Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุป-5-บทอาชีพงบประมาณ63-1

สรุป-5-บทอาชีพงบประมาณ63-1

Published by สุภาภรณ์ นวมมา, 2020-03-20 22:15:43

Description: สรุป-5-บทอาชีพงบประมาณ63-1

Search

Read the Text Version

รายงานผล งบดาเนนิ งาน (พฒั นาอาชพี ) ปีงบประมาณ 2563 ( 1 ตลุ าคม 2562- 31 มีนาคม 2563) กศน.ตาบลพลตู าหลวง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอสัตหีบ จังหวดั ชลบุรี

สารบัญ หนา้ บทท่ี 1 บทนำ...................................................................................................................................................1 ควำมเป็นมำ ...............................................................................................................................1 วัตถปุ ระสงค์...............................................................................................................................1 เปำ้ หมำย....................................................................................................................................2 ผลลพั ธ์.......................................................................................................................................2 ดัชนวี ัดผลสำเร็จของโครงกำร.....................................................................................................2 2 เอกสำรกำรศึกษำและรำยงำนท่เี ก่ยี วข้อง ............................................................................................3 นโยบำยและยทุ ธศำสตร์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั งบประมำณ พ.ศ.2563 ................................................................................................................................3 แนวทำง/กลยุทธก์ ำรดำเนินงำนกำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยของ กศน.ตำบลพลูตำหลวง..............................................................................................................8 หลักกำรพฒั นำสงั คม ชมุ ชน .......................................................................................................8 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง ....................................................................................................................22 3 วิธดี ำเนนิ งำน.......................................................................................................................................27 ประชมุ บุคลำกรกรรมกำรสถำนศกึ ษำ........................................................................................27 จดั ตั้งคณะทำงำน ......................................................................................................................27 ประสำนงำนกบั หน่วยงำนและบคุ คลท่ีเกี่ยวข้อง ........................................................................27 ดำเนนิ กำรตำมแผน ...................................................................................................................27 วัดผล/ประเมินผล/สรปุ ผลและรำยงำน .....................................................................................27 4 ผลกำรดำเนินงำนและกำรวิเครำะห์ข้อมลู ............................................................................................29 ตอนที่ 1 ข้อมลู สว่ นตวั ผ้แู บบสอบถำมของผ้เู ขำ้ รับกำรอบรมฝกึ หลักสตู รอำชีพ.........................29 ตอนท่ี 2 ข้อมูลเก่ียวกับควำมคิดเหน็ ท่ีมีต่อกำรอบรมฝึกหลักสูตรอำชีพ ....................................30 5 สรุปผล อภิปรำยผล และข้อเสนอแนะ.................................................................................................32 สรปุ ผล ......................................................................................................................................32 อภปิ รำยผล................................................................................................................................32 ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................32 ปัญหำและอปุ สรรค ...................................................................................................................33 ภำคผนวก

สารบัญตาราง ตารางท่ี หนา้ 1 แสดงค่ำร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมเพศ..............................................29 2 แสดงคำ่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมอำยุ .............................................29 3 แสดงคำ่ ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมอำชพี ...........................................29 4 ผลกำรประเมินอบรมฝกึ หลักสตู รอำชพี ตำบลพลูตำหลวง..................................................30 5 ผลกำรประเมนิ ขอ้ มลู อื่นในกำรอบรมฝึกหลกั สตู รอำชพี ตำบลพลูตำหลวง.........................31

คานา จำกกำรทีศ่ ูนยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั อำเภอสตั หีบ ได้จดั ทำอำชีพระยะส้นั ให้แก่กลุ่มเป้ำหมำยในตำบลพลตู ำหลวงประจำปีงบประมำณ 2563 โดยมีเป้ำหมำยทง้ั หมด 100 คน โครงกำรดังกลำ่ ว ดำเนินกำรเสรจ็ สิ้นไปด้วยดี ซึ่งรำยละเอียดผลกำรดำเนินงำนต่ำง ๆ ตลอดจนปัญหำ อปุ สรรค ได้สรปุ ไว้แลว้ ต้องขอขอบคณุ ทำงสำนักงำนกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัยจังหวัดชลบรุ ี ที่ให้กำรสนับสนุนงบประมำณ และผู้นำชมุ ชนในตำบลพลูตำหลวง ทใี่ ห้คำแนะนำในกำรจัดกจิ กรรมดังกล่ำว รำยงำนผลกำรสรุปเล่มน้ี หวงั เป็นอย่ำงย่งิ ว่ำคงมีประโยชน์บำ้ งสำหรบั ผทู้ ี่ต้องกำรศกึ ษำหำข้อมลู เพื่อใชเ้ ปน็ แนวทำงในกำรจัดอบรม ในลักษณะน้ี และถ้ำมีสงิ่ หนึง่ ส่งิ ใดขำดตกบกพร่องคณะผจู้ ดั ทำขอน้อมรับไว้ เพอ่ื จะปรบั ปรงุ ในโอกำสต่อไป กศน.ตำบลพลตู ำหลวง

บทที่ 1 บทนา สภาพปญั หาและความเป็นมา ตำบลพลตู ำหลวงแบง่ ออกเป็น 8 หมบู่ ำ้ นซ่งึ แต่ละหมู่น้นั มีควำมแตกตำ่ งกันในเรอ่ื งของกำรประอำชพี และกำรดำเนนิ ชีวติ ดังน้ันกำรจัดกำรศึกษำอำชีพในปัจจบุ ันมคี วำมสำคัญมำก เพรำะจะเปน็ กำรพัฒนำประชำกร ของคนในชุมชนให้มีควำมรู้ ควำมสำมำรถและทักษะในกำรประกอบอำชีพของบคุ คล และกลุ่มบุคคล เปน็ กำร แกป้ ญั หำกำรว่ำงงำนและสง่ เสริมควำมเขม้ แข็งใหแ้ ก่เศรษฐกจิ ชุมชน กระทรวงศึกษำธิกำร จึงได้กำหนดยุทธศำสตร์ 2555 ภำยใต้กรอบเวลำ 2 ปี ท่ีจะพัฒนำ 5 ศักยภำพของพื้นที่ใน 5 กลมุ่ อำชพี ใหม่ ใหส้ ำมำรถแข่งขนั ไดใ้ น 5 ภมู ิภำคหลกั ของโลก “รเู้ ขำ รูเ้ รำ เทำ่ ทนั เพ่ือแขง่ ขนั ไดใ้ นเวทโี ลก” และได้กำหนดภำรกิจว่ำ จะพัฒนำยกระดบั และ จัดกำรศกึ ษำเพือ่ เพิ่มศกั ยภำพ และขีดควำมสำมำรถให้ประชำชนไดม้ ีอำชีพทสี่ ำมำรถสร้ำงรำยได้ที่มั่งคั่ง และมน่ั คง เพ่อื เป็นบุคลำกรทมี่ ีวินัยเปีย่ มไปด้วยคุณธรรม จรยิ ธรรม มีจติ สำนกึ ควำมรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ผ้อู ืน่ และสังคม โดย คำนงึ ถึงศกั ยภำพและบริบท รอบ ๆ ตัวผูเ้ รยี น พฒั นำและยกระดบั องค์ควำมรู้และกระบวนกำรเรียนกำรสอนให้ ทัดเทยี มอำรยประเทศ ดว้ ยกำรบริหำรจดั กำรเทคโนโลยีสมัยใหม่ มุง่ เป้ำหมำยของกำรเพิม่ ขีดควำมสำมำรถในกำร แข่งขนั และยกระดับศักยภำพในกำรทำงำนให้บุคลำกรไทยให้แขง่ ขนั ไดใ้ นระดบั สำกลภำยใต้ศักยภำพ 5 ด้ำน ได้แก่ ศกั ยภำพของทรัพยำกรธรรมชำติในแตล่ ะพนื้ ที่ ศักยภำพของพ้ืนทตี่ ำมลักษณะภูมิอำกำศ ศักยภำพของภูมิประเทศ และทำเลท่ตี ้ังของแต่ละพนื้ ที่ ศกั ยภำพของศลิ ปวฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ีชีวิตของแตล่ ะพ้ืนท่ี และศักยภำพของ ทรัพยำกรมนุษยใ์ นแตล่ ะพืน้ ท่ี นอกจำกน้นั ยังได้กำหนดหลกั สตู รออกเป็น 5 กลมุ่ อำชพี ได้แก่ 1. กลมุ่ หลกั สตู รใหม่ด้ำนเกษตรกรรม 2. กลมุ่ หลักสตู รใหม่ดำ้ นอตุ สำหกรรม 3. กลุ่มหลกั สตู รใหม่ด้ำนพำณิชยกรรม 4. กลมุ่ หลกั สตู รใหม่ด้ำนควำมคิดสรำ้ งสรรค์ 5. กลมุ่ หลักสูตรใหม่ด้ำนอำนวยกำรและอำชีพเฉพำะทำง ดังนน้ั กศน. ตำบลพลูตำหลวง จึงไดน้ ำนโยบำยและยุทธศำสตร์ดงั กลำ่ วส่กู ำรปฏิบตั ิเพือ่ จดั กำรศึกษำ พฒั นำอำชีพให้กลุ่มเปำ้ หมำยและประชำชนมรี ำยไดแ้ ละมีงำนทำอย่ำงยัง่ ยืนมีควำมสำมำรถเชิงกำรแข่งขันท้ังใน ระดบั ภูมิภำคอำเซียนและระดบั สำกลโดยจัดศูนย์ฝกึ อำชพี ชุมชนทวั่ ประเทศซ่ึงกำรดำเนินกำรดังกลำ่ วจะทำกำรจัด กำรศกึ ษำของประเทศ และของ กศน.ตำบลพลูตำหลวงเป็นกำรจัดกำรศึกษำตลอดชีวติ ในรปู แบบใหม่ท่ีสรำ้ งควำม มน่ั คงใหแ้ ก่ประชำชนในชุมชนในตำบล และจะทำให้กำรจัดกำรศึกษำของประเทศเป็นกำรจัดกำรศึกษำตลอดชีวติ อย่ำงแทจ้ รงิ

2 วตั ถปุ ระสงค์ 1. มุง่ จัดกำรศึกษำเพ่ือพัฒนำกำรงำนและอำชีพ โดยให้ควำมสำคัญกับกำรจดั กำรศกึ ษำเพื่อพฒั นำงำนและ อำชีพระดับพ้นื ฐำน ระดับกึ่งฝีมือ และระดบั ฝมี ือ ที่สอดคล้องกับสภำพและควำมตอ้ งกำรของกล่มุ เปำ้ หมำยโดย มงุ่ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนสำมำรถนำควำมร้ไู ปใช้ในกำรประกอบอำชพี หรอื เพิ่มพนู รำยได้ ทง้ั น้ีให้มกี ำรพัฒนำหลักสูตรและ วธิ ีกำรทีห่ ลำกหลำยและทันสมยั สำมำรถใหบ้ ริกำรได้อยำ่ งทัว่ ถึง 2. มุ่งจดั กำรศึกษำเพื่อพฒั นำทักษะชวี ิตให้กบั ทุกกลุม่ เปำ้ หมำย โดยจัดกจิ กรรมกำรศึกษำท่มี งุ่ เนน้ ให้ทุก กลุ่มเปำ้ หมำยมีควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรจดั กำรชวี ติ ของตนเองให้อย่ใู นสงั คมไดอ้ ย่ำงมีควำมสุขรวมทัง้ กำรใชเ้ วลำ ว่ำงใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อตนเอง ครอบครัว และชมุ ชน เป้าหมาย เชิงปริมำณ ประชำกรในตำบลพลตู ำหลวง จำนวน 100 คน เชงิ คุณภำพ ประชำกรในตำบลพลูตำหลวงมกี ำรพัฒนำกำรงำนและอำชีพและสำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ ในกำรประกอบอำชีพได้ หรือเพ่ิมพนู รำยได้อยำ่ งย่ังยืน และเพ่ือพฒั นำทกั ษะชีวติ ให้กับทกุ กลมุ่ เปำ้ หมำยรวมท้ังกำร ใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชนต์ ่อตนเอง ครอบครวั และชุมชนได้อย่ำงมปี ระสทิ ธภิ ำพ ผลลพั ธ์ 1. ประชำกรในตำบลพลตู ำหลวงมกี ำรพฒั นำกำรงำนและอำชีพและสำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ในกำร ประกอบอำชีพได้ หรือเพ่ิมพูนรำยได้อยำ่ งย่ังยืน 2. ประชำกรในตำบลพลูตำหลวงมกี ำรพัฒนำทักษะชวี ติ ครบทกุ กลมุ่ เปำ้ หมำย รวมท้ังกำรใช้เวลำว่ำงให้ เป็นประโยชนแ์ ละกำรนำควำมรทู้ ไ่ี ด้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ต่อตนเอง ครอบครัว และชุมชนไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพ ดัชนชี ว้ี ดั ความสาเร็จของโครงการ 1.ตวั ชี้วดั ผลผลิต - ประชำชนในตำบลพลตู ำหลวงเขำ้ รับกำรฝึกอบรม ร้อยละ 80 ของกลมุ่ เปำ้ หมำยท่ีกำหนด 2.ตัวชว้ี ัดผลลัพธ์ - ประชำชนในตำบลพลตู ำหลวงทเี่ ขำ้ รบั กำรฝึกอบรม รอ้ ยละ 80 มีกำรพฒั นำกำรงำนและอำชพี และสำมำรถนำควำมรู้ไปใชใ้ นกำรประกอบอำชพี ได้ หรอื เพิม่ พูนรำยได้อยำ่ งยั่งยนื - ประชำชนในตำบลพลตู ำหลวงทเ่ี ขำ้ รับกำรฝึกอบรมร้อยละ 80 มกี ำรพฒั นำทักษะชีวติ ครบทกุ กล่มุ เป้ำหมำย รวมทั้ง - กำรใชเ้ วลำว่ำงให้เป็นประโยชน์และกำรนำควำมรทู้ ่ีไดไ้ ปใช้ในชีวิตประจำวัน ตอ่ ตนเอง ครอบครัว และชุมชนไดอ้ ย่ำงมีประสทิ ธิภำพ

บทที่ 2 เอกสารการศึกษาและรายงานท่เี กยี่ วข้อง ในกำรจดั ทำรำยงำนครง้ั นี้ได้ศึกษำคน้ คว้ำเน้ือหำจำกเอกสำรกำรศกึ ษำและรำยงำนที่เก่ียวข้อง ดังต่อไปนี้ 1. ยทุ ธศำสตรแ์ ละจุดเน้นกำรดำเนินงำนสำนกั งำนกศน.ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2563 2. แนวทำง/กลยทุ ธ์กำรดำเนินงำนกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยของ กศน.ตำบลพลูตำหลวง 3. หลักกำรพัฒนำสงั คม ชุมชน 4. เอกสำรทเี่ กีย่ วขอ้ ง (ร่าง) นโยบายและจุดเนน้ การดาเนนิ งาน สานักงาน กศน. ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 วสิ ัยทศั น์ คนไทยได้รับโอกำสกำรศกึ ษำและกำรเรียนรู้ตลอดชีวติ อย่ำงมีคณุ ภำพ สำมำรถดำรงชีวติ ทีเ่ หมำะสม กบั ชว่ งวยั สอดคลอ้ งกับหลักปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง และมที ักษะที่จำเป็นในโลกศตวรรษท่ี 21 พันธกิจ 1. จัดและสง่ เสรมิ กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั ท่มี ีคุณภำพ เพื่อยกระดบั กำรศึกษำ พฒั นำทักษะกำรเรียนรู้ของประชำชนทกุ กล่มุ เป้ำหมำยใหเ้ หมำะสมทุกช่วงวยั พรอ้ มรับกำรเปล่ยี นแปลงบริบททำง สังคม และสรำ้ งสังคมแห่งกำรเรียนรตู้ ลอดชวี ิต 2 ส่งเสรมิ สนบั สนนุ และประสำนภำคเี ครอื ขำ่ ย ในกำรมีส่วนรว่ มจัดกำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำ ตำมอธั ยำศยั และกำรเรยี นรู้ตลอดชีวิต รวมทัง้ กำรดำเนนิ กิจกรรมของศูนย์กำรเรียนและแหลง่ กำรเรียนรู้อ่ืน ใน รูปแบบต่ำง ๆ 3. สง่ เสริมและพฒั นำกำรนำเทคโนโลยที ำงกำรศึกษำ และเทคโนโลยีดิจทิ ลั มำใช้ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ ำพในกำร จดั กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั ให้กบั ประชำชนอย่ำงทัว่ ถึง 4. พฒั นำหลกั สตู ร รปู แบบกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ สอื่ และนวัตกรรม กำรวดั และประเมินผลในทกุ รูปแบบใหส้ อดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน 5. พัฒนำบุคลำกรและระบบกำรบรหิ ำรจดั กำรให้มีประสทิ ธิภำพ เพื่อมุ่งจดั กำรศึกษำและกำรเรียนรทู้ ี่มี คุณภำพ โดยยดึ หลกั ธรรมำภิบำล เป้าประสงค์ 1. ประชำชนผ้ดู ้อย พลำด และขำดโอกำสทำงกำรศึกษำ รวมทั้งประชำชนท่วั ไปได้รบั โอกำสทำงกำรศึกษำ ในรปู แบบกำรศึกษำนอกระบบระดับกำรศกึ ษำขน้ั พืน้ ฐำน กำรศกึ ษำต่อเนือ่ ง และกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั ท่มี ี คณุ ภำพอยำ่ งเท่ำเทยี มและท่ัวถึง เปน็ ไปตำมสภำพ ปญั หำ และควำมต้องกำรของแต่ละ กลมุ่ เปา้ หมาย 2. ประชำชนไดร้ บั กำรยกระดับกำรศกึ ษำ สร้ำงเสริมและปลกู ฝงั คุณธรรม จรยิ ธรรม และควำมเปน็ พลเมือง อันนำไปสู่กำรยกระดบั คุณภำพชีวิตและเสรมิ สรำ้ งควำมเข้มแขง็ ให้ชุมชน เพ่อื พฒั นำไปสคู่ วำมม่ันคงและย่ังยนื ทำงด้ำนเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม ประวตั ศิ ำสตร์ และสิ่งแวดล้อม 3. ประชำชนไดร้ ับโอกำสในกำรเรยี นรู้ และมีเจตคตทิ ำงวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยที ่เี หมำะสมสำมำรถคิด วเิ ครำะห์ และประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั รวมทง้ั แก้ปัญหำและพฒั นำคุณภำพชีวิตได้อย่ำงสร้ำงสรรค์

4 4. ประชำชนได้รบั กำรสรำ้ งและส่งเสรมิ ให้มีนิสัยรักกำรอ่ำนเพ่อื กำรแสวงหำควำมรูด้ ้วยตนเอง 5. ชุมชนและภำคเี ครือขำ่ ยทุกภำคส่วน ร่วมจัด สง่ เสรมิ และสนบั สนุนกำรดำเนนิ งำนกำรศกึ ษำนอกระบบ และกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั รวมทั้งกำรขับเคล่ือนกิจกรรมกำรเรียนรู้ของชมุ ชน 6. หนว่ ยงำนและสถำนศึกษำพัฒนำ เทคโนโลยที ำงกำรศึกษำ เทคโนโลยดี จิ ิทัล มำใช้ในกำรยกระดับ คณุ ภำพในกำรจัดกำรเรียนรแู้ ละเพ่ิมโอกำสกำรเรียนรใู้ หก้ ับประชำชน 7. หนว่ ยงำนและสถำนศึกษำพฒั นำส่ือและกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ เพ่ือแกป้ ัญหำและพัฒนำคุณภำพ ชวี ิต ทตี่ อบสนองกบั กำรเปลีย่ นแปลงบริบทด้ำนเศรษฐกจิ สังคม กำรเมือง วฒั นธรรม ประวตั ศิ ำสตรแ์ ละ สง่ิ แวดล้อม รวมทัง้ ตำมควำมต้องกำรของประชำชนและชุมชนในรปู แบบท่ีหลำกหลำย 8. หน่วยงำนและสถำนศึกษำมีระบบกำรบรหิ ำรจดั กำรที่เป็นไปตำมหลกั ธรรมำภิบำล 9. บคุ ลำกรของหนว่ ยงำนและสถำนศึกษำได้รบั กำรพัฒนำเพ่ือเพ่ิมสมรรถนะในกำรปฏบิ ัตงิ ำนกำรศึกษำ นอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั อย่ำงมีประสทิ ธิภำพ ตัวชี้วัด ตัวชวี้ ดั เชิงปริมาณ 1. จำนวนผเู้ รยี นกำรศึกษำนอกระบบระดบั กำรศกึ ษำชนั้ พื้นฐำนทไ่ี ดร้ บั กำรสนบั สนุนค่ำใช้จ่ำยตำมสทิ ธทิ ่ี กำหนดไว้ 2. จำนวนของคนไทยกลุ่มเปำ้ หมำยตำ่ ง ๆ ทเ่ี ข้ำรว่ มกิจกรรมกำรเรยี นรู้/เข้ำรับบรกิ ำรกจิ กรรมกำรศึกษำ ตอ่ เนอ่ื ง และกำรศึกษำตำมอัธยำศยั ที่สอดคล้องกบั สภำพ ปัญหำ และควำมต้องกำร 3. รอ้ ยละของกำลังแรงงำนที่สำเร็จกำรศึกษำระดบั มธั ยมศึกษำตอนตน้ ขนึ้ ไป 4. จำนวนภำคีเครือข่ำยที่เขำ้ มำมสี ว่ นรว่ มในกำรจัด/พฒั นำ/ส่งเสรมิ กำรศึกษำ (ภำคีเครือข่ำย : สถำนประกอบกำร องคก์ ร หน่วยงำนทม่ี ำร่วมจดั /พฒั นำ/ส่งเสริมกำรศึกษำ) 5. จำนวนประชำชน เดก็ และเยำวชนในพ้ืนทสี่ งู และชำวไทยมอแกน ในพ้ืนท่ี 5 จงั หวดั 11 อำเภอ ไดร้ บั บรกิ ำรกำรศึกษำตลอดชีวติ จำกศนู ยก์ ำรเรยี นชมุ ชนสงั กัดสำนกั งำน กศน. 6. จำนวนผู้รับบรกิ ำรในพนื้ ทีเ่ ป้ำหมำยได้รบั กำรส่งเสรมิ ด้ำนกำรรหู้ นงั สือและกำรพัฒนำทักษะชีวิต 7. จำนวนนักเรยี นนกั ศกึ ษำที่ได้รบั บริกำรติวเข้มเต็มควำมรู้ 8. จำนวนประชำชนทไี่ ดร้ ับกำรฝกึ อำชีพระยะสน้ั สำมำรถสรำ้ งอำชีพเพอ่ื สรำ้ งรำยได้ 9. จำนวน ครู กศน. ตำบล จำกพืน้ ท่ี กศน.ภำค ไดร้ บั กำรพฒั นำศักยภำพด้ำนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ภำษำอังกฤษเพ่ือกำรส่ือสำร 10. จำนวนประชำชนทไ่ี ดร้ ับกำรฝึกอบรมภำษำตำ่ งประเทศเพ่ือกำรส่ือสำรด้ำนอำชพี 11. จำนวนผสู้ ูงอำยภุ ำวะพ่งึ พิงในระบบ Long Term Care มีผดู้ แู ลทม่ี คี ุณภำพและมำตรฐำน 12. จำนวนประชำชนท่ีผำ่ นกำรอบรมจำกศนู ยด์ จิ ทิ ัลชุมชน 13. จำนวนศนู ย์กำรเรียนชมุ ชน กศน. บนพ้ืนท่ีสงู ในพ้นื ท่ี 5 จงั หวดั ที่สง่ เสรมิ กำรพัฒนำทกั ษะกำรฟงั พดู ภำษำไทยเพ่ือกำรส่ือสำร รว่ มกนั ในสถำนศึกษำสังกดั สพฐ. ตชด. และกศน. 14. จำนวนบุคลำกร กศน. ตำบลทีส่ ำมำรถจัดทำคลังควำมรไู้ ด้ 15. จำนวนบทควำมเพ่ือกำรเรียนรตู้ ลอดชีวติ ในระดบั ตำบลในหวั ขอ้ ตำ่ ง ๆ 16. จำนวนหลักสตู รและสอ่ื ออนไลนท์ ี่ให้บริกำรกบั ประชำชน ทัง้ กำรศกึ ษำนอกระบบระดบั กำรศกึ ษำขั้น พนื้ ฐำน กำรศึกษำต่อเน่ือง และกำรศึกษำตำมอัธยำศัย

5 ตวั ชวี้ ัดเชิงคุณภาพ 1. รอ้ ยละของคะแนนเฉลยี่ ผลกำรทดสอบทำงกำรศกึ ษำระดบั ชำติ กำรศึกษำนอกระบบ (N-NET) ทกุ รำยวิชำทุกระดบั 2. ร้อยละของผู้เรยี นที่ได้รบั กำรสนับสนนุ กำรจัดกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำนเทยี บกบั ค่ำเปำ้ หมำย 3. รอ้ ยละของประชำชนกลุ่มเปำ้ หมำยทลี่ งทะเบยี นเรยี นในทุกหลกั สูตร/กิจกรรมกำรศึกษำตอ่ เนื่องเทยี บ กับเปำ้ หมำย 4. ร้อยละของผผู้ ่ำนกำรฝึกอบรม/พฒั นำทักษะอำชพี ระยะสั้นสำมำรถนำควำมรไู้ ปใช้ในกำรประกอบอำชีพ หรือพัฒนำงำนได้ 5. ร้อยละของผ้เู รยี นในเขตพ้ืนทจ่ี ังหวัดชำยแดนภำคใตท้ ่ีได้รับกำรพฒั นำศักยภำพ หรอื ทกั ษะด้ำนอำชพี สำมำรถมีงำนทำหรอื นำไปประกอบอำชีพได้ 6. ร้อยละของผูจ้ บหลักสูตร/กจิ กรรมท่ีสำมำรถนำควำมรคู้ วำมเข้ำใจไปใช้ไดต้ ำมจุดมุ่งหมำยของหลักสตู ร กิจกรรม กำรศึกษำต่อเนื่อง 7. รอ้ ยละของประชำชนที่ไดร้ ับบรกิ ำรมคี วำมพงึ พอใจตอ่ กำรบรกิ ำร/เขำ้ ร่วมกิจกรรมกำรเรียนรูก้ ำรศึกษำ ตำมอธั ยำศัย 8. ร้อยละของประชำชนกลุ่มเป้ำหมำยท่ไี ด้รบั บริกำร/ข้ำรว่ มกจิ กรรมทมี่ ีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจ/เจตคติ ทกั ษะ ตำมจดุ มงุ่ หมำยของกิจกรรมทีก่ ำหนด ของกำรศึกษำตำมอัธยำศัย 9. ร้อยละของนกั เรียน/นักศึกษำท่ีมผี ลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรยี นในวชิ ำทไ่ี ด้รบั บรกิ ำรติวเข้มเต็มควำมรู้ เพิม่ สูงขน้ึ 10. รอ้ ยละของผสู้ ูงอำยทุ เี่ ป็นกลุ่มเปำ้ หมำย มโี อกำสมำเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกำรศกึ ษำตลอดชวี ิต นโยบายเรง่ ด่วนเพอ่ื ร่วมขบั เคลอื่ นยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศ 1.ยทุ ธศาสตรด์ ้านความมนั คง 1.1 พฒั นำและเสรมิ สร้ำงควำมจงรักภกั ดตี ่อสถำบนั หลักของชำติ โดยปลกู ฝงั และสร้ำงควำมตระหนักรู้ถงึ ควำมสำคัญของสถำบนั หลักของชำติ รณรงค์เสริมสรำ้ งควำมรักและควำมภำคภมู ใิ จในควำมเปน็ คนไทยและชำติ ไทย นอ้ มนำและเผยแพร่ศำสตรพ์ ระรำชำ หลักปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี งรวมถึงแนวทำงพระรำชดำริต่ำง ๆ 1.2 เสริมสรำ้ งควำมรู้ควำมเข้ำใจทถ่ี ูกต้อง และกำรมีส่วนรว่ มอย่ำงถูกต้องกับกำรปกครองระบอบ ประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ในบรบิ ทของไทย มีควำมเปน็ พลเมืองดี ยอมรบั และเคำรพควำม หลำกหลำยทำงควำมคดิ และอุดมกำรณ์ 1.3 ส่งเสรมิ และสนบั สนุนกำรจัดกำรศกึ ษำเพื่อป้องกันและแก้ไขปญั หำภัยคุกคำมในรปู แบบใหม่ ทงั้ ยำเสพ ติด กำรคำ้ มนุษย์ ภยั จำกไซเบอร์ ภยั พิบตั จิ ำกธรรมชำติ โรคอุบัติใหม่ ฯลฯ 1.4 ยกระดบั คุณภำพกำรศึกษำและสร้ำงเสรมิ โอกำสในกำรเข้ำถงึ บริกำรกำรศึกษำ กำรพัฒนำทกั ษะ กำรสร้ำงอำชีพ และกำรใช้ชวี ติ ในสงั คมพหุวฒั นธรรม ในเขตพฒั นำพเิ ศษเฉพำะกิจจังหวดั ชำยแดนภำคใต้ และพ้นื ท่ี ชำยแดนอื่น ๆ 1.5 สร้ำงควำมรู้ ควำมเข้ำใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของประเทศเพ่ือนบ้ำนยอมรบั และ เคำรพในประเพณี วัฒนธรรมของกลมุ่ ชำตพิ ันธ์ุ และชำวตำ่ งชำตทิ ่ีมีควำมหลำกหลำย ในลักษณะพหุสงั คมที่อยู่ ร่วมกนั 2 ยทุ ธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 2.1 เร่งปรบั หลักสูตรกำรจดั กำรศกึ ษำอำชพี กศน. เพื่อยกระดบั ทักษะด้ำนอำชพี ของประชำชน ให้เปน็ อำชพี ท่รี องรบั อตุ สำหกรรมเป้ำหมำยของประเทศ (First S - curve และ New S-curve) โดยบรู ณำ กำรควำมร่วมมือในกำรพฒั นำและเสริมทักษะใหม่ด้ำนอำชีพ (Upskill & Reskill) รวมถึงมุง่ เนน้ สรำ้ งโอกำส

6 ในกำรสร้ำงงำน สรำ้ งรำยได้ และตอบสนองต่อควำมตอ้ งกำรของตลำดแรงำนทั้งภำคอุตสำหกรรมและกำรบริกำร โดยเฉพำะในพ้นื ทีเ่ ขตระเบยี งเศรษฐกจิ และเขคพัฒนำพเิ ศษตำมภมู ภิ ำคต่ำง ๆ ของประเทศสำหรับพืน้ ท่ปี กติให้ พัฒนำอำชีพทเ่ี นน้ กำรตอ่ ยอดศกั ยภำพและตำมบริบทของพ้นื ที่ 2.2 จดั กำรศกึ ษำเพอ่ื พฒั นำพ้ืนทภ่ี ำคตะวันออก ยกระดบั กำรศกึ ษำให้กบั ประชำชนให้จบกำรศึกษำอยำ่ ง นอ้ ยกำรศกึ ษำภำคบงั คับ สำมำรถนำคุณวฒุ ทิ ี่ได้รบั ไปต่อยอดในกำรประกอบอำชีพ รวมท้งั พฒั นำทกั ษะในกำร ประกอบอำชีพตำมควำมต้องกำรของประชำชน สร้ำงอำชีพ สร้ำงรำยได้ ตอบสนองต่อบรบิ ทของสังคมและชมุ ชน รวมทั้งรองรบั กำรพฒั นำเขตพน้ื ท่ีระเบยี บเศรษฐกิจภำคตะวนั ออก (EEC) 2.3 พัฒนำและส่งเสรมิ ประชำชนเพอื่ ต่อยอดกำรผลิตและจำหน่ำยสินคแ้ ละผลติ ภัณฑ์ออนไลน์ 1) เรง่ จัดตง้ั ศนู ย์ใหค้ ำปรึกษำและพฒั นำผลติ ภณั ฑ์ Brand กศน. เพ่ือยกระดับคุณภำพของสินค้และ ผลติ ภณั ฑ์ กำรบริหำรจัดกำรทีค่ รบวงจร (กำรผลติ กำรตลำด กำรสง่ ออก และสร้ำงชอ่ งทำงจำหนำ่ ย) รวมทั้ง ส่งเสรมิ กำรใช้ประโยชน์จำกเทคโนโลยีดิจทิ ัลในกำรเผยแพรแ่ ละจำหนำ่ ยผลิตภัณฑ์ 2) พฒั นำและคัดเลือกสดุ ยอดสนิ ค้ำและลิตภณั ฑ์ กศน. ในแต่ละจังหวัด พรอ้ มทง้ั ประสำนควำมรว่ มมอื กบั สถำนบี ริกำรนำ้ มันในกำรเปน็ ซอ่ งทำงกำรจำหน่ำยสุดยอดสินค้ำและผลิตภณั ฑ์ กศน.ใหก้ ว้ำงขวำงย่งิ ขน้ึ 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ 3.1 พัฒนำครูและบคุ ลำกรที่เกยี่ วขอ้ งกบั กำรจัดกิจกรรมและกำรเรยี นรู้ เป็นผเู้ ชอื่ มโยงควำมรกู้ บั ผเู้ รยี นและผรู้ บั บริกำร มคี วำมเป็น \"ครูมืออำชีพ\" มีจิตบริกำร มีควำมรอบรู้และทนั ต่อกำรเปลย่ี นแปลงของสังคม และเปน็ \"ผู้อำนวยกำรกำรเรียนรู้\" ท่สี ำมำรถบรหิ ำรจดั กำรควำมรู้ กจิ กรรม และกำรเรียนรู้ที่ดี 1) เพ่ิมอัตรำขำ้ รำชกำรครูให้กับ กศน. อำเภอทุกแหง่ โดยเร่งดำเนินกำรเรื่องกำรหำอตั รำตำแหน่ง กำรสรรหำ บรรจุ และแตง่ ตงั้ ขำ้ รำชกำรครู 2) พัฒนำข้ำรำชกำรครูในรปู แบบครบวงจร ตำมหลักสูตรทเ่ี ช่อื มโยงกบั วทิ ยฐำนะ 3) พฒั นำครู กศน.ตำบลให้สำมำรถปฏบิ ัตงิ ำนได้อย่ำงมีประสทิ ธภิ ำพ โดยเน้นเรอื่ งกำรพัฒนำทักษะกำร จัดกำรเรยี นกำรสอนออนไลน์ ทักษะภำษำต่ำงประเทศ ทกั ษะกำรจดั กระบวนกำรเรยี นรู้ 4) พัฒนำศึกษำนิเทศก์ ใหส้ ำมำรถปฏิบตั กิ ำรนเิ ทศได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ 5) พัฒนำบุคลำกร กศน.ทุกระดับทุกประเภทใหม้ ีทักษะควำมรูเ้ รื่องกำรใช้ประโยชนจ์ ำกดจิ ิทัลและ ภำษำตำ่ งประเทศทจ่ี ำเปน็ 3.2 พัฒนำแหล่งเรยี นรู้ให้มีบรรยำกำศและสภำพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อต่อกำรเรียนรู้ มีควำมพรอ้ มในกำร ให้บรกิ ำรกจิ กรรมกำรศึกษำและกำรเรียนรู้ เปน็ แหล่งสำรสนเทศสำธำรณะท่ีงยต่อกำรเข้ำถึง มีบรรยำกำศทเ่ี อื้อต่อ กำรเรยี นรู้ เปน็ คำเพพ่ ้ืนทกี่ ำรเรียนรู้สำหรบั คนทุกชว่ งวัย มสี งิ่ อำนวยควำมสะดวก มบี รรยำกำศสวยงำมมชี ีวติ ท่ี ดงึ ดดู ควำมสนใจ และมคี วำมปลอดภัยสำหรบั ผู้ใชบ้ ริกำร 1) เร่งยกระดับ กศน.ตำบลนำร่อง 928 แห่ง (อำเภอละ 1 แห่ง) ใหเ้ ปน็ กศน.ตำบล 5 ดี พรีเมยี่ ม ที่ประกอบดว้ ย ครูดี สถำนที่ดี (ตำมบรบิ ทของพนื้ ที่) กิจกรรมดี เครอื ข่ำยดี และมีนวัตกรรมกำรเรียนรูท้ ี่ดมี ี ประโยชน์ 2) จัดให้มีศูนย์กำรเรียนรูต้ น้ แบบ กศน. เพอ่ื ยกระดบั กำรเรียนรู้ ใน 6 ภมู ิภำค เปน็ พนื้ ที่กำรเรยี นรู้ (Co - Learning Space) ที่ทันสมัยสำหรับทุกคน มีควำมพรอ้ มในกำรให้บรกิ ำรต่ำง ๆ อำทิ พ้ืนท่สี ำหรับกำร ทำงำน/กำรเรียนรู้ พ้ืนท่ีสำหรับกิจกรรมต่ำง ๆ มหี ้องประชุมขนำดเลก็ รวมทั้งทำงำนร่วมกับหอ้ งสมุดประชำชนใน กำรให้บริกำรในรูปแบบห้องสมดุ ดิจิทัล บริกำรอินเทอร์เน็ต ส่ือมัลติมเี ดีย เพ่ือรองรบั กำรเรียนรู้แบบ Active Learning 3) พัฒนำห้องสมดุ ประชชน \"เฉลิมรำชกมุ ำรี\" ให้เป็น Digital Library โดยให้มบี รกิ ำรหนังสือ ในรปู แบบ e - Book บริกำรคอมพิวเตอร์ และอินเทอรเ์ น็ตควำมเร็วสงู รวมทงั้ Free Wifi เพือ่ กำรสืบค้นข้อมูล 3.3 ส่งเสริมกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีทนั สมยั และมปี ระสิทธภิ ำพ เออื้ ต่อกำรเรียนรสู้ ำหรับทุกคน สำมำรถ เรยี นไดท้ กุ ท่ีทุกเวลำ มกี จิ กรรมที่หลำกลำย น่ำสนใจ สนองตอบควำมต้องกำรของชุมชน เพอื่ พัฒนำศักยภำพ

7 กำรเรยี นรขู้ องประชำชน รวมทง้ั ใชป้ ระโยชนจ์ ำกประชำชนในชุมชนในกำรร่วมจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรูเ้ พ่ือเชือ่ มโยง ควำมสัมพนั ธ์ของคนในชมุ ชนไปสกู้ ำรจดั กำรควำมร้ขู องชุมชนอยำ่ งย่งั ยืน 1) สง่ เสรมิ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ทปี่ ลกู ฝงั คุณธรรม สร้ำงวินยั จิตสำธำรณะ ควำมรับผิดชอบ ต่อส่วนรวม และกำรมีจิตอำสำ ผ่ำนกจิ กรรมรปู แบบต่ำง ๆ อำทิ กิจกรรมลกู เสือ กศน. กิจกรรมจติ อำสำ ตลอดจน สนับสนุนใหม้ กี ำรจดั กจิ กรรมเพื่อปลูกฝงั คุณธรรม จรยิ ธรรมให้กบั บุคลำกรในองค์กร 2) จัดให้มหี ลักสูตรลูกเสือมัคคุเทศก์ โดยให้สำนักงำน กศน.จังหวดั ทุกแหป่ กทม. จดั ตัง้ กองลูกเสือ ที่ลกู เสือมีควำมพรอ้ มด้ำนทักษะภำษำต่ำงประเทศ เปน็ ลูกเสอื มัคคุเทศก์จังหวัดละ 1 กอง เพื่อสง่ เสรมิ ลูกเสือจิต อำสำพฒั นำกำรท่องเที่ยวในแต่ละจังหวดั 3.4 เสรมิ สร้ำงควำมร่วมมือกับภำคีเครอื ขำ่ ย ประสำน ส่งเสริมควำมรว่ มมือภำคีเครือขำ่ ย ทั้งภำครัฐเอกชน ประชำสงั คม และองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ รวมท้ังส่งเสริมและสนับสนุนกำรมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนเพอ่ื สร้ำงควำม เขำ้ ใจ และให้เกดิ ควำมรว่ มมือในกำรส่งเสริม สนับสนุน และจัดกำรศึกษำและกำรเรียนรใู้ หก้ ับประชำชนอย่ำงมี คุณภำพ 1) เร่งจดั ทำทำเนยี บภมู ิปญั ญำทอ้ งถิน่ ในแตล่ ะตำบล เพื่อใช้ประโยชน์จำกภูมิปัญญำท้องถนิ่ ในกำรสรำ้ ง กำรเรียนรู้จำกองค์ควำมรูใ้ นตัวบุคคลใหเ้ กิดกำรถ่ำยทอดภูมปิ ญั ญำ สรำ้ งคุณค่ำทำงวฒั นธรรมอยำ่ งยง่ั ยืน 2) ส่งเสรมิ ภูมปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ สู่กำรจัดกำรเรยี นรู้ชุมชน 3) ประสำนควำมรว่ มมือกับภำคีเครือขำ่ ยเพอื่ กำรขยำยและพฒั นำกำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำม อัธยำศัยใหเ้ ข้ำถึงกลุ่มเป้ำหมำยทุกกลุ่มอย่ำงกวำ้ งขวำงและมีคุณภำพ อำทิ กลุม่ ผู้สูงอำยุ กลมุ่ อสม. 3.5 พฒั นำนวัตกรรมทำงกำรศึกษำเพื่อประโยชนต์ อ่ กำรจดั กำรศึกษำและกลมุ่ เป้ำหมำย 1) พัฒนำกำรจดั กำรศกึ ษำออนไลน์ กศน. ทง้ั ในรูปแบบของกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน กำรพัฒนำทักษะ ชีวติ และทักษะอำชีพ กำรศึกษำตำมอธั ยำศยั รวมทง้ั กำรพัฒนำช่องทำงกำรค้ำออนไลน์ 2) สง่ เสริมกำรใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรปฏิบตั ิงำน กำรบรหิ ำรจัดกำร และกำรจดั กำรเรียนรู้ 3) ส่งเสรมิ ใหม้ ีกำรใช้กำรวิจัยอยำ่ งงำ่ ยเพ่ือสรำ้ งนวัตกรรมใหม่ 3.6 พัฒนำศักยภำพคนด้ำนทักษะและควำมเข้ำใจในกำรใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั (Digital Literacy) 1) พฒั นำควำมรแู้ ละทกั ษะเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ของครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ เพื่อพฒั นำ รปู แบบการจดั การเรียนการสอน 2) สง่ เสริมกำรจัดกำรเรียนร้ดู ้ำนเทคโนโลยดี ิจทิ ัล เพื่อให้ประชำชนมที ักษะควำมเขำ้ ใจและ ใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัลทสี่ ำมำรถนำไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวัน รวมท้งั สร้ำงรำยไดใ้ ห้กับตนเองได้ 3.7 พัฒนำทกั ษะภำษำต่ำงประเทศเพ่ือกำรส่ือสำรของประชำชนในรูปแบบตำ่ ง ๆ อยำ่ งเปน็ รูปธรรม โดยเน้นทักษะภำษำเพื่ออำชีพ ทง้ั ในภำคธุรกิจ กำรบริกำร และกำรท่องเทยี่ ว รวมทัง้ พัฒนำส่ือกำรเรียนกำรสอนเพื่อสง่ เสรมิ กำรใชภ้ ำษำเพ่อื กำรส่ือสำรและกำรพัฒนำอำชีพ 3.8 เตรียมควำมพร้อมกำรเข้ำส่สู งั คมผู้สูงอำยุทเ่ี หมำะสมและมคี ุณภำพ 1) ส่งเสรมิ กำรจดั กจิ กรรมใหก้ ับประชำชนเพ่ือสรำ้ งควำมตระหนักถึงกำรเตรยี มพร้อมเข้ำสู่ สังคมผู้สูงอำยุ (Aging Society) มีควำมเข้ำใจในพัฒนำกำรของชว่ งวยั รวมทั้งเรยี นรู้และมสี ่วนร่วมในกำรดแู ล รบั ผดิ ชอบผสู้ ูงอำยใุ นครอบครวั และชุมชน 2) พฒั นำกำรจัดบรกิ ำรกำรศึกษำและกำรเรยี นรสู้ ำหรับประชำชนในกำรเตรยี มควำมพรอ้ ม เข้ำสวู่ ัยสูงอำยุท่เี หมำะสมและมคี ุณภำพ 3) จดั กำรศึกษำเพ่ือพฒั นำคุณภำพชวี ิตสำหรับผู้สงู อำยุภำยใตแ้ นวคดิ \"Active Aging\" กำรศกึ ษำเพ่ือพฒั นำคุณภำพชวี ิต และพฒั นำทักษะชีวติ ใหส้ ำมำรถดแู ลตนเองท้งั สุขภำพกำยและสขุ ภำพจติ และรูจ้ ักใช้ประโยชน์จำกเทคโนโลยี

4) สรำ้ งควำมตระหนกั ถงึ คุณคำ่ และศักด์ิศรีของผ้สู งู อำยุ เปิดโอกำสใหม้ ีกำรเผยแพรภ่ ูมิปัญญำ 8 ของผู้สูงอำยุ และให้มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมดำ้ นต่ำง ๆ ในชุมชน เช่น ด้ำนอำชพี กฬี ำ ศำสนำและวัฒนธรรม 5) จัดกำรศึกษำอำชพี เพ่ือรองรับสงั คมผู้สูงอำยุ โดยบูรณำกำรควำมรว่ มมือกบั หน่วยงำนทเี่ กีย่ วข้อง ในทุก ระดบั 3.9 กำรสง่ เสรมิ วทิ ยำศำสตรเ์ พ่อื กำรศึกษำ 1) จดั กิจกรรมวทิ ยำศำสตร์เชิงรุก และเน้นให้ควำมรู้วิทยำศำสตรอ์ ยำ่ งงำ่ ยกบั ประชำชนในชมุ ชน ท้ังวทิ ยำศำสตร์ในวถิ ชี ีวิต และวิทยำศำสตร์ในชวี ติ ประจำวนั 2) พัฒนำส่อื นิทรรศกำรเละรูปแบบกำรจดั กิจกรรมทำงวทิ ยำศำสตร์ให้มคี วำมทันสมยั 3.10 สง่ เสริมกำรรู้ภำษำไทยใหก้ ับประชำชนในรปู แบบต่ำง ๆ โดยเฉพำะประชำชนในเขตพืน้ ท่ีสงู ใหส้ ำมำรถฟัง พูด อำ่ น และเขียนภำษำไทย เพ่ือประโยชในกำรใช้ชีวิตประจำวันได้ 4 ยุทธศาสตร์ตน้ การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 4.1 จัดตั้งศูนย์กำรเรียนรู้สำหรบั ทุกช่วงวยั ทเ่ี ป็นศูนยก์ ำรเรียนรตู้ ลอดชวี ิตที่สำมำรถให้บริกำร ประชำชนไดท้ ุกคน ทุกช่วงวยั ที่มกี ิจกรรมท่หี ลำกหลำย ตอบสนองควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้ในแต่ละวยั และเปน็ ศูนยบ์ ริกำรควำมรู้ ศูนยก์ ำรจดั กิจกรรมทค่ี รอบคลุมทกุ ช่วงวัย เพื่อใหม้ ีพฒั นำกำรเรยี นร้ทู ีเ่ หมำะสม และมีควำมสุขกบั กำรเรยี นร้ตู ำมควำมสนใจ 1) เรง่ ประสำนกับสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน เพือ่ จัดทำฐำนขอ้ มลู โรงเรยี นท่ีถกู ยุบรวม หรอื คำดว่ำนำ่ จะถูกยบุ รวม 2) ใหส้ ำนักงำน กศน.จังหวดั ทุกแหง่ ทีอ่ ยใู่ นจังหวดั ท่มี ีโรงเรยี นทีถ่ ูกยบุ รวม ประสำนขอใชพ้ ื้นที่เพ่ือจัดตั้ง ศนู ยก์ ำรเรียนรู้สำหรับทุกชว่ งวัย กศน. 4.2 สง่ เสริมและสนบั สนุนกำรจัดกำรศกึ ษำและกำรเรียนรสู้ ำหรับกลุ่มเปำ้ หมำยผู้พกิ ำร 1) จัดกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน กำรศึกษำเพ่ือพฒั นำทกั ษะชวี ติ และทกั ษะอำชีพ และกำรศึกษำตำมอัธยำศัย โดยเน้นรูปแบบกำรศึกษำออนไลน์ 2) ใหส้ ำนกั งำน กศน.จงั หวัดทกุ แหง่ /กทม. ทำควำมร่วมมือกบั ศนู ย์กำรศึกษำพเิ ศษประจำจังหวดั ในกำรใช้ สถำนที่ วสั ดุอปุ กรณ์ และครุภัณฑ์ด้ำนกำรศึกษำ เพ่ือสนับสนนุ กำรจดั กำรศึกษำและกำรเรยี นรู้สำหรับ กล่มุ เปำ้ หมำยผู้พกิ ำร 4.3 ยกระดับกำรศึกษำให้กับกล่มุ เปำ้ หมำยทหำรกองประจำกำร รวมทัง้ กลุ่มเปำ้ หมำยพเิ ศษอนื่ ๆ อำทิ ผู้ตอ้ งขงั คนพิกำร เดก็ ออกกลำงคนั ประชำกรวยั เรยี นที่อยู่นอกระบบกำรศกึ ษำให้จบกำรศึกษำนอกระบบระดบั กำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำน สำมำรถนำควำมรทู้ ไี่ ด้รบั ไปพัฒนำตนเองได้อยำ่ งตอ่ เนื่อง 4.4 พฒั นำหลักสตู รกำรจัดกำรศึกษำอำชีพระะสนั้ ให้มคี วำมหลำกหลำย ทันสมยั เหมำะสมกับบรบิ ทของ พื้นที่ และตอบสนองควำมตอ้ งกำรของประชำชนผูร้ บั บริกำร 5. ยทุ ธศาสตรด์ ้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตทเ่ี ป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ ม 5.1 สง่ เสริมใหม้ กี ำรให้ควำมรู้กบั ประชำชนในกำรรับมอื และปรับตัวเพื่อลดควำมเสียหำยจำกภัยธรรมชำติ และผลกระทบท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั กำรเปล่ยี นแปลงสภำพภมู ิอำกำศ 5.2 สรำ้ งควำมตระหนักถงึ ควำมสำคญั ของกำรสร้ำงสงั คมสีเขยี ว สง่ เสริมควำมรใู้ ห้กับประชำชนเกย่ี วกบั กำรคดั แยกตัง้ แต่ต้นทำง กำรกำจดั ขยะ และกำรนำกลบั มำใช้ช้ำ เพื่อลดปริมำณและต้นทุนในกำรจดั กำรขยะของ เมือง และสำมำรถนำขยะกลับมำใช้ประโยชน์ได้โดยงำ่ ย รวมท้ังกำรจดั กำรมลพิษในชมุ ชน 5.3 สง่ เสรมิ ใหห้ น่วยงำนและสถำนศกึ ษำใชพ้ ลังงำนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดลอ้ ม รวมทงั้ ลดกำรใช้ทรพั ยำกรที่ ส่งผลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อม เช่น รณรงคเ์ รื่องกำรลดกำรใช้ถุงพลำสติก กำรประหยดั ไฟฟ้ำ เป็นต้น 6. ยุทธศาสตร์ดา้ นการปรับสมดลุ และพัฒนาระบบหารบริหารจดั การภาครัฐ 6.1 พฒั นำและปรบั ระบบวธิ กี ำรปฏิบตั ิรำชกำรให้ทนั สมยั มคี วำมโปร่งใส ปลอดกำรทจุ ริต บริหำรจดั กำร บนขอ้ มลู และหลักฐำนเชงิ ประจักษ์ มุ่งผลสัมฤทธ์ิมีควำมโปร่งใส

9 6.2 นำนวัตกรรมและเทคโนโลยรี ะบบกำรทำงำนที่เปน็ ดิจิทัลมำใช้ในกำรบรหิ ำรและพัฒนำงำนสำมำรถ เช่ือมโยงกับระบบฐำนข้อมลู กลำงของกระทรวงศึกษำธกิ ำร พร้อมทั้งพฒั นำโปรแกรมออนไลน์ที่สำมำรถเชื่อมโยง ขอ้ มลู ต่ำง ๆ ที่ทำใหก้ ำรบริหำรจัดกำรเป็นไปอยำ่ งต่อเน่ืองกันตงั้ แต่ต้นจนจบกระบวนกำรและใหป้ ระชำชน กลมุ่ เปำ้ หมำยสำมำรถเข้ำถึงบริกำรได้อยำ่ งทันที ทกุ ทีแ่ ละทกุ เวลำ 6.3 สง่ เสรมิ กำรพัฒนำบุคลำกรทกุ ระดับอย่ำงต่อเนอื่ ง ให้มคี วำมรแู้ ละทักษะตำมมำตรฐำนตำแหน่ง ให้ตรง กับสำยงำน ควำมชำนำญ และควำมต้องกำรของบคุ ลำกร 2. แนวทาง/กลยทุ ธก์ ารดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของ กศน.ตาบลพลตู าหลวง วิสยั ทัศน์ “คนไทยไดร้ ับโอกำสกำรศกึ ษำและกำรเรยี นรู้ตลอดชีวติ อย่ำงมีคุณภำพ สำมำรถดำรงชีวติ ทเ่ี หมำะสม กับชว่ งวัย สอดคล้องกบั หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง และมที ักษะที่จำเป็นในโลกศตวรรษท่ี 21” พนั ธกจิ 1. จดั และสง่ เสรมิ กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั ท่มี ีคุณภำพ เพ่ือยกระดบั กำรศึกษำ พฒั นำทักษะกำรเรยี นร้ขู องประชำชนทกุ กลุม่ เป้ำหมำยใหเ้ หมำะสมทุกช่วงวัย พรอ้ มรบั กำรเปลย่ี นแปลงบริบททำง สังคม และสร้ำงสงั คมแห่งกำรเรยี นรู้ตลอดชีวติ 2 สง่ เสริม สนบั สนุน และประสำนภำคีเครือข่ำย ในกำรมีสว่ นร่วมจดั กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำ ตำมอัธยำศัย และกำรเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมท้งั กำรดำเนนิ กจิ กรรมของศนู ยก์ ำรเรยี นและแหลง่ กำรเรียนรู้อน่ื ใน รูปแบบต่ำง ๆ 3. ส่งเสรมิ และพัฒนำกำรนำเทคโนโลยีทำงกำรศึกษำ และเทคโนโลยีดิจทิ ลั มำใช้ให้เกิดประสิทธภิ ำพในกำร จดั กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัยให้กับประชำชนอยำ่ งทั่วถึง 4. พัฒนำหลักสูตร รูปแบบกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สื่อและนวัตกรรม กำรวัดและประเมินผลในทกุ รปู แบบให้สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทในปจั จบุ นั 5. พฒั นำบคุ ลำกรและระบบกำรบริหำรจัดกำรให้มปี ระสทิ ธิภำพ เพื่อมุ่งจัดกำรศึกษำและกำรเรียนรู้ที่มี คณุ ภำพ โดยยดึ หลักธรรมำภิบำล เป้าประสงค์ 1. ประชำชนผดู้ อ้ ย พลำด และขำดโอกำสทำงกำรศึกษำ รวมท้งั ประชำชนท่ัวไปได้รับโอกำสทำง กำรศึกษำในรูปแบบกำรศึกษำนอกระบบระดับกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน กำรศึกษำต่อเนื่อง และกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัย ทีม่ คี ุณภำพอย่ำงเทำ่ เทียมและทว่ั ถึง เป็นไปตำมสภำพ ปัญหำ และควำมต้องกำรของแต่ละ กลุ่มเปา้ หมาย 2. ประชำชนไดร้ ับกำรยกระดับกำรศกึ ษำ สรำ้ งเสรมิ และปลูกฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และควำมเปน็ พลเมือง อนั นำไปสู่กำรยกระดบั คุณภำพชีวิตและเสริมสรำ้ งควำมเข้มแข็งใหช้ มุ ชน เพ่อื พฒั นำไปสู่ควำมมัน่ คงและย่ังยืน ทำงดำ้ นเศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม ประวตั ิศำสตร์ และสงิ่ แวดลอ้ ม 3. ประชำชนไดร้ บั โอกำสในกำรเรียนรู้ และมีเจตคตทิ ำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีท่เี หมำะสมสำมำรถคิด วเิ ครำะห์ และประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั รวมทง้ั แกป้ ญั หำและพัฒนำคณุ ภำพชีวิตได้อยำ่ งสร้ำงสรรค์ 4. ประชำชนได้รับกำรสรำ้ งและส่งเสรมิ ให้มนี สิ ยั รักกำรอ่ำนเพอื่ กำรแสวงหำควำมรดู้ ้วยตนเอง 5. ชุมชนและภำคีเครอื ขำ่ ยทุกภำคสว่ น รว่ มจัด ส่งเสริม และสนับสนนุ กำรดำเนนิ งำนกำรศึกษำนอกระบบ และกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัย รวมท้ังกำรขับเคลื่อนกิจกรรมกำรเรยี นรขู้ องชุมชน

10 6. หน่วยงำนและสถำนศึกษำพฒั นำ เทคโนโลยีทำงกำรศึกษำ เทคโนโลยดี จิ ิทัล มำใช้ในกำรยกระดบั คุณภำพในกำรจดั กำรเรยี นร้แู ละเพ่ิมโอกำสกำรเรยี นรใู้ หก้ ับประชำชน 7. หนว่ ยงำนและสถำนศึกษำพฒั นำสอื่ และกำรจดั กระบวนกำรเรยี นรู้ เพื่อแก้ปัญหำและพฒั นำคุณภำพ ชวี ิต ท่ีตอบสนองกับกำรเปลี่ยนแปลงบรบิ ทดำ้ นเศรษฐกิจ สังคม กำรเมือง วฒั นธรรม ประวตั ศิ ำสตรแ์ ละ ส่งิ แวดลอ้ ม รวมทั้งตำมควำมตอ้ งกำรของประชำชนและชุมชนในรูปแบบที่หลำกหลำย 8. หน่วยงำนและสถำนศึกษำมรี ะบบกำรบริหำรจัดกำรท่เี ป็นไปตำมหลักธรรมำภิบำล 9. บคุ ลำกรของหนว่ ยงำนและสถำนศึกษำไดร้ ับกำรพฒั นำเพอ่ื เพิ่มสมรรถนะในกำรปฏบิ ัตงิ ำนกำรศึกษำ นอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั อย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพ ตวั ชวี้ ัด ตวั ช้ีวัดเชิงปริมาณ 1. จำนวนผูเ้ รียนกำรศึกษำนอกระบบระดบั กำรศึกษำชั้นพนื้ ฐำนที่ไดร้ บั กำรสนับสนุนค่ำใชจ้ ่ำยตำมสทิ ธทิ ่ี กำหนดไว้ 2. จำนวนของคนไทยกลุ่มเป้ำหมำยตำ่ ง ๆ ท่เี ข้ำร่วมกิจกรรมกำรเรียนรู้/เข้ำรบั บริกำรกจิ กรรมกำรศึกษำ ตอ่ เนอื่ ง และกำรศึกษำตำมอัธยำศยั ทีส่ อดคล้องกบั สภำพ ปัญหำ และควำมต้องกำร 3. รอ้ ยละของกำลังแรงงำนท่ีสำเร็จกำรศกึ ษำระดบั มัธยมศึกษำตอนต้นขนึ้ ไป 4. จำนวนภำคีเครอื ขำ่ ยทีเ่ ขำ้ มำมสี ่วนร่วมในกำรจดั /พฒั นำ/ส่งเสรมิ กำรศึกษำ (ภำคเี ครือขำ่ ย : สถำนประกอบกำร องค์กร หนว่ ยงำนทม่ี ำร่วมจดั /พัฒนำ/สง่ เสรมิ กำรศึกษำ) 5. จำนวนประชำชน เดก็ และเยำวชนในพื้นท่ีสงู และชำวไทยมอแกน ในพื้นท่ี 5 จังหวัด 11 อำเภอ ได้รับบริกำรกำรศึกษำตลอดชีวิตจำกศนู ยก์ ำรเรยี นชมุ ชนสังกดั สำนกั งำน กศน. 6. จำนวนผู้รับบริกำรในพน้ื ที่เปำ้ หมำยได้รบั กำรส่งเสริมดำ้ นกำรรู้หนังสอื และกำรพัฒนำทักษะชวี ิต 7. จำนวนนกั เรียนนกั ศึกษำท่ีไดร้ ับบรกิ ำรตวิ เข้มเตม็ ควำมรู้ 8. จำนวนประชำชนทไ่ี ด้รับกำรฝกึ อำชพี ระยะสนั้ สำมำรถสร้ำงอำชีพเพอื่ สร้ำงรำยได้ 9. จำนวน ครู กศน. ตำบล จำกพื้นท่ี กศน.ภำค ไดร้ บั กำรพฒั นำศักยภำพดำ้ นกำรจัดกำรเรยี นกำรสอน ภำษำองั กฤษเพ่ือกำรสื่อสำร 10. จำนวนประชำชนท่ไี ด้รับกำรฝกึ อบรมภำษำตำ่ งประเทศเพื่อกำรส่ือสำรดำ้ นอำชีพ 11. จำนวนผสู้ งู อำยภุ ำวะพงึ่ พิงในระบบ Long Term Care มผี ดู้ แู ลท่ีมีคุณภำพและมำตรฐำน 12. จำนวนประชำชนที่ผ่ำนกำรอบรมจำกศูนยด์ จิ ทิ ลั ชมุ ชน 13. จำนวนศนู ยก์ ำรเรียนชุมชน กศน. บนพ้ืนท่ีสูง ในพ้ืนที่ 5 จงั หวัด ท่สี ่งเสรมิ กำรพฒั นำทักษะกำรฟัง พูด ภำษำไทยเพอ่ื กำรสอ่ื สำร รว่ มกนั ในสถำนศึกษำสังกดั สพฐ. ตชด. และกศน. 14. จำนวนบคุ ลำกร กศน. ตำบลท่ีสำมำรถจดั ทำคลงั ควำมรู้ได้ 15. จำนวนบทควำมเพื่อกำรเรียนรู้ตลอดชวี ิตในระดบั ตำบลในหัวขอ้ ตำ่ ง ๆ 16. จำนวนหลกั สูตรและส่อื ออนไลนท์ ่ีให้บรกิ ำรกบั ประชำชน ทั้งกำรศึกษำนอกระบบระดับกำรศึกษำข้ัน พ้ืนฐำน กำรศึกษำต่อเนื่อง และกำรศึกษำตำมอธั ยำศัย ตวั ชวี้ ดั เชิงคณุ ภาพ 1. ร้อยละของคะแนนเฉลยี่ ผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติ กำรศึกษำนอกระบบ (N-NET) ทุกรำยวชิ ำทกุ ระดบั 2. ร้อยละของผเู้ รียนที่ไดร้ บั กำรสนับสนุนกำรจัดกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำนเทียบกับคำ่ เปำ้ หมำย 3. ร้อยละของประชำชนกลุ่มเปำ้ หมำยทลี่ งทะเบยี นเรียนในทกุ หลกั สตู ร/กิจกรรมกำรศกึ ษำตอ่ เน่ืองเทียบ กบั เปำ้ หมำย

11 4. รอ้ ยละของผู้ผำ่ นกำรฝึกอบรม/พฒั นำทักษะอำชพี ระยะส้ันสำมำรถนำควำมร้ไู ปใชใ้ นกำรประกอบอำชีพ หรือพัฒนำงำนได้ 5. รอ้ ยละของผู้เรียนในเขตพ้ืนท่ีจังหวัดชำยแดนภำคใต้ท่ีไดร้ บั กำรพัฒนำศกั ยภำพ หรอื ทกั ษะด้ำนอำชีพ สำมำรถมีงำนทำหรือนำไปประกอบอำชีพได้ 6. ร้อยละของผ้จู บหลักสตู ร/กิจกรรมที่สำมำรถนำควำมร้คู วำมเขำ้ ใจไปใช้ได้ตำมจดุ ม่งุ หมำยของหลักสตู ร กิจกรรม กำรศึกษำต่อเน่ือง 7. รอ้ ยละของประชำชนท่ีไดร้ ับบริกำรมคี วำมพงึ พอใจตอ่ กำรบรกิ ำร/เข้ำรว่ มกจิ กรรมกำรเรียนรูก้ ำรศึกษำ ตำมอธั ยำศยั 8. รอ้ ยละของประชำชนกลุ่มเปำ้ หมำยที่ได้รบั บริกำร/ข้ำร่วมกิจกรรมทีม่ คี วำมรคู้ วำมเข้ำใจ/เจตคติ ทักษะ ตำมจดุ มุง่ หมำยของกิจกรรมทก่ี ำหนด ของกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั 9. ร้อยละของนักเรียน/นักศึกษำท่ีมีผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรียนในวชิ ำท่ีได้รบั บรกิ ำรติวเข้มเต็มควำมร้เู พิ่ม สงู ขนึ้ 10. รอ้ ยละของผู้สูงอำยทุ เี่ ป็นกลมุ่ เปำ้ หมำย มโี อกำสมำเข้ำรว่ มกิจกรรมกำรศกึ ษำตลอดชวี ติ นโยบายเร่งด่วนเพ่ือร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศ 1.ยทุ ธศาสตร์ดา้ นความมนั คง 1.1 พฒั นำและเสริมสร้ำงควำมจงรกั ภกั ดีต่อสถำบันหลักของชำติ โดยปลูกฝงั และสรำ้ งควำมตระหนักร้ถู งึ ควำมสำคญั ของสถำบนั หลักของชำติ รณรงคเ์ สริมสรำ้ งควำมรกั และควำมภำคภมู ิใจในควำมเป็นคนไทยและชำติ ไทย นอ้ มนำและเผยแพร่ศำสตร์พระรำชำ หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งรวมถึงแนวทำงพระรำชดำริตำ่ ง ๆ 1.2 เสรมิ สรำ้ งควำมรคู้ วำมเข้ำใจที่ถูกต้อง และกำรมีสว่ นรว่ มอย่ำงถูกต้องกบั กำรปกครองระบอบ ประชำธปิ ไตยอนั มีพระมหำกษตั ริย์ทรงเป็นประมุข ในบริบทของไทย มคี วำมเปน็ พลเมืองดี ยอมรบั และเคำรพควำม หลำกหลำยทำงควำมคดิ และอดุ มกำรณ์ 1.3 สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ กำรจัดกำรศึกษำเพือ่ ป้องกนั และแก้ไขปญั หำภัยคุกคำมในรูปแบบใหม่ ทั้งยำ เสพติด กำรค้ำมนษุ ย์ ภัยจำกไซเบอร์ ภัยพิบัตจิ ำกธรรมชำติ โรคอุบตั ิใหม่ ฯลฯ 1.4 ยกระดบั คุณภำพกำรศึกษำและสร้ำงเสริมโอกำสในกำรเข้ำถึงบริกำรกำรศึกษำ กำรพัฒนำทกั ษะ กำรสร้ำงอำชีพ และกำรใช้ชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม ในเขตพัฒนำพเิ ศษเฉพำะกิจจังหวดั ชำยแดนภำคใต้ และพื้นท่ี ชำยแดนอ่นื ๆ 1.5 สร้ำงควำมรู้ ควำมเข้ำใจในขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้ำนยอมรับและ เคำรพในประเพณี วฒั นธรรมของกล่มุ ชำติพันธุ์ และชำวตำ่ งชำติทีม่ ีควำมหลำกหลำย ในลกั ษณะพหสุ ังคมท่ีอยู่ ร่วมกัน 2 ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั 2.1 เร่งปรบั หลกั สูตรกำรจัดกำรศึกษำอำชพี กศน. เพื่อยกระดบั ทักษะด้ำนอำชีพของประชำชน ให้เปน็ อำชพี ท่ีรองรบั อตุ สำหกรรมเป้ำหมำยของประเทศ (First S - curve และ New S-curve) โดยบรู ณำ กำรควำมร่วมมือในกำรพัฒนำและเสรมิ ทักษะใหมด่ ้ำนอำชีพ (Upskill & Reskill) รวมถึงมุ่งเน้นสรำ้ งโอกำส ในกำรสรำ้ งงำน สรำ้ งรำยได้ และตอบสนองต่อควำมตอ้ งกำรของตลำดแรงำนทั้งภำคอุตสำหกรรมและ กำรบรกิ ำร โดยเฉพำะในพ้ืนท่ีเขตระเบยี งเศรษฐกิจ และเขคพัฒนำพิเศษตำมภูมภิ ำคต่ำง ๆ ของประเทศ สำหรบั พน้ื ท่ปี กติให้พัฒนำอำชพี ท่เี นน้ กำรต่อยอดศักยภำพและตำมบรบิ ทของพนื้ ท่ี 2.2 จดั กำรศึกษำเพ่ือพัฒนำพื้นทีภ่ ำคตะวนั ออก ยกระดับกำรศึกษำให้กบั ประชำชนให้จบกำรศึกษำอยำ่ ง นอ้ ยกำรศึกษำภำคบังคับ สำมำรถนำคุณวฒุ ิที่ได้รบั ไปต่อยอดในกำรประกอบอำชพี รวมท้งั พฒั นำทักษะในกำร ประกอบอำชีพตำมควำมต้องกำรของประชำชน สร้ำงอำชีพ สร้ำงรำยได้ ตอบสนองต่อบรบิ ทของสงั คมและชุมชน รวมทัง้ รองรบั กำรพัฒนำเขตพน้ื ที่ระเบียบเศรษฐกิจภำคตะวันออก (EEC)

12 2.3 พฒั นำและส่งเสรมิ ประชำชนเพ่ือต่อยอดกำรผลิตและจำหน่ำยสินคแ้ ละผลติ ภัณฑ์ออนไลน์ 1) เร่งจัดตง้ั ศูนย์ให้คำปรึกษำและพัฒนำผลิตภณั ฑ์ Brand กศน. เพ่ือยกระดับคุณภำพของสินคแ้ ละ ผลติ ภัณฑ์ กำรบริหำรจดั กำรที่ครบวงจร (กำรผลติ กำรตลำด กำรสง่ ออก และสรำ้ งช่องทำงจำหน่ำย) รวมทงั้ สง่ เสรมิ กำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกเทคโนโลยีดจิ ิทลั ในกำรเผยแพรแ่ ละจำหน่ำยผลิตภัณฑ์ 2) พัฒนำและคดั เลือกสดุ ยอดสินค้ำและลิตภัณฑ์ กศน. ในแต่ละจังหวัด พร้อมท้ังประสำนควำมรว่ มมือกับ สถำนีบรกิ ำรนำ้ มนั ในกำรเปน็ ซ่องทำงกำรจำหนำ่ ยสดุ ยอดสินคำ้ และผลติ ภณั ฑ์ กศน.ใหก้ วำ้ งขวำงย่ิงขน้ึ 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนษุ ย์ 3.1 พัฒนำครูและบุคลำกรทีเ่ กี่ยวข้องกบั กำรจัดกิจกรรมและกำรเรยี นรู้ เปน็ ผู้เชือ่ มโยงควำมรู้กับ ผเู้ รยี นและผรู้ ับบริกำร มีควำมเป็น \"ครมู ืออำชพี \" มีจิตบรกิ ำร มีควำมรอบรู้และทันต่อกำรเปลีย่ นแปลงของสังคม และเป็น \"ผอู้ ำนวยกำรกำรเรียนรู้\" ทส่ี ำมำรถบรหิ ำรจดั กำรควำมรู้ กจิ กรรม และกำรเรียนร้ทู ี่ดี 1) เพิม่ อัตรำขำ้ รำชกำรครูให้กบั กศน. อำเภอทุกแห่ง โดยเร่งดำเนนิ กำรเรื่องกำรหำอตั รำตำแหนง่ กำรสรรหำ บรรจุ และแตง่ ตงั้ ขำ้ รำชกำรครู 2) พัฒนำข้ำรำชกำรครูในรูปแบบครบวงจร ตำมหลกั สูตรทเ่ี ชือ่ มโยงกับวิทยฐำนะ 3) พัฒนำครู กศน.ตำบลให้สำมำรถปฏิบตั ิงำนไดอ้ ย่ำงมปี ระสิทธิภำพ โดยเน้นเรอ่ื งกำรพัฒนำทักษะกำร จดั กำรเรยี นกำรสอนออนไลน์ ทักษะภำษำต่ำงประเทศ ทกั ษะกำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้ 4) พัฒนำศึกษำนิเทศก์ ใหส้ ำมำรถปฏิบตั ิกำรนเิ ทศไดอ้ ย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ 5) พัฒนำบุคลำกร กศน.ทุกระดับทุกประเภทใหม้ ที ักษะควำมร้เู ร่ืองกำรใช้ประโยชนจ์ ำกดิจิทัลและ ภำษำต่ำงประเทศทีจ่ ำเปน็ 3.2 พฒั นำแหลง่ เรยี นรใู้ หม้ ีบรรยำกำศและสภำพแวดล้อมทเี่ อ้ือตอ่ กำรเรยี นรู้ มีควำมพร้อมในกำร ให้บรกิ ำรกิจกรรมกำรศกึ ษำและกำรเรยี นรู้ เป็นแหลง่ สำรสนเทศสำธำรณะที่งยต่อกำรเข้ำถึง มบี รรยำกำศที่เอ้ือตอ่ กำรเรยี นรู้ เปน็ คำเพพ่ นื้ ทก่ี ำรเรียนรู้สำหรับคนทกุ ชว่ งวยั มีส่งิ อำนวยควำมสะดวก มีบรรยำกำศสวยงำมมีชวี ติ ท่ี ดงึ ดูดควำมสนใจ และมีควำมปลอดภยั สำหรบั ผู้ใชบ้ ริกำร 1) เรง่ ยกระดบั กศน.ตำบลนำรอ่ ง 928 แห่ง (อำเภอละ 1 แห่ง) ใหเ้ ป็น กศน.ตำบล 5 ดี พรเี ม่ยี ม ท่ปี ระกอบด้วย ครดู ี สถำนท่ีดี (ตำมบรบิ ทของพ้นื ที่) กิจกรรมดี เครอื ข่ำยดี และมนี วตั กรรมกำรเรยี นร้ทู ่ีดมี ี ประโยชน์ 2) จัดใหม้ ีศูนย์กำรเรยี นรตู้ ้นแบบ กศน. เพือ่ ยกระดับกำรเรียนรู้ ใน 6 ภูมภิ ำค เป็นพ้นื ท่ีกำรเรียนรู้ (Co - Learning Space) ทท่ี ันสมยั สำหรับทุกคน มีควำมพรอ้ มในกำรใหบ้ รกิ ำรต่ำง ๆ อำทิ พน้ื ทีส่ ำหรับกำร ทำงำน/กำรเรียนรู้ พืน้ ทส่ี ำหรับกจิ กรรมตำ่ ง ๆ มีหอ้ งประชุมขนำดเล็ก รวมท้ังทำงำนร่วมกบั ห้องสมุดประชำชนใน กำรใหบ้ รกิ ำรในรปู แบบห้องสมุดดจิ ิทลั บรกิ ำรอนิ เทอรเ์ น็ต ส่ือมัลติมเี ดยี เพ่ือรองรับกำรเรียนร้แู บบ Active Learning 3) พฒั นำห้องสมุดประชชน \"เฉลมิ รำชกมุ ำรี\" ให้เป็น Digital Library โดยให้มีบริกำรหนังสือ ในรูปแบบ e - Book บรกิ ำรคอมพิวเตอร์ และอนิ เทอร์เน็ตควำมเรว็ สงู รวมทัง้ Free Wifi เพอ่ื กำรสืบคน้ ข้อมลู 3.3 ส่งเสรมิ กำรจัดกำรเรยี นรู้ทีท่ ันสมัยและมีประสิทธิภำพ เอ้อื ต่อกำรเรียนรู้สำหรบั ทุกคน สำมำรถ เรยี นไดท้ ุกที่ทุกเวลำ มีกิจกรรมท่ีหลำกลำย นำ่ สนใจ สนองตอบควำมต้องกำรของชมุ ชน เพ่อื พัฒนำศักยภำพ กำรเรยี นรขู้ องประชำชน รวมทัง้ ใช้ประโยชน์จำกประชำชนในชุมชนในกำรรว่ มจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรูเ้ พื่อเชือ่ มโยง ควำมสัมพนั ธข์ องคนในชมุ ชนไปสู้กำรจดั กำรควำมรูข้ องชมุ ชนอย่ำงยงั่ ยืน 1) สง่ เสรมิ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นร้ทู ป่ี ลกู ฝงั คุณธรรม สร้ำงวินยั จิตสำธำรณะ ควำมรับผดิ ชอบ ต่อส่วนรวม และกำรมจี ิตอำสำ ผำ่ นกจิ กรรมรปู แบบต่ำง ๆ อำทิ กิจกรรมลกู เสือ กศน. กิจกรรมจิตอำสำ ตลอดจน สนับสนนุ ใหม้ กี ำรจัดกจิ กรรมเพ่ือปลูกฝังคณุ ธรรม จริยธรรมใหก้ ับบุคลำกรในองค์กร 2) จัดใหม้ ีหลักสตู รลกู เสือมัคคุเทศก์ โดยให้สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ทุกแหป่ กทม. จัดตงั้ กองลกู เสือ

13 ทล่ี กู เสอื มีควำมพร้อมดำ้ นทักษะภำษำต่ำงประเทศ เปน็ ลกู เสอื มัคคุเทศกจ์ งั หวัดละ 1 กอง เพ่ือสง่ เสรมิ ลูกเสือจติ อำสำพัฒนำกำรท่องเที่ยวในแต่ละจังหวดั 3.4 เสริมสรำ้ งควำมรว่ มมือกับภำคเี ครอื ข่ำย ประสำน ส่งเสริมควำมรว่ มมือภำคีเครือขำ่ ย ทั้งภำครัฐเอกชน ประชำสงั คม และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ รวมท้ังสง่ เสริมและสนับสนุนกำรมสี ่วนร่วมของชมุ ชนเพอื่ สรำ้ งควำม เขำ้ ใจ และใหเ้ กิดควำมร่วมมือในกำรสง่ เสริม สนบั สนุน และจดั กำรศึกษำและกำรเรียนรใู้ ห้กับประชำชนอย่ำงมี คณุ ภำพ 1) เรง่ จดั ทำทำเนียบภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ ในแต่ละตำบล เพื่อใชป้ ระโยชน์จำกภมู ิปัญญำท้องถิ่นในกำรสรำ้ ง กำรเรียนรูจ้ ำกองค์ควำมรู้ในตัวบุคคลใหเ้ กดิ กำรถำ่ ยทอดภูมปิ ญั ญำ สรำ้ งคุณคำ่ ทำงวัฒนธรรมอย่ำงย่ังยนื 2) ส่งเสริมภมู ปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ สู่กำรจัดกำรเรยี นรชู้ มุ ชน 3) ประสำนควำมรว่ มมือกบั ภำคเี ครือขำ่ ยเพื่อกำรขยำยและพัฒนำกำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำม อธั ยำศัยใหเ้ ข้ำถึงกลุ่มเปำ้ หมำยทุกกลุ่มอยำ่ งกวำ้ งขวำงและมคี ุณภำพ อำทิ กลมุ่ ผูส้ งู อำยุ กลุ่ม อสม. 3.5 พัฒนำนวัตกรรมทำงกำรศกึ ษำเพ่ือประโยชน์ตอ่ กำรจดั กำรศึกษำและกลมุ่ เป้ำหมำย 1) พฒั นำกำรจดั กำรศึกษำออนไลน์ กศน. ทงั้ ในรปู แบบของกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน กำรพัฒนำทกั ษะ ชวี ิตและทักษะอำชพี กำรศึกษำตำมอธั ยำศยั รวมทง้ั กำรพัฒนำชอ่ งทำงกำรคำ้ ออนไลน์ 2) สง่ เสริมกำรใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรปฏิบตั ิงำน กำรบรหิ ำรจัดกำร และกำรจัดกำรเรยี นรู้ 3) สง่ เสริมใหม้ ีกำรใชก้ ำรวจิ ยั อย่ำงงำ่ ยเพ่ือสรำ้ งนวตั กรรมใหม่ 3.6 พัฒนำศักยภำพคนด้ำนทักษะและควำมเข้ำใจในกำรใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทลั (Digital Literacy) 1) พัฒนำควำมรู้และทักษะเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลของครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ เพื่อพัฒนำ รูปแบบการจัดการเรยี นการสอน 2) สง่ เสริมกำรจัดกำรเรียนรู้ด้ำนเทคโนโลยีดิจิทลั เพอ่ื ใหป้ ระชำชนมีทักษะควำมเขำ้ ใจและ ใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ที่สำมำรถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน รวมท้ังสรำ้ งรำยได้ให้กับตนเองได้ 3.7 พฒั นำทักษะภำษำตำ่ งประเทศเพื่อกำรส่ือสำรของประชำชนในรปู แบบตำ่ ง ๆ อย่ำงเปน็ รปู ธรรม โดยเนน้ ทกั ษะภำษำเพ่ืออำชีพ ทงั้ ในภำคธุรกิจ กำรบรกิ ำร และกำรท่องเท่ยี ว รวมท้ัง พฒั นำสอื่ กำรเรียนกำรสอนเพือ่ ส่งเสรมิ กำรใชภ้ ำษำเพอ่ื กำรสอ่ื สำรและกำรพฒั นำอำชีพ 3.8 เตรยี มควำมพร้อมกำรเข้ำสสู่ ังคมผู้สูงอำยุท่ีเหมำะสมและมีคุณภำพ 1) ส่งเสริมกำรจัดกจิ กรรมให้กับประชำชนเพื่อสรำ้ งควำมตระหนกั ถึงกำรเตรยี มพร้อมเข้ำสสู่ งั คมผูส้ ูงอำยุ (Aging Society) มคี วำมเข้ำใจในพัฒนำกำรของชว่ งวยั รวมท้งั เรยี นรูแ้ ละมีสว่ นรว่ มในกำรดูแล รับผดิ ชอบผู้สงู อำยใุ นครอบครัวและชุมชน 2) พฒั นำกำรจัดบรกิ ำรกำรศึกษำและกำรเรียนรู้สำหรบั ประชำชนในกำรเตรียมควำมพร้อม เข้ำส่วู ัยสงู อำยทุ เี่ หมำะสมและมคี ุณภำพ 3) จัดกำรศึกษำเพื่อพฒั นำคุณภำพชวี ติ สำหรับผู้สูงอำยุภำยใต้แนวคิด \"Active Aging\"กำรศึกษำเพื่อพฒั นำ คุณภำพชวี ติ และพัฒนำทักษะชีวิต ใหส้ ำมำรถดแู ลตนเองทง้ั สุขภำพกำยและสุขภำพจิตและรจู้ ักใช้ประโยชน์จำก เทคโนโลยี 4) สร้ำงควำมตระหนักถึงคุณคำ่ และศักดิ์ศรีของผูส้ ูงอำยุ เปิดโอกำสใหม้ ีกำรเผยแพรภ่ มู ิปญั ญำของผ้สู ูงอำยุ และใหม้ ีส่วนร่วมในกจิ กรรมด้ำนตำ่ ง ๆ ในชมุ ชน เชน่ ดำ้ นอำชีพ กีฬำ ศำสนำและวฒั นธรรม 5) จัดกำรศึกษำอำชีพเพ่ือรองรับสังคมผูส้ งู อำยุ โดยบรู ณำกำรควำมร่วมมือกบั หน่วยงำนที่เกย่ี วข้อง ในทุก ระดบั 3.9 กำรส่งเสรมิ วทิ ยำศำสตร์เพ่อื กำรศึกษำ 1) จดั กจิ กรรมวิทยำศำสตร์เชิงรุก และเน้นให้ควำมรวู้ ิทยำศำสตรอ์ ย่ำงงำ่ ยกบั ประชำชนในชุมชน ทั้งวิทยำศำสตร์ในวิถีชวี ติ และวิทยำศำสตร์ในชีวิตประจำวนั 2) พฒั นำสือ่ นิทรรศกำรเละรูปแบบกำรจดั กจิ กรรมทำงวทิ ยำศำสตร์ให้มคี วำมทนั สมยั

14 3.10 ส่งเสริมกำรรภู้ ำษำไทยใหก้ ับประชำชนในรปู แบบต่ำง ๆ โดยเฉพำะประชำชนในเขตพน้ื ทสี่ ูง ใหส้ ำมำรถฟัง พดู อ่ำน และเขยี นภำษำไทย เพื่อประโยชในกำรใชช้ ีวิตประจำวนั ได้ 4 ยุทธศาสตร์ต้นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม 4.1 จดั ตงั้ ศูนยก์ ำรเรยี นรสู้ ำหรบั ทกุ ชว่ งวยั ท่ีเปน็ ศนู ย์กำรเรียนรตู้ ลอดชีวิตท่สี ำมำรถให้บริกำร ประชำชนไดท้ ุกคน ทุกช่วงวยั ทีม่ ีกจิ กรรมทีห่ ลำกหลำย ตอบสนองควำมต้องกำรในกำรเรียนรใู้ นแตล่ ะวัย และเป็นศนู ยบ์ ริกำรควำมรู้ ศูนยก์ ำรจัดกจิ กรรมท่คี รอบคลุมทุกชว่ งวัย เพื่อใหม้ ีพฒั นำกำรเรียนร้ทู เี่ หมำะสม และมีควำมสุขกบั กำรเรยี นรตู้ ำมควำมสนใจ 1) เร่งประสำนกบั สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พืน้ ฐำน เพ่อื จดั ทำฐำนขอ้ มลู โรงเรยี นท่ีถูกยุบรวม หรอื คำดว่ำน่ำจะถูกยุบรวม 2) ให้สำนกั งำน กศน.จังหวัดทกุ แห่งทอ่ี ยใู่ นจังหวดั ท่ีมโี รงเรียนที่ถูกยุบรวม ประสำนขอใชพ้ ้ืนท่เี พื่อจัดตั้ง ศนู ย์กำรเรยี นรู้สำหรับทุกช่วงวยั กศน. 4.2 ส่งเสริมและสนับสนุนกำรจดั กำรศกึ ษำและกำรเรียนรู้สำหรับกลุ่มเปำ้ หมำยผู้พกิ ำร 1) จัดกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน กำรศกึ ษำเพ่ือพฒั นำทักษะชวี ิตและทักษะอำชีพ และกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั โดยเนน้ รูปแบบกำรศึกษำออนไลน์ 2) ให้สำนักงำน กศน.จงั หวัดทกุ แห่ง/กทม. ทำควำมรว่ มมือกับศูนยก์ ำรศึกษำพเิ ศษประจำจงั หวดั ในกำรใช้ สถำนที่ วสั ดุอปุ กรณ์ และครุภัณฑ์ดำ้ นกำรศกึ ษำ เพื่อสนับสนนุ กำรจดั กำรศึกษำและกำรเรยี นรู้สำหรับ กลมุ่ เปำ้ หมำยผู้พิกำร 4.3 ยกระดบั กำรศึกษำให้กบั กลมุ่ เปำ้ หมำยทหำรกองประจำกำร รวมท้ังกลุ่มเป้ำหมำยพิเศษอืน่ ๆ อำทิ ผู้ตอ้ งขงั คนพิกำร เด็กออกกลำงคนั ประชำกรวัยเรียนท่ีอยนู่ อกระบบกำรศึกษำให้จบกำรศกึ ษำนอกระบบระดบั กำรศึกษำขน้ั พืน้ ฐำน สำมำรถนำควำมรทู้ ี่ได้รับไปพัฒนำตนเองไดอ้ ยำ่ งตอ่ เน่ือง 4.4 พฒั นำหลักสตู รกำรจัดกำรศกึ ษำอำชพี ระะสัน้ ให้มีควำมหลำกหลำย ทันสมัย เหมำะสมกบั บริบทของ พนื้ ที่ และตอบสนองควำมตอ้ งกำรของประชำชนผรู้ บั บรกิ ำร 5. ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชวี ติ ทเี่ ป็นมติ รตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม 5.1 ส่งเสริมใหม้ ีกำรให้ควำมรู้กับประชำชนในกำรรับมอื และปรบั ตวั เพ่ือลดควำมเสยี หำยจำกภัยธรรมชำติ และผลกระทบท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กำรเปลย่ี นแปลงสภำพภมู ิอำกำศ 5.2 สร้ำงควำมตระหนักถงึ ควำมสำคัญของกำรสร้ำงสงั คมสเี ขยี ว สง่ เสรมิ ควำมรูใ้ ห้กบั ประชำชนเก่ยี วกับ กำรคดั แยกตงั้ แตต่ น้ ทำง กำรกำจัดขยะ และกำรนำกลับมำใชช้ ้ำ เพอ่ื ลดปรมิ ำณและตน้ ทุนในกำรจัดกำรขยะของ เมือง และสำมำรถนำขยะกลับมำใช้ประโยชนไ์ ด้โดยงำ่ ย รวมท้ังกำรจัดกำรมลพิษในชมุ ชน 5.3 สง่ เสริมให้หนว่ ยงำนและสถำนศกึ ษำใชพ้ ลังงำนทีเ่ ปน็ มติ รกับส่งิ แวดลอ้ ม รวมทงั้ ลดกำรใช้ทรพั ยำกรที่ สง่ ผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ ม เชน่ รณรงคเ์ รื่องกำรลดกำรใช้ถุงพลำสติก กำรประหยดั ไฟฟ้ำ เปน็ ตน้ 6. ยุทธศาสตรด์ ้านการปรบั สมดุลและพัฒนาระบบหารบริหารจดั การภาครัฐ 6.1 พัฒนำและปรบั ระบบวธิ กี ำรปฏิบัตริ ำชกำรใหท้ ันสมัย มคี วำมโปร่งใส ปลอดกำรทุจริต บริหำรจดั กำร บนข้อมลู และหลักฐำนเชงิ ประจักษ์ มุ่งผลสัมฤทธ์มิ ีควำมโปร่งใส 6.2 นำนวัตกรรมและเทคโนโลยรี ะบบกำรทำงำนทเี่ ปน็ ดิจิทลั มำใช้ในกำรบรหิ ำรและพัฒนำงำนสำมำรถ เชอ่ื มโยงกบั ระบบฐำนข้อมลู กลำงของกระทรวงศกึ ษำธิกำร พรอ้ มทั้งพฒั นำโปรแกรมออนไลน์ท่ีสำมำรถเช่ือมโยง ขอ้ มูลตำ่ ง ๆ ท่ที ำใหก้ ำรบริหำรจัดกำรเปน็ ไปอยำ่ งต่อเน่ืองกันต้งั แต่ตน้ จนจบกระบวนกำรและให้ประชำชน กลมุ่ เปำ้ หมำยสำมำรถเข้ำถึงบรกิ ำรได้อยำ่ งทันที ทกุ ท่แี ละทกุ เวลำ 6.3 ส่งเสรมิ กำรพัฒนำบุคลำกรทุกระดับอย่ำงต่อเน่อื ง ให้มคี วำมรแู้ ละทักษะตำมมำตรฐำนตำแหน่ง ให้ตรง กับสำยงำน ควำมชำนำญ และควำมต้องกำรของบคุ ลำกร

15 หลักการพฒั นาสังคมและชุมชน 1 สาระสาคญั กำรจดั กำรศึกษำเพื่อพัฒนำสังคมและชุมชน เปน็ กำรจัดกำรศึกษำทบ่ี รู ณำกำรควำมรู้และทักษะจำก กำรศึกษำทผ่ี ูเ้ รยี นมีอยูห่ รือได้รับจำกกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี นโดยมรี ูปแบบกำรเรียนรู้ที่ หลำกหลำยใชช้ มุ ชนเปน็ ฐำนในกำรพัฒนำกำรเรยี นรู้และทุนทำงสงั คมเปน็ เครื่องมือในกำรจดั กำรเรยี นรู้ เพ่ือพฒั นำ สงั คมและชมุ ชนให้มีควำมเขม้ แข็งสำมำรถพง่ึ พำตนเองได้ตำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพยี ง และประชำชนอยูร่ ว่ มกัน อย่ำงมีควำมสุขตำมวถิ ที ำงกำรปกครองในระบอบประชำธิปไตย ตลอดจนอยู่ในสภำพแวดลอ้ มทดี่ ี มีกำรพัฒนำท่ี ยงั่ ยืน 2. นโยบาย เร่งรัดจดั กำรศึกษำนอกโรงเรียนเพ่ือส่งเสริมกำรมีส่วนรว่ มในกำรพฒั นำสงั คม โดยใชช้ มุ ชนเปน็ ฐำน บรู ณำกำรควำมรแู้ ละทกั ษะกำรดำรงชีวติ เพ่ือใหเ้ กดิ สงั คมแห่งกำรเรียนรู้ นำไปสสู่ งั คมที่เข้มแข็ง มีควำมเอื้ออำทร ต่อกนั และพึ่งพำตนเองได้อย่ำงยง่ั ยนื 3. เป้าหมายสาธารณะ กำรจดั กำรศึกษำเพ่ือพฒั นำสังคมและชมุ ชนเป็นกำรจดั กำรศึกษำท่ีมงุ่ ใช้กระบวนกำรศกึ ษำเปน็ เครอ่ื งมือในกำรพัฒนำสงั คมและชุมชนให้มีควำมเข้มแข็ง พ่ึงตนเองได้ตำมแนวทำงเศรษฐกจิ พอเพยี ง มคี วำมเอ้ือ อำทร มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สบื ทอดวฒั นธรรมและภมู ิปัญญำ ประชำชนมีสว่ นร่วมในกำรดแู ลรักษำ ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม และกำหนดทิศทำงกำรพฒั นำของสงั คมและชุมชนตำมแนวทำงในระบอบ ประชำธปิ ไตย โดยมีเปำ้ หมำย ดังน้ี (1) ใหม้ ีกิจกรรมกำรพัฒนำสังคมและชุมชน 1 โครงกำร (2) ใหบ้ ริกำรนิทรรศกำรกำรศึกษำ (3) จัดค่ำยเยำวชนประชำธิปไตย /คำ่ ยประชำชนประชำธิปไตย (4) จัดกจิ กรรมธรรมะเพื่อพัฒนำสงั คมและชุมชน 4. แนวทางและมาตรการ (1) พฒั นำศกั ยภำพกำรทำงำนของบุคลำกร กศน. โดยปรับบทบำทกำรทำงำนใหส้ อดคลอ้ งกับหนำ้ ที่ สร้ำงควำมรูค้ วำมเข้ำใจในกำรจดั กจิ กรรมกำรศึกษำนอกโรงเรยี นตำมนโยบำย และกำหนดให้ครู กศน. รับผิดชอบ กำรจัดกจิ กรรมระดับตำบลในลักษณะ Project Approach (2) ดำเนนิ กำรในรปู โครงกำรทีใ่ ห้ควำมสำคัญกับประเด็นหลักของกำรพัฒนำ 4 ดำ้ น กล่ำวคือ เศรษฐกจิ (วสิ ำหกจิ ชุมชน) กำรเมอื งกำรปกครอง(ประชำธิปไตย) สงั คม(วัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญำชุมชน) และ สง่ิ แวดลอ้ ม ตลอดจนกำรส่ังสอนอบรมเผยแผธ่ รรมะและคุณธรรม จรยิ ธรรม ตำมหลักของศำสนำในแต่ละท้องถิน่ โดยบูรณำกำรกำรเรียนรเู้ ข้ำกับสภำพจริงของชุมชน (3) ส่งเสรมิ ใหป้ ระชำชน ชุมชน และกลไกทุกภำคสว่ นของสังคม เป็นผูร้ บั ผิดชอบหลัก(เจ้ำภำพ) ในกำรจัดกิจกรรมกำรศึกษำนอกโรงเรียนทสี่ อดคล้องกับศกั ยภำพของพน้ื ที่ โดยเฉพำะกำรจดั อบรมควำมรู้ใหก้ บั ประชำชนกล่มุ เปำ้ หมำยในเรื่องกำรจัดกำร กำรตลำด และบรรจภุ ัณฑ์ (4) ใชท้ ุนทำงสงั คมสนับสนนุ กำรจัดกิจกรรมกำรศึกษำนอกโรงเรียนในชุมชน (5) ส่งเสริมใหม้ ีกำรจดั ทำเวทีชำวบำ้ นเพื่อให้ชุมชนเรยี นรสู้ ภำพปญั หำและควำมต้องกำรของชมุ ชน และจัดทำแผนแมบ่ ทชมุ ชน

16 หลักการพฒั นาสงั คมและชุมชน 1 สาระสาคญั กำรจัดกำรศึกษำเพ่ือพฒั นำสงั คมและชมุ ชน เปน็ กำรจดั กำรศกึ ษำที่บรู ณำกำรควำมรู้และทกั ษะจำก กำรศึกษำที่ผู้เรียนมีอยู่หรือได้รบั จำกกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี นโดยมรี ูปแบบกำรเรยี นรทู้ ่ี หลำกหลำยใช้ชมุ ชนเปน็ ฐำนในกำรพฒั นำกำรเรยี นรูแ้ ละทุนทำงสังคมเปน็ เครื่องมือในกำรจดั กำรเรยี นรู้ เพื่อพัฒนำ สงั คมและชมุ ชนให้มีควำมเขม้ แขง็ สำมำรถพง่ึ พำตนเองได้ตำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพยี ง และประชำชนอยู่ร่วมกัน อย่ำงมีควำมสขุ ตำมวิถีทำงกำรปกครองในระบอบประชำธปิ ไตย ตลอดจนอยู่ในสภำพแวดล้อมท่ดี ี มีกำรพฒั นำท่ี ยง่ั ยนื 2. นโยบาย เรง่ รัดจัดกำรศึกษำนอกโรงเรียนเพ่อื สง่ เสริมกำรมสี ่วนร่วมในกำรพฒั นำสังคม โดยใช้ชุมชนเป็นฐำน บูรณำกำรควำมรู้และทกั ษะกำรดำรงชีวิต เพอื่ ใหเ้ กิดสงั คมแหง่ กำรเรียนรู้ นำไปสสู่ งั คมท่ีเขม้ แข็ง มีควำมเอื้ออำทร ตอ่ กัน และพ่งึ พำตนเองได้อย่ำงย่งั ยืน 3. เปา้ หมายสาธารณะ กำรจัดกำรศกึ ษำเพ่ือพัฒนำสงั คมและชมุ ชนเป็นกำรจัดกำรศึกษำที่มุ่งใชก้ ระบวนกำรศกึ ษำเปน็ เครอ่ื งมือในกำรพัฒนำสงั คมและชุมชนใหม้ ีควำมเข้มแขง็ พึ่งตนเองได้ตำมแนวทำงเศรษฐกจิ พอเพียง มคี วำม เอ้ืออำทร มีคุณธรรม จริยธรรม สืบทอดวัฒนธรรมและภูมิปัญญำ ประชำชนมีสว่ นร่วมในกำรดแู ลรักษำ ทรพั ยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม และกำหนดทิศทำงกำรพฒั นำของสงั คมและชมุ ชนตำมแนวทำงในระบอบ ประชำธิปไตย โดยมเี ป้ำหมำย ดงั น้ี (1) ใหม้ ีกิจกรรมกำรพัฒนำสงั คมและชุมชน 1 โครงกำร (2) ให้บริกำรนทิ รรศกำรกำรศึกษำ (3) จดั คำ่ ยเยำวชนประชำธปิ ไตย /คำ่ ยประชำชนประชำธิปไตย (4) จดั กจิ กรรมธรรมะเพื่อพฒั นำสังคมและชุมชน 4. แนวทางและมาตรการ (1) พฒั นำศักยภำพกำรทำงำนของบุคลำกร กศน. โดยปรบั บทบำทกำรทำงำนให้สอดคลอ้ งกบั หน้ำที่ สรำ้ งควำมรคู้ วำมเข้ำใจในกำรจัดกิจกรรมกำรศึกษำนอกโรงเรียนตำมนโยบำย และกำหนดให้ครู กศน. รบั ผิดชอบ กำรจัดกิจกรรมระดบั ตำบลในลกั ษณะ Project Approach

17 (2) ดำเนินกำรในรูปโครงกำรที่ให้ควำมสำคัญกับประเดน็ หลกั ของกำรพัฒนำ 4 ด้ำน กล่ำวคอื เศรษฐกจิ (วิสำหกิจชมุ ชน) กำรเมอื งกำรปกครอง(ประชำธิปไตย) สงั คม(วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญำชมุ ชน) และ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนกำรสั่งสอนอบรมเผยแผธ่ รรมะและคุณธรรม จรยิ ธรรม ตำมหลกั ของศำสนำในแต่ละท้องถิน่ โดยบรู ณำกำรกำรเรียนร้เู ข้ำกับสภำพจริงของชุมชน (3) สง่ เสริมให้ประชำชน ชุมชน และกลไกทุกภำคสว่ นของสังคม เป็นผรู้ ับผิดชอบหลัก(เจ้ำภำพ) ในกำรจัดกิจกรรมกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี นทส่ี อดคล้องกับศกั ยภำพของพืน้ ท่ี โดยเฉพำะกำรจัดอบรมควำมรู้ให้กับ ประชำชนกลุ่มเปำ้ หมำยในเรื่องกำรจัดกำร กำรตลำด และบรรจภุ ัณฑ์ (4) ใชท้ นุ ทำงสงั คมสนบั สนุนกำรจัดกิจกรรมกำรศึกษำนอกโรงเรยี นในชมุ ชน (5) สง่ เสริมใหม้ ีกำรจัดทำเวทีชำวบำ้ นเพอื่ ใหช้ มุ ชนเรียนรูส้ ภำพปญั หำและควำมต้องกำรของชมุ ชน และจัดทำแผนแมบ่ ทชุมชน (6) ส่งเสรมิ ให้เกิดกจิ กรรมกำรพฒั นำสงั คมและชุมชน 1 โครงกำร 5. ตัวช้ีวดั เชิงปรมิ ำณ – จำนวนผู้เขำ้ รับกำรอบรมและพัฒนำวิชำชพี – จำนวนผู้สำเรจ็ ตำมหลกั สูตรทก่ี ำหนด เชิงคณุ ภำพ -ควำมพึงพอใจของผู้รบั บรกิ ำร -ประโยชนท์ ีผ่ ู้รบั บรกิ ำรได้รับ การจดั การศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสงั คมและชุมชน ส่งเสริมกำรมสี ว่ นร่วมในกำรพฒั นำสงั คมโดยใช้ชมุ ชนเป็นฐำน โดยใหป้ ระชำชน ชุมชนรว่ มกัน รับผิดชอบและเหน็ ถึงควำมสำคัญ ในกำรฟ้ืนฟพู ัฒนำสังคมและชุมชนของตนเอง เพ่ือส่งเสริมให้ประชำชนเกิดกำร เรียนรู้ บูรณำกำรควำมรู้ ประสบกำรณ์ และทักษะอำชีพ เขำ้ มำใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ กำรพัฒนำสังคมและชุมชน โดยรวม ทำให้เกิดสังคมแห่งกำรเรยี นรู้ นำไปสูส่ ังคมท่ีเขม้ แข็ง มีควำมเอ้ืออำทรตอ่ กัน และพึง่ พำตนเองได้อยำ่ ง ยง่ั ยืน กิจกรรมพัฒนำสังคมและชมุ ชนมี 5 ดำ้ น คือ 1. ดำ้ นเศรษฐกิจ - กจิ กรรมเศรษฐกจิ ชุมชนพึ่งตนเอง 2. ด้ำนกำรเมอื ง - กิจกรรมสง่ เสรมิ ประชำธิปไตย 3. ด้ำนสังคม - กิจกรรมชมุ ชนแห่งกำรเรียนรู้ 4. ดำ้ นส่งิ แวดล้อม - กจิ กรรมรกั ษพ์ ลังงำนและสง่ิ แวดล้อม 5. ดำ้ นศลิ ปวัฒนธรรม - กิจกรรมเพ่ือพฒั นำสงั คมและชุมชน

18 กำรจัดกำรศกึ ษำเพื่อพัฒนำสังคมและชุมชน เปน็ กำรจดั กำรศึกษำท่บี ูรณำกำรควำมรู้ และทกั ษะจำก กำรศึกษำที่ผ้เู รียนมีอยู่ หรอื ได้รบั จำกกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี น โดยมีรูปแบบกำรเรียนท่ี หลำกหลำย ให้ชมุ ชนเปน็ ฐำนในกำรพัฒนำกำรเรยี นรู้ และทุนทำงสงั คมเป็นเคร่ืองมือในกำรจดั กำรเรียนรู้เพอื่ พัฒนำสังคมและชุมชนใหม้ ีควำมเขม้ แข็ง สำมำรถพงึ่ พำตนเองไดต้ ำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพยี ง และประชำชนอยู่ ร่วมกันอย่ำงมคี วำมสุขตำมวถิ ีทำงกำรปกครองในระบอบประชำธิปไตย ตลอดจนอย่ใู นสภำพแวดลอ้ มทด่ี มี ีกำร พัฒนำทยี่ ง่ั ยนื เอกสาร/งานทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ความรู้เรอ่ื งอาชพี ในประเทศไทย ขอ้ ท่ี 1 ความหมายของอาชพี สาระสาคัญ อำชพี คอื กำรทำมำหำกนิ ของมนุษย์ เปน็ กำรแบ่งหน้ำทก่ี ำรทำงำนของคนในสงั คม และทำให้ ดำรงอำชพี ในสงั คมได้ บคุ คลที่ประกอบอำชพี จะได้คำ่ ตอบแทน หรือรำยไดท้ ี่จะนำไปใช้จำ่ ยในกำรดำรงชวี ิตและ สรำ้ งมำตรฐำนทดี่ ใี หแ้ ก่ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศชำติ ควำมจำเป็นของกำรประกอบอำชีพมีดังน้ี 1. เพื่อตนเอง กำรประกอบอำชพี ทำให้มรี ำยไดม้ ำจับจ่ำยใชส้ อยในชวี ติ 2. เพือ่ ครอบครวั ทำให้สมำชิกของครอบครวั ได้รับกำรเล้ยี งดูทำให้มคี ณุ ภำพชีวิตที่ดขี ึ้น 3. เพอ่ื ชุมชน ถ้ำสมำชกิ ในชุมชนมีอำชีพและมรี ำยได้ดีจะสง่ ผลให้สมำชิกมคี วำมเปน็ อยูด่ ีข้ึน อยู่ดีกนิ ดี ส่งผลใหช้ ุมชนเขม้ แขง็ และพฒั นำตนเองได้ 4. เพอ่ื ประเทศชำติ เพอ่ื ประชำกรของประเทศมีกำรประกอบอำชีพทีด่ ี มีรำยไดด้ ี ทำให้มี รำยได้ที่เสียภำษใี ห้กบั รฐั บำลมีรำยได้ไปใชบ้ รหิ ำรประเทศตอ่ ไป มนุษย์ไม่สำมำรถผลติ สิง่ ตำ่ งๆมำสนองควำมตอ้ งกำรของตนเองไดท้ ุกอย่ำงจำตอ้ งมกี ำรแบ่งกัน ทำและเกิดควำมชำนำญ จงึ ทำให้เกิดกำรแบ่งงำนและแบ่งอำชพี ต่ำงๆขึน้ สำเหตุทต่ี ้องมีกำรแบง่ อำชีพมีดงั น้ี 1. ควำมรูค้ วำมสำมำรถของแต่ละคนแตกต่ำงกัน 2. ตำแหน่งทำงภมู ศิ ำสตร์และภมู ปิ ระเทศทแ่ี ตกตำ่ งกัน 3. ได้รับมอบหมำยใหท้ ำหน้ำทีท่ ่แี ตกตำ่ งกัน กำรแบง่ งำนและอำชพี ให้เกดิ ประโยชน์ ดังนี้ 1. สำมำรถตอบสนองควำมต้องกำรซง่ึ กนั และกนั ได้ 2. ได้ทำงำนท่ตี นเองถนดั 3. ทำให้กิดกำรขยำยตวั ของธุรกิจในด้ำนต่ำงๆ

19 การประกอบอาชีพของคนไทย กำรทำมำหำกินของคนไทยสมัยกอ่ น คือกำรทำไร่ ทำนำ ทอผ้ำ ทำเครือ่ งจักสำนไวใ้ ช้ที่เหลือ กจ็ ะจำหนำ่ ยในชุมชน คนไทยบำงกลุ่มจะเป็นข้ำรำชกำรเมื่อบริษัทตำ่ งชำตมิ ำลงทุนในประเทศไทย ทำใหม้ ีกำรจ้ำง งำน และมีอำชีพให้คนไทยเลือกทำมำกขน้ึ ลักษณะอาชพี ของคนไทย 1. งำนเกษตรกรรม เช่น ปลูกพชื เล้ียงสัตว์ กำรประมง 2. งำนอุตสำหกรรม เป็นงำนที่เก่ียวข้องกบั ควำมถนัดดำ้ นชำ่ งสำขำต่ำงๆ และเครือ่ งจักร เพอื่ ผลิตสนิ ค้ำและบริกำรตำ่ งๆ 3. งำนธรุ กจิ เปน็ งำนดำ้ นกำรคำ้ ขำย กำรทำบัญชี กำรจดั กำรธรุ กิจ กำรติดต่อสอ่ื สำร เทคโนโลยสี ำรสนเทศ 4. งำนคหกรรม เป็นงำนทเี่ กยี่ วข้องกับกำรประกอบอำหำร เย็บปักถักร้อย ตกแต่งบ้ำน 5. งำนศลิ ปกรรม เป็นงำนทม่ี ีควำมละเอยี ดอ่อน ควำมคิดสรำ้ งสรรคด์ ้ำนศลิ ปกรรมของไทย เชน่ งำนหตั ถกรรม ประติมำกรรม จิตรกรรม ขอ้ ท่ี 2 ปัจจยั ท่ีส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ ความสาเร็จในงานอาชีพ สาระสาคญั 1. ความตอ้ งการมุ่งความสาเร็จ (Need for Achivement) ในกำรทำงำนเม่ือพิจำรณำ อยำ่ งถ่ีถ้วนแล้วและมองเหน็ โอกำสแห่งควำมเป็นไปได้ ผปู้ ระกอบกำรจะต้องมุ่งม่ันใช้กำลังกำย กำลังควำมคดิ สตปิ ญั ญำและควำมสำมำรถท้ังหมด พรอ้ มทั้งท่มุ เทเวลำให้กับงำน โดยไม่คำนงึ ถึงควำมยำกลำบำก เพ่ือให้งำน บรรลคุ วำมสำเร็จทม่ี ุง่ หวังไว้ ผปู้ ระกอบกำรจะต้องเรียนรู้ถงึ ควำมผิดพลำดที่ผำ่ นมำเพื่อแก้ไขให้เกดิ ควำมสำเรจ็ พอใจ ภมู ใิ จที่งำนออกมำดี แต่ส่ิงทส่ี ำคญั คือ จุดมงุ่ หมำยทำงธรุ กจิ มไิ ด้อยู่ที่กำไร แต่จะตอ้ งทำ เพอ่ื ขยำยควำมเจริญเติบโตของกิจกำร กำไรเป็นเครื่องสะทอ้ นว่ำทำได้ และไม่เพียงสนใจต่อกำรบรรลเุ ป้ำหมำย เทำ่ น้ัน แตจ่ ะต้องให้ควำมสำคญั ต่อวธิ ีกำรหรือกระบวนท่ที ำใหบ้ รรลเุ ป้ำหมำยด้วย 2. มีความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์ (Creativity Thinking) กำรจะเป็นผูส้ ำเรจ็ ในงำนอำชพี ได้ นนั้ จะตอ้ งเป็นผ้ทู ่ีมีควำมคดิ ริเร่มิ สร้ำงสรรค์ ไม้พอใจในกำรทำสงิ่ ซำ้ ๆเหมือนเดิมตลอดเวลำ แต่เปน็ ผูท้ ีช่ อบนำ ประสบกำรณ์ท่ีผ่ำนมำประยุกต์ สร้ำงสรรค์ หำวิธีใหม่ทดี่ กี วำ่ เดิม สำมำรถหำแนวทำงพัฒนำผลติ ภัณฑ์หรือ บรกิ ำร ปรบั ปรุงกระบวนกำรดำเนินกำรอยู่ตลอดเวลำ กล้ำที่จะผลติ สนิ ค้ำที่แตกต่ำงจำกเดมิ กลำ้ ใช้วธิ ีขำยท่ีไม่ เหมือนใคร กล้ำประดิษฐ์ กลำ้ คิดค้นส่งิ ทแ่ี ปลกใหมเ่ ข้ำสู่ตลำด สำมำรถคดิ ค้นประดิษฐเ์ คร่ืองจักรเครื่องมอื อปุ กรณ์ใหมๆ่ มำใชใ้ นกำรผลิต สำมำรถนำเทคโนโลยีใหม่ๆมำใช้ รวมทง้ั แสวงหำวตั ถุดิบใหม่ๆมำทดแทน ของเดิม รจู้ กั ปรบั ปรงุ กระบวนกำรดำเนนิ งำน นำระบบกำรจัดกำรสมัยใหม่ท่ีมปี ระสทิ ธิภำพมำใชเ้ พ่ือลด ต้นทนุ ควำมคิดสรำ้ งสรรคเ์ หลำ่ น้ี อำจเกดิ ข้นึ ด้วยตัวเอง หรอื เอำแนวคิดมำจำกนกั ประดิษฐ์ นกั วจิ ัยหรือ ผูเ้ ช่ยี วชำญกไ็ ด้ 3. รู้จักผกู พันต่อเป้าหมาย (Addicted to Goals) เมือ่ ตัง้ เปำ้ หมำย ผ้ปู ระกอบกำรจะต้อง ทุ่มเททุกอย่ำงเพ่ือใหบ้ รรลุเป้ำหมำย เป้ำหมำยทุกเปำ้ หมำยล้วนจะต้องเอำชนะท้ังสนิ้ มีควำมคิดผูกพันที่จะ เอำชนะ จนสำมำรถวำงแผนกลยทุ ธไ์ ว้ลว่ งหน้ำ มีกำรวิเครำะห์ปัญหำ อปุ สรรค ขดั ขวำงในกำรไปสู่ เปำ้ หมำย เตรียมปอ้ งกันท่ีจะเอำชนะอปุ สรรค ทค่ี ำดว่ำจะทำใหเ้ กิดควำมลม้ เหลว และหำหนทำงแก้ไขเมอ่ื ประสบควำมเหลว และในขณะเดยี วกันกำรมองโลกในแง่ดมี คี วำมหวงั มุ่งม่ันต่อไปเปำ้ หมำยของควำมสำเรจ็ จะมองเห็นในอนำคต

20 4. มีความสามารถในการบรหิ ารงานและมีความเป็นผ้นู าที่ดี (Management and Leadership Capability) มลี กั ษณะกำรเป็นผูน้ ำ รูจ้ กั หลักกำรบรหิ ำรจดั กำรทดี่ ี ภำวะกำรเปน็ ผนู้ ำจะแตกต่ำง ไปตำมระยะกำรเจรญิ เติบโตของธรุ กจิ ในระยะเร่ิมทำธรุ กิจ จะต้องรบั บทบำทกำรเป็นผู้นำจะแตกตำ่ งไปตำมระยะ กำรเตบิ โตของธรุ กิจ ในระยะเริ่มทำธรุ กิจ จะต้องรับบทบำทเป็นผู้นำทลี่ งมือทำทกุ อยำ่ งด้วยตนเอง ตอ้ งทำงำน หนกั เพ่ือบรรลุควำมสำเร็จ เอำใจใส่ผรู้ ่วมงำน วำงแผนทำงกำรทำงำน ให้คำแนะนำและใหผ้ รู้ ่วมงำนรบั คำ่ ส่งิ ด้วย ควำมเต็มใจในกำรปฏิบตั งิ ำน เปน็ ผูก้ ำกับดูแลอย่ำงใกล้ชิดและเป็นกันเองจะทำให้กำรดำเนนิ งำนเปน็ ไป ดว้ ยดี ต่อมำเมื่อกิจกำรเตบิ โตขนึ้ กำรบรหิ ำรงำนก็จะเปลี่ยนแปลงไป ลกู น้องก็จะมลี ักษณะเปลี่ยนแปลงและ เชอื่ ม่นั ได้มำกขน้ึ ไว้ใจได้ สำมำรถที่จะแบง่ ควำมรบั ผดิ ชอบให้ลกู น้องได้มำกข้นึ จนสำมำรถปลอ่ ยใหด้ ำเนนิ กำร เองได้ สว่ นตนจะไดม้ เี วลำใช้ควำมคิดพัฒนำผลิตภณั ฑ์ ขยำยกจิ กำรหรอื ลงทนุ ใหม่ ดำเนนิ กจิ กำรใหล้ ักษณะมือ อำชพี มำกกว่ำเปน็ ธุรกจิ เครือญำติ กล้ำลงทนุ จำ้ งผู้บริหำรมอื อำชีพ รู้จักปรับเปลย่ี นกำรบรหิ ำร เพ่ือทำใหธ้ รุ กจิ ประสบควำมสำเร็จ 5. มีความเชอื่ ม่ันในตนเอง (Be Self Confident) ผปู้ ระกอบกำรท่จี ะประสบควำมสำเรจ็ มกั จะเปน็ ผู้ทีม่ ีควำมเช่ือม่ันในควำมสำมำรถของตนเอง มีควำมเป็นอิสระและรูจ้ ักพง่ึ ตนเอง มีควำมมัน่ ใจ มคี วำม เขม้ แข็ง เด็ดเด่ยี ว มีลักษณะเป็นผู้นำ มีควำมเช่อื มนั่ ทจ่ี ะเอำชนะสง่ิ แวดล้อมท่ีนำ่ กลัว มคี วำม ทะเยอทะยำน และไมป่ ระเมินควำมสำมำรถของตนเองสูงเกนิ ไปหรือเชอ่ื ม่ันตนเองมำกเกนิ ไป 6. มวี สิ ัยทศั นก์ วา้ งไกล (Visionary) เปน็ ผทู้ สี่ ำมำรถวเิ ครำะหเ์ หตกุ ำรณใ์ นอนำคตได้อยำ่ ง แม่นยำ และรจู้ ักเตรยี มพร้อมรบั เหตกุ ำรณ์ทีจ่ ะเกิดขนึ้ 7. มคี วามรับผิดชอบ (Responsibility) มีควำมรับผดิ ชอบต่องำนท่ีทำเปน็ อยำ่ งดี เป็นผ้นู ำ ในกำรทำส่งิ ต่ำงๆ มักจะมีควำมรเิ ริ่มแล้วลงมอื ทำด้วยตนเอง หรือมอบหมำยใหผ้ อู้ น่ื ทำและจะดูแลจนงำนสำเร็จ ตำมเป้ำหมำย โดยจะรับผิดชอบผลกำรตดั สินใจ ไม่ว่ำผลจะออกมำดหี รือไม่ มีควำมเชอื่ ว่ำควำมสำเรจ็ เกดิ จำกควำม เอำใจใส่ ควำมพยำยำม ควำมรับผดิ ชอบ มใิ ชเ่ กิดจำกโชคชว่ ย 8. มคี วามกระตือรือรน้ และไม่หยุดนิ่ง (Enthusiastic) มกี ำรทำงำนท่เี ตม็ ไปดว้ ยพลัง มีชวี ติ ชีวำ มีควำมกระตือรอื ร้น ทำงำนทกุ อยำ่ งโดยไม่หลกี เล่ียง ทำงำนหนกั มำกกวำ่ คนทั่วไป 9. ใฝห่ าความร้เู พิม่ เติม (Take New Knowledge) ถึงแมว้ ่ำจะมีควำมเช่ียวชำญในกำร ทำงำน แตค่ วำมรู้และประสบกำรณ์ที่มีอยยู่ งั ไมเ่ พียงพอ ควรท่จี ะหำควำมรู้เพมิ่ เติม โดยเฉพำะควำมรเู้ กี่ยวกบั ข้อมูลทำงกำรตลำด เศรษฐศำสตร์ กำรเมือง กฏหมำยทง้ั ในและตำ่ งประเทศ ข้อมูลเหล่ำนี้จะชว่ ยใหส้ ำมำรถ วเิ ครำะห์สถำนกำรณ์ทีเ่ ปลยี่ นแปลงได้ กำรหำควำมร้เู พ่ิมเติมสำมำรถหำไดจ้ ำกกำรสมั นำ ฝึกอบรม หรือปรึกษำ ผเู้ ชยี่ วชำญ 10. กล้าตดั สินใจและมีความมานะพยายาม (Can Make Decision And Be Attempt) มีควำมกลำ้ ตัดสินใจมคี วำมหนักแนน่ ไมห่ วั่นไหว เช่อื มนั่ ในตนเองกบั งำนที่ทำ มจี ติ ใจของนักสู้ ถึงแม้ งำนจะหนกั กท็ ่มุ เทสุดควำมสำมำรถ ไม่กลัวงำนหนัก เหน็ งำนหนักเป็นงำนท้ำทำยในกำรใชค้ วำมรู้ สตปิ ัญญำ และ ควำมสำมรถในกำรทำงำน ควำมมำนะและควำมพยำยำมเปน้ กำรทุ่มเทชวี ติ จิตใจในกำรทำงำน แข่งขันกับตนเอง และแข่งขันกับเวลำ ขวนขวำยหำหนทำงแก้ปัญหำและอปุ สรรคจนประสบควำมสำเรจ็ 11. สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั ส่งิ แวดล้อม (Adaptable) ตอ้ งรู้จักกำรปรับตัวตำม สภำพแวดล้อม มำกกว่ำปล่อยให้ทุกอยำ่ งเป็นไปตำมยถำกรรม หรอื ขน้ึ อยู่กับโชคหรือดวง 12. รูจ้ กั ประมาณตนเอง (Self Assessment) กำรรูจ้ กั ประมำณตนเองไม่ทำสง่ิ เกินตัว ในกำรทำธรุ กจิ ควรจะเริ่มจำกธุรกิจเลก็ ๆก่อน และเม่ือกิจกำรเจริญค่อยเพิ่มทนุ และขยำยธุรกิจออกไปจึงจะ ประสบควำมสำเรจ็ 13. ประหยดั (Safe For Future) กำรดำเนนิ งำนในระยะสนั้ จะยังไมท่ ันเห็นผล

21 ผู้ประกอบกำรจะต้องรจู้ กั ประหยัดและอดออม ต้องรจู้ ักหำ้ มใจทจ่ี ะหำควำมสุข ควำมสบำยในช่วงท่ธี รุ กจิ อยู่ ในช่วงตง้ั ตวั และตอ้ งดำเนินธุรกจิ ตอ่ ไปในระยะเวลำยำวนำนจนกวำ่ จะบรรลเุ ปำ้ หมำย 14. มคี วามซื่อสัตย์ (Loyalty) ต้องมีควำมซื่อสตั ย์ต่อลูกคำ้ และหุ้นสว่ น ตอ้ งสร้ำงควำม เช่อื มนั่ ให้กบั ธนำคำรดว้ ยกำรเปน็ ลกู หน้ที ่ดี ี เปน็ นำยที่ดีของลกู นอ้ ง และต้องมคี วำมซอ่ื สัตย์ตอ่ ตนเองและครอบครัว ขอ้ ที่ 3 อาชีพที่มคี วามม่ันคงในชวี ิต สาระสาคญั หำกเปรียบเสำเขม็ เปน็ รำกฐำนของตกึ สูง ควำมรู้ทไี่ ดร้ ับจำกกำรศึกษำ กค็ ือ พืน้ ฐำนท่ีจะ นำไปใชใ้ นกำรประกอบอำชีพ สรำ้ งรำยได้และจดั หำปัจจัย 4 อนั เป็นสง่ิ จำเป็นในกำรดำรงชวี ติ อยู่อย่ำงมน่ั คง ในกำร เลอื กประกอบอำชีพน้ัน ควรพจิ ำรณำจำกควำมถนัด ควำมสนใจ ควำมกำ้ วหน้ำในอำชีพ เปน็ อำชพี ท่สี จุ ริตถูกต้อง ตำมกฎหมำย และควรเป็นงำนทท่ี ำแล้วมีควำมสุข ได้รับคำ่ ตอบแทนทเี่ พียงพอกับกำรดำเนินชวี ติ และเลีย้ ง ครอบครัวได้อยำ่ งเพยี งพอ หำกทกุ คนเลอื กอำชีพทมี่ ควำมมน่ั คงต่อชวี ติ สังคมกจ็ ะมคี วำมเปน็ อยทู่ ่ีดี เศรษฐกิจก็จะ เจรญิ กำ้ วหน้ำตำมไปด้วย ข้อที่ 4 อาชีพที่มสี ่วนรว่ ม และพฒั นาประเทศ สาระสาคญั ความหมายของอาชีพ อำชพี หมำยถงึ กำรทำมำหำกนิ ทำธรุ กจิ ตำมควำมชอบหรอื ควำมถนดั ไดค้ ำ่ ตอบแทนเปน็ คำ่ จ้ำง หรอื เงินเดือน ประชำชนในประเทศท่ีสำมำรถมอี ำชพี เปน็ หลกั ถือได้ว่ำเปน็ ตัวบ่งชีใ้ ห้เห็นถงึ ควำม เจรญิ กำ้ วหน้ำและพฒั นำประเทศได้ อำชพี ที่มีสว่ นรว่ มพฒั นำประเทศ สำมำรถแบ่งออกเปน็ 8 ประเภท คอื 1. อำชีพเกษตรกรรม (Agriculture) เปน็ อำชพี หลักของคนไทยมำเป็นเวลำช้ำนำน ไดแ้ ก่ กำรทำสวน กำรทำนำ ทำไร่ กำรประมง กำรเลยี้ งสัตว์ และกำรปำ่ ไม้ 2. อำชีพเหมืองแร่ (Mineral) เกี่ยวข้องกับกำรดำเนินกิจกรรม กำรขดุ เจำะนำเอำ ทรัพยำกรธรรมชำตติ ่ำงๆมำใช้ เช่น ถ่ำนหนิ ดบี กุ นำ้ มนั และปนู ซีเมนต์ ฯลฯ 3. อำชีพอุตสำหกรรม (Manufacturing) เปน็ กำรดำเนินกิจกรรมทำงด้ำนกำรผลิตและบริกำร ทวั่ ๆไปท้ังอตุ สำหกรรมขนำดย่อมและขนำดใหญ่ แบง่ ไดด้ ังนี้ 3.1 อตุ สำหกรรมในครวั เรือน หรอื อตุ สำหกรรมขนำดย่อม เป็นกำรดำเนินกจิ กรรมท่ี ใชแ้ รงงำนสมำชกิ ในครอบครัว วสั ดุทใี่ ช้ผลิตหำไดใ้ นท้องถ่ิน ผลติ ณั ฑ์จำกภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่น 4. อำชีพก่อสรำ้ ง (Construction) เป็นกำรดำเนนิ กิจกรรมเกีย่ วกับกำรสร้ำงอำคำร ท่ีอยู่ อำศัย ถนน สะพำน เข่ือน ฯลฯ 5. อำชีพกำรพำณิชย์ (Commercial) เปน็ กำรดำเนินกจิ กรรมเก่ียวชอ้ งกบั กำรตลำด กำรจำหน่ำยสินค้ำปลกี และสินค้ำส่ง 6. อำชีพกำรเงนิ (Financial) กำรดำเนนิ กจิ กรรมท่สี ง่ เสรมิ ใหธ้ รุ กิจตำ่ งๆคลอ่ งตัวมำกยิ่งข้นึ ใหค้ วำมชว่ ยเหลือและกำรลงทุน ไดแ้ ก่ ธนำคำรตำ่ งๆ 7. อำชีพบรกิ ำร (Services) เป็นกำรดำเนินกิจกรรมท่ตี อบสนองควำมต้องกำรของผบู้ ริโภค ในกำรอำนวยควำมสะดวกสบำย เปน็ กำรขนสง่ 8. อำชีพอ่ืนๆ เปน็ อำชีพทน่ี อกเหนอื จำกอำชีพดังกลำ่ วข้ำงต้น ได้แก่ อำชีพอสิ ระตำ่ งๆ เช่น แพทย์ ครู เภสชั วศิ วกร สถำปนกิ จติ รกร ประติมำกร เปน็ ตน้

22 ขอ้ ที่ 5 อาชพี ธรุ กิจท่ีมีประโยชนต์ ่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ สาระสาคญั อำชพี ธรุ กจิ ทีเ่ กิดประโยชนต์ ่อประชำชน สังคม และประเทศชำติ ทำให้เกิดกระบวนกำรผลติ สนิ ค้ำกำรบริกำรเพื่อสนองควำมต้องกำรของมนษุ ยค์ วำมต้องกำรเกดิ ขนึ้ ตอ่ ๆไป โดยไม่สน้ิ สุดทำให้เกิดกำรผลิต สนิ ค้ำเพื่อสนองควำมต้องกำรจึงเกดิ กำรกระจำยสนิ ค้ำไปสู่ผ้บู ริโภค เรียกว่ำระบบคนกลำง ระบบคนกลำง ไดแ้ ก่ พ่อค้ำส่ง พ่อค้ำปลีก ตัวแทนจำหน่ำย นำยหน้ำ เมือ่ มีสนิ ค้ำเกี่ยวข้องจงึ ต้องมรี ะบบขนส่งและเกิดกำร จ้ำงงำน ช่วยให้ประชำชนมีงำนทำ มมี ำตรฐำนกำรครองชีพทด่ี ีขน้ึ สรำ้ งรำยไดใ้ ห้กบั รัฐ โดยประชำชนช่วยกัน เสียภำษีเพ่อื พฒั นำประเทศ กำรทปี่ ระชำชนมอี ำชพี และผลติ สินค้ำที่มีคุณภำพจำนวนมำกจงึ ต้องมเี คร่ืองมือท่ีทันสมยั สำมำรถส่งไปจำหน่ำยตำ่ งประเทศได้ ช่วยให้เศรษฐกจิ ของประเทศดขี ้ึน

บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนนิ งาน ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอสัตหีบ จดั ทำโครงกำรอบรมฝึกหลกั สตู รอำชีพ มีข้นั ตอนดังน้ี 1. ประชมุ บุคลำกรกรรมกำรสถำนศกึ ษำและตัวแทนประชำชนตำบลพลูตำหลวง 2. จัดตัง้ คณะทำงำน 3. ประสำนงำนกบั หนว่ ยงำน และบคุ คลทีเ่ ก่ียวข้อง 4. ดำเนนิ งำนตำมแผน 5. วดั ผล/ประเมินผล/สรปุ ผลและรำยงำน ประชุมบคุ ลากรกรรมการสถานศกึ ษาและตัวแทนประชาชนตาบลพลูตาหลวง ศูนยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยอำเภอสตั หีบ ได้วำงแผนประชุมกบั บคุ ลำกรกรรมกำร สถำนศึกษำและตัวแทนประชำชนตำบลพลูตำหลวง เพ่อื หำแนวทำงในกำรดำเนนิ งำนและกำหนดวตั ถุประสงค์ ร่วมกนั จดั ตั้งคณะทางาน จัดทำคำส่ังแต่งต้งั คณะทำงำนโครงกำร เพ่ือมอบหมอบหมำยหนำ้ ทีใ่ นกำรทำงำนใหช้ ัดเจน เชน่ 1) คณะกรรมกำรทีป่ รกึ ษำ/อำนวยกำร มหี น้ำทอ่ี ำนวยควำมสะดวก และให้คำปรึกษำแกไ้ ขปญั หำที่ เกดิ ข้นึ 2) คณะกรรมกำรฝ่ำยประชำสัมพันธ์ มีหน้ำทป่ี ระชำสัมพันธ์รับสมคั รนกั ศึกษำเข้ำรว่ มโครงกำร 3) คณะกรรมกำรฝ่ำยรับลงทะเบียนและประเมนิ ผลหน้ำที่จัดทำหลักฐำนกำรลงทะเบียนผ้เู ข้ำร่วม กิจกรรมและรวบรวมกำรประเมนิ ผล และรำยงำนผลกำรดำเนนิ กำร ประสานงานกบั หนว่ ยงาน และบุคคลทีเ่ กีย่ วข้อง ประสำนเครือข่ำยทั้งหมดทีเ่ กี่ยวข้อง เชน่ ประสำนเรอ่ื งสถำนที่ใชอ้ บรม ประสำนงำนกับคณะกรรมกำร สถำนศกึ ษำ ประสำนงำนกบั ทีมวทิ ยำกร และแขกผู้มีเกยี รตเิ ขำ้ รว่ ม ดาเนินการตามแผนงานโครงการ วัดผล/ประเมนิ /สรปุ ผลและรายงาน จำกกำรดำเนนิ งำนโครงกำรอบรม ฝกึ หลกั สูตรอำชีพ เป็นประชำชนตำบลพลตู ำหลวง จำนวน 100 คน

24 กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั อำเภอสตั หีบ จะไดน้ ำแนวทำงไปใช้ขอ้ มูลพิจำรณำ หลกั สตู ร เน้อื หำตลอดจนเทคนคิ วธิ กี ำรจัดกำรกระบวนกำรเรียนรูต้ ำ่ งๆ เพ่ือให้ตอบสนองควำมต้องกำรของผเู้ ข้ำ อบรมไดร้ บั ประโยชนน์ ำไปใช้ไดจ้ ริงตำมศักยภำพของแต่ละคน ให้มีควำมเข้ำใจและมีคณุ ภำพต่อไป ศนู ย์กำรศกึ ษำ นอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัยอำเภอสัตหีบ ได้ดำเนินกำรตำมข้ันตอนและไดร้ วบรวมขอ้ มลู โดยกำหนดค่ำลำดบั ควำมสำคัญของกำรประเมินผลออกเป็น 5 ระดบั ดังนี้ มำกทีส่ ุด ใหค้ ะแนน 5 มำก ให้คะแนน 4 ปำนกลำง ให้คะแนน 3 น้อย ให้คะแนน 2 นอ้ ยทส่ี ุด ใหค้ ะแนน 1 ในกำรแปลผล ผ้จู ัดทำได้ใช้เกณฑ์กำรพิจำรณำจำกคะแนนเฉลย่ี ตำมแนวคดิ ของ บญุ ชม ศรสี ะอำด และบุญสง่ นวิ แก้ว (2535, หน้ำ 22-25) 4.51-5.00 หมำยควำมวำ่ ดีมำก 3.51-4.50 หมำยควำมวำ่ ดี 2.51-3.50 หมำยควำมว่ำ ปำนกลำง 1.51-2.50 หมำยควำมวำ่ น้อย 1.00-1.50 หมำยควำมวำ่ ตอ้ งปรบั ปรงุ ผูเ้ ข้ำร่วมโครงกำรจะต้องกรอกขอ้ มูลตำมแบบสอบถำม เพื่อนำไปใชใ้ นกำรประเมินผลของกำรจดั กิจกรรม ดงั กล่ำว และจะได้นำไปเปน็ ข้อมลู ปรบั ปรุง และพฒั นำ ตลอดจนใช้ในกำรจัดทำแผนกำรดำเนนิ กำรในปตี ่อไป

บทท่ี 4 ผลการดาเนินงานและการวิเคราะห์ขอ้ มูล ในกำรจดั โครงกำรพฒั นำอำชีพระยะสั้นในตำบลพลตู ำหลวงซึง่ ในตำบลพลูตำหลวงได้แบ่งเนอ้ื หำ ออกเป็นหลกั สตู รกลุ่มสนใจ และหลกั สตู รวชิ ำชีพระยะสั้น จำนวนทัง้ หมด 3 อำชพี จำนวน 28 คน ดังรำยละเอียด ตอ่ ไปน้ี รปู แบบ..ชนั้ เรยี น... วชิ ำเขำหมอนพลตู ำหลวง....หลกั สูตร.....40....ชว่ั โมง จำนวนผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร... 12...คน กลุ่มสนใจ..วิชำ...ศลิ ปะผ้ำด้นมือ...หลกั สูตร...30...ชว่ั โมง จำนวนผู้เขำ้ ร่วมโครงกำร...8...คน กลุม่ สนใจ... วชิ ำ...นำ้ สมนุ ไพร...หลกั สตู ร...18...ชว่ั โมง จำนวนผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำร...8...คน ซึง่ ไดส้ รปุ รำยงำนผลจำกแบบสอบถำมและนำเสนอผลกำรวิเครำะหข์ ้อมลู จำกผู้ให้ข้อมูล คือผ้เู ข้ำรบั กำร ฝึกอบรมอำชีพระยะส้นั ทง้ั 3 หลักสูตร จำนวน 28 คน ตอนท่ี 1 ข้อมลู สว่ นตวั ผตู้ อบแบบถำมของผู้เข้ำรว่ มกิจกรรมโครงกำรฝึกอบรมอำชีพหลักสตู รกลุม่ สนใจ และหลกั สตู รวิชำชพี ระยะสนั้ ผูเ้ ข้ำร่วมกิจกรรมทีต่ อบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมเพศ ระดับกำรศึกษำ และ อำยุ ผ้จู ัดทำได้นำเสนอจำแนกตำมข้อมูลดังกล่ำว ดังปรำกฏตำมตำรำงที่ 1 ดงั ต่อไปน้ี ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามเพศ เพศ ชำย หญิง จำนวน ร้อยละ ควำมคดิ เหน็ จำนวน ร้อยละ 28 100 โครงกำรฝึกอบรมอำชีพหลกั สูตรกลมุ่ สนใจ และหลกั สูตร -- วชิ ำชพี ระยะสน้ั รจำกตำรำงท่ี 1 แสดงผ้ตู อบแบบสอบถำมของผู้เข้ำร่วมโครงกำรฝึกอบรมอำชพี หลักสูตรกลมุ่ สนใจ และ หลกั สตู รวิชำชีพระยะส้ัน เป็นชำย 0 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0 เป็นหญิง 28 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100

26 ตารางที่ 2 แสดงค่ารอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอายุ อำยุ ต่ำกว่ำ 15 ปี 16-39 ปี 40-59 ปี 60 ขึน้ ไป ควำมคดิ เห็น จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ โครงกำรฝกึ อบรมอำชพี หลักสตู ร - - 14 50 14 50 - - กล่มุ สนใจ และหลักสูตรวชิ ำชพี ระยะสั้น จากตารางท่ี 2 แสดงวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมของผเู้ ขำ้ ร่วมกจิ กรรมโครงกำรฝกึ อบรมอำชีพหลักสตู รกลมุ่ สนใจ และหลักสตู รวชิ ำชีพระยะสนั้ ช่วงอำยุ 16-39 ปี มจี ำนวน 14 คน คดิ เป็นร้อยละ 50 และช่วงอำยุ 40-59 ปี มีจำนวน 14 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 50 ตารางที่ 3 แสดงคา่ ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอาชพี รับจ้ำง คำ้ ขำย รบั รำชกำร เกษตรกรรม อ่นื ๆ(ว่ำงงำน) ประเภท จำนวน รอ้ ย จำนวน รอ้ ย จำนวน ร้อย จำนวน รอ้ ย จำนวน รอ้ ย ละ ละ ละ ละ ควำมคดิ เหน็ ละ โครงกำรฝกึ อบรม อำชีพหลกั สูตรกลุ่ม 10 36 4 14 - - 4 14 10 36 สนใจ และหลักสูตร วชิ ำชีพระยะสน้ั จากตารางท่ี 3 แสดงว่ำ ผตู้ อบแบบสอบถำมของผู้เข้ำรว่ มกิจกรรมโครงกำรฝึกอบรมอำชีพหลกั สูตรกลมุ่ สนใจ และหลักสตู รวชิ ำชีพระยะสน้ั มีรับจำ้ ง มำกท่ีสดุ จำนวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 36 และอนื่ ๆ (ว่ำงงำน) 10 คน คิดเป็นร้อยละ 36 คำ้ ขำย จำนวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 14 เกษตรกรรม จำนวน 4 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 14

27 ตอนท่ี 2 ขอ้ มลู เก่ยี วกับความคิดเห็นของผู้เข้ารว่ มโครงการฝกึ อบรมอาชพี หลกั สูตรกลุ่มสนใจ และหลักสูตร วชิ าชีพระยะส้นั ควำมคดิ เห็นของผเู้ ข้ำรว่ มกจิ กรรม จำนวน 28 คน จำกแบบสอบถำมทั้งหมดท่มี ตี ่อโครงกำร ฝึกอบรมอำชีพหลักสูตรกลุ่มสนใจ และหลักสูตรวชิ ำชีพระยะสัน้ N = 28 รายการท่ปี ระเมนิ µ Ꝺ อันดบั ระดบั ผล ท่ี การประเมนิ ด้านหลกั สตู ร 1. กจิ กรรมท่ีจดั สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ ของหลกั สตู ร 4.40 0.60 10 ดี 2. เน้ือหำของหลกั สตู รตรงกับควำมต้องกำรของผู้รับบรกิ ำร 4.50 0.61 2 ดี 3. กำรจัดกิจกรรมทำใหผ้ ูร้ บั บริกำรสำมำรถ คิดเปน็ ทำเปน็ แก้ปัญหำเป็น 4.45 0.69 4 ดี 4. ผูร้ ับบริกำรมสี ว่ นรว่ มในกำรแสดงควำมคดิ เห็นต่อกำรจัดทำหลกั สูตร 4.35 0.75 12 ดี 5. ผู้รับบรกิ ำรสำมำรถนำควำมรู้ไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ 4.55 0.69 1 ดมี ำก 6. สอ่ื /เอกสำรประกอบกำรจัดกิจกรรมมคี วำมเหมำะสม 4.45 0.51 4 ดี ด้านวิทยากร 4.50 0.5 2 ดี 7. วทิ ยำกรมีควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรจัด กิจกรรม 4.40 0.51 10 ดี 8. เทคนิค/กระบวนในกำรจัดกจิ กรรมของวทิ ยำกร 4.45 0.51 4 ดี 9. วทิ ยำกรมกี ำรใช้สื่อทสี่ อดคล้องและเหมำะสมกับกิจกรรม 4.45 0.60 4 ดี 10. บุคลิกภำพของวทิ ยำกร 4.35 0.81 12 ดี ดา้ นสถานที่ ระยะเวลา และความพึงพอใจ 4.43 0.66 9 ดี 11. สถำนที่ในกำรจดั กิจกรรมเหมำะสม 4.45 0.51 4 ดี 12. ระยะเวลำในกำรจดั กิจกรรมเหมำะสม 4.43 0.61 ดี 13. ควำมพงึ พอใจในภำพรวมของผรู้ บั บรกิ ำรตอ่ กำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ค่าเฉลีย่ ทททททท ทจำกตำรำงท่ี 4 แสดงใหเ้ หน็ ว่ำ ผเู้ ข้ำรว่ ม โครงกำรฝกึ อบรมอำชพี หลักสูตรกลุ่มสนใจ และหลักสตู ร วิชำชพี ระยะสนั้ พบวำ่ อยใู่ นระดับ ดี เม่อื วิเครำะห์เป็นรำยข้อพบวำ่ ผู้รบั บรกิ ำรสำมำรถนำควำมรูไ้ ปปรบั ใชใ้ น ชวี ิตประจำวันได้ (µ = 4.55) เปน็ อนั ดบั ท่ี 1 รองลงมำคือเนื้อหำของหลกั สูตรตรงกับควำมตอ้ งกำรของผรู้ ับบรกิ ำร , วทิ ยำกรมคี วำมร้คู วำมสำมำรถในกำรจัดกจิ กรรม (µ =4.50) กำรจดั กิจกรรมทำใหผ้ รู้ บั บรกิ ำรสำมำรถ คิดเป็นทำ เปน็ แก้ปัญหำเปน็ ,ส่อื /เอกสำรประกอบกำรจดั กิจกรรมมีควำมเหมำะสม, วิทยำกรมีกำรใช้ส่ือทสี่ อดคลอ้ งและ เหมำะสมกับกิจกรรม ,บคุ ลกิ ภำพของวิทยำกร , ควำมพงึ พอใจในภำพรวมของผูร้ บั บริกำรต่อกำรเข้ำร่วม (µ =4.45) ระยะเวลำในกำรจัดกิจกรรมเหมำะสม (µ =4.43) กิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับวัตถุประสงคข์ องหลักสูตร ,เทคนิค/ กระบวนในกำรจัดกิจกรรมของวิทยำกร (µ =4.40) ผรู้ บั บรกิ ำรมสี ว่ นรว่ มในกำรแสดงควำมคิด เห็นต่อกำรจดั ทำ หลักสูตร ,สถำนทใี่ นกำรจัดกิจกรรมเหมำะสม (µ =4.35) ตำมลำดบั

28 ตารางที่ 5 ผลการประเมนิ ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการฝึกอบรมอาชีพหลักสูตรกลุ่มสนใจ และหลกั สูตรวิชาชีพ ระยะสัน้ เนื้อหำผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรมโครงกำรฝกึ อบรมอำชีพ µ N = 28 หลักสตู รกลุ่มสนใจ และหลกั สตู รวชิ ำชีพระยะสั้น Ꝺ อันดับท่ี ระดบั ผลกำรประเมิน 1. กำรมีสว่ นร่วมในกิจกรรมกลุม่ 4.45 0.51 3 ดี 2. ควำมพงึ พอใจในกำรเข้ำร่วมโครงกำร 4.50 0.61 2 ดี 3. กำรคิดอยำ่ งมเี หตผุ ล 4.55 0.69 1 ดีมำก 4. กำรเข้ำใจ และรบั ฟังควำมคิดเห็นจำกผู้อื่น 4.40 0.75 4 ดี 5.กำรรู้จัก และเข้ำใจตนเอง 4.35 0.75 5 ดี คำ่ เฉลี่ย 4.45 0.66 ดี รรรรรรรรจำกตำรำงท่ี 5 พบวำ่ โดยเฉลีย่ แลว้ ผู้เขำ้ รว่ มผู้เข้ำร่วมกิจกรรมโครงกำรฝึกอบรมอำชพี หลกั สูตรกลมุ่ สนใจ และหลักสตู รวิชำชีพระยะส้นั อยใู่ นระดับ ดี เม่ือวิเครำะห์เปน็ รำยพบวำ่ กำรคิดอย่ำงมีเหตุผล (µ =4.55) รองลงมำคือ ควำมพึงพอใจในกำรเข้ำรว่ มโครงกำร (µ =4.50) กำรมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมกลุ่ม (µ = 4.45) กำรเขำ้ ใจและรบั ฟงั ควำมคิดเหน็ จำกผ้อู ื่น (µ = 4.40) กำรรู้จกั และเข้ำใจตนเอง (µ = 4.35) ตำมลำดบั

บทที่ 5 สรุปผลการดาเนนิ การ อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ ผลทปี่ รากฏ จำกโครงกำรฝึกอบรมอำชีพหลกั สตู รกลุ่มสนใจ และหลักสูตรวชิ ำชพี ระยะส้นั โดยมีวัตถุประสงคม์ งุ่ จัด กำรศึกษำเพื่อพฒั นำกำรงำนและอำชีพ โดยใหค้ วำมสำคัญกบั กำรจดั กำรศึกษำเพ่อื พฒั นำงำนและอำชพี ระดบั พ้นื ฐำน ระดับกึ่งฝีมอื และระดบั ฝมี ือ ทส่ี อดคล้องกบั สภำพและควำมต้องกำรของกลุ่มเป้ำหมำย โดยมุ่งเน้น ให้ผเู้ รยี นสำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ในกำรประกอบอำชีพ หรอื เพิม่ พูนรำยได้ ทั้งนี้ใหม้ ีกำรพัฒนำหลกั สตู รและวธิ กี ำรที่ หลำกหลำยและทนั สมยั สำมำรถให้บรกิ ำรได้อย่ำงทว่ั ถงึ และมงุ่ จดั กำรศกึ ษำเพื่อพฒั นำทกั ษะชีวติ ให้กบั ทุก กลุม่ เปำ้ หมำย โดยจดั กิจกรรมกำรศึกษำที่มงุ่ เนน้ ใหท้ กุ ลมุ่ เป้ำหมำยมีควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรจดั กำรชีวติ ของ ตนเองให้อยูใ่ นสังคมไดอ้ ย่ำงมีควำมสุขรวมทงั้ กำรใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง ครอบครัว และชมุ ชน โดย กศน.ตำบลพลูตำหลวง ไดแ้ บ่งอำชีพระยะสนั้ เปน็ 3 หลักสตู ร กำรจดั ทำโครงกำรฝกึ อบรมอำชีพหลักสูตรกลุ่มสนใจ และหลักสูตรวิชำชีพระยะสั้น จำนวน 28 คน ตลอดระยะเวลำที่รบั กำรอบรม โดยมีกำรซกั ถำมพูดคยุ ตอบโต้ ในวทิ ยำกรอย่ำงสนใจ ในดำ้ นตำ่ งๆ คือ ด้ำนหลกั สตู ร - มีควำมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลกั สตู ร ผูเ้ รยี นมคี วำมพึงพอใจ - เน้ือหำของหลกั สตู รตรงกับควำมต้องกำรของผู้เข้ำอบรม ดำ้ นวิทยำกร - วทิ ยำกรมคี วำมรู้ควำมสำมำรถในกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ได้อยำ่ งดี - เทคนคิ /กระบวนกำรในกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนร้ขู องวทิ ยำกรเหมำะสม - วทิ ยำกรมีกำรใชส้ ่ือทีส่ อดคล้องและเหมำะสมกบั กิจกรรม - บุคลกิ ภำพของวิทยำกร ดเี หมำะสม ดำ้ นสถำนท่ี ระยะเวลำ และควำมพึงพอใจ - สถำนทใี่ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนร้มู ีควำมเหมำะ - ระยะเวลำในกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เหมำะ - ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมพึงพอใจต่อกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม สรุปผลการดาเนินงาน ผเู้ ขำ้ ร่วมโครงกำรฝกึ อบรมอำชีพหลักสูตรกล่มุ สนใจ และหลักสูตรวชิ ำชีพระยะสนั้ ของศูนยก์ ำรศกึ ษำนอก ระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั อำเภอสัตหีบ มคี วำมพงึ พอใจอยู่ในระดบั ดี คิดเป็นรอ้ ยละ 4.43 อภิปรายผล จำกกจิ กรรมโครงกำรฝึกอบรมอำชีพหลักสตู รกลุม่ สนใจ และหลักสูตรวชิ ำชพี ระยะสัน้ ของศนู ย์กำรศกึ ษำ นอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยอำเภอสัตหีบ

30 1.เข้ำร่วมโครงกำรมีควำมคิดเห็นต่อโครงกำรฝึกอบรมอำชีพหลกั สตู รกลมุ่ สนใจ และหลักสตู รวิชำชีพ ระยะส้นั ระดบั ดมี ำก 2.ทร่ี ว่ มโครงกำรมีควำมเปน็ ระเบียบและพร้อมเพียงกันในกำรรว่ มกจิ กรรม 3.ผู้ทร่ี ่วมโครงกำรไดร้ ับประสบกำรณต์ รงจำกวทิ ยำกร 4.ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรสำมำรถนำควำมรทู้ ไ่ี ด้ไปถ่ำยทอดต่อผู้อ่ืน 5.ผ้เู ข้ำร่วมโครงกำรมีควำมสุขและสนกุ กับกำรรว่ มกิจกรรม ข้อเสนอแนะ 1. ควรมงี บประมำณสนับสนนุ ในกำรประกอบอำชีพตอ่ ยอดของแตล่ ะคน 2. ระยะเวลำในกำรอบรมของแต่ละวันน้อยเกินไป ทำให้ผ้เู ขำ้ อบรมเสยี เวลำในกำรประกอบอำชีพทำให้ ขำดรำยได้ 3. ควรมีกำรสนับสนุนในเรอ่ื งของกำรตลำด สถำนทจี่ ำหนำ่ ย ของผลติ ภณั ฑ์ ปัญหาและอุปสรรค 1. จำนวนวันเวลำที่ใช้ในกำรอบรมมำกเกนิ ไป 2. ผเู้ ข้ำอบรมมีหน้ำท่คี วำมรับผิดชอบหลำยดำ้ นทำให้กำรอบรมมจี ำนวนผ้เู ข้ำอบรมไม่ครบในแตล่ ะครั้ง

ภาคผนวก

ทีป่ รึกษา คณะผจู้ ัดทา 1.นำงสรุ สั วดี เล้ียงสุพงศ์ ตำแหน่ง ผอ.กศน.อำเภอสตั หบี คณะทางาน หวั หนำ้ กศน. ตำบลพลูตำหลวง ครู กศน.ตำบลพลตู ำหลวง 1.นำงสภุ ำภรณ์ นวมมำ 2.นำงสำวเกษนีย์ เดชรกั ษำ หัวหนำ้ กศน. ตำบลพลูตำหลวง ครู กศน.ตำบลพลตู ำหลวง ผู้รวบรวม เรยี บเรียง และจดั พิมพ์ 1.นำงสภุ ำภรณ์ นวมมำ 2.นำงสำวเกษนีย์ เดชรกั ษำ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook