Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บันทึกลับภิกษุนิรนาม

บันทึกลับภิกษุนิรนาม

Published by akkarasubun, 2021-05-13 02:26:08

Description: บันทึกลับภิกษุนิรนาม

Search

Read the Text Version

< บันทกึ ลบั ภกิ ษนุ ริ นาม > ๑. ทกุ อยา งสาํ เรจ็ ดว ยจติ ทอ งฟา สคี ราม ประดบั ดวยปุยเมฆสีขาวลอยฟองอยูเปนกลมุ เลก็ กลุมใหญ ภายใตแ ผนนภาอันกวา งไกล แสดงถึง ความแจม ใสของโลกที่พนฤดูฝนมาแลว ทองฟาสีคราม ปยุ เมฆสีขาว เปนส่ิงทม่ี ีมานานแลว ตั้งแตโลกเกิดและจะมอี ยตู อ ไปเปน นิรนั ดร เชน เดียวกบั ดวง อาทิตยแ ละดวงจันทรท ีใ่ ครและผูใดไมอาจจะลบเลือนได มันเปนสภาวธรรม หรอื ธรรมชาติแหง ความเปนจริง แตแ มกระน้ัน กใ็ ชวาจะหนีกฎแหงอนิจจงั ไปได มนษุ ยพ ากันวิตกวา โลกอาจถกู ทาํ ลายใหพ นิ าศเปน จณุ ไปสักวัน หนง่ึ และผูท่ีจะทาํ ลายโลกก็คือ มนษุ ย เอง แตความวติ กน้ันมนั เปนอนาคตทเ่ี ราคาดคิดกันไปอยา งลมๆแลงๆ ชีวติ แตละชีวิตอาจไมค งอยจู นถงึ เวลานั้น ทาํ ไม?เราจะตองไปวิตกถึงส่งิ ท่ียังมาไมถึง ปจจุบนั ตางหากท่ีเราควรมองดูวาเรากําลังทําอะไรกันอยู เรามองเหน็ วา ปจ จบุ ันมนุษยกาํ ลังใชน ามธรรม ประดิษฐคิดคนสิ่งทเ่ี ปนรปู ธรรมข้ึนมา รูปธรรมท่คี น คดิ ขึน้ มานั้น มีท้ังส่ิงท่เี ปนประโยชนและสิง่ ท่ีจะทําลายโลกใหพนิ าศ ระหวาง ๒ ส่ิงน้ี ส่ิงทเ่ี ปน ประโยชนย อ มมพี ลงั อํานาจนอ ยกวาส่ิงทําลายมากมายนัก ซ่ึงเรามองเหน็ ไดชัดวา ประโยชนจะมสี ักเทา ใดเมื่อถกู ทาํ ลายเสยี แลวประโยชนก จ็ ะหมดไปดวย มนุษยก จ็ ะไมไดอะไรเลย แมแตช ีวิตของ ตนเองก็จะตอ งหมดไป โลกจะเหลอื แตน ํ้ากบั ฟา อยางเดมิ 1

แสดงวา ในปจจบุ นั น้ี มนษุ ยก ําลังใชนามธรรมอยางผดิ ทาง เราสรางสงิ่ ที่สมมตขิ ้นึ จนเกินความตองการของชีวิต และบดั นเี้ ราไมรวู า ชีวิตมนษุ ยเราตองการอะไรกนั แน มันไมม สี ้นิ สุด มันไมมีจดุ หมายปลายทาง สิ่งทเ่ี ปน นามธรรม แมจะไมมีรปู รางตัวตนใหม องเหน็ ได แตมนั ก็มคี วามสําคัญย่งิ ใหญเ หนอื กวารปู ธรรมเปนอนั มาก รปู ธรรม ไมวา จะเปนวตั ถสุ ง่ิ ของ เคร่ืองประดษิ ฐค ิดคน ทางวทิ ยาศาสตร หรือแมแตส ังขารรางกายของคนและ สตั ว ลวนเกดิ ขึ้นมีขนึ้ โดยนามธรรมเปนผบู ันดาลอยูเ บ้ืองหลงั ทั้งสิ้น ถานามธรรมไมบ นั ดาลสมบตั ปิ รงุ แตงขนึ้ มา มันกจ็ ะไมมีสิง่ ใดเกดิ ข้ึนเปน รูปรางทีเ่ รียกวา รปู ธรรม เลย พระพทุ ธเจาบรมศาสดาเอกในโลก จึงทรงตรัสวา ทุกอยา งสาํ เร็จดว ยจิต จิตก็คือนามธรรมอนั ซอนเรนแอบแฝง อยางลับๆ อยกู ับรา งกายของคนและสัตวท ้ังหลาย ผมู ีปญ ญารูความจริงวา จิตหรอื นามธรรมมคี วามสําคญั ยิ่งใหญย อ มจะปรบั ปรุงจติ ของตน บํารุงรกั ษาจิตของตน ทาํ ความสะอาดบริสุทธิ์ใหแกจ ติ ของตน ยงิ่ กวาสงั ขารทั้งหลาย และถอื วาการงานของจิตเปน สิ่งควรทําอยางยิ่ง แตผูโงงมงาย ไมร ูค วามสําคญั ของจิต จะพากันปรนเปรอบํารุงรักษาสังขารรางกายตามใจกิเลส อันมีความโลภ โกรธ หลง อยา งไมวางเวน และเตม็ กําลังความสามารถ และดูเหมือนวา มันเปน ธรรมชาติท่จี ะตองดําเนนิ ไปเชนนั้นซ้ําแลวซํา้ เลา หมนุ เวียนอยูไมม ีวนั จบสนิ้ จนกลายเปน ความยึดมน่ั ถือม่ันตัวเราเปน ของเรา ยากทจ่ี ะแกไ ขปรบั ปรุงได มนษุ ยเ กดิ มาเปนวัวตามฝูง สุดแตห ัวหนาฝูง คอื ความโลภ โกรธ หลง จะนําไป ชางนาสงสารเหลือเกิน เสน ทางของชวี ิต ไมวามนษุ ยหรือสรรพสตั ว เปนระยะทางอันไกล เลยขอบฟาทเี่ หน็ อยูลบิ ๆโนน มนั ขา มภพขาม ชาติ หมนุ เวียนเกดิ ดับอยางไมม วี ันสิ้นสดุ อะไรเลา คือความหมายของคําวา \"ยตุ \"ิ อะไรเลา คือความหมายของคําวา \"หลดุ พน \" ไปจากการเกิดการดบั ถา เราสามารถจะหยง่ั รไู ปถึงกาลในอดีตได ก็คงจะเหน็ดเหนอ่ื ย เบ่ือหนา ย ออนระโหยโรยแรงไปกบั การเกิดดับท่ี ซาํ้ ซากอยูเ ชนนั้น ชวี ิตในอดีตชาติ หลายภพหลายชาติ กระทั่งถึงชวี ติ ปจจุบันเราผานความทุกขม ากมายเหลือเกิน ถาจะนําความ ทกุ ขท ่ีเราไดร ับมากองไวตรงหนา ก็จะเหน็ วาทุกขนน้ั ใหญเทาภูเขาหลวง ทุกขเกิดจากความโลภ ทุกขเกดิ จากความ โกรธ ทกุ ขเกิดจากความหลง เปน กิเลสทมี่ ปี ระจาํ สิงสูอยูในชีวติ ของเรามันเหมอื นดวงอาทิตยทีก่ ระจายแสงไปท่ัว จกั รวาล ครอบคลุมเราและสรรพสัตวใหมดื หนาตาฟางอยตู ลอดเวลา ถาเราไมร จู ักคดิ พจิ ารณา เรากไ็ มอาจรูว า ทุกขน้นั เปน ฉนั ใด หนกั หนาสาหัสสกั เพียงไหน เรามกั ปลอยใหม นั ผา นไปผานไปเหมือนความทุกขน ้นั เปน เรอื่ งธรรมดาของชีวติ มันเกดิ ขึ้นแลวกด็ บั ไป มีทุกขใ หม เขามาแทนทไี่ มมวี ันสนิ้ ไปหมดไป 2

บางทเี รากไ็ ปไขวควาแสวงหาทกุ ขม าใสตน เหยยี บยาํ่ กองทุกขนั้นใหจมไปกับกาลเวลา บางทีเราก็เดนิ เขา ไป เผชิญหนา แมจะรูวาจะพบกบั ความตาย แตบางคร้ังกท็ นไมไหว เพราะอารมณก เิ ลสมนั เรงรัดผลักดันใหคะมําไป ขา งหนา ไปเจอกับความเศราโศกทเ่ี กดิ จากความพลดั พราก ไปเจอกับความเสียใจทเ่ี กดิ จากความผิดหวัง ดว ยเหตุนีก้ ระมัง จึงมผี คู นมากมายทาํ ลายชีวติ ตนเองดวยวธิ กี ารตา งๆ โดยไมย อมหยุดคดิ สกั นิดวา ทกุ ขน้นั เกิด จากสง่ิ ใด นี่แหละอํานาจของอารมณกเิ ลส มันรุนแรง พัดกระหน่ํายงิ่ กวาลมมรสมุ ใดๆทง้ั สิ้น ทาํ อยา งไรเราจะมโี อกาสหยุดคดิ สกั นดิ หนงึ่ วา เหตุแหงทกุ ขน ้ันเกดิ จากอะไร จึงเปนผลใหเราทกุ ขถงึ เพยี งนี้… มันเปนกรรมของสัตวโลกเราอยา งน้ันหรอื ท่ไี มส ามารถจะหยุดคิดถงึ เหตุที่ทําใหเกิดทุกขน้นั ได และเปน เชนนี้มา นบั แตโ ลกและสรรพสัตวไ ดเ กิดขน้ึ เมอ่ื ๒,๕๐๐ กวาปม าน้ี นามธรรมไดถ ูกพัฒนาขน้ึ มาอีกข้ันหนงึ่ โดยพระบรมศาสดาสัมมาสัมพทุ ธเจา ไดเกิดข้นึ ใน โลก พระองคไดทรงคนพบถึงวธิ ที ่จี ะหยดุ คิด เพื่อใหชาวโลกไดร ูเหตใุ หเกิดทกุ ข และประทานวิธหี ยุดคดิ ใหแ ก มนษุ ยท ้ังหลาย ตามที่พระองคป ระสบผลมาแลว ดว ยพระองคเ อง นับเปน การคนพบท่ยี ิง่ ใหญท ี่สุดของมนษุ ยชาติ ทเี ดียว วธิ กี ารของพระองคฟ งดูงายๆ ใครไดร ับฟงกค็ ดิ วา นาจะทาํ ไดทํากายใหบ ริสทุ ธิ์ดว ยการรักษาศีล เพราะการรกั ษา ศีล ทาํ ใหละเวนความชัว่ ไดหลายอยาง เชน ละเวน จากการฆาสตั ว ละเวน จากการลกั ทรัพย ละเวน จากการพูดเท็จ ละเวนจากการผิดลกู เมียผูอ ่นื ละเวนจากการดื่มสรุ ายาเสพติด ซ่ึงเรยี กวา ศลี ๕ เมอื่ เราละเวน จากการทาํ ช่ัว ๕ ประการนไ้ี ดน อกจากเปน เบ้ืองตน ของการละเวนแลว ในขนั้ ตอไป ทเี่ รียกวา ศีล ๘ ศลี ๑๐ ศลี ๒๒๗ กท็ ําใหกายของเราบริสุทธ์ิ ครน้ั กายบริสุทธ์ิแลว กท็ ําใหจติ บริสทุ ธต์ิ อ ไป การทําใหจิตบรสิ ทุ ธนิ์ ัน้ คอื ทําจิตใหต ัง้ มน่ั เปน สมาธเิ มื่อเราทําสมาธิมากๆ แลว ก็จะเกดิ สติสัมปชัญญะตามมา สติ ก็คือ การระลึกได สัมปชัญญะ ก็คอื การรตู วั คนเราเมือ่ ระลกึ ได รตู วั ไดเ ทาทนั กิเลสอารมณท ่ีมนั เกดิ ขน้ึ เขามาออกไปในจติ ของเราอยทู กุ เวลาและโอกาสจน แทบตงั้ ตัวไมติด มันกจ็ ะถอยหางออกไป เพราะอารมณก ิเลสทั้งหลายนั้น มันมีความกลวั อยูอ ยา งหน่ึงคอื กลัว การรทู ัน เหมอื นขโมยท่ีคิดจะเขาไปขโมยของในบาน ถา มันรูวาเจา ของบา นยงั ต่นื อยู ถอื ปนคอยจอ งจะยิงมนั แนน อน! มันยอ มไมเ ขาไป 3

เม่อื ไมม ขี โมยเขา มา จิตก็วา ง มีเวลาหยดุ คิดวา เจา ความทกุ ขม ันเกดิ จากอะไร พอรูสาเหตุทมี่ นั เกิดทกุ ข เราก็จะ มองเห็นวา ทางแกท ุกขนนั้ ยังมอี ยู ถาเรารเู หตุก็ยอมจะรทู างแก เชน ตดั เหตนุ ้ันเสียผลทที่ าํ ใหเกิดทุกขกจ็ ะไม เกิดขึ้น หรือถาทุกขน ัน้ เกดิ ขึ้นแลว เรากจ็ ะมองเหน็ วาควรจะแกอ ยางไร แลว กแ็ กตามเหตนุ น้ั มันกจ็ ะระงบั ดบั ทกุ ข เสยี ไดถ ึงความพนทกุ ขท ี่เกิดขึ้น เมอ่ื พระพุทธเจาสอนอยา งน้ี คนในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธองคย ังทรงดํารงพระชนมอยู ก็พากันทําตาม เพราะ คนเหลา นัน้ เปน ผวู างายสอนงาย มใี จออ นละเอียด รูจกั เหตรุ ูจักผล มีคณุ ธรรมอนั สรา งไวดี เปนบารมีอนั ติดตาม มาแตอดีตชาติ ตางพากันปฏบิ ตั ติ ามอาศยั ศีลบรสิ ุทธิ์ จิตบริสทุ ธ์ิ ทาํ ใหเกดิ ปญญา รแู จงเหน็ จรงิ ถงึ ความหลดุ พน จากทกุ ขทงั้ ปวง เปน จาํ นวนมากมายตามขั้นตอนแหงบารมีของตน ในรอบพันป หลังจากพระพุทธองคท รงดับขันธปรนิ พิ พานแลว มหาชนชาวโลกที่พระธรรมคาํ สั่งสอนของพระองค แพรข ยายไปถึงกย็ ังประพฤติดี ปฏบิ ตั ิชอบตามคําสอนของพระองค โดยถือมน่ั วาคําสั่งสอนนั้นเปนตัวแทนของ พระตถาคตเจาอยู ผปู ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิตามดวยความอดทน พากเพยี รพยายามไมทอ ถอยกย็ งั ไดประสบความสาํ เร็จ ไดบ รรลุถึง โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามแี ละอรหัตมรรคอรหตั ผลอยเู ปนจํานวนมาก ทา นเหลานี้ไดถงึ ความเปนอรยิ บคุ คล เปน ผูไ มยอนกลบั มาสกู ารเกดิ ดับ อันเปนสมมติของชาวโลกอกี แลว สวนทานท่ีบญุ บารมยี ังไมเ ตม็ เปย ม ตา งกไ็ ดฌ านตามกําลังของตน เชน ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ จนถึง ฌาน ๔ หรือมิฉะนนั้ กไ็ ดเ ปน ผถู อื ศีล ปฏบิ ตั ิสมาธโิ ดยเครง ครดั เมือ่ ลวงลับจากโลกมนุษยน ้ไี ปแลว กศุ ลผลบุญก็ได สง เสริมใหไปบังเกิดเปนเทวดา เปนพรหมอยใู นวิมานแดนสวรรค สว นจะย่ังยนื ชา เรว็ เทาใดนน้ั ยอมข้ึนอยกู ับการ กระทาํ ของตนเอง เพราะกุศลอันนอยนดิ ยังเปนโลกียชนอยู ยอมเสอื่ มไดไมพ น จากอาํ นาจของกเิ ลสมาร ซึ่งเปน เสมือนบวงท่รี อยรดั สรรพสัตวไ ว คาํ สอนขององคพระสมั มาสัมพุทธเจา น้ัน ไมถอื วา ใครเปน พระเจา ถึงจะมีพระเจา ทช่ี าวโลกยกยอ งในภายหลัง พระเจา นัน้ ๆ ก็ไมส ามารถจะใหบุญใหบ าปแกใครได แมพ ระองคเองก็มไิ ดย กยอ งพระองควาเปนพระเจาของใคร เพราะพระเจา ท่แี ทจ ริงก็คือ “มนษุ ย” เอง และขนึ้ อยูกบั การกระทํา ที่เรยี กวา “กรรม” ของตนเองทั้งสิน้ มนุษยน บั วา มวี าสนายงิ่ กวาสัตวใดในโลก มีสทิ ธิอนั สมบูรณท ี่จะเลือกทาํ กรรมดี หรือกรรมช่วั ของตนเอง ถอื วา เปน สตั วอนั ประเสริฐซึ่งพระพทุ ธเจา ทรงรับส่ังวา เกดิ เปนมนษุ ยนั้น ประเสริฐกวาเกดิ เปนเทพ เปนพรหมเสียอกี แมเทพจะรวมกาํ ลงั แรงใหเหน็ เปน รูปรางไดในบางครงั้ บางโอกาส ก็เปน เพยี งภาพเนรมิตเทานนั้ พระองคย งั ทรงชีใ้ หเ ห็นวา “กรรม” เปนเรื่องใหญ เรอ่ื งสําคัญของมนุษยแ ละสรรพสตั ว มนษุ ยจ ะเกิดมาไดก เ็ พราะ กรรม เรยี กวา กรรมเปน แดนเกิด มนษุ ยจ ะสืบเช้ือสายเผาพันธุกันมาได ก็เพราะกรรมนน่ั เอง กรรมยังเปนเครื่องจําแนกใหมนุษยแ ละสรรพสัตวแตกตางกนั ออกไป เกดิ มารูปช่วั ก็มี เกิดมารูปงามก็มี เกิดมา รปู รา งสมบรู ณด วยอาการ ๓๒ ก็มี เกดิ มาพิกลพกิ ารก็มี เกิดมาลําบากยากจนอดอยากก็มเี กดิ มารํา่ รวยก็มี เกิด มาใจบาปหยาบชาก็มี เกิดมาใจบุญกุศลก็มีและน่ีแหละทถี่ ือวาเปน กฎเกณฑป ระจาํ โลกมนษุ ยเรา ทานเรียกวาเปน กฎแหง กรรม ทไ่ี มม ีใครจะเปลีย่ นแปลงได นอกจากมนุษยเอง 4

กรรมน้นั เปนเหตุ ถามนุษยเลอื กทํากรรมดเี ปนกุศล ก็จะไดร ับผลดเี ปนการตอบสนอง ถาทาํ กรรมชว่ั เปน อกศุ ล ก็ จะไดรับผลชวั่ ไปดวย เราสามารถจะมองเห็นผลของกรรมดีกรรมช่วั ในโลกมนุษยแ หงน้ไี ดงายๆ ถา เรารจู กั พิจารณาสง่ิ ทเี่ กิดขึ้นมีขึ้นตามความเปน จรงิ อยางไรก็ตาม สิ่งทีม่ นษุ ยจ ะตอ งตอสูอ ยางหนกั หนวงยิ่งกวาสงคราม กค็ อื ความดแี ละความชวั่ หรอื กุศล อกศุ ล ซงึ่ ขึ้นอยใู นจติ ใจของตนเอง และสว นมากก็มกั จะพา ยแพแกอกุศลกรรม ซง่ึ เปน ฝายกเิ ลสมารรายไปคร้ังแลวครงั้ เลา เพราะความออนแอในจติ ใจของตนอกี เชนกนั ดวยเหตนุ ี้ สรรพสัตวท้งั หลายจึงคงเวยี นวา ยตายเกดิ อยใู นส่ิงทีเ่ รยี กวา \"วัฏสงสาร\" ชาติแลวชาติเลา ภพแลวภพ เลา โดยไมมีใครคดิ สงสารตัวเองแตอ ยา งใด ผูพ า ยแพต ออกศุ ลกรรมดังกลาวนไ้ี ดก ลายเปน หมูสตั วชนิดหนึง่ ไป เขาจะตองชดใชกรรมช่ัวของเขาตามทเี่ ขากระทาํ ขน้ึ อันน้เี ปนสจั ธรรมทพ่ี ระพุทธเจาทรงสง่ั สอนไว เปน สจั ธรรมที่มปี ระจาํ โลกจกั รวาล อนั ไมม ใี ครจะเปล่ียนแปลงได ไมว า มนษุ ยจะพัฒนาโลกใหเจรญิ กาวหนาไปสักเทา ใด ผลกรรม บุญบาปกเ็ ปน อยูเ ชนนั้น เชน เดยี วกับท่ีทรงตรัสถึง ความเกิด แก เจบ็ ตาย ทรงตรสั ถงึ ไตรลักษณ คือ ความไมเ ทยี่ ง เปนทุกข เปน อนัตตาซ่ึงไมวา มนุษย สรรพสัตว วัตถทุ ่คี ดิ ปรุงแตง ประดิดประดอยกันขนึ้ มา จะตองต้ังอยใู นสภาพเดียวกนั ทง้ั สน้ิ แมกระท่ังพระธรรมคําสอนท่ีตรัสไวมากมายถงึ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ พระองคก ย็ งั ตรสั วา เปน เพียงใบไมแ หง กาํ มือเดียวเทานัน้ พระธรรมคาํ สอนทีย่ งั มิไดตรัสถึง ยังมอี ีกมากเทา กบั ใบไมใ นปา เพราะเหตุนก้ี ระมงั พระอริยเจา ก็ดี ทานผใู ครถ งึ ความเปน พระอรยิ ะกด็ ี จงึ ยินดีชื่นชมท่ีจะเขาไปคน หาพระธรรม คาํ สอนในปา อนั เปน ทีส่ งัดวิเวก พระพทุ ธเจาเองกไ็ ดพบธรรมในปา ทรงเกิดในปา ตรัสรูในปา นพิ พานในปา พทุ ธ สาวกในครง้ั กระโนน เมอ่ื บวชเรยี นแลว พระองคก ท็ รงช้ีแนะใหไ ปบาํ เพ็ญเพียรคน หาธรรมในปา ธรรมในปาทพ่ี ระองคนํามาสอนชาวโลก ก็คือทางทจี่ ะนาํ สัตวใ นพน จากวัฏสงสาร ไมตองมาเวียนวายตายเกดิ ไม ตอ งตกอยูในอาํ นาจของไตรลกั ษณ และทําใหสามารถจะตอสกู ับกิเลส ตณั หาจนถงึ ความพน ทกุ ขไ ดในทีส่ ุด ซง่ึ โดยสรุปโดยยอแลว อาวุธทีท่ รงประทานใหต อสนู นั้ ก็คอื “ศลี -สมาธิ-ปญ ญา” ซ่ึงมีอานุภาพมากปราบไดท ้งั ไตรจกั ร และหกั หาญเอากเิ ลส ตณั หา ทีส่ งิ อยใู นจิตวิญญาณของมนษุ ยและสรรพสัตวมารวมไวในกาํ มือเดยี ว แตช างนาสงสารนัก ที่ชาวโลกเปนสวนนอ ยจะสนใจไยดีในเรือ่ ง ศีล สมาธิ ปญญา เพื่อชําระความประมาทมวั เมา กบั กิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ ความหลง เพ่ือลดความยึดม่ันถือม่นั ในรูปนามขันธ ๕ ใหหมดไป จะไดถึง ความพน ทกุ ขก นั เสยี ที เพราะความทุกขน้ี ดงั ไดกลาวมาแลววา ไมม พี ระเจาองคใ ดจะชวยได นอกจากตัวของเรา เอง เอาละ! จะอารัมภบทไปมากนกั ทา นผูอา นก็จะเบอื่ หนา ย เพราะขนึ้ ชอ่ื วา ธรรมแลว นับเปน สง่ิ ทีช่ าวโลกเบอ่ื หนายมากทสี่ ดุ โดยเฉพาะธรรมะในพทุ ธศาสนาน้ี มนั สวนทางกับความนิยมพอใจของชาวโลกมาโดยตลอด ชาวโลกเขานิยมชืน่ ชมกเิ ลส ตัณหา เขาพอใจความโลภ โกรธ หลง เขาติดในรปู เวทนา สัญญา สังขาร วาเปนของ รกั ของชอบใจจนยดึ มน่ั วาเปนตัวเราของเรา ยดึ ม่ันไดเทา ไร สะสมมากเทา ไรก็จะพอใจยนิ ดีผูกพันเหนียวแนนไม 5

ยอมปลอย แมจะรูวา ไมเ ทย่ี ง เปน ทุกข เปน อนตั ตา กร็ ูไปตามสัญญาทส่ี บื ตอกันมา แตไ มย อมรบั ไมย อมสนใจ น่ี แหละทีว่ า โลกกับธรรมมันเดนิ สวนทางกัน จงึ อยากจะขอเลา เรื่องสนกุ ๆใหฟงกนั บาง กอนจะเลา ก็ใครข อเรียนใหทราบโดยยอ ถึงผลของการปฏิบัติศลี สมาธิ ปญญา เสียหนอ ยวา ผปู ฏบิ ตั ิศีล สมาธิ ปญญานนั้ จะไดร บั ผลเปน ขั้นตอนแตกตางกันไป บางทา นไดเ คยสรา งบญุ บารมมี าเต็มเปย มแลว อยางเคยเปนผู บริจาคทานมาเปนอันมากในอดีตชาติ เคยรกั ษาศลี บรสิ ุทธบิ์ รบิ ูรณมาในอดตี ชาติ เคยปฏบิ ัติธรรมสมาธมิ าเตม็ ขั้น หรอื มีพ้นื ฐานมากอน ผูนั้นก็สามารถจะบรรลุธรรมขัน้ เสขบคุ คลไดโดยงาย อยา งในพทุ ธกาลทานกลา ววา เพยี งไดฟ งพระธรรมของพระพุทธเจา จบลง ก็ไดด วงตาเห็นธรรม สําเร็จเปน พระ โสดาบัน สกทิ าคามี เปนอนาคามี หรือเปน พระอรหันตไปเลย บางทานบญุ บารมยี งั ไมเตม็ เปย ม ก็ยงั ตองปฏิบตั ติ อไปอีก เรว็ บา ง ชาบาง บางทกี ็ตองปฏบิ ัติขามชาติขามภพ อยา งไดโสดาบันแลว ยังไมสําเร็จพระอรหนั ตใ นชาตินั้น ก็จะตอ งไปเกดิ อกี อยางมากเพียง ๗ ชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีขั้นตอนของความสําเรจ็ อีก เชน ขั้นตน จะไดสมาธิขั้นขณิกสมาธิ ขึ้นไปอุปจารสมาธิ จนถงึ ขึน้ อปั ปนาสมาธิ หรอื ไดฌ านที่ ๑ คือ ปฐมฌาน, ฌานที่ ๒ คอื ทุติยฌาน, ฌานท่ี ๓ คือ ตตยิ ฌาน, ฌานที่ ๔ คอื จตตุ ถฌาน ผทู ีไ่ ดฌ าน ๔ น้ยี ังถอื เปน โลกยิ ฌานอยู ยงั ไมถงึ ข้นั โสดาบัน ไดแ ลวไมปฏบิ ตั ิสบื เนือ่ งใหเกิดวสี คือ ความคลองแคลวชํานาญ ก็อาจเสื่อมได เพราะกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธ หลง เพยี งสงบลง แตมันยงั ไมตาย เดด็ ขาด เมอ่ื กระทบส่งิ ยวั่ ยเุ ขา ก็อาจเกดิ ขึ้นมาอีก ผูปรารถนาความหลุดพน ตองบําเพ็ญเพยี รขามโลกยิ ฌานไปใหถึงโลกตุ รฌานอันดบั แรก คอื โสดาบันใหไ ด แม กระนนั้ กิเลสตณั หา ความโลภ โกรธ หลง กย็ งั มอี ยู แตถ อื วาเปนข้นั ไมย อ นกลบั ไปสูอาํ นาจของกเิ ลสตัณหาแลว คือจะตองข้นึ ไปถงึ ธรรมท่สี ูงขึ้นไปจนบรรลุถงึ อรหตั ผล จึงจะพน วฏั สงสาร ไมเ กดิ ไมต ายไดเด็ดขาด เพยี งข้ันโลกิยฌานนี้ กท็ าํ ใหมฤี ทธไ์ิ ด เชน ไดตาทิพย หทู พิ ย ระลกึ ชาตไิ ด เปน ตน แตเปน การไดใ นวงแคบ เชน เหน็ ไดไ มไ กลไดยนิ ไมไดไ กล หรอื ระลกึ ชาตถิ อยหลงั ไปไดเพียง ๔-๕ ชาติ ไกลกวานนั้ ไมไ ด ถาไปถึงขนั้ โลกุตระ แลว กจ็ ะเห็นไดไกล รูไดไกลยง่ิ ขึน้ และเห็นชัดเจนถูกตองมากกวา เอาแคนี้กอ น ๒. ตายแลว ไปไหน ตอไปน้ี…ผูเขยี นขอใชค ําแทนชื่อตัวเอกของเรื่องวา \"อาตมา\" โดยสมมติวาเปนพระพุทธสาวกในชาติปจจบุ นั สว นจะ เปน พระมากนอ ยแคไ หน เปน เนื้อนาบญุ ของชาวบานไดมากนอยเพยี งใด จะไมขอพูดถงึ เพราะการปฏบิ ัตดิ ี ปฏบิ ัตชิ อบ ปฏิบัติตรง เม่ือยังตองปฏิบัติอยู ถา ไมถงึ วิมุตติหลุดพน จะเรยี กพระอยางเต็มภาคภมู ิ ก็ยังตอ งเรียก อยา งกระดากปาก เอาเปนวา เปนสมมติสงฆก แ็ ลวกนั และคําวาพระน้นั มิใชจะยึดเอาทผี่ ากาสาวพัสตรค รองกาย เราทานจะนุง เหลือง หมเหลืองเปน ภกิ ษุสามเณร หรือ นงุ ขาวหมขาวเปน อบุ าสก-อุบาสกิ า จะเรยี กวา พระยงั มิไดเ ตม็ ปาก เพราะเปนเพียงเครื่องหมายสมมติข้ึนเทานัน้ 6

คําวา “พระ” ทเ่ี ตม็ ความหมาย กค็ อื ผมู ีจิตสํารวมม่นั คงเปนสมาธิ มีเมตตาอ่ิมเอบิ สมบรู ณอยเู ปนนิตย จึงจะ เรยี กวาพระได เพราะเมื่อมีจิตตั้งมน่ั สาํ รวมอยใู นสมาธิ และเมตตาธรรมแลว ศีลท้งั หลายต้ังแตศีล ๕ ถึง ๒๒๗ ก็ จะสมบรู ณใ นผนู นั้ ไมวาเขาจะอยูในเคร่ืองหมายอะไร เมื่อทาํ ความเขา ใจเอาไวดงั นี้แลว กจ็ ะเลาถึงความเปนมาของชวี ติ ในชาตปิ จจุบันนี้กอน อาตมาเกิดมาในครอบครัวทีม่ ีฐานะที่เรยี กวาพอมีอนั จะกิน โยมพอ กบั โยมแมม ีอาชีพคา ขาย มีรานคา ที่มสี นิ คา สารพดั อยู จะเรียกอยา งสมัยนว้ี าสรรพสินคา กไ็ ด ภายในครอบครัว นอกจากโยมทง้ั สอง ก็มพี ่ีชายคนโต กบั พส่ี าวอีก ๒ คน อาตมาเกิดเปน คนสุดทอ ง และเกดิ หาง จากพ่ๆี หลายปทเี ดียว เพราะเขาโตๆ ชว ยโยมพอโยมแมคา ขายไดแ ลว และไมม ีใครคิดวา จะมอี าตมาขน้ึ มาอีก เมอื่ เกดิ ใหมๆ ลืมตาดูโลกไดแลว ในจิตใจของอาตมาเกิดความสงสัยข้นึ วา ทาํ ไมตัวเราจึงกลายเปน เด็กไป มนั ชาง แปลกประหลาดส้ินดี อาตมามีความรูขน้ึ มาวา ตัวเปนพระอายุตั้ง ๘๐ กวาแลว กําลังนง่ั สมาธิอยใู นกฏุ ทิ วี่ ัด มันไปมาอยา งไรกันแน จึง มากลายเปน เดก็ ดิ้นอยูในเบาะ ตองกนิ นมจากเตา ของโยมแม ไดร ับการทะนุถนอมจากพช่ี าย พ่ีสาวทงั้ สองคน ซึง่ ตามธรรมดาแลว ผหู ญงิ จะมาถูกตอ งอาตมาไมไ ด แตแ มจะรวู า ตัวเปนภิกษเุ ฒา กท็ าํ อะไรไมได เพราะกลายเปน เด็กทารกนอนอยูใ นเบาะ ทาํ อะไรไมได พูดไมไ ด แตก็รทู ุกอยาง พออายยุ ังไมชนขวบดี อาตมาก็พูดไดแ ลว แตพ ูดยงั ไมชดั ท้ังทจี่ ติ รูวาจะพูดอยา งไร แตป ากมันไมยอมพูดตามน้นั ไดแ ตคิดรขู ึ้นมาวา ตอนทีเ่ ปน พระภกิ ษผุ ูเ ฒาน่ังสมาธิอยู จิตไดดับลงในสมาธิพอจิตดับในสมาธิแลว มนั ก็ออกมา ยืนดูสงั ขารรางกายท่ีเปน พระผูเฒากําลังนั่งสมาธอิ ยูนาน เกิดความสังเวชสลดใจในความชราเหน็ วา สงั ขารอนั ประกอบดวยธาตุ ๔ น้นั มันตงั้ อยูไมไดแลว อาศัยมนั เปนเคร่ืองมือปฏบิ ัติไมไดแ ลว เราจะตองไปหาสังขารใหม ปฏิบตั ิตอไป พอคิดอยา งน้นั ก็กมลงมองตัวเอง เห็นรา งกายเหมือนกบั รา งเดมิ ทีก่ าํ ลงั ทําสมาธอิ ยู แตไมแกชราอยา งนน้ั มนั เหมือนแกวใสโปรงแสง ไมม ีน้ําหนกั มองทะลไุ ปไดต ลอดราง สติรูในตอนนนั้ วาเปนกายทิพย หรอื เปนกายใน เกดิ คาํ ถามวาเราจะไปไหน กน็ กึ ตอบข้นึ มาเองวา ไปหาท่เี กดิ ใหม แลวกายทพิ ยกล็ อยขน้ึ ล… อยขึน้ มนั ลอยข้ึนไปถึงกลมุ เมฆใตแผนฟา ซ่งึ เม่ือเปนภิกษชุ ราก็เคยมองขึน้ ไป ไมเหน็ มีอะไรนอกจากความเว้ิงวางวาง เปลา นม่ี องดว ยตาเนื้อธรรมดานะ แตก ็เคยมองดวยตาฌานวา มันมีสวรรควมิ านลอยอยใู นหมูเ มฆมากมาย เต็มไปดวยแสงสี ไดเหน็ เทพเทวานางฟาเสวยสุขอยูในแตละวิมาน ดวยใบหนาอ่ิมเอิบแยม สรวล เม่ือกายทพิ ย หรือจิตลอยขนึ้ มา กเ็ ห็นเหมอื นกบั เห็นดวยตาฌาน แตจ ิตไมไดม คี วามปรารถนาอยา งน้นั เลย ตอนทีอ่ ยใู นรา งของภิกษุชรา บาํ เพญ็ เพียรปฏิบตั ธิ รรมสมาธอิ ยูก ็ไมเคยปรารถนาสวรรคว มิ าน เพราะเห็นวาเปน การเสยี เวลา สวรรควิมาน เทวดา นางฟา เมื่อเสวยผลจากกุศลกรรมของตนจนหมดแลว กจ็ ะตองมาเกดิ เปน มนษุ ยอ กี ตามกรรมของตน 7

การไปเสวยผลบนสวรรควิมานน้นั จะเห็นวา ตองเสียเวลามากเพราะเทียบหยาบๆ รอยปใ นเมืองมนุษย กเ็ ทา กับ วันเดยี วบนสวรรคถา เราเสวยสุขอยูบนน้ันสักพนั ป จะอยไู ดนานสักเทาไร จึงมุง มั่นประการเดยี ว ขอปฏิบัตใิ หถ ึง ความพน ทุกข ไมต องเวยี นวายตายเกดิ อีก เมอื่ จิตไมปรารถนาสวรรค วมิ านมาแตเดมิ กม็ ีสตริ ูวาไมใชท ่ีอยูของเรา ทนั ใดกายทพิ ยก็ตกวูบลงมาสูพื้นโลก เกดิ แวบคิดถงึ นรกเพราะมีสัญญาเดิม จาํ ไดหมายรวู า นรกเปนอยางไร กายทิพยก ล็ งไปถงึ นรก แผนดนิ ทเ่ี ต็มไป ดวยไฟ แลวมนั ก็หยุดชะงักเพยี งแคเห็นไฟมีสติรวู าทน่ี กี่ ไ็ มใ ชท่ีอยูของเรา เมื่อยังเปน มนุษยและเปนภิกษอุ ยจู น ชราภาพ เราไดป ฏิบตั ิดี ปฏบิ ัตชิ อบในทางกุศลมาโดยตลอด จงึ ไมมนี รกสําหรบั เรา กลับดีกวา กลับมาสโู ลกมนษุ ย ทองเทยี่ วไปตามจิตปรารถนาสง่ิ ใดไมเ คยเห็นก็ไดไ ปเหน็ สวนมากก็ไปตามปชู นีย สถานทางพระพทุ ธศาสนา ไปนมสั การพระพุทธรูปแทนองคพระสมั มาสมั พุทธเจาทปี่ ระชาชนเขาเลอื่ มใส ไป นมัสการพระเจดยี ธาตุ ทเี่ รียกวา วัดมหาธาตอุ ันมีอยูตามเมืองตางๆ จนจาํ ไมไ ดหมดวา ไปทีไ่ หนมาบาง อันทจี่ รงิ เปน จติ ทิพย กายทิพยน้ีกด็ ี มีความสะดวกมาก พอนกึ จะไปท่ีไหนมันกไ็ ปถงึ ทนั ที ช่ัวแวบเดียวเทาน้ัน ไม ตอ งเสียเวลาเดนิ ทางข้นึ รถ ลงเรือ แมใ นทางเครื่องบินก็ยงั ชากวา อยูน น่ั เอง แตก ารจะเพลิดเพลินเจริญใจอยกู บั จิตกับกายทเ่ี ปนทพิ ยน ี้ จะเสยี เวลาเปลา ไมไดป ฏิบัตสิ มาธธิ รรมตามที่ตั้ง ปรารถนา จะกลายเปน วญิ ญาณเรร อนท่ไี มมีจุดหมายปลายทาง เพราะระหวา งที่ทอ งเทยี่ วอยูน ้ัน ก็ไดพบจิตหรอื กายทพิ ยพเนจรไปมาอยูมากมาย เกลื่อนกลาดไปหมด พวกนน้ี รกกไ็ มไป สวรรคก ไ็ มอยู สว นมากเมื่อเปน มนษุ ยป ฏบิ ัตธิ รรมอยู เกดิ กายทิพยอ อกไปทองเท่ยี วเพลดิ เพลนิ เกินเวลาจนลมื กลบั รา งเดิม พอ นกึ ข้ึนได กก็ ลับเขารา งไมไ ดเ สยี แลว เพราะพอแมลกู เมยี หรอื ญาติพนี่ องเขาเอารางไปเผาทําลายเสียแลว โดยคิด วา ตาย หรอื พระทีธ่ ดุ งคอ ยูในปา เกิดกายทิพยออกไปทอ งเทย่ี วเพลินไป ทง้ิ รางเดมิ ไวจนเนาเปอ ยผุพัง ท้ังๆ ทย่ี งั ไมถงึ เวลาตาย จึงกลบั เขา รา งไมไดอ ีก การณท่ีเปน เชนนี้ ก็เพราะสติตัวรยู งั ไมส มบูรณพอ ไมร เู ทา ทันกเิ ลส กายทิพยแ วบออกไปเหน็ สวรรค วมิ าน เทวดา นางฟา อันสวยงาม ก็ไปยดึ ติดหลงใหลจนลืมรางเดิม ดว ยเหตนุ ้ี นกั ปฏิบัตจิ ะตองพยายามเพ่มิ พูนตัวสตสิ มั ปชัญญะใหส มบูรณ รูเทา ทนั กิเลสตณั หาไดร วดเรว็ เทากับ ความรวดเร็วของจติ ทว่ี ิ่งเขาว่งิ ออกเหมือนฟาแลบ เพราะถา รไู มทัน กิเลส ตัณหาใดเขามากจ็ ะเกดิ ความคดิ ปรุง แตง ไมม ที ีส่ ้ินสดุ เหมือนกับเรานอนหลับฝน ไปพอรสู กึ ตัวกย็ ังงัวเงียฝนตอ ไป เปน เร่ืองเปนราวเพลิดเพลิน จนไม อยากลุกจากท่นี อน แลว ก็ไปยดึ ถือเปนจรงิ เปน จงั ๓. เรอื่ งแปลกๆ ในวยั เดก็ ระหวางท่ีกายทิพยเ รรอ นหาทีเ่ กิด กไ็ ปพบรา นคา แหงหนึง่ เจาของรานสามีภรรยา แมไมม โี อกาสไปวดั เพราะธุรกิจ ผกู พนั ก็มีการสวดมนตไ หวพ ระกอนนอน ลูกชายและลูกสาวก็ไดรับการอบรมใหไหวพ ระเชน กนั เชา ขน้ึ ก็จะ ชว ยกนั หุงขาวใสบาตรเปนประจาํ นบั วา เปน ครอบครัวทมี่ ีจติ เปนฝา ยกศุ ล 8

จติ ก็รูข น้ึ มาวา ที่เกดิ ของเราอยูทีน่ ่เี อง และยังรตู อ ไปวา โยมมารดานั้นเคยเปนพ่ีสาวของเราในอดีตชาติ มี ความสัมพนั ธกันอยู ทันใดนั้นกายทพิ ยกต็ กวูบลงไป เขาไปอยใู นครรภโยมแมแลว จติ ในวยั ทารกแบเบาะน้นั มนั รูเหน็ ไปสารพัด บางทกี ็รูลว งหนาวา อะไรจะเกิดขน้ึ อยากพูด อยากบอก แตม ันยัง พูดไมไ ด เกดิ เปนมนษุ ยน้ี กวาจะเตบิ โตขึน้ มาไดตอ งรับทุกขเวทนา ตองอดกล้ันอดทนมากทเี ดยี ว เพราะสังขารรางกายที่ เปนมนษุ ยนั้น มนั เตบิ โต รภู าษาตามวยั พอลกุ ขน้ึ ยืนได ก็ตองคอยๆ ยา งเดนิ เพราะขายงั ไมแ ขง็ แรงพอ ไม เหมือนววั ควาย มา พอคลอดออกมาก็วง่ิ ได การพดู ก็อยากพดู เหลอื เกนิ แตม ันพูดไมได ตองออๆ แอๆ คนฟง เขาก็ไมรูเรือ่ ง จนราํ คาญตัวเอง มีอารมณ หงดุ หงิดบา ง พออายไุ ด ๓ ขวบ คอยโลงอกไปที เดินได วงิ่ ก็ได พูดจาก็รูเร่อื งมากขึ้น ตอนนี้แหละมนั อยากจะสวดมนตไหวพ ระ โยมพอ โยมแมกับพๆ่ี เขาลงไปอยูขางลาง บางคนก็ไปโรงเรยี น บางคนกช็ วยขายของหนาราน อาตมาก็โอเออยู ขางบน เห็นเงยี บสงัดดกี ็เขาหองพระ กราบแลวก็เรม่ิ สวดมนต หนังสือยงั อานไมออก วัดกไ็ มเ คยไป มนั สวดไดเ อง เสยี งแจว ๗ ตํานาน ๑๒ ตาํ นาน มันสวดไปไดเ อง และดว ยคลอ ง โยมพอ ขึน้ มาเพราะสงสยั วาพระที่ไหนมาสวดมนต เม่ือโผลห นาเขามาในหองพระ จงึ เหน็ ลูกชายคนเลก็ นั่งสวด มนตเหมือนทพ่ี ระสวดตามวดั ก็แปลกใจวาสวดไดอยางไร ตอ งไปตามโยมแมขน้ึ มาฟงดวย อาตมาตอนนนั้ ไมสนใจใครเลย น่ังหลบั ตาสวดจนจบ แลก ท็ าํ สมาธิตอ การน่ังสมาธกิ ็น่งั ไดอยางถูกตอง เทาขวา ทบั เทา ซา ย มือขวาทับมือซา ย ต้ังตวั ตรง ดาํ รงสตมิ ่นั ทกุ อยางมนั เปน ไปเอง โยมพอ โยมแมเ หน็ อยางนั้น ก็ถอยกลบั ลงไปซบุ ซิบอยูขา งลางอยา งอศั จรรยใ จ น่มี ันเกิดอะไรขึน้ เปนไปไดอยา งไร ใครมาสงั่ สอนแตก็ไมน า จะเปนไปได อายเุ พิ่งแค ๓ ขวบ ต้ังแตเล็กก็ไมเคยไปวัด การนงั่ สมาธิคร้งั แรกน้ัน ใชค ําภาวนาวา \"พทุ โธ\" นงั่ ไปสักพกั หน่งึ จิตกร็ วมตวั ตง้ั ม่ันในสมาธิ แลวกเ็ กิดรูข้นึ มาเอง เห็นหมด โยมพอ โยมแมกําลังทําอะไรอยขู า งลา งกเ็ ห็น พส่ี าวกําลังว่ิงเลนทโี่ รงเรียนก็เห็น ยงั ไดยนิ โยมพอ โยมแม คยุ กนั ชัดเจน โยมแมบอกใหโยมพอข้ึนมาดวู า เลิกนั่งสมาธิหรอื ยงั เปน หว งกลัวจะหวิ แตอาตมาตอนนน้ั ไมรสู กึ หวิ เลย มันอ่มิ เอิบไปหมด นง่ั อยไู ดเปน ชว่ั โมงๆ โยมพอข้ึนมาถึง ๒-๓ คร้ัง จึงไดออก จากสมาธิ โยมพอ ถามวา \"ลกู เปนอะไร\" อาตมาก็ตอบวา \"ลกู สวดมนตไหวพระ ทาํ สมาธ\"ิ \"ลกู ทําไดอยา งไร ไมเ คยร่ําเรียนมากอ น ใครมาสอนลูกหรือ\" \"ไมม ใี ครสอน ลูกอยากทํากท็ าํ ไดเอง\" 9

โยมพอ จูงมือลงไปขา งลาง ใหโยมแมห าอาหารใหกนิ ไมรูจะถามอะไรอกี ยงั หาคาํ ตอบไมไ ดว า เปนไปไดอ ยา งไร แตกส็ ังเกตวาท้ังสองทานชน่ื ชมยนิ ดี พดู กันวาลูกเราคงเปนผูม บี ญุ มาเกิด จงึ ใฝใ จในทางกุศลตั้งแตยังเลก็ ทีน่ า พอใจกค็ ือ ทานไมหามปรามแตอ ยางใด อาตมาก็สวดมนตไหวพ ระ ทําสมาธิทงั้ ตอนเชา และตอนคาํ่ ไมช อบ ลงไปวง่ิ เลนกบั เพื่อนๆ ชอบนัง่ เงียบๆ ดูกายดจู ิตอยตู ามลําพัง ตอนนั้นปฏิบัติไดถ กู ตอง แตเรยี กไมถ ูกวา ปฏบิ ตั ิ อะไร มารภู ายหลังวา ทําตามแนวสตปิ ฏฐาน ๔ มกี ารพจิ ารณา รูป เวทนา จติ ธรรม ทบไปทวนมา ทรี่ ูภายหลงั น้ี ก็ตอนเขาวัดศกึ ษาทางปริยัติ เปนสามเณรแลวหา งกันอกี หลายป ตอนเปน เดก็ อยูกับโยมทงั้ สอง อาตมาไดส รางความแปลกใจใหก ับโยม และเพอ่ื นบานอยูเสมอ คราวหน่ึงโยมพอ บนกบั โยมแมว า \"หมูนร้ี า นเราขายของไมดีเลย ไมรูเ ปนอยา งไร\" อาตมานงั่ อยูขา งๆ กช็ มี้ ือไปท่ีหนารา น บอกวา \"ผขู ัดขวางเขามาน่งั อยูน ั่น จะขายดไี ดอ ยางไร\" \"ใครมาน่งั อยูท่ีไหน พอไมเ ห็นสักหนอย ลูกพดู อะไรของลกู \" อาตมากย็ ืนยนั วา \"หนูเห็น เขาเปน วิญญาณเรร อนอดอยากมาพักอยหู ลายวนั แลว พอทาํ บุญสังฆทานใหเ ขาซิ เขา จะไดไ ปเกดิ \" แตแรกพอ ไมย อมเช่ือ หาวา พูดเหลวไหล วันตอ มาแทบไมม ีคนเขามาซอื้ ของในรานเลย ท้งั ทเ่ี คยขายของดี โยม แมจ งึ บอกกบั โยมพอวา \"ลกู ของเรา เขามอี ะไรแปลกๆ มาตั้งแตเ ด็ก สวดมนตไ หวพ ระทําสมาธิไดโ ดยไมม ีใครสอน และเขาก็ทาํ อยูทกุ วนั ไมเ คยขาด ลองเชื่อลูก ทาํ สังฆทานใหวญิ ญาณกันดกี วา\" โยมพอกต็ กลงตาม จัดการเตรยี มเครือ่ งสังฆทาน นิมนตพ ระมารบั ในตอนเชา ตงั้ แตว ันนัน้ ปรากฏวา ของขายดีทง้ั วนั และดีตลอดมา ครั้งหน่งึ มีสองคนผวั เมียทาทางภมู ฐิ าน เอารถมาจอดริมถนนฝงตรงขามกับทีร่ าน แลวพากนั ลงรถเดนิ เขามา ปรากฏวา เปนคนชอบพอคุนเคยกบั โยมท้งั สองมานาน บอกวานั่งรถผานมา คิดถงึ จงึ แวะมาเยยี่ ม ขณะทน่ี ัง่ คยุ กัน ฝายภรรยาปรารภใหฟ ง วา \"ไปปลูกตกึ แถวขายถึง ๒๐ หอง ทําเลดี เหมาะในการคา แตป รากฏ วา ต้งั แตสรา งมาเปน เวลาถึงสองป ไมมใี ครมาซ้ือเลย มาถามแลว กห็ ายไป ลงทนุ เขาไปมาก ตอนนีก้ แ็ ทบหาเงนิ สงดอกเบ้ียธนาคารไมท นั ไมร ูเปนเพราะอะไร\" โยมแมถามวา \"เคยไปหาอาจารยทํานายทายทัก ใหร ูสาเหตบุ างไหม\" สามกี ็บอกวา \"ไปมาหลายแหงจนออ นใจ ก็ไมเหน็ วาอยา งไรเพียงแตบอกวา เมือ่ นน่ั เมือ่ น่ีจะขายได แลวกเ็ งยี บ ไป\" 10

โยมแมก ็เรยี กอาตมาเขาไปหา แนะนาํ ใหร จู กั บอกวา \"ลองถามพอลกู ชายคนเลก็ ของดฉิ ันดซู คิ ะ บางทเี ขาจะบอก อะไรได\" สองสามภี รรยาทาํ หนา งงๆ เพราะไมน ึกวา จะใหมาถามเรอื่ งสําคัญอยา งนี้กับเดก็ ตัวนิดเดยี ว แตคงจะไมใ หเสีย มารยาท ก็เลยถามวา \"หลานดไู ดห รือน่ี\" \"พอดไู ดครับคุณลุงคุณปา วาแตต กึ แถวอยูทไี หน มอี ะไรเปนเครือ่ งหมายใหร ูบ า ง เขาเรยี กวา อะไร\" อาตมาซักยัง กบั เปน ผใู หญ คุณลุงตอบวา \"ทีห่ นาตึกแถว มีตนฉําฉาข้ึนเรยี งกนั อยู ๓ ตน เขาเรียกบานใหม\" พอบอกอยางนน้ั อาตมามองเหน็ หมด ทั้งที่ไมเ คยไปหรอื เคยรจู กั เลย จึงถามวา \"เปนตึกแถวสองชัน้ ครง่ึ ใชไ หม คุณลุง\" \"ใชแลวหลาน\" \"ขา งนอกทาสเี ขยี ว หลังคากระเบอ้ื งสีน้ําตาล ใชไหมคณุ ลงุ \" \"เอะ! ยังกับตาเห็นเชียวน่ี\" คณุ ลุงอุทานแลว ตอบวา \"ใช\" \"คณุ ลุงรปู ระวัตทิ ่นี ่ไี หม\" \"พอรู…เพราะเปนทด่ี งั้ เดิม มรดกตกทอดของลงุ \" \"ท่ีตรงนเ้ี คยมคี นมาฆากนั ตาย เขาสูก นั เลยตายทง้ั ค\"ู \"โอโ ฮ! ยงั กับตาเห็นจรงิ ๆ หลานเห็นหรอื จะ จึงไดบอกถกู ตอ งหมด\" คุณปา อุทานอีกคนหนึ่ง พรอ มทั้งถาม \"เหน็ ครบั ทขี่ ายตึกไมไดเพราะวญิ ญาณสองคนน้ี เขาคอยขดั ขวาง อาละวาดอยู เขาตอสูกันทกุ วนั เปน วญิ ญาณ พยาบาทไมร จู ักจบส้นิ \" \"แลวลุงกับปา จะทาํ อยางไรด\"ี \"นิมนตพ ระทป่ี ฏบิ ตั ดิ ี มาเทศนโ ปรดวญิ ญาณ ใหเขาละทฐิ ิมานะ ละความโกรธแคนพยาบาท แลว ถวายสงั ฆทาน ๔ ชุด อุทิศสวนกศุ ลใหเ ขาไปผดุ ไปเกดิ ทําเชนน้ีอาทิตยละครง้ั สัก ๓ อาทติ ยต อไปจะมคี นมาแยง กนั ซื้อตกึ ของ คุณลุงคุณปาจนหมด ไมเกนิ ๓ เดือน ๖ เดือน\" อาตมาบอกไปอยา งนนั้ ไมไ ดคิดวาคุณลุงคณุ ปา จะทําตามหรือเปลา คดิ วา เราเปนเดก็ ผใู หญอ าจไมเช่อื อีกสองเดือนตอมา คณุ ลุงคณุ ปาคูน้ันกลบั มาอีก หนา ตายมิ้ แยมแจม ใส มาถงึ กถ็ ามหาอาตมาเลย แลวบอกวา 11

\"ลงุ กับปา เอารางวัลมาให ๕,๐๐๐ บาท รับไวซหิ ลาน เกงจรงิ ๆ ตอนนต้ี ึกของลุงกับปา ขายไปได ๕-๖ หองแลว ยัง มาติดตออยอู กี หลายเจา\" หลงั จากน้ัน ก็มผี มู าใหทํานายทายทกั อยเู สมอ แตใจไมช อบทํานายทายทกั เลย เมอ่ื เขามาแลว มนั เหน็ มันรู กอ็ ด ชว ยเขาไมได จะบอกวาไมรไู มเ ห็น กเ็ ปน การโกหกเขาไป ๔. เจอรา งตนเองในอดตี ชาติ ครั้งอาตมาอายุ ๑๕ ป จึงขอโยมทง้ั สองบวชเณร โยมเหน็ แลว วา อาตมามีบุญวาสนามาทางน้ี ขนื หา มปรามกค็ ง ไมส ําเร็จจึงอนุญาตใหบวช เตรียมสบงจวี รนํามาหาอาจารยเ จาอาวาส และไดบ รรพชาตามความประสงค แตก็ได ส่งั โยมพอโยมแมวา ถาใครจะใหทํานายทายทัก กอ็ ยาบอกวาลูกมาบวชเณรอยูทีว่ ดั ไหน เพราะไมตอ งการจะ ทํานายใหใคร การศกึ ษาปริยตั ิ ตอนบวชเปน สามเณร ก็แปลกอกี พอเห็นหนังสือเรียนนักธรรมตร-ี โท-เอก กร็ ูข้นึ มาวา หนงั สอื เหลานี้ อาตมาเคยเรียนมาหมดแลว และยงั จาํ ไดแ มนยาํ ดว ย แตก็ไมแนใจ จึงใหสามเณร ซึ่งเปนเพื่อนกันคอยดู หนังสือ อาตมาทองปากเปลา อยางพระวินัย เริม่ แตปาราชกิ ๔ สงั ฆาทิเลส ๑๓ จนถงึ เสขยิ วัตร อาตมาทอ งได หมด ทาํ ใหเ ณรดวยกนั แปลกใจไปตามๆกัน เรอ่ื งนี้รไู ปถงึ ทา นมหา ซงึ่ เปนครปู ระจาํ ชัน้ วันหนง่ึ ทานก็เรยี กไปท่หี นาช้ัน ถามวา \"เณรจาํ พระวินยั ไดห มดหรอื อาจารยสอนยงั ไมถึงเลย\" อาตมาตอบทา นวา \"คดิ วาจําได รูส กึ เหมือนเคยเรียนมาแลว \" ทานมหาถามวา \"เคยเรียนจากที่ไหน จาํ ไดไ หม\" \"รขู ้ึนมาเองขอรบั วา เคยเรียนและเคยสอนดว ย\" \"เออ..แปลกจรงิ ไหนลองวาใหฟงซิ\" ทา นมหากางหนงั สอื นวโกวาทออกดู เพ่ือจะสอบทานไปดวยอาตมาก็เรม่ิ ทองใหฟ ง ตง้ั แตตนจนจบ ไมม ีติดขัดเลย เหมอื นกบั ทสี่ อบทานกบั สามเณรเพอ่ื นกนั ยงั ความแปลกใจใหแกท านมหาเปน อนั มาก เม่อื โยมพอกับโยมแมมาเยย่ี มท่ีวัด ทา นมหาก็เลาใหฟง ยงิ่ ทาํ ความแปลกใจใหแ กท านมหามากขึ้นอกี เพราะได ทราบจากโยมพอวา ตงั้ แตอายุ ๓ ขวบ อาตมาก็สวดมนต ๗ ตาํ นาน ๑๒ ตํานานและทําสมาธแิ ลว เลยเปน ทเ่ี ลอื่ ง ลอื กนั ไปทั้งวดั นับจากน้นั ทา นมหาบอกวา \"เณรไมตอ งเรยี นแลว ถึงเวลาสอบกไ็ ปสอบกบั เขา\" จนกระท่ังสอบไดน กั ธรรมเอก เปนสามเณรอยูหลายป จนสอบไดนกั ธรรมเอก กไ็ มค ิดจะเรยี นตอ สนใจแตใ นทางปฏิบตั กิ รรมฐาน ตั้งแตวันบวช กป็ ฏิบตั ิมาเร่อื ย ไมเ คยเวนเลย การเรยี นกไ็ มตอ งไปเรียน ถงึ กําหนดสอบกไ็ ปสอบ นับวามีเวลาในการปฏิบัติมาก 12

ทานอาจารยอ ปุ ชฌายและทา นมหา เมตตาอาตมามาก เพราะเห็นวามีความประพฤตติ วั ดี ไมชอบเลนหัวเหมอื น เณรรปู อ่ืนๆ บางทที านมหาตองไปกิจนิมนตภายนอกวัด กม็ าขอใหไ ปสอนพระเณรแทน เมื่อจบนักธรรมเอกแลว ก็เลยตองเปนครสู อนนกั ธรรมตรี ซ่ึงพอปลกี เวลาไปสอนใหไ ด งานอ่ืนในการดาํ เนิน กจิ การของสงฆ ทานอาจารยอ ปุ ชฌายท านก็ไมรบกวน เพราะเห็นฝกใฝอ ยูใ นทางปฏบิ ตั กิ รรมฐาน อันทจ่ี ริง ทานอาจารยอุปชฌายซ ง่ึ เปน พระอุปชฌายของอาตมานั้น ทานเปน พระปฏิบตั ดิ ี ปฏิบัติชอบ ปฏบิ ัติตรง ถอื ธดุ งควัตรเครง ครดั เชน ฉนั หนเดียว ทาํ ใหต อมาอาตมาก็ฉันหนเดียว ฉันในบาตรตามทา น ตั้งแตเ ปน เณรสอบ นกั ธรรมเอกใหมๆ วนั หน่งึ ทานมหามาชวนไปเปน เพ่ือน ท่ีวัดเดิมของทาน เพื่อนมัสการอาจารยอุปชฌายของทา น ท่ีมรณภาพไป นานแลว พอไปถงึ ทานก็พาขน้ึ ไปบนศาลา พรอมกบั บอกวา อาจารยอุปช ฌายม รณภาพมาเกือบ ๒๐ ปแลว แต ไมเ นาเปอ ย นง่ั ขดั สมาธิขณะมรณภาพ ตอนนี้เขาใสตูกระจกไวบนศาลา มีคนมากราบไหวบูชาขอโชคขอลาภเสมอ พอไปถึงตูก ระจกที่ใสศพ มองเขาไป อาตมากต็ กตะลึงจงั งังเพราะจําไดวาเปนรางของตัวเอง น่ีมันอะไรกัน รูสกึ ตวั ชาไปหมด เมอ่ื จุดธูปเทยี นบูชาแลว อาตมายงั ตืน่ เตน จนพูดไมอ อก แตถ ึงจะพูดก็คงไมก ลาพูดออกไป มันเปน ความรูเ ฉพาะตัว ยง่ิ กบั ทา นมหาดวยแลว ขนื พดู คงไมด แี น… คร้นั กลับวดั แลว กไ็ ดความรูจากทานมหาวา อาจารยอุปชฌายข องทา น ทรงแตกฉานในทางปรยิ ตั ิมาก และเกง ในทางปฏิบัตดิ วย ทางไสยเวทวทิ ยาคมกไ็ มน อยหนาใคร มลี ูกศษิ ยล กู หาเต็มบา นเตม็ เมอื ง แตอาตมาไมร จู ะ ถามใครวา ทําไมอาตมาจึงจาํ ไดวาอาจารยอ ปุ ชฌายข องทานมหาเปน ตวั ของอาตมาเอง และทานมาเกดิ เปน อาตมาจรงิ หรอื ไม แตถ ึงอยา งไรก็ไมก ลา ถามใคร ๕. มฌี านหยงั่ รไู ดอ ยา งอศั จรรย การทเี่ ปน นักปฏบิ ัติ ทําใหอ าจารยอ ปุ ช ฌายกับอาตมารูส ึกมีความสนทิ สนมกนั มากเปนพิเศษ เวลาเขาไปปฏบิ ตั ิ รบั ใช ตม นํา้ ชงชาใหท า น บางทีก็นวดใหทาน ซึ่งเปนประเพณีนิยมกันมา ทานกม็ ักถามวา การปฏบิ ัติของอาตมา เปน อยา งไร ใครแนะนํามากอนหรอื กไ็ ดเ รยี นความจรงิ ใหท านทราบวา ยงั ไมมใี ครแนะนาํ มนั รเู องเปนเอง อยาก ปฏิบตั ิมาตัง้ แต ๓ ขวบ และก็ไดป ฏบิ ตั เิ ร่ือยมา ทา นกบ็ อกวา \"เปนบุญวาสนาของเณร ติดตอสบื เนอื่ งมาแตอ ดตี ชาติกอนคงปฏบิ ตั ิคางอยู ชาตินจี้ งึ มาเกดิ ปฏิบัติ ตอ ขอใหพากเพยี รพยายามใหมาก จะไดพ นทกุ ขใ นชาตนิ ี้ เณรจะมีประโยชนแกพระพุทธศาสนามาก\" ตอนหนึ่งทา นถามวา \"เหน็ โยมผูชายของเณรเลาใหฟงวา เณรรเู ห็นอะไรมาตงั้ แตเด็กๆ เดีย๋ วน้ียังรเู ห็นอยูหรอื ไม\" \"ยงั รูเห็นอยขู อรับ ตอนยงั ไมไดบวชเณรมคี นมาใหชวยอยูเ สมอ บางครั้งก็ราํ คาญ พอบวชเณรแลวกระผมจงึ ไม ตองการใหใ ครรู บางครั้งเห็นเหตุการณจ ะเกดิ ขนึ้ กไ็ มกลาบอก เพราะรูแ ลวไมมีเวลาปฏิบตั ิ กระผมเหน็ วาการรู เห็นนั้น ไมใ ชทางพนทุกข\" 13

\"ถกู ตอ งแลวเณร การปฏิบัตธิ รรมกรรมฐานนน้ั ตอ งตดั ชอ งนอย เอาตัวใหร อดเสียกอ น ดูพระบรมศาสดาเปน ตวั อยาง พระองคตรัสรูแลวจึงสอนคนอนื่ เณรมาไดไกลแลวนะ พยายามใหม ากเขา เออ..เรามาทดสอบกนั ดซู ิ ตอนนที้ า นมหาจําเริญกําลงั ทาํ อะไรอย\"ู อาตมายกมือพนมขึ้น เรยี นทา นไปวา \"ทา นมหาจาํ เรญิ กาํ ลังไมส บายใจมาก\" \"ไมส บายใจเพราะอะไร\" \"เพราะโยมพอ มาบอกวา นองสาวคนเลก็ ถกู คนฉุดเอาไป ยงั ตามไมพ บ ตอนนพี้ อสรงนํ้าเสรจ็ จะมาปรกึ ษาหลวง พอวา ควรทําอยา งไร\" \"เออ! เกง จรงิ แลวนองสาวคนเลก็ จะเปน อะไรไหม\" \"ปลอดภยั แลวขอรับ ตอนนก้ี ําลังอยบู นโรงพกั เจา คนฉดุ สองคนกถ็ ูกจบั ได\" \"ทําไมจงึ ถกู จับ\" \"ไปเจอตาํ รวจสายตรวจกลางทาง นองสาวทา นมหารองใหชว ย\" พูดเพ่งิ จะจบ กเ็ หน็ ทา นมหาจําเรญิ เดินขึน้ มาบนกุฏิ เขามานัง่ กราบทา นอาจารยอุปชฌาย แตยงั ไมทนั จะพูด ทา น ก็ยม้ิ ละมยั บอกวา \"ทานมหาไมต อ งวิตก สง่ั ใหใ ครไปบอกโยมทบี่ าน ใหไปรบั นอ งสาวท่ีสถานตี าํ รวจเร็วเขา\" \"เอะ ทานอาจารยร ไู ดอยา งไร\" \"อยา เพม่ิ ถามตอนน้ี รบี ๆ ไปเดย๋ี วจะดกึ ดน่ื \" ทา นมหาลกุ ขน้ึ กราบ แลวลงกุฏิไป แตทานไมไดใ หใครไปบอก ทา นไปดว ยตนเอง สง่ั โยมพอ ใหชวนพรรคพวกไป สถานีตาํ รวจท่ีอําเภอ แลว กน็ ั่งรออยู จนกระทัง่ โยมพอพานองสาวกลบั มาถึงบา น เอาใกลสวาง กลบั มาถงึ ทา นมหากต็ รงมาทีก่ ฏุ ิทา นอาจารยอปุ ช ฌาย กราบทานแลวกลา ววา “หลวงพออาจารยร ูเร่อื งนองสาวผมไปอยทู ่โี รงพกั ไดอยา งไร” ตอนนั้น อาตมากอ็ ยูในทน่ี น้ั ดวย เพราะไปเตรียมบาตรสําหรับทา นอปุ ชฌายอ อกบิณฑบาตตามกิจวัตร ท่ที า นไม เคยขาดเลย นบั เปน ธุดงคขอ หนึ่ง ทา นชายตายม้ิ ๆ มาทีอ่ าตมา แลวพูดขน้ึ วา \"ทานมหาเอาแตท างปริยตั ิ ไมเอาทางปฏิบัตดิ วย เห็นจะเอาตัวไมรอด อยา มาสนใจวารไู ดอยางไร จงไปคดิ ดวู า ทําอยางไรถึงจะรไู ดดกี วา บวชเขามาสูเพศสมณะแลว ตอ งพยายามใหครบศีล สมาธิ ปญญา จงึ จะยง่ั ยนื ในพระ ศาสนาน้\"ี 14

พูดจบทา นก็ลุกขึ้น เตรียมครองจีวรเพื่อไปบิณฑบาต ตอนนน้ั ทานมหาก็หนาสลดลง ลกุ ขึน้ กราบแลวลงจากกุฏไิ ป ๖. ธรรมเกดิ ปญ ญาเกดิ ปน ้นั อายอุ าตมาได ๑๙ ปเ ต็ม พอออกพรรษา ทานอาจารยบอกวา \"ออกพรรษาน้ี เณรจะไปธดุ งคก ับอาจารยไหม?\" อาตมาปตยิ นิ ดอี ยา งบอกไมถ กู ลกุ ข้นึ กราบแลว ตอบวา \"ไปขอรับ\" จากนน้ั ก็ไปหาโยมท้งั สอง บอกวาจะออกธดุ งคก บั ทา นอาจารย ขอบณิ ฑบาตกลด ๑ หลัง บรขิ ารอยางอ่ืนมีครบ แลว โยมพอถามวา \"ทาํ ไมไมร อใหบวชพระเสียกอ นคอยไป ยงั อายนุ อยนกั จะทนไดห รอื เพราะการเดินธุดงคน ัน้ ตอ งเดินทางไกล บกุ ปา ฝาดง อดๆ อยากๆ\" อาตมาไดตอบทานไปวา \"หลวงพอ อาจารยบอกวา จะใหไ ปทดลองปฏบิ ตั ิดู ถา เหน็ วาทนไมไหวกจ็ ะพากลบั \" เปนอันวา โยมท้ังสองตกลงยินยอม จัดหากลดใหต ามท่ตี องการ แมจะมคี วามหว งใยในฐานะทเ่ี ปนบุตร แตท านก็ รวู า พระพุทธเจาทรงสอนไวอยา งไร กุลบตุ รใดเมอ่ื บวชเขา มาในพุทธศาสนาแลว ยอมเปนผูไมมญี าติ ไมมีบา น อาศัยปา ชาเรือนรางปา เขาและถํา้ เท่ียวไปเพอื่ หาทางหลุดพน ซ่ึงโยมทง้ั สองก็ไดแตอนุโมทนา กอ นออกเดนิ ทางสองวัน ทานมหาจําเริญมากราบนมสั การทานอาจารย ขอคําแนะนาํ แนวทางทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ กรรมฐาน ควรจะเริ่มตนอยางไร ทา นอาจารยอ ปุ ช ฌายอ นุโมทนาดวย ท่ีทา นมหาไดห นั เขา มาสทู างปฏบิ ัติ และได แนะนําวา สัญญาความจาํ ไดหมายรู ท่ีไดเลาเรยี นมาในทางปริยัตินน้ั ขอใหป ลอยวางใหห มด จงเร่มิ ตน ดว ยกรรม ฐานใหดเี สยี กอน เพราะเปน พนื้ ฐานสาํ คญั ที่จะนาํ ไปสปู ญญา อน่งึ อยาปฏิบัตแิ บบกา วกระโดด อยา งที่สอนๆกนั วา พอทาํ สมาธิไดถ งึ ขน้ั อปุ จารสมาธิแลว ก็พอแกก ารทจี่ ะนํา กรรมฐานอื่นๆ มาพจิ ารณาใหเกิดปญ ญา เชน กายคตาสติ อาการ ๓๒ มาพจิ ารณา เปน อยา งๆ การปฏิบตั อิ ยางนี้ เทากับเอาสญั ญาความจาํ ภายนอก ท่ไี ดเ รียนทางปรยิ ัตมิ าเปนหลักพจิ ารณา กจ็ ะไดแตข องนอกๆ ท่จี ดจํา หรือ รอู ยูแลว ไมเกดิ ปญ ญาจากภายในใหร ูทะลุปรโุ ปรง ไปได เรยี กวา วนเวยี นอยกู บั สญั ญา อาการ ๓๒ มอี ะไรบา งก็รู แตไ มเ หน็ ตวั อนจิ จงั ชัดเจน นักปฏบิ ตั มิ าติดกนั อยตู รงนี้ เพราะปฏบิ ัตแิ บบกาวกระโดด ทําไมจงึ เปนอยางนัน้ ก็ เพราะสมาธแิ คอุปจาระ มันยังไมต ง้ั มัน่ พอ ยงั มีอารมณก ิเลสแทรกเขา มาเปน บางขณะ หรอื จะเรยี กวาญาณยงั ไม แกก ลาพอ 15

ฉะนนั้ ผปู ฏบิ ัติ จะตอ งปฏิบตั ิกรรมฐานใหเ ตม็ ขั้นเสียกอ น คือใหถึงขน้ั อปั ปนาสมาธิ หรือฌาน ๔ และตอ งใหมี ความชํานาญคลอ งแคลว ในการเขาการออก นกึ จะเขา ถึงอปั ปนาก็ไดทนั ที ในสภาวะแบบน้จี ะไมม อี ารมณกเิ ลส ใดๆเขา มาได จิตเปน หนึง่ คือเปนเอกัคตา อุเบกขาไปเลย เมอ่ื จะทําปญญาใหแจง จงึ ถอดจติ ออกมาสูอปุ จารสมาธิ แลวนาํ ธรรมะอยางใดอยางหน่งึ มาพิจารณา เชน พจิ ารณาอาการ ๓๒ กเ็ อาแตสวนเล็บอยางเดยี ว หรอื เพงการเกิดดบั กเ็ พง ไปตามถนัด เพราะเหตุทจ่ี ติ ยงั มเี ช้ือ ของอัปปนาสมาธิ หรอื เอกคั ตาเนืองนองอยู ปญ ญารแู จงกจ็ ะเกดิ ข้ึนมาเอง รอู ยา งไร? กร็ ูวา เล็บทเี่ ราเพงเปน อารมณนน้ั มภี าพเปล่ยี นแปลงขึ้นมาใหเ หน็ ตามความเปน จรงิ หรือการเกิดดับ เราก็จะเหน็ ภาพของการเกดิ การแก การเจบ็ การตาย แมกระท่งั ตายลงไปแลวรางกายก็จะแปรปรวนไปใหเ หน็ วา ผิวหนังมนั ข้ึนอืด พองเปง แตกปริ มนี ํ้าเหลอื งไหล มหี นอนชอนไชเกดิ ข้นึ แลวกเ็ หน็ เขาไปภายในตบั ไต ไส พุง เสนเอน็ กระดูก การเหน็ อยางนี้ บางคนกเ็ ห็นโดยตลอด บางคนกเ็ หน็ เปนบางสว น บางคนก็เหน็ สวนตา งๆ แยกออกมาเปนสวนๆ เปนกองๆ แลว ก็กลบั รวมกันอกี แตจะเหน็ อยา งไรก็ตาม ทา นก็ใหเพง พิจารณาอยูดว ยความมสี ติ จนกระทง่ั รูแจง ชดั วา อนิจจัง ทกุ ขัง อนตั ตาเปนอยางไร ควรจะเกดิ ความเบ่ือหนายคลายกาํ หนดั หรือไม อนั นจ้ี งึ เรียกวา ปญ ญา เกิดเอง ธรรมเกดิ เอง เปนธรรมชาตทิ ่ีนําไปสูความจริงแทแ นนอน ทานมหาจาํ เริญเรียนถามวา \"เมื่อธรรมเกดิ เองเชน น้ี จะถือวา เปนการบรรลุขนั้ สงู สุด คอื ถงึ ความหลุดพนหรอื ยงั เพราะในสมยั พระพทุ ธองค มสี าวกบางทานไดฟงธรรม ตรองตามจนเห็นจริงกไ็ ดบรรลุพระอรหนั ต\" ทานอาจารยอุปชฌายย ม้ิ ตอบวา พระสาวกทไ่ี ดฟ งธรรมแลว สําเร็จเปนอรหนั ตเลยนน้ั เปนกรณพี ิเศษ คอื เปนผูท ี่ สรา งสมบุญบารมีมาหลายภพหลายชาตจิ นเต็มเปย มแลว หรือถาจะพดู ถึงความเบื่อหนายคลายกําหนัด ทา นก็ เบื่อเสียจนลน หวั อก จนแทบจะระเบิดออกมา เบอื่ มาหลายภพหลายชาติเชนกัน ทานเหลานเ้ี พยี งสะกดิ นดิ เดียวก็ สามารถละวางหลุดพนได พระพทุ ธเจา ทานก็เคยเบ่ือ เมือ่ เห็นสนมกาํ นลั นางบําเรอ นอนดวยอาการตางๆ ดูดจุ ซากศพในปาชา เคยเกดิ เบอ่ื เม่ือเห็นสภาพความเกดิ แก เจบ็ ตาย ทถ่ี ูกปด บังไมใ หแลเห็น ต้ังแตยังเปน พระราช กุมาร แมเชนนัน้ กวาจะตรสั รูได ก็ยังตอ งใชเ วลาอกี ๖ ป พระยสกลุ บุตร ก็เหมอื นกนั ทานมบี ุญวาสนาบารมมี าก เกดิ มาเปนลูกเศรษฐี มีปราสาท ๓ ฤดูอยู มีนางบาํ เรอ พรงั่ พรอม ต่ืนข้ึนมาในตอนดึก เห็นพวกนางบาํ เรอนอนไมเ ปนสมฤดี มีอาการตางๆ ถาเปนคนธรรมดากน็ ้าํ ลาย ยืด แตทา นกลบั เหน็ วานาเบ่ือ นา สังเวช เหมือนซากศพในปาชา แลว อุทานออกมาวาทนี่ วี่ ุนวายหนอ แตง ตวั ใส รองเทา ได ก็ลงบนั ไดเดนิ เขา ไปในปา จนพบพระพุทธเจาในปา อสิ ิปตนมฤคทายวัน แตส ําหรับเราๆนี้ เราไมร วู า ในชาติภพกอนๆ เราไดสรางบุญบารมี เชน ทาน ศีล ภาวนา มาแคไ หน เตม็ เปย มหรือ ยงั หรอื เบ่ือหนายคลายกําหนัด เพราะเห็นไตรลักษณ คือ อนจิ จัง ทกุ ขงั อนตั ตา มาเต็มอกหรือยัง เมื่อมาปฏิบัติ จนกระทั่งเหน็ ธรรมเกดิ ขน้ึ เอง ก็ใหถอื วาไดเห็นความจริงเปน เบื้องตน เทา น้ัน เราจะตองพากเพยี รอดทนปฏิบตั ิ ตอไปอยา งไมลดละ ทั้งนก้ี ็เพราะธรรมที่เกิดขน้ึ เอง อาจทําใหเ กิดเบ่ือหนา ยคลายกําหนัดอยางฉาบฉวย ไมถงึ กับเบ่อื ยางเตม็ ที่ จนละ ขนั ธ ๕ รปู นามลงไปไดเ ดด็ ขาด เรยี กวา ตัดไมไดจ รงิ ยงั เบ่ือไมจรงิ เราตอ งเฝา พจิ ารณา ดําเนินตามสตปิ ฏฐาน ๔ 16

คอื รูป เวทนา จติ ธรรม ซ้ําๆ ซากๆ จนมนั เบ่อื ชนิดถอนรากถอนโคน เด็ดขาดลงไป ที่วา ธรรมเกิดเอง ทีก่ ลา ว มาแลว มนั แคเ ริม่ เบ่ือรปู เทา นน้ั ยังเบอื่ ไมหมดดวยซาํ้ ไป กาย เวทนา จติ ธรรม อะไรกย็ งั ไมไดพ ดู ถงึ ฉะน้ัน อยาไปอยาก อยาไปคิดอะไร ที่มันไกลตวั ออกไป เอาเพียงปฏบิ ตั ิกรรมฐานใหเ ตม็ ขั้น มสี ตติ ง้ั มัน่ คอยดูแต ปจ จบุ ัน ในกายในจติ ของเราเทา น้ัน พยายามทําจิตใหสะอาด ปราศจากอารมณ กิเลสท่วี ่งิ เขา วิ่งออก แวบไปแวบ มา ทาํ จิตใหสวา ง คือ วางเปลา จนสงบระงบั ลง เพียงแคน ก้ี จ็ ะเปนฐานเบ้อื งตน ใหธ รรม ใหป ญ ญา เกดิ ตามมา ขอ สําคัญก็ขอใหปฏิบตั ิตอเนือ่ งกนั ไป อยา ทาํ ๆ หยดุ ๆ ขาดชวง ขาดจงั หวะ จากน้ัน ทา นอาจารยอุปชฌายก ็แนะนาํ ในการนั่ง ในการเดนิ จงกรม ซ่ึงถือวาสําคัญมาก และแนะนําถงึ การถอื ธดุ งคว า ไมใ ชรูเฉพาะวาธดุ งคมี ๑๓ อะไรบา ง แตตอ งเอามาปฏิบัติใหไ ดท กุ ขอ การออกปา เดินธดุ งคนัน้ เปน เพยี งขอหน่งึ เทา นนั้ ยงั มีอีก ๑๒ ขอ ถึงอยูในวดั ก็ปฏบิ ัตไิ ด บิณฑบาตฉันในบาตรหนเดียว ไมร บั อาหารหลังจาก ฉันแลว ลวนเปนธุดงคท ่ีทําไดท ้งั นั้น ปาหลงั วัด มีตนไมร ม เยน็ มากมาย จะถอื อยโู คนไมก็ทําไดอีก ขอสาํ คัญตอ งเอามาฝก ทําดูวา เราจะทาํ ไดจริง หรือไม เทากับฝก ตนเองใหอ ยใู นกรอบขอบเขต เมอื่ ออกปาไปหาวิเวกจรงิ ๆ ซึ่งยากลาํ บากกวาในวัด ก็จะเคยชิน ทาํ ไดไมแ ปลกอะไร ทานอาจารยอ ุปชฌาย ไดถือโอกาสปรารภวา \"ทวี่ ดั นี้แตเดมิ เขาสรา งวัดและปฏิบตั ิกนั มาแบบตามใจชาวบาน ไมไดตามธรรมวินัย ลูกชาวบานที่เขามาบวช ก็บวชตามประเพณี ๑ พรรษาบาง ๓ พรรษาบา ง ก็สึกหาลาเพศกนั ไป จะเอาธรรมวนิ ัยมากาํ กบั อยา งเครง ครัดกย็ าก กลัวชาวบา นเขาจะเบ่ือ ไมมีใครอยากมาบวช เปน สมภารไม ตามใจชาวบานเขากไ็ มช อบ มักมขี อ ขดั แยง กันเสมอ ลูกหลานใครสอบธรรมบาลีได กถ็ ือวามหี นา มตี า เอาไปเทียบแขงขันกบั วดั อนื่ ใครจะไดมากกวา กัน มีการฉลอง กนั เอกิ เกริก แตไ มมใี ครคิดถึงการปฏิบตั ิเลย กลายเปน ปรยิ ตั สิ าํ คัญกวา ปฏิบตั ิไป เขาไมเ คยรูวา เปนปรยิ ัตแิ ลว ไม ปฏิบตั ิ มันมที างลงนรกไดท กุ ขณะ ภกิ ษถุ อื ศลี ๒๒๗ ขอ แตเม่อื ไมปฏิบตั แิ ลว พิจารณาใหดจี ะเห็นวา แคศีล ๕ ยัง ไมค รบเลย มองเหน็ นรกอยชู ัดๆ ผมมาเปนสมภารท่วี ัดน้ี ๘ ป ยังแกไ ขอะไรใหเปนไปตามธรรมวินยั ใหพระหนั เขามาในทางศีล สมาธิ ปญ ญา ไมไ ด เพราะเราตามใจชาวบานเขามาจนเคยตัว ไดฟง ทา นมหาบอกวา จะหนั มา ในทางปฏิบัติบา ง ผมกด็ ใี จขออนุโมทนาดวย ขอใหปฏิบตั ไิ ปใหรจู รงิ เห็นจริงดว ยตนเอง ทา นก็จะรวู า พระพุทธ ศาสนาของเราจะยงั่ ยืนตอ ไปได ไมใ ชป ริยัติอยางเดยี ว จะตองปฏิบัติดวย จดุ ประสงคข องพระพทุ ธเจา ทีใ่ หก ารอปุ สมบท กเ็ พอ่ื ใหบ รรลุ ถึงความพนทุกข ไมใ ชเรียนแลวไมทํา ไมป ระพฤติ ปฏิบัติ มันสืบอายุพระพทุ ธศาสนาไมไ ดจ ริง ทุกวันน้ีกเ็ ห็นๆกนั อยู หม ผา เหลืองไปหลอกชาวบา นเขากนิ เปน ของ สนกุ เดชะบุญท่ชี าวบานเขายังอยูในฐานะยอมใหหลอกได มฉิ ะนัน้ พุทธศาสนาคงจะถกู ย่าํ ยมี ากกวา นี้ หมนั่ ปฏบิ ัตเิ ถอะทา นมหา ใหร ูทัง้ ปริยัตแิ ละปฏบิ ัติดว ย ชาวบานเขาจะไดเชื่อถอื จะไดร ว มมือกนั ทําวัดของเราให อยใู นธรรมวนิ ัย ตามคําส่งั สอนของพระพุทธเจาอยางแทจ ริง\" \"ในเรื่องนี้ หลวงพออาจารยเคยมโี ครงการไวอยา งไรขอรบั \" ทา นมหาเรียนถาม \"ก็ไมถ งึ กบั เรยี กวาโครงการ มนั ฟง ใหญโ ตเกินไป ผมเพยี งแตคิดวา วดั เราก็มีเน้ือท่กี วางขวางถึง ๑๐๐ กวา ไร จงึ คดิ จะแบงเปน สองสว น คือ แบงเปนฝา ยตามใจชาวบานสวนหนึ่ง ฝา ยตามใจพระพุทธเจาสวนหน่ึง 17

ฝา ยตามใจชาวบานก็คือเราไมท ําลายความนยิ มของเขา นิยมบวชตามประเพณีกบ็ วชให นิยมเรียนธรรมบาลกี ็มี ให การบวชการสึกกแ็ ลวแตเขา อกี สว นหนึง่ จะรบั เฉพาะคนท่มี ศี รัทธา ตอ งการเขามาปฏิบตั จิ รงิ ๆ เราจะรูแนช ัดวา เขาศรัทธาจรงิ หรือไม ก็ตอ งให การบวชนัน้ เปนของยาก กอ นบวชตองมานุงขาวหมขาว ถือศีล ๘ กอน ๓ เดอื น ๖ เดอื น สอนใหร ขู อวัตรปฏบิ ัติ ของพระ สอนใหร ูจ ักธดุ งค สอนการปฏิบตั ิเบ้ืองตน ของพระ เม่ือบวชเขามาแลวจะไดเ ปน พระแทพระจรงิ มอี าการ สาํ รวม แตท ง้ั น้กี ต็ อ งอาศยั เขาสมคั รใจ นอกจากน้ีก็รบั ภกิ ษทุ ี่เคยปฏิบตั มิ าแลว จะไดมาชวยกันได เม่อื แบง สวนออกไปเชน น้ี ก็จะไดเปนแบบอยางทีด่ ี ใหส ว นที่บวชตามประเพณตี ามใจชาวบาน ไดร ูไดเ ห็น ใครคดิ ไดจ นเกิดศรัทธา ก็จะไดปฏบิ ัตติ าม อีกอยางก็จะใหช าวบานเปรียบเทยี บระหวางพระปฏบิ ัติและไมปฏบิ ตั ิ อยางนอ ยเขากจ็ ะมองเห็นวา ผูมงุ เขา มา ปฏิบตั ิน้ัน เขาตัดประเพณสี ิ้นเปลอื งคา บวชลงไปไดม าก ไมตองมพี ิธรี ีตอง ไมตอ งทําขวญั นาค จากชปี ะขาวก็บวช เลย ไมม กี ารแหแหน เลยี้ งดู กนิ เหลา เมายา ซงึ่ เปนบาปมากกวา บุญ เมาเหลาเขาวัด ไปไมถึงสวรรค แตที่ผมยังทําอะไรไมไ ด กเ็ พราะยังขาดกําลงั ไดแ ตร อๆ อยู ตอ งมีคนชว ย ตองมคี นทํา นาํ ชาวบานเขาได ตอนน้ีก็ ใกลเขา มาแลว ทานมหาเขามาปฏิบัติผมกเ็ บาใจ ผมเองกค็ งอยไู มน าน ไดทา นมหาทําแทนกห็ มดหว ง\" แลว ทา นก็ชมี้ าท่ีอาตมา บอกวา \"เณรน้ีไมใ ชเณรธรรมดา ทานมหากร็ ูวา เขาปฏิบตั ธิ รรมดวยตนเอง มาแตอายุ ได ๓ ขวบ จะเรยี นนกั ธรรม เขากม็ ีความทรงจาํ สมบูรณ ไมตองสอนก็สอบไดถึงนักธรรมเอก ผมเคยไดยินเณร สวดปาติโมกขอยูในกุฏิ เขา ไปดูไมเ หน็ มี หนังสอื ใหใชทอ งสักเลม เณรสวดออกมาไดเ อง ไมต ิดขัด ตอ ไปกจ็ ะเปน กาํ ลงั สําคัญของทานมหาอกี รูปหนงึ่ และเปน กําลังสําคัญของพระพุทธศาสนาดวย เรอื่ งนอ งสาวทานมหาถกู ชวย ไปทโี่ รงพกั เณรเขาก็บอกไดเ ชน เดียวกับผมร\"ู ทานมหาจาํ เรญิ ทานมีความรักความเอน็ ดูสามเณรมาแตคร้งั มาบวชใหมๆ ยงิ่ เห็นความสามารถอนั อศั จรรย ตอนมาเรยี นนักธรรม ก็ยงิ่ ช่ืนชมยินดี บางครง้ั ถึงกบั ไวว างใจใหท ําการสอนแทน จึงมคี วามสนิทสนมกบั สามเณร คืออาตมาเสมอมา เมื่อเห็นทา นอาจารยอปุ ชฌาย บอกเชนนน้ั ก็หนั ไปย้ิมกบั สามเณร พูดวา \"กลบั จากธดุ งคค ราวน้ี หลวงพคี่ งตอ งขอเปน ศษิ ยเ ณรบาง ในทางปฏิบตั ิ\" สามเณรตอบวา \"ผมจะเปน อาจารยสอนหลวงพี่ไดอยา งไร เคยแตเปนลูกศิษย ผมไมกลาสอนหลวงพห่ี รอก\" \"ทางพทุ ธศาสนาของเรา ทา นไมถ ืออาวโุ สหรือวัยวฒุ ิเปน สาํ คญั ทา นถอื คณุ ธรรมสาํ คัญกวา ในสมัยพทุ ธกาล สามเณรสอนพระเถระผเู ปน พหสู ูต ซงึ่ เชี่ยวชาญธรรมวินัย ใหบ รรลุพระอรหนั ตก ม็ ี ทาํ ไมจะสอนหลวงพี่ไมได เพราะหลวงพ่ีเองเอาแตเรียนปรยิ ตั ิ สว นทางปฏบิ ตั ิไมรเู รอื่ งเลย คดิ ไปกน็ า เสียดายเวลา นับวาบวชมาเปลาโดย แท\" \"มนั เปน อนจิ จังครบั หลวงพ่ี มนษุ ยและสัตวต างก็หมุนเวยี น ไปตามกรรมของตน ชาติกอนผมอาจเคยเปน อุปชฌายอาจารยข องหลวงพี่ มาชาตินผ้ี มกลับมาเปน ลกู ศิษย อะไรจะเกิดกใ็ หม นั เกดิ อะไรจะดับก็ใหม ันดบั หรือ ใหม ันเปนไปเถอะครับ อยา ไปหมายมน่ั ปน มอื วา มันจะเปนอยางนัน้ อยา งน้ี ถึงเวลาก็เปน ไปเอง หลวงพี่ คิดจะ 18

ปฏบิ ตั ิธรรม ก็เปนกศุ ลทนี่ าอนโุ มทนา แตกต็ อ งระวงั เพราะเปนทานมหานช่ี าวบา นเขาชืน่ ชม ไมวาหญิงหรอื ชาย สาวๆก็อาจนิยมมากเปน พเิ ศษ หมน่ั ปฏิบัติวัตถาก หลวงพ่ีอยาเผลอกแ็ ลวกนั เดย๋ี วจะไมไดป ฏิบัติ\" ทา นอาจารยอปุ ชฌายไ ดยินสามเณรโตต อบกับทา นมหาจําเรญิ กห็ วั รอชอบใจ \"ฟง ไวนะทานมหาฟง ไว เณรพดู ได หลกั แหลมทเี ดยี ว มีทาทางจะเปนอยา งน้ันไหมละ?\" \"กม็ เี คาอยขู อรบั หลายคนเสียดวย แตผมไมไดสนใจ หลกี เลี่ยงไดกห็ ลกี เลยี่ ง เพราะยงั รกั ผา เหลืองอย\"ู \"รักผาเหลอื งอยางเดยี วไมพอหรอก ตองเอาทางปฏิบัติและธรรมวินยั เขาชวย ทางวินยั กอ็ ยา รบั แขกสาวๆ ตาม ลาํ พงั ตองใหพ ระเณรมานัง่ เปนเพื่อนดวย แมกระน้นั กอ็ ยา คยุ นาน ตองหากิจวตั รทีจ่ ะหลีกไปทาํ เพ่อื ใหเขา จําเปนตองกลบั ไป ควรสํารวมอนิ ทรีย ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ ใหม าก ทางปฏิบตั กิ ็ตอ งเรงทําสมาธใิ หม าก เพื่อให เกดิ สตเิ ทา ทันกิเลส ความยินดกี ําหนดั ไมน าํ ไปปรงุ แตง ใหเปน เร่อื งราวยาวออกไป ผหู ญิงมาทําตาหวานเยิม้ ให ไมว าใครกอ็ ดคดิ ปรุงแตงไมไดวาเขารักเรา พอมีคําวารกั ขน้ึ หนา มันก็เกิดความคิด ปรงุ แตง กันไปใหญทา นจงึ แนะนําใหพระเราเขาไปอยใู นปาชาเสียบา งเปน วตั รไดยง่ิ ดี จะไดพิจารณาอสภุ กรรมฐาน เห็นความตายเนาเปอยผุพัง เปรยี บเทยี บกบั ความสวยงาม ซึ่งทีส่ ดุ กจ็ ะเปนเชนเดียวกนั \" \"หลวงพอ อาจารยพูดเชนน้ี ผมชกั ไมไวใจตวั เองเสียแลว อยากตดิ ตามหลวงพอ ไปธุดงคด วย\" \"อยา เอาถึงอยางนน้ั เลย\" ทานอาจารยกลาวพรอ มกบั เสียหวั เราะ แลว หนั ไปทางเณร \"วา อยา งไรเณร ไปพดู ใหทานมหาไมไวใ จตัวเองเสียแลว\" \"หลวงพีค่ รับ การไมไ วใ จตวั เองเปน ความไมป ระมาท ผมมองเห็นวา ถา หลวงพ่ีจะพากเพียรปฏิบตั อิ ยางจริงจงั ไม ชา กจ็ ะไดเ ห็นธรรมท่ีเกดิ ขึ้นเอง จริตของหลวงพ่ี คือ หม่ันพจิ ารณาอสุภกรรมฐานจงึ จะไดผ ล ไปถือธุดงคขอทวี่ า อยูป าชาเปนวตั รกจ็ ะส้ินเร่อื ง กลางวันออกมาปฏบิ ตั กิ ิจของคณะสงฆ กลางคืน ๖ โมงเย็นไปอยูในปาชา ปลกู กระตอบขึ้นสกั หลังหน่ึง เครงครดั ปฏบิ ตั ถิ วายชวี ิตตอ พระพุทธเจา จะไมมอี ิตถีมาร หรือมารรา ยตางๆมารบกวน\" ทา นมหาหันไปดทู านอาจารย แลวกห็ ันไปทางสามเณรถามวา \"เณรวา อยา งนนั้ จริงๆหรอื เอาละ หลวงพี่จะทาํ ตาม\" ๗.ธดุ งคจารกิ ตอ มาอกี ๒ วัน หลงั จากอาจารยกับศิษยสามเณรฉนั เชาแลว ก็แบกกลด สะพายบาตรออกจากวัดท่สี ระบุรี มงุ ขึน้ ไปทางภาคอสี าน จดุ หมายปลายทางคือจังหวัดเลยและหลม สกั เพชรบรู ณ ซงึ่ เปน ดินแดนทป่ี ายงั อุดมสมบูรณ เต็มไปดว ยภูเขาเปน พืด และถ้ํามากมาย ดเู ขยี วชอุม ชมุ ช่นื ตลอดท้ังป การเดินทางครง้ั นี้ ทานพระอาจารยอ ปุ ชฌายพ ยายามเลยี่ งเสน ทางคมนาคมสายใหญ ที่มีรถรามาก โดยลัดเลาะ ไปตามทงุ นาปาเขา และไมเ ดินใหไกลนกั หวงสามเณรจะทนไมไหว เพราะเพิ่งจะออกธดุ งคเ ปนครงั้ แรก 19

จากสระบุรีกแ็ วะปก กลดที่แกง คอย ในปาชา ของวัดหนง่ึ ทา นอาจารยเ คยเดินเปนประจําทุกป จึงรจู ักทางท่จี ะลดั เลาะไปไดดี ภายในปา ชา แหงนี้ มีตน ไมปลูกเปนแถวเปนแนวรม รื่น ดูเปน ปาชา ทพ่ี ฒั นาแลว มีฮวงซุยต้ังเรยี งราย มเี มรุเผาศพ ที่สวยงามทันสมัย มีศาลาใหญสาํ หรับผูม าเผาศพจะไดน่งั พักระหวางทาํ พธิ ี ไมม ีส่ิงใดนากลวั เลย มองเห็นจิตวญิ ญาณท้ังหลาย มีใบหนายิม้ แยม ผองใส มอี าหารทีญ่ าตพิ ่นี องมาทาํ บุญอทุ ิศใหอ ยางอุดมสมบรู ณ จึงเปน พวกจติ วญิ ญาณทใ่ี จดี ฝา ยอกศุ ลจติ จะมจี ิตวญิ ญาณทีอ่ ยูในฐานะลําบาก เหน็ พวกไมม ญี าติ ถูกเขาฆา ตาย ชาวบานเอามาเผาที่ปา ชานี้ เปน การสงเคราะห จึงมีความอดอยาก ไมมีทอ่ี ยูอ าศัย หนาตาเศราหมอง ซง่ึ นบั วา นาสงสาร เมื่อทานอาจารยกางกลด จดั สถานท่ีเรียบรอ ย จิตวิญญาณเหลา นั้นเขากช็ ่ืนชม พากันมาขอฟงธรรมโดยเรียบรอย หลวงพอเลาใหฟ งตอนหลังวา จิตวิญญาณบางดวง กเ็ คยรจู ักคนุ เคย เพราะทา นเคยมาเทศนโปรดจติ วิญญาณในป กอ นๆ เขายังไมถ งึ เวลาไปเกิด หรอื ยา ยไปจุติในภพภูมอิ ่นื หลวงพอไดเ ทศนโปรดระยะหนง่ึ อาตมามองไปที่พวกผีไมมีญาติ เห็นเขานั่งอยทู า ยแถว หนาตาไมผ องใส เมื่อ หลวงพอเทศนเสร็จแลว ก็เรยี กเขาเขามาใกล แผเมตตากรวดนา้ํ ให บอกใหไ ปเกดิ ในภพภมู ิอน่ื ไดแลว อยามาเฝา ปา ชาใหล ําบากอยูเ ลย เขาตางก็พากันปต ยิ ินดี กราบแลวพากนั ถอยออกไป อยางมีอาการลิงโลด สัตวท้งั หลายตางปรารถนาสุขดว ยกนั ทั้งสิน้ แตข าดสติท่ีจะพจิ ารณา ถงึ กรรมดี กรรมช่ัว แยกแยะไมถ กู เชนเดยี วกบั มนษุ ยใ นสังคมของเรา บางกลมุ บางพวกในขณะน้ี จึงมีทัง้ คนทีท่ ํากรรมดี และทาํ กรรมชวั่ มากมาย นาสังเวชสลดจิต แตผูทีม่ ักทาํ กรรมช่วั เปน อกุศล ไมร บู ญุ รูบาป บางก็เทย่ี วตกปลา ลา สตั ว ทําลายชวี ิตซง่ึ กันและกนั มอี าชีพที่นา กลวั อนั ตราย เชน มือปนรบั จา ง ยังมีพวกรบั จา งฆา คนโดยทางลับ ปลอยคณุ ปลอยไสย ใหเ ขาตายไปโดยไมร ู สาเหตุ การกระทาํ ของคนเหลานี้ ไมเ ปน ความลบั ในโลกของวญิ ญาณ เขาจะตอ งไดร ับผลแหง กรรม ตกนรกอเวจี พวกหลอกลวงตมตนุ โกหกมดเท็จ ทําใหผูอ่ืนเสยี หายก็เชนเดยี วกนั พวกลักขโมยปลนสะดม ฆา ผูอื่นเพ่ือเอา ทรัพยสนิ ทางโลกวิญญาณจะไมม วี นั ยกโทษให พวกผดิ ลกู เมียผัวเขา แมแตค นใชในปกครองของเขา ตองมีบาปหนกั หนาสาหสั แมบ างคนเอาลกู มาบาํ เรอความ ใคร และแมแตค นใช เลขานกุ าร โดยอางเอาความกตญั ู หรือบญุ คุณทีเ่ ขาจะตอ งตอบแทนตน ก็เปน บาป ถกู ไฟ นรกเผาไหมใหไ ดร ับทกุ ขทรมาน อันที่จริง พระผูเ ปนเจากย็ อ มจะทรงมีพระมหากรณุ าธิคุณ ปรารถนา จะชวยพาจิตวญิ ญาณขึ้นสวรรคไปทั้งหมด ไมเ ลือกท่รี กั มกั ที่ชัง 20

แตสาวกของพระองคมมี ากเหลอื เกิน เปนรอ ยเปน พันลานคน ญาติพน่ี องของผตู ายก็ผลักภาระไปใหพ ระองคแต องคเ ดยี ว โดยเพยี งแตปกไมกางเขนเปนเคร่ืองหมายใหพ ระองครเู ทา น้นั จะทรงขนจิตวญิ ญาณขึน้ สวรรคไปได หมดสนิ้ อยางไร สวนไทยเรา ไมย อมรอพระผเู ปน เจา และไมค ิดจะผลกั ภาระให พระผเู ปนเจา แตองคเดยี ว ตางชวยกนั คนละไมคน ละมือ ทําบุญอุทิศสว นกุศลใหจ ิตวญิ ญาณของพีน่ อ งพอ แมข องตนอีกทางหน่ึง แมยงั ไมไ ดข้ึนสวรรค กย็ งั มีอยูมกี ิน ประทงั ชีวติ ไปได ไดส ง จติ ไปถามหลวงพอ อปุ ชฌายท่ีกลดซึ่งอยหู างกนั วา \"จะชวย เขาไดอยางไรดี ดูนา สงสารมาก บางคนเขาเช่อื ฟง พระผเู ปนเจาดี ไมไดท าํ บาป แตก ไ็ มไดทาํ บญุ หรือไมมใี ครทาํ อุทิศให จะไปเกิดใหม บุญกย็ ังไมพ อจะไปเกิดได บางคนอยนู านเกินไป จนมดื มัวไปหมด ไมรูจะไปทางไหนถูก\" หลวงพอตอบมาวา \"พระพทุ ธเจา ทา นสอนใหเ มตตา ไมเลอื กวา จะเปนใคร ศาสนาไหน ชนชาตใิ ด ยอ มเปน เพ่ือน ทุกข เกดิ แก เจบ็ ตาย ดวยกนั ทง้ั หมดทง้ั สิ้น เราเขามาพักในปา ชา ของเขา กเ็ ปน บุญทเี่ ขาจะไดไ ปผุดไปเกิดมาก ดวยกนั จงแผเมตตา กรวดนา้ํ อทุ ิศกศุ ลของเราท่ี เฝาบาํ เพ็ญเพียรมาใหแกเ ขาเถดิ \" การอุทิศสวนกุศลนี้ เปนเรื่องสาํ คญั มาก ก็อยากจะบอกกลาวญาติโยม ทเ่ี ปนคริสตศาสนิกชนวา ถงึ ทานจะทาํ บญุ ใหท าน อยางไทยพุทธไมได พระผูเปน เจากไ็ มท รงหามไมใ หทาํ สงิ่ ทีเ่ ปนกศุ ล ทา นอาจจะถือศีลแบบของทา น อาจจะบรจิ าคทรพั ยเ พอ่ื สาธารณประโยชน เชน สรางโรงเรยี น โรงพยาบาล ชวยเด็กพกิ ารอนาถา ทานกส็ ามารถ อทุ ศิ กศุ ลไปถึงญาตพิ นี่ องที่ตายไปแลว ใหเขาไดร ับได โดยทําจติ ของทา นใหส งบ นกึ อทุ ศิ ดวยการออกชือ่ ของเขา ก็ จะทําใหเ ขาไดร บั กศุ ลได ในสมยั ทุกวันนี้ บาทหลวง แมชี (ซสิ เตอร) ตางก็สนใจในการฝกเดินจงกรม ทาํ สมาธิกันมากข้ึน เพ่ือซกั ฟอกจิต ของตนใหส ะอาดบริสทุ ธิ์ อันน้ี กน็ บั วาเปน กุศลเหนือสิ่งใดทั้งสิน้ เม่อื ปฏบิ ัติจบสิ้นแลว ก็นึกอุทศิ กุศลใหแกผูล วงลับไปแลว ท่เี ปนญาติของ ทา น หรือจะอทุ ศิ ใหสรรพสัตวไปดวยก็ได บุญจะไดเ พม่ิ พนู ไมรจู กั หมด ที่นําเอาปาชา คริสตมาเลา แทรกไว ไมมีเจตนาจะหม่นิ ศาสนาใด แตเ ปนการบอกบุญ เพื่อประโยชนส ขุ ของจิต วิญญาณท่ีถกู ทอดท้ิงให อดอยาก เปน ทนี่ า สงสาร และบอกทางที่ญาตพิ น่ี องจะอุทศิ สวนกศุ ลใหเขาได ถึงไมใช อาหาร ก็จะทาํ ใหเ ขาไปเกดิ พน ทุกขไดเ ร็วข้นึ พระพทุ ธเจาของเรา ทรงมเี มตตาอยา งกวางขวาง เผ่ือแผไปทุกสรรพสตั ว สมัยพทุ ธกาลมเี จาลัทธิศาสนาเปน อัน มาก เมือ่ ของใจหรอื อยากรปู ญ หาธรรมทีย่ ังไมกระจาง กม็ ักจะมาตั้งปญ หาถามพระองค จนส้นิ ความสงสยั เกิด ศรทั ธาบรรลุมรรคผลเปนพระอริยบุคคลเปนอนั มาก บางทกี ็มาแบบลองดหี วังเอาชนะ พระองคกไ็ มถอื สา เพราะ ทรงเมตตา หวังชวยเขาใหเ ขา ใจตามความเปนจรงิ พระพุทธศาสนา จึงมเี มตตาธรรม ไมเ คยขัดเคือง เปนศัตรูกับศาสนาใด ไมเคยขดั แยงจนถงึ ตองทําสงคราม ศาสนากับชาตใิ ด 21

เราอาจมผี ูนับถือนอย เปนทส่ี ามของศาสนาอ่นื เพราะเราไมเคยเอาอํานาจทางการเมืองไปบงั คับกดขี่ใครใหนับ ถอื อยางที่เราถูกทําลายมาแลว ในชมพทู วปี หรอื ท่ีอ่ืนๆ แตเรากเ็ ปนศาสนาท่ีมั่นคง ใครมายอมรับนบั ถอื ปฏิบตั ติ ามอยา งจรงิ ใจ เขาเหลานน้ั กจ็ ะเกดิ ความเชอื่ ม่นั ไมสัน่ คลอน เพราะตระหนกั วาเปน สัจธรรมทไี่ มม ใี ครจะเปล่ียนแปลงได สจั ธรรมนน้ั จําเปนตองพสิ ูจนดวยกาลเวลา แตส กั วนั หนึง่ เม่ือชาวโลกประสบทุกขม ากข้นึ ชาวโลกก็จะตอ ง ยอมรับสจั ธรรมทีม่ อี ยูใ นพระพทุ ธศาสนา ขณะนี้ รัศมที องแหง สจั ธรรมกาํ ลังกระจายออกไปในดนิ แดนตางๆ ของโลกอยา งไมเ คยเปน มากอ น การปฏิบัติ ธรรมสมาธิ กําลังคบื หนาไปกวา วิธีการใดๆ ในไมช า ชาวโลกจะพากันยดึ ม่ันเอาคําสอนของพทุ ธศาสนาเปนเคร่ืองดาํ เนนิ ชีวติ และรชู ัดวาสันตภิ าพแทจ ริงนั้น หมายถึงอะไร สันตภิ าพแทจริง คือความยนิ ดีในความสงบทอ่ี อกไปจากจิตของชาวโลกทกุ คนทุกชวี ิต มันจะไมม กี ารทาํ ลายลาง ไมมีการหลงผิดไป ตามอํานาจของความโลภ โกรธ หลง ทิฐมิ านะใดๆ ทัง้ สิ้น มีแตค วามรกั ความเมตตา เอ้อื เฟอ ปรารถนาดีเพยี งอยา งเดียว อาตมากเ็ ปน ชาวพทุ ธ จงึ มงุ แตจ ะดําเนินตามรอยพระยุคลบาท พระบรมศาสดา หวังความสขุ แกชาวโลกท้งั ปวง อยาหาวาหมนิ่ ประมาทเลย โดยเฉพาะเปน พระเปนสงฆผ ทู รงศลี แลว เขาใหค วามนบั ถือ ไมก ลา ผานไป แตเมือ่ เขาเขา ไปยงั ท่พี ํานกั เขาไมไ ด บางทีก็ทาํ ใหเ ขาขดั เคือง กล่ันแกลงเอาบา ง ซึ่งพระธุดงคท ย่ี ังไมมตี าเหน็ ได มกั จะถูกกลน่ั แกลง เสมอ บางทีเขากเ็ ลนงานหนกั ๆ ถึงเจ็บไขไดปว ยไปกม็ ี บางทกี ็แสดงเปน พายุพัด ไมไรห ักระเนระนาด แตพอเชาข้ึน ทกุ อยางกลับเปน ปกติ เปน การเตอื นใหรูว า เปนพระตองรจู ักการควรหรอื ไมค วร เร่อื งนท้ี า นอาจารยอปุ ชฌาย เคยเลาใหฟ งวา พระทจี่ ะออกธดุ งคใหมๆ น้ัน ถาเปนหมคู ณะมคี รูบาอาจารยค วบคมุ ไปดว ยกพ็ อคอยยัง ชว่ั เพราะครบู าอาจารยท านรูจ ักระมัดระวงั แตถาไปกนั ตามลําพังใหมๆ ดว ยกนั รูปเดยี วหรือสองรปู ยังปฏบิ ัตไิ มถ ึงข้นั รจู ักเอาตัวรอด หรอื เปนท่พี ึ่งของตนเอง ไดแลว นับวา มีอนั ตรายมาก บางทีตกอกตกใจถึงเสยี สติ ทิ้งบรขิ ารว่ิงปา ราบไปก็มี เพราะเพยี งแตเขามาแสดงให เห็นในขณะทาํ สมาธิ ดวยลักษณะทีน่ า กลวั ตางๆ ฉะน้นั การออกธุดงค จงึ ไมใ ชข องทําเลน ๆ นึกอยากไปกไ็ ป ทางท่คี วรจะตองเรียนรูฝ ก ฝน ในขอวัตรของธดุ งคใ หดี มคี วามเชอ่ื มัน่ ในพระรตั นตรัย คอื พระพทุ ธ พระธรรม พระอรยิ สงฆ อยางแนวแน ไมหวัน่ ไหว เช่ือม่ันในศีล ใน สมาธิ และมีสติพอรเู ทา ทันเหตกุ ารณท ี่เกิด หรือพิจารณาสภาพแวดลอมอยางรอบคอบ โบราณวา คืบก็ทะเล ศอกกท็ ะเล มีอนั ตรายเพราะมองไมเ หน็ แตกับปาทีม่ องเห็นๆน่แี หละ ก็อวดดไี มได มกั มี อาถรรพณล ล้ี ับแฝงอยูเสมอ 22

เพียงความไมร อบคอบตอสภาพแวดลอม ไดย นิ เสียงลมพดั ปะทะ กบั ชองอากาศเลก็ ๆ ในถํ้า หรือหนิ ผา ทม่ี ีรูลึก เขาไป เกิดเสียงหวดี หวิว ครวญครางเหมือนเสยี งผปี ศ าจ กท็ าํ ใหใจหวน่ั ไหวหวาดกลัวได เสยี งมาจากไหนกต็ าม ตองมีสติสังเกตใหร แู นวาเปน เสียงอะไร ถาเพยี งไดยนิ เสียงและไปคดิ ปรุงแตงเอาเองวาเปน เสียงนน้ั เสียงน้ี เราก็ เสร็จ ตอ งเอาอยางพราน เขาระมัดระวงั ทุกอยาง เวลาออกปา ลา สัตว เขาจะไมใสเ สื้อผาทซี่ ักใหมเ ปนอันขาด ตอง ปลอ ยใหเ หม็นสาบเหมน็ สางไปอยางนนั้ เขาวามเิ ชนนั้นจะทาํ ใหสตั วมนั ผดิ กล่ิน การพดู จาเขากร็ ะวังไมพดู เสียงดัง ตะโกนกนั โหวกเหวก หรือพูดตลกคะนอง พูดหยาบคาย แมแตช่อื เขาก็ไมเรียก ออกช่ือกนั การเดนิ ก็ตองดใู หดี บางทเี ขาขดุ หลมุ พราง ปกหลาวดกั สตั วไว เอาใบไมเกลีย่ ปด ถา สุมสีส่ ุมหาเหยียบลงไปก็ไม เหลือ หรอื บางทีเขาขัดจัน่ หาว ขึงสายใยไว ถาเดนิ ไปเตะถกู สายใยเขา แหลนหลาวหรอื ปน ทเี่ ขาขัดไว มนั กพ็ ุง ใส พุงเอา ท่ีพระพุทธเจา ทา นสอนใหสาํ รวมอินทรีย คือตอ งระมดั ระวังสิ่งนี้เอง ในปา บางแหง พืชมีพษิ นนั้ มมี ากดว ยกัน ตอ งทําความรจู ักใหดี เชน ตะรงั ตวั ชาง ไปถูกมันเขา กไ็ ขขน้ึ ตัวตอหลมุ ก็ เหลือรา ย เผลอเหยียบลงไปในหลมุ หรอื รงั ใตด นิ ใหญๆ ถึงตายกม็ ี บางทเี ดินเลาะลัดเขาไปในปาทึบ เห็นเถาวลั ย พันไม หอยเกะกะอยูเ หมือนทอนไมแ หง บางทมี ันกเ็ ปนงูพิษดไู มออก เพราะสมี นั กลมกลนื กบั เถาไม พระธุดงคส มัยกอ นน้ี ทา นมักมกี าตม น้ํารอนติดไปดวย เพราะรวู ากรักกรองน้าํ ยงั ไมป ลอดภัยพอ สาํ หรบั กรอง เชือ้ จลุ ินทรยี  ซง่ึ อาจเปน เชื้อโรครา ย ไมสะอาดพอเพราะมนั เล็กมากมองไมเห็นดวยตาเปลา สูตม ไมไ ด แนใ จดี มาสมัยนเี้ ห็นสะพายกระตกิ นาํ้ หมุ ผาสักหลาด เวลานํ้าหมดเจอลําธารน้ําไหลใสเย็น กเ็ อาใสไ ว ดกู โ็ กดี เปน พระ ทันสมัย แตไมป ลอดภัยเลย นํ้าบางแหงทาํ ใหทอ งรวงทอ งเดนิ หรอื ทําใหเปน ไขป า ได แมการอาบนํ้าในหวยลาํ ธารซง่ึ มคี วามเย็นเกินปกติ คนสมัยกอนเขากร็ ะวงั กัน ไมพรวดพราดลงอาบทนั ที ตอง คอ ยๆวกั น้ําลบู หนา ลูบตัวเสียกอน เปน การปรับอุณหภมู ใิ นรา งกายใหรูตัว มฉิ ะนัน้ ไขปาอาจถามหา ส่ันง่กั ไมท นั ขึ้นจากนาํ้ บางทานคิดเอาวา การออกธุดงคนั้น ตนไดถวายชีวิตแกพ ระพทุ ธเจา แลว สุดแตท านจะเมตตา เปนตายอยา งไรก็ ยอมทั้งส้นิ อนั นกี้ ถ็ ูกท่เี ชือ่ มั่นอยา งน้นั แตพระพทุ ธเจา ทานทรงสอนอยา งไร ทานสอนวาอยาประมาทใชหรอื ไม ถา เรามีความ ประมาท ไมร ะมดั ระวัง ใหร อบคอบ ก็ผดิ คําสอนของทาน ผูมีความประมาท เมตตาของพระพทุ ธเจา คงจะชวยได ไมท ันกาล 23

๘. ดนิ แดนสปั ปายะ หลังจากธดุ งคท ่ีแกงคอย ก็เลาะเลียบมาตามอรัญแนวปา ถงึ ปากชอง ดินแดนทีเ่ คยปกคลมุ ทีด่ งพญาไฟ ซ่ึงตอมา ไดเ ปลย่ี นเปนดงพญาเย็น ดินแดนแหง นี้แตเ ดิมนน้ั เปนท่ีสญั จรของพระอริยเจา จนถงึ พระธุดงคท ่ีกําลงั แสวงหา ความหลุดพน บางรูปกม็ ามรณภาพในดงนี้ เนอื่ งจากไขป า บาง หรือดบั ขันธไ ปตามกาลเวลาบาง จงึ มจี ติ วญิ ญาณ ทเี่ ปน ทิพยท องเทีย่ วอยเู ปนอันมาก เม่อื ไปปก กลดอยูรมิ นา้ํ ลําตะคอง ใตกอไผ ก็ไดพบพระอรยิ เจาผูชราภาพมาแวะเย่ียมเยยี น บอกอบุ ายธรรมท่จี ะ นําไปสูค วามหลดุ พน แสดงวาจติ วญิ ญาณอนั เปนอมตะธาตทุ รงกศุ ลกรรม มไิ ดส ญู หายไปไหน ยงั มีครูบาอาจารย ทม่ี รณภาพไปนานแสนนาน คอยปรากฏกายใหผูปฏบิ ัตดิ ีปฏบิ ัติชอบ ไดเ กดิ ความเชื่อมนั่ เกิดปญญาอยูเสมอ เราเดินทางกนั ตอไป จนแยกทางเขา ดานขุนทด ตัดออกชัยภูมิ จนถึงอําเภอภูเขียว ซ่ึงมปี าเขาลําเนาไพรมากข้นึ และเตม็ ไปดวยหมอกขาว ปกคลุมไปทุกหยอ มหญา เนื่องจากเปน ฤดูหนาว ชาวนากําลังระดมกนั เกบ็ เกี่ยวขา ว แตชาวบานที่พานพบนัน้ มคี วามเลอ่ื มใสในพระพุทธศาสนานอ ยมาก แตเ ขา ยินดีถวายทานบณิ ฑบาต ใหพอดาํ เนินชีวิตทอ งธดุ งคตอ ไปได ทา มกลางอากาศอันหนาวเหน็บเชน นี้ เรากพ็ ากนั เขา ไปบาํ เพ็ญภาวนาอยใู นถาํ้ ทีใ่ หความอบอุนดกี วากลางแจง เราไมไดก ําหนดวา ถํ้านน้ั ชาวบานเขาเรยี กวา อยางไร สักแตวาเปนถาํ้ มีชอ งอากาศถายเทได ไมอบั ชน้ื ปอ งกัน หมอกหรือนํา้ คา ง และใหค วามอบอุน ได กเ็ ปน อันพอใจ แมก ระนน้ั พอเวลาใกลค่าํ อาตมาซ่ึงเปนสามเณรกเ็ ท่ยี วไปหาไมแ หง อนั มีอยูมากมาย ทัง้ ทอนเล็กและทอนใหญ เขา มาเก็บสะสมไวใ นถาํ้ พอคํา่ ลงก็จดั การกอไฟใกลทปี่ กกลดอยูใ นถํา้ ชนั้ ในไวก องหนึ่ง กอไวท่ีขางกลดอาตมา ซึ่ง อยใู กลปากถา้ํ อีกกองหนง่ึ เพื่อความอบอนุ เพมิ่ ขนึ้ สําหรบั ท่กี างกลดน้ัน แมจ ะเปนในถํา้ ก็ตองแอบไปขา งใดขางหน่ึง อยาไปกางปดปากถ้ําและขวางทางเดนิ เพราะ ตามทางเดินนั้น ยอ มมจี ติ วญิ ญาณหรือโอปปาตกิ ะ เดินเขาเดินออกอยเู สมอ ตอนยางเขา สบู ริเวณหนา ถา้ํ ก็ไดเห็นเจาปา เจาเขา เจา ถ้ํา อารกั ขเทวา มายืนเรยี งรายกันอยหู ลายทาน และยิ้ม แยม ดว ยเมตตา แสดงอาการตอนรับ เมื่อตาเห็นยงั ไมร วู าเปนใครบา ง ตอ มาสํารวมใจก็รขู ึน้ มาเองวา องคนน้ั องคนี้เปน ใคร เห็นหลวงพออปุ ชฌายท านหยดุ ยนื สงบอยู ทานคงเห็นอยางอาตมาจึงไดห ยดุ ดว ย แลวแผเมตตา ธรรมกอ น เสรจ็ แลวกส็ ง จติ บอกวา ทม่ี าน้ไี มไ ดม ุงหวังสมบัตพิ สั ถานสง่ิ ใดที่อาจมอี ยู ณ สถานที่นี้ แตตอ งการจะ มาหาความวิเวก บาํ เพ็ญภาวนาเพื่อแสวงหาธรรม อันเปน ทางหลุดพน เห็นทุกองคพากนั ยิม้ พยักหนา จงึ พากนั เดินเขาไปสภู ายในถา้ํ เมอื่ ลึกเขาไป ก็ไดเห็นแสงสวางเปน ลํายาว ผานชองหินบนยอดเขาลงมา ทาํ ใหเ กิดแสงระยบิ ระยบั เปน ประกาย จากหินยอยที่หอยระยา เปน ชอช้นั หลบื กนั้ ดงั วิสูตรมา นอันงดงาม และมีพระพทุ ธรูปขนาดหนาตกั กวา ง ๓ ศอก เปนองคป ระธาน สที องงดงามดวยพุทธลักษณะ นอกนน้ั ก็มีพระพทุ ธรูปองคเลก็ องคนอย เรียงรายลดหลั่นกันเปนระเบยี บ บางองคก็เปน พระสัมฤทธ์ิ บางองคก็ เปน พระเงินขาวผอง บางองคก ็เปนทองคําสุกปลงั่ บางองคก็แกะดวยไมโ พธิ์ ประมาณเกือบรอยองค มีบาตรลูก 24

หน่ึง บรรจเุ ตม็ ดวยพระเครอื่ ง ทาํ ดวยผงวา นสีน้าํ ตาลออน ก็ไดแ ตดดู วยตา แสดงวา ถํ้าน้ี เคยเปน ทก่ี ราบไหวบชู า มาแตโบราณ ควรเล่อื มใสศรัทธาจรรโลงใจใหเ บกิ บานย่ิงนัก หลวงพอทา นเรียกถา้ํ แหง นีว้ า \"ถ้ําพระ\" และบอก วา เคยมาปฏบิ ัติอยูทน่ี ่ีเปนเวลาเดือนกวา จึงไมใชผูแปลกหนาสําหรับผอู ารักขาทนี่ ่ี ท่ถี ้ําแหง นี้ เปน ท่สี งบสงัดควรแกก ารเจรญิ ภาวนายิง่ นัก เดนิ จากถํ้าไปทางทิศตะวนั ออก ประมาณ ๒ กิโลเมตร ก็ จะพบหมบู า นประมาณ ๓๐ หลังคาเรอื น ทราบมาวาบรรพบรุ ุษของเขา ไดพ ากนั อพยพจากเวียงจนั ทน มาตั้งรกรากอยูเม่อื รอยกวาปมาแลว ประกอบ อาชีพทาํ นาทําสวน พอไดอาศัยดํารงชีวิตอยูไมมากมายอะไรนกั เพราะพน้ื ทจ่ี ํากดั มเี ขาลอ มรอบเปน สวนมาก แต ชาวบานกด็ ูมคี วามสุขสบาย พอใจในความเปน อยขู องตน เวลาบณิ ฑบาต พวกชาวบานก็ทาํ บุญใสบ าตรให โดยเฉพาะเขาใสแตขา วเหนียวเปลา และมชี าวบา นผูช ายอายุ ประมาณ ๕๐-๖๐ ป สองคน ชวยกนั รับกบั ขาวของกินจากชาวบาน หาบตามมาสงถงึ ถํา้ ชาวบา นเหลานี้คนุ เคย กบั ทา นอาจารยม ากอน จึงนบั วาถํา้ แหงนี้เปน ทีส่ ปั ปายะ พอสมควร ตกตอนเยน็ ประมาณ ๕ โมง ชาวบา นหญิงชายสว นมากมีอายมุ ากแลว จะมีหนุมสาวก็ ๒-๓ คนตามมาดวย รวมกันประมาณ ๒๐ กวา คน เขารับศลี และฟง ธรรมจากทานอาจารย ทา นอาจารยอุปชฌายถามวา \"เปนอยางไรโยม ยงั ปฏบิ ตั ิทําสมาธิ กันอยหู รือเปลา\" \"ตั้งแตหลวงพอจากไปเมื่อปก อ น ก็ปฏิบัติกันมาไมข าด ลกู หลานบางคนเขากพ็ ากนั ปฏบิ ตั ดิ วย\" \"ปฏบิ ัตแิ ลวไดผลอยางไรละโยม\" \"จิตใจมันก็สงบเย็น อ่ิมเอบิ บค อ ยมเี รื่องยงุ ยากเดือดรอน ลกู หลานกเ็ ปนคนดี วานอนสอนงาย เอาแฮงเฮด็ การ งานดีอยู ฝนฟาก็ดี ทํานาทําไรบ อดบอ ยากอยางแตกอ น หลวงพอมาเยยี่ มมายามก็อบอนุ ใจหลาย\" \"ปฏบิ ตั กิ ันแคนก้ี ็ดอี ยู แตยงั บพ อนะโยม ตอ ไปก็ใหปฏิบตั ิใหม ากขึน้ เพราะจิตใจนั้น มันมีกิเลสเขา มารบกวนหลาย ตอ งคอยชําระสะสางใหมนั มนั่ คงบรสิ ุทธใ์ิ หมากขน้ึ ใหถึงมรรคถงึ ผล ใหพ น ความทกุ ข จริงๆ หมโู ยมอยา พากนั ประมาท ความตายจะมาถงึ ยามใดก็บฮ ู ตองเอาสวรรคนิพพานใหไดกอ นตาย จึงจะดจี ะชอบ ต้ังหนาปฏิบัติตอไป เถอะ พระพุทธเจาทา นยอมคมุ ครอง บใ หอดใหอยากหรอก\" ชาวบานปาท่ีน่ี นับวา รเู รือ่ งศีลธรรมดีพอสมควร ทานอาจารยเคยธุดงคม าสัง่ สอนเมื่อปกอนๆ อาศัยทีเ่ ขาเปน คน ซอื่ มศี รัทธา มีความเช่อื ถือ สอนอยา งไรเขากท็ าํ ตาม ระหวางทพ่ี กั อยูทีถ่ ้าํ นี้ ตกเย็นชาวบานหญิงชายจะมาฟง ธรรม เสรจ็ แลวกแ็ ยกยา ยไปน่ังสมาธิ บางวันก็มานอ ย บางวนั ก็มามาก แลวแตเขาจะมธี ุระอื่นหรอื ไม ถา เปน วันพระก็มามากเปนพเิ ศษ พอตกคํา่ ก็พากันกลบั จดุ ใตสอง ทางไปเปนแถว ทานอาจารยแ ละอาตมาจงึ มีเวลาปฏิบตั มิ ากพอสมควร และจิตใจไดรับความสงบเยือกเย็นเปน อัน มาก 25

เหตทุ ่ีพระผูป ฏิบตั ิดปี ฏบิ ตั ิชอบ ทา นยินดีในการแสวงวิเวกอยตู ามปา เขานนั้ ก็เพราะธรรมชาติของปา เขา มีความ สงบอยคู ร่งึ หน่ึงแลว ในปา เขาไมม สี งิ่ ใดทจี่ ะทําใหจิตใจฟงุ ซาน ไมม ีส่ิงเยายวนลอ ตาลอใจ นอกจากเสยี งจกั จนั่ เรไร เสยี งน้าํ ไหลในลําหว ย เสยี งกระรอก กระแตและนกรอง จงึ มีแตความสงัดเงยี บ บางทีเสียงธรรมชาติเหลา น้ี เรากห็ ยุดนง่ิ จนจิตของเราสงบไปเอง ยงิ่ ตอนกลางคืนแลวสงบจนรสู กึ วากายเบาและ จิตเบาไปหมด แมแต รางกายทีอ่ ยใู นทา นั่งสมาธิ มนั ก็เหมือนไมมี มแี ตตวั รูคือสติเทาน้นั ๙. เทพบตุ ร เทพธดิ า มาขอฟง ธรรม ดงั ไดเลามาแลว วา อาตมานน้ั มีตารู หูไดย ิน อยา งทเ่ี รยี กวา ตาทิพย หทู ิพย มาแตเ ดก็ ๆ เปนสิง่ ท่ีติดมากับจติ เดมิ แท ทเ่ี คยปฏบิ ัติมา แตอดีตชาติ โดยเฉพาะชาตทิ ี่แลว เปนพระชรามรณภาพในสมาธิ ในชาติน้ีแมยงั ไมไ ดป ฏิบตั ิ ธรรม กส็ ามารถเห็นไดเ อง อยางที่เหน็ เจาปา เจาเขา เทวดาอารักษ ตอนทีม่ าถึงถาํ้ น้ี เปนการเห็นโดยไมไดหลับตา และเหน็ ตอนกลางวนั การเหน็ นี้ นบั วา เห็นจนเคยชิน เปน เรอื่ งธรรมดา เชนเดียวกับท่เี รามองเห็นมนษุ ยแ ละสัตว หรอื ทกุ ส่งิ ในโลกน้ี แม จะเปน คนละมิติ คนละภมู กิ ็ตาม ตอนท่อี าตมาจะไมเหน็ ก็ตอนทป่ี ฏิบตั ธิ รรมสมาธิ จติ เปนเอกัคตา หรอื เขา สูอุเบกขา กับตอนที่ถอนจติ ออกมาสู อปุ จารสมาธิ พิจารณากายคตาสติ ไมไดสนใจกบั สงิ่ ภายนอก ใชแตส ติคอยดูคอยรกู ายกบั จิตเปนปจ จบุ ันเทาน้นั เมอ่ื ออกจากสมาธแิ ลว จึงไดเห็นอยา งทเี่ คยเหน็ เม่อื ปฏิบตั อิ ยใู นถา้ํ น้ี ๗ วัน คนื ที่ ๗ นั้น ขณะทอี่ อกจากนงั่ สมาธิ เพ่ือเปลี่ยนอิรยิ าบถ ออกไปเดนิ จงกรมหนาถ้ํา ซึ่งเปน พน้ื เรยี บ ญาตโิ ยมเขามาปดกวาดไวใ หสะอาดดี อาตมากไ็ ดพบเจาปา เจาเขา เทวดาอารกั ษ ทีเ่ คยพบในวัน แรก มาน่ังพนมมือขวางหนาอยู จงึ ถามในใจวา \"ทา นมี ธุระอะไรกบั อาตมาหรอื \" เทวดาอารักษเ ปน ผตู อบวา \"ทานสามเณรปฏิบตั ดิ ปี ฏิบตั ิชอบ บัดน้ี เทพบุตร เทพธดิ า มศี รัทธาเลอื่ มใส ประสงค จะมาขอฟงธรรม รออยูห นา ถ้าํ ประมาณ ๕๐๐ ตน ขอนมิ นตท า นสามเณรไปโปรดดว ย\" อาตมาก็ตอบวา \"อาตมาเปนเพียงสามเณร มีความรนู อย ไมส มควรจะไปกลา วธรรมแกเทพบุตรเทพธิดา อกี ประการหนงึ่ กม็ คี รบู าอาจารยมาดว ย อาตมาไมกลา ทําเกินหนา ครูอาจารย เปน การไมเ คารพทา น ทําไมไมข อฟง ธรรมจากครูบาอาจารยข องอาตมา ซ่งึ มีคณุ ธรรมสงู กวา อาตมา\" \"ทานเทพบตุ รเทพธิดา พากนั แสดงความปรารถนาจะไดฟ ง ธรรม จากทา นสามเณรนะทาน\" เทวดาอารกั ษต อบ \"ทําไมหนอ เพราะอะไรหนอ จึงแสดงความปรารถนาเชน นนั้ ทาํ ใหอาตมาลาํ บากใจนะคุณโยมอารักษ เอาอยา งน้ี เถอะ คุณโยมอารักษไปเรียนปรึกษาตอ หลวงพอ อาจารยเ สียกอ น ทา นจะอนุญาตไหม ไมเ ชนนั้นอาตมาไมกลา จริงๆ\" \"เอาอยา งนั้นก็ไดทา นสามเณร\" 26

ทานอารักษต อบแลว ก็ขยบั เขยื้อนกายอนั เปน ทพิ ยนน้ั เขาไปยงั ถ้าํ ช้นั ใน แตแลวหลวงพออาจารยก็มาปรากฏตวั พรอ มกบั พดู วา \"เณรจงไปแสดงธรรมโปรดเขาเถอะ หลวงพออนญุ าต\" \"หลวงพออาจารยจ ะใหกระผมแสดงธรรมดวยขอใดหรือขอรับ\" \"ธรรมอันทําบุคคลใหเปน เทวดาน้นั ยอมทําใหเทพเหลาน้ันช่ืนชมยนิ ดี เกดิ ปติแกเ ขา แตจ ะทาํ ใหเขายดึ ตดิ อยูกบั ความหลงในความเปน เทวดาของตน ซึ่งมีเหตใุ หเ สือ่ มได ไมก า วหนา ในธรรม ควรแสดงไตรลักษณ และความไม ประมาทดว ย จงึ จะชอบ\" เม่ือไดร บั อนญุ าตเชนนั้น อาตมากไ็ มมที างหลีกเลีย่ ง จึงเดินนําเทวดาอารกั ษออกไปท่ปี ากถํ้า ซ่งึ ในราตรนี ีเ้ ปน ยามขา งขน้ึ ๑๔ คํ่า ดวงจันทรใตแผน ฟาสองแสงกระจา งแจม ใสไปท่วั หลา เหลา ดาราทีเ่ คยประดบั ฟาในคืน ขางแรมกถ็ ูกกลนื หายไป ทัง้ ท่ธี รรมชาตขิ องดวงตายังคงมอี ยูเ ชนเดิม แสงจันทรน่ันเองทําใหมองเห็นเทพบุตร เทพธิดาในชดุ ขาว นงั่ กันอยูเปนระเบียบ เปน สัดสว น เทพบุตรนง่ั รวมกนั อยูท างซีกขวา เทพธิดานง่ั อยูท างซีกซา ย เวนชองทางเดนิ ไวตรงกลาง จากรางในชุดขาวบริสทุ ธิ์นนั้ มีแสงเรอื งออนๆ อยทู ั่วกาย อาตมาไดแตชําเลืองดตู อนทอ่ี อกไปยืนหนาถํ้าเทา นน้ั มิไดพิจารณาสังเกตอยางถถี่ วน วาหนา ตาจะงดงามหรอื ไม เพราะตอ งอยใู นอาการสํารวมอินทรีย กาย วาจา ใจ ทอดสายตาไปไมเกนิ ๔ ศอก คร้ันไปยืนอยูหนา ถา้ํ แลว เทพท้ังหลายตางยกมอื ขึ้นนมัสการจรดเหนือหนาผาก เทพองคห น่งึ จิตรูวาเปน หัวหนา พดู ข้ึนดว ยเสยี งอันมีกังวานไพเราะวา \"พระคณุ เจา เหลา โยมซึ่งเปนเทพบุตร เทพธดิ า มากันเปน จํานวน ๕๐๐ ตน มีความปรารถนาจะขอฟงธรรม ขอ พระคุณเจาไดโ ปรดแสดงธรรม แกขาพเจา ทงั้ หลายเถิด\" อาตมาสงบอยขู ณะหน่งึ จงึ กลา วข้ึนวา \"คณุ โยมเทพบุตร เทพธดิ าทัง้ หลาย ผูมีความปติสขุ ความอิ่มเอบิ ในทิพย สมบัตเิ ปน เคร่ืองอยู เปนผูนิราศแลว จากทุกขท ั้งปวง แมกระน้ันคณุ โยมกม็ ไิ ดม คี วามประมาท หลงอยใู นทพิ ย สมบตั ิ มจี ติ ปรารถนาจะไดร ับรสพระธรรม เปนที่นายินดอี นุโมทนา ความปรารถนาในกศุ ลธรรมน้ี นับเปนบุญที่ ควรอนุโมทนาเปน อยา งยงิ่ อาตมาไดออกมาแสดงธรรม ตามความปรารถนาของคณุ โยมทงั้ หลาย แตขอไดโปรดทราบวา ธรรมท่ีนาํ มาแสดง นี้ เปน ธรรมขององคพระสัมมาสมั พทุ ธเจา ทท่ี รงแสดงไวดีแลว เปนธรรมท่ไี มม กี าลเวลา ผูสอ งเสพซ่ึงรสพระ ธรรมเมอื่ ใด ยอมไดร บั รสแหงธรรมน้นั ทุกเม่ือ นับเปนธรรมของโลกโดยแท กุศลธรรมเหลา ใด อนั ทําใหบ คุ คลเปนเทพบุตร เทพธดิ า เสวยทพิ ยสมบตั อิ ยู ณ บดั นี้ กศุ ลธรรมเหลาน้ัน เปนส่ิง ทีค่ ณุ โยมทั้งหลายสมควรนาํ มาทบทวน กระทาํ อยูอยางสม่ําเสมอ ไมควรหลงลืมละเวน เพราะเหตแุ หงทิพย สมบัตทิ เี่ สวยอยู มาปดบงั อาํ พรางไว 27

อันทพิ ยสมบตั ทิ ่ีเสวยอยูน้ี แทจ ริงเปน ของเสื่อมได หมดได เปน ของไมเ ท่ียง ไมย ่ังยืน ดวยเปน เพยี งโลกียสมบัติ เมื่อกุศลกรรมที่ไดก ระทําไวหมดลงความสุขอันนก้ี จ็ ะกลายเปน ทกุ ข หรือจะตอ งไปเกดิ ใหม ตามภพภูมิ ตาม กรรมดีกรรมชั่วของตน ทย่ี ังมเี ชอ้ื เหลอื อยู ทิพยสมบตั มิ ใิ ชอ ัตตาตวั ตน ที่เราทานจะยดึ ถอื หวงแหนเอาไวได ดวยเหตนุ ้อี งคพระสัมมาสมั พทุ ธเจา จงึ ทรงตรสั ยํา้ เปนคาํ สุดทา ย กอ นปรินพิ พานวา ทา นท้งั หลายจงยงั ความไมประมาทใหถ ึงพรอม ความไมประมาทน้นั คือ ควรระลกึ ถงึ กุศลกรรมที่ตนไดก ระทาํ มาดีแลว และพากเพียรกระทาํ ตอไป มใิ หข าดสาย โลกทิพย อันคณุ โยมทง้ั หลายเสวยทิพยสมบัติอยนู น้ั จงพจิ ารณาใหด ีก็จะเหน็ วา ยังเปน โลกทไี่ มมแี กนสารอยู อาจ กลาวไดวา เปน โลกที่ไมม ตี ัวตน เปน แตแสงสวางแผซ า นอยู เปนโลกทีล่ ะเอยี ดออน คณุ โยมท่ปี รากฏกายใหอ าตมาเหน็ นี้ กด็ ว ยอํานาจของจิตอธษิ ฐาน จะจัดวาเปนโลกของจิตพักอาศยั อยกู ็ได ฤทธ์ิ อํานาจทอี่ าจบนั ดาลใหเ ปนไปตามความปรารถนาได กไ็ ดอาศัยจติ เทาน้นั สวรรคก ็ดี วมิ านก็ดี ลวนเกิดข้นึ มีขน้ึ ดวยอํานาจของจติ ทเี่ ปน กศุ ลธรรมสง เสรมิ ใหเปน เชนนั้น จติ เปน นามธรรม ไมมีรูปทจ่ี ะประกอบกรรมดหี รอื ชวั่ ไดอยา งมนษุ ย แตจติ ก็ใชวาจะบรจิ าคทาน รกั ษาศีล เจริญ สมาธไิ มไ ด แมม นุษยเองกไ็ ดอ าศัยจติ ทําใหกายกระทาํ ตามทต่ี นปรารถนา ฉะนน้ั คณุ โยมผูเ ปนเทพท้ังหลาย พงึ ใชจิตบรจิ าคทาน ใชจติ รกั ษาศีล ใชจิตเจริญสมาธิเถิด การบริจาคทานดวยจติ กค็ ือใหค วามกรณุ า ใหความเมตตาแกสรรพสัตวท ั้งหลาย ผูใ ดมีทกุ ข ก็พงึ อธษิ ฐานใหเขา พน ทุกข เอาจติ ชวยเขาใหเปนสุข ผูใ ดผิดหวงั กเ็ อาจติ ชวยใหเ ขาสมหวงั ซ่ึงนบั ไดว าเปนทานบารมอี นั ยิ่งใหญ ศลี กย็ อ มรักษาไดด วยจิต ระลกึ ถงึ ศีลทท่ี ําใหเปน เทวดา กจ็ ะเห็นไดว า เพราะมเี มตตาละเวน การฆาเบียดเบยี น สัตวอื่น เพราะมเี มตตาไมก ลาววาจาใหเขาหลงผิดกระทําในสง่ิ ผิด เพราะมีเมตตาไมท ําผูอนื่ เศรา เสียใจตองการ ละเมดิ ลูกเขาผัวเขาเมียเขา เพราะมีเมตตาไมถ อื เอาทรัพยสนิ ท่เี จาของเขาหวงแหน ไดมาดวยความทุกขย าก เพราะมเี มตตาตอตนเอง บุตรภรรยา ไมเสพของมึนเมา เชน สุรา อนั เปนเหตุใหเ กิดทุกขโทษ ตา งๆ ดังนจ้ี งึ เปน ศีล จติ ของคณุ โยมเปน กุศลจิต จงึ นับวา ไดรักษาศีลไวโดยสมบูรณ สมาธิก็คือทําจติ ใหต ัง้ มัน่ อะไรท่ีเปนอุบายใหจติ ตง้ั ม่ันเลา ก็คือการตามระลึกถงึ อนสุ ติ ๑๐ อยางใดอยางหน่ึง มนี ึกภาวนาถึงพระพุทธเจา พระธรรมเจา เปนตน จติ ภาวนาคําวาพุทโธ ใหเ ปน อารมณจ ิตอยสู มาํ่ เสมอ ตอ เนื่อง กุศลธรรมก็จะสงู ขึน้ ไปเปนลาํ ดับ เม่ือหมดบญุ กศุ ลที่ทําใหเ ปนเทพ บุญแหงการเจรญิ ศีล เจริญ ภาวนา กจ็ ะมาเพ่ิมเติมใหคงความเปน เทพตอไปอกี เม่อื พนจากเทพไปแลว ก็อาจไปจตุ ิในมนุษยโ ลก ในที่ดีมีสขุ ไดปฏิบัตอิ ยูในทาน ศีล ภาวนา เกดิ ปญ ญารูแจง เปน พทุ ธะตอไป เมือ่ คุณโยมผเู ปนเทพ ไดตระหนกั ชัดวา ความเปนเทพน้ัน ยงั เปน โลกยี สมบัติซ่งึ เปน สิ่งสมมติ ไมค งทนถาวร เส่ือมได หมดได สน้ิ ไปได กจ็ งอยา มีความประมาท เวลาในสวรรคแมจะยาวนานกวา โลกมนุษย ถึงรอยเทา พัน เทา แตจ ะพน จากไตรลักษณ คอื อนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา นน้ั ไมไ ด สงิ่ สมมติทงั้ หลายเกิดข้ึนแลวยอมดับ จง ขวนขวายละสมมติ ไปสูวิมุตตเิ ถิด จึงจะพน จากการเวยี นวา ยในวฏั ฏะสงสาร 28

อาตมาสามเณรนอย ไดอ าราธนาธรรมคําสอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา มาเพอื่ เปนขอ ระลึกของคุณโยมผู เปนเทพพอสมควรแลว ขอเจริญพรแผเมตตาใหค ุณโยมอยา มีทกุ ขเดอื ดรอ น อยา มีภยั อันตรายใดๆ อยาเปน ผูมี เวรมกี รรมตอ กันเลย จงเปนสุขเปน สุข ตามกศุ ลกรรมของตนเถิด\" เมือ่ จบลงขณะนนั้ เสยี งแซซอ งสาธุการของทวยเทพก็ดังสะเทือน เลือ่ นลั่นไปทั่วขุนเขาไพรพนมทิพย แตเสยี งน้ัน จะดังใหโลกรูก ็หาไม ดว ยเปน เสียงละเอยี ดทผี่ มู จี ิตละเอยี ดไดท ิพยโสตเทา น้ันจงึ จะสัมผัสได จากนั้นกไ็ ดเหน็ เทพ พากนั ยกกรขนึ้ เหนอื นลาฏ แลว ก็ทยอยกันกลบั ดว ยกิรยิ าอันเรียบรอ ยเปน ระเบียบ แลว เลอื นหายไป ทา มกลางแสงจนั ทรก ระจาง อาตมาก็กลบั เขาถา้ํ เขาไปนมสั การอาจารยอปุ ชฌาย ตามแบบอยา งศิษยกบั อาจารย ซึง่ ทานก็ไดยกมอื พนม อนุโมทนากลาววา \"เณรแสดงไดไพเราะจบั ใจ เทพทงั้ หลายปตชิ ่ืนชม สมใจหลวงพอแลว \" ตอ จากนั้นกเ็ ตือนใหเ รง ความเพียรย่งิ ๆ ขึ้นไป หลวงพออาจารยกับอาตมา ไดเจริญภาวนาอยูในความวเิ วก ตอมาเกอื บเดือน โดยไมมีเหตกุ ารณว นุ วายมาแผว พาน จากน้นั จงึ อําลาญาติโยมผูมีอปุ การะบรจิ าคทาน ใหมกี าํ ลงั ปฏิบตั ิดปี ฏบิ ตั ิชอบไดโดยสะดวก นับวาญาติโยม เหลา น้ัน ไดห วานพืชแหงกศุ ลของตน ลงไปในนาทเ่ี ปนเนื้อนาบญุ ดวยเหตุอนั ดี คงจะไดร บั ผลเปนความสขุ สบื ไป ๑๐. ธรรมะจากปา จากนน้ั ก็เดินทางจากเขตปาของอําเภอภเู ขียว ขึน้ ไปยงั อําเภอเกษตรสมบรู ณ ซ่ึงเปนโขดเขนิ เนนิ เขาสูงข้นึ ไปอกี ดา นหนึง่ ที่อําเภอนี้แตโบราณมา ถอื เปนแผนดินทองแหงหนง่ึ เพราะมีการรอ นเรสง สว ยเขาไปสเู มืองหลวงต้ังแตส มยั เจา พอพระยาแล ของชาวจงั หวัดชยั ภมู ิ อันทจ่ี รงิ จากตัวจังหวดั ชยั ภูมิ จะมุงหนาไปทางหนองหญา ปลอง ขา มขึน้ เขาไปยงั เพชรบูรณเลยก็ได แตห ลวงพอ บอกวา จะไปแวะเวียน เยี่ยมเยยี นชาวบานที่เคยมีอปุ การคณุ เมื่อครัง้ ธุดงคเด่ยี วมาเมอ่ื ปกอ นๆ เขาจะไดส รา งบญุ สรา งกุศลกนั บาง จงึ เดนิ ทางสเู กษตรสมบรู ณ แวะเวียนเรอื่ ยมาไมเรง รอ น ทไี่ หนเปนทส่ี ัปปายะ ปฏบิ ตั ิธรรม สมาธริ ดุ หนากพ็ ักอยหู ลายวัน แลว จงึ ธดุ งคตอไป การธุดงคแ สวงหาวิเวกน้ัน ครบู าอาจารยแ ตเ ดมิ มาทา นไมใ หต ิดท่ีอันเปน สัปปายะ ตองไปกันเรอื่ ยๆ ลําบากบาง สบายบาง อดบา ง กินบาง กไ็ มใ หย ึดถอื ใหเ ห็นเปนธรรมดาเปนธรรมชาติ ส่ิงใดเกดิ ข้ึน แลวยอมดับไป ทกุ ข เปลย่ี นเปนสขุ สุขเปลีย่ นเปนทกุ ข หวิ แลวอิ่ม อมิ่ แลว กห็ วิ ส่ิงใดท่ีเราไปยึดมน่ั ถือมนั่ จะตองเปน อยา งนนั้ อยางน้ี บางที กไ็ มเปนดงั ทห่ี วังไว 29

ความผิดหวัง สมหวงั ลว นข้นึ อยูกับกฎแหง กรรมทมี่ นุษยพ ากันกระทําขึ้นทงั้ สน้ิ กรรมดกี ็คลาดเคล่ือนได เพราะดี ยังไมจ รงิ ยงั ไมสมบรู ณ กรรมชว่ั ก็คลาดเคลอื่ นได ถา ยังมีกรรมดีมาประคบั ประคอง ผลมาจากเหตกุ จ็ รงิ แตเ หตุ นนั้ ตองสมบรู ณกอน จึงจะไดร ับผล มองไปตามพื้นดินในปาใหญ มองเหน็ ธรรมหลนเกล่อื นกลาด ธรรมเหลา น้ันกค็ ือใบไมแ หง ซึ่งแสดงสภาวธรรมให เหน็ ถึงความเปน อนิจจัง มนั หลดุ รว งจากตน กําลังจะถูกเหยยี บยาํ่ ใหเปน ดนิ เปนทรายไป เมื่อเปนดินแลว เมลด็ พนั ธุของมันหลนลงมาอกี มนั ก็กลายเปน ฐานรองรับใหเ มลด็ น้นั งอกงามเปน ตน เปนใบขน้ึ มาใหม แลว คอ ยๆโตขึน้ สูงข้นึ ผลิดอกออกใบออน ใบออ นก็เปลย่ี นเปน ใบแก ใบแกจากเขียวเปน เหลือง แลว กห็ ลุดรวงจากกานสพู ื้นดิน เปน ใบไมแ หง เปน ดิน หมนุ เวยี นอยูเชน น้ี เม่ือเงยหนา จากพื้นดนิ ใบไมบ นตนยงั มีอยมู ากเปน แสนลานเทา พระพทุ ธเจา จงึ รบั ส่ังแกภ ิกษุ ๕๐๐ รูปวา ธรรมที่ พระองคแ สดงมาแลว เปนเพยี งใบไมแหง ๑ กํามือเทา นั้น สวนธรรมทย่ี งั ไมไดแ สดงตลอดอายขุ องพระองค ยงั มี มากเทา ใบไมในปา ชางละเอยี ดลกึ ลํ้าสดุ จะประมาณได ทานจึงหามเอาไววา อยาไปรูจ ักโลกเลย ไมว า ใครๆ เปน นักปราชญราช บณั ฑติ ชน้ั ไหน กไ็ มมวี นั จะรจู กั โลกไดทัง้ หมดนอกจากพระบรมศาสดาของเรา แมก ระนั้นกย็ ังไมอ าจแสดงความรู ของพระองคไดหมดสิน้ ฉะน้ันจงมองโลกใหแ คบเขาแคบเขา จนเหลอื แตก ายและจติ นเี้ ทานั้น เมอ่ื รูจกั กายและจิตแลวกจ็ ะรจู ักโลกทง้ั หมด ตลอดพิภพจกั รวาล แตเพยี งกายและจิตน้ี กย็ ังมมี นษุ ยนบั เปน รอยๆ ลา น ไมเ คยมอง ไมเคยรูจักตามที่มันเปนจรงิ เจากายและจติ นี้ นบั เปนกองขยะทย่ี ิ่งใหญ รกไปดวย กิเลส ตณั หา อปุ าทาน กระจดั กระจายเกล่ือนกลาดไป ดวยละอองแหง โลภะ โทสะ โมหะ ทีห่ นาเตอะเหนยี วแนน ยากจะกวาดลา งทาํ ลายใหส ะอาดได แมจะสนิ้ เปลอื งภพชาติเกิดตายไปนบั ไมถวน แตสิ่งทีเ่ กิดเปนรูปธรรม ทีเ่ ห็นอยูในโลกน้ี กม็ ีสภาวธรรมอยา งเดียวกัน ประกอบดว ยธาตุทั้ง ๔ เชน กัน ไมว าจะ เปน คนหรอื สัตว เลก็ สัตวใหญ จะผิดก็แตร ูปรางท่ีแตกตางกันออกไป แมกระนนั้ ในสงิ่ ทเี่ ราสมมติเรียกอยาง เดียวกนั มันก็ยงั แตกตางกันออกไปอกี คาํ วา \"ปลา\" คาํ เดียว แตมีปลากพ่ี นั ชนิดในโลกน้ี \"นก\" คําเดยี ว ก็ยงั มชี อ่ื ตอทายอกี เปน พันชนดิ แมแ ต \"เตา\" คาํ เดียว ก็ยงั มเี ตาสีสวยเล้ียงไวด เู ลน เตาตะนุในทะเลทไ่ี ขข องมนั ราคาแพงมีรสมัน เตานา เตาบก เม่ือบกุ เขา ไปในปากาญจนบุรี อาจไดพบเตา ๖ ขา ขนึ้ ไปบนภกู ระดึงจะไดพบเตาขึ้นตนไมเกง หางยาวตง้ั ศอก ท่ี เขาเรยี กวา \"ปเู ลย\" อา วแลวคําวา ปูเลยในภาคเหนือ กลายเปน ไพลหัวที่มาตาํ พอกแกเคลด็ บวม คําวา \"สุนขั \" มนั มกี ่ีพนั ธทุ แ่ี ตกตางกนั ออกไป แมแตเ ราสมมติเรยี กตัวเองวา \"มนษุ ย\" กม็ นษุ ยใ นโลกนี้มกี ่ี เผา พนั ธุ มนษุ ยกินมนุษยกย็ งั มี แตถ งึ อยา งไรมันกเ็ ปน สภาวธรรมอนั เดียวกนั นนั่ เอง พระพทุ ธองคค งจะเห็นวา จะใหม นษุ ยร จู กั โลกไดท งั้ โลก กจ็ ะทําใหฟ ุง ซาน เวยี นเกิดเวยี นตายไมรจู ักจบ จึงทรง กําหนดใหรจู ักแตก ายในกาย จิตในจติ แมอยา งน้ัน การทําความรูจกั กายกบั จติ ตามสภาพความจรงิ ของมัน ก็ตอง 30

ขามภพขา มชาตเิ หมือนกนั กวาจะรวู า กายก็ดี จิตกด็ ี สุดทายนนั้ ก็เปน อนัตตาไปท้งั สน้ิ มนษุ ยพากันยึดถือผกู พัน กับสงิ่ ทไ่ี มม ตี วั ตน ไมมรี ูปราง ไมใ ชของตนเปนวักเปนเวร อนั ที่จรงิ ความเจริญทางวตั ถุ การพฒั นาบา นเมืองใหกาวหนา พัฒนาโลกอะไรเหลานี้ กน็ บั วา เปน ของดี ทาํ ให มนษุ ยม ีความเปนอยทู ด่ี ีขึน้ สะดวกข้ึน ถึงใครจะไปคดั คานวาไมดี มันกห็ ยดุ ไมได เพราะมนุษยม คี วามรูความ ฉลาด มปี ญ ญามากขึ้น ก็ตอ งพัฒนากนั เรื่อยไป แตม ันกต็ างคนตางคิด ตางคนตางทํา ไมมแี นวรว มท่จี ะคิดจะทําอยา งมจี ดุ หมายปลายทาง มีขีดจํากัดวา เรา จําเปน แคไหน อะไรจําเปนหรอื ไม เลยไมมคี ําวา \"พอด\"ี ความคิดประดษิ ฐท าํ จึงเปน ไปอยา งฟุงซาน ไรข อบเขต ใครคดิ ทาํ อะไรเปน พิเศษกว็ าดี ยกยอ งกัน จงึ แขงกันคดิ แขง กนั ทําอยา งจบไมได หรือหยุดไมไ ด คิดไกลไปถงึ จัดสรรบานขายกนั ทโี่ ลกพระจนั ทร และโลกอ่นื ๆ พยายามจะทาํ ความฝน ใหเปน จรงิ ใหไ ด แตค วามคดิ สรา งสรรคก็ยังนบั วา ดีอยู แตก ารคิดทาํ ลายนี้ มากกวารอยเปอรเ ซ็นต เพียงกดปมุ ปบเดยี ว โลกก็ถกู ทาํ ลายแลวอยางน้ี มนั มคี วามจาํ เปน แกช ีวิตมนษุ ยไ หม ทาํ เพ่ือประโยชนอะไร สรา งแลวเตรียมเครอ่ื งทําลายไว จะสรางกนั ไปทาํ ไม ผลทสี่ ุดก็จะมแี ตค วามวา งเปลา ลมๆ แลงๆ มนุษยท ย่ี ังเหลือรอดอยู จะอยูในสภาพไหน ความคิดทาํ ลายน้ี แทจ ริงกม็ าจากความโลภ อยากเปน ชาตทิ ่มี ีอาํ นาจเหนือชาติอื่น เหนอื โลก มาจากความโกรธ ทไี่ มส ามารถทําใหชาติอน่ื อยใู นอํานาจของตน มาจากความหลงท่ไี มร จู รงิ ในเรื่องของไตรลักษณ ซ่ึงไมม ีใครจะ หลกี เล่ียงได ทุกสิ่งเกิดขนึ้ ยอมตองเปลี่ยนแปลงไป ทกุ สิ่งเกดิ ขน้ึ ยอ มเปนเหตุแหง ความทกุ ข ทุกสิง่ เกดิ ขึ้นยอ มสูญ สลายไป ปราศจากตัวตน เมอ่ื สภาพแทจ รงิ เปนเชน นที้ ําไมจงึ ไมค ิดทาํ เทาท่มี คี วามจําเปน และใหเ กดิ ความ \"พอดี\" ชวี ติ มนษุ ยเ รา ท่ีเกิดมาเปนสัตวส ังคมน้ี จริงๆ แลวตองการอะไรเปนเครอ่ื งดํารงชีวิต? พระพุทธเจา ตรัสถึงเครอ่ื งดาํ รงอยูวา คือปจจยั ๔ อนั ไดแก อาหาร เครือ่ งนุงหม ยารกั ษาโรค ที่อยอู าศยั ถา ปจ จัย ๔ พอดี หรอื ขาดแคลนบา ง ก็พออยไู ด ตามชนบทหรอื บานปาบานดง เราจะเห็นวา แตเ ดิมมาน้ัน เขาอยู กันดวยปจ จัย ๔ จริงๆ ทีเ่ ดือดรอนตองด้นิ รนเพื่อ เอาชีวิตรอดกเ็ พราะมนั ไมพอดี ขาดแคลนมากเกนิ ไป จนทนไมไหว ถา ขาดแคลนเล็กๆ นอยๆ กย็ ังพออยูกันได นี่ สําหรับชาวโลก ถาเปนภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนา ปจ จยั ๔ กใ็ หมี แตย อสวนลงไปใหนอยกวา ชาวบาน เพราะตองอาศยั ชาวบา นเขา กนิ ตองทําตนเปน คนเลย้ี งงา ย \"อาหาร\" ชาวบานเขากนิ ๒-๓ เวลา แตพระก็ฉนั เวลาเดียว \"ยารกั ษาโรค\" กใ็ หฉนั ไดเทาท่ีจําเปน ไมเ ปนโรคเอายามากินเลนก็เปน อาบตั ิ \"เคร่อื งนุงหม\" กใ็ หมีไตรจวี รชุดเดยี ว จะมีมากกเ็ ปนอาบัติ ในสมัยพุทธกาล เคยหา มไมใหเ อาของใหมมาใช ใหไปเท่ยี วเกบ็ ผา ทีเ่ ขาท้ิงตามกองขยะหรอื ปาชา มาเยบ็ ตอกนั เปนจีวร ตอมาผอนผนั ใหรบั ผาใหมจากทายกไดใ นภายหลงั สวน \"ทอ่ี ยูอ าศยั \" ก็ใหอยูต ามโคนตนไมในปา หรอื อยเู รือนราง ท่ีเจาของเขาท้ิงแลว หรอื อยใู นถา้ํ เพงิ ผาก็อนโุ ลม ให ในฤดูเขา พรรษาไมม ที จ่ี ะหลบฝน ก็อนุญาตใหทํากระตอบมีท่ีมงุ ทบี่ ังได แตกใ็ หไมเ กินสวมของเศรษฐีมีเงนิ ใน 31

เมอื ง และไมใ หยึดถือวา เปน สมบตั ิของตน หมดหนาฝนแลวก็ตองไปอยตู ามโคนตนไม ตามถํา้ ไมใหอยเู ปนที่ ให แสวงวิเวกเร่ือยไป แตก ด็ าํ รงชีวิตอยูไดเ พื่อปฏิบตั ธิ รรม ใหถึงความพนทกุ ข แตก ารดํารงอยูข องมนษุ ยในสงั คมทุกวนั น้ี อยูกนั อยา งแบง ฐานะ ๓ ระดบั คอื ๑. อยอู ยา งขาดแคลน ๒. อยอู ยา งพอดี ๓. อยูอยา งสวนเกนิ มนุษยใ นชนบทหรอื ปา ดง อยใู นสองฐานะแรกเปนสวนมาก คือ ขาดแคลนกับความพอดี แตมนุษยใ นเมืองอยูใน ๓ ฐานะ อยางใด อยางหน่ึง และท่เี หน็ ๆ ในบา นเมืองนั้น มกั เห็นวาอยูอยางสว นเกนิ ไมนอยเลย เพราะความเจริญ ทางวตั ถุ ทําใหเกดิ สว นเกินขน้ึ มากมาย จนกลายเปน ขออางวา \"จาํ เปน\" สําหรับชวี ติ ประจําวนั ในสมยั พทุ ธกาล คนที่ดํารงชวี ิตอยา งสว นเกินก็มี เรียกกนั วา \"เศรษฐี\" แตค ําวา เศรษฐีนัน้ ทานแปลวา \"ผมู ีโรง ทาน\" เศรษฐเี ลก็ ก็มี โรงทานเลก็ หรือมโี รงเดยี ว เศรษฐใี หญก ็มโี รงใหญ หรอื หลายโรง มไี วทําไม? ก็มไี วส าํ หรับแบงสว นเกนิ ของเขา ใหแกค นที่ไมมหี รอื ขาดแคลน ไมใหเ อาเปรียบสังคมมากเกนิ ไป ความนยิ มเรอ่ื งโรงทานนี้ พระเจา แผน ดนิ ในสมัยกรุงรตั นโกสินทร ทานก็เคยทาํ กนั มา แตสังคมไทยสมยั น้ี เศรษฐไี มมีโรงทาน มีแตบา นใหญเ กบ็ สะสมสวนเกินเอาไวเทาทจี่ ะมากได ไมยอมแบงใหใ คร งายๆ เม่ือเกิดเศรษฐีสวนเกินมากขนึ้ กท็ ําใหความพอดขี องคนสวนใหญต อ งขาดแคลนลง คาํ วาเอารดั เอาเปรียบก็ ตามมา ความไมเปน ธรรมในสงั คมก็ตามมา และชกั จะมองหนากันไมไ ด ฉันคนรวย แกคนจน คบกนั ไมไ ดเ สีย แลว นคี่ ือการเปนชาวพุทธ แตไ มไ ดอ ยกู ันอยางชาวพุทธ ไมมีความเมตตา กรณุ า เอ้ือเฟอเผื่อแผก ัน ความโลภ โกรธ หลง มันมาพอกหนา เหน็ แตแววตาท่ีเหน็ แกตวั ความพอดกี ็หายไป พระพทุ ธศาสนา เปน ศาสนาแหง ความ \"พอด\"ี ตองการให ชาวโลกรักษาระดับแหงความพอดีเอาไวใ หไ ด ความ เจรญิ ทางวัตถุ ก็ใหอ ยใู นความพอดี เทา ท่ีจะดํารงชีวิตอยไู ด ความเปน อยกู ใ็ หพอดี เรอ่ื งความราํ่ รวยเปน เศรษฐี มหาเศรษฐนี นั้ ทา นไมไดจ ํากัดไว เพราะถอื ความมีความจน เปนผลของกรรมดกี รรม ช่วั แตทานใหรจู ัก ปรบั ตัว ใหอ ยูในความพอดี ถาชาวไทยหรือชาวโลก ยึดถือเอาความ พอดีเปนอุดมการณ ก็จะ อยกู นั อยางสันติสุข เปน สันติภาพแทจ รงิ แมภ กิ ษใุ นพระพุทธศาสนาน้ี กต็ องยดึ ถอื อุดมการณ ใหเ ปน แบบอยางแกชาวโลก ใหเขาเหน็ วาภิกษทุ านดํารงชีวติ อยไู ดด ว ยความพอดี ถงึ แมวา จะนอ ยกวาชาวโลกเสยี อกี แตท านยังอยไู ด ทาํ ไมเราจะอยูไมไ ด ภกิ ษสุ วนมากในสมัยน้ี ไมไ ดอ ยใู นอุดมการณข องความพอดี พากันแสวงหาสวนเกินมากกวาชาวโลกเสยี อีก เมอ่ื ไมรกั ษาอดุ มการณเ อาไวใ หไ ด ก็เทากบั ไมอยูในธรรมวนิ ยั เพราะธรรมวนิ ยั ทา นกําหนดเอาไวเ พ่อื ใหเ กดิ ความ พอดีอยแู ลว ภกิ ษปุ ระเภทนี้แมจะมผี า เหลืองเปน เครอื่ งหมายแสดงความเปนภกิ ษุ กไ็ มถ ือวาเปนภกิ ษุ อาศยั เครอ่ื งหมายหากิน หลอกลวงชาวบา นไปวนั ๆ เปนเนอ้ื นาบุญไมไ ด ตายไปกล็ งนรกทาเดยี ว 32

ท่อี าตมาพูดมาน้กี ไ็ ดจ ากการพจิ ารณาธรรมะในปาเขาไปหาในเมอื ง และเพื่อใหเ ห็นวา การเผยแพร พระพทุ ธศาสนาน้ัน จาํ เปนอยา งยิง่ ทจ่ี ะเผยแพรอ ดุ มการณแหงความพอดีใหกวางขวางออกไป เปนพนื้ ฐาน สําหรับการดํารงอยูของชาวโลกใหไดเ สียกอ น เพราะการทจี่ ะปฏิบัตธิ รรมขั้นสูงตอ ไป ก็จะตองปฏบิ ัติตามความ พอดเี ชนกนั เรียกวามีความพอดเี ปนพ้ืนฐาน และมีความพอดเี ปน \"ญาณ\" กา วไปสอู มตธรรม คือ \"พระนพิ พาน\" ๑๑. ทอ งธดุ งคแ สวงหาทว่ี เิ วก หลวงพออาจารยกบั อาตมา ทองธดุ งคแสวงวเิ วกในปาแถบน้ี จนบรรลุถึงบานบงึ ๑๔ แผน ดินที่อุดมชมุ ช่ืน เน่ืองจากไอเย็นทกี่ ระจายจากนาํ้ ตก ตนลาํ แมน า้ํ ชี ขาว พืช ผลไมมกั งอกงาม ตนสม โอของบานนล้ี ูกใหญดูเปน พวงระยา ไปทงั้ ตน แตเพราะหา งไกลความเจริญ จงึ ไมม ีคาเอาไปซ้ือขายได ชาวบานวา เคยบรรทุกเกวียนเขาไปขายในเมือง ไดเพยี ง ๔ ลกู บาศก ไมค ุม กนั จงึ เหน็ เด็กๆ เอาสม โอมาเตะเลน ตางฟุตบอลเปน ท่สี นุกสนาน ความใหญของสมโอเทาลูกมะพราวทีเดยี ว ในปา และทองนาของหมูบา นน้ี มกั มเี กงและกระตา ย ว่ิงไปมาชกุ ชุมมาก เปน สัตวขนาดเลก็ ที่ไมอยูในสายตาของ ชาวบานในการนํามาเปนอาหาร สัตวท ่เี ราใชเปน อาหารอยา งนอยก็ตองเปน กวาง ขน้ึ ไปถงึ วัวปาและกระทงิ วัวปา ชนิดหนึ่งมีขนเปนปุยรอบชวงคอ เขาเรียกวา \"เมย\" มีชุกชมุ เปน ฝงู แตถ าชาวบา นเขาไมอ ดจริงๆ ก็จะไมล า มาเปน อาหาร ทีเ่ ขาชอบมากก็เปนพวกปลา ทีพ่ อหาไดใ นลาํ หวยเหนือหรือใตนํา้ ตกลงไป ชาวบานทีน่ ี่ เปนคนใจดี อารมณแ จม ใส และใจบุญ เวลาไปบิณฑบาต เขากพ็ ากันใสท้ังขา วทัง้ กับ พอไดขบฉัน อาตมาและหลวงพอ ปกกลดหา งหมูบานประมาณสกั ๑ กิโลเมตร ตอนเย็นๆ หรือตอนบา ย เขาจะมาขอฟงธรรม ดวย แลวก็ไมร บกวนอะไร อยางการขอเลขเบอรหวังรํ่ารวยนน้ั ไมมี เพราะหมบู า นเขาอยไู กลเกนิ กวาจะเดนิ ไปซือ้ หาทอ่ี ําเภอ การอยไู กลความเจรญิ นั้นก็ดีไปอยางหนง่ึ ไมม ีเครอื่ งยัว่ ยวนใหใ จฟุง ซานเกดิ กเิ ลสตณั หาเทา ใดนกั รสู ึกวาเขาอยู กนั ดว ยความพอดี แมไ มม ใี ครมาส่ังสอนเรอ่ื งธรรม เขาก็มธี รรมอยตู ามธรรมชาตขิ องเขาเอง เรียกวา ธรรมกค็ อื ธรรมชาติ หรอื ธรรมชาตกิ ค็ ือธรรม ถึงจะมกี ารผิดศลี บา ง เชน การฆา สัตวกเ็ ปน ไปเพ่ือความมชี ีวติ รอด ไมไ ดถ อื เปน อาชีพ จิตใจของคนทอ่ี ยกู บั ธรรมชาตแิ หงน้ี จึงอยใู นความสงบสุข และพ่ึงตนเองได เส้ือผา ก็ทอใชเอง ปลกู ฝายเอง ปลกู ตน ครามไวย อ มผาเอง สิ่งทเี่ ขาจะตอ งซอ้ื ก็คอื เกลือ ชาวบานเขาเลาใหฟ ง วา ในปา แถบน้ีมีสัตวป าชกุ ชุมมาก เสือกม็ ีมากเชนกนั แตไ มเคยเขา มารบกวนในหมบู าน เน่อื งจากมสี ัตวทเ่ี ปนอาหารของเสอื อยูทวั่ ไป เขา ปา ไปหาฟน เก็บหนอ ไม เหน็ กนั กไ็ มทําอะไร เขาบอกวาเสือที่จะ ทําอันตรายคนกไ็ ดแกเ สือทีถ่ ูกเขายงิ บาดเจ็บ หรือท่เี รียกวา เสือลําบาก กบั เสอื แกวิ่งไลจับสตั วไ มไหว กม็ ักมาคอย ดกั กินคน แตท ่ีนไี่ มเ คยมีใครไปยิงเสือใหล ําบาก แมแ ตเสอื แกน อนอยเู ฉยๆ กม็ ีกระตา ยวิ่งมาเขาปากเอง เพราะ มันชมุ มาก ชาวบานเขาเลาอยางตดิ ตลก 33

หลวงพอกบั ชาวบานแถวนั้นคนุ เคยกันดี เพราะทานเคยธดุ งคม าถึงหลายครั้ง บางคนกป็ ฏบิ ัติธรรมสมาธติ ามท่ี หลวงพอเคยสอนไว การแสดงธรรมของหลวงพอ ไมไ ดท ําอยา งมีพธิ ีการอะไร มกั สนทนากันแบบกันเอง เชน คยุ กนั เร่ืองศีล ทา นกจ็ ะ อธิบายวา ศีลมีอะไรบาง ทาํ ไมจึงตองละเวน หรือใหถ ือศีล ๕ เปนประจํา กลางคนื มีโยมมานั่งปฏิบัตธิ รรมดวยหลายคน เทา กบั มาอยเู ปน เพ่ือนดแู ลอุปฏฐากเรอื่ งนา้ํ เรื่องไฟ เวลานอนเขา จะอยูห า งจากกลด พูดกันคอยๆ ไมไดย นิ พวกเขาชางกินงายอยูงายจริงๆ เพราะอยูกับดินกินกับทรายมาเสียจน ชนิ จะเปนเพงิ หนาถ้ํา โคนตนไม เขาก็หลับได ไมต องระแวงหวาดกลัวอะไร แตไฟน้นั ขาดไมไ ด จะเปน หนารอน หนาหนาว เขานอนแลวตองสุมไฟ เพราะไฟทําใหสตั วร ู ไมเ ขามาใกล จากบานบึง ๑๔ กล็ งเขาข้ึนดอย ไปออกทางบานนาสวน มุงเขาสูจังหวดั เลย ทเ่ี ลยน้ีจะเรียกวาเปนเมืองภูเขากไ็ ด มองไปรอบๆ ทางไหน จะเห็นเขานอ ยใหญเ รยี งกนั เปน พดื ไป แมต ัวจังหวดั เลยเองกต็ ั้งอยูบนหลงั เขา เรื่องหนาวไม ตองพูดถึง บางปตอ งขุดรูกนั อยู หรือเขาไปนอนหมกอยูกบั กองฟาง แมแ ตตนกลว ยกม็ ีนํา้ ในกาบกลว ยแข็งตัว ทํา ใหเปนสดี าํ เหมือนถกู ไฟไหม ก็เปนเหตุใหตน กลวยตาย อาตมาและหลวงพอไมไ ดเขา ไปในเมอื ง ถือธดุ งคไปตามปาแถว ภูกระดงึ และวงั สะพุง มถี า้ํ ใหอาศัยหาความ อบอุน แตตอนเชา มดื จะรสู กึ หนาวเหน็บสะทา นไปทง้ั ตัว กต็ องเรม่ิ ออกบิณฑบาต แตเดินไปสกั พกั หนึ่ง กค็ อ ยยงั ชว่ั แลว กลบั มีเหง่ือซมึ เสียอกี ทาํ ใหร ะลกึ ถงึ คุณพระพทุ ธเจา ท่ที รงสอนใหเ ดนิ บณิ ฑบาต เดนิ จงกรม เดินธดุ งค เปนการรักษาสุขภาพรางกาย เอาไวไ ด ไมเม่ือยขบ ไมหนาว หรอื ทนหนาวได พระพทุ ธเจานน้ั ทานสมเปนพระบรมศาสดา เปนครูของมนษุ ยแ ละเทวดาทั้งหลาย ทา นสอนใหรลู ะเอียด รอบคอบไปหมด เดนิ บณิ ฑบาตมีประโยชนอยางไร จะตอ งเดนิ อยางไร จึงจะเปน การสาํ รวม การเดนิ สาํ รวมตอ งมี สติ เอาจติ จบั อยทู ่ีลมเขา ออก ไมมอี ะไรก็ภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งไป เชน “พทุ โธ” เวลาเขา ไปรบั บาตร กใ็ หม องลงในบาตร เพื่อไมใ หต ามันสอดสายไปดคู อเสื้อสีกาเขา เดยี๋ วมันจะปรุงแตงไปกัน ใหญ การคดิ ปรุงแตงมนั เกดิ ขน้ึ ไดท ุกขณะจิต ถาตาไปเห็นรปู หูไดย ินเสียง จมกู ไดกลิ่น ลนิ้ ไดรส แมไมไดสัมผัส จติ มนั กป็ รงุ แตงจากสญั ญาขน้ึ มาได เม่ือสมั ผัสแลวทาํ อยางไร ทา นก็ใหพ ิจารณาถึงส่ิงตรงกนั ขามเสีย เห็นสวยกใ็ ห คิดถงึ ความสวยใหถ งึ ทีส่ ุดวา สวยแลวมันจะกลายเปนไมส วยได หรือพอแกหนังเหีย่ วมันจะสวยไหม พอเวลาตาย ผิวมนั จะบวมฉแุ ตกปริ เนาเฟอะ สงกลน่ิ เหมน็ มันจะสวยไหม ทา นบอกไวท ุกทาง แมกระน้นั เจาความอยากในกาม คณุ มันกย็ ังเลด็ ลอดออกไปได ทานกส็ อนใหม ีสติ คอยระวังรกั ษาจิต คอยรเู ทา ทันอารมณก เิ ลส ชาวบานชาวโลก มีความอยากมากมาย เพราะอยใู นสิ่งแวดลอ ม ท่ีทาํ ใหเกดิ ความอยาก ใหเกดิ การปรงุ แตง ก็ ตอ งหัดใหรจู ักระวังรักษาจติ คอยรเู ทา ทันความอยากเสียบา ง ไมใชอยากแลว กไ็ มร ูจ ักยับยงั้ ปลอ ยตามใจความ อยากเรือ่ ยไป เพราะความอยากบางอยาง เราทาํ ใหส มอยากไมไ ด ยังไมถ งึ เวลาจะอยาก เม่ือไมสมอยากก็เศรา โศกเสยี ใจ เสยี ดาย อาลยั หา ซ่ึงทาํ ใหเ กดิ ทุกขแกตนเอง 34

วัตถทุ ้งั หลาย เชน ของใช ถา เรามอี ยูพอใชไ ดก ็ใชไปกอน ขนื ไปอยากเขาอกี แสวงหามาอกี มนั ก็ไมพอดี เกนิ ความจําเปนไป พระพทุ ธเจาละเอยี ดยิง่ กวา พอแมของเราเสียอีก จะตอบแทนคุณทานไดอ ยา งไร เพราะทา นไมต อ งการใหเราตอบ แทนใดๆ ทง้ั ส้นิ ทา นมพี ระประสงคจ ะใหส าวกหรอื ชาวโลกปฏบิ ตั ิเพือ่ ตวั เอง ทาํ เพอื่ ตวั เอง ทรงตรัสวา \"อตั ตาหิ อัตตะโน นาโถ\" ซงึ่ แปลวา \"ตนเปนทพี่ ึ่ง ของตน\" คาํ สอนของพระองค แมจ ะประเสริฐยอดเยีย่ มอยางไร ถา ไมปฏบิ ตั ิดว ยตนเองแลว ก็ยากท่จี ะพน ทุกขได ถงึ เราจะ ประกอบงานอาชีพ อยา งไรก็ตาม ถา ไมท ําดวยตนเอง อาศยั จมกู คนอื่นหายใจ คอยใหเ ขาทําให ก็จะไมเกิดผลแก ตน และคงจะไมมีใครมาทําแทนเราได ธรรมปฏบิ ตั ิทจ่ี ะทาํ ใหพ น ทุกขได เราตองรดู ว ยตนเอง เหน็ ดว ยตนเอง จึงจะเกดิ ปญญารแู จงถึงทางพนทุกขน้นั การตอบแทนคุณทา น ก็คือปฏิบัติตามคําสอนของพระองค ดว ยการปฏิบตั เิ พือ่ ตนเอง จะไปหวังพง่ึ พระเจาองค ไหน ไมไ ดทั้งสิน้ คาํ สอนของพระองคเปนสัจธรรม ไมมีธรรมหมวดใด ทจี่ ะทรงกลา วอยางเหลวไหล พิสูจนไ มได เวน แตเราจะไมรู จริง หรอื ไมยอมพสิ ูจนเทา นนั้ สงิ่ ทีเ่ ราจะเหน็ งายๆ ดวยการพจิ ารณาจากชีวิตประจาํ วันของเราเอง ก็คือ อริยสัจ แตเราก็ไมคอยสนใจกนั วา อรยิ สจั ๔ คืออะไร เมื่อเรามที ุกข บางทีเราก็ไมสนใจวา มันเปนทกุ ข เราพากันเรยี ก ทกุ ขว า \"ปญหา\" ปญ หาในการงาน ปญหาในชีวติ แตทีจ่ รงิ ตามความหมายในพทุ ธศาสนา ก็คือทุกขน่นั เอง เมื่อปญหาหรือทุกขเ กดิ ขึน้ กเ็ ปน สงิ่ ที่เราทนน่ิงดดู าย ไมได บางปญหา ถาเราไมห าทางแกไข อาจเดือดรอนมากมาย อาจทาํ ใหบานแตกสาแหรกขาดก็มี ทาํ ใหล ม จมก็ มี ทาํ ใหตดิ คกุ ติดตะรางก็มี ทําใหสูญเสียทรัพยสมบัตกิ ็มี ทําใหถึงตายกม็ ี เรารสู กึ วิตกกงั วลหรือไม ถา เรารสู ึกวิตกกงั วลทนนิ่งอยไู มไ ด นี่แหละเปนตัวทุกขแลว ชาวโลกทว่ั ไป เม่อื เกดิ ทกุ ขขึ้นเชน นี้ กจ็ ะตองหาทางแกไ ข เราจะแกไขไดอ ยางไร ก็ตองคน หาสาเหตุที่ทาํ ใหเ กิด ทุกขใ หไ ดเสียกอน หรอื จะเรยี กวา ใหร ูตัวปญหาวาทกุ ขมนั เกิดขน้ึ จากอะไร ถารูตวั ปญ หาแลว เราก็จะมที างแกได หลายอยางตามความเหมาะสม เรียกวา รูทางดบั ทุกข เมอื่ รูท างดับทกุ ข และดบั มันเสีย ทกุ ขกย็ อมจะหมดไป สัจ ธรรมของ พระองคเ ปน อยา งน้ี เราทา นจะปฏิเสธไดห รอื วา ไมเปน ความจริง เมอ่ื รูวา มที กุ ข ทา นใหหาเหตุวา ทกุ ขเกดิ จากอะไร เมอ่ื รเู หตแุ ลว ก็หาทางแก เม่ือแกไ ดก็สิ้นทุกข แตการทเี่ ราจะรู เหตุแหง ทกุ ข รูวิธีแกทกุ ขน น้ั ก็จะตองมีสติ การทจ่ี ะมีสตริ ะลกึ รไู ด ก็ตองมีความสงบ คนท่จี ติ ใจคิดฟุง ซาน กลดั กลุม ไปรอ ยพนั เรือ่ ง ไมมีทางจะแกไ ด ถึงแกไดก็ดว ยการตัดสนิ ใจอยา งงายๆ บางคนคิด ฆา ตวั ตายไปใหสน้ิ เรือ่ ง บางคนเปน หน้ี ดันไปคิดฆา เจา หน้ี เพราะเมอ่ื เจาหนี้ตายเสียแลว ตนจะไดพ นจากการเปน หน้ี แตไมคดิ วา ไปฆาเขาตาย เขาจบั ไดจ ะเปนอยา งไร เรียกวา คิดสั้นๆ อยา งคนโงเขลาเบาปญ ญา ฉะนั้นจึงตองมี ความสงบ มีสติไตรต รองใหร อบคอบ ใหมองเหน็ เหตุ จึงเหน็ ทางแก 35

ทานจงึ สอนวา ใหหมัน่ ทําใจใหสงบ ใหตัง้ ม่ันเปนสมาธิกันเอาไวบาง เมื่อมสี มาธิ ความเยอื กเย็นสุขุม กจ็ ะเกดิ ขึ้นมา พจิ ารณาถงึ ทางแกไข เรอ่ื งของชาวโลกเรามันก็มอี ยูงา ยๆ แคน้ี แตเราไมคิดทาํ กนั เม่ือเกิดปญหาหรอื ทุกข เลก็ นอ ย ก็กลายเปน ปญ หาหรอื ทกุ ขใ หญ แกป ญหาดวยตนเองไมได ตอ งวง่ิ ใหคนอื่นเขาชวยแก ปญหาของหนมุ สาว รักๆ ใครๆ กแ็ กไมได เหน็ ใหทางหนังสอื พมิ พชวยตอบใหม ากมาย แทนท่จี ะเปน มนุษยผ ูประเสรฐิ กบั เขาได ก็ กลายเปน มนษุ ยโ งๆ ท่ีไปประกาศความโงข องตนเอง ใหโลกเขารู ใหเ ขาเอาคําถามไปประจาน ในหนา หนงั สือพิมพ นี่เปน อรยิ สัจ ๔ ของชาวโลก ทม่ี ีอยเู ปน อยใู นชีวติ คนเราเปนประจําวนั ทเี ดียว แตย ังมีอีกขั้นหนึ่งในทางธรรม ลกึ ซ้ึงขน้ึ ไปอกี มนั เปน อรยิ สจั ของชวี ิต ทพี่ ระพทุ ธเจาทรงเหน็ วา ชีวติ ทง้ั หลาย ตา งก็ตอ งเวยี นเกิด เวยี นแก เวียน เจ็บ เวียนตายอยูเชน น้ี หลายรอยภพหลาย รอ ยชาติ ดว ยกรรมตา งๆกนั เปน ท่ีนาเบอ่ื หนายนัก การเกิดมาก็ตอง เผชิญกบั ทุกขเวทนา ไมมวี ันสน้ิ สดุ ท้งั ที่แทจรงิ ชวี ติ ไมวาคนหรือสัตว ก็เปนอนัตตา มิใชตัวตนของเราหรือของใคร ท้ังส้ิน จะยึดม่นั ถือมน่ั วาเปนของเรากไ็ มใช ทรงเหน็ อยา งนี้แลว กท็ รงเบ่อื หนา ยคลายกาํ หนัด ไมประสงคท่ีจะ เวียนเกดิ เวียนตายตอ ไปอกี จงึ ทรงออกบวช เพื่อแสวงหา ความไมเ กดิ ไมต าย อนั จะเปน ทางพนทุกข การออกบวช เพ่ือแสวงหาการไมเกิดไมต าย อนั เปนทางพนทกุ ขนั้น เพยี งหาเหตุท่ีทาํ ใหเกดิ ทกุ ข เราทานท่ีไมเคย คดิ ถึงเร่อื งนี้ กค็ งจะมนึ งงแทบไมร เู รือ่ งเอาทีเดียว มนั สลับซบั ซอนเกยี่ วพันกัน เปน รายละเอียดมากมาย จะทําให รูแจง แทงตลอดได กด็ วยการทาํ จติ พิจารณา ใหเ ห็นดวยปญญาของตนเอง ซึง่ พระพุทธเจาทรงลาํ บากยากเขญ็ มาแลว กวาจะคน หาเหตอุ นั นีพ้ บ แตเ มอ่ื พบแลว ก็ยากท่จี ะอธบิ ายใหชาวโลกเขาใจไดถ งึ ความเปน จรงิ เพราะระดบั จิตใจระหวา งผพู บความจริงดว ย จติ ท่เี กดิ ปญ ญาขึ้นเอง กับปญญาอยางโลกๆ นนั้ แตกตางกนั ยากทจี่ ะเขาถงึ กันได ถา จะนํามากลา วกนั ยอๆ ประการแรก ทา นกบ็ อกวา วิญญาณมีขนึ้ เพราะนามรปู เปนปจจัย และนามรปู มีขนึ้ เพราะวิญญาณเปนปจ จยั ถา ไมม สี องส่ิงน้ี ก็ไมมวี ญิ ญาณและนามรปู ไมม มี นษุ ยส ัตวเกิดขึ้น แตม นั ไมใ ชอยา งน้นั เทา นั้น ยังมีส่งิ อน่ื ประกอบดวย เชน ทานวา อายตนะ ๖ ประการมีเพราะนามรปู เปนปจ จยั , และอายตนะ ๖ ประการเปนปจ จยั ของผัสสะ, ผสั สะเปน ปจจยั แหงเวทนา, เวทนาเปนปจ จัยแหง ตัณหา, ตัณหา เปน ปจจยั แหงอุปาทาน, อปุ าทานเปนปจจยั แหงภพ, เครือ่ งเกิดภพเปน ปจ จัยแหงชาติ ชรา มรณะ อันเปนนิตย ทุกข ความโศกรํา่ ไร ทกุ ขโทมนัส อปุ ายาสทง้ั หลายทาํ ใหท กุ ขเกิดข้ึน เพราะชาติความเกดิ เปน ปจ จัย กองทกุ ข ทัง้ ส้นิ จงึ มาเกิดข้ึน ทรงมีพระปรชี ารแู จง วา มันเกดิ ขนึ้ พรอมกัน เม่ือรูเหตแุ หงทกุ ขแ ลว กท็ รงแสวงหาทางดบั ทกุ ขใ หสนทิ ลง ทรงตง้ั ปญ หาถามพระองคเ องวา เมื่ออะไรไมม ีเลา หนอ ชรา มรณะจงึ จะไมม,ี เพราะความดบั ไมเหลอื แหงอะไร ชรา มรณะ จึงจะดับไปโดยไมเหลอื , จึงเกดิ ความรู ดวยปญ ญาวา เม่ือชาติความเกิดไมม ี ชรา มรณะ ก็ไมม ,ี อาศัยชาตดิ ับสนิท ชรา มรณะ กจ็ ะดบั ไปโดยไมเ หลอื , อาศัยชาติ ดบั สนิท ชรา มรณะ จึงจะดบั สนทิ ได, เพราะภพดบั สนิท ชาตจิ งึ จะดับสนิทได, เพราะอปุ าทานดบั สนทิ ภพจงึ จะดับสนิท, เพราะตัณหาดับสนทิ ลง อปุ าทานจึงจะดบั สนทิ ไป, เพราะเวทนาดับสนทิ ตัณหาจงึ จะดับสนิทได , เพราะผัสสะดับสนิท เวทนาจึงจะดับสนทิ ได, เพราะอายตนะ ๖ ประการดับสนิทลง ผัสสะจงึ จะดับสนิท, เพราะ นามรปู ดบั สนทิ ลง อายตนะ ๖ ประการ จึงจะดับสนิทได, เพราะวิญญาณดับสนทิ นามรปู จึงดับสนทิ อันน้ี เปน การรทู างทจี่ ะดบั ทกุ ข ซึ่งพระองคไ ดทรงทบทวน เปนอนโุ ลมปฏโิ ลม จนเขา ใจแจม แจงขึน้ ในพระทัย ไมมี ขอ สงสัย พระองคท รงตรสั รูแ ลว และการตรสั รูนก้ี เ็ พราะพระองคไดท รงดาํ เนนิ ตามมรรค ๘ เปน ลาํ ดับไป ดวย 36

ทรงมีความเหน็ ชอบ, ดําริชอบ, เจรจาชอบ, ทาํ ชอบ, เลีย้ งชวี ิตชอบ, พยายามชอบ, ระลึกชอบ, ตั้งใจไวชอบ, ซง่ึ ลว นแตด าํ เนนิ ไป ตามกศุ ลธรรมทง้ั สิ้น มนษุ ยเราก็เชน กนั เม่ือประพฤตปิ ฏบิ ัติตนอยูในมรรค ๘ น้แี ลว ก็ยอ มจะนาํ ตนใหพน ทุกขอ ยา งโลกๆได ไมม เี วร ภัยตอ ผใู ด ที่เปน พระสงฆส าวกถา ปฏบิ ตั ติ ามท่ีพระองคสอน ไมวา จะเปน สมยั พุทธกาล ทีย่ ังทรงมพี ระชนมอ ยู หรอื แมปรินพิ พานไปแลว นานกวา ๒,๕๐๐ ปเ ศษ กจ็ ะไดบรรลมุ รรคผลเชน เดยี วกบั พระองค เชน เดยี วกบั ท่พี ระ องคยงั ทรงพระชนม เพราะธรรมะของพระองคค ือตัวแทนของพระตถาคต ยังมีอกี ทเ่ี ราชาวพทุ ธควรจะตรติ รอง พจิ ารณาธรรมท่พี ระองคตรสั ไวดแี ลว งามแลว ชอบแลว เพื่อตนเองจะไดม ี ปญญารูแจง แทงตลอดดวยตนเอง ไมม ีส่งิ ใดที่ทรงปด บงั ไว ทรงสั่งสอนใหเ ปนทีแ่ จมแจง และหลากหลายดวย อุบายวธิ ี ทจี่ ะนํามาปฏิบัติใหถ งึ สจั ธรรมและความหลุดพน จากทุกขท้ังปวง เพียงแตเ ราทาน ยังมวั เมาตกอยใู น อาํ นาจของ โลภ โกรธ หลง กิเลส ตัณหา อปุ าทาน ขนั ธ ๕ ก็คอยๆ พจิ ารณา ความเปนมาแหงชวี ติ ของตน เรา เกดิ มาไดทาํ ดีทําช่ัว หรอื สรางกรรมดี กรรมชั่วอะไรมาบา ง ส่ิงใดทค่ี วรทําใหม ากขน้ึ กท็ าํ ตอไป ส่ิงใดท่ไี มด ี ควร ทาํ ใหนอยลง หรอื ไมทําตอไปอีก ก็คงจะทาํ ใหชีวิตนรี้ าบร่นื ปลอดโปรง สบายขึ้น พระพุทธเจาทรงตรสั วา ความชั่วไมท ําเสยี เลยดกี วา ทําไมทา นจึงตรัสอยางนน้ั กเ็ พราะทรงเหน็ ดวยญาณอนั บรสิ ทุ ธ์ิวา กรรมน้นั ไมวา จะดีหรอื ชั่ว ยอ มมผี ลสนองตอบเสมอ การทาํ กรรมดีนัน้ ไมจ ําเปน ตองพดู ถึง แตก รรมชั่ว นนั้ ซิ มผี ลอนั นาสะพรึงกลัวย่ิงนกั เพยี งละเมิดศีล ๕ ซ่ึงเปนศีลประจาํ ชวี ิตของมนษุ ยท ุกคน เปนเครื่องแสดงถึงความประเสรฐิ ของความเปนมนุษย ทกุ ผทู กุ นาม ผใู ดละเมิดซ่งึ ศีล ๕ กแ็ สดงวา ยังเปน มนษุ ยไมส มบูรณต ามความหมาย นี่เปนสิ่งท่เี ราพอมองเหน็ กนั ได อยาพูดถงึ นรกเลย อาตมาไปเห็นมาแลว ถงึ ไมต องไปก็มีดวงตาเหน็ ได วา ในแผนดินนรกนัน้ เปน แผนดนิ ไฟ มีแต ไฟลุกอยอู ยา งรอนแรง พรอ มทจี่ ะเผาผลาญความช่ัวรา ยใหพ นิ าศเปน จุณไป ผลู ะเมดิ ศลี ๕ มักตองไปใหไ ฟนรก เผาไหมทรมาน ไมมวี ันไดหยุดพกั หายใจ ถา จะบรรยายใหละเอียด กค็ งจะยดื ยาว จงคดิ พจิ ารณาเอาเองเถิด พดู อยา งทีเ่ ราทานพอมองเห็นได โลกน้กี ็มนี รกสวรรค คอื ความดี ความชั่ว ใหม องเหน็ ได คนทที่ าํ ความดี ใหทาน รกั ษาศีล ทําสมาธใิ หใจ ต้ังมนั่ สงบ เมอ่ื นึกถึงความดที ่ีตนไดกระทาํ กย็ อ มจะรูส ึกอม่ิ เอิบเปนสุข ผทู ร่ี ูสึกอ่มิ เอิบ เปน สขุ กจ็ ะมองเห็นทุกสิ่งดีงามไปหมด มกั มองโลกในแงท ่ดี ี และเห็นคนอืน่ ดีเหมือนตน ยอ มดาํ รงตนอยูไ ดด ว ย ความเปนผูมมี ติ รที่ดี ครอบครัวก็สงบราบร่นื มกี ําลงั ใจทจ่ี ะทาํ การงาน เพื่อความสุขของครอบครวั ทําใหมฐี านะดี ข้ึน สวนผูท ีท่ ําแตก รรมชัว่ เม่ือคิดถงึ กรรมท่ีตนกระทํามา เชน ไปฆาเขา ใจกไ็ มอ ิ่มเอิบเปนสุข คอยหวาดระแวงวา พี่ นองมิตรสหายของเขาจะมาแกแคน ทาํ กบั ตนบาง เม่อื มีความหวาดระแวง ก็จะเห็นคนอ่นื เปน ศัตรไู ปหมด คนนน้ั กไ็ วใ จไมได คนนกี้ ไ็ วใ จไมได กลายเปน คนมองโลกในดานรา ย เปน คนมอี ารมณห งดุ หงิด ในครอบครัวก็คอยแตจ ะ มปี ากเสยี ง ทะเลาะวิวาททาํ รายกนั คนทม่ี ีจิตใจอยา งนี้ กเ็ หมือนตกอยใู นนรก ใหร อนรุมกระวนกระวายอยเู ปน นติ ย เอาเพียงเทานี้ ก็คงเห็นนรกสวรรคใ นมนษุ ยโลกไดแ ลว วาแตกตา งกนั อยางไร ผูท่คี ิดวา ตนเปน คนมีปญญาความคิด มักพูดกันถงึ ความยตุ ธิ รรม เขาตองการความยุตธิ รรม เรียกรองหาความ ยุตธิ รรม แตต ามท่เี ปนจรงิ แลว เขาตองการความยุติธรรมเพอื่ ตนเอง มากกวาท่จี ะหยิบย่นื ความยุตธิ รรมใหแ ก 37

ผอู ่ืน สิ่งใดที่เขาไมไ ดป ระโยชน หรอื เสียประโยชนใหแ กผูอน่ื เขาจะบอกวาไมย ตุ ิธรรม แตถ าเขาไดป ระโยชน โดย ทําใหผูอ ่ืนเสยี ประโยชน หรอื เขาไดป ระโยชนบนความเดือดรอ นทกุ ขยากของผูอืน่ เขาจะบอกวามนั ยตุ ิธรรมดแี ลว เพราะเขาฉลาดกวา และมอี าํ นาจมากกวา สิ่งเหลา น้ีเปนปกติวิสยั ของมนุษย ท่มี วั เมาอยูใน ความโลภ ความโกรธ ความหลง มวั เมาอยูใน กเิ ลส ตณั หา อปุ าทาน ซึ่งกช็ างเถอะ เพราะสัตวโลกยอ มเปนไปตามกรรม แตเ มื่อคดิ พจิ ารณาใหลึกเขา ไปอกี ในระหวา งรูปธรรมกับนามธรรม หรือกายกับจิตวิญญาณ ซง่ึ เปน คนละสว น แตอยดู วยกนั เราก็ไมม คี วามยตุ ธิ รรมจะให ท้งั ท่ีรวู ากายยาววาหนาคบื นี้ มีธรรมชาติเกิดข้นึ แลว ดับไปในทส่ี ดุ ก็ เปนอนตั ตาไมมีตัวตน ยึดถือเปนเราของเราไมได แตเราก็ ยงั งมงายทนุถนอมบํารงุ บาํ เรอกายสารพัด แมแตอาหารกต็ องใหกินดๆี มีโภชนาการ อาหารทีบ่ า นไมอรอย ตอ งออกไปกินตามเหลาตามภตั ตาคาร ซงึ่ มี อาหารเลิศรสราคาแพง ส่งั เขา มาเตม็ โตะ จนกนิ ไมเ ขา เพราะแททจี่ ริงจะดีหรอื เลว ก็กินไดเพยี งอิ่มเดียวเทานั้น รา งกายตอนไหนสัดสวนไมดี กพ็ ากนั ไปเพ่มิ เติมเสรมิ แตง หนา ตาผิวพรรณโดยธรรมชาติก็งามดีอยแู ลว ยังไม พอใจ ตอ งไปเสรมิ สวย ตองหาอะไรมาพอกมาเขียนใหมันดีขนึ้ อีก จนดูเปนงวิ้ หรือตัวตลก ทัง้ ๆท่ี รูว า พอถึงยาม แกเฒา หนาตาผิวพรรณมันตอ งเห่ยี วยน เหนยี งยานจนได ทว งทา เชดิ หนา ยงั กบั นางพญาหงส มนั จะตอ งงองมุ คมุ ลง ตองถือไมเทายกั แยยักยัน เรากไ็ มยอม ขอใหส วยไวก อ น การพกั ผอน แมการงานไมหนัก กต็ องพักผอ นใหม าก พามนั ไปเท่ียวตากอากาศ บางทีกไ็ ปถงึ ตางประเทศ ใหก นิ อาหารดๆี แลวนอนมากๆ เปนอะไรนิดหนอยกต็ อ งรีบวิ่งไปหาหมอ รวมความวาเราเอาใจ ทนถุ นอมรา งกายนี้ อยา งเต็มกําลังความสามารถ แตจิตวญิ ญาณของเราละ เราใหอ ะไรกับจติ วญิ ญาณของเราบาง จติ วิญญาณไมต องการกินดีอยูดอี ะไรเลย ขอ เพยี งใหไ ดพ กั ผอนบางเทาน้นั กย็ ังไมม ีโอกาสไดพกั กายกินแลวหลับสบาย แตจ ิตวญิ ญาณกลบั ถกู ใชใ หคิด ให ทาํ งานไมไ ดวางเวน กระทง่ั นอนกย็ งั ตองครุนคดิ อยทู ั้งคนื คดิ โครงการ วางนโยบาย คดิ ถึงความเสียหาย คิดถึง ผลประโยชน ไมมที าจะใหคิดอะไรก็ใหนอนฝน เพื่อเอาความฝน มาตเี ปนตัวเลขแทงหวย เราทานใหความยตุ ิธรรม แกจิตวญิ ญาณ ซึ่งมีอยูในตนดีแลว หรอื จะไปคดิ ถึงสังคมส่ิงภายนอก เรอ่ื งความยตุ ธิ รรมไดอ ยางไร ในเมือ่ กาย กบั จติ ของตนเอง เรากย็ งั ลําเอียง ใหค วามยตุ ิธรรมไมเทากัน ไมร ูว า เราบา หรือดี ฉลาดหรือโงก ันแน เราทานทั้งหลาย พระพทุ ธเจา ทรงตระหนักดวี า นามรูปไมมี จติ วิญญาณกไ็ มมี โดยตรงกันขาม ถาจติ วิญญาณไม มี นามรปู ก็มไี มไ ดเ ชน กัน นามรูปนี้เกดิ จากจิตวิญญาณเปนผูใหปฏิสนธิ ไมม จี ิต ก็ไมมีกายไมม ีจิต กายถึงมกี เ็ ปน ดจุ ทอ นไม จติ เปน ผบู ันดาลใหก ายเปนผกู ระทํากรรมทัง้ หลาย จะดกี ็ตามจะช่ัวก็ตาม ลว นเปน ไปไดดว ยจติ พระพุทธเจา ทรงตรสั วา ทุกสิ่งสําเรจ็ ไดดว ยจิต เมื่อกายถึงกาลแตกดบั ไปแลว จติ จะยงั คงดํารงอยู เพ่ือไปรบั ผลที่ ตนเปนผบู งการ ใหก ายกระทาํ จติ คือตัวเวียนวายตายเกดิ สรางภพสรางชาติ ละจากกายน้แี ลว ยอมไปเกดิ ข้ึนใน กายอน่ื ไปเกิดในนรกสวรรค ไปปรากฏขนึ้ ทนั ที เปน กายทิพย ถอดจากกายเนื้อไป กลับมาเกดิ เปนมนุษย เริ่มตน ในทองมารดา คลอดออกคอยๆ เจริญวยั เปน รปู กายข้นึ มาเปนเวลาชา นาน นาเบ่ือระอาย่งิ นกั ธรรมชาติของจติ ที่มาเกดิ กับกายเน้ือน้ี มีความหมายอยู ๒ ประการ คอื เกิดมาเพ่ือชดใชกรรม ทตี่ นไดก ระทําไม ดตี อผอู ่นื ในอดตี ชาติ ไมวากรรมใหญก รรมเลก็ กต็ อ งใชไปใหห มด บางทีกเ็ ผลอไผลไปสรา งกรรมไมดขี ึน้ มาอีก เพราะถกู กิเลส ตัณหา อุปาทาน มารตัวรายเขา ครอบงํา 38

หากทุกคนเกดิ มาเพ่ือสรา งสมความดี มีทาน ศีล ภาวนา เพื่อใหเกิดปญญารแู จงหลุดพน ถาไมม ีมารรา ยมา ขัดขวาง ก็จะเดนิ ทางสูน พิ พานไดทกุ คน แตกม็ ักขัดขวางเสยี เปนชวงเปน ตอน ตองทาํ ดบี าง ชั่วบาง เพราะกรรม เกามนั ยังไมหมด ดว ยเหตนุ ี้ จงึ พากันเวยี นวายตายเกดิ อยใู นวัฏสงสารชา นาน เปนเวลาพันภพแสนชาติ กวาจะหลุดพน บวงมารไป ได ดงั ไดกลาวแลว วาทุกส่ิงสาํ เร็จดวยจติ ถา ตง้ั ใจทจี่ ะทาํ ความดี เอาชนะมารรายใหได ดวยการบาํ เพญ็ ทาน รกั ษา ศีล เจริญภาวนา ระวังตัว ใหอยใู นมรรค ๘ สม่ําเสมอ ทางเดนิ ในวัฏฏะมนั ก็จะแคบเขา และสั้นเขา เพราะการเกิด เปนมนษุ ยน ้ี นับวามโี ชคดีอยอู ยางหน่ึง คือมีสิทธ์ทิ จ่ี ะเลือกทําดีทาํ ชว่ั ไดอยางสมบรู ณ มันอยูทตี่ ัวเราเองจะเลือก เอาอยางไหน ถาใจออนตามใจ เจามารรายมนั กจ็ ะบงการใหเราทําแตค วามช่ัว ถาใจแข็งเอาชนะมันใหได เราก็จะ ทํากรรมดีไดส ําเร็จ ความสําเร็จมันอยูทจ่ี ติ ใจของเราเอง วาจะทําตามความหมายเดมิ ทีเ่ กดิ มาเปนมนุษยห รือไม การบํารุงบาํ เรอใหอาหารแกจติ ก็ไมสิน้ เปลืองอะไรนกั ใหจ ิตไดทําบญุ ทําทานบา งตามสมควร เชน ใสบ าตรบาง เอ้ือเฟอคนยากจนบา ง สงเคราะหเ ด็กอนาถาบาง กจ็ ะทําใหจ ติ มีความสขุ อม่ิ เอบิ อยา ไปทําเสียจนหนางอก ออกมารบั สายสะพายเครื่องราชก็แลว กัน ทําดว ยศรทั ธา เชอ่ื ม่นั ในความดกี ใ็ ชไ ดแ ลว ยง่ิ ใหจ ติ ไดร ักษาศีล ฟง ธรรม เจรญิ ภาวนา ยิง่ ไมเ ปลอื งอะไรนอกจากเวลา แตผ ลนน้ั เกนิ คาด เจรญิ ภาวนาไปเรื่อยๆ จนจิตตัง้ ขึ้นอยูเหนอื มารราย ก็จะใกลนพิ พานเขาไป อาตมากับหลวงพออาจารย แสวงวเิ วกอยูตามปาเขาเขตจังหวัดเลย ลว งเขาเขตเพชรบรู ณ การเดินกเ็ ดนิ ดว ย กรรมฐาน ภาวนาพุทโธไป การนงั่ กน็ ั่งอยูกับพุทโธ การคิดพจิ ารณาก็อยใู นขอบเขตของมรรค ๘ จึงจดั เปน กรรมฐาน เพอ่ื ปญ ญารูแจง ไมมีเหตกุ ารณใ ดๆ มาทําลายความวิเวก ท่ีมอี ยแู ลว โดยธรรมชาตไิ ด จติ ทป่ี ฏิบัตธิ รรมสมาธิ เมอื่ ปฏบิ ัติตอ เน่ืองกนั ไป ก็เปน ดังสายนํ้าไหล อารมณแ นบเนอื่ งอยูกับเอกัคตา จิตใจไม คลอนแคลน เราจะรูแ จง เหน็ จริงตามธรรมชาติ อนั เปน สจั ธรรมไดกใ็ นตอนนี้แหละ ธรรมใดท่ไี มเคยรกู ็จะรูข นึ้ มา เอง สวนจะรมู ากรนู อ ย ก็แลว แตบุญวาสนาบารมยี ังมีนอ ยอยู หรือเต็มเปย มแลว ส่ิงทข่ี าดไมไดกค็ อื ความเพียร เราเพยี รกระทาํ ตอ เนอ่ื งกันไป ก็ยอ มจะเกดิ ธาตุรูขนึ้ จนได มหาวิทยาลยั ท่ีใหญย ่ิงกค็ ือธาตรุ ู เมอื่ รูขึน้ มาเองได วทิ ยาการทงั้ หลายก็จะกวางขวางออกไปเอง ๑๒. เจอกายทพิ ย เมอ่ื อาตมายังเดก็ ก็มตี าเห็น หูไดยิน เปน ปกติ คือเวลาเห็นก็เห็นทัว่ ไปหมด แมแ ตจิตวญิ ญาณกเ็ หน็ เราเดนิ ไปมา ขวกั ไขวเ ชน มนษุ ยเราน้ี หูนน้ั ใครพดู คยุ กไ็ ดย ินไปหมด จนบางคร้ังก็ราํ คาญวา คนเรานี่ มันชางพูดกันไมร จู ักจบสนิ้ จนชนิ ไปเอง ครัน้ ออกธดุ งคค ราวน้ี ก็สามารถกาํ หนดได คอื ไมต อ งการใหเ ห็นกไ็ มเหน็ ไมไ ดย ิน ถา ตอ งการจึงจะ เห็นจงึ จะไดย นิ ได จึงเปนการตัดราํ คาญไปไดอ ยางหน่ึง คือไมตองเห็นตองไดยนิ ตามบารมีเกา ทีต่ ดิ มาแต อดตี ชาติอยา งพรํา่ เพรอ่ื บางครง้ั เมื่อจิตเปน พทุ โธ มีพุทโธอยูในจติ ถงึ ความเปน ผูรู ผูตืน่ ผูเบิกบาน มอี ารมณส นกุ อยากจะเหน็ สภาพปา ท่ี ไกลจากบรเิ วณทีน่ ง่ั อยู มันกเ็ ห็นทะลุปรโุ ปรงออกไปอยา งกวา งไกล ไมมขี อบเขต ไดเห็นเสือ เห็นหมี บางเดนิ บา ง นัง่ บา งนอน อยกู บั ความสงบเงยี บ เห็นฝูงกวาง พากนั เลาะเลม็ ยอดไมใบหญาท่ีกําลงั แตกใบออ นไปตามประสา ตน 39

อาตมาไดเ หน็ พระภกิ ษุสงฆ แบกกลดเดนิ ธดุ งคบ า ง บางรูปก็บาํ เพ็ญภาวนา บางรปู กเ็ ดินจงกรม บางทีกเ็ หน็ ชีปะขาว แมช ี ทีน่ น่ั ทีน่ ี่อยูท ว่ั ไป ฤาษีชไี พรผมยาวเครารุงรงั กเ็ ห็นมีอยูเชนกัน ขอ แตกตางทีส่ งั เกตเหน็ ได ถา เปน ภกิ ษสุ งฆทย่ี งั เปนมนุษยอยู จะเหน็ ไดที่ทา นมีกลดอยกู ับตวั ไมแบกเดินไปก็นัง่ กางกลดอยูตามโคนไม สว นที่ทาน เปนกายทิพย คือละสงั ขารท้งิ กายเน้ือธาตขุ ันธไ ปแลว จะไมมีกลด บางรูปน่งั อยูในสมาธิ ชานานไมมีกําหนด บาง รปู ก็นอนเอกเขนกสบายอารมณอยตู ามแทนหนิ หรือหนา ถ้าํ รมิ ธารนํ้าไหล หรอื บนพื้นหญา เรียบๆ ทามกลางหมู ไมด อกและใบ บางรปู กเ็ ลื่อนลอยไปเหนือพื้นดนิ บางรปู พิสดารขนึ้ ไปนงั่ รบั ลมอยูบนยอดไม ดูไปชา งมากมายเสยี จริงๆ จนทาํ ใหคิดวาปาในเขตจังหวดั เลยและเพชรบุรนี ี้เปรยี บเหมือนปาหมิ พานต เปนแผนดินธรรมคา้ํ จนุ โลก เปนแดนบุญของบา นเมือง เทพยดาอารกั ขเทวา ท่เี ปน สัมมาทิฐกิ ็มีอยทู ั่วไป เห็นไดจากเมอ่ื พระอริยสงฆทีเ่ ปน กาย ทพิ ย ทา นไปนัง่ เขาฌานสมาบัตอิ ยโู คนตนไม เขาจะรบี ลงมาอยูขา งลา งทันที ดวยมีความนอบนอมเคารพ ในปาเขาแหงนี้ มหี มบู านสําหรบั พวกกายทพิ ยอยูห ลายแหง ไมเ ฉพาะแตท่บี นเขาภกู ระดึงเทาน้ัน พวกกายทพิ ยน ี้ ก็คือพวกลับแล หรือบังบด มีฤทธิอ์ ยอู ยางหนึง่ คือ เขาจะใหมนุษยเหน็ กไ็ ด ไมใ หเ ห็นก็ได เปน พวกมีศีล ชอบ ทําบุญใหทาน ทห่ี มบู า นเชิงเขาภกู ระดงึ น้นั เขาเคยมารวมตักบาตรทําบญุ ทวี่ ัดเสมอ คนชา งสงั เกตจึงจะรูไ ด ภิกษุ สงฆท ่ที านเปนกายทพิ ยท า นไมต องฉนั อาหาร แตพระภกิ ษุสงฆทเี่ ปน มนษุ ยย งั ตอ งฉันอยู พวกบังบดจงึ มกั มาใส บาตรแกพ ระท่เี ขาเห็นวาปฏบิ ตั ดิ ีปฏิบัตชิ อบ มีจติ เบาละเอยี ดเสมอเขา พระท่ีมาถือธุดงคอยูในปา แถบนี้ ถา ปฏบิ ตั จิ ริงๆ แลวไมอด ธรรมยอมรกั ษาแนน อน ๑๓. เลน กสณิ หลวงพออาจารยกับอาตมา ไมไดอ อกจากปาไปบณิ ฑบาต ตามหมูบานมนุษยเปน เดอื นๆ เพราะระยะทางหา งไกล มาก กไ็ ดอ าศัยญาตโิ ยมชาวบังบดลบั แลน้ี เอาอาหารมาใสบ าตรให สงั เกตอาหารท่เี ขาใสให เปน ขา วสเี หลืองออนๆ มกี ลิ่นหอม อาหารก็มีถว่ั งาเปนพน้ื ไมม ีเน้ือสัตวเลย ฉันคร้งั หนึง่ ก็ ชมุ ชืน่ อ่มิ เอบิ ไปไดหลายวัน แตต ามปกติ เมื่อจติ อยใู นขัน้ อุเบกขาแลว เรอื่ งอาหารไมเคยไดเอาใจใส จะฉันหรือไมฉ นั มนั กอ็ ่ิมและวางเฉยอยู เปน ส่ิงประหลาดมากวา จิตที่ฝก ดีแลวสามารถดํารงกายอยไู ด โดยไมเ ดือดรอ นกระวนกระวาย การออกธดุ งค ครง้ั แรกตอนเปน สามเณรน้ี ทาํ ใหก ารปฏบิ ตั ธิ รรม เจริญรุดหนาไปเปนอันมาก ครงั้ หนง่ึ หลวงพอ อาจารยท านพูดเปรยๆ วา \"จติ ของเณรดเี ขาขนั้ แลว นกึ สนกุ ก็เอากสิณมาเพง ดูบา ง ถือวาเปน ของเลน ของจติ \" อาตมาก็ทําตาม ไดไปนัง่ อยูบนกอ นหนิ ท่ีรมิ ลาํ หวยใหญ อนั มนี ํา้ ใสไหลเย็น นั่งเพงนาํ้ ในลําหว ยอยอู ยา งนั้น จนกระทั่งมองเหน็ พนื้ นํา้ ติดตา ลมื ตากเ็ หน็ หลบั ตากเ็ หน็ เม่ือชํานาญคลองแคลวแลว ก็นึกใหน ้ําแหงจนติดกนลาํ หวย นา้ํ กแ็ หง อยางคิด นกึ ใหน้าํ เตม็ ฝง ก็ขนึ้ มาเตม็ ฝง แลว นึกใหพ ้ืนนํ้าแข็งเหมอื นแผน ดิน เดินไปมาได นึกใหน ํ้าไหลอยางเกาก็เปน อนั นีเ้ ปน ส่ิงที่สําเรจ็ ดวยจติ ซ่ึงได จากการฝกกสณิ นํา้ จนชํานาญ เพียงนกึ กเ็ ปน ดังประสงค 40

ตอ ไปเม่อื คิดจะเอากสิณอยางอืน่ ในกสณิ ทง้ั ๑๐ มาเพง ไมตองเอาวตั ถุใดมาเพง เพียงแตน กึ ถึงกสณิ กเ็ กิดเปน ผลสําเร็จขนึ้ มาทันที ทั้งนก้ี ็เพราะระดับจติ เปนระดับเดยี วกนั เมื่อไดกสณิ น้ําแลว อยางอนื่ ก็ไดด วย เพียงแตท ํา ใหคลองแคลว ชํานาญเทา นัน้ ดว ยเหตุนี้ เมื่อนกึ จะขน้ึ ไปเดินจงกรมในอากาศ กายกล็ อยขึน้ ไป นึกจะเดินทะลภุ เู ขา มันกท็ ะลุออกไปได นึกจะดาํ ดนิ ไปโผลอีกแหง หน่ึงกท็ าํ ได นกึ อยากจะไปถึงทีไ่ หนก็ไปถงึ ไดท นั ที นเ่ี ปน ฤทธอ์ิ ภิญญาท่ีมสี อนไวใน พระพทุ ธศาสนา ถาทําไดจ ริงก็จะไมแพฤ ทธ์ขิ องลัทธิใด เพราะเปนฤทธอ์ิ ภญิ ญาบริสทุ ธิ์ ไมมีใครทาํ ลายได ไสย ศาสตรมนตดํา หมดความหมายไปเลย แตเมอื่ สําเร็จทางกสิณแลว หลวงพออาจารยท านก็เตอื นวา อยาไปติดนะ ไมจําเปน กอ็ ยา ไปแสดงใหใครเห็น ถอื วาเปนเพยี งของเลนทางผานเทาน้นั ยังไมถ งึ ขนั้ หลุดพนได ตองพากเพียรปฏบิ ัติตอ ไป ซงึ่ อาตมาเองก็คิดเชนนั้น นอกจากทดลองอยูแตในปา ในเขา เพ่ือใหรวู า สําเร็จหรอื ยงั แลวกว็ างเสยี หันมาปฏบิ ัติธรรมสมาธิ ตอ มาอาตมาก็ฝกฝนอบรมจิตมาตามลาํ ดับขน้ั ตอน จนกระทง่ั จิตเขาสูอุเบกขาชํานาญ คือนึกจะวางเฉยเมอ่ื ไรก็ วางไดเม่ือน้นั ไมต องมาน่งั ภาวนาพทุ โธ หรอื ลมเขา ลมออกอะไรอีก เห็นวา สมถะมัน่ คงแลว มีสตสิ มบรู ณแ ลว จึง เห็นวา ควรเขา วปิ ส สนา เพ่ือความรูแจง ในธรรม เพ่อื ความพนทุกขตอไป ๑๔. อบรมจติ ตามแนวสตปิ ฏ ฐาน ๔ เม่ือจติ อยูใ นอุเบกขาพกั หนึ่งเปนทส่ี บายแลว ก็ถอนจิตออกมา เปน อุปจารสมาธิ ทย่ี ังมเี ชื้อของความสงบเหลืออยู เรมิ่ พิจารณาตามแนว \"สติปฏฐาน ๔\" อันไดแ ก รูป เวทนา จิต ธรรม ไปตามลําดบั คําวาตามลําดบั นี้ ไมใ ชครงั้ เดยี วหนเดียว แตพ ิจารณาไปตลอดเลย พิจารณาเปน อยางๆ เริม่ ตน ดว ย \"รปู \" อันรปู คนอื่นที่เปนส่งิ นอกตวั นอกตนน้นั ก็ชางเขา เอารปู กายยาววาหนาคืบ ทว่ี าเปนเราของเรานี้ พิจารณากอ น เพราะเพียงคําวารปู ทเี่ รยี กวา “กายคตาสติ” น้ี มปี ลีกยอ ยออกไปถึง ๓๒ และใน ๓๒ ประการนี้ ก็ ยงั แยกยอ ยออกไปอีก เชน คาํ วา กระดูก ไมไดหมายเฉพาะกระดกู รางกายรางหนง่ึ เทา น้ัน แตมนั ยังแยกออกไป อีกถึง ๓๐๐ ทอน เสน เอน็ ก็นบั ไมถ วน นอกจากนี้ทานก็ใหแ ยกพิจารณา เชน ผม ทา นก็เอามาคาํ นวณ ออกไดถ งึ สามแสนเสน เล็บ ก็เอาเลบ็ มาพิจารณา จนเกิดเหน็ ข้นึ มาเองวา เล็บเกิดอยา งไร เปลยี่ นแปลงไดหรอื ไม ธาตุรูก ็จะเห็นข้ึนมาเอง วา เลบ็ แปรปรวนไป ไมค งทน เห็นยาวก็ตดั ออก ก็ข้ึนมาใหม หรอื ไมตัดปลอ ยใหยาว กจ็ ะหักเอง นม่ี ันไมเ ทีย่ ง เกิด ดับเห็นๆ อยู ลกึ เขาไปอีก เมอ่ื เราตาย คงจะหลุดหายไป การพจิ ารณาอยา งน้ี ยงั เอาสญั ญาเขามาพจิ ารณา เราเพียงเพงดูเลบ็ จนกวา ธาตรุ ูจ ะเห็น ความเปล่ียนแปลงเกดิ ข้ึนมาเองชัดเจน จงึ จะใชไ ด ตอไปก็เอา ผม ขน เล็บ ฟน หนงั มาเพงพจิ ารณาไปทีละอยา ง เมื่อธาตรุ เู หน็ ชัดแลว กเ็ ปลย่ี นใหมจ นครบอาการ ๓๒ นเี่ ปน การพจิ ารณา กายคตาสติ อนั ประกอบดว ยอาการ ๓๒ หรือจะไปพจิ ารณาของจรงิ ท้ังกาย อันเรียกวา อสภุ ะหรือศพ ตั้งแตเ พิ่งตาย ใหต ิดตาติดใจจนหลบั ตาเห็นก็ได 41

เม่ือเราพิจารณารูปกายผา นไปแลว ยอ มเกดิ ความเบ่ือหนา ยคลายกําหนดั เม่ือเบ่อื หนกั เขาก็จะรขู ึน้ มาวา รูปกาย น้ีไมใชเราของเรา เปนอนัตตาไมม ีตวั ตน มาเฝาเปน บา เปน หลังมายดึ ถอื อะไรอยู กจ็ ะปลอ ยวางลงไปเอง ที่น้กี ็ใหเอาเวทนา มาเพง พิจารณา เวทนาท่ีทานเรียกกนั มที ้ังทุกข เรียกวา ทุกขเวทนา มที ้งั สุข เรยี กวาสุขเวทนา แตตามความเปนจรงิ ลวนแตสุขเพ่ือจะทกุ ขตอไปท้งั สิน้ สุขแทๆ ที่จีรงั ยั่งยนื ไมมี ทกุ ขเวทนาน้ัน ท่มี องเห็นกเ็ กดิ ทีก่ ายท่ีจติ นีเ้ อง ต่ืนเชาขน้ึ มาก็ปวดทองถา ย จะกลัน้ ไวไ มไ ด รางกายกส็ กปรก ตอง ชาํ ระรา งกาย ทําความสะอาดให เดีย๋ วมันหิวข้ึนมาแลวตอ งหาใหมนั กิน ไมก นิ ก็แสบทอ งแสบไส ทข่ี วนขวายดนิ้ รน ตอ สแู ขง ขันแยงชงิ เอาดีเอาเดน ไดประโยชน เสยี ประโยชน ตองรบราฆาฟน กันทกุ วนั น้ี กเ็ พยี งเรอ่ื งกนิ เทานัน้ ความเกิดก็เปนทกุ ข เพราะผูใหกําเนิดพอรวู าต้งั ทองกเ็ ริ่มเดือดรอน ตองเตรยี มหาเงินคา ยา คา หมอ เตรยี มเล้ียง ดอู ุปถมั ภ ตลอดจนเติบโตเลาเรยี น เวลาจะคลอดแมน น้ั ทุกขก วา เพอื่ น เจบ็ ปวดทรมานกวา เพอื่ น กวา จะคลอด ออกมาได แตทกุ ขเหลาน้ี เปน ทกุ ขข องพอแม ตัวเรายังไมทุกขหรอกตอนน้ัน แตก ็เปนทกุ ขไดเ หมือนกันกบั ความรอน ความ หนาว ความเจบ็ ปวด ท่ียังบอกใครไมไ ด พูดไมเ ปน เกิดแลวกต็ อ งเจอกับความแก เจา ความแกน ีก่ เ็ ปน ทุกขเวทนา ทําใหว ิตกกงั วลไปตางๆ กลัวจะหมดสวยหมดงาม ตอ งหาวิธดี ึงความแกเอาไว ไมใ หแ กเ รว็ ความเจ็บ ก็เปนเร่ืองใหญ เจบ็ ปวดทรมานแสนสาหัส ยงิ่ เปนโรคที่หมอรกั ษาหายยาก กเ็ ปน ทกุ ขร อ นกลวั จะตาย ตะลอนๆ เทยี่ วหาท่จี ะชบุ ชีวติ ได เจาความกลัวตายน้ี จะวา ไปมันทุกขยงิ่ กวาความตายจริงๆ เสียอกี ชวี ติ คนเรา พระพทุ ธเจาทานวาเปน ทุกข เกิดมาไมเหมือนกัน สุดแตกรรมจะจําแนกแจกใหเปน ไป บางคนเกิดมา ในกองเงินกองทอง พอแมร า่ํ รวย เปนสุขสบายเมอื่ ยังเลก็ อยู คร้ันเติบโตข้นึ กลบั ทําใหพอแมก ลบั ยากจนลง ตอง เผชญิ กับความทุกขยากลําบากก็มี ที่เกิดมายากจนก็ตองทนอดมอื้ กินมื้อ เหน่อื ยยาก ตอ งทาํ งานหนัก แตไมพ อ กิน ลวนเกดิ ทกุ ขเวทนาท้ังนั้น ชีวิตไมม ีอะไรแนนอน การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ก็มีอยูทกุ ผทู กุ คน การเพง พิจารณาเวทนาใหเ ห็นตามความเปน จรงิ ตัวเราไดเผชญิ มาอยางไรบาง เคยจากพรากทกุ ขโศกมาบาง หรือไม ถายังมีการเกิดการตาย ทกุ ขเวทนาก็จะตามมาอยดู วย ไมปลอยปละละเวน มนั จะตามไปทุกภพทุกชาติ เมือ่ พิจารณาอยูอยางน้ี กจ็ ะเกดิ ความเบอื่ หนา ยคลายกาํ หนัด ไดกลา วถงึ กาย เวทนา แลว มาพดู ถึงจิตบา ง ถาเราไดฝก ฝนทําสมาธิ เราจะมเี ครอ่ื งมอื อยางหนง่ึ ทเ่ี รยี กสติการ ระลึกรู เรากจ็ ะรูจ ักจิตของเราดีขึน้ จติ คดิ ไปไดทกุ อยาง ฟุงซา น ปรุงแตงไปไดส ารพัด รวดเรว็ เหมอื นสายฟาแลบ ทที่ า นใหเ ฝาดูจิตดว ยสติ ก็เพื่อจะไดร วู าจิตเปน อยางไร อารมณก เิ ลสเขามาทางไหน มาดหี รอื มาราย ถามาไมดี คดิ ขางกเิ ลส ตณั หา อุปาทาน คิดไปในทาง โลภ โกรธ หลง เรากไ็ ดรูเทา ทัน ยับยงั้ มันเสยี ถาคดิ ไปในทางดี กอ็ ยู ในขอบเขตของมรรค ๘ เรากค็ อยดูวา เปนอยางไร จติ ทค่ี ดิ อยูในขอบเขตของมรรค ๘ ยอมเปน ตนเหตุใหเกดิ ธรรม เราทา นผปู รารถนาใหพน ทุกข จงเฝา ดูตอ ไป จะ เกิดธรรมใหร ูแจง แทง ตลอดในภายหลัง 42

การตามสติปฏ ฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ที่กลาวมาอยา งสนั้ ๆ น้ี ทา นใหทบทวนกลับไปกลับมา เพื่อให เขา ใจแจม แจงถงึ ไตรลักษณ คอื อนจิ จัง ทกุ ขัง อนตั ตา วา ชีวิตไมวาของเราหรอื ใคร กจ็ ะเปนเชนเดียวกัน และ ความรนู นั้ ตองเปนความรูท ี่เกิดขนึ้ จากจิตอยางท่พี ระพทุ ธเจาไดทรงตรสั รูมาแลว อยางทีเ่ รียกวา “ธรรม” เกดิ ขึน้ เอง จะเอาสัญญาความจําไดห มายรูท่ไี ดม าจากปริยตั ิ ซงึ่ เปน ความรูอยา งนอกๆ นนั้ ไมไ ด ๑๕. เมตตาจติ เตม็ เปย ม ธุดงคอ ยใู นปานี้ บางแหงมีเสือชุกชมุ มาก เปน เสือลายพาดกลอนตวั ใหญๆ ขณะทเ่ี ดนิ จงกรมอยู บางตัวเขาจะมา น่งั ดเู ราท่ขี างทางเดนิ บางตัวเมอื่ เราอยใู นกลดเขาจะมานอนหมอบอยใู กลๆ เวลาเราออกไปบณิ ฑบาตเขาจะเดนิ ตามกนั ไปหลายตัวจนพนเขตปา เราจะตองพิจารณาใหร ูว า เขาเปน เสอื จรงิ ๆ หรอื อยา งไร สวนมากจะเปนเสอื เจาปา และเสือเทพารกั ษ ทานเนรมิต เปน เสือ มาคอยพทิ ักษรักษาคมุ ครอง เม่ือเสอื เนรมติ น้ีอยู เสือจรงิ ๆ จะไมเขา มาใกล ส่ิงทพ่ี ระธุดงคจะขาดไมได ก็คือเจรญิ เมตตากรวดนํ้าใหแ กส รรพสัตว เรามักจะตองทํากนั เปนประจํา ตื่นเชา ขึ้นทํา จติ ใหเ ปนสมาธแิ ลว เจรญิ เมตตากรวดน้ํา กอ นเร่ิมทาํ สมาธิและหลังจากสวดมนตท ุกครั้ง แลวหลงั จากถอนจิต จากสมาธิอกี ครงั้ หนึ่ง หากทําสมาธคิ รั้งใดกท็ าํ เร่ือยไป ผลแหงการแผเ มตตาและการกรวดนา้ํ นี้ จติ วิญญาณที่ ทอ งเที่ยวอยู เขาก็มโี อกาสจุตใิ นภพภมู ิอ่ืน หรือเกดิ เปนมนษุ ยได จติ วญิ ญาณที่ทอ งอยูใ นปาน้ัน สวนมากแลวเขาตองอยูกันนานๆ ไมคอยไดไปผุดไปเกิด เพราะกศุ ลยังหนุนไมพ อ เฉพาะอยา งย่ิง ไมมใี ครคอยแผสว นกศุ ลไปให เรียกวา ลมื กันเลยทเี ดยี ว วนเวียนอยมู าเปน รอ ยเปนพันป ฉะน้นั จึงเปน หนาทข่ี องพระธุดงค เม่ือเขา ไปวิเวกอยูใ นปาแลว ตอ งหม่ันเจรญิ เมตตา และกรวดนา้ํ เพ่ือชว ยเขา เมื่อเขาไดร ับการแผเมตตา แมกศุ ลยงั ไมพ อไปเกดิ ใหม เขาก็จะมนี ้ําใจไมตรีคอยชว ยเทาทเี่ ขาจะชวยได ไมใหม ี อนั ตรายเกิดขน้ึ อันทจ่ี รงิ กเ็ ปนประโยชนท้งั สองฝาย คอื ฝายพระธุดงคเอง เมื่อมีจิตเมตตาอยูเตม็ เปย มแลว ยอมเปนเหตุใหศลี บริสุทธ์ิ จิตอยูในกศุ ลธรรม เม่อื จติ อยใู นกุศลธรรมก็เปนศีล เปนจติ ท่ีพรอ มจะทาํ สมาธภิ าวนา เม่ือจิตอยูในสมาธิ ภาวนาต้งั มั่นดีแลว กจ็ ะเปน ท่งี อกงามของปญ ญา เปนที่งอกงามของญาณ แมเ วทมนตรค าถาวิชาความรใู ดๆ ก็ ตองอาศยั สมาธภิ าวนาน้ี เปนท่งี อกงามและสําเร็จประโยชน ผมู จี ติ ฟุง ซาน ถูกโมหะครอบงํา จะไมมที างสําเร็จ ประโยชนไ ดเลย ๑๖. กลบั สวู ดั พบความเปลย่ี นแปลง เม่อื ใกลเขาพรรษา หลวงพอ อาจารยก ช็ วนอาตมาธดุ งคก ลบั วัด ระหวา งเดนิ ทางหลวงพออาจารยยิม้ แลวก็ถามวา \"ดูมหาจําเริญบา งหรอื เปลา ตอนนเ้ี ปน อยา งไร\" \"มหาจาํ เริญตอนนีห้ รือครับ ทา นเปน ไปตามทหี่ ลวงพอตั้งความหวังไว เขาปาชาทุกวันเลยครับ ตอไปกค็ งจะชวย เปนกําลังสําคัญ ใหช าวบานมาปฏบิ ตั กิ นั ไดมากๆ\" 43

\"หลวงพอก็คดิ อยางนน้ั เห็นมหาจําเริญปฏบิ ตั เิ ครงครัด สํารวมอนิ ทรยี ยิ่งกวา แตกอน เพราะเรอื่ งบาปบุญคุณโทษ นี้ หากไมป ฏิบตั ดิ วยตัวเองก็มองไมเ หน็ วาเปนนาม ผิดศลี เลก็ ๆ นอ ยๆ แตม ผี ลใหญ ก็ไมร ูสกึ สนใจอะไรกัน ตอนนี้ คงรแู ลวนะ เพราะมีสติมากข้นึ หลวงพอกต็ องอนุโมทนา\" \"แตห ลวงพอ ครับ\" \"อะไรหรือเณร\" \"หลวงพอ เห็นหรอื ยังวา ตอนน้เี รายงั จัดต้งั สํานกั ปฏบิ ตั ิไมได คงจะตอ งใชเ วลา ๔-๕ ปขา งหนา\" \"ออื ...เห็น! อะไรมนั ยงั ไมเ กิดมนั ก็ไมเกิด แตเราก็ตอ งเร่ิมสรางคนใหรูท างเสียกอน ชาวบานขางวัดทเี่ หน็ วา พอมี วาสนาบารมกี ม็ อี ยหู ลายคน ชวนเขาใหม าปฏิบัติ ไมชา เขาก็จะนําเอาคนอน่ื มาดวย\" \"งน้ั พรรษานี้ หลวงพอก็ลงมือไดแ ลว\" \"เณรกต็ องชว ยหลวงพอเหมอื นกนั นะ\" \"กย็ ังไมถึงเวลาอกี นะครบั หลวงพอ\" \"ออื ...กจ็ ริงของเณร ตองอุปสมบทเสยี กอน เมือ่ อปุ สมบทแลว เณรกต็ องออกธดุ งคไปตามลาํ พงั อีก อยางนอ ย ๕ พรรษา คงพอจะกลบั มาสรางความเชื่อถือใหช าวบา นได\" \"ที่จริงผมควรไปธุดงคกับหลวงพอ จะไดคอยดูแลปฏิบตั ิหลวงพอดวย เพราะหลวงพออายุมากแลว\" \"หลวงพอ จะหยดุ ออกธุดงคแลวนะ ตงั้ แตบ วชมาก็ ๓๐ กวา ป ไมเคยขาดเลย ตอนน้ีออกธุดงคห รือไม จิตก็เปน อยางเดยี วกัน จึงคิดอยากจะอยูชวยมหาจําเริญตอไป จนกวา จะละสังขาร\" \"หลวงพอ ยังอยูอกี นาน ยังไมละสงั ขารงายๆ หรอกครับ\" \"ละไมล ะ ก็เทา กนั นะเณร เพราะหลวงพอ ไมไดไ ปยดึ ถอื อยูกับความเกดิ ความตายแตกดับอะไรอีก แตเณรเองก็ เบาใจไดแลวน่ี\" \"ครับ! ผมไมมีความสงสัย ในพระพุทธเจา พระธรรม พระอรยิ สงฆอ กี แลว แตย งั ไมจ บพรหมจรรย คงตอ ง ประคับประคองจติ ไปอกี สักระยะหนึ่ง ถงึ จะไมยอนกลบั ก็ประมาทไมไ ด ผมไมอยากเสียเวลาไปเปนพรหม\" \"ถูกแลวเณร แตด ูดแี ลวหรอื วา บญุ บารมจี ะพอในชาตินี\"้ \"ตอนนย้ี งั ไมพ อครบั แตก ็คงจะสรา งสมไดท นั อุปสมบทแลว พรรษานี้ พอออกพรรษากจ็ ะตองไปสรางบารมอี กี สักพกั คงจะแสวงวิเวกอยางเดยี วไมไ ด\" 44

เมอ่ื กลบั ไปถงึ วดั ปรากฏวาที่ปา ชามกี ุฏิมุงแฝกเพมิ่ ขึ้นอีก ๓ หลงั เพราะภิกษุในวัดเหน็ การปฏบิ ตั ขิ องมหาจําเรญิ กเ็ กดิ ความเลอื่ มใส ขอเขาไปปฏบิ ตั ิดว ย ตอนนีม้ หาจาํ เรญิ มีอาการสาํ รวมมากกวา แตก อ น ราศกี ็ดูผองใส กวาแตกอน น่ีแหละแสดงวากายตามจิต เมอ่ื จิตละเอียดมากเขา กายก็ละเอียดประณตี ตาม คอื มคี วามสาํ รวมระวงั มากขึ้น แมป ุถชุ นคนท่ัวไปกต็ าม เรากจ็ ะเห็นความแตกตางระหวา งคนทจี่ ิตเปนกุศลมีคณุ ธรรม หรอื อยา งนอยเปน ผทู ่มี อง โลกในดานดี มักจะมีกริ ิยาทางกายวาจา ออนโยนสุภาพราบเรยี บ เปน ที่รกั นยิ มของผอู ื่น สว นคนท่ีมีจติ เปน อกศุ ล ไรคุณธรรม โหดเหย้ี มอาํ มหติ ซึ่งเปนจิตหยาบกรา น ก็มักมีกายวาจาหยาบกระดาง ใครเห็นก็ชิงชังไมอ ยากเขา ใกล แตในทุกวันนี้ ชาวโลกเราปลอยใหจติ ตามกาย เปนเบย้ี ลางของกาย เปน ทาสของกาย มีความโลภ โกรธ หลง เปน พลงั สงเสริมใหเห็นผิดเปนชอบ กายตอ งการอะไร ตองหามาปรนเปรอใหจงได กเิ ลส ตัณหา อปุ าทาน กป็ ระดังกนั มา จนเกนิ ความสามารถของจิตทีจ่ ะปฏบิ ตั ิตามได เม่ือเกินความสามารถ ทํา อะไรลงไปก็ประสบความพายแพ ผิดหวัง เศรา เสียใจ สุดแตจะเปนไป ถึงกับทาํ ลายตนเอง ทรพั ยสินใหพินาศยอ ย ยบั ไปกม็ ี ชาวโลกแบกตัวพนทกุ ขไ วด วย “อวิชชา” คือ ความรไู มจ รงิ ของตนเอง แลวกท็ าํ หนา ช่นื อกตรมไปตามประสาของ คนท่ถี ูกอวชิ ชาครอบงํา ธรุ กิจการงานทงั้ หลาย ทมี่ นษุ ยปฏบิ ัติกันอยใู นสงั คมนั้น ทา นวาตองมีหลักการ และดาํ เนินไปตามหลักการ จึง บรรลคุ วามสําเรจ็ ใครที่ละทิง้ หลักการ ทําไปตามอารมณข องตน ธรุ กจิ การงานน้นั ก็จะพังทลายไดโ ดยงาย ชีวติ ก็ เชน เดียวกนั ทางพระพทุ ธศาสนาทานถือวา มนุษยกต็ องอยใู นหลักการเหมอื นกัน คือ ตอ งข้นึ อยกู บั การเวยี นวายตายเกดิ ข้นึ อยกู บั อสังขธาตุ มี ธาตุดิน ธาตนุ ้าํ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ วิญญาณธาตุ และตองขึน้ อยกู บั กรรม ใครจะเชอื่ หรอื ไมกต็ าม วาชวี ิตมนษุ ยเรา มกี ารเวียนวายตายเกดิ มานบั คร้งั ไมถ วน ตองเปนความจริงอยูเชนนน้ั การเวยี นวา ยตายเกดิ ก็ข้นึ อยูกบั ธาตุทก่ี ลา วมาแลว เมื่อธาตุรวมตัวกนั ขน้ึ กเ็ กดิ เมอื่ ธาตุแยกตัวกนั ออกก็ตาย การจะเกิดหรือตายกต็ อ งอาศัยกรรมเปนเครือ่ งจําแนก จะไปเกดิ เปนอะไร จะตายเมื่อไร ขึ้นอยูกับกรรมท่ีตนได กระทาํ ขน้ึ ท้ังส้นิ ทาํ กุศลไปเกดิ เปน เทวดา พระอินทร พระพรหม หากทําอกศุ ลก็ไปเกิดเปน เปรต อสุรกาย สัตว นรก จาํ แนกกันอยา งนี้ น่ีเปนหลักการดั้งเดิมในชวี ิตของมนษุ ยและสัตว ตอ มาเพราะมกี ารจาํ แนกการเกดิ ก็มอี วิชชาเกดิ ขน้ึ คือ ทําใหม คี วามไมรู เปนเครอื่ งปด บงั ใหท ําผดิ คิดผดิ ไป ตามอารมณชอบ อนั ทจ่ี ริงอวิชชาน้ี เปนตน เหตใุ หเกิดการแสวงหาความรู เชนเดียวกับกเิ ลส ถา เราไมม ีกเิ ลสกไ็ มต อ งหาทางดับ กเิ ลส ถา ไมมตี ัณหา ก็ไมต องหาทางดบั ตัณหา 45

ถาจะเปรียบอวชิ ชาเปน ภูเขาลกู ใหญ ทขี่ วางหนาเราอยู ฟากเขาดา นหลงั เปน วิชา ฟากเขาดา นหนา เปน อวิชชา เมื่อ เราตองการขา มไปหาวิชา เราก็ตองขา มอวิชชา คือ สันเขาขนึ้ ไป จนถงึ ดา นหลังเขา พอขามอวิชชาไปได เราก็ได วิชา พระพทุ ธเจาจึงทรงใหด บั อวชิ ชา เมือ่ ดับอวิชชาไดเ ด็ดขาด ก็เปนอันสิน้ ทกุ ข ไมเกิดไมต ายอีกตอไป แตอวิชชาก็ ไมใชส่งิ ท่จี ะดับไดโ ดยงา ย เพราะเปน ตัวโลภ โกรธ หลง ตองพากเพยี รพยายามอยางเต็มที่ เพื่อชําระลา งตัวไมรู ใหหมดส้ินไป อาตมากลบั ถึงวัดแลว ก็ไดไ ปเยีย่ มทา นมหาจําเรญิ ท่ีกุฏมิ งุ แฝกในปาชา รูสกึ วาทา นมีความยินดมี าก ท่ไี ดพ บ อาตมา คาํ ถามแรกของทานกค็ ือ \"ลาํ บากไหมเณร\" \"ไมลําบากเลยครบั มแี ตความสงบสบาย\" \"ออกพรรษาหนา นแี้ ลว หลวงพ่ีคงไดไ ปบา ง\" \"อยา เพง่ิ เลยครบั หลวงพ่ี ผมวาปฏิบตั ิเอาท่ีปา ชานีแ่ หละ ใหพ อตัวเสียกอนจะดกี วา อีกอยางหลวงพอ อปุ ช ฌาย ทา นจะไมอ อกธดุ งคอกี แลว วาจะอยูชวยทา นมหาสรา งสํานักปฏิบัติ ตามท่ีคดิ กนั ไว\" \"เณรวา ปฏิบัติใหพอตวั เสยี กอน หมายความวาอยางไร\" \"หมายความวา เมือ่ ออกธุดงคอ ยใู นปา พบอันตรายตางๆ กเ็ อาตัวรอดได แตตอนนกี้ ารปฏบิ ัติของหลวงพี่ แมจะ ดีขน้ึ มาก แตจ ติ กย็ งั ไมถึงข้ันอัปปนาสมาธิ หรือฌาน ๔ ไดแตเพียงความปต ิ ความสขุ อมิ่ เอิบอยเู ทานั้น\" \"เณรรไู ดอยางไร\" \"กจ็ รงิ ไหมละ หลวงพ่ี เชื่อผมเถอะ หลวงพีต่ องเรง ความเพยี รทางสมถะอยางเดยี วใหไ ดเสียกอน ถา ยังไมไ ดขัน้ อัปปนา หรอื ไดแ ลวยังไมช ํานาญพอ อยา เพิ่งเอาวิปสสนาเขา มาแทรก เพราะจะไมไ ดอ ะไรเลย จะไดแตส ญั ญา นอกๆ ท่ีจดจาํ มาจากหนังสือ หรือประสบการณ ยงั ไมเปนธรรมทีเ่ กิดรูข้ึนมาเอง ทผี่ มพูดน้ี ไมใชมาสอนหลวงพน่ี ะ เพราะผมไดปฏิบัตมิ าแลว ไมอยากใหหลวงพี่หลงงมอยู อยางทผ่ี มเคยหลง มาแลว\" \"กเ็ ห็นจะตอ งเชอื่ เณร เพราะเณรปฏิบัตมิ ากอ นหลวงพี่ วาแตไ ปธดุ งคคราวนี้ เณรคงไดอ ะไรเพม่ิ เติมมาอกี มาก\" \"สิ่งทผ่ี มไดเ พิ่งเติมมานั้น แทจ ริงกไ็ ดค วามไมม ีอะไรนน่ั เอง หรอื จะวา ความยึดถือตวั เราของเรามนั นอยลง เบา บางลง หลวงพออปุ ชฌายท านวา การทเี่ รามาปฏบิ ตั สิ มถะและวปิ สสนากันน้ัน จดุ หมายก็คอื ความไมมีอะไร ความเปน อิสระ ความไมเกิด ไมตาย\" 46

๑๗. อปุ สมบททดแทนคณุ ครัน้ ใกลจ ะเขาพรรษา อายอุ าตมาครบบวชแลว ก็ไปหาโยมพอโยมแมท้งั สอง บอกความประสงคจ ะทาํ การ อุปสมบท ซงึ่ โยมพอ โยมแมกม็ ีความยินดี ตระเตรยี มการใหดวยความศรัทธาเลือ่ มใส ไมท วงติงแตอ ยางใด เพราะทานตดั ใจไดม านานแลว วา ลกู ชายทา นคนน้ี คงจะเอาดีทางพระ ไมส นใจในทางโลกแนน อน เมือ่ อุปสมบทแลว กไ็ ดไ ปเยี่ยมโยมพอโยมแมท ั้งสอง และพชี่ ายพส่ี าว บอกวา “จะขอบณิ ฑบาตโยมทงั้ สองอกี สกั อยา งจะไดไหม ตอ ไปจะไมขออะไรอีก” โยมตา งก็ถามวา “ทานจะขออะไรก็ขอใหบอกเถอะ โยมยินดีจะถวายท้งั สนิ้ ทส่ี ามารถจะถวายได” “อาตมาพจิ ารณาดูแลว เห็นโยมพ่ที ั้งสอง เรียนสําเร็จแลว กม็ คี วามรูท่ีจะทําการคาขายเจริญกาวหนา ตอไป สวน โยมพอ และโยมแม อายมุ ากข้นึ แลวควรจะละความหว งใยลงเสีย หนั มาประพฤตปิ ฏบิ ัตธิ รรม เพือ่ ตวั ของโยมเอง จะดีกวา โยมพอ โยมแมจ ะทาํ ไดห รือไม อาตมาขอเพยี งแคนี้แหละ และการท่ีอาตมาบวชมาน้ี โยมจะไดบุญกุศลกเ็ พยี งเลก็ นอ ย ไมส ามารถจะพาโยมไปสวรรคน พิ พาน เพื่อความพน ทกุ ขไ ด โยมจะตองขวนขวาย พากเพียรพยายามปฏบิ ตั เิ อาดวยตวั ของโยมเองทั้งสิ้น บญุ กศุ ลทโี่ ยมทํามาแลว ในอดตี ชาติ ไดส ง ผลใหโ ยมมฐี านะความเปนอยดู กี วา ผูอื่น มีลูกที่ดอี ยูในโอวาททกุ คน แต บญุ ในอดตี ชาติน้นั ยอ มหมดลงได ถาไมสรา งสมทาํ เพ่ิมขน้ึ อกี ทาน โยมก็ไดทาํ มาดีแลว ศีล โยมกร็ ักษาดแี ลว แตบุญที่ย่ิงใหญเ หนือกวา ทานกวา ศีลกค็ ือ สมาธิภาวนา ซึง่ จะ เปนทางเอาตัวรอด พนจากทกุ ข ไมตองมาเวียนวายตายเกิดนบั ไมถวนชาติอกี ตอไป” โยมพ่ีชายไดถ ามวา “ทา นคิดวาพี่สองคนจะดําเนนิ กิจการตอไปไดห รือ” “โยมพท่ี ง้ั สอง ก็เรียนกนั มาทางคา ขาย ไมเ ห็นจะมปี ญ หาอะไร ชว ยกนั คดิ ชว ยกนั แกไ ข กจ็ ะทําใหกจิ การกา วหนา ไปกวาเดมิ เสียอกี โยมพชี่ ายนะไมต องวิตกอะไร อกี ๕ ปข า งหนา กจ็ ะไดแ ตง งาน มผี ูม าชวยการงานดีขึ้น ขอให รกั ษาความดี ความซือ่ สัตยเอาไวใ หม นั่ คง สว นโยมพ่ีหญิง ขอบอกใหร วู า เกดิ มาไมม เี น้ือคูก ับเขาหรอก เพราะอดตี เปน นักบวช ถงึ เวลาพอสมควรก็จะหัน หนา เขาวัด” ท่สี ดุ โยมพอโยมแมท้ังสองกร็ บั ปากจะขอปฏบิ ัตธิ รรม ตามท่ีอาตมาขอบิณฑบาต แตจะไมเ ขาวดั ถือบวชระคน ดวยหมูคณะ จะไปอยบู านสวน ซ่งึ มีความสงบดีพอสมควร แลวคอยปฏิบตั ิไป อาตมากบ็ อกวา “ไมจําเปน จะตอ งเขา วัดเพอื่ ถอื บวช เปนอบุ าสก อุบาสิกา อยกู ับบานก็ปฏบิ ัติธรรมสมาธิได ความเปนอยูกไ็ มต อ งหวงใยอะไรแลว เพียงตง้ั ใจปฏิบตั กิ ็จะถึงความสขุ ได” 47

ในพรรษานัน้ ก็ไดช ว ยทา นมหาจาํ เรญิ แบงเบาภาระในการสอนนักธรรม ซึ่งตอนนีก้ ็มพี ระนักธรรมเอก และ เปรยี ญ ๓, ๔ ประโยค อีกสองรปู มีผูเ ขามาบวชเรียนมากขนึ้ กพ็ อดีชวยกนั ได อาตมาไดช ักจงู ภกิ ษุสามเณรทบี่ วชเกา และบวชใหมใ หหนั มาปฏิบตั ธิ รรมสมาธิ ควบกับการเรยี นปรยิ ัตไิ ปดว ย แตแ รกกม็ วี อกแวก หละหลวม ไมเ อาจรงิ กันบา ง อาศัยทค่ี อยตรวจสอบวาระจติ ใครคิดอะไร กค็ อยทกั ทวงใหรู วาที่คิดอยา งน้ัน อาตมารนู ะ หรอื ใครไปทาํ อะไรทไ่ี หน กบ็ อกไดหมด จนภกิ ษุสามเณรภายในวัดแปลกใจวา อาตมารูไดอยา งไร ก็ไดแ ตบอกวา ถาภิกษุสามเณรต้งั ใจปฏบิ ตั ิ ก็สามารถ จะรูเหน็ เชนอาตมาได จึงไมมใี ครหลีกเลีย่ ง ตงั้ ใจปฏบิ ตั ิกันดี พรรษาแรก ถงึ วนั ธรรมสวนะ ๑๕ คํ่า อาตมากไ็ ดร ับมอบจากหลวงพอ อาจารยใหสวดปาติโมกขตลอดพรรษา ๑๘. แสวงวเิ วกตามลาํ พงั คร้ันออกพรรษาแลว อาตมาไดอยูชว ยจนภกิ ษสุ ามเณรเขา สอบธรรมทส่ี นามหลวงจนเสรจ็ จงึ ไดกราบลาหลวงพอ อาจารย ออกธุดงค แสวงวเิ วกไปตามลําพงั ตอไป ตอนแรก ทา นมหาจําเรญิ และภกิ ษุ ๓ รปู ทีไ่ ปปฏิบัติอยใู นปา ชา จะขอตามไปดวย แตหลวงพออาจารยทกั วา “ปฏบิ ตั ิอยทู ว่ี ัดไปกอ นเถอะ ยงั ไมถ งึ เวลาจะไป การออกธดุ งคตองมจี ิตทแี่ กก ลา กวานี้” ทานมหาจาํ เรญิ บอกวา “ไปกับทานคงจะชว ยคุมครองใหไ ด” หลวงพออุปชฌายบอกวา “ไดน ะไดหรอก แตจะไปเปนกังวลเปลาๆ ทว่ี ายงั ไมถงึ เวลา ก็เพราะบารมยี ังไมพ อ อาจจะเกดิ อันตรายได จงึ ไม อยากใหไ ป หากอยกู ็จะไดช วยกนั ทางน้ี” เม่อื ครูอาจารยทักทวง ก็ไมม ีใครกลา ขัดขนื เพราะตางก็รูค ณุ พเิ ศษของทานเปน อยา งดี ออกธุดงคแตลําพังคราวน้ี ไมไ ดยอนกลบั วัดตอนใกลเ ขาพรรษา และไมไดไปขอจําพรรษาทว่ี ัดไหนเลย พอเขาพรรษากอ็ ธษิ ฐานเขาพรรษาอยูใ นถ้ําใดถา้ํ หน่ึงจนครบ ๓ เดือน แลวออกธุดงคตอไป โดยมากกว็ นเวยี นอยู แถบจังหวดั เลย และ จังหวัดเพชรบรู ณ เขาไปอยใู นปา ลกึ ๆ ไกลผูคน เวลาตอ งการอาหาร ซึง่ หลายๆ วนั สกั ครัง้ อยากจะโปรดหมบู านไหน ก็ไปดว ยการอธิษฐาน ช่ัวขณะหนง่ึ กไ็ ปถงึ ชายปาใกลหมบู าน แลว จึงเดนิ เขา ไป นับวา ไป มา สะดวกรวดเร็ว ไมลาํ บากอะไร ชาวบานบางคนก็ถามวา ทานพกั อยทู ่ไี หน กไ็ ดแ ตตอบวา อยไู กล โยมเดินทางวันหนึ่งไมถงึ หรอก ซง่ึ ชาวบานกไ็ ด แตแปลกใจ 48

สวนมากการเดินธุดงคนัน้ อาตมาแสวงวเิ วกเร่อื ยไป จากภาคกลาง ขึน้ ภาคอีสาน ตดั ขนึ้ ภาคเหนอื แลวลงไป ภาคใต เม่อื บาํ เพญ็ สมาธภิ าวนากลาแข็งข้นึ ตาทิพยและหูทิพยท่ีไดมาแตเด็กๆ กเ็ ห็นไดก วางไกลย่งิ ขึ้น อยากเหน็ ที่ไหน นัง่ อยกู บั ทก่ี ไ็ ดเหน็ ทะลปุ รุโปรง แจมแจง เปนการรเู หน็ แบบปจ จตั ตังเฉพาะตัว ซ่งึ ไมสามารถจะอธิบายใหผ ูอ่นื เห็น ตามได นอกจากเขาจะไดปฏิบัติดวยตนเอง คําวา “พุทโธ” ซงึ่ เปน บทภาวนาเบ้ืองตน เปนของดีอันประเสริฐ เปนทางใหไปสคู วามเปน ผรู ู คอื รูแจงในธรรมท้ัง ปวง เปนทางใหไปสูความเปน ผูตน่ื คือ ตื่นจากกเิ ลสตัณหาทหี่ อหมุ ชีวติ อยปู ราศจากนิวรณท ั้ง ๕ ตื่นตวั ต่ืนใจอยู ทกุ ขณะ เปนทางใหไปสคู วามเปนผูเบกิ บาน เพราะปราศจากความยดึ ม่นั ถือม่ันเปนตัวเราของเรา ดังทอี่ าตมาได สัมผสั อยู แตชาวโลกนัน้ เกดิ มามีกรรมมีเวร มอี วชิ ชาครอบงําอยู ใครจะมาแนะนาํ ชกั จูงวา ลองทาํ สมาธเิ สยี บา งซิ เขาก็จะ หลกี เล่ียง อา งวาไมมเี วลาบา ง ใจไมสงบบาง มีเร่อื งยงุ ยากกับการงานครอบครวั บาง ซึ่งลว นแตเปน ขออางของ กิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง ยดึ นนั่ ติดน่ี ซึ่งเปน อวิชชาท้ังสน้ิ นับวาชาวโลกสวนมากเปนผูน าสงสาร แตใครจะไปฉุดรง้ั ผลกั ดันเขาไดอยางไร เม่ือเขาไมเ คยนกึ สงสารตนเองเลย สงครามในซกี โลกตา งๆ ทาํ ใหตองฆา กนั ทําลายลางกัน โดย ไมมสี าเหตจุ าํ เปนเลย กเ็ พราะอวิชชานี้ ทาํ ใหไมร ูบ ญุ รูบาป รผู ิดรถู ูก ไปเท่ียวยดึ ถือเอาสิ่งภายนอกเขามาทาํ ลายตน นี่กพ็ ดู ไปตามเนื้อผา หยาบๆ ของชาวโลก อาตมาไมวนุ วายเดือดรอนดว ย เพราะไดละวางแลว จิตที่อยเู หนอื ทุกขเวทนา สุขเวทนา มันเห็นแตวาสิ่งใดเกดิ ขึน้ สิ่งนั้นยอมดับไป จะเกิดหรือดบั ก็เปน ไปตามสมมติ เปนไปตาม ธรรมดา จะตองเปนไปเชนน้นั ไมม ีใครจะไปเปลี่ยนแปลงได เวนแตยงั ไมสน้ิ กรรม สน้ิ วาระ ก็แกไ ขปด เปากันไป อาตมาเบิกบานดวยสุขวหิ ารธรรม อยูตามปา ตามถา้ํ เปน เวลาถงึ ๕ ป หรอื ๕ พรรษา เพลดิ เพลนิ การเสวนา ธรรมกบั ครูบาอาจารย ทธ่ี ุดงคอ ยูในปา ทัง้ ที่ทา นยังมชี ีวิตอยู และจิตวญิ ญาณที่เปน อมตะ ซ่ึงมอี ยมู ากมาย ธรรมเหลาใดทย่ี ังของใจสงสัยอยู ทานเหลา นนั้ ก็ใหอรรถาธบิ ายใหกระจางขนึ้ ตามภมู ิปญ ญาของทาน ผทู ่ีไมเ ชื่อวาในโลกนีย้ ังมพี ระอรหนั ต เพราะเขาไมเหน็ แตความจริงแลว พระอรหันตมีอยูนบั ไมถว น บางทา นก็ เปน พระอรหันตแบบสุขวปิ สสโก ยินดีพอใจซมุ ซอนอยเู งียบๆ ทา มกลางปาดงพงลกึ บางทา นก็เปนพระปจเจก พุทธ บางทา นกท็ รงฤทธอ์ิ ภญิ ญา แสดงปาฏิหาริยต างๆ เลนแกรําคาญ เปน ท่ีเบิกบานใจของทา น ปาฏหิ าริย เหลานี้ เปนสิง่ ท่ีสําเร็จดวยจิต คิดจะใหเ ปน อยางไร ก็เปน ข้นึ มาอยางนั้น ไมตองอาศัยเวทมนตรคาถา แบบไสย ศาสตร ทานเหลา นท้ี านแสดงธรรมได สอนได แตท านไมท าํ เพราะไมไดบําเพ็ญบารมีมาทางน้ี ยงั มอี ีกเปนจาํ นวนมาก ท่ีสมัยเปนมนษุ ยป ฏิบัติธรรมอยู แลว กายทพิ ยถอดจากรา งไปโดยไมร ูตัว เมื่อกายทพิ ย ออกไปแลว กเ็ พลดิ เพลนิ ทอ งเที่ยวไปในแดนสวรรคชัน้ ตางๆ เมอ่ื สตไิ มกลา แข็งพอ ไปหลงติดอยกู ับวิมานนางฟา ทาํ ใหลืมเวลาอนั สน้ั ของเมืองมนษุ ย ครัน้ คิดกลับเขารา ง รางก็เนาเปอ ยหรอื เขาทําการเผาไปแลว จึงตอ งทองเท่ียว เรรอนไป จะไปเกิดกเ็ กิดไมไ ด เปนพวกนอกบัญชีท่ยี งั ไมถ ึงอายขุ ยั 49

การที่กายทิพยจ ะออกไปนัน้ เปนการออกแบบไมร ตู วั สติไมแ กกลา พอทจ่ี ะตามรกู ารไปของกายทิพย ฉะนั้นผู ปฏิบัติสมาธิ จึงควรทําสมาธขิ องตนใหแกก ลา เพือ่ จะไดม ีสติรูเทา ทนั อยางสมบรู ณ จะไดไมหลงเพลิดเพลนิ จน ลมื การกลบั สูรางเดิม และจะไมกลายเปนกายทิพยเรรอน สญั จรไปมาอยูมากมายในขณะนี้ ๑๙. สรา งศรทั ธาดว ยญาณหยง่ั รู หลงั จากแนใจวา การปฏบิ ตั ธิ รรมจะไมย อนกลับไปเปนทางของกิเลสตัณหา มีแตเ ดินไปขางหนา ขามพน ชาติชรา มรณะทุกขไปแลว อาตมาจึงกลบั สูวัดเดมิ หลวงพออาจารยแ ละมหาจําเรญิ ยังอยู หลวงพอ อาจารย ทา นชราลง ไปมาก แตก ย็ ังมีราศีผองใส การออกบิณฑบาตเปน วตั ร ซึ่งเปนธุดงคขอหนึง่ ทานกย็ งั ปฏบิ ัตอิ ยู ทัง้ ทล่ี ูกศษิ ยล ูก หาชาวบาน เขาขอรอ งใหหยดุ ไดแลว ทานวาสงั ขารยงั ใชไดอยู ก็ตอ งใชเขาไปกอน ทานทง้ั สองไดชว ยกนั พฒั นาวัด ใหเจรญิ ข้นึ เปนอนั มาก โดยเฉพาะทานมหาจาํ เริญน้ัน เมอื่ ศิษยท ่ีไดนกั ธรรม เปรียญมมี ากข้ึน ก็ทําใหว างมือในการสอนไปได หันมาปฏบิ ัติและพฒั นาอยางเตม็ ที่ ทางถาวรวัตถุก็ไดบ ูรณะ ซอมแซมโบสถศาลาใหดีข้ึน ทางโรงเรียนปริยตั กิ ม็ ผี มู าบรรพชาอุปสมบทเพิ่มข้นึ แมฆ ราวาสกม็ าเรียนและสมัคร สอบได สวนสํานกั กรรมฐานก็ไดจัดขนึ้ เปน สัดสวนตามความมงุ หมายของหลวงพออาจารย มศี าลาฝก ปฏบิ ตั ิ ธรรม แลวกม็ ีกฏุ ิสําหรับพระเณรปฏบิ ตั ิธรรม ประมาณ ๓๐ หลงั สวนของอุบาสกอุบาสิกานัน้ กไ็ ดจ ัดที่ไวใ หเ ปน สดั สวน อบุ าสกอุบาสิกาบางคนมาอยูป ฏบิ ัตธิ รรม ก็มาสรางเรือน เล็กๆไว อาศยั ปฏิรปู ตามใจชอบ เม่ือสรา งข้นึ แลว เจาของเลิกราไป ผูอ่นื กเ็ ขามาพกั ปฏิบัตแิ ทน สลับกนั ไปอยางนี้ เมอ่ื อาตมากลับถึงวัด หลวงพออาจารยก ับทา นมหามคี วามยนิ ดีมาก เพราะทานหวงั วาอาตมาจะมาชวยกันอีก แรงหนึง่ ญาติโยมที่มาจากที่อื่นในระยะหลังๆ ไมม ีใครรูจักอาตมาเลย แตน ั่นไมใชเ รอ่ื งสําคญั คณุ วเิ ศษทมี่ ีอยใู น ตนตางหาก ทีจ่ ะชวยเขาได พระหนมุ บวชได ๕ พรรษา แตแ รกก็ไมม ีใครศรัทธา เพราะเขาเห็นแตร า งกาย แตจ ิตนนั้ เขาเหน็ ไมไ ด จะ ประภสั สรเพยี งใดเขาก็ไมร ู เมอ่ื เร่ิมตนการสอนครง้ั แรก อาตมาจงึ จําเปน ตอ งแสดงใหเขารูวา ใครคดิ อะไรอยู ทั้งทเี่ กย่ี วกบั ตวั เขาเอง หรอื ตัว อาตมา สรา งความแปลกใจใหโ ยมไปตามๆ กัน บางทกี ท็ ักไปถงึ ทางบาน ท่ีโยมกําลังเปนหว งอยู “โยมมาวดั ทาํ ไม ลูกสาวคนโตกาํ ลังปว ยอยู มาแลวก็มคี วามหวงกงั วล ทําจติ ใหส งบไมไ ด” โยมถามวา “ทานรูไดอ ยางไรคะวา ลกู สาวกาํ ลังปวย” “รอู ยางไรก็ชางเถอะ แตอ ยากจะเตือนวา ไมตอ งวิตกกังวล ทําจติ ใหส งบ ปลอ ยวางความหว งใยใหหมด เวลานีล้ กู สาวโยมหายปวยแลว” “จะเปนไปไดอยางไรเจาคะ เขาปว ยมาเปนป รักษาเทา ไรกไ็ มดีข้นึ หมอท่ีมารกั ษานนั้ นับไมถวนแลวเจา คะ” “นัน่ แหละหายแลว กลบั ไปน้ี โยมไปทาํ สงั ฆทาน อทุ ิศสวนบญุ กุศลใหเจาเวรนายกรรมเขาเสีย คนเรายงั ไมถึงเวลา ตาย ถึงเวลาจะหายมันก็หายเอง ถาโยมอยากรวู าลกู สาวหายอยา งไร กไ็ ปถามลูกสาวดู” 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook