Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เลือกตั้ง62เชียงใหม่

เลือกตั้ง62เชียงใหม่

Description: การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่
ไพลิน ภู่จีนาพันธุ์

Keywords: เลือกตั้ง,2562,เชียงใหม

Search

Read the Text Version

51 เวยี งรฐั เนตโิ พธ์ิ (2558) ไดเ้ สนอความคดิ เรอื่ งของการคดั เลอื กผสู้ มคั รในหนงั สอื หบี บตั รกบั บญุ คณุ การเมืองการเลือกต้ัง และการเปล่ียนแปลงเครือข่ายอุปถัมภ์ ซึ่งงานชิ้นที่เป็นการศึกษาประเด็นส�ำคัญ เรอื่ งการเลอื กตง้ั ภายหลงั การประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู 2540 โดยศกึ ษาในพนื้ ที่ 3 จงั หวดั ไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ อบุ ลราชธานี และนครศรีธรรมราช การศึกษาของเวียงรัฐได้สะท้อนภาพของความส�ำคัญของระบบอุปถัมภ์ในการเมืองไทย โดยเฉพาะเครือข่ายความสัมพันธ์ทางการเมือง ท่ีร้อยเรียงผลประโยชน์และอ�ำนาจของกลุ่มชนช้ันการเมือง ในระดับชาติและระดับท้องถ่ินไว้ด้วยกัน จุดเปลี่ยนท่ีส�ำคัญที่มีผลต่อความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ คือ การกระจายอ�ำนาจตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่ส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกลายเป็นตัวแสดง ส�ำคัญในทางการเมือง เน่ืองจากการกระจายอ�ำนาจได้น�ำมาสู่การกระจายผลประโยชน์ผ่านระบบงบประมาณ ที่ท�ำให้การเมืองในระดับท้องถิ่นสามารถเสนอนโยบายในการพัฒนาต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และเช่ือมโยงกับ พรรคการเมอื งหรอื กลมุ่ การเมืองระดบั ชาตไิ ด้อีกดว้ ย จากการศึกษาแนวคิด การทบทวนวรรณกรรม และงานวิจัยที่เก่ียวข้องน้ัน ได้สะท้อนความส�ำคัญ ของกฎหมายรัฐธรรมนูญของไทยท่ีก�ำหนดอ�ำนาจ หน้าท่ีของตัวแสดงทางการเมืองท่ีเก่ียวข้องสัมพันธ์กับ ระบบเลือกตั้ง ท้ังคณะกรรมการการเลือกต้ัง พรรคการเมือง และภาคประชาชน ระบบการเลือกต้ังถือเป็น กลไกในการจัดสรรอ�ำนาจของสถาบนั ทางการเมืองภายในโครงสรา้ งอ�ำนาจรัฐไทย จากการส�ำรวจและทบทวน วรรณกรรมพบวา่ การศกึ ษาเรอ่ื งเกยี่ วกบั ระบบการเลอื กตง้ั ในชว่ งทศวรรษทผ่ี า่ นมา การเปลย่ี นแปลงภมู ทิ ศั นท์ าง การเมืองท่ีน�ำมาสู่การออกแบบระบบการเลือกต้ังท่ีสอดคล้องกับพลวัตอ�ำนาจในแต่ละช่วงเวลามีความส�ำคัญ การมุ่งค้นหากลจักรทางการเมืองที่จะมาสนับสนุนส่งเสริมการท�ำงานของกระบวนการสร้างประชาธิปไตย ซ่ึงกลจักรส�ำคัญอันหน่ึงคือ พรรคการเมือง ในฐานะสถาบันทางการเมืองท่ีเช่ือมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐกับประชาชนมากท่ีสุดสถาบันหน่ึง บทบาทของพรรคการเมืองในการเมืองไทยเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มคี วามส�ำคญั ตอ่ การเช่ือมตอ่ ความต่ืนตัวทางการเมอื งของประชาชนอย่างมาก

52 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ บทที่ 3 วิธีการศึกษาวิจัย

53 การศึกษาวิจัยเร่ือง “การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่” เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยมุ่งที่จะ ศกึ ษาและอธบิ ายบทบาทของตวั แสดงทางการเมอื งในการเลอื กตงั้ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 ไดแ้ ก่ พรรคการเมอื ง ผู้สมัครรับเลือกต้ัง องค์กรรัฐท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการเลือกตั้งเช่น คณะกรรมการการเลือกต้ัง องค์กรกลาง ท่ีเก่ียวข้องกับการสังเกตการณ์การเลือกต้ัง และประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกต้ังในพื้นท่ีจังหวัด เชยี งใหม่ 3.1 แนวทางการวิจัย เพ่ือให้ได้มาซึ่งข้อมูลในการศึกษาวิเคราะห์ที่ครบถ้วน สมบูรณ์ และครอบคลุมประเด็นท่ีศึกษา ผ้ศู ึกษาจงึ ได้ก�ำหนดแนวทางการศกึ ษาแบง่ ออกเป็น 2 สว่ น ไดแ้ ก่ ส่วนแรกเปน็ การศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวข้อง (Documentary Research) ผู้ศึกษาจะท�ำการค้นคว้าและศึกษาข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับ ระบบ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง และพฤตกิ รรมการลงคะแนนเสยี งเลอื กตง้ั ตลอดจนเอกสารงานวจิ ยั วทิ ยานพิ นธ์ หนังสือ วารสาร บทความวิชาการ ข่าว รวมถึงรายงาน ระเบียบ กฎหมายของภาครัฐที่มีผลต่อการด�ำเนินการ ในการจัดการเลือกต้งั จังหวดั เชยี งใหม่ ส่วนที่สองเป็นการวิจัยภาคสนาม (Field Research)ใช้วิธีการวิจัยแบบสังเกตการณ์ท้ังมีส่วนร่วม และไม่มีส่วนร่วม ผู้ศึกษาลงพ้ืนท่ีส�ำรวจและเก็บข้อมูลโดยแบ่งตามเขตเลือกต้ังท่ีมีทั้งหมด 9 เขตเลือกต้ัง ในจังหวัดเชียงใหม่ และมีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสัมภาษณ์กลุ่ม (Focus-group Interview) กบั ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ผนู้ �ำชมุ ชน นกั การเมอื งทอ้ งถนิ่ และประชาชนทว่ั ไปในฐานะของผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ 3.2 วิธีการเก็บข้อมูล 3.2.1 การวิจยั เอกสาร (Documentary Research) โดยผวู้ จิ ัยไดด้ �ำเนินการในการรวบรวมขอ้ มลู เอกสาร และการสบื คน้ เอกสารหลกั ฐานที่เกีย่ วข้องกบั ประเดน็ ในการศกึ ษาวจิ ยั เอกสารถกู แบง่ ออกเปน็ 2 กลมุ่ คอื เอกสารชน้ั ตน้ เชน่ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั ร ไทย พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ัง พ.ศ. 2560 อ�ำนาจหน้าท่ีของ คณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกต้ัง และ บทบาทของพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และ เอกสารช้ันรอง ได้แก่ หนังสือพิมพ์ บทความ หนังสือ และข้อมูลของพรรคการเมืองที่เป็นเอกสารเผยแพร่ ข้อมูลเชิงพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ เช่น ข้อมูลประชากร ข้อมูลพรรคการเมืองที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งในจังหวัด

54 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ท่ีก�ำหนดทั้งในการเลือกต้ังปัจจุบัน และการเลือกต้ังในอดีต และข้อมูลประวัติผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อม ความเป็นเครือญาติ หรือเครือข่ายของนักการเมืองเก่า ท้ังในระดับชาติและระดับท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนงานวจิ ยั และผลงานทางวชิ าการของนกั วิชาการ 3.2.2 การสังเกตแบบมีสว่ นร่วมและไม่มสี ว่ นรว่ ม (Participatory Observation) โดยเป็นการสังเกต บันทึก และวิเคราะห์บรรยากาศทั่วไป บริบททางการเมือง การแสดงออกและ บทบาทของท้ังผู้สมัครรับเลือกต้ัง ผู้สนับสนุนการเลือกต้ัง และประชาชน โดยมีการเข้าร่วมต้ังแต่วันรับสมัคร รับเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียงเลือกต้ังของพรรคการเมืองและผู้สมัครพรรคต่าง ๆ จนถึงวันเลือกตั้งและ การสัมภาษณ์และศึกษาบริบทหลังการเลือกตั้ง โดยการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมทางการเมืองของผู้ลงสมัคร รบั เลอื กตงั้ บทบาทของหนว่ ยงานภาครฐั บรษิ ทั เอกชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทเี่ ขา้ มามบี ทบาทเกยี่ วขอ้ ง กบั การเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทน 3.2.3 การสัมภาษณ์ (Interview Method) โดยมีการใช้เทคนิคทั้งการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสัมภาษณ์กลุ่ม (Focus-group Interview) โดยมีท้ังค�ำถามก่ึงโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง คือการก�ำหนดชุดค�ำถามท่ีน�ำมาสู ่ ข้อมูลในการน�ำไปวิเคราะห์เพื่อแยกแยะความแตกต่างและความเหมือนในประเด็นเดียวกัน การสัมภาษณ์ ท่ีเน้นประเด็นค�ำส�ำคัญเพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระและเน้นการเก็บประเด็น จากค�ำตอบของผใู้ หส้ มั ภาษณ์ โดยเฉพาะประเดน็ ค�ำถามทางการเมอื งทอ่ี าจมผี ลตอ่ ความรสู้ กึ และกระทบบรบิ ท ในการสมั ภาษณ์ ผวู้ จิ ยั จะตอ้ งอาศยั ประสบการณแ์ ละความรใู้ นการปรบั เปลยี่ นค�ำถาม และการใหป้ ระเดน็ ของ การแสดงความคดิ เห็นมากกว่าการตัดสินเพอ่ื การวพิ ากษ์วจิ ารณ์ 3.3 ผู้ให้ข้อมูล (Key Informants) การศึกษาวิจัยน้ีเป็นการศึกษาภายใต้บริบทของการเลือกตั้ง โดยผวู้ จิ ยั ไดใ้ ชว้ ธิ เี ลอื กผใู้ หข้ อ้ มลู หลกั โดยวิธีเจาะจงตามวัตถุประสงค์ (Purposive Sampling) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงโดยอาศัย ความรอบรู้ ความช�ำนาญและประสบการณ์ เปน็ ผใู้ หข้ ้อมูลคนส�ำคญั (Key Informants) โดยกลุ่มผู้ให้ข้อมูล แบ่งออกเปน็ 6 กล่มุ หลัก คอื 1. ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั จากหลากหลายพรรคการเมอื ง แตเ่ ปน็ ผสู้ มคั รครอบคลมุ ทง้ั 9 เขตการเลอื กตงั้ ในจงั หวดั เชยี งใหม่ ผสู้ นบั สนนุ พรรคการเมอื ง ตวั แทนของพรรคการเมอื งและสาขาพรรคการเมอื ง 2. หนว่ ยงานรัฐทเี่ ก่ียวข้อง เชน่ คณะกรรมการการเลอื กตั้ง ข้าราชการทอ้ งถนิ่ ท่มี สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกับ การจัดการการเลือกต้งั

55 3. นกั วิชาการทางรฐั ศาสตร์ 4. ผนู้ �ำทอ้ งถิน่ เครือข่ายกลุ่มผู้น�ำการเมืองของพรรคการเมืองในพนื้ ทจี่ ังหวดั เชียงใหม่ 5. ประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คร้ังแรก และประชาชนทั่วไปโดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกต้ังที่อาศัยในเขตอ�ำเภอเมืองและ เขตอ�ำเภอรอบนอกอ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล ภายหลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งก่อนและช่วงเวลาของการเลือกตั้งทั้งจากเอกสารและพ้ืนท ี่ การวิจัย ผู้วิจัยได้ท�ำการสกัดข้อมูลเน้ือหาท้ังจากเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก และจัดกลุ่มข้อมูลด้วยการ ตรวจสอบข้อมูลสามเส้า (Data Triangulation) คือ การตรวจสอบเวลา พ้ืนที่ บุคคลว่ามีความเหมือนหรือ มคี วามตา่ งกนั หรอื ไมเ่ พราะเหตใุ ด โดยน�ำมาวเิ คราะหร์ ว่ มกบั ทฤษฎที นี่ �ำมาใชเ้ ปน็ กรอบแนวคดิ ในการวเิ คราะห์ โดยใช้แนวทางในการวิเคราะห์ตีความจากประเด็นและการปรากฏของภาพ เสียงและเน้ือหาของข้อมูลใน รปู แบบตา่ ง ๆ (Interpretative Analysis) การวเิ คราะหเ์ อกสาร (Documentary Analysis) และการวเิ คราะห์ เชิงอรรถาธิบาย (Descriptive Analysis) ที่ส�ำคัญการน�ำเสนอข้อมลู ในการวิจยั เปน็ การน�ำเสนอในรูปแบบของ การพรรณนาและอธบิ ายบรบิ ท สภาพแวดลอ้ มทางการเมอื ง การน�ำเสนอขอ้ เทจ็ จรงิ ของพน้ื ทจ่ี ากกลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มลู ท้งั ทเี่ ปิดเผยและไม่เปิดเผยเพอ่ื น�ำไปส่ขู อ้ สรปุ ของงานวจิ ยั 3.5 ข้อจ�ำกัดของการวิจัย ในการรวบรวมข้อมูลพ้ืนที่และการสัมภาษณ์เชิงลึกซ่ึงเป็นช่วงเวลาก่อนและหลังวันเลือกตั้ง วันที่ 24 มนี าคม 2562 ผู้วิจัยไดส้ รุปประเดน็ ส�ำคัญจากการเกบ็ ข้อมลู ในพน้ื ทวี่ ิจัยจงั หวดั เชียงใหม่ ดังนี้ 3.5.1 สภาพแวดล้อมทางการเมืองของจังหวัดเชียงใหม่มีบรรยากาศของความหวาดระแวง ที่มีผล ตอ่ กลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มลู โดยเฉพาะประชาชนทวั่ ไปทไ่ี มก่ ลา้ เปดิ เผยขอ้ มลู เชงิ ลกึ โดยเฉพาะการซอ้ื เสยี ง และการไดร้ บั คา่ ตอบแทนในชว่ งเวลากอ่ นและหลงั การเลอื กตงั้ ซง่ึ ขอ้ จ�ำกดั นที้ �ำใหน้ กั วจิ ยั ทสี่ นใจท�ำการศกึ ษาเรอื่ งการเลอื กตง้ั ภายใต้บริบทท่ียังมีการควบคุมเคร่งครัดจากหน่วยงานราชการ จ�ำเป็นต้องลงพื้นที่ซ้�ำหลายคร้ังเพื่อสร้าง ความคุ้นเคย และหาเครอื ขา่ ยผใู้ หข้ ้อมูลคนอนื่ ๆ ท่ีสามารถใช้ขอ้ มูลมาสังเคราะห์ได้ 3.5.2 การเข้าถึงข้อมูลทางการเมืองต้องอาศัยเครือข่ายและความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้น�ำการเมือง และนกั การเมอื งทอ้ งถนิ่ เปน็ สงิ่ ทเี่ ออ้ื ประโยชนต์ อ่ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู วจิ ยั โดยเฉพาะความไวว้ างใจในการให้ ขอ้ มูลของผใู้ หข้ ้อมูลเป็นสงิ่ ท่ีนักวจิ ัยต้องค�ำนงึ ถงึ มาก

56 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ 3.5.3 เง่ือนไขบริบทพื้นท่ีก็เป็นปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้นักวิจัยต้องมีการวางแผนโดยเฉพาะก่อนลงไป ในพ้ืนที่ใดพื้นที่หนึ่ง ต้องมีการแจ้งผู้น�ำ และท�ำความเข้าใจในเนื้อหาสาระและการเผยแพร่ข้อมูลวิจัย โดยเฉพาะในพื้นท่ีซ่ึงเคยมีความขัดแย้งทางการเมืองนับต้ังแต่ยุคเสื้อเหลืองเสื้อแดง ที่ท�ำให้ต้องทราบวิธีการ เข้าถึงแกนน�ำทางการเมืองในท้องถิ่นเพื่อไม่ใหเ้ กดิ อุปสรรคในการลงพื้นท่ีเพอ่ื เก็บรวบรวมข้อมูล 3.5.4 การลงพื้นทีส่ มั ภาษณ์ผู้ให้ข้อมลู กอ่ นและหลังการเลือกต้ัง สง่ ผลต่อความลกึ เข้มขน้ ของข้อมูล แตกต่างกัน ภายหลังการประกาศรับรองผลเลือกต้ัง นักวิจัยได้ลงพ้ืนท่ีเพ่ือเก็บข้อมูลสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูล บางส่วนพบวา่ มกี ารเปดิ เผยขอ้ มลู มากขึ้นกว่ากอ่ นช่วงเวลากอ่ นการเลอื กตัง้ 3.5.5 นกั วจิ ยั ตอ้ งยดึ จรยิ ธรรมในการเคารพสทิ ธแิ ละความปลอดภยั ของผใู้ หข้ อ้ มลู จากการเกบ็ รวบรวม ขอ้ มลู และมโี อกาสสมั ภาษณท์ งั้ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั หวั คะแนน นกั การเมอื งทอ้ งถนิ่ ขา้ ราชการ และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งในเขตเมืองและเขตรอบนอกเมือง พบว่าข้อมูลและข้อเท็จจริงในการเลือกต้ัง จ�ำนวนมากมีความสุ่มเส่ียงต่อการกระท�ำผิดกฎหมายเลือกตั้งท้ังโดยตั้งใจและไม่ต้ังใจ เช่น การใช้อิทธิพล ในพ้ืนที่ หรือการซ้ือเสียงผ่านระบบหัวคะแนน มีผลให้นักวิจัยไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลบางส่วนและรายช่ือ บุคคลผใู้ หข้ ้อมลู ได้ และขอ้ มูลบางส่วนจะน�ำมาสู่ความขดั แย้งได้ การด�ำเนินการวิจัยที่เก่ียวข้องกับการเลือกต้ังและพรรคการเมืองนับเป็นส่ิงที่ท้าทายนักวิจัย เงื่อนไข เร่ืองเวลาของการลงพื้นท่ีเก็บข้อมูลกับเง่ือนไขทางสังคมของแต่ละพื้นที่เป็นสิ่งที่นักวิจัยต้องให้ความส�ำคัญ เพ่ือออกแบบใช้เครื่องมือและวิธีการวิจัยที่เหมาะสม พ้ืนเพของการเมืองในพ้ืนท่ีต่าง ๆ มีวิวัฒนาการของกลุ่ม การเมือง พรรคการเมือง และความรุนแรงแตกต่างกัน ดังน้ัน ระเบียบวิธีวิจัยท่ีเหมาะสม การสร้างเครือข่าย ผใู้ หข้ ้อมูลในพ้นื ท่ีจะชว่ ยท�ำให้การสงั เคราะหแ์ ละวิเคราะห์ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ มคี วามถกู ตอ้ งชัดเจนมากขึ้น

57

58 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ บทที่ 4 บริบททางการเมือง และการต่อสู้แข่งขัน การเลือกตั้ง ในจังหวัดเชียงใหม่

59 ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อ�ำเภอ 204 ต�ำบล และมีหมู่บ้านจ�ำนวน 2,066 หมู่บ้าน (ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่, 2560) จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นพ้ืนท่ี ทางการเมอื งการปกครองท่ีส�ำคญั ของประเทศ นับเปน็ ศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมของภาคเหนอื ตอนบน ส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างรวดเร็วต่อเน่ือง เกิดการเปล่ียนแปลงของ ภาวะความเปน็ เมอื งทแี่ ผข่ ยายทงั้ ในรปู แบบของการพฒั นาโครงสรา้ งพนื้ ฐาน การคมนาคม ตลอดจนการเกดิ ขนึ้ ของเครอื ขา่ ยการพฒั นาการตดิ ตอ่ สอ่ื สารทส่ี ง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมและความคดิ ทางการเมอื งของประชาชนในจงั หวดั เชียงใหม่ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยเฉพาะการรับรู้ข้อมูลและการมีส่วนร่วมทางการเมืองท่ีไม่ได้มีความแตกต่าง กันมากนกั ระหวา่ งพน้ื ท่ีเมอื งกบั ชนบท แต่หากศึกษาพฤตกิ รรมทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กต้ัง บริบท พนื้ ทเ่ี มอื งกบั ชนบทยงั คงเปน็ เงอื่ นไขส�ำคญั ทมี่ ผี ลตอ่ การเมอื งในจงั หวดั เชยี งใหมอ่ ยา่ งนา่ สนใจ การใหค้ วามส�ำคญั ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและพ้ืนท่ียังคงเป็นข้อเรียกร้องของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นท่ีมาอย่างต่อเนื่อง ในอีกประเด็นของพ้ืนที่จังหวัดเชียงใหม่คือ มิติการเมือง ระดับชาติกับการเมืองระดับท้องถ่ินกลับพบว่ามีพลวัตของการเปลี่ยนแปลงท่ีน่าสนใจ โดยเฉพาะตัวแปรที่เกิด มาจากพรรคการเมืองกับผู้น�ำพรรคการเมือง เขตพ้ืนที่และเขตเลือกตั้งมีผลที่สร้างความแตกต่างทางการเมือง ได้อย่างชัดเจน ดังน้ัน ในบทน้ีจะน�ำเสนอข้อมูลส�ำคัญที่เป็นพ้ืนฐานในการท�ำความเข้าใจการเมืองของจังหวัด เชยี งใหมท่ งั้ ขอ้ มลู พนื้ ที่ ประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื งกบั การเลอื กตง้ั ขอ้ มลู ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั และการแบง่ เขตเลอื กตง้ั ตลอดจนความหลากหลายทางวฒั นธรรมทส่ี ่งผลต่อรูปแบบทางการเมืองของจังหวัดเชยี งใหม่ที่เปลย่ี นแปลงไป จนน�ำมาสู่การเปลีย่ นแปลงในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท่ผี า่ นมา 4.1 ขอ้ มลู พ้ืนฐานการเลอื กตง้ั ของบรบิ ททางการเมอื ง ในจังหวัดเชียงใหม่ จงั หวัดเชยี งใหม่ถอื เป็นจงั หวัดที่มีประวัติศาสตร์ทางการเมืองท่สี ง่ ผลต่อการเมืองระดบั ชาตมิ านบั แต่ อดตี ทก่ี ารเลอื กตงั้ ไดก้ ลายเปน็ เงอื่ นไขส�ำคญั ของประชาชนในจงั หวดั เชยี งใหมใ่ นการตอ่ รองนโยบายระดบั ประเทศ อกี ทง้ั การเชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยทางการเมอื งในระดบั ทอ้ งถนิ่ ของเขตภาคเหนอื ตอนบนถอื เปน็ ฐานพลงั อ�ำนาจทสี่ �ำคญั ตอ่ การด�ำรงอยขู่ องพรรคการเมอื งในระดบั ชาติ จงั หวดั เชยี งใหมเ่ ปน็ จงั หวดั ทม่ี จี �ำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ไดม้ ากทส่ี ดุ ของกลมุ่ จงั หวดั ภาคเหนอื คอื มจี �ำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตถงึ 9 คน3 และมจี �ำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากเปน็ อันดบั 4 ของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร 30 คน นครราชสมี า 14 คน ขอนแก่นและอุบลราชธานี 10 คน4 อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการของการเลือกต้ังในพ้ืนที่จังหวัดเชียงใหม่เร่ิมต้น 3 จ�ำนวน ส.ส.ในการเลือกตั้งวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ถูกลดจ�ำนวนลง 1 ท่ีน่ัง และมีการแบ่งเขตเลือกต้ังเป็น 9 เขตเลือก จากเดิม 10 เขตเลอื กตงั้ 4 ราชกจิ จานเุ บกษา เผยแพรป่ ระกาศโดยส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตง้ั วันท่ี 29 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2561

60 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ นับตง้ั แตม่ กี ารประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกต้ังผู้แทนต�ำบลทวั่ ประเทศในปี พ.ศ. 2476 การเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.) ครงั้ แรก ถอื เป็นการเลอื กตัง้ ทางอ้อมท่ใี หผ้ ู้แทนต�ำบลเป็นผูล้ งคะแนนเลือกต้ัง ผู้แทนในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 เป็นการเลือกต้ังแบบรวมเขตและจังหวัดเชียงใหม่มีผู้แทนราษฎร ได้เพียง 2 คน ในขณะที่การเลือกตั้งท่ัวไป คร้ังท่ี 2 เกิดข้ึนเมื่อวันท่ี 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 คร้ังท่ี 3 วันท่ี 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 และครั้งที่ 4 ในวันท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2489 เป็นการเลือกต้ังแบบแบ่งเขต เขตละ 1 คน โดยการเลอื กตั้งโดยตรงและลบั ท�ำใหจ้ งั หวดั เชยี งใหมม่ จี �ำนวน ส.ส. เพ่ิมข้นึ เปน็ 3 คน การเลอื กตง้ั ทั่วไป คร้งั ท่ี 5 เกิดขน้ึ เม่ือวันท่ี 29 มกราคม พ.ศ. 2491 ซงึ่ ถือเปน็ จุดเปลย่ี นทั้งรปู แบบ การแบ่งเขตและผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา โดยก�ำหนดให้เป็นการเลือกต้ังแบบรวมเขต มีผู้แทนฯ ได้ 3 คน แต่มีการเพ่ิมเติมบทเฉพาะกาลตามรัฐธรรมนูญท่ีท�ำให้มีผู้แทนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนปี พ.ศ. 2492 นับตั้งแต ่ การเลือกต้ังคร้ังนี้ นัยส�ำคัญของข้อมูลการเลือกต้ังในจังหวัดเชียงใหม่คือ การเริ่มก่อรูปของตระกูลการเมือง และการนิยมตัวบุคคลท่ีได้รับการเลือกต้ังกลับมาเป็นผู้แทนราษฎรอีก ความคิดเรื่องการเลือกตัวบุคคลเร่ิมม ี ความชดั เจนมากขึน้ การเลือกต้ัง คร้ังที่ 6 วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 เป็นการเลือกต้ังที่ยังคงใช้การเลือกต้ังแบบ รวมเขต โดยมผี ู้แทนราษฎรได้ 4 คน การเลอื กต้งั ครั้งท่ี 7 ในวนั ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เป็นการเลอื กต้ัง ภายหลงั จากมกี ารประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั พิ รรคการเมอื งเปน็ ครง้ั แรก ท�ำใหผ้ สู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สามารถสงั กดั พรรคการเมืองหรือเป็นผู้สมัครอิสระได้ โดยท่ีจังหวัดเชียงใหม่มีผู้แทนได้ท้ังหมด 5 คน การเลือกตั้ง คร้ังที่ 8 ในวันท่ี 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 ยังคงเป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขต มีผู้แทนราษฎรได้ท้ังหมด 5 คน ครั้งท่ี 9 การเลอื กตัง้ จดั ขึน้ ในวนั ที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2512 มจี �ำนวน ส.ส. จงั หวดั เชียงใหมเ่ พ่ิมข้นึ มารวมเป็น 6 คน การเลือกตั้ง คร้ังท่ี 10 และ ครั้งที่ 11 มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการก�ำหนดเขตเลือกตั้งและ ระบบการเลือกตั้ง โดยก�ำหนดให้เป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตกึ่งรวมเขต มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละ ไมเ่ กิน 7 คน โดยจงั หวดั เชยี งใหม่มที ัง้ หมด 3 เขตเลอื กต้ัง จัดการเลอื กตงั้ ขึ้นเม่ือวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 และวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ตามล�ำดับ การเลอื กตงั้ ครง้ั ที่ 12 จดั ขนึ้ เมอ่ื วนั ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 ก�ำหนดใหเ้ ปน็ การเลอื กตง้ั แบบแบง่ เขต เขตละไม่เกนิ 3 คน จงั หวัดเชียงใหมม่ สี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรได้ 7 คน การเลอื กต้ัง คร้ังท่ี 13 และ ครง้ั ที่ 14 การเลอื กตงั้ แบบแบง่ เขตกงึ่ รวมเขตถกู กลบั มาใชอ้ กี และยงั คงก�ำหนดให้ แบง่ เขตเลอื กตง้ั ออกเปน็ เขตละไมเ่ กนิ 3 คน จงั หวดั เชยี งใหมย่ งั คงมี 3 เขต แตจ่ ะตา่ งคอื ครงั้ ท่ี 13 มสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรได้ 7 คน แตก่ ารเลอื กตง้ั ในช่วง ครั้งที่ 14 จนถึง ครั้งท่ี 15 (24 กรกฎาคม 2531) คร้ังท่ี 16 (22 มีนาคม พ.ศ. 2535) และ ครั้งที่ 17 (13 กนั ยายน พ.ศ. 2535) มจี �ำนวนสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรได้ 9 คน และยงั คงมี 3 เขตเลือกตง้ั

61 การเลือกตั้งใน คร้ังท่ี 18 วันท่ี 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 เป็นการเลือกต้ังแบบแบ่งเขตกึ่งรวมเขต เชียงใหม่ถูกแบ่งออกเป็น 4 เขต และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเป็น 10 คน และการเลือกตั้ง ครั้งท่ี 19 ในวันท่ี 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ก็เช่นกัน เป็นการเลือกตั้งที่เกิดข้ึนภายหลังจากการประกาศยุบสภา ภายใต้การบริหารของรฐั บาลนายบรรหาร ศลิ ปอาชา นายกรฐั มนตรี หวั หนา้ พรรคชาติไทย การเปล่ียนแปลงทางการเมืองที่ส�ำคัญภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 คือ การเลือกต้ัง คร้ังท่ี 20 ในวันท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2544 และ ครั้งท่ี 21 ในวันท่ี 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 แมก้ ารเลอื กตง้ั ทงั้ 2 ครงั้ ยงั คงจ�ำนวน ส.ส.ไวท้ ี่ 10 คน แตก่ ารเปลย่ี นแปลงของระบบการเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ นผสม ที่มีบัตรเลือกต้ัง 2 ใบคือ การเลือกพรรค โดยดูจากระบบบัญชีรายชื่อ (Party List) และการเลือก ส.ส.เขต (Single-member Constituency) สง่ ผลใหก้ ารชนะการเลอื กตงั้ ของพรรคไทยรกั ไทยในจงั หวดั เชยี งใหมก่ ลายเปน็ ปรากฏการณ์ของการพลิกพ้ืนท่ีเชียงใหม่ไปสู่ความนิยมในพรรคการเมืองและเกิดกลุ่มสนับสนุนเป็นเครือข่าย อย่างต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบัน ความนิยมพรรคในนามของพรรคไทยรักไทยของจังหวัดเชียงใหม่ในการเลือกตั้ง ทั้ง 2 คร้ัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าความนิยมส่วนหน่ึงเกิดมาจากการท่ีหัวหน้าพรรค ดร.ทักษิณ ชินวัตร มีภูมิล�ำเนา ในจังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงมองกันว่าการก�ำเนิดพรรคไทยรักไทยและการชนะเลือกต้ังในพื้นที่ภาคเหนือนี้เอง ไดต้ อกย้�ำความเปน็ ภมู ิภาคนิยมของพฤตกิ รรมการเลือกต้งั ของคนไทย (ชนิ ภัทร์ สมุทรชยั , 2546) การเลือกตงั้ ในคร้ังท่ี 22 ในวันท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2549 นับเป็นการเปล่ียนปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลให้เกิด ความขดั แยง้ ทางการเมอื งจากผลการเลอื กตง้ั ทป่ี รากฏใหเ้ หน็ ถงึ ความส�ำคญั ของการออกแบบระบบการเลอื กตงั้ เพราะท�ำให้เกิดการชนะการเลือกตั้งของเสียงข้างมาก และจ�ำนวนของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งท่ีเลือก ไม่ลงคะแนนมากท่ีสุดในประวัตศิ าสตร์การเลอื กต้ัง จนน�ำมาสู่การรัฐประหารในปี 2549 การเลือกต้ังท่ัวไป ครั้งที่ 23 มีการเปล่ียนแปลงระบบการเลือกต้ัง คือ การจัดเขตเลือกตั้งเป็นเขต กลุ่มจงั หวดั และจังหวดั เชียงใหมย่ ังมี ส.ส.เพิ่มข้นึ มาเปน็ 11 คน การเลอื กตง้ั ครงั้ ท่ี 24 และ ครงั้ ท่ี 25 มกี ารกลบั มาใชร้ ะบบการเลอื กตงั้ แบบเดมิ คอื ระบบการแบง่ เขต กบั ระบบบญั ชรี ายชอ่ื ทใ่ี ชป้ ระเทศเปน็ เขตเลอื กตง้ั ซง่ึ จงั หวดั เชยี งใหมม่ จี �ำนวน ส.ส. 10 คน และประชาชนเลอื ก เขตละ 1 คน การเลือกตั้งล่าสุดคือ วันที่ 24 มีนาคม 2562 ซ่ึงมีการจัดแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่ และมกี ารเปลยี่ นระบบการเลอื กตง้ั ตามรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2560 ทเี่ รยี กวา่ จะระบบจดั สรรปนั สว่ นผสม ทย่ี งั คงม ี ระบบบญั ชรี ายชื่อกับระบบเขตเลือกตัง้ แตม่ บี ัญชีผู้ทพี่ รรคเสนอช่อื เปน็ นายก และมบี ัตรเลอื กตงั้ ใบเดยี ว

62 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ตารางที่ 4.1 ตารางแสดงระบบการเลอื กตัง้ จ�ำนวน ส.ส. และสดั ส่วนประชากรตง้ั แต่ พ.ศ. 2476 – พ.ศ. 2562 ของจงั หวดั เชยี งใหม่ คร้ังท่ี วนั ท*่ี รูปแบบการเลือกตงั้ 5 จำ� นวน จำ� นวน ส.ส. ส.ส.ทง้ั 1 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2476 การเลอื กตงั้ แบบรวมเขต ประเทศ6 (เลอื กตัง้ ทางออ้ ม) 2 2 7 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2480 78 3 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2481 การเลอื กตง้ั แบบแบง่ เขต เขตละ 1 คน 3 4 6 มกราคม พ.ศ. 2489 การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เขตละ 1 คน 3 91 5 29 มกราคม พ.ศ. 2491 การเลือกตง้ั แบบแบ่งเขต เขตละ 1 คน 91 6 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2495 5 7 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2500 การเลือกต้ังแบบรวมเขต 4 967 8 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2500 การเลอื กตั้งแบบรวมเขต 998 9 10 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2512 การเลือกตง้ั แบบรวมเขต 4 10 26 มกราคม พ.ศ. 2518 การเลอื กตั้งแบบรวมเขต 5 123 การเลอื กตั้งแบบรวมเขต 5 160 11 4 เมษายน พ.ศ. 2519 การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตกึ่งรวมเขต 6 160 เขตละไม่เกนิ 3 คน แบ่งเปน็ 3 เขต 7 219 12 22 เมษายน พ.ศ. 2522 การเลอื กต้ังแบบแบง่ เขตกึ่งรวมเขต 269 เขตละไมเ่ กนิ 3 คน แบ่งเป็น 3 เขต 7 13 18 เมษายน พ.ศ. 2526 การเลือกตงั้ แบบแบง่ เขตกงึ่ รวมเขต 279 เขตละไมเ่ กนิ 3 คน แบง่ เปน็ 3 เขต 7 14 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 การเลือกตงั้ แบบแบง่ เขตกง่ึ รวมเขต 301 เขตละไมเ่ กนิ 3 คน แบ่งเป็น 3 เขต 7 15 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 การเลอื กตงั้ แบบแบ่งเขตกึ่งรวมเขต 324 เขตละไม่เกนิ 3 คน แบง่ เปน็ 3 เขต 9 16 22 มนี าคม พ.ศ. 2535 การเลอื กตง้ั แบบแบง่ เขตก่ึงรวมเขต 347 เขตละไมเ่ กนิ 3 คน แบง่ เปน็ 3 เขต 9 การเลือกตั้งแบบแบง่ เขตกง่ึ รวมเขต 357 เขตละไม่เกนิ 3 คน แบ่งเปน็ 3 เขต 9 360 5 ประชนั รกั ษพ์ งษ.์ 2544. กระบวนการเลอื กตง้ั และปจั จยั ในการตดั สนิ ใจเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั เชยี งใหม.่ สถาบนั พระปกเกล้า. 6 เว็บไซต์รัฐสภาไทย. 2562. สถิติการเลือกต้ังสมาชิกผู้แทนราษฎรท่ีเป็นการเลือกตั้งทั่วไป. สืบค้นจาก https://www. parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_dl_link.php?nid=8463&filename=index 7 มีการเลอื กตัง้ เพ่ิมเติมอกี 82 คน ในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 8 มีการเลอื กตงั้ เพม่ิ เตมิ อกี 21 คน ในวนั ท่ี 5 มิถนุ ายน พ.ศ. 2492

63 17 13 กันยายน พ.ศ. 2535 การเลอื กต้ังแบบแบง่ เขตก่ึงรวมเขต 9 360 เขตละไม่เกนิ 3 คน แบง่ เป็น 3 เขต 391 393 18 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 การเลอื กต้งั แบบแบ่งเขตก่งึ รวมเขต 10 500 เขตละไมเ่ กนิ 3 คน แบ่งเป็น 4 เขต (400+100) 19 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 การเลอื กต้ังแบบแบง่ เขตก่ึงรวมเขต 10 500 (400+100) เขตละไม่เกนิ 3 คน แบ่งเปน็ 4 เขต 500 20 6 มกราคม พ.ศ. 2544 การเลือกตง้ั ผสมระบบแบบแบ่งเขต 10 (400+100) และระบบบญั ชรี ายชื่อ แบง่ เปน็ 10 เขต เขตละ 1 คน 480 21 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2548 การเลือกตง้ั ผสมระบบแบบแบง่ เขต 10 (400+80) และระบบบญั ชีรายชอื่ แบ่งเปน็ 10 เขต เขตละ 1 คน 500 (375+125) 22 2 เมษายน พ.ศ. 2549** การเลือกตั้งผสมระบบแบบแบง่ เขต 10 และระบบบัญชรี ายชอื่ แบ่งเป็น 10 เขต 500 เขตละ 1 คน (375+125) 23 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2550*** การเลือกตั้งผสมระบบแบบแบง่ เขต 11 500 และระบบสดั ส่วนบญั ชรี ายช่อื (เขต 1–3 (350+150) เขตละ 3 คน ส่วนเขต 4 มี 2 คน) 24 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 การเลือกต้งั ผสมระบบแบบแบ่งเขต 10 และระบบบญั ชีรายชอ่ื แบ่งเปน็ 10 เขต เขตละ 1 คน 25 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 การเลือกตง้ั ผสมระบบแบบแบง่ เขต 10 และระบบบญั ชรี ายชื่อ แบง่ เปน็ 10 เขต เขตละ 1 คน 26 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 การเลือกตัง้ ผสมระบบแบบแบ่งเขตและ 9 ระบบบัญชีรายช่ือ แบ่งเปน็ 9 เขต เขตละ 1 คน หรอื ท่ีเรียกระบบจดั สรรปันส่วนผสม หมายเหตุ *วันเลอื กต้ังในตารางเปน็ วันเลอื กต้ังทัว่ ไปไม่นับวนั เลือกตั้งซอ่ มหรอื การเลือกต้ังเพม่ิ เติม ** ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ท�ำให้ต้องมีการเลือกต้ังใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 แตเ่ กดิ การรฐั ประหารในวันท่ี 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เสียก่อน *** จดั ให้มกี ารเลือกตัง้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรแบบเขตเดยี วหลายคน โดยมสี มาชิกสภาผ้แู ทน แบบเขตเดียวหลายคนทั้งประเทศจ�ำนวน 400 คน และจัดการเลือกตัง้ แบบสดั ส่วน โดยก�ำหนดให้ กลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกต้ัง จ�ำนวน 8 กลุ่มจังหวัด และแต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้เพยี ง 10 คน โดยมีสมาชิกสภาผ้แู ทนแบบเขตเดียวหลายคนท้งั ประเทศจ�ำนวน 80 คน (นครินทร์ เมฆไตรรัตน,์ 2554)

64 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ 4.2 ข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกต้ังจังหวัดเชียงใหม่ ส�ำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยตัวเลขผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้ง ในวันท่ี 24 มีนาคม 2562 โดยเป็นข้อมูล ณ วันท่ี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โดยจ�ำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทง้ั ประเทศทงั้ หมด 51,419,975 คน โดยกลมุ่ ชว่ งอายุ 26 – 45 ปี เปน็ กลมุ่ ชว่ งอายทุ ม่ี ผี มู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั มากทสี่ ดุ จ�ำนวน 19,583,472 คน รองลงมาคือช่วงอายุ 46 – 60 ปี มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 14,444,663 คน ส่วนช่วงอายุ 18 – 25 ปี ซ่ึงถือว่าเป็นกลุ่ม First Time Voter มีจ�ำนวนผู้ท่ีมีสิทธิ 7,339,772 คน แบ่งเป็น เพศชาย 3,737,234 คน เพศหญงิ 3,602,538 คน จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดท่ีมีพื้นที่ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตามตัวเลขของกระทรวง มหาดไทยพบวา่ ในเดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2561 มปี ระชากรทมี่ ที ะเบยี นบา้ นในจงั หวดั เชยี งใหมแ่ ละมสี ญั ชาตไิ ทย จ�ำนวน 1,611,811 คน (กระทรวงมหาดไทย, 2561) แต่หากย้อนพิจารณาการลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้าย คือ การลงคะแนนเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ. 2560 ในวันลงประชามติ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ตัวเลขของประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในเวลานั้น มีจ�ำนวน 1,275,798 คน มาใช้สิทธอิ อกเสียง 933,449 คน ในขณะท่ี สถิติจ�ำนวนผู้มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ซึ่งถือเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นับจนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 ของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีจ�ำนวนท้ังสิ้น 1,307,083 คน แบ่งเป็นเพศชาย 620,313 คน และเพศหญิง 686,770 คน (กรมการปกครอง, 2561) โดยกระทรวงมหาดไทยเผยแพร่ตัวเลขข้อมูล ณ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 จังหวัดเชียงใหม่มีจ�ำนวนผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้งจ�ำนวน 1,310,244 คน (Thai PBS Online, 2562) เพมิ่ ข้ึนมาในชว่ งระยะเวลา 1 เดอื น 3,161 คน เป็นจงั หวัดทีม่ ผี ู้มสี ทิ ธลิ์ งคะแนนเสยี งเลือกตั้ง ในวันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ (กระทรวงมหาดไทย, 2562) อย่างไรก็ตาม ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจ�ำจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการของผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง คือ 1,303,804 คน จะเห็นว่าตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกต้ังของกระทรวงมหาดไทยและของ กกต. เชียงใหม ่ มีความคลาดเคลื่อนในรอบระยะเวลาเกือบ 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งการจัดท�ำข้อมูลของประชาชนของท้ัง 2 หน่วยงานมีผลอย่างยิ่งต่อการจัดการการเลือกต้ังตามเขตเลือกต้ังต่าง ๆ รวมถึงความถูกต้องแม่นย�ำของ ขอ้ มลู ประชาชน เพื่อเปน็ การรกั ษาสิทธิทางการเมืองของประชาชนอยา่ งถูกต้องดว้ ย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขโดยมีตัวเลขของคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 18 – 25 ปีในจังหวัดเชียงใหม่ นับถึง เดอื น ธันวาคม 2561 มจี �ำนวนถึง 175,590 คน ซึ่งเปน็ กลมุ่ ผมู้ สี ทิ ธิเลือกต้ังครงั้ แรก (First-time voters หรือ New Voters) (กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, 2561)9 9 ตัวเลขผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้งค�ำนวนโดยผู้วิจัยจากจ�ำนวนประชากรในแต่ละช่วงอายุ ตั้งแต่อายุ 18 ปี – มากกว่า 100 ปี โดย นบั ถงึ เดอื น ธนั วาคม พ.ศ. 2561 นบั เฉพาะผมู้ สี ญั ชาตไิ ทย และมชี อ่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ น ดงั นนั้ ตวั เลขประชาชนผมู้ สี ทิ ธเ์ิ ลอื กตงั้ ในจงั หวดั เชียงใหมท่ ี่นบั ถึงวนั เลอื กต้ังวนั ท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 อาจมีจ�ำนวนคลาดเคล่อื นเล็กน้อย

65 4.3 ข้อมูลการแบ่งเขตเลือกต้ังจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 รฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2550 และรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2560 โดยหลกั การทวั่ ไปในการแบง่ เขตเลอื กตง้ั มแี นวทางการแบง่ ออกเปน็ 2 แบบ คอื เขตเลอื กตง้ั แบบทม่ี ี ผแู้ ทนราษฎรไดค้ นเดยี ว (Single-member Districts) หรือท่ีเรียกว่า แบบแบง่ เขต กับแบบที่เขตเลือกตั้งหนึ่ง มีผู้แทนได้หลายคน (Multi-member Districts) หรือ แบบรวมเขต นอกจากการแบ่งเขตเลือกต้ังแล้ว การเลือกใช้ระบบการเลือกตั้งยังเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อทั้งพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและโอกาส ของพรรคการเมอื งในการชนะการเลอื กตงั้ ทแี่ ตกตา่ งกนั ได้ แมใ้ นทฤษฎแี บบประชาธปิ ไตยจะมองวา่ การจดั ใหม้ ี การเลือกตั้งถือเป็นกระบวนการในรูปแบบของประชาธิปไตย ท่ีให้ประชาชนในฐานะผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง เลือกต้ังได้แสดงออกซึ่งความต้องการของตนเองในการเลือกตัวแทนของตนไปท�ำหน้าที่นิติบัญญัติและบริหาร ในระบบรฐั สภา หากแตก่ ารออกแบบระบบการเลอื กตงั้ การสรา้ งกลไกของการเลอื กตง้ั ทม่ี กั ถกู ก�ำหนดเปา้ หมาย ของผลลพั ธท์ างการเมอื งรว่ มกบั อ�ำนาจและผลประโยชนท์ างการเมอื งของกลมุ่ การเมอื ง ชนชนั้ น�ำ และพรรคการเมอื ง มากกว่าแค่การเปดิ โอกาสการมีสว่ นร่วมของประชาชน ท�ำให้ระบบเลอื กตง้ั ทีถ่ กู ออกแบบมาในบรบิ ทการเมอื ง ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจึงกลายเป็นเครื่องมือของการสร้างความชอบธรรมทางการเมืองได้ ส�ำหรับประเทศไทย การออกแบบระบบการเลอื กตัง้ (Electoral System) มักเป็นไปตามสถานการณ์ทางการเมืองและสถานการณ์ ของอ�ำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองในแต่ละช่วงเวลา ระบบเลือกต้ังถูกมองว่าเป็นกลไกส�ำคัญในการ จัดสรรอ�ำนาจทางการเมือง ดังน้ัน การเมืองไทยท่ีผ่านมาถูกก�ำหนดทิศทางและฐานอ�ำนาจของผู้มีอ�ำนาจ และชนชั้นน�ำผ่านการออกแบบระบบการเลือกต้ังท่ีสามารถส่งผลต่อการแพ้หรือชนะของพรรคการเมืองและ ผสู้ มคั รรับเลอื กตง้ั ภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ในการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ ดงั กลา่ วเมอ่ื วนั ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 และการเลอื กตงั้ เมอ่ื วนั ที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2548 จงั หวดั เชยี งใหม่ แบง่ ออกเปน็ 10 เขตเลอื กต้งั โดยมกี ารก�ำหนดเขตเลอื กต้งั เป็นกลุม่ อ�ำเภอ ดังนี้ เขตเลอื กตงั้ ท่ี 1 : อ�ำเภอเมอื งเชยี งใหม่ (เฉพาะต�ำบลชา้ งเผอื ก ต�ำบลสเุ ทพ ต�ำบลศรภี มู ิ ต�ำบลปา่ ตนั ต�ำบลชา้ งม่อย ต�ำบลพระสงิ ห์ ต�ำบลชา้ งคลาน ต�ำบลหายยา และต�ำบลแม่เหียะ) เขตเลอื กตงั้ ท่ี 2 : อ�ำเภอเมอื งเชยี งใหม่ (เฉพาะต�ำบลวดั เกต ต�ำบลหนองปา่ ครง่ั ต�ำบลทา่ ศาลา ต�ำบล หนองหอย ต�ำบลป่าแดด และต�ำบลฟ้าฮ่าม) และอ�ำเภอสารภี เขตเลือกต้ังท่ี 3 : อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะต�ำบลสันผีเส้ือ), อ�ำเภอแม่ริม และอ�ำเภอแม่แตง (ยกเว้นต�ำบลแมห่ อพระ) เขตเลือกตงั้ ท่ี 4 : อ�ำเภอแม่แตง (เฉพาะต�ำบลแม่หอพระ), อ�ำเภอพร้าว และอ�ำเภอสันทราย

66 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตง้ั ที่ 5 : อ�ำเภอดอยสะเก็ด, อ�ำเภอสนั ก�ำแพง และกงิ่ อ�ำเภอแมอ่ อน เขตเลือกตั้งท่ี 6 : อ�ำเภอสันป่าตอง, อ�ำเภอหางดง และอ�ำเภอสะเมิง (เฉพาะต�ำบลสะเมิงใต้และ ต�ำบลสะเมงิ เหนือ) เขตเลือกต้ังที่ 7 : อ�ำเภอสะเมิง (ยกเว้นต�ำบลสะเมิงใต้ และต�ำบลสะเมิงเหนือ), อ�ำเภอแม่แจ่ม (เฉพาะต�ำบลบ้านจันทร์ ต�ำบลแจ่มหลวง ต�ำบลแม่แดด และต�ำบลแม่นาจร), อ�ำเภอแม่วาง และ กิ่งอ�ำเภอ ดอยหลอ่ เขตเลือกต้ังที่ 8 : อ�ำเภอแม่แจ่ม (ยกเว้นต�ำบลบ้านจันทร์ ต�ำบลแจ่มหลวง ต�ำบลแม่แดด และ ต�ำบลแมน่ าจร), อ�ำเภอฮอด, อ�ำเภอดอยเตา่ และอ�ำเภออมกอ๋ ย เขตเลือกตั้งที่ 9 : อ�ำเภอไชยปราการ, อ�ำเภอเวียงแหง, อ�ำเภอเชียงดาว และอ�ำเภอฝาง (เฉพาะ ต�ำบลแมข่ า่ ) เขตเลือกตง้ั ท่ี 10 : อ�ำเภอแม่อายและอ�ำเภอฝาง (ยกเวน้ ต�ำบลแม่ขา่ ) ในการเลือกตั้ง วันท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 มีการเปล่ียนแปลงระบบการเลือกตั้ง โดยใช้ระบบ การเลือกตั้งผสมระบบแบบแบ่งเขตและระบบสัดส่วนบัญชีรายช่ือ และมีผลท�ำให้มีการจัดเขตเลือกต้ังใหม่ โดยจงั หวัดเชยี งใหมม่ ที ัง้ หมด 4 เขตเลอื กตง้ั โดยแบ่งไดด้ งั น้ี เขตเลือกตง้ั ท่ี 1 : อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่, อ�ำเภอสนั ก�ำแพง, อ�ำเภอสารภี และอ�ำเภอหางดง เขตเลือกตั้งที่ 2 : อ�ำเภอพร้าว, อ�ำเภอแม่ออน, อ�ำเภอดอยสะเก็ด, อ�ำเภอสันทราย, อ�ำเภอแม่ริม, อ�ำเภอสะเมงิ , อ�ำเภอแม่วาง และอ�ำเภอสันปา่ ตอง เขตเลอื กตั้งที่ 3 : อ�ำเภอแม่อาย, อ�ำเภอฝาง, อ�ำเภอไชยปราการ, อ�ำเภอเชียงดาว, อ�ำเภอเวยี งแหง และอ�ำเภอแมแ่ ตง เขตเลอื กตงั้ ท่ี 4 : อ�ำเภอแมแ่ จม่ , อ�ำเภอจอมทอง, อ�ำเภอดอยหลอ่ , อ�ำเภอฮอด, อ�ำเภอดอยเตา่ และ อ�ำเภออมก๋อย จนมาถึงการเลือกต้ัง ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 และการเลือกตั้งใน วันท่ี 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ซงึ่ ถกู ศาลรฐั ธรรมนญู ตดั สนิ วา่ เปน็ โมฆะ ซง่ึ การเลอื กตง้ั ทงั้ 2 ครง้ั นเี้ ปน็ การเลอื กตง้ั ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2550 มกี ารแบง่ เขตเลอื กตง้ั ออกเปน็ 10 เขตเลือกต้ัง คอื (ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั , 2557)

67 เขตเลอื กตง้ั ที่ 1 : อ�ำเภอเมอื งเชยี งใหม่ (เฉพาะต�ำบลชา้ งเผอื ก ต�ำบลสเุ ทพ ต�ำบลศรภี มู ิ ต�ำบลปา่ ตนั ต�ำบลชา้ งมอ่ ย ต�ำบลพระสงิ ห์ ต�ำบลช้างคลาน ต�ำบลหายยา และต�ำบลแมเ่ หยี ะ) เขตเลือกต้ังท่ี 2 : อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะต�ำบลวัดเกต ต�ำบลหนองป่าคร่ัง ต�ำบลท่าศาลา ต�ำบลหนองหอย ต�ำบลปา่ แดด และต�ำบลฟ้าฮา่ ม) และอ�ำเภอสารภี เขตเลอื กตง้ั ท่ี 3 : อ�ำเภอดอยสะเกด็ อ�ำเภอสนั ก�ำแพง และ อ�ำเภอแม่ออน เขตเลอื กตั้งที่ 4 : อ�ำเภอแมแ่ ตง (เฉพาะต�ำบลแม่หอพระ), อ�ำเภอพรา้ ว และอ�ำเภอสันทราย เขตเลอื กตั้งที่ 5 : อ�ำเภอแมอ่ าย อ�ำเภอฝาง (ยกเว้นต�ำบลแมข่ า่ ) เขตเลือกตั้งที่ 6 : อ�ำเภอไชยปราการ, อ�ำเภอเวียงแหง, อ�ำเภอเชียงดาว และอ�ำเภอฝาง (เฉพาะ ต�ำบลแมข่ ่า) เขตเลือกตั้งที่ 7 : อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะต�ำบลสันผีเส้ือ), อ�ำเภอแม่ริม และอ�ำเภอแม่แตง (ยกเว้นต�ำบลแม่หอพระ) เขตเลือกตั้งท่ี 8 : อ�ำเภอสันป่าตอง, อ�ำเภอหางดง และอ�ำเภอสะเมิง (เฉพาะต�ำบลสะเมิงใต้และ ต�ำบลสะเมงิ เหนอื ) เขตเลือกตั้งที่ 9 : อ�ำเภอแม่วาง, อ�ำเภอจอมทอง, อ�ำเภอดอยหล่อ, อ�ำเภอกัลยาณิวัฒนา, อ�ำเภอ แมแ่ จม่ (เฉพาะต�ำบลแม่นาจร) และ อ�ำเภอสะเมิง (ยกเว้นต�ำบลสะเมิงใต้ และต�ำบลสะเมิงเหนอื ) เขตเลอื กต้งั ท่ี 10 : อ�ำเภอแมแ่ จ่ม (ยกเว้นต�ำบลแม่นาจร), อ�ำเภอฮอด, อ�ำเภอดอยเต่า และอ�ำเภอ อมกอ๋ ย ส�ำหรับการเลือกต้ัง วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฯ ฉบับปี พ.ศ. 2560 โดยส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังได้มีการประกาศจ�ำนวนผู้มีสิทธิเลือกต้ังจังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งสิ้น 1,303,804 คน โดยมีสัดส่วนจ�ำนวนประชากร 189,110 คน ต่อ ส.ส. 1 คน จึงได้มีประกาศเร่ืองจ�ำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และท�ำให้ต้องมีการก�ำหนดเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด โดยจงั หวดั เชยี งใหมม่ จี �ำนวนเขตเลอื กตง้ั 9 เขตเลอื กตงั้ และระเบยี บ กกต. วา่ ดว้ ยการแบง่ เขตเลอื กตงั้ ฯ ก�ำหนดให้ ผู้อ�ำนวยการ กกต.ทุกจังหวัดแบ่งรูปแบบการแบ่งเขตเลือกต้ังอย่างน้อย 3 รูปแบบ10 พร้อมกับส่งให้ท้ังแบบ 10 รปู แบบที่ 2 ทั้ง 9 เขตเลอื กตัง้ มดี งั นี้ เขต 1 อ.เมืองเชียงใหม่ (ยกเว้น ต.ทา่ ศาลา หนองหอย และ ต.หนองปา่ ครั่ง) เขต 2 อ.หางดง สารภี อ.เมืองเชยี งใหม่ (เฉพาะ ต.ทา่ ศาลา ต.หนองหอย และ ต.หนองปา่ ครง่ั ) เขต 3 อ.สันก�ำแพง ดอยสะเกด็ และ อ.แมอ่ อน เขต 4 อ.สันทราย พร้าว และ อ.แมแ่ ตง (เฉพาะ ต.แมห่ อพระ) เขต 5 อ.ฝาง และ อ.แม่อาย เขต 6 อ.ไชยปราการ เชียงดาว และ อ.เวียงแหง เขต 7 อ.แม่ริม สะเมิง กัลยาณิวัฒนา และ อ.แม่แตง (ยกเว้น ต.แม่หอพระ) เขต 8 อ.สันป่าตอง จอมทอง แมว่ าง และ อ.ดอยหล่อ เขต 9 อ.ฮอด แม่แจ่ม ดอยเต่า และ อ.อมก๋อย

68 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ดังกลา่ วให้อ�ำเภอทกุ อ�ำเภอตดิ ประกาศ โดยก�ำหนดให้ทกุ อ�ำเภอเพ่อื เปิดรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของพรรคการเมอื ง และประชาชนเปน็ เวลา 10 วนั ระหวา่ งวนั ที่ 4-13 ตลุ าคม 2561 โดยก�ำหนดใหป้ ดิ ประกาศ ณ สนง.กกต.จงั หวดั ศาลากลางจังหวดั ทีว่ ่าการอ�ำเภอ ส�ำนกั งานเทศบาล และทีท่ �ำการองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จากการด�ำเนนิ การรบั ฟังความคิดเหน็ ไดข้ ้อสรปุ ในการใชเ้ ขตเลือกต้ังใน รปู แบบท่ี 1 ดังแผนภาพตอ่ ไปน้ี แผนภาพ 4.1 แผนทก่ี ารแบง่ เขตเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั เชยี งใหม่ ตามรฐั ธรรมนญู ฯ พ.ศ. 2560 ทมี่ า ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั จังหวัดเชยี งใหม่ รปู แบบที่ 3 ทงั้ 9 เขตประกอบดว้ ย เขต 1 อ.เมอื งเชยี งใหม่ เขต 2 อ.หางดง และ อ.สารภี เขต 3 อ.สนั ก�ำแพง และ อ.สนั ทราย เขต 4 อ.ดอยสะเก็ด พร้าว และ อ.แม่ออน เขต 5 อ.ฝาง และ อ.แม่อาย เขต 6 อ.ไชยปราการ เชียงดาว และ อ.เวียงแหง เขต 7 อ.แม่ริม แม่แตง สะเมิง และ อ.กัลยาณิวัฒนา เขต 8 อ.สันป่าตอง จอมทอง แม่วาง และ อ.ดอยหล่อ เขต 9 อ.ฮอด แมแ่ จม่ ดอยเตา่ และ อ.อมก๋อย

69 จากแผนภาพมกี ารแบง่ เขตเลอื กตงั้ ทง้ั 9 เขต ดงั นี้ เขต 1 อ.เมอื งเชยี งใหม่ เขต 2 อ.สารภี และ อ.หางดง เขต 3 อ.สนั ก�ำแพง ดอยสะเกด็ และ อ.แมอ่ อน เขต 4 อ.สนั ทราย อ.พรา้ ว และ อ.แมแ่ ตง (เฉพาะ ต.แมห่ อพระ) เขต 5 อ.ฝาง และ อ.แมอ่ าย เขต 6 อ.ไชยปรากร อ.เชยี งดาว และ อ.เวยี งแหง เขต 7 อ.แมร่ มิ อ.สะเมงิ อ.กลั ยาณวิ ฒั นา อ.แม่แตง (ยกเว้น ต.แม่หอพระ) เขต 8 อ.สันป่าตอง อ.จอมทอง อ.แม่วาง และ อ.ดอยหล่อ เขต 9 อ.ฮอด อ.แม่แจ่ม อ.ดอยเต่า และ อ.อมก๋อย เพียงแต่สลับหมายเลขเขต 5 และเขต 7 (คณะกรรมการการเลือกตั้ง จงั หวัดเชียงใหม่, 29 พฤศจกิ ายน 2561) 4.4 ข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้ง สนามเลอื กตง้ั จงั หวดั เชยี งใหมใ่ นการเลอื กตงั้ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 มผี สู้ มคั รสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ จ�ำนวน 9 เขตเลอื กตงั้  รวม 310 คน จาก 44 พรรคการเมอื ง ภายหลงั การตรวจสอบคณุ สมบตั ิ และข้อต้องห้าม มีผู้สมัครไม่ผ่านเกณฑ์ จ�ำนวน 7 คน คงเหลือ 303 คน มีจ�ำนวนหน่วยเลือกตั้ง 2,590 หน่วย เลือกตั้ง จาก 25 อ�ำเภอ (ส�ำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 2562) ในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยจะได้น�ำเสนอ ข้อมูลของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ชนะการเลือกต้ัง 3 อันดับแรกของในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยข้อมูลจะเป็น ข้อมูลพน้ื ฐานดา้ นการศกึ ษา11 และข้อมลู เกี่ยวกับประสบการณ์ทางการเมืองเป็นหลกั ตาราง 4.2 แสดงข้อมูลของผู้สมัครรับเลือกตั้งท่ีได้รับเลือกคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกของ ท้ัง 9 เขตเลือกตั้งในจังหวัดเชยี งใหม่ เขตเลือกต้ังท่ี 1 อันดับ ชอ่ื คะแนน พรรคการเมือง ข้อมูล การเลือกตั้ง ตำ� แหนง่ หรอื อาชพี 24 มนี าคม 2562 การศกึ ษา ก่อนลงสมคั รรบั เลือกต้ัง สูงสุด 1 นางสาวทศั นยี ์ 45,894 เพอ่ื ไทย ปรญิ ญาโท นกั การเมือง อดีต ส.ส.เชียงใหม่ บรู ณุปกรณ์ ข้าราชการการเมือง ต�ำแหนง่ รองนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชยี งใหม่ 2 นางสาวศภุ รี 45,120 อนาคตใหม่ ปรญิ ญาโท ธรุ กิจส่วนตัว ฉตั รกนั ยารัตน์ 3 นายพจนารถ 21,183 พลงั ปริญญาโท นกั การเมือง, สมาชกิ องค์การบริหาร ศรียารัณย ประชารฐั สว่ นจงั หวัดเชียงใหม่ เขตอ�ำเภอเมอื ง 11 ขอ้ มลู ดา้ นการศกึ ษาเปน็ ขอ้ มลู ทป่ี รากฏในเวบ็ ไซตร์ ฐั สภาและแหลง่ ขอ้ มลู ออนไลนข์ องส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ผวู้ จิ ยั มขี อ้ สงั เกตวา่ ระดบั การศกึ ษาและสถาบนั การศกึ ษามคี วามส�ำคญั ตอ่ การสรา้ งภาพลกั ษณแ์ ละการสนบั สนนุ ของเครอื ขา่ ย ทางการเมอื งในระดบั พนื้ ทไ่ี ด้ ความเปน็ รนุ่ พร่ี นุ่ นอ้ ง ศษิ ยร์ ว่ มสถาบนั คอื แนวทางหนงึ่ ทใี่ ชใ้ นการหาเสยี งเหน็ ไดจ้ ากผสู้ มคั รหลายคน พยายามแนะน�ำตัวในฐานะศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษาเพื่อผลคะแนนกลุ่มคนรุ่นใหม่และอาจมีผลต่อการสร้างเครือข่าย สถาบันระดับอุดมศึกษา เชน่ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มหาวิทยาลยั แม่โจ้

70 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ อนั ดบั ชอ่ื เขตเลอื กต้งั ที่ 2 การศกึ ษา ขอ้ มลู สงู สดุ ต�ำแหน่งหรอื อาชพี 1 นายนพคุณ คะแนน พรรคการเมอื ง ก่อนลงสมคั รรบั เลอื กต้งั รัฐผไท การเลอื กต้ัง ปริญญาโท ขา้ ราชการกรมการปกครอง 24 มีนาคม 2562 2 นางสาวณัชชา โปธาย่ี 50,127 เพื่อไทย 3 นางศรีพรรณ 32,617 อนาคตใหม่ ปริญญาตรี ธรุ กิจส่วนตวั เขยี วทอง 17,022 พลังประชารฐั ปรญิ ญาโท แมบ่ า้ น อนั ดบั ชื่อ เขตเลอื กตัง้ ท่ี 3 การศึกษา ขอ้ มูล สูงสุด ต�ำแหน่งหรอื อาชพี 1 นายจกั รพล คะแนน พรรคการเมอื ง ก่อนลงสมัครรับเลอื กตง้ั ต้ังสทุ ธธิ รรม การเลือกต้งั ปรญิ ญาโท นกั การเมือง 24 มีนาคม 2562 2 พนั เอกศรัณย์ แสนพรหม 64,040 เพอื่ ไทย 3 นายพรชยั 28,624 อนาคตใหม่ ปรญิ ญาโท ขา้ ราชการบ�ำนาญ อรรถปรียางกลู 12,769 พลังประชารฐั ปริญญาโท ธุรกิจส่วนตวั เขตเลอื กต้งั ที่ 4 อนั ดับ ชอ่ื คะแนน พรรคการเมือง ขอ้ มลู การเลือกต้ัง การศึกษา ต�ำแหน่งหรอื อาชพี 24 มีนาคม 2562 สูงสดุ กอ่ นลงสมัครรบั เลอื กต้งั 1 นายวทิ ยา 37,454 เพือ่ ไทย ปริญญาโท ข้าราชการครู นักการเมือง ทรงค�ำ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ 2 นายชลติ 35,576 อนาคตใหม่ ปรญิ ญาโท เกษียณ ชนนิ ทรอ์ ารกั ษ์ 3 นางกงิ่ กาญจน์ 30,520 พลงั ประชารัฐ ปรญิ ญาตรี แมบ่ า้ น ณ เชียงใหม่

71 เขตเลือกตง้ั ที่ 5 อันดับ ช่ือ คะแนน พรรคการเมือง ขอ้ มูล การเลือกต้งั ตำ� แหนง่ หรืออาชพี 1 นายสมพงษ์ 24 มีนาคม 2562 การศกึ ษา กอ่ นลงสมัครรบั เลือกตง้ั อมรวิวฒั น์ สูงสดุ นกั การเมือง อดีต ส.ส.เชยี งใหม่ 41,169 เพื่อไทย 2 นางสาวเดือนเต็มดวง ปริญญาโท ณ เชียงใหม่ 29,170 พลงั ประชารัฐ ปริญญาเอก อาจารยป์ ระจ�ำคณะเศรษฐศาสตร์ 3 ร.ต.ท.วิทยา 27,940 มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ สงิ ห์มณี อนาคตใหม่ ปริญญาโท ข้าราชการต�ำรวจ เขตเลือกตง้ั ท่ี 6 อนั ดับ ชือ่ คะแนน พรรคการเมือง ขอ้ มลู การเลอื กตง้ั การศึกษา ตำ� แหน่งหรอื อาชีพ 24 มีนาคม 2562 สงู สดุ ก่อนลงสมคั รรับเลอื กตัง้ 1 นายจุลพันธ์ 23,576 เพือ่ ไทย ปริญญาโท นกั การเมอื ง อดตี ส.ส.เชียงใหม่ อมรววิ ฒั น์ 2 นายธีรพันธ์ 17,377 อนาคตใหม่ ปริญญาโท พนกั งานเอกชน สุรวิ รรณ 3 นายสนั ติ 12,944 พลังประชารฐั มัธยมศกึ ษา นักการเมอื ง อดีต ส.ส.เชยี งใหม่ ตันสหุ ัช ตอนปลาย เขตเลอื กตั้งท่ี 7 อนั ดับ ชื่อ คะแนน พรรคการเมือง ขอ้ มลู การเลือกตงั้ การศกึ ษา ต�ำแหน่งหรอื อาชีพ 1 นายประสทิ ธิ์ 24 มนี าคม 2562 สงู สุด กอ่ นลงสมัครรับเลอื กตั้ง วฒุ ินนั ชัย 27,477 เพือ่ ไทย ปรญิ ญาตรี นักการเมอื ง อดีต ส.ส.เชียงใหม่ 2 นายนราสญิ จน์ ปญั ญาศลิ ปวทิ ยา 19,729 อนาคตใหม่ ปรญิ ญาโท ข้าราชการบ�ำนาญ 3 นายไกร 18,925 ภมู ใิ จไทย ปรญิ ญาตรี ข้าราชการบ�ำนาญ ดาบธรรม

72 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ เขตเลอื กตง้ั ที่ 8 อนั ดบั ชอื่ คะแนน พรรคการเมือง ข้อมูล การเลอื กต้ัง ตำ� แหนง่ หรอื อาชีพ 24 มีนาคม 2562 การศึกษา ก่อนลงสมคั รรบั เลือกตั้ง สงู สดุ 1 นายสรุ พล 52,165 เพอ่ื ไทย ปรญิ ญาตรี นักการเมอื ง อดีต ส.ส.เชยี งใหม่ เกียรตไิ ชยากร 2 นายนเรศ 39,221 พลังประชารัฐ ปรญิ ญาโท นักธรุ กจิ ธ�ำรงคท์ ิพยคุณ 3 นางสาวศรนี วล 29,556 อนาคตใหม่ ปริญญาตรี นักการเมอื ง สมาชกิ องคก์ าร บญุ ลือ บรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชยี งใหม่ เลือกตง้ั ซอ่ ม วันท่ี 26 พฤษภาคม 2562 อันดบั ชือ่ คะแนน พรรคการเมอื ง ข้อมลู การเลือกต้ัง ต�ำแหนง่ หรืออาชีพ 24 มนี าคม 2562 การศกึ ษา ก่อนลงสมัครรับเลอื กตั้ง สูงสดุ 1 นางสาวศรีนวล 75,891 อนาคตใหม่ ปริญญาตรี นกั การเมอื ง สมาชกิ องคก์ าร บญุ ลือ บรหิ ารส่วนจังหวัดเชยี งใหม่ 2 นายนเรศ 27,861 พลงั ประชารฐั ปริญญาโท นักธุรกิจ ธ�ำรงค์ทิพยคุณ 3 นายวชริ วิทย์ 2,772 ภราดรภาพ ปริญญาโท ธรุ กจิ ส่วนตัว หลวงมณวี รรณ์ อันดับ ช่อื เขตเลอื กต้งั ท่ี 9 การศึกษา ขอ้ มลู สงู สดุ ตำ� แหนง่ หรอื อาชพี 1 นายศรเี รศ คะแนน พรรคการเมอื ง ก่อนลงสมคั รรบั เลอื กตัง้ โกฏค�ำลือ การเลอื กตง้ั ปริญญาโท นกั การเมอื ง อดีต ส.ส.เชยี งใหม่ 24 มีนาคม 2562 2 นายนรพล ตนั ตมิ นตรี 39,390 เพอ่ื ไทย 3 นายสุนทร 32,532 พลงั ประชารฐั ปริญญาโท นักการเมือง มาลีการุณกิจ 17,558 อนาคตใหม่ ปรญิ ญาโท ธุรกจิ สว่ นตวั ท่ีมา ระบบบริหารจัดการสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล https://hris.parliament.go.th/ss_th.php และ ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตง้ั ประจ�ำเชยี งใหม่ รวบรวมข้อมูลโดยผวู้ จิ ยั

73 4.5 การเลือกต้ังตามพระราชกฤษฎีกาก�ำหนดให้มี การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการท่วั ไป พ.ศ. 2562 โดยมกี ารแบง่ ขอ้ มลู ออกเปน็ 3 ชว่ งเวลา คอื การเลอื กตง้ั ลว่ งหนา้ ในวนั ที่ 17 มนี าคม 2562 การเลอื กตงั้ ท่วั ไปวันที่ 24 มนี าคม 2562 และการเลอื กต้ังใหม่เขตเลอื กตัง้ ที่ 8 จังหวัดเชยี งใหมว่ นั ที่ 26 พฤษภาคม 2562 โดยภาพรวมของระยะเวลาและปฏทิ นิ การเลือกตัง้ ได้แก่ 23 ม.ค. 2562 พระราชกฤษฎกี าประกาศให้มีการเลือกตง้ั ส.ส. บังคบั ใช้ คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 24 ม.ค. 2562  ลงราชกิจจานเุ บกษา ลงทะเบียนขอใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งในเขต เลอื กตัง้ นอกเขตเลอื กตั้ง นอกราชอาณาจกั ร 28 ม.ค. - 19 ก.พ. 2562 รับสมคั ร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตง้ั  พรรคการเมืองสง่ ผสู้ มคั ร ส.ส. แบบบัญชีรายช่ือ พร้อมแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้รัฐสภา ให้ความเห็นชอบเป็นนายกรฐั มนตรี 4 - 8 ก.พ. 2562 วันออกเสียงลงคะแนนเลอื กตั้งนอกราชอาณาจักร วันออกเสียงลงคะแนนเลือกต้ังก่อนวันเลือกต้ัง ณ สถานท่ีกลาง ในเขตนอกเขตเลอื กตง้ั และทเี่ ลอื กตง้ั กลางส�ำหรบั ผสู้ งู อายุ ทพุ พลภาพ หรือคนพิการ 4 - 16 มี.ค. 2562 เลอื กตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป 17 ม.ี ค. 2562  24 มี.ค. 2562 คณะกรรมการการเลือกตัง้ (กกต.) กับปัญหาในการเลือกตั้งวันท่ี 24 มนี าคม 2562 บทบาทของ คณะกรรมการการเลือกตง้ั (กกต.) คอื การใหข้ อ้ มูลและการจดั การเลอื กตั้ง รวมทั้งการ อ�ำนวยความสะดวกใหป้ ระชาชนในการเลอื กตง้ั เปน็ หลกั ผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งาน ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ จงั หวดั เชยี งใหม่ นายเกรยี งไกร พานดอกไม้ ไดใ้ หข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั การปรบั ตวั และเปลยี่ นแปลงของส�ำนกั งานและ เจ้าหน้าที่ กกต. ว่าการจัดการเลือกต้ังครั้งน้ีมีความยากและท้าทายกว่าการเลือกตั้งทุกคร้ังท่ีผ่านมา ภาพรวม ของปัญหาหลกั ๆ ทีพ่ บมอี ยู่ 3 ประเด็น คือ เรื่องของบุคลากรในการทำ� งาน การให้ความรู้ประชาชนเก่ยี วกับ ขอ้ กฎหมายและรปู แบบการเลอื กตง้ั คอื เงอ่ื นไขการด�ำเนนิ การทสี่ �ำคญั ของ กกต. ในขณะที่ กกต. ยงั ขาดความพรอ้ ม เรื่องบุคลากรท่ีต้องเดินทางไปให้ครบทุกอ�ำเภอ จึงต้องอาศัยหน่วยงานปกครองช่วยท�ำงานประชาสัมพันธ ์ เพ่ือสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกติกาการเลือกต้ัง บทบาทหน้าที่ของ กกต. ในพ้ืนที่ไม่ใช่เพียงการให้ความรู้

74 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ แตร่ วมถงึ การพยายามควบคมุ ก�ำกบั พรรคการเมอื งใหป้ ฏบิ ตั เิ ปน็ ไปตามกฎหมายและระเบยี บทป่ี ระกาศออกมา อย่างกระชั้นชิด ซ่ึงการสร้างความเข้าใจต่อสังคมและประชาชนจึงเป็นส่ิงที่ค่อนข้างยาก เรื่องของการใช้สื่อ และเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนงาน การใช้เครื่องมือสื่อสาร สื่อท่ีเหมาะสมมีความส�ำคัญต่อการด�ำเนินการ ทง้ั ดา้ นประชาสมั พนั ธแ์ ละใหค้ วามรมู้ าก ทสี่ �ำคญั คอื พรรคการเมอื งหลายพรรคมคี วามเชยี่ วชาญ รวดเรว็ ในการ ส่งข้อมูล น�ำเสนอข้อมูล และติดต่อ สื่อสารกับผู้สนับสนุนหรือประชาชนในส่ือออนไลน์ได้มากและรวดเร็วกว่า หนว่ ยงานของรฐั ทท่ี �ำใหข้ อ้ มลู พรรคการเมอื งหรอื นกั การเมอื งเขา้ ถงึ ประชาชนกอ่ นขอ้ มลู จากหนว่ ยงานของรฐั กกต. ยงั ขาดเจา้ หนา้ ทผี่ เู้ ชย่ี วชาญด�ำเนนิ การทางดา้ นเทคโนโลยมี ี เรอ่ื งของระบบเลอื กตงั้ และแนวทางการปฏบิ ตั ิ ตามกฎหมายทย่ี งั มคี วามสบั สน การเตรยี มความพรอ้ มของชมุ ชนในการเตรยี มการจดั การเลอื กตงั้ จงึ เกดิ ปญั หา เร่ืองความเข้าใจท่ีไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องของระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบัตรเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะได้ใบเดียว และหมายเลขผู้สมัครถึงแม้จะมาจาก พรรคการเมอื งเดยี วกนั แต่หากอยูค่ นละเขต เบอรข์ องผูส้ มคั รพรรคน้ันกลบั มีความแตกต่างกันไปตามแตล่ ะเขต เปน็ ต้น จากการสัมภาษณ์ทั้งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงาน กกต. จังหวัดเชียงใหม่และเจ้าหน้าที่ กกต. พบว่า ปญั หาส�ำคญั ทเ่ี จอในวนั เลอื กตง้ั ลว่ งหนา้ 17 มนี าคม 2562 คอื เรอ่ื งของสถานทท่ี จ่ี ดั เตรยี มเพอื่ ลงคะแนนเสยี ง เลือกตั้งล่วงหน้าในเขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ แต่เป็นเฉพาะเขต 1 ท่ีได้ท�ำการจัดที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ เนื่องจาก กกต. ประเมนิ จ�ำนวนผู้ทจ่ี ะมาใชส้ ิทธเิ ลอื กต้งั จากผลการแจง้ ใชส้ ทิ ธิเลอื กต้งั ลว่ งหน้าจากการเลอื กต้ัง ย้อนไปในอดีต แต่ปรากฏว่าจ�ำนวนผู้ที่มาแสดงตนเลือกตั้งล่วงหน้ามีมากกว่าจ�ำนวนที่มีการคาดการณ์ไว้ถึง 2-3 เทา่ ท�ำใหต้ อ้ งมกี ารปรบั แผนการในการรองรบั เพอื่ จดั สง่ิ อ�ำนวยความสะดวก ประจวบกบั สถานการณห์ มอกควนั PM 2.5 ท่ีท�ำให้ กกต. ไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนที่มาใช้สิทธิรอลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้ารออยู่ ดา้ นนอกอาคารได้ จงึ ตอ้ งใหเ้ ขา้ มารอในตวั อาคารใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ อกี หนง่ึ ปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความแออดั อกี ประเดน็ หน่ึงคือ ในพ้ืนท่ีเขตเลือกตั้งท่ี 1 นี้ มีค่ายทหารและหน่วยทหารต้ังอยู่ และทหารท้ังหมดเหล่าน้ีก็เดินทางมา รอลงคะแนนต้งั แตย่ ังไมเ่ ปิดหีบ ท�ำใหป้ ระชาชนท่วั ไปต้องรอในเวลาทีค่ ่อนข้างจะยาวนานมากขน้ึ ประเดน็ ทเ่ี ปน็ ขอ้ สงั เกตส�ำคญั คอื เมอ่ื ถามวา่ เพราะเหตใุ ด กกต. ถงึ ประเมนิ จ�ำนวนผมู้ าลงคะแนนเสยี ง ลว่ งหนา้ ไวต้ ำ�่ มาก ผวู้ จิ ยั ไดค้ �ำตอบวา่ ประชาชนมกี ารตนื่ ตวั ตอ่ การเลอื กตงั้ ครงั้ นม้ี ากเกนิ กวา่ ทป่ี ระมาณการณไ์ ว้ ท่สี �ำคญั การทป่ี ระชาชนมาแสดงตนในวันเลือกตั้งลว่ งหนา้ จ�ำนวนมากสะท้อนความอดั อ้ันในความตอ้ งการที่จะ ลงคะแนนเสยี งเลอื กตง้ั ไมต่ อ้ งการรอจนถงึ วนั เลอื กตงั้ จรงิ เพราะเนอื่ งจากเทา่ ทท่ี ราบขอ้ มลู ประชาชนหลายคน ก็ยงั คงอยู่ในพน้ื ที่จงั หวดั เชยี งใหม่ในวนั เลอื กต้ังจรงิ การท่ีเชยี งใหมก่ ลายเปน็ จงั หวัดศนู ยก์ ลางด้านการทอ่ งเท่ยี ว เศรษฐกจิ การคมนาคม และการศึกษา ของภาคเหนือตอนบน ท�ำให้คนมีการย้ายถ่ินฐานเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่จ�ำนวนมากขึ้น ซึ่งการเก็บข้อมูล ของประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ต้องมีการตรวจสอบตลอดเวลา ที่ส�ำคัญการท่ีคนมาใช้สิทธิเลือกต้ังล่วงหน้า จ�ำนวนมาก ยงั มผี ลตอ่ การสรา้ งกระแสการไปเลอื กตง้ั ในการเลอื กตงั้ จรงิ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 ดว้ ย แตใ่ นการ เลอื กตงั้ วนั จรงิ ไมไ่ ดม้ ปี ญั หาเรอ่ื งการอ�ำนวยความสะดวกดา้ นสถานท่ี เนอื่ งจากในวนั เลอื กตง้ั 24 มนี าคม 2562 หน่วยเลอื กตงั้ ได้กระจายตัวไปตามหนว่ ยเลือกตัง้ อย่างทวั่ ถงึ

75 ผู้อ�ำนวยการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ยังช้ีประเด็นปัญหาส�ำคัญในวันเลือกต้ังวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ทแ่ี ตกตา่ งออกไปจากการจดั การเลอื กตงั้ ลว่ งหนา้ คอื หนว่ ยเลอื กตง้ั ในหมบู่ า้ นไมไ่ ดม้ ปี ญั หาในเรอื่ งความแออดั แต่หน่วยการเลือกต้ังในหมู่บ้านมีคณะกรรมการประจ�ำหน่วยเพียง 5 คน ที่จากเดิมเคยมีถึง 7 คน และ ผู้รักษาความปลอดภัยอีก 2 คน รวมหน่วยหน่ึงจะมีเจ้าหน้าท่ี 7 คน โดยเฉพาะการขยายเวลาการลงคะแนน เสียงเลือกต้ังที่ เร่ิมต้ังแต่ 8.00 – 17.00 น. ซ่ึงกรรมการหน่วยเลือกตั้งเร่ิมปฏิบัติงานตั้งแต่ 6.00 น. และ เสร็จส้ินจนกระทั่งนับและตรวจสอบคะแนนเสร็จบางหน่วยคือ 22.00 น. และบางหน่วยยาวนานถึง 24.00 น. นนั่ หมายความวา่ กรรมการประจ�ำหนว่ ยเลอื กตงั้ ท�ำงานตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลานานกวา่ 16-18 ชวั่ โมง ทที่ �ำใหร้ า่ งกาย ออ่ นลา้ และอาจมผี ลต่อการท�ำหน้าทีผ่ ดิ พลาดได้ ในส่วนของความรู้ความเข้าใจของกรรมการประจ�ำหน่วยเลือกต้ังน้ัน ถือเป็นประเด็นที่ส�ำคัญมาก เพราะความผิดพลาดท่ีอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจในระบบการเลือกต้ังใหม่อาจน�ำมาสู่การตัดสินใจ ในหน่วยเลือกตั้งที่ผิดพลาดหรือไม่เหมือนกันในแต่ละหน่วย เช่น การประทับรอยน้ิวมือ ซึ่งบางหน่วยกระท�ำ แต่ในบางหน่วยไม่ได้ด�ำเนินการ ซึ่งกรรมการประจ�ำหน่วยเลือกตั้งได้ผ่านการอบรมรายละเอียดมาแล้ว แต่ยอมรับว่าการอบรมที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาส้ัน ๆ เพียงแค่ 1 – 2 วัน การคัดเลือกกรรมการหน่วยเลือกตั้ง ก็เป็นการคัดโดยผู้น�ำในพื้นที่ ซึ่งในบางครั้งผู้น�ำชุมชนก็เลือกคนใกล้ชิดมาท�ำหน้าท่ี แต่ในแง่ผลประโยชน ์ ไม่ได้เออื้ ตอ่ การกระท�ำผิดหรอื สนับสนุนนกั การเมอื ง ผู้อ�ำนวยการการเลือกต้ัง ได้เสนอว่าการจัดการเลือกตั้งท่ีต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยผู้ปฏิบัติ ในพื้นที่ต้องท�ำให้ถูกต้อง แต่ในบางคร้ังข้อกฎหมายกับความเป็นจริงที่ไม่สอดคล้องกันก็ท�ำให้การปฏิบัติหน้าท่ี ท่ีสอดคล้องกับสภาพบริบทแวดล้อมกลับกลายเป็นกระท�ำผิดไป การสั่งการกระชั้นชิดและการสนับสนุน ในส่วนของเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ โครงสร้างของผู้ปฏิบัติงานที่อาจไม่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาหรือตัดสินใจ เรง่ ดว่ น ตลอดจนงบประมาณในการจา่ ยคา่ ตอบแทนหรอื การเตรยี มการกอ่ นการเลอื กตงั้ นอกจากนนั้ ยงั เสนอวา่ ควรมีการถอดบทเรยี นจากการจัดการเลอื กตง้ั ในแตล่ ะพืน้ ท่ี จากการสมั ภาษณพ์ บประเดน็ ทนี่ า่ สนใจคอื การประชาสมั พนั ธข์ อง กกต. โดยการไปจดั ท�ำการสนทนา กลมุ่ (Focus Group) ในพนื้ ที่ พบวา่ การประชาสมั พนั ธท์ ค่ี ดิ วา่ ไดผ้ ลมากทส่ี ดุ โดยเฉพาะพนื้ ทร่ี อบนอกเมอื งกบั พนื้ ทห่ี มบู่ า้ นกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ คอื การใชเ้ สยี งตามสาย “เปน็ สงิ่ ทเี่ รามาเขา้ ใจตอนนคี้ อื ชนเผา่ เขาชอบใหเ้ ราใชเ้ สยี ง ตามสาย ใชภ้ าษาพดู มากกวา่ การทำ� เปน็ เอกสารหรอื ภาษาเขยี น โดยเฉพาะบนดอยเลย เพราะคนสว่ นใหญต่ อนนี้ อา่ นภาษาตวั หนงั สอื ชนเผา่ ไมไ่ ดเ้ ยอะแลว้ ” (สมั ภาษณผ์ อู้ �ำนวยการเลอื กตง้ั จงั หวดั เชยี งใหม่ 19 กนั ยายน 2562) ในขณะที่สื่อออนไลน์หรือ Social Media ที่ กกต.ใช้ประชาสัมพันธ์น้ันท�ำมาหลายส่วน เช่น การท�ำ QR Code และ กกต.กลางท�ำแอพพลิเคช่ัน Smart Vote มีสต๊ิกเกอร์ไลน์ และแอนิเมชันท่ีดึงดูดความสนใจ และท�ำให้เข้าใจกติกาและรายละเอียดการเลือกต้ังอย่างง่าย การที่ กกต. พยายามใช้สื่อโซเชียลมีเดียมา สนบั สนนุ การท�ำงานของ กกต. หลกั ๆ คอื การเนน้ คนรนุ่ ใหมแ่ ละกลมุ่ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ครง้ั แรก การประชาสมั พนั ธ์ อีกอย่างท่ีคิดว่าได้ผลและกระจายได้อย่างทั่วถึง ตอบโจทย์ของการมีจ�ำนวน ส.ส.มากและนโยบายหลากหลาย

76 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ คือ เอกสารคู่มือการเลือกต้ังที่ส่งไปตามบ้านต่าง ๆ จากเดิมมีเพียงจดหมายแจ้งผู้มีสิทธิเลือกต้ังในบ้าน แตเ่ อกสารนสี้ ง่ ไปตามบา้ นสามารถเหน็ หนา้ ชอ่ื โลโก้ พน้ื ฐานครา่ ว ๆ ของผสู้ มคั ร ทจี่ ะไปเกยี่ วขอ้ งกบั บตั รเลอื กตง้ั ท่ีสรา้ งความสับสนในการลงคะแนนเสียงเลอื กตั้งเช่นกัน ในอีกด้านหน่ึงการใช้สื่อออนไลน์ของพรรคการเมืองและนักการเมืองท่ีท�ำได้รวดเร็วและเข้าถึง ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกต้ังมากกว่า ท�ำให้เกิดภาระงานอีกประการที่ต้องมีการปรับตัวและการท�ำงานของ กกต. มากขึ้นคือ การตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ คือ การติดตามการโพสต์หรือข้อความและการใช้สื่อออนไลน์ของ พรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายซ่ึงเป็นการยากและต้องใช้เวลามากในการเฝ้า ติดตาม ด้วยจ�ำนวนบุคลากรท่ีมีอยู่อย่างจ�ำกัด ในขณะเดียวกัน กกต. ต้องการแรงสนับสนุนจากประชาชน ในการร่วมตรวจสอบพรรคการเมืองและนักการเมือง แต่ในทางปฏิบัติการท�ำหน้าท่ีของ กกต. กลับสุ่มเสี่ยง ต่อการปะทะขัดแย้งกับประชาชน เพราะประชาชนมีความนิยมและสนับสนุนพรรคการเมืองและนักการเมือง ท่ตี นชืน่ ชอบ จนท�ำใหก้ ารด�ำเนนิ การในการควบคมุ ก�ำกับตา่ ง ๆ เปน็ ไปไดย้ าก ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ก�ำหนดให้อ�ำนาจ กกต. แจก “ใบ” ให้แก่ผู้สมัคร ส.ส. ได้อย่างน้อย 4 ใบ ได้แก่ ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง และใบด�ำ ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ก�ำหนดให้แจกได้แค่ ใบเหลืองกับ ใบแดง ส�ำหรับความหมายของท้ัง 4 ใบดังกล่าว คือ ใบเหลือง คือ สั่งให้มีการจัดเลือกตั้งข้ึนใหม่แต่ยังไม่พบ ชัดเจนว่าผู้สมัคร ส.ส. ขาดคุณสมบัติหรือทุจริต ใบส้ม คือ พบว่า มีผู้สมัคร ส.ส.คนใดขาดคุณสมบัติในการ ลงสมคั รเลอื กตง้ั จงึ สงั่ ใหม้ กี ารจดั การเลอื กตงั้ ขนึ้ ใหมแ่ ละเพกิ ถอนสทิ ธผิ สู้ มคั รคนดงั กลา่ ว 1 ปี ใบแดง คอื พบวา่ มผี สู้ มคั ร ส.ส.คนใดทจุ รติ ในการเลอื กตง้ั และยนื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลฎกี าแผนกคดเี ลอื กตงั้ ใหเ้ พกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั 10 ปี และจดั การเลอื กตงั้ ขนึ้ ใหม่ โดยใหผ้ สู้ มคั ร ส.ส.คนดงั กลา่ วรบั ผดิ ชอบคา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั การเลอื กตง้ั ดว้ ย สดุ ทา้ ย คอื ใบด�ำ คือ ผลกระทบตอ่ เนอื่ งมาจาก ใบแดง กล่าวคอื รฐั ธรรมนูญบัญญตั วิ ่า หากผใู้ ดถกู ศาลฎีกาเพกิ ถอน สิทธิเลือกต้ัง ท�ำให้ผู้น้ันจะไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. และ ส.ว. หรือด�ำรงต�ำแหน่งใดในทางการเมือง ได้อีก นั่นคือ แม้จะผ่านระยะเวลาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี แล้ว ผู้นั้นย่อมสามารถใช้สิทธิเลือกต้ังได้ แต่จะ ไม่สามารถสมัครหรือเข้าด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองได้อีกตลอดชีวิต ดังนั้น การได้ใบแดงก็คือการได้ใบด�ำไป โดยปริยาย (สถาบันพระปกเกลา้ , 2562) จังหวัดเชียงใหม่ซ่ึงเป็นจังหวัดแรกและจังหวัดเดียวท่ีจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ก่อนมีการเปิดประชุม รฐั สภา เจา้ หนา้ ทขี่ อง กกต. มองวา่ เปน็ การจดั การเลอื กตง้ั ทก่ี ดดนั มากทสี่ ดุ เพราะเปน็ ทจี่ บั ตามองของสาธารณชน ท้งั ประเทศ แตม่ ีปญั หาน้อยที่สดุ เพราะมีอ�ำเภอเพียงแค่ 4 อ�ำเภอในเขตเลอื กตั้งน้ี คือ การเลือกตง้ั ใหมใ่ นวนั ท ่ี 26 พฤษภาคม 2562 ของเขตเลอื กตง้ั ที่ 8 มกั ถกู เรยี กวา่ “เลอื กตง้ั ซอ่ ม” แตผ่ อู้ �ำนวยการส�ำนกั งาน กกต. เชยี งใหม ่ โต้แย้งว่า ประชาชนยังไม่ค่อยเขา้ ใจวา่ การเลือกตั้งวนั ท่ี 26 พฤษภาคม 2562 ตอ้ งเรยี กว่า “การเลือกต้ังใหม”่ เพราะ ส.ส.คนทไี่ ดร้ บั การเลอื กตง้ั ไปไมไ่ ดล้ าออกหรอื เสยี ชวี ติ แตเ่ ปน็ เพราะพบวา่ มคี วามผดิ เลยตอ้ งจดั เลอื กตง้ั ใหม่ (จากการสมั ภาษณผ์ อู้ �ำนวยการส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั จงั หวดั เชยี งใหม่ 19 กนั ยายน 2562) ซ่ึงประเด็นนี้เกิดความสับสนของประชาชนและประชาชนในพื้นท่ีไม่เข้าใจว่าท�ำไม ส.ส.คนเดิมไม่ได้ลงแข่ง เพราะพวกเขาไมเ่ ขา้ ใจเรอื่ ง “ใบ” หรอื กรณใี นเขตเลือกต้งั ที่ 8 ทไี่ ด้ “ใบสม้ ” ไป

77 บทเรียนส�ำคัญของการจัดการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท�ำให้การจัดการเลือกตั้งใหม ่ การอ�ำนวยความสะดวกไปจนถึงการนับผลคะแนนเลือกตั้งท�ำได้อย่างรวดเร็วและเรียบร้อย ที่ส�ำคัญคือมี การระดมเจ้าหนา้ ท่ี กกต. จากจงั หวัดใกลเ้ คียงมาร่วมปฏบิ ัติหนา้ ทใี่ นการเลอื กตั้งใหม่ดว้ ย จะมีประเด็นท่ีสง่ ผล ต่อการใช้ความรุนแรงเพียงเร่ืองเดียวคือ บริบททางการเมืองในช่วงหลังเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีสภาวะของการแบ่งข้ัวการเมืองอย่างชัดเจน และมีความขัดแย้งของการรวบรวมผู้สนับสนุน คัดค้านผล การลงคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ และเมอื่ มกี ารจดั การเลอื กตง้ั ใหมใ่ นเขต 8 จงึ กลายเปน็ สญั ญะของการตอ่ สทู้ างการเมอื ง ทไี่ มใ่ ชแ่ คร่ ะดบั พน้ื ท่ี แตส่ ะทอ้ นการตอ่ สรู้ ะดบั ชาตดิ ว้ ย อารมณแ์ ละบรรยากาศของการเลอื กตง้ั ใหมซ่ ง่ึ ถกู กระตนุ้ โดยส่ือ กระแสทางการเมืองจึงมีผลต่อการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังของประชาชนในเขต 8 ด้วย จนกกต.กลาง ตอ้ งลงมาชว่ ยก�ำกับดูแลการท�ำงานในจังหวดั เชยี งใหม่ในช่วงการเลือกต้งั ใหม่ เขต 8 จังหวดั เชยี งใหม่ การเลือกตงั้ ล่วงหน้าของจงั หวัดเชยี งใหม่ จังหวัดเชยี งใหมม่ ผี ู้ลงทะเบียนขอใช้สทิ ธิเลือกตั้งลว่ งหนา้ ในเขตเลอื กตง้ั 1,407 คน นอกเขตเลอื กต้งั 85,701 คน โดยเขตเลอื กตงั้ ที่ 1 มผี ู้มาขอใช้สิทธิลงทะเบียนเลือกตง้ั ลว่ งหน้ามากที่สุด ผมู้ าใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ในเขต 1,358 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96.52 และนอกเขต 42,348 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.49 ตาราง 4.3 แสดงจ�ำนวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง (ล่วงหน้า) ณ ท่ีเลือกต้ังกลาง นอกเขตเลือกตง้ั วันท่ี 17 มีนาคม พ.ศ. 2562 รวมทงั้ 9 เขต เขตเลอื กต้งั อ�ำเภอ ผูล้ งทะเบยี น (คน) ผ้มู าใช้สทิ ธิ (คน) 1 เมอื ง 47,162 42,348 2 หางดง 7,609 6,892 3 สันก�ำแพง 7,480 6,754 4 สนั ทราย 12,250 11,313 5 แม่ริม 5,119 4,627 6 เชยี งดาว 1,412 1,302 7 ฝาง 2,024 1,922 8 สนั ป่าตอง 1,672 1,515 9 ฮอด 932 874 รวม 9 เขต จ�ำนวน (คน) 85,701 77,547 ท่ีมา ข้อมูลปรบั ปรุงจาก ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลอื กตัง้ ประจ�ำจังหวดั เชยี งใหม่ (2562)

78 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ การเลอื กตงั้ ในวนั ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ประกาศสถิติการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน เลือกต้งั สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรเปน็ การทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ดงั น้ี แผนภาพ 4.2 แสดงสถิติคะแนนการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ทีม่ า ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำจังหวดั เชยี งใหม่ พ.ศ. 2562 การเลือกต้ังใหมใ่ นวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติระงับสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมคั ร ส.ส. เขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคเพือ่ ไทย ไว้เปน็ การชว่ั คราว 1 ปี (ใบสม้ ) หลงั พจิ ารณาส�ำนวนสบื สวนท่ี คณะกรรมการสบื สวน ส�ำนกั งาน กกต.เชยี งใหม่ รายงานพบวา่ พฤตกิ ารณข์ องนายสรุ พล เขา้ ขา่ ยกระท�ำความผดิ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (2) บัญญัติว่า ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด มติดังกล่าวมีผลให้ กกต. สั่ง จัดเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.เชียงใหม่ เน่ืองจากในวันท่ี 24 มี.ค. พ.ศ. 2562 ท่ีผ่านมา นายสุรพล เป็นผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งมาเป็นล�ำดับที่ 1 ด้วยคะแนนเสียง 52,165 คะแนน ดังน้ันเม่ือ กกต. ส่ังระงับสิทธิ สมคั รรบั เลอื กตง้ั นายสรุ พล และสง่ั เลอื กตง้ั ใหม่ จ�ำนวนคะแนนดงั กลา่ ว กกต. จะไมน่ �ำมารวมนบั เปน็ คะแนนทจี่ ะ ค�ำนวณเพอ่ื จดั สรร ส.ส.บญั ชรี ายชอื่ ใหก้ บั พรรคการเมอื ง และจะด�ำเนนิ การตอ่ นายสรุ พล ตามมาตรา 138 ของ

79 พ.ร.บ.เลอื กตงั้ ส.ส. โดยรอ้ งตอ่ ศาลฎกี าแผนกคดเี ลอื กตงั้ เพอ่ื พจิ ารณาเพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตงั้ (ใบแดง) หรือส่ังเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบด�ำ) ต่อไป (อิสรานิวส์, 2562) ภายหลังการประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ พรรคพลังประชารัฐซ่ึงมีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 2 ในเขตเลือกตั้งที่ 8 มีความม่ันใจในการชนะการเลือกตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐภาคเหนือ กล่าวในการลงพื้นที่ว่า “...สำ� หรบั การเลอื กตงั้ ซอ่ ม เขต 8 จ.เชยี งใหม่ มคี วามมนั่ ใจวา่ พรรคพลงั ประชารฐั จะไดร้ บั ชยั ชนะอยา่ งแนน่ อน เวลานเ้ี ราใชเ้ ครอื ขา่ ยการหาเสยี งแบบขายตรง สกู้ บั พลงั โซเชยี ลของพรรคอนาคตใหม่ เราใชก้ ารหาเสยี งจากผนู้ ำ� ลงไปสู่ชาวบ้าน ซ่ึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ช่วงน้ีแกนน�ำของพรรคลงพ้ืนท่ีช่วยผู้สมัครหาเสียงอย่างหนัก และเข้มข้น น�ำเสนอนโยบายของพรรคให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจอย่างละเอียด เช่น โครงการเก่ียวกับ ภาคเกษตรและทดี่ นิ ส.ป.ก. มารดาประชารฐั การพกั หนก้ี องทนุ หมบู่ า้ น และบตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั ซง่ึ ประชาชน ช่ืนชอบและถกู ใจมาก ดงั นั้นเช่อื วา่ เราจะคว้าเก้าอ้ีในเขตน้ไี ด้” (ไทยรัฐออนไลน์ 22 พ.ค. 2562) การเลือกตั้งใหม่ เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ใช่แค่การชิงเก้าอี้ ส.ส.ท่ีว่างลง แต่ยังเป็นการปะทะอุดมการณ์ทางการเมืองเชิงสัญลักษณ์อีกด้วย เพราะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังใหม่ใน เขต 8 จงั หวดั เชยี งใหม่ ไดร้ บั รกู้ ารตอ่ รอง ตอ่ สกู้ ารตงั้ รฐั บาลของพรรคการเมอื งทไ่ี ดร้ บั เลอื กตง้ั ไปแลว้ ขอ้ มลู และ การตดั สนิ ใจในการลงคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ จงึ เปน็ การเลอื กเพอื่ สะทอ้ นความตอ้ งการในการสนบั สนนุ ขว้ั การเมอื ง ในการจัดต้ังรัฐบาล จากการพูดคุยกับประชาชนในเขต 8 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามข้อมูลข่าวสารทาง การเมืองอย่างใกล้ชิด แต่ไม่เข้าใจถึงการค�ำนวนคะแนนเสียงหรือแม้แต่ยังไม่เข้าใจว่า นายสุรพล โดนใบส้ม เรอ่ื งอะไร “ไมท่ ราบ ไมร่ ู้ กไ็ มเ่ ขา้ ใจวา่ ทำ� ไมเคา้ ไดใ้ บสม้ แลว้ ใบสม้ มนั ตา่ งกบั ใบแดงยงั ไง รแู้ ตว่ า่ ตอ้ งเลอื กตงั้ ใหม่ แตก่ จ็ ะเลอื กพรรคทเี่ ปน็ พวกเดยี วกนั ” (สมั ภาษณผ์ นู้ �ำสตรใี นพนื้ ทเี่ ขต 8 จงั หวดั เชยี งใหม)่ ดงั นนั้ ปรากฏการณ์ การเทคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่ท่ีเป็นกระแสการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเกิดจากอันเกิดจากการแบ่งข้ัว ทางการเมืองภายหลังจากรู้ผลการเลือกตั้งวันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ท�ำให้ประชาชนเห็นว่าพรรคการเมือง ใดจะเข้าร่วมฝ่ายรัฐบาล และทราบว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตร ี ซ่ึงบริบทการเมืองนส้ี ง่ ผลตอ่ การเลอื กตงั้ ซอ่ มในเขตพื้นทเ่ี ชียงใหม่ ท่ีท�ำใหค้ ะแนนของนายสรุ พล ซ่ึงโดนใบแดง เทคะแนนไปใหผ้ สู้ มคั รพรรคอนาคตใหมอ่ ยา่ งทว่ มทน้ จนท�ำใหน้ างสาวศรนี วล บญุ ลอื ซง่ึ เปน็ ผสู้ มคั รพรรคอนาคตใหม ่ ได้คะแนนเลือกต้ังสูงสุดในการเลือกต้ังแบบแบ่งเขตของประเทศ นัยส�ำคัญที่ท�ำให้คะแนนพรรคอนาคตใหม่ ในเขต 8 ทิ้งห่างคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ สะท้อนความมั่นคงของคะแนนเสียงและผู้สนับสนุนของ พรรคเพ่ือไทย อย่างไรก็ตามด้วยระบบการเลือกต้ังแบบใหม่ ท�ำให้คะแนนในบัญชีรายชื่อมีผลท่ีท�ำให ้ พรรคประชาธปิ ตั ย์และพรรคพลงั ประชารัฐได้ทีน่ งั่ ในระบบบญั ชีรายช่อื อกี พรรคละ 1 ทีน่ ่งั

80 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ 4.6 ผลกระทบของระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรร ปันส่วนผสมในการเลือกต้ัง 24 มีนาคม 2562 การเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกต้ังจากระบบผสมแบบสัดส่วน (Mixed Member Proportional System- MMP) สรู่ ะบบการเลือกต้งั แบบจดั สรรปนั สว่ นผสม (Mixed Member Apportionment System: MMA) ข้อวิพากษ์ส�ำคัญจากการเก็บข้อมูลเอกสารและข้อมูลพื้นที่ในช่วงเวลาของการเลือกต้ัง ได้ข้อมูลจาก ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกต้ัง คือ ระบบการเลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment System: MMA) ท่ีท�ำให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้บัตรลงคะแนนใบเดียว คือ การลงให้ ส.ส.เขต แต่เอาคะแนนมาค�ำนวณจ�ำนวน ส.ส.บญั ชรี ายชื่อ จากเดมิ ท่ผี มู้ ีสทิ ธลิ งคะแนนเสียงเลอื กตัง้ เคยได้บัตรเลือกต้ัง 2 ใบ คือใบหน่ึงเลือกพรรคการเมืองและอีกใบหนึ่งคือการเลือกต้ัง ส.ส.เขต ที่สะท้อน เจตนารมณข์ องการสรา้ งพรรคการเมอื งเขม้ แขง็ และส.ส.ทใี่ กลช้ ดิ และเปน็ ตวั แทนของประชาชนในเขตเลอื กตงั้ ระบบการเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมได้รับข้อวิพากษ์ถึงปัญหาที่ตามมา ดังเช่น ประจักษ์ ก้องกีรติ มองว่า “ระบบการเลือกตั้งนี้ท�ำให้เกิดการต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือด เอาเป็นเอาตายมากข้ึน เพราะเดิมพันใน การแขง่ ขนั แตล่ ะเขตเลอื กตง้ั จะสงู มากขน้ึ เนอ่ื งจากคะแนนเลอื กตงั้ ของเขตกำ� หนดทกุ อยา่ ง...ทท่ี ำ� ใหก้ ารหาเสยี ง เชิงนโยบายจะลดลง การใช้อิทธิพลและเงินจะมากข้ึน...” (ประชาไท, 2559) เม่ือทุกคะแนนมีความหมาย การเลือกต้ังคร้ังนี้จึงปรากฏการซ้ือเสียงเป็นกลุ่มเป็นล็อต หรือซ้ือเสียงจากจ�ำนวนท่ีพรรคการเมืองได้ค�ำนวณ มาแล้ว ต้นทุนในการสร้างพรรคการเมือง 1 พรรคภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อมาเก็บคะแนนเพียง 80,000 คะแนน ท�ำใหเ้ กดิ การซ้อื เสียงทีไ่ ม่ตอ้ งเป็นท่ี 1 ของเขต แต่มีคะแนนกระจายไปตามเขตเลอื กตง้ั ต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ ข้อมูลในพ้ืนที่จากการสัมภาษณ์ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ยังพบว่าปัญหาส�ำคัญของ การเลือกตั้งคร้ังน้ีคือ ประชาชนไม่เข้าใจเง่ือนไขรายละเอียดของระบบการเลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วนผสม ไมเ่ ขา้ ใจเรอ่ื งการเปลยี่ นแปลงบตั รเลอื กตงั้ ทมี่ บี ตั รเลอื กตงั้ เพยี งใบเดยี ว การแบง่ เขตเลอื กตงั้ ทหี่ มายเลขผสู้ มคั ร จากพรรคเดยี วกนั แตอ่ าจจะเปน็ คนละหมายเลขในแตล่ ะเขตเลอื กตง้ั ขอ้ กฎหมายเกยี่ วกบั การทจุ รติ การเลอื กตง้ั การชว่ ยผสู้ มคั รหาเสยี งเลอื กตงั้ จะเหน็ วา่ การเลอื กตงั้ เปน็ กระบวนการของการตง้ั มน่ั ของประชาธปิ ไตยจะเกดิ ขนึ้ ได ้ หากประชาชนเห็นความส�ำคัญของการเลือกตั้งท่ีไม่ใช่แค่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ยังรวมถึงการเข้าใจ กติกา บทบาทหน้าที่ของตนเอง การท�ำหน้าท่ีพลเมืองในการเฝ้าติดตาม ตรวจสอบสถาบันทางการเมืองให้ท�ำ หนา้ ทข่ี องตนเอง ดงั ท่ี สจุ ติ บญุ บงการเสนอวา่ ขนั้ ตอนหนงึ่ ของการท�ำใหป้ ระชาธปิ ไตยมนั่ คง คอื การทช่ี นชน้ั น�ำ และประชาชนตอ้ งมคี วามเชอ่ื มนั่ ศรทั ธาในประชาธปิ ไตย และการสรา้ งประชาชนใหม้ คี วามเปน็ พลเมอื งจะชว่ ย ส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยใหม้ ่นั คงได้ (สุจิต บญุ บงการ, 2558) ในขณะที่ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจ�ำนวนมากยังมีความเข้าใจว่าการเลือกต้ังคร้ังนี้จะได้บัตรเลือกต้ัง 2 ใบ และสบั สนกบั จ�ำนวนพรรคการเมอื งและผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ เพราะมจี �ำนวนมาก หลากหลายอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั การทคี่ ะแนนเสยี งทกุ เสยี งถกู เอามานบั เปน็ คะแนน และจะถกู เอาไปค�ำนวณหาสดั สว่ น ส.ส.ในระบบบญั ชรี ายชอ่ื ยังเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในรายละเอียด โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าการได้บัตรเลือกตั้งใบเดียว

81 แตต่ อ้ งท�ำการตดั สนิ ใจลงคะแนนโดยตอ้ งเลอื กจากการพจิ ารณาองคป์ ระกอบ 3 สว่ นคอื การพจิ ารณาผสู้ มคั รเขต พรรคการเมือง และช่ือของนายกรัฐมนตรีท่ีได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคการเมือง การหย่อนบัตร 1 ใบ โดยมี สมการท่ีมาจากองค์ประกอบ 3 ส่วนต้องลงตัวจึงไม่ใช่เร่ืองง่าย เม่ือประชาชนเกิดความลังเลต่อการลงคะแนน เสียงของตน ซ่ึงท�ำให้ประชาชนหรือผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกต้ังต้องเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด ซ่ึงข้อมูลที่ได้ มคี วามนา่ สนใจทป่ี ระชาชนจะใชเ้ หตผุ ลทดี่ ที ส่ี ดุ จากประสบการณใ์ นอดตี มาเปน็ ตวั ก�ำหนด นนั่ ท�ำใหท้ างเลอื กแรก ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือ เลือกจากพรรคและนโยบายพรรค และอีกทางหนึ่งคือ เลือกจากบทบาทของผู้น�ำ ทมี่ กี ารเปรยี บเทยี บระหวา่ งพรรคการเมอื งใหญ่ เมอ่ื เปน็ เชน่ นคี้ ะแนนเสยี งทไ่ี ดม้ กี ารเลอื กจะไมส่ ะทอ้ นความตอ้ งการ ที่แท้จริงของประชาชนว่า ความเป็นตัวแทนท่ีประชาชนเลือกแท้ท่ีจริงแล้วมาจากการตัดสินใจทางเลือกไหน บทสมั ภาษณบ์ างสว่ นจากการพดู คยุ กลมุ่ กบั ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ในเขตเลอื กตงั้ ท่ี 2, 3 และ 4 ในเดอื นมนี าคม 2562 “เราชอบนโยบายของพรรคเขา แต่ไม่ชอบคนท่ีมาลง ส.ส.บ้านเรา ส่วนนายกฯ น่ีก็ไม่รู้มันก็เป็นมาแบบน้ี ต้งั นานแล้ว แต่ตอนน้จี ะเลือกจากอะไรกย็ ังไมร่ ้”ู “ก็คงเลือกจากพรรคเป็นหลัก เพราะเคยเลือกแบบนั้นแล้วคิดว่าดี ส่วน ส.ส.ในเขต ถ้าพรรคดี ส.ส.กท็ �ำงานตามพรรคและนโยบายพรรคอยแู่ ลว้ สว่ นคนท่ีเป็นนายกพรรคกค็ งคิดมาให้แล้ว” “มนั กไ็ มง่ า่ ยแตถ่ า้ ใหเ้ ลอื กจะลงคะแนนโดยดจู ากคนทพ่ี รรคจะใหเ้ ปน็ นายกเลย พอเหน็ พรรคเสนอชอื่ มา ก็รอู้ ยู่แล้ววา่ จะเลือกพรรคไหน...นโยบายจะได้ต่อเน่ือง ชอบใหป้ ระเทศมคี วามมน่ั คง” ข้อสังเกตจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้มีสิทธิเลือกต้ังคือ ความแตกต่างของความคิดเห็น ความกลา้ แสดงออกในความคดิ เหน็ ระหวา่ งกอ่ นวนั เลอื กตง้ั วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 กบั การเกบ็ ขอ้ มลู หลงั การประกาศ ผลการเลอื กตงั้ ไปแลว้ ในชว่ งกอ่ นวนั เลอื กตงั้ ประชาชนสว่ นใหญไ่ มใ่ หข้ อ้ มลู เชงิ ลกึ และพยายามพดู ในเชงิ สญั ลกั ษณ ์ ข้อความให้นักวิจัยตีความมากกว่าการกล่าวถึงหรือเอ่ยชื่อออกมาอย่างชัดเจน ซ่ึงบรรยากาศแวดล้อมในช่วง ระหว่างการลงพ้ืนที่เก็บข้อมูลท�ำให้เห็นถึงบริบททางการเมืองท่ียังปกคลุมไปด้วยความขัดแย้งและความ หวาดระแวงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงถือเป็นพ้ืนท่ียุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองท้ังหลาย และยังเป็นพ้ืนท ่ี ทเี่ ฝา้ ระวังของเจา้ หนา้ ท่รี ัฐ อันสบื เนอ่ื งมาจากเครือข่ายทางการเมืองของพรรคเพ่ือไทยท่ีกระจายทัว่ พ้นื ท่ี และ ในอดตี เคยมเี หตุการณ์การชมุ นมุ ประทว้ งท่ีรุนแรงกรณขี องคนเส้อื แดงในพื้นท่ี เม่ือประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับระบบการเลือกต้ังเดิมคือ ระบบผสม แบบสัดส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้ค�ำขวัญท่ีว่า “เลือกคนท่ีรัก เลือกพรรคที่ชอบ” ซ่ึงใช้รณรงค์ให ้ ความรกู้ บั ประชาชนมาตงั้ แตห่ ลงั ปี 2540 กวา่ 20 ปี ดว้ ยระบบทปี่ ระชาชนเรยี นรกู้ ารลงคะแนนทแี่ ยกพจิ ารณา ระหว่างพรรคการเมอื งกบั ผสู้ มัคร ส.ส.เขตเลือกตัง้ ประกอบกบั บรบิ ททางการเมืองภายหลังรัฐธรรมนญู 2540 ท่ีเปิดพ้ืนที่การมีส่วนร่วมมาก ระบบการเลือกต้ังแบบระบบผสมแบบสัดส่วนน้ีได้สร้างความเข้มแข็งและ ความโดดเดน่ ใหแ้ กพ่ รรคการเมอื งมาก การศกึ ษาของเวยี งรฐั เนตโิ พธิ์ (2558, น.38) ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ การเปลย่ี นแปลง ของกติกาการเลือกต้ังตามรัฐธรรมนูญ 2540 ท่ีส่งผลให้พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกต้ัง ได้ที่นั่ง ส.ส.มากเกือบคร่ึงหนึ่งของ ส.ส.ท้ังหมดในรัฐสภา นอกจากนี้ยังพบว่า นโยบายของพรรคไทยรักไทย

82 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ และตวั ของหัวหน้าพรรค พ.ต.ท.ทักษณิ ชินวัตร ในฐานะคนเชียงใหม่ มอี ทิ ธพิ ลต่อการตัดสนิ ใจลงคะแนนเสียง เลอื กตง้ั ของประชาชนจงั หวดั เชยี งใหมม่ าก ความนยิ มทมี่ ตี อ่ พรรคไทยรกั ไทยเกดิ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง และแมจ้ ะเปลยี่ น กติกาการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญ 2550 แต่พรรคพลังประชาชนที่ถูกจัดต้ังมาภายหลังการยุบพรรคไทยรักไทย ก็ยังคงได้รบั การเลอื กตง้ั จนเปน็ แกนน�ำจัดต้ังรัฐบาล ในจงั หวดั เชยี งใหมก่ ารเลือกต้ังในวนั ท่ี 23 ธนั วาคม 2550 พรรคพลังประชาชนจะแพ้ไป 2 เขต เพราะความโดดเด่นของผู้สมัครและการยึดโยงตัวบุคคลของประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่านโยบายพรรค และในการเลือกต้ังวันท่ี 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยซ่ึงถูกจัดต้ัง ข้นึ มาภายหลังการท่พี รรคพลังประชาชนถูกยบุ กส็ ามารถชนะการเลอื กตัง้ ในจังหวัดเชยี งใหม่ได้ท้ังหมด 10 เขต เลือกตั้ง (เวยี งรฐั เนติโพธิ์, 2558, น.40-42) พรรคเพื่อไทยมีรากเหง้าของฐานคะแนนเสียงพรรคมานับสิบปี ความนิยมและความภักดีต่อพรรค เกิดข้ึนอย่างเข้มแข็ง แม้จะมีการเปล่ียนแปลงระบบเลือกต้ังก็ตาม ความเช่ือเรื่องพรรคเข้มแข็งในยุค พรรคไทยรักไทยที่สืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงพรรคเพื่อไทยจึงมีผลถึงการเลือกต้ังในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท่ีผู้มีสิทธิเลือกต้ังส่วนใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ตัดสินใจลงคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทย ซ่ึงเป็นพรรคการเมืองท่ี ตนเองรจู้ กั และมคี วามผกู พนั มาอยา่ งยาวนาน หากวเิ คราะหจ์ ากระบบการเลอื กตงั้ แบบใหม่ กรณขี องเขตเลอื กตง้ั จะเห็นวา่ การเลือกตัง้ ที่มบี ตั รใบเดยี วไม่ได้ส่งผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงความนยิ มของพรรคเท่าใด เนอ่ื งจากพรรค มฐี านสนบั สนนุ จากผนู้ �ำทอ้ งถนิ่ และกลมุ่ การเมอื งในพนื้ ทค่ี อ่ นขา้ งเขม้ แขง็ มาตอ่ เนอ่ื งยาวนาน การมบี ตั รใบเดยี ว กลับเป็นข้อได้เปรียบเพราะเชื่อมั่นว่าประชาชนจะไม่ลังเลท่ีจะใช้ปัจจัยเร่ืองพรรคการเมืองและนโยบายพรรค ในการเลือก เมื่อเทียบกับการเลือกต้ังในอดีตแล้วการแยกเลือกระหว่างบัตร 2 ใบ กลับเกิดการแบ่งคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อกับ ส.ส.เขต และในการหาเสียงก็ยากท่ีจะบอกประชาชนในเขตเมืองว่าให้กาท้ังสองใบ เบอร์เดียวกัน ดังท่ีแกนน�ำพรรคเพื่อไทยผู้วางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งระดับภูมิภาค เช่ือว่าการดูแลเครือข่าย ผนู้ �ำทอ้ งถนิ่ เปน็ วธิ กี ารส�ำคญั ในการรกั ษาฐานเสยี ง “ฐานการเมอื งทอ้ งถนิ่ ของพรรคเขม้ แขง็ แมไ้ มม่ กี ารเลอื กตง้ั มานาน แตใ่ นระดบั ทอ้ งถน่ิ ผนู้ ำ� การเมอื งในพน้ื ทยี่ งั คงทำ� งานการเมอื งใหพ้ รรคการเมอื งอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ซง่ึ ไดเ้ ปรยี บ มากกว่าพรรคการเมืองใหม่ ๆ” (สัมภาษณ์แกนน�ำพรรคการเมือง 15 ธันวาคม 2561) ในการศกึ ษาวจิ ยั ของ สรุ ชยั ตงั้ มกรา (2556, น.102) กพ็ บปรากฏการณเ์ ฉกเชน่ เดยี วกนั ทกี่ ารตดั สนิ ใจ ลงคะแนนเสียงเลือกต้ังหากต้องตัดสินใจในกรณี 2 พรรคและต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง ผู้ลงคะแนนเสียง เลอื กตงั้ จะลงคะแนนใหก้ บั พรรคทม่ี ผี ลงานในอดตี และดวู า่ พรรคไหนนา่ จะไดเ้ ปน็ รฐั บาลเพราะนโยบายจะไดร้ บั การน�ำไปปฏบิ ตั ิ ผลู้ งคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ ยอ่ มตอ้ งคาดหวงั การไดร้ บั ผลประโยชนอ์ นั เกดิ จากการลงคะแนนเสยี ง เลอื กตัง้ ของตน “ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรเดียวท�ำให้พรรคต้องหาเสียงท่ีเน้นพรรคกับหัวหน้าพรรค เพราะเรา เสนอชื่อหัวหน้าเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเช่ือว่าผู้น�ำจากการเลือกตั้งน่าจะเป็นสิ่งท่ีสังคมไทยต้องการ ในปัจจุบัน คนอาจต้องการการเปลี่ยนแปลง ดังน้ันการหาเสียงของพรรคไม่ได้คาดหวัง ส.ส.เขตมากนัก แต่ตอ้ งหาเสยี งให้พรรคเปน็ หลัก” (สัมภาษณ์ตวั แทนสาขาพรรคการเมือง 17 มกราคม 2562)

83 ความลักลั่นของระบบการเลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วนผสม คือ ระบบน้ีเป็นระบบที่ยึดหลักเสียง ข้างมากที่แท้จริงหรือไม่ แม้คะแนนเสียงทุกเสียงจะถูกนับเป็นคะแนน แต่ในขณะเดียวกันการคิดคะแนนแบบ สดั สว่ นอาจท�ำใหพ้ รรคการเมอื งทไี่ ดค้ ะแนนเสยี งในเขตมากทสี่ ดุ แตใ่ นการค�ำนวณคะแนนบญั ชรี ายชอ่ื อาจท�ำให้ พรรคไมม่ ี ส.ส.จากระบบบญั ชรี ายชอ่ื เลย ดงั เชน่ ผลการเลอื กตงั้ ทสี่ ง่ ผลใหพ้ รรคเพอ่ื ไทยทไ่ี มม่ ี ส.ส.ในระบบบญั ชี รายชอื่ ในขณะทพ่ี รรคการเมอื งขนาดเลก็ และขนาดกลางทมี่ จี �ำนวนเพม่ิ มากขนึ้ ในระบบการเลอื กตงั้ น้ี เกดิ ขนึ้ มา เพื่อใช้ยุทธศาสตร์คะแนนเสียง เน่ืองจากไม่ได้คาดหวังชัยชนะในเขต แต่คะแนนทุกคะแนนไม่ว่าจะได้ล�ำดับ ที่เท่าไหร่ก็จะถูกน�ำมาใช้ค�ำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ท่ีท�ำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดกลาง เห็นโอกาสของการได้ที่น่ังในสภา ประจักษ์ ก้องกีรติ วิพากษ์ระบบการเลือกต้ังนี้ว่าท�ำให้ประชาชนเกิด ความสับสน โดยเฉพาะการไม่ให้ข้อมูลแก่ประชาชนมากเพียงพอท่ีจะให้ท�ำความเข้าใจวิธีการและความส�ำคัญ ของการลงคะแนนภายใต้ระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ถูกออกแบบมาที่จะส่งผลกระทบระดับโครงสร้างของ พรรคการเมืองและรัฐสภา “….คะแนนไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะบัตรใบเดียวแต่คะแนน กลับถูกนับสองคร้ังทั้งในระบบเขตและระบบปาร์ต้ีลิสต์ และสร้างระบบที่ไม่ยุติธรรมคือย่ิงพรรคได้ท่ีน่ังใน ระบบเขตมากขึ้นเท่าใดกลับย่ิงได้ผู้แทนในระบบปาร์ต้ีลิสต์น้อยลงตามน้ัน นอกจากน้ี ยังไม่สามารถแยกแยะ และสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ว่าต้องการเลือกพรรคหรือเลือกตัวบุคคล เพราะปิดกั้นโอกาสใน การใช้สิทธิอย่างเสรี บีบให้เลือกได้แค่คะแนนเดียว...” (ประชาไท, 2559) ความรู้ความเข้าใจของประชาชน เกี่ยวกับระบบการเลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วนผสมน้ี จึงกลายเป็นประเด็นส�ำคัญของข้อโต้แย้งในการเลือกต้ัง คร้ังนี้ จากการส�ำรวจความคิดเห็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งศึกษาโดย สมชาย ปรชี าศลิ ปะกลุ พบวา่ นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ รอ้ ยละ 64 ไมเ่ ขา้ ใจและไมท่ ราบถงึ ระบบการเลอื กตงั้ ใหม่ และรอ้ ยละ 83 ไม่เข้าใจและไมท่ ราบถึงจ�ำนวน ส.ส. แตใ่ นขณะทบี่ ตั รเลอื กตง้ั เพยี งใบเดยี วทท่ี �ำใหผ้ ูล้ งคะแนน เสียงเลือกต้ังต้องตัดสินใจลงคะแนนจากตัวแปร 3 ประการคือ ส.ส. ในเขตพื้นที่, พรรคการเมือง และบุคคล ผู้ท่ีพรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ท้ังน้ี ผลการส�ำรวจความคิดเห็นของสมชายพบว่า นักศึกษาจ�ำนวนถึง ร้อยละ 88 ตัดสินใจลงคะแนนจากนโยบายและผลงานของพรรคที่สังกัด ในขณะที่ เพียงร้อยละ 7 ตัดสินใจ ลงคะแนนจากชอื่ เสยี งของบคุ คล และตดั สนิ ใจลงคะแนนดว้ ยปจั จยั อนื่ เพยี งรอ้ ยละ 5 (ประชาไทออนไลน,์ 2561) ด้วยเหตุท่ีการเลือกตั้งครั้งนี้มีความส�ำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนับต้ังแต่การรัฐประหาร ตง้ั แตป่ ี 2557 ท�ำใหเ้ กดิ กระแสของการสรา้ งความมนั่ คงของพรรคการเมอื งปะทขุ นึ้ มา ในพนื้ ทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ มีปรากฏการณ์การแสดงออกในการเป็นผู้สนับสนุนพรรคของนักศึกษาและชนช้ันกลางในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวทางการเมืองในการเรียกร้องให้มีการเลือกต้ัง และการจัดเวทีของพรรคการเมือง ทั้งท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการเกิดข้ึนหลายพ้ืนท่ีของจังหวัดเชียงใหม่ ท้ังท่ีเปิดเผยและไม่เปิดเผย กรณีการไม่เปิดเผยคือ การมีแกนน�ำพรรคการเมืองจัดระดมความคิดเห็นกับประชาชนจากเครือข่ายหรือ กลุ่มการเมืองท้องถ่ิน เพื่อก�ำหนดยุทธศาสตร์หาเสียงและวางเครือข่ายผู้สนับสนุนพรรคการเมือง นักศึกษา คนรุ่นใหมเ่ ป็นกลมุ่ หนง่ึ ท่มี ักถูกเชญิ ไปเข้ารว่ มการระดมความคดิ เหน็ ในแบบไมเ่ ปิดเผยนี้

84 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ รปู แบบทปี่ รากฎในชว่ งการหาเสยี งเลอื กตง้ั อกี ประการทมี่ าพรอ้ ม ๆ กบั การเตบิ โตของสอ่ื ออนไลนค์ อื เมอื่ พรรคการเมอื งใดไมส่ ามารถฝา่ กระแสความนยิ มตอ่ พรรคอน่ื การสรา้ งกระแส มายาคติ และขา่ วปลอมจงึ กลายเปน็ ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ของพ้ืนที่การเมืองภาคเหนือ “…หากเพ่ิมคะแนนเสียงไม่ได้ ก็ต้องท�ำให้คะแนนคู่ต่อสู้ ไมเ่ พมิ่ ขนึ้ …” (สมั ภาษณแ์ กนน�ำพรรคการเมอื ง 5 มนี าคม 2562) ปรากฏการณก์ ารสรา้ งมายาคติ “การเลอื กตง้ั จัดตั้ง” คือ ข้อความของผู้สมัครรับเลือกต้ังและหัวคะแนนใช้ในการจุดประเด็นต่อสู้ในพ้ืนที่ ซ่ึงมีผลท�ำให้ ผมู้ สี ทิ ธลิ งคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ มคี วามวติ ก หวาดระแวงกบั การจดั การเลอื กตง้ั ในวนั ที่ 24 มนี าคม 2562 จงึ เปน็ ท่ีมาของการหาเสียงและสร้างกลยุทธ์การลงคะแนนเสียงเลือกต้ังที่ต้องแชร์คะแนนเสียง ประชาชนให้ข้อมูลว่า พวกเขาชอบพรรคการเมอื งหนง่ึ แตจ่ ะลงคะแนนใหอ้ กี พรรคหนงึ่ เพอ่ื ใหพ้ รรคทช่ี อบไดท้ นี่ ง่ั ในบญั ชรี ายชอื่ แมแ้ ต ่ ข้อมูลที่ได้จากประชาชนท่ีเช่ือว่า “เลือกพรรค (...) น้ีไป เพราะเค้าบอกว่าคนนี้จะไปช่วยหัวหน้าพรรค (...) อีกพรรคหนึ่งได้” ความเข้าใจของประชาชนในพ้ืนที่รอบนอกตัวเมือง เป็นความเข้าใจจากกระแสการเมือง ทง้ั จากสอื่ การหาเสยี ง การบอกเลา่ แมแ้ ตก่ ระทงั่ ผนู้ �ำชมุ ชน โดยขอ้ มลู สว่ นใหญเ่ ปน็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ผลประโยชน์ พรรคแทบท้ังส้ิน ไม่ใช่ข้อมูลในเรื่องของความรู้กฎเกณฑ์เก่ียวกับระบบการเลือกต้ังหรือข้อมูลพรรคการเมือง อย่างเปน็ ทางการ จากข้อมูลที่ได้มีการส�ำรวจในพื้นที่เชียงใหม่พบว่า การมีบัตรเลือกต้ัง 1 ใบท�ำให้ผู้ลงคะแนนเสียง เลอื กตง้ั ครนุ่ คดิ กบั คะแนนเสยี งของตวั เองมากขน้ึ เพราะนอ้ ยมากทจี่ ะพบวา่ มใี ครทมี่ สี มการการลงคะแนนออกมา ได้ลงตัวครบส่งิ ท่ีชอบทง้ั 3 ประเดน็ คอื ผสู้ มัคร พรรคการเมอื ง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากขอ้ มลู พบวา่ ผูม้ สี ิทธิลงคะแนนส่วนมากตดั สนิ ใจเลือกจากพรรคการเมอื ง ซ่งึ น�ำไปสกู่ ารมองนโยบายและผู้น�ำพรรคเปน็ หลกั ระบบการเลอื กตงั้ นแ้ี มจ้ ะไมไ่ ดท้ �ำใหเ้ กดิ พรรคใหญแ่ ตต่ อกยำ้� ความผกู พนั ของประชาชนทมี่ ตี อ่ พรรคการเมอื งมากขนึ้ แผนภาพ 4.3 แผนภาพแสดงสัดส่วนของคะแนนการเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด 3 อนั ดบั แรกของจังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งวันท่ี 24 มนี าคม 2562 77,607 (7.1%) 377,292 (34.7%) (ถ้าปรับคะแนนเลือกต้ังใหม่ = 29.9%) 173,229 (15.9%) 204,080 (18.8%) 254,097 (23.4%) (ถ้าปรับคะแนนตามเลือกต้งั ใหม่ = 15.2%) (ถ้าปรับคะแนนเลือกต้ังใหม่ = 27.7% พรรคเพือ่ ไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคพลงั ประชารฐั พรรคอื่นๆ บตั รเสียและไมป่ ระสงคล์ งคะแนน ทม่ี า จากการประมวลผลการลงคะแนนเสยี งเลอื กต้ังและจัดทำแผนภาพโดยผู้วจิ ยั ท่มี า จากการปจารกะแมผนวภลาผพลจะกเหา็นรวล่างจคำนะวแนผนู้มนาใเชส้สียิทงธเิทลั้งอืหมกดต1ัง้ ,แ08ล6ะ,3จ05ดั คทน�ำใแนผวันนเภลือากพตั้งโด24ยผมีน้วู าิจคยัม 2562 ในจังหวดั เชยี งใหม่ ซง่ึ สะทอ้ นให้เห็นถงึ กลมุ่ คะแนนทเี่ ลือกพรรคเพ่ือไทยและพรรคอนาคตใหม่ท่ีเป็น กลุ่มพันธมิตรทางการเมือง คะแนนรวมของทั้ง 2 พรรคการเมืองหากมารวมกันจะมีคะแนนมากกวา่ 50% ของจำนวนผู้มาลงคะแนนเสยี งเลือกตั้งของจังหวดั เชียงใหม่ เนอ่ื งจากระบบการเลือกต้ังที่ใชบ้ ัตรเลือกตั้งใบ

85 จากแผนภาพจะเห็นว่าจ�ำนวนผู้มาใช้สิทธิท้ังหมด 1,086,305 คน ในวันเลือกต้ัง 24 มีนาคม 2562 ในจังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มคะแนนที่เลือกพรรคเพ่ือไทยและพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นกลุ่ม พนั ธมติ รทางการเมอื ง คะแนนรวมของทง้ั 2 พรรคการเมอื งหากมารวมกนั จะมคี ะแนนมากกวา่ 50% ของจ�ำนวน ผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ เน่ืองจากระบบการเลือกตั้งที่ใช้บัตรเลือกต้ังใบเดียวนั้นท�ำให้ การค�ำนวณคะแนนของเขตเลอื กตง้ั มผี ลกบั ทนี่ ง่ั ทจ่ี ะไดจ้ ากระบบบญั ชรี ายชอ่ื แตใ่ นอกี ดา้ นกเ็ ปน็ การเกลย่ี คะแนน ของฐานคะแนนพรรคเพอื่ ไทยไปสพู่ รรคอนาคตใหม่ ซงึ่ ความนา่ สนใจของคะแนนทปี่ รากฏใหเ้ หน็ นนั้ ไมใ่ ชเ่ งอ่ื นไข ดงั เชน่ จงั หวดั อนื่ ๆ ทเ่ี คยมผี สู้ มคั รจากพรรคไทยรกั ษาชาติ แตเ่ มอ่ื พรรคไทยรกั ษาชาตโิ ดนยบุ พรรคอนาคตใหม่ จงึ เปน็ พรรคทไ่ี ดเ้ ปรยี บในการไดร้ บั คะแนนเสยี งจากผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ทต่ี อ้ งการลงคะแนนใหพ้ รรคไทยรกั ษาชาติ จงั หวดั เชียงใหมไ่ มม่ กี ารเปิดตวั ผสู้ มคั รพรรคไทยรกั ษาชาติ ดงั นน้ั การท�ำงานของกลมุ่ พรรคการเมอื งจงึ ถอื เปน็ ยทุ ธศาสตรใ์ นการเลอื กตงั้ เพอื่ กนั คะแนนไปใหแ้ กพ่ รรคการเมอื งทเี่ ปน็ ฝา่ ยตรงกนั ขา้ ม คอื พรรคพลงั ประชารฐั ด้วยระบบการเลือกต้ังท่ีน�ำมาสู่จ�ำนวนพรรคการเมืองท่ีมีจ�ำนวนผู้สมัครมากท่ีสุดในประวัติศาสตร์การเลือกต้ัง ของจงั หวดั เชยี งใหม่ ท�ำใหค้ ะแนนทกุ คะแนนมคี า่ และกระจายไปยงั พรรคการเมอื งตา่ ง ๆ แมพ้ รรคพลงั ประชารฐั ในทางพฤตินัยจะเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลในช่วงเวลาของการจัดการเลือกตั้ง แต่สัดส่วนคะแนนที่ได้ในจังหวัด เชียงใหม่ไม่ได้สูงมากนัก เพราะสัดส่วนคะแนนท่ีพรรคน้ีได้มีความใกล้เคียงกับคะแนนท่ีพรรคการเมืองอื่น ๆ รวมกนั ได้ (ยกเวน้ พรรคเพอ่ื ไทยและพรรคอนาคตใหมร่ วมกนั ไดร้ บั ) โดยเฉพาะหากดอู นั ดบั ของคะแนนในแตล่ ะ เขตเลือกต้ังพบว่ามีเพียง 3 เขต ใน 9 เขตเลือกตั้ง ที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนมาเป็นอันดับท่ี 2 (เฉพาะ การเลอื กตง้ั ในวนั ท่ี 24 มนี าคม 2562) การพยายามเจาะพนื้ ทฐี่ านคะแนนพรรคเพอื่ ไทยของพรรคพลงั ประชารฐั นับตั้งแต่ก่อนมีการเลือกต้ังมีท้ังรูปแบบของการสร้างและดึงเครือข่ายหัวคะแนนและผู้น�ำท้องถ่ินมาสนับสนุน ผู้สมัครของพรรค มีการควบคุมก�ำชับเรื่องกฎ ระเบียบในการหาเสียงเลือกต้ัง ควบคู่ไปกับประกาศและค�ำสั่ง ของ คสช. ผา่ นกลไกของส่วนราชการและควบคุมการเคล่อื นไหวทางการเมืองอย่างเข้มงวด 4.7 ความนยิ มในตวั บคุ คลกบั ตระกลู การเมอื งในการ เลือกตั้ง ตระกูลการเมืองไม่ใช่เร่ืองแปลกใหม่และไม่ใช่เรื่องผิดปกติในสังคมการเมืองระบอบประชาธิปไตย เพราะระบบเลือกต้ังท่ัวไปไม่มีการก�ำหนดสิทธิประโยชน์หรือความได้เปรียบในกลไกการแข่งขันให้กับตระกูล หรอื ชอ่ื เสยี งของบคุ คล แตก่ ารเปน็ ตระกลู การเมอื งถอื เปน็ ความไดเ้ ปรยี บของตน้ ทนุ ในการหาเสยี งทช่ี ว่ ยลดภาระ ในการลงทุนทั้งด้านการเงินและเวลาในการแนะน�ำผู้สมัครรับเลือกต้ัง อีกท้ังตอกย�้ำค่านิยมทางสังคมที่สะท้อน การยึดถือตัวบุคคลระบบชนช้ันและความเป็นพวกพ้องกลุ่มก้อนในสังคมได้ชัดเจนมากขึ้น แม้ตระกูลการเมือง ไม่ใช่เร่ืองแปลกหรือเร่ืองผิดในสังคมแต่การเติบโตต่อเนื่องของตระกูลการเมืองในระบบการเมืองมีแนวโน้ม น�ำไปสู่การเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องหรือการเกิด “ผลประโยชน์ทับซ้อน” (Conflict of Interests)

86 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ (สติธร ธนานิธิโชติ, 2556, น.8)12 ตระกูลการเมืองกับการเลือกต้ังถูกผูกโยงไปกับความเติบโตของชนช้ันน�ำ ในสังคมไทย เพราะกลุ่มชนช้ันน�ำ (Elite Class) ในสังคมไทยคือ กลุ่มผู้ท่ีมีความได้เปรียบทั้งในด้านทรัพยากร ทางเศรษฐกิจและสังคมที่น�ำมาสู่โอกาสในการเข้าถึงอ�ำนาจทางการเมืองและการแข่งขันในกระบวนการ การเลือกต้ัง จนมาสู่การสถาปนาความคิดเรื่องตระกูลการเมือง (Political Dynasty หรือ Political Family) ท่ีกลายเป็นปัจจัยหนึ่งในการท�ำความเข้าใจการเมืองไทย การถ่ายทอดอ�ำนาจทางการเมืองจากรุ่นสู่รุ่นภายใน ตระกลู หรอื ครอบครวั ทงั้ นามสกลุ เดยี วกนั หรอื นามสกลุ ทผี่ กู พนั กนั ผา่ นการแตง่ งาน ตา่ งเปน็ ปรากฏการณท์ าง การเมืองของการเมืองไทยในรอบกวา่ 3 ทศวรรษทผี่ ่านมา ผาสุก พงษไ์ พจติ ร (ส�ำนกั ข่าวอิสรา, 2556) ไดร้ ะบุ ถงึ ความเชอื่ มโยงของการเมอื งและอ�ำนาจในระดบั ชาตกิ บั ระดบั ทอ้ งถน่ิ ทเี่ ชอ่ื มโยงกนั ไวด้ ว้ ยเครอื ขา่ ยญาตพิ นี่ อ้ ง ในเครือตระกูลต่าง ๆ ซึ่งผาสุกเชื่อว่าความสัมพันธ์เชิงเครือข่ายของตระกูลการเมืองในการเลือกต้ังนอกจาก สรา้ งความไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขนั เลอื กตงั้ แลว้ ยงั มผี ลตอ่ การเกอ้ื กลู ของระบบงบประมาณโครงการตา่ ง ๆ ทที่ �ำให้ งบรัฐบาลจัดสรรลงสู่ท้องถ่ินผ่านระบบสายสัมพันธ์น้ี ซึ่งยิ่งท�ำให้อ�ำนาจและความม่ังคั่งของตระกูลการเมือง มมี ากขนึ้ ตระกูลการเมืองยังเช่ือมโยงกับประเด็นเรื่องของความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์อย่างแนบแน่น ระบบ ความสัมพันธ์ท่ีไม่เท่าเทียมสร้างระบบชนช้ันทางสังคมและการเมือง โดยเฉพาะตระกูลการเมืองที่มีทุนทาง การเมอื งและเศรษฐกจิ จนมบี ทบาทและสถานภาพในโครงสรา้ งชนชนั้ สว่ นบนของจงั หวดั การสรา้ งเครอื ขา่ ยอปุ ถมั ภ์ ผ่านเครือข่ายหัวคะแนน ผู้น�ำชุมชน และผู้รับการอุปถัมภ์กระท�ำผ่านความสัมพันธ์กับกลุ่มตระกูลการเมือง ในงานของ กนก วงษ์ตระหง่าน มีการเช่ือมโยงประเด็นความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ท่ีผู้อุปถัมภ์กับผู้ใต้อุปถัมภ ์ มีอ�ำนาจและทรัพยากรไม่เท่ากัน ผู้ใต้อุปถัมภ์จึงต้องพึ่งพาผู้อุปถัมภ์ ซ่ึงความสัมพันธ์แบบนี้สอดคล้องกับ วฒั นธรรมการยดึ ตดิ ตวั บคุ คล (Personalism) ของสงั คมไทย (กนก วงษต์ ระหงา่ น, 2528, น.336) ตระกลู การเมอื ง จงึ เปน็ ปัจจยั ทางการเมืองในการเลือกต้ังทีม่ พี ลังตอ่ การสร้างเครือขา่ ยและน�ำมาส่กู ารชนะการเลอื กตง้ั ได้ ในขณะทพี่ รรคการเมอื งทม่ี ฐี านของตระกลู การเมอื งเปน็ ฐานคะแนนเสยี งจะสามารถคาดการณแ์ นวโนม้ การชนะการเลอื กตง้ั ในระดบั เขตเลอื กตง้ั ไดจ้ ากเครอื ขา่ ยการเมอื งของคนในตระกลู ซงึ่ มองไดว้ า่ พรรคการเมอื ง เองเห็นถึงความได้เปรียบในเชิงทรัพยากร ทุน และอ�ำนาจจากตระกูลการเมืองในระดับพื้นท่ีจังหวัดต่าง ๆ อยู่ อีกด้านหนึ่งตระกูลการเมืองถูกมองในเชิงกลยุทธ์การแข่งขันของพรรคการเมืองมากกว่าการตอบโจทย์ด้าน ความหลากหลายหรือความต้องการของประชาชน การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งของตระกูลการเมืองที่มีผู้สมัคร นามสกุลเดียวกันหรือเป็นเครือญาติกัน แท้จริงแล้วช่วยลดภาระให้พรรคการเมืองในการสนับสนุนทั้งในด้าน การเงินหรือการรณรงค์หาเสียง เพราะความเป็นครอบครัวหรือความเป็นตระกูลท�ำให้การแข่งขันถูกเดิมพัน ด้วยชื่อเสียงและการรักษาทรัพยากรในพื้นท่ีของตระกูลตนเองไว้ จากการศึกษาของสติธร ธนานิธิโชติ (2556, น.11) ในการวเิ คราะหผ์ ลการเลือกตง้ั วันท่ี 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 พบว่าพรรคเพ่อื ไทยคอื พรรคการเมืองท่ีมี จ�ำนวนตระกลู การเมอื งชนะการเลอื กตง้ั ทง้ั ในระบบเขตเลอื กตง้ั และระบบบญั ชรี ายชอ่ื มากทส่ี ดุ คอื 19 ตระกลู 40 คน รองลงมาคอื พรรคประชาธปิ ตั ย์ 17 ตระกลู ซง่ึ ความเชอ่ื มโยงนท้ี �ำใหผ้ วู้ จิ ยั มองกลบั มาทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ 12 สตธิ ร ธนานธิ โิ ชติ ไดใ้ หค้ วามหมายของตระกลู การเมอื งทไี่ มไ่ ดจ้ �ำกดั อยเู่ พยี งการมบี คุ คลในตระกลู เดยี วกนั มากกวา่ หนงึ่ คน ได้รับการเลือกต้ังในการเลือกต้ังครั้งใดครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่ยังต้องหมายถึงการได้รับการเลือกต้ังของคนในตระกูลเดียวกันใน การเลือกตง้ั หลายคร้ัง ทีส่ �ำคญั อกี ประการหนงึ่ ก็คอื การท่ีตระกลู ของนกั การเมืองตระกลู ใดจะถกู นยิ ามวา่ เป็นตระกลู การเมอื ง ที่สมบูรณ์ได้ ตระกูลน้ันจะต้องมีความสามารถในการส่งต่อความส�ำเร็จในการเลือกต้ังจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนรุ่นต่อไปได้ด้วย แมใ้ นบางครงั้ อาจจะมิใช่การสง่ ตอ่ กนั โดยทันทกี ต็ าม

87 ซึ่งเป็นฐานคะแนนส�ำคัญของพรรคเพื่อไทยก็ปรากฏให้เห็นถึงกลุ่มตระกูลการเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัด เชยี งใหมน่ บั เปน็ อกี จงั หวดั ทต่ี ระกลู การเมอื งมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การรบั รทู้ างการเมอื งของประชาชนในเชยี งใหมม่ าอยา่ ง ยาวนาน นับตัง้ แตก่ ารเมืองระดบั ชาตจิ นถงึ การเมอื งระดบั ท้องถนิ่ เชน่ ตระกูลนิมานนั ท์, ตระกูล ณ เชียงใหม,่ ตระกลู ชนิ วตั ร มาจนถงึ ตระกลู บรู ณปุ กรณ์ และในการเลอื กตง้ั วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 เรายงั ไดเ้ หน็ บทบาทของ สมาชกิ ตระกูลการเมืองในสนามเลือกต้งั เชน่ ตระกูล ณ เชยี งใหม่ ตระกูลอมรววิ ฒั น์ และตระกลู บรู ณุปกรณ์ ประเด็นเร่ืองของตระกูลการเมือง เน่ืองจากในการเลือกต้ังวันท่ี 24 มีนาคม 2562 นี้ มีกลุ่มตระกูล การเมอื งทม่ี ปี ระสบการณท์ างการเมอื งทงั้ ระดบั ชาตแิ ละระดบั ทอ้ งถน่ิ ลงสมคั รรบั เลอื กตง้ั ในหลายเขตเลอื กตงั้ ของจงั หวดั เชยี งใหม่ จากการสมั ภาษณผ์ สู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั คนหนง่ึ ทอี่ ยใู่ นกลมุ่ ตระกลู การเมอื งของจงั หวดั เชยี งใหม่ มองว่า “…ตระกูลการเมืองไม่ใช่เร่ืองผิดและเสียหายอะไร การมีคนในครอบครัวหรือการส่งต่อบทบาทของ นกั การเมอื งใหค้ นในครอบครวั กลบั ยงิ่ ตอกยำ้� ถงึ ความพรอ้ มและการเรยี นรขู้ องคนเหลา่ นที้ ถี่ กู บม่ เพาะในครอบครวั มาแลว้ เพราะเรือ่ งของการเมอื งเปน็ เรื่องท่ตี ้องส่งั สมประสบการณ์ แน่นอนวา่ การเปน็ สมาชิกในครอบครวั ของ นักการเมืองเอ้ือต่อการเข้ามาลงสนามการเมืองเพ่ือแข่งขันการเลือกตั้ง และสร้างความได้เปรียบมากกว่าคนที่ ไมเ่ คยมเี ครอื ญาตมิ าทำ� งานทางการเมอื ง” (สมั ภาษณผ์ สู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ พรรคการเมอื งหนงึ่ 20 มกราคม 2562) ข้อมูลจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินพบว่า การที่สมาชิกในตระกูลลงสมัครรับเลือกตั้ง ทงั้ ในระดบั ชาตกิ บั ระดบั ทอ้ งถนิ่ ถอื เปน็ การสบื ทอดตอ่ อ�ำนาจเพอ่ื สรา้ งความมน่ั คงของตระกลู การเมอื ง นบั เปน็ การรกั ษาอ�ำนาจเพอื่ เปน็ หลกั ประกนั หากมกี ารแพก้ ารเลอื กตงั้ ในระดบั ใดระดบั หนง่ึ เครอื ขา่ ยอปุ ถมั ภ์ กลมุ่ การเมอื ง และหวั คะแนนจะยงั คงอยใู่ นพน้ื ที่ ในการเลอื กตงั้ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 น้ี ผบู้ รหิ าร ดงั เชน่ ตระกลู บรู ณปุ กรณ์ ทสี่ มาชกิ ในครอบครัวมตี �ำแหน่งทางการเมืองในจังหวดั เชียงใหมห่ ลายคน มที ้ังอดตี ส.ส. นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ แต่จากการสัมภาษณ์สมาชิกในตระกูลบูรณุปกรณ์คนหนึ่ง พบว่าการท�ำหน้าท่ีทางการเมืองภายใต้รัฐบาล คสช. ท่ีผ่านมาส่งผลต่อครอบครัวและการท�ำงานทางการเมือง โดยเฉพาะคดีความที่เคยเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้สมาชิกในครอบครัวต้องโทษคดีอาญา ในการเลือกต้ังคร้ังน ้ี แมจ้ ะมคี นในตระกูลลงสมคั ร ส.ส. แต่ด้วยสถานะและความเหมาะสม ท�ำใหต้ ้องวางตวั เป็นกลาง และพยายาม ช่วยสนับสนุนทุกคนอย่างเท่าเทียมหรือไม่ก็ไม่ช่วยใครเลย “…พยายามไม่แสดงตัวหรือไปเก่ียวข้องกับผู้สมัคร คนไหน ขนาดไม่ยุ่ง ใครจะไปลง ส.ส. ยังต้องมาบอกผมก่อน มาถาม ไม่ก็มาขอให้ช่วย แต่เราก็รู้สถานการณ์ ทางการเมืองกันดี...” ค�ำกล่าวของคนในตระกูลบูรณุปกรณ์ท่ีมีบทบาททางการเมืองระดับท้องถิ่น สะท้อน เครือข่ายความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในพื้นที่ท่ีเข้มแข็ง ในขณะเดียวกันตระกูลการเมืองคือ ปัจจัยส�ำคัญของ การขับเคล่ือนการเมืองในจังหวัดและยังเป็นตัวแปรหนึ่งของการชนะการเลือกตั้งของพรรคการเมืองใหญ่เช่น พรรคไทยรกั ไทยและประชาธปิ ัตยใ์ นการเลือกตงั้ หลายครงั้ ทผ่ี ่านมาในจงั หวัดเชยี งใหม่ การสรา้ งเครือขา่ ยของ ตระกูลการเมืองไม่จ�ำเป็นต้องท�ำผ่านนามสกุลเท่าน้ัน แต่การมีตระกูลการเมืองเป็นผู้สนับสนุนอุปถัมภ์ในเขต เลือกตั้งท้ังในระดับชาติกับระดับท้องถ่ินย่อมได้เปรียบในการแข่งขันทางการเมืองมากกว่า ดังเช่น การเลือกต้ัง วันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ในเขตเลือกต้ังท่ี 3 จังหวัดเชียงใหม่ท่ีฐานเสียงเดิมเป็นของตระกูลชินวัตร และ ท�ำใหผ้ สู้ มคั ร ส.ส.พรรคเพอ่ื ไทยทมี่ าลงแทนอดตี ส.ส.เดมิ เปน็ การลงสมคั รรบั เลอื กตงั้ ครงั้ แรกชนะการเลอื กตง้ั ด้วยคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเชียงใหม่ ค�ำสัมภาษณ์ของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ซ่ึงเป็น อดีตนักการเมืองท้องถ่ิน ตอกย�้ำความส�ำคัญของระบบเครือญาติในการเลือกตั้งที่เช่ือมโยงการเมืองระดับชาติ กบั การเมืองระดบั ท้องถน่ิ ไดอ้ ย่างชัดเจน

88 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ “ผมกับนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่เป็นเพื่อนกันและนายกฯ บญุ เลศิ เปน็ อาของ น.ส.ทศั นยี ์ บรู ณปุ กรณ์ อดตี ส.ส.เชยี งใหมพ่ รรคเพอ่ื ไทย แตผ่ มกบั นายกฯ บุญเลิศได้คุยกันแล้ว เขาก็ยนิ ดที ่ีผมขนั อาสาลงสมัครรบั เลอื กตง้ั และบอกวา่ ไมส่ นบั สนุนใคร และจะวางตวั เปน็ กลางและจะใหป้ ระชาชนเปน็ ผตู้ ดั สนิ ใจเลอื กส.ส.เอง” (เชยี งใหมน่ วิ ส,์ 2562) ภายหลงั เหตกุ ารณร์ ฐั ประหาร พ.ศ. 2557 นกั การเมอื งและตระกลู การเมอื งไมไ่ ดม้ บี ทบาทหรอื แสดง กจิ กรรมทางการเมอื งมากนกั มผี ลท�ำใหค้ า่ นยิ มหรอื ความคดิ เรอ่ื งตระกลู การเมอื งในจงั หวดั เชยี งใหมล่ ดนอ้ ยลงไป การเขา้ มามบี ทบาททางการเมอื งของกลมุ่ คนทห่ี ลากหลายมากขนึ้ มผี ลตอ่ ความสนใจในตวั บคุ คลทไ่ี มไ่ ดพ้ จิ ารณา แคเ่ พยี งนามสกลุ หรอื ตระกลู การเมอื งเทา่ นน้ั การเมอื งไทยทที่ ลุ กั ทเุ ลระหวา่ งการสลบั สบั เปลย่ี นกนั ของการเลอื กตงั้ กับการรัฐประหารในรอบกว่า 30 ปีที่ผ่านมา อันเน่ืองจากความเปล่ียนแปลงทางการเมืองก่อนปี พ.ศ. 2540 ต่อเนื่องมาจนหลังการเลือกต้ังในปี พ.ศ. 2544 เม่ือเกิดการถดถอยของตระกูลการเมืองในอดีตก็มักจะเห็น การงอกเงยของตระกูลการเมืองใหม่ ๆ ท่ีมีลักษณะโดดเด่นของกลุ่มตระกูลที่มีฐานทางธุรกิจการค้ามากยิ่งขึ้น การเตบิ โตของตระกลู การเมอื งมองไดเ้ ปน็ ทงั้ ขอ้ ไดเ้ ปรยี บและเปน็ จดุ ออ่ นในการแขง่ ขนั ทางการเมอื ง โดยเฉพาะ ในยุคของการเมอื งท่มี กี ารรฐั ประหารหรือมตี ระกลู การเมืองใหม่ทเี่ ตบิ โตมาจากภาคธรุ กจิ บทบาทของตระกูลการเมืองท่ีมีอิทธิพลต่อการเลือกต้ังในจังหวัดเชียงใหม่ เช่น ตระกูลชินวัตร และ ตระกูลบูรณุปกรณ์ ส�ำหรับตระกูลชินวัตรกล่าวได้ว่ามีบุคคลในตระกูลด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน ไดแ้ ก่ นายทกั ษณิ ชนิ วตั ร, นายสมชาย วงศส์ วสั ด์ิ และนางสาวยง่ิ ลกั ษณ์ ชนิ วตั ร13 (โพสตท์ เู ดยอ์ อนไลน,์ 2556) ในขณะที่ตระกูลบูรณุปกรณ์เร่ิมต้นจากสนามการเมืองท้องถ่ินและก้าวมาสู่การเมืองระดับชาติ คือ นายปกรณ์ บูรณุปกรณ์, นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ และมีฐานอ�ำนาจในระดับท้องถ่ินคือ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์และ นายทศั นยั บรู ณปุ กรณ์ จงึ กลา่ วไดว้ า่ ความเชอ่ื มโยงของกลมุ่ การเมอื งในจงั หวดั เชยี งใหมเ่ ปน็ เครอื ขา่ ยความสมั พนั ธ ์ ในลกั ษณะของการเกอ้ื กลู สนบั สนนุ กนั เปน็ รากฐานเดมิ จากการกอ่ รา่ งสรา้ งเมอื งเชยี งใหมด่ ว้ ยการโยงใยทางธรุ กจิ และการด�ำเนนิ กจิ การการค้า ซึง่ ส่วนใหญจ่ ะมคี วามรจู้ ักกันเป็นรุน่ สรู่ ุน่ ไม่ใชเ่ พยี งแคต่ ระกลู เหลา่ น้ีเท่านั้น อยา่ งไรกต็ ามปจั จยั ส�ำคญั ทส่ี ง่ ผลตอ่ ความมน่ั คงทางการเมอื งของตระกลู การเมอื งในจงั หวดั เชยี งใหม่ ในช่วงท่ีผ่านมาคือ บริบททางการเมืองท่ีเกิดสุญญากาศทางการเมืองนับต้ังแต่การรัฐประหารในปี 2557 เม่ือทหารมีบทบาทอย่างมากในการควบคุมกิจกรรมทางการเมือง การก�ำกับดูแลบทบาทของนักการเมืองและ การเคล่ือนไหวทางการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะกลุ่มตระกูลการเมืองของพรรคเพื่อไทยและเครือข่าย อปุ ถมั ภใ์ นพนื้ ที่ นอกจากน้ี ยงั มปี จั จยั แวดลอ้ มทางสงั คม คอื การเคลอื่ นตวั ยา้ ยถนิ่ ฐานของประชากรในเชยี งใหม ่ มสี งู ขน้ึ ท�ำใหค้ วามผกู พนั ตอ่ ชมุ ชนลดนอ้ ยลง ประวตั ศิ าสตรข์ องตระกลู การเมอื งในพนื้ ทเ่ี จอื จางลงไป อกี ทง้ั ระบบ เลือกตั้งที่เปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งนอกเขตท�ำให้การรับรู้การเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่น้อยลง ข้อมูล จากการสัมภาษณ์สมาชิกตระกูลการเมืองหน่ึงในจังหวัดเชียงใหม่ ท่ีเคยมีประสบการณ์ในการลงสมัครแข่งขัน การเลือกตั้ง ส.ส. พบว่า แต่เดิมความคิดความเช่ือของคนส่วนใหญ่คือ ความเช่ียวชาญและความสามารถทาง การเมืองสามารถส่งผ่านกันจากกระบวนการกล่อมเกลาของครอบครัว การมีทายาททางการเมืองซึ่งอาจเป็น 13 สมาชิกอื่นในตระกูลท่ีได้รับการเลือกต้ังเป็น ส.ส. มีมาตั้งแต่อดีต นายเลิศ ชินวัตร, สุรพันธ์ ชินวัตร, นางเยาวภา วงศ์สวสั ดิ,์ นายสมชาย วงศส์ วัสด์,ิ นายพายัพ ชนิ วตั ร และนางสาวชนิ ณชิ า วงศ์สวสั ด์ิ

89 คนในสายเลอื ดเดยี วกนั หรอื คนใกลช้ ดิ ถอื เปน็ กระบวนการบม่ เพาะหนง่ึ เหมอื นการสง่ ตอ่ ธรุ กจิ ภายในครอบครวั แต่ในปัจจุบันความรู้ทางการเมืองสามารถเรียนรู้ผ่านช่องทางอ่ืน ๆ การบ่มเพาะประสบการณ์ทางการเมือง ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งเกดิ จากการเปน็ สมาชกิ ของตระกลู การเมอื งเทา่ นน้ั แตก่ ารมสี ว่ นรว่ มในการเคลอ่ื นไหวทางการเมอื ง มมี ากขน้ึ สอื่ มหี ลายชอ่ งทางทท่ี �ำใหค้ นกลายเปน็ ผนู้ �ำทางความคดิ จนสามารถมบี ทบาททางการเมอื งในวงกวา้ ง และมโี อกาสเข้ามาสมคั รรับเลอื กตงั้ เปน็ ตวั แทนไดท้ ัง้ ระดบั ท้องถิ่นและระดับชาติ 4.8 ผู้สมัครหญิงกับการเลือกตั้ง ระบบการเลอื กตง้ั เปน็ ตวั แปรส�ำคญั ทมี่ ผี ลตอ่ จ�ำนวนผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ผหู้ ญงิ หรอื แมแ้ ตจ่ �ำนวนผหู้ ญงิ ทจี่ ะมีโอกาสในการไดร้ ับเลือกตงั้ (สถาบันพระปกเกลา้ , 2551) หากพจิ ารณาจากจ�ำนวนผู้สมัครหญงิ ทป่ี รากฏ ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 พบว่าสัดส่วนของผู้หญิงในพ้ืนที่การเมืองสนามเลือกตั้งมากขึ้น ปัจจัยหน่ึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเพราะระบบการเลือกตั้งท่ีท�ำให้ทุกคะแนนเสียงมีความส�ำคัญต่อการน�ำไปนับ รวมกบั คะแนนให้กบั สัดส่วนปารต์ ี้ลสิ ต์ แต่ยังไมส่ ามารถอธิบายได้ถงึ แรงจงู ใจสว่ นตวั ของผ้หู ญิงในการลงสมัคร รบั เลือกตง้ั อย่างแทจ้ รงิ ตาราง 4.4 ตารางแสดงผลการลงคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ ตามเพศ ดดั แปลงขอ้ มลู จาก ผลการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ การทัว่ ไป 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 จงั หวัดเชียงใหม่ เขต จ�ำนวน จำ� นวน จำ� นวน คะแนนเลอื ก คะแนนเลือก อนั ดับ บัตรเสีย ไม่ประสงค์ เลอื กตั้ง ผมู้ ีสิทธิ ผู้สมคั ร ผมู้ า ผ้สู มคั รชาย ผสู้ มคั รหญิง ผสู้ มคั รหญิง ลงคะแนน ลงสมัครรบั หญงิ ใชส้ ิทธิ ทีไ่ ดค้ ะแนน ให้ผู้ใด เลือกตงั้ 14 สูงสดุ 1 34 15 148,434 53,623 94,811 1 4,642 3,053 2 32 12 122,280 70,559 51,721 2 7,356 2,397 3 32 8 128,604 126,559 2,045 8 4,739 2,165 4 34 8 128,829 92,438 36,391 3 7,782 2,136 5 35 7 125,994 93,340 32,654 2 6,251 2,126 6 36 7 73,531 72,278 1,253 10 5,276 812 7 31 4 94,166 93,092 1,074 10 6,629 925 8 32 9 144,271 108,796 35,475 3 8,152 1,656 9 33 3 120,196 119,268 928 18 10,553 957 รวม 300 73 1,086,305 829,953 256,352 - 61,380 16,277 ทีม่ า ประมวลข้อมูลคะแนนจากส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจ�ำจังหวัดเชียงใหม่ และจัดท�ำ ตารางโดยผวู้ ิจัย 14 จ�ำนวนผูส้ มคั รทั้งหมดในแต่ละเขตพิจารณาจากจ�ำนวนคนทค่ี ณะกรรมการเลอื กตั้งไดป้ ระกาศรับรองคุณสมบัติ

90 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ จากตาราง 4.4 พบวา่ จ�ำนวนผสู้ มคั ร ส.ส.ของจงั หวดั เชยี งใหมใ่ นการเลอื กตงั้ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 ท้ังหมด 300 คน มีผู้สมัครเพศหญิงจ�ำนวน 73 คนคิดเป็นร้อยละ 24.33 และจากเขตเลือกตั้งท้ัง 9 เขตน้ัน จ�ำนวนผ้สู มคั รผหู้ ญงิ ในเขต 1 ซึ่งเป็นเขตอ�ำเภอเมอื งมีจ�ำนวนมากทส่ี ุด และเป็นเขตเดยี วท่ีคะแนนของผสู้ มคั ร ผหู้ ญงิ รวมกนั ทงั้ หมดจะมคี ะแนนสงู กวา่ คะแนนเสยี งทมี่ กี ารลงคะแนนเลอื กผสู้ มคั รผชู้ าย แตห่ ากมองในภาพรวม จากการลงคะแนนเสียงเลือกตงั้ แผนภาพ 4.4 แผนภาพแสดงค่าร้อยละการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้แก่ ผ้สู มัครแบ่งตามคะแแนผนนภขาอพง4เ.4พแศผนจภางั พหแสวดดั งคเช่ารยีอ้ ยงลใะหกามรลใ่ งนคะกแานรนเเสลียอืงเลกือตกต้ังัง้ ส2ม4าชิกมสภีนาาผูแ้คทมนราพษ.ฎศรใ.ห2้แก5ผ่ 6ู้สม2ัคร แบง่ ตามคะแนนของเพศ จังหวดั เชียงใหมใ่ นการเลือกตั้ง 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ร้อยละของการลงคะแนนเสียงเลือกต้งั ให้กบั ผ้สู มคั รผู้แทนราษฎร จังหวดั เชียงใหม่ ในการเลือกต้ัง 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 จานวนผ้มู าใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน 1,086,305 คน บตั รเสีย 6% ไมป่ ระสงคล์ งคะแนน 1% เลือกผสู้ มคั รหญิง 24% เลือกผสู้ มคั รชาย 69% เลือกผสู้ มคั รชาย เลือกผสู้ มคั รหญิง บตั รเสีย ไม่ประสงคล์ งคะแนน ที่มา จากการประมวลผลการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังและจัดทำแผนภาพโดยผวู้ จิ ยั ทม่ี า จากการปจารกะแผมนวภาลพผท่ีล4ก.4าจระลเหง็นคว่าะผ้มูแีสนิทธนิลเงคสะยี แนงนเลเสือยี งกเลตือก้งั ตแั้งกลวะ่ารจอ้ ยดั ลทะ �7ำ0แผลงนคะภแานนพใหโ้ผดูส้ ยมคัผรวู้ ิจยั ผู้ชาย ซ่งึ จากกการสัมภาษณ์ประชาชนผู้มสี ทิ ธเิ ลอื กต้ังผูว้ จิ ัยพบนยั ยะสำคัญคือ ย่งิ มีพน้ื ทีห่ ่างออกไปจาก เขตเมืองมากเทา่ ไร ยิง่ มีจำนวนผสู้ มัครผูห้ ญงิ นอ้ ยลง และสดั สว่ นการลงคะแนนเสยี งใหผ้ ูส้ มคั รหญงิ เมื่อ จากแผนภกเาปารพรียเขทบา้ เถท่ี 4ึงยี สบ.่ือ4กแับลจผะูส้ะกมาเัครหศรน็ผึกู้ชษวาายา่มนีสผ้อว่ งนมู้ ลสงสีำคทิ ัญสธอในดลิ กคงาลรค้อเงปะกลับแ่ยี ขนนอ้ แมนปลู ลเกสงาทรยี ัศสนงมั คเภลตาิแษอื ลณกะ์ผพตู้สฤมงั้ตัคกิกรรวรรบัาม่ เกรลาืออ้ รกลยตงัง้ลคทะะี่เแชนอ่ื7นว0เา่ สโียอลงกงาสคในะแนนใหผ้ สู้ มคั รผชู้ าย ซึ่งจากกการสัมภาษเณลอื ก์ปตร้ัง ะชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังผู้วิจัยพบนัยยะส�ำคัญคือ ย่ิงมีพื้นที่ห่างออกไปจากเขตเมือง มากเทา่ ไร ย่งิ มจี �ำนวนผูส้ มัครผหู้ ญิงน้อยลง และสัดส่วนการลงคะแนนเสียงใหผ้ สู้ มัครหญงิ เม่ือเปรยี บเทียบกบั ผู้สมัครผู้ชายน้องลง สอดคล้องกับข้อมูลการสัมภาษณ์ผู้สมัครรับเลือกต้ังท่ีเช่ือว่าโอกาสในการเข้าถึงสื่อและ การศึกษามีสว่ นส�ำคญั ในการเปล่ียนแปลงทัศนคติและพ67ฤตกิ รรมการลงคะแนนเสยี งเลือกต้งั

91 ตาราง 4.5 แสดงจ�ำนวนผู้สมัครสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรผ้หู ญงิ และผลคะแนนของจงั หวัดเชยี งใหม่ ในการเลอื กตั้งวันท่ี 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 เขตเลอื กต้งั ชื่อ คะแนน 1 นางไพลิน เซลามัน 432 นางสาวทัศนยี ์ บรู ณุปกรณ์ 2 นางสาวสพุ รรษา กง่ิ ไทยสง 45,894 นางสาวศภุ รี ฉัตรกนั ยารตั น์ 687 นางนชุ นาถ เกตแุ ก้ว นางสาวนาถวิภา ไชยแกว้ 45,120 นางสาววรินทรท์ ิพย์ วฒั นาอตคิ ุณ 45 นางสาวสุพัตรวี อยแู่ พทย์ 51 นางสาวธิดารัตน์ ศริ ิวิทยากร 108 นางสาวศริ ลิ ักษณ์ เชดิ ชนิ โชค 203 นางฉววี รรณ คา้ เจรญิ นางสรุ รี ัตน์ ตนุ่ ค�ำ 1,610 นางศศนิ ฤกาญจน์ ภูพ่ ูนทรพั ย์ 336 นางสาวเรณู สวุ รรณจักร์ 32 นางค�ำนอ้ ย ทิศเป็ง 156 15 คน 22 นางสาวนฤมล วะไลศรี 34 นางสาวณชั ชา โปธาย่ี 81 นางศรีพรรณ์ เขยี วทอง นางรจุ ภี ทั ร สว่างวงค์ 94,811 นางมารศรี นาคเฉลมิ 406 นางวรินทร วฒั นพงศศริ ิกลุ 32,617 17,022 145 67 670

92 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตัง้ ชอื่ คะแนน 3 นางสาวจิราภรณ์ แสนธยิ ะ 113 4 นางสาวพรชนิตว์ อนิ ทรวิเชียร 58 นางสาวหทัยรัตน์ จันทรส 80 นางวิภาดา ปลื้มสติ 45 นางสาวธัญญรตั น์ หริ ัญวงศ์ธาริน 470 นางจงรกั ษ์ ค�ำจา 28 12 คน 51,721 นางสาววิมลลักษณ์ บุญรัตนพิรยิ ะ 182 นางสาวสิริมน โฉมจันทร์ นางชมจนั ทร์ ตาลค�ำมลู 1,028 นางศรีรกั ษ์ โตเทยี น 90 นางสาวอญั ชญา ปิน่ แกว้ 77 นางวชิราภรณ์ ใจเที่ยง 35 นางสรุ างค์ ปญั ญาเรือง 399 นางนชุ าภรณ์ หอมวงศ์ 144 90 8 คน นางกงิ่ กาญจน์ ณ เชยี งใหม่ 2,045 นางสาวมาลี ปนั ทอย 30,520 นางสาวกัลยา แก้วมา นางสาวสทุ ธีรา ค�ำชา 477 นางสาวแพทรยี า ทะนนั ชยั 4,918 นางสาวนำ�้ ฝน สตุ าค�ำ นางวรัณกร ตระกลู ทองนุน่ 98 นางสาวพัชชนนั ท์ มีเตม็ ทรพั ย์ 87 142 8 คน 44 105 36,391

93 เขตเลือกตง้ั ช่อื คะแนน 5 นางสาวอุดมพร ปรานมนตรี 2,550 นางสาวปิยะฉตั ร มูลหนอ่ 6 นางจันทร์กานต์ ฤทธง์ิ าม 505 นางสาวเดอื นเตม็ ดวง ณ เชยี งใหม่ 245 7 นางหนอ่ แกว้ ปาปวน 29,170 8∗ นางทิพย์ ประสพชยั อุดม 58 นางอญั ชลนิ ทร์ รัตนะเศรษฐากลุ 49 77 7 คน 32,654 นางนวพร นพุ งศ์ 568 นางชนดั ดา เรือนสอน 153 นางสาวสุกัณทา อนิ หวัน 251 นางสาวฮนั นาห์ ภนู ิโรจน์ 59 นางสาวดสุ ติ า ศตศยามล 77 นางศิริพร นันตา 117 นางเพชร สภุ าษี 28 1,253 7 คน 576 นางสาวพฤษภา ปฐมนุพงศ์ 130 นางสาวพรรณิภา ปินตานา 131 นางประทมุ ภาวะดี 237 นางศศนิ า อทุ ัย 1,074 2,508 4 คน 538 นางสาววรณัน อ้นท้วม 500 นางพชรพร สุใจค�ำ นางสาวปานสิริ แสงคง * มกี ารเลือกตงั้ ใหม่ท่ที �ำใหผ้ ูส้ มคั รผูห้ ญิงได้คะแนนรวมสูงเพมิ่ ข้นึ

94 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตัง้ ชื่อ คะแนน นางสาวศรนี วล บญุ ลือ 29,556 9 นางสาวกชพรรณ เขียวเหมย รวม นางสาวอินทรา บุตรดวงตบ๊ิ 790 นางสาวศรีสุดา รตั นจรงิ ใจ 868 นางสาววิไลพร วรรณธิกลุ 131 นางสโรชา แดงโชติ 459 125 9 คน 35,475 นางสกุ ญั ยา แก้วหนอ้ ย 303 นางสาวรามยั ดา ฐานะนธิ ิภร 450 นางสาวอาริณี ชมภูปอ้ 175 3 คน 928 256,352 73 คน ทมี่ า จากการประมวลผลการลงคะแนนเสยี งเลือกต้ังและจดั ท�ำตารางโดยผู้วจิ ยั จากตาราง 4.5 เมอ่ื แยกแยะขอ้ มลู ผสู้ มคั รหญงิ เรยี งตามเขตเลอื กตงั้ จะเหน็ วา่ คะแนนของผสู้ มคั ร ส.ส. ผู้หญิง ในบางเขตเลือกต้ังเช่น เขต 1, 2, 4, 5, 8 มีคะแนนอยู่ใน 3 อันดับแรก โดยมีจ�ำนวนผู้หญิงใน 5 เขตน ี้ จ�ำนวน 7 คน โดยผู้สมัครหญิง 3 คนมาจากกลุ่มตระกูลการเมืองซ่ึงมีประสบการณ์การเมืองท้ังในระดับชาติ และระดับท้องถ่ิน ได้แก่ นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ และนางสาวเดือนเต็มดวง ณ เชยี งใหม่ ในขณะที่อีก 2 คนมปี ระสบการณ์ในการมีบทบาททางการเมอื งในระดับทอ้ งถนิ่ แตไ่ มเ่ คยลงสมคั ร รับเลือกต้ัง ส.ส. ได้แก่ นางศรีพรรณ์ เขียวทอง และนางสาวศรีนวล บุญลือ และมี 2 คนที่เป็นการลงสมัคร รับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งแรกและไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นมาก่อน โดยสังกัดพรรคอนาคตใหม่ คือ นางสาวศุภรี ฉัตรกันยารัตน์ และนางสาวณัชชา โปธายี่ หากพิจารณามิติ ความแตกต่างทางเพศจะเห็นว่า ในการเลือกตั้งครั้งน้ีผู้หญิงแสดงบทบาททางการเมืองในฐานะตัวแทนทาง การเมอื งเพม่ิ มากขน้ึ โดยเฉพาะการมจี �ำนวนพรรคการเมอื งลงแขง่ ขนั มากทส่ี ดุ เทา่ ทเี่ คยมกี ารจดั การเลอื กตงั้ มา ย่ิงเปิดพ้ืนท่ีของโอกาสของผู้หญิง ระบบการเลือกต้ังท่ีนับทุกคะแนนท�ำให้มิติของเพศไม่ใช่ประเด็นส�ำคัญ อันดับแรกในการพจิ ารณาการคดั เลอื กตวั แทนในการลงสมัครในนามพรรคการเมอื ง

95 พัฒนาการทางการเมืองไทยในปัจจบุ ันเอือ้ ต่อการยอมรับบทบาทของผู้หญิงในทางการเมืองมากขน้ึ แม้ผู้สมัครบางคนในจังหวัดเชียงใหม่จะมีฐานอ�ำนาจทางการเมืองของครอบครัวเป็นทุนเดิมท่ีท�ำให้มีโอกาส ชนะมากกว่า แต่ก็ยังมีสัญญาณส�ำคัญคือ การยอมรับผู้หญิงในฐานะตัวแทนทางการเมืองระดับชาติมากข้ึน ที่จะส่งผลต่อเน่ืองปูทางให้กับบทบาทผู้หญิงในการเมืองระดับท้องถ่ิน นอกจากนี้หากวิเคราะห์จากข้อมูลพื้นที่ และการสัมภาษณ์จะเห็นว่า ปัจจัยส�ำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลต่อการตัดสินใจท�ำงานทางการเมืองของผู้หญิง ในจงั หวดั เชียงใหม่คอื กระบวนการของการกลายเปน็ เมอื ง เพราะเช่อื วา่ ประชาชนในเขตเมืองหรือเขตเลอื กตง้ั ที่อยู่ใกล้เมืองสามารถยอมรับความหลากหลายทางเพศในฐานะตัวแทนได้มากกว่า ซึ่งเกิดจากโอกาสในการ เข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ผลจากการเก็บข้อมูลย่ิงตอกย�้ำความส�ำคัญของ การใหก้ ารศกึ ษาที่มีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมทางการเมอื งของประชาชน เมอื่ การเลอื กตง้ั ครงั้ นส้ี ะทอ้ นบทบาทของผหู้ ญงิ ในทางการเมอื งมากขนึ้ โดยเฉพาะในจงั หวดั เชยี งใหม่ โดยผู้วิจัยได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้สมัครผู้หญิงของพรรคการเมืองต่าง ๆ หลายคน พบว่า บทบาทผู้หญิงในการ เลือกตั้งมีเพิ่มสูงมากขึ้น พรรคการเมืองหลายพรรคน�ำเสนอบทบาทของผู้หญิงในพรรคการเมืองในฐานะผู้น�ำ และผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ พรรคเพอ่ื ไทยมกี ารเสนอชอื่ คณุ หญงิ สดุ ารตั น์ เกยรุ าพนั ธเ์ ปน็ นายกรฐั มนตรี หรอื การทพ่ี รรคอนาคตใหมใ่ หบ้ ทบาทของผหู้ ญงิ ในฐานะแกนน�ำขบั เคลอื่ นนโยบายส�ำคญั ๆ ของพรรค เชน่ นโยบาย สังคมและการศึกษา พรรคพลังประชารัฐน�ำเสนอผู้หญิงในบทบาทภาคสังคม และพรรคประชาธิปัตย์มีการ ส่งเสริมบทบาทผู้หญิงภายในพรรคจากระบบสัดส่วนของทั้งสาขาพรรคและการตั้งกลุ่มผู้หญิงขับเคลื่อนงาน ด้านคุณภาพชีวิตและความเท่าเทียมของผู้หญิงในภาคแรงงาน และจากการเก็บข้อมูลส�ำรวจเกี่ยวกับความคิด ของประชาชนในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกต้ัง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่มองเรื่องเพศเป็นตัวแปร ในการตดั สนิ ใจลงคะแนนเสยี งเลอื กตง้ั แตใ่ นฐานะผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั กลบั พบวา่ ผสู้ มคั รผหู้ ญงิ หรอื นกั การเมอื งหญงิ ยังได้รับการโหวตหรือคะแนนในภาพรวมน้อยกว่าผู้ชายถึงเกือบ 4 เท่า และระบบจารีตและความคิดทาง วัฒนธรรม โดยเฉพาะในพื้นท่ีที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมหรือชุมชนชาติพันธุ์ ผู้หญิงจะไม่ได้รับการ ส่งเสริมให้มีบทบาททางการเมือง หากพิจารณาสัดส่วนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกต้ังตามเพศจากจ�ำนวน ผมู้ สี ิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมด 1,307,083 คน โดยแบ่งเปน็ เพศชาย 620,313 คน และเพศหญงิ 686,770 คน คดิ ปน็ สดั สว่ นเพศชายรอ้ ยละ 47.46 เพศหญงิ รอ้ ยละ 52.54 ซงึ่ มจี �ำนวนใกลเ้ คยี งกนั แตห่ ากดจู ากแผนภาพ 4.4 จะเหน็ วา่ รอ้ ยละของการลงคะแนนใหผ้ สู้ มคั ร ส.ส. ผชู้ ายมสี งู ถงึ รอ้ ยละ 69 และลงคะแนนใหผ้ สู้ มคั ร ส.ส. ผหู้ ญงิ รอ้ ยละ 24 จากข้อมูลพบว่า ผู้สมัคร ส.ส. ผู้หญิงของพรรคการเมืองต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่มองว่า การเมือง เรอื่ งเพศเรมิ่ มกี ารเปลยี่ นแปลงมากขน้ึ แตก่ ารเปลย่ี นผา่ นความเชอ่ื เรอ่ื งเพศกเ็ ปน็ ไปอยา่ งเชอ่ื งชา้ เพราะเรอ่ื งเพศ ยงั คงเปน็ เรอื่ งทล่ี ะเอยี ดออ่ น แมส้ งั คมจะเปดิ กวา้ งมากขนึ้ ใหโ้ อกาสและสทิ ธแิ กผ่ หู้ ญงิ ในทางสงั คมเทยี บเทา่ กบั ผชู้ าย แตใ่ นแงข่ องเจตคตขิ องคนยงั คงเหน็ ความแตกตา่ งทางเพศทมี่ ขี อ้ จ�ำกดั แตกตา่ งกนั ความเปน็ ผหู้ ญงิ ท�ำให้ ตอ้ งระมดั ระวงั ในพฤตกิ รรมกริ ยิ าในฐานะของทง้ั ภรรยาและแมท่ ม่ี าท�ำงานทางการเมอื ง ความแตกตา่ งของเพศ ในการท�ำงานทางการเมอื งทเี่ หน็ ชดั เจน อยา่ งแรกคอื ผหู้ ญงิ สว่ นใหญท่ เี่ ขา้ สสู่ นามการเมอื งตอ้ งพสิ จู นต์ วั เองกอ่ น

96 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ทไี่ ดร้ บั ความสนใจแลว้ ไดโ้ อกาสในการมาเปน็ ตวั แทนลงเลอื กตงั้ หรอื บางครง้ั ตอ้ งมคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ท่ีโดดเด่น เช่น หน้าตา การศึกษา ในขณะท่ีผู้สมัครเพศชายไม่ตกบนเง่ือนไขทางเพศมากนัก สามารถเข้าไปสู ่ พน้ื ทก่ี ารเมอื งไดง้ า่ ยมากกวา่ ผหู้ ญงิ นอกจากนย้ี งั ไดข้ อ้ มลู ในทศิ ทางเดยี วกนั อกี วา่ ผหู้ ญงิ ดว้ ยกนั เองกย็ งั ไมพ่ รอ้ ม ทจี่ ะสนบั สนนุ ผหู้ ญงิ ดว้ ยกนั ใหเ้ ขา้ ไปท�ำงานทางการเมอื ง เพราะสงั คมไทยมกั ท�ำใหผ้ หู้ ญงิ ยอมรบั บทบาทหนา้ ท่ี ทางเพศของตนเองในครอบครวั ในขณะที่ผู้สมัครเพศหญิงของพรรคการเมืองใหม่พรรคหน่ึงในเขตอ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ มองว่า การมาท�ำงานการเมืองในฐานะผู้สมัครแข่งขันการเลือกต้ังครั้งแรกต้องพิสูจน์อะไรหลายอย่าง “…พอเข้ามา ตอ้ งเรยี นรเู้ รอ่ื งการเมอื งเยอะเพราะไมไ่ ดเ้ รยี นจบทางดา้ นการเมอื งหรอื รฐั ศาสตร์ นติ ศิ าสตรห์ รอื เกย่ี วขอ้ งอะไร กับการเมืองเลย เราเข้ามาเพราะคิดว่าอยากแสดงบทบาททางการเมือง เปล่ียนแปลงอะไรบ้าง แต่ในเรื่อง ของการเป็นผู้หญิง มองว่าเด๋ียวนี้ไม่แตกต่างแล้ว สังคมมีหลายเพศ บริบทของเขตเมืองไม่ค่อยล�ำบากมากนัก กับการเป็นนักการเมืองผู้หญิง เพราะอดีต ส.ส.เขต 1 ก็เป็นผู้หญิง ความเป็นเมืองน่าจะมีผลต่อความคิดคน ในเรื่องน้ี…” (สมั ภาษณ์ผู้สมคั รรบั เลือกตั้ง ส.ส. 21 มกราคม 2562) บทบาทของผู้หญิงในทางการเมืองเป็นเรื่องท่ีมีการถกเถียงมาอย่างยาวนาน ความพยายามของ ท้ังภาครัฐและสังคมในการเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศกลายเป็นส่วนหน่ึงในการเรียกร้องโอกาส ทางการเมอื งของผหู้ ญงิ ในพรรคการเมอื งและระบบรฐั สภา ความสมั พนั ธท์ างเพศระหวา่ งชายและหญงิ ทเี่ ชอ่ื วา่ ชายเป็นใหญ่เป็นการตอกย้�ำระบบอุปถัมภ์ในสังคมด้วยค่านิยมชนช้ันอ�ำนาจทางเพศ ดังนั้น การพยายาม ส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงคือการก้าวข้ามอุปสรรคการกีดกันของความคิดความเช่ือเกี่ยวกับความแตกต่าง ทางเพศเป็นตัวก�ำหนดความแตกต่างของสิทธิและโอกาสทางการเมืองและสังคม (ไพลิน ภู่จีนาพันธุ์, 2560) ในขณะทสี่ ังคมพยายามสร้างรากฐานของประชาธิปไตยผ่านกระบวนการของการเลอื กตั้ง การพยายามสง่ เสรมิ บทบาทความเท่าเทียมทางเพศและความเสมอภาคในสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกน่าจะเป็นหนทางหน่ึง ของการต่อยอดการพัฒนาการเมืองไทยและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประชาธิปไตยด้วยความเสมอภาค อยา่ งแท้จริง

97

98 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ บทที่ 5 การเคลื่อนไหว การแข่งขันและการใช้อ�ำนาจ ของพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในการหาเสียงเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่

99 5.1 การเคลอ่ื นไหวของพรรคการเมอื ง กลมุ่ การเมอื ง และการแขง่ ขนั การเลอื กตัง้ ของพรรคการเมอื งและ ผสู้ มคั รสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั เชยี งใหม่ สนามการเลอื กตงั้ จงั หวดั เชยี งใหมถ่ อื เปน็ พน้ื ทขี่ องการชว่ งชงิ ฐานทม่ี น่ั ทงั้ ความนา่ เชอ่ื ถอื ความสามารถ และฐานอ�ำนาจทางการเมืองของนักการเมืองในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ภายหลังการรัฐประหาร กล่าวได้ว่า การด�ำเนินการใด ๆ ของพรรคการเมืองท้ังในระดับชาติและระดับท้องถิ่นแทบจะไม่ปรากฏให้เห็น อย่างเปิดเผย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ถือเป็นผู้ครองอ�ำนาจทางการเมืองส�ำคัญของจังหวัดเชียงใหม ่ จากคะแนนการเลือกต้ังและผลการเลือกต้ังนับต้ังแต่การเลือกต้ังภายหลังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ที่น�ำมาสู่การเลือกต้ังทั่วไปใน พ.ศ. 2544, พ.ศ. 2548 และหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2549 ท่ีเป็น จดุ เรม่ิ ตน้ ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 น�ำมาสกู่ ารเลอื กตงั้ ในเดอื นธนั วาคมปี พ.ศ. 2550 และการเลือกต้ังท่ัวไป พ.ศ. 2554 พบว่า นับต้ังแต่การเติบโตของพรรคไทยรักไทย มาสู่พรรคพลังประชาชน จนกระทงั่ การคงอยขู่ องพรรคเพอ่ื ไทยในการเลอื กตงั้ วนั ที่ 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 ฐานอ�ำนาจของพรรคเพอ่ื ไทย ยังคงเข้มแข็งและชนะการเลือกต้ังได้ที่น่ังในเขตเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่เกือบทั้งหมดต่อเน่ืองเกือบ 20 ป ี ยกเว้นบางเขตเลือกตั้งท่ีมีผู้ชนะการเลือกตั้งท่ีมาจากพรรคการเมืองอื่น คือ ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2544 เขต 9 นายยงยุทธ สุวภาพ ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ การเลือกต้ังทั่วไป พ.ศ. 2550 มีนายไกร ดาบธรรม จากพรรครวมชาติพัฒนาได้รับการเลือกตั้งในเขตที่ 3 และนายนรพล ตันติมนตรี จากพรรคเพื่อแผ่นดินได้รับ การเลือกต้ังในพื้นที่เขต 4 และในการเลือกต้ัง 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ภายหลังการเลือกต้ังใหม่ในพื้นที่เขต 8 นางสาวศรนี วล บุญลือ จากพรรคอนาคตใหม่ได้รับการเลือกตงั้ การศึกษาการเมืองไทยในชว่ งกวา่ 2 ทศวรรษทผี่ ่านมา มกี ารศกึ ษาความส�ำเร็จของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพ่ือไทยว่าเกิดจากการจัดองค์กรของพรรคการเมืองที่มีโครงสร้างแนวด่ิง คือ มีการก�ำหนดบทบาทของชนช้ันน�ำในพรรคในฐานะผู้ก�ำกับและตัดสินใจภายในพรรค และพรรคยังมีความ สามารถในการปรบั ตวั ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เมอื่ เจอวกิ ฤตยบุ พรรคหรอื สถานการณท์ างการเมอื งทไี่ มส่ ง่ ผลตอ่ คะแนน นิยมพรรค การสร้างรูปแบบ วิธีการแข่งขันท่ีก้าวหน้าและนโยบายพรรคในการหาเสียงท่ีถูกน�ำมาปฏิบัติเป็น นโยบายรัฐบาลจนสร้างค่านิยมใหม่ในทางการเมืองที่ผู้สนับสนุนพรรคผูกพันในเชิงนโยบายของพรรค (สมชัย แสนภูมี, 2557) การประกาศตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยยังคงให้อดีต ส.ส.เป็นผู้สมัครรับเลือกต้ังใน เขตเลือกต้ังเดิมทั้งหมด แม้จ�ำนวนเขตจะลดลงไป 1 เขตก็ตาม และจะมีเพียงเขต 3 เขตเดียว คือ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรมที่เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก แต่หากพิจารณาจากประวัติการท�ำงาน จะพบว่ามีประสบการณ์ในการท�ำงานกับพรรคเพื่อไทย โดยเป็นประธานสาขาพรรคเพ่ือไทยจังหวัดเชียงใหม่ นายจักรพลแม้ไม่ได้มาจากตระกูลการเมือง แต่มีฐานการท�ำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกิจการตลาดสดเก่าแก ่

100 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่ ในจังหวัดเชียงใหม่ คือ ตลาดต้นพยอม ซึ่งพื้นฐานของครอบครัวที่ท�ำธุรกิจมากว่า 40 ปี ท�ำให้เกิดเครือข่าย ความสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ธรุ กจิ การเมอื งในจงั หวดั เชยี งใหม่ จากการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สมั ภาษณผ์ สู้ มคั รพรรคเพอ่ื ไทย และแกนน�ำพื้นที่ท่ีช่วยสนับสนุนพรรคต่างมีความม่ันใจในฐานคะแนนเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากการใช ้ เครือข่ายผู้น�ำในระดับท้องถิ่นท่ีมาจากการเลือกต้ังและด�ำรงต�ำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ในพ้ืนที่อย่างต่อเนื่องเพ่ือ ควบคมุ ฐานคะแนนเสยี งของพรรคในชว่ งเวลาทผ่ี า่ นมาแมแ้ ตก่ ระทง่ั ชว่ งของการบรหิ ารภายใตร้ ฐั บาล คสช. แมใ้ น การเลอื กตงั้ ครง้ั นี้ ผสู้ มคั รพรรคเพอ่ื ไทยมองวา่ มคี วามแตกตา่ งจากการเลอื กตง้ั ทผ่ี า่ น ๆ มามาก เพราะการเลอื กตงั้ คร้ังอื่น ๆ ท่ีผ่านมายังมีบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยและไม่ได้มีการควบคุมสมาชิกพรรคและ สาขาพรรค อีกท้ังกฎเกณฑ์อะไรหลายอย่างประกาศออกมาในเวลากระชั้นชิดท่ีท�ำให้ทีมงานหรือผู้ปฏิบัต ิ อาจจะไม่เข้าใจอย่างชัดเจน เช่น การติดป้ายหาเสียงท่ีต้องรอ กกต. ก�ำหนดจุดเสียก่อน ซ่ึงจากเดิมที่ภายหลัง การประกาศพระราชกฤษฎกี าการเลอื กตงั้ สามารถตดิ ปา้ ยหาเสยี งไดเ้ ลย “…แตห่ ากกลา่ วถงึ วา่ พรรคเพอ่ื ไทยนน้ั มีความพร้อมมากเพียงใดแล้วนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมมาตลอดและไม่เคยทิ้งพ้ืนท่ีเพราะมีเครือข่ายของ ผนู้ ำ� ทอ้ งถนิ่ และสว่ นใหญก่ ล็ ว้ นเปน็ นกั การเมอื งอาชพี ในสว่ นของงบประมาณเงนิ ในการบรหิ ารจดั การเลอื กตงั้ พรรคสว่ นกลางจะเปน็ ผดู้ แู ลหลกั …” (สมั ภาษณผ์ ู้บริหารสาขาพรรคหนง่ึ วนั ที่ 15 ธันวาคม 2561) ในช่วงก่อนการเลือกตั้งวันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 จากการส�ำรวจความคิดเห็นของประชาชน ท้ังเขตในเมืองและนอกอ�ำเภอเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ต่างเช่ือว่าพรรคเพ่ือไทยยังคงเป็นพรรคท่ีคาดการณ์ว่า จะชนะการเลือกตง้ั ในจงั หวัดเชยี งใหม่ไปไดห้ ลายเขต จะมบี างเขตเลือกต้งั ทมี่ ีการแขง่ ขนั สงู เพราะมกี ารดึงเอา อดตี ส.ส. และนกั การเมอื งทอ้ งถนิ่ เชน่ ตระกลู การเมอื ง ณ เชยี งใหม่ ทม่ี กี ารเปดิ ตวั นางกงิ่ กาญจน์ ณ เชยี งใหม่ และ ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจากการสัมภาษณ์ผู้สมัครพรรค พลงั ประชารฐั ไดใ้ หข้ อ้ มลู วา่ พรรคมกี ารประเมนิ คณุ สมบตั ผิ สู้ มคั รทมี่ ปี ระสบการณก์ ารเมอื งและมาจากตระกลู การเมือง จึงสนับสนุนทุ่มเททรัพยากรที่ส่งเสริมการต่อสู้ในพื้นท่ี เพราะเช่ือว่าจะสามารถแย่งชิงคะแนนเสียง ในพืน้ ทไี่ ด้ ในขณะทพ่ี รรคการเมอื งอนื่ ๆ โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหมท่ ไ่ี ดร้ บั คะแนนเสยี งเลอื กตงั้ มาเปน็ อนั ดบั 2 ในจ�ำนวน 6 เขตเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่จากทั้งหมด 9 เขตเลือกต้ัง มีการเคลื่อนไหวพบปะประชาชน ในจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเน่ืองตั้งแต่ก่อนมีการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ แกนน�ำพรรคอนาคตใหม่ทั้ง นายธนาธร จงึ รงุ่ เรอื งกจิ และนายปยิ บตุ ร แสงกนกกลุ รวมถงึ ทมี กรรมการบรหิ ารพรรคในปจั จบุ นั ไดจ้ ดั สมั มนา และเชญิ ชวนประชาชน โดยเฉพาะนกั วชิ าการและนกั ศกึ ษา รวมทง้ั ประชาชนทวั่ ไปทมี่ คี วามคดิ และความสนใจ ในการเสนอแนะแนวทางการเปลยี่ นแปลงทางการเมอื งมารว่ มพบปะพดู คยุ หลายครงั้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จนกลา่ วไดว้ า่ พรรคอนาคตใหมส่ รา้ งความคนุ้ เคยกบั กลมุ่ นกั ศกึ ษาและคนชนชน้ั กลางในเมอื งเชยี งใหมต่ งั้ แตก่ อ่ นมกี ารประกาศ พระราชกฤาฎีกาการเลือกต้ัง ปัจจัยส�ำคัญประการหน่ึงที่เอ้ือให้กระแสของพรรคอนาคตใหม่แรงข้ึนมาอย่าง ต่อเน่ืองคือ การเน้นหาเสียงกับฐานเสียงของกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสองกลุ่มเป็นหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มคนท่ีก�ำลังจะมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งครั้งแรกเพราะเหตุท่ีมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 24 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2562 และ กลมุ่ คนมอี ายคุ รบ 18 ปบี รบิ รู ณภ์ ายหลงั การรฐั ประหารเมอื่ พ.ศ. 2557 ซง่ึ เปน็