นวัตกรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศ ทางพระพุทธศาสนา BUDDHIST INNOVATION AND INFORMATION TECHNOLOGY โ ด ย ทิ พ ย์ ขั น แ ก้ ว
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ทางพระพุทธศาสนา (Buddhist Innovation and Information Technology) ทิพย์ ขันแก้ว วทิ ยาลยั สงฆบ์ รุ ีรมั ย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ๒๕๕๗
บท สารบญั หนา้ คำนำ ก สารบัญ ข บทท่ี ๑ การออกแบบนวัตกรรมการเรยี นรพู้ ระพุทธศาสนา ๑ ๑.๑ ความนำ ๒ ๑.๒ ความหมาย ๒ ๑.๓ คุณลกั ษณะของนวตั กรรม ๔ ๑.๔ เกณฑ์การพิจารณานวัตกรรม ๔ ๑.๕ แนวคิดพ้นื ฐานของนวตั กรรมทางการศกึ ษา ๕ ๑.๖ นวตั กรรมทางการศกึ ษาทส่ี ำคัญของไทยในปัจจบุ นั ๖ ๑.๗ ขอ้ สงั เกตเกยี่ วกบั สง่ิ ทถี่ อื ว่าเปน็ นวตั กรรม ๗ ๑.๘ ขั้นตอนของการเกิดนวัตกรรม ๘ สรุปทา้ ยบท ๙ เอกสารอ้างองิ ประจำบท ๑๐ บทที่ ๒ ส่ือการเรยี นการสอน ๑๑ ๒.๑ ความนำ ๑๒ ๒.๒ ความหมาย ๑๓ ๒.๓-ความสำคัญ ๑๓ ๒.๔ ประเภทของส่ือการเรียนการสอน ๑๔ ๒.๕ การเลือกส่ือการเรยี นการสอน ๑๕ ๒.๖ เทคนิคการใช้สอ่ื สารการเรียนการสอน ๑๘ ๒.๗ ลักษณะและแนวทางการใช้ส่ือประเภทตา่ ง ๆ ๑๘ ๒.๘ แนวทางการเกบ็ รักษาส่อื การเรยี นการสอน ๒๓ ๒.๙ เงือ่ นไขเก่ียวกับการสรา้ งสอื่ การเรียนการสอน ๒๔ สรุปทา้ ยบท ๒๕ เอกสารอ้างองิ ประจำบท ๒๖ บทท่ี ๓ การสร้างเครอื ขา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การเรียนรู้ ๒๗ ๓.๑ ความนำ ๒๘ ๓.๒ ความหมายและองค์ประกอบเทคโนโลยีสารสนเทศ ๒๘ ๓.๓ ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ ๓๓
บท สารบญั หนา้ ๓.๔ ความสำคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ๓๖ ๓.๕ เทคโนโลยสี ารสนเทศกับการใช้ชวี ติ ในสังคมปจั จบุ นั ๓๘ ๓.๖ เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การพัฒนาสงั คม ๔๑ สรปุ ทา้ ยบท ๔๓ เอกสารอ้างองิ ประจำบท ๔๕ บทที่ ๔ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ๔๖ ๔.๑-ความนำ ๔๗ ๔.๒ ความหมายของโปรแกรมสำเร็จรูป ๔๗ ๔.๓-ความสำคญั ของโปรแกรมสำเร็จรปู ๔๘ ๔.๔ โครงสร้างของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ๔๘ ๔.๕ ประเภทของโปรแกรมสำเร็จรปู ๔๙ ๔.๖ ประโยชนข์ องโปรแกรมสำเรจ็ รปู ๕๑ ๔.๗ วิธกี ารจดั หาโปรแกรมสำเร็จรปู ๕๒ ๔.๘ การพิจารณาซอฟต์แวรต์ ามหลักการของลขิ สทิ ธ์ิ ๕๒ สรุปทา้ ยบท ๕๓ เอกสารอ้างอิงประจำบท ๕๔ บทที่ ๕ การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอน ๕๕ ๕.๑ ความนำ ๕๖ ๕.๒ ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ๕๖ ๕.๓ ลกั ษณะเฉพาะท่ีสำคัญ ๕๘ ๕.๔ ประเภทของคอมพวิ เตอรช์ ่วย ๕๙ ๕.๕-ข้อดีของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ๖๐ ๕.๖-ข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ๖๑ ๕.๗-ขน้ั ตอนการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ๖๑ ๕.๘-การประยกุ ตใ์ ชค้ อมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ๖๖ ๕.๙-คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนบนเว็บ ๖๗ ๕.๑๐ ซอฟตแ์ วรเ์ คร่อื งมอื สร้าง CAI ๖๗ สรปุ ทา้ ยบท ๖๘ เอกสารอ้างองิ ประจำบท ๖๙
บท สารบญั หนา้ บทท่ี ๖ การใชเ้ ครือข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ ๗๐ ๖.๑ ความนำ ๗๑ ๖.๒ ความหมายของอนิ เทอรเ์ น็ตและประวตั ขิ องอินเตอร์เน็ต ๗๑ ๖.๓ ความสำคญั ของอินเทอรเ์ น็ต ๗๒ ๖.๔-บรกิ ารบนอนิ เตอร์เน็ต ๗๓ ๖.๕ พัฒนาการของ Internet ๗๕ ๖.๖ อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ๗๖ ๖.๗ หน่วยงานทมี่ ีบทบาทสำคัญในอินเทอรเ์ น็ตของประเทศไทย ๗๗ ๖.๘ บรกิ ารใช้เครอ่ื งข้ามเครอื ข่าย ดว้ ยโปรแกรม telnet ๘๐ ๖.๙ โรคตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ ๘๐ ๖.๑๐ พระราชบัญญัตวิ ่าดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ๘๑ สรปุ ท้ายบท ๘๖ เอกสารอ้างอิงประจำบท ๘๘ บรรณานุกรม ๘๙
คำนำ เอกสารประกอบการสอน รายวิชา “นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา” (Buddhist Innovation and Information Technology) ในหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการสอนพระพุทธศาสนา ผู้สอนได้รวบรวมขึ้น เพ่ือให้นิสิต นักศึกษาและผู้ที่สนใจ ได้ศึกษา ประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาท่ีเรียนโดยได้นำแนวสังเขปรายวิชา ศึกษาการออกแบบนวัตกรรมการ เรียนรพู้ ระพุทธศาสนา การเลือกใช้และพัฒนาส่ือการเรียนรู้ การสร้างเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการ เรียนรู้ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การจัดการเรียนการสอนทางไกล การใช้ เครือขา่ ยอนิ เตอร์เนต็ กราบขอบพระคุณพระครูปริยัติภัทรคุณ ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ ท่ีให้โอกาสในการจัดทำ เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาน้ี เพ่ือเป็นประโยชน์แก่นิสิต นักศึกษาและผู้ที่สนใจ ได้ศึกษาค้นคว้าใช้เป็น เอกสารประกอบการเรยี น มิไดม้ ุ่งหวังผลกำไรทางการค้าแต่อยา่ งใด เอกสารประกอบการเรียนการสอนเลม่ นี้ ผจู้ ัดทำไดร้ วบรวมข้อมูลจากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ ทเี่ ผยแพรท่ าง อินเตอร์เน็ตโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจา้ ของบทความ ต้องขออภัยไว้ ณ ท่ีนี้ หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ เอกสารประกอบการเรียนการสอนเล่มน้ี จะอำนวยประโยชน์แก่นิสิต นกั ศึกษา ผู้ที่ สนใจ และคณาจารย์ หากทา่ นผูอ้ ่านพบข้อบกพร่องหรือมีคำช้แี นะเพื่อการปรบั ปรุงให้สมบรู ณ์มากขึ้น ผ้จู ดั ทำ ยินดรี บั ฟังความคิดเหน็ และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขพฒั นาใหเ้ อกสารทส่ี มบูรณแ์ ละมีคุณคา่ ทางการศึกษาต่อไป ทิพย์ ขนั แก้ว อาจารย์ประจำรายวิชา ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๑ บทที่ ๑ การออกแบบนวตั กรรมการเรียนรู้พระพุทธศาสนา วตั ถุประสงคก์ ารเรียนประจำบท เมื่อไดศ้ ึกษาเน้ือหาในบทน้แี ล้ว ผศู้ ึกษาสามารถ ๑. ระบคุ วามหมายและคุณลกั ษณะของนวัตกรรมได้ ๒. อธิบายเกณฑ์การพจิ ารณาและแนวคดิ พ้ืนฐานของนวัตกรรมได้ ๓. บอกจดุ มุ่งหมายนวตั กรรมทางการศึกษาที่สำคญั ของไทยในปัจจบุ ันได้ ๔. วเิ คราะห์ขอ้ สังเกตเกยี่ วกบั สง่ิ ทีถ่ อื ว่าเปน็ นวัตกรรมได้ ๕. สรปุ ขั้นตอนของการเกดิ นวัตกรรมได้ ขอบขา่ ยเนื้อหา • ความหมายและคุณลกั ษณะของนวตั กรรม • เกณฑก์ ารพิจารณาและแนวคดิ พน้ื ฐานของนวัตกรรม • นวตั กรรมทางการศกึ ษาท่ีสำคญั ของไทยในปจั จบุ ัน • ข้อสังเกตเก่ียวกับสง่ิ ท่ีถือว่าเป็นนวตั กรรม • ขั้นตอนของการเกิดนวัตกรรม
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๒ ๑.๑ ความนำ บทเรียนออนไลน์เป็นนวัตกรรมการเรียนหนึ่งที่สามารถตอบสนองผู้เรียนได้โดยไม่จ ำกัดเวลาและ ระยะทาง จัดเป็นกิจกรรมการเรียนได้ในลักษณะตัวต่อตัวและประเภทกลุ่ม ที่สามารถสนองความแตกต่าง ระหว่างผู้เรียนได้เป็นอย่างดี สามารถตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนได้ การสร้างบทเรียนออนไลน์ขึ้นมา จา เป็นต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพให้ถึงระดับที่ยอมรับได้ จึงจะนาไปใช้ได้ ในบทนี้จึงนาเสนอกระบวน การ พฒั นาบทเรยี นออนไลน์ใหไ้ ดม้ าตรฐานของนวตั กรรมการเรยี นการสอน “นวัตกรรม” (Innovation) มรี ากศพั ทม์ าจาก Innovare ในภาษาลาติน แปลวา่ ทำสิง่ ใหมข่ ้ึนมา ความหมายของนวตั กรรมในเชงิ เศรษฐศาสตรค์ ือ การนำแนวความคดิ ใหม่หรือการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่แลว้ มาใชใ้ นรปู แบบใหม่ เพื่อทำให้เกดิ ประโยชน์ทางเศรษฐกจิ หรือกค็ ือ ”การทำในส่งิ ที่แตกต่างจากคนอ่ืน โดย อาศยั การเปล่ยี นแปลงต่าง ๆ (Change) ทเ่ี กิดขนึ้ รอบตัวเราให้กลายมาเป็นโอกาส (Opportunity) และถ่ายทอด ไปส่แู นวความคิดใหมท่ ี่ทำใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม” แนวความคิดนี้ได้ถูกพฒั นาขึ้นมาในชว่ งตน้ ศตวรรษท่ี ๒๐ โดยจะเห็นได้จากแนวคิดของนักเศรษฐอตุ สาหกรรม เชน่ ผลงานของ Joseph Schumpeter ใน The Theory of Economic Development,๑๙๓๔ โดยจะเน้นไปทกี่ ารสร้างสรรค์ การวิจัยและพฒั นาทาง วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อนั จะนำไปสกู่ ารไดม้ าซง่ึ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี (Technological Innovation) เพือ่ ประโยชน์ในเชงิ พาณิชยเ์ ปน็ หลัก นวัตกรรมยงั หมายถึงความสามารถในการเรียนรู้และนำไปปฏิบตั ิใหเ้ กิดผล ไดจ้ ริงอีกดว้ ย๑ คำว่า “นวตั กรรม” เปน็ คำที่ค่อนข้างจะใหมใ่ นวงการศึกษาของไทย คำน้ี เปน็ ศัพทบ์ ัญญัตขิ อง คณะกรรมการพจิ ารณาศัพท์วิชาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร มาจากภาษาอังกฤษว่า Innovation มาจาก คำกริยาว่า innovate แปลว่า ทำใหม่ เปลย่ี นแปลงใหเ้ กิดสิง่ ใหม่ ในภาษาไทยเดิมใช้คำวา่ “นวกรรม” ต่อมา พบวา่ คำนีม้ ีความหมายคลาดเคลอื่ น จึงเปล่ียนมาใชค้ ำว่า นวัตกรรม (อ่านวา่ นะ วัด ตะ กำ) หมายถึงการนำส่ิง ใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงเพิ่มเตมิ จากวิธกี ารทที่ ำอยูเ่ ดิม เพื่อใหใ้ ช้ได้ผลดยี งิ่ ขน้ึ ดงั นั้นไมว่ า่ วงการหรือกจิ การใด ๆ ก็ตาม เม่ือมกี ารนำเอาความเปลย่ี นแปลงใหม่ๆ เข้ามาใชเ้ พ่ือปรับปรุงงานให้ดีขึ้นกวา่ เดมิ กเ็ รยี กได้วา่ เป็น นวตั กรรม ของวงการนน้ั ๆ เช่นในวงการศึกษานำเอามาใช้ กเ็ รยี กวา่ “นวัตกรรมการศกึ ษา” (Educational Innovation) สำหรับผทู้ ่ีกระทำ หรือนำความเปลย่ี นแปลงใหม่ ๆ มาใชน้ ี้ เรียกว่าเป็น “นวัตกร” (Innovator) ๑.๒ ความหมาย นวัตกรรม หมายถึง ความคิดและการกระทำใหม่ ๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการ ดำเนนิ งานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู ขึ้น นวัตกรรมทางการเรียนรู้ คือ ความคิดใหม่ รูปแบบใหม่ วิธีการใหม่ เทคนิคใหม่ แนวทางใหม่ ผลผลิต ใหม่ ที่ได้ปรับประยุกต์ สร้างสรรค์ และพัฒนา ทั้งจากการต่อยอดภูมิปัญญาใหม่ให้เกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อ การศึกษาในระบบการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย๒ นวัตกรรมทางการศกึ ษา หมายถงึ ความคิดและวิธกี ารใหม่ ๆ ทส่ี ง่ เสรมิ ใหก้ ระบวนการศกึ ษามี ประสิทธภิ าพสูงข้นึ เชน่ การสอนแบบโปรแกรม (Program Instruction) เครื่องชว่ ยสอน (Teaching Machine) “นวัตกรรม” หมายถึงความคิด การปฏบิ ัติ หรือส่งิ ประดิษฐ์ใหม่ ๆ ทย่ี งั ไม่เคยมีใชม้ าก่อน หรอื เป็นการ ๑ พนั ธอ์ุ าจ ชยั รัตน์ “ บทนำเบอ้ื งต้น ของการจดั กา รนวตั กรร ม ” .การจดั การ นวตั กรรมสำหรบั ผ้บู รหิ าร .ก รุ ง เ ท พ ฯ : สำนักงานนวตั กรรม แหง่ ชาติ กระทรวง วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลย.ี ๒๕๔๗. ๒นวัตกรรมการเรียนรู้ http://www.l๓nr.org/posts/๒๒๒๙๕๕
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๓ พฒั นาดัดแปลงมาจากของเดิมทมี่ ีอยแู่ ลว้ ใหท้ นั สมัยและใชไ้ ด้ผลดีย่ิงขน้ึ เมือ่ นำ นวตั กรรมมาใชจ้ ะชว่ ยให้การ ทำงานน้ันไดผ้ ลดีมปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธิผลสงู กว่าเดมิ ทัง้ ยงั ชว่ ยประหยดั เวลาและแรงงานได้ด้วย ทอมัส ฮิวช์ (Thomas Hughes)๓ ได้ให้ความหมายของ “นวตั กรรม” วา่ เป็นการนำวิธกี ารใหม่ ๆ มา ปฏิบัตหิ ลงั จากไดผ้ ่านการทดลองหรอื ไดร้ บั การพฒั นามาเป็นขนั้ ๆ แล้ว เร่ิมตงั้ แต่การคิดค้น (Invention) การ พัฒนา (Development) ซึง่ อาจจะเป็นไปในรปู ของ โครงการทดลองปฏบิ ัติก่อน (Pilot Project) แล้วจงึ นำไป ปฏิบัติจริงซึ่งมีความแตกต่างไปจากการปฏบิ ตั ิเดิมท่เี คยปฏบิ ตั มิ า มอร์ตนั (Morton,J.A.)๔ ให้ความหมาย “นวตั กรรม” ว่าเป็นการทำให้ใหม่ขึน้ อีกครง้ั (Renewal) ซง่ึ หมายถึง การปรบั ปรงุ ส่งิ เก่าและพฒั นาศกั ยภาพของบุคลากร ตลอดจนหนว่ ยงาน หรอื องค์การนัน้ ๆ นวัตกรรม ไมใ่ ชก่ ารขจดั หรือลม้ ลา้ งส่งิ เก่าใหห้ มดไปแตเ่ ปน็ การปรบั ปรุงเสริมแต่งและพฒั นา ไชยยศ เรอื งสุวรรณ๕ ได้ให้ความหมาย “นวัตกรรม” ไว้ว่าหมายถงึ วิธีการปฏิบัตใิ หมๆ่ ที่แปลกไปจาก เดมิ โดยอาจจะได้มาจากการคิดคน้ พบวิธกี ารใหม่ๆ ขึน้ มาหรือมกี ารปรบั ปรุงของเก่าให้เหมาะสมและสิ่งทงั้ หลาย เหลา่ นไ้ี ดร้ บั การทดลอง พัฒนาจนเปน็ ท่เี ชอ่ื ถือไดแ้ ล้วว่าไดผ้ ลดีในทางปฏิบัติ ทำให้ระบบก้าวไปสจู่ ดุ หมาย ปลายทางได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพขึน้ กดิ านันท์ มลทิ อง๖ ได้ให้ความหมายของนวัตกรรมวา่ เป็นแนวคิด การปฏิบตั ิ หรอื สง่ิ ประดษิ ฐใ์ หม่ ๆ ท่ี ยังไมเ่ คยมใี ชม้ ากอ่ น หรอื พัฒนาดดั แปลงจากของเดิม ท่ีมีอยูแ่ ล้วให้ทนั สมยั ใชไ้ ดผ้ ลดีย่งิ ข้ึน เม่ือนานวตั กรรมมา ชว่ ยใหก้ ารทางานน้นั ไดผ้ ลดมี ีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสงู กวา่ เดมิ ท้งั ยงั ช่วยประหยดั เวลาและแรงงานได้ ดว้ ย จรญู วงศส์ ายัณห์๗ ได้กล่าวถึงความหมายของ “นวัตกรรม” ไว้วา่ “แม้ในภาษาอังกฤษเอง ความหมาย ก็ต่างกนั เป็น ๒ ระดับ โดยทวั่ ไป นวัตกรรม หมายถึง ความพยายามใด ๆ จะเป็นผลสำเรจ็ หรือไม่ มากน้อย เพยี งใดกต็ ามทเ่ี ป็นไปเพ่ือจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธกี ารท่ีทำอยู่เดิมแล้ว กับอีกระดับหนง่ึ ซึ่งวงการ วทิ ยาศาสตร์แหง่ พฤติกรรม ได้พยายามศึกษาถึงที่มา ลักษณะ กรรมวธิ ี และผลกระทบที่มีอยู่ต่อกลุ่มคนท่ี เกย่ี วข้อง บุญเก้ือ ควรหาเวช๘ คำวา่ นวตั กรรม มักจะหมายถึง ส่งิ ทไ่ี ดน้ ำความเปลี่ยนแปลงใหม่เขา้ มาใช้ได้ ผลสำเร็จและแผ่กว้างออกไปจนกลายเปน็ การปฏบิ ัติอย่างธรรมดาสามญั สุนนั ทา สุนทรประเสริฐ๙ กลา่ ววา่ นวัตกรรมการเรยี นการสอนคือการส่ือสารการสอนทพี่ ัฒนาอย่างเปน็ ระบบ โดยผา่ นการผลติ การทดลองใช้ ปรบั ปรุงจนมีประสิทธิภาพแล้วจงึ นำไปใช้จรงิ อย่างได้ผล ๓ ทอมสั ฮิวช์ (Thomas Hughes).อ้างใน กมลทพิ ย์ คตกิ าร. นวตั กรรมการบรหิ ารงานยตุ ธิ รรมของไทย : มองยอ้ นอดตี สู่อนาคต.[ออนไลน์] เขา้ ถึง ได้จาก : www.aj-thaicriminologist.com/document/article/02_article. สืบคน้ เม่อื ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗. ๔ มอรต์ นั (Morton,J.A.).อา้ งใน กมลทิพย์ คตกิ าร. อา้ งแลว้ .เรื่องเดยี วกนั . ๕ ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ.หลักการทฤษฎแี ละนวกรรมของการศึกษา.กาฬสนิ ธ์ุ : ประสานการพิมพ์. ๒๕๒๑ หน้า ๑๔. ๖ กดิ านนั ท์ มลทิ อง.เทคโนโลยสี ารสนเทศและนวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ วนพมิ พ.์ ๒๕๔๐, หนา้ ๒๔๕. ๗ ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ.์ อา้ งใน กมล เวยี สวุ รรณ และนติ ยา เวยี สวุ รรณ. แนวคดิ การพฒั นาส่ือการเรียนการสอนและแนวทางในการจัดต้ังศูนย์วทิ ย บริการด้านนวตั กรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาสำหรับสายงานดา้ นมัธยมศึกษา.พมิ พ์คร้ังที่ ๒. กรุงเทพฯ: ตน้ อ้อแกรมมี.๒๕๔๐ : ๗๘).๒๕๒๑ หนา้ ๑๔. ๘ บุญเกอ้ื ควรหาเวช. นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศกึ ษา. นนทบรุ ี : สำนกั พมิ พ์ SR printing. ๒๕๔๓. ๙ สนุ นั ทา สนุ ทรประเสรฐิ . แผนการจัดการเรียนรู้ท่เี น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ.ราชบรุ .ี ธรรมรักษก์ ารพมิ พ.์ ๒๕๔๗, หนา้ ๙.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๔ ชนาธิป พรกลุ ๑๐ ได้อธบิ ายถึงนวัตกรรมการเรียนการสอน วา่ เป็นสง่ิ ท่ีนาเข้ามาใชใ้ นการจดั การเรยี นการ สอนเพื่อใหเ้ กิดประสิทธภิ าพยงิ่ ข้นึ นวัตกรรมท่นี ามาใช้อาจมีผู้คิดคน้ ขน้ึ ก่อนแล้ว หรอื คิดข้ึนใหมเ่ พ่ือให้เหมาะสม กับแตล่ ะสถานการณ์ นวตั กรรมการเรียนการสอนสว่ นใหญ่มีลกั ษณะเปน็ แนวคิดหรอื วิธีการเชน่ รูปแบบการสอน การสอนแบบจุลภาค การเรียนรแู้ บบรว่ มมอื หรือสือ่ การเรียนการสอน เช่น บทเรยี นสำเรจ็ รปู บทเรียน คอมพวิ เตอร์ ชุดการสอน ๑.๓ คุณลักษณะของนวตั กรรม สคุ นธ์ สนิ ทพานนท์๑๑ กลา่ วถึงคุณลกั ษณะของนวตั กรรมด้านการเรยี นการสอนควรมลี กั ษณะดงั ต่อไปน้ี ๑. เป็นสิ่งใหมเ่ กยี่ วกับการเรียนการสอนท้ังหมด เช่นวธิ สี อนใหมๆ่ ส่ือการสอนใหม่ ซ่ึงไม่เคยมใี ครทามา ก่อน ๒. เปน็ สิง่ ท่ใี หมเ่ พียงบางสว่ น เชน่ มีการผลติ ชดุ การเรียนการสอนรูปแบบใหม่ แตย่ งั คงมีรปู แบบเดมิ เปน็ หลักอยู่ ตัวอย่างเช่น มีบัตรเนื้อหา บตั รความรู้ บตั รทดสอบ แต่มีการเพ่มิ บัตรฝึกทักษะความคดิ บัตรงาน สำหรับผูเ้ รยี น ๓. เป็นสง่ิ ใหม่ทอ่ี ยู่ในกระบวนการทดลองว่าจะมีประสทิ ธิภาพในการนำไปใช้มากน้อยเพียงไร เชน่ การ นำหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งบรู ณาการกับการสอนทุกรายวิชา ๔. เป็นสงิ่ ใหมท่ ี่ไดรับการยอมรับและนำไปใชบ้ า้ งแลว้ แต่ยังไม่แพร่หลาย ๕. เป็นสง่ิ ท่เี คยปฏิบตั ิมาครัง้ หนง่ึ แตย่ งั ไม่ได้ผล ตอ่ มาไดน้ ำมาปรับปรงุ ใหม่ทดลองใช้และเผยแพร่จดั เป็น นวตั กรรมได้ ๑.๔ เกณฑก์ ารพิจารณานวัตกรรม บุญเกอ้ื ควรหาเวช๑๒ เสนอแนะถึงเกณฑ์การพิจารณานวัตกรรมนั้น ต้องประกอบด้วย ๑. ต้องเป็นสิง่ ใหม่ทง้ั หมดหรือบางสว่ น ๒. มกี ารนำวิธกี ารจัดระบบ (System Approach) มาพจิ ารณาองค์ประกอบทงั้ ส่วนขอ้ มูลเขา้ ไปใน กระบวนการ และผลลัพธ์ทีเ่ หมาะสมก่อนทจ่ี ะทาการเปลย่ี นแปลง ๓. มีการพิสจู น์ด้วยการวจิ ยั หรืออยรู่ ะหว่างการวจิ ัยว่าจะช่วยใหด้ ำเนนิ งานบางอย่างมีประสทิ ธิภาพ สงู ขนึ้ ๔. ยังไม่เปน็ ระบบหน่ึงของงานปจั จุบนั หากกลายเป็นสว่ นของระบบงานทดี่ ำเนินอยู่ขณะน้ี ไม่ถอื วา่ เปน็ นวัตกรรม สรปุ การพฒั นาบทเรยี นออนไลนเ์ พื่อสนู่ วตั กรรมทางการเรียนการสอนได้นนั้ จงึ ต้องประกอบด้วย ๑. ไดม้ าด้วยวิธกี ารพฒั นาใหมท่ ้งั หมด หรือพัฒนาบางส่วน ๒. มีการนำวธิ กี ารจดั ระบบมาเป็นแนวทางการพฒั นา ๑๐ ชนาธปิ พรกุล. แคท์ : รูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่เี นน้ ผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลาง.CATS: astudent-centered instructional model. กรงุ เทพฯ : สำนกั พิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.๒๕๔๓, หนา้ ๑๐๐–๑๐๑. ๑๑ สคุ นธ์ สนิ ทพานนท์. การจัดกระบวนการเรียนรทู้ ีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั .กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทศั น์. ๒๕๕๑, หน้า ๘. ๑๒ บุญเกอื้ ควรหาเวช. อ้างแลว้ .เรอ่ื งเดยี วกนั .๒๕๔๒, หน้า ๖.
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๕ ๓. มีผลการวจิ ัยทแี่ สดงถึงประสิทธิภาพสูง ๔. ไม่เป็นสว่ นของระบบงานทด่ี ำเนินการอยู่ ๑.๕ แนวคิดพ้นื ฐานของนวตั กรรมทางการศกึ ษา ปัจจัยสำคัญท่ีมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อวิธีการศึกษา ได้แก่แนวความคิดพ้ืนฐานทางการศึกษาท่ี เปล่ียนแปลงไป อันมีผลทำให้เกิดนวัตกรรมการศึกษาที่สำคัญ ๆ พ อจะสรุปได้ ๔ ประการ คือ ๑. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) การจัดการศึกษาของไทยได้ให้ความสำคัญใน เรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้อย่างชัดเจนซ่ึงจะเห็นได้จากแผนการศึกษาของชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษา ตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแตล่ ะคนเปน็ เกณฑ์ ตัวอยา่ งท่เี ห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบ ห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดข้ึนเพื่อสนองแนวความคิด พื้นฐานน้ี เชน่ - การเรียนแบบไม่แบง่ ชั้น (Non-Graded School) - แบบเรยี นสำเร็จรูป (Programmed Text Book) - เครอื่ งสอน (Teaching Machine) - การสอนเป็นคณะ (Team Teaching) - การจดั โรงเรยี นในโรงเรียน (School within School) - เครอื่ งคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (Computer Assisted Instruction) ๒.ความพร้อม (Readiness) เดิมทีเดียวเชื่อกันว่า เด็กจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีความพร้อมซึ่งเป็น พัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ ชี้ให้เห็นว่าความพร้อมในการเรียน เป็นสิ่งท่ีสร้างข้ึนได้ ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับความสามารถของเด็กแต่ละคน วิชาท่ีเคย เชื่อกันว่ายาก และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กก็สามารถนำมาให้ศึกษาได้ นวัตกรรมที่ตอบสนองแนวความคิด พื้นฐานน้ไี ดแ้ ก่ ศูนยก์ ารเรยี น การจัดโรงเรียนในโรงเรยี น นวัตกรรมทส่ี นองแนวความคิดพื้นฐานดา้ นนี้ เชน่ - ศูนย์การเรยี น (Learning Center) - การจัดโรงเรยี นในโรงเรียน (School within School) - การปรับปรงุ การสอนสามช้นั (Instructional Development in ๓ Phases) ๓. การใช้เวลาเพ่อื การศกึ ษา แต่เดมิ มาการจดั เวลาเพ่ือการสอน หรอื ตารางสอนมักจะจัดโดยอาศยั ความ สะดวกเปน็ เกณฑ์ เชน่ ถอื หน่วยเวลาเป็นชั่วโมง เทา่ กันทกุ วิชา ทุกวนั นอกจากน้ันก็ยังจดั เวลาเรียนเอาไว้แนน่ อน เป็นภาคเรียน เป็นปี ในปัจจุบันไดม้ ีความคดิ ในการจดั เป็นหน่วยเวลาสอนให้สมั พนั ธ์กับลักษณะของแต่ละวิชาซึ่ง จะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางวิชาอาจใช้ช่วงส้ันๆ แต่สอนบ่อยครั้ง การเรียนก็ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรยี นเท่านั้น นวัตกรรมทส่ี นองแนวความคดิ พื้นฐานด้านนี้ เชน่ - การจัดตารางสอนแบบยดื หยุ่น (Flexible Scheduling) - มหาวิทยาลัยเปิด (Open University) - แบบเรียนสำเรจ็ รูป (Programmed Text Book) - การเรียนทางไปรษณีย์
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๖ ๔. ประสิทธิภาพในการเรียน การขยายตัวทางวิชาการ และการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้มีส่ิงต่างๆ ที่คนจะต้องเรียนรู้เพ่ิมข้ึนมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจึงจำเป็นต้อง แสวงหาวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงข้ึน ทั้งในด้านปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก นวัตกรรมใน ด้านนี้ที่เกิดขึ้น เชน่ - มหาวิทยาลยั เปิด - การเรียนทางวทิ ยุ การเรียนทางโทรทัศน์ - การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนสำเรจ็ รูป - ชดุ การเรยี น ๑.๖ นวัตกรรมทางการศึกษาที่สำคัญของไทยในปัจจบุ นั (๒๕๔๖) นวตั กรรม เป็นความคิดหรือการกระทำใหมๆ่ ซ่งึ นักวิชาการหรอื ผเู้ ช่ยี วชาญในแต่ละวงการจะมีการคดิ และทำส่ิงใหม่อยเู่ สมอ ดังนัน้ นวตั กรรมจงึ เป็นสิง่ ทีเ่ กดิ ขน้ึ ใหม่ไดเ้ ร่ือยๆ สิง่ ใดท่ีคิดและทำมานานแลว้ กถ็ ือว่าหมด ความเป็นนวัตกรรมไป โดยจะมสี ิ่งใหม่มาแทนในวงการศึกษาปจั จุบนั มสี ่ิงที่เรยี กว่านวตั กรรมทางการศึกษา หรอื นวตั กรรมการเรียนการสอน อยู่เป็นจำนวนมาก บางอยา่ งเกดิ ข้นึ ใหม่ บางอย่างมีการใชม้ าหลายสบิ ปแี ลว้ แต่ก็ ยงั คงถือวา่ เปน็ นวัตกรรม เน่อื งจากนวัตกรรมเหล่านัน้ ยงั ไม่แพรห่ ลายเป็นทร่ี ู้จักทัว่ ไป ในวงการศึกษานวตั กรรม ทางการศกึ ษาตา่ งๆ ที่กล่าวถึงกนั มากในปจั จุบนั E-learning e-Learning เปน็ คำทใี่ ชเ้ รยี กเทคโนโลยีการศึกษาแบบใหม่ ท่ียงั ไมม่ ีช่ือภาษาไทยที่แนช่ ัด และมีผูน้ ิยาม ความหมายไวห้ ลายประการ ผศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรสั แสง ให้คำนยิ าม E-Learning หรือ Electronic Learning ว่า หมายถึง “การเรยี นผา่ นทางสือ่ อิเลคทรอนิกส์ซงึ่ ใช้การ นำเสนอเนอื้ หาทางคอมพิวเตอร์ในรูปของ สอื่ มัลติมเี ดียไดแ้ ก่ ข้อความอเิ ลคทรอนกิ ส์ ภาพนง่ิ ภาพกราฟิก วิดีโอ ภาพเคล่ือนไหว ภาพสามมิติฯลฯ” เช่นเดียวกบั คณุ ธิดาทิตย์ จนั คนา ท่ใี ห้ความ หมายของ e-learning ว่าหมายถึงการศกึ ษาที่เรยี นรูผ้ า่ นเครือข่าย อินเตอร์เนตโดยผูเ้ รยี นรจู้ ะเรียนรู้ ดว้ ยตวั เอง การเรยี นรู้จะเปน็ ไปตามปัจจยั ภายใต้ทฤษฎีแหง่ การเรยี นรสู้ อง ประการคอื เรียนตามความรู้ความสามารถของผเู้ รยี นเอง และ การตอบสนองใน ความแตกต่างระหว่างบุคคล (เวลาท่ีแต่ละบุคคลใช้ในการเรียนรู้)การเรียนจะกระทำผา่ นส่อื บนเครอื ขา่ ยอนิ เตอร์เนต โดยผสู้ อนจะนำเสนอ ขอ้ มูลความรใู้ ห้ผูเ้ รียนได้ทำการศกึ ษาผา่ นบริการ World Wide Web หรือเวปไซด์ โดยอาจใหม้ ปี ฏิสัมพันธ์ (สนทนา โต้ตอบ ส่งขา่ วสาร) ระหวา่ งกนั จะท่มี ีการ เรียนรู้ ใู้ นสามรปู แบบคือ ผู้สอนกับ ผเู้ รียน ผู้เรยี นกบั ผเู้ รยี น อกี คนหนึ่ง หรือผู้เรียนหนึ่งคนกบั กลุ่มของผเู้ รียน ปฏิสมั พันธน์ ีส้ ามารถ กระทำ ผ่านเครื่องมือสองลักษณะคือ ๑. แบบ Real-time ไดแ้ ก่การสนทนาในลักษณะของการพิมพ์ข้อความแลกเปลย่ี นข่าวสารกนั หรอื ส่ง ในลกั ษณะของเสยี ง จากบริการของ Chat room ๒. แบบ Non real-time ได้แก่การส่งข้อความถึงกันผา่ นทางบริการ อิเลคทรอนิคเมลล์ WebBoard News-group เปน็ ต้น ความหมายของ e-Learning ท่ีมีปรากฏอยู่ในส่วนคำถามท่ีถูกถามบ่อย (Frequently Asked Question : FAQ) ในเวป www.elearningshowcase.com ให้นิยามว่า e-Learning มีความหมาย เดียวกับ Technology-based Learning น้ันคือการศึกษาท่ีอาศัยเทคโนโลยีมาเป็นส่วนประกอบที่ สำคัญ ความหมาย ของ e-Learning ครอบคลุมกว้างรวมไปถึงระบบโปรแกรม และขบวนการที่ ดำเนินการ ตลอดจนถงึ การศึกษาที่
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๗ ใช้ ค้ อมพิวเตอร์เป็นหลักการศึกษาที่อาศัยWeb เป็นเคร่ืองมือหลักการศึกษาจากห้องเรียนเสมือนจริง และ การศึกษาท่ีใช้ การทำงานร่วมกันของอปุ กรณ์อิเลคทรอนิค ระบบดิจิตอล ความหมายเหล่านี้มาจากลักษณะของ การส่งเน้ือหาของบทเรียนผ่านทาง อุปกรณ์อิเลคทรอนิค ซ่ึงรวมทั้งจากในระบบอินเตอร์เนต ระบบเครือข่าย ภายใน (Intranets) การ ถ่ายทอดผ่านสัญญาณทีวี และการใช้ซีดีรอม อย่างไรก็ตาม e-Learning จะมี ความหมายในขอบเขต ที่แคบกว่าการศึกษาแบบทางไกล (Long distance learning) ซ่ึงจะรวมการเรียนโดย อาศัยการส่ง ข้อความหรือเอกสารระหว่างกันและช้ันเรียนจะเกิดข้ึนในขณะท่ีมีการเขียนข้อความส่งถึงกัน การ นิยามความหมายแก่ e-learning Technology-based learning และ Web-based Learning ยังมี ความ แตกต่างกัน ตามแต่องค์กร บคุ คลและกลมุ่ บุคคลแต่ละแหง่ จะให้ความหมาย และคาดกันว่าคำ วา่ e-Learning ที่ มีการใช้มาตั้งแต่ปี คศ. ๑๙๙๘ ในท่ีสุดก็จะเปลี่ยนไปเป็น e-Learning เหมือนอย่าง กับท่ีมีเปล่ียนแปลงคำเรียก ของ e-Business เม่อื กลา่ วถึงการเรียนแบบ Online Learning หรือ Web-based Learning ซ่งึ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของ Technology-based Learning nมี่ กี ารเรียนการสอนผ่านระบบอนิ เตอร์เนต อนิ ทราเนต และ เอ็ซทราเนต (Extranet) พบวา่ จะมรี ะดับ การจดั การที่แตกตา่ งกนั ออกไป Online Learning ปกติจะประกอบดว้ ยบทเรียนท่ี มีข้อความและรูปภาพ แบบฝึกหัดแบบทดสอบ และบันทึกการเรียน อาทิ คะแนนผลการทดสอบ(test score) และบนั ทึกความกา้ วหน้าของการเรยี น (bookmarks) แต่ถา้ เปน็ Online Learning ทีส่ งู ข้นึ อีกระดับหนงึ่ โปรแกรมของการเรียนจะประกอบด้วยภาพเคลื่อนไหว แบบ จำลอง สื่อที่เปน็ เสยี ง ภาพจากวดิ ีโอ กลุ่มสนทนา ทงั้ ในระดับเดยี วกันหรือในระดับผ้รู ู้ ผมู้ ปี ระสบการณ์ ที่ปรึกษาแบบออนไลน์ (Online Mentoring) จุดเช่อื มโยง ไปยงั เอกสารอ้างอิงทีม่ ีอยู่ ในบรกิ ารของเวป และการสอื่ สารกับระบบที่บันทึกผลการเรยี น เปน็ ต้น การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-learning การศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต (Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตาม ความสามารถและความ สนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซ่ึงประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพเสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูก ส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และ เพื่อนร่วมช้ันเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับ การเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเคร่ืองมือการติดต่อ สื่อสารท่ีทันสมัย(e-mail, web-board, chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานท่ี (Learn for all : anyone, anywhere and anytime)๑๓ ๑.๗ ขอ้ สังเกตเกย่ี วกบั สิ่งที่ถือว่าเปน็ นวตั กรรม ๑. เป็นความคดิ และการกระทำใหม่ทั้งหมดหรือปรบั ปรุงดัดแปลงจากที่เคยมีมาก่อนแล้ว ๒. ความคดิ หรือการกระทำนั้นมีการพสิ ูจน์ด้วยการวจิ ัยและช่วยให้การทำงานมีประสิทธภิ าพสูงข้นึ ๓. มีการนำวธิ รี ะบบมาใช้อยา่ งชดั เจน โดยพจิ ารณาองคป์ ระกอบทัง้ ๓ ส่วน คอื ข้อมลู ท่ีใส่เข้าไป กระบวนการ และผลลพั ธ์ ๔. ยงั ไมเ่ ปน็ สว่ นหนึ่งของระบบงานปจั จบุ ัน ๑๓ ความหมายนวตั กรรมการศึกษาและเทคโนโลยสี ารสนเทศ.[ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก http://ceit.sut.ac.th/km/wordpress/?p=๑๓๘. สืบคน้ เมอ่ื ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๘ ๑.๘ ข้นั ตอนของการเกิดนวตั กรรม ๑. ขน้ั การประดษิ ฐ์คิดคน้ (Invention) ๒. ขน้ั การพัฒนาการ (Development) หรอื ขั้นการทดลอง (Pilot Project) ๓. ขัน้ การนำไปหรือปฏิบัตจิ ริง (Innovation) นวัตกรรมเปน็ คำท่ีใช้ควบคู่กับเทคโนโลยเี สมอ ดงั แผนภมู ติ ่อไปนี้ จะเห็นได้ว่าเป้าหมายของนวตั กรรมและเทคโนโลยี คือ ทำใหก้ ารดำเนินงานเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยความคิดหรือการกระทำใหม่ ๆ จะถูกนำมาใช้ก่อนจนกว่าจะถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบงานใน ปัจจุบัน ความคิดหรือการกระทำใหม่ ๆ ท่ีเรียกว่า นวัตกรรมนั้นก็จะกลายเป็นเทคโนโลยีข้ึนมาทันที คาร์เตอร์ วี กู๊ด (Carter V. Good 1973 : 592)๑๔ ได้ให้ความหมายของคำว่าเทคโนโลยีใน พจนานุกรมการศึกษาว่า เทคโนโลยี หมายถึง การนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ในวงการศึกษาต่าง ๆ หรือ มาใชใ้ นงานสาขาตา่ ง ๆ ทำให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงที่ดีขน้ึ เอคการ์ เดล (Edgar Dale 1957 : 610)๑๕ ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีไว้ในหนังสือ Audio - Visual Method in Teaching ว่า เทคโนโลยีไม่ใช่เครื่องมือแต่เป็ นแผนการวิธีการทำงาน อยา่ งมีระบบ ชัยยงค์ พรหมวงศ์๑๖ ได้เขียนไว้ในหนังสือมิติท่ี ๓ ว่า ตามรูปศัพท์ภาษาอังกฤษเทคโนโลยี หมายถึง ศาสตรท์ วี่ ่าด้วยวธิ กี าร ซึง่ อยูใ่ นรูปของการจัดระบบงานด้วยองค์ ๓ คือ ๑.ข้อมูลท่ีใส่เข้าไป ได้แก่ การกำหนดปัญหา วัตถุประสงค์รวบรวมข้อมูลท่ี เก่ียวข้อง ๒.กระบวนการ ได้แก่ การลงมือแก้ปัญหา แจกแจงวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ๓.ผลลัพธ์ คือ ผลทไ่ี ด้จากการแกป้ ัญหาและทำการประเมนิ ผล ดังน้ัน \"เทคโนโลยี\" หมายถึง การนำเอาขบวนการ วิธีการ และแนวความคิดใหม่ๆ มาใช้หรือประยุกต์ใช้ อย่างมีระบบ เพื่อใหก้ ารดำเนินงาน เป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ๑๔ Carter V. Good, ed. Dictionary of Education.3rd ed.new York : McGarw-Hill. 1973 : 592. ๑๕ Dale, Edgar. Audio – Visual Methods Teaching. 2d ed. New York: Hot, Rinchart and Winston. 1957.610. ๑๖ ชัยยงค์ พรหมวงศ.์ ระบบสื่อการสอน.จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ๒๕๒๐, หน้า ๓๕.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๙ การขยายตัวทางวิทยาการทำใหเ้ ทคโนโลยี ถูกนำมาใช้ในงานสาขาต่าง ๆ เช่น - เทคโนโลยีทางการทหาร (Military Technology) - เทคโนโลยีทางการแพทย์ (medical Technology) - เทคโนโลยที างการเกษตร (Agricultural Technology) - เทคโนโลยที างการสือ่ สาร (Communication Technology) - เทคโนโลยีทางการค้า (Commercial Technology) - เทคโนโลยีทางวิศวกรรม (Engineering Technology) - เทคโนโลยที างการตลาดสังคม (Social Marketing Technology) - เทคโนโลยีทางการศึกษา (Educational Technology)๑๗ สรปุ ทา้ ยบท การพัฒนากระบวนการจัดการนวัตกรรมในชั้นเรียนในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานด้วยการจัดกา รคุณภาพ โดยใช้กระบวนการจัดการนวัตกรรมในชั้นเรียน ผู้วิจัยได้ศึกษา แนวคิด ทฤษฎี เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยจะนาเสนอผลการศึกษาตามลำดับ ประกอบด้วยทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกับนวัตกรรมทางการศึกษา ทฤษฎีท่ี เก่ยี วข้องกบั การจดั การคณุ ภาพท่ัวท้ังองคก์ ร และมาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานเพ่อื การประกันคุณภาพภายใน การออกแบบกระบวนการใหม่ นวตั กรรม หมายถงึ ความคดิ การปฏิบัติ หรือสิง่ ประดิษฐใ์ หม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมใี ช้ มาก่อน หรือเปน็ การพฒั นาดัดแปลงมาจากของเดิมที่มีอยู่แลว้ ให้ทนั สมัยและใช้ได้ผลดยี ่งิ ข้นึ เม่ือนานวตั กรรมมา ใชจ้ ะช่วยใหก้ ารทางานนน้ั ๆ ไดผ้ ลดมี ปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสูงกวา่ เดมิ และยังช่วยประหยัดทัง้ เวลาและ แรงงานด้วย ๑๗ ความหมายของเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมการศึกษา.[ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก http://reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/Elearning_files/data๑. html.สบื ค้นเมอ่ื ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๐ เอกสารอา้ งอิงประจำบท กิดานนั ท์ มลิทอง.(๒๕๔๐),เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชวนพิมพ.์ ความหมายของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศกึ ษา. [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก http://reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/Elearning_files/data๑.html. สืบคน้ เมอ่ื ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗. ความหมายนวตั กรรมการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศ. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://ceit.sut.ac.th/km/wordpress/?p=๑๓๘. สืบค้นเมื่อ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗. ชนาธปิ พรกุล. (๒๕๔๓), แคท์ : รูปแบบการจดั การเรยี นการสอนท่เี น้นผู้เรียนเปน็ ศูนยก์ ลาง. CATS: astudent-centered instructional model. กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ (๒๕๒๐), ระบบส่ือการสอน.จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ไชยยศ เรอื งสุวรรณ์. (๒๕๒๑).อ้างใน กมล เวยี สวุ รรณ และนิตยา เวยี สวุ รรณ. แนวคิดการพฒั นาส่อื การ เรียนการสอนและแนวทางในการจัดตงั้ ศูนย์วิทยบรกิ ารดา้ นนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการ ศกึ ษาสำหรบั สายงานด้านมธั ยมศกึ ษา.พิมพ์ครง้ั ท่ี ๒. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อแกรมม.ี ๒๕๔๐ : ๗๘). .(๒๕๒๑).หลกั การทฤษฎีและนวกรรมของการศกึ ษา.กาฬสินธ์ุ : ประสานการพิมพ.์ ทอมัส ฮิวช์ (Thomas Hughes).อ้างใน กมลทิพย์ คติการ. นวัตกรรมการบรหิ ารงานยุตธิ รรมของไทย : มองย้อนอดีตสู่อนาคต. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : www.aj-thaicriminologist.com/document/article/02_article. สบื คน้ เมอ่ื ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗. บญุ เก้อื ควรหาเวช. (๒๕๔๓).นวัตกรรมและเทคโนโลยที างการศึกษา. นนทบรุ ี : สำนกั พิมพ์ SR printing. พันธอุ์ าจ ชยั รัตน์.( ๒๕๔๗). “ บทนำเบ้ืองตน้ ของการจดั กา รนวตั กรรม ” .การจัดการ นวตั กรรมสำหรับ ผบู้ รหิ าร . กรงุ เทพ ฯ : สำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ กระทรวง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลย.ี สุคนธ์ สินทพานนท์. (๒๕๕๑). การจัดกระบวนการเรยี นรู้ที่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ.กรงุ เทพฯ:อักษรเจริญทัศน.์ สุนนั ทา สนุ ทรประเสรฐิ . (๒๕๔๗), แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่เี นน้ ผ้เู รียนเปน็ สำคัญ.ราชบุร.ี ธรรมรักษก์ ารพิมพ.์ Carter V. Good, ed. Dictionary of Education.3rd ed.new York : McGarw-Hill. 1973 : 592. Dale, Edgar. Audio – Visual Methods Teaching. 2d ed. New York: Hot, Rinchart and Winston. 1957.610.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๑ บทท่ี ๒ สือ่ การเรยี นการสอน วตั ถปุ ระสงค์การเรียนประจำบท เมอ่ื ได้ศกึ ษาเนื้อหาในบทนี้แลว้ ผ้ศู ึกษาสามารถ ๑. ระบุความหมายและความสำคญั ของสื่อการเรียนการสอนได้ ๒. ระบุประเภทและการเลอื กสอ่ื การเรยี นการสอนได้ ๓. เลอื กเทคนคิ การใช้สื่อและลักษณะและแนวทางการใชส้ ่ือตา่ งๆได้ ๔. วเิ คราะห์แนวทางการเกบ็ รกั ษาสือ่ การเรียนการสอนได้ ขอบข่ายเนอื้ หา • ความหมายและความสำคัญของส่อื การเรียนการสอน • ประเภทและการเลือกส่อื การเรียนการสอน • เทคนิคการใชส้ ือ่ และลักษณะและแนวทางการใชส้ ือ่ ต่างๆ • แนวทางการเกบ็ รกั ษาสื่อการเรียนการสอนได้
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๒ ๒.๑ ความนำ สอื่ การสอนเป็นตัวกลางที่จะนำเนอ้ื หาสาระและประสบการณ์ต่างๆ จากผู้สอนไปสู่ผู้เรียน เป็นส่ิงที่จะ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความหมายของสิ่งท่ีเรียนได้อย่าง ชัดเจนตรงตามท่ีผูส้ อนต้องการ ช่วยลดระยะเวลาในการเรยี น และเอ้ืออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ท้งั ยัง ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนรู้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ส่ือการสอนก็มีหลายประเภท ส่ือการสอนแต่ละ ประเภทต่างก็มีลักษณะเฉพาะและคุณค่าในตัวของตัวมันเอง ซึ่งไม่เหมือนกันในการใช้ส่ือการสอนนั้น ผู้สอน จำเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะ และคุณสมบัติของส่ือแต่ละชนิดเพื่อที่จะเลือกใช้สื่อการสอน ให้เหมาะสม กับลักษณะเน้ือหาของบทเรียน วัตถุประสงค์ และผู้เรียน นอกจากน้ันผู้สอนยังต้องมีการวางแผนอย่างเป็น ระบบในการใช้สื่อการสอน เพื่อให้ กระบวนการเรียนการสอนดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลการ เรียนรู้ได้มากท่ีสุด กระบวนการเรียนการสอนมีลักษณะเช่นเดียวกับกระบวนการส่ือสาร (Communication Process) ที่มีการถ่ายทอดเนื้อหาสาระจากฝ่ายส่งไปยังฝ่ายรับ และการสื่อสารที่ดีนั้นควรจะเป็นการสื่อสาร แบบสองทาง (Two-way Communication) ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยส่ือท่ีช่วยให้เกิดการสื่อสารกันได้ใน ๒ ทิศทางด้วย เช่น โทรศัพท์ E-mail การประชุม การอภิปรายและการบรรยาย เป็นต้น แต่ถ้าส่ือท่ีใช้ในการ ติดต่อสื่อสารกัน ไม่อำนวยให้โต้ตอบกันได้ ก็จะเกิดการติดต่อส่ือสารในลักษณะที่เรียกว่าการ สื่อสาร แ บ บ ท างเดี ย ว (One-way communication) ซึ่ งส่ื อ ท่ี ใช้ ใน ก ารติ ด ต่ อ กั น ได้ แ ก่ ห นั งสื อ พิ ม พ์ แผน่ พบั โปสเตอร์ วิทยุ โทรทศั น์ และการบรรยายเป็นต้น ในกระบวนการเรียนการสอนระดบั อดุ มศึกษา เราใช้การติดต่อสื่อสารทั้ง ๒ ลักษณะดงั กลา่ วควบคู่ กนั ไป ข้ึนอยู่กับจุดประสงค์การสอน เนอื้ หาและวิธีการสอนในแตล่ ะคร้ัง อยา่ งไรกต็ ามการเรียนการสอนท่ชี ว่ ย สง่ เสรมิ ให้ผ้เู รยี น ไดร้ ับความรแู้ ละประสบการณ์ ในสาขาวิชาทีเ่ รยี นได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพน้ัน ควรจะมี ลกั ษณะที่เปน็ การส่อื สารแบบสองทาง ดงั น้ี ผสู้ อน สอ่ื การเรียนการสอน ผ้เู รียน จะเหน็ ไดว้ ่าทั้งกระบวนการสื่อสารและกระบวนการเรียนการสอน จำเปน็ ต้องอาศยั ส่ือในการถ่ายทอด หรอื ตดิ ต่อกนั ระหว่างบุคคล ถา้ ขาดสื่อแลว้ การติดตอ่ กันหรอื การเรยี นการสอนไม่สามารถเกิดข้ึนได้เลย ส่อื นับเป็นสิ่งทม่ี ีบทบาทสำคัญอยา่ งมาก ในการสอนต้งั แตใ่ นอดตี จนถึงปจั จบุ ันเน่ืองจากเป็นตวั กลางท่ชี ่วยใหก้ าร สือ่ สารระหวา่ งผู้สอนและผู้เรียนดำเนนิ ไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ช่วยใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจความหมายของเนื้อหา บทเรยี นให้ตรงกับผ้สู อนตอ้ งการ ไม่ว่าสอ่ื น้นั จะอยู่ในรูปแบบใดก็ตามลว้ นแตเ่ ป็นทรัพยากรท่ี สามารถอำนวย ความสะดวกในการเรียนรู้ได้ทั้งสน้ิ
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๓ ๒.๒ ความหมาย ส่อื การสอน (Instruction Media) หมายถงึ วสั ดุ อุปกรณ์ หรอื วิธกี ารใด ๆ กต็ ามท่ีเปน็ ตวั กลางหรือ พาหะในการถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติทักษะและประสบการณ์ไปสู่ผู้เรยี น สอื่ การสอนแต่ละชนิดจะมีคณุ สมบตั ิ พเิ ศษและมีคุณค่าในตวั ของมันเองในการเก็บและแสดงความหมายท่เี หมาะสมกบั เนื้อหาและเทคนิควธิ ีการใช้ อย่างมีระบบ๑ ส่ือการสอน (Instruction Media) หมายถงึ ตวั กลางที่ใช้ถา่ ยทอดหรอื นำความรใู้ นลักษณะต่าง ๆ จากผูส้ ง่ ไปยังผ้รู บั ให้เข้าใจ ความหมายไดต้ รงกนั ในการเรยี นการสอน สื่อท่ใี ชเ้ ปน็ ตวั กลางนำความรูใ้ น กระบวนการส่ือความหมายระหว่างผสู้ อนกบั ผู้เรียนเรียกวา่ สอ่ื การเรยี นการสอน (Instruction Media) เกอร์ลัช และอีลี (Gerlach and Ely) กล่าวว่า \"สอ่ื การสอน\" หมายถงึ บคุ คล วสั ดุหรอื เหตุการณ์ ตา่ ง ๆ ซ่ึงทำให้นกั เรียนได้รับความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ครู หนงั สอื และสง่ิ แวดลอ้ มของโรงเรยี นจัดเป็นส่อื การ สอนทง้ั สิน้ กิดานนั ท์ มลทิ อง กล่าววา่ \"ส่ือการสอน\" หมายถึง ตวั กลางทช่ี ว่ ยนำ และถา่ ยทอดข้อมลู ความรู้จาก ครูผูส้ อน หรอื จากแหลง่ ความรู้ไปยงั ผู้เรียนเพ่ือใหผ้ ้เู รยี นสามารถบรรลถุ ึงวตั ถปุ ระสงค์การเรยี นทีต่ ั้งไว้ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ให้ ความหมายของ \"สื่อการสอน\" วา่ คือวสั ดุ (สิ้นเปลือง) อปุ กรณ์ (เครื่องมอื ที่ใช้ ไมผ่ ุพังงา่ ย) วธิ ีการ (กจิ กรรม เกม การทดลอง ฯลฯ) ที่ใช้ส่ือกลางใหผ้ สู้ อนสามารถส่ง หรือถ่ายทอดความรู้ เจตคติ (อารมณ์ ความรสู้ ึก ความสนใจ ทัศนคติ และค่านยิ ม) และ ทักษะไปยังผ้เู รียน ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ไชยยศ เรืองสุวรรณ กลา่ ววา่ \"สื่อการสอน\" หมายถึง สิง่ ทช่ี ว่ ยให้การเรียนรู้ ซึ่งครูและนักเรยี นเปน็ ผใู้ ช้เพือ่ ให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพย่ิงข้นึ เปรื่อง กุมทุ กลา่ ววา่ \"สื่อการสอน\" หมายถงึ สง่ิ ตา่ งๆ ทีใ่ ช้เปน็ เคร่ืองมือ หรอื ชอ่ งทางสำหรับทำ ใหก้ ารสอน สง่ ไปถึงผู้เรยี น ทำให้ผเู้ รยี นสามารถเกิดการเรียนร้ตู ามวตั ถุประสงค์ หรอื จุดมุ่งหมายท่ีผสู้ อนวาดไว้ ไดเ้ ปน็ อย่างดี ไฮนิช (Heinich) และคณะ ไดใ้ หค้ วามหมายของสื่อการสอนไว้วา่ \"ส่อื การสอน\" หมายถึงสอื่ หรอื ตัวกลางชนดิ ใดกต็ าม ไม่ว่าจะเปน็ เทปบนั ทกึ เสียง สไลด์ วทิ ยุ โทรทัศน์ วดิ ีโอแผนภูมิ ภาพน่ิง เปน็ ต้น ซึ่งบรรจุ เนอื้ หาข้อความเกีย่ วกบั การเรียนการสอน ดังนนั้ จงึ พอสรุปไดว้ า่ \"สอื่ การสอน\"หมายถงึ ตวั กลางหรอื ชอ่ งทางท่ีบรรจเุ นือ้ หาสาระหรือสิง่ ท่ีผสู้ อน ต้องการถา่ ยทอดไปยงั ผเู้ รยี น ชว่ ยทำใหผ้ เู้ รยี นเกิดการ เรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่วางไว้ ๒.๓ ความสำคญั ขอ้ พิจารณาในการตอบคำถามว่า ทำไมจึงตอ้ งใช้สือ่ เพ่ือชว่ ยในการเรยี นการสอน มีอย่หู ลาย ประการดงั น้ี ๑. ช่วยให้คณุ ภาพการเรียนรู้ดีขึน้ เพราะมีความจรงิ จังและมคี วามหมายชดั เจนต่อผ้เู รียน ๒. ช่วยให้ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้ในปริมาณมากขนึ้ ในเวลาท่ีกำหนดไวจ้ ำนวนหนึ่ง ๓. ช่วยใหผ้ ้เู รยี นสนใจ และมสี ่วนร่วมอย่างแข็งขนั ในกระบวนการเรยี นการสอน ๔. ช่วยใหผ้ ู้เรียนจำ ประทบั ความรู้สึกได้รวดเร็วและดีข้ึน ๕. ชว่ ยส่งเสริมการคดิ และการแกป้ ัญหาในกระบวนการเรยี นการสอน ๖. ชว่ ยใหส้ ามารถเรียนรู้ในสง่ิ ทเ่ี รียนได้ลำบาก เพราะ ๑ หนว่ ยการเรยี นท่ี ๒ เรอื่ งส่อื การสอน. [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก http://reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/Elearning_files/data๒.html. สบื ค้นเมอ่ื ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๔ ๖.๑ ทำสงิ่ ที่ซับซอ้ นให้ง่ายขนึ้ ๖.๒ ทำนามธรรมใหเ้ ปน็ รูปธรรมขึ้น ๖.๓ ทำส่ิงที่เคลื่อนไหวหรือเปล่ียนแปลงช้าใหด้ เู ร็วข้ึน ๖.๔ ทำสิ่งทีเ่ คลือ่ นไหวหรือเปลี่ยนแปลงเรว็ ให้ดชู ้าลง ๖.๕ ทำส่ิงทใ่ี หญม่ ากให้ยอ่ ขนาดขึ้น ๖.๖ ทำสงิ่ ทเ่ี ลก็ มากให้ขยายขนาดขน้ึ ๖.๗ นำอดีตมาให้นักศึกษาได้ ๖.๘ นำสิ่งที่อยไู่ กลหรือล้ีลบั มาศกึ ษาได้ ในกรณนี เี้ ป็นการส่งเสริมการเรียนการสอน มคี ณุ ภาพดขี น้ึ และยงั สอดคล้องกบั วิธีการสอนท่ีครูผสู้ อนพิจารณาเลือกเอามาใช้สอนอกี ดว้ ย ๗. ช่วยใหผ้ ู้เรยี นเรียนสำเรจ็ ง่ายข้ึน และผ่านการวัดผลอนั หมายถึงการบรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องบทเรยี น ๒.๔ ประเภทของส่ือการเรียนการสอน มกี ารจำแนกประเภทส่ือการเรยี นการสอนตามแนวความคิดท่ีแตกต่างกัน ดังตวั อย่าง ๑. จำแนกประเภทสือ่ การเรยี นการสอน โดยพจิ ารณาจากลกั ษณะประสาทการรบั รขู้ องผู้เรียน จากการเห็นและการฟงั ซ่งึ สามารถจำแนกประเภทของสื่อได้ดงั ต่อไปนี้ ๑.๑ สือ่ ทเ่ี ปน็ ภาพ (Visual Media) ก. ภาพท่ีไมต่ ้องฉาย (Non-Projected) ได้แก่ ภาพบนกระดาษดำ ภาพจากแผ่น ภาพภาพจากหนงั สือและส่งิ พิมพต์ ่าง ๆ ข. ภาพทต่ี ้องฉาย (Projected) ได้แก่ ภาพจากเคร่ืองฉายภาพข้ามศีรษะ เครื่องฉาย สไลด์เครอ่ื งฉายภาพยนตร์หรือวิดีทัศน์ ๑.๒ สื่อที่เป็นเสียง (Audio Media) ได้แก่ ส่ือประเภทเสียงทใ่ี ช้ในกระบวนการเรยี นรู้ เช่น เทปบันทกึ เสยี ง วิทยุ เป็นตน้ ๑.๓ สื่อที่เปน็ ทง้ั ภาพและเสียง (Audio-Visual Media) ไดแ้ ก่ ส่อื ทแี่ สดงภาพและเสียง พรอ้ ม ๆ กนั เชน่ สไลด์ประกอบเสียง ภาพยนตรท์ ี่มเี สียง (Sound-film) เทปโทรทัศน์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอน (CAI) และมัลตมิ เิ ดีย เปน็ ตน้ ๒. จำแนกประเภทของส่ือการเรยี นการสอน ในทางเทคโนโลยกี ารศกึ ษา อาจจำแนกได้เปน็ ๒.๑ เคร่อื งมอื อุปกรณ์ (Hardware) ส่ือการเรยี นการสอนประเภทเครือ่ งมอื หรอื อุปกรณ์ เรียกกันโดยทั่วไปว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่ือใหญ่ (Big Media) หมายถึง ส่ิงท่ีเป็นอุปกรณ์ทางเทคนิค ทั้งหลายที่ประกอบด้วยกลไกไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ใช่ส่ิงส้ินเปลือง ได้แก่ เครื่องฉายทั้งหลาย เช่น เครื่องฉายภาพยนตร์ เคร่ืองฉายสไลด์เครื่องฉายภาพทึบแสง เคร่ืองฉายภาพข้ามศีรษะ เคร่ืองรับโทรทัศน์ รวมทั้งเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางเทคนิคอื่น ๆ ท่ีเป็นทางผ่านของความรู้ เช่น เคร่ืองฉายจุลซีวันเครื่อง คอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น ๒.๒ วัสดุ (Software) ส่ือการเรียนการสอนประเภทวัสดุ บางคร้ังเรียกว่า ซอฟต์แวร์ (Software)หรือส่อื เล็ก (Small Media) ซงึ่ เปน็ วัสดุท่เี ก็บความร้ใู นลักษณะของภาพ เสยี ง และตวั อักษร ในรปู แบบต่าง ๆ จำแนกได้ ๒ ประเภท คือ ก. วสั ดุทีต่ ้องอาศัยเคร่ืองมอื หรอื อุปกรณ์ (Hardware) เพื่อเสนอเรื่องราว ข้อมลู หรอื ความรู้ ออกมาส่ือความหมายแก่ผเู้ รียน ได้แก่ ฟลิ ์ม แผน่ ใส เทปบันทกึ เสยี ง เป็นตน้ ข. วสั ดทุ ีเ่ สนอความรูไ้ ด้ดว้ ยตนเอง โดยไมต่ ้องอาศัยเครอ่ื งมือหรืออปุ กรณ์ใด ๆ เช่น ตำรา
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๕ หนังสือ เอกสาร คู่มือ รูปภาพ แผ่นภาพ ของจรงิ ของตวั อย่าง ห่นุ จำลอง เป็นต้น ๒.๓ เทคนิคและวิธกี าร (Technique and Method) การสื่อความหมายในการเรยี นการ สอนบางครัง้ ไม่อาจทำไดด้ ้วยเครอื่ งมืออปุ กรณห์ รอื วัสดุ แตจ่ ะตอ้ งอาศยั เทคนิคหรอื วิธีการเพื่อการใหเ้ กดิ การ เรยี นรู้ หรือใช้ทง้ั วสั ดุอุปกรณ์และวิธีการไปพร้อม ๆ กัน แต่เน้นทวี่ ธิ ีการเปน็ สำคัญ เช่น การสาธติ ประกอบการ ใชเ้ คร่ืองมือเครอ่ื งจักร การทดลอง การแสดงบทบาทการศึกษานอกสถานท่ี การจัดนิทรรศการ เป็นตน้ ดงั น้ัน เทคนิคหรือวธิ กี ารต่าง ๆ ดังกล่าวจึงจัดว่าเป็นสื่อการเรียนการสอนอีกประเภทหนึง่ แต่สือ่ ประเภทนี้มกั จะใช้ ร่วมกบั สอื่ ๒ ประเภทแรก จงึ จะได้ผลดี เมื่อกล่าวถึงการส่ือการเรยี นการสอนในกระบวนการเรียนการสอนโดยทว่ั ไป สว่ นใหญ่จะคำนงึ ถงึ วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ประกอบการเรียนรู้ ซ่ึงได้แก่ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ มากกว่าเทคนิคหรือวิธีการ ดังนั้นจึงนิยม เรียกสื่อการเรียนการสอนว่าอุปกรณ์ช่วยสอนหรืออุปกรณ์การสอน (Teaching Aids) ซึ่งหมายถึงวัสดุและ อุปกรณ์ท่ีใช้ประกอบการเรียนรู้หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อความหมาย อันจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความ เข้าใจในบทเรียนไดง้ ่ายขึ้น ๒.๕ การเลือกส่อื การเรยี นการสอน ในการพิจารณาเลือกใช้หรือสร้างสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับวัตถุประส งค์ในขั้นต้นจะต้อง พจิ ารณาเปา้ หมายของวัตถุประสงค์ของบทเรียนเป็นหลัก โดยการวิเคราะห์เน้ือหาของวัตถุประสงค์น้ัน ๆ ว่ามี จุดสำคัญอะไรควรส่ือความหมายลักษณะใด จากนั้นจึงเลือกลักษณะของส่ือให้สอดคล้องกับเน้ือหาหลักของ วตั ถปุ ระสงคน์ ้นั โดยพจิ ารณาเลอื กเรียงลำดบั จากสิ่งที่เปน็ นามธรรม (Abstract) ไปส่สู ง่ิ ท่เี ปน็ รปู ธรรม (Concrete) ดังนี้ ตัวอย่างการเลือกสื่อการเรียนการสอน วัตถปุ ระสงค์ของบทเรยี น : หลังจากจบบทเรยี นแลว้ ผเู้ รยี นจะสามารถ ก. อธบิ ายความหมายของคำว่า “ส่ือการเรยี นการสอน” ได้ ข. บอกช่อื ส่วนต่างๆ ของหลอดไฟแบบมีไส้ (Incandescent Lamp)ได้ ค. อ่านค่าแรงดัน กระแส ความต้านทานทยี่ า่ นวัดต่างๆ ของมัลติมเิ ตอรไ์ ด้ถูกต้อง การพิจารณาเลอื กส่ือการเรียนการสอน วตั ถปุ ระสงค์ข้อ ก. พบวา่ สือ่ ทจ่ี ำเปน็ ในการใชส้ อนเพ่ือใหบ้ รรลเุ ป้าหมายได้ก็คือ ใช้เพยี งคำพดู บรรยายกเ็ พยี งพอแลว้ วตั ถปุ ระสงค์ข้อ ข. ถ้าใช้คำพดู หรือบรรยายเพียงอย่างเดียวคงไม่พอทจี่ ะใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลุเปา้ หมาย
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๖ ได้ง่ายนัก ดังน้นั จงึ ต้องมีสอ่ื การเรยี นการสอนอ่นื ๆ ช่วย เชน่ รูปภาพนง่ิ หุ่นจำลอง หรอื ของจริง ซ่ึงสื่อทง้ั ๓ ลกั ษณะนน้ี า่ จะช่วยใหผ้ ูเ้ รียนบรรลุวัตถุประสงคท์ ี่ตงั้ ไว้ได้ดีกว่า แตก่ ารท่ีจะกำหนดวา่ เปน็ สื่อประเภทใดนั้นจะต้องพิจารณาต่อไปถึงปัจจยั อื่นประกอบ ดงั นน้ั ในวตั ถปุ ระสงคข์ ้อนสี้ ื่อการเรยี นการสอนทีเ่ ลือกใช้จงึ อาจเป็นแผ่นใสหรอื แผน่ ภาพทเ่ี ปน็ รปู หลอดไฟฟา้ ขนาดใหญ่หรอื ใชห้ ลอดไฟฟ้าจริงกไ็ ด้เนื่องจากหาได้งา่ ย แต่จะตอ้ งมจี ำนวนเพียงพอกบั ความตอ้ งการของผู้เรยี น เน่ืองจากของจรงิ มีขนาดเล็กเกนิ ไป วัตถปุ ระสงค์ข้อ ค. เนือ่ งจากมัลติมเิ ตอรข์ องจริงมขี นาดเล็ก ผู้เรียนท้งั ชั้นไมส่ ามารถมองเหน็ สเกล หรืออ่านคา่ ได้พร้อม ๆ กนั ควรเพิ่มขนาดมัลติมเิ ตอร์ใหใ้ หญ่ขนึ้ โดยทำเปน็ แผน่ ภาพ แผ่นใสหรอื จำลองแบบ จากของจรงิ จะเป็นสอ่ื ทช่ี ัดเจนกวา่ และผ้สู อนสามารถควบคมุ ชัน้ เรียนไดใ้ นเวลาเดยี วกนั ส่วนการใช้มัลติ มเิ ตอรจ์ รงิ จะควบคุมการสอนได้ยากในชว่ งของการใหเ้ น้ือหาแตถ่ ้าเป็นการประลองหรอื เป็นแบบฝึกหัด จะ เหมาะสมกว่าแผน่ ภาพหรอื แผน่ ใส เมอ่ื พจิ ารณาไดล้ กั ษณะของสื่อ จาการวิเคราะหเ์ น้ือหาหลักของวัตถุประสงค์บทเรียนแลว้ ในข้นั ต่อไป เปน็ การวเิ คราะห์ตอ่ เพือ่ หาประเภทของสือ่ หรืออปุ กรณช์ ่วยสอนท่สี อดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์น้ันโดยพิจารณา จากคณุ สมบัติเฉพาะตวั และความเหมาะสมในการใชป้ ระกอบการสอนของส่ือการเรียนการสอนแต่ละประเภท ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๗
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๘ ๒.๖ เทคนิคการใช้สอ่ื สารการเรยี นการสอน การใช้ส่ือการเรียนการสอน ย่อมจะมีเทคนิคท่ีแตกต่างกันไปตามเง่ือนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลกั ษณะและคุณสมบตั ขิ องส่อื แต่ละประเภท กลุ่มผ้เู รียน ผสู้ อน สถานท่ี ความพร้อมของอปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมือ ประกอบตลอดจนสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ เปน็ ต้น แตห่ ลกั การสำคญั ทจ่ี ะต้องคำนงึ ถงึ อยู่เสมอก็คอื “เงื่อนไข การเรยี นรู้” คินเตอร์ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการใชส้ ่อื การเรียนการสอนไว้ ดงั ต่อไปน้ี ๑.ไม่มีวธิ ีการสอนหรือวสั ดุประกอบการสอนชนิดใด ท่ีจะสามารถใช้กับผู้เรียนและบทเรียนทั่วไปได้วิธี สอนและวัสดุประกอบการสอนแตล่ ะประเภทยอ่ มมีจดุ มุ่งหมายเฉพาะของมันเอง ๒. ในบทเรียนหน่ึง ๆ ไม่ควรใช้ส่ือการเรียนการสอนมากเกินไป ควรใช้เพียงแต่เท่าท่ีจำเป็นเท่าน้ันใน บางครั้งกไ็ ม่ควรใช้สื่ออยา่ งเดียวตลอด ๓. ส่อื การเรียนการสอนทใี่ ช้ควรจะต้องสอดคลอ้ งกบั บทเรยี นและกระบวนการเรียนการสอน ๔. ส่ือการเรียนการสอนควรสร้างให้เกิดโอกาสที่ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเตรียมและการใช้อัน กอ่ ใหเ้ กิดประสบการณ์การเรยี นรทู้ ไ่ี มล่ ืมงา่ ย ๕. ก่อนใช้ส่ือการเรียนการสอน ผู้สอนควรทดลองใช้ก่อนเพ่ือความแน่ใจว่าจะใช้ได้ถูกต้อง และมี ประสิทธภิ าพนอกจากนน้ั ยังต้องจดั เตรียมอุปกรณแ์ ละเครือ่ งมือประกอบให้พร้อมทกุ อย่าง ๒.๗ ลกั ษณะและแนวทางการใชส้ ือ่ ประเภทตา่ ง ๆ ๑. กระดานดำ (Chalk Boards) ก. เหตุผลทีเ่ ลือกใช้ ขอ้ ความท่แี สดงส้นั ๆ ภาพทแี่ สดงเปน็ ภาพงา่ ยๆ ใช้เวลาเขยี นสน้ั ๆ ไมม่ ีไฟฟา้ หรืออปุ กรณ์อ่ืน ๆ ตอ้ งการเปลีย่ นแปลง แก้ไขภาพหรอื ขอ้ ความบ่อยๆ
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๑๙ ใชก้ บั ผ้เู รียนจำนวนไม่มากนัก ข. กิจกรรมในการเรยี นการสอน เหมาะสำหรบั การเรียนการสอนแบบบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ สามารถให้ผ้เู รียนรว่ มกจิ กรรมบนกระดานดำไดง้ ่าย และพร้อมกนั หลายคนได้ เปลยี่ นแปลงและเพม่ิ เติมรายละเอียดต่าง ๆ ได้ง่าย ค. ลกั ษณะทางเทคนิค ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ประกอบ ไมต่ ้องใชไ้ ฟฟา้ เก็บรกั ษาไว้ไม่ได้ อายกุ ารใชง้ านสั้น มีเนือ้ ที่ในการใชง้ านกว้าง ๒. ใบเน้ือหาและใบงาน (Information Sheet and Work Sheets) ก. เหตผุ ลทเ่ี ลือกใช้ ไม่มีตำราหรือหนงั สือท่ีเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับความต้องการโดยตรง เนอ้ื หาที่ต้องการกระจัดกระจายอยูใ่ นตำราหลายเล่ม ตำรามรี าคาแพงเกนิ ไป และมีเน้อื หาเกนิ ความตอ้ งการ รายละเอียดเน้ือหามีมาก หรือมภี าพและวงจรทีซ่ ับซ้อนเสยี เวลานานในการลอกจาก กระดานดำ ในการสอนผู้เรียนจำนวนมาก ๆ แบบบรรยายควรมใี บเนอื้ หา ใบงานประกอบเพอ่ื ให้ทกุ คน เรียนไดท้ ่ัวถึง ข. กจิ กรรมในการเรยี นการสอน เหมาะสำหรบั การเรียนการสอนแบบบรรยาย ถาม-ตอบ แบบเปน็ กลุ่มยอ่ ย หรือเรยี น ดว้ ยตนเอง ผู้เรยี นทกุ คนสามารถมีกจิ กรรมพร้อมกันในเวลาเดยี วกัน เชน่ อ่านและทำใบงาน สามารถให้ผเู้ รียนศึกษาและทบทวนบทเรยี นได้ดว้ ยตนเอง ขณะที่ผสู้ อนกำลังบรรยายหรือปอ้ นข้อคำถามระหวา่ ง บทเรยี นไม่ควรแจกใบเนื้อหา ใหผ้ เู้ รียนอา่ น ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ ตอ้ งใชว้ สั ดุอปุ กรณใ์ นการสร้าง เช่น กระดาษไข กระดาษ เครอ่ื งโรเนียว เครื่องถ่าย เอกสารหรอื เครื่องพมิ พ์คอมพวิ เตอร์ เป็นต้น ตอ้ งใช้พนักงานพมิ พด์ ีดช่วย หรอื ผสู้ อนต้องพิมพ์เองในการสร้างตน้ ฉบบั สามารถทำสำเนาได้จำนวนมากไม่จำกดั จัดเกบ็ รกั ษาง่าย และสะดวกต่อการนำไปใช้คร้งั ต่อไป ๓. แผ่นภาพ (Wall Charts) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ภาพที่แสดงยุง่ ยากซบั ซอ้ นต้องใชเ้ วลาเขยี นมาก ไม่มีไฟฟา้ หรืออปุ กรณเ์ ครื่องฉายภาพอนื่ ๆ ในหอ้ งเรียน ดงึ ดดู ความสนใจของผูเ้ รยี นทง้ั ชน้ั มาทีภ่ าพได้ ต้องการแสดงให้เหน็ ทลี ะขนั้ ตอนโดยใช้ภาพแยกสว่ น ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๐ เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ สามารถให้ผ้เู รียนร่วมกิจกรรมได้ โดยใชด้ นิ สอสหี รือชอลค์ สีเพ่มิ เติมรายละเอยี ดได้ ให้ผ้เู รยี นอธิบายสว่ นประกอบต่างๆ ของภาพหน้าชน้ั เรียนได้ ภาพทกุ ภาพควรมรี ายการคำถามทด่ี ปี ระกอบ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในการ คดิ หาคำตอบ ค. ลักษณะทางเทคนคิ ไมต่ ้องใชอ้ ุปกรณเ์ ครอ่ื งมือท่ยี ุ่งยากในการสร้าง ยกเวน้ ในกรณีต้องการลอกรูปภาพ ทซ่ี บั ซอ้ น จากตำราต้องใชเ้ ครือ่ งขยายภาพ ไม่ต้องใชไ้ ฟฟา้ หรืออปุ กรณ์ในขณะใช้สอน การเก็บรักษาคอ่ นขา้ งยุง่ ยากเพราะมีขนาดใหญ่ ๔. แผน่ ใส (Overhead Transparencies ) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ภาพที่แสดงยุ่งยากซบั ซอ้ น เสียเวลาในการเขียนมาก ต้องการแสดงรูปภาพที่เป็นขน้ั ตอน โดยใช้ภาพซ้อน (Over Lay) ตอ้ งการขยายภาพให้มีขนาดใหญ่หรือเลก็ ได้ตามต้องการ ตอ้ งการใชภ้ าพซ้อนทีส่ ามารถเลือ่ นหรอื เคล่อื นท่ีได้ สามารถควบคุมชน้ั เรยี นได้ดใี นขณะสอน ข. กจิ กรรมในการเรยี นการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย หรือถาม-ตอบ ผเู้ รียนสามารถร่วมกจิ กรรมโดยเขียนลงบนแผน่ ใสได้ ผู้เรยี นสามารถอธบิ ายรายละเอยี ดตา่ งๆ ของภาพหนา้ ชั้นเรียนได้ การเตรยี มภาพแผน่ เดยี่ วหรอื ภาพซ้อน ควรมรี ายการคำถามประกอบภาพทเี่ หมาะสม เปน็ ข้นั ตอน ค. ลักษณะทางเทคนิค สามารถสร้างขนึ้ เองไดง้ า่ ย ๆ โดยใชป้ ากกาเขยี นแผ่นใส (ปัจจุบันสามารถลอกภาพ ท่ีซับซ้อนจากตน้ ฉบับโดยใช้เครือ่ งถ่ายเอกสาร หรอื เครื่องสแกนเนอร์) ฉายภาพในห้องสว่างได้ ไม่จำเปน็ ต้องใช้ในห้องมดื การเก็บรักษาง่ายและเคลอื่ นยา้ ยสะดวก ต้องใชไ้ ฟฟา้ และเครื่องฉายภาพโปร่งใส (Overhead Projector) ๕. โมเดลพลาสตกิ (Overhead Plastic Models) ก. เหตุผลทเ่ี ลือกใช้ แสดงหลักการทำงานของช้นิ สว่ นที่เคล่อื นไหวได้ แสดงสว่ นประกอบหลกั ท่ีไม่ยุง่ ยากนัก สามารถควบคุมช้ันเรียนไดด้ ีขณะสอน ช่วยกระตุ้นใหผ้ เู้ รียนมีกจิ กรรมร่วม ข. กจิ กรรมในการเรยี นการสอน เหมาะกับการสอนแบบบรรยาย และถาม-ตอบ สามารถให้ผูเ้ รยี นร่วมกิจกรรมไดโ้ ดยการอธบิ ายประกอบการเคลอื่ นไหวชิน้ ส่วนตา่ ง ๆ ขน้ั ตอนการเคลื่อนท่ขี องชิ้นสว่ นต่างๆ ผู้สอนสามารถเตรยี มคำถามไวถ้ ามเป็นขน้ั ตอนได้ ค. ลักษณะทางเทคนิค
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๑ สามารถสรา้ งได้ง่าย ราคาไม่แพง สามารถฉายในหอ้ งทส่ี วา่ งได้ ไมจ่ ำเปน็ ต้องใชห้ ้องมืด ช้ินสว่ นตา่ ง ๆ มขี นาดพอเหมาะ และน้ำหนักเบา การเกบ็ รักษาและทำความสะอาดง่าย สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก ๖. ภาพสไลด์ และแผ่นภาพยนต์ (Slide Series and Filmstrips) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ แสดงภาพทยี่ งุ่ ยากซับซ้อนมากหรอื ภาพถา่ ยของจริง ดึงดูดความสนใจของผเู้ รยี นมารวมทภี่ าพได้ สามารถย่อภาพให้เลก็ หรือขยายใหญ่ตามขนาดของกลมุ่ ผ้เู รียนได้ ต้องการแสดงภาพประกอบเสยี งในกรณีทตี่ ้องการให้ผูเ้ รียนเรยี นดว้ ยตนเอง โดยใช้ ภาพสไลด์ ชุดประกอบเทป ( Slide-tape Program) ข. กิจกรรมในการเรยี นการสอน ภาพสไลดเ์ ดีย่ วสามารถสอนไดโ้ ดยวธิ ีการบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ สว่ นสไลด์ชดุ ประกอบ เทป สามารถเรยี นได้ดว้ ยตนเอง ผเู้ รียนรว่ มกจิ กรรมไดโ้ ดยการตอบคำถามจากผู้สอนเม่ือสอนดว้ ยภาพสไลดเ์ ดีย่ ว ผู้เรียนสมารถอธิบายรายละเอยี ดจากภาพหน้าชน้ั เรยี นได้ การใช้ภาพสไลดเ์ ด่ียวผู้สอนควรเตรียมรายการคำถามประกอบภาพ ไวเ้ ปน็ ขั้นตอน จะดกี วา่ การสอนแบบบรรยายจากภาพโดยตรง ค. ลักษณะทางเทคนิค สามารถทำขึน้ ใช้เองไดง้ ่าย โดยใช้กล้องถ่ายรปู ธรรมดา กระบวนการล้างฟิลม์ ทำไดง้ า่ ยสะดวกโดยร้านถ่ายรูปถ่ัวไป การเก็บรักษาภาพง่าย และสะดวกเพราะมีขนาดเล็ก เครอ่ื งฉายภาพสไลด์ชนิดไฟแรงสงู สามารถฉายไดใ้ นมุมมดื ของห้อง โดยไม่ต้องฉาย ในห้องมดื สามารถใชร้ ่วมกบั เทปเปน็ ชดุ สไลด์ประกอบเสียง สามารถถ่ายสำเนาเป็นหลาย ๆ ชดุ ได้สะดวก ๗. แถบวิดีทัศน์ และแผน่ วดิ ีทัศน์ (Videotape Recording and Videodiscs) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ อธบิ ายโดยภาพเคลื่อนไหวหรือการเคลื่อนท่ีอยา่ งต่อเนื่อง ดึงดดู ความสนใจของผเู้ รียนได้เปน็ อย่างดี สามารถย้อนกลบั ไปเร่ิมเนื้อหาเดมิ ไดต้ ลอดเวลา สามารถย่อหรือขยายภาพได้ตามขนาดตามความเหมาะสมของผู้เรยี น สามารถใช้ภาพนิ่งหรือภาพเคลอ่ื นไหวรว่ มกันได้ มีเสยี งบรรยายท่ีสัมพนั ธ์กับภาพจรงิ เคล่ือนไหวหรอื ภาพเคล่ือนไหวด้วยเทคนิคพิเศษ สามารถเลือกกรอบเฉพาะเจาะจงไดบ้ นแผ่นวดิ ที ัศน์ ข. กิจกรรมในการเรยี นการสอน สามารถใช้กับการเรียนการสอนได้หลากหลายวิธี รวมถึงการเรยี นด้วยตนเอง ผู้เรยี นรว่ มกิจกรรมได้ระหว่างบทเรยี นโดยการตอบคำถามหรอื ทำกจิ กรรมกลุม่ ค. ลกั ษณะทางเทคนิค
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๒ สามารถจดั ทำใช้ไดด้ ว้ ยตนเองโดยใชเ้ คร่ืองมืออปุ กรณ์ที่ไม่ยุ่งยาก ต้องใช้ประกอบกบั เครอ่ื งเลน่ และเครอ่ื งฉาย ไม่จำเปน็ ต้องฉายในหอ้ งมืด ต้องพฒั นาให้ทันกับระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศทที่ นั สมัย สามารถใชร้ ่วมกับเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ ผลติ ต้นฉบบั ราคาสูง สะดวกในการสำเนาหลาย ๆ ชดุ ได้อย่างรวดเรว็ งา่ ยและสะดวกต่อการบำรงุ รกั ษา จดั เก็บและเคลือ่ นย้าย ๘. หนุ่ จำลอง (Models) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ สามารถมองเห็นได้ ๓ มติ ิ เข้าใจงา่ ย สาธติ การทำงานของอปุ กรณ์ ชิ้นสว่ นหรือกลไกทยี่ ุ่งยากให้เข้าใจได้งา่ ยและรวดเรว็ ขึ้น สาธติ การทำงานท่ีเคล่ือนไหวรวดเรว็ ให้ชา้ ลง ตรวจปรบั ความเขา้ ใจของผู้เรียนระหวา่ งภาพกับของจริง โดยเฉพาะวชิ าเขยี นแบบ เทคนิค ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกับการสอนแบบรรยาย และถาม-ตอบ สังเกตการสาธิตของผสู้ อนและตอบคำถาม ผสู้ อนและผู้เรียนรว่ มกันปฏิบตั ขิ ณะสาธติ อภปิ รายปญั หาร่วมกนั ค. ลักษณะทางเทคนิค มีรปู ทรงเปน็ ๓ มิติ คล้ายของจรงิ สรา้ งได้เองในสถานศึกษา มีขนาดเหมาะ นำ้ หนักเบา จัดเกบ็ และเคลอ่ื นยา้ ยสะดวก ใช้วัสดทุ ีห่ าได้ง่ายในทอ้ งถิ่นและราคาถูก ๙. ชดุ ทดลอง/สาธติ (Experimental/Demonstration Sets)หรือชุดฝกึ ปฏิบตั ิ ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ต้องการพิสจู น์ข้อเท็จจรงิ ทำให้ผเู้ รียนหรอื ผรู้ ับการฝกึ ไดเ้ ห็นปรากฏการณ์จากการทดลองปฏิบัติจริง ตอ้ งการแสดงกระบวนการหรือขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ของผลลัพธท์ ่ตี ้องการ กระตนุ้ ความสนใจของผู้เรียนหรอื ผู้รับการฝึกไดด้ ี ผู้เรยี นหรอื ผู้รบั การฝึกสามารถเรียนรเู้ ป็นรายบคุ คล เป็นกลุ่มหรือร่วมกับผูส้ อนได้ ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน สามารถใชก้ ับการสอนหรือการฝกึ ได้หลายวิธี ผูส้ อนหรือผู้ฝกึ เตรยี มเคร่ืองมืออุปกรณ์ และวสั ดตุ า่ ง ๆ ท่ตี อ้ งใช้สำหรบั การทดลอง หรอื สาธิต ผสู้ อนหรอื ผฝู้ กึ ให้คำปรึกษาแนะนำระหว่างบทเรียนหรอื การฝึกได้ตลอดเวลา ผเู้ รียนหรอื ผรู้ ับการฝกึ มีกิจกรรมรว่ มระหว่างบทเรียนหรอื การฝึก ค. ลักษณะทางเทคนคิ ตอ้ งใช้เวลาในการเตรยี มการค่อนข้างมาก
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๓ มขี นาดใหญ่ น้ำหนักค่อนข้างมาก และเคลอื่ นย้ายไม่สะดวก อปุ กรณ์ประกอบมรี าคาแพง ต้องการสถานท่ีในการจดั เก็บและบำรุงรักษา ๑๐. ของจริง (Real Objects) ก. เหตุผลทเ่ี ลือกใช้ ไม่สามารถใชส้ ื่อชนิดอื่นๆ ได้ดเี ทา่ ของจริงสามารถหาไดง้ า่ ย หรอื ยมื มาได้จากโรงฝึกงาน ของจริงสามารถแสดงรายละเอยี ดและวตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการได้ ของจรงิ มนี ำ้ หนักและขนาดพอเหมาะทจ่ี ะนำมาใชป้ ระกอบการสอนในชัน้ เรียนได้ ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย สาธติ หรือถาม-ตอบ ผ้เู รียนสามารถร่วมกิจกรรมโดยอธบิ ายหรอื สาธิตจากของจริงน้ันได้โดยตรง จบั ต้อง สังเกต ศึกษาได้ด้วยตนเอง หรอื เป็นกลมุ่ ยอ่ ย โดยใชใ้ บงานประกอบ ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ ส่วนใหญไ่ ด้มาจากโรงฝึกงาน หรอื ห้องประลองเพื่อนำมาประกอบการสอนทางดา้ น ทฤษฎี ภายในห้องเรียน ขนาด น้ำหนกั คือ ข้อจำกัดในการนำมาใช้ ตอ้ งการการจำแนกความแตกตา่ งของชิ้นสว่ น โดยใชส้ หี รอื สัญลกั ษณ์ ต้องการสือ่ ประเภทอน่ื ช่วย ในกรณที ่ีไม่สามารถเห็นการทำงานทีย่ งุ่ ยาก ซับซ้อน หรือมขี นาดเล็กเกนิ ไป ๒.๘ แนวทางการเก็บรักษาส่อื การเรยี นการสอน การเก็บรักษาสื่อเป็นสิ่งสำคัญประการหน่ึงในเรื่องการใช้ ผู้สอนหรือสถานศึกษาหลายแห่งอาจจะ มองข้ามความสำคัญในเร่ืองนี้ไป ถ้าหากมีสื่อการสอนต่าง ๆ ไม่มากนักก็อาจจะไม่จำเป็นแต่ต้องมีมากข้ึนก็จำ เป็นต้องมีหน่วยจัดเก็บ บริการเบกิ ยืมส่ือการเรยี นการสอน ประโยชนท์ ี่จะต้องได้นอกจากสะดวกแกก่ ารเบิกยืม ยังช่วยในการพัฒนาส่ือการเรยี นการสอนอย่างต่อเนื่อง ในระบบใหญ่สามารถจะนำเคร่ืองคอมพิวเตอร์มาใช้ใน การจัดการดา้ นน้ีการจัดการให้เกดิ ระบบในการเก็บรักษาส่ือ จะตอ้ งกำหนดสิ่งเหล่านใี้ หแ้ น่นนอนเสยี ก่อน ๑. เลขหมายรหัสของสื่อ สอ่ื การเรยี นการสอนแตล่ ะประเภทแต่ละชน้ิ จะต้องใหเ้ ลขหมายรหสั ถา้ หากเป็นประเภทเดยี วกัน แต่มหี ลายช้นิ เช่น ใบงาน ใบเนื้อหา สไลด์ ควรจะใหเ้ พยี งเลขหมายเดยี ว เลขหมายที่ให้นี้ จะทำหนา้ ที่แทนช่ือ ของส่ือการเรียนการสอนนั้น ๆ เลขหมายจะเป็นเลขก่ีหลัก ข้ึนอยู่กับจำนวนที่คาดการณ์ว่าจะมีได้ไม่ควรจะให้ เลขหมายรหสั ของส่ือ ทำหน้าที่แทนเลขหมายการจดั จำแนกดว้ ย เพราะจะได้ตัวเลขทีย่ าวมากอย่างไรกต็ ามเลข หมายรหัสสามารถจะจัดแบ่งใช้เป็นช่วงๆ เชิงการจำแนกที่จะสะดวกต่อการค้นหาใช้งาน เช่น แบ่งเป็นช่วง ๆ เพื่อจำแนกสาขาวิชา ส่ือการเรียนการสอน แต่ละประเภทจะต้องกำหนดบริเวณที่ติดตามเลขหมายเลขรหัสท่ี แนน่ อนเหมือน ๆ กนั ๒. เลขหมายการจดั จำแนก เป็นเลขหมายท่ีกำหนดข้นึ เพ่ือกำกับคู่กับเลขหมายรหัสของสื่อ สำหรับใช้ในการจำแนกและค้นหาสื่อ จำนวนตัวเลขจะข้ึนอยู่กับขอบเขตของการจำแนก และจะเรียงกันไปตามลำดับความสำคัญในการจำแนก ความสะดวกในการคน้ หาเพ่ือนำไปใช้งาน เช่น จำแนกสาขา หวั เร่อื ง ประเภทสื่อ เป็นต้น
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๔ ๓. สถานท่ี อุปกรณ์ สำหรบั เกบ็ สือ่ สถานท่ี อุปกรณ์ ได้แก่ ห้อง ตู้ ช้ัน ของ กล่อง อุปกรณ์สำหรับแขวน ยึด เป็นต้น ต้องจัดเตรียมให้ เหมาะสม กับสอื่ การเรียนการสอนแตล่ ะประเภท และจัดเตรียมเลขหมายต้ชู ้ันไว้ด้วยนอกจากการจัดเตรยี มสิ่ง ทั้งสามประการแล้ว ควรจะจัดเตรียมเอกสารท่ีจำเป็นต้องใช้ในการทำงาน ด้วย เช่น ใบทะเบียน เพื่อรวยรวม รายละเอียดต่าง ๆ ของส่ือแต่ละช้ิน เช่น เลขหมายรหัสช่ือสื่อ การจัดจำแนกตู้ชั้นท่ีจัดเก็บ แหล่งท่ีมาได้มา อย่างไรข้อมูลด้านเทคนคิ (ขนาด จำนวน น้ำหนัก เป็นตน้ ) ราคาเลขหมายรหัสสอื่ ท่ีต้องใช้ประกอบเอกสารอีก ประการหน่ึง คือ บัญชีส่ือ เพ่ือตรวจสอบการออกเลขหมายรหัสส่ือ นอกจากนั้นก็ต้องจัดเตรียมใบเบิกยืมส่ือ กำหนด ระเบียบข้ันตอนการเบิกยืม เอกสารความรู้เก่ียวกับการจัดแบบเก็บรักษาส่ือเพ่ือให้ผู้ท่ีจะมาทำหน้าที่ ในเรอ่ื งนีไ้ ด้เข้าใจระบบงานและการพัฒนาระบบต่อไปในอนาคต ๒.๙ เง่ือนไขเกย่ี วกบั การสร้างส่ือการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอนท่ีมีอยู่ในสถานศึกษาอาจกล่าวได้มาจาก ๒ แหล่ง คือ มาจากแหล่งภายนอก ได้แก่ การจัดซ้ือหรือการบริจาค และอีกแหล่งมาจากการทำขึ้นเอง โดยผู้สอนหรือผู้เรียนภายในสถานศึกษา การจัดให้มีส่ือสารการเรียนการสอนนั้น อาจกล่าวได้ว่าขึ้นอยู่กับเง่ือนไขต่าง ๆ ในสถานศึกษา เช่น นโยบาย งบประมาณ วัสดุ เทคโนโลยี ความรู้ประสบการณใ์ นการสร้าง ความรูป้ ระสบการณ์ตลอดจนทัศนคติของผู้สอน และเง่อื นไขเก่ยี วกับผูเ้ รยี นเงื่อนไขต่าง ๆ พอจะสรุปในรายละเอียดได้ดังนี้ ๑. เงอ่ื นไขจากสถานศึกษา ๑.๑ สถานภาพของการศึกษา ไดแ้ ก่ ขนาดของสถานศึกษา งบประมาณ ความพรอ้ มและ ความสะดวกในเรอ่ื งวสั ดุ อุปกรณเ์ ครื่องมือและเครื่องจักรต่าง ๆ ๑.๒ การบรหิ ารงาน ผ้บู ริหารไดเ้ นน้ หรือให้ความสำคญั ในเรื่องสอ่ื การเรยี นการสอน หรือ ไม่เพียงใด ๑.๓ ลกั ษณะการเรียนการสอน เช่น หลกั สูตรการศึกษา แผนการสอน ระดับชั้น และ สาขาการศึกษา ๒. เงอ่ื นไขจากตัวผู้สอน ๒.๑ พนื้ ฐานความร้แู ละประสบการณข์ องผสู้ อนแตล่ ะคนจะแตกต่างกัน ประสบการณใ์ น การสอน และความเช่ยี วชาญในเนอื้ หาวิชา ทำให้เอื้ออำนวยต่อการสรา้ งและใชส้ ื่อการเรยี นการสอนได้ดีกว่า ๒.๒ ประสบการณใ์ นการทำสื่อการเรียนการสอน ผูท้ ่เี คยทำการออกแบบสร้างส่ือการเรียน การสอน จะสามารถทำได้ดว้ ยตนเอง และเขา้ ใจปัญหาต่าง ๆ ระหว่างดำเนินงาน ๒.๓ ทัศนคตใิ นการใช้ เช่น ความกลา้ ความกระตือรอื รน้ ท่ีจะใช้สอ่ื ตลอดจนการใฝห่ าความรู้ ในด้านนอ้ี ยู่เสมอ ๓. เงอ่ื นไขจากกิจกรรมในบทเรียน ๓.๑ การวางแผนบทเรียน จะเปน็ ตวั กำหนดคณุ ลักษณะและแผนการในการสร้างสื่อ ๓.๒ วธิ กี ารเรยี นการสอนแต่ละชว่ งของบทเรียนซ่ึงผสู้ อนได้กำหนดกจิ กรรมจะเป็นตัวกำหนด ลักษณะของสอื่ การเรียนการสอน ๓.๓ ความพรอ้ ม ความสะดวกในชน้ั เรียน เชน่ ปลั๊กไฟ การทำใหห้ ้องมดื เพ่ือฉายสไลด์ ตำแหน่งทจ่ี ะวางจอความสะดวกในการขนย้ายเครื่อง OHP เป็นต้น ๓.๔ ประสบการณแ์ ละความกลา้ ในการมสี ว่ นร่วมท่จี ะใช้ส่อื ของผู้เรียน เปน็ ปจั จัยอยา่ งหนง่ึ ทีจ่ ะทำให้ส่ือน้ันมีคุณคา่ สำหรบั การเรยี นการสอน ผสู้ อนตอ้ งทำให้ผู้เรียนมกี จิ กรรมร่วมในการใช้สอ่ื การเรยี น การสอนเสมอ
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๕ จากเงือ่ นไขต่างๆ ทไ่ี ด้กล่าวมานนั้ เงื่อนไขใดทจี่ ำเปน็ ต้องจดั เตรียมหรอื ทำให้เกิดขึน้ ก็จะตอ้ งดำเนิน การเงอื่ นไขใดที่จะเปน็ อปุ สรรคก์ ต็ ้องแก้ไขหรือทำใหห้ มดไป อยา่ งไรกต็ ามโดยปกติบุคคลสำคัญท่จี ะผลักดนั ให้ มีส่อื การเรยี นการสอนใชใ้ นสถานศกึ ษา ก็คือ ผ้บู รหิ ารและผสู้ อน ผูบ้ รหิ ารจะต้องมนี โยบายให้ความสนบั สนนุ ต่าง ๆ ผู้สอนจะต้องมุง่ มั่นดำเนนิ การพยายาม ศึกษาหาความรทู้ างดา้ นนี้ และจดั ให้มกี ารสร้างขนึ้ ใชเ้ อง ใน สถานศึกษา โดยระดมทรัพยากรตา่ ง ๆ กำลังงานของผเู้ รียน วัสดุ เครอ่ื งมือ เคร่ืองจักรและแผนเวลา งานฝกึ ปฏบิ ัติของผ้เู รียน สามารถจะใช้เพือ่ ทำส่อื การเรยี นการสอนได้ ส่งิ สำคญั จะตอ้ งจดั การด้วยก็คอื ระบบของแบบ งานและการเก็บรักษา สรปุ ท้ายบท ในระบบการเรียนการสอน สื่อการเรยี นการสอนนับว่าเป็นปจั จัยสำคญั ประการหนึง่ ทีจ่ ะทำใหก้ าร เรยี นการสอนดำเนินไปได้จนบรรลผุ ลสำเร็จตามเปา้ หมายอย่างมปี ระสิทธิภาพ ส่อื การเรยี นการสอนมีหลาย ประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติต่างกนั ไป ผสู้ อนทตี่ ระหนักในคุณค่าของสื่อจะต้องศึกษา ใหเ้ ขา้ ใจถึงเงือ่ นไขการเลือกใช้ และใช้งานได้อย่างถูกต้อง เงอ่ื นไขท่เี ก่ียวข้องกบั การตัดสินใจเลือกใชส้ ือ่ ไดแ้ ก่ เงือ่ นไขทีเ่ กย่ี วกับเน้ือหาวิชา ตวั ผู้เรียน วธิ ีการสอนความพร้อมทางด้านอื่น ๆ นอกจากนน้ั กต็ ้องคำนงึ ถงึ คุณสมบัตเิ ฉพาะตัวของสื่อแต่ละประเภท และแมแ้ ตเ่ งื่อนไขที่ เกยี่ วกบั ตวั ผสู้ อนด้วยเมื่อมคี วามรู้ประสบการณ์ เก่ียวกบั ส่อื การเรยี นการสอน สามารถเลือกใช้ได้อยา่ งถูกต้อง กม็ ีความพร้อมท่ผี ู้สอนจะสามารถทำส่ือขึ้นใช้เอง แต่โดยมากมักจะประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในสถานศกึ ษา ปญั หาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ เหลา่ น้ัน ก็ ควรจะแก้ไขให้หมดไป
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๖ เอกสารอ้างอิงประจำบท ชม ภูมภิ าค. เทคโนโลยีทางการเรียนและศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สำนกั งานพมิ พป์ ระสานมติ ร. ณรงค์ สมพงษ.์ (๒๕๓๐). ส่ือเพอื่ งานสง่ เสริมเผยแพร่. กรุงเทพมหานคร : งานการพิมพ์ฝ่ายส่อื การศึกษา สำนักสง่ เสริมและฝึกอบรม มหาวิทาลยั เกษตรศาสตร์. พสิ ฐิ เมธาภัทร และธรี ะพล เมธกี ลุ (๒๕๓๑).ยทุ ธวธิ ีการเรยี นการสอนวิชาเทคนคิ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ, ลัดดา ศุขปรดี ี. (๒๕๒๓). เทคโนโลยีการเรียนการสอน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพโ์ อเดยี นสโตร์. มนตช์ ยั เทยี นทอง. (๒๕๓๐).อุปกรณช์ ่วยสอน. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พส์ ถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้า พระนครเหนอื . .ก้าวไกล วารสารพัฒนาเทคนิคการศกึ ษาปีท่ี ๑๖ ฉบับท่ี ๔๘ ตุลาคม-ธนั วาคม ๒๕๔๖. วัลลภ จนั ทร์ตระกลู การเลือก-ใช้ –สรา้ งสื่อการสอน. เอกสารอัดโรเนยี ว สำนกั พฒั นาเทคนิคศกึ ษา สถาบัน เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนอื . มปป. วสิ ุทธ์ิ วิวฒั นว์ ศิ วกร. (๒๕๓๒). สอ่ื การเรยี นการสอน เอกสารประกอบการบรรยาย. สำนักพฒั นาเทคนคิ ศึกษา สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ, (อัดสำเนา) Jerrolde.Kemp, Don C.Smellie.Planning, Producing, and Using Instructional Media. ๖thed. NewYork : Harper&Row, Publishers,1989.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๗ บทที่ ๓ การสรา้ งเครือขา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการเรยี นรู้ วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นประจำบท เม่อื ได้ศกึ ษาเนอื้ หาในบทนี้แลว้ ผูศ้ กึ ษาสามารถ ๑. ระบุความหมายและองค์ประกอบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ ๒. อธบิ ายววิ ัฒนาการของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ ๓. บอกความสำคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ ๔. วเิ คราะห์เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การใชช้ ีวิตในสงั คมปจั จบุ นั ได้ ๕. สรุปเทคโนโลยีสารสนเทศกบั การพฒั นาสงั คมได้ ขอบข่ายเนือ้ หา • ความหมายและองคป์ ระกอบเทคโนโลยสี ารสนเทศ • วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ • ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ • เทคโนโลยีสารสนเทศกับการใช้ชวี ิตในสงั คมปจั จบุ นั • เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การพัฒนาสงั คม
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๘ ๓.๑ ความนำ ในภาวะปัจจุบันท่ีทั่วทุกมุมโลกมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศ ด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหรือประเทศที่พัฒนาแล้วกต็ าม ต่างอยู่ในภาวะที่ต้องมีการปรับตัว กันอย่างมาก ประเทศไทยก็เช่นเดียวกันฉะน้ันจึงถือได้ว่าเราทุกคนนั้นต่างดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของการ เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรูปแบบทางสังคมที่เกิดข้ึน ต่างมีความตอ้ งการท่ีจะรับทราบข้อมูลข่าวสาร และพึ่งพา อาศัยข้อมูลสารสนเทศในการดำรงชีวิตประจำวันมากขึ้นทุกวัน ซ่ึงก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากแรงผลักดันของ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรอื ท่ีเรียกกนั วา่ IT นอกจากน้ี ถอื ได้ว่าระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสอ่ื สารโทรคมนาคมทที่ ันสมัยจะก่อให้เกิดการปฏิวตั ิ ทางเทคโนโลยีแล้ว ยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม และกิจกรรมระหว่าง ประเทศ เปรียบเสมือนในช่วงท่ีมีการเปลี่ยนแปลงใช้เครื่องจักร ไอน้ำในงานอุตสาหกรรม และถือได้ว่าเป็น ยคุ ท่ีสามท่พี ัฒนาต่อเนอ่ื งมาจาก ยคุ เกษตรกรรม และ ยุคอุตสาหกรรม ปัจจบุ ันเทคโนโลยีสารสนเทศได้สร้างการเปล่ียนแปลงในทุกระดับ ต้ังแต่ระบบสังคม องค์การธุรกิจ และปัจเจกชน โดยเทคโนโลยีสารสนเทศกระตุ้นให้เกิดการปรับรูปแบบ ความสัมพันธ์ภายในสังคม การ แข่งขัน และความร่วมมือทางธุรกิจ ตลอดจนกิจกรรมการดำรงชีวิตของบุคคลให้แตกต่างจากอดีต ดังน้ัน บคุ คลทุกคนในฐานะสมาชิกของสังคมสารสนเทศ (Information Society) จึงจำเป็นตอ้ งมีความรู้ ทักษะ และ ความเข้าใจถึงศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบธุรกิจอย่างมี ประสทิ ธภิ าพในอนาคต ๓.๒ ความหมายและองค์ประกอบเทคโนโลยีสารสนเทศ จากการท่ีเทคโนโลยีสารสนเทศมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน ดังน้ันการ เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงเทคโนโลยีสารสนเทศถือเป็นสิ่งท่ีมีความจำเป็น เพื่อที่จะสามารถนำไปปรับใช้ใน การดำรงชีวิตทั้งในด้านการศึกษาเล่าเรียนและการทำงาน ก่อนอ่ืนควรทำความเข้าถึงความหมายและ องคป์ ระกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ดงั นี้ ๑.ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง ทุกส่ิงทุกอย่างท่ีเกี่ยวกับการผลิต การสร้าง การใช้สิ่งของ กระบวนการหรือวธิ ีการดำเนนิ งานรวมไปถึงอปุ กรณ์ที่ไม่มีในธรรมชาติ สารสนเทศ หรือสารนิเทศ เป็นศัพท์บัญญัติของคำว่า “Information” ราชบัณฑิตสถาน กำหนดให้ใช้ได้ท้ังสองคำ ในวงการคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร และธุรกิจ นิยมใช้คำว่า “สารสนเทศ” ส่วนใน วงการบรรณารักษศาสตร์ สารนิเทศศาสตร์ ใช้ว่า “สารนิเทศ” ความหมายกว้าง ๆ หมายถึง ขอ้ มูล ข่าวสาร ความรตู้ ่าง ๆ ท่ีมีการบนั ทกึ อยา่ งเป็นระบบตามหลกั วิชาการ เพอ่ื นำมาเผยแพร่ และใชใ้ นงานตา่ ง ๆ ทกุ สาขา ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองของการค้า การผลิต การบริการ การบริหาร การแพทย์ การสาธารณสุข การศึกษา การ คมนาคม การทหาร และอื่น ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง เทคโนโลยีทุกด้านท่ีเข้ามาร่วมกันใน กระบวนการจดั เกบ็ สรา้ ง และสือ่ สารสารสนเทศ ดังน้ันจึงครอบคลุมเทคโนโลยี ต่าง ๆ ท่ีใช้ในกระบวนการ ขา้ งต้น เชน่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล บันทกึ และคนื คน้ เครือข่ายสื่อสารขอ้ มูล อุปกรณ์สือ่ สารและ โทรคมนาคม เปน็ ต้น รวมทัง้ ระบบท่ีควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ เช่น ระบบปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๒๙ และระบบสอ่ื สาร เป็นต้น นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในขณะนี้เป็นไปอย่างแพร่หลายมากมายนับไม่ถ้วนในทุก กิจการ จนแทบจะกล่าวได้ว่ายุคน้ีไม่มีใครไม่เคยไม่ได้ยินคำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศหรือท่ีนิยมเรียกกันย่อ ๆ ว่า ไอที (IT) กันแล้ว ดังจะเห็นว่าในหมู่ผู้รู้และนักวิชาการหลายท่านได้อธิบายถึงความหมายของคำว่า เทคโนโลยสี ารสนเทศไวม้ ากมายและคลา้ ยคลงึ กัน อาทิเช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี๑ ทรงอรรถาธิบายว่า คำว่า เทคโนโลยี สารสนเทศ หรือ Information Technology ท่ีมักเรียกว่า ไอที (IT) น้ัน จะเน้นท่ีการจัดการกระบวนการ ดำเนินงานสารสนเทศหรือสารนิเทศ ในข้ันตอนต่างๆ ต้ังแต่การเสาะแสวงหา การวิเคราะห์ การจัดเก็บ การ จัดการ และการเผยแพร่เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพ ความถกู ต้องความแมน่ ยำ และความรวดเร็วทันต่อการนำไปใช้ ประโยชน์ ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีท่ีเก่ียวกับการติดต่อเชื่อมโยง การจัดหา จัดเก็บ จัดการและเผยแพร่ ขอ้ มลู ข่าวสาร หรือท่เี รยี กว่าสารสนเทศให้เกดิ ประโยชนใ์ นรูปของสอ่ื ต่าง ๆ ดว้ ยวิธกี ารทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึง เทคโนโลยีสารสนเทศจะประกอบด้วยเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ การสือ่ สารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอืน่ ๆ ท่ี เกยี่ วข้องกบั การนำขอ้ มูลข่าวสารมาใช้ ครรชิต มาลัยวงศ์๒ อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยเทคโนโลยีสำคัญสองสาขา ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีส่ือสารโทรคมนาคม กล่าวคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะช่วยทำงาน ด้านการจัดเก็บ บันทึก และประมวลผลข้อมูลให้รวดเร็วและถูกต้อง ส่วนเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมจะ ชว่ ยส่งผลลัพธ์ของการใช้งานคอมพิวเตอร์ไปยังผู้ใช้ที่อยู่หา่ งไกลได้อย่างรวดเร็วและสะดวก อย่างไรก็ตาม ถ้า เป็นสมัยก่อน ๆ ยุคคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศจะหมายถึง เทคโนโลยีการพิมพ์ กล้องถ่ายรูป เคร่ือง พิมพ์ดดี โทรเลขและโทรศัพท์ ทักษิณา สวนานนท์ และ ฐานิศรา เกียรติบารมี๓ ปัจจุบันได้มีนักวิชาการบางท่านได้เปลี่ยนช่ือ เทคโนโลยีสารสนเทศใหม่เป็น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT) ขณะเดียวกันทางองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) กลับเรียกเทคโนโลยีเหล่านี้ว่า \"Informatics\" หรือสนเทศศาสตร์ ซ่ึงหมายถึง วิชาที่ ศึกษาเก่ียวกบั สารสนเทศ และการคำนวณเพอ่ื คาดการณเ์ หตุการณใ์ นอนาคต สุเมธ วงศ์พานิชเลิศ และนิตย์ จันทรมังคละศรี๔ อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดหา วิเคราะห์ ประมวล จัดการและจัดเก็บ เรียกใช้หรือแลกเปลี่ยน และ เผยแพร่สารสนเทศ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง ข้อความ หรือตัวอักษร รวมไปถึงการนำสารสนเทศและข้อมูลไปปฏิบัติตามเน้ือหาของสารสนเทศนั้น เพ่ือให้บรรลุ เปา้ หมายของผู้ใช้ ๑ “สมเดจ็ พระเทพกบั งานไอทเี ฉลมิ พระเกยี รติ.” ใน เทคโนโลยีสารสนเทศก้าวไกล เศรษฐกิจไทยม่ันคง, ๓-๗. กรงุ เทพฯ: [ม.ป.ท.], ๒๕๓๘. หนา้ ๔. ๒ ครรชติ มาลยั วงศ.์ กา้ วไกลไปกับคอมพวิ เตอร์: สาระคอมพวิ เตอร์ทข่ี ้าราชการต้องรู้. กรงุ เทพฯ: ศนู ยเ์ ทคโนโลยีอเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละ คอมพวิ เตอรแ์ หง่ ชาต,ิ ๒๕๓๘. หนา้ ๒๔. ๓ ทกั ษณิ า สวนานนท์ และฐานศิ รา เกยี รตบิ ารม.ี พจนานกุ รมศพั ท์คอมพวิ เตอรแ์ ละอินเทอร์เนต็ . พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๑๐. ฉบบั ปรบั ปรุงใหม่ตลอดเล่ม. กรุงเทพฯ: ว.ี ท.ี ซ.ี คอมมวิ นเิ คชนั่ , ๒๕๔๖. หน้า ๓๔๘. ๔ สุเมธ วงศพ์ านชิ เลศิ และนติ ย์ จนั ทรมงั คละศร.ี “สังคมสารสนเทศแหง่ ทศวรรษหน้า.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ จาก:http://www.info.tdri.or.th/library/quarterly/white- pp/wb๑๔.htm ๒๕๓๘. สบื คน้ ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๐ Moll (๑๙๘๓ อ้างถึงใน Jimba ๑๙๙๙: ๘๐)๕ ให้นิยามความหมายของคำว่า “เทคโนโลยี สารสนเทศ” ว่าเป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างสรรค์ (Creation), จัดหา (Acquisition), จัดเก็บ (Storage), เผยแพร่ (Dissemination), ค้นคืน (Retrieval), จัดการ (Manipulation), และ ถ่ายทอด (Transmission) ขอ้ มูลหรอื สารสนเทศ อาจกล่าวสรุปอย่างง่าย ๆ ได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT) หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technologies: ICTs) ก็คือ เทคโนโลยีสองดา้ นหลัก ๆ ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยรี ะบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีส่อื สารโทรคมนาคมท่ี ผนวกเข้าดว้ ยกนั เพ่อื ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้าง และเผยแพร่สารสนเทศในรปู ตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว ข้อความหรือตัวอักษร และตัวเลข เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความ แม่นยำ และความรวดเรว็ ให้ทันตอ่ การนำไปใชป้ ระโยชน์ Souter๖ (๑๙๙๙: ๔๐๘) ใหท้ รรศนะวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร หรือ ICTs จะช่วย อำนวยความสะดวกในการพัฒนาประเทศใน ๓ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ๑. การลงทนุ ภายในประเทศของธุรกิจระหว่างประเทศ บรษิ ัทธุรกิจระหว่างประเทศจะเลอื กตัดสินใจ เข้ามาลงทุนในประเทศที่พร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเป็นลำดับแรก โดยอาศัยเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่อื สารเปน็ ตวั เชอ่ื มโยงหน่วยธุรกจิ ในจุดตา่ ง ๆ ท่ัวโลก ๒. การพัฒนาธุรกิจของกจิ การภายในประเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารจะสนบั สนุนการ ดำเนินธุรกิจของเจ้าของธุรกิจภายในประเทศ รวมถึงเจ้าของธุรกิจส่งออก ในด้านการตลาดข้ามพรมแดน ระหวา่ งภูมิภาค (Regional cross-border markets) และการจ้างงาน ๓. การรวมกลุ่มกันทางสงั คมและวัฒนธรรม การแลกเปล่ียนทรพั ยากรสารสนเทศระหว่างบคุ คลและ ชุมชน เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารทำให้บุคคล และชุมชนสามารถเข้าถึงสารสนเทศอย่างไร้ขอบเขต สามารถใช้สารสนเทศตามความต้องการอย่างมีประสิทธิผล สามารถเข้าไปเก่ียวข้องในเร่ืองนโยบายการ วางแผนและการพัฒนา ตลอดจนสามารถร่วมมือกับผู้อ่ืนในการดำเนินการในเรื่องที่เห็นตรงกันหรือมี จดุ ประสงคร์ ่วมกัน ความสำคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารมี ๕ ประการ (Souter ๑๙๙๙: ๔๐๙) ไดแ้ ก่ ประการแรก การสื่อสารถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ส่ิงสำคัญที่มีส่วน ในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ประกอบด้วย Communications media, การส่ือสารโทรคมนาคม (Telecoms), และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ตัวอย่าง เช่น การสร้างภูมิกันโรคให้กับพลเมืองจะมี ประสทิ ธภิ าพย่งิ ข้ึน หากมีการบนั ทกึ ขอ้ มลู ประวัติผูป้ ว่ ยหรือขอ้ มูลอ่ืน ๆ ไวใ้ นฐานข้อมลู คอมพิวเตอร์ ประการท่ีสอง เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลักท่ีมากไปกว่า โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ เช่น แฟกซ์, อินเทอร์เน็ต, อีเมล์ ทำให้สารสนเทศเผยแพร่หรือกระจายออกไปในท่ี ต่าง ๆ ได้สะดวก และสิ่งเหล่าน้ีถือเป็นบริการสำคัญของการสื่อสารโทรคมนาคม ท่ีทำให้การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารมีมากยงิ่ ข้นึ ประการที่สาม เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารมีผลให้การใช้งานด้านต่าง ๆ มีราคาถูกลง เช่น การใช้แฟกซ์และอีเมล์จะถูกกว่า น่าเชื่อถือกว่า และรวดเร็วกว่าการใช้บริการไปรษณีย์แบบเดิม (Post and ๕ Jimba, S.W. Information technology and underdevelopment in the Third World. Library Review 48,2 (1999): 79-83. ๖ Souter, D. The role of information and communication technologies in democratic development. The Journal of Policy, Regulation and Strategy for Telecommunications Information and Media 1,5 (1999): 405-417.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๑ courier) ท้ังน้ีหน่วยงานภาคธุรกิจ รัฐบาล และบุคคลทั่วไปต่างนิยมใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มากข้ึน เพราะชว่ ยประหยัดเวลาและเงนิ รวมท้ังทำใหม้ ผี ลติ ผล (Productivity) เพม่ิ ข้ึน ประการท่ีส่ี เครอื ข่ายสอ่ื สาร (Communication networks) ได้รบั ประโยชน์จากเครือข่ายภายนอก เน่ืองจากจำนวนการใช้เครือข่าย จำนวนผู้เชื่อมต่อ และจำนวนผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าเชื่อมต่อกับเครือข่าย นบั วันจะเพิ่มสงู ขึ้น ประการท่ีห้า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำให้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ และต้นทุนการใช้ ICT มีราคาถูกลงมาก แม้ว่าการเป็นเจ้าของคู่สายโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ยังเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนใน สงั คมสว่ นใหญ่ แตป่ ระชาชนจำนวนมากกเ็ ริ่มมีกำลงั หามาใช้ไดเ้ องแล้ว เช่น เจ้าของธรุ กจิ ขนาดเลก็ ๒. องค์ประกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ พ้ืนฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศสืบเนื่องมาจากการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไมว่ ่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ใยแกว้ นำแสง ดาวเทียมสือ่ สารระบบเครือข่าย ซอฟตแ์ วร์ และ มัลติมีเดีย กอปรกับราคาของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ท่ีถูกลง แต่มีขีดความสามารถในการทำงานท่ีเพิ่มมากข้ึนเร่ือย ๆ ทำใหแ้ นวโน้มการนำเทคโนโลยสี ารสนเทศมาประยุกต์ใช้งานตา่ ง ๆ นั้นมีมากขน้ึ เป็นลำดบั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศน้ันอาจกล่าวได้ว่าประกอบข้ึนจากเทคโนโลยีสอง สาขาหลักคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม สำหรับรายละเอียด พอสังเขปของ แต่ละ เทคโนโลยีมดี ังตอ่ ไปนี้ คอื ๒.๑ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เป็นเครอื่ งอิเล็กทรอนิกส์ท่ีสามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ และปฏิบัติตามคำส่ังที่ บอก เพ่ือให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหน่งึ ให้ คอมพิวเตอร์นั้นประกอบด้วยอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ตอ่ เชือ่ มกัน เรียกว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์นี้จะต้องทำงานร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือท่ี เรียกกันว่า ซอฟต์แวร์ (Software) (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๕๔๖: ๔) ฮารด์ แวร์ ประกอบด้วย ๕ สว่ น คอื อุปกรณ์รับข้อมูล (Input) เช่น แผงแป้นอักขระ (Keyboard), เมาส์, เคร่ืองตรวจ กวาดภาพ (Scanner), จอภาพสัมผัส (Touch Screen), ปากกาแสง (Light Pen), เครื่องอ่านบัตรแถบ แมเ่ หลก็ (Magnetic Strip Reader), และเคร่อื งอา่ นรหัสแทง่ (Bar Code Reader) อุปกรณ์ส่งข้อมูล (Output) เช่น จอภาพ (Monitor), เครื่องพิมพ์ (Printer), และ เทอรม์ ินลั หน่วยประมวลผลกลาง จะทำงานร่วมกับหน่วยความจำหลักในขณะคำนวณหรือ ประมวลผล โดยปฏิบัติหน้าท่ีตามคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการดึงข้อมูลและคำส่ังท่ีเก็บไว้ไว้ใน หนว่ ยความจำหลักมาประมวลผล หน่วยความจำหลัก มีหน้าท่ีเก็บข้อมูลที่มาจากอุปกรณ์รับข้อมูลเพื่อใช้ในการคำนวณ และผลลพั ธ์ของการคำนวณกอ่ นที่จะส่งไปยังอุปกรณ์ส่งข้อมลู รวมทั้งการเกบ็ คำสั่งขณะกำลงั ประมวลผล หน่วยความจำสำรอง ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลและโปรแกรมขณะยังไม่ได้ใช้งาน เพ่ือ การใชใ้ นอนาคต ซอฟต์แวร์ เป็นองค์ประกอบท่ีสำคัญและจำเป็นมากในการควบคุมการทำงานของเครื่อง คอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วร์สามารถแบง่ ออกได้เปน็ ๒ ประเภท คือ
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๒ ซอฟต์แวร์ระบบ มีหน้าท่ีควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์ และเป็น ตัวกลางระหวา่ งผูใ้ ชก้ ับคอมพวิ เตอรห์ รอื ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ระบบสามารถแบ่งเปน็ ๓ ชนิดใหญ่ คอื ๑. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์พ่วงต่อกับ เครอื่ งคอมพิวเตอร์ ตวั อยา่ งโปรแกรมที่นิยมใช้กันในปจั จบุ ัน เชน่ UNIX, DOS, Microsoft Windows ๒. โปรแกรมอรรถประโยชน์ ใช้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ในระหวา่ ง การประมวลผลข้อมูลหรือในระหว่างท่ีใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรมที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เช่น โปรแกรมเอดิเตอร์ (Editor) ๓.โปรแกรมแปลภาษาใช้ในการแปลความหมายของคำส่ังที่เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ ให้อยู่ใน รูปแบบที่เครอ่ื งคอมพิวเตอรเ์ ขา้ ใจและทำงานตามทีผ่ ู้ใช้ตอ้ งการ ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ เปน็ โปรแกรมทีเ่ ขียนข้ึน เพอ่ื ทำงานเฉพาะดา้ นตามความต้องการ ซ่งึ ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์นส้ี ามารถแบ่งเป็น ๓ ชนิด คือ ๑. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เพ่ืองานท่ัวไป เป็นซอฟต์แวร์ท่ีสร้างขึ้นเพ่ือใช้งานท่ัวไป ไม่เจาะจง ประเภทของธุรกจิ ตวั อย่าง เช่น Word Processing, Spreadsheet, Database Management เปน็ ตน้ ๒. ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์เฉพาะงาน เป็นซอฟตแ์ วรท์ ีส่ ร้างข้นึ เพื่อใช้ในธรุ กจิ เฉพาะตามแต่ วตั ถปุ ระสงค์ของการนำไปใช้ ๓. ซอฟต์แวร์ประยุกต์อ่ืนๆ เป็นซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นเพ่ือความบันเทิงและอ่ืนๆนอกเหนือ จาก ซอฟต์แวร์ประยุกต์สองชนิดข้างต้น ตัวอย่าง เช่น Hypertext, Personal Information Management และ ซอฟตแ์ วรเ์ กมต่าง ๆ เปน็ ต้น สำหรับกระบวนการการจดั การระบบสารสนเทศ เพอ่ื ให้ไดส้ ารสนเทศตามตอ้ งการอย่างรวดเรว็ ถูกต้อง แม่นยำ และมีคณุ ภาพ จะเร่ิมด้วยการคัดเลือก การจดั หา การวิเคราะหเ์ นื้อหา และการค้นคืน สารสนเทศ ซงึ่ กระบวนการจดั การหรอื จดั ทำสารสนเทศเพ่ือให้สามารถผลิตสารสนเทศสนองความต้องการ ของผู้ใชไ้ ดน้ ้นั จะประกอบดว้ ยกรรมวิธี ๓ ประการ คอื การนำเขา้ ข้อมลู การประมวลผลข้อมูลและการ แสดงผลข้อมลู และกระบวนการทัง้ ๓ ขัน้ ตอนนี้จำเปน็ ต้องอาศัยเทคโนโลยดี ้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ทำงานรว่ มกัน ดังแผนภาพต่อไปนี้คือ การนำเขา้ ข้อมลู การประมวลผลข้อมลู การแสดงผลขอ้ มลู แผนภาพแสดงกระบวนการจัดการระบบสารสนเทศ ๒.๒ เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีส่ือสารโทรคมนาคม ใช้ในการติดต่อส่ือสารรับ/ส่งข้อมูลจาก ที่ไกล ๆ เป็นการส่งของ ขอ้ มลู ระหว่างคอมพิวเตอร์หรอื เครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน ซ่ึงจะช่วยให้การเผยแพร่ขอ้ มูลหรอื สารสนเทศไปยัง ผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่รับ/ ส่งอาจเป็นตัวเลข (Numeric Data) ตัวอักษร(Text) ภาพ (Image) และเสียง (Voice) ตัวอย่าง เช่น การส่ง ข้อมูลต่าง ๆ ของยานอวกาศที่อยู่นอกโลกมายังเคร่ืองคอม พิวเตอร์บนโลก เพื่อทำการคำนวณและ ประมวลผล ทำใหท้ ราบปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีท่ีใช้ในการสื่อสารหรือเผยแพร่สารสนเทศ ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบโทรคมนาคมท้ัง ชนิดมสี ายและไร้สาย เชน่ ระบบโทรศพั ท์, โมเดม็ , แฟกซ์, โทรเลข, วิทยุกระจายเสยี ง, วิทยโุ ทรทศั น์ เคเบลิ้ ใย แกว้ นำแสง คลนื่ ไมโครเวฟ และดาวเทยี ม เป็นต้น
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๓ สำหรับกลไกหลักของการส่ือสารโทรคมนาคมมีองค์ประกอบพื้นฐาน ๓ ส่วน ได้แก่ ต้นแหล่งของ ข้อความ (Source/Sender), ส่ือกลางสำหรับการรับ/ส่งข้อความ (Medium), และส่วนรับข้อความ (Sink/Decoder) ดังแผนภาพต่อไปนี้ คือ ต้นแหล่งของข้อความ สื่อกลาง จุดรับข้อความ แผนภาพแสดงกลไกหลกั ของการสอ่ื สารโทรคมนาคม นอกจากนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น ๖ รูปแบบ ดังนี้ ตอ่ ไปน้ี คอื ๑. เทคโนโลยีทีใ่ ช้ในการเก็บขอ้ มลู เชน่ ดาวเทยี มถ่ายภาพทางอากาศ, กลอ้ งดิจิทลั กลอ้ งถา่ ยวีดที ัศน,์ เครอื่ งเอกซเรย์ ฯลฯ ๒. เทคโนโลยีท่ีใช้ในการบันทึกข้อมูล จะเป็นส่ือบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก, จานแสงหรือจานเลเซอร,์ บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ ๓. เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟตแ์ วร์ ๔. เทคโนโลยที ีใ่ ช้ในการแสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องพมิ พ,์ จอภาพ, พลอตเตอร์ ฯลฯ ๕. เทคโนโลยีท่ีใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่องถ่าย ไมโครฟลิ ม์ ๖. เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือส่ือสารข้อมูล ได้แก่ ระบบโทรคมนาคม ต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุกระจายเสียง, โทรเลข, เทเล็กซ์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้ง ระยะใกลแ้ ละไกล ๓.๓ ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศจากยุคอนาลอกสู่ยุคดิจิตอลน้ัน มีความเป็นมาที่ยาวนาน มากกว่าท่ีจะมาเป็นเทคโนโลยีที่ ใชง้ านกนั อยู่ในปจั จุบันน้ี บางช่วงใช้เวลาในการค้นคดิ นานเป็นพันปีโดยไม่มี การเปลี่ยนแปลง บางช่วงก็เรว็ มาก หากสังเกตจะเห็นว่าในปจั จุบนั การค้นคดิ เทคโนโลยเี หล่าน้เี ปลีย่ นไปอย่าง เร็วมากจนผู้ใช้แทบจะตามไม่ทัน ซึ่งความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วย ทำให้มองภาพในอนาคตของเทคโนโลยีเหล่านีไ้ ด้ การวิวัฒนาทางด้านเทคโนโลยีแบ่งเป็น ๒ ด้านท่ีควบคู่กันมา คือ วิวัฒนาการทางด้านคอมพิวเตอร์ และวิวัฒนาการทางด้านการส่ือสาร ซึ่งจะหมายรวมถึงลักษณะของข้อมูลหรือสารสนเทศท่ีใช้ในการสื่อสาร รายละเอยี ดของวิวฒั นาการของแต่ละเทคโนโลยสี ามารถศึกษาไดจ้ ากรปู ภาพต่อไปนี้
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๔
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๕
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๖ ภาพแสดงวิวัฒนาการของเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ และวิวัฒนาการทางด้านการส่ือสาร (ทม่ี า: Using information technology: A practical introduction to computers & communications หน้า ๔-๘) เม่ือมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และการส่ือสารในยุคต่าง ๆ แล้ว ควรมีความ เขา้ ใจเกี่ยวกับลกั ษณะของข้อมูลหรือสารสนเทศท่สี ง่ ผ่านระบบคอมพวิ เตอร์และการส่ือสาร ดังน้ี ข้อมูลหรือสารสนเทศที่ใช้กันอยู่ทัว่ ไปในระบบส่ือสาร เช่น ระบบโทรศัพท์ จะมีลกั ษณะของสญั ญาณ เป็นคลื่นแบบต่อเนื่องท่ีเราเรียกว่า \"สัญญาณอนาลอก\" แต่ในระบบคอมพิวเตอร์จะแตกต่างไป เพราะระบบ คอมพิวเตอร์ใช้ระบบสัญญาณไฟฟ้าสูงต่ำสลับกัน เป็นสัญญาณท่ีไม่ต่อเนื่อง เรียกว่า \"สัญญาณดิจิตอล\" ซึ่ง ข้อมูลเหล่านั้นจะส่งผ่านสายโทรศัพท์ เม่ือเราต้องการส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เคร่ืองหนึ่งไปยังเคร่ืองอื่น ๆ ผา่ นระบบโทรศัพท์ ก็ต้องอาศยั อปุ กรณ์ชว่ ยแปลงสญั ญาณเสมอ ซ่งึ มีชื่อเรียกวา่ \"โมเดม็ \" (Modem) ๓.๔ ความสำคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีนั้นมีความสำคัญมากกว่าเทคโนโลยีอ่ืนใดท่ีมนุษย์ เคยคิดค้นขึ้น แม้ โดยพื้นฐานแล้วเทคโนโลยีสารสนเทศจะไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงอย่างเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ไม่ทำให้โลก ร่ำรวยด้วยอาหารเหมือนเทคโนโลยีการเกษตรและอาหาร และไม่อาจทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวไม่เจ็บป่วย เหมือนเทคโนโลยีการแพทย์ แต่เทคโนโลยีทั้งหลายที่ระบุมาน้ีล้วนแล้วแต่พัฒนาก้าวหน้ามาถึงระดับนี้ได้ เพราะมีเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นรากฐาน หากขาดซึ่งเทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว เทคโนโลยีต่าง ๆ จะไม่มี ความก้าวหน้ามากดังท่ีเปน็ ในปจั จุบนั ๗ เทคโนโลยสี ารสนเทศทำใหก้ ารกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอยา่ ง รวดเร็ว และมีลักษณะการกระจายแบบทุกทิศทาง และมีระบบตอบสนองอย่างรวดเร็ว และยังสื่อสารแบบ ๗ ครรชติ มาลยั วงศ์ .อา้ งแลว้ . เรือ่ งเดียวกัน.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๗ สองทิศทาง ด้วยเหตนุ ้ีผลกระทบตอ่ การเปล่ียนแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมจึงแตกต่างจากใน อดีตมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อย่าง รวดเร็วและกว้างขวาง ซึ่งสามารถอธิบายความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านท่ีมีผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้คนไว้หลายประการดังต่อไปน้ี (จอห์น ไนซ์บิตต์ อ้างถึงใน ยืน ภู่วรว รรณ)๘ ประการที่หน่ึง เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สังคมเปล่ียนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคม สารสนเทศ แต่เดิมสภาพของสังคมโลกเคยเปลี่ยนแปลงมาแล้วสองคร้ัง จากสังคมความเป็นอยแู่ บบเรร่ ่อนมา เป็นสังคมเกษตรที่รู้จักกับการเพาะปลูก และสร้างผลิตผลทางการเกษตร ทำให้มีการสร้างบ้านเรือนเป็นหลัก แหล่ง ต่อมามีความจำเป็นต้องผลิตสินค้าให้ได้ปริมาณมากและต้นทุนถูก จึงต้องหันมาผลิตแบบอุตสาหกรรม ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์เปล่ียนแปลงมาเป็นสังคมเมือง มีการรวมกลุ่มอยู่อาศัยเป็นเมือง มี อุตสาหกรรมเป็นฐานการผลิต สังคมอุตสาหกรรมได้ดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน และปัจจุบันย่างก้าวเข้าสู่ สังคมสารสนเทศ ลักษณะวิถกี ารดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์อาศัยเครือข่ายเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยสี อื่ สารโทรคมนาคมมากขึ้นเรอื่ ย ๆ ไม่ว่าจะเปน็ การพูดคุย การซื้อสินค้าและบริการ และการทำงาน ท่ที ำใหเ้ กดิ สภาพทีเ่ สมือนจรงิ เช่น ห้องสมุดเสมือนจริง หอ้ งเรียนเสมือนจริง ทีท่ ำงานเสมอื นจริง เป็นตน้ ประการท่สี อง เทคโนโลยีสารสนเทศทำใหร้ ะบบเศรษฐกิจเปลีย่ นจากระบบแห่งชาติไปเปน็ เศรษฐกิจ โลก ที่ทำให้ระบบเศรษฐกจิ ของโลกผกู พันกับทกุ ประเทศ ความเช่อื มโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำใหเ้ กดิ สงั คมโลกาภิวฒั น์ ระบบเศรษฐกจิ ซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจำกัดภายในประเทศ กก็ ระจายเป็นเศรษฐกิจโลกทัว่ โลก มีกระแสการหมนุ เวียนแลกเปลย่ี นสินคา้ และบริการอยา่ งแพร่หลายและรวดเร็ว เครือ่ งมอื สำคัญที่ เอ้ืออำนวยให้การดำเนินการดังกลา่ วมีขอบเขตกวา้ งขวาง และเชือ่ มโยงกนั แนบแนน่ มากข้ึนก็คอื เทคโนโลยี สารสนเทศ ประการท่สี าม เทคโนโลยสี ารสนเทศทำให้องค์กรมลี กั ษณะผูกพัน หนว่ ยงานภายในเปน็ แบบ เครือข่ายมากขน้ึ แตเ่ ดิมการจัดองค์กรมีการวางเป็นลำดบั ขั้น มีสายการบงั คับบญั ชาจากบนลงลา่ ง แตเ่ มอื่ การ สอ่ื สารแบบสองทางและการกระจายขา่ วสารดีขึน้ มีการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอรภ์ ายในองค์กรผูกพนั กนั เปน็ ลกั ษณะกลมุ่ งาน มกี ารเพ่ิมคณุ คา่ ขององค์กรดว้ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ การจดั โครงสร้างขององค์กรจึง ปรบั เปลยี่ นจากเดมิ องค์กรกลายเป็นเครอื ข่ายทม่ี ีลักษณะการบงั คับบัญชาแบบแนวราบมากขน้ึ หนว่ ยธุรกิจมี ขนาดเล็กลง และเช่อื มโยงกันกบั หน่วยธุรกิจอนื่ เป็นเครือข่าย สถานะภาพขององค์กรไดป้ รบั เปลีย่ นไปตาม กระแสของเทคโนโลยสี ารสนเทศ การดำเนินธุรกิจจงึ ลดความสำคญั ในเร่ืองของขนาด แต่แขง่ ขนั กนั ความเรว็ โดยอาศัยการใชร้ ะบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพอ่ื ให้เกิดการ แลกเปล่ียนข้อมูลได้ง่ายและรวดเรว็ ประการที่ส่ี เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นเทคโนโลยแี บบสุนทรยี สัมผสั และสามารถตอบสนองตาม ความต้องการการใชเ้ ทคโนโลยีในรปู แบบใหม่ทเี่ ลอื กไดเ้ อง กล่าวคือ หากเราต้องการชมภาพยนตร์ หรือ โทรทัศน์ เราต้องเปิดเครื่องรับโทรทศั น์ และไม่สามารถเลือกตามความต้องการได้ ถ้าสถานสี ่งสญั ญาณใดมา เราก็จะต้องชมตามนัน้ หรือเมอ่ื ต้องการฟังรายการวิทยุ ก็ตอ้ งเปดิ วิทยจุ ะมีเสยี งดังข้ึนทันที หากไม่พอใจก็ทำ ได้เพียงเลอื กสถานใี หม่ แตป่ ัจจุบันจะเห็นว่าการเปลย่ี นแปลงในลักษณะ “ตามทเ่ี ราต้องการ” หรอื “On ๘ ยืน ภวู่ รวรรณ. “ไอทกี ับแนวโน้มโลก”. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก: http://thaidet.hypermart.net/comp/tech_it.html [ม.ป.ป.]. สบื ค้น เม่อื ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๘ Demand” มากขน้ึ ๆ เรามี TV On Demand มีวทิ ยแุ บบตามความต้องการ เม่ือต้องการชมภาพยนตร์เรื่อง ใดก็เลอื กชม และดูไดต้ ้ังแต่ต้นรายการ หากจะศึกษาหรือเรียนรกู้ ม็ ี Education On Demand คือสามารถ เลอื กบทเรยี นไดต้ ามอัธยาศยั ประการท่ีห้า เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา เม่ือ การส่ือสารแบบสองทางก้าวหน้าและแพร่หลายข้ึน การโต้ตอบผ่านเครือข่ายทำให้เสมือนมีปฏิสัมพันธ์ได้จริง เช่น การประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระบบ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ลักษณะของการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ทำให้การทำงาน ขยายขอบเขตไปทุกหน ทุกแห่ง และสามารถดำเนินการได้ตลอดเวลา สำหรับตัวอย่างท่ีเกิดขึ้นนานแล้ว เช่น ระบบเอทีเอ็ม ช่วยให้ การเบิกจ่ายสะดวกและทำได้ทุกเม่ือ และกระจายไปใกล้ตัวผู้รับบริการมากข้ึน แต่ทว่าด้วยเทคโนโลยี สารสนเทศที่ก้าวหน้ามากข้ึน การบริการจะกระจายย่ิงข้ึนจนถึงที่บ้าน ดังจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ผู้คนสามารถ ทำงานบางอย่างได้จากที่บ้านหรือที่ใด ๆ ก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ เทคโนโลยี สารสนเทศช่วยลดอุปสรรคเร่ืองสถานที่และเวลาในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนษุ ย์ ประการท่หี ก เทคโนโลยีสารสนเทศก่อใหเ้ กิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น อีกท้ังยงั ทำให้ วิถกี ารตัดสนิ ใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดข้ึน แต่เดิมการตัดสินปัญหาอาจมีหนทางให้เลือกได้น้อย เช่น มี คำตอบเดียว ใช่ และ ไม่ใช่ แต่ด้วยข้อมูลข่าวสารที่สนับสนุนการตัดสินใจ ทำให้วิถีความคิดในการตัดสิน ปัญหาเปลีย่ นไป ผตู้ ัดสนิ ใจมีทางเลอื กไดม้ ากขึน้ มคี วามละเอยี ดอ่อนในการตัดสินปัญหาไดด้ ีขึน้ กล่าวโดยสรุปแล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศมบี ทบาทท่ีสำคัญในทุกวงการ มีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงโลก ด้านความเป็นอยู่ สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การเมือง ตลอดจนการ วิจัยและการพัฒนาต่าง ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศโดยตัวของเทคโนโลยีเองไม่ทำลายธรรมชาติหรือสร้าง มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และนับว่ามีคุณสมบัติเด่นพิเศษท่ีทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นเทคโนโลยี ยทุ ธศาสตร์แห่งยุคปัจจบุ ันและอนาคต เทคโนโลยสี ารสนเทศสามารถช่วยเพิม่ ประสิทธิภาพและสมรรถภาพใน กิจกรรมหลายอย่าง เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถช่วยลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย เพิม่ คณุ ภาพของงาน สรา้ งกระบวนการหรือกรรมวธิ ีใหม่ ๆ และสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ขึ้นด้วย๙ ๓.๕ เทคโนโลยีสารสนเทศกับการใช้ชีวติ ในสังคมปจั จุบัน ในภาวะปัจจบุ ันนั้นสารสนเทศไดก้ ลายเป็นปัจจัยพื้นฐานปัจจัยที่ห้า เพ่ิมจากปัจจัยส่ีประการท่ีมนุษย์ เราขาดเสียมิได้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสารสนเทศท่ีจำเป็น ในการประกอบธุรกิจ ในการ ค้าขาย การผลิตสินค้า และบริการ หรือการให้บริการสังคม การจัดการทรัพยากรของชาติ การบริหารและ ปกครอง จนถึงเรื่องเบา ๆ เรื่องไร้สาระบ้าง เช่น สภากาแฟท่ีสามารถพบได้ทุกแห่งหนในสังคม เร่ือง สาระบันเทิงในยามพักผอ่ น ไปจนถึงเร่ืองความเปน็ ความตาย เช่น ข่าวอทุ กภัย วาตภัย หรือการทำรฐั ประหาร และปฏิวัติ เปน็ ต้น ในความคิดเหน็ ของกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ต้ังแต่นักวิชาการ นักธุรกิจ นักสังคมศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ จนกระทั่งผู้นำต่าง ๆ ในโลก ดังเช่น ประธานาธิบดี Bill Clinton และรองประธานาธิบดี Al Gore ของ สหรัฐอเมริกา สารสนเทศเป็นทรัพยากรท่ีสำคัญท่ีสุดอย่างหน่ึงในปัจจุบัน และในยุคสังคมสารสนเทศแห่ง ศตวรรษท่ี ๒๑ สารสนเทศจะกลายเป็นทรัพยากรท่ีสำคญั ที่สุดเหนอื ส่ิงอ่ืนใด กล่าวกันส้ัน ๆ สารสนเทศกำลัง จะกลายเป็นฐานแหง่ อำนาจอนั แทจ้ ริงในอนาคต ทงั้ ในทางเศรษฐกิจ และทางการเมอื ง ๙ สุเมธ วงศ์พานิชเลิศ และนิตย์ จันทรมังคละศรี. อ้างแลว้ . เรอ่ื งเดยี วกนั .
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๓๙ ในสมัยสังคมเกษตรนั้น ปัจจัยพื้นฐานในการผลิตท่ีสำคัญ ได้แก่ ท่ีดิน แรงงาน และทุนทรัพย์ ต่อมา ในสังคมอุตสาหกรรม การผลิตต้องพ่ึงพาปัจจัยพื้นฐานเพ่ิมเติม ได้แก่ วัสดุ พลังงาน และโดยเฉพาะอย่างย่ิง สารสนเทศ สังคมเกษตรและสังคมอุตสาหกรรมต้องพ่ึงพาการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจำกัด อันได้แก่ ที่ดิน พลังงาน และวัสดุ เป็นอย่างมาก และผลของการใช้ทรัพยากรเหล่านัน้ อย่างฟ่มุ เฟอื ยและขาดความระมัดระวัง ก็ได้สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมาก ซ่ึงกำลังคุกคามโลกรวมทั้งประเทศไทย ตั้งแต่ปัญหาการแปรปรวน ของสภาพดินฟ้าอากาศ ภัยธรรมชาติท่ีนับวนั จะเพ่ิมความถ่ีและรุนแรงข้ึน ปัญหาการบ่อนทำลายความสมดุล ทางนิเวศวิทยาท้ังป่าดงดิบ ป่าชายเลน ป่าต้นน้ำลำธาร ความแหง้ แล้ง อากาศเป็นพิษ แม่น้ำลำคลองทเ่ี ต็มไป ดว้ ยสารพิษ เจอื ปน ตลอดจนถงึ ปญั หาวกิ ฤติทางจราจรและภยั จากควันพษิ ในมหานครทุกแห่งท่ัวโลก ในทางตรงกันข้าม ขบวนการผลิต การเก็บ และถ่ายทอดสารสนเทศ อาศัยการใช้วัสดุและพลังงาน น้อยมาก และไม่มีผลเสียต่อภาวะแวดล้อมหรือมีเพียงเล็กน้อยมาก ย่ิงกว่านั้นสารสนเทศจะสามารถช่วยให้ กิจกรรมการผลิตและการบริการต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สามารถช่วยให้การผลิตทาง อุตสาหกรรมใช้วัตถุดิบ และพลังงานน้อยลง มีมลภาวะน้อยลง แต่สินค้ามีคุณภาพดีขึ้นคงทนมากข้ึน ปัญหา วิกฤติทางจราจรในบางด้านก็สามารถผอ่ นปรนได้ดว้ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ เชน่ ในการช่วยติดต่อส่ือสารทาง ธุรกิจต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางด้วยตนเองดังเช่นแต่ก่อน จึงอาจกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศจะมี สว่ นอย่างมาก ในการนำสงั คม สู่วิวัฒนาการอีกระดับหนึ่ง ท่ีอาจเรียกได้ว่าเป็นสังคมสารสนเทศ อันเป็นสังคม ทพ่ี งึ ปรารถนาและยงั่ ยนื ยง่ิ ขน้ึ น่ันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าสังคมต่าง ๆ ในโลก ต่างจะต้องก้าวสู่สังคมสารสนเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ เรว็ ก็ช้า และน่ันหมายความว่าสังคมจะตอ้ งพ่ึงพาเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างแนน่ อน ไมว่ ่าเราจะยอมรับ หรือไม่ก็ตาม มิใช่เพียงแต่เพื่อสร้างขีดความสามารถในเชิงแข่งขันในสนามการค้าระหว่างประเทศ แต่เพ่ือ ความอยู่รอดของมนษุ ยชาติ และเพื่อคุณภาพชีวติ ทดี่ ขี ึน้ อีกต่างหากด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ เทคโนโลยีคู่โลกในต้นศตวรรษที่ ๒๑ และเป็นแรงกระตุ้นและเป็นปัจจัย รองรับ ขบวนการโลกาภิวัตน์ ทก่ี ำลงั ผนวกสงั คมเศรษฐกิจไทยเข้าเปน็ อันหน่ึงเดียวกนั กบั สงั คมโลก อันท่ีจริงเทคโนโลยีสารสนเทศมีใช้ในประเทศไทยเป็นเวลาช้านานมาแล้ว เป็นต้นว่า เรามีการใช้ โทรศัพท์ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๔ เพียงแต่ว่าการใช้ เทคโนโลยนี ีย้ งั ไม่แพร่กระจายทัว่ ประเทศและยังไม่อยู่ในระดบั สูงเมื่อเทยี บกบั อีกหลาย ๆ ประเทศในโลก กล่าวกนั อยา่ งส้นั ๆ เทคโนโลยสี ารสนเทศ คือ เทคโนโลยีท่เี กย่ี วข้องกับการจัดหา วิเคราะห์ ประมวล จัดการและจดั เก็บ เรยี กใชห้ รือแลกเปลี่ยน และเผยแพรส่ ารสนเทศ ดว้ ยระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ ไม่วา่ จะอยู่ใน รปู แบบของรปู เสยี ง ตวั อักษร หรอื ภาพเคล่อื นไหว รวมไปถงึ การนำสารสนเทศและข้อมูลไปปฏบิ ตั ิตาม เนอ้ื หาของสารสนเทศนนั้ เพ่ือใหบ้ รรลุเปา้ หมายของผู้ใช้ การจัดหา วิเคราะห์ ประมวล และจัดการกบั ข่าวสารข้อมูลจำนวนมหาศาล จงึ ขาดเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ เสียมิได้ ส่วนการแสวงหาและแลกเปลีย่ นข้อมลู ข่าวสาร อย่างรวดเรว็ ทันเวลา ประหยดั คา่ ใช้จ่าย และมปี ระสทิ ธิภาพ ก็จำเป็นตอ้ งอาศัยเทคโนโลยี โทรคมนาคม และท้ายสดุ สารสนเทศท่ีมี จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์จากการบรโิ ภค อย่างกวา้ งขวางตามแตจ่ ะ ต้องการและอยา่ งประหยัดที่สดุ ก็ต้องอาศัยทงั้ สองเทคโนโลยขี ้างตน้ ในการจดั การและการส่ือหรือขนย้ายจาก แหล่งข้อมูลสารสนเทศ สผู่ บู้ ริโภคในทส่ี ดุ ฉะนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศจึงครอบคลุมถึงหลาย ๆ เทคโนโลยีหลัก อันได้แก่ คอมพิวเตอร์ทั้ง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และฐานข้อมูล โทรคมนาคมซ่ึงรวมถงึ เทคโนโลยีระบบสื่อสารมวลชน (ได้แก่ วิทยุ และ โทรทศั น์) ทั้งระบบแบบมีสายและไร้สาย รวมถึงเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกสต์ ่าง ๆ อาทิ เทคโนโลยโี ทรทัศน์ ความคมชัดสูง (HDTV) ดาวเทียมคมนาคม (communications satellite) เส้นใยแก้วนำแสง (fiber optics) สารกึ่งตัวนำ (semiconductor) ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) อุปกรณ์อัตโนมัติสำนักงาน
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๐ (office automation) อุปกรณ์อัตโนมัติในบ้าน (home automation) อุปกรณ์อัตโนมัติในโรงงาน (factory automation) เหลา่ น้ี เปน็ ตน้ นอกจากการเปน็ เทคโนโลยที ีไ่ ม่ทำลายธรรมชาติหรือสรา้ งมลภาวะ (ในตัวของมันเอง) ต่อส่งิ แวดล้อม แล้ว คุณสมบัติโดดเดน่ อื่น ๆ ท่ีทำให้มันกลายเป็นเทคโนโลยี ยุทธศาสตรส์ ำคัญแห่งยคุ ปัจจุบันและในอนาคต ก็คอื ความสามารถในการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพและสมรรถภาพในเกือบทุก ๆ กิจกรรม อาทโิ ดย ๑. การลดต้นทนุ หรือค่าใช้จา่ ย ๒. การเพิม่ คณุ ภาพของงาน ๓. การสร้างกระบวนการหรอื กรรมวธิ ีใหม่ ๆ ๔. การสร้างผลิตภณั ฑ์และบรกิ ารใหม่ ๆ ข้นึ ฉะน้ัน โอกาสและขอบเขตการนำ เทคโนโลยีนี้มาใช้ จึงมีหลากหลายในเกือบทุก ๆ กิจกรรมก็ว่าได้ ไม่วา่ จะเป็นการปกครอง การให้บริการสังคม การผลิตทั้งภาคเกษตร อตุ สาหกรรม และบริการ รวมถึงการค้า ทัง้ ภายในและระหว่างประเทศอีกด้วย โดยพอสรปุ ได้ดังตอ่ ไปนี้ ภาคสังคม การบรหิ ารและปกครอง การให้บริการพ้นื ฐานของรฐั การบริการสาธารณสุข การบรกิ าร การศกึ ษา การใหบ้ รกิ ารข้อมูลและสาระบนั เทิง การอนุรกั ษ์สิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การ บรรเทาสาธารณภยั การพยากรณอ์ ากาศและอตุ ุนิยม ฯลฯ ภาคเศรษฐกิจ การเกษตร การปา่ ไม้ การประมงการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและกา๊ ซธรรมชาติ การ สำรวจแรแ่ ละทรพั ยากรธรรมชาตทิ ั้งบนและใต้ผวิ โลก การกอ่ สรา้ ง การคมนาคมท้ังทางบก น้ำ และอากาศ การคา้ ภายในและระหวา่ งประเทศ อุตสาหกรรมการผลิต อตุ สาหกรรมบรกิ าร อาทิ ธรุ กิจการทอ่ งเที่ยว การเงนิ การธนาคาร การขนสง่ และการประกนั ภัย ฯลฯ ในปจั จุบันเศรษฐกจิ และสังคมของไทยมคี วามผูกพันอยา่ งแน่นแฟ้นยง่ิ ขน้ึ กับสังคมโลก ประมาณการ ว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ การสง่ ออกมีมูลค่าขยายตัวถึงร้อยละ ๑๒.๘ ที่ ๙๒๐ พนั ลา้ นบาท ขณะที่การนำเขา้ มี อัตราขยายตัวถงึ ร้อยละ ๑๒.๗ ด้วยมลู คา่ ๑,๑๕๐ พันลา้ นบาท การส่งออกที่มีสดั ส่วนเพยี งร้อยละ ๑๓.๒ ของผลผลิตมวลรวมของประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ไดเ้ ตบิ โตอย่างตอ่ เนื่องจนมีขนาดเป็นรอ้ ยละ ๓๗.๙ ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ย่อมช้ีให้เหน็ ถงึ ความสำคญั ของการค้าระหวา่ งประเทศ และในทำนองเดยี วกันของ เทคโนโลยี กลุ่มนี้ ต่อเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ ทัง้ นี้ สบื เนอื่ งจากกจิ กรรมการค้าระหว่างประเทศคือ การอาศยั การแลกเปลยี่ นข้อมูลสารสนเทศ จำนวนมากมายนั่นเอง ต้งั แตก่ ารสบื และสอบถามสินคา้ และราคา การเจรจาตกลงราคา การหาวัตถดุ บิ สำหรบั การผลติ การว่าจา้ งและการรบั ช่วงผลติ การว่าจ้างขนสง่ สินค้า การประกันวนิ าศภัย การแจง้ หรือ การสง่ มอบสนิ ค้า และรายละเอยี ดเที่ยวบนิ หรอื เรอื เดินสมุทรทีข่ นยา้ ยสนิ ค้า รวมถงึ การดำเนินการทางพธิ ีการ ศุลกากร จนถงึ การโอนเงินระหวา่ งประเทศ ฯลฯ การแลกเปล่ยี นข้อมลู จำนวนมาก ระหว่างองคก์ ร หลากหลายในแต่ละครง้ั ของการซ้ือขาย จึงต้องพ่งึ พาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่าง รวดเรว็ ดว้ ยขอ้ มูลทแ่ี มน่ ยำ และในอัตราค่าบริการท่ีตำ่ เพอ่ื ลดตน้ ทนุ และเพิม่ ขีดความสามารถในเชิงแข่งขัน ระหว่างประเทศ ผลประโยชน์ต่างๆ จากการประยุกต์ใช้ของเทคโนโลยีดังกล่าว ล้วนเกิดจากคุณสมบัติพิเศษหลาย ๆ ประการของเทคโนโลยีกลุ่มนี้ อันสืบเน่ืองจากการพัฒนาของ เทคโนโลยีที่มีอัตราสูงและอย่างต่อเนื่องตลอด หลายทศวรรษท่ผี า่ นมา วิวัฒนาการทางเทคโนโลยนี สี้ ่งผลให้ (๑) ราคาของฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ รวมทั้งค่าบริการ สำหรับการเก็บ การประมวล และการแลก เปลีย่ นเผยแพร่สารสนเทศมกี ารลดลงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและรวดเรว็
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๑ (๒) ทำให้สามารถนำพาอุปกรณ์ต่าง ๆ ท้ังคอมพิวเตอร์และ โทรคมนาคมติดตามตัวได้ เน่ืองจากได้มี พฒั นาการการย่อส่วนของชน้ิ ส่วน (miniaturization) และพัฒนาการการส่อื สารระบบไร้สาย (๓) ประการท้าย ท่ีจัดว่าสำคัญท่ีสุดก็ว่าได้คือ ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารมงุ่ เขา้ สู่จดุ ท่ีใกล้เคียงกนั (converge) ประเทศอตุ สาหกรรมในโลกได้เล็งเห็นถงึ ศกั ยภาพของเทคโนโลยยี ุทธศาสตร์กลุ่มน้ี จึงให้ความสำคัญ ต่อเทคโนโลยีน้ีมากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ ท่ีจัดเป็นเทคโนโลยียุทธศาสตร์สำคัญอีกหลายกลุ่ม ดังเช่นกลุ่ม ประเทศ OECD (Organization for Economic Co-operation and Development) ได้ศึกษาเปรียบเทียบ ศักยภาพของเทคโนโลยีไฮเทค ๕ กลมุ่ สำคญั ในปัจจุบนั คือ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีวสั ดุใหม่ เทคโนโลยี อวกาศ เทคโนโลยีนิวเคลียร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในประเดน็ ผลกระทบสำคญั ๕ ประเดน็ ได้แก่ (๑) การสร้างผลิตภัณฑแ์ ละบรกิ ารใหม่ ๆ (๒) การปรบั ปรงุ กระบวนการผลิตผลติ ภณั ฑแ์ ละบรกิ าร (๓) การยอมรับจากสังคม (๔) การนำไปใชป้ ระยุกต์ในภาค/สาขาอน่ื ๆ (๕) การสร้างงานในทศวรรษปี ๑๙๙๐ ปรากฏว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการยอมรับในศักยภาพ สงู สุดในทุก ๆ ประเด็น ในสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน มกี ารศึกษาวเิ คราะหถ์ ึงขีดความสามารถในเชงิ แข่งขันเปรียบเทียบกับ ประเทศญป่ี ุน่ ในเทคโนโลยกี ลุ่มไฮเทคทส่ี ำคัญต่อประเทศ ๑๑ ชนิดดว้ ยกนั ปรากฏวา่ ๘ ชนิดจากทัง้ หมด ๑๑ ชนดิ จดั เปน็ เทคโนโลยีสารสนเทศทง้ั โดยตรงหรือเปน็ สว่ นประกอบ จะยกเว้นเพยี ง ๓ ชนิดคอื เวชภัณฑ์ ยา เครอ่ื งบิน และวสั ดใุ หมเ่ ท่านั้น ประเทศเหล่านี้จึงมแี ผนพัฒนาเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งจริงจงั และได้ทุ่ม งบประมาณมากมายมหาศาล เพ่ือการพัฒนานี้ จึงเปน็ ที่คาดกันว่าววิ ฒั นาการของ เทคโนโลยสี ารสนเทศใน อนาคตอนั ใกล้น้ี จะเป็นไปอยา่ งรวดเร็วและรนุ แรงมาก ๓.๖ เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาสังคม เทคโนโลยีสารสนเทศจดั ว่ามีบทบาทสำคัญอย่างย่ิงต่อการพฒั นาประเทศของทกุ ประเทศกว็ ่าได้ ไม่ ว่าจะเปน็ ประเทศท่ีพัฒนาแลว้ หรอื ประเทศท่ีกำลงั พัฒนา เพราะแม้วา่ เทคโนโลยีน้ีจะยังไมม่ บี ทบาทโดดเดน่ ในการพฒั นาด้านอุตสาหกรรมและการคา้ ในกลมุ่ ประเทศที่กำลงั พัฒนาทางเศรษฐกจิ และอตุ สาหกรรม แตก่ ม็ ี ความสำคัญอย่างย่ิงยวดในด้านการพฒั นาสังคมและคุณภาพชวี ติ ของประชาชน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ในด้าน การจดั ใหบ้ ริการสงั คมพ้ืนฐาน (การศึกษาและ การสาธารณสุข ฯลฯ) ในการบริหารประเทศ และในการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติอย่างมีประสทิ ธิภาพและย่งั ยืน ในปัจจุบนั อตุ สาหกรรมเทคโนโลยสี ารสนเทศได้กลายเปน็ อุตสาหกรรมผลติ ท่ีมขี นาดใหญ่ทีส่ ดุ ในโลก มกี ารประมาณการว่าตลาดโลกสำหรับอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ทง้ั ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ โทรคมนาคม และ ผลติ ภัณฑ์ท่ีเก่ยี วข้องอนื่ ๆ จะมขี นาด ๑,๖๐๐ พนั ล้านเหรยี ญสหรัฐ ในปี ๑๙๙๔ ดว้ ยอตั ราการเติบโตเฉล่ีย ถึงรอ้ ยละ ๒๐ ตอ่ ปี แมว้ ่าในปัจจุบนั จะมเี พยี งไม่ก่ีประเทศในโลกที่ไดผ้ ลประโยชนด์ ้านเศรษฐกจิ จากการเป็นผู้ผลิต ดังกลา่ ว แตด่ ว้ ยศักยภาพของเทคโนโลยีดังทีก่ ล่าวมา นานาประเทศตา่ งสามารถรบั ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากการเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทง้ั ส้นิ
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๒ ฉะน้ัน การลงทุนในด้านเทคโนโลยีดังกล่าว จึงย่อมส่งผลท้ังทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของ นานาประเทศ จากผลการศึกษาใน ๑๑ ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีทั้งประเทศที่ถือว่าพัฒนาแล้ว พฒั นาใหม่ และกำลงั พฒั นา ในช่วงทศวรรษที่แล้ว หลายประเทศมีความวิตกว่าเทคโนโลยีนี้จะลดการว่าจ้างงาน และทำให้เกิด ปัญหาการตกงานอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ของประเทศที่พัฒนาแล้ว ช้ีให้เห็นถึงความสำคัญ ของการใช้เทคโนโลยีนใ้ี นการสร้างขดี ความสามารถในการแข่งขันและในการสร้างกิจกรรมใหม่ ๆ จนกล่าวได้ ว่าในทางสังคมแล้ว เทคโนโลยีน้ีจะช่วยเพ่ิมการจ้างแรงงานโดยรวมมากกว่าจะลดตามท่ีเข้าใจกัน ปัจจุบัน ประเทศกำลงั พัฒนาต่างเรม่ิ ตระหนักถึง บทบาทของเทคโนโลยนี ้ตี ่อการพฒั นาสังคมตามประเทศที่พัฒนาแล้ว และเลง็ เห็นว่ามันสามารถจะก่อเกิดประโยชนต์ า่ ง ๆ นานา เปน็ ตน้ ว่า ดังน้ี • ทำให้การบริการที่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐให้แก่ประชาชนมีคุณภาพและ ประสทิ ธิภาพสูงข้ึน และต้นทุนต่ำลง • ลดต้นทุนการบริการสาธารณสุขขณะท่ีเพิ่มปริมาณและคุณภาพของบริการสู่ ประชาชนที่ยังไม่ได้รับบริการอยา่ งท่ัวถงึ • สร้างโอกาสให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าและทุกวัยได้รับการศึกษาและฝึกอบรมอย่าง กว้างขวาง ฯลฯ เป็นท่ีประจักษ์ว่าการใช้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถจะเพ่ิมผลิตภาพ (productivity) ในด้านต่าง ๆ แม้ว่าหากมองเฉพาะในขอบเขตของงานน้ันๆ ระบบคอมพิวเตอร์ อาจจะลดปริมาณการว่าจ้างงาน เปรียบเทียบกับเม่ือไม่ใช้เทคโนโลยี แต่หากมองโดยรวมแล้ว การที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนสำคัญ ช่วยให้ เกิดการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจในอัตราสูง ย่อมส่งผลให้เกิดการสร้างงานที่เพ่ิมตามมา ข้อมูลในประเทศ สหรัฐฯ ตลอดกว่าศตวรรษท่ีผ่านมา พบว่าการจ้างงานมิได้ลดลงจากการใช้เทคโนโลยี เริ่มต้นจากเคร่ืองจักร ไอน้ำจวบจนเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน แต่กลับเพิ่มถึง ๑๐ เท่าตัว จาก ๑๒ ล้านคนในปี ๑๘๗๐ เป็น ๑๑๖ ล้านในปี ๑๙๘๕ คิดเป็นอัตราส่วนจากร้อยละ ๓๑ เป็นร้อยละ ๔๘ ของ ประชากรท้ังหมด อีกทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นหรือจะเกิดในอนาคตสืบเนื่องจาก เทคโนโลยนี ี้ ก็ยังจะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ ๆ ตามมามากมายอีกดว้ ย เป็นต้นว่า ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ วา่ บริการโทรคมนาคมไรส้ ายต่างๆ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศสหรัฐฯ จะสามารถสรา้ งงานเพ่ิมขึ้น ถึง ๓ แสนคน ภายในระยะ ๑๐-๑๕ ปีข้างหนา้ เทคโนโลยสี ารสนเทศจะมผี ลกระทบต่อสงั คมมากนอ้ ยเพียงใด ยอ่ มข้ึนอยู่กบั ว่ามนุษย์จะเลอื กใช้มนั อย่างไร ในโลกปจั จุบนั แรงผลักดนั ทางเศรษฐกิจมักจะมบี ทบาทสงู ในการกำหนดทิศทางของเทคโนโลยีเปน็ ท่ี ทราบกนั ดวี า่ เทคโนโลยีการส่อื สารทง้ั ในอดีตและปจั จุบันได้เปลย่ี นโฉมไปอยา่ งมาก ในอนาคตธุรกจิ บันเทงิ จะ เป็นธุรกจิ อกี ประเภทหนงึ่ ทจ่ี ะทำเงนิ ใหแ้ กผ่ ู้ประกอบการทางด้านการส่ือสารโทรคมนาคม เนอ่ื งจากเปน็ ธรุ กจิ ที่มีอิทธพิ ลอยา่ งสูงกับแนวความคดิ ความอ่านของผคู้ นในสังคม เพราะเป็นวิถีทางหนงึ่ ทีผ่ ู้ร่วมบันเทิง ได้รับอิทธิพลทางความคดิ จากผู้อนื่ ท่รี ่วมอยู่ในวงบนั เทิง และยอมรบั สถานภาพว่าตนก็เปน็ ส่วนหน่ึงของสงั คม นั้นๆ การถ่ายทอดแนวความคิดระหวา่ งบคุ คลในสังคมนนั้ ก็เป็นส่ิงทเี่ ราเรียกวา่ วัฒนธรรมน่นั เอง แต่การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในระยะต่อไปจะเปิดโอกาสให้มีการส่ือข่าวสารจากจุด ต่าง ๆ ได้ เพิ่มข้ึนจากเดิมมากดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะฉะน้ันจึงเป็นที่คาดกันไว้ว่า จะมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมอีก คร้ังหน่ึง เราอาจจะได้ความหลากหลายกลับคืนมา แต่ความหลากหลายน้ีคงจะมีลักษณะแตกต่างจากท่ีเคยมี อย่เู ดิมอยา่ งแนน่ อน
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๓ สรปุ ท้ายบท ในปัจจบุ ันประเทศไทยได้ตระหนักถงึ ศักยภาพอันมหาศาลของเทคโนโลยีสารสนเทศ ดงั จะเห็นได้วา่ มี การพัฒนาเครอื ขา่ ยและบริการโทรคมนาคมอยา่ งจรงิ จัง ซ่งึ เปรยี บเสมือนทางหลวงสำหรบั การขนถ่าย แลกเปลี่ยนสารสนเทศ อนั เป็นโครงสร้างพ้นื ฐานท่ีจะขาดแคลนหรอื ลา้ สมยั มิได้ โครงการหลาย ๆ โครงการที่ มีมลู คา่ รวมกนั เปน็ แสนๆ ล้านบาท จึงได้รบั การผลกั ดันให้เกดิ ขึ้นในท่สี ดุ อาทิ โครงการขยายเครอื ข่าย โทรศัพท์ ๓ ล้านเลขหมาย โครงการดาวเทียมสอื่ สารไทยคม ดวงที่ ๑ และ ๒ โครงการเครือข่ายบรกิ ารร่วม ระบบดิจติ อล (ISDN) โครงการเสน้ ใยแกว้ นำแสงตามทางรถไฟทว่ั ประเทศ โครงการเสน้ ใยแกว้ นำแสงใตน้ ้ำ หลายโครงการ ที่จะเชอื่ มโยงประเทศไทยกบั ประเทศอาเซียน เชื่อมโยงกบั ฮ่องกงผ่านเวียดนาม และเช่ือมโยง กับประเทศยโุ รปผา่ นประเทศตะวนั ออกกลาง เปน็ ตน้ รวมถึงการเปิดโอกาส ใหภ้ าคเอกชนมสี ่วนในการ พฒั นาในบางโครงการดงั กล่าว และการใหส้ ัมปทานแก่เอกชนในการใหบ้ รกิ ารมูลคา่ เพมิ่ (value-added services) อาทิ บริการวทิ ยุติดตามตัว บรกิ ารโทรศพั ท์มือถือ (cellular telephones) บริการเครอื ขา่ ย ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ (data communications) และบริการ Cable-TV ฯลฯ อีกท้งั กระทรวงคมนาคมยังมี แผนทจี่ ะขยายเครือข่ายโทรศัพท์อกี ๖ ลา้ นเลขหมาย รวมถงึ การตดิ ตง้ั โทรศัพทส์ าธารณะใหค้ รบทั่วทกุ หมู่บ้านภายในช่วงแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี ๘ อีกด้วย แมว้ า่ ประเทศไทยมเี จตนารมณ์และความมุ่งม่ันที่จะพัฒนาในดา้ นนี้อยา่ งชัดเจน อยา่ งนอ้ ยในด้าน โครงสร้างพืน้ ฐาน และบริการโทรคมนาคม หากแตผ่ ลประโยชน์ท่ีตามมา จะมากน้อยเพียงไร และการกา้ วสู่ สังคมสารสนเทศจะเป็นไปได้มากน้อยเพยี งไร ยงั เปน็ สิง่ ที่ไม่คอ่ ยชัดเจนนักในปจั จุบัน ดังตัวอย่างท่วี ่าใน ปจั จุบันเพยี งไม่ถึง ๒,๐๐๐ ตำบล จากทง้ั สน้ิ ๕,๓๐๐ กวา่ ตำบลเท่านัน้ ทมี่ ีโทรศัพทส์ าธารณะใช้ ท่เี หลอื อีก กวา่ ๓,๐๐๐ ตำบล และอกี กวา่ ๕๐,๐๐๐ หมู่บ้าน จะตอ้ งทยอยรอกนั ถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ เปน็ อยา่ งเรว็ จงึ จะมี โทรศพั ท์ประจำหมูบ่ ้านใช้อย่างถว้ นหน้า หากเปรียบเทยี บเกาหลใี ต้แล้ว กวา่ ๒๔,๐๐๐ หมู่บ้านทว่ั ประเทศที่ มีผู้อาศัยกว่า ๑๐ ครวั เรอื น ตา่ งมโี ทรศัพทใ์ ชแ้ ล้วต้งั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นต้นมา เนอื่ งจากในปัจจบุ ันมีความขาดแคลนอยา่ งมากทางเครอื ขา่ ยโทรคมนาคมข้นั พืน้ ฐาน (เชน่ โทรศัพท)์ ใน นานาประเทศทวั่ โลก ดงั เช่นในประเทศไทยท่มี ผี ยู้ ืน่ ขอคู่สาย โทรศัพทเ์ กอื บ ๒ ลา้ นเลขหมายในนคร หลวงและหัวเมืองใหญ่ ๆ ขณะที่โทรศัพทส์ าธารณะชมุ ชนยงั ครอบคลุมได้เพียงเส้ียวหนง่ึ ของพนื้ ที่ท่ัวประเทศ เท่าน้นั ดังนัน้ แนวความคิดที่วา่ บรกิ ารโทรคมนาคมเปิดเสรีมิได้ แต่เปน็ กจิ กรรมทีจ่ ำเป็นตอ้ งใหส้ ิทธผิ กู ขาด ตามธรรมชาติ (natural monopoly) เชน่ เดียวกบั สาธารณปู โภคอื่น ๆ อาทิ ไฟฟา้ และประปา เพื่อทีผ่ ู้ ใหบ้ ริการจะสามารถสนองความต้องการของประชาชนผูใ้ ช้ ได้อย่างเทา่ เทียมทวั่ ถงึ และเปน็ ธรรม (universal services) จงึ นา่ จะเปน็ ความคิดทไ่ี มค่ ่อยถูกต้อง กระแสการปฏริ ูปไม่ว่าจะเป็นการแปรสถานภาพของรัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมไปสู่บริษัทมหาชน การ เปิด ตลาดเสรี ในบริการโทรคมนาคมบางชนิด จนถึงการเปิดเสรีเต็มที่ (market liberalization) ที่รวมทั้ง บริการและเครือข่ายทุกชนิด ได้เร่ิมมีการยอมรับและนำไปปฏิบัติมากข้ึนในหลายประเทศ อาทิเช่น อาร์เจนตินา เม็กซิโก เวเนซุเอลา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ฯลฯ กรณี ของประเทศเล็กมากอย่างนิวซีแลนด์ท่ีมีความสำเร็จสูงในการเปิดตลาดเสรีอย่างเต็มรูปแบบที่สุดเป็น กรณศี ึกษา อย่างดี
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๔ ประเทศไทยมีแนวความคิดแก้ไขปัญหาบางส่วนด้วยรูปแบบของ BTO (build-transfer-operate) โดยการให้สัมปทานติดตั้งโทรศัพท์ ๓ ล้านเลขหมายแก่บริษัทเอกชน ๒ ราย แต่น่ันเป็นเพียงมาตรการ แก้ปัญหาการขาดแคลนเฉพาะหน้าเท่าน้ัน ยังไม่ได้มีการปรับโครงสร้างของธุรกิจโทรคมนาคมอย่างแท้จริง แมว้ ่าเอกชนจะได้รบั สัมปทานไปกจ็ ริง แต่ตามกฎหมายแล้วรฐั บาลกย็ งั มอี ำนาจผูกขาดในธุรกิจนี้อยู่ ประเด็นนโยบายท่ีค้างคารอการตัดสินใจของรัฐที่จะยื่นมือเข้ามาจัดการในอนาคต จึงยังมีมากมาย หลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องแนวทางการเปิดตลาดเสรี ของบริการโทรคมนาคม การแปรรปู รัฐวสิ าหกจิ ท่ี เกี่ยวข้อง ตั้งแต่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย การส่ือสารแห่งประเทศไทย จนถึงองค์การสื่อสารมวลชน แห่งประเทศไทย การแยกอำนาจหน้าที่การควบคุมและกำกับ (regulation) ออกจากหน้าท่ีการให้บริการ (operation) อำนาจหน้าที่การบรหิ ารความถีว่ ิทยุ และท้ายสดุ การแก้ไขกฎหมายที่เก่ียวข้องให้สอดคลอ้ งกับ นโยบายดงั กล่าวข้างต้น เพอ่ื ให้ประเทศรกั ษาสถานภาพเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึง่ ในสังคมโลก เป็นประเทศเปิด ทส่ี ามารถ จะแข่งขันกับประเทศอืน่ ได้ เปน็ ศนู ย์กลางในหลาย ๆ ดา้ นตามเจตนารมณข์ องแผนพัฒนาประเทศ และหากประชาชนต้องการสังคมเปิดท่ีสามารถจะรับรู้ข่าวสารอย่างทั่วหน้าแล้ว เราคงจะปฏิเสธ ทางเลือก ใหม่ที่จะเป็นสังคมสารสนเทศมิได้ เพียงแต่วา่ เราจะเลือกเดนิ ไปใน อนาคตอย่างไร เร็วหรือช้า ด้วย ราคาท่ีเทียบกับผลประโยชน์แบบไหน และท้ายสุด สังคมพร้อมท่ีจะยอมรับในการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ การ ตอบคำถามเหลา่ นี้ จงึ ขึน้ กับโจทยท์ ี่ว่า “คณุ ภาพชีวติ จะดขี ึน้ หรือไม่ในสังคมสารสนเทศ” อย่างหลีกเล่ยี งไมไ่ ด้
Search