Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 001-กฤษฎา-รายงาน

001-กฤษฎา-รายงาน

Published by ideaa, 2023-06-19 06:53:48

Description: 001-กฤษฎา-รายงาน

Search

Read the Text Version

รายงาน วชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี (รหสั วิชา 20001-2001) เรอ่ื ง ความร้เู บ้อื งตน้ เกี่ยวกบั อินเทอรเ์ น็ต จาทาโดย นายกฤษฎา เจริญสุข รหสั ประจาตวั นักเรยี น (65201040001) ระดับชน้ั ปวช.2/1 สาขาวชิ าชา่ งไฟฟ้ากาลงั เสนอ อาจารย์ นจิ ยา อินทร์ประสทิ ธิ์ รายงานนี้เปน็ ส่วนหนงึ่ ของรายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ (รหสั วิชา 20001-2001) หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชะ (ปวช.) ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 วทิ ยาลัยเทคนิคท่าหลวง จงั หวัดลพบุรี

รายงาน วชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี (รหสั วิชา 20001-2001) เรอ่ื ง ความร้เู บ้อื งตน้ เกี่ยวกบั อินเทอรเ์ น็ต จาทาโดย นายกฤษฎา เจริญสุข รหสั ประจาตวั นักเรยี น (65201040001) ระดับชน้ั ปวช.2/1 สาขาวชิ าชา่ งไฟฟ้ากาลงั เสนอ อาจารย์ นจิ ยา อินทร์ประสทิ ธิ์ รายงานนี้เปน็ ส่วนหนงึ่ ของรายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ (รหสั วิชา 20001-2001) หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชะ (ปวช.) ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 วทิ ยาลัยเทคนิคท่าหลวง จงั หวัดลพบุรี

ก คำนำ รายงานเล่มนี้เปน็ สว่ นหนึ่งของวชิ า 20001-2001 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ สารสนเทศเพ่ืองานอาชีพการใช้ระบบปฏิบัติ โปรแกรมสาเร็จรูปและอินเทอร์เน็ตเพ่ืองานอาชีพ สามารถใช้ระบบใช้ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยีสารสนเทศตามลักษณะ งานอาชีพมคี ุณธรรมจริยธรรมและความรบั ผิดชอบในการใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสานสนเทสในงาน โดยมีจุดมุ่งหมายหลังของวิชา คือ เข้าใจหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี อาชพี ผู้จัดทาขอขอบคุณ คุณครูนิจยา อินทร์ประสิทธิ์ อาจารย์ประจาวิชาคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศเพ่อื งานอาชพี ผ้ใู ห้ความรูแ้ ละแนวทางการศึกษา ผจู้ ัดทาหวังเปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ รายงามเล่มนี้ จะเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ทู้ ศ่ี กึ ษาและเปน็ การต่อยอดใหผ้ ู้ที่สนใจสามารถนาไปศกึ ษาต่อไดใ้ นอนาคต ผู้จดั ทา นายกฤษฎา เจรญิ สขุ

สำรบัญ ข เรอ่ื ง หน้ำ ความหมายและความเปน็ มา 1 จานวนผ้ใู ช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ในประเทศไทย 2 ประโยชนข์ องอนิ เทอร์เนต็ 3 ลกั ษณะการให้บริการอนิ เทอร์เนต็ 4 ความเปน็ มาของอินเทอรเ์ นต็ 5 อนิ เทอร์เน็ตในประเทศไทย 7 การประยุกตใ์ ช้อนิ เทอรเ์ นต็ 8 ประโยชนข์ องอนิ เตอรเ์ น็ต 2 9 โทษของอนิ เตอร์เน็ต 10 ประวตั ิของอนิ เทอร์เนต็ 12 บรรณานกุ รม 13

1 ความรเู้ บอื้ งต้นเกย่ี วกับอนิ เทอร์เนต็ ความหมายและความเป็นมา ความหมาย อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ท่ีมี การเช่อื มต่อระหวา่ งเครอื ข่ายหลายๆ เครอื ข่ายทัว่ โลก โดยใชภ้ าษาท่ีใช้สือ่ สารกันระหว่าง คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ใน หลายๆ ทาง เช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมท้ัง คัดลอกแฟม้ ขอ้ มลู และโปรแกรมมาใชไ้ ด้ ที่มา อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET ( Advanced Research Projects Agency NETwork) ซ่ึ ง เ ป็ น เ ค รื อ ข่ า ย สานักงานโครงการวิจัยช้ันสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมี วัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเช่ือมต่อ และมี ปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเร่ิมแรก ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้ เป็นเครือข่าย อนิ เทอรเ์ นต็ ในปจั จบุ ัน จานวนผู้ใช้งานอนิ เทอร์เน็ตทว่ั โลก ปัจจุบัน จานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตท่ัวโลกโดยประมาณ 2.095 พันล้านคน หรือ 30.2 % ของประชากรทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือน มีนาคม 2554) โดยเมื่อเปรียบเทียบใน ทวีปต่างๆ พบวา่ ทวปี ทีม่ ีผู้ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตมากที่สดุ คอื เอเชยี โดยคดิ เป็น 44.0 % ของผู้ใช้ อนิ เทอร์เนต็ ทงั้ หมด และประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อนิ เทอรเ์ น็ตมากที่สุดคือประเทศจนี คดิ เปน็ จานวน 384 ล้านคน หากเปรยี บเทียบจานวนผู้ใชอ้ ินเทอร์เน็ตกบั จานวนประชากรรวม พบว่าทวีปอเมรกิ าเหนือ มีสัดส่วนผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 78.3 % รองลงมาได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย 60.1 % และ ทวปี ยุโรป คิดเปน็ 58.3 % ตามลาดับ

2 จานวนผ้ใู ช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ในประเทศไทย จานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีการ เปลี่ยนแปลงดังน้ี ปี 2534 (30คน) ปี 2535 (200 คน) ปี 2536 (8,000 คน) ปี 2537 (23,000 คน) ... ข้อมลู ลา่ สุดของสานักงานสถิตแิ ห่งชาติ ปี 2551 จากจานวนประชากรอายุ 6 ปขี ึ้นไปประมาณ 59.97 ล้านคน พบว่า มผี ้ใู ช้คอมพวิ เตอร์ 16.99 ล้านคน คดิ เป็น ร้อยละ 28.2 และมผี ใู้ ช้อนิ เทอรเ์ น็ต 10.96 ล้านคน คดิ เป็นรอ้ ยละ 18.2 อินเทอรเ์ น็ตในประเทศไทย อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเม่ือปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครงั้ นน้ั ยังเป็นการ เชอื่ มตอ่ โดยผ่านสายโทรศัพท์ ซงึ่ สามารถสง่ ข้อมลู ได้ช้า และไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิว เตอร์ แห่งชาติ (NECTEC) ได้ทาการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ( NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าดว้ ยกันเรียกว่า \"เครอื ขา่ ยไทยสาร\" การใหบ้ ริการอินเทอร์เนต็ ในประเทศไทยไดเ้ ริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเม่ือ เดอื น มนี าคม พ.ศ. 2538 โดย ความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศ ไทย และสานักงานส่งเสริมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บรกิ ารในนาม บรษิ ัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เนต็ เชิงพาณิชย์รายแรกของ ประเทศไทย อปุ กรณท์ ีใ่ ชเ้ ช่อื มต่ออินเทอร์เน็ต อปุ กรณ์ท่ีจาเป็นในการเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ตนน้ั ประกอบไปดว้ ย 1. คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลต่างๆ ไปจากอินเตอร์เน็ตสาหรับคอมพิวเตอร์ท่ีเหมาะสม กับการเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ต ถ้าเป็นเคร่ือง PC ควรจะใช้เคร่ืองในระดับ Pentium ท่ีมี ระบบปฏิบัติการ ต้ังแต่ Windows 95 ข้ึนไป แต่ถ้าเป็นเครื่องแมคอินทอชนั้นควรใช้ System 7 ขึ้นไป และควรมีหนว่ ยความจาต้ังแต่ 16 MB ขึ้นไป 2. โมเด็ม (Modem) เปน็ อุปกรณท์ ใี่ ชใ้ นการแปลงสญั ญาณดจิ ิตอล จากคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก ผ่านคู่สายโทรศัพท์ และจะแปลงสัญญาณกลับอีกครั้ง ให้กับคอมพิวเตอร์ โมเด็มท่ีเหมาะสาหรับการใชง้ านอินเตอร์เน็ต ควรมีความเร็วตั้งแต่ 33.6 Kbps ขึ้นไป

3 3. โทรศัพท์ ในการเชื่อมต่อช่องอินเตอรเ์ นต็ นน้ั จะตอ้ งมีคสู่ ายโทรศพั ท์อย่างน้อย 1 เลขหมาย เพือ่ เช่ือมต่อจากเครื่องคอมพิวเตอรข์ องเราไปยังผใู้ ห้บรกิ ารอนิ เตอรเ์ น็ต 4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider) หรือ ISP คือผู้ท่ีเช่ือมต่อสัญญาณ อินเตอร์เนต็ จากประเทศไทยไปยงั เครือข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ ตา่ งประเทศ หลกั การเลอื กผู้ใหบ้ ริการ ISP 1. จานวนคู่สายโทรศัพทท์ ีม่ ีให้บริการแกส่ มาชกิ 2. ความเรว็ ของสายสญั ญาณ และขนาดความกว้างของช่องสัญญาณท่ตี อ่ ไปยัง ตา่ งประเทศ ประโยชน์ของอินเทอรเ์ น็ต ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสาคัญต่อชีวิตประจาวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้ง การศึกษา พาณชิ ย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดงั นี้ ดา้ นการศึกษา - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูล ด้านการบนั เทงิ ด้านการแพทย์ และอ่นื ๆ ที่น่าสนใจ - ระบบเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ จะทาหนา้ ท่เี สมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ - นักศกึ ษาในมหาวิทยาลัย สามารถใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ตดิ ต่อกบั มหาวิทยาลยั อืน่ ๆ เพือ่ ค้นหาขอ้ มลู ทก่ี าลงั ศึกษาอยู่ได้ ทง้ั ทข่ี ้อมลู ที่เป็น ข้อความ เสยี ง ภาพเคลือ่ นไหวตา่ ง ๆ เป็นตน้ ดา้ นธุรกิจและการพาณชิ ย์ - คน้ หาขอ้ มูลตา่ ง ๆ เพ่อื ชว่ ยในการตดั สินใจทางธุรกิจ - สามารถซอื้ ขายสนิ ค้า ผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต - ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุน ลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ ลูกคา้ แจกจา่ ยตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น ด้านการบันเทิง - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ท่ีเรียกว่า Magazine online รวมท้ังหนังสือพิมพ์และข่าวสารอ่ืน ๆ โดยมี ภาพประกอบ ทจ่ี อคอมพิวเตอรเ์ หมอื นกับวารสาร ตามร้านหนงั สอื ท่ัว ๆ ไป - สามารถฟงั วทิ ยุผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตได้ - สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดไู ด้

4 จากเหตุผลดงั กลา่ ว พอจะสรปุ ไดว้ า่ อนิ เทอร์เน็ต มคี วามสาคัญ ในรปู แบบ ดังนี้ 1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตโดยผู้สง่ จะตอ้ งสง่ ข้อความไปยังทีอ่ ยู่ของผูร้ ับ และแนบไฟล์ไปได้ 2. เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเคร่ืองหน่ึงท่ีอยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรยี กข้อมลู จากโรงเรยี นมาทาท่ีบา้ นได้ 3. การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมา เก็บไว้ในเครือ่ งของเราได้ ทัง้ ขอ้ มูลประเภทตัวหนังสือ รปู ภาพและเสียง 4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตใน การค้นหาข่าวสารทีม่ ีอยมู่ ากมาย ใชส้ บื ค้นขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทว่ั โลกได้ 5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และแสดงความคิดเหน็ ทผี่ ู้ใชบ้ ริการอินเทอร์เนต็ ท่ัวโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุม่ ข่าวหรือนิ วกร๊ปุ (Newgroup)แลกเปลย่ี นความคิดเห็นกนั 6. การส่ือสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารท่ีได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่าน อนิ เทอรเ์ นต็ เปรยี บเสมอื นเราน่งั อยู่ในหอ้ งสนทนาเดียวกัน แมจ้ ะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ ตาม 7. การซ้ือขายสินค้าและบริการ (E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซ้ือ - สนิ ค้าและบริการ ผา่ นอินเทอร์เน็ต 8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความ บันเทิงได้ตลอด 24 ชวั่ โมง โดยสรปุ อนิ เทอรเ์ น็ต ไดน้ ามาใชเ้ ปน็ เครื่องมือทจ่ี าเป็นสาหรับงานไอที ทาใหเ้ กดิ ช่องทางใน การเข้าถงึ ข้อมลู ทร่ี วดเร็ว ช่วยในการตดั สนิ ใจ และบรหิ ารงานทง้ั ระดบั บคุ คลและองคก์ ร

5 ลกั ษณะการให้บรกิ ารอินเทอร์เนต็ การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทาได้หลากหลาย อาทิเช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์ (e-Mail) , สนทนา (Chat), อ่านหรือแสดงความคิดเห็นในเว็บบอร์ด, การติดตามข่าวสาร, การสืบค้นข้อมูล / การค้นหาข้อมูล, การชม หรือซ้ือสินค้าออนไลน์ , การดาวโหลด เกม เพลง ไฟล์ข้อมูล ฯลฯ, การติดตามข้อมูล ภาพยนตร์ รายการบันเทิงต่าง ๆ ออนไลน์, การเล่นเกม คอมพิวเตอร์ออนไลน์, การเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning), การประชุมทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต (Video Conference), โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เนต็ (VoIP), การอับโหลดข้อมูล หรือ อ่ืน ๆ แนวโน้มล่าสุดของการใช้อินเทอร์เน็ตคือการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพ่ือ สรา้ งสงั คมออนไลน์ (Social Network) ซง่ึ พบว่าปจั จบุ ันเวบ็ ไซต์ท่เี ก่ียวข้องกับกิจกรรมดงั กล่าวกาลัง ไดร้ บั ความนยิ มอย่างแพรห่ ลาย ไมว่ ่าจะเปน็ facebook, twitter, hi5 และการใชเ้ ริ่มมีการแพร่ขยาย เข้าไปสู่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Internet) มากขึ้น เน่ืองจากเทคโนโลยี ปัจจุบนั สนับสนุนใหก้ ารเขา้ ถึงเครอื ข่ายผา่ นโทรศพั ทม์ ือถือทาไดง้ ่ายขน้ึ มาก ความหมายของอนิ เทอรเ์ น็ต อินเทอร์เน็ต ( Internet ) คือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่าย คอมพิวเตอร์ท่ัวโลกเข้าด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่าย ภายใต้ ม า ต ร ฐ า น ก า ร เ ช่ื อ ม โ ย ง ด้ ว ย โ ป ร โ ต ค อ ล เ ดี ย ว กั น คื อ TCP/ IP ( Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เพอ่ื ใหค้ อมพวิ เตอรท์ กุ เครื่องในอินเทอรเ์ นต็ สามารถส่ือสารระหว่าง กันได้ นับวา่ เป็นเครือข่ายทีก่ ว้างขวางท่สี ุดในปัจจบุ ัน เนื่องจากมผี ู้นยิ มใช้ โปรโตคอลอินเทอร์เนต็ จาก ท่ัวโลกมากท่ีสุด อินเทอร์เน็ตจึงมีรูปแบบคล้ายกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบ WAN แต่มีโครงสร้าง การทางานที่แตกต่างกันมากพอสมควร เนื่องจากระบบ WAN เป็นเครือข่ายที่ถูกสร้างโดยองค์กร ๆ เดียวหรือกลุ่มองค์กร เพ่ือวัตถุประสงค์ด้านใดด้านหน่ึง และมีผู้ดูแลระบบที่รับผิดชอบแน่นอน แต่ อินเทอร์เน็ตจะเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์นับล้านๆ เครื่องแบบไม่ถาวรข้ึนอยู่กับเวลา นั้น ๆ ว่าใครต้องการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตบ้าง ใครจะติดต่อสื่อสารกับใครก็ได้ จึงทาให้ระบบ อินเทอร์เนต็ ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบหรอื ดแู ลทั้งระบบ

6 ความเปน็ มาของอินเทอรเ์ นต็ อนิ เตอรเ์ นต็ มีพัฒนาการมาจาก อาร์พาเน็ต (Arp Anet เรียกสัน้ ๆ ว่า อารพ์ า) ท่ตี ั้งขึ้นในปี 2512 เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา ท่ีใช้ในงานวิจัยด้านทหาร (ARP : Advanced Research Project Agency)มาถึงปี 2515 หลังจากท่ีเครือข่ายทดลองอาร์พา ประสบความสาเร็จอย่างสูง และได้มีการปรับปรุงหน่วยงานจากอาร์พามาเป็นดาร์พา (Defense Advanced Research Project Agency: DARPA) และในท่ีสุดปี 2518 อาร์พาเนต็ กข็ ึ้นตรงกบั หน่วย การสื่อสารของกองทัพ (Defense Communication Agency)ในปี 2526 อาร์พาเน็ตก็ได้แบ่งเป็น 2 เครือข่ายด้านงานวิจัย ใช้ช่ืออาร์พาเน็ตเหมือนเดิม ส่วนเครือข่ายของกองทัพใช้ชื่อว่า มิลเน็ต (MILNET : Millitary Network) ซึ่งมีการเชื่อมต่อโดยใช้ โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet) เป็นครงั้ แรกในปี 2528 มลู นิธิวิทยาศาสตร์แหง่ ชาติของอเมรกิ า (NSF) ได้ ให้เงินทุนในการสรา้ งศูนยซ์ ูเปอร์คอมพิวเตอร์ 6 แห่ง และใช้ชื่อว่า NSFNETและพอมาถึงปี 2533 อาร์พารองรับภาระท่ีเป็นกระดูกสันหลัง (Backbone) ของระบบไม่ได้ จึงได้ยุติอาร์พาเน็ต และ เปล่ียนไปใช้ NSFNET และเครือข่ายขนาดมหึมา จนถึงทุกวันน้ี และเรียกเครือข่ายนี้ว่า อินเตอร์เน็ต โดยเครือข่ายสว่ นใหญ่จะอยู่ในอเมริกา และปัจจบุ ันนมี้ เี ครือข่ายย่อยมากถึง 50,000 เครือขา่ ยทีเดียว และคาดว่า ภายในปี 2543 จะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตท้ังโลกประมาณ 100 ล้านคน หรือใกล้เคียงกับ ประชากรในโลกท้ังหมดสาหรับประเทศไทยนั้น อินเตอร์เน็ตเร่ิมมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 2530- 2535 โดยเร่ิมจากการเป็นเครือข่ายในระบบคอมพิวเตอร์ระดับมหาวิทยาลัย (Campus Network) แล้วจึงเชอ่ื มตอ่ เข้าสู่อินเตอร์เนต็ อย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2535และในปี 2538 ก็มี การเปดิ ให้ บริการอินเตอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ (รายแรก คือ อินเตอร์เน็ตเคเอสซี) ซ่ึงขณะน้ัน เวิร์ลด์ไวดเ์ วบ็ กาลงั ไดร้ ับความนิยมอย่างมากในอเมริกาอยา่ งไรกต็ าม อนิ เตอร์เนต็ บางครง้ั ก็มกี ารเรียกย่อเปน็ เน็ต (Net) หรือ The Net ด้วยเช่นเดียวกัน อีกคาหน่ึงท่ีหมายถึงอินเตอร์เน็ตก็คือ เว็บ (Web) และ เวิร์ลด์ไวด์ เวบ็ (World – Wide Web) (จริง ๆ แลว้ เว็บเปน็ เพยี งบริการหนึ่งของอินเตอร์เนต็ เทา่ นนั้ แตบ่ ริการ นี้ ถอื วา่ เปน็ บรกิ ารทมี่ ีผนู้ ิยมใชม้ ากทส่ี ดุ

7 อนิ เทอร์เนต็ ในประเทศไทย ประเทศไทยได้เร่ิมติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลักษณะการใช้บริการ จดหมาย เล็กทรอนิกส์แบบแลกเปลี่ยนถุงเมล์เป็นครั้งแรก โดยเร่ิมท่ีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่ (Prince of Songkla University) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที (AIT) ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย (โครงการ IDP) ซึ่งเป็นการ ติดต่อเช่ือมโยงโดยสายโทรศัพท์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่ ได้ยื่นขอท่ีอยู่อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้รับท่ีอยู่อินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซ่ึง นบั เปน็ ทีอ่ ยู่อินเทอรเ์ น็ตแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บริษทั DEC (Thailand) จากัด ได้ขอท่ีอยู่อินเทอร์เน็ตเพ่ือใช้ประโยชน์ภายในของบริษัท โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ตเป็น dect.co.th โดยทีค่ า “th” เป็นสว่ นทเ่ี รยี กวา่ โดเมน (Domain) ซึง่ เป็นส่วนที่แสดงโซนของเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต ในประเทศไทย โดยย่อมาจากคาวา่ Thailand กล่าวได้ว่าการใชง้ านอินเทอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบตลอด 24 ช่ัวโมง ในประเทศไทยเกิดข้ึนเปน็ คร้ังแรกเม่ือเดือน กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2535 โดยสถาบันวิทยาบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เชา่ วงจรส่ือสารความเร็ว 9600 บิตต่อวินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพื่อเช่ือมเข้าสู่อินเทอรเ์ น็ต ท่ีบริษัท ยูยูเน็ตเทคโนโลยี (UUNET Technologies) ประเทศสหรัฐอเมริกาในปีเดียวกัน ได้มี หน่วยงานท่ีเชื่อมต่อแบบออนไลน์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลายแห่ง ด้วยกัน ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอม เกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ บริหารธุรกิจ โดยเรียกเครือข่ายนี้ว่าเครือข่าย “ไทยเน็ต” (THAInet) ซึ่งนับเป็นเครือข่ายที่มี “ เกต เวย์ “ (Gateway) หรือประตูสู่เครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ เปน็ แห่งแรกของประเทศไทย (ปัจจุบันเครอื ขา่ ย ไทยเน็ตประกอบดว้ ยสถาบนั การศึกษา 4 แหง่ เทา่ นนั้ สว่ นใหญ่ยา้ ยการเชอ่ื มโยงอินเทอร์เน็ตโดยผ่าน เนคเทค (NECTEC) หรอื ศนู ยเ์ ทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกสแ์ ละคอมพวิ เตอร์แห่งชาต)ิ ปี พ.ศ. 2535 เช่นกัน เป็นปีเริ่มต้นของการจัดตั้งกลุ่มจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพ่ือการศึกษาและวิจัย โดยมีชื่อว่า \"เอ็นดับเบิลยูจี\" (NWG : NECTEC E-mail Working Group) โดยการดูแลของเนคเทค และได้จัดต้ังเครือข่ายชื่อว่า \"ไทยสาร\" (ThaiSarn : Thai Social/Scientific Academic and Research Network) เพื่อการติดต่อสื่อสารและแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดยเริ่มแรก ประกอบด้วยสถาบันการศึกษา 8 แห่ง ปัจจุบันเครือข่ายไทยสารเช่ือมโยงกับสถาบันต่างๆ กว่า 30 แห่ง ทัง้ สถาบนั การศึกษาและหน่วยงานของรัฐ

8 ปัจจุบันได้มีผู้รู้จักและใช้อินเทอร์เน็ตมากข้ึน มีอัตราการเติบโตมากกวา่ 100 % สมาชิกของ อนิ เทอร์เนต็ ขยายจากอาจารยแ์ ละนิสติ นกั ศึกษาในระดบั อุดมศึกษาไปสูป่ ระชาชนทัว่ ไป การประยุกตใ์ ช้อินเทอร์เนต็ การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทาได้หลากหลาย อาทิเช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อเี มล์ (e-Mail) , สนทนา (Chat), อา่ นหรือแสดงความคดิ เห็นในเวบ็ บอร์ด , การตดิ ตามขา่ วสาร, การสืบค้นข้อมูล / การค้นหาข้อมูล, การชม หรือซ้ือสินค้าออนไลน์ , การดาวโหลด เกม เพลง ไฟล์ข้อมูล ฯลฯ, การติดตามข้อมูล ภาพยนตร์ รายการบันเทิงต่างๆ ออนไลน์, การเล่นเกม คอมพิวเตอร์ออนไลน์, การเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning) , การประชุมทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต (Video Conference), โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP) , การอับโหลดข้อมูล หรือ อ่ืนๆแนวโน้ม ล่าสุดของการใช้อินเทอร์เน็ตคือการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพื่อสร้าง ซ่ึงพบว่า ปัจจุบันเว็บไซต์ที่เก่ียวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวกาลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่น และการใช้ เร่ิมมีการแพร่ขยายเข้าไปสู่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Internet) มากข้ึน เน่อื งจากเทคโนโลยปี ัจจบุ นั สนับสนุนให้การเข้าถึงเครอื ขา่ ยผา่ นโทรศัพท์มือถอื ทาได้งา่ ยขึ้นมาก

9 ประโยชนข์ องอินเตอร์เน็ต 2 อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนเมืองแห่งใหม่ของโลก เป็นชุมชนของคนท่ัวมุมโลก จึงมี บริการต่าง ๆเกดิ ขึน้ ใหมต่ ลอดเวลา 1.ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนิกส์(Electronic mail=E-mail) ไปรษณยี ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ หรือE-mail เป็นการส่งจดหมายผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยผู้ส่งสสามารถส่งข้อความไปยังท่ีอยู่ของผู้รับ ใน รูปแบบของอีเมล์ เม่ือผู้ส่งเขียนจดหมาย แล้วส่งไปยังผู้รับ ผู้รับจะได้รับจดหมายภายในเวลาไม่กี่ วินาที แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม นอกจากน้ียังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับ อเี มล์ได้ด้วย 2.กรขอเข้าระบบจากระยะไกลหรือเทลเน็ต(Telnet)เป็นบริการอินเนต็ รูปแบบหน่ึงโดยท่ีเราสามารถ เข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งท่ีอยู่ไกล ๆได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าเราอยู่ที่โรงเรียนทางานโดย ใช้อินเตอร์เน็ตของโรงเรียนแล้วกลับไปท่ีบ้าน เรามีคอมพิวเตอร์ที่บ้านและต่ออินเตอร์เน็ตไว้เรา สามารถเรยี กข้อมูลจากท่ีโรงเรียนมาทาท่ีบา้ นได้ เสมือนกับเราทางานทีโ่ รงเรยี นนนั่ เอง 3.การโอนถ่ายข้อมูล(File Transfer Protocol หรือ FTP) เป็นบริการอีกรูปแบบหน่ึงของระบบ อินเตอร์เน็ต เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูล ประเภทตัวหนงั สอื รปู ภาพและเสยี ง 4.การสบื คน้ ข้อมลู (Gopher,Archie,World wide Web) หมายถงึ การใชเ้ ครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ ในการ ค้นหาข่าวสารท่ีมีอยู่มากมายแล้วช่วยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารหัวข้ออย่างมีระบบ เป็นเมนู ทาให้เราหา ข้อมูลได้ง่ายหรอื สะดวกมากข้ึน 5.การแลกเปลีย่ นข่าวสารและความคิดเหน็ (Usenet) เปน็ การให้บรกิ ารแลกเปล่ยี นข่าวสารและแสดง ความคิดเห็นท่ีผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตท่ัวโลกสามารถพบปะกัน แสดงความคิดเห็นของตน โดยมีการ จัดการผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปล่ียนความคิดเห็นกันเป็นหัวข้อต่าง ๆ เช่น เรอื่ งหนงั สือ เร่อื งการเลย้ี งสตั ว์ ตน้ ไม้ คอมพิวเตอรแ์ ละการเมือง เป็นต้น ปัจจบุ นั มี Usenet มากกว่า 15,000 กลุ่ม นบั เป็นเวทีขนาดใหญใ่ หท้ ุกคนจากท่วั มมุ โลกแสดงความคิดเหน็ อยา่ งกวา้ งขวาง 6.การส่ือสารด้วยข้อความ(Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้ อินเตอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารท่ีไดัรับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การ สนทนากันผ่านอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนเราน่ังอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความ โต้ตอบกันไปมาไดใ้ นเวลาเดียวกัน แมจ้ ะอยคู่ นละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม 7.การซื้อขายสินค้าและบริการ(E-Commerce = Eletronic Commerce) เป็นการจับจ่ายซ้ือ - สนิ คา้ และบริการ เชน่ ขายหนงั สือ คอมพิวเตอร์ การท่องเทย่ี ว เปน็ ต้น ปจั จบุ นั มีบริษัทใช้อนิ เตอร์เน็ต ในการทาธรุ กจิ และให้บริการลูกค้าตลอด24ชั่วโมง ในปี2540 การคา้ ขายบนอนิ เตอร์เน็ตมีมูลคา่ สูงถึง 1แสนล้านบาท และจะเพิ่มเป็น1ล้านล้านบาทในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ท่ี น่าสนใจและเปิดทางใหท้ กุ คนเขา้ มาทาธุรกจิ ไดโ้ ดยใชท้ ุรไม่มากนัก

10 8.การให้ความบันเทิง(Entertain) ในอินเตอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงในทุกรูปแบบต่าง ๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพ่ือความบันเทิงได้ ตลอด24ชั่วโมงและจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ท้ังประเทศไทย อเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย เป็นต้น โทษของอนิ เตอร์เนต็ 1.โรคติดอินเทอเนต็ (Webaholic) อนิ เตอรเ์ น็ตก็เปน็ สง่ิ เสพติดหรือ? การเล่นอินเตอร์เน็ต ทาให้คุณเสียงาน ผู้ใดเป็นผู้ท่ีติดการพนัน การติดการพนันประเภทท่ีถอนตัวไม่ ขึ้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับ การติดอินเตอร์เน็ต เพราะทั้งสองอย่าง เก่ียวข้องกับการล้มเหลว ในการ ควบคุมความตอ้ งการของตนเอง โดยไมม่ ีส่วนเก่ียวข้องกบั สารเคมใี ด ๆ (อย่างสุรา หรือยาเสพตดิ ) ผทู้ ่ี มีอาการอยา่ งนอ้ ย 4 อย่าง เปน็ เวลานานอย่างน้อย 1 ปีถือได้วา่ มีอาการตดิ อินเตอรเ์ นต็ • รสู้ ึกหมกม่นุ กับอินเตอร์เน็ต แมใ้ นเวลาทไ่ี มไ่ ดต้ ่อกบั อนิ เตอรเ์ นต็ • มีความตอ้ งการใช้อนิ เตอร์เน็ตเปน็ เวลานานข้นึ • ไมส่ ามารถควบคุมการใชอ้ นิ เตอร์เนต็ ได้ • รู้สึกหงุดหงดิ เมื่อตอ้ งใช้อนิ เตอรเ์ น็ตน้อยลงหรอื หยดุ ใช้ • ใชอ้ นิ เตอร์เนต็ เป็นวิธีในการหลีกเล่ยี งปญั หาหรอื คดิ ว่าการใช้อนิ เตอรเ์ น็ตทาใหต้ นเองรสู้ ึกดขี นึ้ • หลอกคนในครอบครวั หรือเพื่อน เร่ืองการใช้อนิ เตอรเ์ นต็ ของตวั เอง • การใช้อินเตอร์เน็ตทาให้เกิดการเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียน และความสัมพันธ์ ยังใช้ อนิ เตอรเ์ น็ตถงึ แมว้ ่าตอ้ งเสียค่าใช้จ่ายมาก • มอี าการผิดปกติ อยา่ งเช่น หดหู่ กระวนกระวายเมื่อเลิกใช้อนิ เตอรเ์ นต็ • ใช้เวลาในการใช้อินเตอร์เน็ตนานกว่าที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้มีผล กระทบต่อการเรียน อาชีพ สภาพทาง สังคมและเศรษฐกิจของคนคนนั้น ถึงแม้ว่าการวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การติดเทคโนโลยี อย่างเช่น การติดเล่นเกมส์ ส่วนใหญ่จะเกิดข้ึนกับเพศชายแต่ผลลัพธ์ข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ติด อินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ วยั กลางคนและไม่มงี านทา 2.เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม(Pornography/Indecent Content) เรื่องของข้อมูลต่าง ๆ ที่มี เนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่าง ๆ น้ันเป็น เรื่องที่มีมา นานพอสมควรแล้วบนโลกอินเทอเน็ต แต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคท่ีWWW ยังไม่พัฒนา มากนักทาให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภายเหล่านี้เป็นท่ีโจ่งแจ้งบนอินเทอเน็ตและส่ิงเหล่านี้ สามารถเข้าสู่เด็ก และเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถท่ีจะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอิน เทอเน็ตน้ันเป็นโลกท่ีไร้พรมแดนและเปิดกว้างทาให้สื่อเหล่าน้ีสามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเรา ไม่ สามารถจบั กมุ หรอื เอาผิดผูท้ ท่ี าสิ่งขนึ้ มาได้

11 3.ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา ไวรัส : เป็นโปรแกรมอิสระ ซึ่งจะ สืบพันธุ์โดยการจาลองตัวเองให้มากข้ึนเรื่อย ๆ เพ่ือที่จะทาลายข้อมูล หรืออาจทาให้เครื่อง คอมพวิ เตอร์ทางานช้าลงโดยการแอบใชส้ อยหน่วยความจาหรอื พื้นทว่ี า่ งบนดสิ ก์โดยพลการ ม้าโทรจนั : มา้ โทรจนั เปน็ ตานานนักรบที่ซ่อนตวั อยู่ในม้าไม้ แลว้ แอบเข้าไปในเมืองจนกระท่งั ยดึ เมือง ได้สาเร็จ โปรแกรมนี้ก็ทางานคล้าย ๆ กัน คือโปรแกรมน้ีจะทาหน้าที่ไม่พึงประสงค์ มันจะซ่อนตัวอยู่ ในโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต มันมักจะทาในสิ่งท่ีเราไม่ต้องการ และสิ่งที่มันทานั้น ไม่มีความจาเป็น ต่อเราด้วยหนอนอินเตอร์เน็ต : ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปท่ัวโลก มันคือ โปรแกรมท่ีจะสืบพันธ์ุโดยการจาลองตัวเองมากขึ้นเร่ือย ๆ จากระบบหนึ่ง ครอบครองทรัพยากรและ ทาใหร้ ะบบช้าลง ระเบิดเวลา : คือรหสั ซ่งึ จะทาหนา้ ทเี่ ป็นตวั กระตุ้นรูปแบบเฉพาะของการโจมตนี นั้ ๆ ทางานเมือ่ สภาพ การโจมตีนน้ั ๆ มาถงึ ยกตัวอย่างเช่น ระเบิดเวลาจะทาลายไฟลท์ ั้งหมดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2542 บญั ญัติ 10 ประการของการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต ยืน ภ่วู รรณ ได้กล่าวถงึ บัญญัติ 10 ประการ ซงึ่ เป็นจรรยาบรรณท่ผี ู้ใช้อินเทอร์เน็ตยึดถอื ไว้ เสมือนเป็นแม่บทของการปฏบิ ัติ ผใู้ ช้พึงระลึกและเตอื นความจาเสมอ 1. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพิวเตอรท์ าร้าย หรอื ละเมดิ ผู้อื่น 2. ต้องไม่รบกวนการทางานของผู้อืน่ 3. ตอ้ งไมส่ อดแนม แก้ไข หรอื เปิดดูแฟม้ ข้อมูลของผอู้ ืน่ 4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพอื่ การโจรกรรมข้อมลู ขา่ วสาร 5. ต้องไม่ใช้คอมพวิ เตอรส์ ร้างหลกั ฐานท่ีเปน็ เท็จ 6. ต้องไมค่ ัดลอกโปรแกรมของผอู้ ื่นที่มีลิขสทิ ธ์ิ 7. ต้องไม่ละเมดิ การใชท้ รัพยากรคอมพิวเตอรโ์ ดยท่ตี นเองไม่มีสิทธ์ิ 8. ต้องไมน่ าเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน 9. ตอ้ งคานึงถึงสิง่ ท่จี ะเกิดขน้ึ กบั สงั คมอนั ตดิ ตามมาจากการกระทาของทา่ น 10. ตอ้ งใชค้ อมพวิ เตอรโ์ ดยเคารพกฏระเบียบ กติกา และมีมารยาท จรรยาบรรณเป็นสงิ่ ท่ีทาใหส้ งั คมอินเทอร์เน็ตเปน็ ระเบียบ ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมเปน็ เรอื่ งทจ่ี ะต้อง ปลูกฝังกฏเกณฑ์ของแต่ละเครือข่าย จะต้องมีการวางระเบียบ เพื่อให้การดาเนินงาน เป็นไปอย่างมี ระบบ และเออื้ ประโยชนซ์ ึ่งกันและกนั บางเครือข่ายมีบทลงโทษทชี่ ดั เจน เชน่ การปฏิบัติผิดกฏเกณฑ์ ของเครือข่าย จะต้องตัดสิทธ์ิการเป็นผู้ใช้ของเครือข่าย ในอนาคตจะมี การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นจานวนมาก จรรยาบรรณจึงเป็นส่ิงที่ช่วยให้สังคมอินเทอร์เน็ต สงบสุข หากมีการละเมิดอย่าง รนุ แรง กฎหมายจะเขา้ มามีบทบาทต่อไป

12 ประวัตขิ องอินเทอรเ์ น็ต อินเทอร์เนต็ กาเนิดข้ึนคร้ังแรกในประเทศสหรฐั อเมริกา เมอ่ื พ.ศ. 2512 โดยองค์กรทางทหาร ของสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า ยู.เอส.ดีเฟนซ์ ดีพาร์ทเมนท์ ( U.S. Defence Department ) เป็นผู้คิดค้น ระบบขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้มีระบบเครือข่ายที่ไม่มีวันตายแม้จะมีสงคราม ระบบการ ส่ือสารถูกทาลาย หรือตัดขาด แต่ระบบเครือข่ายแบบน้ียังทางานได้ซึ่งระบบดังกล่าวจะใช้วิธีการส่ง ข้อมลู ในรปู ของคล่นื ไมโครเวฟ ฝ่ายวจิ ัยขององคก์ รจึงได้จัดต้งั ระบบเนต็ เวริกข้นึ มา เรียกวา่ ARPAnet ย่อมาจากคาว่า Advance Research Project Agency net ซ่ึงประสบความสาเร็จและได้รับความ นยิ มในหมู่ของหนว่ ยงานทหาร องค์กร รฐั บาล และสถาบนั การศกึ ษาต่าง ๆ เปน็ อยา่ งมาก การเช่ือมต่อในภาพแรกแบบเดิม ถ้าระบบเครือข่ายถูกตัดขาด ระบบก็จะเสียหายและทาให้ การเชอ่ื มต่อขาดออกจากกัน แต่ในเครือข่ายแบบใหม่ แม้วา่ ระบบเครอื ขา่ ยหนง่ึ ถูกตัดขาด เครอื ข่ายก็ ยังดาเนินไปได้ไม่เสียหาย เพราะโดยตัวระบบก็หาช่องทางอ่ืนเช่ือมโยงกันจนได้ในระยะแรก เมื่อ ARPAnet ประสบความสาเร็จ กม็ อี งค์กรมหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ ให้ความสนใจเข้ามารว่ มในโครงขา่ ยมาก ขึ้น โดยเน้นการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Mail ) ระหว่างกันเป็นหลัก ต่อมาก็ได้ ขยายการบริการไปถึงการสง่ แฟ้มข้อมูลข่าวสารและส่งข่าวสารความรู้ทั่วไป แต่ไม่ได้ใช้ในเชิงพาณชิ ย์ เน้นการให้บริการดา้ นวชิ าการเปน็ หลกั ปี พ.ศ. 2523 คนทั่วไปเริ่มสนใจอินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีการนาอินเทอร์เน็ตมาใช้ในเชิงพาณิชย์ มีการทางธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ก็เข้าร่วมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากข้ึน อนิ เทอร์เนต็ ในประเทศไทย

13 บรรณานกุ รม https://docs.google.com/document/d/1cIID0dwl4qSTK3r89NZgrkHjLtr6Uot_nKRCEieU Qv8/preview?hgd=1 สบื ค้นวนั ท่ี 14 มิถุนายน พ.ศ.2566


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook