Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 34นักการเมืองถิ่นนครปฐม

34นักการเมืองถิ่นนครปฐม

Description: เล่มที่34นักการเมืองถิ่นนครปฐม

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยใช้ เงินค่าตอบแทน และระบบอุปถัมภ์ทางการเงินเป็นเครื่องมือ หลัก พิชญ์ สมพอง (2551, บทคัดย่อ) สำรวจข้อมูล นักการเมืองถิ่นจังหวัดยโสธรเพื่อศึกษานักการเมืองที่เคยได้รับ เลอื กตง้ั ในจงั หวดั ยโสธร เครอื ขา่ ยความสมั พนั ธข์ องนกั การเมอื ง บทบาทของเครือข่ายและกลุ่มผลประโยชน์ในการสนับสนุน นักการเมืองถิ่นกลวิธีในการหาเสียงพบว่านักการเมืองถิ่นยโสธร จำแนกได้ 3 กลมุ่ ใหญค่ อื กลมุ่ นกั สอ่ื สารมวลชน กลมุ่ ครอู าจารย์ ข้าราชการเก่าและนักกฎหมาย กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและ นักธุรกิจ เครือข่ายสายสัมพันธ์ที่พบจะเป็นบิดา-บุตร นอกนั้น จะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกับกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง ในระดับท้องถิ่นกลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและกลุ่ม ผลประโยชน์ทางสังคมและวัฒนธรรม พรรคการเมืองคือกลุ่ม ผลประโยชน์ทางการเมืองมีบทบาทสูงต่อนักการเมืองถิ่นยโสธร นักการเมืองถิ่นยโสธรมีการเปลี่ยนสังกัดพรรคตามวาระของ รัฐบาล โดยพรรคใดเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นักการเมืองถิ่น ยโสธรก็สังกัดพรรคนั้นกลวิธีสำคัญในการหาเสียง ได้แก่ การลงพื้นที่พบประชาชนโดยสม่ำเสมอการให้ความอุปถัมภ์ ช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ รักฎา เมธโี ภคพงษ์ และวีระ เลศิ สมพร (2551, บทคัดยอ่ ) สำรวจเพื่อประมวลข้อมูลนักการเมืองถิ่นในพื้นที่จังหวัด เชียงใหม่พบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัดเชียงใหม่สามารถจำแนก ได้เป็นอดีตข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบุคลากร 36

ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ทางการศึกษานักธุรกิจบุคลที่มีตำแหน่งในสมาคมหรือชมรม อดีตข้าราชการในการบริหารราชการส่วนภูมิภาค นักกฎหมาย และบุคลากรด้านสื่อสารมวลชน ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง เป็นนักการเมืองชายมีนักการเมืองหญิงเพียง 4 คน โดยใน จำนวนนี้มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองคือเป็นคู่สมรส หรือญาติ วิธีการและกลวิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งของ นักการเมืองถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ การใช้ความสามารถ เฉพาะตัวที่โดดเด่นการหาเสียงแบบเข้าถึงชาวบ้าน การแจก ใบปลิวและการใช้เครือข่าย ส่วนบทบาทและความสัมพันธ์ของ กลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มที่ไม่เป็นทางการพบว่า ครอบครัว วงศาคณาญาติเพื่อนฝูงลูกศิษย์ลูกค้ารวมทั้งภูมิลำเนาเดิมล้วน เป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนสนับสนุนนักการเมืองในจังหวัด เชียงใหม่ให้ได้รับการเลือกตั้ง นอกจากนี้ภูมิลำเนาเดิมของผู้แทนเชียงใหม่โดยส่วน ใหญ่แล้วเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในเชียงใหม่มีการสืบทอด ความเป็นผู้แทนจากรุ่นพ่อมาถึงรุ่นลูก ตระกูลที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ตระกูลชุติมา ตระกูล นิมมานเหมินท์ ตระกูล ณ เชียงใหม่และตระกูลชินวัตร กระแส ความนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมือง หนึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ ดังที่พรรคไทยรักไทยที่ค่อนข้างมาแรง โดยได้รับความนิยมจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สูงมาก ซึ่งทำให้พรรคไทยรักไทยสามารถครองที่นั่งได้ถึง 9 ที่นั่ง จาก 10 เขตเลือกตั้งเมื่อปี 2544 และ 2548 ได้ทั้ง 10 เขตซึ่งไม่ เคยปรากฏมาก่อน (รักฎา เมธีโภคพงษ์ และวีระ เลิศสมพร 2551, หน้า 75-80) 37



บ3ทท ี่ รายงานผลการศึกษา นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม ที่ได้รับการเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร นักการเมืองในจังหวัดนครปฐมที่เคยได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ พ.ศ. 2476 จนถึง พ.ศ. 2554 จำนวน 32 คน เป็นเพศชายทั้งสิ้น จากพรรคการเมือง 20 พรรค เรียบเรียงตามลำดับเวลาดังต่อไปนี้ ภายหลังเหตุการณ์ “กบฏบวรเดช” ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2476 รัฐบาลก็ได้จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรก ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2476 ตาม พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งผู้แทนตำบลและสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งโดย

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม ทางอ้อมโดยประชาชนเลือกผู้แทนหมู่บ้าน ผู้แทนหมู่บ้านเลือก ผู้แทนตำบล และผู้แทนตำบลจึงดำเนินการเลือกสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 โดยจังหวัดหนึ่งอาจจะมีคนเดียวหรือ หลายคน ขึ้นอยู่กับจำนวนประชาชนในจังหวัดนั้นถ้าเกินกว่า 300,000 คนมีผู้แทนราษฎรได้ 1 คน และมีผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้น ได้อีก 1 คน ทุกๆ 200,000 คน จังหวัดนครปฐมมีผู้แทนราษฏร 1 คน คือ นายดาบเทียม ศรีพิสิษฐ์ ดังภาพที่ 5 ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 (สถาบันพระปกเกล้า, 2553; สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 2 พ.ศ. 2476 เลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก, 2553, หน้า 1) ภาพท่ี 5 นายดาบเทยี ม ศรีพิสิษฐ์ ผู้แทนราษฏรคนแรกของจังหวัดนครปฐม (ที่มา: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=34145) ภายหลังผู้แทนราษฏรชุดแรกพ้นวาระ เกิดการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 40

รายงานผลการศึกษา 2480 เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบแบ่งเขต แต่ละเขตมีผู้แทน ราษฎรได้หนึ่งคน ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎร โดยตรง ประชาชนสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ได้ผู้แทนราษฏร 91 คน ผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐม คือ นายสมาน สุชาติกุล สภาผู้แทนราษฏรชุดนี้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2481โดยพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากรัฐบาลแพ้มติของสภาในการเสนอญัตติขอแก้ไข ข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร (สถาบันพระปกเกล้า, 2553; สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 3 พ.ศ. 2470 เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 2, 2553, หน้า 1) ด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหมดวาระลงเนื่องจาก พระราชบัญญัติยุบสภาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2488 การเลือกตั้ง ครั้งที่ 3 มีขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2481 เป็นการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขต ประชาชนเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้แทน ราษฎรโดยตรง ประชาชนสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ทำให้มีจำนวนผู้แทนราษฎรทั้งหมด 91 คน (สถาบัน พระปกเกล้า, 2553) จังหวัดนครปฐมได้ผู้แทนราษฏร คือ รอ.ขุนวิริยะเหิรหาว (วิริยะ มีชำนาญ) การเลือกตั้งครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2489 เป็นการ เลือกตั้งแบบแบ่งเขต ประชาชนเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ผู้แทนราษฎรโดยตรง ประชาชนสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎร หนึ่งคน การเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนผู้แทนราษฎรได้ทั้งหมด 96 คน ในครั้งนี้มีพรรคการเมืองส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับ เลือกตั้ง 5 พรรค ได้แก่ พรรคสหชีพ พรรคแนวรัฐธรรมนูญ 41

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม พรรคอิสระ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาชน (สถาบัน พระปกเกล้า, 2553) จังหวัดนครปฐม มีเพียงเขตเดียวได้สมาชิก สภาผู้แทนราษฏร คือ นายสานนท์ สายสว่าง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งถัดมาคือ 5 สิงหาคม 2489 เป็นการเลือกตั้งเพิ่มเติมโดยวิธีการแบ่งเขต โดยประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้แทนราษฎรในเขตของ ตนเองโดยตรงการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นผลมาจาก บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489 ได้กำหนดเพิ่มจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจำนวน พลเมือง และยกเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่สอง ซึ่งทำให้มีการจัดการเลือกตั้งเพิ่มเติมเฉพาะในพื้นที่ 47 จังหวัด 82 เขต เพื่อให้ได้ผู้แทนราษฎรแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่สอง จำนวน 82 คนรวมผู้แทนฯทั้งสิ้น 178 คน นักการเมืองถิ่นจังหวัด นครปฐมที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฏรเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2489 คือ พันเอกช่วง เชวงศักดิ์สงคราม (ภาพที่ 6) ภาพที่ 6 พนั เอกช่วง เชวงศกั ดิส์ งคราม ผแู้ ทนราษฏรจงั หวัดนครปฐม จากการเลอื กต้งั 5 สิงหาคม 2489 42

รายงานผลการศึกษา การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2491 เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบรวมเขต เรียงเบอร์โดยถือจังหวัดเป็นหนึ่งเขตเลือกตั้ง ประชาชน สองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคนทำให้มีจำนวนผู้แทน ราษฎรในการเลือกตั้งครั้งนี้จำนวน 99 คน การเลือกตั้งครั้งนี้ จัดขึ้นเนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้วถึงคราวพ้น จากตำแหน่งตามวาระและเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2490 ซึ่งประกาศใช้ โดยคณะรฐั ประหารนำโดยพลโทผนิ ชณุ หะวณั การเลอื กตง้ั ครง้ั น้ี จัดขึ้นภายใต้รัฐบาลนำโดยนายควง อภัยวงศ์นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร เพื่อทำหน้าที่ดำเนิน การจัดการเลือกตั้งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับ ชั่วคราวผลการเลือกตั้งพบว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ 53 ที่นั่ง พรรคประชาชนได้ 12 ที่นั่ง พรรคธรรมาธิปัตย์ได้ 5 ที่นั่งและ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่สังกัดพรรคใด 3 ที่นั่ง ต่อมาสมาชิกที่ไม่สังกัดพรรคใดได้เข้าร่วมกับพรรค ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนักการเมือง จังหวัดนครปฐมที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรในครั้งนี้ คือ นายล้วน เวกชาลิกานนท์ เมื่อได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 จึงมีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ โดย จัดการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2492 การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสน 43

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม ห้าหมื่นคนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน รวม 19 จังหวัด มีสมาชิกสภาผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้งเพิ่มขึ้น 21 คน นครปฐม เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการเลือกตั้งเพิ่มเติม ได้สมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรเพิ่มขึ้น คือ นายสานนท์ สายสว่าง การเลือกตั้งครั้งที่ 8 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 ถือเกณฑ์เดียวกับการเลือกตั้งแบบรวมเขตในคราวก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องจากมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 เพื่อล้มรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 โดยคณะรัฐประหารประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจและได้เชิญ จอมพล ป. พิบูลสงคราม มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามเดิมและได้ประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ซึ่งเป็นผลให้ฝ่ายนิติบัญญัติกลับมามีระบบสภา เดียวประกอบด้วยสมาชิกสภาสองประเภทจำนวนเท่ากัน คือ ประเภทละ 123 คน โดยคณะรัฐประหารได้แต่งตั้งบุคคล ในคณะรัฐประหารและข้าราชการทหาร พลเรือนเป็นสมาชิก สภาประเภทที่สองทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสมาชิกสภาประเภทที่หนึ่งซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ของประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นผลที่เกิดขึ้นการรัฐประหาร ซึ่งมีประกาศห้ามมิให้มีการชุมนุมทางการเมือง ส่งผลให้ พรรคการเมืองต่างๆ ไม่มีบทบาทในการเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัคร ของพรรคลงรับเลือกตั้งยกเว้นผู้สมัครที่ต้องการสมัครรับ เลือกตั้งอิสระ (สถาบันพระปกเกล้า, 2553) สมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรจังหวัดนครปฐม ได้แก่ รอ.พระสาคร บุรานุรักษ์ และ นายสานนท์ สายสว่าง 44

รายงานผลการศึกษา การเลือกตั้งครั้งที่ 9 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 มีการ ทุจริตในการเลือกตั้งก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กระทำการไม่สุจริต ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้โดยเสรี มีผู้อื่นไปใช้สิทธิเลือกตั้งแทนก่อน ไม่มีชื่อในบัญชีผู้ออกเสียง เลือกตั้ง จนมีการเดินขบวนคัดค้านการเลือกตั้งในจังหวัด พระนคร มีประชาชนนักศึกษามหาวิทยาลัยหลายแห่ง เดินขบวนไปทำเนียบนายกรัฐมนตรีในตอนค่ำวันเลือกตั้ง นั้นเอง เป็นผลให้เกิดความยุ่งยากทางการเมือง จนเกิดการ รัฐประหารเป็นผลให้รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามพ้นจาก ตำแหน่ง การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเกณฑ์เดียวกับการเลือกตั้งแบบ รวมเขตในคราวก่อนพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการ เลือกตั้งครั้งนี้ มีถึง 23 พรรค นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในครั้งนี้ คือ นายล้วน เวกชาลิกานนท์ จากพรรคธรรมาธิปัตย์ และนายสมัย จินตกานนท์ จากพรรคเสรีมนังคศิลา การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 10 เกิดขึ้น ภายหลังการรัฐประหารของคณะนำโดยจอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 รัฐบาลชุดใหม่ซึ่งมีนายพจน์ สารสินเป็นนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตภายใต้ บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ประชาชนหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ต่อ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน จึงมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 160 คน จังหวัดนครปฐมมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 45

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม 2 คน คือ นายสว่าง แก้ววิจิตร จากพรรคสหภูมิ ซึ่งเป็นพรรค ที่คณะทหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์สนับสนุน และ นาย ล้วน เวกชาลิกานนท์ ไม่สังกัดพรรค ต่อมา เกิดการปฏิวัติโดย จอมพล สฤษดิ์ธนะรัชต์ ในเดือนตุลาคม 2501 และได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นโดยสภา ร่างรัฐธรรมนูญร่างรัฐธรรมนูญจนแล้วเสร็จและนำขึ้นทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2511 กำหนดวันจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 11 ขึ้น ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 มีพรรคการเมืองจำนวนมาก แต่ พรรคการเมืองที่มีบทบาทสำคัญ คือ พรรคสหประชาไทยได้ 76 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ได้ 57 ที่นั่ง เป็นการเลือกตั้ง แบบเรียงเขตรวมเบอร์ นักการเมืองจังหวัดนครปฐมที่ได้รับการ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในปี 2512 นี้ คือ นาย อาณัติ กระสินธุ์ และนายเสรี จิระพันธุ์ พรรคสหประชาไทย และนายล้วน เวกชาลิกานนท์ พรรคสัมมาอาชีพช่วยชาวนา จากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2517 เป็นผลให้มีการตราพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517 ตามมา เมื่อพระราชบัญญัติพรรคการเมืองฉบับนี้ ประกาศใช้ มีพรรคการเมืองต่างๆ ยื่นขอจดทะเบียนพรรค การเมืองเป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมตัวส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับ เลือกตั้งครั้งที่ 12 ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 เนื่องจาก กฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรต้องสังกัดพรรคการเมืองทำให้มีพรรคการเมืองที่ยื่น จดทะเบียนในช่วงเวลานั้นและได้ส่งผู้สมัครของพรรคลงแข่งขัน 46

รายงานผลการศึกษา รับเลือกตั้งถึง 42 พรรค การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบ แบ่งเขตเรียงเบอร์ให้เขตเลือกตั้งหนึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ไม่เกิน 3 คน โดยวิธีการเลือกตั้งทางตรงจำนวนผู้แทนใน แต่ละเขตเป็นไปตามสัดส่วนจำนวนประชาชนหนึ่งแสนห้าหมื่น คนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคนรวมมีทั้งสิ้น 114 เขตเลือกตั้ง 268 คน พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งมากที่สุดคือ 72 ที่นั่ง ในการ แข่งขันรับเลือกตั้งในปี 2518 นี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีอดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐมได้รับการเลือกตั้งเลย นายอาณัติ กระแสสินธุ์อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัด นครปฐม ลงสมัครในครั้งนี้แต่ไม่ได้ จึงยุติบทบาททางการเมือง ส่วนนายล้วน เวกชาลิกานนท์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลายสมัย ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้รับ เลือก และไม่ได้รับเลือกในการเลือกตั้งอีก 2 สมัยถัดมา จึงยุติ บทบาททางการเมืองของตนลงเช่นกัน นักการเมืองจังหวัด นครปฐมที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในครั้งนี้คือ นายสราวุธ นิยมทรัพย์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นายประยงค์ โมกขพันธ์ สังกัดพรรคชาติไทย และนายถวิล พวงสำลี สังกัดพรรคฟื้นฟชู าติไทย ดังภาพที่ 7 47

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม ภาพท่ี 7 สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรจังหวดั นครปฐม จากเลอื กต้งั ครัง้ ท่ี 12 พ.ศ. 2518 สราวุธ นิยมทรัพย์ ถวิล พวงสาลี ประยงค์ โมกขพันธ์ รัฐบาลผสมซึ่งนำโดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ประสบความยากลำบากในการบริหารประเทศ จนนำไปสู่การ ประกาศยุบสภาทำให้ให้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 13 วันที่ 4 เมษายน 2519 เป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ รวม 279 คน มีพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับ เลือกตั้งจำนวน 38 พรรค ได้รับการเลือกตั้งเพียง 19 พรรค พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด 114 ที่นั่ง ได้เป็น แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นักการเมืองจังหวัดนครปฐมที่ได้รับ การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในปี พ.ศ. 2519 คือ นายสราวุธ นิยมทรัพย์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ร้อยตำรวจเอก มานัส ธุวนลิน สังกัดพรรคธรรมสังคม และนายณรงค์ จิตติโภคา สังกัดพรรคชาติไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 14 ในวันที่ 22 เมษายน 2522 เป็นการ เลือกตั้งทางตรงโดยวิธีการเลือกตั้งแบบรวมเขตเรียงเบอร์แต่ละ 48

รายงานผลการศึกษา เขตเลือกตั้งมีผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน 3 คนประชาชนหนึ่งแสน ห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคนมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมด 301 คน พรรคกิจสังคมได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดคือ 87 ที่นั่งจังหวัดนครปฐมแบ่งออกเป็น 2 เขต แต่ละเขตมีสมาชิก สภาผู้แทนราษฏร 2 คน รวม 4 คน ดังนี้ เขต 1 ร้อยตำรวจเอกมานัส ธุวนลิน พรรคกิจประชาธิปไตย นายวินัย เล้าอรุณ ผู้สมัครอิสระ เขต 2 พรรคชาติไทย นายประยงค์ โมกขพันธ์ พรรคชาติประชาชน นายเชื่อม เรืองรอง การเลือกตั้งครั้งที่ 15 ในวันที่ 18 เมษายน 2526 จังหวัด นครปฐมแบ่งออกเป็น 2 เขต แต่ละเขตมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฏร 2 คน รวม 4 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคชาติไทย ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดคือ 109 คน และได้ที่นั่งในจังหวัด นครปฐมถึง 3 คน ดังนี้ เขต 1 พรรคประชากรไทย นายสราวุธ นิยมทรัพย์ พรรคชาติไทย นายประสานต์ บุญมี เขต 2 พรรคชาติไทย นายชาญชัย ปทุมารักษ์ พรรคชาติไทย นายประยงค์ โมกขพันธ์ 49

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม นายสราวุธ นิยมทรัพย์ ออกจากพรรคประชากรไทย แต่ก็ยังได้รับการเลือกตั้งกลับมาในการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 31 มีนาคม 2528 สังกัดพรรคชาติไทย ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 16 ใน วันที่ 27 กรกฎาคม2529จังหวัดนครปฐมยังคงแบ่งออกเป็น 2 เขต สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขตละ 2 คน รวม 4 คน เช่นเดียวกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้รับ การเลือกตั้งมากที่สุด คือ 100 คน จังหวัดนครปฐมได้สมาชิก สภาผู้แทนราษฏรในแต่ละเขต ดังนี้ เขต 1 พรรคชาติไทย นายสราวุธ นิยมทรัพย์ พรรคก้าวหน้า นายไชยยศ สะสมทรัพย์ เขต 2 พรรคชาติไทย นายชาญชัย ปทุมารักษ์ พรรคราษฎร นายเชื่อม เรืองรอง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 พรรคชาติไทยได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ 89 คน จังหวัดนครปฐมแบ่งเป็น 2 เขต เขตละ 2 คน รวมได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 4 คน พรรคชาติไทย และพรรค เอกภาพแบ่งกันไปเขตละ 1 คน ได้แก่ เขต 1 พรรคชาติไทย นายประสานต์ บุญมี พรรคก้าวหน้า นายไชยยศ สะสมทรัพย์ 50

รายงานผลการศึกษา เขต 2 นายชาญชัย ปทุมารักษ์ พรรคชาติไทย นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคก้าวหน้า ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 18 เมื่อ วันที่ 22 มีนาคม 2535 พรรคสามัคคีธรรมของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมากเป็นลำดับ หนึ่ง คือ 79 คน รองลงมาคือพรรคชาติไทย 74 คน พรรค ความหวังใหม่ 73 คน จังหวัดนครปฐมได้สมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรจำนวน 4 คน คือ เขต 1 พรรคชาติไทย นายประสานต์ บุญมี พรรคความหวังใหม่ นายสราวุธ นิยมทรัพย์ เขต 2 พรรคสามัคคีธรรม นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว พรรคชาติไทย นายชาญชัย ปทุมารักษ์ วันที่ 17 พฤษภาคม 2535 เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทหารและประชาชนผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยปะทะกัน อย่างรุนแรงบริเวณสะพานผ่านฟ้า รัฐบาลประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินเมื่อเข้าสู่วันที่ 18 พฤษภาคม 2535 มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศขึ้นอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 19 ในวันที่ 13 กันยายน 2535 ผลการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้ คะแนนมาเป็นลำดับหนึ่ง 79 คน นายชวน หลีกภัย เป็นนายก- รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐม ได้แก่ 51

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม เขต 1 พรรคเอกภาพ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทย นายประสานต์ บุญมี เขต 2 นายชาญชัย ปทุมารักษ์ พรรคชาติไทย นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคเอกภาพ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 พรรคชาติไทยได้ที่นั่งมากที่สุด คือ 92 คน นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรจังหวัดนครปฐม ได้แก่ นายชาญชัย ปทุมารักษ์ และ นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร พรรคชาติไทย นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า พรรคประชาธิปัตย์ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ และนายไชยา สะสมทรัพย์ พรรคเอกภาพ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ครั้งที่ 21 เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 พรรคความหวังใหม่และพรรค ประชาธิปัตย์ได้ผู้แทนใกล้เคียงกัน คือ 125 และ 123 ที่นั่ง ตามลำดับ แต่ไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในจังหวัดนครปฐม เลย สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐม ได้แก่ เขต 1 นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร พรรคชาติไทย นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคเอกภาพ นายไชยา สะสมทรัพย์ พรรคเอกภาพ 52

รายงานผลการศึกษา เขต 2 พรรคชาติไทย นายชาญชัย ปทุมารักษ์ พรรคเอกภาพ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 เป็นการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ระบบการเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งครั้ง ก่อน รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วย สมาชิกจำนวน 500 คน โดยเป็นสมาชิกที่มาจากระบบการ เลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 100 คน และสมาชิกมาจาก ระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และให้ อำนาจแก่คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมและจัดให้มี การเลือกตั้ง การเลือกตั้งในครั้งนี้ เกิดกระแสความนิยมพรรค ไทยรักไทยของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย ได้ถึง 247 ที่นั่ง จังหวัดนครปฐมมี 5 เขต ผู้ได้รับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมาจากพรรคไทยรักไทยทั้ง 5 คน ดังนี้ เขต 1 นายประสานต์ บุญมี เขต 2 นายชาญชัย ปทุมารักษ์ เขต 3 นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า เขต 4 นายไชยา สะสมทรัพย์ เขต 5 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ และผู้แทนราษฏรจากบัญชีรายชื่อที่มีภูมิลำเนาใน จังหวัดนครปฐม คือ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ พรรคไทยรักไทย เช่นเดียวกัน ต่อมานายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว พรรคไทยรักไทย 53

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม ได้รับการเลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อแทนคณะรัฐมนตรี ในเดือน มีนาคม 2544 ในสมัยดังกล่าว นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า สมาชิก สภาผู้แทนราษฏรในเขต 3 ลาออกเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นครปฐมเมอ่ื วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2547 ทำให้มีการเลือกตั้งซ่อม และในที่สุดที่นั่งนี้จึงตกเป็นของ นายประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ จากพรรคไทยรักไทย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ภายใต้รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้พรรคไทยรักไทยสามารถ จัดตั้งรัฐบาลได้ด้วยพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวโดยได้ที่นั่ง ในสภาผู้แทนราษฎร 377 ที่นั่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นครปฐมในแต่ละเขตมีรายชื่อดังต่อไปนี้ เขต 1 นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร พรรคชาติไทย เขต 2 นายชาญชัย ปทุมารักษ์ พรรคไทยรักไทย เขต 3 นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร พรรคไทยรักไทย เขต 4 นายไชยา สะสมทรัพย์ พรรคไทยรักไทย เขต 5 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 1 คืนกลับไปเป็นของนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร พรรคชาติไทย เช่นเดิม ภายหลังกระแสพรรค ไทยรักไทยมาแรงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาโดยแย่งชิงที่นั่งไป จากกำนันประสานต์ บุญมี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หลายสมัย ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 54

รายงานผลการศึกษา การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 24 เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีจำนวนรวม ทั้งสิ้น 480 คน เป็นแบบแบ่งเขต 400 คน จาก 157 เขต ใน แต่ละเขตมีผู้แทนฯ ได้ 1-3 คน และแบบสัดส่วน 80 คน ซึ่งแบ่ง ประเทศออกเป็น 8 เขตเลือกตั้ง หรือเรียกกันว่า กลุ่มจังหวัด โดยพรรคการเมืองที่ลงสมัครในแต่ละกลุ่มจังหวัดต้องส่งบัญชี รายชื่อพรรคละ 10 คน ประชาชนเลือกได้ 1 พรรคการเมือง เรียงลำดับไว้เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งพิจารณาเลือก จังหวัด นครปฐมแบ่งออกเป็น 2 เขตเลือกตั้ง มีรายชื่อสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้ เขต 1 พรรคชาติไทย นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร พรรคพลังประชาชน นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ พรรคพลังประชาชน นายอนุชา สะสมทรัพย์ เขต 2 นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร พรรคพลังประชาชน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7 ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนครปฐมอีก 2 ราย คือ นาย ไชยา สะสมทรัพย์ พรรคพลังประชาชน และนายปัญญวัฒน์ บุญมี พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 นายไชยา สะสมทรัพย์ ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ยุบพรรคชาติไทย นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร จึงต้องพ้นจาก 55

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ส่งผลให้เกิดการเลือกตั้ง ซ่อมเมื่อ 11 มกราคม 2552 ทำให้ตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎร ในเขต 1 ตกเป็นของนายมารุต บุญมี จากพรรคประชาธิปัตย์ บุตรชายนายปัญญวัฒน์ บุญมี การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ครั้งที่ 25 เมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 500 คน เป็นแบบแบ่งเขต 375 คน ในแต่ละเขตมีผู้แทนฯ ได้ 1 คน และแบบบญั ชรี ายชอ่ื 125 คน จงั หวดั นครปฐมแบง่ ออกเปน็ 5 เขตเลือกตั้ง มีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้ เขต 1 พันโทสินธพ แก้วพิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา เขต 2 นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ พรรคเพื่อไทย เขต 3 นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร พรรคเพื่อไทย เขต 4 นายอนุชา สะสมทรัพย์ พรรคเพื่อไทย เขต 5 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญช ี รายชื่อ ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนครปฐมอีก 1 ราย คือ นาย ปัญญวัฒน์ บุญมี พรรคประชาธิปัตย์ 56

รายงานผลการศึกษา นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง มีวาระการดำรง ตำแหน่งครั้งละ 6 ปี รวมมีสมาชิกวุฒิสภารวมทั้งสิ้น 200 คน แบ่งตามจังหวัดตามจำนวนประชากร ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละคน เลือกวุฒิสมาชิกได้เพียง 1 คน ไม่สามารถดำรงตำแหน่งติดกัน สองสมัย การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2543 และเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2543 มีการเลือกตั้ง แทนผู้สมัครที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติให้มีการเลือกตั้ง ใหม่ 1 ราย (ใบเหลือง) มีผู้สมัครรวม 18 ราย จังหวัดนครปฐม มีสมาชิกวุฒิสภาได้ 2 คน ผลสรุปสมาชิกวุฒิสภาจังหวัด นครปฐม ได้แก่ นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ และนายสราวุฒิ นิยมทรัพย์ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2543-2549 ภาพท่ี 8 สมาชกิ วุฒสิ ภาจังหวดั นครปฐม พ.ศ. 2543-2549 นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ นายสราวุฒิ นิยมทรัพย์ 57

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม จากการยุบสภาฯ จึงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้ง ถัดมา เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2549 จังหวัดนครปฐมมีผู้สมัคร รวม 10 ราย มสี มาชกิ วฒุ สิ ภาได้ 3 คน คอื นางพนดิ า ปทมุ ารกั ษ์ นายปรีชา นิพนธ์พิทยา และนายอนุชา สะสมทรัพย์ ดำรง ตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2549-2550 ภาพท่ี 9 สมาชกิ วุฒิสภาจังหวดั นครปฐม พ.ศ. 2549-2550 นางพนิดา ปทุมารักษ์ นายปรีชา นิพนธ์พิทยา นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 296 กำหนดให้ดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ภายใน 150 วัน นับแต่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 58

รายงานผลการศึกษา 24 สิงหาคม 2550 รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์จึงได้กำหนด ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 มีนาคม 2551 ตามประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิก วุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภามีที่มา 2 ทาง คือ มาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน จำนวน 76 คน และมาจากการสรรหาจำนวน 74 คน รวมทั้งสิ้น 150 คน จังหวัดนครปฐมมีผู้สมัครรวม 8 ราย ผลการเลือกตั้งได้นายสมชาติ พรรณพัฒน์ เป็นสมาชิกวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2551– ปัจจุบัน ภาพที่ 10 สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2551 – ปัจจบุ ัน นายสมชาติ พรรณพัฒน์ นักการเมืองในจังหวัดนครปฐมที่เคยได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมามีจำนวน 8 ราย วุฒิสมาชิกที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมาก่อน 1 ราย คือ นายสราวุฒิ นิยมทรัพย์ วุฒิสมาชิกที่หมดวาระแล้วจึงไปลง สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 ราย คือ นายอนุชา สะสม- ทรัพย์ 59

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐมท่ีได้รับการเลือกตั้ง นักการเมืองจังหวัดนครปฐมที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่ปี 2476– 2554 สรุปได้ดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 นักการเมืองจังหวดั นครปฐม ที่ได้รบั การเลอื กตัง้ (พ.ศ. 2476-2554) ช่อื จำนวนครง้ั ท่ไี ด้ จำนวนคร้ัง รบั การเลือกตง้ั ทไี่ ดร้ บั การ นายดาบเทียม ศรีพิสิษฐ์ เป็นสมาชกิ สภา เลือกต้ังเป็น นายสมาน สุชาติกุล ผู้แทนราษฏร สมาชกิ วุฒสิ ภา รอ.ขุนวิริยะเหิรหาว นายสานนท์ สายสว่าง 1 - พันเอกช่วง เชวงศักดิ์สงคราม 1 - นายล้วน เวกชาลิกานนท์ 1 - รอ.พระสาครบุรานุรักษ์ นายสมัย จินตกานนท์ 3 เคยเป็นสมาชิก วุฒิสภาจากการ แต่งตั้งก่อน รัฐธรรมนญู 2540 1 - 4 เคยเป็นสมาชิก วุฒิสภาจากการ แต่งตั้งก่อน รัฐธรรมนญู 2540 1 - 1 - 60

รายงานผลการศึกษา จำนวนครง้ั ทไ่ี ด้ จำนวนครัง้ รบั การเลือกตง้ั ทีไ่ ด้รบั การ ชื่อ เป็นสมาชิกสภา เลอื กต้งั เปน็ ผู้แทนราษฏร สมาชิกวุฒสิ ภา นายสว่าง แก้ววิจิตร 1 - นายอาณัติ กระสินธุ์ 1 - นายเสรี จิระพันธุ์ 1 - นายสราวุธ นิยมทรัพย์ 5 1 นายประยงค์ โมกขพันธ์ 3 - นายถวิล พวงสาลี 1 - นายแพทย์มานัส ธุวนลิน 2 - นายณรงค์ จิตติโภคา 1 - นายวินัย เล้าอรุณ 1 - นายเชื่อม เรืองรอง 2 - นายปัญญวัฒน์ (ประสานต์) บุญมี 7 - นายชาญชัย ปทุมารักษ์ 9 - นายไชยยศ สะสมทรัพย์ 6 - นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ 7 - นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว 2 - นายไชยา สะสมทรัพย์ 5 - นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า 2 - นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร 4 - 61

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม จำนวนครัง้ ท่ีได้ จำนวนครั้ง รบั การเลอื กตงั้ ที่ได้รบั การ ช่ือ เป็นสมาชกิ สภา เลือกต้ังเปน็ ผแู้ ทนราษฏร สมาชกิ วุฒิสภา นายประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ 2 - นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร 3 - นายอนุชา สะสมทรัพย์ 2 1 นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ 2 - นายมารุต บุญมี 1 - พันโทสินธพ แก้วพิจิตร 1 - นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ - 1 นางพนิดา ปทุมารักษ์ - 1 นายปรีชา นิพนธ์พิทยา - 1 นายสมชาติ พรรณพัฒน์ - 1 นักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งหลายสมัยที่สุด คือ นาย ชาญชัย ปทุมารักษ์ ได้รับการเลือกตั้งถึง 9 สมัย รองลงมาคือ นายปัญญวัฒน์ บุญมี และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ 7 สมัย และนายไชยยศ สะสมทรัพย์ 6 สมัย นักการเมืองที่เคยเป็นทั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามี 3 คน คือ นายล้วน เวกชาลิกานนท์ ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากการแต่งตั้ง ก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นายสราวุฒิ นิยมทรัพย์ และ นายอนุชา สะสมทรัพย์ 62

รายงานผลการศึกษา นักการเมืองที่โดดเด่นและมีบทบาทในจังหวัดนครปฐม มีด้วยกันหลายราย นำเสนอข้อมูลประวัติ รูปแบบและเครือข่าย การหาเสียงเลือกตั้ง บทบาทที่มีในพรรคการเมือง บทบาทใน การพัฒนาจังหวัดนครปฐม และบทบาทในระดับชาติ โดยเรียง ลำดับตามชื่อดังต่อไปนี้ นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร เกิด วันที่ 16 กันยายน 2506 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมบุตรชาย นายอั๊น และ นางสุพรรณ สิริยะเสถียร นายก่อเกียรติสำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรี สาขาบัญชีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ปริญญาโท สาขาศึกษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศิลปากรในอดีตมีอาชีพ เป็นนักธุรกิจ ดำเนินธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของ บริษัท ก่อเกียรติ ค้าไม้ จำกัด จำหน่ายไม้และวัสดุก่อสร้าง ในอำเภอบางเลน ปัจจุบันเป็นนักการเมือง จึงไม่ได้ดำเนินธุรกิจ นายก่อเกียรติ สมรสกับนางเนาวรัตน์ สิริยะเสถียร มีบุตรและธิดา4 คน คือ นางสาวชุติมา นางสาวธนาภา นายพจน์ และนายภาคภูมิ ตาม ลำดับ ครอบครัวนายก่อเกียรติไม่มีผู้ใดเป็นนักการเมืองมาก่อน เริ่มเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นด้วยตนเอง ด้วยมีความประสงค์ จะพัฒนาท้องถิ่นของตน และสร้างความเป็นธรรมและความ เสมอภาคอย่างแท้จริงในพื้นที่ และได้ดำรงตำแหน่งนายก- 63

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม เทศมนตรีตำบลบางเลน สมาชิกสภาจังหวัด และรองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด นายก่อเกียรติ ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมืองในระดับชาติ ภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนของนายไชยา สะสมทรัพย์ โดยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยจนกระทั่งมาเป็นพลังประชาชน และเพื่อไทยตามลำดับ สังกัดกลุ่มนครปฐม ลงสมัครรับ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 สมัย และได้รับการเลือกตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรทั้ง 3 สมัยดังนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 3 พรรค ไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค พลังประชาชน ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 24 เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 3 พรรค เพื่อไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 25 เมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 นายกอ่ เกยี รติ ยดึ ถอื กลยทุ ธห์ ลกั คอื การเขา้ ถงึ ประชาชน เพื่อนำเสนอนโยบายและแนวคิดของพรรค นอกเหนือจากการ แจกเอกสารแนะนำตัว ติดแผ่นป้าย ปราศรัย และใช้พาหนะ ตระเวนหาเสียง อาศัยเครือข่ายผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกองค์การ บริหารส่วนตำบล กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 64

รายงานผลการศึกษา เกษตรกร ครู อาจารย์ สื่อสารมวลชน นักธุรกิจ แม่บ้าน นักศึกษา เป็นเครือข่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง นายก่อเกียรติวิเคราะห์ว่าชาวนครปฐมโดยส่วนใหญ่ ตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจาก ตัวผู้สมัครและนโยบายพรรคการเมือง และปัจจัยที่นาย ก่อเกียรติคิดว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตนประสบผลสำเร็จได้รับ เลือกตั้งได้แก่ ความเป็นตัวตนของตนเอง ผลงานที่ผ่านมาของ พรรค และนโยบายของพรรค ระหว่างที่หาเสียงพบว่ามีการ ซื้อเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคอื่นอาศัยกลไกอำนาจรัฐ ในการหาเสียงเลือกตั้ง นายก่อเกียรติมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและ แนวทางที่สำคัญของพรรค มีส่วนผลักดันโครงการเพื่อการ พัฒนาจังหวัดนครปฐม ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุง โครงข่ายการคมนาคม โครงการพัฒนาการกีฬาโดยจัดให้มี สนามกีฬาและโรงยิมเนเซียม โครงการด้านสุขภาพ ปรับปรุง โรงพยาบาล โครงการด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการอนุรักษ์และ รักษาคุณภาพลุ่มน้ำท่าจีน เป็นต้น ได้รับมอบหมายตำแหน่ง ที่สำคัญ ได้แก่ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปี 2548 กรรมาธิการการพัฒนาทางการเมือง กรรมาธิการ ก า ร ท ร ั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ต ิ แ ล ะ ส ิ ่ ง แ ว ด ล ้ อ ม ก ร ร ม า ธ ิ ก า ร การสาธารณสุข และกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบัน การเงิน ผลักดันโครงการในระดับประเทศ ได้แก่ การรับจำนำ ข้าวเปลือก การปราบปรามยาเสพติด การจัดการลุ่มน้ำใน ภาคกลาง เป็นต้น 65

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม นายก่อเกียรติ แสดงความเห็นว่า การเมืองในจังหวัด นครปฐม ย่อมมีกลุ่มผลประโยชน์เกี่ยวข้อง เพราะการเมืองคือ การจัดสรรทรัพยากรของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในแต่ละกลุ่ม อาชีพ แน่นอนว่าบางกลุ่มอาจได้ประโยชน์ มากบ้าง น้อยบ้าง หรืออาจมีบางกลุ่มเสียประโยชน์ก็เป็นได้ นายชาญชัย ปทุมารักษ์ นายชาญชัย ปทุมารักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2479 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอ เมือง จังหวัดนครปฐม เป็นบุตร นายบุญ และนางหมุยเฮียง จบการศึกษาครุศาสตรบัณฑิต สาขาอุตสาหกรรมศิลป์ จากสถาบันราชภัฏนครปฐมและระดับ ปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อาชีพนักธุรกิจ สมรสกับนางผจงจิตต์ ปทุมารักษ์มีบุตร ทั้งหมด 4 คน เป็น ชาย 3 คน หญิง 1 คน ได้แก่ ร้อยตรีชยกฤต ปทุมารักษ์ พันตำรวจโทวริษฐ์ ปทุมารักษ์ พันตำรวจตรีหญิง ปรินุช ปทุมารักษ์ และพันโทศักดิ์ภัทร ปทุมารักษ์ ด้วยการชักชวนจากเพื่อนฝูงในแวดวงการเมืองท้องถิ่น จึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองบนถนนการเมืองท้องถิ่น ด้วยมี ความมุ่งมั่นต้องการทำประโยชน์ให้กับท้องถิ่น จึงเริ่มต้นที่ สมาชิกสภาจังหวัด รองประธานสภาจังหวัด และประธานสภา จังหวัดนครปฐม ในระหว่างปี พ.ศ. 2518-2526 แล้วจึงเข้าสู่ การเมืองระดับชาติด้วยการสนับสนุนของนายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติไทย เริ่มสังกัดพรรคชาติ 66

รายงานผลการศึกษา ไทยในปี พ.ศ. 2526 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2543 จึงย้ายมาสังกัด พรรคไทยรักไทย และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฏรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526-2549 ติดต่อกันรวม 9 สมัย ดังนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 15 เมื่อ วันที่ 18 เมษายน 2526 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 16 เมื่อ วันที่ 27 กรกฎาคม 2529 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 17 เมื่อ วันที่ 24 กรกฎาคม 2531 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 18 เมื่อ วันที่ 22 มีนาคม 2535 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 19 เมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2535 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 20 เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม 2538 67

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ชาติไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 21 เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 นายชาญชัย อาศัยกลยุทธ์ในการหาเสียงเลือกตั้งด้วย การเข้าถึงประชาชน และการช่วยเหลือประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังแจกเอกสารแนะนำตัว ติดแผ่นป้าย ใช้รถตระเวน หาเสียง และปราศรัยบนเวที ทั้งนี้ ยังมีการเปลี่ยนไปในตาม แต่ละยุคสมัย โดยใช้สื่อที่ทันสมัยมากขึ้นในการแนะนำตาม ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อาศัยเครือข่ายท้องถิ่นที่เข้มแข็งและ หลากหลาย ได้แก่ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภา จังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เกษตรกร สื่อสาร มวลชน นักธุรกิจ แม่บ้าน ครู อาจารย์ และนักศึกษา ปัจจัยที่ ส่งผลสำเร็จได้รับเลือกตั้งมาจากความใกล้ชิดกับประชาชน ผลงานในอดีตที่มีอย่างต่อเนื่อง เครือข่ายที่เข้มแข็ง นโยบาย ของพรรค และบทบาทของพรรคที่ดูแลในด้านปัญหายาเสพติด สุขภาพ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และสิ่งแวดล้อม ในระหว่าง หาเสียงพบอุปสรรคในการเลือกตั้ง ได้แก่ การใส่ร้ายป้ายสี และ 68

รายงานผลการศึกษา การใช้อิทธิพลข่มขู่ และเห็นว่าในจังหวัดนครปฐมมีกลุ่ม ผลประโยชน์ที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ค้ายาเสพติด และผู้กระทำ ผิดกฎหมาย เช่น การพนัน หวยเถื่อน เป็นต้น นายชาญชัยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 9 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 – 2549 รวมระยะเวลา ถึง 23 ปี ในระยะแรกสังกัดพรรคชาติไทย ได้รับตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ต่อมาเมื่อเข้ามาสังกัดพรรค ไทยรักไทย ได้รับความไว้วางใจจากพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็น ผู้ที่บทบาทในการคัดเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และกำหนดนโยบายที่สำคัญของพรรคนายชาญชัย ปทุมารักษ์ ต้องยุติบทบาททางการเมืองลงเนื่องจากตุลาการรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ ยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ในขณะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม มีบทบาทในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำ งบประมาณมาพัฒนาพื้นที่จังหวัดนครปฐมเป็นจำนวนมาก และผลักดันโครงการเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ความยากจน ผู้ด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และยังมีส่วนในการ ผลักดันนโยบายและแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ได้แก่ ที่ดิน ทำกินของประชาชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหายาเสพติด ข้ามชาติ และระบบการคมนาคมที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่น ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญมากมาย สรุปได้ดังนี้ 69

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2529-2531 ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2531-2533 เลขานุการ รมว.กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2533-2535 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่าย การเมือง พ.ศ. 2537 ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง การ ธนาคาร และสถาบันการเงิน พ.ศ. 2537-2539 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ สมัยนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา พ.ศ. 2544 กรรมาธิการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่าย ติดตามการปฏิบัติราชการ นายชาญชัย ดำเนินธุรกิจก่อสร้างคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาชัยก่อสร้าง โดยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการศิลาชัย ก่อสร้างดำเนินธุรกิจก่อสร้างทางหลวงและถนนลาดยาง และ ยังมีธุรกิจก่อสร้างของตระกูลปทุมารักษ์คือ บริษัท ศิลาชัย คอนสตรัคชัน 1999 จำกัด ซึ่งมีร้อยตรีชยกฤต ปทุมารักษ์ บุตรชาย เป็นผู้อำนวยการดำเนินธุรกิจก่อสร้างอาคารและ บูรณะถนนและทางหลวง (ปทุมารักษ์, 2553) นายชาญชัยสนับสนุนบุคคลในตระกูลปทุมารักษ์เข้าสู่ แวดวงการเมือง ได้แก่ 1) นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ อดีตอัยการ จังหวัดนครปฐม น้องชาย ซึ่งประสบความสำเร็จได้รับการ เลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ครั้งแรก ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2543-2549 2) นางพนิดา ปทุมารักษ์ น้องสะใภ้ ซึ่งสมรสกับนายชาญยุทธ ปทุมารักษ์ 70

รายงานผลการศึกษา น้องชายนายชาญชัย นางพนิดาเป็นน้องสาวของนายสราวุธ นิยมทรัพย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐมและ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และนางพนิดาก็ประสบความสำเร็จได้รับ การเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2549 และ 3) นายชยกฤต ปทุมารักษ์ บุตรชาย ซึ่งลงเลือกตั้งในการ สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรครั้งที่ 24 เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 ในเขต 1 จังหวัดนครปฐมสังกัดพรรคพลังประชาชน ร่วมกับ นายอนุชา สะสมทรัพย์ และนายรัฐกร เจนกิจณรงค์ ซึ่งพรรค พลังประชาชนได้ไป 2 ที่นั่ง และนายสมพัฒน์แก้วพิจิตร อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐม พรรคชาติไทยเบียด ไปได้ 1 ที่นั่ง ทำให้นายชยกฤต ไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนั้น นายเช่ือม เรืองรอง นายเชื่อม เรืองรอง เกิดวันที่ 31 พฤษภาคม 2476เป็นบุตรชายนายเม้า และ นางชื่น เรืองรอง อาชีพทำนา มีภูมิลำเนา เดิมอยู่ที่ตำบลบางเสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมา นายเชื่อม ย้ายมาอยู่จังหวัดนครปฐมในเขตอำเภอ สามพราน ตำบลท่าตลาด จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายจากโรงเรียนประจำอำเภอบางพลี ก่อนเข้าเป็น นักเรียนตำรวจสอบสวนกลาง และจบการศึกษาครุศาสตร- บัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา จากสถาบันราชภัฏนครปฐม นายเชื่อมรับราชการตำรวจ และเป็นอาจารย์ในโรงเรียน นายร้อยตำรวจสามพราน เคยทำหน้าที่เลขานุการ บริษัท 71

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม สามัคคีค้าสัตว์ กล้วยน้ำไท กิจการส่วนตัวผูกขาดของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และต่อมานายเชื่อมดำเนินกิจการของตนเอง คือ โรงเรียนเรืองวิทย์วิทยา นายเชื่อมสมรสกับนางสมศรี เปี่ยมสมบูรณ์ อาชีพเกษตรกร ทำสวนผลไม้ มีบุตรสาว 3 คน คือ นางสาวนัฐทิดา สมรสกับนายตำรวจ นางสาวเนติมา มีธุรกิจก่อสร้าง และนางสาวนิพัตรทรา ทำงานในบริษัท ปตท. จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจลงรับสมัครเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฏรจังหวัดนครปฐม เนื่องจากมีประชาชน ผู้นำ ชุมชน และลูกน้องตำรวจสนับสนุนและชักชวนให้สมัครรับ เลือกตั้งประกอบกับเป็นผู้ที่อุปนิสัยชอบช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัด นครปฐมโดยมีฐานเสียงที่เป็นลูกศิษย์จากโรงเรียนนายร้อย ตำรวจสามพราน ครูและผู้บริหารโรงเรียนที่สำเร็จการศึกษา สาขาบริหารการศึกษามาด้วยกัน และกลุ่มอดีตเพื่อนร่วมงาน ตำรวจนายเชื่อมได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดนครปฐม โดยไม่มีฐานมาจากการเป็นนักการเมือง ท้องถิ่นมาก่อน นายเชื่อมเคยสังกัดพรรคชาติประชาชน พรรคราษฎร พรรคกิจสังคม พรรคธรรมสังคม และพรรคเสรีธรรม ได้ดำรง ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัยดังนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรคชาติประชาชน ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 72

รายงานผลการศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค ราษฏร ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 16 เมื่อ วันที่ 27 กรกฎาคม 2529 ในปี 2522 ซึ่งเป็นสมัยแรกที่นายเชื่อม เรืองรองได้รับ การเลือกตั้ง ถือเป็นยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเดิมนั้น ไม่ได้รับการเลือกตั้งเลย ประชาชนสนใจ ตัวบุคคล ไม่สนใจพรรค นายเชื่อมและสมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรที่ได้รับการเลือกตั้งในสมัยนั้น ล้วนแล้วแต่สังกัดพรรค เล็กๆ ทั้งสิ้น นายเชื่อมเน้นการพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนตามบ้าน ตามหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านมีงานบุญงานกุศล ก็ร่วมงาน โดยสม่ำเสมอมิได้ขาด นอกจากนั้น ก็อาศัยรูปแบบการหาเสียง โดยทั่วไป ได้แก่ แจกเอกสารแนะนำตัว ใช้พาหนะตระเวน หาเสยี ง แผน่ ปา้ ยโฆษณา จดหมาย สอ่ื สง่ิ พมิ พต์ า่ งๆ นอกจากน้ี ยังอาศัยความได้เปรียบจากความสุภาพ นิ่มนวล และเคย ประกอบอาชีพครูเมื่อเทียบกับนักธุรกิจ ทำให้การพูดปราศรัย หาเสียงในที่ชุมชนเป็นไปอย่างมีหลักการน่าเชื่อถือ นายเชื่อม เรืองรองเป็นนักการเมืองที่ถือว่าประสบความ สำเร็จในสมัยนั้น โดยไม่อาศัยเงินเป็นหลักในการหาเสียง อาศัยปรับกลยุทธ์ไปเรื่อยๆ ตามสภาพแวดล้อมการหาเสียง แต่ละสมัย เน้นการนำความเจริญมาลงในพื้นที่ เช่น สร้างสะพาน ตัดถนนเข้าหมู่บ้าน ขุดบ่อน้ำบาดาล ทำ สาธารณประโยชน์ที่เป็นที่ต้องการจริงๆ มองความเดือดร้อน ของประชาชนเป็นตัวตั้ง โดยการประสานประโยชน์กับ 73

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครปฐม หน่วยงานของรัฐ และนำผู้ที่ต้องการประโยชน์ คือ กลุ่ม ชาวบ้านไปพบกับหน่วยงานที่จัดสรรงบประมาณสนับสนุนและ ในบางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขอบริจาคที่ดินจากชาวบ้านเพื่อ ตัดถนน รวมทั้งขอบริจาคเงินในการสร้างถนนอีกด้วย เพื่อ ประโยชน์โดยรวมของชาวบ้านถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ได้ รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชน โดยเฉพาะเครือข่าย ที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี คือ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ ครู อาจารย์ นักศึกษา ลูกเสือชาวบ้าน และ กลุ่มแม่บ้าน นายเชื่อมเชื่อว่า ประชาชนในจังหวัดนครปฐมใน ขณะนั้น พ.ศ. 2522-2529 ตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งจาก ตัวผู้สมัครและคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นสำคัญ ประกอบกับ การชี้นำของนักการเมืองท้องถิ่น ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง พบอุปสรรคในการหาเสียง มีการใส่ร้ายป้ายสีกัน การให้ความ ช่วยเหลือผู้กระทำผิดกฏหมาย นายเชื่อมเล่าว่าตนได้รับการสนับสนุนจาก มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ นายทอดหยด จิตตวีระ และพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ และขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีโอกาสติดตามอดีตนายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช (ภาพที่ 11) และได้รับการแนะนำให้มีความจริงใจ ช่วยเหลือ ประชาชนตามความต้องการ เพื่อความจีรังยั่งยืนและยังยึดถือ ปฏิบัติอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ 74

รายงานผลการศึกษา ภาพท่ี 11 นายเชอ่ื ม เรืองรอง ขณะติดตามอดตี นายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช นายเชื่อม เล่าว่า ตนเป็นผู้ผลักดันให้เกิดถนนเส้น นครชัยศรี-ห้วยพลู-ดอนตูม-บางเลน ขุดลอกคลองท่าสาร- บางปลา สรา้ งสะพานเรอื งรองขา้ มคลองจนิ ดา ขา้ งวดั ปรดี าราม และเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายท่าน ได้แก่ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกเทียนชัย ศิริสัมพันธ์ (2529) นางทองหยด จิตตวีระ (2533) (ภาพท่ี 12) นายเฉลยี ว วชั รพกุ ก์ นายประยทุ ธ ศริ พิ านชิ ย์ นายพินิจ จันทรสุรินทร์ และนายสวัสดิ์ คำประกอบ นายเชื่อม ได้เคยดำรงตำแหน่งกรรมาธิการคมนาคม กรรมาธิการ ต่างประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนจังหวัด แยกจังหวัดมุกดาหารออกมาจากจังหวัดนครพนมอีกด้วย 75

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม ภาพที่ 12 หนงั สอื แตง่ ตง้ั นายเชอ่ื ม เรอื งรอง เปน็ ทป่ี รกึ ษา นายเชื่อม เรืองรอง ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐมครั้งสุดท้ายในปี 2544 ในเขต 5 สังกัดพรรคเสรีธรรมแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ในปัจจุบัน นายเชื่อม เรืองรอง วางมือทางการเมือง แต่ก็ยังมีชาวบ้านมาพบปะ เยี่ยมเยียน พร้อมทั้งนำผักผลไม้มาให้อยู่เนืองๆ รวมทั้ง มาขอรับการช่วยเหลืออยู่อย่างสม่ำเสมอนายเชื่อมยังมีคติ ประจำตนว่า ความชำนิชำนาญในงานนั้นหาซื้อไม่ได้ 76

รายงานผลการศึกษา นายไชยยศ สะสมทรัพย์ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ เกิดเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม 2493 เป็นบุตรของ นายประเสริฐ และนางสุนีย์ สะสมทรัพย์ มีพี่น้องร่วมกัน 4 คน นายไชยยศเป็น บุตรชายคนที่ 2 ถัดจากนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ และเป็นพี่ชายของนายไชยา และนายอนุชา สะสมทรัพย์ สำเร็จการศึกษาเตรียมอุดมศึกษาจากโรงเรียน วู๊ดสเตอร์เคเดมี มลรัฐแมสซาซูเซส สหรัฐอเมริกา และปริญญา ตรี บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา นายไชยยศมีอาชีพนักธุรกิจ ปัจจุบันดำรง ตำแหน่งประธานที่ปรึกษา บริษัท กลุ่ม 79 จำกัดดำเนินกิจการ จัดการการฝังกลบขยะมูลฝอย นายไชยยศสมรสกับนางชลชินี ซึ่งเป็นบุตรสาว นายสุเมธ เตชะไพบูลย์ ผู้เป็นน้องชายนาย อุเทน เตชะไพบูลย์ มีบุตรธิดา 3 คน คือ นางสาววริศรา นายวราวิชช์ และนายจิตเทพ นายไชยยศเข้าสู่ถนนทางการเมืองระดับประเทศ ในปี 2529 ด้วยความพร้อมในด้านฐานะครอบครัว ประกอบกับเพิ่ง สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายอุทัย พิมพ์ใจชน ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าพรรคก้าวหน้า นอกจากนั้น ยังได้รับแรงบัลดาลใจและการสนับสนุนจาก น้องชาย คือ นายไชยา สะสมทรัพย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิก สภาจังหวัดนครปฐม และเป็นผู้ที่มีเครือข่ายอย่างกว้างขวางใน กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น ทำให้นายไชยยศลงสมัครรับเลือกตั้ง 77

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม ในครั้งแรกในเขต 1 ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองและกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยสังกัดพรรคก้าวหน้า และประสบความ สำเร็จได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัด นครปฐมตั้งแต่ครั้งแรกที่ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และได้รับการ เลือกตั้งติดต่อกันเรื่อยมาหลายสมัยโดยไม่เคยเป็นนักการเมือง ท้องถิ่นมาก่อน นายไชยยศ ได้รับความไว้วางใจจากนายอุทัย ให้รับ หน้าที่รองเลขาธิการพรรค (พ.ศ. 2529-2531) เลขาธิการพรรค (พ.ศ. 2531-2533) ต่อมา ในปี 2533 ได้มีความพยายามในการ รวมพรรคเล็ก 4 พรรคเข้าด้วยกัน คือ พรรคก้าวหน้า พรรค กิจประชาคมซึ่งมีนายบุญชู โรจนเสถียร เป็นหัวหน้าพรรค พรรครวมไทย ของนายณรงค์ วงศ์วรรณ และพรรคประชาชน ของนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรณ์ เมื่อรวมได้แล้ว จึงเปลื่ยนชื่อ มาเป็นพรรคเอกภาพ นายไชยยศจึงเปลี่ยนมาสังกัดพรรค เอกภาพและดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเอกภาพ (พ.ศ. 2533-2535) เลขาธิการพรรคเอกภาพ (พ.ศ. 2535-2538) และ หัวหน้าพรรคเอกภาพ (พ.ศ. 2538-2543) และย้ายมาสังกัดพรรค ไทยรักไทยเมื่อ พ.ศ. 2544 และดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค (พ.ศ. 2544-2548) จะเห็นได้ว่านายไชยยศ เป็นบุคคลที่ได้รับ ความไว้วางใจให้เป็นผู้บริหารพรรคมาโดยตลอด มีส่วนในการ คัดเลือกผู้สมัครของพรรค และกำหนดนโยบายที่สำคัญของ พรรค นายไชยยศได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรถึง 6 สมัยดังนี้ 78

รายงานผลการศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 พรรค ก้าวหน้า ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 พรรค ก้าวหน้า ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 พรรค เอกภาพ ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 19 เมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2535 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม พรรค เอกภาพ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 20 เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม 2538 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 พรรค เอกภาพ ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 21 เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทบัญชีรายชื่อพรรค ไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 นายไชยยศใช้กลยุทธ์พบปะพูดคุยกับประชาขน และ ออกตระเวนปราศรัยเป็นหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง นอกเหนือ จากรูปแบบโดยทั่วไป โดยให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนว่าได้ พัฒนาและได้ทำประโยชน์ประการใดให้กับพื้นที่จังหวัด นครปฐม และประเทศชาติ ในสมัยนั้น ได้ใช้งบ สส. ที่ได้รับ 79

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม กระจายทำประโยชน์ตามความต้องการและความจำเป็นของ ชาวบ้านไปตามทุกหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ รวมถึงแสดง เจตนารมณ์และยุทธวิธีของตนในการพัฒนาพื้นที่จังหวัด นครปฐม และแนวคิดนี้ จึงได้นำเสนอไปเป็นโครงการกองทุน หมู่บ้านดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ นายไชยยศอาศัยเครือข่ายที่เข้มแข็งของตระกูล สะสมทรัพย์ ได้แก่ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภา จังหวัด สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล เกษตรกร สื่อสาร มวลชน และกลุ่มแม่บ้าน ในการหาเสียงเลือกตั้ง ปัจจัยที่ส่งทำให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง นาย ไชยยศกล่าวว่า บิดามารดาและครอบครัวสะสมทรัพย์ ให้การ สนับสนุน รวมทั้งความพร้อมในด้านฐานะและการศึกษา ประกอบกับสังคมให้การสนับสนุน ในขณะที่อยู่พรรคขนาดเล็ก นั้น ปัจจัยส่วนบุคคลมีผลต่อความสำเร็จมาก แต่เมื่ออยู่พรรค ขนาดใหญ่ที่มีนโยบายพรรคที่ชัดเจน ก็มีส่วนสนับสนุนให้ได้รับ ความสำเร็จเพิ่มขึ้น ประสบการณ์บนเส้นทางการเมืองสรุปได้ดังนี้ พ.ศ. 2533-2535 กรรมการบริหารหน่วยประจำชาติในองค์การรัฐสภา อาเซียน พ.ศ. 2533-2535 กรรมาธิการการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน 80

รายงานผลการศึกษา พ.ศ. 2533-2535 กรรมาธิการคมนาคม พ.ศ. 2535-2538 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์สมัยรัฐบาลนายกฯ ชวน หลีกภัย พ.ศ. 2540-2541 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลนายกฯ ชวน หลีกภัย พ.ศ. 2544-2546 ประธานกรรมการนโยบายศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงิน สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และประชาชน พ.ศ. 2544-2546 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พ.ศ. 2546-2547 ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พ.ศ. 2547-2548 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พ.ศ. 2548-2549 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สมัยนายทักษิณ ชินวัตร 81

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม นายไชยยศเป็นผู้ริเริ่มนโยบายประกาศให้ประเทศไทย เป็นครัวของโลก ในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงพาณิชย์สมัยนายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี โดย เห็นว่านครปฐมมีความสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรที่เป็นวัตถุดิบ ในการผลิตอาหาร ไม่ว่า ผัก ผลไม้ หมู ไก่ และคนไทยมีเสน่ห์ ปลายจวัก ประเทศไทยมีภูมิประเทศที่ได้เปรียบในการผลิต วัตถุดิบในการปรุงอาหาร จึงพร้อมที่จะเป็นครัวของโลก จึงนำ ภาคเอกชนไปสู่การเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ครอบครัวพี่น้องสะสมทรัพย์ทั้งหมด4 คน ล้วนแล้วแต่ อยู่ในแวดวงการเมืองด้วยกันทั้งสิ้น และเคยเป็นรัฐมนตรีถึง 3 คนด้วยกัน คือ นายเผดิมชัย นายไชยยศ และนายไชยา สะสมทรัพย์ ส่วนนายอนุชา สะสมทรัพย์น้องชายได้รับเลือกให้ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและสมาชิกวุฒิสภา นายไชยยศ สะสมทรพั ย์ ยตุ บิ ทบาททางการเมอื งลงพรอ้ มกนั กบั นายชาญชยั ปทุมารักษ์ อันเนื่องจากอยู่ในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ซึ่งเป็น กรรมการบรหิ ารพรรคไทยรกั ไทย 111 คน ทีต่ ลุ าการรัฐธรรมนญู วินิจฉัยให้ ยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 นายไชยยศเชื่อว่า ถ้าท้องถิ่นไม่สามารถจัดการตนเองได้ โอกาสที่บ้านเมืองจะพัฒนาก็จะเป็นไปได้ยาก ต้องสนับสนุนให้ ท้องถิ่นเข้มแข็ง การเมืองก็จะเข้มแข็ง 82

รายงานผลการศึกษา นายไชยา สะสมทรัพย์ นายไชยา สะสมทรัพย์ เกิดเมื่อ วันที่ 18 กันยายน 2495 เป็นชาว อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม บุตรชาย นายประเสรฐิ และนางสนุ ยี ์ สะสมทรพั ย์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายจากโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขา พัฒนาชุมชน และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์ เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มีอาชีพ นักธุรกิจ สมรสกับนางจุไร สะสมทรัพย์ นายไชยามีบุตรชาย 4 คน คือ นายจิรวัฒน์ นายภานุวัฒน์ นายปองพล และนาย จิตณุพงษ์ ทุกคนมีอาชีพเป็นนักธุรกิจ แรงบันดาลใจที่ทำให้เดินบนเส้นทางการเมืองนั้นคือ บิดา นายประเสริฐ สะสมทรัพย์ ประกอบกับตนมีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาจังหวัดนครปฐมให้เท่าทันจังหวัดอื่นๆ โดยเป็น บุคคลแรกของครอบครัวสะสมทรัพย์ที่ก้าวเข้าสู่เส้นทาง การเมือง โดยเริ่มต้นที่การเมืองในระดับท้องถิ่น ได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาจังหวัดนครปฐมเมื่อปี 2522 และดำรงตำแหน่ง เรื่อยมาจนกระทั่งปี 2533 จึงมาดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภา เทศบาลเมืองนครปฐมเรื่อยมาถึงปี 2538 ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้สร้างเครือข่ายทางการเมืองเรื่อยมาในระดับท้องถิ่น ผู้สมัคร สมาชิกสภาจังหวัดกลุ่มของนายไชยาซึ่งมีชื่อว่ากลุ่มชาวบ้าน ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดยกทีม และมีความ 83

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครปฐม สัมพันธ์ที่ดีกับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายพเยาว์ เนียะแก้ว ภายหลังจากที่สร้างเครือข่ายทางการเมืองที่เข้มแข็ง ในระดับท้องถิ่น นายไชยา สะสมทรัพย์ ก้าวเข้าสู่เส้นทาง การเมืองในระดับประเทศพร้อมๆ กันกับพี่น้องในตระกูลสะสม ทรัพย์ คือ นายเผดิมชัย และนายไชยยศ สะสมทรัพย์ภายหลัง จากประสบความสำเร็จจากการเมืองในระดับท้องถิ่น และได้รับ การสนับสนุนจากกลุ่มเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น จึงเข้าสู่ การเมืองในระดับชาติ โดยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จังหวัดนครปฐม สังกัดพรรคเอกภาพระหว่างปี พ.ศ. 2538-2539 และย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทยในการ เลือกตั้ง พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2548 พรรคพลังประชาชน จนกระทั่งมาเป็นพรรคเพื่อไทย ปี พ.ศ. 2550 โดยสรุปได้รับ เลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5 สมัยดังนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม พรรค เอกภาพ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 20 เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม 2538 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 พรรค เอกภาพ ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 21 เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 4 พรรค ไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 84

รายงานผลการศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 4 พรรค ไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7 พรรค พลังประชาชน ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 24 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นายไชยา อาศยั กลยทุ ธก์ ารเขา้ ถงึ ประชาชน พบปะพดู คยุ กับชาวบ้าน ผ่านทางผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก สภาจังหวัด และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ให้การ สนับสนุน ผสมผสานกับการให้ข้อมูล เผยแพร่ให้ประชาชนรับรู้ ข้อมูลข่าวสาร ได้รับทราบข้อมูลและนโยบายของพรรค การเมืองที่สังกัดอย่างครบถ้วนทุกด้าน ตลอดจนแนวทางใน การพัฒนาจังหวัดนครปฐม นายไชยายังเปิดบ้านของตนให้ ประชาชนทุกสาขาอาชีพได้เข้าพบ เข้าถึงได้ทุกวัน เพื่อรับแจ้ง ปัญหาและความต้องการอีกด้วย นอกจากนี้ ยังใช้รูปแบบการ หาเสียงโดยทั่วไป ได้แก่ แจกเอกสารแนะนำตัว แผ่นป้าย โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ และใช้รถตระเวนหาเสียงตามชุมชน ประชาชนชาวจังหวัดนครปฐมส่วนใหญ่ รู้จักนายไชยาและกลุ่ม ในนามพรรคเอกภาพ เนื่องจากเติบโตมาจากพรรคเอกภาพ เป็นผู้บริหารพรรค และลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งแรกๆ ในนาม พรรคเอกภาพ นอกจากเครือข่ายผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาจังหวัด และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจาก 85