ʶҺѹ¾Ãл¡à¡ÅŒÒ การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤตกิ รรมการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ กตัญญู แก้วหานาม และ พิมพ์ลิขิต แก้วหานาม
44 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวโดยสรุปสามารถวิเคราะห์ได้ว่า การเลือกตั้งล้วนแต่มีความส�ำคัญในแง่ของการสนับสนุนกลไก การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง การลดความขดั แยง้ และการสนับสนนุ หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยด้วย 3. ประเภทของการเลอื กตั้ง ระบบการเลอื กตง้ั โดยทว่ั ไปสามารถแบง่ ออกเปน็ 4 รปู แบบ คอื (สริ พิ รรณ นกสวน, 2551 : 103-113) 1) ระบบเลือกต้ังแบบเสียงข้างมากธรรมดา (Plurality System) หรือ “First Past the Post” (FPTP) กล่าวคือ ใครได้คะแนนมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เป็นระบบที่ง่ายท่ีสุด ระบบการเลือกต้ัง แบบเสียงข้างมากธรรมดาที่พบเห็นเป็นส่วนใหญ่ใช้ควบคู่กับเขตเลือกต้ังท่ีมีตัวแทนได้หนึ่งคน (Single- Member District/Consitituency) หรอื แบบ 1 เขต 1 คน (ของประเทศไทยเรยี กวา่ แบบเขตเดยี วเบอรเ์ ดยี ว หรอื แบบแบง่ เขตเลือกต้ัง ได้ ส.ส. เขตละ 1 คน ซึง่ เปน็ ผทู้ ไ่ี ด้คะแนนเลอื กตัง้ สูงสุดในแตล่ ะเขต) มบี างกรณที ร่ี ะบบเสยี งขา้ งมากธรรมดาใชค้ กู่ บั เขตเลอื กตง้ั ทม่ี ตี วั แทนไดห้ ลายคน (1 เขต แตม่ ี ส.ส.ได้ 2-3 คน) เช่น ระบบเลือกตัง้ ของไทยก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนญู 2540 ซ่งึ เป็นระบบทแี่ ตกตา่ งจากประเทศ สว่ นใหญท่ วั่ โลก เปน็ ระบบการเลอื กตง้ั แบบเสยี งขา้ งมากธรรมดาโดยในแตล่ ะเขตเลอื กตง้ั จะมตี วั แทนได้ 1-3 คน ขึน้ อยกู่ บั จ�ำนวนประชากรในเขตเลือกต้ังน้ัน ผู้ใชส้ ทิ ธหิ นึ่งคนมีสทิ ธิออกเสียงได้ตามจ�ำนวนตัวแทนทเี่ ขตจะได้ 2) ระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากเด็ดขาด (Majority Rule) ใช้ในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต แต่ละเขตมีตัวแทนได้ 1 คน ผู้ชนะจะตอ้ งไดร้ บั เลอื กด้วยเสียงขา้ งมากเด็ดขาด (absolute majority) กล่าวคอื เกนิ 50% ขนึ้ ไป เชน่ มผี มู้ สี ทิ ธอิ อกเสยี งเลอื กตงั้ 100,000 คน ผชู้ นะจะตอ้ งไดค้ ะแนนเสยี งเกนิ 50,000 คะแนน ที่เป็นเช่นน้ีเพื่อให้ผู้ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงสนับสนุนมากพอท่ีจะมีความชอบธรรมในการท�ำหน้าท่ี แตป่ ัญหาคือ ถ้าไม่มีผ้สู มคั รคนใดได้เสียงขา้ งมากเดด็ ขาดจะแก้ปญั หาอยา่ งไร? วิธีในการแก้ปัญหามีหลายวิธี แต่วิธีท่ีนิยม คือ การจัดเลือกต้ังรอบที่ 2 ท่ีเรียกว่า Run-off หรือ Two-Round System โดยเปน็ การแขง่ ขนั ระหวา่ งผทู้ ไี่ ดค้ ะแนนเสยี งมากทสี่ ดุ 2 คน ในรอบแรก โดยตดั ผสู้ มคั ร คนอ่ืนออกไปทงั้ หมด ระบบเลอื กต้งั รอบสองเพือ่ ใหไ้ ด้เสียงขา้ งมากเดด็ ขาดจากผู้สมัครท่ีเหลือเพยี ง 2 คน วธิ นี ้ี นิยมใช้ส�ำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง เช่น ออสเตรเลีย บราซิล ชิลี โคลัมเบีย เอกวาดอร์ ฝร่ังเศส โปแลนด์ โปรตเุ กส รัสเซีย ยูเครน เปน็ ตน้ 3) ระบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ น (Proportional Representation) (ประเทศไทย เรยี กวา่ แบบบญั ชี รายชือ่ ) จะใช้กับเขตใหญ่ทม่ี ีตัวแทนได้หลายคน เชน่ ของประเทศไทยแบบบัญชรี ายชอื่ ใช้พ้นื ทท่ี ั้งประเทศเป็น เขตเลือกตง้ั สามารถมีตัวแทนไดห้ ลายคน ระบบเลอื กตง้ั แบบสดั ส่วนนิยมเรยี กกันง่าย ๆ วา่ ระบบบญั ชีรายช่ือ การน�ำระบบการเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ นมาใชส้ มั พนั ธก์ บั ปจั จยั 5 ประการ คอื ขนาดเขตเลอื กตงั้ ล�ำดบั ชนั้ ของเขต เลือกต้งั สูตรการค�ำนวณ เกณฑ์ขนั้ ตำ่� และการจดั ล�ำดับผู้สมัครเลือกตง้ั
45 4) ระบบเลือกตั้งแบบผสม (Mixed Electoral System) หมายถึง ระบบการเลือกตั้งที่ใช้ระบบ เลือกต้ังสองระบบพร้อมกันในการเลือกต้ังครั้งเดียวกัน ระบบเลือกต้ังแบบผสมสามารถใช้ระบบเลือกต้ัง แบบสัดส่วนพร้อมกับระบบเสียงข้างมากธรรมดา หรือแบบสัดส่วนพร้อมกับระบบเสียงข้างมากเด็ดขาดก็ได ้ ระบบเลือกต้ังแบบผสมท่ีนิยม คือ แบบคู่ขนานระหว่างแบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วน ในระบบน้ีการจัดสรร ที่นั่งของผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้ง และระบบสัดส่วนจากบัญชีรายชื่อของพรรค จะเป็นอิสระจากกัน โดยไมน่ �ำคะแนนจากระบบเลอื กตงั้ สองระบบมาคดิ รวมกนั ระบบนพ้ี บไดใ้ นประเทศญปี่ นุ่ และไทยตามกฎหมาย รัฐธรรมนญู 2540 หรอื ฉบบั 2550 ในกรณปี ระเทศไทย พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร และการได้มาซง่ึ สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ก�ำหนดให้ 1) การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ การทว่ั ไป ใหค้ ณะกรรมการการเลอื กตง้ั จดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ ดงั ต่อไปน้ี (มาตรา 6) 1.1) การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ัง ซึ่งเป็นการลงคะแนนเลือกตั้ง ผ้สู มัครรับเลอื กตง้ั เท่าจ�ำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทมี่ ีไดใ้ นเขตเลือกตงั้ นัน้ 1.2) การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน ซ่ึงเป็นการลงคะแนนเลือกพรรคการเมือง ท่ีจัดท�ำบัญชีรายช่ือผู้สมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยเลือกพรรคการเมืองใด พรรคการเมอื งหนึ่งเพยี งพรรคการเมืองเดยี ว 2) การเลือกต้ังสมาชิกวุฒิสภาให้ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและให้มีสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดละ หนึง่ คน โดยใหผ้ มู้ ีสิทธิเลือกต้งั ออกเสียงลงคะแนนเลอื กตัง้ ผ้สู มคั รรบั เลอื กตงั้ ได้หน่ึงเสียงและให้ใช้วธิ ีออกเสยี ง ลงคะแนนโดยตรงและลบั (มาตรา 120) กล่าวโดยสรุป ในการเลือกต้ังการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการท่ัวไป พ.ศ. 2562 เปน็ ระบบการเลอื กตง้ั เปน็ แบบจดั สรรปนั สว่ นผสม หรอื ระบบเลอื กตงั้ แบบสดั สว่ น โดยสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 500 คนมาจากระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด 350 เขต เขตละคน และอีก 150 คนมาจากท่ีน่ังปรับระดับ (leveling seat) ผูท้ ีม่ ใิ ช่สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรสามารถไดร้ ับ 3.1.2 ปัญหาการเลือกต้งั ในประเทศไทย ปญั หาการเลอื กตง้ั ในประเทศไทยสะทอ้ นออกมาผา่ นกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ ง โดยเฉพาะพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติว่าด้วย พรรคการเมอื ง เป็นตน้
46 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนจะมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ผู้เขียนขอยกตัวอย่างการบังคับใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 ได้ออกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซึง่ สมาชกิ วฒุ สิ ภา พ.ศ. 2550 ก�ำหนดข้อห้ามในวิธีการหาเสียงเลอื กตั้ง ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระท�ำการอย่างหน่ึงอย่างใดเพ่ือจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกต้ังลงคะแนนเสียง เลือกต้ังให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือ พรรคการเมืองใด ด้วยวิธกี ารดังต่อไปน้ี (มาตรา 53) (ก) จัดท�ำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน ์ อ่นื ใดอนั อาจค�ำนวณเป็นเงนิ ได้ แกผ่ ู้ใด (ข) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือ โดยออ้ ม แก่ชมุ ชน สมาคม มูลนิธิ วดั สถาบนั การศกึ ษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอ่นื ใด (ค) ท�ำการโฆษณาหาเสยี งดว้ ยการจัดให้มมี หรสพหรือการร่ืนเริงต่าง ๆ (ง) เล้ียงหรอื รบั จะจัดเลี้ยงผู้ใด (จ) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนยิ มของผู้สมคั รหรือพรรคการเมอื งใด 2) ห้ามมิให้ผู้ใดหรือพรรคการเมืองใดเรียกหรือรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดเพ่ือลงสมัคร รบั เลอื กตง้ั หรอื ไมล่ งสมคั รรบั เลอื กตง้ั อนั กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กผ่ สู้ มคั รอนื่ หรอื พรรคการเมอื งอนื่ ในการเลอื กตงั้ และท�ำให้การเลือกตั้งมไิ ดเ้ ปน็ ไปโดยสจุ ริตและเท่ียงธรรม 3) ห้ามมิให้ผู้ใดจัดยานพาหนะน�ำผู้มีสิทธิเลือกต้ังไปยังที่เลือกตั้งเพ่ือการเลือกตั้งหรือน�ำกลับไป จากที่เลือกตั้งโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารยานพาหนะหรือค่าจ้างซึ่งต้องเสียตามปกติ หรือจัดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไปยังท่ีเลือกต้ัง หรือกลับจากที่เลือกต้ังเพื่อจูงใจหรือควบคุมให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือ พรรคการเมอื งใด 4) ห้ามมิให้ผู้ใดซ่ึงมิได้มีสัญชาติไทยเข้ามีส่วนช่วยเหลือในการหาเสียงเลือกตั้งหรือกระท�ำการใด ๆ เพ่ือประโยชน์แห่งการเลือกตั้งโดยประการที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ทั้งน ี้ เว้นแต่การกระท�ำนน้ั เปน็ การช่วยราชการหรือเปน็ การประกอบอาชพี ตามปกตโิ ดยสุจริตของผูน้ ้ัน 5) ห้ามมิให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐใช้ต�ำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระท�ำการใด ๆ เพื่อเป็นคุณ หรอื เปน็ โทษแกผ่ สู้ มคั รหรอื พรรคการเมอื ง การใชต้ �ำแหนง่ หนา้ ทโี่ ดยมชิ อบดว้ ยกฎหมาย มใิ หห้ มายความรวมถงึ การปฏิบัติหน้าท่ีตามปกติที่พึงต้องปฏิบัติในต�ำแหน่งของเจ้าหน้าท่ีของรัฐนั้น หรือการแนะน�ำหรือช่วยเหลือ ในการด�ำเนนิ การทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การเลอื กตงั้ ของผสู้ มคั รหรอื พรรคการเมอื ง โดยมไิ ดเ้ กย่ี วขอ้ งกบั การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ แมว้ า่ การกระท�ำจะเปน็ คุณหรอื เปน็ โทษแกผ่ สู้ มคั รหรือพรรคการเมอื งใด
47 6) ห้ามมิให้ผู้ใดท�ำการโฆษณาหาเสียงเลือกต้ังโดยวิธีการใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ ผูส้ มัครหรอื พรรคการเมืองใด นับตงั้ แต่เวลา 18.00 น. ของวันกอ่ นวนั เลอื กตั้งหน่ึงวนั จนสน้ิ สดุ วันเลือกตั้ง 7) ห้ามมิให้ผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใด ปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเก่ียวกับการเลือกตั้ง ในสาธารณสถานซงึ่ เปน็ ของรฐั หรอื ในทขี่ องเอกชน โฆษณาหาเสยี งเลอื กตงั้ ทางวทิ ยกุ ระจายเสยี งหรอื วทิ ยโุ ทรทศั น์ หรือกระท�ำกิจการอื่นที่คณะกรรมการการเลือกต้ังก�ำหนดให้รัฐสนับสนุน ห้ามปิดประกาศหรือติดแผ่นป้าย เกยี่ วกบั การเลอื กต้ังที่มีขนาดหรอื จ�ำนวนไมเ่ ปน็ ไปตามที่คณะกรรมการการเลือกต้ังก�ำหนด เปน็ ต้น นอกจากนั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ การไดม้ าซง่ึ สมาชกิ วฒุ สิ ภา พ.ศ. 2550 ยงั ก�ำหนดใหค้ ณะกรรมการการเลอื กตง้ั มอี �ำนาจสงั่ เพกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตงั้ ผู้สมัคร ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งสืบสวนสอบสวนแล้วเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใด กระท�ำการอนั เปน็ การฝา่ ฝนื พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ฯ หรอื ระเบยี บ หรอื ประกาศของคณะกรรมการ การเลือกตั้ง หรือมีพฤติการณ์ที่เช่ือได้ว่าผู้สมัครผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระท�ำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่น กระท�ำการดังกล่าว หรือรู้ว่ามีการกระท�ำดังกล่าวแล้วไม่ด�ำเนินการเพื่อระงับการกระท�ำน้ัน ถ้าคณะกรรมการ การเลอื กตงั้ เหน็ วา่ การกระท�ำนน้ั นา่ จะมผี ลใหก้ ารเลอื กตง้ั มไิ ดเ้ ปน็ ไปโดยสจุ รติ และเทย่ี งธรรม ใหค้ ณะกรรมการ การเลือกต้ังส่ังเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครท่ีกระท�ำการเช่นน้ันทุกรายเป็นเวลาหนึ่งปี โดยให้มีผลนับแต่วันท่ี คณะกรรมการการเลอื กต้ังมคี �ำสั่ง (มาตรา 103) ในขณะท่ี รังสรรค์ ธนะพรพันธ์ (2546 : 67-75) สรุปการกระท�ำอันเป็นเหตุให้การเลือกต้ังไม่สุจริต และเท่ียงธรรมในประเทศไทย ที่ส�ำคญั ได้แก่ 1) ความผดิ ท่ัวไป (1) การฝ่าฝนื ค�ำสงั่ คณะกรรมการการเลือกตัง้ ใหร้ ะงับหรอื แกไ้ ขการกระท�ำใด ๆ เพ่อื ประโยชน์ แกผ่ สู้ มคั รหรอื พรรคการเมอื งใด อนั อาจท�ำใหก้ ารเลอื กตงั้ มไิ ดเ้ ปน็ ไปโดยสจุ รติ และเทยี่ งธรรม (2) การขาย จ�ำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเล้ียงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้งระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหน่งึ วันจนสิน้ สุดวันเลอื กตงั้ (3) การเลน่ หรือจดั ใหม้ ีการเล่นพนันขนั ต่อใด ๆ เกีย่ วกับผลการเลือกตั้ง (4) การด�ำเนนิ การหรอื ยนิ ยอมใหด้ �ำเนนิ การยา้ ยบคุ คลเขา้ มาในทะเบยี นบา้ นของตน โดยบคุ คลนนั้ มไิ ด้อย่อู าศัยจริง หรือเจตนาทจุ รติ ในการเลือกต้งั (5) การขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยว หรือไม่ให้ความสะดวกพอสมควรต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ของผ้ใู ตบ้ งั คับบัญชาหรอื ลูกจ้าง (6) การกระท�ำอนั เปน็ เทจ็ เพอื่ แกลง้ ใหผ้ สู้ มคั รถกู เพกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั หรอื เพอ่ื ไมใ่ หม้ กี ารประกาศ ผลเลอื กต้งั
48 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ (7) การแจง้ หรอื ใหถ้ อ้ ยค�ำอนั เปน็ เทจ็ ตอ่ คณะกรรมการการเลอื กตงั้ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจผดิ วา่ ผสู้ มคั รใด กระท�ำการฝา่ ฝนื หรือไม่ปฏบิ ัติตามกฎหมาย เปน็ ตน้ 2) กรรมการและเจา้ พนักงานผดู้ �ำเนินการเลอื กตง้ั และเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ (1) จงใจไม่ปฏบิ ัติหน้าทีห่ รือทจุ ริตตอ่ หนา้ ที่ (2) การใชต้ �ำแหนง่ หนา้ ท่ีโดยมิชอบดว้ ยกฎหมายให้คณุ ให้โทษแกผ่ สู้ มคั รหรือพรรคการเมือง (3) จงใจนบั คะแนนผิดหรอื รวมคะแนนผิด (4) จงใจอา่ นบตั รเลือกตั้งใหผ้ ดิ จากความจริง (5) การจงใจกระท�ำการเพ่ือใหบ้ ตั รเสยี เปน็ บตั รท่ใี ชไ้ ด้ (6) การจงใจกระท�ำการเพอื่ ใหบ้ ัตรเลือกต้ังช�ำรดุ เสยี หาย หรือให้กลายเปน็ บัตรเสยี 3) ผมู้ สี ทิ ธิเลือกตง้ั (1) การใชบ้ ตั รอื่นท่ีมใิ ช่บตั รเลอื กตงั้ ลงคะแนนเลือกต้ัง (2) การน�ำบัตรเลอื กตัง้ ออกจากท่เี ลอื กต้งั (3) การจงใจกระท�ำให้บตั รเลอื กตัง้ ช�ำรุด หรือเสียหายหรอื ให้เปน็ บตั รเสีย (4) การขายเสยี ง 4) ผู้สมคั รรับเลอื กตัง้ (1) การซือ้ เสยี ง (2) การจดั ยานพาหนะรับสง่ ผู้มีสทิ ธิเลอื กตั้งโดยไม่คดิ คา่ ใชจ้ ่าย เพ่ือจงู ใจหรือควบคมุ ใหผ้ ้มู สี ทิ ธิ เลือกตง้ั ลงคะแนนใหแ้ ก่ผ้สู มัครหรือพรรคการเมอื ง (3) การหาเสียงเลือกตั้งนับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหน่ึงวันจนวันสิ้นสุด วันเลอื กตั้ง (4) การหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกวุฒิสภา (กฎหมายก�ำหนดให้ผู้สมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสามารถหาเสียงเลือกต้ังได้เฉพาะท่ีเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ในหนา้ ท่ขี องวฒุ สิ ภาเท่าน้ัน) (5) การกระท�ำการอันเป็นเท็จเพ่ือแกล้งให้ผู้สมัครถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้ม ี การประกาศผลการเลือกต้ัง อนั เปน็ เหตใุ หต้ อ้ งมกี ารเลือกตั้งใหม่ เปน็ ต้น นอกจากนี้ ลิขิต ธีรเวคิน (2553 : 444) สรุปว่า ภายหลังการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ท่ีมีรัฐบาล สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีมีลักษณะเป็นอ�ำมาตยาธิปไตย แม้จะไม่มีพฤติกรรมเป็นเผด็จการทหาร แตท่ มี่ ากย็ งั เปน็ แบบอ�ำมาตยาธปิ ไตย และหลงั การเลอื กตงั้ เมอ่ื วนั ที่ 23 ธนั วาคม 2550 ระบอบการปกครองแบบ
49 ประชาธปิ ไตยกก็ ลบั มาอกี ครง้ั จนถงึ ปจั จบุ นั ดงั นนั้ ในแงโ่ ครงสรา้ ง ลขิ ติ มองวา่ ระบบการปกครองแบบปจั จบุ นั คอื ระบบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย ถงึ แมจ้ ะมคี วามไม่สมบรู ณ์และบกพรอ่ งอยบู่ ้าง โดย ลขิ ติ ธรี เวคนิ สรปุ วา่ ระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยในประเทศไทยมจี ดุ ออ่ นทบ่ี กพรอ่ ง อยู่ 3 จุด คอื 1) พรรคการเมอื งไมบ่ รหิ ารแบบประชาธปิ ไตย เปน็ เพยี งการจดั ตงั้ ทจี่ ดทะเบยี นตามกฎหมายเทา่ นนั้ 2) การเลอื กตงั้ มไิ ดเ้ ปน็ ไปอยา่ งบรสิ ทุ ธแิ์ ละเทยี่ งธรรม แตม่ กี ารซอื้ เสยี ง จงึ กลายเปน็ เพยี งการประกอบ พธิ ีกรรมการหย่อนบตั ร 3) ผมู้ อี �ำนาจเงนิ ยงั เปน็ ผกู้ มุ อ�ำนาจรฐั โดยใชก้ ระบวนการทางการเมอื งและสงั คมทอี่ อ่ นแอเปน็ ประโยชน์ ในขณะท่ี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ (2550 : 29) เจ้าของทฤษฎี “สองนคราประชาธิปไตย” อันโด่งดัง ท่ีสรุปว่า คนชนบทเป็นผู้เลือกรัฐบาล ส่วนคนช้ันกลางในเมืองเป็นผู้ล้มรัฐบาล กลับมองลึกซ้ึงกว่าข้อสรุปของ ลขิ ติ ธีรเวคิน โดยเอนก เหล่าธรรมทศั น์ได้วิเคราะหว์ า่ ถา้ พจิ ารณาให้ถ่องแท้ จะเหน็ วา่ การลงคะแนนเสยี งของ ชาวชนบท ซ่ึงเรียกคลุม ๆ ว่า “การซ้ือขายเสียง” น้ันไม่ได้เป็นเรื่องความเห็นแก่ตัว ไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม อยา่ งทชี่ นชน้ั กลางหรอื คนในเมอื งเขา้ ใจ หากมเี รอื่ งของการประเมนิ ผลงานในอดตี ของผสู้ มคั รและผลประโยชน์ ที่คาดว่าผู้สมัครจะน�ำมาให้แก่ชุมชนเช่นกัน อเนกสรุปว่า แม้เงินจะเป็นปัจจัยท่ีขาดไม่ได้ แต่เงินก็ไม่ได้เป็น ปัจจยั ที่เพียงพอทจี่ ะดลบนั ดาลใหใ้ ครคนใดคนหนงึ่ ได้รบั การเลอื กต้ังเสมอไป มคี นรวยจ�ำนวนมากแจกจ่ายเงนิ มหาศาลแตก่ ไ็ มไ่ ดร้ บั ชยั ชนะ ทง้ั นก้ี เ็ พราะในทกุ วนั นผี้ ลู้ งคะแนนเสยี งมกั จะมที างเลอื กระหวา่ งผสู้ มคั รทร่ี ำ�่ รวยดว้ ย และมผี ลงานดว้ ย ทั้งยงั ให้ความช่วยเหลอื พวกเขาอย่างจรงิ จังมานาน กบั ผู้สมคั รทห่ี วา่ นเงนิ เฉพาะช่วงเลอื กตั้ง แล้วไมเ่ คยกลับไปหาชาวบ้านอกี เลย อเนก เหน็ ว่า การใช้จา่ ยเงินทองของผูส้ มคั รระหว่างหาเสยี งนั้นมมี ากมายจริง แต่ทม่ี ากยิง่ กวา่ นั้นคอื การจา่ ยเงนิ ทองของนกั การเมอื งเพอ่ื หลอ่ เลย้ี งระบบอปุ ถมั ภซ์ ง่ึ คอยชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ชาวบา้ นและทอ้ งถนิ่ ในชว่ ง ก่อนและหลังการเลือกต้ัง เพราะส่ิงน้ีชี้ขาดว่าใครจะก�ำชัยชนะในการแข่งขันทางการเมืองได้มากกว่าสิ่งอื่นใด สรปุ ไดว้ ่า ชาวบ้านสว่ นใหญค่ �ำนงึ ถึงผลประโยชน์ระยะยาวมากกวา่ การรับอามิสสนิ จา้ งในช่วงหาเสียง แตไ่ มไ่ ด้ หมายความว่าเขาจะไมร่ ับเงิน ส่วนผู้วิจัยเห็นว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา นอกจากปัจจัยเร่ือง “เงิน” แล้ว ปัจจัยเร่ือง พรรคทสี่ งั กัดก็สง่ ผลให้ผู้สมคั รคนใดคนหน่งึ “ชนะ” หรอื “แพ้” การเลือกต้ังได้เชน่ กนั โดยเฉพาะในพน้ื ทีข่ อง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคเหนอื ตอนบน (ทน่ี ยิ ม พ.ต.ท.ดร.ทกั ษณิ ชนิ วตั ร) ภาคใตแ้ ละกรงุ เทพมหานคร (ท่นี ยิ มพรรคประชาธิปัตย)์ ในกรณีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีตัวอย่างงานศึกษาของ ประเทือง ม่วงอ่อน (2556 : 301- 305) ท่ีศึกษานักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ สรุปว่า นับต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา ประชาชนจังหวัด
50 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ศรสี ะเกษสว่ นใหญม่ คี วามนยิ ม พ.ต.ท.ดร.ทกั ษณิ ชนิ วตั ร สงู มาก สง่ ผลใหผ้ สู้ มคั ร ส.ส.ทสี่ งั กดั พรรคไทยรกั ไทย พรรคพลงั ประชาชน และพรรคเพอ่ื ไทยมโี อกาสสงู ทจ่ี ะไดร้ บั การเลอื กตงั้ ในขณะทผี่ สู้ มคั รพรรคการเมอื งอน่ื ตอ้ ง ตอ่ สแู้ ขง่ ขนั อยา่ งหนกั หากตอ้ งการไดร้ บั ชยั ชนะ โดยเฉพาะการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (แบบแบง่ เขต) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 พบว่า จากจ�ำนวน ส.ส.ท้ังหมด 9 เขต พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง 8 เขต สว่ นอกี 1 เขตทเี่ หลอื เปน็ ของผ้สู มัครจากพรรคชาตไิ ทย ต่อมาการเลือกต้ัง ส.ส. เม่ือวันที่ 2 เมษายน 2549 ก่อนท่ีจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็นโมฆะ พบวา่ ผสู้ มคั ร ส.ส.จากพรรคไทยรักไทย ไดร้ บั ชยั ชนะในการเลือกต้ังครบทั้งจังหวัด 9 คน จากทัง้ หมด 9 เขต แม้กระท่ัง ภายหลงั เหตกุ ารณ์รัฐประหาร 19 กนั ยายน 2549 โดยคณะปฏริ ูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้า ส่งผลให ้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต้องเดินทางออกนอกประเทศ อีกทั้งพรรคไทยรักไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรค เม่ือวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 และมีการเลือกตั้งใหม่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 ท่ีก�ำหนดให้มีการแบ่ง เขตเลือกตั้งใหม่ จากแบบเขตเดียวเบอร์เดียวเปล่ียนมาเป็น 3 เขตเลือกต้ัง เขตหนึ่งมีจ�ำนวน ส.ส.ได้ 3 คน ซึง่ สมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมได้ยา้ ยไปสงั กดั พรรคพลงั ประชาชน ซึง่ พ.ต.ท.ทกั ษิณ ชนิ วัตร ใหก้ ารสนบั สนุน โดย กกต.ก�ำหนดให้มีการเลือกต้ังทั่วไป เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ผลปรากฏว่า พรรคพลังประชาชนได้รับ เลือกต้ังท้ังหมด 7 คน จากทั้งหมด 9 คน และล่าสุด ในการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป เมื่อวันท ี่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 ก็ปรากฏวา่ พรรคเพือ่ ไทยชนะการเลอื กต้งั 7 เขต จากทั้งหมด 8 เขตเลอื กตัง้ และเป็น แกนน�ำในการจัดตั้งรัฐบาลในท่สี ุด (ประเทือง ม่วงออ่ น, 2556 : 304-305) ปรากฏการณค์ วามนยิ มในตวั พ.ต.ท.ทกั ษณิ ดงั กลา่ ว ชารล์ ส์ เอฟ คายส์ (Charles F. Keyes) (2552 : 157) ศาสตราจารยด์ า้ นมานษุ ยวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั วอชงิ ตนั ผเู้ ชย่ี วชาญเรอื่ งภาคอสี านของประเทศไทย อธบิ ายวา่ เปน็ เพราะวัฒนธรรมทางการเมอื งของผู้คนในภมู ิภาคนท้ี แ่ี ตกตา่ งไปจากที่อ่นื ๆ โดยเฉพาะวฒั นธรรมการเมือง ของกลุ่มชนชั้นน�ำที่สมาชิกของชนช้ันนี้ได้ครอบครองอ�ำนาจการปกครองในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และ แตกต่างจากวัฒนธรรมการเมืองของชนช้ันกลางที่ประกอบด้วยคนไทยเชื้อสายจีนเป็นกลุ่มหลัก ความแตกต่าง อย่างเด่นชัดในด้านวัฒนธรรมทางการเมืองน้ีเองที่เป็นพ้ืนฐานส�ำคัญที่ท�ำให้ผู้คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนับสนุนพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรในการเลือกตั้งในช่วงปีแรก ๆ ของศตวรรษท่ี 21 และ ตอ่ เนอื่ งมาจนถงึ พรรคพลงั ประชาชน พรรคเพอื่ ไทย รวมทงั้ การเกดิ ปรากฏการณแ์ นวรว่ มประชาธปิ ไตยตอ่ ตา้ น เผดจ็ การแหง่ ชาติ (นปช.) หรอื “คนเส้ือแดง” ในช่วงปี พ.ศ. 2551 – 2555 กล่าวโดยสรุป ปัญหาการเลือกตั้งที่ส�ำคัญท่ีสุดของการเมืองไทยต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ การซอื้ สิทธ-ิ ขายเสยี ง อยา่ งไรก็ตาม “เงนิ ” กไ็ มไ่ ดเ้ ป็นปจั จัยที่เพยี งพอท่ีจะตดั สินการเลือกตั้ง ขน้ึ อยู่กับปจั จัย อนื่ ๆ ประกอบดว้ ย โดยในชว่ งหลงั ปี พ.ศ. 2540 เปน็ ต้นมา พบวา่ ปจั จยั เร่อื งพรรคการเมอื งท่สี ังกัดมอี ทิ ธิพล ส�ำคญั ทีจ่ ะตดั สนิ ว่าผ้สู มคั รคนใดจะชนะหรอื แพ้การเลือกตง้ั ด้วยเช่นกนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127