การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) การสร้างพลงั อำนาจในระดบั องค์กร (Organization empowerment) การสร้างพลังอำนาจในระดับองค์กร คือ สิ่งเดียวกับการบริหารจัดการภายใต้ ระบบประชาธิปไตย ซึ่งให้ความสำคัญกับการแบ่งปันอำนาจข้อมูลข่าวสาร การมีส่วน ร่วมในกระบวนการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรม เพื่อไปถึงเป้าหมายที่วางแผนไว้ ร่วมกัน กล่าวได้ว่าการสร้างพลังอำนาจในระดับองค์กรก็คือ การทำให้ปัจเจกบุคคล เพิ่มความสามารถ(enable individual) ในการควบคุมองค์กร และองค์กรก็จะมี อิทธิพลต่อการตัดสินใจทางการเมืองในชุมชนซึ่งเป็นระดับที่ใหญ่ขึ้น การสรา้ งพลังอำนาจในระดบั ชมุ ชน (Community empowerment) การสร้างพลังอำนาจในระดับชุมชน ก็คือ การเพิ่มพลังอำนาจให้กับบุคคลและองค์กรต่างๆ ในชุมชน ได้ร่วมในการตัดสินใจ และเปลี่ยนแปลง ระบบของสังคมที่มีขนาดใหญ่ แนวความคิดนี้เป็น สิ่งเดียวกับ “การสร้างความสามารถและความเป็น ธรรม (capacity and equity)” โดย capacity คือการใช้อำนาจเพื่อแก้ไขปัญหา และ equity หมายถึงความยุติธรรมในการจัดสรรแบ่งปัน ทรัพยากร 90 สถาบนั พระปกเกล้า
พลังชมุ ชน: ตอ้ งเสริมสร้างจากขา้ งใน วิธีการสรา้ งพลงั อำนาจในชมุ ชน ภายใต้กระแสความนิยมใช้ คำว่า การสร้างอำนาจในชุมชน หรือ empowerment นั้น ในการ ทำงานในชุมชน พบว่า มีการให้ ความหมายที่มิได้นำไปสู่แนวคิด ของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง แห่งความไม่เท่าเทียม ใน 2 ประการคือ ประการแรก เกิดขึ้น ภายใต้แนวคิดของราชการ ซึ่งการ สร้างความเข้มแข็งแบบคุณพ่อรู้ดี (pathriarchy) โดยบุคลากรทำหน้าที่คิดโครงการ สร้างพลังอำนาจให้ประชาชนปฏิบัติ ซึ่งสะท้อนการที่ไม่ได้วิเคราะห์หรือตระหนักใน ความสลับซับซ้อนของความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ สถาบัน รัฐ และ กลุ่มคนในชุมชน ประการที่สอง เกิดจากการให้ทุนเพื่อเร่งรัดสู่การทำงานเพื่อสร้าง พลังอำนาจแก่ชุมชน (ชุมชนเข้มแข็ง) โดยเร่งในการสร้างกลุ่มใหม่ๆ และในท้ายที่สุด กลุ่มดังกล่าวก็เลือกที่จะทำงานเพียงเป็นกลุ่มช่วยเหลือกันเองระหว่างสมาชิก (self – help or mutual aid support groups) โดยไม่ได้ทำงานเพื่อปรับความสัมพันธ์เชิง อำนาจที่ไม่เป็นธรรมในสังคม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ การสร้างพลังอำนาจในระดับชุมชนนั้น เชื่อมโยงทั้งสาม ระดับ คือ ระดับ ปัจเจกบุคคล ระดับองค์กร และระดับชุมชน และทั้ง 3 ระดับ ต่างก็ มีเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่ความเป็นธรรมในสังคม และการมีคุณภาพ ชีวิตที่ดี(ที่ไม่สามารถแยกออกได้จากการเงื่อนไขทางสังคม – การเมือง) สถาบนั พระปกเกล้า 91
การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) วิธีการสำคัญในการสร้างพลังอำนาจ ก็คือ การพัฒนาจิตสำนึกในเชิง วิเคราะห์(critical consciousness) ที่เกี่ยวกับการเข้าใจและตระหนักถึงความ สัมพันธ์เชิงอำนาจในสังคม เข้าใจถึงปฏิบัติการของอำนาจ (เช่น อำนาจความรู้ของการ แพทย์ตะวันตกที่มาพร้อมกับทุนนิยม ฯลฯ) ที่มีผลต่อการกำหนดการรับรู้และรู้วิธีการ สวมบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เหตุที่การพัฒนาจิตสำนึกในเชิงวิเคราะห์มี ความสำคัญก็เพราะ ในสถาบันทางสังคมซึ่งพยายามจะดำรงความไม่เท่าเทียมไว้นั้น ปัจเจกบุคคลจะถูกสร้างให้รับเอาความเชื่อว่าตนไม่มีพลังอำนาจที่จะก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงใดๆ และการพัฒนาจิตสำนึกเชิงวิเคราะห์จะเป็นไปได้ ด้วยหนทางเดียวเท่านั้นคือ ด้วยกระบวนการทำงานร่วมกันในโครงการระดับชุมชน (community – based programs) จึงจะก่อให้เกิดพลังอำนาจในชุมชน โดยที่ผู้ชำนาญการทั้งหลายจะต้อง ปรับบทบาทของตนเองในฐานะผู้กระตุ้น1 อันหมายถึงเพียงปรับบทบาทของตนมายืน อยู่เคียงข้าง โดยปล่อยให้ประชาชนและกลุ่มที่เราร่วมทำงาน ใช้ความสามารถของ ตนเองในการทำงานที่พวกเขาต้องการ กระบวนการปรับบทบาทนี้มิได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ได้โดยง่าย ทั้งนี้เพราะทั้งในด้านผู้ชำนาญการ และด้านประชาชนต่างก็คุ้นเคยในความ สัมพันธ์แบบเดิม 1 วิธีการทำงานของผู้ชำนาญการในการทำงานกับประชาชน อาจแบ่งได้ เป็น 3 ลักษณะ คือ ในฐานะผู้หยิบยื่นให้ (The giver) ในฐานะที่ดำเนิน การให้แบบช่วยเหลือ (The doer) และในบทบาทที่เป็นความพยายาม ใหม่ คือ เป็นผู้กระตุ้นให้คนในชุมชนดำเนินการเองเป็นหลัก(The catalyst) (อุทัยวรรณ 2541) 92 สถาบันพระปกเกลา้
µ¦Ä®o¦· µ¦µµ¦³Ã¥µ¦¤¸ªn ¦ªn ¤
°¦³µ µ´ ¡¦³Á¨µo พลงั ชมุ ชน: ต้องเสรมิ สร้างจากข้างใน ภาพแสดงแบบจำลองแสดงองค์ประกอบสำคัญของการสร้างพลังอำนาจทางจิตวิทยา ¨¦µใสเĨปนัง¼็นɸคภ£«¤»อµมา¦¡งพ¥คÂo°-£แ์µปกส¡µราด¤¨ระĵง´¸Éเก®5¦มใ°อÁoห®ือบÂ้เÈง· ªหสบªµแำ็น¥nµวลคÅวก¤»ะεัญµ่าก¨¦oªÂก°ัทบnµ¦ก¨า¦¡´ีผ่ส³ารÂoµร¥รลสµ¦ส¡้าปµร³ง¦¨ร้าร¦พ้´งา°าÅ´°งพ¦ลก
µÎพµoังo(ฏล°Ärอล¡ังทµำ¦อัง¨ี่¦ชน³อำª´³ุมµานµ°ำ°จ¤ชนµÎา´ในจ·า®หεµสชจªÁ้ชµÎ¦·าุมทɹุมÈม¥ชา)»¤´Äµชางน¦ร
นจ³ªถ°¤ิÁต(µBลค(¦วB}ูกrว´ิrทµa°aบªศ¦ccยhµครht¦าย¦Nุมtrร¤»oµe้อµÎทว¦iNÁlน,³¡มร¦1eักพ·¨9ก¡´i9°´lลย9¥ับ,°·ับµ)าก1εกอ9¦า¦µÎ รธ9¦รµไ¤ิบ9³ด´ด¥)าำ ้(o°µยµเใɸนนไ¦ดินร·µo´¨ะ้วªก´¡ด่·าิ¤จŨับ¥รก-µ´ หะร¤°ดนรµÎ°¸µับ¦มึ่ง·Á)µขท¤อจ·¡º°าÄงะง®¨oªn°»¤¡¨´´ ความสำเร็จในการควµบค·ุมªท· ร¥ัµพ
ย°าก¤รจµะ· ย้อ¨น»n¤กÄ®ลoับεÁไป· มีอ·ิท¦ธ¦ิพ¤ลn°ตÅ่อพลังทางจิตวิทยาของ สมาชิกกลุ่มให้ดำเนินกิจกรรมต่อไป ¼¦³Îµª´°Ã¥µn¦µ¥Åกก¼Áo¦¦µoาับ¸¥É รชª¡Èสุด¨รµµค´้¤าอ°งวย(พµÎ าe่า·Éมxลงµpไรัง¸Éeรู้อหro°กtำรsÊ´ ็ตนือaÄาาpป®Ê´มจpรoสกrะoεªิ่็งคสaµทcือ¤บµhี่ต¤ก)ก้อε®ารงรεะ¦ต´ณ®บº°ั้ง¦ว์Åขค´´น¤อำกถnง»¼oใาารมค¸ÉสªสรεµรำÁ¤เ้าหป¦ง·รพ¼o®็นับ¦กลผ·º°ัรงู้ทอะ¦ี่ด¦บำ¦³นำว¤เานนÁจกินน¸É¥ากµั้นªร¦ิจทใก´หี่ถr
ร้คูกร°วµกม¦าำÄเมกกส¦¦ี่ยับoำµวÁโคกด¡ัญ}ับย¨ ´¦°³ÎµªµµÈ¦º°¸É ผู้เชี่ยวชาญ (experts approach) หรือไม่ สถาบันพระปกเกล้า 93
การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ริเริ่มจากเจ้านาย ฐานคิดแบบดั้งเดิม เรียนรู้ “ค่าของคน” รองรับความต้องการ เร่งขยายสู่ชุมชน ชาวบ้านนั้นคือไพร่ ว่าอยู่ที่ “คนของใคร” หัวหน้างานผู้เป็นใหญ่ อย่าหวังได้เท่าทันตน เริ่มจากท่านปลัด รีบแจงจัดขยายผล ครอบงำชี้นำคน ให้สุดลิ่มทิ่มประตู ใครหือเข้าห้าหั่น ก็ไอ้นั่นมันสู่รู้ ใครขวางก็ลองดู อย่าหวังอยู่ให้เคืองตา นี่เอาเขาฝากฝัง นายท่านสั่งให้จัดหา สนองเจตนา ทางข้างหน้าสุขสบาย ถึงปีมีรางวัล ได้สองขั้นดั่งใจหมาย หมอบราบตราบชีพวาย เป็นทาสท่านนั้นแท้จริง 94 สถาบนั พระปกเกล้า
พลงั ชมุ ชน: ตอ้ งเสริมสร้างจากข้างใน ฐานคิดแบบรว่ มสมัย ริเริ่มจากรากหญ้า เร่งศึกษาจากชุมชน เรียนรู้จากใจคน รับรู้ “คน” คิดอะไร รองรับความต้องการ ไม่หักหาญซึ่งน้ำใจ ประชามิใช่ไพร่ ต้องก้าวไปคู่เคียงกัน เริ่มจากที่เขารู้ ไม่ลบหลู่หรือเดียดฉันท์ ร่วมคิดจิตผูกพัน ร่วมสร้างสรรค์สิ่งมุ่งหมาย เสริมสร้างจากข้างใน พลังใจไม่คลอนคลาย ชีพนี้มีความหมาย “เรา” ลิขิตชะตา “เรา” มาเถิดพี่น้องข้า ร่วมฟันฝ่าทั้งหนักเบา กำลังเป็นของเรา ยิ่งร่วมแรงยิ่งแข็งขัน บทบาทในยุคใหม่ ราษฎร์รัฐไทยไปด้วยกัน ผู้คนทุกชนชั้น ต่างร่วมกันอย่างแท้จริง สถาบนั พระปกเกล้า 95
เร่อื งที่ 14 แเทลคะนนำิคเสกนารอวขิเอ้คมราลู ะ ห์ ประมวลผล สติธร ธนานธิ โิ ชต ิ การวิเคราะห์ขอ้ มูลมคี วามสำคญั อยา่ งไร วัตถุประสงค์หลักของการค้นหาความต้องการในการยกระดับการให้บริการคือ การได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการหรือความพึงพอใจในบริการสาธารณะ ต่างๆ ซึ่งเทคนิคและวิธีการในการสำรวจเก็บข้อมูลนั้นเป็นเพียงแนวทางในการนำ ข้อมูลมาจัดรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน แต่การจะทำให้ได้คำตอบและข้อสรุปซึ่งจะเป็น แนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปนั้นจะต้องอาศัย “การวิเคราะห์” และแปล ความหมายของข้อมูล
การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) การวิเคราะห์ขอ้ มลู คอื อะไร แท้จริงแล้วการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นกระบวนการคิด และดำเนินการอย่างเป็น ระบบตั้งแต่ก่อนที่เราจะลงมือเก็บข้อมูลเสียอีก คือ ตั้งแต่การเลือกประเด็นที่ต้องการ ค้นหา การตั้งคำถาม การนำเอาข้อมูลที่รวบรวมได้มาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน การจัดการกับข้อมูลด้วยวิธีต่างๆ เช่น การจัดหมวดหมู่ การเปรียบเทียบข้อมูล เป็นต้น จนกระทั่งเราเริ่มเห็นแนวทางของคำตอบจากข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ การวิเคราะห์ข้อมูล จึงเป็น “กระบวนวิธีในการเลือกเฟ้นหาจุดที่น่า สนใจของข้อมูล เพื่อนำไปสู่การอธิบายในรูปผลการศึกษาที่กะทัดรัด และ เข้าใจง่าย” กจิ กรรม ในการวิเคราะหข์ ้อมูล หลังจากที่เราเก็บรวบรวมข้อมูลมาได้มาก ตามที่ต้องการแล้ว กิจกรรมที่จะต้องทำต่อไปก็คือ การนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาเข้าสู่กระบวนการ ประมวลข้อมูล แสดงข้อมูล และอธิบายหรือตีความ ข้อมูล 98 สถาบันพระปกเกล้า
เทคนิคการวิเคราะห์ ประมวลผล และนำเสนอขอ้ มูล 1. การประมวลขอ้ มูล การประมวลข้อมูลนั้นเป็นวิธีการเพื่อทำให้เกิดความชัดเจน เป็นกลุ่ม เป็นประเภท และเป็นรูปแบบของข้อมูลเนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวม (ภาคสนาม) จะอยู่ในสภาพของข้อมูลดิบที่เป็นคำตอบของประชากรตัวอย่างซึ่งยังไม่มี การวิเคราะห์ใดๆ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องประมวลข้อมูลเสียก่อน โดยเริ่มจากการ ตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของคำตอบตาม “แบบค้นหาความต้องการ” ที่เรา จัดทำขึ้นจนครบทุกชุดตามจำนวนที่ได้ตั้งไว้ จากนั้นก็จัดการกับคำตอบด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การจัดกลุ่มคำตอบที่มี ลักษณะเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันเข้าเป็นกลุ่มคำตอบเดียวกัน เนื่องจากคำถามบาง ข้อที่เราใช้อาจมีลักษณะเป็นคำถามปลายเปิด หรือคำถามปลายเปิดและปลายปิดผสม กัน ซึ่งคำตอบที่ได้มาจะมีความหลากหลายแตกต่างกันบ้าง คล้ายคลึงกันบ้าง เหมือน กันบ้าง จึงต้องนำมาจัดเป็นกลุ่มให้เหลือคำตอบน้อยที่สุด 2. การแสดงขอ้ มูล 2.1 ตาราง คำตอบที่ได้จากการประมวลข้อมูลในเบื้องต้นแล้ว มักจะแสดงไว้ใน รูปตารางเพื่อเป็นข้อมูลที่เราจะนำไปใช้ในการเขียนวิเคราะห์ต่อไป โดยทุกตารางควร จะมีชื่อตารางที่จะบอกให้ทราบว่าเป็นตารางที่แสดงข้อมูลในเรื่องใด หรือในประเด็นใด ปรากฏอยู่ ตารางที่ใช้นำเสนอข้อมูลนั้นมีหลายรูปแบบ ในที่นี้จะขอยกตัวอย่าง รูปแบบง่ายๆ สัก 2 รูปแบบเท่านั้น คือ ตารางชั้นเดียวกับตารางสองชั้น สถาบนั พระปกเกล้า 99
การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ตารางชน้ั เดยี ว เป็นตารางแสดงข้อมูลด้านเดียวหรือตัวแปรเดียว โดยอาจเป็นการแสดงข้อมูล ประชากร เช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ เป็นต้น ที่แสดงถึงลักษณะของประชากรที่ ศึกษา ตวั อยา่ ง คำถาม ท่านประกอบอาชีพอะไร 1 เกษตรกร 2 ค้าขาย 3 รับราชการ 4 รับจ้างทั่วไป 5 ลูกจ้างบริษัท กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนในเทศบาลนครพิษณุโลก 200 คน 100 สถาบนั พระปกเกล้า
เทคนคิ การวเิ คราะห์ ประมวลผล และนำเสนอขอ้ มลู การบนั ทกึ บรรจขุ อ้ มูลลงในตาราง (ชื่อตาราง) ตารางที่ 1 อาชีพของกลุ่มตัวอย่าง ประเภทอาชีพ จำนวน ร้อยละ เกษตรกร 13 6.5 ค้าขาย 64 32.0 รับราชการ 36 18.0 รับจ้างทั่วไป 50 25.0 ลูกจ้างบริษัท 37 18.5 รวม 200 100.0 นอกจากนี้ ตารางชั้นเดียวยังอาจเป็นการแสดงข้อมูลอย่างง่ายเกี่ยวกับการ แสดงความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง เช่น คำถาม ท่านพอใจต่อการทำงานของเทศบาลนครพิษณุโลกเพียงใด 1 ไม่พอใจเลย 2 ไม่ค่อยพอใจ 3 ค่อนข้างพอใจ 4 พอใจอย่างยิ่ง กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนในเทศบาลนครพิษณุโลก 200 คน สถาบนั พระปกเกลา้ 101
การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) (ชื่อตาราง) ตารางที่ 2 ความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของเทศบาลนครพิษณุโลก ความคิดเห็น จำนวน ร้อยละ ไม่พอใจเลย 13 6.5 ไม่ค่อยพอใจ 27 13.5 ค่อนข้างพอใจ 112 56.0 พอใจอย่างยิ่ง 48 24.0 รวม 200 100.0 ตารางสองช้ัน เป็นตารางที่แสดงข้อมูลสองด้านหรือตัวแปรสองตัวเพื่อดูความสัมพันธ์ของ ข้อมูลทั้งสอง โดยทั่วไปการสร้างตารางสองชั้นเพื่อบรรจุค่าต่างๆ ของสิ่งที่ค้นพบลงไป จะ ปรากฏข้อมูลที่เป็นตัวแปรอิสระซึ่งจะอยู่ทางด้านแนวนอนของตาราง และข้อมูลที่เป็น ตัวแปรตามจะอยู่ทางด้านแนวตั้งของ 102 สถาบนั พระปกเกลา้
ตาราง (ชื่อตาราง) ตารางที่ 3 ความพึงพอใจของประชาชนอาชีพต่างๆ ต่อการทำงานของเทศบาลนครพิษณุโลก ความคิดเห็น เกษตรกร ค้าขาย อาชีพ รวม รับราชการ รับจ้างทั่วไป ลูกจ้างบริษัท จำนวน 1 5 1 4 2 13 ไม่พอใจเลย ร้อยละ 7.7 7.8 2.8 8.0 5.4 6.5 เทคนคิ การวเิ คราะห์ ประมวลผล และนำเสนอข้อมลู ไม่ค่อยพอใจ สถาบันพระปกเกลา้ 103จำนวน 2 18 2 4 1 27 ร้อยละ 15.4 28.1 5.6 8.0 2.7 13.5 ค่อนข้างพอใจ จำนวน 6 35 18 30 23 112 ร้อยละ 46.2 54.7 50.0 60.0 62.2 56.0 พอใจอย่างยิ่ง จำนวน 4 6 15 12 11 48 ร้อยละ 30.8 9.4 41.7 24.0 29.7 24.0 รวม จำนวน 13 64 36 50 37 200 ร้อยละ 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0
การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) เช่น จากข้อมูลชุดเดียวกันดังปรากฏในตารางที่ 1 และ 2 หากเราต้องการ แสดงให้เห็นว่าคนในแต่ละอาชีพมีความพึงพอใจต่อการทำงานของเทศบาลนคร พิษณุโลกแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไรบ้าง ก็อาจทำได้โดยการนำเสนอเป็นตารางสอง ชั้น โดยกำหนดให้อาชีพของกลุ่มตัวอย่างเป็นตัวแปรอิสระ และความพึงพอใจต่อการ ทำงานของเทศบาลนครพิษณุโลกเป็นตัวแปรตาม ดังตัวอย่างตารางที่ 3 2.2 แผนภาพ µ¦Ä®o¦· µ¦µช่วµ¦ยให³้เà ห็น ¥ชµัด¦เน¤จอ¸นกnªขจึ้น¦ามกnªา¤กแ
าลร°ะแเสข¦ด้า³ใงจโไดµดย้งใ่าชย้ต ารางแล้วการแสดงเป็นแผนภาพหรือกราฟµจะ´¡¦³Á¨µo กราฟวงกลม ¦µ¢ª¨¤ÂnµÇ กราฟวงกลมเหมาะสำหรับใช้ในการเปรียบเทียบข้อมูลชั้นเดียว และจำนวน ตัวแปรไม่มากนัก ¦µ¢ª1¨0¤4Á®¤µส³ถาεบ®นั ¦พ´ รÄะปÄo กเกลµ¦้า Á¦¥¸ Á¥¸
o°¤¨¼ ´ÊÁ¸¥ª ¨³Îµªª´ ¦Ť¤n µ´ ¦µ¢Ân
¦µ¢ª¨¤Á®¤µ³Îµ®¦´ÄÄo µ¦Á¦¸¥Á¥¸
o°¤¼¨Ê´ Á¥¸ ª ¨³Îµª´ªÂ¦Å¤n¤µ´ เทคนคิ การวเิ คราะห์ ประมวลผล และนำเสนอขอ้ มูล ¦µ¢Ân กราฟแทง่ ¦µ¢Ânµn Ç µ¦Ä®o ¦· µ¦¦µµ¢Âµ¦กnรÁ³า®Ãฟ¤แ¥µท³µ่ง¦เε¤ห®¸ม¦nª´าะ¦สnªµ¤ำ¦ห
Á°ร¦ับ¸¥ก¦า³Áรเµ¸¥ปร
ียo°บ¤เ¼ท¨ียÊ´บÂข้อมูล´ÊทÁั้งแ¸¥ªบÂบ¨ช³ั้นเ°ดียว´Êแ¦ลªะ¤สอ´Êง¥ช´µั้นÄ´รoÅ¡ว¦มo³¸´Á¨oµ
°o ¤¨¼ ¤É¸ ท¦¸ ั้งµÎµ¢ยังÁªใชo ้ไª´ดÂ้ดีก¦ับεข้อªมูลทoªี่ม¥ ีจำนวนตัวแปรจำนวนด้วย กราฟเสน้ 14-5 ¦µ¢Áo ÂnµÇ ¦µ¢ÁoÁ®¤µ³µÎ ®¦´ µ¦Á¦¸¥Á¥¸
°o ¤¨¼ ´Ê ÂÊ´ Áสถ¥¸ ªาÂบ¨ัน³พร°ะปกÊ´ เกล้า ¨³1¤¸0¦5³Ã¥r¤µ µÎ ®¦´
°o ¤¨¼ ¸É¤¸ µ¦ÁȦª¦ª¤
o°¤¼¨Á¦°ºÉ Á¤· ®¨µ¥¦Ê´ Á¡º°É ¼·«µ/ªÃo¤
°
°o ¤¼¨
การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) กราฟเส้นเหมาะสำหรับการเปรียบเทียบข้อมูลทั้งแบบชั้นเดียวและสองชั้น และ มีประโยชน์มากสำหรับข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องเดิมหลายครั้ง เพื่อดู ทิศทาง/แนวโน้มของข้อมูล การอธิบายหรอื ตีความข้อมลู การอธิบายหรือตีความข้อมูล คือการนำเอาข้อมูลที่คิดคำนวณอัตราส่วน ร้อยละและจัดเก็บไว้ในรูปตารางแล้วมาตีความและอธิบายความหมาย ซึ่งอาจ ประกอบด้วย 2 วิธี คือ 1. แสดงตารางแล้วบรรยาย บรรยายตามตัวเลขที่ปรากฏบนตารางจนครบทุกตารางที่จัดทำไว้ แล้ว จัดทำอีกส่วนที่เป็นการอภิปรายผลแยกออกต่างหากจากส่วนที่เป็นการ อธิบายข้อมูลตาราง การอภิปรายผลตารางจะเป็นการตีความหมายของตัวเลขที่ปรากฏอยู่ ในตารางคำตอบ โดยใช้เหตุผลประกอบการอธิบาย โดยอาจมีการวิเคราะห์ โดยอ้างอิงกับแนวคิดทฤษฎีต่างๆ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็ได้ 2. แสดงตารางแล้วบรรยายพรอ้ มกับการอภปิ รายผล วิธีการนี้คล้ายกับวิธีการแรก เพียงแต่เรามิได้แยกส่วนที่เป็นการ อภิปรายผลไว้เป็นเอกเทศ แต่เป็นการนำเสนอทั้งสองส่วนควบคู่กันไป 106 สถาบนั พระปกเกลา้
เทคนคิ การวเิ คราะห์ ประมวลผล และนำเสนอข้อมลู การนำเสนอข้อมูล การนำเสนอข้อมูลจากการสำรวจความต้องการนั้นมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่ วัตถุประสงค์ของการนำเสนอในแต่ละครั้งว่าต้องการนำเสนอต่อใคร เพื่อประโยชน์ อะไร เราอาจแบ่งการนำเสนอข้อมูลอย่างง่ายได้ 2 รูปแบบ คือ การนำเสนอปากเปล่า และการนำเสนอผลการสำรวจเป็นลายลักษณ์อักษร 1. การนำเสนอปากเปล่า การนำเสนอปากเปล่ามักใช้เมื่อต้องการนำเสนอผลการสำรวจในการ ประชุม การสัมมนา หรือการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการต่างๆ เพื่อให้ผู้รับ ข้อมูลได้ทราบเกี่ยวกับการสำรวจในประเด็นสำคัญๆ เช่น ประเด็นปัญหา ที่ทำการสำรวจ วิธีการสำรวจ และผลการสำรวจพร้อมข้อเสนอแนะ อันจะ เป็นแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงหรือป้องกันปัญหา ทั้งนี้ ผู้นำเสนอควรจัด ทำเอกสารประกอบการนำเสนอในรูปรายงานผลการสำรวจฉบับย่อเพื่อให้ ผู้รับข้อมูลสามารถเข้าใจสิ่งที่เรานำเสนอได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำเสนอด้วยปากเปล่านี้ มักจะถูกจำกัดด้วยเวลา ทำให้ไม่สามารถนำเสนอรายละเอียดของผลการสำรวจได้ครบถ้วน ในการนำ เสนอแต่ละครั้งจึงควรที่จะเปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลได้ ซักถามด้วยเพื่อให้เกิด ความกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น สถาบนั พระปกเกล้า 107
การให้บริการสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) 2. การนำเสนอผลการสำรวจเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร เป็นการเขียนรายงานผลการสำรวจที่ครอบคลุมและให้รายละเอียดใน ทุกขั้นตอนของการสำรวจ ซึ่งแม้จะมีการนำเสนอแบบปากเปล่าและมีการจัด ทำรายงานสรุปผลการสำรวจแล้วก็ตาม การจัดทำรายงานเป็นลายลักษณ์ อักษรก็ยังมีความสำคัญและจำเป็นอยู่ ในรายงานผลการสำรวจนั้น จะประกอบด้วยส่วนสำคัญๆ 3 ส่วน คือ 1. ส่วนประกอบตอนต้น เป็นส่วนแรกของรายงานที่จะบ่งบอกถึงราย ละเอียดต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ ได้แก่ ปก หน้าชื่อ เรื่อง คำอุทิศ คำนำ บทคัดย่อ และสารบัญ 2. ส่วนเนื้อหา เป็นส่วนที่แสดงถึงเนื้อหาสาระของการสำรวจทั้งหมด ได้แก่ ความนำหรืออารัมภบท วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูล การ วิเคราะห์และตีความผลการสำรวจ และสรุปผลการสำรวจพร้อมข้อ เสนอแนะ 3. ส่วนอ้างอิง คือส่วนที่แสดงถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่นำมาจากแหล่ง อื่นๆ เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบ หรือใช้เป็นเหตุผลสนับสนุน 108 สถาบันพระปกเกลา้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120