Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1.7 แผนวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยที่ 1-5

1.7 แผนวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยที่ 1-5

Published by jarunpanakul, 2019-09-11 03:39:14

Description: 1.7 แผนวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยที่ 1-5

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู กลมุ สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร วชิ า วทิ ยาศาสตร รหัสวิชา ว15101 ระดบั ช้ัน ประถมศึกษาปที่ 5 หนวยการเรยี นรทู 1ี่ -5 โดย ช่ือ นางอมลสิริ คําฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห 31 จงั หวัดเชียงใหม สํานักบรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

วช-ร 05 แผนการจัดการเรยี นรู ชอื่ หนวยการเรยี นรูที่ 1 เรื่อง การถา ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม แผนการสอนท1่ี เรอื่ ง ลักษณะทางพันธุกรรม รายวิชา วิทยาศาสตร ชั้น ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วชิ า ว15101 ครผู ูสอน นางอมลสิริ คําฟู ตําแหนง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช 4 ชว่ั โมง ตัวชวี้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลง ผลการ ชิ้นงาน ประเมินผล เรยี นรู เรียนรู ลกั ษณะ 1. แบบทดสอบ 1. ตรวจ ข้ันนําเขา สบู ทเรียน 1. ใบความรู ว1.2 ป5/1 สาํ รวจ ทาง กอนเรยี น แบบทดสอบกอ น 1. ครนู าํ ภาพแมสนุ ัขและลกู 2. ใบงานท่ี 1.1 เปรียบเทยี บ และระบุ พนั ธกุ รรม 2. ใบงานท่ี 1.1 เรียน หนว ยการ สนุ ัข มาใหนกั เรยี นดู แลว ให เรื่อง ลักษณะของ ตนเองกับคน เป็นลกั ษณะ เรือ่ ง เรยี นรูท่ี 1 นกั เรียนชว ยกันจบั คูแมส นุ ัขกับลูก ลกั ษณะเฉพาะ ในครอบครัว ของสงิ มชี วี ติ ลกั ษณะเฉพาะ 2. ตรวจใบงานท่ี ซงึ ถ่ายทอด ของสงิ่ มชี ีวิต 1.1 เรอ่ื ง สุนขั และอธบิ ายหลักการสงั เกต ของส่งิ มชี ีวติ ลกั ษณะเฉพาะ ของสง่ิ มชี วี ติ 2. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมให 3.บัตรภาพ จากพ่อแม่ นักเรยี นฟงวา จากการสงั เกตทํา ไปสลู่ กู ได้ ใหนักเรียนทราบวา ลกู สนุ ขั มี 3. สงั เกต ลักษณะบางอยางคลา ยคลึงกับ แม และ พฤติกรรมการ ถ่ายทอด สุนัข ซง่ึ ลกั ษณะตางๆ ทีค่ ลายคลึง ทาํ งานรายบคุ คล กนั น้ี เรียกวา การถายทอด จากรนุ่ หนงึ 4. สงั เกตความมี ลักษณะทางพันธุกรรม ไปยงั อกี รุน่ วินยั ใฝเรียนรู หนงึ และมุงมัน่ ในการ ขัน้ สอน ทาํ งาน 1. ครูสนทนากับนกั เรียนวา ส่ิงมชี วี ติ แตล ะชนดิ จะมลี ักษณะ เฉพาะท่ที าํ ใหมองเห็นความ แตกตา งระหวางพวกหรือกลมุ ได ชดั เจน เชน คนในแตละครอบครวั แมวตางสายพันธุ มดดํากบั มดแดง เปน ตน 2. นักเรยี นจับคูกับเพอื่ น แลว ใหแตล ะคูติดภาพเพ่อื นทเี่ ปนคู ลง ในใบงานท่ี 1.1 เรื่อง ลักษณะเฉพาะของสง่ิ มีชวี ิต 3. เม่ือนักเรียนแตล ะคูทาํ ใบ งานท่ี 1.1 เสรจ็ แลว ใหช วยกนั หา ลกั ษณะของตนเองและเพื่อนวา มี

ลกั ษณะใดบา งทีเ่ หมือนกนั หรือ แตกตางกัน แลวบันทกึ ลงในใบ งาน 4. ครูสมุ นกั เรยี น 5-6 คู นําเสนอใบงานที่ 1.1 หนาชนั้ เรยี น 5. ครอู ธิบายใหนกั เรียนฟงวา จากการสงั เกตลักษณะของคน รอบๆ ตวั จะเหน็ วา มลี กั ษณะ บางอยา งคลา ยคลงึ กนั และมี ลกั ษณะบางอยา งแตกตา งกัน ซึ่ง จัดเปน ลักษณะเฉพาะของคนแต ละคน 6. นักเรียนตอบคาํ ถามกระตนุ ความคดิ ตน ขา วมีผวิ สขี าว ผมสดี าํ มี ลกั ย้ิม สวนตน ออมีผิวสขี าว ผมสี ดาํ แตไมมลี กั ยิ้ม นักเรยี นคดิ วา ตน ขาวกบั ตนออมีลกั ษณะเฉพาะ อะไรที่แตกตา งกัน (ลกั ยิม้ ) ข้ันสรปุ ครูและนักเรยี นรวมกนั สรุป ความรูเกย่ี วกบั ลักษณะเฉพาะของ สิ่งมชี วี ิตแตละชนดิ

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ชอ่ื หนวยการเรยี นรูที่ 1 เรื่อง การถายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม แผนการสอนที่ 2 เร่ือง ลักษณะทางพนั ธุกรรมของตนเองกับคนในครอบครวั รายวิชา วิทยาศาสตร ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผูสอน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตําแหนง พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช 3 ชั่วโมง ตัวชีว้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลง ผลการเรียนรู ชน้ิ งาน ประเมนิ ผล เรียนรู ขน้ั นําเขา สูบทเรียน ว1.2 ป5/1 ลักษณะ 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานท่ี 1. ใบความรู 1.2 เรื่อง 1. ครูนาํ ภาพการถา ยทอดลกั ษณะ 2. ใบงานที่ สํารวจ ที่เหมือนกัน 1.2 เรอ่ื ง ลกั ษณะทาง ทางพนั ธกุ รรมของสุนัข มาใหนักเรยี น 1.2 เร่อื ง พันธกุ รรมของ ดู แลว ใหน กั เรยี นตอบคาํ ถามตาม ลักษณะทาง เปรยี บเทยี บ ของตนเอง ลักษณะทาง ตนเองกับคนใน ประเดน็ ที่กําหนด ดงั น้ี พนั ธุกรรมของ ครอบครวั ตนเองกับคน และระบุ กับคนใน พนั ธุกรรม 2. สงั เกต 1) ลกั ษณะใดบางทเ่ี กาลัดไดร บั ในครอบครวั พฤติกรรมการ การถายทอดจากพอสาํ ลี 3. บตั รภาพ ลักษณะของ ครอบครวั เกดิ ของตนเอง ทาํ งานรายบคุ คล 2) ลักษณะใดบา งท่เี กาลัดไดรบั 3. สังเกตความมี การถายทอดจากแมน ลิ ตนเองกับคน จากการ กับคนใน วนิ ยั ใฝเ รียนรู 3) ลักษณะใดของเกาลัดทีไ่ ม และมุงมัน่ ในการ เหมือนทั้งพอสาํ ลแี ละแมน ลิ ในครอบครวั ถายทอด ครอบครัว ทาํ งาน ขั้นสอน ลกั ษณะทาง 1. ครูใหน กั เรยี นแตละคนศึกษา ความรูเรื่อง ลักษณะทางพนั ธุกรรม พนั ธกุ รรม จากใบความรู 2. ครใู หนักเรยี นแตล ะคนสํารวจ และสงั เกตลักษณะทางพันธุกรรมของ ตนเองกับสมาชกิ ในครอบครวั แลว บนั ทกึ ผลลงในใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของตนเองกับ คนในครอบครวั 3. ครูใหนักเรยี น 5-6 คน นาํ เสนอ ใบงานท่ี 1.2 หนา ชนั้ เรียน แลวเก็บ รวบรวมใบงานสงครู 4. ครสู นทนากบั นกั เรยี นว่า จาก การสาํ รวจทาํ ใหน้ กั เรยี นทราบว่า ตวั เองมลี กั ษณะบางลกั ษณะเหมอื น พ่อ และมลี กั ษณะบางลกั ษณะ เหมอื นแม่ บางลกั ษณะถา้ ไมเ่ หมอื น

พอ่ กอ็ าจเป็นลกั ษณะทเี หมอื นป่ยู ่า ตายาย ซงึ ลกั ษณะทถี ่ายทอดจาก พ่อแมส่ ลู่ กู หลานไดน้ นั เป็นลกั ษณะ ทางพนั ธุกรรม ขัน้ สรปุ 1. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความ คดิ เหน็ ว่า การถ่ายทอดลกั ษณะทาง พนั ธกุ รรมมปี ระโยชน์ต่อสงิ มชี วี ติ อยา่ งไร 2. ครสู มุ่ นกั เรยี น 2-3 คน แสดง ความคดิ เหน็ ทหี น้าชนั เรยี น จากนนั ครอู ธบิ ายเพมิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นฟังว่า การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ของคนเรา ทาํ ใหท้ ราบไดว้ ่า เราเป็น ลกู ของพ่อแม่ เพราะมลี กั ษณะ บางอยา่ งเหมอื นพอ่ แม่ เชน่ มี ใบหน้าเหมอื นแม่ มผี วิ คลาํ และ รปู ร่างสงู เหมอื นพ่อ เป็นตน้ 3. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นจาก การทําใบงานที 1.2 และจากการ แสดงความคดิ เหน็ เกยี วกบั ประโยชน์ ของการถ่ายทอดลกั ษณะทาง พนั ธุกรรมของสงิ มชี วี ติ

วช-ร 05 แผนการจัดการเรียนรู ชอ่ื หนวยการเรยี นรูท ่ี 1 เร่อื ง การถายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม แผนการสอนท่ี 3 เรอ่ื ง ความแปรผนั ทางพันธกุ รรม รายวชิ า วิทยาศาสตร ช้นั ประถมศึกษาปท่ี 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผสู อน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนักงานราชการ เวลาที่ใช 3 ชั่วโมง ตวั ชีว้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู สอื่ /แหลง ผลการเรียนรู ชิ้นงาน ประเมินผล เรียนรู ลักษณะ ขน้ั นําเขา สบู ทเรยี น ว1.2 ป5/1 บางอยา งท่ี 1. ทําใบงาน 1. ตรวจใบงานที่ 1. ครนู ําภาพครูและลกู พี่ลกู นอง 1. ใบความรู สํารวจ แตกตา งกัน ที่ 1.3 เร่อื ง 1.3 เรอ่ื ง 2. ใบงานที่ เปรยี บเทยี บ ของคนใน ลกั ษณะทาง ลกั ษณะทาง ของครมู าติดบนกระดาน แลวให 1.3 เรื่อง และระบุ ครอบครัว พันธุกรรม พันธุกรรมของ นกั เรียนชวยกันสังเกตวา ครูและ ลักษณะทาง ลักษณะของ เปน ผลมา ของตนเองกับ ตนเองกับคนใน ลกู พ่ลี กู นองของครมู ลี กั ษณะใดบา งที่ พันธุกรรมของ ตนเองกับคน จากความ คนใน ครอบครวั เหมือนกนั และแตกตา งกนั ตนเองกับคน ในครอบครวั แปรผนั ทาง ครอบครวั 2. สังเกต ในครอบครัว พันธกุ รรม ซง่ึ พฤติกรรมการ ข้ันสอน ลกั ษณะ ทํางานรายบุคคล 1. นักเรียนรว มกนั วิเคราะหว า เหลา นี้ 3. สงั เกตความมี สามารถ วินยั ใฝเรียนรู เพราะเหตุใด ครจู ึงมลี กั ษณะบางอยาง ถายทอดสู และมงุ มัน่ ในการ ที่แตกตางไปจากลกู พี่ลกู นองของครู ลูกหลาน ทาํ งาน ตอไปได 2. ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน ักเรยี นฟง วา ตัวเราและพี่นองของเราจะมี ลักษณะบางอยา งท่ีคลา ยคลงึ กบั พอ แม แตกจ็ ะมลี ักษณะบางอยาง แตกตางกัน ซงึ่ ความแตกตางน้ี เรียกวา ความ แปรผันทางพันธกุ รรม 3. นักเรยี นแตละคนสังเกตลักษณะ ของตนเองกบั ลูกพี่ลูกนองวา มี ลักษณะทางพันธกุ รรมใดบา งที่ เหมอื นกนั หรือแตกตางกนั แลว บันทกึ ผลลงในใบงานท่ี 1.3 เร่ือง ความ แปรผันทางพนั ธกุ รรม 4. นกั เรียนแตล ะคนจับคูกับเพื่อน แลว ผลดั กันตรวจสอบความถูกตอง ของคาํ ตอบในใบงานท่ี 1.3 5. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 5-6 คน นาํ เสนอใบงานท่ี 1.3 หนา ชั้นเรียน แลวใหเ พ่ือนคนอน่ื ๆ ชวยแสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติมในสวน ที่แตกตา ง

6. นักเรยี นตอบคําถามกระตุน ความคดิ ขั้นสรปุ 1. นักเรยี นสรปุ เก่ยี วกับความแปร ผันทางพันธุกรรมของตนเองกับ สมาชกิ ในครอบครัว

วช-ร 05 แผนการจัดการเรยี นรู ชือ่ หนวยการเรยี นรูท่ี 1 เรือ่ ง การถา ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม แผนการสอนท่ี 4 เร่ือง การถายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของสิง่ มชี ีวิตในแตละรุน รายวชิ า วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผูสอน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช 4 ชว่ั โมง ตวั ช้วี ดั / ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลง ผลการ ชน้ิ งาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรยี นรู ว1.2 ป5/2 ลักษณะ 1. ทาํ ใบงาน 1. ตรวจใบงานที่ ข้ันนําเขาสูบ ทเรียน 1. ใบความรู 1.4 เรื่อง 1. ครูนาํ แผนภาพแสดงการผสม 2. ใบงานที่ อธิบายการ ทางพนั ธกุ รรม ท่ี 1.4 เร่ือง ลกั ษณะทาง 1.4 เรอื่ ง พนั ธุกรรมของ พนั ธขุ องกระตา ยขนสีขาวกบั กระตา ย ลกั ษณะทาง ถา ยทอด ท่ีสง ผานจาก ลกั ษณะทาง ตนเองกับคนใน ขนสีดํา มาใหน กั เรยี นดู แลวให พันธกุ รรมของ ครอบครวั นกั เรียนรวมกันแสดงความคิดเหน็ ตนเองกับคน ลกั ษณะทาง พอแมไปสลู กู พนั ธุกรรม 2. สังเกต เกยี่ วกบั การถา ยทอดลักษณะทาง ในครอบครวั พฤติกรรมการ พนั ธกุ รรม 3. บตั รภาพ พันธุกรรม และหลานจะ ของตนเอง ทํางานรายบคุ คล 3. สังเกตความมี 2. ครูเฉลยคําตอบและอธิบาย ของส่ิงมชี ีวิต อยใู นยีน ซงึ่ กับคนใน วินัย ใฝเรยี นรู เพมิ่ เติมใหนักเรยี นฟง เก่ียวกับการ และมุง ม่ันในการ ถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมตาม ในแตละรุน เปน ครอบครัว ทาํ งาน กฎของเมนเดล ขน้ั สอน สารประกอบที่ 3. นักเรียนแตล ะคนศึกษาความรู ควบคุม เรื่อง การถา ยทอดลกั ษณะ ทาง พนั ธุกรรมของสง่ิ มชี ีวิตในแตละรุน การถา ยทอด จากใบความรู แลว บันทึกความรูทไ่ี ด จากการศึกษาลงในแบบบันทึกการ ลกั ษณะทาง อา น พนั ธุกรรมของ 4. นกั เรียนจับคูกบั เพื่อน แลวให แตล ะคูเขยี นแผนภาพแสดงการ ส่ิงมชี ีวิตในแต ถายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของ สิง่ มชี ีวิตในแตละรนุ ละรุน 5. สมาชกิ แตละคูช ว ยกันเลอื ก สิง่ มชี ีวติ มา 1 ชนดิ แลว ชว ยกนั วางแผนในการเขียนแผนภาพ แสดง การถา ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ของสิ่งมีชวี ิตในแตล ะรนุ 6. สมาชิกแตล ะคลู งมือเขียน แผนภาพ แสดงการถายทอดลกั ษณะ ทางพันธกุ รรมของสิง่ มชี วี ิตในแตล ะรุน

ลงในใบงานท่ี 1.4 เรื่อง การถายทอด ลกั ษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมชี ีวติ 7. นักเรยี นแตละคูชว ยกัน ตรวจสอบแผนภาพ แสดงการ ถายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมของ สง่ิ มชี ีวติ ในแตล ะรนุ ใหม ีความถกู ตอง สมบูรณ 8. สมาชิกแตละคูนําเสนอใบงานที่ 1.4 หนา ชั้นเรยี น แลว ใหเ พ่อื นคูอน่ื ชว ยแสดงความคดิ เห็นและให ขอ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ครูคดั เลือกใบงานท่ดี ที สี่ ดุ 3 อนั ดบั เพอ่ื นาํ มาจดั ปา ยนิเทศแสดงผลงาน ของนักเรียน 9. ครคู ัดเลอื กใบงานทด่ี ีท่ีสดุ 3 อันดับ เพื่อนํามาจดั ปา ยนิเทศแสดง ผลงานของนักเรียน ขัน้ สรปุ 1. นกั เรยี นรวมกันสรปุ ความรู เกย่ี วกับการถา ยทอดลกั ษณะทาง พนั ธกุ รรมของสิง่ มชี ีวิตในแตละรุน 2. นักเรยี นตอบคําถามกระตุน ความคิด ลักษณะเดน กับลกั ษณะดอยมี ความแตกตางกันอยางไร (ลักษณะเดน เปน ลักษณะท่ีพอแม พนั ธแุ ทผ สมกัน แลวปรากฏลักษณะ ออกมาในรนุ ลูก สว นลักษณะดอ ยจะ ปรากฏในรุนหลานเทา นัน้ ซ่ึงสดั สว น ของลกั ษณะเดนกบั ลักษณะดอย จะ เปน 3 : 1 เสมอ) 3. นกั เรยี นแตละคนทําแบบฝก กจิ กรรมท่ี 2 จากแบบวดั ฯ เปน การบา น

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ช่ือหนวยการเรียนรูท ี่ 1 เรื่อง การถา ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม แผนการสอนท่ี 5 เรอ่ื ง การถายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของสิ่งมชี ีวิต รายวชิ า วิทยาศาสตร ชั้น ประถมศึกษาปท่ี 5 รหสั วิชา ว15101 ครผู สู อน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตําแหนง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช 3 ช่ัวโมง ตวั ชว้ี ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู สือ่ /แหลง ผลการเรยี นรู ช้นิ งาน ประเมนิ ผล เรยี นรู ลักษณะ ขั้นนําเขา สบู ทเรียน ว 1.2 ป5/1 ทคี่ ลา ยคลึง 1. แผนภาพ 1. ประเมินการ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกบั 1. ใบความรู สํารวจ กันของคนใน ครอบครวั ของ นําเสนองาน 2. แผนภาพ เปรยี บเทยี บ ครอบครวั ฉัน 2. สงั เกต การถา ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม ครอบครวั ของ และระบุ เปน การ 2. พฤติกรรมการ ของสง่ิ มีชวี ิตในแตล ะรุน เชน ต้งั ฉัน ลกั ษณะของ ถา ยทอด แบบทดสอบ ทํางานรายบุคคล คาํ ถามกระตุนความคิด ดังน้ี 3.แบบทดสอบ ตนเองกับคน ลักษณะจาก หลังเรียน 3. สังเกตความมี หลังเรียน ในครอบครวั บรรพบุรษุ สู หนว ยการ วินัย ใฝเ รยี นรู - ลักษณะใดบางที่ไมส ามารถ หนว ยการ ว1.2 ป5/2 ลูกหลาน ซงึ่ เรียนรทู ่ี 1 และมุงม่นั ในการ ถา ยทอดทางพันธุกรรมได เรียนรูท ่ี 1 อธบิ ายการ บางลกั ษณะ ทํางาน (เชน นิสยั ความชอบ เปน ตน ) ถายทอด จะเหมือนพอ 4. ตรวจ ลักษณะทาง หรือเหมือน แบบทดสอบหลงั ขัน้ สอน พนั ธุกรรม แม หรือ เรียน หนว ยการ 1. ครูต้งั ประเดน็ คําถามให ของส่ิงมชี วี ติ เหมือนปู ยา เรยี นรทู ี่ 1 ในแตละรุน ตา ยาย 5. ตรวจแผนภาพ นักเรยี นรว มกันแสดงความคิดเหน็ ครอบครัวของฉัน เพอื่ ประเมินความรูความเขาใจของ นกั เรียน เชน - สุชาตพิ ูดภาษาอังกฤษเกง เหมือนพอ เปน การถา ยทอดลักษณะ ทางพนั ธกุ รรมหรือไม เพราะอะไร - การถา ยทอดลักษณะทาง พันธกุ รรมมปี รากฏในพชื หรือไม ยกตัวอยา งลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ของพชื มา 2 อยา ง - ลักษณะทางพนั ธกุ รรม หมายถึงอะไร ยกตวั อยางลกั ษณะ ทางพนั ธุกรรมของสัตวม า 2 อยา ง - ลักษณะบางลักษณะของ ลกู ทแ่ี ตกตา งออกไปจากพอ แม ปู ยา ตา ยาย เรียกวา อะไร - ยกตวั อยา งลกั ษณะทาง พนั ธกุ รรมท่ีแตกตา งกันระหวา งคน ไทยกบั คนฝรัง่ มา 3 ลักษณะ

2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแต ละคนเขยี นแผนภาพ ครอบครัวของ ฉนั โดยใหค รอบคลุมประเด็นตามท่ี กําหนด ดงั นี้ 1) การอธิบายลักษณะของ ตนเอง 2) การอธบิ ายลักษณะของ สมาชกิ ในครอบครวั 3) การเปรยี บเทียบลักษณะ ของตนเองกับสมาชิกในครอบครวั 4) การอธิบายการถายทอด ลกั ษณะทางพันธกุ รรมของสงิ่ มีชวี ิต ในแตล ะรุน ขั้นสรปุ 1. นกั เรียนแตล ะคนนาํ เสนอ แผนภาพครอบครวั ของตนเอง ทหี่ นาชนั้ เรยี น

วช-ร 05 แผนการจดั การเรียนรู ชอ่ื หนวยการเรียนรูท ่ี 2 เรื่อง ศกึ ษาชีวิตพชื แผนการสอนท1ี่ เรือ่ ง สว นประอบของดอก รายวชิ า วิทยาศาสตร ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี 5 รหสั วิชา ว15101 ครผู สู อน นางอมลสิริ คําฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช 4 ชว่ั โมง ตวั ช้วี ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง ผลการเรยี นรู ชนิ้ งาน ประเมินผล เรียนรู ว1.1 ป5/1 พชื ดอก 1. 1. ตรวจ ข้ันนาํ เขา สบู ทเรียน 1. ใบความรู สังเกตและ ประกอบดวย แบบทดสอบ แบบทดสอบกอ น 1. ครูนาํ ภาพดอกไม 2 ชนิด 2. ใบงานที่ 2.1 ระบุ กลบี เลีย้ ง กลบี กอ นเรียน เรยี น มาใหนกั เรยี นดู แลวใหนักเรียน เร่ือง สว นประกอบ ดอก เกสรเพศ 2. ใบงานที่ 2. ตรวจใบงานท่ี สังเกตและแสดงความคิดเหน็ วา สว นประกอบ ของดอกและ ผู และเกสร 2.1เรอ่ื ง 2.1 เรอ่ื ง ดอกไมท้ัง 2 ดอก มสี ว นประกอบ ของดอก โครงสรางท่ี เพศเมยี ซึ่งเปน สว นประกอบ สวนประกอบของ ใดบา งทเ่ี หมือนกนั หรือแตกตางกนั 3.บัตรภาพ เกยี่ วขอ งกบั โครงสรางท่ี ของดอก ดอก ข้ันสอน การสืบพันธุ เกย่ี วของกับ 3. แบบสงั เกต 1. ครูแบงนักเรียนเปน กลมุ ของพชื ดอก การสืบพนั ธุ พฤติกรรมงาน กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความ ของพืชดอก กลุม สามารถ คือ เกง ปานกลาง คอ นขางเกง ปานกลางคอนขาง ออ น และออน แลวใหแตล ะกลมุ รวมกันศกึ ษาความรเู ร่ือง สวนประกอบของดอก 2. ครูถามนักเรียนวา ดอกไม ท่ัวไปจะมีสว นประกอบเหมือนกนั หรอื ไม 3. นกั เรยี นแตละกลมุ ชว ยกนั สาํ รวจดอกไมบ รเิ วณรอบๆ โรงเรยี น กลมุ ละ 10 ชนดิ แลว สังเกตสว นประกอบของดอกไมแ ต ละชนดิ บนั ทกึ ผลลงในใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง สว นประกอบของดอก 4. ตวั แทนกลมุ นําเสนอใบงาน ท่ี 2.1 หนา ชั้นเรียน เพื่อ เปรยี บเทียบคาํ ตอบกบั เพือ่ นกลมุ อน่ื 5. นักเรียนทง้ั หอ งชว ยกนั บอกวา พชื ดอกใชสวนประกอบใด ในการสบื พันธุ

6. ครูเฉลยคําตอบใหน ักเรียน ฟงวา สวนประกอบของดอกที่ ทําหนา ทเี่ ก่ยี วของกบั การสืบพนั ธุ ไดแก เกสรเพศเมีย ประกอบดวย รังไข ออวลุ และเกสรเพศผู ประกอบดวยอับเรณู และละออง เรณู ขน้ั สรปุ 1. นกั เรยี นและครูรว มกันสรปุ ความรูเก่ียวกับโครงสรางที่ เก่ยี วขอ งกบั การสบื พนั ธุของพืช ดอก 2. นกั เรยี นตอบคําถามกระตนุ ความคดิ ดงั น้ี ทาํ ไมดอกไมสว นใหญจึง ตองมสี ีสนั สวยงาม และมกี ลิ่น หอม หรอื มนี ํ้าหวาน (เพ่ือดงึ ดูด แมลงใหมาตอม ชวยในการผสม พนั ธ)ุ

วช-ร 05 แผนการจัดการเรยี นรู ชอ่ื หนวยการเรียนรทู ่ี 2 เร่ือง ศึกษาชีวติ พชื แผนการสอนท2ี่ เรือ่ ง การจาํ แนกดอกของพืชโดยใชส วนประกอบของดอกเปนเกณฑ รายวิชา วิทยาศาสตร ชั้น ประถมศึกษาปท่ี 5 รหสั วชิ า ว15101 ครูผูสอน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตําแหนง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช 4 ช่ัวโมง ตวั ชี้วัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลง ผลการ ช้นิ งาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรยี นรู ว1.1 ป5/1 การจาํ แนก 1. ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานที่ ขน้ั นําเขา สูบ ทเรยี น 1. ใบความรู สังเกตและ ดอกของพชื 2.2 เรือ่ ง การ 2.2 เร่ือง การ 1. ครูแจกดอกไมใหนกั เรยี น 2. ใบงานท่ี 2.2 ระบุ สามารถใช จาํ แนก ดอก จําแนก ดอกของ แตล ะกลุม (กลมุ เดิมจากแผนการ เร่ือง การ สวนประกอบ สว นประกอบที่ ของพืชโดยใช พืชโดยใช จดั การเรียนรทู ี่ 1) กลุมละ 6 ดอก จาํ แนก ดอก ของดอกและ เหมอื นกนั หรือ สวนประกอบ สวนประกอบของ แลว ใหแตละกลมุ สังเกต ของพชื โดยใช โครงสรางที่ แตกตางกันมา ของดอกเปน ดอกเปนเกณฑ สว นประกอบ ของดอกไมแ ตล ะ สวนประกอบ เก่ียวของกับ เปนเกณฑใน เกณฑ 2. แบบสังเกต ชนิดวามีอะไรบา ง ของดอกเปน การสืบพนั ธุ การจาํ แนก พืช 2. ทาํ ผงั พฤติกรรมงาน ข้ันสอน เกณฑ ของพชื ดอก ดอกได ความคิด กลุม 1. สมาชกิ แตละกลุม นาํ ผลการ 3. ดอกไม 3. ตรวจผัง สังเกตในข้ันท่ี 1 มา ความคดิ วเิ คราะหว า ดอกไมแต ละชนดิ มสี วนประกอบใดบางท่ี แตกตางกนั 2. ครูใหน กั เรียน 5-6 กลุม นาํ เสนอผลการวเิ คราะหท ่หี นาชน้ั เรียน แลวใหเพ่ือนกลมุ อนื่ ชว ย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเตมิ ในสว น ทแ่ี ตกตา ง 3. สมาชกิ แตล ะกลุมชว ยกัน เปรียบเทียบวา ดอกไมทง้ั 6 ชนิด มีสวนประกอบใดบา งท่เี หมือนกัน 4. ตัวแทนกลุมนาํ เสนอผล การเปรียบเทียบทหี่ นาช้ันเรยี น ครูตรวจสอบความถูกตอง 5. สมาชกิ แตละกลมุ นํา ความรทู ไี่ ดจ ากการวเิ คราะหในข้นั ที่ 2 และขนั้ ท่ี 3 มาเปน พ้นื ฐานใน การสรุปวา ดอกไมแ ตละชนดิ มี สว นประกอบใดบาง

6. ครูสรุปและอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน กั เรียนฟงเกี่ยวกับการจําแนก ประเภทของดอกไมโดยใช สว นประกอบของดอกเปนเกณฑ 7. สมาชกิ แตล ะกลมุ นาํ ผล การสรปุ ในข้ันที่ 4 มาเขยี นเปน แผนผงั ความคดิ แสดงการจาํ แนก ดอกของพืชโดยใชส วนประกอบ ของดอกเปนเกณฑลงในใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง การจาํ แนก ดอกของพชื โดยใชส วนประกอบของดอกเปน เกณฑ เสรจ็ แลว เก็บรวบรวมใบ งานสงครู ขน้ั สรปุ 1. นักเรียนตอบคําถาม กระตุนความคดิ เชน - นกั เรยี นคดิ วา พืชดอกที่ มสี วนประกอบไมครบทัง้ 4 สว น จะสามารถใชใ นการ สบื พนั ธไุ ดห รอื ไม เพราะอะไร (พิจารณาตามคาํ ตอบของนักเรยี น โดยใหอยใู น ดุลยพินจิ ของ ครผู สู อน)

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ชื่อหนวยการเรยี นรทู ่ี 2 เรื่อง ศกึ ษาชวี ิตพืช แผนการสอนท่ี 3 เรือ่ ง การจาํ แนกดอกของพืชโดยใชเ กสรเพศผูและเกสรเพศเมยี เปนเกณฑ รายวิชา วิทยาศาสตร ชั้น ประถมศึกษาปที่ 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผูสอน นางอมลสิริ คําฟู ตาํ แหนง พนักงานราชการ เวลาทีใ่ ช 3 ชัว่ โมง ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง ผลการ ช้ินงาน ประเมินผล เรียนรู เรยี นรู 1. ตรวจใบงานที่ ว1.1 ป5/1 การ 1. ใบงานท่ี 2.3 เร่อื ง การ ขน้ั นําเขา สูบทเรยี น 1. ใบความรู จําแนกดอกของ สังเกตและ จาํ แนกดอก 2.3 เรอื่ ง พชื โดยใชเ กสร 1. ครูใหน กั เรยี นชวยกนั แสดงความ 2. ใบงานที่ เพศผแู ละเกสร ระบุ ของพืช การจําแนก เพศเมยี เปน คิดเหน็ วา สว นประกอบของดอกสวนใดท่ี 2.3เรื่อง การ เกณฑ สว นประกอบ สามารถใช ดอกของพืช 2. แบบสงั เกต บางดอกก็มี บางดอกก็ไมมี จําแนกดอก พฤติกรรมงาน ของดอกและ เกสรเพศผู โดยใชเ กสร กลมุ 2. ครเู ฉลยคาํ ตอบโดยเชือ่ มโยง ของพชื โดย โครงสรางท่ี และเกสรเพศ เพศผูและ คาํ ตอบของนักเรียนใหเปน เกสรเพศผูและ ใชเกสรเพศผู เกี่ยวขอ งกบั เมียเปน เกสรเพศ เกสรเพศเมีย และเกสร การสืบพนั ธุ เกณฑได เมยี เปน ข้นั สอน เพศเมยี เปน ของพชื ดอก เกณฑ 1. นักเรยี นกลุม เดิม (จากแผนการ เกณฑ จัดการเรียนรทู ี่ 1) ชว ยกันสาํ รวจพืชดอก ในบริเวณโรงเรยี น กลุมละ 10 ชนดิ และ สงั เกตสว นประกอบตางๆ ของดอกไมแต ละชนิด 2. สมาชิกแตละกลุม รว มกันอธิบาย สวนประกอบของดอกไมท่ี สาํ รวจพบทงั้ 10 ชนิด 2. สมาชิกในกลมุ ชว ยกนั จําแนกวา - ดอกไมท ้ัง 10 ชนิด มีสว นประกอบใดบา งที่เหมือนกันและมี สว นประกอบใดบางที่แตกตางกัน 4. ครสู นทนากับนักเรียนเกยี่ วกบั การ จาํ แนกดอกของพชื โดยใชเ กสรเพศผแู ละ เกสรเพศเมียเปนเกณฑ 5. นักเรียนแตละกลุมนําผลการ สังเกตในขั้นที่ 2 มาเขียนเปน แผนผัง ความคิดลงในใบงานท่ี 2.3 เรื่อง การ จาํ แนกดอกของพืชโดยใชเ กสรเพศผู และกสรเพศเมียเปนเกณฑ

ขนั้ สรปุ 1. ตวั แทนกลมุ นําเสนอใบงานท่ี 2.3 หนาชน้ั เรยี น แลวใหเพื่อนกลุมอื่นชวย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในสว นที่ แตกตาง ครตู รวจ สอบความถูกตอง 2. นกั เรยี นตอบคาํ ถามกระตุน ความคิด

วช-ร 05 แผนการจัดการเรยี นรู ชอื่ หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 เรอื่ ง ศกึ ษาชวี ติ พืช แผนการสอนที่ 4 เรือ่ ง ข้ันตอนการสืบพนั ธุของดอก รายวิชา วิทยาศาสตร ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี 5 รหัสวิชา ว15101 ครผู สู อน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาท่ีใช 4 ชวั่ โมง ตัวชวี้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง ผลการ ช้ินงาน ประเมินผล เรียนรู เรยี นรู การสืบพันธุ ข้นั นาํ เขา สบู ทเรียน ของพืชดอกมที ้ัง 1. ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานท่ี 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเก่ียวกบั 1. ใบความรู ว1.1 ป5/2 การสบื พันธุ 2.4 เรื่อง 2.4 เรอื่ ง ขัน้ ตอน 2. ใบงานที่ อธิบายการ แบบอาศยั เพศ ขนั้ ตอนการ การสบื พันธุข อง สวนประกอบท่เี กยี่ วของกับการ 2.4 เรื่อง สืบพันธุของ และการสืบพนั ธุ สบื พนั ธุของ พชื ดอก สืบพันธุของพชื ดอก ขนั้ ตอนการ พืชดอก แบบไมอาศยั พืชดอก 2. สังเกตุ สบื พนั ธขุ อง การ เพศ พฤติกรรมการ 2. ครนู าํ แผนภาพแสดง พชื ดอก ขยายพันธุ ทาํ งานกลุม สว นประกอบของเกสรเพศผูแ ละเกสร 3. แบบสงั เกต และนํา 1 เพศเมียมาใหน ักเรียนดู พรอมอธิบาย พฤติกรรมงาน ความรไู ปใช สวนประกอบ ประกอบภาพ เพ่อื ใหน กั เรยี นเกิดความ กลุม ประโยชน ของดอกที่ทํา เขา ใจมากยิง่ ข้นึ 4. บตั รภาพ หนาทีเ่ กี่ยวของ กบั การสบื พนั ธุ 3. ครใู หนกั เรียนรว มกนั แสดงความ ไดแก เกสรเพศ คดิ เหน็ วา การสบื พันธุแบบอาศยั เพศ เมีย และการสืบพันธุแ บบไมอาศัยเพศของ ประกอบดวย พชื มีความแตกตา งกนั อยางไร รงั ไข ออวุล และเกสรเพศผู ขัน้ สอน ประกอบดวย 1.ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามถามนกั เรียน อบั เรณแู ละ ละอองเรณู วา การสบื พนั ธแุ บบอาศัยเพศและการ 2. พืชดอกมี สบื พนั ธุแบบไมอาศัยเพศของพืชดอกมี การสืบพันธทุ ง้ั วิธีการอยางไร และใชสว นใดในการ แบบอาศยั เพศ สืบพนั ธุ และการสืบพนั ธุ แบบไมอาศยั 2. นกั เรียนกลมุ เดิม (จากแผนการ เพศ จดั การเรยี นรูท่ี 1) รว มกันศึกษาความรู เรื่อง ขนั้ ตอนการสบื พันธุของพชื ดอก จากใบความรูหองสมดุ และ แหลงขอมูลสารสนเทศ แลว บันทกึ ความรูท ่ไี ดจ ากการศึกษาลงในสมุด 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันอธบิ าย ความรแู ละแสดงความคิดเหน็ จากเร่ือง ท่ศี กึ ษา เพ่ือตรวจคําตอบจากประเด็น คําถามที่ครูกําหนด และสรปุ คาํ ตอบที่

เปน มติของกลุม 4. สมาชิกแตละคนในกลุมรบั ฟง การแสดงความคิดเหน็ ในการตอบ คาํ ถามเกีย่ วกับวิธกี ารสบื พนั ธุแบบ อาศยั เพศและการสบื พนั ธแุ บบไมอาศยั เพศของพืชดอกของสมาชิกในกลุม และผลดั กันแสดงความคิดเห็นเพิม่ เติม 5. ตวั แทนกลุม นาํ เสนอคําตอบ เกยี่ วกับวิธกี ารสืบพนั ธุแบบอาศัยเพศ และการสืบพนั ธแุ บบไมอาศยั เพศของ พืชดอกท่ีหนา ชนั้ เรียน เพื่อ เปรียบเทียบคําตอบกับเพ่ือนกลมุ อื่น 6. นักเรียนตอบคําถามกระตุน ความคดิ - นกั เรียนคดิ วา การสืบพนั ธุ แบบอาศัยเพศกับการสบื พันธุแบบไม อาศยั เพศ แบบใดดีกวา กัน เพราะ อะไร (พจิ ารณาตามคาํ ตอบของ นักเรียน โดยใหอยใู น ดลุ ยพินิจของ ครูผูสอน) 7. นกั เรียนแตล ะกลมุ ชว ยกนั ทําใบ งานท่ี 2.4 เร่อื ง ขน้ั ตอนการสืบพันธุ ของพชื ดอก ข้นั สรปุ นักเรียนแตละกลุมชว ยกันสรุป เกี่ยวกับข้ันตอนการสืบพันธขุ องพชื ดอกทัง้ แบบอาศยั เพศและแบบไม อาศยั เพศ

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ชอ่ื หนวยการเรียนรทู ่ี 2 เรอ่ื ง ศกึ ษาชวี ติ พชื แผนการสอนที่ 5 เรอ่ื ง การขยายพนั ธพืช รายวิชา วิทยาศาสตร ชั้น ประถมศึกษาปที่ 5 รหสั วิชา ว15101 ครผู ูส อน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตําแหนง พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช 3 ชัว่ โมง ตวั ชวี้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู สือ่ /แหลง ผลการ ชน้ิ งาน ประเมินผล เรียนรู เรียนรู ว1.1 ป5/2 การ 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานท่ี ขน้ั นาํ เขา สบู ทเรยี น 1. ใบความรู อธิบายการ ขยายพนั ธุพชื 2.5 เร่อื ง 2.5 เรือ่ ง การ 1. ครสู นทนากับนักเรยี นวา ใน 2. ใบงานที่ สบื พันธขุ อง เปน การเพิ่ม การขยาย ขยาย พนั ธพุ ืช ทองถิ่นของนกั เรียนมกี ารขยายพันธุพืช 2.5 เรื่อง การ พืชดอก ปริมาณและ พนั ธุพชื 2. สงั เกต โดยใชวิธีการใดบาง และการขยายพันธุ ขยาย พันธพุ ชื การ คุณภาพของ พฤติกรรมการ พืช แตละวธิ นี ้ันใชส วนใดของพชื ในการ 3. แบบสังเกตุ ขยายพนั ธุ พชื ซ่ึงทาํ ได ทาํ งาน ขยายพันธุ พฤติกรรมการ และนํา หลายวธิ ีโดย 2. นักเรียนตอบคาํ ถามกระตุน ทาํ งานกลมุ ความรูไ ปใช การเพาะเมล็ด ความคดิ เชน ประโยชน การปก ชํา การ - นักเรียนคดิ วา การเพาะ ตอนกง่ิ การ เมลด็ เปน การสบื พนั ธแุ บบใด ตดิ ตา (การสบื พันธแุ บบอาศัยเพศ) ข้ันสอน 1. ครูอธิบายใหนักเรยี นฟงวา การ ขยายพนั ธุพชื นอกจากใช วธิ ีการสบื พนั ธุแ บบอาศัยเพศแลว ยงั สามารถขยายพนั ธพุ ชื โดย การสืบพันธุแบบไมอาศยั เพศไดอกี ดว ย 2. นกั เรยี นกลุมเดิม (จากแผนการ จัดการเรียนรทู ่ี 1) เรียกวา กลมุ บา น แลว ใหส มาชิกแตละคนใน กลมุ เลอื กหมายเลข ประจําตวั ตง้ั แตหมายเลข 1-4 3. สมาชิกท่ีมหี มายเลขเดยี วกันมา รวมกนั เปนกลมุ ใหม เรยี กวา กลุม ผเู ชย่ี วชาญ แลว รว มกันศกึ ษาความรู เรอื่ ง การขยายพนั ธุพืช จากใบความรู / หอ งสมุด /แหลงเรียนรูอ่นื ๆ - กลุม หมายเลข 1 ศึกษาความรู เรื่อง การเพาะเมลด็ - กลมุ หมายเลข 2 ศกึ ษาความรู เรือ่ ง การปกชาํ

- กลมุ หมายเลข 3 ศึกษาความรู เรอื่ ง การตอนกิ่ง - กลุม หมายเลข 4 ศึกษาความรู เรอ่ื ง การติดตา แลวบนั ทกึ ความรูที่ไดจากการศึกษาลง ในแบบบนั ทึกการอา น 4. เมอื่ สมาชิกกลุมผเู ช่ียวชาญ รว มกันศึกษาความรตู ามที่ไดร ับ มอบหมายจนเขา ใจแลว ใหแยกยายกนั กลับเขาสูก ลมุ บาน แลวใหแตละ หมายเลขผลดั กันอธบิ ายความรูท่ีไดจาก การศกึ ษาใหสมาชิกหมายเลขอนื่ ๆ ใน กลมุ บานฟง โดยอาจเรยี งตามหมายเลข หรือตามความสมัครใจก็ได 5. ครูตง้ั ประเดน็ คําถามใหน กั เรยี น แตล ะกลุมรวมกันแสดง ความ คดิ เหน็ เพื่อประเมนิ ความรูความ เขา ใจ ดงั นี้ - การขยายพนั ธุพืชโดยการ เพาะเมล็ด มีขอดีอยางไร - การขยายพันธพุ ืชโดยการปก ชาํ มขี อดีอยางไร - การขยายพนั ธพุ ืชโดยการตอน กิ่ง มขี อดีอยางไร - การขยายพนั ธพุ ืชโดยการตดิ ตา นิยมใชกบั พืชชนดิ ใด 6. สมาชกิ แตล ะคนในกลุมทําใบงาน ท่ี 2.5 เร่อื ง การขยาย พนั ธุพืช 7. สมาชกิ แตละคนแลกเปลยี่ นใบ งานท่ี 2.5 กับเพือ่ นในกลมุ เพ่อื ตรวจคําตอบตามทคี่ รเู ฉลย ขนั้ สรุป นักเรียนรวมกันสรปุ ความรู เก่ียวกบั การขยายพันธุพชื โดยการเพาะ เมลด็ การปกชาํ การตอนกง่ิ และการ ตดิ ตา

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ชื่อหนวยการเรียนรูที่ 2 เร่ือง ศึกษาชีวติ พืช แผนการสอนท่ี 6 เรอื่ ง การขยายพันธพชื (2) รายวิชา วิทยาศาสตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผสู อน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนักงานราชการ เวลาท่ีใช 3 ชวั่ โมง ตวั ช้ีวัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู สอื่ /แหลง ผลการ ชน้ิ งาน ประเมินผล เรยี นรู เรยี นรู การ 1.ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานที่ ขน้ั นําเขา สบู ทเรยี น 1. ใบความรู ว1.1 ป5/2 ขยายพันธพุ ชื 2.6 เร่อื ง 2.6 เรื่อง ข้นั ตอน 1. ครตู ้ังประเดน็ คาํ ถามถาม 2. ใบงานที่ อธบิ ายการ เปน การเพ่ิม ขั้นตอนการ การขยายพนั ธุพ ชื 2.6 เรอื่ ง สบื พนั ธขุ อง ปรมิ าณและ ขยายพนั ธพุ ืช 2. สังเกต นักเรยี นเกี่ยวกับวิธกี ารขยายพันธุพืช ข้ันตอนการ พืชดอก การ คุณภาพของ พฤติกรรมการ เชน ขยายพันธุพชื ขยายพันธุ พชื ซึ่งทําได ทาํ งาน 3. แบบันทกึ และนํา หลายวธิ ีโดย - ตน กุหลาบนิยมขยายพนั ธดุ วย พฤติกรรมการ ความรไู ปใช การทาบก่ิง วธิ ใี ด เพราะเหตุใด ทํางานกลุม/ ประโยชน การเสียบยอด - ตน โปยเซียนนิยมขยายพันธุ บคุ คล และการ ดวยวิธีใด เพราะเหตุใด เพาะเลีย้ ง 2. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 เน้ือเยอื่ คน ตอบคําถามท่หี นาชนั้ เรียน ครู ตรวจสอบความถูกตองและเสนอแนะ เพิ่มเติมในสวนท่บี กพรอง ข้ันสอน 1. นักเรียนกลุม เดมิ (จากแผนการ จัดการเรียนรทู ี่ 1) จับคกู ันเปน 2 คู ให แตละครู ว มกนั ศึกษาความรูเร่ือง การ ขยายพนั ธุพืช จากจากใบความรู ตาม หวั ขอ ท่กี ําหนด ดงั น้ี 1) การทาบกิง่ 2) การเสียบยอด 3) การเพาะเล้ยี งเน้ือเย่ือ 2. ครูใหสมาชกิ แตล ะกลุมรวมกัน แสดงความคิดเห็นเพ่ือประเมินความรู ความเขาใจของนกั เรยี น ดังน้ี - การขยายพนั ธุพืชโดยการ ทาบกิ่ง หมายถึงอะไร - การขยายพนั ธุพืชโดยการ เสยี บยอด เปน การอาศยั สว นใดของตน ตอในการเล้ยี งยอดของกิ่งทน่ี ํามาเสยี บ ใหเจรญิ เติบโต - การขยายพันธุพืชโดยการ

เพาะเล้ียงเนอ้ื เย่ือ นิยมใชก บั พชื ท่ีมี ปญ หาใด 3. สมาชิกแตล ะคนู าํ ความรทู ไ่ี ด จากการศึกษาเปน พน้ื ฐานในการทําใบ งานที่ 2.6 เรอื่ ง ขั้นตอนการขยายพันธุ พืช 4. เมื่อสมาชกิ แตล ะคูทําใบงานท่ี 2.6 เสรจ็ แลว ใหก ลับกลุม เดิม (4 คน) แลวผลดั กันอธบิ ายคําตอบในใบงานให สมาชกิ อกี คูห นง่ึ ภายในกลุมฟง เพื่อ ชวยกันตรวจสอบความถกู ตอ ง 5. ครูใหน ักเรียน 5-6 กลุม นาํ เสนอใบงานที่ 2.6 หนา ช้นั เรยี น เสรจ็ แลวเก็บรวบรวมใบงานสงครู 6. นกั เรยี นตอบคําถามกระตนุ ความคิด เชน การเสียบยอดแตกตา งจากการ ปกชาํ อยา งไร (การเสยี บยอดใชเวลานอยกวา การปก ชํา และนํามาสรางตนไมแ ฟนซีได) ข้นั สรปุ ครูสุม นักเรียน 2-3 กลมุ สรุป ความรูเ รอื่ ง การขยายพันธุพืชโดยการ ทาบกงิ่ การเสยี บยอด และการ เพาะเลย้ี งเนื้อเยื่อ ท่หี นา ชัน้ เรียน กลมุ ละ 1 วิธี ครตู รวจสอบความถูกตองและ สรุปเพ่มิ เติม ในสว นท่ีบกพรอง

วช-ร 05 แผนการจัดการเรียนรู ชือ่ หนวยการเรียนรทู ี่ 2 เร่ือง ศึกษาชวี ติ พชื แผนการสอนท่ี 7 เรอ่ื ง วฏั จกั รชีวติ ของพืชดอก รายวชิ า วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วชิ า ว15101 ครผู สู อน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนักงานราชการ เวลาท่ใี ช 3 ชั่วโมง ตัวชว้ี ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง ผลการ ชิ้นงาน ประเมินผล เรยี นรู เรียนรู ว1.1 ป5/3 พชื ดอก 1. ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานท่ี ขัน้ นําเขาสบู ทเรียน 1. ใบความรู อธบิ ายวฏั เม่อื เจริญเติบโต 2.7 เร่ือง วัฏ 2.7 เรอื่ ง วัฏจักร 1. ครูนําภาพการเจริญเติบโตของ 2. ใบงานท่ี จกั รชวี ิตของ เตม็ ทจ่ี ะออก จักรชีวติ ชวี ติ ของพชื ตนถั่วเขียว มาใหน ักเรยี นดู แลว 2.7 เรือ่ ง วัฏ พชื ดอกบาง ดอก และเมื่อ ของพชื 2. ประเมนิ คดั เลือกนักเรียน 2-3 คน อธบิ ายวฏั จักรชวี ติ ของ ชนดิ ไดรบั การผสม 2. ทาํ พฤติกรรมการ จกั รชีวติ ของ ตนถว่ั เขียวทีห่ นาช้นั เรียน พืช พนั ธุจะ รายงานเรือ่ ง ทาํ งาน 2. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ จากคาํ ตอบ 3. แบบ กลายเปน ผล มี ชวี ิตดอก 3. ตรวจรายงาน ของนักเรียนเกยี่ วกับวัฏจักรชีวิตของพชื ประเมนิ การ เมล็ดและงอก ดอก ทํางานราย เปนตน พืชตน ขัน้ สอน กลมุ / ใหมหมุนเวียน 1. นกั เรยี นกลุมเดิม (จากแผนการ รายบุคคล เปนวฏั จักร จดั การเรียนรทู ่ี 1) รว มกนั ศกึ ษาความรู เรื่อง วฏั จกั รชวี ิตของพืชดอก จากใบ ความรู 2. สมาชิกในกลุม ชว ยกนั ทาํ ใบงานที่ 2.7 เรือ่ ง วฏั จกั รชีวิต ของพชื 3. สมาชกิ ในกลมุ นําคําตอบในใบ งานที่ 2.7 มาอภปิ รายรว มกนั ภายใน กลุม และชว ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอง ตัวแทนแตล ะกลมุ นาํ เสนอใบงานที่ 2.7 หนา ชัน้ เรียน 4. นักเรียนตอบคาํ ถามกระตนุ ความคดิ นกั เรยี นคดิ วา การที่พืชมีวัฏจักร ชีวิตหมุนเวยี นไดเ องตามธรรมชาติ ทาํ ใหเกิดผลดีอยางไร (พิจารณาตาม คาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอ ยใู น ดุลย พินิจของครูผสู อน) 5. ครอู า นขอความใหน กั เรยี นฟง แลว ใหน กั เรียนแตละกลมุ รว มกันแสดง ความคิดเห็น โดยใชค วามรูเ ร่ือง การ สบื พันธุ การขยายพนั ธุ และวัฏจักรชวี ติ

ของพชื ดอก มาเปน แนวทางในการหา คําตอบ ขัน้ สรุป 1. ครูจับสลากเลือกนักเรียน 2-3 กลุม แสดงความคิดเห็นจากขอความท่ี ครูอา นใหฟง ทห่ี นาช้นั เรียน แลว ให เพือ่ นกลุมอ่นื ชว ยแสดงความคดิ เห็น เพิ่มเติมในสว นท่ีแตกตา ง 2. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี นจากการ ทําใบงานที่ 2.7 และจากการแสดงความ คดิ เหน็ เกย่ี วกับการสืบพันธุ การ ขยายพนั ธุ และวัฏจักรชวี ติ ของพชื ดอก ***ครมู อบหมายใหน ักเรยี นแตล ะกลมุ จัดทาํ รายงาน เรือ่ ง ชวี ติ พืชดอก โดย สรปุ ความรูจ ากใบงานท่ี 2.1-2.7 แลว นาํ สงครเู พ่ือประเมินผล โดยให ครอบคลุมประเดน็ ตามท่ีกําหนด ดงั นี้ 1) การระบสุ วนประกอบของ ดอกและโครงสรางท่ีเกี่ยวของกบั การ สืบพันธขุ องพชื ดอก 2) การอธบิ ายการสืบพันธแุ บบ อาศัยเพศของพชื ดอก 3) การอธิบายการขยายพันธุ ของพืชดอก 4) การอธิบายวัฏจกั รชีวติ ของ พชื ดอก

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ชอื่ หนวยการเรยี นรูท่ี 3 เรอ่ื ง เรียนรชู วี ติ สัตว แผนการสอนท1่ี เร่อื ง การสืบพนั ธแ บบอาศยั เพศของสัตว รายวชิ า วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วชิ า ว15101 ครูผสู อน นางอมลสริ ิ คําฟู ตําแหนง พนกั งานราชการ เวลาท่ใี ช 4 ชวั่ โมง ตวั ชว้ี ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู สอื่ /แหลง ผลการ ช้ินงาน ประเมนิ ผล เรียนรู เรยี นรู การ 1. 1. ตรวจ ขน้ั นําเขาสบู ทเรยี น 1. ใบความรู ว1.1 ป5/4 สืบพนั ธแุ บบ แบบทดสอบ อธบิ ายการ อาศยั เพศ กอ นเรียน แบบทดสอบกอน 1. ครูนําภาพสัตว 2 ชนิด มาให 2. ใบงานท่ี สบื พนั ธแุ ละ ของสัตว 2. ใบงานท่ี การ สามารถ 3.1 เรอ่ื ง การ เรยี น นกั เรียนดู แลวใหน ักเรียนชว ยกนั 3.1 เรือ่ ง การ ขยายพนั ธุ ปฏสิ นธิไดท ้ัง สืบพนั ธแุ บบ ของสัตว ภายนอก อาศยั เพศของ 2. ตรวจใบงานที่ แสดงความคดิ เหน็ ดงั นี้ สืบพนั ธุแบบ รางกายและ สตั ว ภายใน 3.1 เรื่อง การ - สัตวในภาพกําลังแสดง อาศัยเพศของ รางกาย สบื พันธุแ บบอาศัย พฤติกรรมอะไร สัตว เพศของสัตว - การแสดงพฤติกรรมของ 3. บตั รภาพ 3. ประเมนิ สตั วใ นภาพ มจี ดุ ประสงคอยา งไร 4. อุปกรณท ่ี พฤติกรรมการ 2. ครูเฉลยคําตอบและอธิบาย ใชในการ ทาํ งาน เพิ่มเติมใหน ักเรียนฟง วา การสบื พันธุ ทดลอง ของสัตวท ําใหสัตวสามารถดาํ รงพนั ธุ 5. แบบ อยูไ ด ซ่ึงมที ัง้ การสืบพนั ธแุ บบอาศัย ประเมิน เพศและการสบื พนั ธุแ บบไมอ าศยั เพศ พฤติกรรมการ ทาํ งานราย ขนั้ สอน กลมุ /รายบุคล 1. ครูแบงนักเรยี นเปนกลุม กลุม ละ 4 คน ตามความสมัครใจ แลว ให แตละกลุม รวมกันศึกษาความรูเร่อื ง การสบื พันธุแ บบอาศัยเพศของสัตว จากใบความรู 2. ครูนาํ ปลากัด มาใหนักเรยี นดู แลว ตงั้ ประเด็นคําถามถามนักเรียนวา ปลากดั มีการปฏสิ นธิแบบใด 3. ครูแจง จุดประสงคก ารทดลอง อุปกรณท่ีใชในการทดลอง และ ขนั้ ตอนการทดลองเกีย่ วกับวิธกี าร ปฏิสนธขิ องปลากดั 4. สมาชกิ แตล ะกลมุ ทําการทดลอง ตามข้ันตอนที่กาํ หนด แลว บนั ทกึ ผล การทดลองลงใน ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง

การสบื พันธแุ บบอาศัยเพศของสตั ว 5. สมาชิกแตละกลมุ นาํ ผลการ ทดลองเก่ียวกบั การสืบพนั ธขุ องปลา กดั มาอภปิ รายรว มกันภายในกลมุ 6. ตวั แทนแตล ะกลุมนาํ เสนอผล การทดลองในใบงานท่ี 3.1 หนา ช้นั เรียน ขน้ั สรปุ 1. ครแู ละนักเรียนรวมกันสรปุ ผล การทดลองเก่ยี วกบั การสบื พันธุข อง ปลากัดในใบงานที่ 3.1 จนไดขอ สรปุ ดังนี้ - ไขของปลากัดตัวเมียจะไดรับ การผสมกบั นา้ํ เชื้อของ ปลากดั ตวั ผู ภายนอกรา งกายของปลากัดตัวเมีย และไขท ่ไี ดร ับการผสมแลว จะ เจรญิ เตบิ โตเปนลกู ปลาตัวเลก็ ๆ แสดง วา ปลากัดมกี ารปฏสิ นธิภายนอก รา งกาย 2. ครูประเมินผลนักเรยี นจากการ ทาํ การทดลองและการสรุปผลการ ทดลองในใบงานท่ี 3.1 3.นกั เรยี นตอบคําถามกระตุน ความคิด ดงั นี้ แมว และเตามีการปฏิสนธิภายใน รา งกายเหมือนกัน แตท าํ ไมแมว ออกลูกเปนตัว แตเ ตา ออกลูกเปน ไข (สัตวบ างชนิดมีการปฏิสนธภิ ายใน รา งกายเชนเดยี วกัน แตไขท ่ีไดร บั การ ผสมแลว จะเจริญเตบิ โตภายนอก รางกายของสัตวตวั เมยี เชน เตา จะ ออกลกู เปนไขท ี่มีเปลอื กแข็งหมุ แลว ฟก เปน ตวั ภายนอกรางกายของแมเ ตา เปนตน)

วช-ร 05 แผนการจัดการเรียนรู ชอื่ หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 เร่อื ง เรียนรูชวี ิตสัตว แผนการสอนที่ 2 เรือ่ ง การสืบพนั ธแบบไมอ าศยั เพศของสตั ว รายวชิ า วิทยาศาสตร ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี 5 รหสั วิชา ว15101 ครูผสู อน นางอมลสิริ คําฟู ตําแหนง พนักงานราชการ เวลาท่ใี ช 4 ช่ัวโมง ตวั ชวี้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู ส่อื /แหลง ผลการ ช้นิ งาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรียนรู การ 1. 1. ตรวจ ขัน้ นําเขา สูบทเรียน 1. ใบความรู ว1.1 ป5/4 อธิบายการ สืบพนั ธุแบบ แบบทดสอบ แบบทดสอบกอน 1. ครสู นทนากับนักเรยี นเกี่ยวกบั 2. ใบงานท่ี สืบพันธุและ การ ไมอ าศยั เพศ กอ นเรยี น เรียน การสืบพนั ธแุ บบไมอาศยั เพศของสัตว 3.2 เร่อื ง การ ขยายพนั ธุ ของสตั ว พบไดในสตั ว 2.ใบงานท่ี 3.2 2. ตรวจใบงานท่ี 2. นกั เรียนชว ยกนั ยกตวั อยางสัตว สืบพันธุแบบ ชน้ั ตํ่าหรือ เร่อื ง การ 3.2 เรอ่ื ง การ ท่ีมกี ารสืบพนั ธุแ บบ ไมอาศยั เพศ ไมอ าศัยเพศ สตั วท่ีมี สืบพนั ธแุ บบไม สบื พันธุแบบไม ของสตั ว เซลลเดียว อาศยั เพศของ อาศัยเพศของสตั ว ขัน้ สอน 3. บตั รภาพ ไมต องมีการ สัตว 3. ประเมนิ 1. ครูกําหนดปญ หาใหนักเรยี นแต 4. อปุ กรณที่ ผสมกนั พฤติกรรมการ ละกลมุ (กลมุ เดมิ จากแผนการจัดการ ใชใ นการ ระหวา งอสจุ ิ ทาํ งาน เรียนรทู ่ี 1) รวมกนั สบื คน วา ไฮดรามี ทดลอง ของสตั วเพศ การสืบพนั ธุแบบใด 5. แบบ ผูแ ละไขของ 2. สมาชิกแตละกลุมรว มกันตัง้ ประเมนิ สตั วเพศเมีย สมมตุ ฐิ านหลายๆ ขอ แลว เลือก พฤติกรรมการ สมมตุ ฐิ านทอี่ าจเปนไปไดมา ทาํ งานราย ดําเนนิ การศึกษา กลุม/บคุ คล ตัวอยา งสมมตุ ฐิ าน : ไฮดราสามารถ สืบพนั ธไุ ดโดยวิธีการแตกหนอออกจาก ตวั เดมิ 3. สมาชกิ แตละกลุม รว มกันศึกษา ความรเู รอื่ ง การสบื พันธุแ บบไมอาศยั เพศของสตั ว จากใบความรูทําการ ทดลองตามขั้นตอนที่กําหนดในใบงาน ที่ 3.2 เรื่อง การสบื พันธุแบบไมอาศัย เพศ ของสตั ว 4. สมาชิกแตละกลมุ นาํ ผลการ ทดลองในใบงานที่ 3.2 มาวเิ คราะห และตรวจสอบกับสมมุติฐานที่ตั้งไวว า ไฮดรามกี ารสบื พันธแุ บบใด

ข้นั สรปุ 1. สมาชิกแตละกลุมสงตัวแทน นําเสนอใบงานที่ 3.2 หนา ช้ันเรียน เพ่อื เปรียบเทียบผลการทดลองกบั สมาชิกกลุม อ่ืน 2. นักเรียนทงั้ หอ งรวมกันสรปุ ความรูเก่ียวกบั ลักษณะการสบื พันธุ แบบไมอาศยั เพศของสตั ว 3. นกั เรยี นตอบคําถามกระตุน ความคิด - การสืบพนั ธุแบบอาศัยเพศ และการสบื พันธุแบบไมอาศัยเพศของ สัตว มีความแตกตา งกนั อยา งไร (พจิ ารณาตามคําตอบของนักเรียน โดย ใหอ ยใู น ดลุ ยพินจิ ของครูผสู อน)

วช-ร 05 แผนการจดั การเรียนรู ชอ่ื หนวยการเรียนรทู ่ี 3 เรอ่ื ง เรียนรูช วี ติ สัตว แผนการสอนท่ี 3 เรื่อง การคดั เลอื กพนั ธส ัตว รายวิชา วิทยาศาสตร ช้ัน ประถมศึกษาปที่ 5 รหสั วิชา ว15101 ครผู ูสอน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช 4 ชวั่ โมง ตัวชี้วดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง ผลการ ชนิ้ งาน ประเมินผล เรยี นรู เรียนรู ข้ันนาํ เขาสบู ทเรียน การ 1. ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานที่ 1. ครูใหน ักเรียนชวยกนั ยกตวั อยา ง 1. ใบความรู ว1.1 ป5/4 คดั เลือกพนั ธุ 3.3 เรื่อง 3.3 เรอ่ื ง การ 2. ใบงานท่ี อธิบายการ สตั ว ทาํ ให การคัดเลือก คดั เลอื กพนั ธุส ตั ว วธิ กี ารขยายพันธสุ ัตวท น่ี ักเรียนรจู ัก แลว 3.3 เรอื่ ง การ สบื พันธุแ ละ ไดสตั วท่ีมี พนั ธสุ ัตว 2. ประเมนิ ใหนกั เรียนรวมกนั แสดงความคิดเห็นวา คัดเลอื กพันธุ การ คุณภาพ พฤติกรรมการ ขั้นตอนแรกของการขยายพันธุสัตว สัตว ขยายพันธุ ตามที่ ทํางานงานกลมุ / เกษตรกรตองทาํ อยางไร 3. แบบ ของสัตว ตองการ พฤติกรรมการ ประเมนิ ทํางานงานเด่ียว 2. ครูเฉลยคําตอบพรอมอธบิ าย พฤติกรรมการ 3. การนาํ เสนอ เพิ่มเติมใหน กั เรยี นฟงวา ข้ันตอนแรก ทาํ งานงาน ผลงาน ของการขยายพันธุสัตวเพือ่ ใหไดผลดนี นั้ กลมุ / ตอ งมีการคัดเลือกพนั ธุสตั วต ามตอ งการ พฤติกรรมการ เม่ือคัดเลอื กแลวจงึ ทาํ การขยายพันธุโ ดย ทาํ งานงาน วธิ กี ารตา งๆ เดย่ี ว 4. แบบ ข้นั สอน ประเมนิ การ 1. นกั เรยี นกลมุ เดมิ (จากแผนการ นําเสนอ ผลงาน จัดการเรยี นรทู ่ี 1) รวมกันศกึ ษาความรู เรื่อง การคดั เลือกพนั ธุสตั ว จากใบ ความรู 2. ครยู กตัวอยางสตั วใ นทองถนิ่ 2-3 ชนิด แลวใหน ักเรียน แตละกลมุ รวมกันวิเคราะหแ ละแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับวิธกี ารคดั เลือกพนั ธุส ตั วทีค่ รู ยกตวั อยา งเพอื่ ใหไ ดคุณภาพตามที่ ตอ งการ 3. ครูขออาสาสมคั รนักเรียน 2-3 กลมุ นาํ เสนอวธิ ีการคดั เลือกพนั ธุสตั ว เพื่อใหไ ดคณุ ภาพตามที่ตองการหนา ชั้น เรียน แลวใหเพื่อนกลุมอ่นื ชวยกนั ตรวจสอบวาถูกตองหรือไม 4. สมาชกิ แตล ะกลุมเลือกสตั วท่ี

สนใจมา 1 ชนิด แลวสบื คน ขอ มลู เกีย่ วกับวธิ ีการคดั เลือกพันธุสัตว จาก หองสมุด แลวบนั ทกึ ขอมลู ลงในใบงานท่ี 3.3 เรื่อง การคัดเลอื กพนั ธสุ ตั ว 5. ตัวแทนกลุมนําเสนอใบงานท่ี 3.3 หนา ชนั้ เรียน จนครบทุกกลุม แลว เกบ็ รวบรวมใบงานสงครู 6. นกั เรยี นตอบคําถามกระตนุ ความคิด - ถานักเรียนตอ งการขยายพนั ธุ ววั นกั เรียนควรเลอื กวัวทม่ี ลี กั ษณะ อยา งไร (เชน ววั ที่มนี ํ้านมมาก หรือวัวท่ี ทนตอสภาพแวดลอ ม เปน ตน) ข้ันสรปุ 1. นกั เรียนชว ยกนั สรุปความรู เกย่ี วกับหลักการคดั เลือกพันธสุ ัตวเ พอื่ ให ไดคุณภาพตามที่ตองการ

วช-ร 05 แผนการจัดการเรียนรู ช่อื หนวยการเรยี นรูที่ 3 เรื่อง เรียนรูชวี ิตสตั ว แผนการสอนที่ 4 เรือ่ ง การผสมเทียมสัตว รายวชิ า วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศึกษาปที่ 5 รหัสวิชา ว15101 ครผู ูสอน นางอมลสริ ิ คําฟู ตาํ แหนง พนักงานราชการ เวลาทีใ่ ช 4 ชั่วโมง ตัวช้วี ัด/ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง ผลการ ความรู ช้ินงาน ประเมินผล เรยี นรู เรยี นรู 1. ใบงาน 1. ตรวจใบงาน ขน้ั นาํ เขา สบู ทเรียน 1. ใบความรู ว1.1 ป5/4 การ ท่ี 3.4 ที่ 3.4 เรอื่ ง อธบิ ายการ ผสมเทียม เรือ่ ง การ การผสมเทียม 1. ครูเปดสารคดเี ก่ียวกบั การผสมเทยี มสัตว 2. ใบงานท่ี สบื พันธแุ ละ สามารถทาํ ผสมเทียม สตั ว การ ไดท ั้งสตั วที่ สตั ว 2. สังเกตุและ ใหน ักเรยี นดู แลว ใหนกั เรยี นชวยกนั แสดงความ 3.4 เร่ือง ขยายพนั ธุ มกี าร ประเมินการ ของสตั ว ปฏิสนธิ ทํางาน คดิ เห็นเกยี่ วกบั ความกาวหนา ของเทคโนโลยที ี่ การผสม ภายใน เขา มามีบทบาทในการขยายพันธสุ ัตว เทยี มสัตว รา งกาย และ 2. นักเรยี นกลมุ เดมิ (จากแผนการจดั การ 3. แบบ ภายนอก รางกาย เรยี นรูที่ 1) จับคูกนั เปน 2 คู ใหแ ตล ะคูรว มกัน ประเมินการ เพอ่ื ใหได สัตวท่ีมี ศึกษาความรูเร่อื ง การผสมเทียม จากบความรู ทาํ งานกลุม ปริมาณ และ แลวบันทึกความรูท่ีไดจากการศึกษาลงในสมุด 4. แบบ คณุ ภาพ ตามที่ ประเมินการ ตองการ ขัน้ สอน ทํางาน 1. ครอู า นกรณีตัวอยา งใหนกั เรยี นฟง หรือ รายบคุ คล ติดบนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นอานพรวมกนั ดังน้ี - ลุงมเี ปน เกษตรกรผเู พาะเลย้ี งปลานลิ ลุง มีทราบวา นอ งพลอยไดเ รยี นรเู กีย่ วกับเรอ่ื ง การ ผสมเทยี มปลานิล จงึ ซกั ถามขั้นตอนการผสม เทยี มปลานิลกบั นองพลอย ถานักเรียนเปน นอง พลอย นักเรียนจะอธิบายข้ันตอนการผสมเทียม ปลานลิ ใหล ุงมฟี ง อยา งไร 2. สมาชิกแตล ะคนู ําความรทู ี่ไดจาก การศึกษามาวิเคราะหแ ละสืบคน ขอมูลเพิ่มเตมิ เพื่อนาํ มาอธิบายขั้นตอนการผสมเทยี มปลานลิ จากกรณีตัวอยางท่ีครูกําหนด ขน้ั สรปุ 1. สมาชกิ แตละคูกลบั กลุมเดิม แลว ผลัดกนั อธิบายขน้ั ตอนการผสมเทียมปลานลิ ท่ีคตู นเอง วิเคราะหใ หสมาชิกอกี คูห นึ่งฟง แลวรว มกัน

สรปุ ผลการวเิ คราะหเปนมติของกลุม 2. ตวั แทนกลมุ อธบิ ายข้นั ตอนการผสมเทยี ม ปลานิล จากกรณตี ัวอยางท่ีครกู าํ หนด 3. เพือ่ นกลุม อนื่ ชวยกันตรวจสอบความถกู ตอ งและเสนอแนะเพ่ิมเติมในสว นท่ีแตกตาง 4. สมาชกิ แตล ะกลมุ ชวยกนั ทาํ ใบงานท่ี 3.4 เรื่อง การผสมเทยี มสตั ว เสรจ็ แลวนาํ สงครู ตรวจ 5. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตนุ ความคิด เทคโนโลยดี านการผสมเทยี ม มีผลดตี อ การผลติ อาหารเลยี้ งประชากรในโลกอยา งไร (ทาํ ใหส ามารถเพ่ิมผลผลติ ของสตั วไ ดเ ปน จํานวน มาก ทําใหมีอาหารเพียงพอตอจาํ นวนประชากร ท่เี พ่ิมข้นึ อยา งรวดเรว็ )

วช-ร 05 แผนการจดั การเรียนรู ชอ่ื หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 เรื่อง เรยี นรชู ีวิตสัตว แผนการสอนท5่ี เรอ่ื ง วัฏจักรชวี ติ ของสตั ว รายวชิ า วิทยาศาสตร ช้นั ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วิชา ว15101 ครูผสู อน นางอมลสิริ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช 4 ช่ัวโมง ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู ส่อื /แหลง ผลการ ชิน้ งาน ประเมินผล เรียนรู เรยี นรู สตั วบาง ชนดิ เมื่อไดร ับ 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานท่ี ขนั้ นําเขา สบู ทเรยี น 1. ใบความรู ว1.1 ป5/5 การผสมพนั ธุ 3.5 เรื่อง 2. ใบงานท่ี 3.5 อภิปรายวัฏ จะเจริญเปน วัฏจักรชีวิต 3.5 เรื่อง วัฏจักร 1. ครูสุมนักเรยี น 2-3 คน แสดง เรือ่ ง วัฏจกั ร จักรชีวิตของ ตวั ออน และ ของสัตว ชีวิตของสตั ว สตั วบางชนิด ตัวออ นจะ ชวี ติ ของสัตว ความคดิ เห็นวา ทําไมสตั วต อ งมกี าร 3.บตั รภาพ และนาํ เจริญเติบโต 4. แบบ ความรไู ปใช เปน ตวั เต็มวัย 2. สังเกตุประเมนิ ผสมพันธุเพือ่ ใหออกลูกออกหลาน ประเมินฟฤติ ประโยชน จนกระท่งั กรรมการ สามารถ พฤติกรรมการ 2. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั วฏั ทํางานกลุม สืบพนั ธุได 5. แบบประเมนิ หมุนเวียน ทาํ งาน จักรชีวิตของสัตว ใหน กั เรยี นฟง พฤติกรรมการ เปนวัฏจกั ร ทาํ งาน - สัตวบ าง ขนั้ สอน รายบคุ คล ชนดิ เชน ผีเสื้อ ยุง กบ 1. ครนู าํ ภาพวัฏจักรชีวติ ของสัตว เม่ือไขไ ดรบั การผสมพนั ธุ มาใหน กั เรียนดู แลวใหนักเรียน จะเจรญิ เปน ตวั ออน และ ชว ยกนั ตอบวา จากภาพมีวัฏจักรชีวติ ตัวออ น เจริญเตบิ โต ของสัตวกช่ี นดิ อะไรบาง เปนตวั เต็มวยั จนกระทั่ง 2. นักเรียนกลุม เดิม (จากแผนการ สามารถ สืบพันธุได จัดการเรียนรูท ี่ 1) จับคูก นั เปน 2 คู หมนุ เวยี น เปนวฏั จกั ร ใหแตล ะคชู วยกนั เรยี งลําดบั วฏั จักร ชีวติ ของสัตว ในขอท่ี 1 แตล ะชนดิ ลง ในใบงานท่ี 3.5 เรื่อง วฏั จักรชวี ิตของ สัตว 3. สมาชิกแตล ะคูกลบั กลุมเดมิ (4 คน ) แลว ผลดั กันอธบิ ายคาํ ตอบในใบ งานที่ 3.5 ใหสมาชกิ อกี คูหน่งึ ภายใน กลมุ ฟง และชวยกนั ตรวจสอบ ความถกู ตอ ง 4. ครสู มุ นักเรียน 5-6 คู นําเสนอ ใบงานที่ 3.5 หนาช้ันเรียน จากนัน้ ครู และนักเรียนรว มกันเฉลยคําตอบในใบ งาน ข้นั สรุป 1. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตุน ความคิด เชน ถา วฏั จักรชวี ิตของสตั ว ชวงใดชว งหน่งึ ถกู ทําลายลง จะสง ผล

กระทบตอสตั วอ ยางไร (ทําใหวฏั จักร ชวี ติ ของสัตวหยดุ ชะงักลง เชน เรา ทาํ ลายแหลง ท่มี ีนาํ้ ขังทําใหย งุ ลายไมมี ทีว่ างไข และลูกนา้ํ ยุงลายถูกกาํ จดั ไป เปน ตน ) 2. นักเรียนชว ยกันสรปุ ความรู เก่ียวกบั วัฏจักรชวี ิตของสัตว แต ละชนิด

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ชือ่ หนวยการเรยี นรูท่ี 3 เร่อื ง เรียนรูชีวติ สัตว แผนการสอนท่ี 6 เร่อื ง วัฏจักรชีวติ ของสตั วท ่ีออกลูกเปนไข รายวิชา วิทยาศาสตร ชน้ั ประถมศึกษาปที่ 5 รหัสวชิ า ว15101 ครูผสู อน นางอมลสิริ คําฟู ตําแหนง พนักงานราชการ เวลาที่ใช 4 ช่ัวโมง ตัวช้วี ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู สือ่ /แหลง ผลการ ชิน้ งาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรียนรู วฏั จกั รชวี ติ ของสตั วท ี่ 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานท่ี ขั้นนาํ เขาสบู ทเรยี น 1. ใบความรู ว1.1 ป5/5 ออกลกู เปนไข 3.6 เร่ือง 3.6 เรื่อง วฏั จกั ร อภปิ รายวัฏ ทีม่ ี 3 ระยะ วฏั จกั รชีวติ ชวี ติ ของสตั วทมี่ ี 1. ครนู ําไขไ ก มาใหนกั เรยี นดู แลว 2. ใบงานท่ี จักรชีวิตของ แบงไดเปน ของสัตวที่มี 3 ระยะ สัตวบ างชนิด ระยะเปนไข 3 ระยะ 2. สังเกตุ ขออาสาสมคั รนักเรียน 1 คน 3.6 เรื่อง วัฏ และนํา ระยะเปน ตัว พฤติกรรมการ ความรูไปใช ออน และ ทํางานและประ อธบิ ายวฏั จกั รชวี ติ ของไกท ่ีหนา ชัน้ จักรชีวติ ของ ประโยชน ระยะ ตัว มิน เต็มวัย เรยี น สัตวที่มี 3 - สัตวบ าง ชนิด เชน 2. ครูตรวจสอบความถกู ตองและ ระยะ ผีเส้ือ ยุง กบ เม่อื ไขไ ดรับ อธบิ ายเพิ่มเติมใหน ักเรยี นฟงวา ลกู 3. แบบ การผสมพนั ธุ จะเจริญเปน สตั วบ างชนิดเม่ือฟกออกจากไขแ ลว ประเมินการ ตวั ออ น และ ตัวออ น จะกลายเปนตวั ที่มีลกั ษณะคลา ยพอ ทาํ งาน เจรญิ เติบโต เปน ตวั เตม็ วยั แม ซง่ึ ไกจ ดั เปน สัตวท่ีออกลูกเปน ไข ที่ รายบุคคล จนกระท่งั สามารถ มีวัฏจักรชวี ิต 3 ระยะ 4. แบบ สบื พันธไุ ด หมุนเวียน ประเมนิ การ เปน วัฏจกั ร ขนั้ สอน ทํางานกลุม 1. นกั เรียนกลมุ เดิม (จากแผนการ จัดการเรยี นรูท่ี 1) รว มกนั ศึกษา ความรูเรื่อง วัฏจกั รชีวติ ของสัตวท่มี ี 3 ระยะ จากใบความรู 2. สมาชิกแตล ะกลมุ นําความรทู ่ีได จากการศึกษามาอภปิ รายรวมกนั ภายในกลมุ และสรุปประเด็นสําคญั 3. นกั เรยี นแตล ะกลุมชว ยกันทาํ ใบ งานท่ี 3.6 เรอื่ ง วฏั จกั รชีวิตของสัตวท่ี มี 3 ระยะ 4. ครคู ัดเลอื กตัวแทนแตละกลุม นาํ เสนอใบงานท่ี 3.6 หนาชัน้ เรียน แลว ใหเพื่อนกลุม อ่ืนชว ยแสดงความ คิดเห็นเพ่ิมเติมในสว นที่แตกตาง 5. ครยู กตัวอยางสัตวทมี่ ีวฏั จักร ชวี ิต 3 ระยะ ใหน ักเรียนฟง แลวถาม นกั เรียนวา กบมวี ัฏจักรชีวติ ก่ีระยะ

ระยะใดบา ง 6. นกั เรียนแตล ะกลุมรว มกัน แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั วัฏจกั รชวี ิต ของกบ 7. ครูสรปุ ใหน กั เรยี นฟงวา กบ มีวัฏจักรชวี ิต ดงั น้ี - ตวั ออ นระยะที่ 1 เรียกวา ลูกออด - ตวั ออ นระยะที่ 2 ขาคหู ลัง เร่มิ งอก - ตัวออ นระยะที่ 3 ขาหนา เรม่ิ งอก และหางเร่ิมหดสั้นลง ขน้ั สรปุ 1. ครตู รวจสอบผลนักเรียนจาก การทาํ ใบงานที่ 3.6 และจากการสรุป เกี่ยวกบั วัฏจกั รชีวติ ของสตั วท่ีมี 3 ระยะ 2. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตุน ความคิด กบกับไกมีวฏั จกั รชีวิตแตกตาง กนั หรอื ไม อยางไร (พจิ ารณาตาม คําตอบของนักเรยี น โดยใหอยูใน ดุลยพินจิ ของครูผูส อน)

วช-ร 05 แผนการจดั การเรียนรู ช่ือหนวยการเรียนรูท่ี 3 เรื่อง เรียนรชู วี ติ สตั ว แผนการสอนที่ 7 เรื่อง วัฏจักรชีวิตของสตั วท่ีออกลูกเปนไข (2) รายวชิ า วิทยาศาสตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วิชา ว15101 ครผู สู อน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช 3 ช่วั โมง ตวั ชี้วดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง ผลการ ช้นิ งาน ประเมินผล เรยี นรู เรยี นรู วฏั จักรชวี ติ ของสตั วที่ 1. ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานที่ ขน้ั นําเขา สูบ ทเรยี น 1. ใบความรู ว1.1 ป5/5 ออกลกู เปนไข 3.7 เร่อื ง 3.7 เรอ่ื ง วัฏจกั ร อภปิ รายวฏั ทมี่ ี 4 ระยะ วัฏจักรชีวติ ชีวติ ของสตั วท ่ีมี 1. ครแู จกภาพวฏั จกั รชวี ิตของสตั ว 2. ใบงานท่ี จักรชีวติ ของ แบง ไดเ ปน ของสัตวท ม่ี ี 4 ระยะ สัตวบ างชนิด ระยะเปน ไข 4 ระยะ 2. สงั เกตุ 2 ชนิด แลวใหน กั เรียนแตล ะกลมุ 3.7 เรื่อง วฏั และนํา ระยะเปน ตวั พฤติกรรมการ ความรูไปใช ออน ระยะ ทํางานและ ชว ยกันสังเกตและพิจารณาเก่ียวกับวัฏ จกั รชีวติ ของ ประโยชน เปน ดกั แดแ ละ ประเมนิ ระยะตัวเตม็ 3. ประเมนิ การ จักรชวี ติ ของสัตวท้ัง 2 ชนิด สัตวท ่มี ี 4 วัย สัตวบ าง นําเสนองาน ชนดิ เชน ระยะ ผเี สอ้ื ยุง กบ เมอ่ื ไขไ ดรับ ขั้นสอน 3. แบบ การผสมพนั ธุ จะเจริญเปน 1. นักเรียนแตล ะกลมุ นาํ ผลการ ประเมนิ ราย ตวั ออน และ ตัวออ น สังเกตและพจิ ารณาเกีย่ วกบั กลมุ เจรญิ เติบโต เปนตวั เตม็ วัย วฏั จักรชวี ติ ของสตั วใ นภาพ มา 4. แบบ จนกระทั่ง สามารถ วิเคราะหวา สัตวท้งั 2 ชนิด มีการ ประเมนิ สบื พนั ธไุ ด หมนุ เวยี น เปลี่ยนแปลงในแตละชวงระยะแตกตา ง รายบุคคล เปน วฏั จักร กันอยางไร 5. แบบ 2. นักเรยี นแตละกลุมชว ยกนั ประเมนิ เปรยี บเทยี บวา วฏั จักรชวี ิตของสตั วทง้ั นําเสนองาน 2 ชนิด มรี ะยะใดบางที่มกี าร เปลย่ี นแปลงเหมอื นกัน 3. สมาชกิ แตล ะกลุมสง ตัวแทน นําเสนอผลการวเิ คราะหและ เปรียบเทียบความเหมือนและความ แตกตา งของวัฏจักรชีวติ ของสัตวทั้ง 2 ชนดิ ท่หี นาชนั้ เรยี น 4. เพื่อนกลุมอื่นชวยแสดงความ คดิ เห็นเพ่ิมเติมในสว นทแี่ ตกตาง 5. สมาชิกกลมุ เดมิ (จากแผนการ จัดการเรยี นรทู ี่ 1) รวมกนั ศกึ ษาความรู เร่อื ง วัฏจกั รชีวิตของสตั วทีม่ ี 4 ระยะ จากใบความรู 6. สมาชิกแตล ะกลมุ รว มกันแสดง ความคดิ เห็นวา สัตวท ้งั 2 ชนดิ ในภาพ

ข้นั ที่ 1 ชนิดใดจดั เปน สัตวท มี่ วี ัฏจักร ชวี ิตเปน 4 ระยะ ขน้ั สรุป 1. นกั เรียนแตละกลุมชว ยกัน สาํ รวจสัตวใ นทองถิ่นท่ีมวี ฏั จกั รชีวิต เปน 4 ระยะ แลววาดภาพลงในใบงาน ที่ 3.7 เรื่อง วฏั จักรชีวติ ของสตั วท่ีมี 4 ระยะ 2. นกั เรียนตอบคําถามกระตุน ความคดิ

วช-ร 05 แผนการจัดการเรียนรู ชื่อหนวยการเรยี นรูที่ 3 เรื่อง เรียนรชู ีวติ สตั ว แผนการสอนท่ี 8 เรอ่ื ง วัฏจักรชวี ิตของสัตวท ี่ออกลกู เปนตวั รายวชิ า วิทยาศาสตร ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วชิ า ว15101 ครผู สู อน นางอมลสริ ิ คําฟู ตาํ แหนง พนักงานราชการ เวลาที่ใช 3 ชัว่ โมง ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลง ผลการ ช้ินงาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรยี นรู ขัน้ นาํ เขาสบู ทเรียน สตั วที่ 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานท่ี 1. ครนู ําภาพสตั วม าใหนักเรยี นดู 1. ใบความรู ว1.1 ป5/5 ออกลูกเปนตัว 3.8 เร่อื ง 3.8 เรือ่ ง วฏั จกั ร 2. ใบงานท่ี อภิปรายวัฏ จะมวี ฏั จกั ร วฏั จักรชวี ิต ชีวิตของสัตวท ่ี แลวใหน ักเรียนรวมกนั แสดงความ 3.8 เรือ่ ง วฏั จกั รชีวติ ของ ชวี ติ แบงเปน 2 ของสัตวท ี่ ออกลกู เปน ตวั คดิ เห็นวา สัตวในภาพมีวัฏจกั รชีวิตก่ี จักรชวี ิตของ สัตวบางชนิด ระยะ ซึ่งใน ออกลกู เปน 2. สงั เกตุ ระยะ ระยะใดบา ง สัตวท่อี อกลกู และนํา ระยะตวั ออ น ตวั พฤติกรรมและ เปน ตัว ความรูไปใช จะมีลักษณะ ประเมินการ 2. ครูเฉลยคาํ ตอบใหน กั เรยี นฟง 3. บัตรภาพ ประโยชน คลายพอแม ทํางาน วา สัตวในภาพทัง้ หมดเปนสตั วที่ 4. แบบ แตมีขนาดเล็ก ออกลกู เปน ตวั สตั วประเภทนี้มีวัฏ ประเมนิ กวา และใน จกั รชีวติ เปน 2 ระยะ คือ ระยะตัว รายบคุ คล ระหวาง ออ น และระยะตวั เต็มวัย เจรญิ เติบโต เปนตวั เต็มวยั ขัน้ สอน จะไมมกี าร 1. ครใู หน กั เรยี นแตละคนศกึ ษา เปลี่ยนแปลง รูปรา ง ความรูเรอ่ื ง วฏั จักรชีวติ ของสัตวที่ ออกลกู เปน ตัว จากใบความรู 2. นกั เรียนแตล ะคนใชค วามรทู ไ่ี ด จากการศึกษามาเปนพื้นฐานในการทาํ ใบงานท่ี 3.8 เรื่อง วัฏจักรชวี ติ ของ สตั วท่ีออกลูกเปน ตัว 3. นกั เรยี นแตละคนจบั คูกับเพ่ือน ที่นง่ั ขางๆ แลวผลัดกันอธบิ ายความรทู ี่ ไดจ ากการศึกษาและคาํ ตอบในใบงาน ที่ 3.8 ใหเ พื่อนทเ่ี ปน คูฟง และชวยกัน ตรวจสอบความถูกตอง 4. ครแู ละนกั เรียนรวมกันเฉลย คาํ ตอบในใบงานท่ี 3.8 5. ครสู มุ นักเรยี น 2-3 คน เขียน แผนภาพ แสดงวัฏจกั รชวี ิตของสัตวท ี่ ออกลูกเปนตวั ท่ีหนาชั้นเรียน ครู ตรวจสอบความถูกตอ ง

ขัน้ สรุป 1. นักเรยี นและครรู วมกันสรปุ ความรูเ ร่ือง วัฏจักรชีวติ ของสัตว ที่ ออกลกู เปน ตวั 2. นักเรยี นตอบคําถามกระตนุ ความคดิ ดังน้ี ถาแมส ตั วทเ่ี ล้ียงลกู ดวยนมถูกลา จะ สง ผลตอ วฏั จักรชีวติ ของลูกสัตว อยางไร (ลูกสตั วอ าจตายไปดวย เพราะไมมแี มคอยดูแลปกปองและหา อาหารให)

วช-ร 05 แผนการจดั การเรยี นรู ช่อื หนวยการเรียนรทู ่ี 3 เรอื่ ง เรยี นรชู ีวิตสัตว แผนการสอนที่ 9 เรือ่ ง การใชประโยชนจ ากวฏั จักรของสตั ว รายวิชา วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศึกษาปท่ี 5 รหสั วิชา ว15101 ครผู ูสอน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตําแหนง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช 3 ชั่วโมง ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลง ผลการ ชน้ิ งาน ประเมินผล เรยี นรู เรียนรู 1. ตรวจรายงาน ว1.1 ป5/5 มนษุ ยน ํา 1. รายงาน เรื่อง ชีวิตสัตว ข้ันนาํ เขาสบู ทเรียน 1. ใบความรู 2. สังเกตุ อภิปรายวฏั ความรู เรอ่ื ง ชวี ติ พฤติกรรมและ 1. ครูอา นขา วเก่ยี วกบั การหามจับ 2. รายงาน ประเมิน จักรชีวติ ของ เกย่ี วกบั วฏั สตั ว สตั วน ้ําในฤดูวางไขใ ห นกั เรยี นฟง เร่อื ง ชวี ติ สัตว สัตวบางชนิด จกั รชีวิตของ แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความ 3. บตั รภาพ และนํา สัตวมาใช คิดเหน็ วา เพราะเหตุใด จงึ หามจับ 4. แบบ ความรไู ปใช ประโยชนใน สตั วน ้าํ ในฤดวู างไข ประเมิน ประโยชน ดา นการเกษตร ขน้ั สอน พฤติกรรมการ ดา น 1. ครใู หนกั เรยี นชวยกันวเิ คราะห ทาํ งานกลุม อุตสาหกรรม วา การหา มจบั สตั วน้ําในฤดวู างไข เปน และดา นการ การนาํ ความรูเก่ยี วกับวฏั จักรชวี ิตของ ดแู ลรักษา สัตวมาใชป ระโยชนใ นดานใด สง่ิ แวดลอม 2. นักเรียนแตล ะกลุม (กลมุ เดมิ จากแผนการจดั การเรียนรูท่ี 1) ศึกษา ความรเู รอ่ื ง การใชป ระโยชนจ ากวฏั จกั รชวี ิตของสตั ว จากใบความรู 3. นกั เรียนแตละกลุมนําความรูท่ี ไดจ ากการศึกษามาวิเคราะหว า นกั เรยี นสามารถนาํ ความรูเ ก่ียวกับวัฏ จกั รชวี ิตของสตั ว ไปใชประโยชนใน ทอ งถ่ินของตนเองไดอยางไร 4. ตัวแทนกลุมนาํ เสนอผลการ วเิ คราะหท ห่ี นาชั้นเรียน ครู ตรวจสอบความถูกตอ งและเสนอแนะ เพ่มิ เติมในสวนทีบ่ กพรอ ง 5. นักเรียนตอบคําถามกระตนุ ความคดิ เชน การศกึ ษาวัฏจกั รชวี ิตของสตั ว และการขยายพันธสุ ัตวในทองถิน่ มี ประโยชนต อการอนรุ ักษส ตั วหรือไม อธิบายเหตผุ ล (พจิ ารณาตามคําตอบ

ของนักเรียน โดยใหอ ยใู น ดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู อน) ขน้ั สรุป 1. นักเรยี นแตล ะกลมุ รว มกันสรปุ ความรูเกีย่ วกับการนาํ ความรูเร่อื ง วัฏ จกั รชีวติ ของสตั วไ ปใชป ระโยชน

วช-ร 05 แผนการจัดการเรยี นรู ชอื่ หนวยการเรยี นรูที่ 4 เรอ่ื ง ความหลากหลายของพืช แผนการสอนท1ี่ เรอื่ ง พืชดอกในทอ งถิ่น รายวชิ า วิทยาศาสตร ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ 5 รหสั วชิ า ว15101 ครผู สู อน นางอมลสริ ิ คําฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาท่ีใช 3 ชวั่ โมง ตัวชวี้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง ผลการ ช้ินงาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรยี นรู ว1.2 ป5/3 พืชดอก 1. 1. ตรวจ ขน้ั นาํ เขา สบู ทเรียน 1. ใบความรู จาํ แนกพชื จะสรา งดอก แบบทดสอบ แบบทดสอบกอน 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลมุ 2. ใบงานท่ี ออกเปนพืช ขึน้ ทาํ หนา ที่ กอนเรยี น เรียน หนว ยการ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ 4.1 เรื่อง พชื ดอกและ ในการสืบพนั ธุ 2. ใบงานที่ เรียนรูที่ 1 คอื เกง ปานกลางคอนขางเกง ปาน ดอกใน พืชไมมีดอก เพ่อื ใหเกดิ เปน 4.1 เรือ่ ง พืช 2. ตรวจใบงานท่ี กลางคอนขางออน และออ น แลว ทอ งถน่ิ พชื ตน ใหม ซึ่ง ดอกในทอ งถ่ิน 4.1 เรอื่ ง พืชดอก ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดังน้ี 3. บัตรภาพ สวนประกอบ ในทอ งถนิ่ 4. แบบสังเกตุ ของพชื ชนิดนี้ 3. สังเกต 1) นกั เรียนแตล ะกลุมตัง้ ช่ือ พฤติกรรมการ จะมรี าก ลําตน พฤติกรรมการ กลมุ เปนชอ่ื พืชดอก ทาํ งานกลมุ ใบ และดอก ทํางานรายบคุ คล 5. แบบสังเกตุ 4. สังเกตความมี 2) ครแู บง พ้นื ทีบ่ นกระดานให พฤติกรรมการ วนิ ยั ใฝเ รยี นรู เทา กบั จํานวนกลุมของ ทาํ งาน และมุงมั่นในการ นักเรยี น รายบคุ คล ทํางาน 5. สงั เกต 3) นักเรียนแตละกลมุ สงตัวแทน พฤติกรรมการ ออกมาเขยี นช่ือพืชดอก ทํางานรายบุคคล ใหไ ดม ากท่สี ุด 4)ครูกําหนดระยะเวลาในการ ตอบคําถาม 5 นาที เมือ่ ครบ กําหนดใหท ุกกลมุ หยุดเขยี น และ ชวยกันตรวจสอบวา กลุม ใดตอบได มากทส่ี ุดเปนกลมุ ชนะ ข้นั สอน 1.ครใู หน ักเรียนแตล ะกลุมรวมกนั ศึกษาความรูเรือ่ ง พืชดอก จากใบ ความรู 2. สมาชกิ ในกลมุ จับคูกันเปน 2 คู ใหแ ตล ะคชู วยกนั สังเกตสวนประกอบ ของพืชดอกทค่ี รูแจกให แลว บนั ทึก ขอมลู ลงในใบงานท่ี 4.1 เร่อื ง พชื ดอกในทอ งถิน่ 3. สมาชกิ แตละคูกลบั กลุมเดิม (4 คน) แลวใหแ ตล ะคนู าํ คาํ ตอบในใบ

งานที่ 4.1 มาเปรียบเทียบกับสมาชิก อกี คูหนึ่งภายในกลุม และชวยกนั ตรวจสอบความถูกตอ ง 4. ตวั แทนกลุมนาํ เสนอใบงานที่ 4.1 หนา ชั้นเรียน แลว เกบ็ รวบรวมใบ งานสง ครู ข้นั สรปุ 1. นกั เรยี นตอบคาํ ถามกระตุน ความคิด เชน ตน ตะบองเพชร จัดเปน พืชดอกหรือไม เพราะอะไร (จดั เปน พืชดอก เพราะตองอาศยั ดอกในการ สืบพันธ)ุ 2. นกั เรียนแตละกลมุ ชวยกนั สรปุ วา สว นประกอบภายนอกของพชื ดอกมอี ะไรบาง ครูตรวจสอบความ ถกู ตอง

วช-ร 05 แผนการจดั การเรียนรู ชือ่ หนวยการเรยี นรูท ี่ 4 เรอ่ื ง ความหลากหลายของพืช แผนการสอนท่ี 2 เร่ือง พชื ไมม ดี อกในทอ งถ่ิน รายวชิ า วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผสู อน นางอมลสริ ิ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช 3 ชวั่ โมง ตวั ชว้ี ดั / ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลง ผลการ ชนิ้ งาน ประเมนิ ผล เรียนรู เรยี นรู ว1.2 ป5/3 พชื ไมม ี 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานที่ ขนั้ นาํ เขา สบู ทเรยี น 1. ใบความรู จาํ แนกพืช ดอก จะ 4.2 เรื่อง 4.2 เรื่อง พืชไมม ี 1. ครนู ําตนพลูดา ง มาใหนักเรยี นดู 2. ใบงานท่ี ออกเปน พืช สืบพนั ธุโดย พืชไมม ีดอก ดอกในทอ งถ่ิน แลว ใหนักเรียนชว ยกันบอกวา ตน พลูดาง 4.2 เรอ่ื ง พืช ดอกและพชื การสรา ง ในทอ งถนิ่ 2. สังเกต มีสว นประกอบอะไรบา ง และจัดเปน พืช ไมมีดอกใน ไมม ีดอก สปอร ซึง่ พฤติกรรมการ ดอกหรือพชื ไมม ีดอก เพราะอะไร ทองถน่ิ สามารถงอก ทํางานกลุม 2. ครูเฉลยคาํ ตอบพรอมอธิบาย 3. แบบ เปน ตนใหม 3. สงั เกตความมี เพม่ิ เติมใหนกั เรยี นฟง วา พืชไมมี ประเมินการ ได วินยั ใฝเ รียนรู ดอกหรือพชื ไรดอก เปน พืชที่ไมม ีดอกเลย นําเสนองาน และมงุ มัน่ ในการ ตลอดการดํารงชีวติ แมวาจะเจริญเติบโต 4.แบบ ทาํ งาน เตม็ ท่แี ลว ก็ตาม ประเมนิ การ ข้ันสอน ทํางานกลุม 1.นักเรียนกลุมเดมิ (จากแผนการ จดั การเรียนรูที่ 1) เลือกผนู าํ กลุมและ แบง หนา ท่รี บั ผิดชอบใหส มาชกิ ในกลมุ ตามความเหมาะสม แลวรว มกนั ศึกษา ความรูเรือ่ ง พชื ไมมดี อก จากใบความรู 2.ครูใหน กั เรยี นแตล ะกลุมชวยกนั วางแผนในการสํารวจพชื ไมม ีด อกในทองถ่ิน กลมุ ละ 10 ชนิด 3. นักเรียนแตล ะกลมุ ลงมือสํารวจพชื ไมมีดอกในทองถิ่น ตามขัน้ ตอนท่วี างแผน ไวใ นขน้ั ท่ี 2 แลวบนั ทึกขอมลู ลงในใบงาน ท่ี 4.2 เรือ่ ง พชื ไมมดี อกในทองถน่ิ 4. สมาชกิ แตล ะกลมุ นําคาํ ตอบในใบ งานท่ี 4.2 มาอภปิ รายรว มกันภายในกลุม และชวยกนั ตรวจสอบความถูกตอง 5. ตวั แทนกลมุ ออกมานําเสนอใบงาน ท่ี 4.2 หนาชนั้ เรียน เพือ่ ตรวจสอบ คําตอบกบั เพ่อื นกลมุ อ่ืน 6. ครูตรวจสอบความถูกตอง และ เสนอแนะเพิม่ เติมในสว นทีบ่ กพรอ ง

ข้ันสรุป 1. นกั เรยี นตอบคําถามกระตนุ ความคิด 2. แต่ละกลุ่มนําคาํ แนะนําของครู มาปรบั ปรงุ และพฒั นาคําตอบในใบงาน ที 4.2 ของกลุม่ ตนเองใหถ้ กู ตอ้ ง สมบรู ณ์

วช-ร 05 แผนการจัดการเรยี นรู ชอ่ื หนวยการเรียนรูท่ี 4 เร่อื ง ความหลากหลายของพืช แผนการสอนท่ี 3 เรื่อง ความแตกตางของพืชดอกและพืชไมม ีดอก รายวิชา วิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศึกษาปที่ 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผูสอน นางอมลสิริ คําฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาท่ใี ช 3 ช่วั โมง ตวั ชีว้ ดั / ความรู ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง ผลการ ชน้ิ งาน ประเมินผล เรยี นรู เรยี นรู ว1.2 ป5/3 พืชดอกมี 1. ใบงานท่ี 1. ตรวจใบงานท่ี ขนั้ นาํ เขา สบู ทเรียน 1. ใบความรู จาํ แนกพชื โครงสราง 4.3 เร่อื ง 4.3 เรอ่ื ง ความ 1. ครูใหนักเรยี นอธบิ าย 2. ใบงานที่ ออกเปนพืช ภายนอกท่ี ความ แตกตางของพชื สว นประกอบของพชื ดอกและพืชไมมี 4.3 เรื่อง ดอกและพืช สําคญั แตกตางของ ดอกและพชื ไมมี ดอก ความ ไมม ดี อก ประกอบดวย พชื ดอกและ ดอก 2. ครูแจกตนกุหลาบและตนเฟร น แตกตา งของ ราก ลําตน ใบ พืชไมม ีดอก 2. สงั เกต อยา งละ 1 ตน ใหนักเรียน แตล ะกลมุ พชื ดอกและ และดอก สวน พฤติกรรมการ (กลุมเดิมจากแผนการจัดการเรียนรทู ี่ 1) พชื ไมม ีดอก พืชไมมีดอกจะ ทาํ งานกลุม ชวยกนั สงั เกตสว นประกอบภายนอก 3. แบบ มีโครงสราง 3.ประเมนิ การ ของพชื ทงั้ 2 ตน ประเมนิ การ ภายนอก นําเสนอผลงาน ขน้ั สอน นําเสนอ เหมอื นพชื ดอก 4. ประเมินการ 1. สมาชิกแตล ะกลุมนําผลการ ผลงาน แตไมมีดอก ทาํ งานกลมุ สงั เกตในข้นั ท่ี 1 มาวิเคราะหวา ตน 4. แบบ กุหลาบและตนเฟร น มสี วนประกอบ ประเมินการ ภายนอกใดบา ง ที่แตกตา งกัน ทํางานกลมุ 2. ครสู ุมนักเรยี น 5-6 กลมุ นาํ เสนอ ผลการวเิ คราะหเกี่ยวกบั สวนประกอบ ภายนอกที่แตกตางกันของตนกหุ ลาบ และตน เฟร นหนาชั้นเรียน 3. เพ่อื นกลมุ อ่นื ชว ยแสดงความ คิดเห็นเพ่ิมเตมิ ในสว นทีแ่ ตกตาง บกพรอง 4. สมาชิกแตล ะกลมุ ชว ยกัน เปรยี บเทยี บวา ตนกุหลาบและ ตน เฟร น มสี วนประกอบภายนอกใดบางที่ เหมือนกัน 5. ครูคดั เลอื กตัวแทน 5-6 กลุม (ไม ซาํ้ กับขน้ั ท่ี 2) นาํ เสนอผลการ เปรียบเทยี บเก่ยี วกับสว นประกอบ ภายนอกทเ่ี หมือนกนั ของตน กุหลาบ และตนเฟรน หนาชั้นเรียน

6. เพ่ือนกลุมอน่ื ชวยแสดงความ คดิ เห็นเพ่ิมเติมในสว นท่แี ตกตาง 7. สมาชกิ แตล ะกลุม นาํ ผลการ วเิ คราะหและเปรียบเทยี บเกี่ยวกับ สว นประกอบภายนอกท่ีเหมอื นกนั และ แตกตา งกนั ของตน กหุ ลาบและตน เฟรน มาเปนพน้ื ฐานในการสรปุ เก่ยี วกับ สวนประกอบภายนอกของพืชดอกและ พืชไมมีดอก 8. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมใหน ักเรียนฟง วา พชื แตล ะชนิดจะมีสวนประกอบ ภายนอกบางอยา งเหมือนกนั หรือ แตกตางกนั และเพื่อใหง า ยตอ การศึกษาเกี่ยวกับการดํารงชวี ติ ของพืช จงึ มีการจาํ แนกพืชออกเปน พืชดอก และพืชไมมีดอก 9. ครใู หส มาชิกแตล ะกลมุ ชวยกนั ทาํ ใบงานท่ี 4.3 เรอ่ื ง ความแตกตา งของ พืชดอกและพืชไมมีดอก 10. ครูและนกั เรียนรวมกันเฉลย คําตอบในใบงานท่ี 4.3 เสร็จแลวเกบ็ รวบรวมใบงานสงครู ขั้นสรปุ 1. นกั เรียนตอบคาํ ถามกระตุน ความคดิ ดงั นี้ ถาไมใชด อกในการ จําแนกพชื นักเรียนจะใชเกณฑใ ดใน การจาํ แนกพืชไดอีกบาง (เชน ใบเลยี้ ง ของพืชทเ่ี ปนใบเลย้ี งเดี่ยว และใบเล้ียงคู เปนตน)

วช-ร 05 แผนการจัดการเรียนรู ช่อื หนวยการเรียนรูท ี่ 4 เรอ่ื ง ความหลากหลายของพืช แผนการสอนที่ 4 เรอ่ื ง พชื ใบเลี้ยงเดี่ยว รายวชิ า วิทยาศาสตร ชัน้ ประถมศึกษาปที่ 5 รหัสวิชา ว15101 ครูผสู อน นางอมลสริ ิ คําฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช 3 ชั่วโมง ตัวชว้ี ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง ผลการ ช้ินงาน ประเมนิ ผล เรยี นรู เรียนรู ว1.2 ป5/4 พชื ใบ 1. ใบงานที่ 1. ตรวจใบงานท่ี ขัน้ นาํ เขา สบู ทเรยี น 1. ใบความรู ระบลุ กั ษณะ เลยี้ งเดีย่ ว 4.4 เรือ่ ง พชื 4.4 เร่ือง พืชใบ 1. ครนู ําลูกมะพรา วทีม่ ีใบเล้ียงงอก 2. ใบงานที่ ของพชื ดอก เปนพชื ทมี่ ีใบ ใบเลี้ยงเด่ยี ว เล้ียงเด่ียว ออกมาใหนักเรียนดู แลว ขออาสาสมัคร 4.4 เร่อื ง พชื ท่ีเปนพืชใบ เล้ยี งงอก 2. สังเกต นกั เรียน 1-2 คน อธบิ ายวัฏจกั รชวี ิตของ ใบเล้ยี งเดย่ี ว เลีย้ งเด่ียว ออกมาจาก พฤติกรรมการ ตน มะพราวหนาชนั้ เรยี น 3. แบบ และพชื ใบ เมล็ดเพยี งใบ ทาํ งานกลมุ 2. ครูถามนกั เรยี นวา มะพราวมใี บ ประเมนิ การ เลี้ยงคู โดย เดียว มี 3. ประเมินการ เล้ยี งงอกออกมากใ่ี บ นําเสนอ ใชลักษณะ ลกั ษณะใบ นําเสนอผลงาน 3. ครเู ฉลยคาํ ตอบและอธิบาย ผลงาน ภายนอก แคบและตั้ง 4. ประเมินการ เพ่ิมเติมเกี่ยวกับการจําแนก พชื 4. แบบ เปนเกณฑ ตรง เสน ใบ ทํางานกลุม ดอก โดยใชพ ืชใบเลย้ี งเดย่ี วและพืชใบ ประเมินการ เรียงแบบ เลย้ี งคเู ปน เกณฑ ใหนักเรยี นฟง ทาํ งานกลมุ ขนาน ข้ันสอน 1. นกั เรยี นกลุม เดิม (จากแผนการ จัดการเรียนรทู ี่ 1) รว มกันศึกษาความรู เรอื่ ง พชื ใบเล้ยี งเดี่ยว จากใบความรูแ ลว บันทึกความรูที่ไดจากการศกึ ษาลงใน สมุด 2. นักเรยี นแตล ะกลุมชวยกนั สํารวจ วา ในทองถ่นิ ของตนเองมีพชื ชนิดใด จัดเปน พชื ใบเลี้ยงเดย่ี วบา ง แลวบันทกึ ขอ มลู ลงใน ใบงานท่ี 4.4 เร่อื ง พืชใบเล้ยี งเดี่ยว 3. สมาชิกแตละกลมุ นําผลการ สาํ รวจพชื ใบเลี้ยงเดีย่ วในใบงานที่ 4.4 มาอภปิ รายรวมกนั ภายในกลุม 4. ตวั แทนแตละกลุมนําเสนอใบ งานที่ 4.4 หนาชั้นเรยี น แลว ใหเ พ่อื น กลมุ อน่ื แสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ ในสวน ท่แี ตกตา ง 5. นกั เรียนท้ังหองรว มกนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook