แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ ๓ จดั ทาโดย นางสาวสริ าวรรณ พุทธชาติ เลขท่ี ๒๖ เสนอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พชั รีภรณ์ บางเขยี ว แผนการจดั การเรียนรู้เล่มนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของรายวชิ าการจดั การเรียนรู้และการจดั ชนั้ เรียน รหสั วิชา ๑๑๐๐๓๐๑ คณุครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา
คานา แผนการจดั การเรียนรูร้ ายวิชาภาษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ จดั ทาขนึ้ เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทาง ในการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วยเนื้อหาสาระต่อไปนี้ แผนการจัดการเรียนรู้รายปี ซง่ึ ประกอบดว้ ยมาตรฐานตวั ชีว้ ดั และตวั ชีว้ ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิชาภาษาไทย แผนการจดั การเรยี นรูร้ าย คาบทงั้ หมด ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย บา้ นนกั อ่าน โครงสรา้ งวิถีประโยคไทย และแตง่ อย่าง เช่ียวชาญ ซ่งึ แตล่ ะแผนการจดั การเรยี นรูไ้ ดร้ ะบมุ าตรฐาน ตวั ชีว้ ดั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรูต้ ามรูปแบบการจดั การเรียนรูท้ ่ีหลากหลาย อันไดแ้ ก่ รูปแบบการจัดการเรียนรูแ้ บบ นิรนยั ซ่ึงแต่ละหน่วยการเรียนรูจ้ ะมีการจดั การเรียนการสอนท่ีแตกต่างกนั แต่ทงั้ หมดนามาซ่งึ การบรรลุ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นอกจากนีย้ งั มีใบงานและเกณฑก์ ารประเมินผล เพ่ือใชใ้ นการประเมินผลการเรยี นรู้ ของนกั เรียนแต่ละคนว่าหลงั จากเสร็จสิน้ การเรียน นกั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ เนือ้ หาสาระมากนอ้ ย เพียงใด ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ หรอื ไม่ ผจู้ ดั ทาขอพระคณุ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พชั รีภรณ์ บางเขียว เป็นอย่างย่ิง ท่ีใหค้ าปรกึ ษาและ คาแนะนาตลอดระยะเวลาการจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ และหวงั เป็นอย่างย่ิงว่าแผนการจดั การเรยี นรู้ เล่มนี้เป็ นประโยชน์กับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน ทาให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพตอ่ ไป นางสาวสริ าวรรณ พุทธชาติ ผู้จัดทา
สารบัญ หน้า ๑ เรื่อง ๙ แผนการจัดการเรียนรู้รายปี ๑๔ ตารางโครงสร้างรายวชิ า ๒๘ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ บา้ นนักอา่ น ๒๙ ๓๐ ใบงานท่ี ๑ ๓๑ ใบงานท่ี ๒ ๔๕ ใบงานท่ี ๓ ๔๖ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ โครงสร้างวิถปี ระโยคไทย ๕๗ ใบงานท่ี ๑ ๕๘ ใบงานท่ี ๒ ๕๐ ใบงานท่ี ๓ ๖๒ ใบงานท่ี ๔ ๖๓ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ แตง่ อยา่ งเชย่ี วชาญ ใบงานท่ี ๑ ใบงานท่ี ๒
๑ แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย เวลา ๑๒๐ ช่ัวโมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ปี การศกึ ษา ๒๕๖๔ ครูผู้สอน นางสาวสิราวรรณ พุทธชาติ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพ่ือนาไปตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียน เร่ืองราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมี ประสิทธิภาพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพ่ือนาไปตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ และมีนสิ ยั รกั การอา่ น ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ ง ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธิบายรายละเอยี ดจากเรอ่ื งท่ีอ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขียนผงั ความคดิ เพ่ือแสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นตา่ งๆ ท่ีอา่ น ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคดิ เห็น และขอ้ โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น ท ๑.๑ ม.๒/๕ วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็น จากบทความท่ีอา่ น ท ๑.๑ ม.๒/๖ ระบุข้อสังเกตการชวนเช่ือ การโน้มน้าว หรือความสมเหตุสมผล ของงานเขียน
๒ ท ๑.๑ ม.๒/๗ อ่านหนังสือ บทความ หรือคาประพันธ์อย่างหลากหลาย และประเมิน คณุ คา่ หรอื แนวคดิ ท่ีไดจ้ ากการอา่ นเพ่อื นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียน เร่ืองราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่าง มีประสิทธิภาพ ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขียนเรยี งความ ท ๒.๑ ม.๒/๔ เขียนยอ่ ความ ท ๒.๑ ม.๒/๕ เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ท ๒.๑ ม.๒/๖ เขียนจดหมายกิจธรุ ะ ท ๒.๑ ม.๒/๗เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้ง ในเรอ่ื งท่ีอา่ นอยา่ งมีเหตผุ ล ท ๒.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ท ๓.๑ ม.๒/๑ พดู สรุปใจความสาคญั ของเรอ่ื งท่ีฟังและดู ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเช่ือถือของข่าวสาร จากสอื่ ตา่ งๆ ท ๓.๑ ม.๒/๓ วิเคราะห์และวิจารณ์เร่ืองท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผลเพ่ือนาข้อคิด มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวติ ท ๓.๑ ม.๒/๔ พดู ในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู รายงานเรอ่ื งหรอื ประเดน็ ท่ีศกึ ษาคน้ ควา้ ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ
๓ ท ๔.๑ ม.๒/๑ จาสรา้ งคาในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทรอ้ ยกรอง ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศพั ท์ ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวมและอธิบายความหมายของ คาภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ ท ๕.๑ ม.๒/๑ สรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ นในระดบั ท่ียากขนึ้ ท ๕.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่ินท่ี อา่ น พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ น ท ๕.๑ ม.๒/๔ สรุปความรูแ้ ละขอ้ คิดจากการอ่าน ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่า ตามความสนใจ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ ง (K) นกั เรยี นสามารถจบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรอ่ื งท่ีอา่ น (K) นกั เรยี นสามารถเขียนผงั ความคิดเพ่ือแสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นตา่ งๆ ท่ีอา่ น (K) นกั เรยี นสามารถอภิปรายแสดงความคดิ เห็น และขอ้ โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น (K) นักเรียนสามารถ วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็น จากบทความท่ีอา่ น (K) นกั เรยี นสามารถระบขุ อ้ สงั เกตการชวนเช่ือการโนม้ นา้ วหรอื ความสมเหตสุ มผลของงานเขียน (K) นกั เรยี นสามารถอา่ นหนงั สอื บทความ หรอื คาประพนั ธอ์ ยา่ งหลากหลาย และประเมินคณุ คา่ หรอื แนวคดิ ท่ีไดจ้ ากการอา่ นเพ่อื นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิต (K) นกั เรยี นมีมารยาทในการอา่ น (K) นกั เรยี นสามารถคดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั (K) นกั เรยี นสามารถเขียนบรรยายและพรรณนา (K)
๔ นกั เรยี นสามารถเขียนเรยี งความ (K) นกั เรยี นสามารถเขียนยอ่ ความ (K) นกั เรยี นสามารถเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ (K) นกั เรยี นสามารถเขียนจดหมายกิจธรุ ะ (K) นักเรียนสามารถเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโตแ้ ย้งในเร่ือง ท่ีอา่ นอยา่ งมีเหตผุ ล (K) นกั เรยี นสามารถมีมารยาทในการเขียน (K) นกั เรยี นสามารถพดู สรุปใจความสาคญั ของเรอ่ื งท่ีฟังและดู (K) นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเห็นและความน่าเช่ือถือของข่าวสารจากสื่อตา่ งๆ (K) นกั เรียนสามารถวิเคราะหแ์ ละวิจารณเ์ ร่ืองท่ีฟังและดอู ย่างมีเหตผุ ลเพ่ือนาขอ้ คิดมาประยุกตใ์ ช้ ในการดาเนินชีวิต (K) นกั เรยี นสามารถพดู ในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ (K) นกั เรยี นสามารถพดู รายงานเรอ่ื งหรอื ประเดน็ ท่ีศกึ ษาคน้ ควา้ (K) นกั เรยี นมีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู (K) นกั เรยี นสามารถสรา้ งคาในภาษาไทย (K) นกั เรยี นสามารถวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น (K) นกั เรยี นสามารถแตง่ บทรอ้ ยกรอง (K) นกั เรยี นสามารถใชค้ าราชาศพั ท์ (K) นกั เรยี นสามารถรวบรวมและอธิบายความหมายของ คาภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย (K) นกั เรยี นสามารถสรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ นในระดบั ท่ียากขนึ้ (K) นักเรียนสามารถวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่ินท่ีอ่าน พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ (K) นกั เรยี นสามารถอธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ น (K) นกั เรยี นสามารถสรุปความรูแ้ ละขอ้ คิดจากการอา่ น ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ (K) นกั เรยี นสามารถทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทรอ้ ยกรองท่ีมีคณุ คา่ ตามความสนใจ (K) ๒.๒ ด้านทกั ษะ (P) นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น (P) นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น (P)
๕ นั ก เ รี ย น ส า ม า ร ถ น า เ ส น อ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ข อ ง ค า ท่ี มี ค ว า ม ห ม า ย โ ด ย ต ร ง แ ล ะ ความหมายโดยนยั ได้ (P) นกั เรยี นสามารถอภปิ รายขอ้ คิดจากเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ (P) นกั เรยี นสามารถเขียนกรอบแนวคดิ ผงั ความคิด บนั ทกึ ยอ่ ความและรายงานจากเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ (P) นักเรียนสามารถนาเสนอผลการวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเร่ืองท่ีอ่านโดยใช้กลวิธีการ เปรยี บเทียบเพ่ือใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจได้ (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอประเมินความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ท่ีใชส้ นบั สนนุ ในเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ (P) นักเรียนสามารถนาการวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การลาดับความ และความเป็นไปได้ ของเรอ่ื งไปใชพ้ ฒั นาทกั ษะการอา่ นไดด้ ีขนึ้ (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอการวเิ คราะหเ์ พ่ือแสดงความคดิ เห็นโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีอา่ นได้ (P) นักเรียนสามารถนาเสนอการตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดท่ีได้จากงานเขียน อยา่ งหลากหลายเพ่ือนาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ (P) นกั เรยี นแสดงออกในเรอ่ื งมารยาทในการอ่านไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P) นกั เรยี นสามารถคดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ได้ (P) นกั เรยี นสามารถเขียนขอ้ ความโดยใชถ้ อ้ ยคาไดถ้ กู ตอ้ งตามระดบั ภาษาได้ (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอการเขียนขอ้ ความโดยใชถ้ อ้ ยคาไดถ้ กู ตอ้ งตามระดบั ภาษาได้ (P) นักเรียนสามารถนาเสนอการเขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติโดยเล่าเหตุการณ์ ข้อคิดเห็น และทศั นคติในเรอ่ื งตา่ ง ๆ ได้ (P) นกั เรยี นสามารถเขียนยอ่ ความจากส่อื ตา่ ง ๆ ได้ (P) นกั เรยี นสามารถนาหลกั การเขียนจดหมายกิจธุระไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P) นักเรียนสามารถนาเสนอการเขียนอธิ บาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็นและโต้แย้ง ไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล (P) นักเรียนสามารถเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้ง ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ ได้ (P) นกั เรยี นสามารถกรอกแบบใบสมคั รงานได้ (P) นกั เรยี นสามารถเขียนบรรยายเก่ียวกบั ความรูแ้ ละทกั ษะของตนเองท่ีเหมาะสมกบั งานได้ (P) นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิตามขนั้ ตอนการเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงานไดถ้ กู ตอ้ ง (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอการเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงานได้ (P) นกั เรยี นแสดงออกในเร่อื งมารยาทในการเขียนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P)
๖ นักเรียนสามารถนาเสนอความคิดเห็นและประเมินเร่ืองจากการฟั งและการพูดได้ อยา่ งเหมาะสม (P) นักเรียนสามารถนาเสนอการวิเคราะห์และวิจารณ์เร่ืองท่ีฟั งและดูมาประยุกต์ใช้ ในการดาเนินชีวิตได้ (P) นักเรียนสามารถพูดรายงานเร่ืองหรือปร ะเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าจากการฟั ง การดู และ การสนทนาได้ (P) นกั เรยี นสามารถพดู ในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ (P) นักเรียนสามารถพูดโน้มน้าวโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผลและ นา่ เช่ือถือได้ (P) นกั เรยี นแสดงออกในเรอ่ื งมารยาทในการฟัง การดู และการพดู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอการจาแนกและใชค้ าภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทยได้ (P) นกั เรยี นสามารถนาเรอ่ื งการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ นไปใชใ้ นการแตง่ ประโยคได้ (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอการวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งของภาษาแตล่ ะระดบั ได้ (P) นกั เรยี นสามารถเขียนคาทบั ศพั ทไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง (P) นกั เรยี นสามารถนาศพั ทท์ างวชิ าการและวิชาชีพไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P) นกั เรยี นสามารถแตง่ โคลงสสี่ ภุ าพไดถ้ กู ตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณแ์ ละกฎเกณฑ์ (P) นกั เรียนสามารถนาเสนอการสรุปเนือ้ หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ้ งถ่ินในระดบั ท่ียากย่งิ ขนึ้ ได้ (P) นกั เรยี นสามารถนาเสนอการวเิ คราะหว์ ิถีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ นได้ (P) นกั เรยี นสามารถอภิปรายความรูแ้ ละขอ้ คิดจากการอา่ นเพ่ือนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ (P) นกั เรยี นสามารถสาธิตการอ่านบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจได้ (P) ๒.๓ ดา้ นจติ พสิ ัย (A) นกั เรยี นตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในการอา่ นบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองอยา่ งถกู ตอ้ ง (A) นักเรียนเห็นความสาคัญของการเรียนคาท่ีมีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย เพ่ือนาไปใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (A) นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการอา่ นจบั ใจความสาคญั (A) นกั เรียนมีความตงั้ ใจในการอ่านเร่ืองต่างๆ แลว้ เขียนกรอบแนวคิด ผงั ความคิด บนั ทึก ย่อความ และรายงาน (A)
๗ นกั เรยี นมีความตงั้ ใจในการวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรอ่ื งท่ีอา่ นโดยใชก้ ลวิธีการเปรยี บเทียบ เพ่ือใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจไดด้ ขี นึ้ (A) นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ อมลู ท่ีใชส้ นบั สนนุ ในเรอ่ื งท่ีอา่ น (A) นกั เรียนมีความตงั้ ใจในการวิจารณค์ วามสมเหตสุ มผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ อง เรอ่ื ง (A) นกั เรยี นมคี วามรบั ผิดชอบในการวเิ คราะหเ์ พ่อื แสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น (A) นักเรียนมีความมุ่งม่ันในกิจกรรมการอ่านตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดท่ีได้ จากงานเขียนอยา่ งหลากหลายเพ่ือนาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิต (A) นกั เรยี นมีมารยาทในการอา่ น (A) นกั เรยี นมคี วามตงั้ ใจในการคดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั (A) นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการเขียนขอ้ ความโดยใชค้ าไดถ้ กู ตอ้ งตามระดบั ภาษา (A) นกั เรยี นมีความเอาใจใสใ่ นการเขียนชีวประวตั หิ รอื อตั ชีวประวตั โิ ดยเลา่ เหตกุ ารณ์ ขอ้ คิดเห็น และ ทศั นคติในเรอ่ื งตา่ ง ๆ (A) นกั เรยี นเห็นประโยชนข์ องการเขียนยอ่ ความ (A) นัก เ รี ย น ใ ห้ค ว า ม ร่ว ม มื อ ใ น ก า ร เ ขี ย น อ ธิ บ า ย ชี ้แ จ ง แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น แ ล ะ โ ต้แ ย้ง ไ ด้อ ย่ า ง มีเหตผุ ล (A) นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงาน (A) นกั เรยี นมมี ารยาทในการเขียน (A) นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เห็นและประเมนิ เรอ่ื งจากการฟังและการดู (A) นัก เรีย น มี คว า ม ตั้ง ใ จใน ก า รวิ เครา ะ ห์แ ละ วิ จา รณ์เร่ือง ท่ี ฟั ง และ ดูเพ่ื อ น า ข้อคิดม า ประ ยุก ต์ ใชใ้ นการดาเนินชีวิต (A) นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการพูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นท่ีศึกษาคน้ ควา้ จากการฟัง การดู และการสนทนา (A) นกั เรยี นเห็นประโยชนข์ องการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการพดู (A) นักเรียนมีความตงั้ ใจในการพูดโนม้ นา้ วโดยนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เนือ้ หาอย่างมีเหตุผล และนา่ เช่ือถือ (A) นกั เรยี นมีมารยาทในการการฟัง การดู และการพดู (A) นั ก เ รี ย น เ ห็ น ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ก า ร เ รี ย น รู ้เ ร่ื อ ง ก า ร จ า แ น ก แ ล ะ ใ ช้ ค า ภ า ษ า ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ท่ีใชใ้ นภาษาไทย (A)
๘ นกั เรยี นเห็นประโยชนใ์ นการเรยี นเรอ่ื งการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ น (A) นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการวิเคราะหร์ ะดบั ภาษาและการนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (A) นกั เรยี นมีความพงึ พอใจในการแตง่ บทรอ้ ยกรอง (A) นักเรียนมีความรับผิดชอบในการสรุปเนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่ิน ในระดบั ท่ียากย่งิ ขนึ้ (A) นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของวถิ ีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ น (A) นกั เรยี นเห็นคณุ คา่ ของบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองท่ีมีความไพเราะ (A) คาอธิบายรายวชิ า การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรอง การอ่านจับใจความจากส่ือต่าง ๆ การอ่านตามความสนใจ การคดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ตามรูปแบบการเขียนตวั อกั ษรไทย การเขียนขอ้ ความตามสถานการณแ์ ละโอกาสต่าง ๆ การเขียนอตั ชีวประวตั ิหรือชีวประวตั ิ การ เขียนยอ่ ความจากส่ือต่าง ๆ การเขียนจดหมายกิจธุระ การเขียนอธิบาย ชีแ้ จง แสดงความคิดเห็น และโตแ้ ยง้ ในเร่ืองต่างๆ การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโตแ้ ยง้ จากส่ือต่าง ๆ การกรอกแบบสมคั รงาน การเขียนรายงาน การพดู แสดงความคิดเห็นและประเมิน เร่อื งจากการฟังและการดู การพดู วิเคราะหว์ ิจารณจ์ ากเร่ืองท่ีฟังและดู การพดู รายงานการศกึ ษา ค้นคว้าเก่ียวกับภูมิปัญญาท้องถ่ิน การพูดในโอกาสต่าง ๆ การพูดโน้มน้าว คาท่ีมาจาก ภาษาตา่ งประเทศ ประโยคซบั ซอ้ น ระดบั ภาษา คาทบั ศพั ท์ คาศพั ทบ์ ญั ญตั ิ คาศพั ทท์ างวชิ าการ และวิชาชีพ โคลงส่ีสภุ าพ วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถ่ิน การวิเคราะหว์ ิถีไทย และ คณุ คา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรม บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองท่ีมีคณุ คา่ โดยใชก้ ระบวนการอ่านเพ่ือสรา้ งความรูค้ วามคิดนาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการดา ชีวิตกระบวนการเขียนเพ่ือการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการฟัง การดู และการพูด สามารถเลอื กฟังและดู และพดู แสดงความรูค้ วามคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจธรรมชาติภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา พลงั ภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา วิเคราะหว์ ิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมอย่างเห็นคณุ คา่ นามาประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวิตจริง รกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ และมีนิสยั รกั การอ่าน การเขียน มีมารยาท ในการอา่ น การเขียน การฟัง การดู และการพดู
๙ รหสั ตวั ชวี้ ัด ท ๑.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ท ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ท ๓.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ท ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ท ๕.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ รวม ๓๒ ตวั ชวี้ ัด โครงสร้างรายวิชา รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๓๑๐๑ ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ ภ า ษ า ไ ท ย ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๒ ปี การศกึ ษา ๒๕๖๔ จานวน ๖๐ ช่ัวโมง / ๑.๕ หน่วยกิต หน่วยท่ี ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ช่ัวโมง) การเรียนรู้/ ตวั ชวี้ ัด ๑. บ้านนักอ่าน ท๑.๑ ๖ ๑.๑ อา่ นบทรอ้ ยแกว้ ท๑.๑ม.๒/๑ ๒ -บทความ ๑.๒ อา่ นบทรอ้ ยกรอง ท๑.๑ม.๒/๑ ๒ -กลอนสภุ าพ ท๑.๑ม.๒/๒ ๒ ๑.๓ อา่ นจบั ใจความ ท ๑.๑ ๑๘ -นิทายอีสป ท ๒.๑ ๓ ๒. ภาษาสวยภาษาเขยี น ท๑.๑ม.๒/๓ ๒.๑ เขียนผงั ความคดิ เพ่ือแสดงความเขา้ ใจ ท๒.๑ม.๒/๑ ๑ -กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่าชา้ ท๒.๑ม.๒/๒ ๓ ท๒.๑ม.๒/๓ ๒ ๒.๒ คดั ลายมือ ท๒.๑ม.๒/๔ ๒ ๒.๓ เขียนบรรยายและพรรณนา ท๒.๑ม.๒/๕ ๒ ๒.๔ เขียนเรยี งความ ๒.๕ เขียนยอ่ ความ ๒.๖ เขียนรายงานการคน้ ควา้
๑๐ หน่วยท่ี ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา (ช่ัวโมง) การเรียนรู้/ ๒ ๒.๗ เขียนจดหมายกิจธรุ ะ ตวั ชวี้ ัด ๒ ๒.๘ เขียนวเิ คราะห์วิจารณ์ ท๒.๑ม.๒/๖ ๑๒ ๓. พูดใหเ้ ป็ นพดู ใหร้ ู้ ท๒.๑ม.๒/๗ ๔ ๒ ๓.๑ อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และโตแ้ ยง้ ท ๑.๑ ๒ -กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่าชา้ ท ๓.๑ ๖ ท ๓.๑ ๓.๒ พดู สรุปใจความสาคญั จากการฟัง ท๑.๑ม.๒/๔ ๒๑ -โฆษณา ท๓.๑ม.๒/๑ ๒ ๓.๓ พดู สรุปใจความสาคญั จากการดู ๑ -หนงั สนั้ เรอ่ื งรากเหงา้ ท๓.๑ม.๒/๑ ๓ ๓.๔ พดู รายงานตามความสนใจ ท๓.๑ม.๒/๕ ๒ -การฟัง -การดู ท ๑.๑ -การสนทนา ท ๓.๑ ท ๔.๑ ๔ วิเคราะหร์ ู้ วเิ คราะหเ์ ป็ น ท ๕.๑ ท๑.๑ม.๒/๕ ๔.๑ วเิ คราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ มลู สนบั สนนุ และขอ้ คดิ เหน็ -บทเสภา ท๓.๑ม.๒/๒ ๔.๒ วิเคราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเหน็ และความน่าเช่ือถือของข่าวสาร ท๔.๑ม.๒/๒ -ส่อื โฆษณา ท๔.๑ม.๒/๕ ๔.๓ วิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง -ประโยคสามญั -ประโยครวม -ประโยคซอ้ น ๔.๔ รวบรวมและอธิบายความหมายของคาภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย -แยกประเภทของคาวา่ เป็นคาจากภาษาใด
๑๑ หน่วยท่ี ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา (ช่ัวโมง) การเรียนรู้/ ตวั ชวี้ ัด -อธิบายความหมายของคาท่ีกาหนดและระบภุ าษาเดิม ท๕.๑ม.๒/๑ ๖ ๔.๕ สรุปเนือ้ หาวรรณคดี ท๕.๑ม.๒/๒ ๓ -กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง สรุปเนือ้ หารรณกรรม ท๕.๑ม.๒/๓ ๔ -ชายง่อยนกั ดีดกรวดปโุ รหิตจอมพดู มากก ท ๑.๑ ๖ วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน ท ๒.๑ ท ๓.๑ ๒ -ถ่ินอีสาน ท๑.๑ม.๒/๘ ๑ ๔.๖ วิเคราะหแ์ ละวิจารณ์ ท๒.๑ม.๒/๘ ๑ ท๓.๑ม.๒/๖ ๒ -วรรณคดี กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง ท๓.๑ม.๒/๖ ๘ -วรรณกรรมชายง่อยนกั ดดี กรวดปโุ รหิตจอมพดู มาก ท ๔.๑ ๒ -วรรณกรรมทอ้ งถ่ินถ่ินอีสาน ท๔.๑ม.๒/๒ ๒ ๔.๗ อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ น ๒ -บทเสภาสามคั คเี สวกตอนวศิ วกรรมาและสามคั คีเสวก ท ๔.๑ ๒ -เดก็ ชายมะลวิ ลั ย์ ๕. งามอยา่ งมมี ารยาท ๒ ๕.๑ มารยาทการอา่ น สอบกลางภาค ๕.๒ มารยาทการเขียน ๕.๓ มารยาทการฟังดู ๕.๔ มารยาทการพดู ๖. โครงสร้างวิถีประโยคไทย ๖.๑ ประโยคสามญั ๖.๒ ประโยครวม ๖.๓ ประโยคซอ้ น ๖.๔ การวเิ คราะหป์ ระเภทของประโยค ๗. สร้างเป็ นตอ้ งสร้างคา
๑๒ หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา (ช่ัวโมง) การเรียนรู้/ ๗.๑ สรา้ งคาไทยในภาษาไทย ตวั ชวี้ ัด ๒ ท๔.๑ม.๒/๑ ๔ ๘. แตง่ อย่างเชย่ี วชาญ ๔ ท ๔.๑ ๘.๑ แตง่ บทรอ้ ยกรอง -กลอนสภุ าพสะทอ้ นความเป็นตวั ฉนั ท๔.๑ม.๒/๓ -กลอนสภุ าพความงามของไทย ท ๑.๑ ๒๔ ๙ ดาเนินชวี ิตอย่างมีข้อคดิ ท ๓.๑ . ท ๔.๑ ๒ ท ๕.๑ ๓ ๙.๑ นาขอ้ คดิ จากเรอ่ื งไปใชใ้ นการดาเนนิ ชีวติ ท๑.๑ม.๒/๗ ๖ -บทความ ท๓.๑ม.๒/๓ ๙.๒ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณเ์ รอ่ื งท่ีฟังและดอู ยา่ งมีเหตผุ ล -ความนา่ เช่ือถือของข่าวสารจากส่อื โฆษณาสนิ คา้ ท๓.๑ม.๒/๔ ๙.๓ พดู ในโอกาสตา่ งๆไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ท๔.๑ม.๒/๔ ๑๒ -การพดู ในโอกาสการกลา่ วตอ้ นรบั -การพดู ในโอกาสการมอบรางวลั ท๕.๑ม.๒/๑ ๑ -การพดู ในโอกาสการกลา่ วอาลา ท ๕.๑ ๙ ๙.๔ ใชค้ าราชาศพั ท์ ท๕.๑ม.๒/๑ ๒ -หมวดเครอื ญาติ -หมวดรา่ งกาย -หมวดเครอ่ื งใช้ -หมวดกรยิ า -หมวดสรรพนาม -หมวดคาท่ีใชก้ บั พระสงฆ์ ๙.๕ สรุปความรูแ้ ละขอ้ คิดจากการอ่าน -สารคดี ๑๐. ทอ่ งกาลแหง่ อาขยาน ๑๐.๑ ความรูข้ องงการอา่ นอาขยาน
๑๓ หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา (ช่ัวโมง) การเรียนรู้/ ๑๐.๒ ท่องจาบทเสภาสามคั คีเสวกตอนวศิ วกรรมา ตวั ชวี้ ัด ๒ ๑๐.๓ แสดงละครเวที บทเสภาสามคั คเี สวกตอนวิศวกรรมา ท๕.๑ม.๒/๑ ๕ ท๕.๑ม.๒/๑ ๖ ๑๑. รอบรู้หาเหตุผล ๖ ท ๑.๑ ๑๑.๑ ระบขุ อ้ สงั เกตงานเขียน -การชวนเช่ือ ท๑.๑ม.๒/๖ -การโนม้ นา้ ว -ความสมเหตสุ มผล ท๓.๑ม.๒/๕ ๔ ท๓.๑ม.๒/๕ ๒ ๑๒. พดู สร้าวสรรค์ พดู อยา่ งมมี ารยาท ท๓.๑ม.๒/๕ ๒ ๑๒.๑ อนรุ กั ษค์ วามเป็นไทย ๑๒.๒ อนรุ กั ษภ์ าษาไทย ๑๒๐ ช่ัวโมง สอบปลายภาค ภาคเรียนที่ ๒ รวม
๑๔ หน่วยที่ ๑ บา้ นนักอา่ น
๑๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศกึ ษา ๒๕๖๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง บา้ นนักอ่าน เวลา ๖ ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวิต และมีนสิ ยั รกั การอา่ น ตวั ชวี้ ัด ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ ง ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธิบายรายละเอยี ดจากเรอ่ื งท่ีอา่ น ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วไดถ้ ูกต้องเหมาะสมจาก เรอ่ื งท่ีอา่ น (K) - นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมจาก เรอ่ื งท่ีอา่ น (K) - นักเรียนสามารถอธิ บายวิธี การอ่านจับใจความได้ถูกต้องเหมาะสมจาก เรอ่ื งท่ีอา่ น (K) - นกั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั การอ่านเสียงบทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ยกรอง และการอ่าน จบั ใจความไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น ด้านทกั ษะ (P) - นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น (P) - นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น (P) - นกั เรยี นสามารถอ่านจบั ใจความไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น (P)
๑๖ ด้านจติ พสิ ัย (A) - นักเรียนเห็นคุณค่าของการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ยกรอง และการอ่านจับ ใจความไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น (A) -นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมือในการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ยกรอง และการอ่านจบั ใจความไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น ๓. สาระสาคญั การอ่านมีควมสาคญั ต่อชีวิตอย่างมากตงั้ แต่เกิดจนโต และจนกระท่งั ถึงวยั ชรา การอ่าน เป็นทกั ษะท่ีจาเป็นอยา่ งย่ิงตอ่ การศกึ ษาหาความรู้ และพฒั นาชีวิตซง่ึ นอกจากจะทาใหเ้ กิดความรู้ แลว้ ยงั ก่อใหเ้ กิดความสนกุ สนานเพลิดเพลิน และสง่ เสรมิ ใหม้ ีความคิดรเิ รม่ิ สร้ างสรรคไ์ ดแ้ นวคิด การดาเนินชีวิต การอ่านจึงเป็นหัวใจสาคัญของการศึกษาทุกระดับ และเป็นเคร่ืองมือในการ แสวงหาความรูต้ ่าง ๆ การอ่านรอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง และการอ่านจบั ใจความลว้ นแลว้ เป็นทกั ษะท่ี จาเป็น เพราะจะช่วยใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจในสง่ิ ท่ีอา่ น ๔. สาระการเรียนรู้ ๑.การอธิบายวิธีการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ยกรอง และการอ่านจบั ใจความได้ ถกู ตอ้ งเหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น ๒. การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว บทรอ้ ยกรอง และการอ่านจับใจความได้ถูกตอ้ ง เหมาะสมจากเรอ่ื งท่ีอา่ น ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน (เฉพาะทเี่ กิดในหน่วยการเรียนรู้นี)้ ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖. ทกั ษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เนน้ สกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น) ทกั ษะการอา่ น (Reading)
๑๗ ทกั ษะการ เขียน (Writing) ทกั ษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic) ทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การส่อื สาร สารสนเทศ และรูเ้ ทา่ ทนั สือ่ (Communication information and media literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (Computing) ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง (Change) ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ า (Leadership) ๗. ชนิ้ งานหรือภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) - ใบงานการอธิบายหลกั การอา่ นออกเสยี งและตวั อยา่ งบทความการอา่ นออกเสยี ง ของบทรอ้ ยแกว้ - ใบงานการอธิบายหลกั การอา่ นออกเสยี งและตวั อยา่ งบทความการอา่ นออกเสยี ง ของบทรอ้ ยกรอง - ใบงานการอธิบายหลกั การอา่ นออกเสยี งและตวั อยา่ งบทความการอา่ นของการอ่าน จบั ใจความ ๘. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ เร่ือง การอ่านบทร้อยแก้ว ช่ัวโมงท่ี ๑ – ๒ การจดั การเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขั้นท่ี ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา
๑๘ -ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น และถามวา่ รูจ้ กั การอา่ นบทรอ้ ยเกว้ หรอื ไม่ และเป็นอยา่ งไร -เม่ือสนทนากบั ผเู้ รยี นแลว้ จงึ เช่ือมเขา้ สบู่ ทเรยี น ขัน้ ที่ ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอ่ื การแก้ปัญหา -ครูอธิบายทฏษฎี หลกั การ วิธีการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ ขัน้ ที่ ๓ ใชท้ ฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานการอธิบายหลกั การอา่ นออกเสยี งและตวั อยา่ งบทความการอา่ นออกเสยี ง ของบทรอ้ ยแกว้ รายบคุ คล ขั้นที่ ๔ ตรวจสอบและสรุป -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายหลกั การอา่ นบทรอ้ ยแกว้ ได้ ขั้นที่ ๔ ฝึ กปฏบิ ตั ิ -ผเู้ รยี นสามารถอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากตวั อยา่ งบทความ หน่วยยอ่ ยที่ ๒ เรื่อง การอา่ นบทร้อยกรอง ช่ัวโมงที่ ๓ – ๔ การจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขัน้ ที่ ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น และถามวา่ รูจ้ กั การอา่ นบทรอ้ ยกรองหรอื ไม่ และเป็นอยา่ งไร -เม่ือสนทนากบั ผเู้ รยี นแลว้ จงึ เช่ือมเขา้ สบู่ ทเรยี น ขัน้ ท่ี ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอ่ื การแก้ปัญหา -ครูอธิบายทฏษฎี หลกั การ วธิ ีการอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ขั้นท่ี ๓ ใชท้ ฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานการอธิบายหลกั การอา่ นออกเสียงและตวั อยา่ งบทความการอ่านออกเสียง ของบทรอ้ ยกรองรายบคุ คล ขัน้ ที่ ๔ ตรวจสอบและสรุป
๑๙ -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายหลกั การอา่ นบทรอ้ ยกรองได้ ขั้นท่ี ๔ ฝึ กปฏบิ ตั ิ -ผเู้ รยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากตวั อยา่ งบทความ หน่วยยอ่ ยที่ ๓ เรื่อง การอา่ นจับใจความ ช่ัวโมงที่ ๕ – ๖ การจดั การเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขั้นที่ ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น และถามว่ารูจ้ กั การอา่ นจบั ใจหรอื ไม่ และเป็นอย่างไร -เม่ือสนทนากบั ผเู้ รยี นแลว้ จงึ เช่ือมเขา้ สบู่ ทเรยี น ขั้นท่ี ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอื่ การแก้ปัญหา -ครูอธิบายทฏษฎี หลกั การ วิธีการอา่ นจบั ใจความ ขั้นท่ี ๓ ใชท้ ฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานการอธิบายหลกั การอา่ นออกเสียงและตวั อยา่ งบทความการอา่ นของการอา่ น จบั ใจความรายบคุ คล ขั้นที่ ๔ ตรวจสอบและสรุป -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายหลกั การอา่ นจบั ใจความได้ -ผเู้ รยี นสามารถจบั ใจความจากท่ีเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ ขัน้ ท่ี ๔ ฝึ กปฏิบตั ิ -ผเู้ รยี นสามารถอา่ นจบั ใจความไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจากตวั อยา่ งบทความ ๙. สื่อการสอน ๑. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.๒ ๒. ส่อื ประกอบการเรยี นการสอน power point
๒๐ ๓. ตวั อยา่ งบทความ (รอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง และบทความ) ๑๐. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ - ๑๑. การวัดและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ าร คะแนน ประเมิน ๑.นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธีการ ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ระดบั ปานกลาง อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ได้ การอา่ นออกเสียง การอา่ นออกเสียง ๕คะแนน(ดีมาก) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ถกู ตอ้ งเหมาะสมจาก ๔คะแนน(ด)ี เรอ่ื งท่ีอา่ น บทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ยแกว้ ๓คะแนน(ปานกลาง) ระดบั ปานกลาง ๒คะแนน(พอใช)้ ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ๒.นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธีการ ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองได้ การอา่ นออกเสยี ง การอา่ นออกเสยี ง ๕คะแนน(ดีมาก) ระดบั ปานกลาง ๔คะแนน(ดี) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ถกู ตอ้ งเหมาะสมจาก บทรอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรอง ๓คะแนน(ปานกลาง) เรอ่ื งท่ีอา่ น ๒คะแนน(พอใช)้ ระดบั ปานกลาง ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ๓.นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธีการ การอา่ นจบั การอา่ นจบั ๕คะแนน(ดีมาก) อา่ นจบั ใจความไดถ้ กู ตอ้ ง ใจความ ใจความ ๔คะแนน(ด)ี เหมาะสมจาก ๓คะแนน(ปานกลาง) เรอ่ื งท่ีอา่ น ประเมนิ การอา่ น แบบประเมนิ ๒คะแนน(พอใช)้ บทรอ้ ยแกว้ การอา่ น ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ๔.นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี ง บทรอ้ ยแกว้ ๕คะแนน(ดมี าก) บทรอ้ ยแกว้ ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม ๔คะแนน(ดี) ๓คะแนน(ปากลาง) จากเรอ่ื งท่ีอา่ น ๒คะแนน(พอใช)้
๒๑ ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ าร คะแนน ประเมนิ ๕.นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี ง ประเมนิ การอา่ น แบบประเมนิ ระดบั ปานกลาง บทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม บทรอ้ ยกรอง การอา่ น ๕คะแนน(ดีมาก) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น จากเรอ่ื งท่ีอา่ น บทรอ้ ยกรอง ๔คะแนน(ด)ี ประเมนิ การอา่ น ๓คะแนน(ปากลาง) ระดบั ปานกลาง ๖.นกั เรยี นสามารถอา่ นจบั จบั ใจความ แบบประเมิน ๒คะแนน(พอใช)้ ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ใจความไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมจาก การอา่ น ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) เรอ่ื งท่ีอา่ น สงั เกตพฤตกิ รรม จบั ใจความ ๕คะแนน(ดมี าก) ระดบั ปานกลาง การใหค้ วาม ๔คะแนน(ด)ี ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ๗.นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ของการ รว่ มมือของ แบบสงั เกต ๓คะแนน(ปากลาง) อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ย นกั เรยี น พฤติกรรมการให้ ๒คะแนน(พอใช)้ ระดบั ปานกลาง กรองและการอา่ นจบั ใจความ ความรว่ มมือของ ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น สงั เกตพฤติกรรม ๕คะแนน(ดมี าก) ๘.นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการ การใหค้ วาม นกั เรยี น ๔คะแนน(ดี) อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ย รว่ มมือของ ๓คะแนน(ปากลาง) กรองและการอา่ นจบั ใจความ นกั เรยี น แบบสงั เกต ๒คะแนน(พอใช)้ พฤติกรรมการให้ ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ความรว่ มมือของ ๕คะแนน(ดีมาก) ๔คะแนน(ดี) นกั เรยี น ๓คะแนน(ปากลาง) ๒คะแนน(พอใช)้ ๑คะแนน(ปรบั ปรุง)
๒๒ เกณฑใ์ หค้ ะแนน ชิน้ งานการวเิ คราะหเ์ ร่ืองทอี่ ่านจากใบงานท่ี ๑,๒ ๓ และใบงานท่ี ๔ โครงสร้างวิธีประโยคไทย รายการประเมิน เกณฑใ์ หค้ ะแนน ๑.สง่ ใบงานภายในเวลาท่ีกาหนด ๕คะแนน:มีครบทกุ ขอ้ ๒.ตอบคาถามถกู ตอ้ งครบถว้ น ๔คะแนน:มี ๔ขอ้ ขาด๑ขอ้ ๓คะแนน:มี ๓ขอ้ ขาด๒ขอ้ ๓.วเิ คราะหไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๒คะแนน:มี ๒ขอ้ ขาด๓ขอ้ ๔.อา่ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๑คะแนน:มี ๑ขอ้ ขาด๔ขอ้ ๕.สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งสมเหตสุ มผล
๒๓ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมเดย่ี ว การอา่ นบทร้อยแก้ว บทร้อยกรอง และการอา่ นจบั ใจความ คาชีแ้ จง้ ใหท้ าเครอ่ื งหมายลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤตกิ รรมท่ีนกั เรยี นปฏิบตั ิ เลขที่ ช่ือ-สกุล อา่ นถูกตอ้ ง รายการ มคี วาม สรุปผบการ ๐๑ ใหค้ วาม แม่นยาในการ ประเมนิ ร่วมมอื ในการทา ตอบ/อา่ น กจิ กรรม ๐๑ ๐ ๑ ผ่าน ไม่ ผ่าน
๒๔ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมเดย่ี ว การวเิ คราะห์ ตอบคาถาม ประเมนิ การวิเคราะหก์ ารอา่ นและการอ่านจบั ใจความ คาชีแ้ จ้ง ใหท้ าเครอ่ื งหมายลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมท่ีนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ รายการ ใหค้ วาม มีความ ปฎบิ ัตติ าม สรุปผบการ เลขท่ี ชอื่ -สกุล ร่วมมอื ในการ แม่นย่าใน คาส่ังในการ ประเมนิ ทากิจกรรม คาตอบ ทากิจกรรม ๐ ๑ ๐ ๑ ๐ ๑ ผ่าน ไม่ ผ่าน
๒๕ 12. กจิ กรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 13. บันทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นทงั้ หมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนักเรียนทผี่ ่าน จานวนนักเรียนทไ่ี ม่ผ่าน ข้อท่ี จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ 15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................
๒๖ 16. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................................ () ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ....................................... ลงช่ือ................................................................ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (………………………………………..)
๒๗ ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรยี นรูข้ อง....................................................แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป 3. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผอู้ านวยการโรงเรยี น…………………………………………………………
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑ หน่วยที่ ๒ โครงสร้างวถิ ปี ระโยคไทย
๓๒ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ปี การศกึ ษา ๒๕๖๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง โครงสร้างวถิ ปี ระโยคไทย เวลา ๘ ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ชวี้ ัด ท ๔.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นสามารถวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น (K) - นกั เรยี นสามารถสรุปความรูป้ ระเภทของคาเเละไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ (K) - นกั เรยี นสามารจาเเนกประเภทของประโยคสามญั ประโยครวม เเละประโยคซอ้ นได้ (K) ดา้ นทกั ษะ (P) - นกั เรยี นสามารถนาเสนอการวิเคราะหเ์ พ่อื แสดงความคดิ เห็นโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั ประโยคท่ีวิเคราะห์ (P) - นกั เรยี นสามารถนาเรอ่ื งการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ นไปใชใ้ นการแตง่ ประโยคได้ (P) ดา้ นจติ พสิ ัย (A) - นกั เรยี นสามารถนาเร่อื งการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยคความรวม และ ประโยคซอ้ นไปใชใ้ นการแตง่ ประโยคได้ (A) - นักเรียนเห็นประโยชน์ของการวิเคราะห์จาเเนกประเภทของประโยคสามัญ ประโยคความรวม เเละประโยคซอ้ น (A) -นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามัญ ประโยครวม และ ประโยคซอ้ น (A)
๓๓ ๓. สาระสาคญั การใชป้ ระโยคสาหรบั การพดู การส่ือสาร การเขียนต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นชีวิตประจาวนั ประโยค หน่ึงประโยคส่วนประกอบสองส่วน คือ ภาคประธานและภาคแสดง ซ่ึงการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง ประโยคมีความจาเป็นท่ีควรเขา้ ใจ สามารถแยกประเภท เพ่ือการรบั สารท่ีเขา้ ใจอย่างถูกตอ้ ง ทาใหค้ วามหมายของประโยคนั้นไม่คลาดเคล่ือน ดังนั้นผูเ้ รียนจึงควรฝึกทักษะการวิเคราะห์ โครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยคความรวม เเละประโยคซอ้ น ๔. สาระการเรียนรู้ ๑.การวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น ๒.การประเมนิ ความถกู ตอ้ งของโครงสรา้ งประโยคตา่ ง ๆ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน (เฉพาะทเี่ กิดในหน่วยการเรียนรู้นี)้ ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖. ทกั ษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เนน้ สกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น) ทกั ษะการอา่ น (Reading) ทกั ษะการ เขียน (Writing) ทกั ษะการ คิดคานวณ (Arithmetic) ทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การส่อื สาร สารสนเทศ และรูเ้ ทา่ ทนั สอื่ (Communication information and
๓๔ media literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (Computing) ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง (Change) ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ า (Leadership) ๗. ชนิ้ งานหรือภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) - ใบงานการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั - ใบงานการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยครวม - ใบงานการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซอ้ น - ใบงานการประเมินความถกู ตอ้ งของประโยคทงั้ 3 ประเภท (กิจกรรมกลมุ่ ) ๘. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ เรื่อง ประโยคสามัญ ช่ัวโมงท่ี ๑ - ๒ การจดั การเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขัน้ ที่ ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา ๑.ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น พรอ้ มนาเอกสาร (บตั รประโยค)ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามวา่ เป็น ประโยคชนิดใด ๒.เม่ือผเู้ รยี นตอบไดห้ รอื ตอบไมไ่ ดจ้ งึ เช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี น ขัน้ ท่ี ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอ่ื การแก้ปัญหา -ครูอธิบายทฤษฎี หลกั การ วธิ ีการวิเคราะหป์ ระโยคสามญั ขั้นท่ี ๓ ใชท้ ฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานแก่ผเู้ รยี นการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั รายบคุ คล ขัน้ ที่ ๔ ตรวจสอบและสรุป -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายโครงสรา้ งประโยคสามญั
๓๕ ขัน้ ท่ี ๔ ฝึ กปฏบิ ัติ -ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งประโยคตามโครงสรา้ งประโยคสามญั หน่วยย่อยท่ี ๒ เร่ือง ประโยครวม ช่ัวโมงท่ี ๓ – ๔ การจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขัน้ ที่ ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา -ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น พรอ้ มนาเอกสาร (บตั รประโยค) ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามวา่ เป็น ประโยคชนิดใด จากนนั้ จึงเช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี น ขั้นที่ ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอื่ การแก้ปัญหา -ครูอธิบายทฏษฎี หลกั การ วิธีการวเิ คราะหป์ ระโยครวม ขั้นท่ี ๓ ใช้ทฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานแก่ผเู้ รยี นการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยครวมรายบคุ คล ขัน้ ท่ี ๔ ตรวจสอบและสรุป -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายโครงสรา้ งประโยครวม ขั้นที่ ๔ ฝึ กปฏิบัติ -ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งประโยคตามโครงสรา้ งประโยครวม หน่วยยอ่ ยท่ี ๓ เร่ือง ประโยคซ้อน ช่ัวโมงท่ี ๕ – ๖ การจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขัน้ ท่ี ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา -ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น พรอ้ มนาเอกสาร (บตั รประโยค)ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามวา่ เป็น ประโยคชนิดใด จากนนั้ จงึ เช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี น ขั้นท่ี ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอื่ การแก้ปัญหา -ครูอธิบายทฏษฎี หลกั การ วิธีการวเิ คราะหป์ ระโยคซอ้ น
๓๖ ขัน้ ที่ ๓ ใช้ทฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานแก่ผเู้ รยี นการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยครวมรายบคุ คล ขัน้ ท่ี ๔ ตรวจสอบและสรุป -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายโครงสรา้ งประโยคซอ้ น ขั้นท่ี ๔ ฝึ กปฏิบตั ิ -ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งประโยคตามโครงสรา้ งประโยคซอ้ น หน่วยยอ่ ยที่ ๔ เรื่อง การวเิ คราะหป์ ระเภทของประโยค ช่ัวโมงท่ี ๗ – ๘ การจดั การเรียนรู้แบบนิรนัย (Deductive Method) ขัน้ ที่ ๑ กาหนดขอบเขตของปัญหา -ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น พรอ้ มนาเอกสาร (บตั รประโยค)ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามวา่ เป็น ประโยคชนิดใด จากนนั้ จงึ เช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี น ขัน้ ท่ี ๒ อธิบายกฎหรือหลักการเพอ่ื การแก้ปัญหา -ครูทบทวนวธิ ีการวิเคราะหป์ ระเภทของประโยคทงั้ ๓ ประเภท ขั้นท่ี ๓ ใช้ทฤษฎี หลักการ -ครูใหใ้ บงานแก่ผเู้ รยี นการวเิ คราะหป์ ระเภทของประโยคทงั้ ๓ ประเภท ขัน้ ท่ี ๔ ตรวจสอบและสรุป -ผเู้ รยี นสรุปและสามารถอธิบายโครงสรา้ งการวเิ คราะหป์ ระเภทของประโยค ทงั้ ๓ ประเภท ขัน้ ท่ี ๔ ฝึ กปฏิบตั ิ -ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งประโยคทงั้ ๓ ประเภทไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๙. สื่อการสอน ๑. หนงั สือเรยี นรายวิชาภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.๒ ๒. ส่อื ประกอบการเรยี นการสอน power point
๓๗ ๓. บตั รประโยค ๑๐. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานท่ี - ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีวดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ าร คะแนน ประเมนิ ๑.นกั เรยี นวิเคราะห์แยกประเภท ตรวจใบงานการ ระดบั ปานกลาง โครงสรา้ งประโยคสามญั วิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง ใบงานการ ๕คะแนน(ดีมาก) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ประโยครวมและประโยคซอ้ นได้ วเิ คราะห์ ๔คะแนน(ด)ี ประโยค โครงสรา้ งประโยค ๓คะแนน(ปานกลาง) ระดบั ปานกลาง ๒.นกั เรยี นสรุปทฤษฎี หลกั การ ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น การวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยค ตรวจใบงานการ ๒คะแนน(พอใช)้ สามญั ประโยครวมและประโยค วิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ระดบั ปานกลาง ซอ้ นได้ ใบงานการ ๕คะแนน(ดีมาก) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ประโยค วิเคราะห์ ๔คะแนน(ด)ี ๓.นกั เรยี นสามารถนาเรอ่ื งการ โครงสรา้ งประโยค ๓คะแนน(ปานกลาง) วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยค ตรวจใบงาน ๒คะแนน(พอใช)้ ซบั ซอ้ นไปใชใ้ นการแตง่ ประโยค โครงสรา้ งประโยค ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ได้ (วเิ คราะหป์ ระเภท ใบงานการ ๕คะแนน(ดมี าก) ของประโยคทงั้ ๓ วิเคราะห์ ๔คะแนน(ด)ี โครงสรา้ งประโยค ๓คะแนน(ปานกลาง) ประเภท) ๒คะแนน(พอใช)้ ๑คะแนน(ปรบั ปรุง)
๓๘ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ าร ประเมนิ คะแนน ระดบั ปานกลาง ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ๔.นกั เรยี นสามารถนาเสนอการ ประเมนิ การ แบบประเมนิ การ ๕คะแนน(ดมี าก) ระดบั ปานกลาง วิเคราะหเ์ พ่ือแสดงความคิดเหน็ นาเสนอการ นาเสนอการ ๔คะแนน(ดี) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั ประโยค วิเคราะหเ์ พ่อื แสดง วิเคราะหเ์ พ่ือแสดง ๓คะแนน(ปากลาง) ระดบั ปานกลาง ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ท่ีวเิ คราะห์ ความคิดเหน็ ความคิดเห็น ๒คะแนน(พอใช)้ ระดบั ปานกลาง โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ประโยค ประโยค ท่ีวเิ คราะห์ ท่ีวเิ คราะห์ ๕.นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ๕คะแนน(ดมี าก) วิเคราะหเ์ พ่อื แสดงความคิดเห็น การใหค้ วาม พฤตกิ รรมการให้ ๔คะแนน(ด)ี โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั ประโยคสามญั รว่ มมือของ ความรว่ มมือของ ๓คะแนน(ปากลาง) ประโยคความรวมและประโยค นกั เรยี น นกั เรยี น ๒คะแนน(พอใช)้ ซอ้ น ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ๖.นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ๕คะแนน(ดมี าก) วเิ คราะหเ์ พ่ือแสดงความคิดเหน็ การใหค้ วาม พฤตกิ รรมการให้ ๔คะแนน(ด)ี โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั ประโยคสามญั รว่ มมือของ ความรว่ มมือของ ๓คะแนน(ปากลาง) ประโยคความรวมและประโยค นกั เรยี น นกั เรยี น ๒คะแนน(พอใช)้ ซอ้ น ๑คะแนน(ปรบั ปรุง) ๗.นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ๕คะแนน(ดมี าก) วิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั การใหค้ วาม พฤติกรรมการให้ ๔คะแนน(ดี) ประโยครวมและประโยคซอ้ น รว่ มมือของ ความรว่ มมือของ ๓คะแนน(ปากลาง) นกั เรยี น นกั เรยี น ๒คะแนน(พอใช)้ ๑คะแนน(ปรบั ปรุง)
๓๙ เกณฑใ์ หค้ ะแนน ชนิ้ งานการวเิ คราะหเ์ ร่ืองทอ่ี า่ นจากใบงานที่ ๑,๒ ๓ และใบงานท่ี ๔ โครงสร้างวธิ ีประโยคไทย รายการประเมิน เกณฑใ์ หค้ ะแนน ๑.สง่ ใบงานภายในเวลาท่ีกาหนด ๕คะแนน:มีครบทกุ ขอ้ ๒.ตอบคาถามถกู ตอ้ งครบถว้ น ๔คะแนน:มี ๔ขอ้ ขาด๑ขอ้ ๓คะแนน:มี ๓ขอ้ ขาด๒ขอ้ ๓.วเิ คราะหไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๒คะแนน:มี ๒ขอ้ ขาด๓ขอ้ ๔.จาแนกประเภทครบและถกู ตอ้ ง ๑คะแนน:มี ๑ขอ้ ขาด๔ขอ้ ๕.สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งสมเหตสุ มผล
๔๐ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมเดยี่ ว การนาเสนอการวเิ คราะหเ์ พอื่ แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ย้งเก่ยี วกับประโยคทว่ี เิ คราะห์ คาชีแ้ จ้ง ใหท้ าเคร่อื งหมายลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤตกิ รรมท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิ รายการ เลขท่ี ชื่อ-สกุล ใหค้ วาม มีความ มคี วามกล้า สรุปผบการ ร่วมมือในการ แม่นย่าใน แสดงออก ประเมนิ ทากจิ กรรม คาตอบ ๐ ๑ ๐ ๑ ๐ ๑ ผ่าน ไม่ ผ่าน
๔๑ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทากิจกรรมเดยี่ ว การวเิ คราะห์ ตอบคาถาม และประเมนิ การวิเคราะหโ์ ครงสร้างวธิ ีประโยคไทย คาชีแ้ จ้ง ใหท้ าเคร่อื งหมายลงในช่องรายการสงั เกตพฤติกรรมท่ีนกั เรยี นปฏิบตั ิ รายการ ใหค้ วาม มคี วาม ปฎบิ ัตติ าม สรุปผบการ เลขที่ ชื่อ-สกุล ร่วมมอื ในการ แม่นย่าใน คาส่ังในการ ประเมนิ ทากจิ กรรม คาตอบ ทากจิ กรรม ๐ ๑ ๐ ๑ ๐ ๑ ผ่าน ไม่ ผ่าน
๔๒ 12. กิจกรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 13. บนั ทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นทงั้ หมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนักเรียนทผ่ี ่าน จานวนนักเรียนทไี่ ม่ผ่าน ข้อที่ จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐
๔๓ 15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 16. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................................ () ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ....................................... ลงช่ือ................................................................ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ (………………………………………..)
๔๔ ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรยี นรูข้ อง....................................................แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ 4. เป็นแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 5. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป 6. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผอู้ านวยการโรงเรยี น…………………………………………………………
๔๕
๔๖
Search