< บันทกึ ลบั ภกิ ษนุ ริ นาม > ๑. ทกุ อยา งสาํ เรจ็ ดว ยจติ ทอ งฟา สคี ราม ประดบั ดวยปุยเมฆสีขาวลอยฟองอยูเปนกลมุ เลก็ กลุมใหญ ภายใตแ ผนนภาอันกวา งไกล แสดงถึง ความแจม ใสของโลกที่พนฤดูฝนมาแลว ทองฟาสีคราม ปยุ เมฆสีขาว เปนส่ิงทม่ี ีมานานแลว ตั้งแตโลกเกิดและจะมอี ยตู อ ไปเปน นิรนั ดร เชน เดียวกบั ดวง อาทิตยแ ละดวงจันทรท ีใ่ ครและผูใดไมอาจจะลบเลือนได มันเปนสภาวธรรม หรอื ธรรมชาติแหง ความเปนจริง แตแ มกระน้ัน กใ็ ชวาจะหนีกฎแหงอนิจจงั ไปได มนษุ ยพ ากันวิตกวา โลกอาจถกู ทาํ ลายใหพ นิ าศเปน จณุ ไปสักวัน หนง่ึ และผูท่ีจะทาํ ลายโลกก็คือ มนษุ ย เอง แตความวติ กน้ันมนั เปนอนาคตทเ่ี ราคาดคิดกันไปอยา งลมๆแลงๆ ชีวติ แตละชีวิตอาจไมค งอยจู นถงึ เวลานั้น ทาํ ไม?เราจะตองไปวิตกถึงส่งิ ท่ียังมาไมถึง ปจจุบนั ตางหากท่ีเราควรมองดูวาเรากําลังทําอะไรกันอยู เรามองเหน็ วา ปจ จบุ ันมนุษยกาํ ลังใชน ามธรรม ประดิษฐคิดคนสิ่งทเ่ี ปนรปู ธรรมข้ึนมา รูปธรรมท่คี น คดิ ขึน้ มานั้น มีท้ังส่ิงท่เี ปนประโยชนและสิง่ ท่ีจะทําลายโลกใหพนิ าศ ระหวาง ๒ ส่ิงน้ี ส่ิงทเ่ี ปน ประโยชนย อ มมพี ลงั อํานาจนอ ยกวาส่ิงทําลายมากมายนัก ซ่ึงเรามองเหน็ ไดชัดวา ประโยชนจะมสี ักเทา ใดเมื่อถกู ทาํ ลายเสยี แลวประโยชนก จ็ ะหมดไปดวย มนุษยก จ็ ะไมไดอะไรเลย แมแตช ีวิตของ ตนเองก็จะตอ งหมดไป โลกจะเหลอื แตน ํ้ากบั ฟา อยางเดมิ 1
แสดงวา ในปจจบุ นั น้ี มนษุ ยก ําลังใชนามธรรมอยางผดิ ทาง เราสรางสงิ่ ที่สมมตขิ ้นึ จนเกินความตองการของชีวิต และบดั นเี้ ราไมรวู า ชีวิตมนษุ ยเราตองการอะไรกนั แน มันไมม สี ้นิ สุด มันไมมีจดุ หมายปลายทาง สิ่งทเ่ี ปน นามธรรม แมจะไมมีรปู รางตัวตนใหม องเหน็ ได แตมนั ก็มคี วามสําคัญย่งิ ใหญเ หนอื กวารปู ธรรมเปนอนั มาก รปู ธรรม ไมวา จะเปนวตั ถสุ ง่ิ ของ เคร่ืองประดษิ ฐค ิดคน ทางวทิ ยาศาสตร หรือแมแตส ังขารรางกายของคนและ สตั ว ลวนเกดิ ขึ้นมีขนึ้ โดยนามธรรมเปนผบู ันดาลอยูเ บ้ืองหลงั ทั้งสิ้น ถานามธรรมไมบ นั ดาลสมบตั ปิ รงุ แตงขนึ้ มา มันกจ็ ะไมมีสิง่ ใดเกดิ ข้ึนเปน รูปรางทีเ่ รียกวา รปู ธรรม เลย พระพทุ ธเจาบรมศาสดาเอกในโลก จึงทรงตรัสวา ทุกอยา งสาํ เร็จดว ยจิต จิตก็คือนามธรรมอนั ซอนเรนแอบแฝง อยางลับๆ อยกู ับรา งกายของคนและสัตวท ้ังหลาย ผมู ีปญ ญารูความจริงวา จิตหรอื นามธรรมมคี วามสําคญั ยิ่งใหญย อ มจะปรบั ปรุงจติ ของตน บํารุงรกั ษาจิตของตน ทาํ ความสะอาดบริสุทธิ์ใหแกจ ติ ของตน ยงิ่ กวาสงั ขารทั้งหลาย และถอื วาการงานของจิตเปน สิ่งควรทําอยางยิ่ง แตผูโงงมงาย ไมร ูค วามสําคญั ของจิต จะพากันปรนเปรอบํารุงรักษาสังขารรางกายตามใจกิเลส อันมีความโลภ โกรธ หลง อยา งไมวางเวน และเตม็ กําลังความสามารถ และดูเหมือนวา มันเปน ธรรมชาติท่จี ะตองดําเนนิ ไปเชนนั้นซ้ําแลวซํา้ เลา หมนุ เวียนอยูไมม ีวนั จบสนิ้ จนกลายเปน ความยึดมน่ั ถือม่ันตัวเราเปน ของเรา ยากทจ่ี ะแกไ ขปรบั ปรุงได มนษุ ยเ กดิ มาเปนวัวตามฝูง สุดแตห ัวหนาฝูง คอื ความโลภ โกรธ หลง จะนําไป ชางนาสงสารเหลือเกิน เสน ทางของชวี ิต ไมวามนษุ ยหรือสรรพสตั ว เปนระยะทางอันไกล เลยขอบฟาทเี่ หน็ อยูลบิ ๆโนน มนั ขา มภพขาม ชาติ หมนุ เวียนเกดิ ดับอยางไมม วี ันสิ้นสดุ อะไรเลา คือความหมายของคําวา \"ยตุ \"ิ อะไรเลา คือความหมายของคําวา \"หลดุ พน \" ไปจากการเกิดการดบั ถา เราสามารถจะหยง่ั รไู ปถึงกาลในอดีตได ก็คงจะเหน็ดเหนอ่ื ย เบ่ือหนา ย ออนระโหยโรยแรงไปกบั การเกิดดับท่ี ซาํ้ ซากอยูเ ชนนั้น ชวี ิตในอดีตชาติ หลายภพหลายชาติ กระทั่งถึงชวี ติ ปจจุบันเราผานความทุกขม ากมายเหลือเกิน ถาจะนําความ ทกุ ขท ่ีเราไดร ับมากองไวตรงหนา ก็จะเหน็ วาทุกขนน้ั ใหญเทาภูเขาหลวง ทุกขเกิดจากความโลภ ทุกขเกดิ จากความ โกรธ ทกุ ขเกิดจากความหลง เปน กิเลสทมี่ ปี ระจาํ สิงสูอยูในชีวติ ของเรามันเหมอื นดวงอาทิตยทีก่ ระจายแสงไปท่ัว จกั รวาล ครอบคลุมเราและสรรพสัตวใหมดื หนาตาฟางอยตู ลอดเวลา ถาเราไมร จู ักคดิ พจิ ารณา เรากไ็ มอาจรูว า ทุกขน้นั เปน ฉนั ใด หนกั หนาสาหัสสกั เพียงไหน เรามกั ปลอยใหม นั ผา นไปผานไปเหมือนความทุกขน ้นั เปน เรอื่ งธรรมดาของชีวติ มันเกดิ ขึ้นแลวกด็ บั ไป มีทุกขใ หม เขามาแทนทไี่ มมวี ันสนิ้ ไปหมดไป 2
บางทเี รากไ็ ปไขวควาแสวงหาทกุ ขม าใสตน เหยยี บยาํ่ กองทุกขนั้นใหจมไปกับกาลเวลา บางทีเราก็เดนิ เขา ไป เผชิญหนา แมจะรูวาจะพบกบั ความตาย แตบางคร้ังกท็ นไมไหว เพราะอารมณก เิ ลสมนั เรงรัดผลักดันใหคะมําไป ขา งหนา ไปเจอกับความเศราโศกทเ่ี กดิ จากความพลดั พราก ไปเจอกับความเสียใจทเ่ี กดิ จากความผิดหวัง ดว ยเหตุนีก้ ระมัง จึงมผี คู นมากมายทาํ ลายชีวติ ตนเองดวยวธิ กี ารตา งๆ โดยไมย อมหยุดคดิ สกั นิดวา ทกุ ขน้นั เกิด จากสง่ิ ใด นี่แหละอํานาจของอารมณกเิ ลส มันรุนแรง พัดกระหน่ํายงิ่ กวาลมมรสมุ ใดๆทง้ั สิ้น ทาํ อยา งไรเราจะมโี อกาสหยุดคดิ สกั นดิ หนงึ่ วา เหตุแหงทกุ ขน ้ันเกดิ จากอะไร จึงเปนผลใหเราทกุ ขถงึ เพยี งนี้… มันเปนกรรมของสัตวโลกเราอยา งน้ันหรอื ท่ไี มส ามารถจะหยุดคิดถงึ เหตุที่ทําใหเกิดทุกขน้นั ได และเปน เชนนี้มา นบั แตโ ลกและสรรพสัตวไ ดเ กิดขน้ึ เมอ่ื ๒,๕๐๐ กวาปม าน้ี นามธรรมไดถ ูกพัฒนาขน้ึ มาอีกข้ันหนงึ่ โดยพระบรมศาสดาสัมมาสัมพทุ ธเจา ไดเกิดข้นึ ใน โลก พระองคไดทรงคนพบถึงวธิ ที ่จี ะหยดุ คิด เพื่อใหชาวโลกไดร ูเหตใุ หเกิดทกุ ข และประทานวิธหี ยุดคดิ ใหแ ก มนษุ ยท ้ังหลาย ตามที่พระองคป ระสบผลมาแลว ดว ยพระองคเ อง นับเปน การคนพบท่ยี ิง่ ใหญท ี่สุดของมนษุ ยชาติ ทเี ดียว วธิ กี ารของพระองคฟ งดูงายๆ ใครไดร ับฟงกค็ ดิ วา นาจะทาํ ไดทํากายใหบ ริสทุ ธิ์ดว ยการรักษาศีล เพราะการรกั ษา ศีล ทาํ ใหละเวนความชัว่ ไดหลายอยาง เชน ละเวน จากการฆาสตั ว ละเวน จากการลกั ทรัพย ละเวน จากการพูดเท็จ ละเวนจากการผิดลกู เมียผูอ ่นื ละเวนจากการดื่มสรุ ายาเสพติด ซ่ึงเรยี กวา ศลี ๕ เมอื่ เราละเวน จากการทาํ ช่ัว ๕ ประการนไ้ี ดน อกจากเปน เบ้ืองตน ของการละเวนแลว ในขนั้ ตอไป ทเี่ รียกวา ศีล ๘ ศลี ๑๐ ศลี ๒๒๗ กท็ ําใหกายของเราบริสุทธ์ิ ครน้ั กายบริสุทธ์ิแลว กท็ ําใหจติ บริสทุ ธต์ิ อ ไป การทําใหจิตบรสิ ทุ ธนิ์ ัน้ คอื ทําจิตใหต ัง้ มน่ั เปน สมาธเิ มื่อเราทําสมาธิมากๆ แลว ก็จะเกดิ สติสัมปชัญญะตามมา สติ ก็คือ การระลึกได สัมปชัญญะ ก็คอื การรตู วั คนเราเมือ่ ระลกึ ได รตู วั ไดเ ทาทนั กิเลสอารมณท ่ีมนั เกดิ ขน้ึ เขามาออกไปในจติ ของเราอยทู กุ เวลาและโอกาสจน แทบตงั้ ตัวไมติด มันกจ็ ะถอยหางออกไป เพราะอารมณก ิเลสทั้งหลายนั้น มันมีความกลวั อยูอ ยา งหน่ึงคอื กลัว การรทู ัน เหมอื นขโมยท่ีคิดจะเขาไปขโมยของในบาน ถา มันรูวาเจา ของบา นยงั ต่นื อยู ถอื ปนคอยจอ งจะยิงมนั แนน อน! มันยอ มไมเ ขาไป 3
เม่อื ไมม ขี โมยเขา มา จิตก็วา ง มีเวลาหยดุ คิดวา เจา ความทกุ ขม ันเกดิ จากอะไร พอรูสาเหตุทมี่ นั เกิดทกุ ข เราก็จะ มองเห็นวา ทางแกท ุกขนนั้ ยังมอี ยู ถาเรารเู หตุก็ยอมจะรทู างแก เชน ตดั เหตนุ ้ันเสียผลทที่ าํ ใหเกิดทุกขกจ็ ะไม เกิดขึ้น หรือถาทุกขน ัน้ เกดิ ขึ้นแลว เรากจ็ ะมองเหน็ วาควรจะแกอ ยางไร แลว กแ็ กตามเหตนุ น้ั มันกจ็ ะระงบั ดบั ทกุ ข เสยี ไดถ ึงความพนทกุ ขท ี่เกิดขึ้น เมอ่ื พระพุทธเจาสอนอยา งน้ี คนในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธองคย ังทรงดํารงพระชนมอยู ก็พากันทําตาม เพราะ คนเหลา นัน้ เปน ผวู างายสอนงาย มใี จออ นละเอียด รูจกั เหตรุ ูจักผล มีคณุ ธรรมอนั สรา งไวดี เปนบารมีอนั ติดตาม มาแตอดีตชาติ ตางพากันปฏบิ ตั ติ ามอาศยั ศีลบรสิ ุทธิ์ จิตบริสทุ ธ์ิ ทาํ ใหเกดิ ปญญา รแู จงเหน็ จรงิ ถงึ ความหลดุ พน จากทกุ ขทงั้ ปวง เปน จาํ นวนมากมายตามขั้นตอนแหงบารมีของตน ในรอบพันป หลังจากพระพุทธองคท รงดับขันธปรนิ พิ พานแลว มหาชนชาวโลกที่พระธรรมคาํ สั่งสอนของพระองค แพรข ยายไปถึงกย็ ังประพฤติดี ปฏบิ ตั ิชอบตามคําสอนของพระองค โดยถือมน่ั วาคําสั่งสอนนั้นเปนตัวแทนของ พระตถาคตเจาอยู ผปู ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิตามดวยความอดทน พากเพยี รพยายามไมทอ ถอยกย็ งั ไดประสบความสาํ เร็จ ไดบ รรลุถึง โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามแี ละอรหัตมรรคอรหตั ผลอยเู ปนจํานวนมาก ทา นเหลานี้ไดถงึ ความเปนอรยิ บคุ คล เปน ผูไ มยอนกลบั มาสกู ารเกดิ ดับ อันเปนสมมติของชาวโลกอกี แลว สวนทานท่ีบญุ บารมยี ังไมเ ตม็ เปย ม ตา งกไ็ ดฌ านตามกําลังของตน เชน ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ จนถึง ฌาน ๔ หรือมิฉะนนั้ กไ็ ดเ ปน ผถู อื ศีล ปฏบิ ตั ิสมาธโิ ดยเครง ครดั เมือ่ ลวงลับจากโลกมนุษยน ้ไี ปแลว กศุ ลผลบุญก็ได สง เสริมใหไปบังเกิดเปนเทวดา เปนพรหมอยใู นวิมานแดนสวรรค สว นจะย่ังยนื ชา เรว็ เทาใดนน้ั ยอมข้ึนอยกู ับการ กระทาํ ของตนเอง เพราะกุศลอันนอยนดิ ยังเปนโลกียชนอยู ยอมเสอื่ มไดไมพ น จากอาํ นาจของกเิ ลสมาร ซึ่งเปน เสมือนบวงท่รี อยรดั สรรพสัตวไ ว คาํ สอนขององคพระสมั มาสัมพุทธเจา น้ัน ไมถอื วา ใครเปน พระเจา ถึงจะมีพระเจา ทช่ี าวโลกยกยอ งในภายหลัง พระเจา นัน้ ๆ ก็ไมส ามารถจะใหบุญใหบ าปแกใครได แมพ ระองคเองก็มไิ ดย กยอ งพระองควาเปนพระเจาของใคร เพราะพระเจา ท่แี ทจ ริงก็คือ “มนษุ ย” เอง และขนึ้ อยูกบั การกระทํา ที่เรยี กวา “กรรม” ของตนเองทั้งสิน้ มนุษยน บั วา มวี าสนายงิ่ กวาสัตวใดในโลก มีสทิ ธิอนั สมบูรณท ี่จะเลือกทาํ กรรมดี หรือกรรมช่วั ของตนเอง ถอื วา เปน สตั วอนั ประเสริฐซึ่งพระพทุ ธเจา ทรงรับส่ังวา เกดิ เปนมนษุ ยนั้น ประเสริฐกวาเกดิ เปนเทพ เปนพรหมเสียอกี แมเทพจะรวมกาํ ลงั แรงใหเหน็ เปน รูปรางไดในบางครงั้ บางโอกาส ก็เปน เพยี งภาพเนรมิตเทานนั้ พระองคย งั ทรงชีใ้ หเ ห็นวา “กรรม” เปนเรื่องใหญ เรอ่ื งสําคัญของมนุษยแ ละสรรพสตั ว มนษุ ยจ ะเกิดมาไดก เ็ พราะ กรรม เรยี กวา กรรมเปน แดนเกิด มนษุ ยจ ะสืบเช้ือสายเผาพันธุกันมาได ก็เพราะกรรมนน่ั เอง กรรมยังเปนเครื่องจําแนกใหมนุษยแ ละสรรพสัตวแตกตางกนั ออกไป เกดิ มารูปช่วั ก็มี เกิดมารูปงามก็มี เกิดมา รปู รา งสมบรู ณด วยอาการ ๓๒ ก็มี เกดิ มาพิกลพกิ ารก็มี เกิดมาลําบากยากจนอดอยากก็มเี กดิ มารํา่ รวยก็มี เกิด มาใจบาปหยาบชาก็มี เกิดมาใจบุญกุศลก็มีและน่ีแหละทถี่ ือวาเปน กฎเกณฑป ระจาํ โลกมนษุ ยเรา ทานเรียกวาเปน กฎแหง กรรม ทไ่ี มม ีใครจะเปลีย่ นแปลงได นอกจากมนุษยเอง 4
กรรมน้นั เปนเหตุ ถามนุษยเลอื กทํากรรมดเี ปนกุศล ก็จะไดร ับผลดเี ปนการตอบสนอง ถาทาํ กรรมชว่ั เปน อกศุ ล ก็ จะไดรับผลชวั่ ไปดวย เราสามารถจะมองเห็นผลของกรรมดีกรรมช่วั ในโลกมนุษยแ หงน้ไี ดงายๆ ถา เรารจู กั พิจารณาสง่ิ ทเี่ กิดขึ้นมีขึ้นตามความเปน จรงิ อยางไรก็ตาม สิ่งทีม่ นษุ ยจ ะตอ งตอสูอ ยางหนกั หนวงยิ่งกวาสงคราม กค็ อื ความดแี ละความชวั่ หรอื กุศล อกศุ ล ซงึ่ ขึ้นอยใู นจติ ใจของตนเอง และสว นมากก็มกั จะพา ยแพแกอกุศลกรรม ซง่ึ เปน ฝายกเิ ลสมารรายไปคร้ังแลวครงั้ เลา เพราะความออนแอในจติ ใจของตนอกี เชนกนั ดวยเหตนุ ี้ สรรพสัตวท้งั หลายจึงคงเวยี นวา ยตายเกดิ อยใู นส่ิงทีเ่ รยี กวา \"วัฏสงสาร\" ชาติแลวชาติเลา ภพแลวภพ เลา โดยไมมีใครคดิ สงสารตัวเองแตอ ยา งใด ผูพ า ยแพต ออกศุ ลกรรมดังกลาวนไ้ี ดก ลายเปน หมูสตั วชนิดหนึง่ ไป เขาจะตองชดใชกรรมช่ัวของเขาตามทเี่ ขากระทาํ ขน้ึ อันน้เี ปนสจั ธรรมทพ่ี ระพุทธเจาทรงสง่ั สอนไว เปน สจั ธรรมที่มปี ระจาํ โลกจกั รวาล อนั ไมม ใี ครจะเปล่ียนแปลงได ไมว า มนษุ ยจะพัฒนาโลกใหเจรญิ กาวหนาไปสักเทา ใด ผลกรรม บุญบาปกเ็ ปน อยูเ ชนนั้น เชน เดยี วกับท่ีทรงตรัสถึง ความเกิด แก เจบ็ ตาย ทรงตรสั ถงึ ไตรลักษณ คือ ความไมเ ทยี่ ง เปนทุกข เปน อนัตตาซ่ึงไมวา มนุษย สรรพสัตว วัตถทุ ่คี ดิ ปรุงแตง ประดิดประดอยกันขนึ้ มา จะตองต้ังอยใู นสภาพเดียวกนั ทง้ั สน้ิ แมกระท่ังพระธรรมคําสอนท่ีตรัสไวมากมายถงึ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ พระองคก ย็ งั ตรสั วา เปน เพียงใบไมแ หง กาํ มือเดียวเทานัน้ พระธรรมคาํ สอนทีย่ งั มิไดตรัสถึง ยังมอี ีกมากเทา กบั ใบไมใ นปา เพราะเหตุนก้ี ระมงั พระอริยเจา ก็ดี ทานผใู ครถ งึ ความเปน พระอรยิ ะกด็ ี จงึ ยินดีชื่นชมท่ีจะเขาไปคน หาพระธรรม คาํ สอนในปา อนั เปน ทีส่ งัดวิเวก พระพทุ ธเจาเองกไ็ ดพบธรรมในปา ทรงเกิดในปา ตรัสรูในปา นพิ พานในปา พทุ ธ สาวกในครง้ั กระโนน เมอ่ื บวชเรยี นแลว พระองคก ท็ รงช้ีแนะใหไ ปบาํ เพ็ญเพียรคน หาธรรมในปา ธรรมในปาทพ่ี ระองคนํามาสอนชาวโลก ก็คือทางทจี่ ะนาํ สัตวใ นพน จากวัฏสงสาร ไมตองมาเวียนวายตายเกดิ ไม ตอ งตกอยูในอาํ นาจของไตรลกั ษณ และทําใหสามารถจะตอสกู ับกิเลส ตณั หาจนถงึ ความพน ทกุ ขไ ดในทีส่ ุด ซง่ึ โดยสรุปโดยยอแลว อาวุธทีท่ รงประทานใหต อสนู นั้ ก็คอื “ศลี -สมาธิ-ปญ ญา” ซ่ึงมีอานุภาพมากปราบไดท ้งั ไตรจกั ร และหกั หาญเอากเิ ลส ตณั หา ทีส่ งิ อยใู นจิตวิญญาณของมนษุ ยและสรรพสัตวมารวมไวในกาํ มือเดยี ว แตช างนาสงสารนัก ที่ชาวโลกเปนสวนนอ ยจะสนใจไยดีในเรือ่ ง ศีล สมาธิ ปญญา เพื่อชําระความประมาทมวั เมา กบั กิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ ความหลง เพ่ือลดความยึดม่ันถือม่นั ในรูปนามขันธ ๕ ใหหมดไป จะไดถึง ความพน ทกุ ขก นั เสยี ที เพราะความทุกขน้ี ดงั ไดกลาวมาแลววา ไมม พี ระเจาองคใ ดจะชวยได นอกจากตัวของเรา เอง เอาละ! จะอารัมภบทไปมากนกั ทา นผูอา นก็จะเบอื่ หนา ย เพราะขนึ้ ชอ่ื วา ธรรมแลว นับเปน สง่ิ ทีช่ าวโลกเบอ่ื หนายมากทสี่ ดุ โดยเฉพาะธรรมะในพทุ ธศาสนาน้ี มนั สวนทางกับความนิยมพอใจของชาวโลกมาโดยตลอด ชาวโลกเขานิยมชืน่ ชมกเิ ลส ตัณหา เขาพอใจความโลภ โกรธ หลง เขาติดในรปู เวทนา สัญญา สังขาร วาเปนของ รกั ของชอบใจจนยดึ มน่ั วาเปนตัวเราของเรา ยดึ ม่ันไดเทา ไร สะสมมากเทา ไรก็จะพอใจยนิ ดีผูกพันเหนียวแนนไม 5
ยอมปลอย แมจะรูวา ไมเ ทย่ี ง เปน ทุกข เปน อนตั ตา กร็ ูไปตามสัญญาทส่ี บื ตอกันมา แตไ มย อมรบั ไมย อมสนใจ น่ี แหละทีว่ า โลกกับธรรมมันเดนิ สวนทางกัน จงึ อยากจะขอเลา เรื่องสนกุ ๆใหฟงกนั บาง กอนจะเลา ก็ใครข อเรียนใหทราบโดยยอ ถึงผลของการปฏิบัติศลี สมาธิ ปญญา เสียหนอ ยวา ผปู ฏบิ ตั ิศีล สมาธิ ปญญานนั้ จะไดร บั ผลเปน ขั้นตอนแตกตางกันไป บางทา นไดเ คยสรา งบญุ บารมมี าเต็มเปย มแลว อยางเคยเปนผู บริจาคทานมาเปนอันมากในอดีตชาติ เคยรกั ษาศลี บรสิ ุทธบิ์ รบิ ูรณมาในอดตี ชาติ เคยปฏบิ ัติธรรมสมาธมิ าเตม็ ขั้น หรอื มีพ้นื ฐานมากอน ผูนั้นก็สามารถจะบรรลุธรรมขัน้ เสขบคุ คลไดโดยงาย อยา งในพทุ ธกาลทานกลา ววา เพยี งไดฟ งพระธรรมของพระพุทธเจา จบลง ก็ไดด วงตาเห็นธรรม สําเร็จเปน พระ โสดาบัน สกทิ าคามี เปนอนาคามี หรือเปน พระอรหันตไปเลย บางทานบญุ บารมยี งั ไมเตม็ เปย ม ก็ยงั ตองปฏิบตั ติ อไปอีก เรว็ บา ง ชาบาง บางทกี ็ตองปฏบิ ัติขามชาติขามภพ อยา งไดโสดาบันแลว ยังไมสําเร็จพระอรหนั ตใ นชาตินั้น ก็จะตอ งไปเกดิ อกี อยางมากเพียง ๗ ชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีขั้นตอนของความสําเรจ็ อีก เชน ขั้นตน จะไดสมาธิขั้นขณิกสมาธิ ขึ้นไปอุปจารสมาธิ จนถงึ ขึน้ อปั ปนาสมาธิ หรอื ไดฌ านที่ ๑ คือ ปฐมฌาน, ฌานที่ ๒ คอื ทุติยฌาน, ฌานท่ี ๓ คือ ตตยิ ฌาน, ฌานที่ ๔ คอื จตตุ ถฌาน ผทู ีไ่ ดฌ าน ๔ น้ยี ังถอื เปน โลกยิ ฌานอยู ยงั ไมถงึ ข้นั โสดาบัน ไดแ ลวไมปฏบิ ตั ิสบื เนือ่ งใหเกิดวสี คือ ความคลองแคลวชํานาญ ก็อาจเสื่อมได เพราะกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธ หลง เพยี งสงบลง แตมันยงั ไมตาย เดด็ ขาด เมอ่ื กระทบส่งิ ยวั่ ยเุ ขา ก็อาจเกดิ ขึ้นมาอีก ผูปรารถนาความหลุดพน ตองบําเพ็ญเพยี รขามโลกยิ ฌานไปใหถึงโลกตุ รฌานอันดบั แรก คอื โสดาบันใหไ ด แม กระนนั้ กิเลสตณั หา ความโลภ โกรธ หลง กย็ งั มอี ยู แตถ อื วาเปนข้นั ไมย อ นกลบั ไปสูอาํ นาจของกเิ ลสตัณหาแลว คือจะตองข้นึ ไปถงึ ธรรมท่สี ูงขึ้นไปจนบรรลุถงึ อรหตั ผล จึงจะพน วฏั สงสาร ไมเ กดิ ไมต ายไดเด็ดขาด เพยี งข้ันโลกิยฌานนี้ กท็ าํ ใหมฤี ทธไ์ิ ด เชน ไดตาทิพย หทู พิ ย ระลกึ ชาตไิ ด เปน ตน แตเปน การไดใ นวงแคบ เชน เหน็ ไดไ มไ กลไดยนิ ไมไดไ กล หรอื ระลกึ ชาตถิ อยหลงั ไปไดเพียง ๔-๕ ชาติ ไกลกวานนั้ ไมไ ด ถาไปถึงขนั้ โลกุตระ แลว กจ็ ะเห็นไดไกล รูไดไกลยง่ิ ขึน้ และเห็นชัดเจนถูกตองมากกวา เอาแคนี้กอ น ๒. ตายแลว ไปไหน ตอไปน้ี…ผูเขยี นขอใชค ําแทนชื่อตัวเอกของเรื่องวา \"อาตมา\" โดยสมมติวาเปนพระพุทธสาวกในชาติปจจบุ นั สว นจะ เปน พระมากนอ ยแคไ หน เปน เนื้อนาบญุ ของชาวบานไดมากนอยเพยี งใด จะไมขอพูดถงึ เพราะการปฏบิ ัตดิ ี ปฏบิ ัตชิ อบ ปฏิบัติตรง เม่ือยังตองปฏิบัติอยู ถา ไมถงึ วิมุตติหลุดพน จะเรยี กพระอยางเต็มภาคภมู ิ ก็ยังตอ งเรียก อยา งกระดากปาก เอาเปนวา เปนสมมติสงฆก แ็ ลวกนั และคําวาพระน้นั มิใชจะยึดเอาทผี่ ากาสาวพัสตรค รองกาย เราทานจะนุง เหลือง หมเหลืองเปน ภกิ ษุสามเณร หรือ นงุ ขาวหมขาวเปน อบุ าสก-อุบาสกิ า จะเรยี กวา พระยงั มิไดเ ตม็ ปาก เพราะเปนเพียงเครื่องหมายสมมติข้ึนเทานัน้ 6
คําวา “พระ” ทเ่ี ตม็ ความหมาย กค็ อื ผมู ีจิตสํารวมม่นั คงเปนสมาธิ มีเมตตาอ่ิมเอบิ สมบรู ณอยเู ปนนิตย จึงจะ เรยี กวาพระได เพราะเมื่อมีจิตตั้งมน่ั สาํ รวมอยใู นสมาธิ และเมตตาธรรมแลว ศีลท้งั หลายต้ังแตศีล ๕ ถึง ๒๒๗ ก็ จะสมบรู ณใ นผนู นั้ ไมวาเขาจะอยูในเคร่ืองหมายอะไร เมื่อทาํ ความเขา ใจเอาไวดงั นี้แลว กจ็ ะเลาถึงความเปนมาของชวี ติ ในชาตปิ จจุบันนี้กอน อาตมาเกิดมาในครอบครัวทีม่ ีฐานะที่เรยี กวาพอมีอนั จะกิน โยมพอ กบั โยมแมม ีอาชีพคา ขาย มีรานคา ที่มสี นิ คา สารพดั อยู จะเรียกอยา งสมัยนว้ี าสรรพสินคา กไ็ ด ภายในครอบครัว นอกจากโยมทง้ั สอง ก็มพี ่ีชายคนโต กบั พส่ี าวอีก ๒ คน อาตมาเกิดเปน คนสุดทอ ง และเกดิ หาง จากพ่ๆี หลายปทเี ดียว เพราะเขาโตๆ ชว ยโยมพอโยมแมคา ขายไดแ ลว และไมม ีใครคิดวา จะมอี าตมาขน้ึ มาอีก เมอื่ เกดิ ใหมๆ ลืมตาดูโลกไดแลว ในจิตใจของอาตมาเกิดความสงสัยข้นึ วา ทาํ ไมตัวเราจึงกลายเปน เด็กไป มนั ชาง แปลกประหลาดส้ินดี อาตมามีความรูขน้ึ มาวา ตัวเปนพระอายุตั้ง ๘๐ กวาแลว กําลังนง่ั สมาธิอยใู นกฏุ ทิ วี่ ัด มันไปมาอยา งไรกันแน จึง มากลายเปน เดก็ ดิ้นอยูในเบาะ ตองกนิ นมจากเตา ของโยมแม ไดร ับการทะนุถนอมจากพช่ี าย พ่ีสาวทงั้ สองคน ซึง่ ตามธรรมดาแลว ผหู ญงิ จะมาถูกตอ งอาตมาไมไ ด แตแ มจะรวู า ตัวเปนภิกษเุ ฒา กท็ าํ อะไรไมได เพราะกลายเปน เด็กทารกนอนอยูใ นเบาะ ทาํ อะไรไมได พูดไมไ ด แตก็รทู ุกอยาง พออายยุ ังไมชนขวบดี อาตมาก็พูดไดแ ลว แตพ ูดยงั ไมชดั ท้ังทจี่ ติ รูวาจะพูดอยา งไร แตป ากมันไมยอมพูดตามน้นั ไดแ ตคิดรขู ึ้นมาวา ตอนทีเ่ ปน พระภกิ ษผุ ูเ ฒาน่ังสมาธิอยู จิตไดดับลงในสมาธิพอจิตดับในสมาธิแลว มนั ก็ออกมา ยืนดูสงั ขารรางกายท่ีเปน พระผูเฒากําลังนั่งสมาธอิ ยูนาน เกิดความสังเวชสลดใจในความชราเหน็ วา สงั ขารอนั ประกอบดวยธาตุ ๔ น้นั มันตงั้ อยูไมไดแลว อาศัยมนั เปนเคร่ืองมือปฏบิ ัติไมไดแ ลว เราจะตองไปหาสังขารใหม ปฏิบตั ิตอไป พอคิดอยา งน้นั ก็กมลงมองตัวเอง เห็นรา งกายเหมือนกบั รา งเดมิ ทีก่ าํ ลงั ทําสมาธอิ ยู แตไมแกชราอยา งนน้ั มนั เหมือนแกวใสโปรงแสง ไมม ีน้ําหนกั มองทะลไุ ปไดต ลอดราง สติรูในตอนนนั้ วาเปนกายทิพย หรอื เปนกายใน เกดิ คาํ ถามวาเราจะไปไหน กน็ กึ ตอบข้นึ มาเองวา ไปหาท่เี กดิ ใหม แลวกายทพิ ยกล็ อยขน้ึ ล… อยขึน้ มนั ลอยข้ึนไปถึงกลมุ เมฆใตแผนฟา ซ่งึ เม่ือเปนภิกษชุ ราก็เคยมองขึน้ ไป ไมเหน็ มีอะไรนอกจากความเว้ิงวางวาง เปลา นม่ี องดว ยตาเนื้อธรรมดานะ แตก ็เคยมองดวยตาฌานวา มันมีสวรรควมิ านลอยอยใู นหมูเ มฆมากมาย เต็มไปดวยแสงสี ไดเหน็ เทพเทวานางฟาเสวยสุขอยูในแตละวิมาน ดวยใบหนาอ่ิมเอิบแยม สรวล เม่ือกายทพิ ย หรือจิตลอยขนึ้ มา กเ็ ห็นเหมอื นกบั เห็นดวยตาฌาน แตจ ิตไมไดม คี วามปรารถนาอยา งน้นั เลย ตอนทีอ่ ยใู นรา งของภิกษุชรา บาํ เพญ็ เพียรปฏิบตั ธิ รรมสมาธอิ ยูก ็ไมเคยปรารถนาสวรรคว มิ าน เพราะเห็นวาเปน การเสยี เวลา สวรรควิมาน เทวดา นางฟา เมื่อเสวยผลจากกุศลกรรมของตนจนหมดแลว กจ็ ะตองมาเกดิ เปน มนษุ ยอ กี ตามกรรมของตน 7
การไปเสวยผลบนสวรรควิมานน้นั จะเห็นวา ตองเสียเวลามากเพราะเทียบหยาบๆ รอยปใ นเมืองมนุษย กเ็ ทา กับ วันเดยี วบนสวรรคถา เราเสวยสุขอยูบนน้ันสักพนั ป จะอยไู ดนานสักเทาไร จึงมุง มั่นประการเดยี ว ขอปฏิบัตใิ หถ ึง ความพน ทุกข ไมต องเวยี นวายตายเกดิ อีก เมอื่ จิตไมปรารถนาสวรรค วมิ านมาแตเดมิ กม็ ีสตริ ูวาไมใชท ่ีอยูของเรา ทนั ใดกายทพิ ยก็ตกวูบลงมาสูพื้นโลก เกดิ แวบคิดถงึ นรกเพราะมีสัญญาเดิม จาํ ไดหมายรวู า นรกเปนอยางไร กายทิพยก ล็ งไปถงึ นรก แผนดนิ ทเ่ี ต็มไป ดวยไฟ แลวมนั ก็หยุดชะงักเพยี งแคเห็นไฟมีสติรวู าทน่ี กี่ ไ็ มใ ชท่ีอยูของเรา เมื่อยังเปน มนุษยและเปนภิกษอุ ยจู น ชราภาพ เราไดป ฏิบตั ิดี ปฏบิ ัตชิ อบในทางกุศลมาโดยตลอด จงึ ไมมนี รกสําหรบั เรา กลับดีกวา กลับมาสโู ลกมนษุ ย ทองเทยี่ วไปตามจิตปรารถนาสง่ิ ใดไมเ คยเห็นก็ไดไ ปเหน็ สวนมากก็ไปตามปชู นีย สถานทางพระพทุ ธศาสนา ไปนมสั การพระพุทธรูปแทนองคพระสมั มาสมั พุทธเจาทปี่ ระชาชนเขาเลอื่ มใส ไป นมัสการพระเจดยี ธาตุ ทเี่ รียกวา วัดมหาธาตอุ ันมีอยูตามเมืองตางๆ จนจาํ ไมไ ดหมดวา ไปทีไ่ หนมาบาง อันทจี่ รงิ เปน จติ ทิพย กายทิพยน้ีกด็ ี มีความสะดวกมาก พอนกึ จะไปท่ีไหนมันกไ็ ปถงึ ทนั ที ช่ัวแวบเดียวเทาน้ัน ไม ตอ งเสียเวลาเดนิ ทางข้นึ รถ ลงเรือ แมใ นทางเครื่องบินก็ยงั ชากวา อยูน น่ั เอง แตก ารจะเพลิดเพลินเจริญใจอยกู บั จิตกับกายทเ่ี ปนทพิ ยน ี้ จะเสยี เวลาเปลา ไมไดป ฏิบัตสิ มาธธิ รรมตามที่ตั้ง ปรารถนา จะกลายเปน วญิ ญาณเรร อนท่ไี มมีจุดหมายปลายทาง เพราะระหวา งที่ทอ งเทยี่ วอยูน ้ัน ก็ไดพบจิตหรอื กายทพิ ยพเนจรไปมาอยูมากมาย เกลื่อนกลาดไปหมด พวกนน้ี รกกไ็ มไป สวรรคก ไ็ มอยู สว นมากเมื่อเปน มนษุ ยป ฏบิ ัตธิ รรมอยู เกดิ กายทิพยอ อกไปทองเท่ยี วเพลดิ เพลนิ เกินเวลาจนลมื กลบั รา งเดิม พอ นกึ ข้ึนได กก็ ลับเขารา งไมไ ดเ สยี แลว เพราะพอแมลกู เมยี หรอื ญาติพนี่ องเขาเอารางไปเผาทําลายเสียแลว โดยคิด วา ตาย หรอื พระทีธ่ ดุ งคอ ยูในปา เกิดกายทิพยออกไปทอ งเทย่ี วเพลินไป ทง้ิ รางเดมิ ไวจนเนาเปอ ยผุพัง ท้ังๆ ทย่ี งั ไมถงึ เวลาตาย จึงกลบั เขา รา งไมไดอ ีก การณท่ีเปน เชนนี้ ก็เพราะสติตัวรยู งั ไมส มบูรณพอ ไมร เู ทา ทันกเิ ลส กายทิพยแ วบออกไปเหน็ สวรรค วมิ าน เทวดา นางฟา อันสวยงาม ก็ไปยดึ ติดหลงใหลจนลืมรางเดิม ดว ยเหตนุ ้ี นกั ปฏิบัตจิ ะตองพยายามเพ่มิ พูนตัวสตสิ มั ปชัญญะใหส มบูรณ รูเทา ทนั กิเลสตณั หาไดร วดเรว็ เทากับ ความรวดเร็วของจติ ทว่ี ิ่งเขาว่งิ ออกเหมือนฟาแลบ เพราะถา รไู มทัน กิเลส ตัณหาใดเขามากจ็ ะเกดิ ความคดิ ปรุง แตง ไมม ที ีส่ ้ินสดุ เหมือนกับเรานอนหลับฝน ไปพอรสู กึ ตัวกย็ ังงัวเงียฝนตอ ไป เปน เร่ืองเปนราวเพลิดเพลิน จนไม อยากลุกจากท่นี อน แลว ก็ไปยดึ ถือเปนจรงิ เปน จงั ๓. เรอื่ งแปลกๆ ในวยั เดก็ ระหวางท่ีกายทิพยเ รรอ นหาทีเ่ กิด กไ็ ปพบรา นคา แหงหนึง่ เจาของรานสามีภรรยา แมไมม โี อกาสไปวดั เพราะธุรกิจ ผกู พนั ก็มีการสวดมนตไ หวพ ระกอนนอน ลูกชายและลูกสาวก็ไดรับการอบรมใหไหวพ ระเชน กนั เชา ขน้ึ ก็จะ ชว ยกนั หุงขาวใสบาตรเปนประจาํ นบั วา เปน ครอบครัวทมี่ ีจติ เปนฝา ยกศุ ล 8
จติ ก็รูข น้ึ มาวา ที่เกดิ ของเราอยูทีน่ ่เี อง และยังรตู อ ไปวา โยมมารดานั้นเคยเปนพ่ีสาวของเราในอดีตชาติ มี ความสัมพนั ธกันอยู ทันใดนั้นกายทพิ ยกต็ กวูบลงไป เขาไปอยใู นครรภโยมแมแลว จติ ในวยั ทารกแบเบาะน้นั มนั รูเหน็ ไปสารพัด บางทกี ็รูลว งหนาวา อะไรจะเกิดขน้ึ อยากพูด อยากบอก แตม ันยัง พูดไมไ ด เกดิ เปนมนษุ ยน้ี กวาจะเตบิ โตขึน้ มาไดตอ งรับทุกขเวทนา ตองอดกล้ันอดทนมากทเี ดยี ว เพราะสังขารรางกายที่ เปนมนษุ ยนั้น มนั เตบิ โต รภู าษาตามวยั พอลกุ ขน้ึ ยืนได ก็ตองคอยๆ ยา งเดนิ เพราะขายงั ไมแ ขง็ แรงพอ ไม เหมือนววั ควาย มา พอคลอดออกมาก็วง่ิ ได การพดู ก็อยากพดู เหลอื เกนิ แตม ันพูดไมได ตองออๆ แอๆ คนฟง เขาก็ไมรูเรือ่ ง จนราํ คาญตัวเอง มีอารมณ หงดุ หงิดบา ง พออายไุ ด ๓ ขวบ คอยโลงอกไปที เดินได วงิ่ ก็ได พูดจาก็รูเร่อื งมากขึ้น ตอนนี้แหละมนั อยากจะสวดมนตไหวพ ระ โยมพอ โยมแมกับพๆ่ี เขาลงไปอยูขางลาง บางคนก็ไปโรงเรยี น บางคนกช็ วยขายของหนาราน อาตมาก็โอเออยู ขางบน เห็นเงยี บสงัดดกี ็เขาหองพระ กราบแลวก็เรม่ิ สวดมนต หนังสือยงั อานไมออก วัดกไ็ มเ คยไป มนั สวดไดเ อง เสยี งแจว ๗ ตํานาน ๑๒ ตาํ นาน มันสวดไปไดเ อง และดว ยคลอ ง โยมพอ ขึน้ มาเพราะสงสยั วาพระที่ไหนมาสวดมนต เม่ือโผลห นาเขามาในหองพระ จงึ เหน็ ลูกชายคนเลก็ นั่งสวด มนตเหมือนทพ่ี ระสวดตามวดั ก็แปลกใจวาสวดไดอยางไร ตอ งไปตามโยมแมขน้ึ มาฟงดวย อาตมาตอนนนั้ ไมสนใจใครเลย น่ังหลบั ตาสวดจนจบ แลก ท็ าํ สมาธิตอ การน่ังสมาธกิ ็น่งั ไดอยางถูกตอง เทาขวา ทบั เทา ซา ย มือขวาทับมือซา ย ต้ังตวั ตรง ดาํ รงสตมิ ่นั ทกุ อยางมนั เปน ไปเอง โยมพอ โยมแมเ หน็ อยางนั้น ก็ถอยกลบั ลงไปซบุ ซิบอยูขา งลางอยา งอศั จรรยใ จ น่มี ันเกิดอะไรขึน้ เปนไปไดอยา งไร ใครมาสงั่ สอนแตก็ไมน า จะเปนไปได อายเุ พิ่งแค ๓ ขวบ ต้ังแตเล็กก็ไมเคยไปวัด การนงั่ สมาธิคร้งั แรกน้ัน ใชค ําภาวนาวา \"พทุ โธ\" นงั่ ไปสักพกั หน่งึ จิตกร็ วมตวั ตง้ั ม่ันในสมาธิ แลวกเ็ กิดรูข้นึ มาเอง เห็นหมด โยมพอ โยมแมกําลังทําอะไรอยขู า งลา งกเ็ ห็น พส่ี าวกําลังว่ิงเลนทโี่ รงเรียนก็เห็น ยงั ไดยนิ โยมพอ โยมแม คยุ กนั ชัดเจน โยมแมบอกใหโยมพอข้ึนมาดวู า เลิกนั่งสมาธิหรอื ยงั เปน หว งกลัวจะหวิ แตอาตมาตอนนน้ั ไมรสู กึ หวิ เลย มันอ่มิ เอิบไปหมด นง่ั อยไู ดเปน ชว่ั โมงๆ โยมพอข้ึนมาถึง ๒-๓ คร้ัง จึงไดออก จากสมาธิ โยมพอ ถามวา \"ลกู เปนอะไร\" อาตมาก็ตอบวา \"ลกู สวดมนตไหวพระ ทาํ สมาธ\"ิ \"ลกู ทําไดอยา งไร ไมเ คยร่ําเรียนมากอ น ใครมาสอนลูกหรือ\" \"ไมม ใี ครสอน ลูกอยากทํากท็ าํ ไดเอง\" 9
โยมพอ จูงมือลงไปขา งลาง ใหโยมแมห าอาหารใหกนิ ไมรูจะถามอะไรอกี ยงั หาคาํ ตอบไมไ ดว า เปนไปไดอ ยา งไร แตกส็ ังเกตวาท้ังสองทานชน่ื ชมยนิ ดี พดู กันวาลูกเราคงเปนผูม บี ญุ มาเกิด จงึ ใฝใ จในทางกุศลตั้งแตยังเลก็ ทีน่ า พอใจกค็ ือ ทานไมหามปรามแตอ ยางใด อาตมาก็สวดมนตไหวพ ระ ทําสมาธิทงั้ ตอนเชา และตอนคาํ่ ไมช อบ ลงไปวง่ิ เลนกบั เพื่อนๆ ชอบนัง่ เงียบๆ ดูกายดจู ิตอยตู ามลําพัง ตอนนั้นปฏิบัติไดถ กู ตอง แตเรยี กไมถ ูกวา ปฏบิ ตั ิ อะไร มารภู ายหลังวา ทําตามแนวสตปิ ฏฐาน ๔ มกี ารพจิ ารณา รูป เวทนา จติ ธรรม ทบไปทวนมา ทรี่ ูภายหลงั น้ี ก็ตอนเขาวัดศกึ ษาทางปริยัติ เปนสามเณรแลวหา งกันอกี หลายป ตอนเปน เดก็ อยูกับโยมทงั้ สอง อาตมาไดส รางความแปลกใจใหก ับโยม และเพอ่ื นบานอยูเสมอ คราวหน่ึงโยมพอ บนกบั โยมแมว า \"หมูนร้ี า นเราขายของไมดีเลย ไมรูเ ปนอยา งไร\" อาตมานงั่ อยูขา งๆ กช็ มี้ ือไปท่ีหนารา น บอกวา \"ผขู ัดขวางเขามาน่งั อยูน ั่น จะขายดไี ดอ ยางไร\" \"ใครมาน่งั อยูท่ีไหน พอไมเ ห็นสักหนอย ลูกพดู อะไรของลกู \" อาตมากย็ ืนยนั วา \"หนูเห็น เขาเปน วิญญาณเรร อนอดอยากมาพักอยหู ลายวนั แลว พอทาํ บุญสังฆทานใหเ ขาซิ เขา จะไดไ ปเกดิ \" แตแรกพอ ไมย อมเช่ือ หาวา พูดเหลวไหล วันตอ มาแทบไมม ีคนเขามาซอื้ ของในรานเลย ท้งั ทเ่ี คยขายของดี โยม แมจ งึ บอกกบั โยมพอวา \"ลกู ของเรา เขามอี ะไรแปลกๆ มาตั้งแตเ ด็ก สวดมนตไ หวพ ระทําสมาธิไดโ ดยไมม ีใครสอน และเขาก็ทาํ อยูทกุ วนั ไมเ คยขาด ลองเชื่อลูก ทาํ สังฆทานใหวญิ ญาณกันดกี วา\" โยมพอกต็ กลงตาม จัดการเตรยี มเครือ่ งสังฆทาน นิมนตพ ระมารบั ในตอนเชา ตงั้ แตว ันนัน้ ปรากฏวา ของขายดีทง้ั วนั และดีตลอดมา ครั้งหน่งึ มีสองคนผวั เมียทาทางภมู ฐิ าน เอารถมาจอดริมถนนฝงตรงขามกับทีร่ าน แลวพากนั ลงรถเดนิ เขามา ปรากฏวา เปนคนชอบพอคุนเคยกบั โยมท้งั สองมานาน บอกวานั่งรถผานมา คิดถงึ จงึ แวะมาเยยี่ ม ขณะทน่ี ัง่ คยุ กัน ฝายภรรยาปรารภใหฟ ง วา \"ไปปลูกตกึ แถวขายถึง ๒๐ หอง ทําเลดี เหมาะในการคา แตป รากฏ วา ต้งั แตสรา งมาเปน เวลาถึงสองป ไมมใี ครมาซ้ือเลย มาถามแลว กห็ ายไป ลงทนุ เขาไปมาก ตอนนีก้ แ็ ทบหาเงนิ สงดอกเบ้ียธนาคารไมท นั ไมร ูเปนเพราะอะไร\" โยมแมถามวา \"เคยไปหาอาจารยทํานายทายทัก ใหร ูสาเหตบุ างไหม\" สามกี ็บอกวา \"ไปมาหลายแหงจนออ นใจ ก็ไมเหน็ วาอยา งไรเพียงแตบอกวา เมือ่ นน่ั เมือ่ น่ีจะขายได แลวกเ็ งยี บ ไป\" 10
โยมแมก ็เรยี กอาตมาเขาไปหา แนะนาํ ใหร จู กั บอกวา \"ลองถามพอลกู ชายคนเลก็ ของดฉิ ันดซู คิ ะ บางทเี ขาจะบอก อะไรได\" สองสามภี รรยาทาํ หนา งงๆ เพราะไมน ึกวา จะใหมาถามเรอื่ งสําคัญอยา งนี้กับเดก็ ตัวนิดเดยี ว แตคงจะไมใ หเสีย มารยาท ก็เลยถามวา \"หลานดไู ดห รือน่ี\" \"พอดไู ดครับคุณลุงคุณปา วาแตต กึ แถวอยูทไี หน มอี ะไรเปนเครือ่ งหมายใหร ูบ า ง เขาเรยี กวา อะไร\" อาตมาซักยัง กบั เปน ผใู หญ คุณลุงตอบวา \"ทีห่ นาตึกแถว มีตนฉําฉาข้ึนเรยี งกนั อยู ๓ ตน เขาเรียกบานใหม\" พอบอกอยางนน้ั อาตมามองเหน็ หมด ทั้งที่ไมเ คยไปหรอื เคยรจู กั เลย จึงถามวา \"เปนตึกแถวสองชัน้ ครง่ึ ใชไ หม คุณลุง\" \"ใชแลวหลาน\" \"ขา งนอกทาสเี ขยี ว หลังคากระเบอ้ื งสีน้ําตาล ใชไหมคณุ ลงุ \" \"เอะ! ยังกับตาเห็นเชียวน่ี\" คณุ ลุงอุทานแลว ตอบวา \"ใช\" \"คณุ ลุงรปู ระวัตทิ ่นี ่ไี หม\" \"พอรู…เพราะเปนทด่ี งั้ เดิม มรดกตกทอดของลงุ \" \"ท่ีตรงนเ้ี คยมคี นมาฆากนั ตาย เขาสูก นั เลยตายทง้ั ค\"ู \"โอโ ฮ! ยงั กับตาเห็นจรงิ ๆ หลานเห็นหรอื จะ จึงไดบอกถกู ตอ งหมด\" คุณปา อุทานอีกคนหนึ่ง พรอ มทั้งถาม \"เหน็ ครบั ทขี่ ายตึกไมไดเพราะวญิ ญาณสองคนน้ี เขาคอยขดั ขวาง อาละวาดอยู เขาตอสูกันทกุ วนั เปน วญิ ญาณ พยาบาทไมร จู ักจบส้นิ \" \"แลวลุงกับปา จะทาํ อยางไรด\"ี \"นิมนตพ ระทป่ี ฏบิ ตั ดิ ี มาเทศนโ ปรดวญิ ญาณ ใหเขาละทฐิ ิมานะ ละความโกรธแคนพยาบาท แลว ถวายสงั ฆทาน ๔ ชุด อุทิศสวนกศุ ลใหเ ขาไปผดุ ไปเกดิ ทําเชนน้ีอาทิตยละครง้ั สัก ๓ อาทติ ยต อไปจะมคี นมาแยง กนั ซื้อตกึ ของ คุณลุงคุณปาจนหมด ไมเกนิ ๓ เดือน ๖ เดือน\" อาตมาบอกไปอยา งนนั้ ไมไ ดคิดวาคุณลุงคณุ ปา จะทําตามหรือเปลา คดิ วา เราเปนเดก็ ผใู หญอ าจไมเช่อื อีกสองเดือนตอมา คณุ ลุงคณุ ปาคูน้ันกลบั มาอีก หนา ตายมิ้ แยมแจม ใส มาถงึ กถ็ ามหาอาตมาเลย แลวบอกวา 11
\"ลงุ กับปา เอารางวัลมาให ๕,๐๐๐ บาท รับไวซหิ ลาน เกงจรงิ ๆ ตอนนต้ี ึกของลุงกับปา ขายไปได ๕-๖ หองแลว ยัง มาติดตออยอู กี หลายเจา\" หลงั จากน้ัน ก็มผี มู าใหทํานายทายทกั อยเู สมอ แตใจไมช อบทํานายทายทกั เลย เมอ่ื เขามาแลว มนั เหน็ มันรู กอ็ ด ชว ยเขาไมได จะบอกวาไมรไู มเ ห็น กเ็ ปน การโกหกเขาไป ๔. เจอรา งตนเองในอดตี ชาติ ครั้งอาตมาอายุ ๑๕ ป จึงขอโยมทง้ั สองบวชเณร โยมเหน็ แลว วา อาตมามีบุญวาสนามาทางน้ี ขนื หา มปรามกค็ ง ไมส ําเร็จจึงอนุญาตใหบวช เตรียมสบงจวี รนํามาหาอาจารยเ จาอาวาส และไดบ รรพชาตามความประสงค แตก็ได ส่งั โยมพอโยมแมวา ถาใครจะใหทํานายทายทัก กอ็ ยาบอกวาลูกมาบวชเณรอยูทีว่ ดั ไหน เพราะไมตอ งการจะ ทํานายใหใคร การศกึ ษาปริยตั ิ ตอนบวชเปน สามเณร ก็แปลกอกี พอเห็นหนังสือเรียนนักธรรมตร-ี โท-เอก กร็ ูข้นึ มาวา หนงั สอื เหลานี้ อาตมาเคยเรียนมาหมดแลว และยงั จาํ ไดแ มนยาํ ดว ย แตก็ไมแนใจ จึงใหสามเณร ซึ่งเปนเพื่อนกันคอยดู หนังสือ อาตมาทองปากเปลา อยางพระวินัย เริม่ แตปาราชกิ ๔ สงั ฆาทิเลส ๑๓ จนถงึ เสขยิ วัตร อาตมาทอ งได หมด ทาํ ใหเ ณรดวยกนั แปลกใจไปตามๆกัน เรอ่ื งนี้รไู ปถงึ ทา นมหา ซงึ่ เปนครปู ระจาํ ชัน้ วันหนง่ึ ทานก็เรยี กไปท่หี นาช้ัน ถามวา \"เณรจาํ พระวินยั ไดห มดหรอื อาจารยสอนยงั ไมถึงเลย\" อาตมาตอบทา นวา \"คดิ วาจําได รูส กึ เหมือนเคยเรียนมาแลว \" ทานมหาถามวา \"เคยเรียนจากที่ไหน จาํ ไดไ หม\" \"รขู ้ึนมาเองขอรบั วา เคยเรียนและเคยสอนดว ย\" \"เออ..แปลกจรงิ ไหนลองวาใหฟงซิ\" ทา นมหากางหนงั สอื นวโกวาทออกดู เพ่ือจะสอบทานไปดวยอาตมาก็เรม่ิ ทองใหฟ ง ตง้ั แตตนจนจบ ไมม ีติดขัดเลย เหมอื นกบั ทสี่ อบทานกบั สามเณรเพอ่ื นกนั ยงั ความแปลกใจใหแกท านมหาเปน อนั มาก เม่อื โยมพอกับโยมแมมาเยย่ี มท่ีวัด ทา นมหาก็เลาใหฟง ยงิ่ ทาํ ความแปลกใจใหแ กท านมหามากขึ้นอกี เพราะได ทราบจากโยมพอวา ตงั้ แตอายุ ๓ ขวบ อาตมาก็สวดมนต ๗ ตาํ นาน ๑๒ ตํานานและทําสมาธแิ ลว เลยเปน ทเ่ี ลอื่ ง ลอื กนั ไปทั้งวดั นับจากน้นั ทา นมหาบอกวา \"เณรไมตอ งเรยี นแลว ถึงเวลาสอบกไ็ ปสอบกบั เขา\" จนกระท่ังสอบไดน กั ธรรมเอก เปนสามเณรอยูหลายป จนสอบไดนกั ธรรมเอก กไ็ มค ิดจะเรยี นตอ สนใจแตใ นทางปฏิบตั กิ รรมฐาน ตั้งแตวันบวช กป็ ฏิบตั ิมาเร่อื ย ไมเ คยเวนเลย การเรยี นกไ็ มตอ งไปเรียน ถงึ กําหนดสอบกไ็ ปสอบ นับวามีเวลาในการปฏิบัติมาก 12
ทานอาจารยอ ปุ ชฌายและทา นมหา เมตตาอาตมามาก เพราะเห็นวามีความประพฤตติ วั ดี ไมชอบเลนหัวเหมอื น เณรรปู อ่ืนๆ บางทที านมหาตองไปกิจนิมนตภายนอกวัด กม็ าขอใหไ ปสอนพระเณรแทน เมื่อจบนักธรรมเอกแลว ก็เลยตองเปนครสู อนนกั ธรรมตรี ซ่ึงพอปลกี เวลาไปสอนใหไ ด งานอ่ืนในการดาํ เนิน กจิ การของสงฆ ทานอาจารยอ ปุ ชฌายท านก็ไมรบกวน เพราะเห็นฝกใฝอ ยูใ นทางปฏบิ ตั กิ รรมฐาน อันทจ่ี ริง ทานอาจารยอุปชฌายซ ง่ึ เปน พระอุปชฌายของอาตมานั้น ทานเปน พระปฏิบตั ดิ ี ปฏิบัติชอบ ปฏบิ ัติตรง ถอื ธดุ งควัตรเครง ครดั เชน ฉนั หนเดียว ทาํ ใหต อมาอาตมาก็ฉันหนเดียว ฉันในบาตรตามทา น ตั้งแตเ ปน เณรสอบ นกั ธรรมเอกใหมๆ วนั หน่งึ ทานมหามาชวนไปเปน เพ่ือน ท่ีวัดเดิมของทาน เพื่อนมัสการอาจารยอุปชฌายของทา น ท่ีมรณภาพไป นานแลว พอไปถงึ ทานก็พาขน้ึ ไปบนศาลา พรอมกบั บอกวา อาจารยอุปช ฌายม รณภาพมาเกือบ ๒๐ ปแลว แต ไมเ นาเปอ ย นง่ั ขดั สมาธิขณะมรณภาพ ตอนนี้เขาใสตูกระจกไวบนศาลา มีคนมากราบไหวบูชาขอโชคขอลาภเสมอ พอไปถึงตูก ระจกที่ใสศพ มองเขาไป อาตมากต็ กตะลึงจงั งังเพราะจําไดวาเปนรางของตัวเอง น่ีมันอะไรกัน รูสกึ ตวั ชาไปหมด เมอ่ื จุดธูปเทยี นบูชาแลว อาตมายงั ตืน่ เตน จนพูดไมอ อก แตถ ึงจะพูดก็คงไมก ลาพูดออกไป มันเปน ความรูเ ฉพาะตัว ยง่ิ กบั ทา นมหาดวยแลว ขนื พดู คงไมด แี น… คร้นั กลับวดั แลว กไ็ ดความรูจากทานมหาวา อาจารยอุปชฌายข องทา น ทรงแตกฉานในทางปรยิ ตั ิมาก และเกง ในทางปฏิบัตดิ วย ทางไสยเวทวทิ ยาคมกไ็ มน อยหนาใคร มลี ูกศษิ ยล กู หาเต็มบา นเตม็ เมอื ง แตอาตมาไมร จู ะ ถามใครวา ทําไมอาตมาจึงจาํ ไดวาอาจารยอ ปุ ชฌายข องทานมหาเปน ตวั ของอาตมาเอง และทานมาเกดิ เปน อาตมาจรงิ หรอื ไม แตถ ึงอยา งไรก็ไมก ลา ถามใคร ๕. มฌี านหยงั่ รไู ดอ ยา งอศั จรรย การทเี่ ปน นักปฏบิ ัติ ทําใหอ าจารยอ ปุ ช ฌายกับอาตมารูส ึกมีความสนทิ สนมกนั มากเปนพิเศษ เวลาเขาไปปฏบิ ตั ิ รบั ใช ตม นํา้ ชงชาใหท า น บางทีก็นวดใหทาน ซึ่งเปนประเพณีนิยมกันมา ทานกม็ ักถามวา การปฏบิ ัติของอาตมา เปน อยา งไร ใครแนะนํามากอนหรอื กไ็ ดเ รยี นความจรงิ ใหท านทราบวา ยงั ไมมใี ครแนะนาํ มนั รเู องเปนเอง อยาก ปฏิบตั ิมาตัง้ แต ๓ ขวบ และก็ไดป ฏบิ ตั เิ ร่ือยมา ทา นกบ็ อกวา \"เปนบุญวาสนาของเณร ติดตอสบื เนอื่ งมาแตอ ดตี ชาติกอนคงปฏบิ ตั ิคางอยู ชาตินจี้ งึ มาเกดิ ปฏิบัติ ตอ ขอใหพากเพยี รพยายามใหมาก จะไดพ นทกุ ขใ นชาตนิ ี้ เณรจะมีประโยชนแกพระพุทธศาสนามาก\" ตอนหนึ่งทา นถามวา \"เหน็ โยมผูชายของเณรเลาใหฟงวา เณรรเู ห็นอะไรมาตงั้ แตเด็กๆ เดีย๋ วน้ียังรเู ห็นอยูหรอื ไม\" \"ยงั รูเห็นอยขู อรับ ตอนยงั ไมไดบวชเณรมคี นมาใหชวยอยูเ สมอ บางครั้งก็ราํ คาญ พอบวชเณรแลวกระผมจงึ ไม ตองการใหใ ครรู บางครั้งเห็นเหตุการณจ ะเกดิ ขนึ้ กไ็ มกลาบอก เพราะรูแ ลวไมมีเวลาปฏิบตั ิ กระผมเหน็ วาการรู เห็นนั้น ไมใ ชทางพนทุกข\" 13
\"ถกู ตอ งแลวเณร การปฏิบัตธิ รรมกรรมฐานนน้ั ตอ งตดั ชอ งนอย เอาตัวใหร อดเสียกอ น ดูพระบรมศาสดาเปน ตวั อยาง พระองคตรัสรูแลวจึงสอนคนอนื่ เณรมาไดไกลแลวนะ พยายามใหม ากเขา เออ..เรามาทดสอบกนั ดซู ิ ตอนนที้ า นมหาจําเริญกําลงั ทาํ อะไรอย\"ู อาตมายกมือพนมขึ้น เรยี นทา นไปวา \"ทา นมหาจาํ เรญิ กาํ ลังไมส บายใจมาก\" \"ไมส บายใจเพราะอะไร\" \"เพราะโยมพอ มาบอกวา นองสาวคนเลก็ ถกู คนฉุดเอาไป ยงั ตามไมพ บ ตอนนพี้ อสรงนํ้าเสรจ็ จะมาปรกึ ษาหลวง พอวา ควรทําอยา งไร\" \"เออ! เกง จรงิ แลวนองสาวคนเลก็ จะเปน อะไรไหม\" \"ปลอดภยั แลวขอรับ ตอนนก้ี ําลังอยบู นโรงพกั เจา คนฉดุ สองคนกถ็ ูกจบั ได\" \"ทําไมจงึ ถกู จับ\" \"ไปเจอตาํ รวจสายตรวจกลางทาง นองสาวทา นมหารองใหชว ย\" พูดเพ่งิ จะจบ กเ็ หน็ ทา นมหาจําเรญิ เดินขึน้ มาบนกุฏิ เขามานัง่ กราบทา นอาจารยอุปชฌาย แตยงั ไมทนั จะพูด ทา น ก็ยม้ิ ละมยั บอกวา \"ทานมหาไมต อ งวิตก สง่ั ใหใ ครไปบอกโยมทบี่ าน ใหไปรบั นอ งสาวท่ีสถานตี าํ รวจเร็วเขา\" \"เอะ ทานอาจารยร ไู ดอยา งไร\" \"อยา เพม่ิ ถามตอนน้ี รบี ๆ ไปเดย๋ี วจะดกึ ดน่ื \" ทา นมหาลกุ ขน้ึ กราบ แลวลงกุฏิไป แตทานไมไดใ หใครไปบอก ทา นไปดว ยตนเอง สง่ั โยมพอ ใหชวนพรรคพวกไป สถานีตาํ รวจท่ีอําเภอ แลว กน็ ั่งรออยู จนกระทัง่ โยมพอพานองสาวกลบั มาถึงบา น เอาใกลสวาง กลบั มาถงึ ทา นมหากต็ รงมาทีก่ ฏุ ิทา นอาจารยอปุ ช ฌาย กราบทานแลวกลา ววา “หลวงพออาจารยร ูเร่อื งนองสาวผมไปอยทู ่โี รงพกั ไดอยา งไร” ตอนนั้น อาตมากอ็ ยูในทน่ี น้ั ดวย เพราะไปเตรียมบาตรสําหรับทา นอปุ ชฌายอ อกบิณฑบาตตามกิจวัตร ท่ที า นไม เคยขาดเลย นบั เปน ธุดงคขอ หนึ่ง ทา นชายตายม้ิ ๆ มาทีอ่ าตมา แลวพูดขน้ึ วา \"ทานมหาเอาแตท างปริยตั ิ ไมเอาทางปฏิบัตดิ วย เห็นจะเอาตัวไมรอด อยา มาสนใจวารไู ดอยางไร จงไปคดิ ดวู า ทําอยางไรถึงจะรไู ดดกี วา บวชเขามาสูเพศสมณะแลว ตอ งพยายามใหครบศีล สมาธิ ปญญา จงึ จะยง่ั ยนื ในพระ ศาสนาน้\"ี 14
พูดจบทา นก็ลุกขึ้น เตรียมครองจีวรเพื่อไปบิณฑบาต ตอนนน้ั ทานมหาก็หนาสลดลง ลกุ ขึน้ กราบแลวลงจากกุฏไิ ป ๖. ธรรมเกดิ ปญ ญาเกดิ ปน ้นั อายอุ าตมาได ๑๙ ปเ ต็ม พอออกพรรษา ทานอาจารยบอกวา \"ออกพรรษาน้ี เณรจะไปธดุ งคก ับอาจารยไหม?\" อาตมาปตยิ นิ ดอี ยา งบอกไมถ กู ลกุ ข้นึ กราบแลว ตอบวา \"ไปขอรับ\" จากนน้ั ก็ไปหาโยมท้งั สอง บอกวาจะออกธดุ งคก บั ทา นอาจารย ขอบณิ ฑบาตกลด ๑ หลัง บรขิ ารอยางอ่ืนมีครบ แลว โยมพอถามวา \"ทาํ ไมไมร อใหบวชพระเสียกอ นคอยไป ยงั อายนุ อยนกั จะทนไดห รอื เพราะการเดินธุดงคน ัน้ ตอ งเดินทางไกล บกุ ปา ฝาดง อดๆ อยากๆ\" อาตมาไดตอบทานไปวา \"หลวงพอ อาจารยบอกวา จะใหไ ปทดลองปฏบิ ตั ิดู ถา เหน็ วาทนไมไหวกจ็ ะพากลบั \" เปนอันวา โยมท้ังสองตกลงยินยอม จัดหากลดใหต ามท่ตี องการ แมจะมคี วามหว งใยในฐานะทเ่ี ปนบุตร แตท านก็ รวู า พระพุทธเจาทรงสอนไวอยา งไร กุลบตุ รใดเมอ่ื บวชเขา มาในพุทธศาสนาแลว ยอมเปนผูไมมญี าติ ไมมีบา น อาศัยปา ชาเรือนรางปา เขาและถํา้ เท่ียวไปเพอื่ หาทางหลุดพน ซ่ึงโยมทง้ั สองก็ไดแตอนุโมทนา กอ นออกเดนิ ทางสองวัน ทานมหาจําเริญมากราบนมสั การทานอาจารย ขอคําแนะนาํ แนวทางทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ กรรมฐาน ควรจะเริ่มตนอยางไร ทา นอาจารยอ ปุ ช ฌายอ นุโมทนาดวย ท่ีทา นมหาไดห นั เขา มาสทู างปฏบิ ัติ และได แนะนําวา สัญญาความจาํ ไดหมายรู ท่ีไดเลาเรยี นมาในทางปริยัตินน้ั ขอใหป ลอยวางใหห มด จงเร่มิ ตน ดว ยกรรม ฐานใหดเี สยี กอน เพราะเปน พนื้ ฐานสาํ คญั ที่จะนาํ ไปสปู ญญา อน่งึ อยาปฏิบัตแิ บบกา วกระโดด อยา งที่สอนๆกนั วา พอทาํ สมาธิไดถ งึ ขน้ั อปุ จารสมาธิแลว ก็พอแกก ารทจี่ ะนํา กรรมฐานอื่นๆ มาพจิ ารณาใหเกิดปญ ญา เชน กายคตาสติ อาการ ๓๒ มาพจิ ารณา เปน อยา งๆ การปฏิบตั อิ ยางนี้ เทากับเอาสญั ญาความจาํ ภายนอก ท่ไี ดเ รียนทางปรยิ ัตมิ าเปนหลักพจิ ารณา กจ็ ะไดแตข องนอกๆ ท่จี ดจํา หรือ รอู ยูแลว ไมเกดิ ปญ ญาจากภายในใหร ูทะลุปรโุ ปรง ไปได เรยี กวา วนเวยี นอยกู บั สญั ญา อาการ ๓๒ มอี ะไรบา งก็รู แตไ มเ หน็ ตวั อนจิ จงั ชัดเจน นักปฏบิ ตั มิ าติดกนั อยตู รงนี้ เพราะปฏบิ ัตแิ บบกาวกระโดด ทําไมจงึ เปนอยางนัน้ ก็ เพราะสมาธแิ คอุปจาระ มันยังไมต ง้ั มัน่ พอ ยงั มีอารมณก ิเลสแทรกเขา มาเปน บางขณะ หรอื จะเรยี กวาญาณยงั ไม แกก ลาพอ 15
ฉะนนั้ ผปู ฏบิ ัติ จะตอ งปฏิบตั ิกรรมฐานใหเ ตม็ ขั้นเสียกอ น คือใหถึงขน้ั อปั ปนาสมาธิ หรือฌาน ๔ และตอ งใหมี ความชํานาญคลอ งแคลว ในการเขาการออก นกึ จะเขา ถึงอปั ปนาก็ไดทนั ที ในสภาวะแบบน้จี ะไมม อี ารมณกเิ ลส ใดๆเขา มาได จิตเปน หนึง่ คือเปนเอกัคตา อุเบกขาไปเลย เมอ่ื จะทําปญญาใหแจง จงึ ถอดจติ ออกมาสูอปุ จารสมาธิ แลวนาํ ธรรมะอยางใดอยางหน่งึ มาพิจารณา เชน พจิ ารณาอาการ ๓๒ กเ็ อาแตสวนเล็บอยางเดยี ว หรอื เพงการเกิดดบั กเ็ พง ไปตามถนัด เพราะเหตุทจ่ี ติ ยงั มเี ช้ือ ของอัปปนาสมาธิ หรอื เอกคั ตาเนืองนองอยู ปญ ญารแู จงกจ็ ะเกดิ ข้ึนมาเอง รอู ยา งไร? กร็ ูวา เล็บทเี่ ราเพงเปน อารมณนน้ั มภี าพเปล่ยี นแปลงขึ้นมาใหเ หน็ ตามความเปน จรงิ หรือการเกิดดับ เราก็จะเหน็ ภาพของการเกดิ การแก การเจบ็ การตาย แมกระท่งั ตายลงไปแลวรางกายก็จะแปรปรวนไปใหเ หน็ วา ผิวหนังมนั ข้ึนอืด พองเปง แตกปริ มนี ํ้าเหลอื งไหล มหี นอนชอนไชเกดิ ข้นึ แลวกเ็ หน็ เขาไปภายในตบั ไต ไส พุง เสนเอน็ กระดูก การเหน็ อยางนี้ บางคนกเ็ ห็นโดยตลอด บางคนกเ็ หน็ เปนบางสว น บางคนก็เหน็ สวนตา งๆ แยกออกมาเปนสวนๆ เปนกองๆ แลว ก็กลบั รวมกันอกี แตจะเหน็ อยา งไรก็ตาม ทา นก็ใหเพง พิจารณาอยูดว ยความมสี ติ จนกระทง่ั รูแจง ชดั วา อนิจจัง ทกุ ขัง อนตั ตาเปนอยางไร ควรจะเกดิ ความเบ่ือหนายคลายกาํ หนดั หรือไม อนั นจ้ี งึ เรียกวา ปญ ญา เกิดเอง ธรรมเกดิ เอง เปนธรรมชาตทิ ่ีนําไปสูความจริงแทแ นนอน ทานมหาจาํ เริญเรียนถามวา \"เมื่อธรรมเกดิ เองเชน น้ี จะถือวา เปนการบรรลุขนั้ สงู สุด คอื ถงึ ความหลุดพนหรอื ยงั เพราะในสมยั พระพทุ ธองค มสี าวกบางทานไดฟงธรรม ตรองตามจนเห็นจริงกไ็ ดบรรลุพระอรหนั ต\" ทานอาจารยอุปชฌายย ม้ิ ตอบวา พระสาวกทไ่ี ดฟ งธรรมแลว สําเร็จเปนอรหนั ตเลยนน้ั เปนกรณพี ิเศษ คอื เปนผูท ี่ สรา งสมบุญบารมีมาหลายภพหลายชาตจิ นเต็มเปย มแลว หรือถาจะพดู ถึงความเบื่อหนายคลายกําหนัด ทา นก็ เบื่อเสียจนลน หวั อก จนแทบจะระเบิดออกมา เบอื่ มาหลายภพหลายชาติเชนกัน ทานเหลานเ้ี พยี งสะกดิ นดิ เดียวก็ สามารถละวางหลุดพนได พระพทุ ธเจา ทานก็เคยเบ่ือ เมือ่ เห็นสนมกาํ นลั นางบําเรอ นอนดวยอาการตางๆ ดูดจุ ซากศพในปาชา เคยเกดิ เบอ่ื เม่ือเห็นสภาพความเกดิ แก เจบ็ ตาย ทถ่ี ูกปด บังไมใ หแลเห็น ต้ังแตยังเปน พระราช กุมาร แมเชนนัน้ กวาจะตรสั รูได ก็ยังตอ งใชเ วลาอกี ๖ ป พระยสกลุ บุตร ก็เหมอื นกนั ทานมบี ุญวาสนาบารมมี าก เกดิ มาเปนลูกเศรษฐี มีปราสาท ๓ ฤดูอยู มีนางบาํ เรอ พรงั่ พรอม ต่ืนข้ึนมาในตอนดึก เห็นพวกนางบาํ เรอนอนไมเ ปนสมฤดี มีอาการตางๆ ถาเปนคนธรรมดากน็ ้าํ ลาย ยืด แตทา นกลบั เหน็ วานาเบ่ือ นา สังเวช เหมือนซากศพในปาชา แลว อุทานออกมาวาทนี่ วี่ ุนวายหนอ แตง ตวั ใส รองเทา ได ก็ลงบนั ไดเดนิ เขา ไปในปา จนพบพระพุทธเจาในปา อสิ ิปตนมฤคทายวัน แตส ําหรับเราๆนี้ เราไมร วู า ในชาติภพกอนๆ เราไดสรางบุญบารมี เชน ทาน ศีล ภาวนา มาแคไ หน เตม็ เปย มหรือ ยงั หรอื เบ่ือหนายคลายกําหนัด เพราะเห็นไตรลักษณ คือ อนจิ จัง ทกุ ขงั อนตั ตา มาเต็มอกหรือยัง เมื่อมาปฏิบัติ จนกระทั่งเหน็ ธรรมเกดิ ขน้ึ เอง ก็ใหถอื วาไดเห็นความจริงเปน เบื้องตน เทา น้ัน เราจะตองพากเพยี รอดทนปฏิบตั ิ ตอไปอยา งไมลดละ ทั้งนก้ี ็เพราะธรรมที่เกิดขน้ึ เอง อาจทําใหเ กิดเบ่ือหนา ยคลายกําหนัดอยางฉาบฉวย ไมถงึ กับเบ่อื ยางเตม็ ที่ จนละ ขนั ธ ๕ รปู นามลงไปไดเ ดด็ ขาด เรยี กวา ตัดไมไดจ รงิ ยงั เบ่ือไมจรงิ เราตอ งเฝา พจิ ารณา ดําเนินตามสตปิ ฏฐาน ๔ 16
คอื รูป เวทนา จติ ธรรม ซ้ําๆ ซากๆ จนมนั เบ่อื ชนิดถอนรากถอนโคน เด็ดขาดลงไป ที่วา ธรรมเกิดเอง ทีก่ ลา ว มาแลว มนั แคเ ริม่ เบ่ือรปู เทา นน้ั ยังเบอื่ ไมหมดดวยซาํ้ ไป กาย เวทนา จติ ธรรม อะไรกย็ งั ไมไดพ ดู ถงึ ฉะน้ัน อยาไปอยาก อยาไปคิดอะไร ที่มันไกลตวั ออกไป เอาเพียงปฏบิ ตั ิกรรมฐานใหเ ตม็ ขั้น มสี ตติ ง้ั มัน่ คอยดูแต ปจ จบุ ัน ในกายในจติ ของเราเทา น้ัน พยายามทําจิตใหสะอาด ปราศจากอารมณ กิเลสท่วี ่งิ เขา วิ่งออก แวบไปแวบ มา ทาํ จิตใหสวา ง คือ วางเปลา จนสงบระงบั ลง เพียงแคน ก้ี จ็ ะเปนฐานเบ้อื งตน ใหธ รรม ใหป ญ ญา เกดิ ตามมา ขอ สําคัญก็ขอใหปฏิบตั ิตอเนือ่ งกนั ไป อยา ทาํ ๆ หยดุ ๆ ขาดชวง ขาดจงั หวะ จากน้ัน ทา นอาจารยอุปชฌายก ็แนะนาํ ในการนั่ง ในการเดนิ จงกรม ซ่ึงถือวาสําคัญมาก และแนะนําถงึ การถอื ธดุ งคว า ไมใ ชรูเฉพาะวาธดุ งคมี ๑๓ อะไรบา ง แตตอ งเอามาปฏิบัติใหไ ดท กุ ขอ การออกปา เดินธดุ งคนัน้ เปน เพยี งขอหน่งึ เทา นนั้ ยงั มีอีก ๑๒ ขอ ถึงอยูในวดั ก็ปฏบิ ัตไิ ด บิณฑบาตฉันในบาตรหนเดียว ไมร บั อาหารหลังจาก ฉันแลว ลวนเปนธุดงคท ่ีทําไดท ้งั นั้น ปาหลงั วัด มีตนไมร ม เยน็ มากมาย จะถอื อยโู คนไมก็ทําไดอีก ขอสาํ คัญตอ งเอามาฝก ทําดูวา เราจะทาํ ไดจริง หรือไม เทากับฝก ตนเองใหอ ยใู นกรอบขอบเขต เมอื่ ออกปาไปหาวิเวกจรงิ ๆ ซึ่งยากลาํ บากกวาในวัด ก็จะเคยชิน ทาํ ไดไมแ ปลกอะไร ทานอาจารยอ ุปชฌาย ไดถือโอกาสปรารภวา \"ทวี่ ดั นี้แตเดมิ เขาสรา งวัดและปฏิบตั ิกนั มาแบบตามใจชาวบาน ไมไดตามธรรมวินัย ลูกชาวบานที่เขามาบวช ก็บวชตามประเพณี ๑ พรรษาบาง ๓ พรรษาบา ง ก็สึกหาลาเพศกนั ไป จะเอาธรรมวนิ ัยมากาํ กบั อยา งเครง ครัดกย็ าก กลัวชาวบา นเขาจะเบ่ือ ไมมีใครอยากมาบวช เปน สมภารไม ตามใจชาวบานเขากไ็ มช อบ มักมขี อ ขดั แยง กันเสมอ ลูกหลานใครสอบธรรมบาลีได กถ็ ือวามหี นา มตี า เอาไปเทียบแขงขันกบั วดั อนื่ ใครจะไดมากกวา กัน มีการฉลอง กนั เอกิ เกริก แตไ มมใี ครคิดถึงการปฏิบตั ิเลย กลายเปน ปรยิ ตั สิ าํ คัญกวา ปฏิบตั ิไป เขาไมเ คยรูวา เปนปรยิ ัตแิ ลว ไม ปฏิบตั ิ มันมที างลงนรกไดท กุ ขณะ ภกิ ษถุ อื ศลี ๒๒๗ ขอ แตเม่อื ไมปฏิบตั แิ ลว พิจารณาใหดจี ะเห็นวา แคศีล ๕ ยัง ไมค รบเลย มองเหน็ นรกอยชู ัดๆ ผมมาเปนสมภารท่วี ัดน้ี ๘ ป ยังแกไ ขอะไรใหเปนไปตามธรรมวินยั ใหพระหนั เขามาในทางศีล สมาธิ ปญ ญา ไมไ ด เพราะเราตามใจชาวบานเขามาจนเคยตัว ไดฟง ทา นมหาบอกวา จะหนั มา ในทางปฏิบัติบา ง ผมกด็ ใี จขออนุโมทนาดวย ขอใหปฏิบตั ไิ ปใหรจู รงิ เห็นจริงดว ยตนเอง ทา นก็จะรวู า พระพุทธ ศาสนาของเราจะยงั่ ยืนตอ ไปได ไมใ ชป ริยัติอยางเดยี ว จะตองปฏิบัติดวย จดุ ประสงคข องพระพทุ ธเจา ทีใ่ หก ารอปุ สมบท กเ็ พอ่ื ใหบ รรลุ ถึงความพนทุกข ไมใ ชเรียนแลวไมทํา ไมป ระพฤติ ปฏิบัติ มันสืบอายุพระพทุ ธศาสนาไมไ ดจ ริง ทุกวันน้ีกเ็ ห็นๆกนั อยู หม ผา เหลืองไปหลอกชาวบา นเขากนิ เปน ของ สนกุ เดชะบุญท่ชี าวบานเขายังอยูในฐานะยอมใหหลอกได มฉิ ะนัน้ พุทธศาสนาคงจะถกู ย่าํ ยมี ากกวา นี้ หมนั่ ปฏบิ ัตเิ ถอะทา นมหา ใหร ูทัง้ ปริยัตแิ ละปฏบิ ัติดว ย ชาวบานเขาจะไดเชื่อถอื จะไดร ว มมือกนั ทําวัดของเราให อยใู นธรรมวนิ ัย ตามคําส่งั สอนของพระพุทธเจาอยางแทจ ริง\" \"ในเรื่องนี้ หลวงพออาจารยเคยมโี ครงการไวอยา งไรขอรบั \" ทา นมหาเรียนถาม \"ก็ไมถ งึ กบั เรยี กวาโครงการ มนั ฟง ใหญโ ตเกินไป ผมเพยี งแตคิดวา วดั เราก็มีเน้ือท่กี วางขวางถึง ๑๐๐ กวา ไร จงึ คดิ จะแบงเปน สองสว น คือ แบงเปนฝา ยตามใจชาวบานสวนหนึ่ง ฝา ยตามใจพระพุทธเจาสวนหน่ึง 17
ฝา ยตามใจชาวบานก็คือเราไมท ําลายความนยิ มของเขา นิยมบวชตามประเพณีกบ็ วชให นิยมเรียนธรรมบาลกี ็มี ให การบวชการสึกกแ็ ลวแตเขา อกี สว นหนึง่ จะรบั เฉพาะคนท่มี ศี รัทธา ตอ งการเขามาปฏิบตั จิ รงิ ๆ เราจะรูแนช ัดวา เขาศรัทธาจรงิ หรือไม ก็ตอ งให การบวชนัน้ เปนของยาก กอ นบวชตองมานุงขาวหมขาว ถือศีล ๘ กอน ๓ เดอื น ๖ เดอื น สอนใหร ขู อวัตรปฏบิ ัติ ของพระ สอนใหร ูจ ักธดุ งค สอนการปฏิบตั ิเบ้ืองตน ของพระ เม่ือบวชเขามาแลวจะไดเ ปน พระแทพระจรงิ มอี าการ สาํ รวม แตท ง้ั น้กี ต็ อ งอาศยั เขาสมคั รใจ นอกจากน้ีก็รบั ภกิ ษทุ ี่เคยปฏิบตั มิ าแลว จะไดมาชวยกันได เม่อื แบง สวนออกไปเชน น้ี ก็จะไดเปนแบบอยางทีด่ ี ใหส ว นที่บวชตามประเพณตี ามใจชาวบาน ไดร ูไดเ ห็น ใครคดิ ไดจ นเกิดศรัทธา ก็จะไดปฏบิ ัตติ าม อีกอยางก็จะใหช าวบานเปรียบเทยี บระหวางพระปฏบิ ัติและไมปฏบิ ตั ิ อยางนอ ยเขากจ็ ะมองเห็นวา ผูมงุ เขา มา ปฏิบตั ิน้ัน เขาตัดประเพณสี ิ้นเปลอื งคา บวชลงไปไดม าก ไมตองมพี ิธรี ีตอง ไมตอ งทําขวญั นาค จากชปี ะขาวก็บวช เลย ไมม กี ารแหแหน เลยี้ งดู กนิ เหลา เมายา ซงึ่ เปนบาปมากกวา บุญ เมาเหลาเขาวัด ไปไมถึงสวรรค แตที่ผมยังทําอะไรไมไ ด กเ็ พราะยังขาดกําลงั ไดแ ตร อๆ อยู ตอ งมีคนชว ย ตองมคี นทํา นาํ ชาวบานเขาได ตอนน้ีก็ ใกลเขา มาแลว ทานมหาเขามาปฏิบัติผมกเ็ บาใจ ผมเองกค็ งอยไู มน าน ไดทา นมหาทําแทนกห็ มดหว ง\" แลว ทา นก็ชมี้ าท่ีอาตมา บอกวา \"เณรน้ีไมใ ชเณรธรรมดา ทานมหากร็ ูวา เขาปฏิบตั ธิ รรมดวยตนเอง มาแตอายุ ได ๓ ขวบ จะเรยี นนกั ธรรม เขากม็ ีความทรงจาํ สมบูรณ ไมตองสอนก็สอบไดถึงนักธรรมเอก ผมเคยไดยินเณร สวดปาติโมกขอยูในกุฏิ เขา ไปดูไมเ หน็ มี หนังสอื ใหใชทอ งสักเลม เณรสวดออกมาไดเ อง ไมต ิดขัด ตอ ไปกจ็ ะเปน กาํ ลงั สําคัญของทานมหาอกี รูปหนงึ่ และเปน กําลังสําคัญของพระพุทธศาสนาดวย เรอื่ งนอ งสาวทานมหาถกู ชวย ไปทโี่ รงพกั เณรเขาก็บอกไดเ ชน เดียวกับผมร\"ู ทานมหาจาํ เรญิ ทานมีความรักความเอน็ ดูสามเณรมาแตคร้งั มาบวชใหมๆ ยงิ่ เห็นความสามารถอนั อศั จรรย ตอนมาเรยี นนักธรรม ก็ยงิ่ ช่ืนชมยินดี บางครง้ั ถึงกบั ไวว างใจใหท ําการสอนแทน จึงมคี วามสนิทสนมกบั สามเณร คืออาตมาเสมอมา เมื่อเห็นทา นอาจารยอปุ ชฌาย บอกเชนนน้ั ก็หนั ไปย้ิมกบั สามเณร พูดวา \"กลบั จากธดุ งคค ราวน้ี หลวงพคี่ งตอ งขอเปน ศษิ ยเ ณรบาง ในทางปฏิบตั ิ\" สามเณรตอบวา \"ผมจะเปน อาจารยสอนหลวงพี่ไดอยา งไร เคยแตเปนลูกศิษย ผมไมกลาสอนหลวงพห่ี รอก\" \"ทางพทุ ธศาสนาของเรา ทา นไมถ ืออาวโุ สหรือวัยวฒุ ิเปน สาํ คญั ทา นถอื คณุ ธรรมสาํ คัญกวา ในสมัยพทุ ธกาล สามเณรสอนพระเถระผเู ปน พหสู ูต ซงึ่ เชี่ยวชาญธรรมวินัย ใหบ รรลุพระอรหนั ตก ม็ ี ทาํ ไมจะสอนหลวงพี่ไมได เพราะหลวงพ่ีเองเอาแตเรียนปรยิ ตั ิ สว นทางปฏบิ ตั ิไมรเู รอื่ งเลย คดิ ไปกน็ า เสียดายเวลา นับวาบวชมาเปลาโดย แท\" \"มนั เปน อนจิ จังครบั หลวงพ่ี มนษุ ยและสัตวต างก็หมุนเวยี น ไปตามกรรมของตน ชาติกอนผมอาจเคยเปน อุปชฌายอาจารยข องหลวงพี่ มาชาตินผ้ี มกลับมาเปน ลกู ศิษย อะไรจะเกิดกใ็ หม นั เกดิ อะไรจะดับก็ใหม ันดบั หรือ ใหม ันเปนไปเถอะครับ อยา ไปหมายมน่ั ปน มอื วา มันจะเปนอยางนัน้ อยา งน้ี ถึงเวลาก็เปน ไปเอง หลวงพี่ คิดจะ 18
ปฏบิ ตั ิธรรม ก็เปนกศุ ลทนี่ าอนโุ มทนา แตกต็ อ งระวงั เพราะเปนทานมหานช่ี าวบา นเขาชืน่ ชม ไมวาหญิงหรอื ชาย สาวๆก็อาจนิยมมากเปน พเิ ศษ หมน่ั ปฏิบัติวัตถาก หลวงพ่ีอยาเผลอกแ็ ลวกนั เดย๋ี วจะไมไดป ฏิบัติ\" ทา นอาจารยอปุ ชฌายไ ดยินสามเณรโตต อบกับทา นมหาจําเรญิ กห็ วั รอชอบใจ \"ฟง ไวนะทานมหาฟง ไว เณรพดู ได หลกั แหลมทเี ดยี ว มีทาทางจะเปนอยา งน้ันไหมละ?\" \"กม็ เี คาอยขู อรบั หลายคนเสียดวย แตผมไมไดสนใจ หลกี เลี่ยงไดกห็ ลกี เลยี่ ง เพราะยงั รกั ผา เหลืองอย\"ู \"รักผาเหลอื งอยางเดยี วไมพอหรอก ตองเอาทางปฏิบัติและธรรมวินยั เขาชวย ทางวินยั กอ็ ยา รบั แขกสาวๆ ตาม ลาํ พงั ตองใหพ ระเณรมานัง่ เปนเพื่อนดวย แมกระน้นั กอ็ ยา คยุ นาน ตองหากิจวตั รทีจ่ ะหลีกไปทาํ เพ่อื ใหเขา จําเปนตองกลบั ไป ควรสํารวมอนิ ทรีย ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ ใหม าก ทางปฏิบตั กิ ็ตอ งเรงทําสมาธใิ หม าก เพื่อให เกดิ สตเิ ทา ทันกิเลส ความยินดกี ําหนดั ไมน าํ ไปปรงุ แตง ใหเปน เร่อื งราวยาวออกไป ผหู ญิงมาทําตาหวานเยิม้ ให ไมว าใครกอ็ ดคดิ ปรุงแตงไมไดวาเขารักเรา พอมีคําวารกั ขน้ึ หนา มันก็เกิดความคิด ปรงุ แตง กันไปใหญทา นจงึ แนะนําใหพระเราเขาไปอยใู นปาชาเสียบา งเปน วตั รไดยง่ิ ดี จะไดพิจารณาอสภุ กรรมฐาน เห็นความตายเนาเปอยผุพัง เปรยี บเทยี บกบั ความสวยงาม ซึ่งทีส่ ดุ กจ็ ะเปนเชนเดียวกนั \" \"หลวงพอ อาจารยพูดเชนน้ี ผมชกั ไมไวใจตวั เองเสียแลว อยากตดิ ตามหลวงพอ ไปธุดงคด วย\" \"อยา เอาถึงอยางนน้ั เลย\" ทานอาจารยกลาวพรอ มกบั เสียหวั เราะ แลว หนั ไปทางเณร \"วา อยา งไรเณร ไปพดู ใหทานมหาไมไวใ จตัวเองเสียแลว\" \"หลวงพีค่ รับ การไมไ วใ จตวั เองเปน ความไมป ระมาท ผมมองเห็นวา ถา หลวงพ่ีจะพากเพียรปฏิบตั อิ ยางจริงจงั ไม ชา กจ็ ะไดเ ห็นธรรมท่ีเกดิ ขึ้นเอง จริตของหลวงพ่ี คือ หม่ันพจิ ารณาอสุภกรรมฐานจงึ จะไดผ ล ไปถือธุดงคขอทวี่ า อยูป าชาเปนวตั รกจ็ ะส้ินเร่อื ง กลางวันออกมาปฏบิ ตั กิ ิจของคณะสงฆ กลางคืน ๖ โมงเย็นไปอยูในปาชา ปลกู กระตอบขึ้นสกั หลังหน่ึง เครงครดั ปฏบิ ตั ถิ วายชวี ิตตอ พระพุทธเจา จะไมมอี ิตถีมาร หรือมารรา ยตางๆมารบกวน\" ทา นมหาหันไปดทู านอาจารย แลวกห็ ันไปทางสามเณรถามวา \"เณรวา อยา งนนั้ จริงๆหรอื เอาละ หลวงพี่จะทาํ ตาม\" ๗.ธดุ งคจารกิ ตอ มาอกี ๒ วัน หลงั จากอาจารยกับศิษยสามเณรฉนั เชาแลว ก็แบกกลด สะพายบาตรออกจากวัดท่สี ระบุรี มงุ ขึน้ ไปทางภาคอสี าน จดุ หมายปลายทางคือจังหวัดเลยและหลม สกั เพชรบรู ณ ซงึ่ เปน ดินแดนทป่ี ายงั อุดมสมบูรณ เต็มไปดว ยภูเขาเปน พืด และถ้ํามากมาย ดเู ขยี วชอุม ชมุ ช่นื ตลอดท้ังป การเดินทางครง้ั นี้ ทานพระอาจารยอ ปุ ชฌายพ ยายามเลยี่ งเสน ทางคมนาคมสายใหญ ที่มีรถรามาก โดยลัดเลาะ ไปตามทงุ นาปาเขา และไมเ ดินใหไกลนกั หวงสามเณรจะทนไมไหว เพราะเพิ่งจะออกธดุ งคเ ปนครงั้ แรก 19
จากสระบุรีกแ็ วะปก กลดที่แกง คอย ในปาชา ของวัดหนง่ึ ทา นอาจารยเ คยเดินเปนประจําทุกป จึงรจู ักทางท่จี ะลดั เลาะไปไดดี ภายในปา ชา แหงนี้ มีตน ไมปลูกเปนแถวเปนแนวรม รื่น ดูเปน ปาชา ทพ่ี ฒั นาแลว มีฮวงซุยต้ังเรยี งราย มเี มรุเผาศพ ที่สวยงามทันสมัย มีศาลาใหญสาํ หรับผูม าเผาศพจะไดน่งั พักระหวางทาํ พธิ ี ไมม ีส่ิงใดนากลวั เลย มองเห็นจิตวญิ ญาณท้ังหลาย มีใบหนายิม้ แยม ผองใส มอี าหารทีญ่ าตพิ ่นี องมาทาํ บุญอทุ ิศใหอ ยางอุดมสมบรู ณ จึงเปน พวกจติ วญิ ญาณทใ่ี จดี ฝา ยอกศุ ลจติ จะมจี ิตวญิ ญาณทีอ่ ยูในฐานะลําบาก เหน็ พวกไมม ญี าติ ถูกเขาฆา ตาย ชาวบานเอามาเผาที่ปา ชานี้ เปน การสงเคราะห จึงมีความอดอยาก ไมมีทอ่ี ยูอ าศัย หนาตาเศราหมอง ซง่ึ นบั วา นาสงสาร เมื่อทานอาจารยกางกลด จดั สถานท่ีเรียบรอ ย จิตวิญญาณเหลา นั้นเขากช็ ่ืนชม พากันมาขอฟงธรรมโดยเรียบรอย หลวงพอเลาใหฟ งตอนหลังวา จิตวิญญาณบางดวง กเ็ คยรจู ักคนุ เคย เพราะทา นเคยมาเทศนโปรดจติ วิญญาณในป กอ นๆ เขายังไมถ งึ เวลาไปเกิด หรอื ยา ยไปจุติในภพภูมอิ ่นื หลวงพอไดเ ทศนโปรดระยะหนง่ึ อาตมามองไปที่พวกผีไมมีญาติ เห็นเขานั่งอยทู า ยแถว หนาตาไมผ องใส เมื่อ หลวงพอเทศนเสร็จแลว ก็เรยี กเขาเขามาใกล แผเมตตากรวดนา้ํ ให บอกใหไ ปเกดิ ในภพภมู ิอน่ื ไดแลว อยามาเฝา ปา ชาใหล ําบากอยูเ ลย เขาตางก็พากันปต ยิ ินดี กราบแลวพากนั ถอยออกไป อยางมีอาการลิงโลด สัตวท้งั หลายตางปรารถนาสุขดว ยกนั ทั้งสิน้ แตข าดสติท่ีจะพจิ ารณา ถงึ กรรมดี กรรมช่ัว แยกแยะไมถ กู เชนเดยี วกบั มนษุ ยใ นสังคมของเรา บางกลมุ บางพวกในขณะน้ี จึงมีทัง้ คนทีท่ ํากรรมดี และทาํ กรรมชวั่ มากมาย นาสังเวชสลดจิต แตผูทีม่ ักทาํ กรรมช่วั เปน อกุศล ไมร บู ญุ รูบาป บางก็เทย่ี วตกปลา ลา สตั ว ทําลายชวี ิตซง่ึ กันและกนั มอี าชีพที่นา กลวั อนั ตราย เชน มือปนรบั จา ง ยังมีพวกรบั จา งฆา คนโดยทางลับ ปลอยคณุ ปลอยไสย ใหเ ขาตายไปโดยไมร ู สาเหตุ การกระทาํ ของคนเหลานี้ ไมเ ปน ความลบั ในโลกของวญิ ญาณ เขาจะตอ งไดร ับผลแหง กรรม ตกนรกอเวจี พวกหลอกลวงตมตนุ โกหกมดเท็จ ทําใหผูอ่ืนเสยี หายก็เชนเดยี วกนั พวกลักขโมยปลนสะดม ฆา ผูอื่นเพ่ือเอา ทรัพยสนิ ทางโลกวิญญาณจะไมม วี นั ยกโทษให พวกผดิ ลกู เมียผัวเขา แมแตค นใชในปกครองของเขา ตองมีบาปหนกั หนาสาหสั แมบ างคนเอาลกู มาบาํ เรอความ ใคร และแมแตค นใช เลขานกุ าร โดยอางเอาความกตญั ู หรือบญุ คุณทีเ่ ขาจะตอ งตอบแทนตน ก็เปน บาป ถกู ไฟ นรกเผาไหมใหไ ดร ับทกุ ขทรมาน อันที่จริง พระผูเ ปนเจากย็ อ มจะทรงมีพระมหากรณุ าธิคุณ ปรารถนา จะชวยพาจิตวญิ ญาณขึ้นสวรรคไปทั้งหมด ไมเ ลือกท่รี กั มกั ที่ชัง 20
แตสาวกของพระองคมมี ากเหลอื เกิน เปนรอ ยเปน พันลานคน ญาติพน่ี องของผตู ายก็ผลักภาระไปใหพ ระองคแต องคเ ดยี ว โดยเพยี งแตปกไมกางเขนเปนเคร่ืองหมายใหพ ระองครเู ทา น้นั จะทรงขนจิตวญิ ญาณขึน้ สวรรคไปได หมดสนิ้ อยางไร สวนไทยเรา ไมย อมรอพระผเู ปน เจา และไมค ิดจะผลกั ภาระให พระผเู ปนเจา แตองคเดยี ว ตางชวยกนั คนละไมคน ละมือ ทําบุญอุทิศสว นกุศลใหจ ิตวญิ ญาณของพีน่ อ งพอ แมข องตนอีกทางหน่ึง แมยงั ไมไ ดข้ึนสวรรค กย็ งั มีอยูมกี ิน ประทงั ชีวติ ไปได ไดส ง จติ ไปถามหลวงพอ อปุ ชฌายท่ีกลดซึ่งอยหู างกนั วา \"จะชวย เขาไดอยางไรดี ดูนา สงสารมาก บางคนเขาเช่อื ฟง พระผเู ปนเจาดี ไมไดท าํ บาป แตก ไ็ มไดทาํ บญุ หรือไมมใี ครทาํ อุทิศให จะไปเกิดใหม บุญกย็ ังไมพ อจะไปเกิดได บางคนอยนู านเกินไป จนมดื มัวไปหมด ไมรูจะไปทางไหนถูก\" หลวงพอตอบมาวา \"พระพทุ ธเจา ทา นสอนใหเ มตตา ไมเลอื กวา จะเปนใคร ศาสนาไหน ชนชาตใิ ด ยอ มเปน เพ่ือน ทุกข เกดิ แก เจบ็ ตาย ดวยกนั ทง้ั หมดทง้ั สิ้น เราเขามาพักในปา ชา ของเขา กเ็ ปน บุญทเี่ ขาจะไดไ ปผุดไปเกิดมาก ดวยกนั จงแผเมตตา กรวดนา้ํ อทุ ิศกศุ ลของเราท่ี เฝาบาํ เพ็ญเพียรมาใหแกเ ขาเถดิ \" การอุทิศสวนกุศลนี้ เปนเรื่องสาํ คญั มาก ก็อยากจะบอกกลาวญาติโยม ทเ่ี ปนคริสตศาสนิกชนวา ถงึ ทานจะทาํ บญุ ใหท าน อยางไทยพุทธไมได พระผูเปน เจากไ็ มท รงหามไมใ หทาํ สงิ่ ทีเ่ ปนกศุ ล ทา นอาจจะถือศีลแบบของทา น อาจจะบรจิ าคทรพั ยเ พอ่ื สาธารณประโยชน เชน สรางโรงเรยี น โรงพยาบาล ชวยเด็กพกิ ารอนาถา ทานกส็ ามารถ อทุ ศิ กศุ ลไปถึงญาตพิ นี่ องที่ตายไปแลว ใหเขาไดร ับได โดยทําจติ ของทา นใหส งบ นกึ อทุ ศิ ดวยการออกชือ่ ของเขา ก็ จะทําใหเ ขาไดร บั กศุ ลได ในสมยั ทุกวันนี้ บาทหลวง แมชี (ซสิ เตอร) ตางก็สนใจในการฝกเดินจงกรม ทาํ สมาธิกันมากข้ึน เพ่ือซกั ฟอกจิต ของตนใหส ะอาดบริสทุ ธิ์ อันน้ี กน็ บั วาเปน กุศลเหนือสิ่งใดทั้งสิน้ เม่อื ปฏบิ ัติจบสิ้นแลว ก็นึกอุทศิ กุศลใหแกผูล วงลับไปแลว ท่เี ปนญาติของ ทา น หรือจะอทุ ศิ ใหสรรพสัตวไปดวยก็ได บุญจะไดเ พม่ิ พนู ไมรจู กั หมด ที่นําเอาปาชา คริสตมาเลา แทรกไว ไมมีเจตนาจะหม่นิ ศาสนาใด แตเ ปนการบอกบุญ เพื่อประโยชนส ขุ ของจิต วิญญาณท่ีถกู ทอดท้ิงให อดอยาก เปน ทนี่ า สงสาร และบอกทางที่ญาตพิ น่ี องจะอุทศิ สวนกศุ ลใหเขาได ถึงไมใช อาหาร ก็จะทาํ ใหเ ขาไปเกดิ พน ทุกขไดเ ร็วข้นึ พระพทุ ธเจาของเรา ทรงมเี มตตาอยา งกวางขวาง เผ่ือแผไปทุกสรรพสตั ว สมัยพทุ ธกาลมเี จาลัทธิศาสนาเปน อัน มาก เมือ่ ของใจหรอื อยากรปู ญ หาธรรมทีย่ ังไมกระจาง กม็ ักจะมาตั้งปญ หาถามพระองค จนส้นิ ความสงสยั เกิด ศรทั ธาบรรลุมรรคผลเปนพระอริยบุคคลเปนอนั มาก บางทกี ็มาแบบลองดหี วังเอาชนะ พระองคกไ็ มถอื สา เพราะ ทรงเมตตา หวังชวยเขาใหเ ขา ใจตามความเปนจรงิ พระพุทธศาสนา จึงมเี มตตาธรรม ไมเ คยขัดเคือง เปนศัตรูกับศาสนาใด ไมเคยขดั แยงจนถงึ ตองทําสงคราม ศาสนากับชาตใิ ด 21
เราอาจมผี ูนับถือนอย เปนทส่ี ามของศาสนาอ่นื เพราะเราไมเคยเอาอํานาจทางการเมืองไปบงั คับกดขี่ใครใหนับ ถอื อยางที่เราถูกทําลายมาแลว ในชมพทู วปี หรอื ท่ีอ่ืนๆ แตเรากเ็ ปนศาสนาท่ีมั่นคง ใครมายอมรับนบั ถอื ปฏิบตั ติ ามอยา งจรงิ ใจ เขาเหลานน้ั กจ็ ะเกดิ ความเชอื่ ม่นั ไมสัน่ คลอน เพราะตระหนกั วาเปน สัจธรรมทไี่ มม ใี ครจะเปล่ียนแปลงได สจั ธรรมนน้ั จําเปนตองพสิ ูจนดวยกาลเวลา แตส กั วนั หนึง่ เม่ือชาวโลกประสบทุกขม ากข้นึ ชาวโลกก็จะตอ ง ยอมรับสจั ธรรมทีม่ อี ยูใ นพระพทุ ธศาสนา ขณะนี้ รัศมที องแหง สจั ธรรมกาํ ลังกระจายออกไปในดนิ แดนตางๆ ของโลกอยา งไมเ คยเปน มากอ น การปฏิบัติ ธรรมสมาธิ กําลังคบื หนาไปกวา วิธีการใดๆ ในไมช า ชาวโลกจะพากันยดึ ม่ันเอาคําสอนของพทุ ธศาสนาเปนเคร่ืองดาํ เนนิ ชีวติ และรชู ัดวาสันตภิ าพแทจ ริงนั้น หมายถึงอะไร สันตภิ าพแทจริง คือความยนิ ดีในความสงบทอ่ี อกไปจากจิตของชาวโลกทกุ คนทุกชวี ิต มันจะไมม กี ารทาํ ลายลาง ไมมีการหลงผิดไป ตามอํานาจของความโลภ โกรธ หลง ทิฐมิ านะใดๆ ทัง้ สิ้น มีแตค วามรกั ความเมตตา เอ้อื เฟอ ปรารถนาดีเพยี งอยา งเดียว อาตมากเ็ ปน ชาวพทุ ธ จงึ มงุ แตจ ะดําเนินตามรอยพระยุคลบาท พระบรมศาสดา หวังความสขุ แกชาวโลกท้งั ปวง อยาหาวาหมนิ่ ประมาทเลย โดยเฉพาะเปน พระเปนสงฆผ ทู รงศลี แลว เขาใหค วามนบั ถือ ไมก ลา ผานไป แตเมือ่ เขาเขา ไปยงั ท่พี ํานกั เขาไมไ ด บางทีก็ทาํ ใหเ ขาขดั เคือง กล่ันแกลงเอาบา ง ซึ่งพระธุดงคท ย่ี ังไมมตี าเหน็ ได มกั จะถูกกลน่ั แกลง เสมอ บางทีเขากเ็ ลนงานหนกั ๆ ถึงเจ็บไขไดปว ยไปกม็ ี บางทกี ็แสดงเปน พายุพัด ไมไรห ักระเนระนาด แตพอเชาข้ึน ทกุ อยางกลับเปน ปกติ เปน การเตอื นใหรูว า เปนพระตองรจู ักการควรหรอื ไมค วร เร่อื งนท้ี า นอาจารยอปุ ชฌาย เคยเลาใหฟ งวา พระทจี่ ะออกธดุ งคใหมๆ น้ัน ถาเปนหมคู ณะมคี รูบาอาจารยค วบคมุ ไปดว ยกพ็ อคอยยัง ชว่ั เพราะครบู าอาจารยท านรูจ ักระมัดระวงั แตถาไปกนั ตามลําพังใหมๆ ดว ยกนั รูปเดยี วหรือสองรปู ยังปฏบิ ัตไิ มถ ึงข้นั รจู ักเอาตัวรอด หรอื เปนท่พี ึ่งของตนเอง ไดแลว นับวา มีอนั ตรายมาก บางทีตกอกตกใจถึงเสยี สติ ทิ้งบรขิ ารว่ิงปา ราบไปก็มี เพราะเพยี งแตเขามาแสดงให เห็นในขณะทาํ สมาธิ ดวยลักษณะทีน่ า กลวั ตางๆ ฉะน้นั การออกธุดงค จงึ ไมใ ชข องทําเลน ๆ นึกอยากไปกไ็ ป ทางท่คี วรจะตองเรียนรูฝ ก ฝน ในขอวัตรของธดุ งคใ หดี มคี วามเชอ่ื มัน่ ในพระรตั นตรัย คอื พระพทุ ธ พระธรรม พระอรยิ สงฆ อยางแนวแน ไมหวัน่ ไหว เช่ือม่ันในศีล ใน สมาธิ และมีสติพอรเู ทา ทันเหตกุ ารณท ี่เกิด หรือพิจารณาสภาพแวดลอมอยางรอบคอบ โบราณวา คืบก็ทะเล ศอกกท็ ะเล มีอนั ตรายเพราะมองไมเ หน็ แตกับปาทีม่ องเห็นๆน่แี หละ ก็อวดดไี มได มกั มี อาถรรพณล ล้ี ับแฝงอยูเสมอ 22
เพียงความไมร อบคอบตอสภาพแวดลอม ไดย นิ เสียงลมพดั ปะทะ กบั ชองอากาศเลก็ ๆ ในถํ้า หรือหนิ ผา ทม่ี ีรูลึก เขาไป เกิดเสียงหวดี หวิว ครวญครางเหมือนเสยี งผปี ศ าจ กท็ าํ ใหใจหวน่ั ไหวหวาดกลัวได เสยี งมาจากไหนกต็ าม ตองมีสติสังเกตใหร แู นวาเปน เสียงอะไร ถาเพยี งไดยนิ เสียงและไปคดิ ปรุงแตงเอาเองวาเปน เสียงนน้ั เสียงน้ี เราก็ เสร็จ ตอ งเอาอยางพราน เขาระมัดระวงั ทุกอยาง เวลาออกปา ลา สัตว เขาจะไมใสเ สื้อผาทซี่ ักใหมเ ปนอันขาด ตอง ปลอ ยใหเ หม็นสาบเหมน็ สางไปอยางนนั้ เขาวามเิ ชนนั้นจะทาํ ใหสตั วมนั ผดิ กล่ิน การพดู จาเขากร็ ะวังไมพดู เสียงดัง ตะโกนกนั โหวกเหวก หรือพูดตลกคะนอง พูดหยาบคาย แมแตช่อื เขาก็ไมเรียก ออกช่ือกนั การเดนิ ก็ตองดใู หดี บางทเี ขาขดุ หลมุ พราง ปกหลาวดกั สตั วไว เอาใบไมเกลีย่ ปด ถา สุมสีส่ ุมหาเหยียบลงไปก็ไม เหลือ หรอื บางทีเขาขัดจัน่ หาว ขึงสายใยไว ถาเดนิ ไปเตะถกู สายใยเขา แหลนหลาวหรอื ปน ทเี่ ขาขัดไว มนั กพ็ ุง ใส พุงเอา ท่ีพระพุทธเจา ทา นสอนใหสาํ รวมอินทรีย คือตอ งระมดั ระวังสิ่งนี้เอง ในปา บางแหง พืชมีพษิ นนั้ มมี ากดว ยกัน ตอ งทําความรจู ักใหดี เชน ตะรงั ตวั ชาง ไปถูกมันเขา กไ็ ขขน้ึ ตัวตอหลมุ ก็ เหลือรา ย เผลอเหยียบลงไปในหลมุ หรอื รงั ใตด นิ ใหญๆ ถึงตายกม็ ี บางทเี ดินเลาะลัดเขาไปในปาทึบ เห็นเถาวลั ย พันไม หอยเกะกะอยูเ หมือนทอนไมแ หง บางทมี ันกเ็ ปนงูพิษดไู มออก เพราะสมี นั กลมกลนื กบั เถาไม พระธุดงคส มัยกอ นน้ี ทา นมักมกี าตม น้ํารอนติดไปดวย เพราะรวู ากรักกรองน้าํ ยงั ไมป ลอดภัยพอ สาํ หรบั กรอง เชือ้ จลุ ินทรยี ซง่ึ อาจเปน เชื้อโรครา ย ไมสะอาดพอเพราะมนั เล็กมากมองไมเห็นดวยตาเปลา สูตม ไมไ ด แนใ จดี มาสมัยนเี้ ห็นสะพายกระตกิ นาํ้ หมุ ผาสักหลาด เวลานํ้าหมดเจอลําธารน้ําไหลใสเย็น กเ็ อาใสไ ว ดกู โ็ กดี เปน พระ ทันสมัย แตไมป ลอดภัยเลย นํ้าบางแหงทาํ ใหทอ งรวงทอ งเดนิ หรอื ทําใหเปน ไขป า ได แมการอาบนํ้าในหวยลาํ ธารซง่ึ มคี วามเย็นเกินปกติ คนสมัยกอนเขากร็ ะวงั กัน ไมพรวดพราดลงอาบทนั ที ตอง คอ ยๆวกั น้ําลบู หนา ลูบตัวเสียกอน เปน การปรับอุณหภมู ใิ นรา งกายใหรูตัว มฉิ ะนัน้ ไขปาอาจถามหา ส่ันง่กั ไมท นั ขึ้นจากนาํ้ บางทานคิดเอาวา การออกธุดงคนั้น ตนไดถวายชีวิตแกพ ระพทุ ธเจา แลว สุดแตท านจะเมตตา เปนตายอยา งไรก็ ยอมทั้งส้นิ อนั นกี้ ถ็ ูกท่เี ชือ่ มั่นอยา งน้นั แตพระพทุ ธเจา ทานทรงสอนอยา งไร ทานสอนวาอยาประมาทใชหรอื ไม ถา เรามีความ ประมาท ไมร ะมดั ระวัง ใหร อบคอบ ก็ผดิ คําสอนของทาน ผูมีความประมาท เมตตาของพระพทุ ธเจา คงจะชวยได ไมท ันกาล 23
๘. ดนิ แดนสปั ปายะ หลังจากธดุ งคท ่ีแกงคอย ก็เลาะเลียบมาตามอรัญแนวปา ถงึ ปากชอง ดินแดนทีเ่ คยปกคลมุ ทีด่ งพญาไฟ ซ่ึงตอมา ไดเ ปลย่ี นเปนดงพญาเย็น ดินแดนแหง นี้แตเ ดิมนน้ั เปนท่ีสญั จรของพระอริยเจา จนถงึ พระธุดงคท ่ีกําลงั แสวงหา ความหลุดพน บางรูปกม็ ามรณภาพในดงนี้ เนอื่ งจากไขป า บาง หรือดบั ขันธไ ปตามกาลเวลาบาง จงึ มจี ติ วญิ ญาณ ทเี่ ปน ทิพยท องเทีย่ วอยเู ปนอันมาก เม่อื ไปปก กลดอยูรมิ นา้ํ ลําตะคอง ใตกอไผ ก็ไดพบพระอรยิ เจาผูชราภาพมาแวะเย่ียมเยยี น บอกอบุ ายธรรมท่จี ะ นําไปสูค วามหลดุ พน แสดงวาจติ วญิ ญาณอนั เปนอมตะธาตทุ รงกศุ ลกรรม มไิ ดส ญู หายไปไหน ยงั มีครูบาอาจารย ทม่ี รณภาพไปนานแสนนาน คอยปรากฏกายใหผูปฏบิ ัตดิ ีปฏบิ ัติชอบ ไดเ กดิ ความเชื่อมนั่ เกิดปญญาอยูเสมอ เราเดินทางกนั ตอไป จนแยกทางเขา ดานขุนทด ตัดออกชัยภูมิ จนถึงอําเภอภูเขียว ซ่ึงมปี าเขาลําเนาไพรมากข้นึ และเตม็ ไปดวยหมอกขาว ปกคลุมไปทุกหยอ มหญา เนื่องจากเปน ฤดูหนาว ชาวนากําลังระดมกนั เกบ็ เกี่ยวขา ว แตชาวบานที่พานพบนัน้ มคี วามเลอ่ื มใสในพระพุทธศาสนานอ ยมาก แตเ ขา ยินดีถวายทานบณิ ฑบาต ใหพอดาํ เนินชีวิตทอ งธดุ งคตอ ไปได ทา มกลางอากาศอันหนาวเหน็บเชน นี้ เรากพ็ ากนั เขา ไปบาํ เพ็ญภาวนาอยใู นถาํ้ ทีใ่ หความอบอุนดกี วากลางแจง เราไมไดก ําหนดวา ถํ้านน้ั ชาวบานเขาเรยี กวา อยางไร สักแตวาเปนถาํ้ มีชอ งอากาศถายเทได ไมอบั ชน้ื ปอ งกัน หมอกหรือนํา้ คา ง และใหค วามอบอุน ได กเ็ ปน อันพอใจ แมก ระนน้ั พอเวลาใกลค่าํ อาตมาซ่ึงเปนสามเณรกเ็ ท่ยี วไปหาไมแ หง อนั มีอยูมากมาย ทัง้ ทอนเล็กและทอนใหญ เขา มาเก็บสะสมไวใ นถาํ้ พอคํา่ ลงก็จดั การกอไฟใกลทปี่ กกลดอยูใ นถํา้ ชนั้ ในไวก องหนึ่ง กอไวท่ีขางกลดอาตมา ซึ่ง อยใู กลปากถา้ํ อีกกองหนง่ึ เพื่อความอบอนุ เพมิ่ ขนึ้ สําหรบั ท่กี างกลดน้ัน แมจ ะเปนในถํา้ ก็ตองแอบไปขา งใดขางหน่ึง อยาไปกางปดปากถ้ําและขวางทางเดนิ เพราะ ตามทางเดินนั้น ยอ มมจี ติ วญิ ญาณหรือโอปปาตกิ ะ เดินเขาเดินออกอยเู สมอ ตอนยางเขา สบู ริเวณหนา ถา้ํ ก็ไดเห็นเจาปา เจาเขา เจา ถ้ํา อารกั ขเทวา มายืนเรยี งรายกันอยหู ลายทาน และยิ้ม แยม ดว ยเมตตา แสดงอาการตอนรับ เมื่อตาเห็นยงั ไมร วู าเปนใครบา ง ตอ มาสํารวมใจก็รขู ึน้ มาเองวา องคนน้ั องคนี้เปน ใคร เห็นหลวงพออปุ ชฌายท านหยดุ ยนื สงบอยู ทานคงเห็นอยางอาตมาจึงไดห ยดุ ดว ย แลวแผเมตตา ธรรมกอ น เสรจ็ แลวกส็ ง จติ บอกวา ทม่ี าน้ไี มไ ดม ุงหวังสมบัตพิ สั ถานสง่ิ ใดที่อาจมอี ยู ณ สถานที่นี้ แตตอ งการจะ มาหาความวิเวก บาํ เพ็ญภาวนาเพื่อแสวงหาธรรม อันเปน ทางหลุดพน เห็นทุกองคพากนั ยิม้ พยักหนา จงึ พากนั เดินเขาไปสภู ายในถา้ํ เมอื่ ลึกเขาไป ก็ไดเห็นแสงสวางเปน ลํายาว ผานชองหินบนยอดเขาลงมา ทาํ ใหเ กิดแสงระยบิ ระยบั เปน ประกาย จากหินยอยที่หอยระยา เปน ชอช้นั หลบื กนั้ ดงั วิสูตรมา นอันงดงาม และมีพระพทุ ธรูปขนาดหนาตกั กวา ง ๓ ศอก เปนองคป ระธาน สที องงดงามดวยพุทธลักษณะ นอกนน้ั ก็มีพระพทุ ธรูปองคเลก็ องคนอย เรียงรายลดหลั่นกันเปนระเบยี บ บางองคก็เปน พระสัมฤทธ์ิ บางองคก็ เปน พระเงินขาวผอง บางองคก ็เปนทองคําสุกปลงั่ บางองคก็แกะดวยไมโ พธิ์ ประมาณเกือบรอยองค มีบาตรลูก 24
หน่ึง บรรจเุ ตม็ ดวยพระเครอื่ ง ทาํ ดวยผงวา นสีน้าํ ตาลออน ก็ไดแ ตดดู วยตา แสดงวา ถํ้าน้ี เคยเปน ทก่ี ราบไหวบชู า มาแตโบราณ ควรเล่อื มใสศรัทธาจรรโลงใจใหเ บกิ บานย่ิงนัก หลวงพอทา นเรียกถา้ํ แหง นีว้ า \"ถ้ําพระ\" และบอก วา เคยมาปฏบิ ัติอยูทน่ี ่ีเปนเวลาเดือนกวา จึงไมใชผูแปลกหนาสําหรับผอู ารักขาทนี่ ่ี ท่ถี ้ําแหง นี้ เปน ท่สี งบสงัดควรแกก ารเจรญิ ภาวนายิง่ นัก เดนิ จากถํ้าไปทางทิศตะวนั ออก ประมาณ ๒ กิโลเมตร ก็ จะพบหมบู า นประมาณ ๓๐ หลังคาเรอื น ทราบมาวาบรรพบรุ ุษของเขา ไดพ ากนั อพยพจากเวียงจนั ทน มาตั้งรกรากอยูเม่อื รอยกวาปมาแลว ประกอบ อาชีพทาํ นาทําสวน พอไดอาศัยดํารงชีวิตอยูไมมากมายอะไรนกั เพราะพน้ื ทจ่ี ํากดั มเี ขาลอ มรอบเปน สวนมาก แต ชาวบานกด็ ูมคี วามสุขสบาย พอใจในความเปน อยขู องตน เวลาบณิ ฑบาต พวกชาวบานก็ทาํ บุญใสบ าตรให โดยเฉพาะเขาใสแตขา วเหนียวเปลา และมชี าวบา นผูช ายอายุ ประมาณ ๕๐-๖๐ ป สองคน ชวยกนั รับกบั ขาวของกินจากชาวบาน หาบตามมาสงถงึ ถํา้ ชาวบา นเหลานี้คนุ เคย กบั ทา นอาจารยม ากอน จึงนบั วาถํา้ แหงนี้เปน ทีส่ ปั ปายะ พอสมควร ตกตอนเยน็ ประมาณ ๕ โมง ชาวบา นหญิงชายสว นมากมีอายมุ ากแลว จะมีหนุมสาวก็ ๒-๓ คนตามมาดวย รวมกันประมาณ ๒๐ กวา คน เขารับศลี และฟง ธรรมจากทานอาจารย ทา นอาจารยอุปชฌายถามวา \"เปนอยางไรโยม ยงั ปฏบิ ตั ิทําสมาธิ กันอยหู รือเปลา\" \"ตั้งแตหลวงพอจากไปเมื่อปก อ น ก็ปฏิบัติกันมาไมข าด ลกู หลานบางคนเขากพ็ ากนั ปฏบิ ตั ดิ วย\" \"ปฏบิ ัตแิ ลวไดผลอยางไรละโยม\" \"จิตใจมันก็สงบเย็น อ่ิมเอบิ บค อ ยมเี รื่องยงุ ยากเดือดรอน ลกู หลานกเ็ ปนคนดี วานอนสอนงาย เอาแฮงเฮด็ การ งานดีอยู ฝนฟาก็ดี ทํานาทําไรบ อดบอ ยากอยางแตกอ น หลวงพอมาเยยี่ มมายามก็อบอนุ ใจหลาย\" \"ปฏบิ ตั กิ ันแคนก้ี ็ดอี ยู แตยงั บพ อนะโยม ตอ ไปก็ใหปฏิบตั ิใหม ากขึน้ เพราะจิตใจนั้น มันมีกิเลสเขา มารบกวนหลาย ตอ งคอยชําระสะสางใหมนั มนั่ คงบรสิ ุทธใ์ิ หมากขน้ึ ใหถึงมรรคถงึ ผล ใหพ น ความทกุ ข จริงๆ หมโู ยมอยา พากนั ประมาท ความตายจะมาถงึ ยามใดก็บฮ ู ตองเอาสวรรคนิพพานใหไดกอ นตาย จึงจะดจี ะชอบ ต้ังหนาปฏิบัติตอไป เถอะ พระพุทธเจาทา นยอมคมุ ครอง บใ หอดใหอยากหรอก\" ชาวบานปาท่ีน่ี นับวา รเู รือ่ งศีลธรรมดีพอสมควร ทานอาจารยเคยธุดงคม าสัง่ สอนเมื่อปกอนๆ อาศัยทีเ่ ขาเปน คน ซอื่ มศี รัทธา มีความเช่อื ถือ สอนอยา งไรเขากท็ าํ ตาม ระหวางทพ่ี กั อยูทีถ่ ้าํ นี้ ตกเย็นชาวบานหญิงชายจะมาฟง ธรรม เสรจ็ แลวกแ็ ยกยา ยไปน่ังสมาธิ บางวันก็มานอ ย บางวนั ก็มามาก แลวแตเขาจะมธี ุระอื่นหรอื ไม ถา เปน วันพระก็มามากเปนพเิ ศษ พอตกคํา่ ก็พากันกลบั จดุ ใตสอง ทางไปเปนแถว ทานอาจารยแ ละอาตมาจงึ มีเวลาปฏิบตั มิ ากพอสมควร และจิตใจไดรับความสงบเยือกเย็นเปน อัน มาก 25
เหตทุ ่ีพระผูป ฏิบตั ิดปี ฏบิ ตั ิชอบ ทา นยินดีในการแสวงวิเวกอยตู ามปา เขานนั้ ก็เพราะธรรมชาติของปา เขา มีความ สงบอยคู ร่งึ หน่ึงแลว ในปา เขาไมม สี งิ่ ใดทจี่ ะทําใหจิตใจฟงุ ซาน ไมม ีส่ิงเยายวนลอ ตาลอใจ นอกจากเสยี งจกั จนั่ เรไร เสยี งน้าํ ไหลในลําหว ย เสยี งกระรอก กระแตและนกรอง จงึ มีแตความสงัดเงยี บ บางทีเสียงธรรมชาติเหลา น้ี เรากห็ ยุดนง่ิ จนจิตของเราสงบไปเอง ยงิ่ ตอนกลางคืนแลวสงบจนรสู กึ วากายเบาและ จิตเบาไปหมด แมแต รางกายทีอ่ ยใู นทา นั่งสมาธิ มนั ก็เหมือนไมมี มแี ตตวั รูคือสติเทาน้นั ๙. เทพบตุ ร เทพธดิ า มาขอฟง ธรรม ดงั ไดเลามาแลว วา อาตมานน้ั มีตารู หูไดย ิน อยา งทเ่ี รยี กวา ตาทิพย หทู ิพย มาแตเ ดก็ ๆ เปนสิง่ ท่ีติดมากับจติ เดมิ แท ทเ่ี คยปฏบิ ัติมา แตอดีตชาติ โดยเฉพาะชาตทิ ี่แลว เปนพระชรามรณภาพในสมาธิ ในชาติน้ีแมยงั ไมไ ดป ฏิบตั ิ ธรรม กส็ ามารถเห็นไดเ อง อยางที่เหน็ เจาปา เจาเขา เทวดาอารักษ ตอนทีม่ าถึงถาํ้ น้ี เปนการเห็นโดยไมไดหลับตา และเหน็ ตอนกลางวนั การเหน็ นี้ นบั วา เห็นจนเคยชิน เปน เรอื่ งธรรมดา เชนเดียวกับท่เี รามองเห็นมนษุ ยแ ละสัตว หรอื ทกุ ส่งิ ในโลกน้ี แม จะเปน คนละมิติ คนละภมู กิ ็ตาม ตอนท่อี าตมาจะไมเหน็ ก็ตอนทป่ี ฏิบตั ธิ รรมสมาธิ จติ เปนเอกัคตา หรอื เขา สูอุเบกขา กับตอนที่ถอนจติ ออกมาสู อปุ จารสมาธิ พิจารณากายคตาสติ ไมไดสนใจกบั สงิ่ ภายนอก ใชแตส ติคอยดูคอยรกู ายกบั จิตเปนปจ จบุ ันเทาน้นั เมอ่ื ออกจากสมาธแิ ลว จึงไดเห็นอยา งทเี่ คยเหน็ เม่อื ปฏิบตั อิ ยใู นถา้ํ น้ี ๗ วัน คนื ที่ ๗ นั้น ขณะทอี่ อกจากนงั่ สมาธิ เพ่ือเปลี่ยนอิรยิ าบถ ออกไปเดนิ จงกรมหนาถ้ํา ซึ่งเปน พน้ื เรยี บ ญาตโิ ยมเขามาปดกวาดไวใ หสะอาดดี อาตมากไ็ ดพบเจาปา เจาเขา เทวดาอารกั ษ ทีเ่ คยพบในวัน แรก มาน่ังพนมมือขวางหนาอยู จงึ ถามในใจวา \"ทา นมี ธุระอะไรกบั อาตมาหรอื \" เทวดาอารักษเ ปน ผตู อบวา \"ทานสามเณรปฏิบตั ดิ ปี ฏิบตั ิชอบ บัดน้ี เทพบุตร เทพธดิ า มศี รัทธาเลอื่ มใส ประสงค จะมาขอฟงธรรม รออยูห นา ถ้าํ ประมาณ ๕๐๐ ตน ขอนมิ นตท า นสามเณรไปโปรดดว ย\" อาตมาก็ตอบวา \"อาตมาเปนเพียงสามเณร มีความรนู อย ไมส มควรจะไปกลา วธรรมแกเทพบุตรเทพธิดา อกี ประการหนงึ่ กม็ คี รบู าอาจารยมาดว ย อาตมาไมกลา ทําเกินหนา ครูอาจารย เปน การไมเ คารพทา น ทําไมไมข อฟง ธรรมจากครูบาอาจารยข องอาตมา ซ่งึ มีคณุ ธรรมสงู กวา อาตมา\" \"ทานเทพบตุ รเทพธิดา พากนั แสดงความปรารถนาจะไดฟ ง ธรรม จากทา นสามเณรนะทาน\" เทวดาอารกั ษต อบ \"ทําไมหนอ เพราะอะไรหนอ จึงแสดงความปรารถนาเชน นนั้ ทาํ ใหอาตมาลาํ บากใจนะคุณโยมอารักษ เอาอยา งน้ี เถอะ คุณโยมอารักษไปเรียนปรึกษาตอ หลวงพอ อาจารยเ สียกอ น ทา นจะอนุญาตไหม ไมเ ชนนั้นอาตมาไมกลา จริงๆ\" \"เอาอยา งนั้นก็ไดทา นสามเณร\" 26
ทานอารักษต อบแลว ก็ขยบั เขยื้อนกายอนั เปน ทพิ ยนน้ั เขาไปยงั ถ้าํ ช้นั ใน แตแลวหลวงพออาจารยก็มาปรากฏตวั พรอ มกบั พดู วา \"เณรจงไปแสดงธรรมโปรดเขาเถอะ หลวงพออนญุ าต\" \"หลวงพออาจารยจ ะใหกระผมแสดงธรรมดวยขอใดหรือขอรับ\" \"ธรรมอันทําบุคคลใหเปน เทวดาน้นั ยอมทําใหเทพเหลาน้ันช่ืนชมยนิ ดี เกดิ ปติแกเ ขา แตจ ะทาํ ใหเขายดึ ตดิ อยูกบั ความหลงในความเปน เทวดาของตน ซึ่งมีเหตใุ หเ สือ่ มได ไมก า วหนา ในธรรม ควรแสดงไตรลักษณ และความไม ประมาทดว ย จงึ จะชอบ\" เม่ือไดร บั อนญุ าตเชนนั้น อาตมากไ็ มมที างหลีกเลีย่ ง จึงเดินนําเทวดาอารกั ษออกไปท่ปี ากถํ้า ซ่งึ ในราตรนี ีเ้ ปน ยามขา งขน้ึ ๑๔ คํ่า ดวงจันทรใตแผน ฟาสองแสงกระจา งแจม ใสไปท่วั หลา เหลา ดาราทีเ่ คยประดบั ฟาในคืน ขางแรมกถ็ ูกกลนื หายไป ทัง้ ท่ธี รรมชาตขิ องดวงตายังคงมอี ยูเ ชนเดิม แสงจันทรน่ันเองทําใหมองเห็นเทพบุตร เทพธิดาในชดุ ขาว นงั่ กันอยูเปนระเบียบ เปน สัดสว น เทพบุตรนง่ั รวมกนั อยูท างซีกขวา เทพธิดานง่ั อยูท างซีกซา ย เวนชองทางเดนิ ไวตรงกลาง จากรางในชุดขาวบริสทุ ธิ์นนั้ มีแสงเรอื งออนๆ อยทู ั่วกาย อาตมาไดแตชําเลืองดตู อนทอ่ี อกไปยืนหนาถํ้าเทา นน้ั มิไดพิจารณาสังเกตอยางถถี่ วน วาหนา ตาจะงดงามหรอื ไม เพราะตอ งอยใู นอาการสํารวมอินทรีย กาย วาจา ใจ ทอดสายตาไปไมเกนิ ๔ ศอก คร้ันไปยืนอยูหนา ถา้ํ แลว เทพท้ังหลายตางยกมอื ขึ้นนมัสการจรดเหนือหนาผาก เทพองคห น่งึ จิตรูวาเปน หัวหนา พดู ข้ึนดว ยเสยี งอันมีกังวานไพเราะวา \"พระคณุ เจา เหลา โยมซึ่งเปนเทพบุตร เทพธดิ า มากันเปน จํานวน ๕๐๐ ตน มีความปรารถนาจะขอฟงธรรม ขอ พระคุณเจาไดโ ปรดแสดงธรรม แกขาพเจา ทงั้ หลายเถิด\" อาตมาสงบอยขู ณะหน่งึ จงึ กลา วข้ึนวา \"คณุ โยมเทพบุตร เทพธดิ าทัง้ หลาย ผูมีความปติสขุ ความอิ่มเอบิ ในทิพย สมบัตเิ ปน เคร่ืองอยู เปนผูนิราศแลว จากทุกขท ั้งปวง แมกระน้ันคณุ โยมกม็ ไิ ดม คี วามประมาท หลงอยใู นทพิ ย สมบตั ิ มจี ติ ปรารถนาจะไดร ับรสพระธรรม เปนที่นายินดอี นุโมทนา ความปรารถนาในกศุ ลธรรมน้ี นับเปนบุญที่ ควรอนุโมทนาเปน อยา งยงิ่ อาตมาไดออกมาแสดงธรรม ตามความปรารถนาของคณุ โยมทงั้ หลาย แตขอไดโปรดทราบวา ธรรมท่ีนาํ มาแสดง นี้ เปน ธรรมขององคพระสัมมาสมั พทุ ธเจา ทท่ี รงแสดงไวดีแลว เปนธรรมท่ไี มม กี าลเวลา ผูสอ งเสพซ่ึงรสพระ ธรรมเมอื่ ใด ยอมไดร บั รสแหงธรรมน้นั ทุกเม่ือ นับเปนธรรมของโลกโดยแท กุศลธรรมเหลา ใด อนั ทําใหบ คุ คลเปนเทพบุตร เทพธดิ า เสวยทพิ ยสมบตั อิ ยู ณ บดั นี้ กศุ ลธรรมเหลาน้ัน เปนส่ิง ทีค่ ณุ โยมทั้งหลายสมควรนาํ มาทบทวน กระทาํ อยูอยางสม่ําเสมอ ไมควรหลงลืมละเวน เพราะเหตแุ หงทิพย สมบัตทิ เี่ สวยอยู มาปดบงั อาํ พรางไว 27
อันทพิ ยสมบตั ทิ ่ีเสวยอยูน้ี แทจ ริงเปน ของเสื่อมได หมดได เปน ของไมเ ท่ียง ไมย ่ังยืน ดวยเปน เพยี งโลกียสมบัติ เมื่อกุศลกรรมที่ไดก ระทําไวหมดลงความสุขอันนก้ี จ็ ะกลายเปน ทกุ ข หรือจะตอ งไปเกดิ ใหม ตามภพภูมิ ตาม กรรมดีกรรมชั่วของตน ทย่ี ังมเี ชอ้ื เหลอื อยู ทิพยสมบตั มิ ใิ ชอ ัตตาตวั ตน ที่เราทานจะยดึ ถอื หวงแหนเอาไวได ดวยเหตนุ ้อี งคพระสัมมาสมั พทุ ธเจา จงึ ทรงตรสั ยํา้ เปนคาํ สุดทา ย กอ นปรินพิ พานวา ทา นท้งั หลายจงยงั ความไมประมาทใหถ ึงพรอม ความไมประมาทน้นั คือ ควรระลกึ ถงึ กุศลกรรมที่ตนไดก ระทาํ มาดีแลว และพากเพียรกระทาํ ตอไป มใิ หข าดสาย โลกทิพย อันคณุ โยมทง้ั หลายเสวยทิพยสมบัติอยนู น้ั จงพจิ ารณาใหด ีก็จะเหน็ วา ยังเปน โลกทไี่ มมแี กนสารอยู อาจ กลาวไดวา เปน โลกที่ไมม ตี ัวตน เปน แตแสงสวางแผซ า นอยู เปนโลกทีล่ ะเอยี ดออน คณุ โยมท่ปี รากฏกายใหอ าตมาเหน็ นี้ กด็ ว ยอํานาจของจิตอธษิ ฐาน จะจัดวาเปนโลกของจิตพักอาศยั อยกู ็ได ฤทธ์ิ อํานาจทอี่ าจบนั ดาลใหเ ปนไปตามความปรารถนาได กไ็ ดอาศัยจติ เทาน้นั สวรรคก ็ดี วมิ านก็ดี ลวนเกิดข้นึ มีขน้ึ ดวยอํานาจของจติ ทเี่ ปน กศุ ลธรรมสง เสรมิ ใหเปน เชนนั้น จติ เปน นามธรรม ไมมีรูปทจ่ี ะประกอบกรรมดหี รอื ชวั่ ไดอยา งมนษุ ย แตจติ ก็ใชวาจะบรจิ าคทาน รกั ษาศีล เจริญ สมาธไิ มไ ด แมม นุษยเองกไ็ ดอ าศัยจติ ทําใหกายกระทาํ ตามทต่ี นปรารถนา ฉะนน้ั คณุ โยมผูเ ปนเทพท้ังหลาย พงึ ใชจิตบรจิ าคทาน ใชจติ รกั ษาศีล ใชจิตเจริญสมาธิเถิด การบริจาคทานดวยจติ กค็ ือใหค วามกรณุ า ใหความเมตตาแกสรรพสัตวท ั้งหลาย ผูใ ดมีทกุ ข ก็พงึ อธษิ ฐานใหเขา พน ทุกข เอาจติ ชวยเขาใหเปนสุข ผูใ ดผิดหวงั กเ็ อาจติ ชวยใหเ ขาสมหวงั ซ่ึงนบั ไดว าเปนทานบารมอี นั ยิ่งใหญ ศลี กย็ อ มรักษาไดด วยจิต ระลกึ ถงึ ศีลทท่ี ําใหเปน เทวดา กจ็ ะเห็นไดว า เพราะมเี มตตาละเวน การฆาเบียดเบยี น สัตวอื่น เพราะมเี มตตาไมก ลาววาจาใหเขาหลงผิดกระทําในสง่ิ ผิด เพราะมีเมตตาไมท ําผูอนื่ เศรา เสียใจตองการ ละเมดิ ลูกเขาผัวเขาเมียเขา เพราะมีเมตตาไมถ อื เอาทรัพยสนิ ท่เี จาของเขาหวงแหน ไดมาดวยความทุกขย าก เพราะมเี มตตาตอตนเอง บุตรภรรยา ไมเสพของมึนเมา เชน สุรา อนั เปนเหตุใหเ กิดทุกขโทษ ตา งๆ ดังนจ้ี งึ เปน ศีล จติ ของคณุ โยมเปน กุศลจิต จงึ นับวา ไดรักษาศีลไวโดยสมบูรณ สมาธิก็คือทําจติ ใหต ัง้ มัน่ อะไรท่ีเปนอุบายใหจติ ตง้ั ม่ันเลา ก็คือการตามระลึกถงึ อนสุ ติ ๑๐ อยางใดอยางหน่ึง มนี ึกภาวนาถึงพระพุทธเจา พระธรรมเจา เปนตน จติ ภาวนาคําวาพุทโธ ใหเ ปน อารมณจ ิตอยสู มาํ่ เสมอ ตอ เนื่อง กุศลธรรมก็จะสงู ขึน้ ไปเปนลาํ ดับ เม่ือหมดบญุ กศุ ลที่ทําใหเ ปนเทพ บุญแหงการเจรญิ ศีล เจริญ ภาวนา กจ็ ะมาเพ่ิมเติมใหคงความเปน เทพตอไปอกี เม่อื พนจากเทพไปแลว ก็อาจไปจตุ ิในมนุษยโ ลก ในที่ดีมีสขุ ไดปฏิบัตอิ ยูในทาน ศีล ภาวนา เกดิ ปญ ญารูแจง เปน พทุ ธะตอไป เมือ่ คุณโยมผเู ปนเทพ ไดตระหนกั ชัดวา ความเปนเทพน้ัน ยงั เปน โลกยี สมบัติซ่งึ เปน สิ่งสมมติ ไมค งทนถาวร เส่ือมได หมดได สน้ิ ไปได กจ็ งอยา มีความประมาท เวลาในสวรรคแมจะยาวนานกวา โลกมนุษย ถึงรอยเทา พัน เทา แตจ ะพน จากไตรลักษณ คอื อนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา นน้ั ไมไ ด สงิ่ สมมติทงั้ หลายเกิดข้ึนแลวยอมดับ จง ขวนขวายละสมมติ ไปสูวิมุตตเิ ถิด จึงจะพน จากการเวยี นวา ยในวฏั ฏะสงสาร 28
อาตมาสามเณรนอย ไดอ าราธนาธรรมคําสอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา มาเพอื่ เปนขอ ระลึกของคุณโยมผู เปนเทพพอสมควรแลว ขอเจริญพรแผเมตตาใหค ุณโยมอยา มีทกุ ขเดอื ดรอ น อยา มีภยั อันตรายใดๆ อยาเปน ผูมี เวรมกี รรมตอ กันเลย จงเปนสุขเปน สุข ตามกศุ ลกรรมของตนเถิด\" เมือ่ จบลงขณะนนั้ เสยี งแซซอ งสาธุการของทวยเทพก็ดังสะเทือน เลือ่ นลั่นไปทั่วขุนเขาไพรพนมทิพย แตเสยี งน้ัน จะดังใหโลกรูก ็หาไม ดว ยเปน เสียงละเอยี ดทผี่ มู จี ิตละเอยี ดไดท ิพยโสตเทา น้ันจงึ จะสัมผัสได จากนั้นกไ็ ดเหน็ เทพ พากนั ยกกรขนึ้ เหนอื นลาฏ แลว ก็ทยอยกันกลบั ดว ยกิรยิ าอันเรียบรอ ยเปน ระเบียบ แลว เลอื นหายไป ทา มกลางแสงจนั ทรก ระจาง อาตมาก็กลบั เขาถา้ํ เขาไปนมสั การอาจารยอปุ ชฌาย ตามแบบอยา งศิษยกบั อาจารย ซึง่ ทานก็ไดยกมอื พนม อนุโมทนากลาววา \"เณรแสดงไดไพเราะจบั ใจ เทพทงั้ หลายปตชิ ่ืนชม สมใจหลวงพอแลว \" ตอ จากนั้นกเ็ ตือนใหเ รง ความเพียรย่งิ ๆ ขึ้นไป หลวงพออาจารยกับอาตมา ไดเจริญภาวนาอยูในความวเิ วก ตอมาเกอื บเดือน โดยไมมีเหตกุ ารณว นุ วายมาแผว พาน จากน้นั จงึ อําลาญาติโยมผูมีอปุ การะบรจิ าคทาน ใหมกี าํ ลงั ปฏิบตั ิดปี ฏบิ ตั ิชอบไดโดยสะดวก นับวาญาติโยม เหลา น้ัน ไดห วานพืชแหงกศุ ลของตน ลงไปในนาทเ่ี ปนเนื้อนาบญุ ดวยเหตุอนั ดี คงจะไดร บั ผลเปนความสขุ สบื ไป ๑๐. ธรรมะจากปา จากนน้ั ก็เดินทางจากเขตปาของอําเภอภเู ขียว ขึน้ ไปยงั อําเภอเกษตรสมบรู ณ ซ่ึงเปนโขดเขนิ เนนิ เขาสูงข้นึ ไปอกี ดา นหนึง่ ที่อําเภอนี้แตโบราณมา ถอื เปนแผนดินทองแหงหนง่ึ เพราะมีการรอ นเรสง สว ยเขาไปสเู มืองหลวงต้ังแตส มยั เจา พอพระยาแล ของชาวจงั หวัดชยั ภมู ิ อันทจ่ี รงิ จากตัวจังหวดั ชยั ภูมิ จะมุงหนาไปทางหนองหญา ปลอง ขา มขึน้ เขาไปยงั เพชรบูรณเลยก็ได แตห ลวงพอ บอกวา จะไปแวะเวียน เยี่ยมเยยี นชาวบานที่เคยมีอปุ การคณุ เมื่อครัง้ ธุดงคเด่ยี วมาเมอ่ื ปกอ นๆ เขาจะไดส รา งบญุ สรา งกุศลกนั บาง จงึ เดนิ ทางสเู กษตรสมบรู ณ แวะเวียนเรอื่ ยมาไมเรง รอ น ทไี่ หนเปนทส่ี ัปปายะ ปฏบิ ตั ิธรรม สมาธริ ดุ หนากพ็ ักอยหู ลายวัน แลว จงึ ธดุ งคตอไป การธุดงคแ สวงหาวิเวกน้ัน ครบู าอาจารยแ ตเ ดมิ มาทา นไมใ หต ิดท่ีอันเปน สัปปายะ ตองไปกันเรอื่ ยๆ ลําบากบาง สบายบาง อดบา ง กินบาง กไ็ มใ หย ึดถอื ใหเ ห็นเปนธรรมดาเปนธรรมชาติ ส่ิงใดเกดิ ข้ึน แลวยอมดับไป ทกุ ข เปลย่ี นเปนสขุ สุขเปลีย่ นเปนทกุ ข หวิ แลวอิ่ม อมิ่ แลว กห็ วิ ส่ิงใดท่ีเราไปยึดมน่ั ถือมนั่ จะตองเปน อยา งนนั้ อยางน้ี บางที กไ็ มเปนดงั ทห่ี วังไว 29
ความผิดหวัง สมหวงั ลว นข้นึ อยูกับกฎแหง กรรมทมี่ นุษยพ ากันกระทําขึ้นทงั้ สน้ิ กรรมดกี ็คลาดเคล่ือนได เพราะดี ยังไมจ รงิ ยงั ไมสมบรู ณ กรรมชว่ั ก็คลาดเคลอื่ นได ถา ยังมีกรรมดีมาประคบั ประคอง ผลมาจากเหตกุ จ็ รงิ แตเ หตุ นนั้ ตองสมบรู ณกอน จึงจะไดร ับผล มองไปตามพื้นดินในปาใหญ มองเหน็ ธรรมหลนเกล่อื นกลาด ธรรมเหลา น้ันกค็ ือใบไมแ หง ซึ่งแสดงสภาวธรรมให เหน็ ถึงความเปน อนิจจัง มนั หลดุ รว งจากตน กําลังจะถูกเหยยี บยาํ่ ใหเปน ดนิ เปนทรายไป เมื่อเปนดินแลว เมลด็ พนั ธุของมันหลนลงมาอกี มนั ก็กลายเปน ฐานรองรับใหเ มลด็ น้นั งอกงามเปน ตน เปนใบขน้ึ มาใหม แลว คอ ยๆโตขึน้ สูงข้นึ ผลิดอกออกใบออน ใบออ นก็เปลย่ี นเปน ใบแก ใบแกจากเขียวเปน เหลือง แลว กห็ ลุดรวงจากกานสพู ื้นดิน เปน ใบไมแ หง เปน ดิน หมนุ เวยี นอยูเชน น้ี เม่ือเงยหนา จากพื้นดนิ ใบไมบ นตนยงั มีอยมู ากเปน แสนลานเทา พระพทุ ธเจา จงึ รบั ส่ังแกภ ิกษุ ๕๐๐ รูปวา ธรรมที่ พระองคแ สดงมาแลว เปนเพยี งใบไมแหง ๑ กํามือเทา นั้น สวนธรรมทย่ี งั ไมไดแ สดงตลอดอายขุ องพระองค ยงั มี มากเทา ใบไมในปา ชางละเอยี ดลกึ ลํ้าสดุ จะประมาณได ทานจึงหามเอาไววา อยาไปรูจ ักโลกเลย ไมว า ใครๆ เปน นักปราชญราช บณั ฑติ ชน้ั ไหน กไ็ มมวี นั จะรจู กั โลกไดทัง้ หมดนอกจากพระบรมศาสดาของเรา แมก ระนั้นกย็ ังไมอ าจแสดงความรู ของพระองคไดหมดสิน้ ฉะน้ันจงมองโลกใหแ คบเขาแคบเขา จนเหลอื แตก ายและจติ นเี้ ทานั้น เมอ่ื รูจกั กายและจิตแลวกจ็ ะรจู ักโลกทง้ั หมด ตลอดพิภพจกั รวาล แตเพยี งกายและจิตน้ี กย็ ังมมี นษุ ยนบั เปน รอยๆ ลา น ไมเ คยมอง ไมเคยรูจักตามที่มันเปนจรงิ เจากายและจติ นี้ นบั เปนกองขยะทย่ี ิ่งใหญ รกไปดวย กิเลส ตณั หา อปุ าทาน กระจดั กระจายเกล่ือนกลาดไป ดวยละอองแหง โลภะ โทสะ โมหะ ทีห่ นาเตอะเหนยี วแนน ยากจะกวาดลา งทาํ ลายใหส ะอาดได แมจะสนิ้ เปลอื งภพชาติเกิดตายไปนบั ไมถวน แตสิ่งทีเ่ กิดเปนรูปธรรม ทีเ่ ห็นอยูในโลกน้ี กม็ ีสภาวธรรมอยา งเดียวกัน ประกอบดว ยธาตุทั้ง ๔ เชน กัน ไมว าจะ เปน คนหรอื สัตว เลก็ สัตวใหญ จะผิดก็แตร ูปรางท่ีแตกตางกันออกไป แมกระนนั้ ในสงิ่ ทเี่ ราสมมติเรียกอยาง เดียวกนั มันก็ยงั แตกตางกันออกไปอกี คาํ วา \"ปลา\" คาํ เดียว แตมีปลากพ่ี นั ชนิดในโลกน้ี \"นก\" คําเดยี ว ก็ยงั มชี อ่ื ตอทายอกี เปน พันชนดิ แมแ ต \"เตา\" คาํ เดียว ก็ยงั มเี ตาสีสวยเล้ียงไวด เู ลน เตาตะนุในทะเลทไ่ี ขข องมนั ราคาแพงมีรสมัน เตานา เตาบก เม่ือบกุ เขา ไปในปากาญจนบุรี อาจไดพบเตา ๖ ขา ขนึ้ ไปบนภกู ระดึงจะไดพบเตาขึ้นตนไมเกง หางยาวตง้ั ศอก ท่ี เขาเรยี กวา \"ปเู ลย\" อา วแลวคําวา ปูเลยในภาคเหนือ กลายเปน ไพลหัวที่มาตาํ พอกแกเคลด็ บวม คําวา \"สุนขั \" มนั มกี ่ีพนั ธทุ แ่ี ตกตางกนั ออกไป แมแตเ ราสมมติเรยี กตัวเองวา \"มนษุ ย\" กม็ นษุ ยใ นโลกนี้มกี ่ี เผา พนั ธุ มนษุ ยกินมนุษยกย็ งั มี แตถ งึ อยา งไรมันกเ็ ปน สภาวธรรมอนั เดียวกนั นนั่ เอง พระพทุ ธองคค งจะเห็นวา จะใหม นษุ ยร จู กั โลกไดท งั้ โลก กจ็ ะทําใหฟ ุง ซาน เวยี นเกิดเวยี นตายไมรจู ักจบ จึงทรง กําหนดใหรจู ักแตก ายในกาย จิตในจติ แมอยา งน้ัน การทําความรูจกั กายกบั จติ ตามสภาพความจรงิ ของมัน ก็ตอง 30
ขามภพขา มชาตเิ หมือนกนั กวาจะรวู า กายก็ดี จิตกด็ ี สุดทายนนั้ ก็เปน อนัตตาไปท้งั สน้ิ มนษุ ยพากันยึดถือผกู พัน กับสงิ่ ทไ่ี มม ตี วั ตน ไมมรี ูปราง ไมใ ชของตนเปนวักเปนเวร อนั ที่จรงิ ความเจริญทางวตั ถุ การพฒั นาบา นเมืองใหกาวหนา พัฒนาโลกอะไรเหลานี้ กน็ บั วา เปน ของดี ทาํ ให มนษุ ยม ีความเปนอยทู ด่ี ีขึน้ สะดวกข้ึน ถึงใครจะไปคดั คานวาไมดี มันกห็ ยดุ ไมได เพราะมนุษยม คี วามรูความ ฉลาด มปี ญ ญามากขึ้น ก็ตอ งพัฒนากนั เรื่อยไป แตม ันกต็ างคนตางคิด ตางคนตางทํา ไมมแี นวรว มท่จี ะคิดจะทําอยา งมจี ดุ หมายปลายทาง มีขีดจํากัดวา เรา จําเปน แคไหน อะไรจําเปนหรอื ไม เลยไมมคี ําวา \"พอด\"ี ความคิดประดษิ ฐท าํ จึงเปน ไปอยา งฟุงซาน ไรข อบเขต ใครคดิ ทาํ อะไรเปน พิเศษกว็ าดี ยกยอ งกัน จงึ แขงกันคดิ แขง กนั ทําอยา งจบไมได หรือหยุดไมไ ด คิดไกลไปถงึ จัดสรรบานขายกนั ทโี่ ลกพระจนั ทร และโลกอ่นื ๆ พยายามจะทาํ ความฝน ใหเปน จรงิ ใหไ ด แตค วามคดิ สรา งสรรคก็ยังนบั วา ดีอยู แตก ารคิดทาํ ลายนี้ มากกวารอยเปอรเ ซ็นต เพียงกดปมุ ปบเดยี ว โลกก็ถกู ทาํ ลายแลวอยางน้ี มนั มคี วามจาํ เปน แกช ีวิตมนษุ ยไ หม ทาํ เพ่ือประโยชนอะไร สรา งแลวเตรียมเครอ่ื งทําลายไว จะสรางกนั ไปทาํ ไม ผลทสี่ ุดก็จะมแี ตค วามวา งเปลา ลมๆ แลงๆ มนุษยท ย่ี ังเหลือรอดอยู จะอยูในสภาพไหน ความคิดทาํ ลายน้ี แทจ ริงกม็ าจากความโลภ อยากเปน ชาตทิ ่มี ีอาํ นาจเหนือชาติอื่น เหนอื โลก มาจากความโกรธ ทไี่ มส ามารถทําใหชาติอน่ื อยใู นอํานาจของตน มาจากความหลงท่ไี มร จู รงิ ในเรื่องของไตรลักษณ ซ่ึงไมม ีใครจะ หลกี เล่ียงได ทุกสิ่งเกิดขนึ้ ยอมตองเปลี่ยนแปลงไป ทกุ สิ่งเกดิ ขน้ึ ยอ มเปนเหตุแหง ความทกุ ข ทุกสิง่ เกดิ ขึ้นยอ มสูญ สลายไป ปราศจากตัวตน เมอ่ื สภาพแทจ รงิ เปนเชน นที้ ําไมจงึ ไมค ิดทาํ เทาท่มี คี วามจําเปน และใหเ กดิ ความ \"พอดี\" ชวี ติ มนษุ ยเ รา ท่ีเกิดมาเปนสัตวส ังคมน้ี จริงๆ แลวตองการอะไรเปนเครอ่ื งดํารงชีวิต? พระพุทธเจา ตรัสถึงเครอ่ื งดาํ รงอยูวา คือปจจยั ๔ อนั ไดแก อาหาร เครือ่ งนุงหม ยารกั ษาโรค ที่อยอู าศยั ถา ปจ จัย ๔ พอดี หรอื ขาดแคลนบา ง ก็พออยไู ด ตามชนบทหรอื บานปาบานดง เราจะเห็นวา แตเ ดิมมาน้ัน เขาอยู กันดวยปจ จัย ๔ จริงๆ ทีเ่ ดือดรอนตองด้นิ รนเพื่อ เอาชีวิตรอดกเ็ พราะมนั ไมพอดี ขาดแคลนมากเกนิ ไป จนทนไมไหว ถา ขาดแคลนเล็กๆ นอยๆ กย็ ังพออยูกันได นี่ สําหรับชาวโลก ถาเปนภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนา ปจ จยั ๔ กใ็ หมี แตย อสวนลงไปใหนอยกวา ชาวบาน เพราะตองอาศยั ชาวบา นเขา กนิ ตองทําตนเปน คนเลย้ี งงา ย \"อาหาร\" ชาวบานเขากนิ ๒-๓ เวลา แตพระก็ฉนั เวลาเดียว \"ยารกั ษาโรค\" กใ็ หฉนั ไดเทาท่ีจําเปน ไมเ ปนโรคเอายามากินเลนก็เปน อาบตั ิ \"เคร่อื งนุงหม\" กใ็ หมีไตรจวี รชุดเดยี ว จะมีมากกเ็ ปนอาบัติ ในสมัยพุทธกาล เคยหา มไมใหเ อาของใหมมาใช ใหไปเท่ยี วเกบ็ ผา ทีเ่ ขาท้ิงตามกองขยะหรอื ปาชา มาเยบ็ ตอกนั เปนจีวร ตอมาผอนผนั ใหรบั ผาใหมจากทายกไดใ นภายหลงั สวน \"ทอ่ี ยูอ าศยั \" ก็ใหอยูต ามโคนตนไมในปา หรอื อยเู รือนราง ท่ีเจาของเขาท้ิงแลว หรอื อยใู นถา้ํ เพงิ ผาก็อนโุ ลม ให ในฤดูเขา พรรษาไมม ที จ่ี ะหลบฝน ก็อนุญาตใหทํากระตอบมีท่ีมงุ ทบี่ ังได แตกใ็ หไมเ กินสวมของเศรษฐีมีเงนิ ใน 31
เมอื ง และไมใ หยึดถือวา เปน สมบตั ิของตน หมดหนาฝนแลวก็ตองไปอยตู ามโคนตนไม ตามถํา้ ไมใหอยเู ปนที่ ให แสวงวิเวกเร่ือยไป แตก ด็ าํ รงชีวิตอยูไดเ พื่อปฏิบตั ธิ รรม ใหถึงความพนทกุ ข แตก ารดํารงอยูข องมนษุ ยในสงั คมทุกวนั น้ี อยูกนั อยา งแบง ฐานะ ๓ ระดบั คอื ๑. อยอู ยา งขาดแคลน ๒. อยอู ยา งพอดี ๓. อยูอยา งสวนเกนิ มนุษยใ นชนบทหรอื ปา ดง อยใู นสองฐานะแรกเปนสวนมาก คือ ขาดแคลนกับความพอดี แตมนุษยใ นเมืองอยูใน ๓ ฐานะ อยางใด อยางหน่ึง และท่เี หน็ ๆ ในบา นเมืองนั้น มกั เห็นวาอยูอยางสว นเกนิ ไมนอยเลย เพราะความเจริญ ทางวตั ถุ ทําใหเกดิ สว นเกินขน้ึ มากมาย จนกลายเปน ขออางวา \"จาํ เปน\" สําหรับชวี ติ ประจําวนั ในสมยั พทุ ธกาล คนที่ดํารงชวี ิตอยา งสว นเกินก็มี เรียกกนั วา \"เศรษฐี\" แตค ําวา เศรษฐีนัน้ ทานแปลวา \"ผมู ีโรง ทาน\" เศรษฐเี ลก็ ก็มี โรงทานเลก็ หรือมโี รงเดยี ว เศรษฐใี หญก ็มโี รงใหญ หรอื หลายโรง มไี วทําไม? ก็มไี วส าํ หรับแบงสว นเกนิ ของเขา ใหแกค นที่ไมมหี รอื ขาดแคลน ไมใหเ อาเปรียบสังคมมากเกนิ ไป ความนยิ มเรอ่ื งโรงทานนี้ พระเจา แผน ดนิ ในสมัยกรุงรตั นโกสินทร ทานก็เคยทาํ กนั มา แตสังคมไทยสมยั น้ี เศรษฐไี มมีโรงทาน มีแตบา นใหญเ กบ็ สะสมสวนเกินเอาไวเทาทจี่ ะมากได ไมยอมแบงใหใ คร งายๆ เม่ือเกิดเศรษฐีสวนเกินมากขนึ้ กท็ ําใหความพอดขี องคนสวนใหญต อ งขาดแคลนลง คาํ วาเอารดั เอาเปรียบก็ ตามมา ความไมเปน ธรรมในสงั คมก็ตามมา และชกั จะมองหนากันไมไ ด ฉันคนรวย แกคนจน คบกนั ไมไ ดเ สีย แลว นคี่ ือการเปนชาวพุทธ แตไ มไ ดอ ยกู ันอยางชาวพุทธ ไมมีความเมตตา กรณุ า เอ้ือเฟอเผื่อแผก ัน ความโลภ โกรธ หลง มันมาพอกหนา เหน็ แตแววตาท่ีเหน็ แกตวั ความพอดกี ็หายไป พระพทุ ธศาสนา เปน ศาสนาแหง ความ \"พอด\"ี ตองการให ชาวโลกรักษาระดับแหงความพอดีเอาไวใ หไ ด ความ เจรญิ ทางวัตถุ ก็ใหอ ยใู นความพอดี เทา ท่ีจะดํารงชีวิตอยไู ด ความเปน อยกู ใ็ หพอดี เรอ่ื งความราํ่ รวยเปน เศรษฐี มหาเศรษฐนี นั้ ทา นไมไดจ ํากัดไว เพราะถอื ความมีความจน เปนผลของกรรมดกี รรม ช่วั แตทานใหรจู ัก ปรบั ตัว ใหอ ยูในความพอดี ถาชาวไทยหรือชาวโลก ยึดถือเอาความ พอดีเปนอุดมการณ ก็จะ อยกู นั อยางสันติสุข เปน สันติภาพแทจ รงิ แมภ กิ ษใุ นพระพุทธศาสนาน้ี กต็ องยดึ ถอื อุดมการณ ใหเ ปน แบบอยางแกชาวโลก ใหเขาเหน็ วาภิกษทุ านดํารงชีวติ อยไู ดด ว ยความพอดี ถงึ แมวา จะนอ ยกวาชาวโลกเสยี อกี แตท านยังอยไู ด ทาํ ไมเราจะอยูไมไ ด ภกิ ษสุ วนมากในสมัยน้ี ไมไ ดอ ยใู นอุดมการณข องความพอดี พากันแสวงหาสวนเกินมากกวาชาวโลกเสยี อีก เมอ่ื ไมรกั ษาอดุ มการณเ อาไวใ หไ ด ก็เทากบั ไมอยูในธรรมวนิ ยั เพราะธรรมวนิ ยั ทา นกําหนดเอาไวเ พ่อื ใหเ กดิ ความ พอดีอยแู ลว ภกิ ษปุ ระเภทนี้แมจะมผี า เหลืองเปน เครอื่ งหมายแสดงความเปนภกิ ษุ กไ็ มถ ือวาเปนภกิ ษุ อาศยั เครอ่ื งหมายหากิน หลอกลวงชาวบา นไปวนั ๆ เปนเนอ้ื นาบุญไมไ ด ตายไปกล็ งนรกทาเดยี ว 32
ท่อี าตมาพูดมาน้กี ไ็ ดจ ากการพจิ ารณาธรรมะในปาเขาไปหาในเมอื ง และเพื่อใหเ ห็นวา การเผยแพร พระพทุ ธศาสนาน้ัน จาํ เปนอยา งยิง่ ทจ่ี ะเผยแพรอ ดุ มการณแหงความพอดีใหกวางขวางออกไป เปนพนื้ ฐาน สําหรับการดํารงอยูของชาวโลกใหไดเ สียกอ น เพราะการทจี่ ะปฏิบัตธิ รรมขั้นสูงตอ ไป ก็จะตองปฏบิ ัติตามความ พอดเี ชนกนั เรียกวามีความพอดเี ปนพ้ืนฐาน และมีความพอดเี ปน \"ญาณ\" กา วไปสอู มตธรรม คือ \"พระนพิ พาน\" ๑๑. ทอ งธดุ งคแ สวงหาทว่ี เิ วก หลวงพออาจารยกบั อาตมา ทองธดุ งคแสวงวเิ วกในปาแถบน้ี จนบรรลุถึงบานบงึ ๑๔ แผน ดินที่อุดมชมุ ช่ืน เน่ืองจากไอเย็นทกี่ ระจายจากนาํ้ ตก ตนลาํ แมน า้ํ ชี ขาว พืช ผลไมมกั งอกงาม ตนสม โอของบานนล้ี ูกใหญดูเปน พวงระยา ไปทงั้ ตน แตเพราะหา งไกลความเจริญ จงึ ไมม ีคาเอาไปซ้ือขายได ชาวบานวา เคยบรรทุกเกวียนเขาไปขายในเมือง ไดเพยี ง ๔ ลกู บาศก ไมค ุม กนั จงึ เหน็ เด็กๆ เอาสม โอมาเตะเลน ตางฟุตบอลเปน ท่สี นุกสนาน ความใหญของสมโอเทาลูกมะพราวทีเดยี ว ในปา และทองนาของหมูบา นน้ี มกั มเี กงและกระตา ย ว่ิงไปมาชกุ ชุมมาก เปน สัตวขนาดเลก็ ที่ไมอยูในสายตาของ ชาวบานในการนํามาเปนอาหาร สัตวท ่เี ราใชเปน อาหารอยา งนอยก็ตองเปน กวาง ขน้ึ ไปถงึ วัวปาและกระทงิ วัวปา ชนิดหนึ่งมีขนเปนปุยรอบชวงคอ เขาเรียกวา \"เมย\" มีชุกชมุ เปน ฝงู แตถ าชาวบา นเขาไมอ ดจริงๆ ก็จะไมล า มาเปน อาหาร ทีเ่ ขาชอบมากก็เปนพวกปลา ทีพ่ อหาไดใ นลาํ หวยเหนือหรือใตนํา้ ตกลงไป ชาวบานทีน่ ี่ เปนคนใจดี อารมณแ จม ใส และใจบุญ เวลาไปบิณฑบาต เขากพ็ ากันใสท้ังขา วทัง้ กับ พอไดขบฉัน อาตมาและหลวงพอ ปกกลดหา งหมูบานประมาณสกั ๑ กิโลเมตร ตอนเย็นๆ หรือตอนบา ย เขาจะมาขอฟงธรรม ดวย แลวก็ไมร บกวนอะไร อยางการขอเลขเบอรหวังรํ่ารวยนน้ั ไมมี เพราะหมบู า นเขาอยไู กลเกนิ กวาจะเดนิ ไปซือ้ หาทอ่ี ําเภอ การอยไู กลความเจรญิ นั้นก็ดีไปอยางหนง่ึ ไมม ีเครอื่ งยัว่ ยวนใหใ จฟุง ซานเกดิ กเิ ลสตณั หาเทา ใดนกั รสู ึกวาเขาอยู กนั ดว ยความพอดี แมไ มม ใี ครมาส่ังสอนเรอ่ื งธรรม เขาก็มธี รรมอยตู ามธรรมชาตขิ องเขาเอง เรียกวา ธรรมกค็ อื ธรรมชาติ หรอื ธรรมชาตกิ ค็ ือธรรม ถึงจะมกี ารผิดศลี บา ง เชน การฆา สัตวกเ็ ปน ไปเพ่ือความมชี ีวติ รอด ไมไ ดถ อื เปน อาชีพ จิตใจของคนทอ่ี ยกู บั ธรรมชาตแิ หงน้ี จึงอยใู นความสงบสุข และพ่ึงตนเองได เส้ือผา ก็ทอใชเอง ปลกู ฝายเอง ปลกู ตน ครามไวย อ มผาเอง สิ่งทเี่ ขาจะตอ งซอ้ื ก็คอื เกลือ ชาวบานเขาเลาใหฟ ง วา ในปา แถบน้ีมีสัตวป าชกุ ชุมมาก เสือกม็ ีมากเชนกนั แตไ มเคยเขา มารบกวนในหมบู าน เน่อื งจากมสี ัตวทเ่ี ปนอาหารของเสอื อยูทวั่ ไป เขา ปา ไปหาฟน เก็บหนอ ไม เหน็ กนั กไ็ มทําอะไร เขาบอกวาเสือที่จะ ทําอันตรายคนกไ็ ดแกเ สือทีถ่ ูกเขายงิ บาดเจ็บ หรือท่เี รียกวา เสือลําบาก กบั เสอื แกวิ่งไลจับสตั วไ มไหว กม็ ักมาคอย ดกั กินคน แตท ่ีนไี่ มเ คยมีใครไปยิงเสือใหล ําบาก แมแ ตเสอื แกน อนอยเู ฉยๆ กม็ ีกระตา ยวิ่งมาเขาปากเอง เพราะ มันชมุ มาก ชาวบานเขาเลาอยางตดิ ตลก 33
หลวงพอกบั ชาวบานแถวนั้นคนุ เคยกันดี เพราะทานเคยธดุ งคม าถึงหลายครั้ง บางคนกป็ ฏบิ ัติธรรมสมาธติ ามท่ี หลวงพอเคยสอนไว การแสดงธรรมของหลวงพอ ไมไ ดท ําอยา งมีพธิ ีการอะไร มกั สนทนากันแบบกันเอง เชน คยุ กนั เร่ืองศีล ทา นกจ็ ะ อธิบายวา ศีลมีอะไรบาง ทาํ ไมจึงตองละเวน หรือใหถ ือศีล ๕ เปนประจํา กลางคนื มีโยมมานั่งปฏิบัตธิ รรมดวยหลายคน เทา กบั มาอยเู ปน เพ่ือนดแู ลอุปฏฐากเรอื่ งนา้ํ เรื่องไฟ เวลานอนเขา จะอยูห า งจากกลด พูดกันคอยๆ ไมไดย นิ พวกเขาชางกินงายอยูงายจริงๆ เพราะอยูกับดินกินกับทรายมาเสียจน ชนิ จะเปนเพงิ หนาถ้ํา โคนตนไม เขาก็หลับได ไมต องระแวงหวาดกลัวอะไร แตไฟน้นั ขาดไมไ ด จะเปน หนารอน หนาหนาว เขานอนแลวตองสุมไฟ เพราะไฟทําใหสตั วร ู ไมเ ขามาใกล จากบานบึง ๑๔ กล็ งเขาข้ึนดอย ไปออกทางบานนาสวน มุงเขาสูจังหวดั เลย ทเ่ี ลยน้ีจะเรียกวาเปนเมืองภูเขากไ็ ด มองไปรอบๆ ทางไหน จะเห็นเขานอ ยใหญเ รยี งกนั เปน พดื ไป แมต ัวจังหวดั เลยเองกต็ ั้งอยูบนหลงั เขา เรื่องหนาวไม ตองพูดถึง บางปตอ งขุดรูกนั อยู หรือเขาไปนอนหมกอยูกบั กองฟาง แมแ ตตนกลว ยกม็ ีนํา้ ในกาบกลว ยแข็งตัว ทํา ใหเปนสดี าํ เหมือนถกู ไฟไหม ก็เปนเหตุใหตน กลวยตาย อาตมาและหลวงพอไมไ ดเขา ไปในเมอื ง ถือธดุ งคไปตามปาแถว ภูกระดงึ และวงั สะพุง มถี า้ํ ใหอาศัยหาความ อบอุน แตตอนเชา มดื จะรสู กึ หนาวเหน็บสะทา นไปทง้ั ตัว กต็ องเรม่ิ ออกบิณฑบาต แตเดินไปสกั พกั หนึ่ง กค็ อ ยยงั ชว่ั แลว กลบั มีเหง่ือซมึ เสียอกี ทาํ ใหร ะลกึ ถงึ คุณพระพทุ ธเจา ท่ที รงสอนใหเ ดนิ บณิ ฑบาต เดนิ จงกรม เดินธดุ งค เปนการรักษาสุขภาพรางกาย เอาไวไ ด ไมเม่ือยขบ ไมหนาว หรอื ทนหนาวได พระพทุ ธเจานน้ั ทานสมเปนพระบรมศาสดา เปนครูของมนษุ ยแ ละเทวดาทั้งหลาย ทา นสอนใหรลู ะเอียด รอบคอบไปหมด เดนิ บณิ ฑบาตมีประโยชนอยางไร จะตอ งเดนิ อยางไร จึงจะเปน การสาํ รวม การเดนิ สาํ รวมตอ งมี สติ เอาจติ จบั อยทู ่ีลมเขา ออก ไมมอี ะไรก็ภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งไป เชน “พทุ โธ” เวลาเขา ไปรบั บาตร กใ็ หม องลงในบาตร เพื่อไมใ หต ามันสอดสายไปดคู อเสื้อสีกาเขา เดยี๋ วมันจะปรุงแตงไปกัน ใหญ การคดิ ปรุงแตงมนั เกดิ ขน้ึ ไดท ุกขณะจิต ถาตาไปเห็นรปู หูไดย ินเสียง จมกู ไดกลิ่น ลนิ้ ไดรส แมไมไดสัมผัส จติ มนั กป็ รงุ แตงจากสญั ญาขน้ึ มาได เม่ือสมั ผัสแลวทาํ อยางไร ทา นก็ใหพ ิจารณาถึงส่ิงตรงกนั ขามเสีย เห็นสวยกใ็ ห คิดถงึ ความสวยใหถ งึ ทีส่ ุดวา สวยแลวมันจะกลายเปนไมส วยได หรือพอแกหนังเหีย่ วมันจะสวยไหม พอเวลาตาย ผิวมนั จะบวมฉแุ ตกปริ เนาเฟอะ สงกลน่ิ เหมน็ มันจะสวยไหม ทา นบอกไวท ุกทาง แมกระน้นั เจาความอยากในกาม คณุ มันกย็ ังเลด็ ลอดออกไปได ทานกส็ อนใหม ีสติ คอยระวังรกั ษาจิต คอยรเู ทา ทันอารมณก เิ ลส ชาวบานชาวโลก มีความอยากมากมาย เพราะอยใู นสิ่งแวดลอ ม ท่ีทาํ ใหเกดิ ความอยาก ใหเกดิ การปรงุ แตง ก็ ตอ งหัดใหรจู ักระวังรักษาจติ คอยรเู ทา ทันความอยากเสียบา ง ไมใชอยากแลว กไ็ มร ูจ ักยับยงั้ ปลอ ยตามใจความ อยากเรือ่ ยไป เพราะความอยากบางอยาง เราทาํ ใหส มอยากไมไ ด ยังไมถ งึ เวลาจะอยาก เม่ือไมสมอยากก็เศรา โศกเสยี ใจ เสยี ดาย อาลยั หา ซ่ึงทาํ ใหเ กดิ ทุกขแกตนเอง 34
วัตถทุ ้งั หลาย เชน ของใช ถา เรามอี ยูพอใชไ ดก ็ใชไปกอน ขนื ไปอยากเขาอกี แสวงหามาอกี มนั ก็ไมพอดี เกนิ ความจําเปนไป พระพทุ ธเจาละเอยี ดยิง่ กวา พอแมของเราเสียอีก จะตอบแทนคุณทานไดอ ยา งไร เพราะทา นไมต อ งการใหเราตอบ แทนใดๆ ทง้ั ส้นิ ทา นมพี ระประสงคจ ะใหส าวกหรอื ชาวโลกปฏบิ ตั ิเพือ่ ตวั เอง ทาํ เพอื่ ตวั เอง ทรงตรัสวา \"อตั ตาหิ อัตตะโน นาโถ\" ซงึ่ แปลวา \"ตนเปนทพี่ ึ่ง ของตน\" คาํ สอนของพระองค แมจ ะประเสริฐยอดเยีย่ มอยางไร ถา ไมปฏบิ ตั ิดว ยตนเองแลว ก็ยากท่จี ะพน ทุกขได ถงึ เราจะ ประกอบงานอาชีพ อยา งไรก็ตาม ถา ไมท ําดวยตนเอง อาศยั จมกู คนอื่นหายใจ คอยใหเ ขาทําให ก็จะไมเกิดผลแก ตน และคงจะไมมีใครมาทําแทนเราได ธรรมปฏบิ ตั ิทจ่ี ะทาํ ใหพ น ทุกขได เราตองรดู ว ยตนเอง เหน็ ดว ยตนเอง จึงจะเกดิ ปญญารแู จงถึงทางพนทุกขน้นั การตอบแทนคุณทา น ก็คือปฏิบัติตามคําสอนของพระองค ดว ยการปฏิบตั เิ พือ่ ตนเอง จะไปหวังพง่ึ พระเจาองค ไหน ไมไ ดทั้งสิน้ คาํ สอนของพระองคเปนสัจธรรม ไมมีธรรมหมวดใด ทจี่ ะทรงกลา วอยางเหลวไหล พิสูจนไ มได เวน แตเราจะไมรู จริง หรอื ไมยอมพสิ ูจนเทา นนั้ สงิ่ ทีเ่ ราจะเหน็ งายๆ ดวยการพจิ ารณาจากชีวิตประจาํ วันของเราเอง ก็คือ อริยสัจ แตเราก็ไมคอยสนใจกนั วา อรยิ สจั ๔ คืออะไร เมื่อเรามที ุกข บางทีเราก็ไมสนใจวา มันเปนทกุ ข เราพากันเรยี ก ทกุ ขว า \"ปญหา\" ปญ หาในการงาน ปญหาในชีวติ แตทีจ่ รงิ ตามความหมายในพทุ ธศาสนา ก็คือทุกขน่นั เอง เมื่อปญหาหรือทุกขเ กดิ ขึน้ กเ็ ปน สงิ่ ที่เราทนน่ิงดดู าย ไมได บางปญหา ถาเราไมห าทางแกไข อาจเดือดรอนมากมาย อาจทาํ ใหบานแตกสาแหรกขาดก็มี ทาํ ใหล ม จมก็ มี ทาํ ใหตดิ คกุ ติดตะรางก็มี ทําใหสูญเสียทรัพยสมบัตกิ ็มี ทําใหถึงตายกม็ ี เรารสู กึ วิตกกงั วลหรือไม ถา เรารสู ึกวิตกกงั วลทนนิ่งอยไู มไ ด นี่แหละเปนตัวทุกขแลว ชาวโลกทว่ั ไป เม่อื เกดิ ทกุ ขขึ้นเชน นี้ กจ็ ะตองหาทางแกไ ข เราจะแกไขไดอ ยางไร ก็ตองคน หาสาเหตุที่ทาํ ใหเ กิด ทุกขใ หไ ดเสียกอน หรอื จะเรยี กวา ใหร ูตัวปญหาวาทกุ ขมนั เกิดขน้ึ จากอะไร ถารูตวั ปญ หาแลว เราก็จะมที างแกได หลายอยางตามความเหมาะสม เรียกวา รูทางดบั ทุกข เมอื่ รูท างดับทกุ ข และดบั มันเสีย ทกุ ขกย็ อมจะหมดไป สัจ ธรรมของ พระองคเ ปน อยา งน้ี เราทา นจะปฏิเสธไดห รอื วา ไมเปน ความจริง เมอ่ื รูวา มที กุ ข ทา นใหหาเหตุวา ทกุ ขเกดิ จากอะไร เมอ่ื รเู หตแุ ลว ก็หาทางแก เม่ือแกไ ดก็สิ้นทุกข แตการทเี่ ราจะรู เหตุแหง ทกุ ข รูวิธีแกทกุ ขน น้ั ก็จะตองมีสติ การทจ่ี ะมีสตริ ะลกึ รไู ด ก็ตองมีความสงบ คนท่จี ติ ใจคิดฟุง ซาน กลดั กลุม ไปรอ ยพนั เรือ่ ง ไมมีทางจะแกไ ด ถึงแกไดก็ดว ยการตัดสนิ ใจอยา งงายๆ บางคนคิด ฆา ตวั ตายไปใหสน้ิ เรือ่ ง บางคนเปน หน้ี ดันไปคิดฆา เจา หน้ี เพราะเมอ่ื เจาหนี้ตายเสียแลว ตนจะไดพ นจากการเปน หน้ี แตไมคดิ วา ไปฆาเขาตาย เขาจบั ไดจ ะเปนอยา งไร เรียกวา คิดสั้นๆ อยา งคนโงเขลาเบาปญ ญา ฉะนั้นจึงตองมี ความสงบ มีสติไตรต รองใหร อบคอบ ใหมองเหน็ เหตุ จึงเหน็ ทางแก 35
ทานจงึ สอนวา ใหหมัน่ ทําใจใหสงบ ใหตัง้ ม่ันเปนสมาธิกันเอาไวบาง เมื่อมสี มาธิ ความเยอื กเย็นสุขุม กจ็ ะเกดิ ขึ้นมา พจิ ารณาถงึ ทางแกไข เรอ่ื งของชาวโลกเรามันก็มอี ยูงา ยๆ แคน้ี แตเราไมคิดทาํ กนั เม่ือเกิดปญหาหรอื ทุกข เลก็ นอ ย ก็กลายเปน ปญ หาหรอื ทกุ ขใ หญ แกป ญหาดวยตนเองไมได ตอ งวง่ิ ใหคนอื่นเขาชวยแก ปญหาของหนมุ สาว รักๆ ใครๆ กแ็ กไมได เหน็ ใหทางหนังสอื พมิ พชวยตอบใหม ากมาย แทนท่จี ะเปน มนุษยผ ูประเสรฐิ กบั เขาได ก็ กลายเปน มนษุ ยโ งๆ ท่ีไปประกาศความโงข องตนเอง ใหโลกเขารู ใหเ ขาเอาคําถามไปประจาน ในหนา หนงั สือพิมพ นี่เปน อรยิ สัจ ๔ ของชาวโลก ทม่ี ีอยเู ปน อยใู นชีวติ คนเราเปนประจําวนั ทเี ดียว แตย ังมีอีกขั้นหนึ่งในทางธรรม ลกึ ซ้ึงขน้ึ ไปอกี มนั เปน อรยิ สจั ของชวี ิต ทพี่ ระพทุ ธเจาทรงเหน็ วา ชีวติ ทง้ั หลาย ตา งก็ตอ งเวยี นเกิด เวยี นแก เวียน เจ็บ เวียนตายอยูเชน น้ี หลายรอยภพหลาย รอ ยชาติ ดว ยกรรมตา งๆกนั เปน ท่ีนาเบอ่ื หนายนัก การเกิดมาก็ตอง เผชิญกบั ทุกขเวทนา ไมมวี ันสน้ิ สดุ ท้งั ที่แทจรงิ ชวี ติ ไมวาคนหรือสัตว ก็เปนอนัตตา มิใชตัวตนของเราหรือของใคร ท้ังส้ิน จะยึดม่นั ถือมน่ั วาเปนของเรากไ็ มใช ทรงเหน็ อยา งนี้แลว กท็ รงเบ่อื หนา ยคลายกาํ หนัด ไมประสงคท่ีจะ เวียนเกดิ เวียนตายตอ ไปอกี จงึ ทรงออกบวช เพื่อแสวงหา ความไมเ กดิ ไมต าย อนั จะเปน ทางพนทุกข การออกบวช เพ่ือแสวงหาการไมเกิดไมต าย อนั เปนทางพนทกุ ขนั้น เพยี งหาเหตุท่ีทาํ ใหเกดิ ทกุ ข เราทานท่ีไมเคย คดิ ถึงเร่อื งนี้ กค็ งจะมนึ งงแทบไมร เู รือ่ งเอาทีเดียว มนั สลับซบั ซอนเกยี่ วพันกัน เปน รายละเอียดมากมาย จะทําให รูแจง แทงตลอดได กด็ วยการทาํ จติ พิจารณา ใหเ ห็นดวยปญญาของตนเอง ซึง่ พระพุทธเจาทรงลาํ บากยากเขญ็ มาแลว กวาจะคน หาเหตอุ นั นีพ้ บ แตเ มอ่ื พบแลว ก็ยากท่จี ะอธบิ ายใหชาวโลกเขาใจไดถ งึ ความเปน จรงิ เพราะระดบั จิตใจระหวา งผพู บความจริงดว ย จติ ท่เี กดิ ปญ ญาขึ้นเอง กับปญญาอยางโลกๆ นนั้ แตกตางกนั ยากทจี่ ะเขาถงึ กันได ถา จะนํามากลา วกนั ยอๆ ประการแรก ทา นกบ็ อกวา วิญญาณมีขนึ้ เพราะนามรปู เปนปจจัย และนามรปู มีขนึ้ เพราะวิญญาณเปนปจ จยั ถา ไมม สี องส่ิงน้ี ก็ไมมวี ญิ ญาณและนามรปู ไมม มี นษุ ยส ัตวเกิดขึ้น แตม นั ไมใ ชอยา งน้นั เทา นั้น ยังมีส่งิ อน่ื ประกอบดวย เชน ทานวา อายตนะ ๖ ประการมีเพราะนามรปู เปนปจ จยั , และอายตนะ ๖ ประการเปนปจ จยั ของผัสสะ, ผสั สะเปน ปจจยั แหงเวทนา, เวทนาเปนปจ จัยแหง ตัณหา, ตัณหา เปน ปจจยั แหงอุปาทาน, อปุ าทานเปนปจจยั แหงภพ, เครือ่ งเกิดภพเปน ปจ จัยแหงชาติ ชรา มรณะ อันเปนนิตย ทุกข ความโศกรํา่ ไร ทกุ ขโทมนัส อปุ ายาสทง้ั หลายทาํ ใหท กุ ขเกิดข้ึน เพราะชาติความเกดิ เปน ปจ จัย กองทกุ ข ทัง้ ส้นิ จงึ มาเกิดข้ึน ทรงมีพระปรชี ารแู จง วา มันเกดิ ขนึ้ พรอมกัน เม่ือรูเหตแุ หงทกุ ขแ ลว กท็ รงแสวงหาทางดบั ทกุ ขใ หสนทิ ลง ทรงตง้ั ปญ หาถามพระองคเ องวา เมื่ออะไรไมม ีเลา หนอ ชรา มรณะจงึ จะไมม,ี เพราะความดบั ไมเหลอื แหงอะไร ชรา มรณะ จึงจะดับไปโดยไมเหลอื , จึงเกดิ ความรู ดวยปญ ญาวา เม่ือชาติความเกิดไมม ี ชรา มรณะ ก็ไมม ,ี อาศัยชาตดิ ับสนิท ชรา มรณะ กจ็ ะดบั ไปโดยไมเ หลอื , อาศัยชาติ ดบั สนิท ชรา มรณะ จึงจะดบั สนทิ ได, เพราะภพดบั สนิท ชาตจิ งึ จะดับสนิทได, เพราะอปุ าทานดบั สนทิ ภพจงึ จะดับสนิท, เพราะตัณหาดับสนทิ ลง อปุ าทานจึงจะดบั สนทิ ไป, เพราะเวทนาดับสนทิ ตัณหาจงึ จะดับสนิทได , เพราะผัสสะดับสนิท เวทนาจึงจะดับสนทิ ได, เพราะอายตนะ ๖ ประการดับสนิทลง ผัสสะจงึ จะดับสนิท, เพราะ นามรปู ดบั สนทิ ลง อายตนะ ๖ ประการ จึงจะดับสนิทได, เพราะวิญญาณดับสนทิ นามรปู จึงดับสนทิ อันน้ี เปน การรทู างทจี่ ะดบั ทกุ ข ซึ่งพระองคไ ดทรงทบทวน เปนอนโุ ลมปฏโิ ลม จนเขา ใจแจม แจงขึน้ ในพระทัย ไมมี ขอ สงสัย พระองคท รงตรสั รูแ ลว และการตรสั รูนก้ี เ็ พราะพระองคไดท รงดาํ เนนิ ตามมรรค ๘ เปน ลาํ ดับไป ดวย 36
ทรงมีความเหน็ ชอบ, ดําริชอบ, เจรจาชอบ, ทาํ ชอบ, เลีย้ งชวี ิตชอบ, พยายามชอบ, ระลึกชอบ, ตั้งใจไวชอบ, ซง่ึ ลว นแตด าํ เนนิ ไป ตามกศุ ลธรรมทง้ั สิ้น มนษุ ยเราก็เชน กนั เม่ือประพฤตปิ ฏบิ ัติตนอยูในมรรค ๘ น้แี ลว ก็ยอ มจะนาํ ตนใหพน ทุกขอ ยา งโลกๆได ไมม เี วร ภัยตอ ผใู ด ที่เปน พระสงฆส าวกถา ปฏบิ ตั ติ ามท่ีพระองคสอน ไมวา จะเปน สมยั พุทธกาล ทีย่ ังทรงมพี ระชนมอ ยู หรอื แมปรินพิ พานไปแลว นานกวา ๒,๕๐๐ ปเ ศษ กจ็ ะไดบรรลมุ รรคผลเชน เดยี วกบั พระองค เชน เดยี วกบั ท่พี ระ องคยงั ทรงพระชนม เพราะธรรมะของพระองคค ือตัวแทนของพระตถาคต ยังมีอกี ทเ่ี ราชาวพทุ ธควรจะตรติ รอง พจิ ารณาธรรมท่พี ระองคตรสั ไวดแี ลว งามแลว ชอบแลว เพื่อตนเองจะไดม ี ปญญารูแจง แทงตลอดดวยตนเอง ไมม ีส่งิ ใดที่ทรงปด บงั ไว ทรงสั่งสอนใหเ ปนทีแ่ จมแจง และหลากหลายดวย อุบายวธิ ี ทจี่ ะนํามาปฏิบัติใหถ งึ สจั ธรรมและความหลุดพน จากทุกขท้ังปวง เพียงแตเ ราทาน ยังมวั เมาตกอยใู น อาํ นาจของ โลภ โกรธ หลง กิเลส ตัณหา อปุ าทาน ขนั ธ ๕ ก็คอยๆ พจิ ารณา ความเปนมาแหงชวี ติ ของตน เรา เกดิ มาไดทาํ ดีทําช่ัว หรอื สรางกรรมดี กรรมชั่วอะไรมาบา ง ส่ิงใดทค่ี วรทําใหม ากขน้ึ กท็ าํ ตอไป ส่ิงใดท่ไี มด ี ควร ทาํ ใหนอยลง หรอื ไมทําตอไปอีก ก็คงจะทาํ ใหชีวิตนรี้ าบร่นื ปลอดโปรง สบายขึ้น พระพุทธเจาทรงตรสั วา ความชั่วไมท ําเสยี เลยดกี วา ทําไมทา นจึงตรัสอยางนน้ั กเ็ พราะทรงเหน็ ดวยญาณอนั บรสิ ทุ ธ์ิวา กรรมน้นั ไมวา จะดีหรอื ชั่ว ยอ มมผี ลสนองตอบเสมอ การทาํ กรรมดีนัน้ ไมจ ําเปน ตองพดู ถึง แตก รรมชั่ว นนั้ ซิ มผี ลอนั นาสะพรึงกลัวย่ิงนกั เพยี งละเมิดศีล ๕ ซ่ึงเปนศีลประจาํ ชวี ิตของมนษุ ยท ุกคน เปนเครื่องแสดงถึงความประเสรฐิ ของความเปนมนุษย ทกุ ผทู กุ นาม ผใู ดละเมิดซ่งึ ศีล ๕ กแ็ สดงวา ยังเปน มนษุ ยไมส มบูรณต ามความหมาย นี่เปนสิ่งท่เี ราพอมองเหน็ กนั ได อยาพูดถงึ นรกเลย อาตมาไปเห็นมาแลว ถงึ ไมต องไปก็มีดวงตาเหน็ ได วา ในแผนดินนรกนัน้ เปน แผนดนิ ไฟ มีแต ไฟลุกอยอู ยา งรอนแรง พรอ มทจี่ ะเผาผลาญความช่ัวรา ยใหพ นิ าศเปน จุณไป ผลู ะเมดิ ศลี ๕ มักตองไปใหไ ฟนรก เผาไหมทรมาน ไมมวี ันไดหยุดพกั หายใจ ถา จะบรรยายใหละเอียด กค็ งจะยดื ยาว จงคดิ พจิ ารณาเอาเองเถิด พดู อยา งทีเ่ ราทานพอมองเห็นได โลกน้กี ็มนี รกสวรรค คอื ความดี ความชั่ว ใหม องเหน็ ได คนทที่ าํ ความดี ใหทาน รกั ษาศีล ทําสมาธใิ หใจ ต้ังมนั่ สงบ เมอ่ื นึกถึงความดที ่ีตนไดกระทาํ กย็ อ มจะรูส ึกอม่ิ เอิบเปนสุข ผทู ร่ี ูสึกอ่มิ เอิบ เปน สขุ กจ็ ะมองเห็นทุกสิ่งดีงามไปหมด มกั มองโลกในแงท ่ดี ี และเห็นคนอืน่ ดีเหมือนตน ยอ มดาํ รงตนอยูไ ดด ว ย ความเปนผูมมี ติ รที่ดี ครอบครัวก็สงบราบร่นื มกี ําลงั ใจทจ่ี ะทาํ การงาน เพื่อความสุขของครอบครวั ทําใหมฐี านะดี ข้ึน สวนผูท ีท่ ําแตก รรมชัว่ เม่ือคิดถงึ กรรมท่ีตนกระทํามา เชน ไปฆาเขา ใจกไ็ มอ ิ่มเอิบเปนสุข คอยหวาดระแวงวา พี่ นองมิตรสหายของเขาจะมาแกแคน ทาํ กบั ตนบาง เม่อื มีความหวาดระแวง ก็จะเห็นคนอ่นื เปน ศัตรไู ปหมด คนนน้ั กไ็ วใ จไมได คนนกี้ ไ็ วใ จไมได กลายเปน คนมองโลกในดานรา ย เปน คนมอี ารมณห งดุ หงิด ในครอบครัวก็คอยแตจ ะ มปี ากเสยี ง ทะเลาะวิวาททาํ รายกนั คนทม่ี ีจิตใจอยา งนี้ กเ็ หมือนตกอยใู นนรก ใหร อนรุมกระวนกระวายอยเู ปน นติ ย เอาเพียงเทานี้ ก็คงเห็นนรกสวรรคใ นมนษุ ยโลกไดแ ลว วาแตกตา งกนั อยางไร ผูท่คี ิดวา ตนเปน คนมีปญญาความคิด มักพูดกันถงึ ความยตุ ธิ รรม เขาตองการความยุตธิ รรม เรียกรองหาความ ยุตธิ รรม แตต ามท่เี ปนจรงิ แลว เขาตองการความยุติธรรมเพอื่ ตนเอง มากกวาท่จี ะหยิบย่นื ความยุตธิ รรมใหแ ก 37
ผอู ่ืน สิ่งใดที่เขาไมไ ดป ระโยชน หรอื เสียประโยชนใหแ กผูอน่ื เขาจะบอกวาไมย ตุ ิธรรม แตถ าเขาไดป ระโยชน โดย ทําใหผูอ ่ืนเสยี ประโยชน หรอื เขาไดป ระโยชนบนความเดือดรอ นทกุ ขยากของผูอืน่ เขาจะบอกวามนั ยตุ ิธรรมดแี ลว เพราะเขาฉลาดกวา และมอี าํ นาจมากกวา สิ่งเหลา น้ีเปนปกติวิสยั ของมนุษย ท่มี วั เมาอยูใน ความโลภ ความโกรธ ความหลง มวั เมาอยูใน กเิ ลส ตณั หา อปุ าทาน ซึ่งกช็ างเถอะ เพราะสัตวโลกยอ มเปนไปตามกรรม แตเ มื่อคดิ พจิ ารณาใหลึกเขา ไปอกี ในระหวา งรูปธรรมกับนามธรรม หรือกายกับจิตวิญญาณ ซง่ึ เปน คนละสว น แตอยดู วยกนั เราก็ไมม คี วามยตุ ธิ รรมจะให ท้งั ท่ีรวู ากายยาววาหนาคบื นี้ มีธรรมชาติเกิดข้นึ แลว ดับไปในทส่ี ดุ ก็ เปนอนตั ตาไมมีตัวตน ยึดถือเปนเราของเราไมได แตเราก็ ยงั งมงายทนุถนอมบํารงุ บาํ เรอกายสารพัด แมแตอาหารกต็ องใหกินดๆี มีโภชนาการ อาหารทีบ่ า นไมอรอย ตอ งออกไปกินตามเหลาตามภตั ตาคาร ซงึ่ มี อาหารเลิศรสราคาแพง ส่งั เขา มาเตม็ โตะ จนกนิ ไมเ ขา เพราะแททจี่ ริงจะดีหรอื เลว ก็กินไดเพยี งอิ่มเดียวเทานั้น รา งกายตอนไหนสัดสวนไมดี กพ็ ากนั ไปเพ่มิ เติมเสรมิ แตง หนา ตาผิวพรรณโดยธรรมชาติก็งามดีอยแู ลว ยังไม พอใจ ตอ งไปเสรมิ สวย ตองหาอะไรมาพอกมาเขียนใหมันดีขนึ้ อีก จนดูเปนงวิ้ หรือตัวตลก ทัง้ ๆท่ี รูว า พอถึงยาม แกเฒา หนาตาผิวพรรณมันตอ งเห่ยี วยน เหนยี งยานจนได ทว งทา เชดิ หนา ยงั กบั นางพญาหงส มนั จะตอ งงองมุ คมุ ลง ตองถือไมเทายกั แยยักยัน เรากไ็ มยอม ขอใหส วยไวก อ น การพกั ผอน แมการงานไมหนัก กต็ องพักผอ นใหม าก พามนั ไปเท่ียวตากอากาศ บางทีกไ็ ปถงึ ตางประเทศ ใหก นิ อาหารดๆี แลวนอนมากๆ เปนอะไรนิดหนอยกต็ อ งรีบวิ่งไปหาหมอ รวมความวาเราเอาใจ ทนถุ นอมรา งกายนี้ อยา งเต็มกําลังความสามารถ แตจิตวญิ ญาณของเราละ เราใหอ ะไรกับจติ วญิ ญาณของเราบาง จติ วิญญาณไมต องการกินดีอยูดอี ะไรเลย ขอ เพยี งใหไ ดพ กั ผอนบางเทาน้นั กย็ ังไมม ีโอกาสไดพกั กายกินแลวหลับสบาย แตจ ิตวญิ ญาณกลบั ถกู ใชใ หคิด ให ทาํ งานไมไ ดวางเวน กระทง่ั นอนกย็ งั ตองครุนคดิ อยทู ั้งคนื คดิ โครงการ วางนโยบาย คดิ ถึงความเสียหาย คิดถึง ผลประโยชน ไมมที าจะใหคิดอะไรก็ใหนอนฝน เพื่อเอาความฝน มาตเี ปนตัวเลขแทงหวย เราทานใหความยตุ ิธรรม แกจิตวญิ ญาณ ซึ่งมีอยูในตนดีแลว หรอื จะไปคดิ ถึงสังคมส่ิงภายนอก เรอ่ื งความยตุ ธิ รรมไดอ ยางไร ในเมือ่ กาย กบั จติ ของตนเอง เรากย็ งั ลําเอียง ใหค วามยตุ ิธรรมไมเทากัน ไมร ูว า เราบา หรือดี ฉลาดหรือโงก ันแน เราทานทั้งหลาย พระพทุ ธเจา ทรงตระหนักดวี า นามรูปไมมี จติ วิญญาณกไ็ มมี โดยตรงกันขาม ถาจติ วิญญาณไม มี นามรปู ก็มไี มไ ดเ ชน กัน นามรูปนี้เกดิ จากจิตวิญญาณเปนผูใหปฏิสนธิ ไมม จี ิต ก็ไมมีกายไมม ีจิต กายถึงมกี เ็ ปน ดจุ ทอ นไม จติ เปน ผบู ันดาลใหก ายเปนผกู ระทํากรรมทัง้ หลาย จะดกี ็ตามจะช่ัวก็ตาม ลว นเปน ไปไดดว ยจติ พระพุทธเจา ทรงตรสั วา ทุกสิ่งสําเรจ็ ไดดว ยจิต เมื่อกายถึงกาลแตกดบั ไปแลว จติ จะยงั คงดํารงอยู เพ่ือไปรบั ผลที่ ตนเปนผบู งการ ใหก ายกระทาํ จติ คือตัวเวียนวายตายเกดิ สรางภพสรางชาติ ละจากกายน้แี ลว ยอมไปเกดิ ข้ึนใน กายอน่ื ไปเกิดในนรกสวรรค ไปปรากฏขนึ้ ทนั ที เปน กายทิพย ถอดจากกายเนื้อไป กลับมาเกดิ เปนมนุษย เริ่มตน ในทองมารดา คลอดออกคอยๆ เจริญวยั เปน รปู กายข้นึ มาเปนเวลาชา นาน นาเบ่ือระอาย่งิ นกั ธรรมชาติของจติ ที่มาเกดิ กับกายเน้ือน้ี มีความหมายอยู ๒ ประการ คอื เกิดมาเพ่ือชดใชกรรม ทตี่ นไดก ระทําไม ดตี อผอู ่นื ในอดตี ชาติ ไมวากรรมใหญก รรมเลก็ กต็ อ งใชไปใหห มด บางทีกเ็ ผลอไผลไปสรา งกรรมไมดขี ึน้ มาอีก เพราะถกู กิเลส ตัณหา อุปาทาน มารตัวรายเขา ครอบงํา 38
หากทุกคนเกดิ มาเพ่ือสรา งสมความดี มีทาน ศีล ภาวนา เพื่อใหเกิดปญญารแู จงหลุดพน ถาไมม ีมารรา ยมา ขัดขวาง ก็จะเดนิ ทางสูน พิ พานไดทกุ คน แตกม็ ักขัดขวางเสยี เปนชวงเปน ตอน ตองทาํ ดบี าง ชั่วบาง เพราะกรรม เกามนั ยังไมหมด ดว ยเหตนุ ี้ จงึ พากันเวยี นวายตายเกดิ อยใู นวัฏสงสารชา นาน เปนเวลาพันภพแสนชาติ กวาจะหลุดพน บวงมารไป ได ดงั ไดกลาวแลว วาทุกส่ิงสาํ เร็จดวยจติ ถา ตง้ั ใจทจี่ ะทาํ ความดี เอาชนะมารรายใหได ดวยการบาํ เพญ็ ทาน รกั ษา ศีล เจริญภาวนา ระวังตัว ใหอยใู นมรรค ๘ สม่ําเสมอ ทางเดนิ ในวัฏฏะมนั ก็จะแคบเขา และสั้นเขา เพราะการเกิด เปนมนษุ ยน ้ี นับวามโี ชคดีอยอู ยางหน่ึง คือมีสิทธ์ทิ จ่ี ะเลือกทําดีทาํ ชว่ั ไดอยางสมบรู ณ มันอยูทตี่ ัวเราเองจะเลือก เอาอยางไหน ถาใจออนตามใจ เจามารรายมนั กจ็ ะบงการใหเราทําแตค วามช่ัว ถาใจแข็งเอาชนะมันใหได เราก็จะ ทํากรรมดีไดส ําเร็จ ความสําเร็จมันอยูทจ่ี ติ ใจของเราเอง วาจะทําตามความหมายเดมิ ทีเ่ กดิ มาเปนมนุษยห รือไม การบํารุงบาํ เรอใหอาหารแกจติ ก็ไมสิน้ เปลืองอะไรนกั ใหจ ิตไดทําบญุ ทําทานบา งตามสมควร เชน ใสบ าตรบาง เอ้ือเฟอคนยากจนบา ง สงเคราะหเ ด็กอนาถาบาง กจ็ ะทําใหจ ติ มีความสขุ อม่ิ เอบิ อยา ไปทําเสียจนหนางอก ออกมารบั สายสะพายเครื่องราชก็แลว กัน ทําดว ยศรทั ธา เชอ่ื ม่นั ในความดกี ใ็ ชไ ดแ ลว ยง่ิ ใหจ ติ ไดร ักษาศีล ฟง ธรรม เจรญิ ภาวนา ยิง่ ไมเ ปลอื งอะไรนอกจากเวลา แตผ ลนน้ั เกนิ คาด เจรญิ ภาวนาไปเรื่อยๆ จนจิตตัง้ ขึ้นอยูเหนอื มารราย ก็จะใกลนพิ พานเขาไป อาตมากับหลวงพออาจารย แสวงวเิ วกอยูตามปาเขาเขตจังหวัดเลย ลว งเขาเขตเพชรบรู ณ การเดินกเ็ ดนิ ดว ย กรรมฐาน ภาวนาพุทโธไป การนงั่ กน็ ั่งอยูกับพุทโธ การคิดพจิ ารณาก็อยใู นขอบเขตของมรรค ๘ จึงจดั เปน กรรมฐาน เพอ่ื ปญ ญารูแจง ไมมีเหตกุ ารณใ ดๆ มาทําลายความวิเวก ท่ีมอี ยแู ลว โดยธรรมชาตไิ ด จติ ทป่ี ฏิบัตธิ รรมสมาธิ เมอื่ ปฏบิ ัติตอ เน่ืองกนั ไป ก็เปน ดังสายนํ้าไหล อารมณแ นบเนอื่ งอยูกับเอกัคตา จิตใจไม คลอนแคลน เราจะรูแ จง เหน็ จริงตามธรรมชาติ อนั เปน สจั ธรรมไดกใ็ นตอนนี้แหละ ธรรมใดท่ไี มเคยรกู ็จะรูข นึ้ มา เอง สวนจะรมู ากรนู อ ย ก็แลว แตบุญวาสนาบารมยี ังมีนอ ยอยู หรือเต็มเปย มแลว ส่ิงทข่ี าดไมไดกค็ อื ความเพียร เราเพยี รกระทาํ ตอ เนอ่ื งกันไป ก็ยอ มจะเกดิ ธาตุรูขนึ้ จนได มหาวิทยาลยั ท่ีใหญย ่ิงกค็ ือธาตรุ ู เมอื่ รูขึน้ มาเองได วทิ ยาการทงั้ หลายก็จะกวางขวางออกไปเอง ๑๒. เจอกายทพิ ย เมอ่ื อาตมายังเดก็ ก็มตี าเห็น หูไดยิน เปน ปกติ คือเวลาเห็นก็เห็นทัว่ ไปหมด แมแ ตจิตวญิ ญาณกเ็ หน็ เราเดนิ ไปมา ขวกั ไขวเ ชน มนษุ ยเราน้ี หูนน้ั ใครพดู คยุ กไ็ ดย ินไปหมด จนบางคร้ังก็ราํ คาญวา คนเรานี่ มันชางพูดกันไมร จู ักจบสนิ้ จนชนิ ไปเอง ครัน้ ออกธดุ งคค ราวน้ี ก็สามารถกาํ หนดได คอื ไมต อ งการใหเ ห็นกไ็ มเหน็ ไมไ ดย ิน ถา ตอ งการจึงจะ เห็นจงึ จะไดย นิ ได จึงเปนการตัดราํ คาญไปไดอ ยางหน่ึง คือไมตองเห็นตองไดยนิ ตามบารมีเกา ทีต่ ดิ มาแต อดตี ชาติอยา งพรํา่ เพรอ่ื บางครง้ั เมื่อจิตเปน พทุ โธ มีพุทโธอยูในจติ ถงึ ความเปน ผูรู ผูตืน่ ผูเบิกบาน มอี ารมณส นกุ อยากจะเหน็ สภาพปา ท่ี ไกลจากบรเิ วณทีน่ ง่ั อยู มันกเ็ ห็นทะลุปรโุ ปรงออกไปอยา งกวา งไกล ไมมขี อบเขต ไดเห็นเสือ เห็นหมี บางเดนิ บา ง นัง่ บา งนอน อยกู บั ความสงบเงยี บ เห็นฝูงกวาง พากนั เลาะเลม็ ยอดไมใบหญาท่ีกําลงั แตกใบออ นไปตามประสา ตน 39
อาตมาไดเ หน็ พระภกิ ษุสงฆ แบกกลดเดนิ ธดุ งคบ า ง บางรูปก็บาํ เพ็ญภาวนา บางรปู กเ็ ดินจงกรม บางทีกเ็ หน็ ชีปะขาว แมช ี ทีน่ น่ั ทีน่ ี่อยูท ว่ั ไป ฤาษีชไี พรผมยาวเครารุงรงั กเ็ ห็นมีอยูเชนกัน ขอ แตกตางทีส่ งั เกตเหน็ ได ถา เปน ภกิ ษสุ งฆทย่ี งั เปนมนุษยอยู จะเหน็ ไดที่ทา นมีกลดอยกู ับตวั ไมแบกเดินไปก็นัง่ กางกลดอยูตามโคนไม สว นที่ทาน เปนกายทิพย คือละสงั ขารท้งิ กายเน้ือธาตขุ ันธไ ปแลว จะไมมีกลด บางรูปน่งั อยูในสมาธิ ชานานไมมีกําหนด บาง รปู ก็นอนเอกเขนกสบายอารมณอยตู ามแทนหนิ หรือหนา ถ้าํ รมิ ธารนํ้าไหล หรอื บนพื้นหญา เรียบๆ ทามกลางหมู ไมด อกและใบ บางรปู กเ็ ลื่อนลอยไปเหนือพื้นดนิ บางรปู พิสดารขนึ้ ไปนงั่ รบั ลมอยูบนยอดไม ดูไปชา งมากมายเสยี จริงๆ จนทาํ ใหคิดวาปาในเขตจังหวดั เลยและเพชรบุรนี ี้เปรยี บเหมือนปาหมิ พานต เปนแผนดินธรรมคา้ํ จนุ โลก เปนแดนบุญของบา นเมือง เทพยดาอารกั ขเทวา ท่เี ปน สัมมาทิฐกิ ็มีอยทู ั่วไป เห็นไดจากเมอ่ื พระอริยสงฆทีเ่ ปน กาย ทพิ ย ทา นไปนัง่ เขาฌานสมาบัตอิ ยโู คนตนไม เขาจะรบี ลงมาอยูขา งลา งทันที ดวยมีความนอบนอมเคารพ ในปาเขาแหงนี้ มหี มบู านสําหรบั พวกกายทพิ ยอยูห ลายแหง ไมเ ฉพาะแตท่บี นเขาภกู ระดึงเทาน้ัน พวกกายทพิ ยน ี้ ก็คือพวกลับแล หรือบังบด มีฤทธิอ์ ยอู ยางหนึง่ คือ เขาจะใหมนุษยเหน็ กไ็ ด ไมใ หเ ห็นก็ได เปน พวกมีศีล ชอบ ทําบุญใหทาน ทห่ี มบู า นเชิงเขาภกู ระดงึ น้นั เขาเคยมารวมตักบาตรทําบญุ ทวี่ ัดเสมอ คนชา งสงั เกตจึงจะรูไ ด ภิกษุ สงฆท ่ที านเปนกายทพิ ยท า นไมต องฉนั อาหาร แตพระภกิ ษุสงฆทเี่ ปน มนษุ ยย งั ตอ งฉันอยู พวกบังบดจงึ มกั มาใส บาตรแกพ ระท่เี ขาเห็นวาปฏบิ ตั ดิ ีปฏิบัตชิ อบ มีจติ เบาละเอยี ดเสมอเขา พระท่ีมาถือธุดงคอยูในปา แถบนี้ ถา ปฏบิ ตั จิ ริงๆ แลวไมอด ธรรมยอมรกั ษาแนน อน ๑๓. เลน กสณิ หลวงพออาจารยกับอาตมา ไมไดอ อกจากปาไปบณิ ฑบาต ตามหมูบานมนุษยเปน เดอื นๆ เพราะระยะทางหา งไกล มาก กไ็ ดอ าศัยญาตโิ ยมชาวบังบดลบั แลน้ี เอาอาหารมาใสบ าตรให สงั เกตอาหารท่เี ขาใสให เปน ขา วสเี หลืองออนๆ มกี ลิ่นหอม อาหารก็มีถว่ั งาเปนพน้ื ไมม ีเน้ือสัตวเลย ฉันคร้งั หนึง่ ก็ ชมุ ชืน่ อ่มิ เอบิ ไปไดหลายวัน แตต ามปกติ เมื่อจติ อยใู นขัน้ อุเบกขาแลว เรอื่ งอาหารไมเคยไดเอาใจใส จะฉันหรือไมฉ นั มนั กอ็ ่ิมและวางเฉยอยู เปน ส่ิงประหลาดมากวา จิตที่ฝก ดีแลวสามารถดํารงกายอยไู ด โดยไมเ ดือดรอ นกระวนกระวาย การออกธดุ งค ครง้ั แรกตอนเปน สามเณรน้ี ทาํ ใหก ารปฏบิ ตั ธิ รรม เจริญรุดหนาไปเปนอันมาก ครงั้ หนง่ึ หลวงพอ อาจารยท านพูดเปรยๆ วา \"จติ ของเณรดเี ขาขนั้ แลว นกึ สนกุ ก็เอากสิณมาเพง ดูบา ง ถือวาเปน ของเลน ของจติ \" อาตมาก็ทําตาม ไดไปนัง่ อยูบนกอ นหนิ ท่ีรมิ ลาํ หวยใหญ อนั มนี ํา้ ใสไหลเย็น นั่งเพงนาํ้ ในลําหว ยอยอู ยา งนั้น จนกระทั่งมองเหน็ พนื้ นํา้ ติดตา ลมื ตากเ็ หน็ หลบั ตากเ็ หน็ เม่ือชํานาญคลองแคลวแลว ก็นึกใหน ้ําแหงจนติดกนลาํ หวย นา้ํ กแ็ หง อยางคิด นกึ ใหน้าํ เตม็ ฝง ก็ขนึ้ มาเตม็ ฝง แลว นึกใหพ ้ืนนํ้าแข็งเหมอื นแผน ดิน เดินไปมาได นึกใหน ํ้าไหลอยางเกาก็เปน อนั นีเ้ ปน ส่ิงที่สําเรจ็ ดวยจติ ซ่ึงได จากการฝกกสณิ นํา้ จนชํานาญ เพียงนกึ กเ็ ปน ดังประสงค 40
ตอ ไปเม่อื คิดจะเอากสิณอยางอืน่ ในกสณิ ทง้ั ๑๐ มาเพง ไมตองเอาวตั ถุใดมาเพง เพียงแตน กึ ถึงกสณิ กเ็ กิดเปน ผลสําเร็จขนึ้ มาทันที ทั้งนก้ี ็เพราะระดับจติ เปนระดับเดยี วกนั เมื่อไดกสณิ น้ําแลว อยางอนื่ ก็ไดด วย เพียงแตท ํา ใหคลองแคลว ชํานาญเทา นัน้ ดว ยเหตุนี้ เมื่อนกึ จะขน้ึ ไปเดินจงกรมในอากาศ กายกล็ อยขึน้ ไป นึกจะเดินทะลภุ เู ขา มันกท็ ะลุออกไปได นึกจะดาํ ดนิ ไปโผลอีกแหง หน่ึงกท็ าํ ได นกึ อยากจะไปถึงทีไ่ หนก็ไปถงึ ไดท นั ที นเ่ี ปน ฤทธอ์ิ ภิญญาท่ีมสี อนไวใน พระพทุ ธศาสนา ถาทําไดจ ริงก็จะไมแพฤ ทธ์ขิ องลัทธิใด เพราะเปนฤทธอ์ิ ภญิ ญาบริสทุ ธิ์ ไมมีใครทาํ ลายได ไสย ศาสตรมนตดํา หมดความหมายไปเลย แตเมอื่ สําเร็จทางกสิณแลว หลวงพออาจารยท านก็เตอื นวา อยาไปติดนะ ไมจําเปน กอ็ ยา ไปแสดงใหใครเห็น ถอื วาเปนเพยี งของเลนทางผานเทาน้นั ยังไมถ งึ ขนั้ หลุดพนได ตองพากเพียรปฏบิ ัติตอ ไป ซงึ่ อาตมาเองก็คิดเชนนั้น นอกจากทดลองอยูแตในปา ในเขา เพ่ือใหรวู า สําเร็จหรอื ยงั แลวกว็ างเสยี หันมาปฏบิ ัติธรรมสมาธิ ตอ มาอาตมาก็ฝกฝนอบรมจิตมาตามลาํ ดับขน้ั ตอน จนกระทง่ั จิตเขาสูอุเบกขาชํานาญ คือนึกจะวางเฉยเมอ่ื ไรก็ วางไดเม่ือน้นั ไมต องมาน่งั ภาวนาพทุ โธ หรอื ลมเขา ลมออกอะไรอีก เห็นวา สมถะมัน่ คงแลว มีสตสิ มบรู ณแ ลว จึง เห็นวา ควรเขา วปิ ส สนา เพ่ือความรูแจง ในธรรม เพ่อื ความพนทุกขตอไป ๑๔. อบรมจติ ตามแนวสตปิ ฏ ฐาน ๔ เม่ือจติ อยูใ นอุเบกขาพกั หนึ่งเปนทส่ี บายแลว ก็ถอนจิตออกมา เปน อุปจารสมาธิ ทย่ี ังมเี ชื้อของความสงบเหลืออยู เรมิ่ พิจารณาตามแนว \"สติปฏฐาน ๔\" อันไดแ ก รูป เวทนา จิต ธรรม ไปตามลําดบั คําวาตามลําดบั นี้ ไมใ ชครงั้ เดยี วหนเดียว แตพ ิจารณาไปตลอดเลย พิจารณาเปน อยางๆ เริม่ ตน ดว ย \"รปู \" อันรปู คนอื่นที่เปนส่งิ นอกตวั นอกตนน้นั ก็ชางเขา เอารปู กายยาววาหนาคืบ ทว่ี าเปนเราของเรานี้ พิจารณากอ น เพราะเพียงคําวารปู ทเี่ รยี กวา “กายคตาสติ” น้ี มปี ลีกยอ ยออกไปถึง ๓๒ และใน ๓๒ ประการนี้ ก็ ยงั แยกยอ ยออกไปอีก เชน คาํ วา กระดูก ไมไดหมายเฉพาะกระดกู รางกายรางหนง่ึ เทา น้ัน แตมนั ยังแยกออกไป อีกถึง ๓๐๐ ทอน เสน เอน็ ก็นบั ไมถ วน นอกจากนี้ทานก็ใหแ ยกพิจารณา เชน ผม ทา นก็เอามาคาํ นวณ ออกไดถ งึ สามแสนเสน เล็บ ก็เอาเลบ็ มาพิจารณา จนเกิดเหน็ ข้นึ มาเองวา เล็บเกิดอยา งไร เปลยี่ นแปลงไดหรอื ไม ธาตุรูก ็จะเห็นข้ึนมาเอง วา เลบ็ แปรปรวนไป ไมค งทน เห็นยาวก็ตดั ออก ก็ข้ึนมาใหม หรอื ไมตัดปลอ ยใหยาว กจ็ ะหักเอง นม่ี ันไมเ ทีย่ ง เกิด ดับเห็นๆ อยู ลกึ เขาไปอีก เมอ่ื เราตาย คงจะหลุดหายไป การพจิ ารณาอยา งน้ี ยงั เอาสญั ญาเขามาพจิ ารณา เราเพียงเพงดูเลบ็ จนกวา ธาตรุ ูจ ะเห็น ความเปล่ียนแปลงเกดิ ข้ึนมาเองชัดเจน จงึ จะใชไ ด ตอไปก็เอา ผม ขน เล็บ ฟน หนงั มาเพงพจิ ารณาไปทีละอยา ง เมื่อธาตรุ เู หน็ ชัดแลว กเ็ ปลย่ี นใหมจ นครบอาการ ๓๒ นเี่ ปน การพจิ ารณา กายคตาสติ อนั ประกอบดว ยอาการ ๓๒ หรือจะไปพจิ ารณาของจรงิ ท้ังกาย อันเรียกวา อสภุ ะหรือศพ ตั้งแตเ พิ่งตาย ใหต ิดตาติดใจจนหลบั ตาเห็นก็ได 41
เม่ือเราพิจารณารูปกายผา นไปแลว ยอ มเกดิ ความเบ่ือหนา ยคลายกําหนดั เม่ือเบ่อื หนกั เขาก็จะรขู ึน้ มาวา รูปกาย น้ีไมใชเราของเรา เปนอนัตตาไมม ีตวั ตน มาเฝาเปน บา เปน หลังมายดึ ถอื อะไรอยู กจ็ ะปลอ ยวางลงไปเอง ที่น้กี ็ใหเอาเวทนา มาเพง พิจารณา เวทนาท่ีทานเรียกกนั มที ้ังทุกข เรียกวา ทุกขเวทนา มที ้งั สุข เรยี กวาสุขเวทนา แตตามความเปนจรงิ ลวนแตสุขเพ่ือจะทกุ ขตอไปท้งั สิน้ สุขแทๆ ที่จีรงั ยั่งยนื ไมมี ทกุ ขเวทนาน้ัน ท่มี องเห็นกเ็ กดิ ทีก่ ายท่ีจติ นีเ้ อง ต่ืนเชาขน้ึ มาก็ปวดทองถา ย จะกลัน้ ไวไ มไ ด รางกายกส็ กปรก ตอง ชาํ ระรา งกาย ทําความสะอาดให เดีย๋ วมันหิวข้ึนมาแลวตอ งหาใหมนั กิน ไมก นิ ก็แสบทอ งแสบไส ทข่ี วนขวายดนิ้ รน ตอ สแู ขง ขันแยงชงิ เอาดีเอาเดน ไดประโยชน เสยี ประโยชน ตองรบราฆาฟน กันทกุ วนั น้ี กเ็ พยี งเรอ่ื งกนิ เทานัน้ ความเกิดก็เปนทกุ ข เพราะผูใหกําเนิดพอรวู าต้งั ทองกเ็ ริ่มเดือดรอน ตองเตรยี มหาเงินคา ยา คา หมอ เตรยี มเล้ียง ดอู ุปถมั ภ ตลอดจนเติบโตเลาเรยี น เวลาจะคลอดแมน น้ั ทุกขก วา เพอื่ น เจบ็ ปวดทรมานกวา เพอื่ น กวา จะคลอด ออกมาได แตทกุ ขเหลาน้ี เปน ทกุ ขข องพอแม ตัวเรายังไมทุกขหรอกตอนน้ัน แตก ็เปนทกุ ขไดเ หมือนกันกบั ความรอน ความ หนาว ความเจบ็ ปวด ท่ียังบอกใครไมไ ด พูดไมเ ปน เกิดแลวกต็ อ งเจอกับความแก เจา ความแกน ีก่ เ็ ปน ทุกขเวทนา ทําใหว ิตกกงั วลไปตางๆ กลัวจะหมดสวยหมดงาม ตอ งหาวิธดี ึงความแกเอาไว ไมใ หแ กเ รว็ ความเจ็บ ก็เปนเร่ืองใหญ เจบ็ ปวดทรมานแสนสาหัส ยงิ่ เปนโรคที่หมอรกั ษาหายยาก กเ็ ปน ทกุ ขร อ นกลวั จะตาย ตะลอนๆ เทยี่ วหาท่จี ะชบุ ชีวติ ได เจาความกลัวตายน้ี จะวา ไปมันทุกขยงิ่ กวาความตายจริงๆ เสียอกี ชวี ติ คนเรา พระพทุ ธเจาทานวาเปน ทุกข เกิดมาไมเหมือนกัน สุดแตกรรมจะจําแนกแจกใหเปน ไป บางคนเกิดมา ในกองเงินกองทอง พอแมร า่ํ รวย เปนสุขสบายเมอื่ ยังเลก็ อยู คร้ันเติบโตข้นึ กลบั ทําใหพอแมก ลบั ยากจนลง ตอง เผชญิ กับความทุกขยากลําบากก็มี ที่เกิดมายากจนก็ตองทนอดมอื้ กินมื้อ เหน่อื ยยาก ตอ งทาํ งานหนัก แตไมพ อ กิน ลวนเกดิ ทกุ ขเวทนาท้ังนั้น ชีวิตไมม ีอะไรแนนอน การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ก็มีอยูทกุ ผทู กุ คน การเพง พิจารณาเวทนาใหเ ห็นตามความเปน จรงิ ตัวเราไดเผชญิ มาอยางไรบาง เคยจากพรากทกุ ขโศกมาบาง หรือไม ถายังมีการเกิดการตาย ทกุ ขเวทนาก็จะตามมาอยดู วย ไมปลอยปละละเวน มนั จะตามไปทุกภพทุกชาติ เมือ่ พิจารณาอยูอยางน้ี กจ็ ะเกดิ ความเบอื่ หนา ยคลายกาํ หนัด ไดกลา วถงึ กาย เวทนา แลว มาพดู ถึงจิตบา ง ถาเราไดฝก ฝนทําสมาธิ เราจะมเี ครอ่ื งมอื อยางหนง่ึ ทเ่ี รยี กสติการ ระลึกรู เรากจ็ ะรูจ ักจิตของเราดีขึน้ จติ คดิ ไปไดทกุ อยาง ฟุงซา น ปรุงแตงไปไดส ารพัด รวดเรว็ เหมอื นสายฟาแลบ ทที่ า นใหเ ฝาดูจิตดว ยสติ ก็เพื่อจะไดร วู าจิตเปน อยางไร อารมณก เิ ลสเขามาทางไหน มาดหี รอื มาราย ถามาไมดี คดิ ขางกเิ ลส ตณั หา อุปาทาน คิดไปในทาง โลภ โกรธ หลง เรากไ็ ดรูเทา ทัน ยับยงั้ มันเสยี ถาคดิ ไปในทางดี กอ็ ยู ในขอบเขตของมรรค ๘ เรากค็ อยดูวา เปนอยางไร จติ ทค่ี ดิ อยูในขอบเขตของมรรค ๘ ยอมเปน ตนเหตุใหเกดิ ธรรม เราทา นผปู รารถนาใหพน ทุกข จงเฝา ดูตอ ไป จะ เกิดธรรมใหร ูแจง แทง ตลอดในภายหลัง 42
การตามสติปฏ ฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ที่กลาวมาอยา งสนั้ ๆ น้ี ทา นใหทบทวนกลับไปกลับมา เพื่อให เขา ใจแจม แจงถงึ ไตรลักษณ คอื อนจิ จัง ทกุ ขัง อนตั ตา วา ชีวิตไมวาของเราหรอื ใคร กจ็ ะเปนเชนเดียวกัน และ ความรนู นั้ ตองเปนความรูท ี่เกิดขนึ้ จากจิตอยางท่พี ระพทุ ธเจาไดทรงตรสั รูมาแลว อยางทีเ่ รียกวา “ธรรม” เกดิ ขึน้ เอง จะเอาสัญญาความจําไดห มายรูท่ไี ดม าจากปริยตั ิ ซงึ่ เปน ความรูอยา งนอกๆ นนั้ ไมไ ด ๑๕. เมตตาจติ เตม็ เปย ม ธุดงคอ ยใู นปานี้ บางแหงมีเสือชุกชมุ มาก เปน เสือลายพาดกลอนตวั ใหญๆ ขณะทเ่ี ดนิ จงกรมอยู บางตัวเขาจะมา น่งั ดเู ราท่ขี างทางเดนิ บางตัวเมอื่ เราอยใู นกลดเขาจะมานอนหมอบอยใู กลๆ เวลาเราออกไปบณิ ฑบาตเขาจะเดนิ ตามกนั ไปหลายตัวจนพนเขตปา เราจะตองพิจารณาใหร ูว า เขาเปน เสอื จรงิ ๆ หรอื อยา งไร สวนมากจะเปนเสอื เจาปา และเสือเทพารกั ษ ทานเนรมิต เปน เสือ มาคอยพทิ ักษรักษาคมุ ครอง เม่ือเสอื เนรมติ น้ีอยู เสือจรงิ ๆ จะไมเขา มาใกล ส่ิงทพ่ี ระธุดงคจะขาดไมได ก็คือเจรญิ เมตตากรวดนํ้าใหแ กส รรพสัตว เรามักจะตองทํากนั เปนประจํา ตื่นเชา ขึ้นทํา จติ ใหเ ปนสมาธแิ ลว เจรญิ เมตตากรวดน้ํา กอ นเร่ิมทาํ สมาธิและหลังจากสวดมนตท ุกครั้ง แลวหลงั จากถอนจิต จากสมาธิอกี ครงั้ หนึ่ง หากทําสมาธคิ รั้งใดกท็ าํ เร่ือยไป ผลแหงการแผเ มตตาและการกรวดนา้ํ นี้ จติ วิญญาณที่ ทอ งเที่ยวอยู เขาก็มโี อกาสจุตใิ นภพภมู ิอ่ืน หรือเกดิ เปนมนษุ ยได จติ วญิ ญาณที่ทอ งอยูใ นปาน้ัน สวนมากแลวเขาตองอยูกันนานๆ ไมคอยไดไปผุดไปเกิด เพราะกศุ ลยังหนุนไมพ อ เฉพาะอยา งย่ิง ไมมใี ครคอยแผสว นกศุ ลไปให เรียกวา ลมื กันเลยทเี ดยี ว วนเวียนอยมู าเปน รอ ยเปนพันป ฉะน้นั จึงเปน หนาทข่ี องพระธุดงค เม่ือเขา ไปวิเวกอยูใ นปาแลว ตอ งหม่ันเจรญิ เมตตา และกรวดนา้ํ เพ่ือชว ยเขา เมื่อเขาไดร ับการแผเมตตา แมกศุ ลยงั ไมพ อไปเกดิ ใหม เขาก็จะมนี ้ําใจไมตรีคอยชว ยเทาทเี่ ขาจะชวยได ไมใหม ี อนั ตรายเกิดขน้ึ อันทจ่ี รงิ กเ็ ปนประโยชนท้งั สองฝาย คอื ฝายพระธุดงคเอง เมื่อมีจิตเมตตาอยูเตม็ เปย มแลว ยอมเปนเหตุใหศลี บริสุทธ์ิ จิตอยูในกศุ ลธรรม เม่อื จติ อยใู นกุศลธรรมก็เปนศีล เปนจติ ท่ีพรอ มจะทาํ สมาธภิ าวนา เม่ือจิตอยูในสมาธิ ภาวนาต้งั มั่นดีแลว กจ็ ะเปน ท่งี อกงามของปญ ญา เปนที่งอกงามของญาณ แมเ วทมนตรค าถาวิชาความรใู ดๆ ก็ ตองอาศยั สมาธภิ าวนาน้ี เปนท่งี อกงามและสําเร็จประโยชน ผมู จี ติ ฟุง ซาน ถูกโมหะครอบงํา จะไมมที างสําเร็จ ประโยชนไ ดเลย ๑๖. กลบั สวู ดั พบความเปลย่ี นแปลง เม่อื ใกลเขาพรรษา หลวงพอ อาจารยก ช็ วนอาตมาธดุ งคก ลบั วัด ระหวา งเดนิ ทางหลวงพออาจารยยิม้ แลวก็ถามวา \"ดูมหาจําเริญบา งหรอื เปลา ตอนนเ้ี ปน อยา งไร\" \"มหาจาํ เริญตอนนีห้ รือครับ ทา นเปน ไปตามทหี่ ลวงพอตั้งความหวังไว เขาปาชาทุกวันเลยครับ ตอไปกค็ งจะชวย เปนกําลังสําคัญ ใหช าวบานมาปฏบิ ตั กิ นั ไดมากๆ\" 43
\"หลวงพอก็คดิ อยางนน้ั เห็นมหาจําเริญปฏบิ ตั เิ ครงครัด สํารวมอนิ ทรยี ยิ่งกวา แตกอน เพราะเรอื่ งบาปบุญคุณโทษ นี้ หากไมป ฏิบตั ดิ วยตัวเองก็มองไมเ หน็ วาเปนนาม ผิดศลี เลก็ ๆ นอ ยๆ แตม ผี ลใหญ ก็ไมร ูสกึ สนใจอะไรกัน ตอนนี้ คงรแู ลวนะ เพราะมีสติมากข้นึ หลวงพอกต็ องอนุโมทนา\" \"แตห ลวงพอ ครับ\" \"อะไรหรือเณร\" \"หลวงพอ เห็นหรอื ยังวา ตอนน้เี รายงั จัดต้งั สํานกั ปฏบิ ตั ิไมได คงจะตอ งใชเ วลา ๔-๕ ปขา งหนา\" \"ออื ...เห็น! อะไรมนั ยงั ไมเ กิดมนั ก็ไมเกิด แตเราก็ตอ งเร่ิมสรางคนใหรูท างเสียกอน ชาวบานขางวัดทเี่ หน็ วา พอมี วาสนาบารมกี ม็ อี ยหู ลายคน ชวนเขาใหม าปฏิบัติ ไมชา เขาก็จะนําเอาคนอน่ื มาดวย\" \"งน้ั พรรษานี้ หลวงพอก็ลงมือไดแ ลว\" \"เณรกต็ องชว ยหลวงพอเหมอื นกนั นะ\" \"กย็ ังไมถึงเวลาอกี นะครบั หลวงพอ\" \"ออื ...กจ็ ริงของเณร ตองอุปสมบทเสยี กอน เมือ่ อปุ สมบทแลว เณรกต็ องออกธดุ งคไปตามลาํ พงั อีก อยางนอ ย ๕ พรรษา คงพอจะกลบั มาสรางความเชื่อถือใหช าวบา นได\" \"ที่จริงผมควรไปธุดงคกับหลวงพอ จะไดคอยดูแลปฏิบตั ิหลวงพอดวย เพราะหลวงพออายุมากแลว\" \"หลวงพอ จะหยดุ ออกธุดงคแลวนะ ตงั้ แตบ วชมาก็ ๓๐ กวา ป ไมเคยขาดเลย ตอนน้ีออกธุดงคห รือไม จิตก็เปน อยางเดยี วกัน จึงคิดอยากจะอยูชวยมหาจําเริญตอไป จนกวา จะละสังขาร\" \"หลวงพอ ยังอยูอกี นาน ยังไมละสงั ขารงายๆ หรอกครับ\" \"ละไมล ะ ก็เทา กนั นะเณร เพราะหลวงพอ ไมไดไ ปยดึ ถอื อยูกับความเกดิ ความตายแตกดับอะไรอีก แตเณรเองก็ เบาใจไดแลวน่ี\" \"ครับ! ผมไมมีความสงสัย ในพระพุทธเจา พระธรรม พระอรยิ สงฆอ กี แลว แตย งั ไมจ บพรหมจรรย คงตอ ง ประคับประคองจติ ไปอกี สักระยะหนึ่ง ถงึ จะไมยอนกลบั ก็ประมาทไมไ ด ผมไมอยากเสียเวลาไปเปนพรหม\" \"ถูกแลวเณร แตด ูดแี ลวหรอื วา บญุ บารมจี ะพอในชาตินี\"้ \"ตอนนย้ี งั ไมพ อครบั แตก ็คงจะสรา งสมไดท นั อุปสมบทแลว พรรษานี้ พอออกพรรษากจ็ ะตองไปสรางบารมอี กี สักพกั คงจะแสวงวิเวกอยางเดยี วไมไ ด\" 44
เมอ่ื กลบั ไปถงึ วดั ปรากฏวาที่ปา ชามกี ุฏิมุงแฝกเพมิ่ ขึ้นอีก ๓ หลงั เพราะภิกษุในวัดเหน็ การปฏบิ ตั ขิ องมหาจําเรญิ กเ็ กดิ ความเลอื่ มใส ขอเขาไปปฏบิ ตั ิดว ย ตอนนีม้ หาจาํ เรญิ มีอาการสาํ รวมมากกวา แตก อ น ราศกี ็ดูผองใส กวาแตกอน น่ีแหละแสดงวากายตามจิต เมอ่ื จิตละเอียดมากเขา กายก็ละเอียดประณตี ตาม คอื มคี วามสาํ รวมระวงั มากขึ้น แมป ุถชุ นคนท่ัวไปกต็ าม เรากจ็ ะเห็นความแตกตางระหวา งคนทจี่ ิตเปนกุศลมีคณุ ธรรม หรอื อยา งนอยเปน ผทู ่มี อง โลกในดานดี มักจะมีกริ ิยาทางกายวาจา ออนโยนสุภาพราบเรยี บ เปน ที่รกั นยิ มของผอู ื่น สว นคนท่ีมีจติ เปน อกศุ ล ไรคุณธรรม โหดเหย้ี มอาํ มหติ ซึ่งเปนจิตหยาบกรา น ก็มักมีกายวาจาหยาบกระดาง ใครเห็นก็ชิงชังไมอ ยากเขา ใกล แตในทุกวันนี้ ชาวโลกเราปลอยใหจติ ตามกาย เปนเบย้ี ลางของกาย เปน ทาสของกาย มีความโลภ โกรธ หลง เปน พลงั สงเสริมใหเห็นผิดเปนชอบ กายตอ งการอะไร ตองหามาปรนเปรอใหจงได กเิ ลส ตัณหา อปุ าทาน กป็ ระดังกนั มา จนเกนิ ความสามารถของจิตทีจ่ ะปฏบิ ตั ิตามได เม่ือเกินความสามารถ ทํา อะไรลงไปก็ประสบความพายแพ ผิดหวัง เศรา เสียใจ สุดแตจะเปนไป ถึงกับทาํ ลายตนเอง ทรพั ยสินใหพินาศยอ ย ยบั ไปกม็ ี ชาวโลกแบกตัวพนทกุ ขไ วด วย “อวิชชา” คือ ความรไู มจ รงิ ของตนเอง แลวกท็ าํ หนา ช่นื อกตรมไปตามประสาของ คนท่ถี ูกอวชิ ชาครอบงํา ธรุ กิจการงานทงั้ หลาย ทมี่ นษุ ยปฏบิ ัติกันอยใู นสงั คมนั้น ทา นวาตองมีหลักการ และดาํ เนินไปตามหลักการ จึง บรรลคุ วามสําเรจ็ ใครที่ละทิง้ หลักการ ทําไปตามอารมณข องตน ธรุ กจิ การงานน้นั ก็จะพังทลายไดโ ดยงาย ชีวติ ก็ เชน เดียวกนั ทางพระพทุ ธศาสนาทานถือวา มนุษยกต็ องอยใู นหลักการเหมอื นกัน คือ ตอ งข้นึ อยกู บั การเวยี นวายตายเกดิ ข้นึ อยกู บั อสังขธาตุ มี ธาตุดิน ธาตนุ ้าํ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ วิญญาณธาตุ และตองขึน้ อยกู บั กรรม ใครจะเชอื่ หรอื ไมกต็ าม วาชวี ิตมนษุ ยเรา มกี ารเวียนวายตายเกดิ มานบั คร้งั ไมถ วน ตองเปนความจริงอยูเชนนน้ั การเวยี นวา ยตายเกดิ ก็ข้นึ อยูกบั ธาตุทก่ี ลา วมาแลว เมื่อธาตุรวมตัวกนั ขน้ึ กเ็ กดิ เมอื่ ธาตุแยกตัวกนั ออกก็ตาย การจะเกิดหรือตายกต็ อ งอาศัยกรรมเปนเครือ่ งจําแนก จะไปเกดิ เปนอะไร จะตายเมื่อไร ขึ้นอยูกับกรรมท่ีตนได กระทาํ ขน้ึ ท้ังส้นิ ทาํ กุศลไปเกดิ เปน เทวดา พระอินทร พระพรหม หากทําอกศุ ลก็ไปเกิดเปน เปรต อสุรกาย สัตว นรก จาํ แนกกันอยา งนี้ น่ีเปนหลักการดั้งเดิมในชวี ิตของมนษุ ยและสัตว ตอ มาเพราะมกี ารจาํ แนกการเกดิ ก็มอี วิชชาเกดิ ขน้ึ คือ ทําใหม คี วามไมรู เปนเครอื่ งปด บงั ใหท ําผดิ คิดผดิ ไป ตามอารมณชอบ อนั ทจ่ี ริงอวิชชาน้ี เปนตน เหตใุ หเกิดการแสวงหาความรู เชนเดียวกับกเิ ลส ถา เราไมม ีกเิ ลสกไ็ มต อ งหาทางดับ กเิ ลส ถา ไมมตี ัณหา ก็ไมต องหาทางดบั ตัณหา 45
ถาจะเปรียบอวชิ ชาเปน ภูเขาลกู ใหญ ทขี่ วางหนาเราอยู ฟากเขาดา นหลงั เปน วิชา ฟากเขาดา นหนา เปน อวิชชา เมื่อ เราตองการขา มไปหาวิชา เราก็ตองขา มอวิชชา คือ สันเขาขนึ้ ไป จนถงึ ดา นหลังเขา พอขามอวิชชาไปได เราก็ได วิชา พระพทุ ธเจาจึงทรงใหด บั อวชิ ชา เมือ่ ดับอวิชชาไดเ ด็ดขาด ก็เปนอันสิน้ ทกุ ข ไมเกิดไมต ายอีกตอไป แตอวิชชาก็ ไมใชส่งิ ท่จี ะดับไดโ ดยงา ย เพราะเปน ตัวโลภ โกรธ หลง ตองพากเพยี รพยายามอยางเต็มที่ เพื่อชําระลา งตัวไมรู ใหหมดส้ินไป อาตมากลบั ถึงวัดแลว ก็ไดไ ปเยีย่ มทา นมหาจําเรญิ ท่ีกุฏมิ งุ แฝกในปาชา รูสกึ วาทา นมีความยินดมี าก ท่ไี ดพ บ อาตมา คาํ ถามแรกของทานกค็ ือ \"ลาํ บากไหมเณร\" \"ไมลําบากเลยครบั มแี ตความสงบสบาย\" \"ออกพรรษาหนา นแี้ ลว หลวงพ่ีคงไดไ ปบา ง\" \"อยา เพง่ิ เลยครบั หลวงพ่ี ผมวาปฏิบตั ิเอาท่ีปา ชานีแ่ หละ ใหพ อตัวเสียกอนจะดกี วา อีกอยางหลวงพอ อปุ ช ฌาย ทา นจะไมอ อกธดุ งคอกี แลว วาจะอยูชวยทา นมหาสรา งสํานักปฏิบัติ ตามท่ีคดิ กนั ไว\" \"เณรวา ปฏิบัติใหพอตวั เสยี กอน หมายความวาอยางไร\" \"หมายความวา เมือ่ ออกธุดงคอ ยใู นปา พบอันตรายตางๆ กเ็ อาตัวรอดได แตตอนนกี้ ารปฏบิ ัติของหลวงพี่ แมจะ ดีขน้ึ มาก แตจ ติ กย็ งั ไมถึงข้ันอัปปนาสมาธิ หรือฌาน ๔ ไดแตเพียงความปต ิ ความสขุ อมิ่ เอิบอยเู ทานั้น\" \"เณรรไู ดอยางไร\" \"กจ็ รงิ ไหมละ หลวงพ่ี เชื่อผมเถอะ หลวงพีต่ องเรง ความเพยี รทางสมถะอยางเดยี วใหไ ดเสียกอน ถา ยังไมไ ดขัน้ อัปปนา หรอื ไดแ ลวยังไมช ํานาญพอ อยา เพิ่งเอาวิปสสนาเขา มาแทรก เพราะจะไมไ ดอ ะไรเลย จะไดแตส ญั ญา นอกๆ ท่ีจดจาํ มาจากหนังสือ หรือประสบการณ ยงั ไมเปนธรรมทีเ่ กิดรูข้ึนมาเอง ทผี่ มพูดน้ี ไมใชมาสอนหลวงพน่ี ะ เพราะผมไดปฏิบัตมิ าแลว ไมอยากใหหลวงพี่หลงงมอยู อยางทผ่ี มเคยหลง มาแลว\" \"กเ็ ห็นจะตอ งเชอื่ เณร เพราะเณรปฏิบัตมิ ากอ นหลวงพี่ วาแตไ ปธดุ งคคราวนี้ เณรคงไดอ ะไรเพม่ิ เติมมาอกี มาก\" \"สิ่งทผ่ี มไดเ พิ่งเติมมานั้น แทจ ริงกไ็ ดค วามไมม ีอะไรนน่ั เอง หรอื จะวา ความยึดถือตวั เราของเรามนั นอยลง เบา บางลง หลวงพออปุ ชฌายท านวา การทเี่ รามาปฏบิ ตั สิ มถะและวปิ สสนากันน้ัน จดุ หมายก็คอื ความไมมีอะไร ความเปน อิสระ ความไมเกิด ไมตาย\" 46
๑๗. อปุ สมบททดแทนคณุ ครัน้ ใกลจ ะเขาพรรษา อายอุ าตมาครบบวชแลว ก็ไปหาโยมพอโยมแมท้งั สอง บอกความประสงคจ ะทาํ การ อุปสมบท ซงึ่ โยมพอ โยมแมกม็ ีความยินดี ตระเตรยี มการใหดวยความศรัทธาเลือ่ มใส ไมท วงติงแตอ ยางใด เพราะทานตดั ใจไดม านานแลว วา ลกู ชายทา นคนน้ี คงจะเอาดีทางพระ ไมส นใจในทางโลกแนน อน เมือ่ อุปสมบทแลว กไ็ ดไ ปเยี่ยมโยมพอโยมแมท ั้งสอง และพชี่ ายพส่ี าว บอกวา “จะขอบณิ ฑบาตโยมทงั้ สองอกี สกั อยา งจะไดไหม ตอ ไปจะไมขออะไรอีก” โยมตา งก็ถามวา “ทานจะขออะไรก็ขอใหบอกเถอะ โยมยินดีจะถวายท้งั สนิ้ ทส่ี ามารถจะถวายได” “อาตมาพจิ ารณาดูแลว เห็นโยมพ่ที ั้งสอง เรียนสําเร็จแลว กม็ คี วามรูท่ีจะทําการคาขายเจริญกาวหนา ตอไป สวน โยมพอ และโยมแม อายมุ ากข้นึ แลวควรจะละความหว งใยลงเสีย หนั มาประพฤตปิ ฏบิ ัตธิ รรม เพือ่ ตวั ของโยมเอง จะดีกวา โยมพอ โยมแมจ ะทาํ ไดห รือไม อาตมาขอเพยี งแคนี้แหละ และการท่ีอาตมาบวชมาน้ี โยมจะไดบุญกุศลกเ็ พยี งเลก็ นอ ย ไมส ามารถจะพาโยมไปสวรรคน พิ พาน เพื่อความพน ทกุ ขไ ด โยมจะตองขวนขวาย พากเพียรพยายามปฏบิ ตั เิ อาดวยตวั ของโยมเองทั้งสิ้น บญุ กศุ ลทโี่ ยมทํามาแลว ในอดตี ชาติ ไดส ง ผลใหโ ยมมฐี านะความเปนอยดู กี วา ผูอื่น มีลูกที่ดอี ยูในโอวาททกุ คน แต บญุ ในอดตี ชาติน้นั ยอ มหมดลงได ถาไมสรา งสมทาํ เพ่ิมขน้ึ อกี ทาน โยมก็ไดทาํ มาดีแลว ศีล โยมกร็ ักษาดแี ลว แตบุญที่ย่ิงใหญเ หนือกวา ทานกวา ศีลกค็ ือ สมาธิภาวนา ซึง่ จะ เปนทางเอาตัวรอด พนจากทกุ ข ไมตองมาเวียนวายตายเกิดนบั ไมถวนชาติอกี ตอไป” โยมพ่ีชายไดถ ามวา “ทา นคิดวาพี่สองคนจะดําเนนิ กิจการตอไปไดห รือ” “โยมพท่ี ง้ั สอง ก็เรียนกนั มาทางคา ขาย ไมเ ห็นจะมปี ญ หาอะไร ชว ยกนั คดิ ชว ยกนั แกไ ข กจ็ ะทําใหกจิ การกา วหนา ไปกวาเดมิ เสียอกี โยมพชี่ ายนะไมต องวิตกอะไร อกี ๕ ปข า งหนา กจ็ ะไดแ ตง งาน มผี ูม าชวยการงานดีขึ้น ขอให รกั ษาความดี ความซือ่ สัตยเอาไวใ หม นั่ คง สว นโยมพ่ีหญิง ขอบอกใหร วู า เกดิ มาไมม เี น้ือคูก ับเขาหรอก เพราะอดตี เปน นักบวช ถงึ เวลาพอสมควรก็จะหัน หนา เขาวัด” ท่สี ดุ โยมพอโยมแมท้ังสองกร็ บั ปากจะขอปฏบิ ัตธิ รรม ตามท่ีอาตมาขอบิณฑบาต แตจะไมเ ขาวดั ถือบวชระคน ดวยหมูคณะ จะไปอยบู านสวน ซ่งึ มีความสงบดีพอสมควร แลวคอยปฏิบตั ิไป อาตมากบ็ อกวา “ไมจําเปน จะตอ งเขา วัดเพอื่ ถอื บวช เปนอบุ าสก อุบาสิกา อยกู ับบานก็ปฏบิ ัติธรรมสมาธิได ความเปนอยูกไ็ มต อ งหวงใยอะไรแลว เพียงตง้ั ใจปฏิบตั กิ ็จะถึงความสขุ ได” 47
ในพรรษานัน้ ก็ไดช ว ยทา นมหาจาํ เรญิ แบงเบาภาระในการสอนนักธรรม ซึ่งตอนนีก้ ็มพี ระนักธรรมเอก และ เปรยี ญ ๓, ๔ ประโยค อีกสองรปู มีผูเ ขามาบวชเรียนมากขนึ้ กพ็ อดีชวยกนั ได อาตมาไดช ักจงู ภกิ ษุสามเณรทบี่ วชเกา และบวชใหมใ หหนั มาปฏิบตั ธิ รรมสมาธิ ควบกับการเรยี นปรยิ ัตไิ ปดว ย แตแ รกกม็ วี อกแวก หละหลวม ไมเ อาจรงิ กันบา ง อาศัยทค่ี อยตรวจสอบวาระจติ ใครคิดอะไร กค็ อยทกั ทวงใหรู วาที่คิดอยา งน้ัน อาตมารนู ะ หรอื ใครไปทาํ อะไรทไ่ี หน กบ็ อกไดหมด จนภกิ ษุสามเณรภายในวัดแปลกใจวา อาตมารูไดอยา งไร ก็ไดแ ตบอกวา ถาภิกษุสามเณรต้งั ใจปฏบิ ตั ิ ก็สามารถ จะรูเหน็ เชนอาตมาได จึงไมมใี ครหลีกเลีย่ ง ตงั้ ใจปฏบิ ตั ิกันดี พรรษาแรก ถงึ วนั ธรรมสวนะ ๑๕ คํ่า อาตมากไ็ ดร ับมอบจากหลวงพอ อาจารยใหสวดปาติโมกขตลอดพรรษา ๑๘. แสวงวเิ วกตามลาํ พงั คร้ันออกพรรษาแลว อาตมาไดอยูชว ยจนภกิ ษสุ ามเณรเขา สอบธรรมทส่ี นามหลวงจนเสรจ็ จงึ ไดกราบลาหลวงพอ อาจารย ออกธุดงค แสวงวเิ วกไปตามลําพงั ตอไป ตอนแรก ทา นมหาจําเรญิ และภกิ ษุ ๓ รปู ทีไ่ ปปฏิบัติอยใู นปา ชา จะขอตามไปดวย แตหลวงพออาจารยทกั วา “ปฏบิ ตั ิอยทู ว่ี ัดไปกอ นเถอะ ยงั ไมถ งึ เวลาจะไป การออกธดุ งคตองมจี ิตทแี่ กก ลา กวานี้” ทานมหาจาํ เรญิ บอกวา “ไปกับทานคงจะชว ยคุมครองใหไ ด” หลวงพออุปชฌายบอกวา “ไดน ะไดหรอก แตจะไปเปนกังวลเปลาๆ ทว่ี ายงั ไมถงึ เวลา ก็เพราะบารมยี ังไมพ อ อาจจะเกดิ อันตรายได จงึ ไม อยากใหไ ป หากอยกู ็จะไดช วยกนั ทางน้ี” เม่อื ครูอาจารยทักทวง ก็ไมม ีใครกลา ขัดขนื เพราะตางก็รูค ณุ พเิ ศษของทานเปน อยา งดี ออกธุดงคแตลําพังคราวน้ี ไมไ ดยอนกลบั วัดตอนใกลเ ขาพรรษา และไมไดไปขอจําพรรษาทว่ี ัดไหนเลย พอเขาพรรษากอ็ ธษิ ฐานเขาพรรษาอยูใ นถ้ําใดถา้ํ หน่ึงจนครบ ๓ เดือน แลวออกธุดงคตอไป โดยมากกว็ นเวยี นอยู แถบจังหวดั เลย และ จังหวัดเพชรบรู ณ เขาไปอยใู นปา ลกึ ๆ ไกลผูคน เวลาตอ งการอาหาร ซึง่ หลายๆ วนั สกั ครัง้ อยากจะโปรดหมบู านไหน ก็ไปดว ยการอธิษฐาน ช่ัวขณะหนง่ึ กไ็ ปถงึ ชายปาใกลหมบู าน แลว จึงเดนิ เขา ไป นับวา ไป มา สะดวกรวดเร็ว ไมลาํ บากอะไร ชาวบานบางคนก็ถามวา ทานพกั อยทู ่ไี หน กไ็ ดแ ตตอบวา อยไู กล โยมเดินทางวันหนึ่งไมถงึ หรอก ซง่ึ ชาวบานกไ็ ด แตแปลกใจ 48
สวนมากการเดินธุดงคนัน้ อาตมาแสวงวเิ วกเร่อื ยไป จากภาคกลาง ขึน้ ภาคอีสาน ตดั ขนึ้ ภาคเหนอื แลวลงไป ภาคใต เม่อื บาํ เพญ็ สมาธภิ าวนากลาแข็งข้นึ ตาทิพยและหูทิพยท่ีไดมาแตเด็กๆ กเ็ ห็นไดก วางไกลย่งิ ขึ้น อยากเหน็ ที่ไหน นัง่ อยกู บั ทก่ี ไ็ ดเหน็ ทะลปุ รุโปรง แจมแจง เปนการรเู หน็ แบบปจ จตั ตังเฉพาะตัว ซ่งึ ไมสามารถจะอธิบายใหผ ูอ่นื เห็น ตามได นอกจากเขาจะไดปฏิบัติดวยตนเอง คําวา “พุทโธ” ซงึ่ เปน บทภาวนาเบ้ืองตน เปนของดีอันประเสริฐ เปนทางใหไปสคู วามเปน ผรู ู คอื รูแจงในธรรมท้ัง ปวง เปนทางใหไปสูความเปน ผูตน่ื คือ ตื่นจากกเิ ลสตัณหาทหี่ อหมุ ชีวติ อยปู ราศจากนิวรณท ั้ง ๕ ตื่นตวั ต่ืนใจอยู ทกุ ขณะ เปนทางใหไปสคู วามเปนผูเบกิ บาน เพราะปราศจากความยดึ ม่นั ถือม่ันเปนตัวเราของเรา ดังทอี่ าตมาได สัมผสั อยู แตชาวโลกนัน้ เกดิ มามีกรรมมีเวร มอี วชิ ชาครอบงําอยู ใครจะมาแนะนาํ ชกั จูงวา ลองทาํ สมาธเิ สยี บา งซิ เขาก็จะ หลกี เล่ียง อา งวาไมมเี วลาบา ง ใจไมสงบบาง มีเร่อื งยงุ ยากกับการงานครอบครวั บาง ซึ่งลว นแตเปน ขออางของ กิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง ยดึ นนั่ ติดน่ี ซึ่งเปน อวิชชาท้ังสน้ิ นับวาชาวโลกสวนมากเปนผูน าสงสาร แตใครจะไปฉุดรง้ั ผลกั ดันเขาไดอยางไร เม่ือเขาไมเ คยนกึ สงสารตนเองเลย สงครามในซกี โลกตา งๆ ทาํ ใหตองฆา กนั ทําลายลางกัน โดย ไมมสี าเหตจุ าํ เปนเลย กเ็ พราะอวิชชานี้ ทาํ ใหไมร ูบ ญุ รูบาป รผู ิดรถู ูก ไปเท่ียวยดึ ถือเอาสิ่งภายนอกเขามาทาํ ลายตน นี่กพ็ ดู ไปตามเนื้อผา หยาบๆ ของชาวโลก อาตมาไมวนุ วายเดือดรอนดว ย เพราะไดละวางแลว จิตที่อยเู หนอื ทุกขเวทนา สุขเวทนา มันเห็นแตวาสิ่งใดเกดิ ขึน้ สิ่งนั้นยอมดับไป จะเกิดหรือดบั ก็เปน ไปตามสมมติ เปนไปตาม ธรรมดา จะตองเปนไปเชนน้นั ไมม ีใครจะไปเปลี่ยนแปลงได เวนแตยงั ไมสน้ิ กรรม สน้ิ วาระ ก็แกไ ขปด เปากันไป อาตมาเบิกบานดวยสุขวหิ ารธรรม อยูตามปา ตามถา้ํ เปน เวลาถงึ ๕ ป หรอื ๕ พรรษา เพลดิ เพลนิ การเสวนา ธรรมกบั ครูบาอาจารย ทธ่ี ุดงคอ ยูในปา ทัง้ ที่ทา นยังมชี ีวิตอยู และจิตวญิ ญาณที่เปน อมตะ ซ่ึงมอี ยมู ากมาย ธรรมเหลาใดทย่ี ังของใจสงสัยอยู ทานเหลา นนั้ ก็ใหอรรถาธบิ ายใหกระจางขนึ้ ตามภมู ิปญ ญาของทาน ผทู ่ีไมเ ชื่อวาในโลกนีย้ ังมพี ระอรหนั ต เพราะเขาไมเหน็ แตความจริงแลว พระอรหันตมีอยูนบั ไมถว น บางทา นก็ เปน พระอรหันตแบบสุขวปิ สสโก ยินดีพอใจซมุ ซอนอยเู งียบๆ ทา มกลางปาดงพงลกึ บางทา นก็เปนพระปจเจก พุทธ บางทา นกท็ รงฤทธอ์ิ ภญิ ญา แสดงปาฏิหาริยต างๆ เลนแกรําคาญ เปน ท่ีเบิกบานใจของทา น ปาฏหิ าริย เหลานี้ เปนสิง่ ท่ีสําเร็จดวยจิต คิดจะใหเ ปน อยางไร ก็เปน ข้นึ มาอยางนั้น ไมตองอาศัยเวทมนตรคาถา แบบไสย ศาสตร ทานเหลา นท้ี านแสดงธรรมได สอนได แตท านไมท าํ เพราะไมไดบําเพ็ญบารมีมาทางน้ี ยงั มอี ีกเปนจาํ นวนมาก ท่ีสมัยเปนมนษุ ยป ฏิบัติธรรมอยู แลว กายทพิ ยถอดจากรา งไปโดยไมร ูตัว เมื่อกายทพิ ย ออกไปแลว กเ็ พลดิ เพลนิ ทอ งเที่ยวไปในแดนสวรรคชัน้ ตางๆ เมอ่ื สตไิ มกลา แข็งพอ ไปหลงติดอยกู ับวิมานนางฟา ทาํ ใหลืมเวลาอนั สน้ั ของเมืองมนษุ ย ครัน้ คิดกลับเขารา ง รางก็เนาเปอ ยหรอื เขาทําการเผาไปแลว จึงตอ งทองเท่ียว เรรอนไป จะไปเกิดกเ็ กิดไมไ ด เปนพวกนอกบัญชีท่ยี งั ไมถ ึงอายขุ ยั 49
การที่กายทิพยจ ะออกไปนัน้ เปนการออกแบบไมร ตู วั สติไมแ กกลา พอทจ่ี ะตามรกู ารไปของกายทิพย ฉะนั้นผู ปฏิบัติสมาธิ จึงควรทําสมาธขิ องตนใหแกก ลา เพือ่ จะไดม ีสติรูเทา ทนั อยางสมบรู ณ จะไดไมหลงเพลิดเพลนิ จน ลมื การกลบั สูรางเดิม และจะไมกลายเปนกายทิพยเรรอน สญั จรไปมาอยูมากมายในขณะนี้ ๑๙. สรา งศรทั ธาดว ยญาณหยง่ั รู หลงั จากแนใจวา การปฏบิ ตั ธิ รรมจะไมย อนกลับไปเปนทางของกิเลสตัณหา มีแตเ ดินไปขางหนา ขามพน ชาติชรา มรณะทุกขไปแลว อาตมาจึงกลบั สูวัดเดมิ หลวงพออาจารยแ ละมหาจําเรญิ ยังอยู หลวงพอ อาจารย ทา นชราลง ไปมาก แตก ย็ ังมีราศีผองใส การออกบิณฑบาตเปน วตั ร ซึ่งเปนธุดงคขอหนึง่ ทานกย็ งั ปฏบิ ัตอิ ยู ทัง้ ทล่ี ูกศษิ ยล ูก หาชาวบาน เขาขอรอ งใหหยดุ ไดแลว ทานวาสงั ขารยงั ใชไดอยู ก็ตอ งใชเขาไปกอน ทานทง้ั สองไดชว ยกนั พฒั นาวัด ใหเจรญิ ข้นึ เปนอนั มาก โดยเฉพาะทานมหาจาํ เริญน้ัน เมอื่ ศิษยท ่ีไดนกั ธรรม เปรียญมมี ากข้ึน ก็ทําใหว างมือในการสอนไปได หันมาปฏบิ ัติและพฒั นาอยางเตม็ ที่ ทางถาวรวัตถุก็ไดบ ูรณะ ซอมแซมโบสถศาลาใหดีข้ึน ทางโรงเรียนปริยตั กิ ม็ ผี มู าบรรพชาอุปสมบทเพิ่มข้นึ แมฆ ราวาสกม็ าเรียนและสมัคร สอบได สวนสํานกั กรรมฐานก็ไดจัดขนึ้ เปน สัดสวนตามความมงุ หมายของหลวงพออาจารย มศี าลาฝก ปฏบิ ตั ิ ธรรม แลวกม็ ีกฏุ ิสําหรับพระเณรปฏบิ ตั ิธรรม ประมาณ ๓๐ หลงั สวนของอุบาสกอุบาสิกานัน้ กไ็ ดจ ัดที่ไวใ หเ ปน สดั สวน อบุ าสกอุบาสิกาบางคนมาอยูป ฏบิ ัตธิ รรม ก็มาสรางเรือน เล็กๆไว อาศยั ปฏิรปู ตามใจชอบ เม่ือสรา งข้นึ แลว เจาของเลิกราไป ผูอ่นื กเ็ ขามาพกั ปฏิบัตแิ ทน สลับกนั ไปอยางนี้ เมอ่ื อาตมากลับถึงวัด หลวงพออาจารยก ับทา นมหามคี วามยนิ ดีมาก เพราะทานหวงั วาอาตมาจะมาชวยกันอีก แรงหนึง่ ญาติโยมที่มาจากที่อื่นในระยะหลังๆ ไมม ีใครรูจักอาตมาเลย แตน ั่นไมใชเ รอ่ื งสําคญั คณุ วเิ ศษทมี่ ีอยใู น ตนตางหาก ทีจ่ ะชวยเขาได พระหนมุ บวชได ๕ พรรษา แตแ รกก็ไมม ีใครศรัทธา เพราะเขาเห็นแตร า งกาย แตจ ิตนนั้ เขาเหน็ ไมไ ด จะ ประภสั สรเพยี งใดเขาก็ไมร ู เมอ่ื เร่ิมตนการสอนครง้ั แรก อาตมาจงึ จําเปน ตอ งแสดงใหเขารูวา ใครคดิ อะไรอยู ทั้งทเี่ กย่ี วกบั ตวั เขาเอง หรอื ตัว อาตมา สรา งความแปลกใจใหโ ยมไปตามๆ กัน บางทกี ท็ ักไปถงึ ทางบาน ท่ีโยมกําลังเปนหว งอยู “โยมมาวดั ทาํ ไม ลูกสาวคนโตกาํ ลังปว ยอยู มาแลวก็มคี วามหวงกงั วล ทําจติ ใหส งบไมไ ด” โยมถามวา “ทานรูไดอ ยางไรคะวา ลกู สาวกาํ ลังปวย” “รอู ยางไรก็ชางเถอะ แตอ ยากจะเตือนวา ไมตอ งวิตกกังวล ทําจติ ใหส งบ ปลอ ยวางความหว งใยใหหมด เวลานีล้ กู สาวโยมหายปวยแลว” “จะเปนไปไดอยางไรเจาคะ เขาปว ยมาเปนป รักษาเทา ไรกไ็ มดีข้นึ หมอท่ีมารกั ษานนั้ นับไมถวนแลวเจา คะ” “นัน่ แหละหายแลว กลบั ไปน้ี โยมไปทาํ สงั ฆทาน อทุ ิศสวนบญุ กุศลใหเจาเวรนายกรรมเขาเสีย คนเรายงั ไมถึงเวลา ตาย ถึงเวลาจะหายมันก็หายเอง ถาโยมอยากรวู าลกู สาวหายอยา งไร กไ็ ปถามลูกสาวดู” 50
Search