แผนการจดั การเรียนรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 1 โดย ครสู ุดาภรณ สืบบญุ เปยม กลุม สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 2 แผนการจดั การเรียนรู หนวยการเรยี นรูท ่ี 9 เรอ่ื ง โครงสรา งและการเจริญเติบโตของพืชดอก แผนจัดการเรยี นรูท1่ี เร่อื ง เนอ้ื เยอื่ พืช รายวิชา ชีววิทยา4 รหสั วชิ า 32203 ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 5/1 ภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศึกษา 2564 น้าํ หนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชัว่ โมง/สปั ดาห เวลาที่ใชในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู 2 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคญั พืชดอกมีเน้ือเยื่อประกอบดวยเนอ้ื เยื่อเจริญและเนื้อเยื่อถาวร เน้ือเย่ือเจริญประกอบดวยกลุมเซลลท่ี สามารถแบงเซลลแบบไมโทซิส มีการเจริญเติบโตขยายขนาด และเปล่ียนแปลงเพื่อไปทําหนาท่ีเฉพาะสวน เนื้อเยื่อถาวรเปนกลุมเซลลท่ีเปล่ียนแปลงมาจากเนื้อเย่ือเจริญ แบงไดเปน 3 ระบบ คือ ระบบเน้ือเยื่อผิว ระบบ เนอ้ื เยือ่ พ้นื ระบบเน้ือเยอ่ื ทอ ลําเลียง ซึ่งทาํ หนา ทต่ี า งกนั ทง้ั เนอ้ื เยือ่ เจรญิ และเนอ้ื เย่ือถาวรจะมีลักษณะ และ หนาที่เฉพาะของเน้ือเย่ือแตล ะชนิด 2. มาตรฐานการเรยี นรู/ตัวชี้วดั ช้ันป/ ผลการเรยี นรู/เปา หมายการเรยี นรู ผลการเรยี นรู 5. อธบิ ายเก่ียวกับชนิดและลกั ษณะของเนอ้ื เยอ่ื พืช และเขียนแผนผังเพ่ือสรุปชนดิ ของเน้อื เยอื่ พืช 3. สาระการเรียนรู 3.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge ชนดิ และลกั ษณะของเนอื้ เย่ือเจริญและเนอื้ เยื่อถาวรของพชื จากการอภิปรายรว มกันการทาํ แบบฝก หดั และจากการเขยี นแผนผังเพอ่ื สรปุ ชนดิ ของเนื้อเยื่อพชื 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) การลงความเหน็ จากขอ มลู การจําแนกประเภทจากการอภิปรายรว มกนั และการทาํ แบบฝกหัด 2) การจดั กระทาํ และส่ือความหมายขอมลู และการสื่อสารสารสนเทศและการรูเทาทันสื่อ จากการอภปิ ราย รว มกัน และการเขยี นแผนผงั เพ่ือส รุปชนดิ ของเนือ้ เยือ่ พชื 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค : Attitude 1) สนใจใฝรใู นการศกึ ษา 2) ความอยากรูอ ยากเห็น 3) ความมวี ิจารณญาณ 4) ความใจกวาง 4. สมรรถนะสําคัญของนกั เรยี น 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกปญ หา 4) ความสามารถในการใชท ักษะชีวิต 5) ความสามารถในการใชเทคโนโลยี โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลุมสาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 3 5. คณุ ลักษณะของวิชา 1) ความอยากรอู ยากเห็น 2) ความมีวจิ ารณญาณ 3) ความใจกวาง 6. คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค 1. มวี ินยั 2. ใฝเรยี นรู 3. อยอู ยางพอเพยี ง 4. มุงมน่ั ในการทาํ งาน 7. ช้นิ งาน/ภาระงาน : 1) สมุดบันทึกประสบการณการเรียนรู สรปุ สาระสาํ คัญของเร่ืองท่เี รยี น 2) แบบบนั ทึกกิจกรรม เร่อื ง เนือ้ เยือ่ พืช 3) ใบงานท่ี 1 การวเิ คราะหร ูปลักษณของพืช 4) ใบงานที่ 2 ดา นรูปลกั ษณ 5) ใบงานท่ี 3 ดานคณุ สมบัติ 8. การบรูณาการงานสวนพฤกษศาสตรโรงเรยี น งานสวนพฤกษศาสตรโรงเรียน ในโครงการอนรุ กั ษพ นั ธุกรรมพชื อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาํ รสิ มเด็จ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี มีวตั ถปุ ระสงคใ หเยาวชนไดมโี อกาสใกลชดิ กับพชื พรรณไม ได เรียนรถู งึ พชื ทองถน่ิ ของตน ชวยกนั ดแู ลไมใ หส ญู พนั ธุ ซึ่งจะกอใหเกดิ จติ สาํ นกึ ในการที่ จะอนุรักษส บื ไป การ ดาํ เนินงานประกอบดวย 5 องคประกอบและ 3 สาระการเรียนรู เรอ่ื งที่จะบูรณาการ (หัวขอยอยในแบบประเมนิ ) องคป ระกอบที่ 3 การศึกษาขอมูลดานตา งๆ ลําดับการเรียนรูท ่ี 2 การศึกษาพรรณไมท ี่สนใจ 1. การศึกษาลักษณะภายนอก ภายในของพืชแตละสวนโดยละเอยี ด สาระการเรียนรู ธรรมชาตแิ หงชีวติ ลาํ ดับการเรยี นรูท ่ี 1 สัมผัสเรียนรูวงจรชวี ิตของชวี ภาพอน่ื ๆ 1.1 ศกึ ษาดา นรูปลักษณ ไดขอมูลการเปลีย่ นแปลงและความแตกตางดานรปู ลักษณ 1.2 ศกึ ษาดานคุณสมบตั ิ ไดข อ มูลการเปลย่ี นแปลงและความแตกตางดานคุณสมบัติ 9. กจิ กรรมการเรียนรู ชัว่ โมงท่ี 1 ขนั้ นําเขาสบู ทเรียน/ขั้นตงั้ คําถาม 1. ครูแจงตวั ชวี้ ัดประจําหนวยการเรยี นรใู หน กั เรยี นทราบ 2. ครูใหนกั เรยี นทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนวยท่ี 1 (ออนไลน) เรอื่ ง โครงสรา งและการเจรญิ เตบิ โต ของพชื ดอก โดย ครูสดุ าภรณ สืบบญุ เปย ม กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 4 ขนั้ สํารวจและคน พบ/ขน้ั การเตรยี มการคน หาคําตอบ 1. ครูอธิบายและมอบหมายใหน ักเรยี นศึกษารายละเอยี ดของกจิ กรรม เร่อื ง เน้ือเยื่อพืช โดยเฉพาะ วสั ดแุ ละอปุ กรณและวธิ ีการ ทาํ กิจกรรม เพือ่ เตรียมการลวงหนา กอ นถงึ วนั ทาํ กิจกรรมจริง 2. ครคู วรศกึ ษาโครงสรา งภายในของใบพืชใบเลยี งคแู ละใบเลียงเดยี่ วท่ตี อ งการศกึ ษาลว งหนา กอน สอน จริง เพื่อใหครสู ามารถใหคา แนะนาและตอบคาถามแกนกั เรียนไดอยางมั่นใจ ชัว่ โมงที่ 2-3 ข้ันนําเขาสบู ทเรยี น/ข้ันต้ังคําถาม 1. ครูใชใบพืชใบกลวยผาใหนักเรยี นสังเกตโครงสรางภายนอกของใบ อธิบายเกีย่ วกับหนา ทีข่ องใบ จากนนั้ ใชคําถามถามนกั เรยี นวา โครงสรา งของใบ ประกอบดว ยเนอื้ เยือ่ อะไร มีความสมั พนั ธกับการสังเคราะหดวยแสงและการ แลกเปลีย่ นแกส และคายน้าํ อยางไร (คาํ ตอบอาจมไี ดห ลากหลายซ่ึงนกั เรียนจะไดคําตอบหลังจากเรยี น เรอ่ื ง โครงสรา งและการเจริญเตบิ โตของใบ) ข้ันสํารวจและคน พบ/ขั้นการเตรยี มการคน หาคาํ ตอบ 1. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเนื้อเยอ่ื พืชในใบความรเู พื่อสรุปวาเนอ้ื เยื่อพชื เปนกลุมของ เซลลพ ชื ที่มี การเจริญและเปลยี่ นแปลงเพ่ือทําหนาทเ่ี ฉพาะ และใชคําถามเพ่อื อภปิ ราย ดังน้ี - ลกั ษณะรว มท่ีสาํ คญั ของเซลลพชื คืออะไร - ผนงั เซลลพ ชื ประกอบดวย อะไรบา ง - ผนังเซลลแ ตละสวนมีลกั ษณะและความสําคญั อยางไร (จากการอภิปรายรวมกันโดยใชรูป นักเรียนควรอธิบายไดวา ผนังเซลลของพืชเปนลักษณะรวมกัน ของเซลลพ ชื แตละชนิด โดยเซลลพ ชื มผี นังเซลลเ ปน กรอบลอ มอยูรอบนอกและใหความแข็งแรงแก โครงสราง เซลลพืช ผนงั เซลลของเซลลพืช ประกอบดว ย มดิ เดิลลาเมลลา ผนังเซลลปฐมภูมิ และผนังเซลล ทุติยภูมิ โดย แตล ะสว นมีลกั ษณะและความสาํ คัญท่ีแตกตา งกัน) 2. ครูใชคําถามนาํ เพอื่ ใหไดข อ สรปุ ถงึ ประเภทของเน้อื เยื่อพืชทแี่ บงตามความสามารถในการแบง เซลลหรือ อธิบายใหน กั เรียนฟง วา เน้อื เย่อื พชื แบงตามความสามารถในการแบง เซลลไ ดเปน 2 ประเภท ไดแ ก เนอื้ เยอ่ื เจริญ และเนอ้ื เยือ่ ถาวร จากน้ันครูใชคาํ ถามนาํ เพ่อื เขาสูเนอ้ื หาเก่ยี วกับเน้อื เยอ่ื เจรญิ และเนอ้ื เยือ่ ถาวรถามนักเรียนวา - เน้อื เยือ่ เจริญและเนอื้ เย่อื ถาวรพบท่ีสวนใดของพชื เนือ้ เยื่อแตล ะชนิดมหี นา ท่ี ทีม่ ีความสําคญั ตอ การดาํ รงชีวิตของพชื ดอกอยา งไร (แนวคําตอบ อาจมไี ดห ลากหลายซ่ึงนกั เรียนจะไดค ําตอบหลงั จากเรยี น เร่อื งเน้อื เยอื่ เจริญ และ เนือ้ เยื่อถาวร) 3. ครูใหนักเรียนศกึ ษาขอมลู เกยี่ วกับเน้ือเยอื่ เจริญในใบความรู แลวอภปิ รายรว มกัน โดยใชค าํ ถาม ดงั น้ี - เนอ้ื เย่ือเจริญประกอบดว ยเซลลอะไร เซลลม ลี ักษณะ และมีสมบตั ิอยางไร - เซลลท ่ไี ดจากการแบงเซลล แบบไมโทซิส ของเนื้อเยื่อเจรญิ จะเปลยี่ นแปลงอยางไรตอ ไป - หากแบง ประเภทเนื้อเยื่อเจริญ ตามตําแหนงท่อี ยู จะแบงไดก ่ีประเภท อะไรบา ง โดย ครสู ุดาภรณ สืบบญุ เปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 5 (จากการอภิปรายรวมกัน นักเรียนควรจะสรุปไดวา เนื้อเย่ือเจรญิ ประกอบดว ยเซลลเจริญทีม่ ีผนงั เซลลปฐมภูมบิ าง มนี วิ เคลยี สขนาดใหญเ มอ่ื เทียบกบั ขนาดของเซลล แบง เซลลแบบไมโทซสิ เพื่อเพม่ิ จาํ นวนได ตลอดชวี ิตของเซลล และเซลลท ่ไี ดจากการแบงสวนหนง่ึ จะเปลี่ยนแปลงเปน เนอ้ื เย่อื ถาวร เพอ่ื ทําหนาทีเ่ ฉพาะ ตอไป เน้ือเยอื่ เจรญิ แบง ตามตาํ แหนง ทอ่ี ยูไดเปน 3 ประเภท ไดแ ก เนอ้ื เยื่อ เจริญสวนปลาย เนอื้ เย่ือเจรญิ ดานขา ง และเนื้อเยอ่ื เจริญเหนือขอ) 4. ครอู าจอธิบายเพ่มิ เตมิ วาเซลลล ูกสวนหน่ึงทไ่ี ดจ ากการแบง เซลลแ บบไมโทซิสจะเปล่ียนแปลงไปทาํ หนาท่ี เฉพาะ และเซลลลกู อกี สวนหนึ่งทีเ่ หลอื จะยังคงทาํ หนา ทเ่ี ปนเซลลเจริญเพื่อทาํ หนา ทแ่ี บงเซลลตอ ไป ขน้ั อธิบายและลงขอ สรุป/ข้ันดําเนินการคนหาคาํ ตอบและตรวจสอบคําตอบ 1. ครแู ละนักเรยี นอภปิ รายรวมกันเก่ยี วกบั ลักษณะและชนิดของเน้อื เย่ือเจริญโดยใชรูปประกอบ เพือ่ ใหไ ดขอสรุป ดงั นี้ 1.1 เนอ้ื เย่ือเจรญิ สว นปลายพบที่บรเิ วณปลายยอด มหี นา ทแี่ บง เซลลทําใหลําตนและกง่ิ ยาวขนึ้ รวมทง้ั สรา งลําตน กง่ิ และใบ และพบที่บรเิ วณปลายรากมีหนาท่ีแบงเซลลทําใหรากยาวขึ้น โดยการ เจริญเตบิ โตที่ เกิดจากการแบงเซลลของเนื้อเย่ือเจริญสวนปลายจดั เปนการเติบโตปฐมภูมิ 1.2 เนอื้ เยื่อเจรญิ ดานขา งอยใู นแนวขนานกับเสน รอบวงมกี ารแบงเซลลเ พิ่มจํานวนออกทางดา นขาง ทาํ ให รากและลาํ ตน ขยายขนาดใหญข ้นึ โดยการเตบิ โตทเี่ กิดจากการแบงเซลลข อง เนือ้ เย่อื เจริญดานขาง จดั เปน การเติบโตทตุ ยิ ภมู ิ พบในรากและลําตน ของพชื ใบเลยี้ งคูท่ัวไปและพชื ใบเล้ยี งเด่ียว บางชนิด เนอื้ เยอ่ื เจรญิ ดา นขางเรยี กอกี อยา งวา แคมเบยี ม แบง ตามการทาํ หนาที่ไดเปน 2 ประเภท ไดแ ก - วาสควิ ลารแคมเบยี ม มีหนา ทแี่ บง เซลลทาํ ใหเกิดเน้อื เยื่อทอ ลําเลียงเพิ่มข้นึ ในการเตบิ โตทุตยิ ภมู ิ วาสคิวลารแคมเบียมพบอยูระหวา งเนอื้ เย่อื ทอ ลําเลียงนํ้าและทอลาํ เลียงอาหาร - คอรกแคมเบียม มหี นาท่ีแบงเซลลใหค อรก และเน้ือเยื่ออื่น ๆ เพ่ือทาํ หนา ทีแ่ ทนเนื้อเยือ่ ผวิ เดิมใน การ เตบิ โตทตุ ิยภูมิในพืชบางชนิด 3. เนอื้ เย่อื เจรญิ เหนอื ขอเปน เนื้อเยื่อเจรญิ อยรู ะหวา งขอ มหี นา ท่ีแบง เซลลเพ่มิ จํานวนทาํ ใหป ลองของ พชื ใบเล้ียงเดยี่ วยดื ยาว 3.1 ครูใหนักเรียนศกึ ษาขอ มูลเนอื้ เย่อื ถาวร และรูปประกอบ ซงึ่ แสดงตาํ แหนง ของระบบเนือ้ เย่อื ใน พชื ใบเล้ยี งคู แลว อภปิ รายรวมกัน โดยใชค ําถาม ดงั น้ี - เนือ้ เยอื่ ถาวรเปล่ยี นแปลงมาจากเน้ือเยอื่ อะไร - เนอ้ื เยอ่ื ถาวรประกอบดว ยเซลลอ ะไร เซลลมีลักษณะเปนอยางไร (จากการอภปิ รายรวมกัน นกั เรียนควรจะสรปุ ไดว าเนือ้ เยอ่ื ถาวรเปลยี่ นแปลงมาจากเนือ้ เย่อื เจรญิ ประกอบดว ยเซลลท เ่ี จริญเตม็ ท่ี มรี ูปรา งคงท่ี ทาํ หนาที่ตา ง ๆ ตามลักษณะโครงสรางของเซลล สว นใหญจ ะไม สามารถแบงเซลลไดอ กี ตอไป) 3.2 ครูใหนกั เรียนศึกษาขอมูลเน้ือเย่ือถาวร และรูปภาพประกอบ ซ่งึ แสดงตําแหนง ของระบบเนอื้ เยอ่ื ในพชื ใบเลีย้ งคู แลว อภปิ รายรวมกัน โดยใชคาํ ถามดงั น้ี - เน้ือเยอื่ ถาวรเปลีย่ นแปลงมาจากเน้ือเย่อื อะไร - เนื้อเยอ่ื ถาวรประกอบดวยเซลลอะไร เซลลมีลกั ษณะเปน อยางไร (จากการอภิปรายรวมกัน นักเรยี นควรจะสรปุ ไดว าเนื้อเยอื่ ถาวรเปลีย่ นแปลงมาจากเนอ้ื เยอ่ื เจรญิ ประกอบดวยเซลลที่เจริญเตม็ ท่ี มรี ูปรา งคงที่ ทําหนาที่ตาง ๆ ตามลกั ษณะโครงสรา งของเซลล สว นใหญจะไม สามรถแบงเซลลไ ดอกี ตอ ไป) โดย ครสู ุดาภรณ สบื บญุ เปยม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 6 3.3 ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมวาเนื้อเยอื่ ถาวรแบง ตามหนาที่ได 3 ระบบ ไดแก ระบบเนอื้ เยือ่ ผิว ระบบ เน้อื เยอื่ พื้น ระบบเนื้อเยื่อทอ ลาํ เลียง จากน้ันครใู ชร ปู ภาพ ซึ่งแสดงเน้อื เยอ่ื ถาวรและใหนกั เรียน อภิปราย รวมกนั เพ่ือใหไดขอ สรุป ดงั น้ี 1. ระบบเน้ือเยือ่ ผิว ประกอบดว ยเอพิเดอรมิส ทําหนาทีป่ อ งกันเนอ้ื เยอ่ื ดา นในของพชื ในระยะการ เตบิ โต ปฐมภมู ิ และเพรเิ ดริ ม เปน เนอื้ เย่ือที่เจริญขนึ้ มาแทนเอพเิ ดอรม ิสของรากและลําตน พชื บางชนดิ ใน ระยะการเตบิ โตทตุ ิยภูมิ พรอมกับช้ตี ําแหนงในรูปพรอมอธบิ ายนักเรยี นวา จะพบระบบเนื้อเย่ือนี้อยู ดานนอก ของอวยั วะตางๆ ของพชื 2. ระบบเน้อื เย่ือพน้ื ประกอบดว ยเน้ือเย่อื อนื่ ท่ีไมใ ชเน้อื เยื่อผวิ และเนื้อเย่ือทอลําเลยี ง พรอมกับชี้ ตําแหนงในรูปพรอ มอธบิ ายนกั เรยี นวาจะพบระบบเนือ้ เย่อื พน้ื เปนสวนใหญใ นอวยั วะตาง ๆ ของพชื 3. ระบบเน้ือเย่ือทอ ลําเลยี ง ประกอบดวยไซเลม็ และโฟลเอม็ พรอมกับชต้ี ําแหนงในรปู พรอ มอธบิ าย นกั เรียนวา ระบบเนือ้ เยอ่ื ทอ ลาํ เลยี งจะติดตอกันเปน เสน ทางลําเลียง น้ํา ธาตอุ าหารและอาหารไปท้ัง ตน ของ พชื 3.4 ครูเชอื่ มโยงเขาสชู นดิ เน้อื เยื่อถาวร โดยใชคาํ ถามถามนักเรียนวา - เน้อื เยื่อถาวรที่สาํ คญั ตอการดาํ รงชีวติ ของพืชมอี ะไรบาง (แนวคําตอบ เอพเิ ดอรม สิ พาเรงคิมา คอลเลงคิมา สเกลอเรงคิมา ไซเล็ม โฟลเอ็ม) - เนื้อเยอ่ื ถาวรแตละชนิดมลี กั ษณะและหนาทีท่ ี่มีความสาํ คัญตอการดาํ รงชีวติ ของพชื ดอกอยา งไร (แนวคําตอบ มไี ดหลากหลายซ่ึงนกั เรียนจะไดคําตอบหลังจากเรียนเรอื่ งเนอ้ื เยื่อถาวร) 3.5 ครูและนักเรยี นรว มกันอภิปรายเก่ียวกบั ลักษณะและหนาทขี่ องเน้ือเยือ่ ถาวร ท้งั 6 ชนดิ เพ่อื ให ไดขอสรปุ เก่ียวกบั ลกั ษณะและประเภทของเนือ้ เยื่อถาวร ท้ัง 6 ชนดิ ซง่ึ มคี วามหลากหลายทงั้ ลักษณะและ หนา ท่ี ข้นั ขยายความรูแ ละนาํ เสนอผลการคนหาคาํ ตอบ 1. ครใู ชร ปู แสดงการจดั เรยี งเน้อื เยือ่ ถาวรของลําตนหมอนอยและขาวโพดเพ่ือสรุปวา พชื แตละชนิด มี การจดั เรยี งตวั ของเน้อื เย่อื ถาวรท่ีแตกตางกัน แตมอี งคประกอบของระบบเนอ้ื เย่อื ทีเ่ หมือนกนั จากน้ัน ครูและ นักเรียนรวมกนั อภปิ รายและสรุปเกีย่ วกับเนื้อเยอ่ื พชื โดยใชคําถามตรวจสอบความเขาใจ ดงั นี้ - ใหน ักเรยี นเขยี นแผนผงั สรปุ ชนิดของเนื้อเย่ือพชื พรอ มท้งั บอกหนา ทแี่ ละความสําคัญของเน้ือเยื่อ พชื โดย ครูสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 7 2. ในการสรุปความรูเนื้อเย่ือพืชเปนรูปแบบแผนผังจากคําถามตรวจสอบความเขา ใจ ครอู าจแบงนกั เรียนเปน กลุมเพื่อสรุปแผนผัง ดังน้ี 1. คน หาขอ มลู เก่ยี วกับลกั ษณะของเนอ้ื เยือ่ พชื แตละชนดิ โดยใชโ ทรศัพทเคลือ่ นท่ี แท็บเล็ต คอมพวิ เตอร หรืออปุ กรณท ่ีสามารถใชค น หารูปจากอินเทอรเ น็ตได 2. เลอื กวิธกี ารนาํ เสนอแผนผังระหวางการเขยี นหรอื วาดแผนผงั ลงในกระดาษ ใชโปรแกรมจาก คอมพิวเตอร แอพพลเิ คชั่นจากโทรศัพทเคลื่อนท่ี หรือแทบ็ เล็ต 3. ออกแบบแผนผังสรุปชนดิ ของเนอ้ื เยื่อพชื พรอ มท้ังตดิ หรอื ใสรปู ทีส่ ืบคนไดล งในแผนผัง และใส หนา ที่ หรอื ความสําคัญอยา งยอของเนอ้ื เยอ่ื พืช 4. นาํ เสนอแผนผงั สรปุ ชนิดของเนอ้ื เย่ือพืชตอช้ันเรยี น โดย ครสู ุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 8 5. รวมกนั ตรวจสอบขอมลู เพอื่ ใหไ ดแผนผงั ที่ถูกตอง 3. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมวาเนอ้ื เยื่อพชื แตล ะชนดิ มโี ครงสรางและหนา ท่เี ฉพาะซง่ึ ทาํ งานรวมกนั ไดอยางเปน ระบบ เพ่อื ทาํ ใหพ ืชเจริญเตบิ โต โดยเนอื้ เย่อื พชื มกี ารจัดเรียงตัวทแ่ี ตกตางกันอยูภายในโครงสรา งราก ลําตน และใบ จากนน้ั ใชค าํ ถามเพ่อื เชื่อมโยงเขาสเู ร่ือง โครงสรางและการเจรญิ เตบิ โตของ ราก ลําตน และใบวา - รูปแบบการจัดเรียงตวั ของเนือ้ เยือ่ พืชภายในโครงสรางราก ลําตน และใบ แตกตางกนั และสมั พนั ธ กบั การทาํ หนา ท่ีของแตละอวยั วะอยางไร (แนวคําตอบ มไี ดหลากหลายซงึ่ นกั เรียนจะไดค ําตอบหลงั จากเรียน เรื่อง โครงสรา งและการ เจรญิ เตบิ โตของ ราก ลําตน และใบ) ข้ันสรุปและประเมนิ ผล 1) ตรวจสมดุ บันทกึ ประสบการณการเรียนรู สรุปสาระสําคญั ของเรอื่ งทเ่ี รยี น 2) ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรม เร่อื ง เน้ือเยื่อพชื 3) ตรวจใบงานที่ 1 การวิเคราะหรปู ลกั ษณข องพืช 4) ตรวจใบงานที่ 2 ดา นรูปลกั ษณ 5) ตรวจใบงานที่ 3 ดา นคุณสมบัติ 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง เรยี นรู จํานวน สภาพการใชส อ่ื รายการสอ่ื 1 ชุด ขั้นสํารวจและคนพบ 1. แบบทดสอบกอ นเรียน (ออนไลน) เรอื่ ง 1 ชุด ขน้ั อธบิ ายและลงขอ สรปุ โครงสรา งและการเจริญเติบโตของพชื ดอก 1 ชดุ ขั้นอธบิ ายและลงขอ สรุป 2. สมดุ บันทึกประสบการณการเรียนรู สรุปสาระสําคญั ของเรือ่ งทเี่ รียน 1 ชดุ ขั้นสํารวจและคน พบ 3. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม เรอื่ ง เนือ้ เยื่อพืช 1 ชุด ข้ันอธบิ ายและลงขอสรปุ 4. ใบงานที่ 1 การวเิ คราะหรปู ลักษณของพืช 1 ชดุ ข้นั อธิบายและลงขอสรุป 5. ใบงานท่ี 2 ดานรูปลักษณ 6. ใบงานท่ี 3 ดานคณุ สมบตั ิ โดย ครูสุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปที่ 5 9 10. การวดั ผลและประเมินผล เปา หมาย หลกั ฐานการเรยี นรู วธิ ีวัด เคร่ืองมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรียนรู ชน้ิ งาน/ภาระงาน แบบทดสอบกอ นเรยี น เกณฑก ารให นักเรียนอธบิ าย 1. แบบทดสอบกอ น ตรวจแบบทดสอบ คะแนน เกยี่ วกบั ชนิดและ เรยี น หนวยการ กอ นเรียน ประเมนิ ตามสภาพ ลักษณะของเนอื้ เยื่อ เรียนรทู ี่ 1 จรงิ พชื และเขียน 2. สมุดบนั ทึก ตรวจสมดุ บนั ทึก แบบประเมินสมุดบนั ทึก รอยละ 65 ผา น แผนผงั เพือ่ สรุปชนดิ ประสบการณก าร ประสบการณการ เกณฑ ของเน้อื เยอื่ พชื และ เรียนรู สรุปสาระสําคัญ เรียนรู สรุป ลงความเห็นจาก ของเรื่องที่เรยี น สาระสําคัญของ ขอ มูล การจําแนก เรอ่ื งทเ่ี รียน ประเภทจากการ 3. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ตรวจแบบบนั ทึก แบบบันทกึ กจิ กรรม รอยละ 65 ผาน อภปิ รายรวมกัน เร่อื ง เนอื้ เยอื่ พืช กจิ กรรม เร่ือง เร่ือง เนอ้ื เย่ือพชื เกณฑ และการทํา เน้อื เย่ือพชื แบบประเมินใบงาน แบบฝกหดั รวมถงึ รอยละ 65 ผาน การจัดกระทําและ 4. ใบงานท่ี 1 การ ตรวจใบงานที่ 1 แบบประเมินใบงาน เกณฑ สื่อความหมายขอ มลู วเิ คราะหร ปู ลกั ษณของ การวิเคราะห แบบประเมินใบงาน และการสอื่ สาร พืช รปู ลกั ษณข องพชื ผลงานทน่ี าํ เสนอ รอ ยละ 65 ผา น สารสนเทศและการ 5. ใบงานที่ 2 ดาน ตรวจใบงานท่ี 2 เกณฑ รูเทาทันส่ือ จากการ รูปลกั ษณ ดานรปู ลกั ษณ รอ ยละ 65 ผา น เกณฑ อภิปราย รว มกนั 6. ใบงานที่ 3 ดาน ตรวจใบงานที่ 3 ระดบั คุณภาพ 2 และการเขยี นแผนผัง คณุ สมบัติ ดานคณุ สมบัติ ผานเกณฑ เพื่อสรปุ ชนดิ ของ 7. การนําเสนอผลงาน ประเมนิ การ เน้อื เยือ่ พืช นาํ เสนอผลงาน 8. พฤตกิ รรมการ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ทํางานรายบคุ คล การทาํ งาน การทํางานรายบคุ คล ผา นเกณฑ รายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 9. พฤตกิ รรมการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา นเกณฑ ทํางานรายกลุม การทํางานรายกลุม การทํางานรายกลุม 9. คณุ ลกั ษณะ สงั เกตความมีวินัย แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 อันพงึ ประสงค ใฝเรียนรแู ละมงุ มั่น คณุ ลักษณะ ผานเกณฑ ในการทาํ งาน อันพงึ ประสงค โดย ครูสดุ าภรณ สืบบญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 10 แบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน คาํ ชี้แจง : ใหผ ูสอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวางเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว ขีด ลงในชอ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลําดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน 2 ความถกู ตองของเน้ือหา 3 ภาษาที่ใชเขาใจงา ย 4 ประโยชนท ไ่ี ดจากการนาํ เสนอ 5 วธิ กี ารนาํ เสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป ระเมนิ (นางสาวสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม) ............./................../............... เกณฑการใหค ะแนน ให 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ งกับรายการประเมนิ สมบรู ณชัดเจน ให 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ งกบั รายการประเมนิ เปน สว นใหญ ให 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ งกับรายการประเมินบางสวน เกณฑก ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชวงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ตํ่ากวา 8 ปรับปรุง โดย ครสู ุดาภรณ สืบบุญเปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 11 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล คําชีแ้ จง : ใหผสู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว ขีด ลงในชองที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลําดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3 21 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟง ความคิดเหน็ ของผูอ น่ื 3 การทํางานตามหนาที่ท่ไี ดรับมอบหมาย 4 ความมนี า้ํ ใจ 5 การตรงตอ เวลา รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู ระเมนิ (นางสาวสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม) ............./................../............... เกณฑการใหคะแนน ให 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา งสมาํ่ เสมอ ให 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ ยคร้งั ให 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑก ารตัดสินคณุ ภาพ ชวงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ต่าํ กวา 8 ปรับปรุง โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 12 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุม คาํ ช้แี จง : ใหผสู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลวขดี ลงในชองที่ ตรงกับระดับคะแนน การมี ลาํ ดบั ท่ี ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรับ การทํางาน ความมี สว นรวมใน รวม ของนักเรียน ความ ฟงคนอื่น ตามทไ่ี ดร ับ นํา้ ใจ 15 คิดเห็น การ คะแนน มอบหมาย ปรบั ปรุง ผลงานกลุม 321321321321321 ลงชอื่ ...................................................ผปู ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม) ............../.................../............... เกณฑการใหคะแนน ให 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา งสมํา่ เสมอ ให 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอยครงั้ ให 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑการตัดสนิ คุณภาพ ชว งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ตํ่ากวา 8 ปรบั ปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 13 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค คาํ ชีแ้ จง : ใหผูส อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว ขดี ลงในชองที่ ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพึงประสงคดาน 321 1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ 1.1 ปฏิบตั ติ ามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบ ขอ บังคบั ของครอบครวั มีความตรงตอ เวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตาง ๆ ในชวี ิตประจาํ วัน 2. ใฝเ รียนรู 2.1 รจู กั ใชเวลาวา งใหเปน ประโยชน และนาํ ไปปฏบิ ตั ไิ ด 2.2 รจู ักจดั สรรเวลาใหเ หมาะสม 2.3 เช่ือฟงคาํ สั่งสอนของบิดา - มารดา โดยไมโตแ ยง 2.4 ตั้งใจเรียน 3. อยอู ยา งพอเพยี ง 3.1 ใชท รพั ยส ินและสิ่งของของโรงเรยี นอยางประหยัด 3.2 ใชอ ปุ กรณก ารเรียนอยา งประหยัดและรูคุณคา 3.3 ใชจ า ยอยางประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงิน 4. มุงม่ันในการทํางาน 4.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทํางานที่ไดรบั มอบหมาย 4.2 มคี วามอดทนและไมท อแทตออปุ สรรคเพ่ือใหง านสําเร็จ ลงช่ือ...................................................ผปู ระเมิน (นางสาวสุดาภรณ สืบบุญเปยม) ............../.................../................ เกณฑการใหค ะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและบอ ยคร้ัง ให 2 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างครัง้ ให 1 คะแนน เกณฑก ารตัดสนิ คุณภาพ ชว งคะแนน ระดับคุณภาพ 51 - 60 ดีมาก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช ตํา่ กวา 30 ปรับปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปยม กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 14 11. ความเห็นของผูบริหารสถานศึกษาหรือผทู ่ีไดรับมอบหมาย ขอเสนอแนะ ลงชอื่ .................................................. (นายอดิศร แดงเรอื น) 13. บันทึกผลหลงั การสอน เนือ้ หา กจิ กรรมการเรียนรู สอ่ื ประกอบการเรียนรู พฤติกรรม/การมีสว นรว มของผเู รยี น ลงช่อื ..................................................ผูส อน (นางสาวสุดาภรณ สบื บญุ เปยม) ตาํ แหนง พนักงานราชการ โดย ครสู ดุ าภรณ สืบบญุ เปย ม กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 15 แผนการจดั การเรยี นรู หนวยการเรยี นรทู ่ี 9 เรอื่ ง โครงสรา งและการเจรญิ เตบิ โตของพืชดอก แผนจดั การเรียนรทู 2่ี เรอ่ื ง โครงสรา งและการเจรญิ เติบโตของราก รายวิชา ชีววทิ ยา4 รหสั วชิ า 32203 ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 5/1 ภาคเรียนที่ 1 ปการศกึ ษา 2564 นา้ํ หนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห เวลาทใี่ ชใ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู 4 ชัว่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคัญ ราก คอื สว นแกนของพืชที่ทวั่ ไปเจริญอยูใตระดับผิวดนิ ทาํ หนาท่ียึดหรือคํ้าจุนใหพ ืชเจริญเติบโตอยูกับ ทไ่ี ด และยังมีหนา ทส่ี าํ คัญในการดดู น้าํ และธาตอุ าหารในดนิ เพอื่ สงไปยงั สว นตาง ๆ ของพืช โครงสรางภายใน ของรากระยะการเตบิ โตปฐมภมู ิ เมือ่ ตัดตามขวางจะเห็นโครงสรางแบงเปน 3 ชนั้ เรยี งจากดานนอกเขาไป คือ เอพเิ ดอรม ิส คอรเ ทกซ และสตีล ในระยะการเติบโตทตุ ยิ ภมู ขิ องรากเอพิเดอรม สิ อาจจะถกู แทนท่ีดวยเพริเดิรม ลกั ษณะมดั ทอ ลาํ เลยี งจะเปล่ียนไปเน่อื งจากมีการสรางเน้อื เย่อื ทอลําเลียงเพ่ิมขึน้ 2. มาตรฐานการเรยี นรู/ ตวั ชีว้ ดั ชน้ั ป/ผลการเรียนรู/เปาหมายการเรยี นรู ผลการเรียนรู 6. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสรา งภายในของรากพืชใบเลยี้ งเดย่ี ว และรากพชื ใบเลย้ี งคู จากการตดั ตามขวาง 3. สาระการเรยี นรู 3.1 เนอื้ หาสาระหลกั : Knowledge บอกหนาท่ีของรากพชื ดอก โครงสรา งของปลายรากตัดตามยาว และการเปรยี บเทยี บ โครงสรางภายในของรากพืชใบเลี้ยงคู และรากพืชใบเลย้ี งเด่ียวจากการตดั ตามขวางจากการเรยี น และการทํากิจกรรม 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) การสังเกต การจําแนกประเภท จากการทา กจิ กรรม 2) การจัดกระทาํ และสือ่ ความหมายขอ มลู การส่ือสารสารสนเทศและการรูเทา ทนั ส่ือจากรปู วาด คําบรรยายของรปู ตัวอยางพชื และบนั ทึกผลการทดลอง 3.3 คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค : Attitude 1) สนใจใฝร ูในการศึกษา 2) ความอยากรูอยากเหน็ 3) ความมีวิจารณญาณ 4) ความใจกวา ง 4. สมรรถนะสําคญั ของนกั เรยี น 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกปญ หา 4) ความสามารถในการใชทักษะชีวิต 5) ความสามารถในการใชเทคโนโลยี โดย ครสู ุดาภรณ สืบบุญเปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 16 5. คุณลกั ษณะของวิชา 1) ความอยากรอู ยากเหน็ 2) ความมวี จิ ารณญาณ 3) ความใจกวาง 6. คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ รียนรู 3. อยอู ยางพอเพยี ง 4. มงุ ม่ันในการทาํ งาน 7. ช้นิ งาน/ภาระงาน : 1) สมุดบันทึกประสบการณการเรยี นรู สรปุ สาระสาํ คญั ของเรอ่ื งท่ีเรียน 2) แบบบันทึกกิจกรรม เรื่อง โครงสรา งภายนอกและการเจรญิ เติบโตของราก 3) แบบบันทึกกจิ กรรม เรอื่ ง โครงสรา งปลายรากตัดตามยาว 4) แบบบนั ทึกกจิ กรรม เร่อื ง โครงสรางภายในของรากตดั ตามขวาง 8. การบรณู าการงานสวนพฤกษศาสตรโรงเรียน งานสวนพฤกษศาสตรโ รงเรียน ในโครงการอนรุ ักษพันธุกรรมพชื อันเน่อื งมาจากพระราชดาํ รสิ มเด็จ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี มวี ัตถุประสงคใ หเ ยาวชนไดมโี อกาสใกลชิดกบั พชื พรรณไม ได เรียนรูถงึ พชื ทองถน่ิ ของตน ชวยกันดูแลไมใหสูญพนั ธุ ซึ่งจะกอใหเกดิ จติ สํานึกในการท่ี จะอนุรกั ษสบื ไป การ ดาํ เนนิ งานประกอบดว ย 5 องคประกอบและ 3 สาระการเรียนรู เร่อื งท่ีจะบรู ณาการ (หวั ขอ ยอ ยในแบบประเมนิ ) องคป ระกอบที่ 3 การศกึ ษาขอมูลดานตางๆ ลําดบั การเรยี นรูท ี่ 2 การศกึ ษาพรรณไมท่ีสนใจ 1. การศกึ ษาลักษณะภายนอก ภายในของพชื แตละสว นโดยละเอียด สาระการเรยี นรู ธรรมชาตแิ หง ชวี ิต ลาํ ดับการเรียนรูที่ 1 สัมผัสเรียนรวู งจรชีวติ ของชีวภาพอื่นๆ 1.1 ศกึ ษาดา นรูปลักษณ ไดขอ มูลการเปลีย่ นแปลงและความแตกตางดา นรปู ลกั ษณ 1.2 ศกึ ษาดานคุณสมบตั ิ ไดขอมูลการเปลยี่ นแปลงและความแตกตางดานคุณสมบัติ 9. กจิ กรรมการเรียนรู การเตรียมลวงหนา 1) ครูมอบหมายใหน กั เรยี นศกึ ษารายละเอยี ดของกิจกรรม โดยเฉพาะวสั ดุและอุปกรณแ ละวิธกี าร ทํา กิจกรรม เพื่อเตรยี มการลว งหนา กอนถึงวนั ทํากิจกรรมจริง 2) การเตรียมตนถัว่ เขียวและขาวโพดอายุ 2 สปั ดาหครูมอบหมายใหนกั เรียนเพาะถ่ัวเขียวและ ขาวโพด โดยใหน กั เรียนปฏบิ ัตติ ามวธิ กี ารเตรียมในใบความรทู ่ีครมู อบหมายให 3) ครูควรฝก เตรยี มสไลดสดของรากพชื และศึกษาโครงสรางภายในของรากพชื ใบเล้ยี งคูและใบเลยี้ ง เดี่ยว ทุกระยะการเจริญเติบโตทีต่ อ งการศกึ ษาลวงหนา กอ นสอนจริง เพ่ือใหเ ขา ใจ 4) วิธกี ารเตรียมสไลดสดและสามารถสาธติ วิธีการไดอ ยางชาํ นาญ โดยอาจสาธิตกอ นเรม่ิ ทาํ กจิ กรรม โครงสรางภายในของรากตดั ตามขวาง หรือหลงั จากการศกึ ษาสไลดถ าวรของโครงสรา งปลายราก นอกจากนี้ โดย ครูสุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 17 การศึกษาโครงสรางตดั ตามขวางของรากกอนสอนจรงิ จะชวยใหครสู ามารถใหค ําแนะนํา และตอบคําถามแก นักเรยี นไดอยางมนั่ ใจ ช่วั โมงท่ี 1-2 ขน้ั นําเขา สูบ ทเรียน/ขั้นตัง้ คาํ ถาม 1. ครใู ชรปู วาดพืช ซง่ึ แสดงเนอ้ื เยอ่ื ถาวรหรือใชพ ืชจริงท่ีถอนขนึ้ มาจากดินใหเหน็ สวนของราก เพือ่ ทบทวนเกย่ี วกับรากวาเปน อวัยวะท่ีงอกออกจากเมล็ดเจรญิ ลงสูดนิ ตามแรงโนมถวงของโลก ทาํ หนา ทด่ี ดู น้ํา และธาตอุ าหารเพอ่ื สงไปยงั สวนตา งๆ ของพืช รวมทั้งยึดลาํ ตน ใหตดิ กับพื้นดินหรือค้ําจนุ ลําตนใหพ ืช เจรญิ เติบโตอยูก บั ทไ่ี ด จากนั้นถามนักเรียนวา - โครงสรางของรากประกอบดว ยเนือ้ เยอ่ื อะไร มีความเหมาะสมตอการทําหนา ทอ่ี ยางไร (แนวคําตอบ อาจมไี ดห ลากหลายซึ่งนกั เรียนจะไดค าํ ตอบหลังจากเรยี น เรอ่ื ง โครงสรา งและ การ เจรญิ เตบิ โตของราก) ข้ันสํารวจและคนพบ/ขน้ั การเตรยี มการคนหาคําตอบ 1. ครใู หน กั เรยี นทํากจิ กรรม โครงสรา งและการเจริญเตบิ โตของราก โดยครูแจงจุดประสงคข อง กิจกรรม แสดงไวบนกระดานหนาชน้ั เรียน และอธิบายจุดประสงคแ ตละขอ กับนักเรยี นใหช ดั เจน โดย เนน วา เมอ่ื จบกิจกรรมและการเรยี นเรื่องโครงสรางและการเจริญเตบิ โตของรากแลว นักเรียนตอ ง เปรยี บเทียบ ลักษณะโครงสรา งรากพืชใบเลยี้ งคูและรากพืชใบเลย้ี งเด่ียวตดั ตามขวางได 2. ครูและนกั เรยี นรว มกนั ทาํ ความเขา ใจวิธีการทํากิจกรรม ตอนที่ 1 โครงสรา งภายนอกและการ เจริญเติบโตของราก พรอมกบั เนนใหนักเรยี น บันทกึ ผลโดยการวาดรูปหรอื ถายรูปเมล็ดที่งอกในแตละวัน และ ระบุ ชนดิ รากลงในรูปดวย 3. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นศกึ ษาการงอกของเมลด็ ถว่ั เขยี วและเมลด็ ขา วโพด จากนัน้ ครูใชร ปู ซ่ึง แสดงลกั ษณะของรากพืชใบเลี้ยงคู และพืชใบเล้ยี งเด่ียวท่ีงอกจากเมล็ด เพอื่ รว มกันอภปิ รายผลและสรปุ เก่ียวกบั การเปลย่ี นแปลงของรากในขณะเจริญเติบโต เพอื่ ใหน ักเรียนใชขอ มูลประกอบการบันทึกผลการ ทดลอง โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปย ม กลุมสาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 18 ตวั อยางผลการทํากจิ กรรม รปู วาดจากการศกึ ษาโครงสรางภายนอกของรากถ่ัวเขียวและขาวโพดจากเมล็ดที่กาํ ลงั งอก จากตัวอยา งผลการทากจิ กรรมของขาวโพดในวนั ท่ี 3 ยงั ไมเกดิ รากแขนง ดงั นัน้ ครอู าจใหนักเรียน เพาะเล้ียงตอเพอื่ สังเกตวารากแขนงจะเกิดในวันท่ีเทา ไหร สําหรับตัวอยา งการทาํ กิจกรรมในครงั้ นี้ พบวาราก แขนงของขาวโพดจะสงั เกตไดชดั เม่อื เพาะขาวโพด ไปแลว 6-7 วัน โดยมีลักษณะดงั รปู โดย ครสู ดุ าภรณ สืบบญุ เปย ม กลุม สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 19 ขน้ั อธบิ ายและลงขอสรุป/ขั้นดาํ เนนิ การคน หาคําตอบและตรวจสอบคาํ ตอบ 1. ครูและนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายผลการทาํ กิจกรรมโดยใชคาํ ถามทายกจิ กรรม มแี นวคาํ ตอบดังน้ี - สว นใดของเมล็ดทง่ี อกออกมากอน งอกมาจากตําแหนงใดของเมลด็ และตําแหนง ทีง่ อกของเมล็ด ถั่วเขียวและเมล็ดขาวโพดเหมือนหรือแตกตางกนั อยา งไร (แนวคาํ ตอบ สว นท่ีงอกออกมากอน คอื สวนท่จี ะเจรญิ ไปเปน ราก โดยรากจะงอกออกมาจากรูเลก็ ใกลรอย แผลเปนซึง่ เกิดจากกานของออวลุ หลุดออกไปเชนเดยี วกันทั้งของเมลด็ ถ่วั เขยี ว และเมล็ดขา วโพด) - การงอกและการเจริญเติบโตของรากถว่ั เขียวและรากขา วโพดเหมือนหรือแตกตา งกนั อยา งไร (แนวคาํ ตอบ เหมือนกนั คือ ถั่วเขยี วและขาวโพดงอกรากที่โผลพ น เมล็ดออกมากอนคือรากปฐมภูมิ หรอื รากแกว และจะมีรากทตุ ิยภมู หิ รือรากแขนงเจรญิ ออกมาจากรากปฐมภูมิ สว นทีต่ า งกนั คอื ขาวโพดจะมี ราก ปฐมภมู ิหรือรากแกวเจริญออกมาชว งระยะหนึ่งแลว จะหยดุ การเจรญิ เตบิ โต แตจะมีรากพิเศษงอก ออกมาจากบรเิ วณอ่ืนอีกเปน จานวนมาก ซึง่ ไมพบลักษณะน้ีในถ่ัวเขยี ว) ขน้ั ขยายความรแู ละนาํ เสนอผลการคน หาคาํ ตอบ 1. เมือ่ จบกจิ กรรมและการเรียนเร่อื งโครงสรางและการเจรญิ เติบโตของรากแลว นกั เรียนตอง เปรียบเทียบ ลักษณะโครงสรา งรากพืชใบเลีย้ งคูและรากพืชใบเลีย้ งเดย่ี วจากโครงสรา งภายนอกได 2. ครยู กตัวอยางรากพชื ของตนไมช นดิ อื่น ๆ ทไ่ี ปทาํ หนา ทีเ่ ฉพาะอยา ง เชน รากหายใจ (แสม ลาํ พู ไทร) รากสังเคราะหดวยแสง (กลวยไม) รากสะสมอาหาร (กระชาย แครอท มนั เทศ มันแกว) เปนตน 3. ครแู ละนกั เรียนรวมกันอภิปรายถึงโครงสรางและหนาทข่ี องรากพชื ใบเลยี้ งเด่ยี ว พชื ใบเลีย้ งคู ชว่ั โมงท่ี 3-4 ข้นั นําเขา สูบทเรียน/ขนั้ ตง้ั คําถาม 1. ครทู บทวนเกี่ยวกับโครงสรางและหนาทขี่ องรากพืชใบเลี้ยงเดย่ี วและพืชใบเลี้ยงคู โดยใชคําถามถาม นกั เรยี นวา - ตวั อยา งรากพืชใบเลีย้ งเดยี่ ว และรากพืชใบเล้ยี งคูทน่ี ักเรยี นไดทําการทดลอง คอื รากพืชชนิดใด (แนวคาํ ตอบ รากขา วโพดเปนตัวอยา งพืชใบเลี้ยงเดีย่ ว และรากถว่ั เขียวเปน ตัวอยา งพืชใบเลีย้ งคู) - การงอกและการเจรญิ เตบิ โตของรากถ่ัวเขียวและรากขา วโพดเหมอื นหรือแตกตา งกันอยางไร (แนวคําตอบ เหมือนกันคอื ถั่วเขียวและขาวโพดงอกรากทโ่ี ผลพน เมล็ดออกมากอนคอื รากปฐมภมู ิหรอื ราก แกว และจะมรี ากทตุ ิยภูมหิ รือรากแขนงเจรญิ ออกมาจากรากปฐมภมู ิ สว นท่ตี า งกนั คอื ขาวโพดจะมีราก ปฐม ภูมหิ รือรากแกวเจรญิ ออกมาชว งระยะหนงึ่ แลวจะหยุดการเจริญเตบิ โต แตจะมีรากพเิ ศษงอก ออกมาจาก บริเวณอื่นอกี เปนจาํ นวนมาก ซง่ึ ไมพ บลกั ษณะนีใ้ นถวั่ เขยี ว) ขั้นสาํ รวจและคนพบ/ข้นั การเตรยี มการคน หาคําตอบ 1. ครูและนักเรยี นรว มกนั ทาํ ความเขาใจวิธกี ารทํากิจกรรม ตอนที่ 2.1 โครงสรางปลายรากตดั ตามยาว พรอมกับเนนใหน กั เรียนบนั ทึกผลโดยการวาดรปู โครงสรางปลายรากท่เี ห็นภายใตก ลอ งจุลทรรศน พรอมระบุ บรเิ วณตา ง ๆ 2. ครูมอบหมายใหนกั เรียนศกึ ษาโครงสรา งภายในของปลายราก จากนั้นครใู ชร ูป ซงึ่ แสดงปลายราก พืชตัดตามยาวบรเิ วณตาง ๆ เพื่อรวมกันสรปุ เก่ียวกับโครงสรางของปลายรากซึ่งแบงเปน บรเิ วณตา ง ๆ โดยใน โดย ครูสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 20 แตล ะบรเิ วณจะมีเซลลทีแ่ ตกตา งกนั ซ่งึ เหมาะสมกับการทา หนาท่ีทีแ่ ตกตางกนั (ครเู นน ยํา้ ให นักเรียนศึกษา ขั้นตอนการทากจิ กรรมจากใบความรโู ดยละเอียด) 3. ระหวา งการทา กจิ กรรมตอนท่ี 2.1 ครูตรวจสอบความเขาใจของนกั เรียนโดยใหนักเรียนแตละกลุม เล่อื นหาเนอ้ื เยื่อภายใตกลอ งจลุ ทรรศน เพือ่ ดบู ริเวณตา งๆ ของโครงสรา งปลายรากท่ีสามารถมองเหน็ ได ภายใตก ลอ งจุลทรรศน โดยใหนกั เรียนทุกคนในกลุม มสี ว นรว มในการตรวจสอบความเขาใจน้ี 4. ครูและนกั เรยี นรว มกันอภิปรายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับผลการทํากิจกรรมวา หากดูเปรียบเทียบรูปที่เห็น จาก สไลดถาวรกับรปู ดังกลา ว ซ่งึ แสดงปลายรากพืชตัดตามยาวแสดงบริเวณตางๆ แลวพบวารูปวาดที่ไดจาก การศึกษาสไลดถาวรจะเห็นหมวกรากถึงบริเวณการยืดตามยาวของเซลลโดยใชรูป ช้ีใหนักเรียน เห็นวา บรเิ วณการยืดตามยาวของเซลลมีความยาวมากทําใหไมสามารถทําสไลดเน้ือเยื่อปลายรากตัด ตามยาวจนถึง บริเวณการเปล่ียนสภาพและเจริญเต็มท่ีของเซลลได เพราะพ้ืนที่ของสไลดและระยะศึกษา ของกลอง จุลทรรศนใชแสงท่ีมีจํากัดจึงทําใหขนาดของเนื้อเยื่อท่ีใชศึกษาจํากัดไปดวย ดังนั้นรูปที่ไดจาก การศึกษา โครงสรา งปลายรากตดั ตามยาวจากสไลดถ าวรจึงไมเหน็ บรเิ วณการเปล่ียนสภาพและการเจริญ เตม็ ทีข่ องเซลล 5. ครูและนักเรียนรวมกันทําความเขาใจวิธีการทากิจกรรมตอนที่ 2.2 โครงสรางภายในของรากตัด ตามขวาง พรอมกับเนนใหนักเรียนพยายามตัดเน้ือเย่ือของรากใหครบวง และบันทึกผลโดยการวาดรูปหรือ ถา ยรปู โครงสรางภายในของรากตัดตามขวางท่ีมีการเติบโตปฐมภูมิท่ีเห็นภายใตกลองจุลทรรศน พรอมระบุ บริเวณตาง ๆ และบันทึกรายละเอียดเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตางของเนื้อเยื่อแตละ บริเวณ ของรากถว่ั เขียวและขาวโพดในรูปแบบตารางของแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 6. ครูมอบหมายใหน กั เรยี นศึกษาโครงสรางภายในของรากตัดตามขวาง จากน้ันครูใชรูปประกอบ ซ่ึง แสดงราก พืชใบเลี้ยงคูและรากพืชใบเลี้ยงเด่ียวตัดตามขวาง ระยะท่ีมีการเติบโตปฐมภูมิ เพื่อรวมกันสรุป เก่ยี วกับ โครงสรา งของรากพชื ใบเลี้ยงคแู ละรากพืชใบเล้ยี งเดี่ยวทม่ี ีการเติบโตปฐมภมู ิมีเนือ้ เยอ่ื แบงออกไดเปน 3 ช้นั เหมอื นกนั ไดแ ก เอพเิ ดอรมสิ คอรเทกซ และสตีล แตมกี ารจัดเรยี งของเนอ้ื เยอื่ ในช้นั สตลี ที่แตกตา ง กัน โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลุม สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 21 7. ระหวางการทาํ กจิ กรรมตอนที่ 2.2 ครูตรวจสอบความเขา ใจของนักเรียนโดยใหนักเรียนแตละกลุม เลอ่ื นหาเน้อื เยือ่ ภายใตกลองจลุ ทรรศน เพอ่ื ดูบริเวณตางๆ ของโครงสรางภายในของรากระยะท่ีมีการ เติบโต ปฐมภมู ิ โดยใหนกั เรยี นในกลุมทกุ คนมสี วนรวมในการตรวจสอบความเขาใจน้ี ข้ันอธบิ ายและลงขอ สรุป/ข้ันดาํ เนินการคน หาคําตอบและตรวจสอบคําตอบ 1. ครแู ละนักเรยี นรว มกันอภิปรายผลการทากจิ กรรม 2. ตารางเปรยี บเทียบชนิดของเซลลห รือเนือ้ เยื่อและการจัดเรียงเน้ือเยอ่ื บริเวณรากถัว่ เขยี วและ ขา วโพดท่มี ี การเติบโตปฐมภมู ิ แนวทางการบนั ทึกผลในตาราง โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 22 3. ครใู หน ักเรยี นตอบคาถามทายกิจกรรมโดยมีแนวคา ตอบดงั นี้ - จากการศึกษาโครงสรางปลายรากตดั ตามยาวภายใตกลองจุลทรรศนใ ชแสงเชิงประกอบ โครงสรางท่ี อยปู ลายสุดของรากคืออะไร มีความสําคญั ตอ พชื อยา งไร (แนวคาํ ตอบ หมวกราก มคี วามสําคญั ตอพชื คือปองกนั อันตรายใหก บั เนื้อเยือ่ เจริญทีอ่ ยูถัดขน้ึ ไปขณะทีร่ าก ชอน ไชลงสดู นิ ) - ถา ตองการศึกษาการแบงเซลลไมโทซสิ ระยะตาง ๆ ของปลายรากหอมควรเลือกศกึ ษาท่ีบริเวณ ใด ของโครงสรา งปลายรากตดั ตามยาว (แนวคาํ ตอบ บรเิ วณการแบงเซลล) - จากการศึกษาโครงสรางภายในของรากระยะทมี่ กี ารเตบิ โตปฐมภมู ิของรากพชื ใบเลย้ี งคแู ละราก พืช ใบเลย้ี งเดย่ี ว เนื้อเยอ่ื ชั้นใดบางทีม่ ลี กั ษณะคลา ยกัน (แนวคําตอบ เอพิเดอรม สิ และคอรเทกซ) - นักเรียนจะบอกไดอ ยางไรวา สไลดโ ครงสรางของรากทีศ่ กึ ษาอยูเปน ของรากพืชใบเลีย้ งคหู รือ ราก พืชใบเล้ยี งเดย่ี ว (แนวคาํ ตอบ บอกไดจากการจัดเรียงเนอ้ื เยอื่ ของวาสควิ ลารบนั เดลิ ในชัน้ สตีลและพิธ ถา บริเวณสตีลของสไลด ท่ี ศึกษาอยพู บไซเล็มปฐมภมู ิตรงกลางรากและโฟลเอ็มปฐมภูมอิ ยูระหวางแฉกโดยจํานวนแฉกมี ประมาณ 4-6 แฉก สไลดน ี้คอื รากพชื ใบเลีย้ งคู ถา บริเวณสตลี ของสไลดท่ีศกึ ษาอยูพ บพธิ อยตู รงกลางและไซเลม็ ปฐมภมู มิ ี จํานวนแฉกมาก สไลดน ค้ี อื รากพืชใบเลี้ยงเดยี่ ว) ข้นั ขยายความรแู ละนาํ เสนอผลการคนหาคําตอบ 1. ครูใชร ูปภาพ ซ่ึงแสดงลาํ ดับการเติบโตทุตยิ ภูมิของรากพืชใบเล้ยี งคจู ากระยะเร่มิ มีวาสคิวลารแคม เบยี ม ถึงระยะเกิดคอรก แคมเบยี ม อธบิ ายเกี่ยวกบั โครงสรา งภายในของรากระยะท่มี กี ารเตบิ โตทตุ ิยภูมิวา การ เตบิ โตทุติยภูมขิ องรากพืชใบเล้ยี งคทู าํ ใหรากมีขนาดใหญข ึน้ เน่อื งจากมกี ารสรางเนื้อเยอ่ื ถาวรเพ่ิมจากการ แบง เซลลข องวาสควิ ลารแ คมเบยี มและคอรก แคมเบียมทาํ ใหเกดิ เนื้อเยือ่ ทุติยภมู ิ 2. ครใู ชรูปภาพ ซงึ่ แสดงรากพืชใบเลย้ี งคูร ะยะการเตบิ โตทตุ ิยภูมิจากรากระยะแกมากตดั ตามขวาง เพื่อ อธิบายเก่ยี วกับเพรเิ ดิรม 3. ครใู หนักเรยี นสบื คน เพมิ่ เติมเพอื่ ตอบคาถามชวนคิดในใบความรู - ใหนักเรียนยกตวั อยางการใชป ระโยชนจากรากพชื โดยใชค วามรเู กี่ยวกับโครงสรางของรากเพือ่ อธบิ ายเหตุผลวา เพราะเหตุใดพชื ชนดิ ดังกลา วจงึ เหมาะสมกบั การใชประโยชนในดานน้นั ตัวอยา ง การใชประโยชนจ ากรากหญา แฝก มนษุ ยป ลูกหญาแฝกเพ่ือใชประโยชนจากโครงสรางและการเจริญเติบโตของรากหญาแฝกที่สามารถ เจริญลึกลงไปในดิน ทําใหเกิดเปนกําแพงดินซึ่งชวยปองกันการพังทลายของดินดินถลมจากนํ้าทวม ฉับพลัน เนื่องจากรากของหญาแฝกมลี ักษณะพเิ ศษตางจากหญาท่ัวไปคือ สามารถเจริญเติบโตตามแนวดิ่ง ลงไปในดิน หรือใตดินได 2-2.5 เมตร ซ่ึงมากกวารากหญาคาที่เจริญเติบโตลงไปในแนวดิ่งไดเพียง 50 เซนติเมตร นอกจากนี้การทาํ หนาทีร่ วมกนั ของรากฝอยของหญาแฝกทีม่ ี 2 ขนาด ทาํ ใหรากของหญา แฝก เกาะดินไดดี ซ่ึง มีรากฝอยขนาดใหญทําหนา ท่เี จาะและชอนไชลงดนิ สวนรากฝอยขนาดเล็กจะเจริญแตก แขนงออกมาจากราก โดย ครสู ดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปที่ 5 23 ฝอยขนาดใหญทําหนาที่เปนรางแหชวยในการยึดเกาะดินดวยเหตุน้ีจึงทําใหหญาแฝก เปนพืชท่ีเหมาะสมแก การปลูกเพอื่ ปองกนั การพงั ทลายของดินจากน้ําทวมฉับพลนั (ที่มา: บทความเรื่อง “หญาแฝก” กําแพงดินธรรมชาติ ของสํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี แหง ชาติหรอื สวทช.) ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล 1) สมดุ บันทกึ ประสบการณก ารเรียนรู สรุปสาระสําคญั ของเรอ่ื งท่เี รยี น 2) แบบบันทึกกิจกรรม เรอ่ื ง โครงสรา งภายนอกและการเจรญิ เตบิ โตของราก 3) แบบบันทึกกจิ กรรม เร่ือง โครงสรา งปลายรากตัดตามยาว 4) แบบบันทกึ กจิ กรรม เรื่อง โครงสรางภายในของรากตัดตามขวาง 9. สื่อการเรยี นการสอน / แหลง เรียนรู จํานวน สภาพการใชส่อื รายการสื่อ 1 ชุด ขัน้ อธบิ ายและลงขอ สรุป 1. สมุดบันทกึ ประสบการณก ารเรียนรู สรุปสาระสาํ คญั ของเรื่องทเ่ี รยี น 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม เรอ่ื ง โครงสรางภายนอกและการเจรญิ เติบโต 1 ชดุ ขั้นอธบิ ายและลงขอสรุป ของราก 3. แบบบันทกึ กจิ กรรม เรอื่ ง โครงสรา งปลายรากตดั ตามยาว 1 ชดุ ขั้นสาํ รวจและคน พบ 4. แบบบันทึกกิจกรรม เรอื่ ง โครงสรา งภายในของรากตัดตามขวาง 1 ชุด ข้นั อธบิ ายและลงขอ สรุป โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 24 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เปาหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู วธิ ีวัด เครือ่ งมือวัดฯ ประเด็น/ การเรียนรู ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑการให บอกหนาท่ีของราก 1. สมดุ บนั ทกึ คะแนน ตรวจสมุดบนั ทึก แบบประเมินสมดุ บันทึก รอยละ 65 ผาน พชื ดอก โครงสรา ง ประสบการณก าร ประสบการณการ เกณฑ ของปลายรากตดั เรยี นรู สรปุ สาระสําคญั เรยี นรู สรุป ตามยาว และการ ของเร่อื งทเี่ รียน สาระสําคัญของ เปรียบเทยี บ เรอื่ งทเ่ี รียน โครงสรา งภายในของ 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ตรวจแบบบนั ทกึ แบบบันทกึ กจิ กรรม รอยละ 65 ผา น รากพชื ใบเล้ียงคู เรอ่ื ง โครงสราง กิจกรรม เรือ่ ง เรอื่ ง โครงสรา งภายนอก เกณฑ และรากพืชใบเล้ยี ง ภายนอกและการ โครงสรางภายนอก และการเจริญเติบโตของ เด่ยี วจากการตัดตาม เจรญิ เตบิ โตของราก และการ ราก ขวางจากการเรยี น เจรญิ เติบโตของ และการทาํ กิจกรรม ราก 3. แบบบันทึกกิจกรรม ตรวจแบบบนั ทกึ แบบบันทกึ กจิ กรรม รอ ยละ 65 ผา น เรือ่ ง โครงสรางปลาย กจิ กรรม เรื่อง เรื่อง โครงสรางปลาย เกณฑ รากตัดตามยาว โครงสรา งปลายราก รากตดั ตามยาว ตัดตามยาว 4. แบบบันทกึ กจิ กรรม ตรวจแบบบนั ทกึ แบบบันทกึ กจิ กรรม รอยละ 65 ผาน เรอ่ื ง โครงสรา งภายใน กิจกรรม เร่ือง เรอ่ื ง โครงสรา งภายใน เกณฑ ของรากตดั ตามขวาง โครงสรา งภายใน ของรากตดั ตามขวาง ของรากตดั ตาม ขวาง 7. การนาํ เสนอผลงาน ประเมินการ ผลงานทน่ี ําเสนอ ระดับคณุ ภาพ 2 นาํ เสนอผลงาน ผานเกณฑ 8. พฤติกรรมการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ทํางานรายบคุ คล การทํางาน การทาํ งานรายบุคคล ผานเกณฑ รายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 9. พฤติกรรมการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผานเกณฑ ทํางานรายกลุม การทาํ งานรายกลมุ การทํางานรายกลุม 9. คณุ ลกั ษณะ สงั เกตความมีวินัย แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 อนั พึงประสงค ใฝเรียนรูแ ละมุง มน่ั คณุ ลักษณะ ผานเกณฑ ในการทาํ งาน อันพึงประสงค โดย ครสู ดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 25 แบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน คาํ ชี้แจง : ใหผ ูสอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวางเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว ขดี ลงในชอ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลําดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน 2 ความถกู ตองของเน้ือหา 3 ภาษาที่ใชเขาใจงา ย 4 ประโยชนท ไ่ี ดจากการนาํ เสนอ 5 วธิ กี ารนาํ เสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผูประเมนิ (นางสาวสดุ าภรณ สบื บุญเปย ม) ............./................../............... เกณฑการใหค ะแนน ให 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ งกับรายการประเมนิ สมบรู ณชัดเจน ให 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ งกบั รายการประเมนิ เปน สว นใหญ ให 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ งกับรายการประเมินบางสวน เกณฑก ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ต่าํ กวา 8 ปรับปรงุ โดย ครสู ุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 26 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล คําชีแ้ จง : ใหผสู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว ขีด ลงในชองที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลําดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3 21 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟง ความคิดเหน็ ของผูอ น่ื 3 การทํางานตามหนาที่ท่ไี ดรับมอบหมาย 4 ความมนี า้ํ ใจ 5 การตรงตอ เวลา รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู ระเมนิ (นางสาวสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม) ............./................../............... เกณฑการใหคะแนน ให 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา งสมาํ่ เสมอ ให 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ ยคร้งั ให 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑก ารตัดสินคณุ ภาพ ชวงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ต่าํ กวา 8 ปรับปรุง โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 27 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุม คาํ ช้แี จง : ใหผสู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลวขดี ลงในชองที่ ตรงกับระดับคะแนน การมี ลาํ ดบั ท่ี ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรับ การทํางาน ความมี สว นรวมใน รวม ของนักเรียน ความ ฟงคนอื่น ตามทไ่ี ดร ับ นํา้ ใจ 15 คิดเห็น การ คะแนน มอบหมาย ปรบั ปรุง ผลงานกลุม 321321321321321 ลงชอื่ ...................................................ผปู ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม) ............../.................../............... เกณฑการใหคะแนน ให 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา งสมํา่ เสมอ ให 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอยครงั้ ให 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑการตัดสนิ คุณภาพ ชว งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ตํ่ากวา 8 ปรบั ปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 28 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค คาํ ชีแ้ จง : ใหผูส อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว ขดี ลงในชองที่ ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพึงประสงคดาน 321 1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ 1.1 ปฏิบตั ติ ามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบ ขอ บังคบั ของครอบครวั มีความตรงตอ เวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตาง ๆ ในชวี ิตประจาํ วัน 2. ใฝเ รียนรู 2.1 รจู กั ใชเวลาวา งใหเปน ประโยชน และนาํ ไปปฏบิ ตั ไิ ด 2.2 รจู ักจดั สรรเวลาใหเ หมาะสม 2.3 เช่ือฟงคาํ สั่งสอนของบิดา - มารดา โดยไมโตแ ยง 2.4 ตั้งใจเรียน 3. อยอู ยา งพอเพยี ง 3.1 ใชท รพั ยส ินและสิ่งของของโรงเรยี นอยางประหยัด 3.2 ใชอ ปุ กรณก ารเรียนอยา งประหยัดและรูคุณคา 3.3 ใชจ า ยอยางประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงิน 4. มุงม่ันในการทํางาน 4.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทํางานที่ไดรบั มอบหมาย 4.2 มคี วามอดทนและไมท อแทตออปุ สรรคเพ่ือใหง านสําเร็จ ลงช่ือ...................................................ผปู ระเมิน (นางสาวสุดาภรณ สืบบุญเปยม) ............../.................../................ เกณฑการใหค ะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและบอ ยคร้ัง ให 2 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างครัง้ ให 1 คะแนน เกณฑก ารตัดสนิ คุณภาพ ชว งคะแนน ระดับคุณภาพ 51 - 60 ดีมาก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช ตํา่ กวา 30 ปรับปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปยม กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 29 11. ความเหน็ ของผบู รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู ไี่ ดร ับมอบหมาย ขอเสนอแนะ ลงชือ่ .................................................. (นายอดศิ ร แดงเรอื น) 13. บนั ทึกผลหลงั การสอน เน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู สอื่ ประกอบการเรยี นรู พฤติกรรม/การมสี วนรวมของผเู รยี น ลงช่อื ..................................................ผูสอน (นางสาวสุดาภรณ สบื บุญเปย ม) ตาํ แหนง พนกั งานราชการ โดย ครสู ุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลุม สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 30 แผนการจดั การเรยี นรู หนวยการเรยี นรูท่ี 9 เรอ่ื ง โครงสรางและการเจริญเตบิ โตของพืชดอก แผนจดั การเรยี นรูท่ี3 เร่ือง โครงสรา งและการเจริญเตบิ โตของลาํ ตน รายวิชา ชีววิทยา4 รหัสวิชา 32203 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5/1 ภาคเรียนท่ี 1 ปการศกึ ษา 2564 นาํ้ หนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห เวลาทใ่ี ชในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคญั ลําตน คอื สวนแกนของพืชท่ีโดยทั่วไปเจริญอยูเหนือระดับผิวดินถัดข้ึนมาจากราก ทําหนาที่สรางใบ และชูใบ ลําเลียงนา้ํ ธาตุอาหาร และอาหารท่ีพืชสรางข้ึนสงไปยังสวนตางๆ โครงสรางภายในของลําตนระยะ การเติบโตปฐมภูมิ เม่อื ตัดตามขวางจะเห็นโครงสรา งแบงเปน 3 ชัน้ เรียงจากดานนอกเขาไป คือ เอพิเดอรมิส คอรเ ทกซ และสตลี ลาํ ตนในระยะการเตบิ โตทุตยิ ภูมิ จะมีเสนรอบวงเพิ่มข้ึนและมีโครงสรางแตกตางจากเดิม เนอ่ื งจากมกี ารสรางเพรเิ ดริ ม และเนอ้ื เยอ่ื ทอ ลาํ เลยี งเพม่ิ ขึ้น 2. มาตรฐานการเรยี นรู/ตัวชีว้ ัดช้นั ป/ ผลการเรียนรู/เปา หมายการเรียนรู ผลการเรยี นรู 7. สงั เกต อธิบาย และเปรยี บเทียบโครงสรางภายในของลําตนพืชใบเลี้ยงเดยี่ ว และลาํ ตน พชื ใบเลี้ยงคู จาก การตดั ตามขวาง 3. สาระการเรยี นรู 3.1 เนอื้ หาสาระหลัก : Knowledge โครงสรางภายนอกและบอกหนาที่ของลาํ ตนพชื ดอก โครงสรางของปลายยอดตดั ตามยาวการ เปรียบเทยี บโครงสรางภายในของลาํ ตน พืชใบเล้ียงคูและลาํ ตนพืชใบเล้ยี งเดี่ยวจากการตดั ตามขวาง จาก การ เรียน และการทํากจิ กรรม 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) การสังเกต การจําแนกประเภท จากการทาํ กจิ กรรม 2) การจดั กระทาํ และสื่อความหมายขอมลู 3) การส่ือสารสารสนเทศและการรเู ทา ทันสอื่ จากรูปวาด คาํ บรรยายของรูปตวั อยา งพชื และ บนั ทึกผล การทดลอง 3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค : Attitude 1) สนใจใฝรใู นการศกึ ษา 2) ความอยากรอู ยากเห็น 3) ความมวี จิ ารณญาณ 4. สมรรถนะสําคัญของนกั เรียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกป ญหา 4) ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ 5) ความสามารถในการใชเทคโนโลยี โดย ครสู ดุ าภรณ สืบบุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 31 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา 1) ความอยากรูอยากเห็น 2) ความมวี ิจารณญาณ 3) ความใจกวา ง 6. คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค 1. มวี ินัย 2. ใฝเ รียนรู 3. อยูอยา งพอเพียง 4. มุง มน่ั ในการทาํ งาน 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน : 1) สมุดบันทกึ ประสบการณการเรียนรู สรุปสาระสาํ คัญของเรื่องท่เี รยี น 2) แบบบันทกึ กจิ กรรม เร่อื ง โครงสรา งภายในปลายยอดตัด ตามยาว 3) แบบบันทกึ กจิ กรรม เรอื่ ง โครงสรางภายในของลาํ ตน ตัดตามขวาง 8. การบรณู าการงานสวนพฤกษศาสตรโ รงเรยี น งานสวนพฤกษศาสตรโ รงเรียน ในโครงการอนรุ ักษพนั ธกุ รรมพืชอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดํารสิ มเด็จ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี มีวัตถปุ ระสงคใหเ ยาวชนไดม โี อกาสใกลชิดกับพืชพรรณไม ได เรียนรถู ึงพืชทองถนิ่ ของตน ชวยกนั ดูแลไมใหสูญพนั ธุ ซ่ึงจะกอ ใหเกิดจติ สาํ นกึ ในการที่ จะอนุรกั ษส บื ไป การ ดําเนนิ งานประกอบดวย 5 องคป ระกอบและ 3 สาระการเรยี นรู เรื่องท่ีจะบูรณาการ (หวั ขอ ยอ ยในแบบประเมนิ ) องคป ระกอบท่ี 3 การศึกษาขอมูลดา นตา งๆ ลําดบั การเรยี นรทู ่ี 2 การศึกษาพรรณไมทสี่ นใจ 1. การศกึ ษาลกั ษณะภายนอก ภายในของพืชแตละสวนโดยละเอยี ด สาระการเรยี นรู ธรรมชาตแิ หงชีวิต ลาํ ดับการเรยี นรูที่ 1 สัมผัสเรยี นรูวงจรชีวติ ของชีวภาพอน่ื ๆ 1.1 ศึกษาดา นรูปลักษณ ไดขอมูลการเปล่ยี นแปลงและความแตกตา งดานรูปลักษณ 1.2 ศึกษาดานคุณสมบัติ ไดขอ มูลการเปล่ียนแปลงและความแตกตางดานคุณสมบัติ 9. กิจกรรมการเรยี นรู การเตรียมลว งหนา 1) ครูมอบหมายใหนักเรยี นศึกษารายละเอยี ดของกิจกรรม โดยเฉพาะวสั ดุและอุปกรณแ ละวธิ กี ารทํา กจิ กรรม เพื่อเตรยี มการลวงหนากอนถึงวนั ทาํ กิจกรรมจริง 2) ครคู วรศกึ ษาโครงสรา งภายในของลําตน พชื ใบเล้ยี งคูแ ละใบเล้ยี งเดี่ยวทุกระยะการเจริญเตบิ โตท่ี ตอ งการลว งหนา กอนสอนจริง เพอ่ื ใหค รสู ามารถใหคาํ แนะนําและตอบคําถามแกนักเรยี นไดอ ยา ง มนั่ ใจ โดย ครสู ดุ าภรณ สืบบุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 32 ชั่วโมงที่ 1-2 ขนั้ นาํ เขาสูบทเรียน/ขน้ั ตั้งคําถาม 1. ครใู ชภาพประกอบแสดงเน้อื เย่อื ถาวรและถามนักเรียนวา - โครงสรา งของลําตน ประกอบดว ยเนอื้ เยอื่ อะไร มคี วามเหมาะสมตอ การทําหนา ทขี่ องลําตน อยา งไร (แนวคาํ ตอบ อาจมไี ดหลากหลายซึ่งนกั เรียนจะไดค ําตอบหลังจากเรยี น เรื่อง โครงสรา งและการ เจรญิ เติบโต ของลําตน) ขนั้ สาํ รวจและคน พบ/ขน้ั การเตรียมการคน หาคําตอบ 1. ครใู หน ักเรยี นทํากิจกรรม โครงสรา งและการเจริญเตบิ โตของลําตน โดยครูแจง จดุ ประสงคของ กจิ กรรม แสดงไวบนกระดานหนาชน้ั เรยี น และอธบิ ายจดุ ประสงคแ ตละขอ กบั นักเรยี นใหชดั เจน โดย เนนวา เมือ่ จบกจิ กรรมและการเรียนเรอ่ื งโครงสรางและการเจริญเตบิ โตของลาํ ตนแลว นกั เรยี นตอ ง เปรียบเทยี บ ลกั ษณะโครงสรางลําตน พืชใบเลีย้ งคูแ ละลาํ ตน พืชใบเล้ียงเด่ยี วตัดตามขวางได 2. ครแู ละนักเรียนรว มกนั ทําความเขา ใจวธิ กี ารทํากจิ กรรม ตอนท่ี 1 โครงสรา งภายนอกของลาํ ตน พรอ มกบั เนนใหนกั เรยี น บันทกึ ผลการสังเกตลกั ษณะภายนอกของลําตน เปรียบเทียบระหวา งพชื ใบเลย้ี ง คู และพชื ใบเลย้ี งเดย่ี วในรูปแบบของตาราง ข้ันอธิบายและลงขอ สรุป/ข้ันดําเนินการคนหาคําตอบและตรวจสอบคําตอบ 1. ครแู ละนกั เรยี นใชลําตน จรงิ ของพชื ใบเลีย้ งคแู ละพืชใบเล้ียงเด่ียวท่ีเลอื กศกึ ษาโครงสรางภายนอก เพื่อ รว มกนั สรุปเก่ียวกับลกั ษณะภายนอกของลําตนทส่ี ังเกตได 2. ครแู ละนกั เรยี นรวมกันอภปิ รายผลการทํากิจกรรมโดยใชคําถามทา ยกิจกรรม มีแนวคําตอบดังน้ี - ลักษณะที่สาํ คัญของโครงสรา งภายนอกของลําตน พชื ใบเลย้ี งคูและพืชใบเล้ยี งเดยี่ วเหมือนหรือ แตกตางกันอยา งไร (แนวคาํ ตอบ สว นทีเ่ หมอื นกันของลาํ ตน พืชใบเล้ียงคูและพืชใบเลย้ี งเดย่ี ว เชน ผิวของลําตนอาจเรยี บหรอื ขรขุ ระ มีขน สขี องลําตน มีสีเขยี วหรอื มสี อี ่นื ปน สวนท่ตี างกนั ของลําตนพืชเล้ียงคแู ละพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เชน : ขอ และปลอง เห็นไดไมช ัดเจนในพืชใบเล้ยี งคูแตเหน็ ไดชัดเจนในพชื เลย้ี งเด่ียว : ตาตามซอกเห็นไดช ัดในพชื ใบเลย้ี งคู สวนในพชื ใบเล้ียงเดยี่ วไมเหน็ ตาตามซอก โดย ครสู ุดาภรณ สบื บญุ เปยม กลุมสาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 33 ขัน้ ขยายความรูและนําเสนอผลการคนหาคําตอบ 1. เมอื่ จบกจิ กรรมและการเรียนเรือ่ งโครงสรา งและการเจริญเตบิ โตของลําตน แลว นักเรียนตอ ง เปรียบเทยี บ ลักษณะโครงสรา งลําตนพืชใบเล้ียงคูและลาํ ตน พชื ใบเลีย้ งเดี่ยวจากโครงสรางภายนอกได 2. ครูอาจยกตวั อยา งลําตนพชื ของตน ไมชนดิ อื่น ๆ ทไี่ ปทาํ หนา ท่ีเฉพาะอยา ง เชน ลําตนสะสมอาหาร (ขา เผือก มันฝรง่ั ) ลําตนมือเกาะ (แตงกวา องนุ ตําลึง) ลําตนสงั เคราะหด วยแสง (กระบองเพชร) เปน ตน 3. ครูและนักเรียนรวมกนั อภปิ รายถงึ โครงสรา งและหนาทขี่ องลาํ ตนพชื ใบเลี้ยงเดย่ี ว พืชใบเลย้ี งคู ช่ัวโมงที่ 3-4 ขั้นนําเขา สูบทเรยี น/ข้ันตัง้ คําถาม 1. ครูทบทวนเกยี่ วกับโครงสรา งและหนาทขี่ องลําตนพืชใบเลยี้ งเด่ยี วและพชื ใบเล้ียงคู โดยใชคําถามถาม นักเรียนวา - ใหน ักเรยี นยกตวั อยา งพชื ใบเลี้ยงเด่ยี ว และพชื ใบเลีย้ งคู และบอกความแตกตางของพืชใบเลีย้ งเด่ียว และพืชใบเล้ียงคู (แนวคาํ ตอบ ตวั อยา งพชื ใบเลย้ี งเด่ียว – ขา วโพด ขา ว ออ ย ไผ มะพราว ปาลม บัว กลวยไม กลวย เปน ตน ตัวอยางพืชใบเลี้ยงคู – มะมว ง ขนนุ ลาํ ไย ถ่วั เขยี ว มะละกอ หมอนอย เปนตน ขอ แตกตางระหวา ง พืชใบ เล้ียงเด่ียวและพืชใบเลยี้ งคูสามารถสังเกตไดจากลําตน ถา ลําตน เห็นขอปลอ งชดั เจนจะเปน พชื ใบเลีย้ ง เด่ยี ว ถา มองเห็นขอปลอ งไมชดั เจนจะเปนพืชใบเลี้ยงคู ) ขน้ั สาํ รวจและคนพบ/ขั้นการเตรียมการคนหาคําตอบ 1. ครแู ละนักเรียนรวมกันทาํ ความเขา ใจวิธกี ารทํากิจกรรมตอนที่ 2.1 โครงสรางภายในปลายยอดตัด ตามยาว พรอ มกับเนนใหนักเรยี นบนั ทึกผลโดยการวาดรูปหรือถายรูปโครงสรา งปลายยอดท่ีเห็นภายใต กลอ ง จุลทรรศน พรอ มระบบุ รเิ วณตางๆ 2. ครมู อบหมายใหน ักเรียนศึกษาโครงสรา งภายในของปลายยอด จากน้ันครูใชภาพประกอบ แสดง ปลาย ยอดพชื ตัดตามยาว เพื่อรว มกนั สรุปเกย่ี วกับโครงสรางปลายยอดซง่ึ แบง เปนบริเวณตาง ๆ โดยในแตล ะ บรเิ วณจะมีเซลลทแ่ี ตกตางกันซง่ึ เหมาะสมกับการทําหนา ที่ที่แตกตางกัน 3. ระหวา งการทํากจิ กรรมตอนที่ 2.1 ใหค รตู รวจสอบความเขาใจของนกั เรยี นโดยใหน ักเรียนแตล ะ กลุม เลื่อนหาเนื้อเยือ่ ภายใตกลอ งจลุ ทรรศน เพ่อื ดูบริเวณตาง ๆ ของโครงสรางปลายยอดทงั้ 4 บริเวณ โดย ใหนกั เรยี นในกลุมทุกคนมสี วนรว มในการตรวจสอบความเขาใจน้ี 4. ตัวอยา งผลการทํากิจกรรม รูปวาดจากการศึกษาโครงสรางภายในของปลายยอดพืชตดั ตามขวาง โดย ครูสดุ าภรณ สืบบญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 34 5. ครูและนักเรียนรวมกันทาํ ความเขาใจวธิ ีการทํากิจกรรมตอนที่ 2.2 โครงสรางภายในของลําตนตัด ตามขวาง ภายในของลําตนตัดตามขวางท่ีมีระยะการเติบโตปฐมภูมิท่ีเห็นภายใตกลองจุลทรรศน พรอมระบุ บริเวณ ตาง ๆ และบันทึกรายละเอียดเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตางของเนื้อเยื่อแตละบริเวณ ของ ลําตนถั่วเขยี วและขาวโพดในรปู แบบตาราง 6. ครมู อบหมายใหน ักเรียนศึกษาโครงสรา งภายในของลําตนตัดตามขวาง จากน้ันครูใชภาพประกอบ แสดงลําตน พชื ใบเลีย้ งคแู ละลาํ ตน ใบเลี้ยงเดี่ยวตัดตามขวาง เพื่อรวมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสรางของลําตน พืช ใบเลี้ยงคูและลําตนพืชใบเล้ียงเดี่ยวที่มีการเติบโตปฐมภูมิมีเน้ือเยื่อแบงออกไดเปน 3 ช้ัน เหมือนกัน ไดแก เอพิเดอรมสิ คอรเ ทกซ และสตลี แตมีการจัดเรียงของเนือ้ เยื่อในช้นั สตลี ทีแ่ ตกตา งกนั 7. ระหวา งการทํากิจกรรมตอนท่ี 2.2 ครตู รวจสอบความเขา ใจของนักเรียนโดยใหนักเรียนแตละกลุม เลื่อน หาเนือ้ เยือ่ ภายใตกลองจุลทรรศน เพอ่ื ดบู ริเวณตา งๆ ของโครงสรา งภายในของลาํ ตนระยะท่ีมีการเติบโต ปฐมภูมิ โดยใหน กั เรยี นในกลุม ทกุ คนมีสว นรว มในการตรวจสอบความเขา ใจ ขน้ั อธิบายและลงขอสรุป/ขั้นดําเนนิ การคนหาคําตอบและตรวจสอบคาํ ตอบ 1. ครแู ละนกั เรียนรว มกนั อภปิ รายผลการทาํ กจิ กรรม ตวั อยางผลการทาํ กจิ กรรม รูปวาดจากการศกึ ษาโครงสรางภายในของลําตนระยะที่มีการเจรญิ เติบโตปฐมภูมิ 2. ครแู ละนักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั ผลการทํากิจกรรมวา วาสคิวลารบันเดิลในพืชใบ เล้ียง เดยี่ วจะเรียงตัวกระจายอยทู วั่ เนอ้ื เย่ือพ้ืน ทําใหขอบเขตของคอรเทกซและพธิ ไมชัดเจนจึงทาํ ใหไ ม สามารถระบบุ ริเวณของคอรเทกซแ ละพธิ ลงในรปู วาดได ซึ่งตางจากลาํ ตนพชื ใบเล้ยี งคูทส่ี ามารถระบุ ขอบเขต บริเวณของคอรเทกซและพธิ ไดช ัดเจน 3. ตารางเปรยี บเทยี บชนิดของเซลลห รือเนอ้ื เย่ือและการจัดเรยี งเน้ือเยอ่ื บริเวณลาํ ตนถ่ัวเขียวและ ขาวโพดท่ี มีการเติบโตปฐมภูมิ โดย ครสู ุดาภรณ สืบบุญเปยม กลุม สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปที่ 5 35 4. ครใู หน ักเรียนตอบคาํ ถามทา ยกิจกรรมโดยมแี นวคาํ ตอบดงั น้ี - เนือ้ เยอ่ื ช้ันตางๆ และการจัดเรยี งตวั ของวาสควิ ลารบ นั เดิลในลาํ ตนพชื ใบเล้ยี งคูและพืชใบเล้ยี ง เดีย่ วเหมือนหรอื แตกตางกนั อยา งไร (แนวคาํ ตอบ ลกั ษณะท่ีเหมอื นกนั คือ ลําตนพชื ใบเลี้ยงคูและพืชใบเลี้ยงเด่ียวประกอบดวยเนื้อเย่ือ 3 บริเวณ คือ เอพิเดอรมิส คอรเทกซ สตีล ลักษณะท่ีตางกัน คือ ลําตนพืชใบเล้ียงคูมีคอรเทกซชัดเจน ในชั้นสตีลมี วาสคิวลารบันเดิล หลายกลุมเรียงเปนระเบียบเปนวง แตละกลุมมีเนื้อเยื่อทอลําเลียงดานในเปนไซเล็ม และ ดานนอก เปนโฟลเอ็มเรียงตัวในแนวรัศมีเดียวกัน สวนลําตนพืชใบเลี้ยงเด่ียวมีวาสคิวลารบันเดิลกระจายทั่ว เนื้อเย่ือพ้ืน ทาํ ใหเ หน็ ขอบเขตของพิธและคอรเทกซไมชัดเจน ไซเล็มและโฟลเอ็มเรียงตัวในแนวรัศมี เดียวกัน มลี ักษณะเฉพาะคลายหวั กะโหลกคน) - ถา โครงสรางตัดตามขวางท่ีเห็นในกลองจุลทรรศนเปนสวนของลําตนใกลยอดหรือใกลโคน ลําตน ทราบไดอยา งไร (แนวคําตอบ ทราบไดจ ากการสังเกตเนือ้ เยื่อผวิ และการจดั เรียงของวาสควิ ลารบ ันเดิลถามองเห็นวาเนื้อเยื่อผิว ดานนอกเปน เน้อื เยอื่ เอพิเดอรม สิ ซ่ึงลําตน พืชสว นใหญมชี ้นั เดยี ว และในช้ันสตลี พบวาสคิวลารบันเดิลมีจํานวน หลายกลมุ เรยี งเปน ระเบยี บรอบลาํ ตน ซ่ึงเปน รปู แบบการจดั เรยี งของเน้ือเยอ่ื ท่ีพบ ในการเตบิ โตปฐมภมู ิ ดังนั้น โครงสรา งทเ่ี ห็นเปนสวนของลําตนพชื ใบเลยี้ งคูใกลยอด ถามองเห็นวาเนอ้ื เยื่อผิวดานนอกเปนเพริเดิรมโดยมี คอรกหลายชั้นเรียงตัวอยูชั้นนอกสุด และในช้ันสตีลพบเน้ือเยื่อทอลําเลียงเกิดเพ่ิมข้ึนจนเชื่อมเปนวง โดยมี วาสควิ ลารแคมเบยี มอยู ระหวา งโฟลเอม็ และไซเล็ม ซึ่งเปนรูปแบบการจัดเรียงของเนื้อเย่ือที่พบในการเติบโต ทตุ ิยภมู ิ ดังนัน้ โครงสรางทเ่ี ห็นเปนสวนของลาํ ตน พืชใบเลี้ยงคใู กลโ คน) โดย ครสู ดุ าภรณ สืบบญุ เปย ม กลุมสาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 36 ขั้นขยายความรแู ละนาํ เสนอผลการคน หาคําตอบ 1. ครูและนักเรียนรว มกันอภิปรายเพอ่ื เปรียบเทียบเน้ือเยื่อช้นั ตา ง ๆ ของรากและลําตน วาเหมอื น หรอื แตกตา งกันอยา งไร โดยมแี นวทางการเปรียบเทียบสรปุ ได ดังตาราง โดย ครูสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม กลุมสาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 37 2. ครูใชภาพประกอบ ซงึ่ แสดงลําตนพชื ใบเล้ยี งคูชนิดพชื ลมลุกระยะท่ีมกี ารเตบิ โตทุตยิ ภูมิ อธบิ าย เกีย่ วกับการ เตบิ โตทตุ ิยภมู ิของลําตน พืชใบเล้ยี งคูวา ทําใหลําตน มขี นาดใหญข ึ้น 3. ครใู หค วามรเู พิ่มเติมกับนักเรียนเก่ียวกับลาํ ตนพืชใบเลีย้ งคูชนิดพืชลมลุกที่มีการเติบโตทุติยภูมิ จะ มี วาสคิวลารแคมเบียมที่อยูในมัดทอลําเลียง ทําหนาที่แบงเซลลสรางเน้ือเย่ือทอลําเลียงทุติยภูมิภายในกลุม ทอลําเลียงเดิม และมีวาสคิวลารแคมเบียมท่ีอยูระหวางมัดทอลําเลียงโดยจะเช่ือมเรียงตัวเปนวงตอกับ วาสควิ ลารแคมเบียมท่ีอยูในกลุมทอลําเลียง โดยจะแบงเซลลสรางไซเล็มทุติยภูมิดานในและโฟลเอ็มทุติยภูมิ ดา นนอก ช่ัวโมงท่ี 5-6 ขน้ั นาํ เขาสบู ทเรียน/ขั้นตงั้ คําถาม 1. ครูใชภาพประกอบ ซงึ่ แสดงลําตน พชื ใบเลย้ี งคูชนิดไมต น ระยะท่ีมีการเตบิ โตทุตยิ ภมู อิ ธิบาย เกย่ี วกับการเติบโต ทตุ ยิ ภูมิของพืชใบเล้ียงคชู นิดไมต น และเพริเดริ มและใชคําถามถามนกั เรยี นวา - มีพชื ชนดิ ใดบา งทมี่ ีเน้อื ไม นอกจากลําตนพชื ใบเลี้ยงคูแลว ในพืชใบเลี้ยงเด่ียวมเี นอ้ื ไมห รอื ระยะท่ี มี การเติบโตทุตยิ ภูมหิ รือไม ยกตัวอยา ง โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 38 ขัน้ สาํ รวจและคนพบ/ข้ันการเตรยี มการคนหาคําตอบ 1. ครูใชภาพประกอบ ซง่ึ แสดงเน้อื ไม และเปลือกไมข องลําตน พืชที่มีอายมุ าก อธบิ ายเกย่ี วกับ เน้ือไม แกนไม และวงป จากนน้ั ครใู หน ักเรยี นรว มกันอภปิ รายเพื่อตอบคําถาม - จํานวนวงปข องตน ไมบอกอะไรไดบ าง (แนวคําตอบ บอกอายุของตนไม จากจํานวนวงปท ี่เห็น) - ความกวา งของชั้นวงปทเี่ กดิ จากไซเล็มทีม่ ีสีจางบอกใหท ราบเรอื่ งอะไร (แนวคําตอบ บอกใหทราบวา ในฤดกู าลนัน้ ของปมีนา้ํ อดุ มสมบูรณ เซลลม กี ารเจรญิ เติบโตดี โดยเฉพาะไซเลม็ จะมี เซลลขนาดใหญกวาปกติ) 2. ครมู อบหมายใหนักเรยี นแตละกลุม สืบคน ขอมูล และยกตัวอยา งการใชประโยชนจากลาํ ตนพืชใบ เล้ียงคู และลําตนพืชใบเลี้ยงเดย่ี วโดยใชความรเู กยี่ วกับโครงสรา งของลําตน เพ่อื อธบิ ายเหตุผลวา เพราะเหตุใด พชื ชนดิ ดงั กลาวจงึ เหมาะสมกบั การใชป ระโยชนใ นดานนนั้ ข้ันอธบิ ายและลงขอ สรุป/ข้ันดําเนนิ การคนหาคําตอบและตรวจสอบคาํ ตอบ 1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายตัวอยางการใชประโยชนจากลําตนพืชใบเล้ียงคูและลําตนพืชใบ เล้ยี งเดย่ี ว โดยมตี ัวอยางการใชประโยชนข องพชื ดงั นี้ การใชประโยชนจ ากลาํ ตน ยางพารา ปจจุบันมีการนําไมยางพารามาใชผลิตเฟอรนิเจอร ทําไมแปรรูป เพื่อทดแทนไมปาขนาดใหญใน ธรรมชาติ เนอื่ งจากยางพาราเปน พืชใบเลี้ยงคชู นิดไมตนและมเี น้อื ไม โดยในการเตบิ โตทตุ ิยภูมิ วาสควิ ลารแคมเบียมจะแบง เซลลเขาดานในเกดิ เปน ไซเล็มท่ปี ระกอบดว ยเวสเซลเมมเบอรและไฟเบอรจํานวน มากซ่งึ เปน เซลลท่มี ผี นงั เซลลท ่แี ข็งแรงจงึ ทําใหไมจ ากยางพาราเหมาะแกการนํามาใชในการผลิต เฟอรนิเจอร ไมแปรรูป การใชป ระโยชนจากล าตนไมไ ผ ไผเ ปน พชื ที่นิยมนาํ มาใชผ ลติ เปนเคร่ืองจกั สานตัง้ แตอ ดตี จนถึงปจ จุบนั เนอื่ งจากเนอื้ เย่อื ของลําตนไผ มีไฟเบอรจํานวนมาก ซึ่งเปนเซลลที่มีผนังเซลลที่แข็งแรง จึงทําใหลําตนไผยืดหยุน เหนียว เหมาะสําหรับ นาํ มาใชท ําเครือ่ งจกั สาน ขั้นขยายความรูและนาํ เสนอผลการคนหาคาํ ตอบ 1. ครมู อบหมายใหนักเรยี นแตล ะกลุม สบื คนขอมูลเกีย่ วกบั หนาทข่ี องลาํ ตน ทีท่ าํ หนาทแ่ี ตกตางจาก ลาํ ตน เหนือผวิ ดินโดยทว่ั ไป 2. ครแู ละนักเรียนรว มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั หนาทข่ี องลําตนทท่ี ําหนา ท่แี ตกตางจากลําตน เหนือผวิ ดิน โดยทวั่ ไป ดังนี้ ตัวอยา งลาํ ตน ทเี่ จริญเหนอื ระดบั ผวิ ดิน - กระบองเพชร ลาํ ตนคลายใบ (cladophyll) ลาํ ตน สีเขยี วทําหนา ทส่ี งั เคราะหด ว ยแสงแทนใบ - เฟอ งฟา หนามจากลําตน (thorn) ก่งิ ของลําตนท่เี ปล่ียนสภาพเปน หนาม - แตงกวา ลําตนมอื เกาะ (stem tendril) สวนของลาํ ตน ท่เี ปลีย่ นเปนมือเกาะ ตัวอยา งลําตน ท่ีเจริญ อยูใตระดบั ผวิ ดิน โดย ครสู ุดาภรณ สืบบุญเปยม กลุม สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 39 - ขา เหงา (rhizome) ลําตนใตดนิ ทเ่ี จรญิ เติบโตตามผิวดนิ - เผอื ก หวั (corn) เปนลาํ ตนใตด นิ ทําหนา ท่สี ะสมอาหาร รูปรา งคอ นขา งกลม เห็นขอปลอ งชดั เจน - มันฝร่งั หัวแบบมนั ฝร่งั (tuber) เปน ลําตน ใตดนิ ทาํ หนาท่ีสะสมอาหาร รูปรางคอนขางกลม มีตา รอบหัว ข้นั สรปุ และประเมินผล 1) สมดุ บันทกึ ประสบการณก ารเรยี นรู สรปุ สาระสาํ คัญของเร่อื งทเี่ รียน 2) แบบบันทึกกิจกรรม 2.1 เรอ่ื ง โครงสรางภายในปลายยอดตดั ตามยาว 3) แบบบนั ทึกกจิ กรรม 2.2 เรอื่ ง โครงสรา งภายในของลําตนตดั ตามขวาง 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหลงเรยี นรู รายการสือ่ จาํ นวน สภาพการใชสอ่ื 1. สมุดบันทกึ ประสบการณการเรียนรู สรปุ สาระสําคญั ของเรื่องที่เรยี น 1 ชดุ ข้ันอธิบายและลงขอ สรุป 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม 2.1 เรอ่ื ง โครงสรางภายในปลายยอดตัด ตามยาว 1 ชุด ข้ันอธิบายและลงขอสรปุ 3. แบบบนั ทกึ กิจกรรม 2.2 เร่อื ง โครงสรา งภายในของลําตนตดั ตามขวาง 1 ชุด ข้นั สาํ รวจและคน พบ โดย ครสู ดุ าภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปที่ 5 40 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เปาหมาย หลักฐานการเรียนรู วิธวี ัด เครอ่ื งมอื วดั ฯ ประเด็น/ การเรียนรู ชิน้ งาน/ภาระงาน เกณฑการให บอกหนา ทขี่ องราก 1. สมดุ บันทึก คะแนน ตรวจสมุดบันทกึ แบบประเมนิ สมดุ บนั ทกึ รอ ยละ 65 ผา น พืชดอก โครงสรา ง ประสบการณการ ประสบการณก าร เกณฑ ของปลายรากตัด เรยี นรู สรปุ สาระสําคญั เรียนรู สรุป ตามยาว และการ ของเร่ืองทีเ่ รยี น สาระสําคญั ของ เปรียบเทยี บ เร่อื งท่เี รียน โครงสรางภายในของ 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ตรวจแบบบนั ทกึ แบบบนั ทึกกจิ กรรม 2.1 รอยละ 65 ผา น รากพชื ใบเลี้ยงคู 2.1 เรอื่ ง โครงสรา ง กจิ กรรม 2.1 เรอื่ ง เร่ือง โครงสรา งภายใน เกณฑ และรากพชื ใบเล้ียง ภายในปลายยอดตดั โครงสรางภายใน ปลายยอดตัด ตามยาว เดีย่ วจากการตดั ตาม ตามยาว ปลายยอดตัด ขวางจากการเรยี น ตามยาว และการทํากิจกรรม 3. แบบบันทึกกิจกรรม ตรวจแบบบนั ทึก แบบบันทึกกจิ กรรม 2.2 รอยละ 65 ผา น 2.2 เรอ่ื ง โครงสราง กจิ กรรม 2.2 เรอ่ื ง เร่ือง โครงสรา งภายใน เกณฑ ภายในของลําตน ตดั โครงสรา งภายใน ของลาํ ตน ตดั ตามขวาง ตามขวาง ของลําตน ตดั ตาม ขวาง 4. พฤตกิ รรมการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ทํางานรายบุคคล การทํางาน การทํางานรายบคุ คล ผานเกณฑ รายบคุ คล 5. พฤติกรรมการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ทํางานรายกลุม การทํางานรายกลุม การทาํ งานรายกลุม ผานเกณฑ 6. คณุ ลกั ษณะ สังเกตความมวี นิ ยั แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค ใฝเรยี นรแู ละมุงม่ัน คุณลกั ษณะ ผานเกณฑ ในการทํางาน อันพึงประสงค โดย ครสู ุดาภรณ สืบบญุ เปย ม กลุม สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 41 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล คําชีแ้ จง : ใหผสู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว ขีด ลงในชองที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลําดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3 21 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟง ความคิดเหน็ ของผูอ น่ื 3 การทํางานตามหนาที่ท่ไี ดรับมอบหมาย 4 ความมนี า้ํ ใจ 5 การตรงตอ เวลา รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู ระเมนิ (นางสาวสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม) ............./................../............... เกณฑการใหคะแนน ให 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา งสมาํ่ เสมอ ให 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ ยคร้งั ให 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑก ารตัดสินคณุ ภาพ ชวงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ต่าํ กวา 8 ปรับปรุง โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 42 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุม คาํ ช้แี จง : ใหผสู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลวขดี ลงในชองที่ ตรงกับระดับคะแนน การมี ลาํ ดบั ท่ี ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรับ การทํางาน ความมี สว นรวมใน รวม ของนักเรียน ความ ฟงคนอื่น ตามทไ่ี ดร ับ นํา้ ใจ 15 คิดเห็น การ คะแนน มอบหมาย ปรบั ปรุง ผลงานกลุม 321321321321321 ลงชอื่ ...................................................ผปู ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม) ............../.................../............... เกณฑการใหคะแนน ให 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา งสมํา่ เสมอ ให 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอยครงั้ ให 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑการตัดสนิ คุณภาพ ชว งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช ตํ่ากวา 8 ปรบั ปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ สืบบุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจัดการเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 43 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค คาํ ชีแ้ จง : ใหผูส อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว ขดี ลงในชองที่ ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพึงประสงคดาน 321 1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ 1.1 ปฏิบตั ติ ามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบ ขอ บังคบั ของครอบครวั มีความตรงตอ เวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตาง ๆ ในชวี ิตประจาํ วัน 2. ใฝเ รียนรู 2.1 รจู กั ใชเวลาวา งใหเปน ประโยชน และนาํ ไปปฏบิ ตั ไิ ด 2.2 รจู ักจดั สรรเวลาใหเ หมาะสม 2.3 เช่ือฟงคาํ สั่งสอนของบิดา - มารดา โดยไมโตแ ยง 2.4 ตั้งใจเรียน 3. อยอู ยา งพอเพยี ง 3.1 ใชท รพั ยส ินและสิ่งของของโรงเรยี นอยางประหยัด 3.2 ใชอ ปุ กรณก ารเรียนอยา งประหยัดและรูคุณคา 3.3 ใชจ า ยอยางประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงิน 4. มุงม่ันในการทํางาน 4.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทํางานที่ไดรบั มอบหมาย 4.2 มคี วามอดทนและไมท อแทตออปุ สรรคเพ่ือใหง านสําเร็จ ลงช่ือ...................................................ผปู ระเมิน (นางสาวสุดาภรณ สืบบุญเปยม) ............../.................../................ เกณฑการใหค ะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและบอ ยคร้ัง ให 2 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างครัง้ ให 1 คะแนน เกณฑก ารตัดสนิ คุณภาพ ชว งคะแนน ระดับคุณภาพ 51 - 60 ดีมาก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช ตํา่ กวา 30 ปรับปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปยม กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 44 11. ความเหน็ ของผบู รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผูทไ่ี ดรบั มอบหมาย ขอ เสนอแนะ ลงชื่อ.................................................. (นายอดิศร แดงเรือน) 12. บนั ทกึ ผลหลังการสอน เนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื ประกอบการเรยี นรู พฤติกรรม/การมีสวนรว มของผเู รียน ลงช่อื ..................................................ผูสอน (นางสาวสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม) ตาํ แหนง พนกั งานราชการ โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 45 แผนการจดั การเรยี นรู หนวยการเรียนรทู ่ี 9 เรอื่ ง โครงสรางและการเจริญเตบิ โตของพืชดอก แผนจดั การเรียนรทู ่ี 4 เร่อื ง โครงสรา งและการเจริญเติบโตของใบ รายวิชา ชีววิทยา4 รหสั วชิ า 32203 ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5/1 ภาคเรยี นที่ 1 ปก ารศึกษา 2564 นาํ้ หนักเวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง/สัปดาห เวลาท่ใี ชใ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 4 ช่วั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคัญ ใบ มีหนา ทส่ี ังเคราะหด ว ยแสง แลกเปลยี่ นแกสและคายน้ํา ใบของพืชดอกประกอบดวย กานใบ แผน ใบ เสนกลางใบ และเสน ใบ พืชบางชนิดอาจไมมกี านใบ ท่ีโคนกานใบอาจพบหรือไมพบหูใบ โครงสรางภายใน ของใบตัดตามขวาง ประกอบดวย 3 สว น ไดแ ก เอพิเดอรมิส มโี ซฟล ล และวาสคิวลารบนั เดิล นอกจากนี้ พชื ใบเลียงคูและพืชใบเลียงเด่ียวมีรูปแบบการจัดเรียงเน้ือเยื่อท่ีแตกตางกันซึ่งสัมพันธกับ รปู แบบการเจรญิ เตบิ โตและการดาํ รงชวี ติ ของตน พชื เอง 2. มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวชวี้ ัดชน้ั ป/ผลการเรียนรู/ เปาหมายการเรียนรู ผลการเรยี นรู 8. สงั เกต อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสรางภายในของใบพืชจากการตดั ตามขวาง 3. สาระการเรียนรู 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge โครงสรา งภายนอกและบอกหนา ทขี่ องใบพชื ดอก โครงสรางภายในของใบพชื ใบเลียงคแู ละใบพชื ใบ เลยี งเด่ียวจากการตัดตามขวาง จากการเรียน และการทาํ กจิ กรรม 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) การสงั เกต การจําแนกประเภท จากการทาํ กจิ กรรม 2) การจดั กระทําและสอ่ื ความหมายขอมูล 3) การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู ทาทันสอื่ จากรปู วาด คาํ บรรยายของรูปตวั อยา งพืช และ บนั ทึกผล การทดลอง 3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค : Attitude 1) สนใจใฝร ูในการศึกษา 2) ความอยากรูอยากเห็น 3) ความมวี ิจารณญาณ 4) ความใจกวา ง 4. สมรรถนะสําคญั ของนักเรยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกปญ หา 4) ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ 5) ความสามารถในการใชเทคโนโลยี โดย ครูสดุ าภรณ สบื บญุ เปยม กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศึกษาปที่ 5 46 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา 1) ความอยากรอู ยากเห็น 2) ความมวี จิ ารณญาณ 3) ความใจกวา ง 6. คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ รียนรู 3. อยอู ยางพอเพียง 4. มงุ มนั่ ในการทํางาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : 1) สมุดบันทกึ ประสบการณการเรยี นรู สรปุ สาระสําคญั ของเรื่องทเ่ี รยี น 2) แบบบันทึกกจิ กรรมตอนที่ 1 เรอื่ ง โครงสรางภายนอกของใบพืชใบเลย้ี งคู และใบพืชใบเลย้ี งเด่ยี ว 3) แบบบันทกึ กิจกรรมตอนที่ 2 เร่ือง โครงสรา งภายในของใบพืชใบเล้ียงคู และใบพชื ใบเลี้ยงเด่ยี ว 8. การบรูณาการงานสวนพฤกษศาสตรโรงเรียน งานสวนพฤกษศาสตรโรงเรยี น ในโครงการอนรุ ักษพนั ธกุ รรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชดาํ ริสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี มีวตั ถุประสงคใหเ ยาวชนไดมโี อกาสใกลชิดกบั พืชพรรณไม ได เรยี นรถู ึงพชื ทอ งถนิ่ ของตน ชวยกนั ดูแลไมใ หส ูญพันธุ ซงึ่ จะกอ ใหเ กิดจิตสาํ นกึ ในการที่ จะอนุรกั ษส ืบไป การ ดาํ เนินงานประกอบดว ย 5 องคประกอบและ 3 สาระการเรียนรู เรือ่ งทจ่ี ะบรู ณาการ (หวั ขอ ยอยในแบบประเมิน) องคป ระกอบที่ 3 การศกึ ษาขอมูลดานตางๆ ลําดับการเรยี นรูท่ี 2 การศกึ ษาพรรณไมท ่ีสนใจ 1. การศึกษาลักษณะภายนอก ภายในของพชื แตล ะสวนโดยละเอียด สาระการเรยี นรู ธรรมชาตแิ หงชวี ิต ลาํ ดับการเรยี นรูท ี่ 1 สมั ผัสเรียนรวู งจรชีวิตของชีวภาพอ่ืนๆ 1.1 ศกึ ษาดา นรูปลกั ษณ ไดขอมูลการเปลย่ี นแปลงและความแตกตางดา นรูปลกั ษณ 1.2 ศึกษาดานคุณสมบตั ิ ไดขอ มูลการเปลย่ี นแปลงและความแตกตางดา นคุณสมบัติ 9. กิจกรรมการเรียนรู การเตรียมลว งหนา 1) ครมู อบหมายใหน ักเรยี นศกึ ษารายละเอยี ดของกิจกรรม โดยเฉพาะวสั ดุและอปุ กรณและวธิ กี าร ทํา กิจกรรม เพ่ือเตรียมการลว งหนา กอนถึงวนั ทาํ กจิ กรรมจริง 2) ครศู กึ ษาโครงสรางภายในของใบพชื ใบเลยี งคูและใบเลียงเดี่ยวที่ตองการศึกษาลว งหนา กอ นสอน จรงิ เพอื่ ใหครูสามารถใหคาแนะนา และตอบคา ถามแกนักเรียนไดอยางมนั่ ใจ ชัว่ โมงท่ี 1-2 ข้นั นาํ เขา สูบ ทเรยี น/ขัน้ ต้ังคําถาม 1. ครูใชใบพชื ใหนักเรียนสังเกตโครงสรางภายนอกของใบ อธบิ ายเกย่ี วกับหนา ทข่ี องใบ จากนั้นใช คําถามถาม นักเรยี นวา โดย ครูสดุ าภรณ สืบบญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวชิ าชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท่ี 5 47 - โครงสรางของใบประกอบดวยเน้ือเยอื่ อะไร มีความสมั พนั ธกับการสงั เคราะหด วยแสงและการ แลกเปลี่ยนแกส และคายนํ้าาอยา งไร (แนวคําตอบ คําตอบอาจมไี ดห ลากหลายซง่ึ นักเรยี นจะไดคาํ ตอบหลังจากเรียน เร่ือง โครงสรา งและ การ เจรญิ เติบโตของใบ) ขัน้ สํารวจและคนพบ/ขัน้ การเตรียมการคน หาคําตอบ 1. ครใู หนกั เรียนทํากจิ กรรม โครงสรางและการเจรญิ เติบโตของใบ โดยครแู จง จุดประสงคของ กิจกรรม โดยแสดงไวบนกระดานหนาชน้ั เรยี น และอธิบายจดุ ประสงคแ ตล ะขอกบั นกั เรียนใหช ัดเจน โดยเนน วาเมื่อจบกจิ กรรมและการเรียนเร่อื งโครงสรา งและการเจริญเตบิ โตของใบแลว นักเรียนตองอธิบาย โครงสราง ภายในของใบพืชจากการตัดตามขวางได 2. ครูและนกั เรียนรว มกันทําความเขาใจวิธกี ารทํากิจกรรมตอนท่ี 1 โครงสรา งภายนอกของใบพชื ใบ เลย้ี งคู และใบพืชใบเล้ยี งเดย่ี ว พรอมกับเนนใหน กั เรียน บันทึกผลจากการสงั เกตลกั ษณะภายนอกของใบ เปรยี บเทยี บระหวา งใบพืชใบเลย้ี งคูแ ละพชื ใบเล้ียงเด่ยี วในรปู แบบของตาราง 3. ครูใชภาพประกอบแสดง ปลายยอดพืชตัดตามยาว อธิบายเกี่ยวกบั การเจรญิ เตบิ โตของใบ 4. ครมู อบหมายใหนกั เรยี นศึกษาโครงสรา งภายนอกของใบพืชใบเล้ียงคแู ละใบพืชใบเล้ียงเด่ียว จากน้ันครูใช ภาพประกอบ ซึ่งแสดงโครงสรางภายนอกของใบ เพ่ือรวมกันสรุปกับนกั เรียนเกี่ยวกับโครงสรา ง ภายนอกของ ใบพชื และเพอ่ื ใหนักเรยี นใชข อมูลประกอบการบันทึกผลการทดลอง ข้ันอธบิ ายและลงขอสรปุ /ข้ันดาํ เนนิ การคน หาคําตอบและตรวจสอบคําตอบ 1. ครใู หนักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเพือ่ ตอบคําถาม - การทใี่ บของพชื มลี ักษณะเปนแผนแบนเหมาะสมตอการสรา งอาหารของพืชอยา งไร (แนวคาํ ตอบ ใบของพืชทีม่ ีลกั ษณะเปน แผนแบนทาํ ใหใบมีพืน้ ที่ผิวในการรบั แสงมาก ซงึ่ ชว ยใหสารสี ในใบพชื ดูดกลืนแสงไดม ากและนาํ ไปใชในกระบวนการสังเคราะหดว ยแสง) - การที่เสนใบแตกแขนงไปทว่ั แผน ใบชวยสง เสริมการทําหนาทีข่ องใบอยางไร (แนวคําตอบ ชวยในการคาํ้ จุนโครงสรางของใบ และทาํ ใหพ ชื สามารถลาํ เลียงน้าํ ธาตุอาหาร และ อาหารไดท ่วั ทัง้ แผนใบ) 2. ตวั อยางผลการทํากิจกรรม โดย ครูสดุ าภรณ สืบบญุ เปย ม กลุมสาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรียนรู รายวิชาชวี วิทยา3 มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 48 ข้ันขยายความรูและนําเสนอผลการคน หาคําตอบ 1. ครูและนักเรียนรว มกันอภิปรายโดยใชคาถามดังน้ี - ลักษณะใบของพชื แตล ะชนดิ เหมอื นหรอื ตา งกนั อยางไร (แนวคาํ ตอบ ลกั ษณะท่เี หมอื นกนั คอื ใบพชื ใบเลี้ยงคแู ละใบพชื ใบเลยี้ งเดย่ี ว มีโครงสรา ง 2 สว น คือ แผน ใบและ กานใบ แผน ใบเปนแผน แบน มสี เี ขียวและมีเสน ใบ ลักษณะทต่ี างกนั คอื มีขนาดรปู รา ง และลกั ษณะการเรยี งตัวของเสน ใบ ความเขมของสเี ขียว ท่ีใบ ดานบนและดานลางไมเ ทา กนั หรือผิวใบดานบนสีเขมกวา ผิวใบดา นลาง หรอื พืชบางชนิดมีผิวใบ ดา นบนและ ดานลางตางสีกนั และผิวใบดานบนมักจะมนั กวาผิวใบดา นลา ง อาจมีกานใบหรือไมมกี ็ได ขอบใบและปลายใบ อาจมลี กั ษณะแตกตางกันไป เชน หยักเวามากนอยตา งกัน ผิวใบบางชนิดอาจมี ขนหรอื ตอม) 2. ครใู หนกั เรยี นสืบคนความรเู พิ่มเตมิ เพอ่ื ตอบคําถามชวนคิด - ใหน กั เรยี นยกตัวอยางการใชป ระโยชนจากใบพืชใบเลีย้ งคูและใบพืชใบเลีย้ งเดีย่ ว โดยใชความรู เกีย่ วกบั โครงสรา งของใบเพอื่ อธิบายเหตุผลวา เพราะเหตใุ ดพืชชนดิ ดังกลา วจงึ เหมาะสมกับการใช ประโยชน ในดา นนนั้ (แนวคาํ ตอบ แนวทางการสืบคนขอมูลตวั อยางการใชประโยชนจากใบพชื ใบเลี้ยงคแู ละใบพืชใบ เลี้ยง เดี่ยวเปนดังนี้ ) การใชป ระโยชนจ ากใบบวั มนษุ ยใชใ บบัวในการหอ อาหารมาตั้งแตโ บราณ เนอ่ื งจากใบบัวมีแผนใบทกี่ ลม ใหญม ีเสน ใบสานเปน รางแห ทาํ ใหเหนยี วไมฉ ีกขาดงา ย เหมาะกบั การใชหออาหาร นอกจากนี้ บริเวณเอพิเดอรม สิ ดานบนยงั มี ชน้ั ควิ ทเิ คิลหนา ซง่ึ สรางขนึ้ มาเพ่ือปองกันการระเหยของนํ้าและทําใหน ํา้ สามารถกล้งิ ไปมาบนใบจบั ฝนุ หรอื ส่ิง สกปรกท่ตี ิดอยูชวยทําความสะอาดผิวใบ อีกทง้ั บัวยงั ไมม ผี ลกึ หรือพิษอยภู ายใน การใชป ระโยชนจากใบกลว ย มนษุ ยใ ชประโยชนจ ากใบกลวยในการหออาหาร ขนม ประดิษฐบ ายศรี กระทง และยังใชก า นใบใน การทาํ เชอื กกลว ยมาตงั้ แตโบราณ เนื่องจากใบกลวยมแี ผน ใบที่ใหญ สามารถฉกี แบงเปน แผน ตามเสนใบ ได งา ย อกี ท้ังมคี วามเหนียวและพบั ไดง า ย หากพิจารณาท่โี ครงสรางภายในตดั ตามขวางของใบกลว ยจะ พบวามี ชอ งอากาศขนาดใหญอยูร ะหวางวาสควิ ลารบ ันเดิลซึ่งลักษณะน้ี เองทที่ ําใหใบกลวยฉกี แบง ไดง าย และ เน่ืองจากโครงสรางของใบกลว ยมไี ฟเบอรจ ํานวนมากทั้งเอพเิ ดอรมสิ ดา นบนและเอพเิ ดอรมิสดา นลาง จึงทําให ใบกลว ยมคี วามเหนียวและยืดหยุน ช่วั โมงที่ 3-4 ข้ันนาํ เขา สบู ทเรียน/ขน้ั ตัง้ คาํ ถาม 1. ครูทบทวนเกย่ี วกับโครงสรางและหนา ทข่ี องลําตนพืชใบเลย้ี งเดีย่ วและพืชใบเลีย้ งคู โดยใชคําถามถาม นักเรียนวา - ใหนักเรยี นยกตัวอยา งพชื ใบเลีย้ งเดี่ยว และพืชใบเล้ียงคู และบอกความแตกตางของพชื ใบเลย้ี งเด่ียว และพชื ใบเลี้ยงคู (แนวคําตอบ ตวั อยา งพืชใบเล้ยี งเดยี่ ว – ขาวโพด ขา ว ออ ย ไผ มะพรา ว ปาลม บวั กลวยไม กลวย เปนตน ตัวอยางพชื ใบเลี้ยงคู – มะมว ง ขนนุ ลาํ ไย ถ่วั เขียว มะละกอ หมอนอ ย เปน ตน ขอแตกตา งระหวา ง โดย ครสู ดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลุมสาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร
แผนการจัดการเรียนรู รายวิชาชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 49 พชื ใบ เล้ียงเด่ียวและพืชใบเล้ยี งคูสามารถสังเกตไดจ ากลําตน ถา ลําตน เห็นขอ ปลองชดั เจนจะเปน พืชใบเล้ียง เด่ียว ถา มองเห็นขอปลองไมช ัดเจนจะเปน พืชใบเลย้ี งคู ) ขนั้ สํารวจและคนพบ/ข้ันการเตรยี มการคน หาคําตอบ 1. ครูและนกั เรยี นรวมกนั ทาํ ความเขาใจวธิ กี ารทํากจิ กรรมตอนท่ี 2 โครงสรางภายในของใบพืชใบ เล้ยี งคู และใบพชื ใบเลีย้ งเดยี่ ว พรอ มกบั เนน ใหนกั เรยี นบนั ทกึ ผลโดยการวาดรปู หรอื ถา ยรปู โครงสรางภายใน ของ ใบที่เห็นภายใตกลองจุลทรรศน พรอ มระบุบริเวณตาง ๆ และบนั ทึกรายละเอยี ดเปรียบเทียบเนือ้ เยอ่ื แต ละชั้นของใบพชื ใบเลย้ี งคูและใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในรูปแบบตาราง 2. ครมู อบหมายใหน กั เรียนศกึ ษาโครงสรา งภายในของใบพืชใบเลย้ี งคูและพืชใบเลย้ี งเดยี่ วจากน้นั ครู ใชภาพประกอบ โครงสรา งภายในของใบพืชตัดตามขวาง เพ่อื รวมกนั สรปุ กับนักเรียนเกี่ยวกับโครงสรางใบของ พืชใบ เลี้ยงคูและพืชใบเลย้ี งเด่ียวตัดตามขวาง 3. ระหวางการทาํ กจิ กรรมตอนท่ี 2 ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนโดยใหน กั เรยี นแตละกลมุ เลื่อน หาเนอ้ื เยือ่ บรเิ วณตา งๆ ของโครงสรางใบของพชื ใบเลยี้ งคูแ ละพชื ใบเล้ยี งเดีย่ วตดั ตามขวาง โดยให นักเรียนในกลุมทกุ คนมีสว นรว มในการตรวจสอบความเขาใจนี้ 4. ในการทดลองครูเนนยํา้ ใหนกั เรยี นวางช้ินตัวอยางใบโดยวางดานท่เี ปนรอยตดั ขึ้นดานบน ข้นั อธิบายและลงขอสรุป/ข้ันดําเนินการคน หาคําตอบและตรวจสอบคําตอบ 1. ครแู ละนักเรียนรวมกนั อภปิ รายผลการทํากิจกรรม ตวั อยางผลการทาํ กิจกรรม รูปวาดจากการศึกษาโครงสรางภายในของใบพชื ใบเลยี้ งคแู ละใบพืชใบเลย้ี งเดีย่ ว 2. ครแู ละนักเรียนรวมกันอภปิ รายเกย่ี วกบั ตารางเปรียบเทียบชนิดของเซลลหรือเน้ือเย่อื และการ จัดเรียง เน้ือเยอ่ื ของใบพืชใบเลยี้ งคูและใบพืชใบเลยี้ งเดย่ี ว โดย ครสู ุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
แผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าชีววิทยา3 มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 50 ขน้ั ขยายความรแู ละนําเสนอผลการคนหาคําตอบ 1. ครูและนักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเพมิ่ เติมเกี่ยวกบั ผลการทาํ กิจกรรมวา ถ่ัวเขยี วเปนพืชที่มเี สนใบ ยอยแบบ เปนรางแห ทําใหมโี อกาสท่ีเม่อื ตัดตามขวางแลว อาจเห็นวาสควิ ลารบันเดิลตามยาวดงั รปู ในตวั อยาง ผลการ ทํากจิ กรรมได ซงึ่ ตา งจากพชื ใบเลีย้ งเดยี่ วท่ีมเี สนใบยอ ยแบบขนานทาํ ใหเ มอื่ ตัดตามขวางจะเห็น วาสคิวลารบันเดลิ ตามขวางในทกุ เสนใบท่ีตัดผาน 2. ครใู หนักเรยี นตอบคําถามทา ยกิจกรรมโดยมีแนวคาตอบดงั นี้ - วาสควิ ลารบนั เดิลในเสนใบมีการเรยี งตัวแตกตางจากรากและลําตนอยางไร (แนวคาํ ตอบ วาสคิวลารบ นั เดลิ ในเสนใบจะมไี ซเลม็ และโฟลเอ็มหลายกลุม เรยี งเปนแนวระนาบเดยี ว ตามแนว แผนใบ มขี นาดกลมุ แตกตา งกนั กลมุ ทมี่ ีขนาดใหญอยบู รเิ วณเสนกลางใบ กลมุ ทีม่ ีขนาดเล็กลดหลั่น กันไปอยูท ่ีบรเิ วณเสนใบและเสน ใบยอยโดยมไี ซเล็มอยูดา นบนและโฟลเอม็ อยดู านลาง ซงึ่ ตางจาก ลําตน ทีม่ ี การเรยี งวาสคิวลารบนั เดิลเปน วง โดยมโี ฟลเอม็ อยูด านนอกและไซเล็มอยดู า นใน ซ่ึงพบได ในราก ลําตน พืชใบ เลย้ี งคู และรากพชื ใบเล้ียงเดย่ี ว สว นวาสควิ ลารบ ันเดลิ ในลําตนพชื ใบเลี้ยงเดยี่ ว จะมหี ลายกลมุ เรียงกระจาย ทั่วเน้ือเยอื่ พืน้ ) - โครงสรางและการเรียงตัวของเซลลในเนื้อเยอ่ื ช้นั ตางๆ สมั พันธกบั หนาท่ขี องใบอยา งไร (แนวคําตอบ เอพิเดอรมิสซง่ึ มที ้ังดา นบนและดา นลา งประกอบดวยเซลลเรียงกันเปนชั้นเดียวปองกัน เซลลด า น ในและพบคลอโรพลาสตเฉพาะเซลลคุม ทําใหเกิดการปดเปดปากใบได อาจมีขนเพ่ือปกปองผิว ใบ ถัดจากเอพิเดอรม ิสดานบนลงมาเปนช้ันทม่ี ีเซลลรปู รางยาวเรยี งชิดกนั ในแนวตง้ั ฉากกับผิว โดยรอบเซลลจะไม สมั ผัสกันเรียกวา แพลิเซดมีโซฟลล แตละเซลลมีคลอโรพลาสตอยูหนาแนน ถัดจากช้ันแพลิเสดมีโซฟลลจะ พบเซลลที่มีรูปรางไมแนนอนเรียกช้ันน้ีวา สปองจีมีโซฟลล แตละ เซลลมีคลอโรพลาสต เซลลมีการเรียงตัว แบบหลวม ๆ ทาํ ใหเ กิดชอ งวางระหวางเซลลข นาดใหญ เปนจํานวนมากเหมาะกับการใหไอนํ้าแทรกอยูและมี การคายนาํ้ ตอ ไป ทัง้ แพลิเซดมีโซฟล ลแ ละ สปองจีมโี ซฟลล จึงทําหนาท่ีสังเคราะหดวยแสง ใบพืชจะหันดาน แพลเิ ซดมโี ซฟล ลรับแสง ทาํ ให พืชสงั เคราะหดว ยแสงไดอ ยา งมีประสิทธิภาพ) โดย ครูสดุ าภรณ สืบบญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร
Search