Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี 2-2563

แผนการสอน วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี 2-2563

Published by DekZa Craf, 2021-03-12 03:56:38

Description: แผนการสอน วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี 2-2563

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอื่ ง วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื และความรู้ในการแก้ปญั หาหรอื พฒั นางาน รายวชิ าการออกแบบและเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 น้ำหนักเวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 4 ช่ัวโมง 1. สาระการเรยี นรู้ท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้ และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม ตวั ชี้วดั การเรยี นรู้ ม.3/5 ใช้ความรู้ และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ให้ ถกู ตอ้ งกับลกั ษณะของงาน และปลอดภยั เพ่อื แก้ปญั หาหรือพฒั นางาน ผลการเรียนรู้ ข้อที่ 5 ใช้ความรู้ และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ให้ ถูกต้องกับลักษณะของงาน และปลอดภยั เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือพฒั นางาน สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จึงต้องมีการวิเคราะห์ สมบตั ิเพ่ือเลือกใชใ้ ห้ เหมาะสมกับลักษณะของงาน 2) อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือในการสรา้ งชน้ิ งานหรอื พัฒนาวิธกี ารมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และ ปลอดภัย รวมทงั้ ร้จู ักเก็บรกั ษา 3) การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้ เรื่อง กลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED LDR มอเตอร์ เฟือง คาน รอก ล้อ เพลา สาระการเรียนร้ทู ้องถ่ิน -

2. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลย 3. คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบ KPA) 1. เพอ่ื ให้นกั เรียนอธิบายความหมายของวสั ดุและประเภทของวสั ดุได้ (K) 2. เพอื่ ใหน้ กั เรียนพิจารณาสมบัติของวัสดใุ หต้ รงกับวัตถปุ ระสงค์ท่ีต้องการ (K) 3. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งวสั ดทุ ี่ใชส้ ำหรบั การพัฒนาชน้ิ งานได้ (P) 4. เพือ่ ให้นักเรยี นเห็นประโยชนข์ องวสั ดุที่ใช้ในการพฒั นาชน้ิ งาน (A) 5. เพอ่ื ให้นกั เรียนบอกอปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมอื ช่างพืน้ ฐานได้ (K) 6. เพอ่ื ให้นกั เรยี นอธิบายวิธกี ารใชง้ านของอปุ กรณ์และเครอ่ื งมือชา่ งพนื้ ฐานได้ (K) 7. เพื่อให้นักเรยี นใช้อปุ กรณ์และเครอ่ื งมือชา่ งพ้นื ฐานไดเ้ หมาะสมกบั การทำงาน (P) 8. เพอื่ ให้นักเรียนเหน็ ประโยชน์ของการใช้อปุ กรณ์และเครอ่ื งมือชา่ งพน้ื ฐาน (A) 9. เพอื่ ให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของกลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ได้ (K) 10. เพ่ือใหน้ กั เรยี นอธิบายวงจรไฟฟา้ แต่ละรปู แบบได้ (K) 11. เพอื่ ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งอุปกรณต์ า่ ง ๆ ทีอ่ าศยั กลไกสำคัญในการพัฒนาชิน้ งาน (P) 12. เพ่ือใหน้ กั เรยี นเลอื กใชอ้ ปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ สท์ ีท่ ำหนา้ ทีค่ วบคมุ การไหลของกระแสไฟฟ้าได้ (P) 13. เพื่อให้นกั เรียนออกแบบชิน้ งานโดยอาศัยความรู้เก่ยี วกับกลไก ไฟฟา้ และอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้ (P) 14. เพ่ือให้นกั เรยี นเห็นประโยชนข์ องการใชค้ วามรใู้ นการแก้ปญั หาหรอื พฒั นาชิ้นงาน (A)

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ 5.1 ช่ัวโมงหรือคาบที่ 1 วันที่ ...... เดอื น ............................. พ.ศ. 2563 จุดประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรยี นอธิบายความหมายของวัสดุและประเภทของวสั ดุได้ (K) 2. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาสมบัติของวัสดใุ ห้ตรงกบั วัตถุประสงคท์ ต่ี ้องการ (K) 3. เพ่ือใหน้ กั เรียนยกตัวอยา่ งวัสดุทีใ่ ช้สำหรบั การพัฒนาชิ้นงานได้ (P) 4. เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเห็นประโยชนข์ องวัสดุทใ่ี ชใ้ นการพัฒนาชิน้ งาน (A) เรอ่ื ง ความรู้เกยี่ วกับวัสดุสำหรับการพฒั นาชน้ิ งาน ระบุกระบวนการท่ีใช้ในการออกแบบการสอนเปน็ หลักกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ขนั้ นำ ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและความรู้ในการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน 2. ครถู ามคำถามสำคัญประจำหวั ขอ้ กับนกั เรียนวา่ “ความรู้เกย่ี วกับวัสดุมีประโยชน์ ต่อการพัฒนา ช้นิ งานอย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ความรู้ เกี่ยวกับวัสดุจะช่วยให้สามารถเลือกวัสดุที่มรี ะดบั คุณภาพและสมบัติที่เหมาะสมกับชิ้นงานท่ีจะพัฒนาซึ่งเมอื่ เลือกใช้วัสดทุ เี่ หมาะสมจะช่วยลดค่าใช้จา่ ยและระยะเวลา ในการพัฒนาชน้ิ งานใหส้ ้นั ลง) ขัน้ สอน ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม เพื่อสืบค้น ความหมายและประเภทของวัสดจุ ากอนิ เทอร์เน็ต 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอเกี่ยวกับความหมายและประเภท ของวัสดุบรเิ วณหน้าชัน้ เรียน พร้อม อธบิ ายร่วมกบั เพ่อื นในชั้นเรยี น

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 1. นักเรียนศึกษาตัวอย่างวัสดุธรรมชาติและวัสดุสงเคราะห์เพื่อสังเกตสมบัติเด่น และลักษณะงานของวัสดตุ า่ ง ๆ จากหนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม. 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานหรือเปิด โอกาสใหน้ ักเรยี นสบื ค้นขอ้ มลู เพิม่ เตมิ จากอินเทอรเ์ น็ต 2. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า“การเลือกใช้วัสดุให้ เหมาะสมกับงานจะต้องพิจารณาจาก สมบัติของวัสดุนั้นให้ตรงกับงานที่ออกแบบหรือตามวัตถุประสงค์ที่ ต้องการจากวสั ดุต่าง ๆ เช่น การทนตอ่ ความร้อนการนำไฟฟ้า” 3. เปิดโอกาสให้นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุและหลักการเลือกวัสดุจาก หนงั สอื เรียนหรือสบื คน้ เพ่ิมเตมิ จาก อนิ เทอร์เน็ต ขัน้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามขอ้ สงสัย โดยครใู ห้ความรใู้ นสว่ นนน้ั 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มสแกน QR code เรื่อง คุณภาพของวัสดุในการสร้างชิ้นงาน จากหนงั สอื เรียน 3. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนทำใบงาน เรือ่ ง สำรวจวสั ดภุ ายในบ้าน และกิจกรรมฝึก ทักษะกระบวนการคดิ และทบทวนเนือ้ หาอย่างครบถ้วนตามตัวชีว้ ัดจากแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วย การเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ในการ แกป้ ญั หาหรือพัฒนางานเป็นการบา้ นและนำมาสง่ ในชวั่ โมง ถัดไป ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยการสงั เกตการตอบคำถามและการนำเสนอผลงานของนกั เรียน 2. ครูตรวจสอบการทำใบงาน เรือ่ ง สำรวจวสั ดภุ ายในบ้าน 3. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปเกี่ยวกับวสั ดุ ประเภทของวัสดุ สมบัติของวัสดุ และ หลักการเลือกวัสด 6. วิธีการสอนท่ใี ช้ในการจดั การเรยี นรู้ - ใชก้ ารบรรยาย - ใชก้ ารสาธิต - ใชก้ รณีตัวอยา่ ง

7. สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความร้ใู นการแกป้ ญั หาหรอื พัฒนางาน 2) แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื และความรู้ในการแกป้ ญั หาหรือพัฒนางาน แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) ห้องสมดุ 3) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ 8. การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารผ่าน ประเมินผล ประเมนิ ผล แตล่ ะจดุ ประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรียนอธิบายความหมาย ของวัสดุและ แบบฝึกหดั ตรวจ การเรียนรู้ แบบฝกึ หัด ประเภทของวัสดไุ ด้ (K) ท้ายบทเรยี น ทา้ ยบทเรยี น ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาสมบตั ิของ วัสดใุ ห้ตรงกับ แบบฝึกหดั สังเกต พฤตกิ รรม ผู้เรยี นไดร้ ะดบั วตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี ้องการ (K) ทา้ ยบทเรยี น คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ 3. เพื่อให้นักเรียนยกตัวอย่างวัสดุที่ใช้ สำหรับการ แบบฝึกหัด ไปถือวา่ ผา่ น พัฒนาชน้ิ งานได้ (P) ทา้ ยบทเรียน 4. เพื่อให้นักเรยี นเห็นประโยชน์ของ วัสดุที่ใช้ในการ สังเกต พัฒนาชน้ิ งาน (A) พฤตกิ รรม ลงชอื่ ..................................................ผูส้ อน ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ )

5.1 ชว่ั โมงหรือคาบท่ี 2 วันท่ี ...... เดอื น ............................. พ.ศ. 2563 จุดประสงค์ 5. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนบอกอุปกรณแ์ ละเครอื่ งมอื ชา่ งพื้นฐานได้ (K) 6. เพ่ือใหน้ ักเรยี นอธบิ ายวธิ ีการใช้งานของอุปกรณ์และเครอื่ งมือชา่ งพื้นฐานได้ (K) 7. เพือ่ ให้นกั เรยี นใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื ช่างพ้ืนฐานได้เหมาะสมกบั การทำงาน (P) 8. เพื่อใหน้ กั เรียนเหน็ ประโยชน์ของการใชอ้ ุปกรณแ์ ละเครือ่ งมอื ช่างพืน้ ฐาน (A) เรอ่ื ง อปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื ช่างพ้ืนฐานในการแก้ปญั หาและสร้างชนิ้ งาน ระบกุ ระบวนการทใี่ ช้ในการออกแบบการสอนเปน็ หลกั กระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) กจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ ขัน้ นำ ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครูถามคำถามสำคัญประจำหัวขอ้ กับนักเรียนว่า“ความรู้เกี่ยวกับเครือ่ งมือช่างมี ประโยชนใ์ นการแกป้ ัญหาและสรา้ งช้ินงานอย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ความรู้ เกี่ยวกับเครอ่ื งมือช่างทำให้ช่วยให้ตัดสนิ ใจในการเลอื กเครอื่ งมือได้เหมาะสมกับวสั ดุ อปุ กรณ์ทจ่ี ะใชง้ าน ทำให้ เกิดความสะดวก ปลอดภัย และปอ้ งกนั ความ เสยี หายอาจเกิดจากการใช้เครอื่ งมอื ผิดวัตถปุ ระสงค์ได)้ 2. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า “การสร้างชิ้นงานจำเป็นที่ จะต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือช่าง ในการผลิต โดยต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัยรวมท้ัง จะต้องรจู้ กั เกบ็ รักษาอปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมอื ใหใ้ ชง้ านได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพตลอดอายุการใชง้ าน” ขั้นสอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม เพื่อร่วมกันตอบ คำถามวา่ “นกั เรยี นรู้จักอปุ กรณ์และเคร่ืองมอื ช่างพืน้ ฐานชนดิ ใดบ้าง และอปุ กรณ์และเครื่องมอื ชา่ งชนดิ นั้นทำ อะไร” 2. ครสู มุ่ นักเรียน 2-3 คน ออกมาตอบคำถามบริเวณหน้าชั้นเรียน

ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 1. นักเรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง อุปกรณ์และเครื่องมือชา่ งพื้นฐาน จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมือ และความรู้ในการแกป้ ญั หาหรอื พัฒนางาน 2. ครูอธิบายกับนักเรียนเพ่ือให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งข้ึนวา่ “อุปกรณแ์ ละเคร่อื งมอื ช่างพื้นฐานมีหลายกลุ่ม ได้แก เครื่องมือกลุ่มไขควง เครื่องมือกลุ่มสว่าน เครื่องมือกลุ่มคีม และเครื่องมือ พืน้ ฐานอ่ืน ๆ” 3. นักเรียนศึกษาเน้ือหาเกยี่ วกับวิธกี ารเลือกใช้อปุ กรณ์และเครือ่ งมือช่างพ้ืนฐานแต่ ละชนดิ จากหนังสอื เรียน 4. ครูอธิบายเกร็ดเสริมความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เรื่อง ไขควง ลองไฟ 5. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า “การเลือกใช้อุปกรณ์ และเครื่องมือช่างพื้นฐานใหเ้ หมาะสมกับการทำงาน เพือ่ ประสิทธิภาพในการสรา้ งชิ้นงาน” 6. นักเรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง หลักการเลือกใช้และการดูแลรักษาอุปกรณ์และ เคร่ืองมอื ชา่ งพืน้ ฐานจากหนงั สอื เรยี น ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามขอ้ สงสยั และครูใหค้ วามรู้เพ่ิมเตมิ ในส่วนนน้ั 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำกิจกรรม High Oder Thinking ที่สอดคล้องกับ ตวั ชีว้ ดั ตามทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากแบบฝกึ หัดรายวิชาพน้ื ฐานเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ และความรู้ในการแก้ปญั หาหรอื พฒั นางาน 3. ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอคำตอบบรเิ วณหนา้ ช้ันเรยี น ขนั้ สรุป ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถามและการนำเสนอผลงานของนกั เรยี น 2. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องมือช่างพื้นฐานใน การแกป้ ญั หาและการสรา้ งชิ้นงาน 6. วธิ กี ารสอนทีใ่ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ - ใชก้ ารบรรยาย - ใช้การสาธติ - ใช้กรณตี ัวอย่าง

7. ส่ือการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื และความรู้ในการแก้ปญั หาหรอื พัฒนางาน 2) แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วสั ดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือ และความรู้ในการแก้ปญั หาหรอื พฒั นางาน แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) หอ้ งสมุด 3) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ 8. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารผ่าน ประเมนิ ผล ประเมินผล แต่ละจุดประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรียนบอกอุปกรณ์และ เครื่องมือช่าง แบบฝกึ หัด ตรวจ การเรียนรู้ แบบฝึกหัด พื้นฐานได้ (K) ท้ายบทเรยี น ทา้ ยบทเรยี น รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เพื่อให้นักเรียนอธิบายวิธีการใช้งาน ของอุปกรณ์ แบบฝกึ หัด สังเกต พฤติกรรม ผู้เรยี นได้ระดบั และเครือ่ งมือช่างพื้นฐานได้ (K) ท้ายบทเรียน คุณภาพ พอใช้ ข้นึ 3. เพื่อใหน้ ักเรยี นใชอ้ ุปกรณแ์ ละ แบบฝกึ หัด ไปถอื ว่าผ่าน เคร่ืองมอื ชา่ งพ้ืนฐานได้เหมาะสมกบั การ ทำงาน (P) ท้ายบทเรยี น 4. เพื่อให้นักเรียนเห็นประโยชน์ของ การใช้อุปกรณ์ สงั เกต และเครือ่ งมือชา่ งพ้ืนฐาน (A) พฤติกรรม ลงชอื่ ..................................................ผูส้ อน ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ )

5.1 ช่ัวโมงหรอื คาบท่ี 3-4 วนั ที่ ...... เดอื น ............................. พ.ศ. 2563 จุดประสงค์ 9. เพอ่ื ให้นกั เรียนอธิบายความหมายของกลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ สไ์ ด้ (K) 10. เพือ่ ใหน้ กั เรยี นอธิบายวงจรไฟฟ้าแตล่ ะรูปแบบได้ (K) 11. เพอ่ื ให้นกั เรยี นยกตวั อยา่ งอปุ กรณต์ ่าง ๆ ทอ่ี าศยั กลไกสำคัญในการพฒั นาชิน้ งาน (P) 12. เพื่อใหน้ ักเรียนเลือกใช้อุปกรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ที่ทำหนา้ ทีค่ วบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้า ได้ (P) 13. เพื่อให้นักเรียนออกแบบชิ้นงานโดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับกลไก ไฟฟ้า และอุปกรณ์ อเิ ลก็ ทรอนิกสไ์ ด้ (P) 14. เพอ่ื ให้นกั เรียนเห็นประโยชน์ของการใช้ความรใู้ นการแก้ปัญหาหรือพฒั นาชนิ้ งาน (A) เร่อื ง ความรู้ในการแกป้ ัญหาหรือพฒั นาชิน้ งาน ( 2 ชัว่ โมง ) ระบุกระบวนการทใ่ี ชใ้ นการออกแบบการสอนเปน็ หลกั กระบวนการ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ขน้ั นำ 1. ครูถามคำถามสำคัญประจำหัวข้อเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า“การมี ความร้เู ก่ยี วกบั ศาสตรต์ ่าง ๆ ที่ เกยี่ วข้องกับการแกป้ ญั หาหรอื การพฒั นาช้นิ งานมีประโยชน์อย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนกั เรียนขึน้ อยู่กับดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน เช่น การมีความรู้เกี่ยวข้อง กับศาสตร์ต่าง ๆ จะทำให้ นักพัฒนาสามารถออกแบบและพัฒนาชิ้นงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง เหมาะสม ตามกลไก หรือ กระบวนการทำงาน ต่าง ๆ รวมทั้งสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหนา้ ทีอ่ าจเกิดขึ้นขณะ ปฏบิ ตั งิ าน) 2. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า “เทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ี เกิดขน้ึ ต้องใชก้ ลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนสำคญั ในการสร้าง ตัวอย่างเช่น การเคล่ือนที่ของรถต้อง อาศัยกลไกของล้อและเพลาช่วยให้เคลื่อนที่ได้ นอกจากนี้ ยังอาศัยระบบไฟฟา้ ในการขับเคลื่อนให้ทำงานได้ สะดวกและรวดเรว็ ” ขนั้ สอน ขัน้ ท่ี 1 กำหนดปญั หา 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม

2. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า “นักเรียนรู้หรือไม่ว่า ถ้านักเรียน ต้องการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นาชิ้นงานนักเรยี นจำเปน็ ตอ้ งมคี วามร้ใู นเรอ่ื งใดบ้าง” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึน้ อยู่กบั ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขน้ั ท่ี 2 ทำความเข้าใจปญั หา 1. นักเรยี นศึกษาเนอ้ื หาเก่ียวกับกลไกที่สำคัญในการพัฒนาช้ินงานจากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ และความรูใ้ นการแกป้ ญั หาหรือพัฒนางาน ดังน้ี 1) ล้อและเพลา 2) รอก 3) เฟืองตรง 4) คาน 5) สปรงิ ขน้ั ท่ี 3 ดำเนนิ การศึกษาค้นควา้ 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มแสดงความคิดเห็นร่วมกันถึงสิ่งของในชีวิตประจำวันที่ เกีย่ วข้องกับกลไกต่าง ๆ ในการพฒั นาช้ินงาน 2. ครูอธิบายกับนักเรยี นเพื่อใหน้ ักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า “การพฒั นาชิ้นงานอาจ จำเปน็ ต้องใชไ้ ฟฟา้ เน่อื งจากไฟฟ้าเปน็ แหล่งพลังงานท่ีสำคัญท่ีมนษุ ยจ์ ำเปน็ ตอ้ งใชแ้ ละขาดไม่ได้” 3. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันศกึ ษาและสงั เกตรูปแบบของไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าอย่า ง่าย รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าจากหนังสือเรียน หรือสืบค้น ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ จากอินเทอร์เน็ต 4. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า “นักเรียนควรระวัง ตนเองเมือ่ ต้องปฏิบตั งิ านท่เี ก่ยี วขอ้ งกับ ไฟฟ้า ดงั นี้ 1) ก่อนทดลองหรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าจำเป็นต้องสำรวจ อุปกรณ์ตา่ ง ๆไมใ่ หช้ ำรดุ หรอื แตกหกั 2) กอ่ นปฏิบัตงิ านต้องเขียนวงจรไฟฟา้ และให้ผู้สอนตรวจสอบก่อนทดลอง จรงิ 3) ขณะทำงานมอื และเท้าต้องแห้ง หรอื สวมรองเทา้ เสมอ”

เหมาะสม ขน้ั ท่ี 4 สงั เคราะหค์ วามรู้ อิเลก็ ทรอนิกส์ 1. เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครูให้ความรู้เพิ่มเติมตามความ เรยี น 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ 3.3.1 เรื่อง กลไก ไฟฟ้า และอุปกรณ์ 3. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอใบงานบริเวณหน้าช้ัน ช่ัวโมงท่ี 2 ขน้ั สรุป ขน้ั ที่ 4 สงั เคราะหค์ วามรู้ 1. ครูทบทวนการเรียนจากชว่ั โมงทแี่ ล้วพอสงั เขป 2. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม (กล่มุ เดิม)การแก้ปัญหาและการสรา้ งช้นิ งาน 3. นักเรียนทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหา โดยให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติ เพื่อพัฒนา ความร้แู ละทกั ษะ (Design Activity) และบันทกึ ลงในสมุดประจำตัว ขั้นที่ 5 สรปุ และประเมนิ ค่าของคำตอบ 1. นกั เรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูล 2. ครูทบทวนคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า “นักเรียนรู้หรือไม่ว่า ถ้า นักเรยี นตอ้ งการแกป้ ญั หาหรือพฒั นาช้นิ งาน นกั เรยี นจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องใดบ้าง” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ความรู้ เก่ยี วกับวสั ดแุ ละประเภทของวัสดุ อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือชา่ งพ้นื ฐาน กลไก ไฟฟา้ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์) ข้ันที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงาน 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอข้อมูลบริเวณหน้าชั้นเรียน โดย ครผู สู้ อนประเมินผลงานการนำเสนอของนักเรยี นแต่ละกลุ่ม ขน้ั สรปุ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการณ์ตอบคำถาม และการนำเสนอผลงานของ นักเรียน 2. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับวัสดุสำหรับการพัฒนาชิน้ งาน สมบัติ ของวสั ดุ หลกั การเลือกวัสดหลกั การเลือกใช้และการดูแลรกั ษาอปุ กรณ์และเครื่องมอื ช่างพนื้ ฐานรวมถึงความรู้ เกี่ยวกับกลไก ไฟฟ้า และอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ 3. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหัด (Unit Activity) จากหนังสือเรียน เพื่อทบทวน ความรู้ความเขา้ ใจ และพัฒนา ทกั ษะการคดิ ของผเู้ รียน โดยการตอบคำถามลงในสมุดประจำตวั

4. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเองจากหนงั สือเรียน โดยพิจารณา ขอ้ ความวา่ ถกู หรอื ผิด หากนักเรยี นพิจารณาไม่ถกู ตอ้ งให้นกั เรยี นกลบั ไปทบทวนเนอื้ หาตามหัวข้อทีก่ ำหนดให้ 5. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำกิจกรรม High Oder Thinking ที่สอดคล้องกับ ตัวชีว้ ัดตามทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากแบบฝกึ หัดรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานและทำ ชิน้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) เร่อื ง การนำความรู้มาใช้ในการ แกป้ ญั หาหรอื พัฒนางานเป็นการบ้านและนำมา สง่ ในชั่วโมงถัดไป 6. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมอื และความร้ใู นการแกป้ ญั หา หรือพฒั นางาน หรือทำแบบทดสอบ (Unit Test) จากแบบฝึกหดั 6. วธิ ีการสอนท่ีใช้ในการจัดการเรยี นรู้ - ใช้การบรรยาย - ใช้การสาธติ - ใชก้ รณตี วั อย่าง 7. สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง วสั ดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมอื และความร้ใู นการแก้ปญั หาหรอื พัฒนางาน 2) แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรือ่ ง วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ และความรู้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

8. การวดั และประเมินผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การผ่าน ประเมินผล ประเมนิ ผล แต่ละจุดประสงค์ 9. เพื่อให้นักเรียนอธิบายความหมาย ของกลไก ตรวจ การเรยี นรู้ แบบฝึกหดั ไฟฟ้า และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ได (K) ท้ายบทเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 10. เพือ่ ใหน้ กั เรียนอธิบายวงจรไฟฟ้า แต่ละรูปแบบ สงั เกต พฤติกรรม ผเู้ รยี นไดร้ ะดบั ได้ (K) คุณภาพ พอใช้ ขึน้ 11. เพื่อให้นักเรียนยกตัวอย่างอุปกรณ์ ต่าง ๆ ที่ แบบฝกึ หดั ไปถือวา่ ผา่ น อาศยั กลไกสำคัญในการพฒั นา ชนิ้ งาน (P) ท้ายบทเรียน 12. เพือ่ ให้นักเรียนเลือกใช้อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ท่ี ทำหน้าทคี่ วบคมุ การ ไหลของกระแสไฟฟา้ ได้ (P) 13. เพื่อให้นักเรียนออกแบบชิ้นงาน โดยอาศัย ความรู้เกี่ยวกับกลไก ไฟฟ้า และอุปกรณ์ อเิ ลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้ (P) 14. เพื่อให้นักเรียนเห็นประโยชน์ของ การใช้ความรู้ สงั เกต ในการแก้ปัญหาหรือ พัฒนาชนิ้ งาน (A) พฤติกรรม ลงชอ่ื ..................................................ผู้สอน ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ )

บันทึกหลงั การสอน ( หน่วยท่ี 3 วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื และความรู้ในการแก้ปญั หาหรือพฒั นางาน 1. ผลการสอน การประเมนิ ด้านความรู้ : Knowledge 1. เพ่ือให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของวสั ดุและประเภทของวัสดไุ ด้ (K) 2. เพื่อใหน้ กั เรยี นพิจารณาสมบัติของวัสดใุ ห้ตรงกับวัตถุประสงคท์ ี่ต้องการ (K) 3. เพอ่ื ให้นักเรียนบอกอปุ กรณแ์ ละเครื่องมอื ชา่ งพนื้ ฐานได้ (K) 4. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายวธิ กี ารใช้งานของอุปกรณ์และเครื่องมือชา่ งพน้ื ฐานได้ (K) 5. เพื่อให้นกั เรียนอธิบายความหมายของกลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกสไ์ ด้ (K) 6. เพ่ือใหน้ ักเรียนอธิบายวงจรไฟฟ้าแตล่ ะรูปแบบได้ (K) การประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการ : Process 1. เพ่ือใหน้ กั เรียนยกตัวอย่างวัสดทุ ี่ใชส้ ำหรบั การพัฒนาช้นิ งานได้ (P) 2. เพอ่ื ให้นกั เรียนใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือช่างพื้นฐานไดเ้ หมาะสมกบั การทำงาน (P) 3. เพ่ือใหน้ ักเรียนยกตวั อย่างอปุ กรณต์ ่าง ๆ ที่อาศัยกลไกสำคญั ในการพฒั นาชิน้ งาน (P) 4. เพอ่ื ให้นักเรยี นเลือกใชอ้ ุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกส์ท่ีทำหนา้ ทคี่ วบคุมการไหลของกระแสไฟฟา้ ได้ (P) 5. เพื่อให้นักเรียนออกแบบชิ้นงานโดยอาศัยความรเู้ กีย่ วกับกลไก ไฟฟา้ และอปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ ได้ (P) การประเมินดา้ นคณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1. เพอ่ื ให้นักเรยี นเห็นประโยชน์ของวสั ดุที่ใชใ้ นการพฒั นาชิน้ งาน (A) 2. เพื่อใหน้ ักเรียนเห็นประโยชนข์ องการใช้อุปกรณ์และเครือ่ งมือชา่ งพน้ื ฐาน (A) 3. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเห็นประโยชน์ของการใชค้ วามรู้ในการแกป้ ญั หาหรือพฒั นาชิน้ งาน (A) 2. ปัญหาอุปสรรค ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… 3. แนวทางแก้ไข จดั กิจกรรมเสรมิ ทักษะหรอื ซ่อมเสริม ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …..........………….......................…….. ผ้จู ัดกิจกรรมการเรียนรู้ ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ ) ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ………..… / …………… /…………….

บนั ทกึ การนิเทศ รายละเอยี ดความเหน็ ของผู้นิเทศ ลายมอื ชอ่ื ท่ี รายการผ้นู ิเทศ ………………………………………………........................... 1 หัวหนา้ กลมุ่ สาระการ ………………………………………………........................... เรียนรู้/ผูท้ ่ไี ด้รับ ………………………………………………........................... มอบหมาย ………………………………………………........................... (นางสาวปาริชาติ สิงคำโล) ..………………………………………………......................... หัวหนา้ กลุ่มวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (เทคโนโลย)ี ………………………………………………........................... 2 รองผู้อำนวยการ ………………………………………………........................... (นายวิเศษ ฟองตา) กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ………………………………………………........................... รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ………………………………………………........................... ..………………………………………………......................... กลุ่มบรหิ ารวิชาการ ………………………………………………........................... (นายอดศิ ร แดงเรอื น) ………………………………………………........................... ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น 3 ผู้อำนวยการโรงเรียน ………………………………………………........................... ………………………………………………........................... ..……………………………………………….........................

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง การแกป้ ญั หาชุมชนหรือทอ้ งถน่ิ ด้วย กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม

แบบตรวจสอบและประเมินแผนจดั การเรียนรู้ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อำเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชียงใหม่ รายวชิ าการออกแบบและเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (เทคโนโลยี) จำนวน 0.5 นก./นน. เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาทีใ่ ช้ในการจดั การเรียนรใู้ นหนว่ ยน้ี 7 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 เรอ่ื ง การแกป้ ัญหาชมุ ชนหรอื ทอ้ งถน่ิ ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ************************** ตอนท่ี 1 แบบตรวจสอบการจัดแผนการจัดการเรียนรู้ คำอธิบาย ใหค้ รผู ู้สอนพจิ ารณาตรวจสอบแผนการจดั การเรยี นรูต้ ามรายการตรวจสอบแล้วเขยี น เคร่ืองหมาย ✓ ลงในชอ่ งผลการตรวจสอบตามสภาพจริง ผลการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ ท่ี รายการตรวจสอบ ครูผสู้ อน หวั หนา้ กล่มุ สาระ หมายเหตุ มี ไม่มี มี ไมม่ ี 1 มกี ารระบหุ นว่ ยการเรียนรู้และช่ือหน่วยการ / / เรียนรู้ 2 มกี ารระบชุ ื่อรายวชิ า รหัสวชิ า ระดับช้นั ที่สอน / / 3 มีการระบเุ วลาที่ใช้แผนการจัดการเรยี นรู้(ภาค / / เรยี นที/่ ปีการศกึ ษา/นำ้ หนกั เวลาเรยี น/เวลา เรยี นแต่ละสปั ดาห์/เวลาท่ีใช้จัดกิจกรรมตาม หนว่ ยการเรยี นรู้ 4 มีการระบสุ าระของหนว่ ยการเรียนรู้ / / 5 มกี ารระบุเป้าหมายการเรียนรู้ ดังน้ี / / 5.1 มกี าระบุตวั ชี้วัด (วิชาพื้นฐาน) 5.2 มกี ารระบุผลการเรยี นรู้ (วชิ าเพ่ิมเตมิ ) 6 มีการระบุการเรยี นรูด้ ังน้ี // 6.1 เน้อื หาสาระหลกั (ผู้เรยี น.ตอ้ งรอู้ ะไร) 6.2 ทกั ษะกระบวนการ (ผู้เรียน.ตอ้ งทำอะไร) 7 มีการระบุคณุ ลักษณะดังน้ี // 7.1 คณุ ลักษณะของรายวิชา 7.2 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 8 มีการระบุจดุ เน้นของโรงเรยี น ดงั น้ี / / 8.1 หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (ทุกหนว่ ย การเรียนรูต้ ้องระบ)ุ 8.2 กิจกรรมสวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรียน

9 มีการระบภุ าระงานหรอื ชน้ิ งาน ดังนี้ / / 9.1 ตามตวั ชี้วดั หรือผลการเรียนรู้ / / 9.2 รวบยอด / / 10 มกี าระบุกิจกรรมการเรยี นรู้ดงั น้ี / / 10.1 ข้ันตงั้ คำถาม 10.2 ขัน้ การเตรียมการคน้ หาคำตอบ / / 10.3 ข้นั ดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบ / / คำตอบ 10.4 การสรุปและนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ 10.5 มกี ารระบุเวลาดำเนนิ การตามข้อ 10.1 ถงึ 10.4 ทเ่ี หมาะสมกบั กิจกรรม 11 มกี ารระบสุ ือ่ อุปกรณห์ รือแหลง่ เรียนรู้ 12 มกี ารระบกุ ารวัดและประเมินผล ดงั น้ี 12.1 เปา้ หมายการเรยี นรู้ท่ตี อ้ งวดั และระเมินผล 12.2 ภาระงานหรือช้นิ งานทต่ี อ้ งวัดและประเมนิ 12.3 วธิ กี ารวดั ทีส่ อดคลอ้ งตาม 12.1 และ12.2 12.4 เครอ่ื งมือวดั ผลสอดคลอ้ งตาม 12.1ถึง12.3 13 มเี อกสารใบความรแู้ ละใบงาน(ถ้าไม่มใี หร้ ะบุ เหตุผล) 14 มเี อกสารประกอบตามข้อ12 (ต้องมีทุกประเด็น) ลงชื่อ..................................................................... ลงชือ่ ..................................................................... ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ ) ( นางสาวปาริชาติ สิงคำโล ) ตำแหน่ง ครผู ูช้ ว่ ย ตำแหนง่ ครู คศ.1 ผ้รู บั การนเิ ทศ หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ ลงช่ือ..................................................................... ลงชื่อ..................................................................... ( นายวเิ ศษ ฟองตา ) ( นายอดศิ ร แดงเรือน ) รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี น กลุม่ บริหารวชิ าการ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่ือง การแกป้ ญั หาชุมชนหรือท้องถิน่ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม รายวชิ าการออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 น้ำหนักเวลาเรยี น 0.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาท่ีใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 7 ชั่วโมง 1. สาระการเรยี นร้ทู ี่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้ และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม ตวั ช้วี ัดการเรียนรู้ ม.3/1 วิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี และความสัมพันธ์ของ เทคโนโลยีกับศาสตร์อืน่ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางการแก้ปญั หาหรือพฒั นา งาน ม.3/2 ระบปุ ัญหาหรอื ความต้องการของชุมชนหรือท้องถิน่ เพือ่ พฒั นางานอาชพี สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูลและแนวคิดทเี่ กี่ยวขอ้ งกับปญั หาโดยคำนงึ ถงึ ความถูกต้องดา้ นทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา ม.3/3 ออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา โดยวเิ คราะห์ เปรียบเทียบ และตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มูลทีจ่ ำเป็นภายใต้ เงอ่ื นไขและ ทรพั ยากรทม่ี อี ยู่ นำเสนอแนวทางการแกป้ ญั หาให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจด้วยเทคนิคหรอื วิธกี ารที่หลากหลาย วางแผน ขน้ั ตอนการทำงานและดำเนนิ การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน ม.3/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล วเิ คราะห์ และให้เหตุผลของปญั หาหรือข้อบกพร่องที่เกดิ ขึน้ ภายใต้กรอบ เง่อื นไข พร้อมท้งั หาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข และนำเสนอผลการแกป้ ัญหา ผลการเรยี นรู้ ข้อที่ 1 วเิ คราะห์สาเหตุ หรือปจั จยั ที่ส่งผลตอ่ การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และความสัมพันธ์ของ เทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางการแก้ปญั หาหรือพฒั นา งาน ข้อที่ 2 ระบุปัญหาหรือความต้องการของชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อพัฒนางานอาชีพสรุปกรอบของ ปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมลู และแนวคิดท่ีเกีย่ วข้องกบั ปัญหาโดยคำนึงถึงความถูกต้องด้านทรัพย์สินทาง ปัญญา

ขอ้ ที่ 3 ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสนิ ใจเลือกข้อมลู ทจี่ ำเป็นภายใต้ เงอ่ื นไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อนื่ เข้าใจด้วยเทคนคิ หรอื วิธีการท่ีหลากหลาย วางแผน ข้ันตอนการทำงานและดำเนินการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอน ข้อที่ 4 ทดสอบ ประเมนิ ผล วเิ คราะห์ และให้เหตผุ ลของปญั หาหรือข้อบกพร่องที่เกิดขน้ึ ภายใต้กรอบ เงื่อนไข พรอ้ มทั้งหาแนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผลการแก้ปญั หา สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) เทคโนโลยีมีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซ่งึ มสี าเหตหุ รอื ปจั จยั มาจากหลาย ด้าน เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน เศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม ส่ิงแวดลอ้ ม 2) เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้น ฐานความรู้ที่นำไปสู่การ พัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีที่ได้สามารถเป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษาค้นควา้ เพื่อให้ไดม้ าซง่ึ องคค์ วามรใู้ หม่ 3) ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้ในงานอาชีพของชุมชนหรือท้องถิ่น ซึ่งอาจมีหลายด้าน เช่น ด้านการเกษตร อาหาร พลงั งาน การขนสง่ 4) การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาช่วยให้เข้าใจเงื่อนไขและกรอบของปัญหาได้ชัดเจน จากน้ัน ดำเนินการสืบค้นรวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การออกแบบแนวทางการ แกป้ ัญหา 5) การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็น โดยคำนึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา เงื่อนไขและทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วสั ดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ ชว่ ยใหไ้ ด้แนว ทางการแก้ปญั หาที่เหมาะสม 6) การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้หลากหลายวธิ ี เช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพการ เขียนผังงาน 7) เทคนิคหรือวิธีการในการนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหามีหลากหลาย เช่น การใช้แผนภูมิ ตาราง ภาพเคลื่อนไหว 8) การกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้การทำงาน สำเร็จไดต้ ามเป้าหมาย และลดขอ้ ผิดพลาดของการทำงานทอี่ าจเกิดขึน้ 9) การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบชิ้นงานหรือวิธีการว่า สามารถแก้ปัญหาได้ตาม วัตถุประสงค์ภายใต้ กรอบของปญั หา เพื่อหาข้อบกพร่อง และดำเนินการปรับปรุง โดยอาจทดสอบซ้ำเพื่อให้ สามารถแกไ้ ขปัญหาได้ 10) การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิด เพื่อให้ผู้อ่ืนเข้าใจเกี่ยวกบั กระบวนการทำงาน และ ชิ้นงานหรือ วิธีการที่ได้ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัด นทิ รรศการ การนำเสนอผ่าน ส่ือออนไลน์

สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ - 2. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลย 3. คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบ KPA) 1 เพื่อใหน้ กั เรียนอธบิ ายความหมายของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมได้ (K) 2 เพอ่ื ให้นักเรียนบอกขน้ั ตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (K) 3 เพอื่ ใหน้ ักเรียนออกแบบโครงงานตามข้นั ตอนกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมได้ (P) 4 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเหน็ ความสำคญั ของการนำกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมมาใช้แก้ปญั หาใน ชวี ติ ประจำวัน (A) 5 เพอื่ ใหน้ ักเรียนอธบิ ายความหมายของการพัฒนาชมุ ชนอย่างยั่งยืนได้ (K) 6 เพื่อใหน้ ักเรยี นบอกขนั้ ตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (K) 7 เพ่ือนกั เรียนออกแบบโครงงานตามข้นั ตอนกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมทช่ี ว่ ยแก้ปญั หาอยา่ ง ยงั่ ยืนได้ (P) 8 เพื่อใหน้ ักเรยี นเลง็ เห็นความสำคัญของการนำกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมมาใช้แกป้ ญั หา อยา่ งย่งั ยืนในชีวิตประจำวนั (A)

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ 5.1 ชัว่ โมงหรอื คาบท่ี 1-4 วนั ท่ี ...... เดือน ............................. พ.ศ. 2563 จุดประสงค์ 1 เพ่อื ใหน้ กั เรยี นอธิบายความหมายของวัสดแุ ละประเภทของวัสดไุ ด้ (K) 2 เพื่อให้นักเรยี นพจิ ารณาสมบัติของวัสดใุ ห้ตรงกับวตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ ้องการ (K) 3 เพอื่ ใหน้ กั เรยี นยกตัวอยา่ งวัสดทุ ี่ใช้สำหรับการพัฒนาช้นิ งานได้ (P) 4 เพ่อื ใหน้ กั เรียนเหน็ ประโยชนข์ องวัสดุท่ใี ชใ้ นการพฒั นาช้ินงาน (A) เรอ่ื ง ความรูเ้ กี่ยวกบั วัสดุสำหรับการพัฒนาชิ้นงาน ( 4 ชัว่ โมง ) ระบุกระบวนการทใ่ี ชใ้ นการออกแบบการสอนเปน็ หลกั กระบวนการ แบบใช้โครงงานเป็น ฐาน (Project-Based Learning) กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ขนั้ นำ ขัน้ ท่ี 1 ให้ความร้พู น้ื ฐาน 1. นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 เร่ือง การแกป้ ญั หาชุมชน หรอื ทอ้ งถน่ิ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 2. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า“ในชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่มี ปญั หาอะไรเกดิ ขน้ึ บ้าง และปัญหา เหล่านนั้ สามารถแก้ไขไดห้ รือไม่ อยา่ งไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ปัญหาด้าน การเกษตร ดา้ นอาหาร ดา้ นพลงั งาน ด้านการขนส่ง) 3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งข้ึนวา่ “ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดข้ึน ภายในชุมชนสามารถแก้ไขได้โดยใช้ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่อาศัยความรู้ด้านต่าง ๆ เข้ามา จัดการ เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มี ประสทิ ธิภาพและเหมาะสมท่สี ุดแก่ชมุ ชนหรอื ทอ้ งถ่นิ ” ข้นั ที่ 2 กระตุ้นความสนใจ 1. ครูถามคำถามสำคญั ประจำหวั ขอ้ เพอื่ กระตุ้นความสนใจของนักเรยี นวา่ “นักเรียน คิดว่ากระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม จะช่วยแกป้ ัญหาในชุมชนหรอื ทอ้ งถิ่นของนกั เรยี นได้อย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนข้ึนอยูก่ ับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรมมีส่วนช่วย ในการตัดสินใจสำหรับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง ทำให้การ แก้ปัญหามีระบบ โดยอาศัยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ รวมถึงความคิด สร้างสรรค์ ดังนั้น การแกป้ ัญหาจึงมีประสทิ ธภิ าพ และสร้างผลลัพธท์ ่ีดที ี่สดุ แก่ชุมชนหรอื ท้องถ่นิ )

5. ครูสุ่มนักเรียน 6 คน ออกมายืนเรียงกันบริเวณหน้าชั้นเรยี นโดยครูเปิดแผ่นปา้ ย เร่ือง กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมใหน้ ักเรียนดู และให้นกั เรยี นคนแรกพูดขอ้ ความที่ปรากฏอยู่ในแผ่น ป้าย จากน้ันครเู ปดิ แผ่นป้ายที่ 2 ใหน้ กั เรยี นคน ถดั ไปดู โดยนกั เรียนจะตอ้ งพูดขอ้ ความของเพ่ือนคนก่อนหน้า และข้อความท่ีปรากฏอย่ใู นแผ่นป้าย โดยดำเนินการ ตอ่ ไปเร่ือย ๆ จนถึงนักเรยี นคนสุดท้ายตามลำดับ ข้นั สอน ขัน้ ที่ 3 จดั กลมุ่ ร่วมมอื 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม เพื่อศึกษา กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมกับการแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่นจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.3 หนว่ ยการ เรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง การแก้ปญั หาชุมชนหรือทอ้ งถิ่นด้วย กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มระดมความคดิ เหน็ รว่ มกนั เพื่อระบุปญั หาทีม่ ีภายในชุมชนหรือ ท้องถิ่นที่นักเรียนสนใจกลุ่มละ 3 ปัญหา จากนั้นตอบคำถามลงในใบงาน เรื่อง การระบุ ปัญหา โดยทำตาม ขั้นตอน ดังนี้ สรุปรายการปัญหาที่เกิดขึ้นใน ชุมชนหรือท้องถิ่น จัดลำดับความสำคัญของแต่ละปัญหา เลือก ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และระบุปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งนักเรียนอาจจะศึกษาขั้นตอนต่าง ๆ เพิ่มเติมอย่าง ละเอยี ดในหนังสือเรียน 3. ครูอธิบายกับนักเรียนวา่ “การสำรวจปัญหาทีพ่ บในชุมชนหรอื ท้องถ่ิน สามารถทำ ได้โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การ สำรวจปัญหาจากเอกสาร ตำรา วิจัย ฐานข้อมูล การสังเกต การสัมภาษณ์ หรอื แบบสอบถาม” 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอปัญหาที่นักเรียนสนใจทั้ง 3 ปัญหา และการ จัดลำดับความสำคญั ของกลมุ่ ตนเอง บริเวณหนา้ ชนั้ เรยี น 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเกณฑ์การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาทั้ง 4 เกณฑ์ และสแกน QR code เรือ่ ง ตัวอยา่ งการคำนวณลำดับความสำคัญของแต่ละปัญหา จากหนงั สือเรียน 6. จากนั้นใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มระดมความคดิ เห็นร่วมกันเพื่อคัดเลือกปัญหา กลุ่ม ละ 1 ปญั หาพรอ้ มระบุปญั หาที่ ตอ้ งการแกไ้ ขอย่างแทจ้ ริงเป็นขอ้ ความสั้น ๆ กะทัดรัดให้มองเหน็ เป็นแนวทาง ของการแก้ปญั หาลงในใบงาน เร่อื ง การ ระบุปญั หา ขัน้ ที่ 4 แสวงหาความรู้ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนการรวบรวม ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหาซึ่งอาจจะเป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี หรือ ศาสตร์อนื่ ๆ โดยสืบค้นขอ้ มลู จากทางอินเทอร์เน็ต และตอบคำถามลงในใบงานที่ เร่อื ง การรวบรวมข้อมูลและ แนวคดิ ที่เกย่ี วขอ้ ง

2. ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า“ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่ เกี่ยวข้องกับปัญหาเป็นขั้นตอนที่ ละเอียดอ่อน และสิ่งที่ยากที่สุด คือ การประเมินความน่าเชื่อถือของ แหล่งข้อมูล” 3. ครูอธิบายเกร็ดความรู้ที่เกีย่ วข้องกับเน้ือหา (Design Focus) เรื่อง การรวบรวม ขอ้ มูล 4. เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตตัวอย่างขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ี เกย่ี วข้องกับปัญหาจากหนังสือเรยี น 5. ครูอธิบายเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เรื่อง แนะนำ เว็บไซตด์ า้ นการเกษตรเพิม่ เติม 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหาตามที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลบริเวณหน้าชั้นเรียน และเปิดโอกาสให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกนั ได้อย่างอสิ ระ 7. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนการออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาซึ่งเป็นขั้นตอนท่ีช่วยให้ได้แนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสมแล้วออกแบบแนวทางการ แก้ปัญหาโดยอาจรา่ งภาพ (Sketch) เขียนเปน็ แผนภาพ (Diagrams) เขียนผงั งาน (Flowchart) หรอื การสร้าง แบบจำลอง (Model) 8. ครูนำบัตรภาพ เรื่อง การร่างภาพ ให้นักเรียนดู และถามคำถามท้าทายความคดิ กับนักเรียนว่า“ภาพที่นักเรียน เห็นนั้นคือภาพอะไร” และเฉลยคำตอบที่ถูกต้องแก่นักเรยี นพร้อมอธบิ ายกบั นักเรียนว่า“การร่างภาพเป็นการเขียนภาพโดยใช้ มือเปล่าที่เกิดจากความคดิ หรอื จินตนาการของผูอ้ อกแบบ และนำไปเขยี นแบบทม่ี รี ายละเอยี ดต่าง ๆ ให้สมบูรณต์ อ่ ไป” 9. เปิดโอกาสให้นักเรยี นได้สังเกตแผนภาพทั้ง 4 ชนิด จากหนงั สือเรียน เพือ่ ให้เขา้ ใจ มากยิง่ ข้ึนไดแ้ ก่ แผนภาพ ลายเส้น แผนภาพแบบบล็อก แผนภาพแบบรปู ภาพ และแผนภาพแบบผสม 10. ครถู ามคำถามทบทวนความคิดของนักเรียนว่า“นกั เรียนเคยเขยี นผงั งานหรือไม่ และเขียนแสดงขั้นตอนการทำงานเรื่องใด” และเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกันในชั้นเรียน จากนนั้ ครอู ธิบายกับนกั เรยี นว่า“การออกแบบ วธิ ีการแกป้ ัญหาสามารถใชว้ ธิ ีการเขียนผงั งานซึ่งสามารถเขียน ได้ 2 แบบ คอื ผังงานระบบ (System Flowchart) และผงั งาน โปรแกรม (Program Flowchart)” 11. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า“การออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถบรรยาย คุณลกั ษณะเพ่อื ให้ งา่ ยต่อการทำความ เขา้ ใจ อธบิ ายรายละเอยี ดทกุ แง่ทุกมุมอย่างชัดเจน ควรใช้แบบจำลอง ( Model) ในการออกแบบเพื่อให้เหน็ แต่ละมมุ มองและ ช่วยใหก้ ารสอ่ื สารระหว่างบุคคลมีความถกู ต้องตรงกัน มากขึ้น เพราะแบบจำลองจะแสดงให้เห็นถงึ กระบวนการทำงานว่าทำ หนา้ ทีอ่ ะไรและอย่างไร เช่น การสาธิต การแปรงฟันทีถ่ กู วิธี ควรเลอื กใช้แบบจำลองฟันในการสาธติ เพ่อื ใหเ้ หน็ ถึงลักษณะต่าง ๆ ของฟันทำให้ง่ายต่อ การสาธิตการแปรงฟนั ทถ่ี กู วิธ”ี 12. เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ สงั เกตตวั อยา่ งขัน้ ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หาจาก หนังสือเรียนเพื่อศึกษาการพิจารณาทางเลือกในการแก้ปัญหาและประเมินผลทางเลือกโดยพิจารณาถึง

ผลกระทบทางบวกและผลกระทบทางลบ รวมถึง การคัดเลือกทางเลือกเข้ามาใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดข้ึน จากน้นั ใหต้ อบคำถามลงในใบงาน เรื่อง การออกแบบวิธกี าร แก้ปญั หา 13. ครูอธบิ ายเกรด็ ความรู้ทเี่ กีย่ วข้องกบั เนอ้ื หา (Design Focus) เรอื่ ง ฟางข้าวและ กระดาษจาก ฟางขา้ วเพอ่ื เปน็ แนวทางในการออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา 14. นกั เรยี นศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับข้ันตอนการวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหาและ สงั เกตตวั อยา่ งการวางแผนและ ดำเนนิ การแกป้ ญั หา วสั ดทุ ใ่ี ช้ อปุ กรณท์ ี่ใช้ ข้นั ตอนการผลติ จากหนังสือเรียน โดยนักเรียนนำความรู้มาปรับใช้และตอบคำถาม ลงในใบงาน เรื่อง การวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา จากนัน้ ให้แตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอแนวทางการ วางแผนและดำเนนิ การแก้ปญั หาท่ีบริเวณหน้าช้ัน เรยี น โดยครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมอยา่ งใกลช้ ดิ 15. ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมกับนกั เรียนว่า“ข้ันวางแผนและดำเนนิ การแก้ปัญหา เป็นการ กำหนดลำดับ ขัน้ ตอนของการ แก้ปญั หาและระยะเวลาในการทำงานที่ชัดเจนก่อนดำเนนิ การแกป้ ญั หาเพื่อลด ขอ้ ผดิ พลาดทอี่ าจเกิดขึ้นจากการทำงาน แลว้ ลง มือแก้ปัญหาตามขน้ั ตอนท่ีไดอ้ อกแบบและวางแผนไว้ 16. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนการทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงานและสังเกตตัวอย่างประกอบจากหนังสือเรียน เพ่ือใหน้ ักเรยี นเข้าใจมากย่ิงขน้ึ พร้อมเปดิ โอกาสให้ นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุง แก้ไข วิธีการแก้ปัญหาหรือชิน้ งาน และบนั ทกึ ผลลงในสมดุ ประจำตวั 17. ครูอธิบายเกร็ดความร้ทู ี่เก่ียวขอ้ งกับเนื้อหา (Design Focus) เร่อื ง การต่อยอด ธุรกิจ 18. นกั เรียนศึกษาเนือ้ หาเกยี่ วกบั การนำเสนอวธิ ีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรอื ช้นิ งานและสงั เกตตวั อยา่ ง จากหนังสอื เรียน 19. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอแนวทางการทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข วิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน รวมถึงวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือ ช้ินงานท่ไี ดบ้ ริเวณหน้าชัน้ เรียน ขั้นสรปุ ข้ันท่ี 5 สรุปส่งิ ทเี่ รียนรู้ 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า“กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมกับการแก้ปญั หาชมุ ชนหรอื ท้องถิน่ ประกอบไปดว้ ยกข่ี ้ันตอน อะไรบ้าง” (แนวตอบ : กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมกับการแกป้ ัญหาชุมชนหรือท้องถน่ิ ประกอบด้วย 6 ข้นั ตอน คอื ข้ันตอนที่ 1 ระบปุ ญั หา ขั้นตอนท่ี 2 รวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ที่เกยี่ วขอ้ งกับปญั หา ข้ันตอนที่ 3 ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา ขั้นตอนท่ี 4 วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา

ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหา หรือชิ้นงาน ข้ันตอนที่ 6 นำเสนอวิธกี ารแก้ปญั หา ผลการแก้ปญั หา หรือช้นิ งาน ขัน้ ที่ 6 นำเสนอผลงาน 1. เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนโดยครู กำหนดเวลาในการนำเสนอตามความเหมาะสม จากน้นั ให้ครแู ละเพือ่ นร่วมชนั้ ร่วมกันประเมนิ ผลการนำเสนอ ผลงานของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ขั้นสรุป 1. เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย โดยครูให้ความรู้เพิ่มเติมตามความ เหมาะสม 2. ครูประเมนิ ผลโดยการสงั เกตการตอบคำถามและการนำเสนอผลงานของนกั เรยี น 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมกับการ แก้ปญั หาชุมชน หรอื ทอ้ งถ่นิ 6. วธิ กี ารสอนทใี่ ชใ้ นการจัดการเรียนรู้ - ใช้การบรรยาย - ใชก้ ารสาธติ - ใช้กรณตี วั อย่าง 7. ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 2) แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรือ่ ง เทคโนโลยกี ับชวี ิต แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ

8. การวดั และประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การผา่ น ประเมินผล ประเมนิ ผล แตล่ ะจดุ ประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรียนอธิบายความหมาย ของวัสดุและ แบบฝึกหดั ตรวจ การเรยี นรู้ แบบฝึกหัด ประเภทของวสั ดุได้ (K) ท้ายบทเรียน ทา้ ยบทเรยี น รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เพ่อื ให้นกั เรียนพิจารณาสมบตั ิของ วัสดใุ ห้ตรงกับ แบบฝึกหัด สังเกต พฤตกิ รรม ผ้เู รยี นไดร้ ะดบั วตั ถปุ ระสงคท์ ่ตี ้องการ (K) ทา้ ยบทเรยี น คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้น 3. เพื่อให้นักเรียนยกตัวอย่างวัสดุที่ใช้ สำหรับการ แบบฝกึ หดั ไปถอื ว่าผา่ น พัฒนาชน้ิ งานได้ (P) ทา้ ยบทเรยี น 4. เพ่อื ให้นักเรียนเหน็ ประโยชน์ของ วัสดุที่ใช้ในการ สังเกต พัฒนาชน้ิ งาน (A) พฤตกิ รรม ลงช่ือ..................................................ผูส้ อน ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ )

9 ช่ัวโมงหรือคาบท่ี 5-7 วนั ท่ี ...... เดอื น ............................. พ.ศ. 2563 จุดประสงค์ 1 เพอ่ื ให้นักเรียนอธบิ ายความหมายของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนได้ (K) 2. เพอ่ื ให้นักเรยี นบอกขั้นตอนของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมได้ (K) 3. เพอ่ื นกั เรียนออกแบบโครงงานตามข้ันตอนกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมทชี่ ว่ ย แก้ปญั หาอยา่ งยั่งยืนได้ (P) 4. เพ่อื ใหน้ กั เรยี นเล็งเห็นความสำคญั ของการนำกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมมาใช้ แกป้ ัญหาอยา่ งย่ังยนื ในชีวติ ประจำวัน (A) เรอื่ ง กรณีศึกษาการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมไปพฒั นาชมุ ชน ( 3 ชวั่ โมง ) ระบุกระบวนการทใี่ ชใ้ นการออกแบบการสอนเปน็ หลกั กระบวนการ การสอนแบบอปุ นยั (Induction)บบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning) กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ ขั้นนำ 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันหาความหมายของคำว่า“การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน” จากนัน้ ครสู มุ่ นกั เรียน 2-3 คน ตอบ คำถามพร้อมกับอภปิ รายร่วมกันภายในหอ้ งเรียน (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น การพัฒนา ชุมชนอย่างยั่งยืนจะมุ่งเน้นพัฒนา ชุมชนให้พึ่งพาตัวเองได้ผ่านการสร้างผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง ตอบสนองต่อ สภาพแวดลอ้ มท่ีเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนสามารถนำวธิ ีการพัฒนาท่ไี ด้ผลมาใช้ในการแก้ปัญหาท่ีสำคัญ ของชุมชน และกระตุ้นให้เกดิ การลงมอื ทำ ตลอดจนสร้างเศรษฐกจิ ทดี่ ีให้แกช่ ุมชนและประชาชน) 2. นักเรียนสืบค้นปัญหาของชุมชนทั้งในประเทศและต่างประเทศจากอินเทอร์เนต็ จากนั้นครูสุ่มนักเรียนออกมาเล่าเกี่ยวกับปัญหาของชุมชนตามที่นักเรียนสนใจบริเวณหน้าชั้นเรียน โดยเปิด โอกาสให้เพื่อนร่วมช้นั ร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ 3. ครยู กตวั อย่างกรณศี ึกษาการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมไปพัฒนา ฮาลา-บาลาเพื่อให้นักเรียนเข้าใจ มากยิ่งขึ้นจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและ เทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การ แก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่นด้วยกระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรม 4. ครูถามคำถามสำคัญประจำหัวขอ้ เพ่ือกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า“นักเรียน คดิ ว่ากรณีศกึ ษานชี้ ่วยแก้ปัญหา ในชมุ ชนไดอ้ ยา่ งยัง่ ยืนหรือไม่ อย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กบั ดุลยพินิจของครูผูส้ อน เช่น กรณีศึกษาน้ี ช่วยแก้ปัญหาชุมชนได้อย่างยั่งยืน เพราะสามารถสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้นให้กับชุมชนและ ทรพั ยากรทางธรรมชาติในพน้ื ทีจ่ นถงึ ปจั จบุ นั )

ขน้ั สอน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสมเพื่อศึกษาการนำ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปแก้ปัญหาพื้นท่ีป่าสาคูในจังหวัดนราธิวาสเพิม่ เติมจากหนังสอื เรียน โดยให้นกั เรียนศกึ ษาขนั้ ตอนการแกป้ ัญหาในชุมชนทง้ั 6 ข้นั ตอนอยา่ งละเอียด 2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มวิเคราะห์สาเหตขุ องปญั หาจากขั้นตอนท่ี 1 ระบปุ ญั หา โดยให้ แต่ละกลุ่มพูดคุยกันถึงการระบุ ปัญหาจากกรณีศึกษาในหนังสือเรียนวา่ เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร และควรมี ปญั หาใดเพ่ิมเตมิ 3. จากนั้นครูสุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาสรุปปัญหาที่พบเพิ่มเติมจากกรณีศึกษา บริเวณหนา้ ชั้นเรยี น 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำความเข้าใจกับข้อมูลของปัญหาจากขั้นตอนที่ 2 รวบรวม ข้อมูลและแนวคิดที่เก่ียวข้องกับ ปัญหา และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวขอ้ ง กับ ปัญหาเพิ่มเติม โดยการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูล บริเวณหน้าชั้นเรียน และเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำสรุปแนวทางการ แกป้ ญั หาจากการศกึ ษาสถานการณ์ 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายสรุปแนวทางในการแก้ปัญหาที่ได้ จัดทำขึ้นบรเิ วณ หน้าชั้นเรียน 6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขั้นตอนท่ี 3 ออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา และข้นั ตอนท่ี 4 วางแผนและ ดำเนินการแก้ปัญหาจากหนังสือเรียน 7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมเกีย่ วกับการออกแบบวิธีการ แกป้ ญั หา และการวางแผนการ ดำเนนิ การแก้ปัญหาว่าควรเป็นไปในทิศทางใด พร้อมแลกเปลย่ี นความคิดเห็น รว่ มกับเพ่ือนรว่ มช้ันเรยี น 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข วิธีการแก้ปัญหา หรือชิ้นงาน และ ขั้นตอนที่ 6 นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงานจาก กรณีศกึ ษาในหนงั สือเรยี น 9. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปจากการศึกษาการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปแก้ปัญหา พื้นที่ป่าสาคูในจังหวัดนราธวิ าสทั้ง 6 ขั้นตอนในหนังสือเรียน รวมถึง ร่วมกันอธิบายแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการต่าง ๆ ตามที่นักเรียนสนใจ เช่น ภาพ Infographic ผังมโนทัศน์ แผ่นพบั และสง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอ ขอ้ มูลบรเิ วณหนา้ ชัน้ เรยี น 10. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเน้อื หา โดยผู้เรียน ฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรู้และ ทักษะ (Design Activity) โดยให้นักเรียนแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่นด้วย กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมตามขั้นตอนทัง้ 6 ขั้นตอน ไดแ้ ก่ ขั้นตอนท่ี 1 ระบปุ ญั หา ขน้ั ตอนท่ี 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ทเี่ ก่ยี วข้องกับปญั หา ขน้ั ตอนที่ 3 ออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา

ขน้ั ตอนท่ี 4 วางแผนและดำเนินการแกป้ ัญหา ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหา หรือชิ้นงาน ขน้ั ตอนที่ 6 นำเสนอวธิ ีการแกป้ ัญหา ผลการแก้ปญั หา หรอื ชน้ิ งาน 11. จากนั้นให้นักเรียนเตรียมนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่นักเรียนคิดว่าน่าสนใจใน ชวั่ โมงถดั ไป 12. ครสู ุ่มนกั เรียนออกมานำเสนอผลงานจากการทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเน้ือหา โดยผู้เรียนฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนา ความรู้และทักษะ (Design Activity) ตามรูปแบบที่นักเรียนคิดว่าน่าสนใจ อยา่ งอสิ ระ และเปดิ โอกาสใหเ้ พอื่ รว่ มชน้ั ซกั ถามข้อ สงสยั โดยครคู อยใหค้ ำแนะนำตามความเหมาะสม ขัน้ สรปุ ข้นั ท่ี 5 สรปุ สงิ่ ที่เรยี นรู้ 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า“กระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรมกับการแกป้ ัญหาชุมชนหรือท้องถิ่น ประกอบไปด้วยกี่ข้ันตอน อะไรบา้ ง” (แนวตอบ : กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมกบั การแกป้ ัญหาชุมชนหรือท้องถ่นิ ประกอบดว้ ย 6 ข้นั ตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ระบุปญั หา ขนั้ ตอนที่ 2 รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดที่เกีย่ วขอ้ งกบั ปัญหา ขั้นตอนที่ 3 ออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา ขั้นตอนที่ 4 วางแผนและดำเนนิ การแกป้ ัญหา ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหา หรือชิ้นงาน ขั้นตอนที่ 6 นำเสนอวิธีการแกป้ ัญหา ผลการแก้ปัญหา หรือชิน้ งาน ขั้นที่ 6 นำเสนอผลงาน 1. เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนโดยครู กำหนดเวลาในการนำเสนอตามความเหมาะสม จากน้นั ให้ครแู ละเพอ่ื นรว่ มช้ันรว่ มกนั ประเมนิ ผลการนำเสนอ ผลงานของนกั เรยี นแต่ละกลุม่ ขั้นสรุป 1. เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย โดยครูให้ความรู้เพิ่มเติมตามความ เหมาะสม 2. ครูประเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถามและการนำเสนอผลงานของนักเรียน 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมกับการ แก้ปญั หาชุมชน หรือท้องถน่ิ เพอื่ ช่วยแกป้ ญั หาในชุมชนได้อย่างย่ังยืน

4. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหัด (Unit Activity) จากหนังสือเรียนเพื่อทบทวน ความรคู้ วามเขา้ ใจ และพัฒนาทักษะ การคิดของนกั เรยี น โดยการตอบคำถามลงในสมุดประจำตวั 5. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเองจากหนงั สือเรียน โดยพิจารณา ขอ้ ความว่าถูก หรอื ผดิ หากนักเรยี นพิจารณาข้อความไม่ถูกต้องใหน้ ักเรียนกลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ กำหนดให้ 6. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรมฝึกทักษะกระบวนการคดิ และทบทวนเนือ้ หา อย่างครบถ้วนตามตัวชีว้ ัด และ กจิ กรรม High Oder Thinking ทส่ี อดคล้องกบั ตวั ชว้ี ดั ตามทักษะแห่งศตวรรษ ท่ี 21 จากแบบฝกึ หัดรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ือง การแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่นด้วยกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นการบ้านและนำมาส่งในชั่วโมง ถดั ไป 7. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง การแกป้ ัญหาชุมชน หรือท้องถิ่นด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมหรือทำแบบทดสอบ (Unit Test) จากแบบฝึกหัดเพื่อวัด ความรทู้ ี่นักเรียนไดร้ ับหลงั จากผา่ นการเรยี นรู้ 8. นักเรียนทำชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่น ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม และนำมาส่งในชัว่ โมงถัดไป 6. วธิ ีการสอนที่ใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ - ใชก้ ารบรรยาย - ใช้การสาธติ - ใชก้ รณีตวั อย่าง 7. ส่อื การเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง การแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถนิ่ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 2) แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต เรื่อง การแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่นด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมแหลง่ การเรยี นรู แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

8. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารผา่ น ประเมินผล ประเมนิ ผล แต่ละจดุ ประสงค์ 5. เพอื่ ให้นักเรยี นอธบิ ายความหมาย ของการพฒั นา ชน้ิ งาน/ ตรวจ การเรยี นรู้ ชมุ ชนอยา่ งยั่งยนื ได้ (K) ภาระงาน แบบฝกึ หดั 6. เพื่อให้นักเรียนบอกขั้นตอนของ กระบวนการ ทา้ ยบทเรียน รอ้ ยละ 60 ออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (K) สงั เกต ผ่านเกณฑ์ 7. เพื่อนักเรียนออกแบบโครงงานตาม ขั้นตอน พฤตกิ รรม แบบสังเกต กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่ช่วยแก้ปัญหา พฤตกิ รรม ผเู้ รยี นไดร้ ะดบั อยา่ งยงั่ ยนื ได้ (P) คุณภาพ พอใช้ ขึน้ 8. เพื่อให้นักเรียนเล็งเห็นความสำคัญ ของการนำ กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมมาใช้แก้ปัญหา ไปถอื ว่าผา่ น อยา่ งยั่งยนื ในชีวิตประจำวนั (A) ลงช่อื ..................................................ผู้สอน ( นายพงศ์ธร เปงวงศ์ )

บนั ทึกหลงั การสอน ( หน่วยที่ 4 การแกป้ ัญหาชุมชนหรอื ท้องถน่ิ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม) 1. ผลการสอน การประเมินด้านความรู้ : Knowledge 1. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายความหมายของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (K) 2. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นบอกขั้นตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (K) 3. เพื่อใหน้ ักเรียนอธิบายความหมายของการพัฒนาชุมชนอยา่ งยงั่ ยืนได้ (K) 4. เพ่อื ให้นกั เรียนบอกข้นั ตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมได้ (K) การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ : Process 1. เพื่อใหน้ กั เรยี นออกแบบโครงงานตามข้ันตอนกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมได้ (P) 2. เพอ่ื นักเรียนออกแบบโครงงานตามข้ันตอนกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมท่ีช่วยแกป้ ญั หา อยา่ งยง่ั ยืนได้ (P) การประเมนิ ด้านคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude 1. เพอ่ื ให้นักเรยี นเห็นความสำคัญของการนำกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมาใชแ้ กป้ ญั หาใน ชีวติ ประจำวัน (A) 2. เพอ่ื ให้นกั เรียนเล็งเห็นความสำคัญของการนำกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมมาใชแ้ กป้ ัญหา อย่างย่งั ยืนในชีวติ ประจำวัน (A) 2. ปญั หาอุปสรรค ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… 3. แนวทางแก้ไข จัดกิจกรรมเสรมิ ทักษะหรือซ่อมเสรมิ ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …..........………….......................…….. ผู้จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ( นายพงศธ์ ร เปงวงศ์ ) ตำแหน่ง ครูผู้ชว่ ย ………..… / …………… /…………….

บนั ทกึ การนิเทศ รายละเอยี ดความเหน็ ของผู้นิเทศ ลายมอื ชอ่ื ท่ี รายการผ้นู ิเทศ ………………………………………………........................... 1 หัวหนา้ กลมุ่ สาระการ ………………………………………………........................... เรียนรู้/ผูท้ ่ไี ด้รับ ………………………………………………........................... มอบหมาย ………………………………………………........................... (นางสาวปาริชาติ สิงคำโล) ..………………………………………………......................... หัวหนา้ กลุ่มวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (เทคโนโลย)ี ………………………………………………........................... 2 รองผู้อำนวยการ ………………………………………………........................... (นายวิเศษ ฟองตา) กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ………………………………………………........................... รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ………………………………………………........................... ..………………………………………………......................... กลุ่มบรหิ ารวิชาการ ………………………………………………........................... (นายอดศิ ร แดงเรอื น) ………………………………………………........................... ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น 3 ผู้อำนวยการโรงเรียน ………………………………………………........................... ………………………………………………........................... ..……………………………………………….........................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook