดว้ ยเหตผุ ล ไมผ่ ลกั ภาระความรบั ผดิ ชอบใหก้ บั ฝา ยหนงึ่ ฝา ยใด พยายามวเิ คราะหถ์ งึ สาเหตแุ ละหาแนวทางปอ้ งกนั แกไ้ ข ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะสามารถช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ท�าให้ สมาชิกในครอบครัวมีสัมพันธภาพท่ีดีต่อกัน และส่งผลให้ชีวิตด�าเนินไปได้อย่างมี ความสขุ µÇั ªÇéÕ ั´ªั¹é »‚ KEY QUESTION •มาตวริเฐคารนาะพหส2า.เ1หต(มุแ.ล3ะ/3เส) นอแนวทางปอ งกนั แกไ ขความขดั แยงในครอบครวั 1. สาเหตุและพฤติกรรมใดท่ีกอใหเกิด ส••ÒÃแสÐนา¡เวหÒทตÃาคุ àงÃวปาÂÕ อม¹งขกÃัดันÙŒáแ¡ยแ¹งกใไ¡นขลคควรÒอางมบขคัดรแวั ยงในครอบครัว ความขดั แยง ในครอบครัว 2. การปองกันและแกไขปญหาความ ขดั แยง ในครอบครวั มแี นวทางปฏบิ ตั ิ อยางไร Teacher’s Guide ประเด็นท่ีจะศึกษาในหนวยนี้ ไดแก 1. ความขัดแยงในครอบครัว 2. แนวทางปอ งกนั และแกไ ขความขดั แยง ในครอบครวั 3. การสรางสมั พนั ธภาพในครอบครวั ทกั ษะการคดิ ทสี่ มั พนั ธก บั ตวั ชวี้ ดั ในหนว ยน้ี ไดแ ก 55● ทักษะการวเิ คราะห
มฐ. พ 2.1 Teacher’s Guide ตัวชวี้ ัด ม. 3/3 ใหน กั เรยี นศึกษาถงึ สาเหตุความขัดแยง ในครอบครวั จากน้นั ครูต้ังคําถามวา นักเรียน คิดวา มีเหตุการณใดบา งทบี่ งบอกถงึ ความขัดแยง ในครอบครัว โดยครูและนกั เรียนรว มกัน แสดงความคดิ เห็น 1. ความขดั แยง้ ในครอบครวั ปัจจุบันสภาพสังคมเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และมีการ แข่งขนั กันสูง ทา� ใหบ้ ุคคลเกดิ ความเครียด ซ่ึงอาจส่งผลตอ่ เนอ่ื ง ถึงสัมพันธภาพในครอบครัว โดยบางครอบครัวอาจมีปากเสียง กันระหว่างสามีภรรยา ระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครองกับลูก ซึ่งท้ังนี้ ความขดั แยง้ ตา่ งๆ อาจมีสาเหตมุ าจากหลายปัจจัย ส�าหรับในท่ี น้ีจะขอกล่าวเฉพาะสาเหตุความขัดแย้งท่ีเกิดขึ้นระหว่างคู่ครอง นักเรียนคิดวา หรือคสู่ มรส และพ่อแม ่ ผปู้ กครองกบั บตุ รหลานเทา่ นัน้ ดังนี้ ครอบครัวที่อบอุน เต็มไปดวยความรัก ความขดั แยง ในครอบครวั 1) ความขัดแย้งระหวางคูครองหรือคูสมรส ปัญหาความ ความเขาใจซึ่งกันและกัน จะชวยลด มี ค ว า ม เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ ปญหาความขดั แยง ท่ีอาจเกิดขนึ้ ได สมั พนั ธภาพในครอบครวั อยา งไร ขัดแย้งระหว่างคู่ครองหรือคู่สมรสจะมีผลต่อลูกและสมาชิก คนอ่ืนๆ ในครอบครัว เน่ืองจากมีบทบาทส�าคัญในการสร้าง ผฉสู บอับน ครอบครัวให้มีความสุข การวิเคราะหถึงสาเหตุของปัญหาความ ขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาจึงเป็นส่ิงจ�าเป็นล�าดับแรกท่ีทุก ครอบครัวควรน�ามาปฏิบัติ เพื่อเป็นแนวทางในการหลีกเล่ียง ปญั หาและพฤติกรรมต่างๆ ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ขึน้ ซึง่ สาเหตุความขดั แย้ง มดี งั นี้ 1. นิสัยและความเคยชินสวนตัวท่ีมีความแตกตางกัน โดยต่างคนต่างก็มาจากครอบครัวท่ีมีพ้ืนฐานการอบรมเล้ียงดู ท่ีตา่ งกนั มีบุคลิกภาพ นิสัยใจคอแตกต่างกัน บางคนอาจมนี ิสัย เอาแต่ใจตนเอง ชอบที่จะเอาชนะ ซ่ึงนิสัยต่างๆ น้ี เป็นส่ิงท่ี เปลี่ยนแปลงกันได้ยาก โดยวิธีที่ดีท่ีสุด คือ ท้ังสองฝายต้อง พยายามปรบั ตวั เขา้ หากนั โดยพยายามยอมรบั และทา� ความเขา้ ใจ ซ่งึ กันและกัน 2. ขาดความตระหนักในบทบาทหน้าท่ีของตน ในอดีต ฝา ยใดฝายหนึ่งจะมบี ทบาทเปน็ ผู้นา� ไปท�างานนอกบา้ นเพอื่ หา รายไดใ้ หแ้ กค่ รอบครวั สว่ นอกี ฝา ยจะมหี นา้ ทดี่ แู ลบา้ นและอบรม เลยี้ งดลู กู แตป่ จั จบุ นั ทง้ั สองฝา ยตอ้ งออกไปทา� งานนอกบา้ นและ ยังต้องกลับมาดูแลบ้านและเล้ียงลูกอีก ด้วยความเหน่ือยล้าจึง เม่ือมีปญหาความขัดแยงเกิดข้ึน ควร อาจท�าใหเ้ กิดอารมณห งุดหงิดได้งา่ ย จกุ จิก จจู้ ้ี ข้บี น่ ซง่ึ ท�าให้ พยายามปรับตัวและพูดคุยกันดวย เกิดความรา� คาญและมปี ากเสียงกันได ้ เหตผุ ล ไมค วรใชอ ารมณ เพราะจะทาํ ให ปญ หามคี วามรุนแรงมากขน้ึ 56 56
เด็กควรรู การไมซื่อสัตยตอคูครองของตน เร่ิมถูกละเลยโดยพยายามเปล่ียนมุมมอง หรือคานิยม ใหเหน็ วา ไมใชเร่ืองท่ผี ดิ เชน การหลีกเล่ยี งเรยี กการมชี ูวา มีกกิ๊ เปนตน 3. การไมซ่ือสัตยตอคูครองของตน บางคนอาจคิด ลบั สมอง นอกใจตอ่ คคู่ รองของตน ซง่ึ หากอกี ฝา ยหนง่ึ ทราบเรอื่ ง จะทา� ให้ นกั เรยี นคดิ ว่า มเี หตกุ ารณ์ใดบ้างที่ รสู้ กึ เสยี ใจ และคดิ วา่ เปน็ การไม่ใหเ้ กยี รตกิ นั ทง้ั นอ้ี าจนา� ไปสกู่ าร บ่งบอกถงึ ความขัดแย้งในครอบครัว มปี ากเสยี งกันได ้ และอาจรุนแรงถึงขัน้ ตอ้ งเลกิ รากนั 4. ไมมีเวลาให้กันและกัน เนื่องมาจากต่างฝายต่างมี เด็กควรรู ภารกิจท่ีต้องท�างาน จึงท�าให้บางครั้งอาจไม่มีเวลาพูดคุย รับรู้ นับวาเปน ปญ หา รายแรงและสงผลทั้ง IT สารทุกขสุกดิบของกันและกัน ท�าให้ไม่เข้าใจกัน ซ่ึงหากมี ดานรางกายและจิตใจ เรอ่ื งใดเรอ่ื งหนงึ่ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ แมว้ า่ จะเปน็ เรอื่ งเพยี ง ซง่ึ สงั คมหรอื คนรอบขา ง เล็กน้อย ก็อาจลุกลามไปเปน็ เรอื่ งราวใหญ่โตได้ มักไมกลาเขาไปยุงเกี่ยว 5. ใช้ความรุนแรงตัดสินปญหา ซ่ึงส่วนใหญ่เกิดจาก เพราะคิดวาเปนเรื่อง การพูดยั่วยุของฝายใดฝายหนึ่ง ท�าให้อีกฝายโกรธจนทนไม่ได้ ในครอบครวั แตถ า หาก พบเหน็ ไมค วรทจ่ี ะละเลย อาจใหความชวยเหลือ อาจลงมือท�าร้ายโดยคิดว่าจะท�าให้อีกฝายสงบลงได้ แต่ใน โดยบอกผูท่ีมีวุฒิภาวะ ความจริงอาจทา� ให้ปญั หายิ่งบานปลายข้ึนไปอีก ใหช วยแกป ญ หา 6. เข้ากันไมได้กับญาติของแตละฝาย โดยบางคู่อาจ มนี สิ ยั ทเี่ ขา้ กนั ไมไ่ ดเ้ นอื่ งจากการเลยี้ งด ู คา่ นยิ ม หรอื วฒั นธรรม บางอยา่ ง ซ่งึ อาจทา� ให้รสู้ ึกอดึ อดั วางตัวไมถ่ กู และน�าไปสูก่ าร ผฉสู บอบั น ขัดแย้งกันได้ง่าย บางคอู่ าจปลอ่ ยใหญ้ าติพ่ีน้องเข้ามามีอิทธพิIลT กบั ชีวติ คู่มากเกนิ ไป ซ่งึ จะท�าใหเ้ กดิ ปญั หาต่างๆ ตามมา การรจู ักปรบั ตวั เพื่อใหเขา กนั ไดกบั ญาติของแตละฝา ย เปนอีกวิธีหนึ่งทชี่ วยลดความขัดแยง ในครอบครัวไดเปน อยางดี 57 57
Teacher’s Guide ครูควรชี้แจงใหนักเรียนเห็นกอนวา ปจจัยที่สําคัญของปญหา ความขัดแยงระหวางพอแม ผูปกครองกับบุตรหลานอยูภายใตความรัก และความหวงใย ทีอ่ าจแสดงออกมาอยา งไมเหมาะสม เดก็ ควรรู 2) ความขัดแย้งระหวางพอแม ผู้ปกครองกับบุตรหลาน เนื่องจากวัยรุน ส่วนใหญ่จะพบในครอบครัวท่ีมีบุตรหลานอยู่ในช่วงวัยรุ่น ซ่ึง เปนวัยท่ีตองการความ สาเหตขุ องความขดั แย้ง มดี งั น้ี เปนอิสระ และคิดวา 1. นสิ ยั จจู้ ี้ ขบี้ น ของพอ แม ผปู้ กครอง พอ่ แม ่ ผปู้ กครอง ตนเองโตแลว ในขณะ บางคนอาจเขม้ งวดกบั บตุ รหลานในทกุ ๆ เรอ่ื ง และเมอื่ บตุ รหลาน ท่ีพอแม ผูปกครองก็ ไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวังไว้ ก็จะต่อว่า จนท�าให้บุตรหลานเกิด ยังคงมองบุตรหลานวา ความร�าคาญ เม่ือพ่อแม่ ผู้ปกครองย่ิงว่ากล่าวหนักข้ึน ก็อาจ พอ แมค วรพูดคยุ และรบั ฟงเหตผุ ลของ เปนเด็กอยู ซ่ึงนําไปสู เป็นเหตใุ ห้เกิดความขดั แยง้ ลูกใหมากขึ้น โดยเปดโอกาสใหลูกได ค ว า ม ไ ม เ ข า ใ จ กั น ไ ด 2. การเรยี น พ่อแม่ ผูป้ กครอง บางคนอาจคาดหวงั กับ แสดงความคดิ เหน็ กจ็ ะชว ยใหเ กดิ ความ ดังน้ันพอแม ผูปกครอง บตุ รหลานมากเกนิ ไป หรอื บางครงั้ กเ็ อาไปเปรยี บเทยี บกบั คนอน่ื เขาใจกันมากขนึ้ และบุตรหลานจึงควร พ บ กั น ค น ล ะ ค รึ่ ง ท า ง ท�าให้บุตรหลานเกิดความรู้สึกกดดัน เป็นคนเก็บกด และอาจ เพื่อลดปญหาชองวาง แสดงกริ ิยาท่ีก้าวรา้ วออกมา ซึง่ น�าไปสู่ความขดั แย้งไดเ้ ชน่ กัน ระหวา งวยั 3. การคบเพื่อน พ่อแม ่ ผู้ปกครองบางคนอาจเขม้ งวด มากเรอื่ งการคบเพอ่ื น ซง่ึ จะทา� ใหบ้ ตุ รหลานรสู้ กึ ไมพ่ อใจ เนอ่ื งจาก ผฉสู บอับน เพื่อนมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมาก และหากยิ่งห้ามวัยรุ่นก็อาจจะย่ิง ฝา ฝน และไมย่ อมเชอ่ื ฟงั พ่อแม่ ผปู้ กครอง 4. ชองวา งระหวางวยั อาจเกดิ จากการทีพ่ อ่ แม ่ ผ้ปู กครอง ปรบั ตวั ไมท่ ันกับการเจรญิ เติบโตของบุตรหลาน มกั จะคดิ วา่ บุตร หลานยงั เปน็ เดก็ อยเู่ สมอ ทา� ใหบ้ ตุ รหลานไมม่ อี สิ ระทางความคดิ ทุกคนในครอบครัวควรปรบั ตัวเขาหากนั เพอื่ ชวยลดชองวางระหวา งวยั ซึง่ เปน สาเหตุของความขัดแยง ท่ีอาจเกดิ ขนึ้ ได 58 58
Teacher’s Guide ครูควรอธิบายใหน ักเรียนทราบวาแนวทางปองกันและแกไขความขดั แยง ในครอบครวั ตอ ง อาศยั เวลา และความรวมมือจากทกุ ฝาย ดว ยความต้งั ใจและอยูบนพน้ื ฐานของความรกั ท่ีถกู วิธี 2 . ใแนนควรทอาบงปครอ วังกนั และแก้ไขความขดั แย้ง นกั เรยี นทราบหรอื ไม่ การรจู้ กั ปรับตวั และรบั ฟังกนั ดว้ ยเหตุผล ผลของความขดั แยง้ นน้ั จะทา� ใหบ้ รรยากาศในครอบครวั มากขน้ึ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งท่ี เต็มไปด้วยความอึดอัด เศร้าหมอง สมาชิกในครอบครัวมีการ ช่วยปอ้ งกนั และแก้ไขความขัดแย้ง แสดงออกต่อกันแบบเฉยเมย เย็นชา ประชดประชัน ขุ่นเคือง อยากเอาชนะ และมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน จนท�าให้ไม่อยาก ในครอบครัวได้เป็นอย่างด ี อยู่ร่วมกัน IT คนหาขอมูลเพ่ิมเติม ดงั นนั้ การเตรยี มความพรอ้ มทจี่ ะรบั มอื กบั ความขดั แยง้ ท่ี เรอื่ งการลดความขดั แยง อาจเกิดขึน้ จึงเป็นสิ่งส�าคัญอย่างยิ่ง เพอ่ื ใหส้ ามารถหาแนวทาง ภายในครอบครัวไดท่ี การป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งท่ีจะท�าให้ครอบครัว www.familynetwork.or.th สามารถผ่านเหตกุ ารณความขัดแย้งไปได้อยา่ งราบร่นื เว็บไซตมูลนิธิเครือขาย ครอบครวั 1) การปองกันความขัดแย้งในครอบครัว ความขัดแย้งใน ครอบครัวสามารถป้องกันได้ โดยสมาชิกภายในครอบครัวต้อง ผฉสู บอบั น รว่ มมอื กนั ซึง่ มีวิธีปฏบิ ัต ิ ดงั แผนภาพ การปองกัน ความขดั แยง้ ในครอบครวั ให้ความรกั ความจรงิ ใจและเอือ้ อาทร พยายามปรบั ตวั เข้าหากนั โดยอาจใช้ ตอ่ กนั หากมเี รอื่ งราวใดก็สามารถ การพดู คุยกันใหม้ ากขึน้ เพอ่ื รับทราบ ปรกึ ษากนั และ ถึงสิ่งทีผ่ ้อู ่ืนอยากใหเ้ ราปรับปรงุ ตวั ชว่ ยกนั หาวธิ กี าร เพื่อใหส้ ามารถอย่ดู ว้ ยกันได้อย่างมี แก้ปญหาได้ ความสขุ มที ักษะการสือ่ สารทดี่ ี ร้จู กั พูด ไมใ่ ช้อารมณห รือความรนุ แรง เดก็ ควรรู ให้ก�าลงั ใจ เข้าใจความร้สู ึกของ ในการแก้ปญหา ควรจะพูดจา คือวิธกี ารจัดการ สมาชกิ ในครอบครัว รวมทั้ง กันด้วยเหตุผล หรอื ช่วยกัน กับความขัดแยงวิธีหนึ่ง เปน ผฟู้ งทีด่ ี แก้ปญหาเพือ่ หาข้อยตุ ิ โดยไมใชค วามรุนแรง อยา่ งสนั ติวิธี ยอมรับพฤติกรรม ตัง้ กติกา ของตนเอง ของครอบครวั และพรอ้ มทจ่ี ะ เพ่ือใหส้ มาชิก ปรับปรุงแก้ไข ในครอบครวั ยดึ ถอื พฤติกรรมนน้ั เพ่อื ให้สามารถเข้ากับ ปฏิบตั ิ และอยู่ดว้ ยกนั อย่างมคี วามสขุ สมาชิกในครอบครวั ไดเ้ ปนอย่างดี ตลอดจนมีระเบียบวินยั 59 59 IT
Teacher’s Guide ใหนักเรียนหาภาพขาว กรณีตัวอยางเก่ียวกับความขัดแยงในครอบครัว แลววิเคราะหถึงสาเหตุ และเสนอแนะแนวทางการแกไข จากน้ันออกมานําเสนอ หนาชน้ั เรยี น เด็กควรรู 2) การแกไ้ ขความขดั แยง้ ในครอบครวั ดงั ที่ไดก้ ลา่ วไปแลว้ เ มื่ อ เ กิ ด ค ว า ม ว่าทุกครอบครัวย่อมมีโอกาสเกิดความขัดแย้งกันขึ้น ซึ่งความ ขัดแยง ข้ึน สิ่งแรกที่ควร ขัดแย้งนั้นอาจมีความรุนแรงมากน้อยแตกต่างกัน โดยล้วนแต่ ปฏิบัติคือ การพูดจา ท�าให้สมาชิกในครอบครัวไม่มีความสุข ดังน้ัน หากเกิดความ กันดวยเหตุผล เพ่ือลด ขดั แย้งในครอบครัว กจ็ ะต้องช่วยกันหาแนวทางแก้ไข ดว้ ยการ ความขัดแยงและสราง พูดจากันด้วยเหตุผล ครอบครัวที่จะมีความสุขน้ันสมาชิกจะ สมั พันธภาพทด่ี ตี อกนั ต้องรู้จักวิธีส่ือสารและแสดงอารมณความรู้สึกออกมาในทางท่ี สร้างสรรค ซ่ึงแนวทางปฏิบัติเพื่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ในครอบครัว มดี งั แผนภาพ การแกไ้ ข ความขดั แย้งในครอบครัว ผฉูสบอบั น แสดงความร้สู ึกหรืออารมณท แ่ี ท้จรงิ มีความต้งั ใจมัน่ ทีจ่ ะทา� ใหค้ รอบครัวมี ออกมาอย่างตรงไปตรงมา ดีกว่าท่จี ะใช้ ความสขุ ซง่ึ ถือเปน จดุ รวมพน้ื ฐานของ เดก็ ควรรู การพูดถากถาง เสียดสหี รอื ประชด ความสมั พันธท ่ดี ีในครอบครัว คือการพูดออมๆ ประชันกนั ไมร ะบชุ ่อื ชัดเจน คลา ยๆ พดู เมอ่ื พรอ้ มทจ่ี ะพดู ทงั้ ทางรา่ งกาย ฝา ยท่ีถูกโกรธจะต้องจับประเดน็ ปญ หา กบั การพดู เหนบ็ แนม ทาํ ให และจิตใจ ซึง่ อยา่ งนอ้ ยที่สดุ ก็ตอ้ ง ใหไ้ ดว้ า่ ตนเองถกู โกรธเรอ่ื งอะไร เกิดความรูสึกเจ็บใจ ซึ่ง ไม่รสู้ ึกหวิ หรอื เหนือ่ ย เพราะอาจ ซงึ่ อาจใช้การถามอย่างนุม่ นวล นําไปสคู วามขัดแยง ทา� ให้หงุดหงดิ มากข้นึ และแสดงความจรงิ ใจออกไป ใหอ้ กี ฝา ยรับรู้ เดก็ ควรรู พดู ถงึ เฉพาะเร่อื งหรอื พฤติกรรม เตรยี มความพร้อมท่จี ะใชค้ วาม คอื ความประพฤติ ท่ีเปนปญ หาในปจจบุ ัน และควร ประนปี ระนอมด้วยความต้ังใจ ทผ่ี ดิ ความลาํ เอยี ง ความ เลอื กใช้คา� พดู ที่ไม่รุนแรง เช่น ไมเที่ยงธรรม พูดวา่ “ฉันคดิ ว่าคุณ ไมค่ วรท�า ซึง่ หากยอมประนีประนอมแลว้ อย่างน้ี” แทนการพดู ว่า “คุณน่แี ยม่ าก แตค่ วามรสู้ ึกว่าจรงิ ๆ แลว้ ฉนั เปน ที่ท�าอย่างน”ี้ เปนตน้ ฝา ยถูก ไม่ถือเปน การประนปี ระนอม ท่ีแท้จรงิ ใหโ้ อกาสอีกฝายชแี้ จงเหตผุ ล โดยควร ยา้� เรื่องราวทพ่ี ดู ให้เขา้ ใจตรงกนั และ รับฟงอย่างตัง้ ใจ อย่ารบี ดว่ นตัดสนิ ในขณะพดู ต้องสังเกตทา่ ทแี ละความ ความผดิ เพราะการมีอคติจะท�าให้ รสู้ ึกของอีกฝา ย เพ่อื ชว่ ยในการปรับ ตดั สินใจผดิ พลาดได้ ท่าทใี หเ้ หมาะสม 60 60
นกั เรยี นคดิ วา ครอบครวั ของนกั เรยี นมสี มั พนั ธภาพในครอบครวั ท่เี พยี งพอหรอื ไม àสÃÔมสÒÃÐ “ความรัก”…….ไขความลบั ครอบครัว “ครอบครัว” เปน็ สถาบนั ท่ีมคี วามส�าคญั ยิ่ง การเสนอแนะ ทุกๆ ครอบครัวควรสร้าง ในสังคมไทย แต่ทว่าครอบครัวในปัจจุบันเริ่มมี บรรยากาศให้มีการเสนอแนะได้ เพื่อให้เกิดความ “ความห่างเหิน” คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ เขา้ ใจวา่ ทกุ คนเปน็ สว่ นหนงึ่ ของครอบครวั สามารถ เด็กควรรู เพราะในสภาพสงั คมทีเ่ ร่งรีบ ทา� ให้สมาชิกภายใน เสนอความคดิ เห็นได้ การสรางความ ครอบครัวมีการปฏิสัมพันธ์ พูดคุย ท�ากิจกรรม การขอบน เปน็ อกี หนงึ่ วธิ ที คี่ วรมใี นครอบครวั อบอุนในครอบครัวนั้น ร่วมกนั น้อยลง จนก่อให้เกดิ “ช่องว่าง” ระหว่าง เพราะทุกคนน้ันควรมีสิทธิ์ที่จะบ่นได้เท่าเทียมกัน สามารถทําได โดยมี คนในครอบครัวขน้ึ ซงึ่ น�ามาสู่ความไม่เข้าใจ และ ซ่ึงท�าให้ทุกคนสามารถทราบได้ว่าใครคิดอย่างไร ขอบเขตและมคี วามผกู พนั ทา� ให้เกิดปญั หาครอบครวั ตามมา หรอื รู้สึกอย่างไรบ้าง ทางอารมณท่ีเหมาะสม “การสรา้ งความอบอนุ่ ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในครอบครวั ” ความคาดหวงั ในครอบครัวท่อี บอุ่น ทุกคน มีบทบาทหนาท่ีชัดเจน จึงเป็นส่ิงจ�าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งสร้างให้กลับมา สามารถบอกความคาดหวังได้ เช่น ลกู คาดหวังว่า และปฏบิ ตั หิ นา ทไี่ ดอ ยา ง อกี คร้ัง ด้วยการเริ่มต้นจากการใช้ค�าพดู “ชมเชย เสาร์ - อาทิตย์น้ีคุณพ่อจะอยู่บ้าน หรือจะพาไป สอดคลอ งกนั ขอบคุณ เสนอแนะ คาดหวัง และขอบ่น” เป็น เที่ยว เป็นต้น ตัวเชอ่ื ม ดงั น ้ี ท้งั 5 ขน้ั ตอนน ี้ ต้องปฏิบตั อิ ย่างน้อยอาทิตย์ ผฉสู บอับน การชมเชย และขอบคณุ ซงึ่ ตอ้ งปฏบิ ตั ดิ ว้ ย ละ 1 คร้ัง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาก่อนทานข้าว ความจริงใจ และจ�าเป็นต้องท�าบ่อยๆ เน่ืองจาก หลังทานข้าว หรือตอนเย็นก่อนดูโทรทัศน์ด้วยกัน เป็นประตูสู่การส่ือสารสองทาง ตามมาด้วยการ โดยจะช่วยทา� ให้ทกุ คนมีเวลาอยู่ด้วยกัน พูดคยุ กัน เปดโอกาสให้ได้ซักถาม เพ่ือใช้เป็นโอกาสในการ มากข้ึน ส่งผลให้ชีวติ ครอบครIวั Tมีความอบอุ่น และ พูดคุยกัน และเพ่ิมปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างกันมากข้นึ มคี วามเข้าใจกนั เพมิ่ มากขนึ้ 61
เพราะเหตุใดจึงตองมีการสรางสัมพันธภาพใน ครอบครัว Teacher’s Guide 3. การสร้างสัมพนั ธภาพในครอบครัว ลบั สมอง ค รู ใ ห นั ก เ รี ย น ยกตวั อยา งหลกั การสรา ง การสรา้ งความรกั ความอบอนุ่ ในครอบครวั เปน็ ภมู คิ มุ้ กนั นั ก เ รี ย น มี แ น ว ท า ง ห รื อ วิ ธี ก า ร สมั พนั ธภาพในครอบครวั ให้สมาชิกในครอบครัวห่างไกลจากความขัดแย้ง อันจะท�าให้ สร้างสัมพันธภาพท่ีดีในครอบครัวได้ ที่นักเรียนคิดวาสามารถ สมาชิกในครอบครัวมคี วามสุข อย่างไร นําไปปฏิบัติไดจริง โดย ครูและนักเรียนชวยกัน 3.1 หลักการสร้างสัมพนั ธภาพ รวมแสดงความคิดเห็น เพิม่ เติม สมั พันธภาพ หมายถงึ ภาวะท่ีมกี ารผกู พันเกี่ยวขอ้ งกนั ซ่ึงอาจจะเป็นระหว่างบุคคลเพียง 2 คน หรือบุคคลหนึ่งกับ ผฉูส บอับน อีกหลายๆ คน โดยความผูกพันและเก่ียวข้องกันน้ีมีความหมาย ทางบวก กลา่ วคือ เป็นสัมพนั ธภาพทด่ี ที ที่ �าใหบ้ ุคคลทเี่ กย่ี วข้อง เกิดความสุข มีความรู้สึกท่ีดีต่อกัน และอยากจะคบหาสมาคม กนั ตอ่ ไปในอนาคต การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่น จะท�าให้เราเป็น ทร่ี กั ใคร ่ ชอบพอ และไดร้ บั การยอมรบั จากคนในสงั คม การสรา้ ง มติ รภาพทดี่ จี ะตอ้ งเรมิ่ ตน้ จากตวั เรา โดยตอ้ งมคี วามเชอ่ื มน่ั และ จรงิ ใจ ยอมปรบั ปรงุ ตนเองในสว่ นทย่ี ังบกพร่อง และรู้จักปฏบิ ตั ิ ต่อผ้อู น่ื อยา่ งเหมาะสม เด็กควรรู มองโลกในแง่ดี ยอมรับค�าตชิ ม คอื การมาพรอม ใหก้ �าลังใจ ใหค้ วามไวว้ างใจ กบั ความเสมอภาค แมว า จะมีความแตกตางกัน มีเหตผุ ล รับผิดชอบ เอาใจเขา ในคุณสมบัติ บทบาท ต่อหน้าที่ มาใส่ใจเรา หรือตําแหนงก็ตาม ก็ สามารถหยิบย่ืนน้ําใจ และสิ่งดีงามใหแกกันได เสมอ สมั หลพกั ันการธสภรา้ าง พ เคารพสิทธิ ให้ความร่วมมือ ผอู้ ืน่ 62 62
นักเรียนมีแนวทางหรือวิธีการสรางสัมพันธภาพใน ครอบครัวทด่ี ไี ดอยา งไรบาง 3.2 แนวทางการสรา้ งสัมพนั ธภาพในครอบครัว ครอบครวั เปน็ สถาบนั ทางสังคมที่มีความสา� คญั อยา่ งยง่ิ ตอ่ การสรา้ งสงั คมใหเ้ ขม้ แขง็ ดว้ ยเหตทุ คี่ รอบครวั เปน็ ตน้ แบบใน การปลูกฝังและช่วยกล่อมเกลาสมาชิกในครอบครัวให้เป็นคนดี มรี ะเบยี บวนิ ยั รจู้ กั สทิ ธแิ ละหนา้ ทขี่ องตนในสงั คม หากครอบครวั อบอุ่นและมีความสุข สมาชิกในครอบครัวก็มักจะเป็นคนดีมี เดก็ ควรรู คณุ ภาพ การมีครอบครัวที่อบอุนน้ันถือเปนสิ่ง การมคี วามผกู พนั สําคัญ เพราะนอกจากจะทําใหสมาชิก ทางอารมณท่ีเหมาะสม 1) ครอบครัวอบอุน การสร้างครอบครัวให้อบอุ่นเป็นสิ่งท่ี ในครอบครัวมีความสุขแลว ยังชวยให เปนการใชหลักของทาง มีความส�าคัญมาก ซ่ึงจะท�าให้สมาชิกในครอบครัวด�าเนินชีวิต เกดิ สุขภาพจติ ทีด่ ีดวย สายกลาง เพราะอะไรท่ี ได้อย่างปกติสุข คนท่ีมีครอบครัวอบอุ่นย่อมมีความได้เปรียบ มากเกินไปมักไมนํามา เพราะสามารถท�าหน้าท่ีได้เหมาะสม และมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย ซงึ่ ผลดี ซึง่ ครอบครวั ท่ีอบอ่นุ มลี ักษณะท่ีพอสรุปได้ ดงั น้ี 1. มคี วามผกู พนั ทางอารมณท เี่ หมาะสม ไมห่ า่ งเหนิ เกนิ ไป และไม่ใกล้ชิดกันเกนิ ไป สมาชิกในครอบครัวมคี วามเปน็ ตัวของ ตัวเอง แตย่ งั คงความเปน็ อันหนึ่งอันเดียวกนั ในครอบครวั ได้ 2. มกี ารจดั ลาํ ดบั อาํ นาจและความเปน ผนู้ าํ ทช่ี ดั เจน ซงึ่ ผฉูสบอบั น ไม่ควรถูกจ�ากัดให้อยู่กับคนใดคนหนึ่ง เช่น พ่อหรือแม่ไม่ควร IT เป็นผู้น�าคนเดียว เพราะหากครอบครัวต้องตกอยู่ในภาวะความ ตงึ เครยี ด ทกุ คนในครอบครวั ต้องมีส่วนรว่ มในการตัดสินใจ และ ร่วมกันเปน็ ผ้นู า� ในการแกไ้ ขปัญหา 3. สมาชิกมีบทบาทหน้าท่ีชัดเจน และปฏิบัติหน้าท่ีได้ อย่างสอดคล้องกัน เช่น พ่ออาจมีหน้าที่เป็นผู้น�าครอบครัว ทา� งานเพอ่ื หารายไดแ้ กค่ รอบครวั แมม่ หี นา้ ทดี่ แู ลบา้ นและอบรม เลยี้ งดลู กู สว่ นลูกมีหนา้ ท่เี ชือ่ ฟงั คา� สงั่ สอนของพอ่ แม่ และตัง้ ใจ ศกึ ษาเล่าเรียน เป็นต้น ซ่งึ หากทกุ คนรู้จกั และปฏิบตั หิ นา้ ท่ขี อง ตนเองได้อยา่ งเหมาะสมก็จะทา� ใหค้ รอบครัวมีความสขุ ได้ 4. สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้อยางมีประสิทธิภาพ โดยทกุ ครอบครวั ยอ่ มอาจมคี วามขดั แยง้ เกดิ ขนึ้ ซงึ่ อาจเปน็ เรอื่ ง เลก็ นอ้ ยหรอื เรอื่ งใหญ ่ แตเ่ มอ่ื มคี วามขดั แยง้ เกดิ ขนึ้ แลว้ กช็ ว่ ยกนั การใชเวลาทํากิจกรรมรวมกัน นับเปน แก้ไขปญั หาไดด้ ้วยสนั ตวิ ธิ ี จะสง่ ผลให้ครอบครัวสงบสุข อีกวิธีหนึ่งท่ีชวยสงเสริมใหครอบครัวมี สมั พันธภาพที่ดีตอ กนั มากขึ้น 63 63
เดก็ ควรรู การส่อื สารทด่ี ีควรมกี ารสือ่ สาร 2 ทาง คอื นอกจากจะเปน ผสู งสารแลวควรเปน ผูรับสาร ท่ดี ดี วย เพอ่ื ใหการสื่อสารเปน ไปดว ยความเขาใจทง้ั สองฝาย Teacher’s Guide 5. มีการสือ่ สารทม่ี ีประสทิ ธิภาพ ซ่งึ เปน็ ทักษะพนื้ ฐาน ใหน กั เรยี นรว มกนั ในการสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ี หากสมาชกิ ในครอบครวั มที กั ษะการ ส รุ ป ถึ ง แ น ว ท า ง ก า ร ส่ือสารทดี่ ี กจ็ ะท�าให้มีความเข้าอกเข้าใจกนั เปน็ อยา่ งดี ปฏิบัติตนและการสราง 6. มีการใช้เวลาอยูรวมกันตามสมควร ด้วยการท�า สั ม พั น ธ ภ า พ ท่ี ดี ใ น ครอบครัว โดยครูชวย เสนอแนะเพิม่ เตมิ กจิ กรรมทนี่ า� มาสสู่ มั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั ของสมาชกิ ในครอบครวั เชน่ นง่ั ดูโทรทศั นร ว่ มกนั ชว่ ยกนั ทา� กบั ขา้ ว ทานขา้ วกนั พรอ้ มหนา้ พรอ้ มตา ท�าบญุ ตกั บาตรร่วมกนั เปน็ ตน้ 2) สัมพันธภาพในครอบครัว เป็นความสัมพันธระหว่าง สมาชิกในครอบครวั พอ่ แม่ ลูก ญาตพิ นี่ อ้ ง หรอื บุคคลอนื่ ๆ ท่ี อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน โดยมีการปฏิสัมพันธและปฏิบัติ ตามหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสม การสร้างสัมพันธภาพใน ครอบครวั กเ็ พอื่ ทา� ใหค้ รอบครวั อบอนุ่ และมคี วามสขุ ซง่ึ สง่ิ ทชี่ ว่ ย ทา� ใหส้ มาชกิ ในครอบครวั มสี มั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั มดี งั แผนภาพ ผฉสู บอับน สามคั คี ดแู ลเอาใจใส่ ปรองดองกัน ซ่ึงกนั และกนั ความไวว้ างใจ เดก็ ควรรู ทุ ก ค น ล ว น มี ความเขา้ ใจ บทบาทหนา ที่ หรอื ภาระ งานตา งๆ มากมาย แตก ็ มเี วลาให้กัน รบั ผิดชอบ ใหเ้ กยี รติ ไมควรท่ีจะละเลยการให อย่างเหมาะสม ต่อหนา้ ท่ีของตน ซง่ึ กนั และกนั เวลากบั ครอบครวั เพราะ ถอื วา เปน สงิ่ สาํ คญั ทชี่ ว ย เสริมสรางสัมพันธภาพ ที่ดใี หก บั ครอบครัว ความรัก ความเคารพ ส่งิ ที่ทําให้ ความผกู พนั สมาชกิ ในครอบครวั มี พูดคยุ สมั พนั ธภาพทดี่ ี ปรึกษาหารอื กนั ตอกัน 64 64
การส่ือสารกันด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนโยน พูดคุยปรึกษาหารือกัน รวมทั้ง ช่วยกันหาทางแก้ปัญหาด้วยเหตุผล เป็นสิ่งท่ีครอบครัวทุกครอบครัวควรยึดปฏิบัต ิ เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดข้ึน หรือหากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นก็จะช่วย ท�าให้ความขัดแย้งต่างๆ สามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ ซ่ึงการรู้จักวิเคราะห์ถึง สาเหตขุ องปัญหา และแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขน้ึ อกี น้นั หากทุกครอบครวั สามารถปฏิบัติได้ดังนี้ ก็จะส่งผลให้ครอบครัวเป็นครอบครวั ท่ีอบอุ่นและมคี วามสุข ตลอดจนมสี ัมพนั ธภาพทด่ี ีต่อกนั ตลอดไป ผฉูสบอับน ฝึกคดิ ฝึกท�ำ 1. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ศกึ ษาถงึ สาเหต ุ แนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขความขดั แยง้ ในครอบครวั แลว้ สง่ ตวั แทน แสดงบทบาทสมมติหน้าห้องเรียน 2. ให้นกั เรยี นหาภาพ ข่าว กรณตี ัวอย่างเกีย่ วกบั ความขัดแย้งในครอบครวั แล้วน�าข้อมลู มาจดั ทา� ป้ายนิเทศในชน้ั เรยี น โดยให้วิเคราะห์แนวทางการแก้ไขปัญหานน้ั ๆ ด้วย 65 65
áบบ½ƒ¡·¡ั Éо²ั ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรยี นนำ�คำ�ในกรอบทกี่ �ำ หนดใหเ้ ติมลงในª‹องว�‹ งเพ่อ× ให้¢้อคว�มสมบรู ³ มฐ./ตวั ชีว้ ัด ความสมั พนั ธท ดี่ ี การเขา้ ใจความรสู้ กึ ของอกี ฝา ย (พม.321/.131) ความขดั แยง้ ในครอบครวั ครอบครวั ทส่ี มบรู ณแบบ การสอื่ สาร ผฉสู บอบั น ครอบครัวอบอุ่น คือ .....ค....ร..อ...บ....ค...ร...ัว..ท...่สี...ม...บ....ูร..ณ.....แ ..บ....บ...... คนที่มีครอบครัวอบอุ่นย่อมมีความ ไดเ้ ปรยี บ เพราะสามารถทา� หนา้ ทไ่ี ดเ้ หมาะสม และทา� ใหส้ มาชกิ ในครอบครวั มสี ขุ ภาพจติ ดไี ปดว้ ย เมอื่ ใดกต็ ามทเ่ี กดิ ปญั หา ..ค...ว...า..ม...ข..ดั....แ..ย...้ง...ใ..น....ค...ร...อ...บ...ค....ร...วั ....... คนในครอบครวั จะตอ้ งชว่ ยกนั แกป้ ญั หาให้ กลบั คนื สสู่ ภาพปกตโิ ดยเรว็ ทสี่ ดุ ซงึ่ หนทางทถี่ กู ตอ้ งในการแกไ้ ขปญั หา คอื .....ก...า..ร...ส....อ่ื ..ส....า..ร...... เพราะ จะทา� ใหค้ รอบครวั มคี วามเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั แตจ่ ะตอ้ งอาศยั ทกั ษะและความสามารถทด่ี ี เชน่ ..ก....า..ร...เ.ข...้า..ใ..จ...ค...ว...า..ม...ร...สู้ ...ึก....ข..อ...ง...อ...กี ...ฝ...า..ย... การฟงั ผอู้ นื่ การพดู จาประคบั ประคองอกี ฝา ยหนง่ึ เพอ่ื ใหเ้ กดิ .........ค...ว..า...ม...ส...ัม...พ...ัน....ธ...ท ...ด่ี...ี..........ในครอบครวั ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนอ�‹ น¢�‹ วทก่ี �ำ หนดให้ แลว้ เ¢ยี นแสดงคว�มคิดเหçน สาว ม. 3 ประทว้ งไมท านขา้ ว นอ้ ยใจแมห า้ มเทยี่ วปใ หม นกั เรยี นสาว ม. 3 ประทว้ งไมย่ อมทานขา้ วจนตอ้ งเขา้ โรงพยาบาล แม่ใหก้ ารทงั้ นา�้ ตา สาเหตเุ พราะมาจากการนอ้ ยใจทห่ี า้ มไมใ่ หไ้ ปเทยี่ วงานปใ หม ่ เนอื่ งจากฝนตกกลวั วา่ จะตากฝน แลว้ เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว ย จนเปน็ สาเหตใุ หล้ กู สาวเกดิ อาการเศรา้ ซมึ ไมพ่ ดู ไมจ่ า และไมย่ อมทานขา้ ว เอาแตเ่ กบ็ ตวั อย่ใู นหอ้ งมาเปน็ เวลา 3 วนั จนกระทง่ั เปน็ เหตใุ หป้ วดทอ้ งอยา่ งรนุ แรงจงึ ตอ้ ง เขา้ รกั ษาตวั ท่ีโรงพยาบาลโดยดว่ น จากขา ว นกั เรยี นมแี นวทางในการแกไ้ ขปญ หาดงั กลา วอยา งไร .........................................พ....จิ ...า..ร...ณ....า...จ...า..ก...ค....�า..ต...อ...บ....ข..อ...ง...น...ัก....เ.ร...ีย...น.... .. .โ..ด....ย...อ...ย..ใู่...น...ด....ลุ ...ย...พ...ิน....จิ ...ข..อ...ง...ค...ร...ผู...ูส้....อ...น........................................... ...................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................... 66 66
ตอนที่ 3 ใหน้ กั เรยี นเตมิ หลกั ก�รสร้�งสมั พนั ธภ�พลงในแผนผัง แลว้ ตอบค�ำ ถ�มให้ถกู ต้อง .....เ.อ...า...ใ..จ...เ.ข..า...ม...า..ใ..ส....่ใ..จ...เ.ร...า..... .........ม...อ...ง..โ..ล....ก...ใ..น....แ...ง..ด่....ี ....... .........ย...อ...ม...ร...บั ...ค....า� ..ต...ชิ...ม............ .........เ.ค...า...ร...พ...ส....ทิ ...ธ...ิผ...อู้ ..่ืน........... หลักการสร้างสัมพันธภาพ .............ใ..ห....้ก...า�..ล....ัง..ใ...จ............... ................ม...เี..ห...ต...ผุ...ล.................. ........ใ..ห....ค้ ...ว..า...ม...ไ..ว..ว้...า..ง...ใ..จ......... .......อ...่อ...น....น...อ้...ม...ถ...อ่...ม...ต....น......... .....ร...บั ...ผ...ิด...ช...อ...บ....ต...อ่ ...ห...น....า้ ..ท....่ี .. .........ใ..ห...ค้....ว..า..ม...ร...่ว...ม...ม..อื............ 1. ปญั หาความขัดแยง้ ในครอบครวั สง่ ผลตอ่ สมาชิกในครอบครวั อย่างไร ผฉูสบอับน ......ป...ญั....ห....า..ค...ว..า...ม..ข...ดั ...แ...ย..ง้...น....า� ..ม...า..ซ...ง่ึ ..ค....ว..า..ม...ไ..ม...เ่.ข...า้ ..ใ..จ...ก...นั....ใ..น...ค....ร..อ...บ....ค...ร...วั .. ..ซ...งึ่...ส...ร...า้ ..ง...ค...ว..า..ม...แ...ต...ก...แ...ย...ก...แ..ล....ะ..อ..า...จ...ท...า�..ใ..ห...ส้....ม...า..ช..กิ... ใ..น....ค...ร...อ...บ....ค...ร...วั ..ห....า..ท...า..ง...อ...อ...ก...ใ..น....ท....า..ง...ท...ผ่ี ...ดิ ...เ..พ...อ่ื...ต...อ...บ....ส...น....อ...ง...ค...ว..า...ม..ต....อ้ ...ง..ก....า..ร...ข..อ...ง...ต...น....เ.อ...ง... .. ..แ..ล....ะ..อ...า..จ...ล...กุ...ล....า..ม...จ...น....ก...ล...า...ย.. เปน็ ปญั หาสังคมต่อไป ................................................................................................................................................................................................................ 2. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งสงิ่ ทส่ี มาชกิ ในครอบครวั ไมพ่ งึ ปฏบิ ตั ติ อ่ กนั มา 3 ประเดน็ พรอ้ มทง้ั แสดง เหตุผลประกอบส้ันๆ -... ...ก....า..ร...ไ..ม...ต่ ...ร...ะ..ห...น....กั...ต....อ่ ...บ...ท....บ...า..ท....ห...น....้า..ท...ี่ข...อ...ง..ต....น...เ..อ...ง.. .. ..ท...�า...ใ..ห...ภ้...า...ร..ะ...ต...า่ ..ง...ๆ.. ..ต....ก...อ...ย...กู่ ...บั...บ....ุค...ค....ล...อ...น่ื ....ใ..น...ค....ร...อ...บ...ค...ร...วั......... -......ก....า..ร...ไ..ม...่ม...เี.ว...ล...า..ใ..ห....้ก...ัน.... .. ..ท...�า..ใ..ห....เ้ .ก...ดิ....ค...ว...า..ม...ไ..ม...่เ.ข...า้ ..ใ..จ...ก....ัน... .. ..ไ..ม...ร่...้คู...ว...า..ม...ต...้อ...ง...ก...า...ร..ข...อ...ง...ก...นั....แ..ล....ะ..ก...นั....................................... -......ก....า..ร...ใ..ช...ค้ ...ว..า...ม...ร...นุ ...แ...ร...ง...ต...ัด...ส....นิ ...ป....ญั ....ห...า.. ..เ..ช..่น.... ..ก...า...ร..ท....ะ..เ..ล...า..ะ.. ..ด...ดุ....่า.. ..ข..ม่...ข... ู่ ..จ...น...ก....ร...ะ..ท...ั่ง...ล...ง...ม...ือ...ต...บ....ต...กี...ัน.... ..เ.ป....็น...ต....้น... .. ......... ......ซ...ึ่ง...อ...า..จ...ท....�า..ใ..ห...ป้....ัญ....ห...า..ย...ิ่ง...บ....า..น....ป...ล...า...ย..ข...้นึ ....ไ..ป...อ...ีก.......................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................ 3. การป้องกันและแกไ้ ขความขัดแย้งในครอบครัวมแี นวทางปฏิบตั อิ ยา่ งไร จงอธิบาย ......ก....า..ร...ป...อ้ ...ง..ก....นั ...แ...ล...ะ..แ...ก...ป้...ญั....ห...า...ค...ว..า..ม...ข...ดั ...แ..ย...ง้...ใ..น....ค...ร...อ...บ...ค...ร...วั... .ท....า� ..ไ..ด...โ้..ด...ย...ก...า...ร..ใ..ช...ค้...ว...า..ม...ร...กั ... ..ค...ว..า..ม...เ..ข..า้..ใ..จ... ..ร...จู้ ...กั ...ย...อ...ม..ร...บั... พ....ฤ...ต...ิก...ร...ร...ม...ข...อ...ง..ก....ัน...แ...ล...ะ...ก...ัน.... .ร...ู้จ...ัก....ป...ร...บั ...ต....ัว..เ..ข..า้..ห....า..ก...นั.... ..แ..ล....ะ..แ...ส...ด...ง...ค....ว..า..ม...ร...สู้....กึ ...ท...ีแ่...ท...้จ...ร...ิง...ต...อ่...ก....นั ....................................... ................................................................................................................................................................................................................ 67 67
44áบบ·´สอบ˹Nj ·Õè 1 คำ�ªแéี ¨ง ให้นกั เáรºยี ºน·เล´×อÊกÍคº�ำ Ëต¹อ‹ÇบÂท·ีถ่ èÕ กู 1ตอ้ งท่สี Øดเพยี งคำ�ตอบเดยี ว 1. ขก.อ้ ใด¤ชÒíไอ่ªมéÕáง¨ใ ว§1ช.่าãสËกขงŒ¹.อาร¡ÑใเะดàชหÃไหอÕÂมงต¹ใววàชÅุขาา่สงÍ× างอร¡เะ¤วหงหÒíตยัวคµุขา Íวงอºวงา·ัยคมè¶Õว¡ÙาขมµขÍŒ ัด§ดั ·แแèÊÕยยØ´ง àใ้ง¾นใÂÕคน§ร¤อคÒíบµครÍรอºวั àบ´ÂÕ คÇ รวั กควาราใมชชค้ งคขอ...วบานกคทมวาสิ รายั เ่ีรใมแชหชุนลค อะมวแคบาวทมือรา่เีรงมนหุนเตมแคๆอืรยัดง นชตสกๆนิ ัดสินันสกว นินั นปปตญญั วั ทหห่ีแาตากตางกัน ข. ค. ง. นิสยั 2แ. ลปกะ.ญคหปวาญ คาวหมาามญเขาคดั ตแยพิ ยีน่ชง อใินนงคสรอ่วบนครตัววั มทกั เ่แีกดิ ตจขากก. ตสปา่าเญหงหตกุใาดสนั มาราเกสทพสี่ ตุดดิ 2. ปก.ญั หปาญั ควห3า.ามญกคแน..ขาวดัทปใตหาญแคงิพหวกยาาานี่ มทง้รแราอ้ใกักงนงเตไศขอ ครปทษรญุกฐอคหกนิจาบคในวคคามรรอขวั บัด คแมรยัวง ักในเคกงร.อดิ บจปคขญราวั หก.ใ นาสคขวอปาาใเมดญั หไนมาหตเจขะใุาาไดใดสจผมกาลันราดทีเกส่สี ทดุ พ่สี ตดุ ดิ แคน. วทปาัญงหกาาทรคขง...แากงเลสรรดเียไ้าคศนขงวครราปวูวมษิธาเญักีมคฐามรรหกยีน่ัคดควิจาใงบนค ใคนคมุวรอออาาบารมรมคมณรขณวั ดดัข มว อแยคีงกวตยจิานมก้งเรเอใชรงนม่อื มตคาั่นงงรใๆน.อ ตบนเปคองญัรวั หในาคขวอ้ าใมดไนมา่ ่เจขะา้ ไใดจผ้ กลนั ดที ่สี ดุ 3. ก. ใหค้ ว4.ามกข.อรใดกัไคมตือมสีเอ่ วาลเทหาใตกุ หขุ กคอนั งนแคลวใาะนมกันขคัดรแอยงบระคหวรา ัวงคคู รองหรอื คสู มรสทชี่ ดั เจนทสี่ ดุ ข. เรียนรู้วขธิ. กี กาารรไมคซว่ือบสตั คยตุมออคูคารรองมขอณงตขนองตนเอง ค. ลดควางคม.. เคขนาิสรดัยียคแวลดาะมคใตวนารมะคหเครนยอกั ชใบนินบสควทนรบตาวั ัวทดทห่แี นว้ ตายกทตกข่ี า อิจงงกตกันนรรมต่างๆ ผฉูสบอบั น ขง.อ้ ใดสครอืา้ งส5ค.าวเปใกนห.ญาคมหตรวอายัมุขคบรวุนคอน่ั ารมงัวคขทคงัดม่ี วแใบี ยนาตุ งรมทอห่ีเขลากาิดรัดนขมใแึ้นนรณชยะวห้งง ววร าัยมะงใพดหีคอวแวขม่าา. งมผควูปเยั กคู่ชเดครอ่ืก็รออมงงก่ันับหใบรนุตือรตหคลนาู่สนเมอสงรวสนใทหญชี่ จัดะเเกจิดนที่สดุ 4. ก. ไกมาร่มไีเ6มว. ล่ซขสคา.อาอ่ืเงหใบวสตหัยตุใุ ตัเดรก้รหกยียอันลนใตาหแนเอ่กลดิคะค่คูวกามรันขอดั งแยขง จอากงกตารนทพ่ี อ งแ.ม วัยทํางาน ข. ผปู กครองปรบั ตวั ไมท นั กบั การเจรญิ เตบิ โต ค. นสิ ยั แลกคะ.. คกกวาารราคเรมบยี เนเพคอื่ ยน ชินส่วนตวั ที่แตขงก.. ตจชา่ จูอี้งงขวกบี้างนันระหวางวัย ง. ขาดค7.วขาอมใดตเปรนะแนหวนทากังปใอนงกบันทแลบะแากทไ ขหควนาม้าขทัดแี่ขยงอในงคตรอนบครวั 5. ป6ัญ8 หาความคก..ขัดกทลําแกับิจมยกา้งรทรทามนด่ีเขวกา ยวิดกทันขีบ่ ทา ึ้นุกนวทรนั กุ ะวหัน ว่างพงข.่อ. แไมมมที ม กั ่ ขีษอะผถกูกาู้ปรสกื่อคสารรทอ่ีดงี กับบุตรหลาน ส่วนใหญ่จะเกิด ในครอบครัวทม่ี ีบุตรหลานในชว่ งวัยใด 2 1.. ต ตออบบ ขง .. กค ปทค.. ัญกุวาคหมววราเคยััยอคยบวเรชาครุน่มินรียขสวั ัดนยว่ แอ่น ยมต้งมวัใคีนทว่แีคาตรมกอขตดับแา่คงยรกง้ ัวเนัทก ี่เดิ ปกข็นนึ้าตรรใัวะชแหค้ปววรา่ างตมบ่อรคุกนุ คาแรลรเใกงดติดบดัคคุสขงวคาิน..ม ล ปขหญััดนววแหง่ึยัยยัา ้ง โเท มดชดายอ่า� กก็สงงทวาา่ีสา่เหงนุดรต ะคุ หคววือาา่ม งขปวดั ัยัญแ ยห เง้าปใเ็นรน่ือตคง้นรคอวบามคไรมวั ่เ ข ้าเชใจน่ ก ันน สิ ถยั ้าแทลุกะ 3. ตอบ6 . ก . ส าคครวเหาอมบตรคักใุ รดเวัปมก็นคี อ่ตวัวใาแหมปเขเ้รกา้ สใดจิ�าซคคงึ่ัญวกทานั ่ีจมแะลทขะ�ากดัในัหแ้ส ยมไมง้าช่วจ่าิกาจใะกนเกคกดิราปอรญับทคหพี่ราใัวอ่ดรๆู้สแ ึกยมอ่อ ่มบผไอมปู้ ุ่นก่ ก ่อคมใหีกร้เ�ากอลดิ งังคใปวจาร มบัไขวดัต้วแาวัยงไง้ใจไมดซท่อ้่ึงยกนั ่าันงกแแลบันะ่นกกอาันนร เ จหราญิกมเีปตัญบิ หโาต 4. ต อบ ข . กข กคใ.อช วาค้งารมวบไกามขมตุาัด่ซรแรื่อรนุยสเหแ้งรัตรเลกียยงิดตานข่อนึ้น คกู่ค็สราอมงาขรอถงปตรนึกคษือาสหาารเหือตกุคันวไาดม้อขยัด่าแงยส้งนริทขะให.จว ่างแจคลจูู้ะ่คชรี้ ่วอขยงกบี้ หันร่นหือาควิธู่สีกมารรสแทกี่ช้ไขัดปเจัญนหทาไี่สปุดไ ดซ้อ่ึงยอ่าางจรนา�าบไรปื่นสโู่กดายรไมมี่ 5. ตอบ ก . ค ป ป. าัญกหเกสาคาียวงรากคมันขบไัดดเแ ้พยแ้งลือ่ระะอนหา จว่ารงุนพแ่อรแงมถ่ งึ ผขั้นู้ปกตอ้คงรเอลงกิ กรับากบนัุตไรปห ลางน. ส่วชนใ่อหงญว่จ่าะพงบรใะนหควรอ่าบงควรยั ัวที่มีบุตรหลานอยู่ในช่วงวัยรุ่น 6. ตอบ7 .ง . ขก ซพ ช.อ้ ่อึ่งอ่ ใงเแปดวทม็นา่ ่เงผ�าชปรูป้่วกะง็นกหทจิ ควแ่ีมก่ารอีนงอราวงวรัยรปม ทมรณเปับาดรน็ตงนุ้วัวสปแไยามรเ้อกห่ทง งตนันัแุใกกลหทบัะนับ้ ตกกุ ุตแ้อาวรงรลหกนัเจะลาร รแาญิคนกวเทตา้ไอ่ีมิบขยเโปูใ่ตคนน็ ขวชออว่ิสงางบรมวุตะยั สขรขรูงนุ่หัด.ลเ กแาดินยมคใง้นวที าใชมักนว่ ขงษดัควแยัะรยรกอ้ง่นุ กาบทบั ร่มี คพกีส่อรา่อื แรวั มเสป ่ ลาผี่ย้ปูรนกทแคดี่ปรลอี งงห ลซึ่งายอดาจ้าเนกดิ จากการที่ 68 7. ตอบ ข . ค ทก. าีด่ รี มซกีทงึ่ ลถักอืบัษเะปมกน็ าาแรทนสวือ่าทสนาางรขปทอ้้า่ีดงวี กเทปนั น็ ี่บแกล้าาะรแนกสทไ้รข้ากุคงวควาวันมาขม ดั สแมั ยพง้ นัในธคกรบั องบบ.คุ คครลวัไอไมด่ืนเ้ ่มปโด็นีขยอ้อใยช่าถค้ งา�ดูกพี ูดท่ีดี รจู้ ักพูดให้ก�าลงั ใจ รวมท้งั เป็นผู้ฟัง 68
8. เพราะเหตใุ ด จงึ ไมค วรใชอ ารมณห รือความรุนแรงในการแกป ญหา ก. เเพพรราาะะจจ8.ะะเกขททพ..ําําราเเใใะพพหหเรรหาาอเตะะกใุจจกีดะะิดฝททจชําาํึงาใใไอหหมยอเคงกสกีวดิวฝรงชใาา บชอยงองสลวรางารบงะงมลรหณงะหหววราาอื งงควววัยาัยมรนุ แรงในการแกป ญหา ข. เเพพรราาะะจจ9.ะะคงขทท..อําําใดเเใใพพไหหมรรถาาเป ะะูกขจจญตะะา อททกหงาําํ ใใันาหหเปยไขญมิ่งา กหมไ นัาดยไีคมงิ่ก วมไดบัีคากวมญบัามญรราาุนุนตตแแิขิขรองรงอมงแางตมกลแขาะึน้ตฝกา ล ยขะน้ึ ฝา ย ค. ง. การไมม เี วลาใหกนั และกันเปน สาเหตหุ นึ่งของปญ หาความขดั แยง 9. ขอ ใดไมถกู ตอขก..ง พอ แม ผปู กครองควรตามใจบตุ รหลานเพ่ือลดปญ หาความขัดแยงทอี่ าจเกิดขน้ึ ก. การไมมีเคว.ลนาสิ ใยั หจจูก ้ี ขันบ้ี แน ขลอะงพกอ ันแมเปผปูนกสคราอเงหเปนตสุหาเนหต่งึ หุ ขนงึ่อทงท่ี ปาํ ใหญ บ ตุหรหาลคาวนมานี มสิ ยัขกดั า วแรายวง ข. พอแม ผงปู . กปคควาากรมเสอจยี กุงงจกคกิ นั วไจดรูจ ต้ี ขาบ้ี มนขใอจงบฝาุตยใรดหฝาลยหานนี่งึ เพจะท่ือาํ ลใหดอ กีปฝญา ยเหกิดาคควาวมารํามคขาญัดแและยมีงทีอ่ าจเกดิ ข้นึ ค. นสิ ยั จ1จู 0.ี้ ขคบี้รอนบคขรัวอมงีคพวามอ สแาํ คมัญ อผยปูา งไกรครองเปน สาเหตหุ นงึ่ ทที่ าํ ใหบ ตุ รหลานมนี สิ ยั กา วรา ว ง. ความจุกจขก..กิ เใลหจ้ยีค งวจู ดา้ีูสมมรขกัาชแบี้ กิลนใะหคขเวตาอิบมโรงตูสฝกึ ทา ด่ี ยี ใดฝายหน่ีงึ จะทําใหอกี ฝายเกดิ ความราํ คาญและมี 10. ครอบปคากรัวเสม11ยี ีค.งวขคงก..อานัใมดคมไคอีอสดือยิทสําชธัมวคิพพยลัญเนัตหธอลอภพือายสฤพมตาใกิานงชรคไริกรมรยอขาบมอคงทรบกุัวคุขคยลาก ก. เใลห้ียคงวดาูสมมรกขคักา... ชแนปลิกลกูลา้ํ หไวิใะมลอหคพมมูดเชวตตจวดิาายกิบมไแาพมรโรเพทตรสู าน้ิงะขนัึกแยฟลทะตุะทกบีด่ ุกริอวีิยลันามารยาทเรยี บรอย ข. คมอีอยทิ ชธ1วพิ2.ยลกปงเต.ห.ญ อหลคหาพววอืสาามัมสฤนพใเมตกปนั ลนธิกาชคภชิดรนากรพมิกันีคใมยนเวกคขาาินมรไมออรปบับงทคผบรดิุกัวชุคเขอกคบิดย ใจลนาางกกาสนาขทเ.หี่ไดตครุใวดบั ามมอขบดั หแมยงากยนั ทางความคิด ผฉสู บอบั น ค. ง. 11. ขอ ใดคือสัม13พ. คสันา.มธขีคภอวางามสพดุเหาใเน็ ปนคน ลคคอ นรยเตจอาา บมชมูกคาันกมรแาวั ลกะเชกอินบไปออกงไ.ปเทไมยี่ วม กขี ลอ าถงูกคนื ทาํ ใหส ดุ ากบั สามที ะเลาะกนั ก. ปลิวลมชเวปนยปแระมจาํท จิง้ าขกขยอะควทามกุ นวีท้ นัาํ ใหเกิดปญหาอนั เนื่องมาจากสาเหตุใด ข. นํา้ หอมตขกดิ .. กไไามมมซร่อืเีพวสลัตนายใหนัตกอฟันคูคแตุ รลอะบกงขอนั อลงตน ค. ลหกูวาไมนพเปูดน คงจ..คานไนขาพสิ มดยั คเแคี รวลาวะามคาะตวมแารมะรลหเคบันะยกักผชในนิิริดบสิยวชทนาบอตมาัวทบทาหใแ่ีรนนตายกทงาต่ีขาาทองนงกเตนัทรนยีี่ไดบรรบัอ มยอบหมาย ง. 69 8. ตอ1บ2.ค. กปเเอ.ญพนกี รื่อฝหางาคะจยากวาสาสการงกัมบใมชาลพรคใงลกวนัาดลมแปธรตชญนุภในิดหแาาครกคพงวนัวาใามเชมนเจนกขรคัดงินิ แกแรยไลาองรปวรทบจะะะหคยเลวง่ิ ราาทะงัวาํ พใเดหอกุดแป ดิามญ จขหผมาาูปขบกูกาจสนคนรปาขกอลเ.รงหาะยทตขแคงั่นึ้ลุใละไวดงปบามอุตือมกีรตหขบลดัตากีนแันนยนั้นง นั้ ไกมตันใชาวทงาฝพาาอยงแตคมาวจงกะาตค็ มอดิ งควตาดิจามะเใปจนบวุติธรที ห่ที ลําาในห 9. คกเ.พ็จระาสคะนาวมนั่ าาจรมะถเชปเวหน ยกลน็ าดรคปกลญระอหทายาํคทตวเี่ารามยี ขมกัดไกแดยันว งา ตมพาอ างแๆกมรไเดงั กแดกนิ ี ฉไนั ปแตกงค็.วรจไะพมยม ายีขามอพถดู คูกยุ กนั ดว ยเหตแุ ละผล และรบั ฟง กนั มากขน้ึ ตอบ ข. 10. ตอ1บ3.ค. สเปคมสาคีรมันมอวพปาขบีนั มครอธเขรภะงาวัาใจเสพปจาํกในดุ นนัสาคจถเชราาปวอบกยบนนัเขหคพคลรอนื้ นวัือฐคซเเาป่งึจวนกน ทาา ันคามชแงวลามสูนมะงั าสกี้ทคกมัันมําพทแใกนัม่ี หลจ็อีธะทิะรเทกะธชาํหพิ ใดิอวลหาปบตคงอสรญอพอมอฤบาหชตคกกิากิรไใรอัวนปนรันคม้นัเแรทเๆลอนย่ีะบมคอ่ืีคควววรงากามวัมมลคซอาดิาง่ึบขจงสออคางิุ่นงทบกนื แแ่ีคุ สลสคทะดาลมงาํเเีคปใหใวหนหาตเ อมหสยสใุน็ าดดุุขถงงึมากากกาบัรหมสาสี กามั คมพนนั ทีในธะภคาเรพลอทาบดี่ ะคตี กรอวั นั 11. กไก.วนั ว าในงไใมคจรมอสบเีาวมคัคลรควั าีปไใดรหอแ กงก ด นัคอวงแากมลันระกั คกควนัาวมามรผบั กู ผพิดนัชอคบวตาอมหเขนา ใา จทแี่ขลอะงดตแู นลเอมาีคใวจาใมสเคซ งึ่ารกพนั แแลละะใกหนั เ กกียารรตพซิ ดู ่งึ คกยุันปแรลกึ ะกษนัาหารมอืีเวกลนั าใคหวกาันม ตอบ ง. 12. ตอบ ข. ขคซอป..งย่ึญ ถาหงา นไหาเหมสาสิ กมมั ซ ยัาคพะร่ือนัแสอธมสลบภคัตะารพคยวั ใมวตนกี าคอามรรคพอเดบููค คคครยยุรอกวัชทนังินพ่ีดขวบสยอสเวหงว นตนตแุใตนลหะัวญผทมลกั แี่ เกแตลดิ กะจราตบั กฟาสง งาซเกหง่ึ กตนั นัคุ แวลามะกขดันั แมยากง ทขนึ้างคกวาจ็ มะสคาดิ มารเนถอ่ืชวงยจลาดกปตญา งหกานัสมัตพา งนั คธวภาามพคในดิ 13. ตอบ ข.ง.เคนรื่อองบขจคาารกดวัคลคดิ งนวไดอากมใจตตรอ ะคหคู รนองักขใอนงตบนทซบง่ึ าอาทจหนํานไปา สทูก าขี่ รอมปี งาตกเนสียงกันไดแ ละอาจรุนแรงถึงข้นั ตองเลิกรากนั ไป 69 69
14. ข้อใดเป็นสงิ่ ทคี่ คู่ รองหรอื คู่สมรสไมค่ วรปฏบิ ัตติ ่อกนั ก. เอา1อ4ก. เขกอ.อใาดเอใเปจานอ กสเิ่งอทาค่ี ใจคู รองหรือคสู มรสไมค วรปฏบิ ัตติ อกนั ข. ใไหว้เ้อนีกอ้ื ฝเขงคาช...ยอ่ื ไใตพหวใอ เจอวนาีกา ้อืไญฝเปาชายือ่ตซพใขิ จาออื้ ไงปขอซกี อ้อืฝขางอย งใหค ูครองหรอื คสู มรสฟง ค. งก.า รตต้ัง่อกว1ตา่5.ิกญกกใานาา.ขครตตรเอพอ้ังิขกบง่ืออตคหคิกรางัวารขอขอออยกี งบตุ คฝอิ ครยอาารบยงัวคสใรันมหัวตมีควิ้คีคธิ ววีคู่ าามรมสอําสคงัญ�าหคอรยัญือางคไอรสู่ตยอม่ากางรรไสปรอฟตงกัง่อันแกลาะแรกปไข้อควงากมขันัดแแยลงะแก้ไขความขัดแย้ง 15. ในครอบครขคัว.. เพอื่ ชว ยในการปรบั ทา ทีใหเ หมาะสม เพือ่ ใหสมาชิกในครอบครัวยึดถอื ปฏบิ ัติ ก. เพอ่ื หางข. ้อเพยือ่ ุตใหิอสยาม่าางรถสเขนั ากตบั วิสมิธาี ชิกในครอบครวั ไดเปน อยางดี ข. เพอ่ื 1ช6.่วกกยา. รใพนคดูนกถฟงึางเจฉระพปไดาระเ ขเับราอื่ ใทงจหง่าารยือทพีใฤหติกเ้ รหรมมท่ีเาปะน ขสป.ญมจหะาไใดนไปมจต จอบุ งันรนอ้ื ฟั้นมนีขใหอเดสีอยี ยเวาลงไาร ค. เเพพ่อือ่ื 1ใใ7หห. คขก้สส้ ..อามใดมทแาไตํามาชใง หใตรชิกปัวถหใญใหลนเหกัดขากดูคไา้าีมรรกลสอกุรับาลบงาสสมคัมมอรพอาวัันกชธไยปภิกึดอาีกพใถนือคปขงร..ฏอยไบิบมอมัตมคีขริรับอ วัถคกูําไตดิชมเ้ ป็นอยา่ งดี ง. 16. กกา. รพคูดนถฟ1งึ8ัง.เจฉสคเมะัม.พื่อพไนเดานัคกั ธาะเเ้ ภรรขเพียารนพ้าสอ่ืไิทอใปยธงจเิผาจหงงูออไ่า่ืนเรรพใยอืห่ือ นเพพคือ่ฤนนหตรนสู ิกง่ึกึ กดราํ ีรลงัมน่ังทรงอเี่.งปไหเน็ ออขาปยใ.ูจ ญันเขักาจเหมรียะาานใไสใจดนใะจมไ้เปรวีมาิธัจีใ่ตนจก้อุบางรันสรรนอื้างฟนั้ มน ีขให้อ้เดสอี ยี ยเว่าลงไาร ผฉสู บอับน ค. ทา� ให้ปคกญั .. หยพมิ้ดูาใจหไามทับล่ ถุกม ลามออกไปอีก งข.. ใเดหงินก .ผํา ลา ังนใไไจปมเฉม่ ยๆีขอ้ ถูก 17. ขอ้ ใดไม1ใ9ช. ห ขอ ลใดักเปกน าขรอคสวรรปา้ ฏงิบสัติมมั าพกทนัีส่ ดุ ธเพภอื่ าปพอ งกันความขดั แยง ในครอบครัว ก. แต่งตวั กคใ..หไพ้ดมยดูพ ายดูี าจมากปันรบั ตัวเขาหากนั ข. ไพมขยมา.เีย วาลมายสใหรอาก งมนั ควราบัมกคลัว�าเตกรชิง ม ง. 18. คเม. ื่อนเคักาเ2รร0พีย. นสคกกา..ไิทรปแชชธสววเิผดยยจงใใู้ออคหหวเเน่ืเกกาพมดดิิ คครอ่ืูสววาาึกนมมหรรครสูสูอื นึกึกอสโาลหะรงใมจนณึง่ทกี่แทา� จลรงิ ังองขนอ..กงั่ มชชราววงออ้ยยย.ปใ งาหลงไทตดหรเรปาองลอ้บไอาปถยยตใงึ คคู่ จรวงวนเามามขมากั รมราูสเสูีขกึมรกึอ ทยีดาีแ่อีนใทยสจาจงร่ใะไิงจรมเรีวาธิ ีในการสร้าง สมั พันธภาพอย่างไรให้เพ่ือนรูส้ ึกดี 14. ตอบ ง . คก 7อ.เ .0น กี อ่ื ฝงพยาจยม้ิาูดใกหใจเไ้หรดาา้ ้ คทเพวับรรใาถหะกค้มาวรา มเขเ้าคกาันรพไมญ่ไาดตก้ ขิ ับอญงคาค่ตู รขิ อองงแหตรล่อื ะคฝสู่ า มยรนขงสั้น.ใ. ห จเ้ ะหเใเปมดหอืน็ นนิก้สกาผ�าเบั หล่าญตังนาทุ ตใน่ีไจขิ ป�าอ ไงเปเฉรสากู่ย าๆแรลข ะัดกแค็ยวง้ รกปันรไบัดต้งวั่าใยหเ้ ขา้ กบั ญาตขิ อง 1 5. ตอ1บ9 . ค . ข กร้อาวใรมดตทง้ั้ังเกปสตมน็ ิกาชขาิกขอ้อในงคคควรรออรบบปคคฏรรวัวัิบ มกรีัต็เะพิมเบ่ือาใยี หบกส้ วทมนิ าัย่ีสชดกิุด้วใยเนพคร่อื อปบคอ้ รงัวกยดึ นั ถคอื ปวฏาิบมัติ ขซดัง่ึ จแะสย่ง้งผใลนใหค้ครรออบบคครัวรอวัยดู่ ว้ ยกนั อยา่ งมีความสขุ 11 67.. ต ตออบบ คก . . คก .คกห. ลวาารกั มไพพกขมูดาัดยรถ่พแสาึงยรเยูดง้ ฉา้ใางจพนสมาาคมะั รกปเพรอันนั่ือรบงธับค ภหรตารวัพือทัว พีด่ เไฤี ขด ตเแ้า้พิกกหื่อร ่ ปรเาออ้มกางทใกันจี่เปนัเข ็นไามมปใ่ าัญหใสป้หใ่ัญาจใหเนราปาล ัจกุ มจลขงอุบาง.มั.น โ อล อกไไพกใมมนไ่เยปอแ่มอางาเีกด่รเีย ีว่ือ ายงลมอนามู้นสใรเหบัรรร่ือา้้กบังงันนคคา�ี้มตวาชิปามะม ป ในกหกลก้ ันา�วั ลเปเงั ก็นใจรแ น งใวหทค้ าวงากมไาวรว้ แากงใ้ไจข 1 8. ต อ2บ0 . ข . ก าใกหารค้รแใวหาสม้กดร�าว่ลงมังคมใือจว ถา รือมับเปผร็นดิู้สกชกึอารบหสตรรอ่ ้าอืหงนอส้าัมาทพรี่ ัน มอธอ่ ณภนานพท อ้ทีแ่มี่ดถที ่อซ้จม่ึงตรกนิงา รอ ทมอเีี่ใหคกตรมุผกล็ตา า อมเคเยมารา่่ือพกงส�าตลิทรังธเงิผศ้อูไร่ืนป้าอตยู่ไรมง่วม่าจาะดม้วขียเอ้ร่ือดงออี ะยไร่า งหไารกได้รับ 19. ต อบ ค . คก .พกส. �ามัยลพาชชังยนั ใา่ว่วธจมภโยยปดารใใพยับหหอทตา่ดี้เเ้ จัวกกีตจเขอ่ดิิดะ้ากมหคคนัาาจววดกา้วาากันยมมคเป�ารรพ็นสูู้้สูดส กึึกิ่งหทสโรี่สละือ�าง่ใกคจ าัญร ทกี่สระุดทท�า่ีค วยร่อปมฏทิบ�างขใัตห..ิ ้เ กเพิดชชื่อคใว่ว่วหายย้สมรใปาหู้สมลาึกท้รดดถรีขปอึ้นายลมบู่ดา่อ้วไถดยยึงก้ คคัน ววไแดาลา้อะมมทยร่ีส่ารงสู้�าสู้ สคกึ กึงัญบทยสัง่ีแถุข ือทเรปจ้ า็นบรกรงิ าื่นร สแรล้างะ มคี วามสุข 20. ตอบ ง. การแสดงความรสู้ กึ หรอื อารมณท แ่ี ทจ้ รงิ ออกมาอยา่ งตรงไปตรงมามขี อ้ ดคี อื ชว่ ยใหท้ ราบถงึ ความรสู้ กึ ทแี่ ทจ้ รงิ หากรสู้ กึ อย่างไรก็ควรบอกออกมาอย่างนั้น เช่น เมื่อรู้สึกโกรธก็ควรบอกว่าโกรธ ดีกว่าที่จะใช้การพูดถากถาง เสียดสี 70 หรอื ประชดประชนั กนั 70
5หนว่ ยที่ อาหารตามวยั อาหารนับเป็นปัจจัยส�าคัญอันดับแรกๆ ที่มีความส�าคัญต่อการด�าเนินชีวิต ผฉูสบอับน ของทุกคน ซึ่งการได้รับอาหารและการรู้จักก�าหนดรายการอาหารให้เหมาะสม ตามความต้องการในแต่ละวัย ทั้งวัยทารก วัยเด็ก (วัยก่อนเรียน วัยเรียน) วัยรุ่น วยั ผใู้ หญ่ และวยั สงู อายุ โดยคา� นงึ ถงึ ความประหยดั และคณุ คา่ ทางโภชนาการทไี่ ดร้ บั ทั้งโภชนบัญญัติ 9 ประการ และธงโภชนาการ ย่อมส่งผลให้มีการเจริญเติบโต และพฒั นาการท่ีดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ สามารถด�าเนินชีวติ ได้อย่าง มีความสขุ ปราศจากโรคภัยไข้เจบ็ เบียดเบยี น ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี KEY QUESTION •ม าตกร�าฐหานนดพรา4ย.ก1าร(มอ.า3ห/1า)รท่ีเหมาะสมกบั วัยต่างๆ โดยค�านึงถงึ ความประหยดั และ 1. อาหารมคี วามสา� คัญอยา่ งไร 2. เพราะเหตุใดจึงต้องมกี ารก�าหนด คุณคา่ ทางโภชนาการ รายการอาหารใหเ้ หมาะสมกบั วัย ส• ารก-ะาวกรัยกาท�าราหเรรนกยีด วนรยัารยเู้แดกกก็ า นร(อวกัยาลหกา่อารงนทเร่เี หยี มนา วะยัสเมรกยี ับนว) ยัวตัย่ารุ่นงๆ วยั ผู้ใหญ่ วัยสูงอายุ โดยค�านึง ถงึ ความประหยัดและคณุ ค่าทางโภชนาการ Teacher’s Guide ประเด็นทจ่ี ะศึกษาในหนว ยน้ี ไดแ ก 1. ความสําคัญของอาหาร 2. หลักการเลือกบรโิ ภคอาหาร 3. การกาํ หนดรายการอาหารท่เี หมาะสมกับวยั ทักษะการคิดท่ีสัมพนั ธก บั ตวั ชว้ี ดั ในหนวยนี้ ไดแ ก 71● ทกั ษะการนาํ ความรูไ ปใช
มฐ. พ 4.1 Teacher’s Guide ตวั ชวี้ ดั ม. 3/1 ครูอาจหาภาพอาหารลักษณะตางๆ มาใหนักเรียนดู เพอื่ ใหนักเรียนแสดงความคิดเหน็ วาชอบรับประทานอาหารประเภทใด เพราะเหตุใด และมปี ระโยชนหรอื ไม อยางไร 1. ความสา� คญั ของอาหาร ลบั สมอง อาหารนับเป็นปัจจัยพ้ืนฐานส�าคัญที่รับประทานเข้าไป ทา� ไมเราถึงต้องรับประทานอาหาร แล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีความส�าคัญต่อการด�ารงชีวิต ของมนษุ ยท์ กุ เพศทกุ วยั เนอ่ื งจากอาหารจะใหพ้ ลงั งานและสรา้ ง ความเจริญเติบโตให้แก่ร่างกาย และยังช่วยควบคุมการท�างาน ของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ซ่ึงคนเราจะมีสุขภาพดีได้น้ัน การรับประทานอาหารนับเป็นส่ิงส�าคัญในอันดับแรกๆ ที่จ�าเป็น จะตอ้ งเรยี นร ู้ เพอื่ จะไดเ้ ลอื กรบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชนแ์ ละ เหมาะสมกบั ความตอ้ งการของบคุ คลในแตล่ ะวยั อนั เปน็ การชว่ ย และเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพทด่ี ชี ว่ ยใหห้ า่ งไกลจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ โดยอาหาร มคี วามส�าคญั ทีส่ ามารถสรปุ ได ้ ดังนี้ ผฉูส บอบั น ชว่ ยให้รา่ งกายเจรญิ เติบโตและซอ่ มแซมสว่ นที่สึกหรอ นับต้ังแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนกระทั่งคลอดออกมา ร่างกาย เดก็ ควรรู จะมกี ารเจรญิ เติบโตขึน้ เรื่อยๆ หากได้รับอาหารท่เี หมาะสมกบั เปน แรธ าตสุ าํ คญั ความต้องการของรา่ งกายไปจนกระทงั่ ถงึ วยั ผู้ใหญ่ และเปนสวนประกอบ ของการสรางฮอรโมน ช่วยเสริมสรา้ งภมู ติ ้านทานโรคใหแ้ ก่ร่างกาย ไทรอยดในรางกาย ซึ่ง ซง่ึ บุคคลท่ีรบั ประทานอาหารอย่างเหมาะสมและถูกหลกั จ ะ มี ค ว า ม สํ า คั ญ ต อ โภชนาการนน้ั รา่ งกายจะสามารถตา้ นทานโรคได้ดี เพราะมี พัฒนาการทางสมอง ภมู ติ ้านทานโรคที่ไดร้ บั จากอาหาร และถ้ามอี าการเจบ็ ปว่ ย แ ล ะ ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต เลก็ นอ้ ยไมร่ ุนแรงนกั ร่างกายกจ็ ะสามารถรกั ษาตัวเองได้ ของทารกตั้งแตในครรภ โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ จนกระทงั่ คลอดออกมา72 ให้พลงั งานและความอบอุน่ แกร่ า่ งกาย ซึ่งเม่ือรับประทานอาหารเข้าไป จะเกิดการเผาผลาญท�าให้มี พลงั งานความรอ้ นเกดิ ขน้ึ โดยพลงั งานความรอ้ นนจ้ี ะทา� หนา้ ที่ ให้ความอบอนุ่ แก่ร่างกาย ช่วยให้อวัยวะตา่ งๆ ในรา่ งกายสามารถทา� งานได้ ตามปกติ เนื่องจากแหล่งพลังงานของร่างกายมาจากอาหาร หากได้รับ อาหารทเ่ี หมาะสมก็จะทา� ให้อวยั วะตา่ งๆ สามารถทา� งานได้ ตามปกติ เชน่ การทา� งานของต่อมไทรอยด์ ซ่ึงจ�าเปน็ ตอ้ งไดร้ ับ อาหารทม่ี ธี าตไุ อโอดนี ถา้ รา่ งกายไดร้ บั ธาตไุ อโอดนี นอ้ ยเกนิ ไป กจ็ ะท�าให้ตอ่ มไทรอยดท์ า� งานผิดปกติและเป็นโรคคอพอกได้ 72
นักเรียนมีหลักการอยางไร ในการเลอื กบรโิ ภคอาหาร 2. หลกั การเลอื กบรโิ ภคอาหาร การบริโภคอาหารใหเ้ หมาะสม กับความตอ้ งการของรา่ งกาย คนเราจะมีสุขภาพท่ีดีได้ การรับประทานอาหารนับว่า ถือเปน็ การสร้างเสริมสขุ ภาพทดี่ ี เปน็ ปจั จัยสา� คญั ซึ่งจ�าเปน็ ตอ้ งมีความรู ้ เพือ่ จะไดเ้ ลอื กบรโิ ภค ให้หา่ งไกลจากโรคภัยไข้เจบ็ ได้ อาหารที่มีประโยชน์ และได้สัดส่วนที่เหมาะสม อันจะเป็นการ สรา้ งเสริมสุขภาพที่ดีใหห้ า่ งไกลจากโรคภยั ไขเ้ จ็บ นะครับ 2.1 การเลือกบรโิ ภคอาหารให้ถกู หลักโภชนาการ เด็กควรรู ควรจะรบั ประทาน การเลือกบริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการเพ่ือช่วย ขาวกลอง ขาวซอมมือ สร้างเสริมสุขภาพที่ดีนั้น ทางกองโภชนาการ กรมอนามัย แทนขาวขัดสี เพราะจะ กระทรวงสาธารณสุข ไดจ้ ัดตั้งกลุม่ ท�างาน โดยเชญิ นกั วชิ าการ มีใยอาหารท่ีชวยในการ ทางดา้ นอาหารและโภชนาการจากสถาบนั ตา่ งๆ มาระดมความรู้ ขบั ถา ย รวมทัง้ ยงั ชว ยให แสดงความคิดเห็น และรวบรวมข้อมูลต่างๆ โดยได้ก�าหนด รางกายมีภูมิคุมกันโรคที่ แนวคิดและส่ือเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ให้เกิดความเข้าใจของ ดดี ว ย ประชาชนต่อการเลอื กบริโภคอาหารเพื่อการมีสขุ ภาพที่ด ี ดงั นี้ ผฉสู บอับน 1) โภชนบญั ญตั ิ 9 ประการ เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั กิ ารบรโิ ภคอาหาร เพอ่ื สขุ ภาพทดี่ ขี องคนไทย 9 ประการ ได้แก่ เดก็ ควรรู ผกั ผลไมน อกจาก โภชนบัญญัติ 9 ประการ จะมปี ระโยชนต อ รา งกาย แลว ยงั มวี ติ ามนิ และแรธ าตุ 1 รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 2 รบั ประทานข้าวเปน็ อาหารหลกั 3 รบั ประทานพชื ผักใหม้ าก อยางครบถวน รวมทั้ง เสนใยอาหารซ่ึงจะชวย แต่ละหมใู่ ห้หลากหลาย และ สลบั กบั อาหารประเภทแปง้ ITและรบั ประทานผลไม้ ในการขับถา ยดว ย หมนั่ ดแู ลน้�าหนักตวั เป็นบางมื้อ เป็นประจ�า 4 รับประทานปลา เน้อื สัตว์ ไม่ติดมัน ถ่วั เมล็ดแห้ง และไขเ่ ปน็ ประจา� 5 ดม่ื นมใหเ้ หมาะสมตามวยั 6 รับประทานอาหารทมี่ ี ไขมันแตพ่ อควร 9 งดหรอื ลดเครื่องด่มื ท่ีมี 8 รับประทานอาหารที่สะอาด 7 หลกี เล่ยี งการรับประทานอาหาร แอลกอฮอล์ ปราศจากสารปนเปื้อน รสหวานจดั และเคม็ จดั 73 IT 73
2) ธงโภชนาการ เป็นสัญลักษณ์ที่ส่ือให้คนไทยเข้าใจถึง ปริมาณและความหลากหลายของอาหารที่ควรรับประทาน เพื่อ ให้มสี ขุ ภาพด ี โดยเน้นให ้ “กนิ พอดีและหลากหลาย” ชั้นท่ี ๑ กล่มุ ข้าว-เเป้ง ควรรับประทานในปรมิ าณมากท่ีสุด โดยจะใหส้ ารอาหารหลกั คือ คารโ์ บไฮเดรต ชัน้ ที่ ๒ กลมุ่ พืชผกั เเละผลไม้ ควรรบั ประทานในปริมาณมากรองลงมา เพ่อื ใหไ้ ดว้ ติ ามนิ เเร่ธาตุ เเละกากใยอาหาร ชัน้ ที่ ๓ กลุม่ เนือ้ สตั ว์ ไข่ ถ่ัว เเละนม ควรรับประทานในปริมาณพอเหมาะเพอ่ื ให้ได้ โปรตนี เหลก็ เเละเเคลเซยี ม ช้ันท่ี ๔ กล่มุ น�้ามัน น้า� ตาล เกลอื ควรรับประทานเเตน่ ้อยเท่าท่ีจา� เป็น ผฉูส บอับน นักเรียนคิดวา การเลือกบริโภคอาหาร ตามธรรมชาตนิ นั้ มขี อ ดี 2.2 การเลอื กบริโภคอาหารตามธรรมชาติ อยา งไร อาหารตามธรรมชาตินับว่าเป็นอาหารท่ีมีความสมดุล ของสารอาหาร แรธ่ าตุ วิตามนิ ทม่ี ีอยู่ในธรรมชาต ิ ซึง่ รา่ งกาย สามารถยอ่ ยและดดู ซมึ ไดง้ า่ ย ตลอดจนปลอดภยั จากสารปนเปอ้ื น และสารเคมตี า่ งๆ โดยหลกั ในการรบั ประทานอาหารทดี่ นี น้ั ใหย้ ดึ IT หาขอมูลเพ่ิมเติม หลกั งา่ ยๆ คอื บรโิ ภคอาหารตามธรรมชาต ิ ดังนี้ เก่ียวกับวิตามิน และ 1) บรโิ ภคธญั พชื เตม็ รปู ไมผ่ า่ นการขดั ส ี เชน่ เลอื กบรโิ ภค ประโยชนตางๆ ของ ข้าวกล้อง หรือขา้ วซ้อมมือแทนขา้ วขัดสี เพราะอาหารจ�าพวกน้ี วิ ต า มิ น ช นิ ด ต า ง ๆ ไดท ี่ www.ipsyt.ac.th เวบ็ ไซต สสวท. จะมีใยอาหารชว่ ยในการขบั ถา่ ย นอกจากนว้ี ติ ามนิ เอ บ ี ซ ี และอี ขา้ วกลอ้ งหรอื ขา้ วซอ้ มมอื เปน็ ธญั พชื ที่ จากธญั พชื เตม็ รปู นน้ั ยงั สามารถชว่ ยใหร้ า่ งกายมรี ะบบภมู คิ มุ้ กนั สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ทีด่ ี ทา� ให้ไมเ่ ป็นโรคภูมิแพไ้ ด้ง่ายอกี ดว้ ย รวมถึงโรคเบาหวานไดอ้ กี ดว้ ย เดก็ ควรรู 74 74 เดก็ ควรรู วิตามนิ อี เปน วิตามนิ ท่ีชว ยในการทํางานของระบบ เปนระบบท่ีชวยกําจัดเช้ือโรคท่ีเขาสูภายในรางกาย โดย ในรา งกายหลายระบบ โดยเปนวติ ามนิ ท่ีเชอื่ กันวา สามารถ ระบบภมู ิคมุ กันสวนใหญท มี่ อี ยใู นรา งกาย คอื ระบบนํา้ เหลือง และ ชว ยชะลอความแกไ ด การทาํ งานของเมด็ เลอื ดขาว
เดก็ ควรรู เด็กควรรู หรือ วตั ถกุ ันเสีย เปน สารเคมีทช่ี วยในการถนอมอาหาร ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสขุ หา มใช เปนอาหารท่ีคง วตั ถกุ นั เสยี ในอาหารทไี่ มต อ งใชส ารกันบูด นน่ั คืออาหารกระปอ งทผี่ า นการฆาเช้อื จุลินทรยี แ ลว สภาพตามธรรมชาติเดิม ไวมากที่สุด ไมตองผาน 2) หลีกเลี่ยงอาหารส�าเร็จรูปท่ีผ่านกระบวนการ เนื่องจาก การปรุงแตงมากมาย เปน็ อาหารทผี่ า่ นขน้ั ตอน หรอื กระบวนการตา่ งๆ เพอ่ื ใหอ้ าหารนนั้ เชน ขาวกลอง ขนมปง- สามารถเก็บไว้ได้เป็นระยะเวลานานพอสมควรโดยไม่เน่าเสีย โฮลวีท เปนตน เชน่ อาหารกระปอ๋ ง อาหารบรรจกุ ลอ่ ง เปน็ ตน้ โดยอาหารดงั กลา่ ว บางชนิดอาจมีการใส่สารกันบูด เพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้นาน เดก็ ควรรู อาจมีสารเจือปน หรอื สารเคมอี ่ืนๆ รวมทัง้ สารพิษซงึ่ เปน็ สาเหตุ ห รื อ ผั ก ผ ล ไ ม ทท่ี า� ให้เกดิ โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ มากมาย อินทรีย เปนผักผลไม 3) เลือกบริโภคอาหารอินทรีย์ หรืออาหารชีวจิตที่ไม่ใช้ อาหารกระป๋องนับเป็นอาหารท่ีผ่าน ปลอดสารพิษท่ีไมไดปลกู สารเคมี เนื่องจากเป็นอาหารท่ีคงสภาพตามธรรมชาติเดิมไว้ ทกร่ีทะ�าบใวหน้เกกิดาโรIรตคT่ามงะๆเรซ็ง ่ึงแเปล็นะโสราคเอหื่นตๆุหนไดึ่ง้ กับดนิ แตป ลกู ในน้ํา ซ่งึ ได้มากทส่ี ดุ ไม่ต้องผ่านการปรงุ แต่งมาก และคงรสชาติเดมิ ของ มีสารอาหารที่จําเปน จงึ ไม่ควรรบั ประทานมากเกนิ ไป สําหรับการเจริญเติบโต ส ง ผ ล ใ ห เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต อาหารไวม้ ากทสี่ ดุ เชน่ ขา้ วไมข่ ดั ส ี ผกั ผลไมอ้ อรแ์ กนคิ เปน็ ตน้ ไดเร็วมากกวาการปลูก ดว ยวธิ กี ารท่ัวไป 2.3 สรา้ งพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารที่ถกู ต้อง การสร้างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้องโดยวิธี ผฉสู บอับน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารของตนเองนับเป็นเร่ือง ท่ียาก ซึ่งต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยเลือกฝึกปฏิบัติพฤติกรรม Teacher’s Guide ทถี่ กู ตอ้ งอยา่ งสมา�่ เสมอ เพอื่ ใหเ้ ปน็ นสิ ยั การบรโิ ภคทด่ี ี และกอ่ ให้ ใหแบงกลุมศึกษา เกิดประโยชนแ์ ก่รา่ งกาย ซ่ึงการสรา้ งพฤตกิ รรมบรโิ ภคท่ถี ูกตอ้ ง IT พฤติกรรมในการบริโภค อ า ห า ร ที่ ถู ก ต อ ง แ ล ะ มีแนวทางปฏิบัติ ดังน้ี เ ต รี ย ม ก า ร นํ า เ ส น อ ในรปู แบบทอลก โชว หรอื รูปแบบอ่ืนๆ ตามความ เหมาะสม พฤติกรรมการบริโภคอาหารเป็นปัจจัยส�าคัญอย่างหน่ึงที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งหากบุคคลมีพฤติกรรมในการบริโภคอาหารท่ีดี จะสง่ ผลต่อการมสี ขุ ภาพดีด้วย 75 75
Teacher’s Guide ครูอาจใหนกั เรียนทําการวิเคราะหพฤติกรรมการบริโภคของนักเรยี นวา มคี วามเหมาะสมหรอื ถกู ตอ งหรอื ไม และสง ผลตอ รา งกายอยา งไร 1) บริโภคอยา่ งฉลาด ปัจจบุ ันคนไทยยงั ประสบปัญหาทาง โภชนาการอยู่มาก เน่ืองจากการมีพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง ซงึ่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทถี่ กู ตอ้ งวธิ หี นงึ่ คอื การบรโิ ภคอยา่ งฉลาด ได้แก่ 1. ในการบริโภคอาหารแต่ละมื้อควรบริโภคพออิ่มด้วย ปรมิ าณทีพ่ อด ี เช่น ขา้ วสวย 1 - 2 ทพั พ ี ผัก 4 - 6 ชอ้ น และ น้�าสะอาด 1 - 2 แกว้ เปน็ ต้น และควรบรโิ ภคใหห้ มดโดยไมเ่ หลอื อาหารขยะหรือฟาสต์ฟู้ด เป็นอาหารท่ี เด็กควรรู ทิง้ ขวา้ ง มีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งควรรับประทาน สามารถยอยได 2. เลือกบริโภคอาหารท่ีดี มีคุณค่าและราคาไม่จ�าเป็น แต่น้อย เพื่อการมสี ขุ ภาพทด่ี ี งายกวาอาหารจําพวก เ น้ื อ สั ต ว ท่ี ใ ห โ ป ร ตี น ตอ้ งแพง เชน่ อาหารประเภทโปรตนี อาจใชเ้ ตา้ หหู้ รอื ถวั่ เมลด็ แหง้ เหมือนกัน แตสําหรับ ผสมรวมกบั เนอื้ สตั ว ์ ควรเลอื กบรโิ ภคอาหารทมี่ อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ หรอื กรดอะมิโนที่จําเปนใน บางชนิดนั้นไมมีในเตาหู หรือถว่ั ดังนน้ั เพื่อใหไ ด ผักพื้นบ้านทีห่ ารบั ประทานไดง้ า่ ย เป็นตน้ สารอาหารทคี่ รบถว นจงึ 3. บรโิ ภคผลไมไ้ ทยแทนของหวาน โดยเฉพาะผลไมท้ ม่ี ี ควรบรโิ ภคควบคกู ันไป ตามฤดกู าล ซง่ึ จะมรี าคาถกู อกี ทงั้ ผลไมไ้ มม่ นี า้� ตาลหรอื นา�้ กะทิ ทท่ี �าใหอ้ ้วนไดเ้ หมือนของหวานด้วย ผฉสู บอับน 4. ลดการบรโิ ภคอาหารแบบกนิ จบุ กนิ จบิ โดยเฉพาะการ บรโิ ภคอาหารในมอื้ ดกึ เพราะอาจทา� ใหเ้ กดิ ภาวะโรคอว้ นไดโ้ ดยงา่ ย เด็กควรรู 5. บรโิ ภคน�า้ สะอาดแทนน้า� อดั ลม ถือเปนสาเหตุที่ 6. เม่ือบริโภคอาหารเข้าไปแล้ว พยายามเค้ียวอาหาร ทําใหอวนงาย และเสี่ยง ชา้ ๆ อยา่ รบี รอ้ น เพราะการเคย้ี วอาหารชา้ ๆ จะทา� ใหร้ สู้ กึ อมิ่ เรว็ การเกดิ โรคกรดไหลยอ น กวา่ การเคย้ี วอาหารแบบปกต ิ เนือ่ งจากรา่ งกายของคนเราจะอมิ่ อันเน่ืองจากการบริโภค เมอื่ บริโภคอาหารไปประมาณ 20 นาที แลวหลับทันที ทําให อาหารซึ่งยังยอยไมหมด ไหลยอ นขน้ึ มาพรอ มกรด 2) บรโิ ภคอยา่ งมสี ติ การบรโิ ภคอาหารเพอ่ื การมสี ขุ ภาพทด่ี ี ในกระเพาะอาหาร จา� เปน็ ตอ้ งบรโิ ภคอยา่ งมสี ต ิ อยา่ ตามใจปากมากเกนิ ไป เพราะอาจ ส่งผลเสียต่อสขุ ภาพได้ ซึง่ หลกั การบรโิ ภคอยา่ งมีสตนิ น้ั ม ี ดังนี้ 1. สามารถทดลองอาหารแปลกๆ ใหมๆ่ ไดเ้ สมอ แตค่ วร คา� นึงถงึ หลกั โภชนาการมากกว่าตามใจปาก 2. รจู้ กั การผอ่ นสนั้ ผอ่ นยาว โดยสามารถกา� หนดรายการ ควรเลือกบริโภคอาหารอย่างมีสติ โดย อาหารแลกเปลย่ี น การรจู้ กั เปรยี บเทยี บ และการทดแทนอาหารได้ ต้องค�านึงถึงคุณค่าทางโภชนาการและ อย่างเหมาะสม อย่าตามใจปากมากเกินไป เพราะการ ตามใจปากอาจก่อใหเ้ กิดภาวะอ้วนได้ 76 76
นักเรียนคิดวาอาหารเชามีความจําเปนตอรางกาย ของเราอยางไร 3. ระลกึ และมสี ตกิ บั สง่ิ ทกี่ า� ลงั บรโิ ภค โดยพยายามเลอื ก ทจี่ ะบรโิ ภค และทา� อะไรทลี ะอยา่ ง ไม่ใชท่ า� ไปพรอ้ มกนั เพราะจะ ท�าให้ไม่ทราบปริมาณอาหารท่ีบริโภคเข้าไปว่ามากน้อยเพียงใด 4. ควรบริโภคอาหารเม่ือเกิดความหิว ไม่ใช่บริโภค เพราะความอยากอาหาร และเมอ่ื รสู้ กึ วา่ หวิ จรงิ ๆ กค็ วรจะบรโิ ภค โดยการเอาใจใส่กับอาหาร ว่าต้องบริโภคปริมาณเท่าไหร่ถึงจะ เพยี งพอตอ่ ร่างกาย 5. ควรบริโภคอาหารอย่างช้าๆ เพราะถ้ายิ่งบริโภค อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่ส�าคัญ ซ่ึงส่งผล อาหารเรว็ เท่าไรกจ็ ะยิง่ ทา� ใหบ้ ริโภคไดม้ ากข้นึ เทา่ นนั้ ให้ร่างกายมีความพร้อมและสมองเกิด 3) บรโิ ภคอาหารมอ้ื เชา้ ซง่ึ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทด่ี ี ความกระปรี้กระเปร่าในการด�าเนินชีวิต เดก็ ควรรู ประจา� วนั ถา หากมีปริมาณ นํ้าตาลในเลือดนอยยอม จะสนบั สนนุ ใหบ้ รโิ ภคอาหารใหค้ รบทงั้ 3 มอ้ื โดยเฉพาะอาหาร ทําใหรางกายออนเพลีย ได มอ้ื เชา้ จดั วา่ เปน็ อาหารมอ้ื สา� คญั ทสี่ ดุ เมอ่ื เทยี บกบั อาหารมอื้ อน่ื ๆ ทงั้ นเ้ี นอื่ งจากชว่ งระยะเวลาทหี่ า่ งจากอาหารมอื้ เยน็ ของเมอ่ื วาน ถึงม้ือเช้าของวันน้ีจะนานมาก จึงมีผลท�าให้ปริมาณสารอาหาร ในเลอื ด เชน่ ปรมิ าณนา�้ ตาลในเลอื ด เปน็ ตน้ ซง่ึ เปน็ แหลง่ พลงั งาน ท่ีส�าคัญของร่างกายมีปริมาณลดน้อยลง นอกจากน้ียังพบว่า ผฉสู บอับน ผทู้ ี่ไมไ่ ดร้ บั ประทานอาหารมอื้ เชา้ นนั้ จะทา� ใหเ้ ลอื ดไหลเวยี นไป เลีย้ งสมองไดไ้ มเ่ พยี งพอ โดยมีผลทา� ใหร้ า่ งกายขาดความพรอ้ ม Teacher’s Guide ในการเรยี น การทา� งาน เฉอ่ื ยชา และไมก่ ระปรกี้ ระเปรา่ เทา่ ทคี่ วร ครูควรเพ่ิมความ เ ข า ใ จ ใ ห นั ก เ รี ย น ว า นอกจากการรับประทาน 3. การกา� หนดรายการอาหารทเี่ หมาะสมกบั วยั IT อาหารท่ีหลากหลายและ เหมาะสมแลว ยังควรท่ี อาหารเปน็ สง่ิ จา� เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย และ จะออกกําลังกายอยาง การไดร้ บั สารอาหารทเี่ หมาะสมตามความตอ้ งการของรา่ งกายใน สมา่ํ เสมอเพอื่ ความสมดลุ แตล่ ะวยั จะทา� ใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โตและมพี ฒั นาการทเ่ี หมาะสม ของการทํางานตางๆ ใน รางกาย การก�าหนดรายการอาหารเป็นการก�าหนดอาหารที่จะ บรโิ ภคไว้ลว่ งหน้า โดยอาจเปน็ 1 วนั 1 สัปดาห์ หรอื 1 เดอื น ขน้ึ อยกู่ บั วตั ถปุ ระสงคข์ องผกู้ า� หนด เพอื่ ใหเ้ กดิ ความหลากหลาย ไม่ซ�้าซาก ซึ่งการก�าหนดรายการอาหารที่เหมาะสมกับวัยท่ีจะ ลบั สมอง เพราะเหตุใดจึงต้องมีการก�าหนด กล่าวถงึ ไดแ้ ก่ อาหารวยั ทารก วัยเดก็ (วัยก่อนเรียน วัยเรยี น) รายการอาหารให้เหมาะสมกบั วยั วยั รนุ่ วยั ผใู้ หญ่ และวยั สูงอายุ 77 77
IT คน หาขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั อาหารทเี่ หมาะสมกบั วยั ทารกไดท ่ี www.panyathai.or.th เวบ็ ไซตโ รงพยาบาลพญาไท เพราะเหตใุ ดเดก็ 3.1 อาหารสา� หรบั วยั ทารก (แรกเกดิ - 2 ปี) วยั ทารกชว ง 6 เดอื นแรก วัยทารกเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย จึงควรที่จะด่ืมน้ํานมแม จติ ใจ อารมณ ์ สงั คม และสตปิ ญั ญาอยา่ งรวดเรว็ และเปน็ ไปอยา่ ง เพียงอยา งเดยี ว สม่�าเสมอ ซึ่งทารกจะเจรญิ เตบิ โตไดด้ ีและมพี ัฒนาการทส่ี มวยั กต็ อ่ เมอื่ ไดร้ บั สารอาหารทเ่ี หมาะสมกบั ความตอ้ งการของรา่ งกาย เด็กควรรู ในช่วงระยะ 6 เดือนแรก ทารกควรได้รับน�้านมแม่ ซ่ึงนอกจากจะ เพยี งอย่างเดยี ว เพราะเป็นอาหารทด่ี ที ่ีสดุ ของทารก โดยนมแม่ มีสารอาหารที่ครบถวน ถอื เปน็ อาหารทส่ี ะอาด และมสี ารอาหารตา่ งๆ ครบถว้ นทง้ั โปรตนี แลว การดม่ื นมแมย งั ชว ย วิตามนิ และแรธ่ าตตุ า่ งๆ นอกจากน้ีโคลอสตรัมหรอื หัวน้�านม สรา งความสมั พนั ธท ดี่ ใี ห ที่เด็กได้รับเมื่อแรกคลอดก็เป็นสารอาหารส�าคัญที่ช่วยสร้าง นมแมเ่ ปน็ อาหารทมี่ สี ารอาหารครบถว้ น แกทารกและแม และยงั ภมู คิ ุม้ กนั โรค อีกทง้ั มีฮอร์โมนและสารกระตนุ้ การเจริญเตบิ โต และนบั ไดว้ า่ เปน็ สารอาหารสา� คญั ทชี่ ว่ ย ชวยใหพัฒนาการในการ ของสมองซง่ึ มผี ลตอ่ การพฒั นาระดบั สตปิ ญั ญาของทารกอกี ดว้ ย สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหแ้ กท่ ารก เจริญเติบโตเปนไปอยาง สมบรู ณค รบถวน ส�าหรับการให้อาหารอ่ืนนอกจากน้�านมแม่แก่เด็กทารก ในระยะ 6 เดอื นแรกน ้ี อาจทา� ใหเ้ กดิ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพของทารกได้ ผฉูส บอับน เช่น ท้องอืด เนอื่ งจากกระเพาะอาหารยงั ไมพ่ ร้อมรับอาหารอน่ื อีกทั้งยังท�าให้ทารกรับประทานนมแม่ได้น้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ ทารกนั้นได้รบั สารอาหารที่ได้จากนมแมน่ อ้ ยกวา่ ทค่ี วร เปน็ ต้น การก�าหนดรายการอาหารท่ีเหมาะสมส�าหรับวัยทารก (แรกเกดิ - 2 ป)ี สามารถก�าหนดได้ ดังตาราง ทารกจะเจรญิ เตบิ โตไดด้ แี ละมพี ฒั นาการทส่ี มวยั กต็ อ่ เมอ่ื ไดร้ บั สารอาหารทเี่ หมาะสมและเพยี งพอกบั ความตอ้ งการของรา่ งกาย 78 78
Teacher’s Guide ใหนักเรยี นแบง กลมุ กาํ หนดรายการอาหารของทารกตัง้ แตแรกเกิด - 2 ป โดยใหน ักเรียนเลอื กดดั แปลงจาก ตารางแสดงตวั อยางรายการอาหารของทารก รายการอาหาร ที่เหมาะสมส�าหรับ วัยทารก (แรกเกดิ - 2 ปี) เดก็ ควรรู เปย มไปดวยสาร อายุ รายการอาหาร เบตาแคโรทนี วติ ามนิ เอ ซงึ่ ชว ยบาํ รงุ สายตา อกี ทง้ั 0-6 เดือน นมแม่เพียงอยา่ งเดียว โดยไม่ต้องให้อาหารอืน่ แมแ้ ต่น้�า ยงั มใี ยอาหารทช่ี ว ยในการ ขบั ถา ยดว ย 7 เดือน มื้อเ ้ชา นมแม+่ อาหาร 1 มอ้ื ขา้ ว 4 ชอ้ น บดกบั ไขต่ ม้ 1 ฟอง และผสมฟกั ทอง 1 ชอ้ น มะละกอสกุ หัน่ ชิ้นเลก็ ๆ 2 ช้นิ 8-9 เดอื น ้มือเ ้ชา ข้าว 5 ชอ้ นบดกบั กลว้ ยน�้าวา้ ถั่วเขยี ว 4 ช้อน นมแม่+อาหาร 2 ม้ือ IT 1 ผล 10 เดือน-1 ปี มื้อเย็น มะละกอสุก ผฉูสบอับน 3 ชนิ้ นมแม่+อาหาร 3 มื้อ ้ืมอเ ็ยน ้ืมอกลางวัน ืม้อเช้า ืม้อเย็น ้ืมอกลางวัน ื้มอเช้า ขา้ ว 5 ชอ้ น บดกบั เนอ้ื ปลา 2 ชอ้ น และผสมผกั สกุ บด 2 ชอ้ น นา้� สม้ ค้นั 1 ผล เด็กควรรู 2 ปี ขา้ ว 5 ช้อน เปน แหลง วติ ามนิ เอ ไข่ตม้ 1 ฟอง ผลไมต้ ามฤดูกาล ทหี่ าไดง า ย ราคายอ มเยา นมแม่+อาหาร 3 มื้อ 4 ช้นิ อีกทั้งยังชวยตานโรค ขา้ วต้ม 3/4 ถ้วย มะละกอสุก มะเรง็ และสามารถนาํ มา ไก่ 1-2 ช้อน 4 ชน้ิ รกั ษาอาการทอ งผกู รกั ษา โจก๊ 3/4 ถ้วย แผลสด แผลไฟไหม เปน ยา ผสมกบั ฟกั ทอง ขบั พยาธิ ใชแ กโ รคปวดขอ 2 ช้อน ไดอ กี ดว ย ข้าวสวย 1/2 ถว้ ย น�้าสม้ คั้น 2 ผล แกงจืดเตา้ หู้ ขา้ วสวย 1/2 ถว้ ย กล้วยน้า� วา้ 79 หมทู อด 1 ผล โจ๊ก 3/4 ถ้วย ผสมกบั ผักสุก IT 2 ช้อน มะละกอสุก 4 ชิ้น 79
มอี าหารประเภท 3.2 อาหารสา� หรบั วัยก่อนเรยี น (3 - 6 ป)ี ใดบางที่จําเปนตอเด็กที่ วัยก่อนเรียน เป็นช่วงท่ีเด็กก�าลังเจริญเติบโต โดย อยูในชว งวัยกอนเรียน จะมกี ารเปลย่ี นแปลงทางด้านร่างกายทคี่ อ่ นขา้ งช้าเมอ่ื เทียบกบั วัยทารก แต่จะเป็นไปอย่างสม่�าเสมอ ซ่ึงอาหารส�าหรับเด็ก เด็กควรรู วยั กอ่ นเรียนทีค่ วรไดร้ บั น้ัน แบง่ ออกเปน็ 2 ช่วงอาย ุ ดังน้ี เนื่องจากมีสวน 1) เด็กวัยก่อนเรียนระยะแรก อายุ 3 ปี ในช่วงนี้ควรให้ ชวยในการเจริญเติบโต เดก็ รบั ประทานนมผง นมสด นมถว่ั เหลอื ง โดยใหเ้ ดก็ รบั ประทาน และเปน สว นประกอบสาํ คญั นมจนติดเปน็ นสิ ยั พร้อมกับเสรมิ อาหารท่เี น้นโปรตีนใหก้ ับเดก็ ของกลามเนื้อตางๆ ใน และควรใหเ้ ดก็ รบั ประทานอาหารใหค้ รบ 3 มอ้ื ในปรมิ าณทเี่ พยี งพอ รางกาย 2) วยั กอ่ นเรยี นระยะทส่ี อง ชว่ งอายรุ ะหวา่ ง 4 - 6 ป ี ชว่ งน้ี วัยก่อนเรียน เป็นวัยก�าลังเจริญเติบโต เดก็ จะสามารถรบั ประทานอาหารไดใ้ นปรมิ าณทมี่ ากขน้ึ ควรให้ ควรให้เด็กรับประทานนมจนเป็นนิสัย เด็กรับประทานอาหารที่ให้พลังงานอย่างเพียงพอ และควรเพิ่ม พรอ้ มกบั รบั ประทานอาหารทใี่ หพ้ ลงั งาน อาหารวา่ งวนั ละ 1 - 2 มอ้ื นมสดหรอื นมถว่ั เหลอื งวนั ละ 1 - 2 แกว้ อยา่ งเพยี งพอ ผฉูสบอับน ตวั อยา่ ง รายการอาหารสา� หรบั วยั ก่อนวัยเรยี น (3 - 6 ป)ี ใน 1 วัน Teacher’s Guide ไข่ลวก นา�้ เกก๊ ฮวย ข้าวสวย ปล21าตทวั ูทอด ใหแ บง กลมุ ศกึ ษา 1 ฟอง 1 แกว้ 1 ถ้วย แกงจืด ถึงการกําหนดรายการ ข้าวตม้ กงุ้ กลว้ ยทอด 1 ถ้วย อาหารทเ่ี หมาะสมสาํ หรบั 1 ชาม 3-4 ชน้ิ วยั กอนเรียน ในประเดน็ มะละกอสุก พฒั นาการตามวยั ทม่ี ผี ล เชา้ อาหารวา่ ง กลางวนั เยน็อาหารวา่ ง 1 ชนิ้ ตอความตอ งการอาหาร ก่อนนอน 1 วนั ท่ีแตกตาง โดยนักเรียน ข้าวต้มมัด นมสดจืด ก๋วยเต๋ยี ว สามารถเชื่อมโยงความ ไสก้ ล้วย 1-2 กลอ่ ง เสน้ ใหญ่ไก่ตนุ๋ นมสดจดื 1 กลอ่ ง เขาใจกบั เน้ือหาในหนวย 1 ช้ิน การเรียนรูที่ 1 เร่ืองวัย 1 ชาม และการเปลี่ยนแปลง นา้�ถต่ัวาเขลยี 21วตถม้ ้วย 80 80
IT คน หาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั โภชนาการของวยั เดก็ ไดท ่ี www.horapa.com Teacher’s Guide 3.3 อาหารสา� หรบั วยั เรียน (7 - 12 ปี) ครูอาจมีตัวอยาง ผลิตภัณฑอาหารที่ระบุ อาหารนับเป็นปัจจัยส�าคัญส�าหรับเด็กวัยเรียนมาก ปรมิ าณพลงั งานทไ่ี ดร บั ตอ เนอ่ื งจากเปน็ วยั ทม่ี พี ฒั นาการดา้ นการเจรญิ เตบิ โตในทกุ ระบบ ซง่ึ ทาง หน่ึงหนวยบริโภค โดย ฝกใหนักเรียนรูจักสังเกต กอ นเลอื กซอ้ื สนิ คา บรโิ ภค กองโภชนาการ กรมอนามัย ได้จัดอาหารส�าหรับเด็กวัยเรียน เพอื่ ใหใ หท ราบถงึ ปรมิ าณ โดยกา� หนดคา่ พลงั งานทเ่ี ดก็ วยั เรยี นควรไดร้ บั ในแตล่ ะวนั ประมาณ พลงั งานทเี่ หมาะสมทค่ี วร 1600 กิโลแคลอรี และจดั ให้เด็กรบั ประทานอาหารใหค้ รบ 3 มื้อ บรโิ ภค หลากหลายในแต่ละหมวด วัยเรียนเป็นช่วงวัยที่มีการเจริญเติบโต เดก็ ควรรู การก�าหนดรายการอาหารที่เหมาะสมส�าหรับวัยเรียน ในทกุ ระบบ จงึ ควรใหเ้ ดก็ หลกี เลย่ี งลกู อม เปนหนวยของ น�า้ อดั ลม และขนมขบเค้ยี วต่างๆ เพ่ือ (7 - 12 ปี) ใน 1 วัน ดังตวั อยา่ ง การมสี ขุ ภาพทดี่ ี ตัวอย่าง รายการอาหารส�าหรบั วยั เรียน (7 - 12 ป)ี ใน 1 วัน พลงั งานทมี่ กั จะระบอุ ยใู น ผลติ ภณั ฑอ าหาร ซงึ่ ยงั มหี นว ยพลงั งานอน่ื ๆ เชน 1-ข1้า21วสถว้วยย จลู กโิ ลจลู เปน ตน 1-ข1้าว21สถวว้ ยย หมูทอด ไกผ่ ดั ขงิ 2 ชอ้ นโตะ๊ 1 ถ้วย กล้วยไข่ น�า้ สม้ คนั้ สม้ เขยี วหวาน ผฉสู บอับน 2 ผล 1 แกว้ 1 ผล แกงจืด ขนมถวั่ แปป แกงจดื ลกู ชิ้นปลา 3 ชิ้น วุ้นเส้นหมสู ับ ผักกาดขาว 1 ถ้วย 1 ถ้วย ITเชา้ อาหารว่าง กลางวัน เยน็อาหารว่าง กอ่ นนอน 1 วัน ข้าวผดั กงุ้ 1 จาน นา้� ตะไคร้ ไขด่ าว 1 ฟอง 1 แก้ว นา�้ถตั่วาเขลยี 21วตถม้ ว้ ย ทองมว้ น นมสดจืด 1 แกว้ 5 ช้นิ 81 81
นั ก เ รี ย น คิ ด ว า 3.4 อาหารส�าหรับวัยรุ่น (13 - 25 ปี) วัยรุนเชนนักเรียนนั้น วยั รนุ่ เปน็ ชว่ งวยั ทร่ี า่ งกายมกี ารเจรญิ เตบิ โตเกดิ ขน้ึ อยา่ ง ต อ ง ก า ร พลังงานทํา รวดเรว็ รา่ งกายจงึ จา� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั สารอาหารทคี่ รบถว้ นทง้ั 5 หม่ ู กิจกรรมมากนอยเพียง ในปริมาณท่ีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ใด และอาหารประเภทใด โดยในอาหาร 1 อยา่ งน้นั อาจประกอบไปดว้ ยสารอาหารทเ่ี ป็น ทเ่ี หมาะสมตอชวงวัยนี้ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกายมากกวา่ 1 ชนดิ ทง้ั น ี้ กรมอนามยั ไดแ้ นะนา� วัยรุ่นไทยว่า ควรที่จะได้รับพลังงานในแต่ละวันประมาณ 2000 วยั รนุ่ ควรดม่ื นมวนั ละ1 -2 แกว้ ซงึ่ อาจ Teacher’s Guide กิโลแคลอรี เปน็ นมววั หรอื นมถว่ั เหลอื งก็ได้ เพอ่ื ชว่ ย ครูอาจจะถามถึง การก�าหนดรายการอาหารที่เหมาะสมส�าหรับวัยรุ่น เสรมิ สรา้ งกระดกู และฟนั ใหแ้ ขง็ แรง รายการอาหารทน่ี กั เรยี น รับประทานในแตละวัน (13 - 25 ป)ี ใน 1 วัน สามารถก�าหนดได้ ดงั ตวั อยา่ ง เพ่ือใหนักเรียนวิเคราะห ดูวาอาหารแตละอยาง ตวั อย่าง รายการอาหารส�าหรับวยั รุน่ (13 - 25 ปี) ใน 1 วัน มีสารอาหารครบถวน หรือไม ข้าวสวย ไขเ่ จียว ขา้ วสวย ยา� วนุ้ เสน้ 2 ทพั พี 1 ฟอง 3 ทัพพี 1 ถ้วย ผฉูส บอบั น มะละกอ น�า้ ส้มค้ัน 6-8 ชนิ้ ค�า 1 แกว้ ผัดพริก ส้มเขยี วหวาน แกงจดื ผดั ผกั รวม ถ่ัวฝักยาวหมูสบั 1 ผล 1 ถว้ ย 1 ถว้ ย 1 ถว้ ย เชา้ อาหารวา่ ง กลางวัน เย็นอาหารว่าง ก่อนนอน 1 วนั ขนมปงั ทาเนย ก๋วยเต๋ียวไก่ นมสดจืด 1 แกว้ 2 แผ่น 1 ถว้ ย นมสด กล้วยบวชชี 1 แก้ว 1 ถ้วยตวง 82 82
3.5 อาหารสา� หรบั วยั ผ้ใู หญ่ (26 - 59 ป)ี สา� หรับผใู้ หญ่ท่มี ีรา่ งกายเล็ก ใหญ่ เดก็ ควรรู วัยผู้ใหญ่เป็นวัยที่ร่างกายหยุดการเจริญเติบโต แต่มี หรือท�างานหนกั สามารถปรับ ความสามารถ การรักษาสมรรถภาพการท�างานของร่างกายให้เป็นปกติเม่ือ เปลีย่ น ลด หรอื เพิ่มปรมิ าณ ของรางกายที่ใชในการ อาหารใหเ้ หมาะสมกบั รา่ งกายของ ประกอบการงาน หรือ ทํากิจกรรมไดเปนอยาง ดี และมปี ระสิทธิภาพ มีอายุมากขึ้น เพ่ือให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและปราศจาก ตนเองได้นะครับ โรคภัยไข้เจ็บ ดังน้ันร่างกายของผู้ใหญ่จึงต้องการสารอาหาร อย่างครบถว้ นเพ่อื ท�านุบ�ารงุ อวัยวะและเนือ้ เยื่อต่างๆ ในรา่ งกาย ใหค้ งสภาพการทา� งานท่มี ีสมรรถภาพต่อไป กองโภชนาการ กรมอนามัยได้แนะน�าให้ผู้ใหญ่ท่ีมี สขุ ภาพปกตริ บั ประทานอาหารตา่ งๆ ใหค้ รบท้งั 5 หมู่ และให้ ไดส้ ัดสว่ นทเ่ี หมาะสม ดงั ตัวอย่าง IT ตวั อยา่ ง รายการอาหารส�าหรบั วัยผู้ใหญ่ (26 - 59 ปี) ใน 1 วัน ข้าวกล้อง 2 ทพั พี ข้าวต้มก้งุ น�้าใบเตย ไขต่ ม้ น้�าพริกหน่มุ ผฉูสบอับน 1 ชาม 1 แกว้ 1 ฟอง 1 ถว้ ยตวง กลางวัน ข้าวตม้ มัด แกงจดื มะละกอ ผกั ไส้กลว้ ย ผกั กาดขาว 6-8 ช้นิ ค�า ใบเขยี วสด 1 คู่ 1 ถว้ ย 1 ถ้วย อาหารวา่ ง นมสด ฝรั่ง 1 แกว้ ขนมจนี 21 ผล แกงเขยี วหวาน เช้า อาหารว่าง เย็น 1 วัน 1 จาน นา้� สม้ คั้น เดก็ ควรรู 1 แก้ว เปน แหลง วติ ามนิ ซี ท่ีสําคัญ ซึ่งมีปริมาณ ขนมไข่ ของวิตามนิ ซมี ากกวา สม 2 ช้ินเล็ก ชวยเสริมสรางภูมิคุมกัน และลดโอกาสในการเปน หวดั ได 83 83 IT
Teacher’s Guide ในวัยสูงอายุจะ ครูอาจใหน ักเรยี นรว มกันคิดวามีโรคใดบา งทม่ี ักเกิดขน้ึ ในวยั สูงอายุ และควร มีการใชพลังงานมาก ระมัดระวงั เรื่องการรับประทานอาหารอยางไร นอยเพียงใด และอาหาร ประเภทใดที่นาจะเหมาะ กับวัยสงู อายุ 3.6 อาหารสา� หรบั วยั สงู อายุ (60 ปี ขนึ้ ไป) วัยสูงอายุเป็นวัยท่ีมีการเปล่ียนแปลงไปสู่สภาพของ ความเสอื่ มของสงั ขาร การรบั ประทานอาหารใหถ้ กู หลกั โภชนาการ จึงเป็นสิ่งจ�าเป็น ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มคี วามตา้ นทานโรคสงู และชว่ ยใหเ้ ซลล์ตา่ งๆ เปล่ียนแปลงและ เส่อื มสลายช้าลงได ้ IT หาขอมูลเพิ่มเติม ผสู้ งู อายจุ ะมคี วามตอ้ งการอาหารและสารอาหารเชน่ เดยี ว เกยี่ วกบั เรอ่ื งโภชนาการ กบั คนวัยอืน่ ๆ แตจ่ ะมคี วามแตกต่างกนั ในเรอื่ งของลักษณะและ สําหรับผูสูงอายุไดที่ ปรมิ าณทล่ี ดลงจากวยั ผใู้ หญ่ เพราะมกี จิ กรรมตา่ งๆ นอ้ ยลง โดย www.lib.ru.ac.th ผสู้ งู อายคุ วรไดร้ บั พลงั งานในแตล่ ะวนั ประมาณ 1600 กโิ ลแคลอร ี เว็บไซตสํานักหอสมุด และควรหลีกเลี่ยงอาหารท่ีมีรสเค็มจัด หวานจัด และเผ็ดจัด ผสู้ งู อายคุ วรหลกี เลยี่ งอาหารทม่ี รี สชาติ กลาง มหาวิทยาลัย เคม็ จดั หวานจดั และเผด็ จดั รวมไปถงึ รามคาํ แหง ซึ่งในวนั หนง่ึ ๆ ผูส้ ูงอายคุ วรได้รบั อาหาร ดงั ต่อไปนี้ อาหารประเภททมี่ กี ะทใิ นปรมิ าณมากๆ ตวั อย่าง รายการอาหารสา� หรบั วัยสูงอายุ (60 ปี ขน้ึ ไป) ใน 1 วัน ผฉูสบอับน ข้าวสวยหุงนม่ิ ข้าวต้มปลา 1 จาน 1 ชาม ขนมเปียกปูน 1-2 ชิน้ ผัดเปร้ยี วหวานไก่ นา�้ ใบเตย มะละกอสกุ น้า� ขงิ อ่นุ ๆ 1 จาน 1 แก้ว 6-8 ชิน้ คา� 1 แก้ว เชา้ อาหารวา่ ง กลางวนั เยน็อาหารว่าง กอ่ นนอน 1 วนั ก๋วยเต๋ียว ผัดซอี ๊ิว 1 ชาม ส้มเขยี วหวาน นมสดจืดอุน่ ๆ 1 แกว้ 1 ผล ฝรง่ั 21 ผล 84 84
อาหารเป็นสิ่งจ�าเป็นต่อการช่วยเสริมสร้างร่างกายให้มีการเจริญเติบโต และการมีสุขภาพท่ีดี ถ้าร่างกายได้รับอาหารท่ีถูกต้องเหมาะสมกับวัย ตามหลัก โภชนาการ รวมถึงได้มีการก�าหนดรายการอาหารให้เหมาะสมกับวัยในแต่ละวันนั้น กจ็ ะส่งผลให้ร่างกายมีภาวะโภชนาการทด่ี ี ในทางตรงกนั ข้าม หากบคุ คลละเลยทีจ่ ะ ใส่ใจในการเลอื กบรโิ ภคอาหาร ตลอดจนการกา� หนดรายการอาหารของตนเองและ ครอบครวั ในแต่ละวนั แล้ว อาจส่งผลให้มีภาวะโภชนาการทไ่ี ม่ดี ซงึ่ ก่อให้เกดิ ปัญหา ต่อสุขภาพตามมา ผฉูสบอับน ฝึกคิด ฝกึ ท�ำ 1. ครทู า� สลากวยั ตา่ งๆ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ทง้ั หมด 6 กลมุ่ โดยสง่ ตวั แทนออกมาจบั สลาก จากนนั้ นา� สลากวยั ทไี่ ดม้ ากา� หนดรายการอาหารวา่ ควรรบั ประทานอาหารในแตล่ ะวนั อยา่ งไรใหเ้ หมาะสมกบั วยั ลงในกระดาษ A4 แล้วน�าส่งครูผู้สอน 2. ให้นักเรยี นแต่ละคนสา� รวจภายในครอบครัวของตนเองว่ามวี ัยใดบ้าง หลงั จากนน้ั ให้นกั เรยี นกา� หนด รายการอาหารทีค่ วรรับประทานในแต่ละวันให้เหมาะสมในแต่ละวยั ท�าเป็นรายงานส่งครูผู้สอน 85 85
แบบฝึกทักษะพฒั นาการเรียนรู้ ตอนท่ี 1 ใหน้ กั เรยี นค�ำ นวณห�ค�่ พลงั ง�นทร่ี �่ งก�ยของนกั เรยี นควรไดร้ บั ใน 1 วนั ใหถ้ กู ตอ้ ง จ�กนนั้ ใหก้ �ำ หนดร�ยก�รอ�ห�รทน่ี กั เรยี นควรรบั ประท�นในแตล่ ะวนั ใหเ้ หม�ะสม มฐ./ตัวช้วี ัด พ 4.1 (ม.3/1) เพศ อายุ BMR BMR (ป)ี (แคลอรี/กิโลกรัม) factor 10 - 12 36.5 1.75 13 - 15 32.5 1.68 ชาย 16 - 19 27.5 1.60 ชอื่ - สกลุ .....น....�้า..ท....ิพ...ย...์......ส....ด...ใ..ส................................. 20 - 29 27.0 1.78 อายุ ปี15............................................................................. นา�้ หนกั กโิ ลกรมั45....................................................... 30 - 50 26.8 1.78 ปรมิ าณพลงั งานทรี่ า่ งกายตอ้ งการใน 1 วนั 60 ขนึ้ ไป 21.9 1.78 = BMR x น้�าหนักตัว (กิโลกรมั ) x BMR factor .=.....2...8.....5....x....4..5.....x....1....5..9................................................... 10 - 12 33.0 1.64 กโิ ลแคลอรี.=.....2...,.0...3..9.....1..7...5....................................... ผฉูส บอบั น 13 - 15 28.5 1.59 หญงิ 16 - 19 25.5 1.53 20 - 29 24.6 1.64 30 - 59 25.3 1.64 60 ขนึ้ ไป 22.4 1.64 การก�าหนดรายการอาหารทเ่ี หมาะสมใน 1 วัน .ม...ื้อ..เ..ช..้า.................:......ข..า้..ว..ส....ว..ย.....2....ท...ัพ...พ....ี ...ไ..ข..เ่..จ...ีย..ว....1......ฟ...อ...ง......ผ...ดั ...พ...ร...กิ ...ถ...ว่ั..ฝ...ัก...ย...า..ว..ห....ม..ูส....ับ.......1.....ถ...ว้..ย...................................... น�า้ สม้ คัน้ 1 แก้ว................................................................................................................................................................................................................... .อ...า..ห...า...ร..ว...า่ ..ง..........:.....ข...น....ม..ป....งั ..ท....า..เ..น...ย.....2....แ...ผ...่น.......น....ม...ส...ด......1....แ..ก...้ว..................................................................................................... .ม...้ือ...ก...ล...า...ง..ว...นั ........:.....ก....ว๋ ..ย...เ..ต...ย๋ี ...ว..ไ..ก....่ .1....ถ...้ว...ย......ก....ล...ว้..ย...บ....ว..ช...ช..ี..1....ถ...ว้...ย...ต...ว..ง.......................................................................................... .ม...้อื ...เ.ย...น็ .................:......ข..้า...ว..ส....ว..ย....3.....ท...ัพ....พ...ี....ย...�า..ว..นุ้....เ.ส....้น.....1....ถ...ว้...ย......แ...ก...ง...จ...ดื ...ผ...กั ...ก...า...ด...ข..า..ว.....1....ถ...้ว..ย................................................... ..................................ผ...ดั...ผ...กั....ร...ว..ม.....1....ถ...้ว..ย.......ส...้ม...เ.ข...ยี ...ว..ห...ว...า..น......1....ผ..ล.......ม...ะ..ล....ะ..ก...อ.....6.....-....8....ช...น้ิ....ค...�า.............................................. กอ่ นนอน : นมสด 1 แก้ว................................................................................................................................................................................................................ ...พิจารณาจากคา� ตอบของนกั เรยี น โดยอยู่ในดุลยพินิจของครูผ้สู อน... 86 86
ตอนที่ 2 ให้นักเรียนเขียนอ�ห�รต�่ งๆ ที่เหม�ะสมสำ�หรับวัยผู้ใหญ่ลงในแผนผังท่กี �ำ หนดให้ อาหารสา� หรับวัยผู้ใหญ่ เสรมิ สร้างซอ่ มแซม ใหพ้ ลังงาน ควบคุมการทา� งาน ผฉูสบอับน .1.......เ..น...้ือ...ส....ัต...ว...์ต...า่..ง...ๆ.....ค...ว..ร...ไ..ด....ร้ ...ับ........ .1.......ข...า้ ..ว..ส....ว..ย.....บ....ะ..ห...ม...ี่..ก...ว๋...ย...เ.ต....๋ยี ..ว........ .1.......ผ...ัก...ใ...บ...เ..ข..ยี ...ว..ส....กุ .....1../...2....ถ....้ว..ย........... .......ว..นั....ล....ะ....1..0...0.....ก...ร...มั .....(..1....ข..ีด....)......... .......ห...ร...อื...ข...น....ม...จ...ีน.....3.....จ...า..น................... .......ห...ร...อื...ผ...ัก....ใ..บ...เ..ข..ยี...ว...ส...ด.....1....ถ....ว้ ..ย....... .2.......น....ม.....ค...ว...ร..ไ...ด...้ร...บั ...ว...นั ....ล...ะ....1....แ...ก...ว้... .2.......น....�้า..ต....า..ล.....2.....ช..้อ...น....โ..ต...๊ะ.................... .2.......ผ...ล...ไ..ม..จ.้ ..า�..พ....ว..ก...ส...ม้.....1.....ผ...ล.....(..เ.ล...ก.็ ...). .3.......ไ..ข...่ ..ค...ว..ร...ไ..ด....ร้ ...บั ...ว...ัน...ล....ะ....1....ฟ...อ...ง..... .3.......น....้�า..ม...นั....ห...ม...ู..น....�้า..ม...นั....พ....ชื ....ห...ร...อื........ .......ห...ร...ือ...น....�้า..ผ...ล....ไ..ม...้ ..1../..2...-..1....แ...ก...ว้........ .......ห...ร...อื...ส....ัป...ด....า..ห...์ล....ะ....3..-...4....ฟ....อ...ง....... .......ก...ะ...ท...ิ..2....1.../..2...-..3.....ช..้อ...น....โ..ต....ะ๊ ........... .3.......ผ...ัก...อ...น่ื....ๆ.....ผ...กั ...ห...วั.....ด...อ...ก.....ผ...ล.......... .4.......อ...า..ห....า..ร...ท...ะ...เ.ล...ส....ัป...ด....า..ห...์ล....ะ............ .4.......เ..ผ..ือ...ก....ห...ร...ือ...ม...ัน......1....ห...ัว...เ.ล...็ก............. 1/2 ถว้ ย............................................................... .......1..-...2....ค....ร...ั้ง........................................ .4.......ผ...ล...ไ..ม..อ.้ ..น่ื....ๆ....อ..ก.ี ....1....ผ...ล....(..ผ...ล...เ.ล...ก.็ ..).. ............................................................... .......ห...ร...อื.....1....ช...นิ้ ......(.ผ...ล....ใ..ห...ญ....)่............... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ...พิจารณาจากค�าตอบของนกั เรียน โดยอยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน... 87 87
55แบบทดสอบหนว่ ยที่ 1 ค�ำ ชแ้ี จง ใหน้ กั แเบรบยี ทนเดลสอื อกบคหำ�นตว่อยบทท่ี ่ถี 1ูกตอ้ งท่ีสดุ เพียงค�ำ ตอบเดยี ว 1. กอา. ห คำ� าชชร้แีว่ จมยง1.ีคใ ใหหกอว้นา.า ร้ หักมา่เาชรร่วงียสมยนกคีใา�เหลวาคา้รือยม่ากัญงสคมกา��ำาอคตีเยรญัอยมบี่ยอีเา่ทรยวี่ยง่ีถา่ วกูแงไแไตรรรรอ้ งงงมทมาส่ี กดุาขเกพ้ึนยี ขงค้นึ ำ� ตอบเดียว ขค.. ชช่วว่ ยยใใ หหงขค... ร้้ร ่าา่ชชชว่ว่่วงงยยยกกใใใหหหาาร้้ร้รยย่า่า่างงงสรกกกู้สาาาายยยึกมสรเจู้สาการึกมญิ รรกาเรรถะตถะปิบปดดโร�ารต�าีก้เแน้ีกรเละนินรเะชปซะินีวร่อิตเา่ ชมปตแ่อวี รซไิตป่ามไสตด่ว้อ่นทไ่สี ปกึ หไรดอ้ ง. ชว่ ย2.ใ หขก.้อ ้รใดา่ดไ่มืงมนก่ใชมา่ขใหย้อเ้ปหเฏจมิบารตัะิญสกิ มารเตบตารมิบโิ วภัยโคตอาแหลาระเพซอื่ อ่สุขมภาแพซทด่ีมขี สอง่วคนนไททย่ีส 9ึก ปหระรกอาร 2. ขอ้ ใ ดไมใ่ ชขข่. อ้ รบัปปฏระทบิ าตันอกิ าาหารรบตารมโิทภีต่ ้อคงกอาารหารเพอื่ สขุ ภาพที่ดีของคนไทย 9 ประการ ก. ดื่มน มคง..ใ หงร้เดบั หหปรรมือะทลาาดะนเคอสรา่อืมหงาตดรืม่ทาทมี่ มม่ีีไขีแวมอัยนัลกแอตฮ่พออลค์วร ขค.. งรดบั หป3.ร รตคกือะา..ท ลมหเขาดน้าลน้อืวเักส คธอแัตงรปวาโภ์ ง้่ือหไ ชขงนา่ ดาถรก่ัวมื่ ตา แรทา ล ะมอม่ี นาทมหีแ าี่ตอรป้อลรงะกเกภอทาฮใรดงขอท.. ลรี่ ่า ผน์งกั�า้กมแายลันตะ ผนอ้ ล้า�งกตไมาารล ้ ใ นเกปลรอืิมาณมากทส่ี ดุ งต.า ม หรบั ลปกั4. รธ ขกกะงา..ท โร เภ มรลาาีใอืชนคหกาบ้นบอถรรูกาาโิโิภแภกหลคคะตาาอหลารราอห ซทดา อ้ืทรี่มไอตั้งดาปาีไ้งมี่าขหธยรมารมรันชปาแตรติมะขีพ่ เ้อภดออีทคยา่ใวงดรไรทร่ี ่างกายตอ้ งการในปรมิ าณมากทีส่ ดุ 3. กค.. เขน้าอ้ืว5ส. แัตงคเพ..ป วร า ์ ้งชระ่าไ่วเ งหยขกใตาห่ ใุยดร้ถส่าในาง่วั มกก าาาแยรรถบบลยรริโ่อิโะภภยนคคแไอลมดาะ้งหด ่าาดูยรซจึมึงไคดวง้รา่เคย้ยี วอาหงขาร..อ ย ่า ผงนชกัา้�า้ ๆมแ ลนั ะ ผนล้า� ตไมา้ ล เกลอื ผฉูสบอับน 4. การ เลอื ก บขก.ร. โิ ททภ�า�าใใคหหอข้้รูส้ับาึกถหอา่ ิ่มยาเไรดร็ว้สตกะวดา่าวปมกกธติรรมชาตมิ ีข้อดีอย่างไร ก. มีให้บ คร. ิโ ภ สาคมาตรถลลอดคดวทามั้งอว้ปนีไดด้ ี ข. ราค6า. ถงเพ. กู ร า แทะ�าเลหใหตะรุ้ใหับดทปาราซะรทกอื้ แานรไกอดเากหง้ ดิ า่า ร-ยไ 6ด ้เเยดอือะนๆ จงึ ควรรบั ประทานนมแม่แตเ่ พียงอยา่ งเดียว งค.. ชร่าว่ งยกใ าหคขกย... ร้ ส่านททามงาารรแมกกกมยกาา่ปรงั ยรระไะมเถบพหม่ ายยรีฟะดั โิเนัอ่ ลภไใก็ยนม คก่ตแยาอ้ังไรลงรดบเบั ะสดปง้ ยีดเรค่าเะงดูีย้ ยทินวซาซน้ือึมอาไหดาร้งอา่ย่ายงอนื่ ไม่ได้ 5. เพร าะเหต งใุ . ด ในนมแกมาม่ สีราบรอราโิหภารคครอบถาว้หนเาพรียจงพึงอคตอ่วครวเาคมต้ยี ้อวงกอาราขหองาทรารอกยอยา่ ู่แงล้วช ้าๆ ก. ท�าให้ขบั ถา่ ยไดส้ ะดวก 1. ตอบ ง . คขอรท.. า่าุกงห ขก า สท้อราลายม�า้วีคมใในหวหาเา้พปมร้รล็นสู้สถังข�างกึล้อคาปัญอดนฏแม่ิคิบลควเัตะือรคิสา็วว�ามชาหก่วมอรยอวับใว้บา่หกอน้ปรานุ่ ่าไรกแงบดกกตร่รด้าิโยิ่าภีงเจคกรอาิญยาหเตาชิบรว่ ยเโพตให่ือแส้อลวุขะัยซภว่อาะพมตแทา่ ซงี่ดมๆีขสอภ่วงานคยทในน่ีสไรทึกา่ยหงรกอหายรทือช่วา�โงยภาเชสนนรไบดิมัญส้ตราญม้าัตปงิภกูม9ติติ ้าปนรทะกานารโรคยใกหเว้แ้นก่ 2. ตอบ ข . ง.ซก งึ่า รอ ราทจบั ก�าป่อใรใหะหทร้เ้ ากนบั ิดอผปาลหรเาสะรยีทตตาา่อมสนทขุต่ี อภอ้ าางพกหไาดาร้ รเนไดอ่ื ง้เจยากอเะปน็ๆหลกั การบรโิ ภคอาหารทไ่ี มค่ วรปฏบิ ตั อิ ยา่ งยง่ิ ถอื เปน็ การตามใจปาก 43.. ตตออบบ6.งก .. กเพสอก. าลารห มมุ่าาาทขระรา้ ตวถาเาหยรแมอ่ปกธตยง้รยแใุรเลดปมงั ะน็ชทไดาอมดูตาาซเิห่มปรึมาน็กไรีฟดอทแา้งนัรี่ หา่รา่ ยใางกรนกทเตากกม่ียลคมีาิดอคีวรดา วบมจ-าสมน ด6ตมปอ้ดเ ลงคลุเอกดขดี้ยาอภรือวงมัยสนาจาการ กทอจสส่ีาึงหดุาครารโปวดนยรแเกรปรลธ่อื้บั ามุ่นตอปแุาลหรแะาละสระทาดวรติงัาเากคนมลมนิ า่นีตวท่าจมมี่งะอีๆใแยหใู่มส้ นาแ่ธรรอตรามหเ่ พชาารตยีหิลงซกั อง่ึ คมยขีอื ่าอ้ คดงาคีเรอดื โ์ บียรไวฮา่ งเดกราตย 5. ตอบ ข . ขอเ.พ ารห าานะรกไมาปรแแเลคมว้ย้ี ป่ปวรอระามหะาาหณรชยา้ 2ดัๆ0จ ะไนทมาา� ทใต่ หี อ้ร้ สู้ งกึ เอสม่ิ ยี เรเว็ งกินวา่ ซกาอื้ รเคยี้ วอาหารแบบปกติ เนอ่ื งจากรา่ งกายของคนเราจะอมิ่ เมอ่ื บรโิ ภค 6. ตอบ ง . คง.ขทใ. น อ่ีส ง ระทะทนอยาามระาดกรแ6ไกแดมล้กเะด่มมรอื ีสสีะนาเาแรพรรอกาอาหะาาทเรหาลครารกก็ บรค ถควยร้วรนไงั ดบร้รบัเถบัพน้วปรา�้านระนกะเมาพทแรมใยีาเ่หพนง้อยี พาองหออาายรหต่าอง่ืนาอ่เดรนคยี ออววกยาจซ่ามาึ่งกงเตปนอ็น้อ้�าื่นนองามไกหแมามารไ่่แรทกดข่ีด่ท้ีทอารสี่ งกดุ ทอโาดารจยกทน�าอ�้าในหยม้เกู่แแมิดลน่ผ้วล้ันเ ถสอื ียเตป่อน็ สอุขาภหาาพร 88 88
7. กท.า รก4อ ชาย้อ ุน17. 0กท .า เรกด4อ ชือาย้อน ุน1 0 -เด ือ1น -ป 1 ี ปค ี คววรรไดไ้รดับขร้ า้ ับวใขนข. ม า้อื้ 5เ วชช้าใอ้ขปนนร .มิ มา ณอ้ื 5เทเ ่าชใชด้า้อปนร ิมาณเท่าใด ง. ½ ถ้วย ค. 6 ช้อน ง. ½ ถ้วย ค. 6 ชอ้ น 8. เดก็ วยั กอ่ นเรยี นชว่ งอายรุ ะหว่าง 4-6 ป ี ควรด่ืมนมในปริมาณเท่าใดต่อวนั 8. เดก็ วัย กอ่ นเ รกคีย.. น51 ช-- 62่ว แแงกกอว้้ว ายุระหวา่ ง 4-งข6.. ไ3 ม -ป่จ 4�า ี กแดั กคว้ วรดมื่ นมในปรมิ าณเทา่ ใดต่อวัน คก.. 51 -- 62 9แแ. กก คกใน..้ว้ว แ ต 11่ล,,86ะ00ว00นั เกกดิโโิก็ลลวแแัยคคกลล่อออนรรเี ี รยี นควรได้รบั พลงั งขง.า. นป11,,ร97ะ00มงข00า .ณ.กก โิิโกลลีก่ แแิโไ3คคลมลลแ ออค-จ่รรล ีี อ4�าร ีกแัดกว้ 9. ในแตล่ ะวัน10เ. ด กอาก็. หวาลรกูยัปอรกมะ เอ่ภทนใดเทรเี่ ดีย็กวนยั เครยี วนครวไรหดลร้ีกเับลขีย่ พ.ง ผลักังใบงเขายี นว ประมาณกีก่ โิ ลแคลอรี ก. 1,6 001 1.ก คใิโน. ลแตนแ่ลมะคเวปนั รลวีย้ ยัอวร ุ่นรค ี วรได้รับพลังงานประมางณ. กกี่แิโกลงแจขคืดล.ผอ ักรกี า1ดข,7าว00 กิโลแคลอรี 10. อคา. หา1ร,8 ป0ร0ะ1 2เ.กภ คกอิโทา.. ลหใา13แรด,,00สค00�าท00หล รเี่กกับอดิโโิ ลลวยัรแแ็กผคคี วู้ใลลหออัยญรร ีี เช่ รนิดียใดนท่ีใคห้พวลรังหงางขนล..แ ีกก42่ร,,เ่า00งล00กง00ย่ีา .ยกก งิโโิ ลลแแ1คคลล,ออ9รร0ี ี 0 กโิ ลแคลอรี ก. ลกู อม ก. นมวนั ละ 1 แกว้ ข. ผกั ใบเขียว ข. น้า� ตาล 2 ช้อนโต๊ะ ค. นมเปรย้ี ว ค. ผักใบเขยี วสุก ½ ถว้ ย ง. แกงจดื ผักกาดขาว ง. อาหารทะเลสปั ดาห์ละ 1 - 2 คร้ัง 11. ใกน. แต1ล่,0 ะ0ว0ัน1 3ว.ก ัยกขอิโา..ร ลห ุ่น านนแรมา�้ สคตควา�าันหวลลลร ระ2บัอ 1ไวชยั รด้อแผี นก้ใู้รหโว้ ตับญะ๊ ช่พนดิลใดงั ทงี่ชว่ายนควปบครุมะกามรทา�าขงณา.น กขอ่กี ง2รโิา่,ล0งก0แาย0ค ลกอิโรลี แคลอรี 3,000 กิโลแคลอร ี ค. ผกั ใบเขียวสกุ ½ ถว้ ย ผฉสู บอับน ง. อาหารทะเลสปั ดาห์ละ 1 - 2 ครง้ั ค. ง. 4,000 กโิ ลแคลอรี 12. อาหาร สา� ห14ร. บักอา. วหาขยั รา้ ปวผรตะใู้ม้ เหภปลทญาใด ท่ชี่วยันสงูิดอาใยดคุ วทรหี่ใลหีกเล้พย่ี งขลม. ังากสงทลา่ีสัดุดผนกั ไแข่ตก้ม่รา่ งกาย ก. นม วันล ะค . 1 แ กแงเกขยี ้ววหวาน ง. ผัดเปรี้ยวหวานไก่ 7. ตอบ ข . ขค¾ท.. าร ถกผน้วอยกัา้�ายตใุ บา10ลเขเ ด2ยี อื วนชส–อ้ ุก1น ป½โีต ค๊ะถวรว้ ไดยร้ บั ขา้ วในมอื้ เชา้ ประมาณ 5 ชอ้ น สว่ นมอ้ื กลางวนั และมอ้ื เยน็ ควรเปน็ ขา้ วตม้ ประมาณ 8. ตอบ ก . ง.เเดด ก็ก็ ไวอดยั ร้กาบั ่อหพนลาเรงัรงียทานนะจเชาลกว่ งอสอาหัปายาดรรุ อะาหยหา่วง่าเล์งพะยี ง4 พ1-6อ - โป2ดี ย คคเปวร็นรเัง้ชพว่ ม่ิ งอทาเี่หดาก็รสวา่ างมวานั รลถะรบั 1-ป2ระมทอ้ื านนอมาหสาดรหไรดอื ใ้ นนมปถรว่ั มิเหาณลอื ทงมี่อากี กวขนั ึน้ ละ ซ่งึ ควรให้ 1-2 แกว้ 9. ตตออ1บบ3.กก .. อกเแกา.ดต อห็ก ล่งว โาะนัยภวรเนัมชรสนปียวา�ารนกนัะหเมปาลราร็นณะับว ัยก1วท1ร,ยั ี่มม6แีพ0อผัฒ0นกใู้ านห้วมกายัญิโกลาแช่รไคขดนลอ้จงอดิดั กรอใีาาดรหเทจารร่ีชสิญา�ว่เหตยริบับคโตเวดใก็บนวทคัยุกเมุรรยี ะกนบาบโรดทเยพไ�า่ือดงสก้ าุข�าภหนานพขดทอคี่ดา่งีคพรวลร่าังใงงหาก้เนดาท็กย่เีหดล็กีกวเัยลเรี่ยยีงนลูกคอวรมจะนได�้าอ้รัดบั ลในม 10. ขตข.น อ่ มรข ่านงบกา�้เคาตยี้ยาวอกีลอด าว้2หย ารชขอ้ยะนแโลตะ๊ะอาหารรสจดั ทกุ ชนดิ เพราะอาหารเหลา่ นี้ นอกจากจะไมใ่ หป้ ระโยชนแ์ ลว้ ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ โทษ 11. ตอบ ข . คง.กใว. นยั โิ รลป น ุ่แ รอผคเมิ ปาักลาน็ณหอใวรบทายั ี ่ีเทรเพขร่ี ทียา่ งียงะพกวเอาลสยตมส่อกุ กีคัป าวร½ดาเมจ าตรถหอ้ญิ งว้ ์ลเกตยะาบิ ร โข1ตอเ กง-รดิ 2า่ ขงน้ึ กคอายยรา่ใง้ังนรแวตด่ลเระว็วนั รา่ งโกดายยวจยั งึ รจุน่ �าเคปวน็ รตไดอ้ ร้งบัไดพร้ ลบั งั สงาารนอใานหแาตรล่ทะคี่ วรนั บปถรว้ ะนมทาณงั้ 5 หมู่ 2,000 12. ตอ1บ4.ข . ออ2าาหหชาอ้ารนรทโปใี่ตหะ๊รพ้ ะลนเงั ้า�ภงมาทันนหสใมดา� หู ทรหบัรว่ี วอื ยัยันผส้า� ใู้ มหูงันญอพ่าชื เยชน่หคุ รวอืขรา้กวหะสทวลิ ยกี2 กเ½ลว๋ ย-่ียเต3งยี๋ มวชาอ้ หนกรโอืทตขะ๊่สีนมุดเปจนี็นต้น3 จาน เผอื ก หรอื มนั 1 หวั เลก็ นา้� ตาล 13. ตอบ ค . คกอ½ช..าน ห ิด-าขแฝร1ักทกา้ ่คีถวงห้ววตเัยวบขค้มดแียุมอปลกวกะาลผหรลาทหวไ า� มราง้ออืาน่ืนนผล อขอกี ง½ร1า่ งผกถลาว้ยยส(เ�าลหผก็ รล)บั ไมวหัยจ้ รผา� ือพใู้ หวญ1กส่ ช้มเิ้นชขง่น.. 1( ผผลสผักผใลหใลัดบญดัเเข่)ป(ยีผเลวเรปักส็กีย้ ็นกุ)ไวตขน้ห½ห่ตรว้มือาถนว้ ย1ไผกักช่ิน้ใบเข(ียผวลสใดหญ1)่ ถ้วย ผักอ่นื ๆ หรอื น�้าผลไม้ 14. ตอบ ค. วัยสูงอายุควรที่จะหลีกเลย่ี งอาหารทม่ี รี สเค็มจัด หวานจัด และเผ็ดจดั รวมถงึ อาหารประเภททมี่ ีกะทใิ นปริมาณมากๆ 89 ซงึ่ แกงเขยี วหวานเปน็ อาหารทมี่ สี ว่ นผสมของกะทใิ นปรมิ าณมาก และรสชาตทิ วั่ ไปกม็ กั จะจดั จา้ นตามแบบฉบบั ของอาหาร ไทย ดังนนั้ จึงจัดวา่ เปน็ อาหารที่วยั สูงอายุควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด 89
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201