Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore A4แนวทางการสร้างการมีส่วนร่วม

A4แนวทางการสร้างการมีส่วนร่วม

Description: A4แนวทางการสร้างการมีส่วนร่วม

Search

Read the Text Version

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ตัวแบบการเป็นหุ้นส่วน นี้ เป็นการเสริมสร้างการทำงานร่วมกับของหลายภาค ส่วน ร่วมกันแก้ไขปัญหา พัฒนาชุมชน และหน่วยงานในลักษณะของการรวมผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียมาร่วมกันดำเนินการ และมีการรับผิดชอบและรับผลร่วมกัน เป็นการแก้ ปัญหาที่แก้ยาก เป็นการสร้างพลังแห่งความสามัคคีให้เกิดขึ้น การทำงานลักษณะของการเป็นหุ้นส่วนนี้เริ่มจากแนวคิดที่ว่า แต่โดยภาครัฐ หรือท้องถิ่นแต่เพียงภาคเดียวคงไม่สามารถทำให้การบริการนั้นๆ บรรลุเป้าหมายได้ ทั้งหมด อาจด้วยเหตุผลของการที่ในการบริการนั้นๆ ต้องใช้การลงทุนสูง ใช้ความ สามารถด้านเทคนิค ต้องการการยอมรับจากสาธารณชน อาทิการบริการด้านสิ่ง แวดล้อมที่อยู่อาศัย เป็นต้น ที่ต้องมีการลงทุน เพื่อสนองความต้องการของประชาชน และสร้างความพึงพอใจต่อการบริการ การทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วนจัด เป็นการมีส่วนร่วมที่มีคุณค่ามากที่สุดประเภทหนึ่งเพราะหุ้นส่วนย่อมมีสิทธิในการ แสดงความคิดเห็นและร่วมตัดสินใจ พร้อมรับผลจากการตัดสินใจนั้นๆ ดังนั้นพวก เขาจะร่วมกันติดตามตรวจสอบกันเองเพราะเป็นผลประโยชน์ของพวกเขา 1 1 โปรดดูรายละเอียดในเรื่องของ การเป็นหุ้นส่วนในเอกสารเฉพาะเรื่อง นี้อีกครั้ง 40 สถาบนั พระปกเกลา้

¦„· µ¦œœÊ´ Ç ˜o°ŠÄo„µ¦¨Ššœ» ­¼Š čo‡ªµ¤­µ¤µ¦™—oµœÁš‡œ·‡ ˜o°Š„µ¦„µ¦¥°¤¦´‹µ„­µ›µ¦–œ °µš·„µ¦ ¦·„µ¦—oµœ­·ÉŠÂª—¨o°¤š¸É°¥¼n°µ«´¥ Áž}œ˜oœ š¸É˜o°Š¤¸„µ¦¨Šš»œ Á¡Éº°­œ°Š‡ªµ¤˜o°Š„µ¦…°Šž¦³µœÂ¨³ ­¦µo Їªµ¤¡¹Š¡°Ä‹˜n°„µ¦¦·„µ¦ „µ¦šÎµŠµœ¦nª¤„´œ…°Š®¨µ¥£µ‡­nªœ‹´—Áž}œ„µ¦¤¸­nªœ¦nª¤š¸É¤¸‡»–‡nµ¤µ„ šÉ­¸ —» ž¦³Á£š®œÉ¹ŠÁ¡ก¦าµ³ร®เปoœ» น็ ­หªn œนุ้ ¥สn°ว่ ¤น¤ร¸­ะ·šห›วÄ· ่าœง„รµัฐ¦Â­ภ—าŠค‡เªอµก¤ช‡น·—Áแ®ลȜะป¨ร³ะช¦nªา¤ช˜น´—­(P·œaċrt¡n¦o°e¤r¦s´hŸip¨‹) µ„„µ¦ ˜ÂŸ´—œ­£·œµÄ¡‹œÂ­Êœ´ —Ç Š„—µ´Š¦œÁžœ´Ê œ}¡®ª„œ»o Á­…nªµ‹œ³¦nª¤แ„œ´ผ˜น·—ภ˜าµพ¤แ˜ส¦ดª‹ง­ก°ารเ„ปœ´็นÁห°Šุ้นÁ¡ส่ว¦นµ³ Áž}œŸ¨ž¦³Ã¥œr…°Š¡ª„Á…µ 1 °Š‡„r ¦ž„‡¦°Š …µo ¦µ„µ¦ ­ªn œš°o Š™œÉ· £µ‡Á°„œ/ ǦŠ„µ¦¦ªn ¤šÉ¸Á˜¤È Ş—ªo ¥‡ªµ¤ ž¦³µœ Ūªo µŠÄ‹„´œÂ¨³‡ªµ¤­´¤¡´œ›r ›¦» „·‹ ž¦³µ­´Š‡¤ œ´„ª·µ„µ¦ °Š‡„r ¦¡´•œµ Á°„œ เทคนิคในการดำเนนิ การในขั้นตอนตา่ งๆ 1 Þ¦——¼¦µ¥¨³Á°¸¥—ÄœÁ¦°ºÉ Š…°Š „µ¦Áž}œ®œo» ­ªn œÄœÁ°„­µ¦ÁŒ¡µ³Á¦º°É Šœ°¸Ê ¸„‡¦Ê´Š 1. ระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ1ผ6ู้ท-1ี่จ2ะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการ เช่น นักวิชาการ 2. ให้ข้อมูลข่าวสารและเชิญชวนมาร่วมดำเนินการ 3. ปรึกษาหารือการจัดประชุมเพื่อหารือร่วมกันในประเด็นต่างๆ ที่จะเป็นการ พัฒนาหรือปรับปรุงการบริการเพื่อประชาชน 4. วางแผนร่วมกัน 5. ดำเนินการร่วมกัน สถาบนั พระปกเกล้า 41

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) 6. สนับสนุนกันและกัน 7. ประเมินผลโดยหุ้นส่วน 8. ปรับปรุงแก้ไข การเปน็ ห้นุ ส่วนจะสำเรจ็ ได้ขึน้ กบั การมีข้อตกลงร่วมกัน การยอมรับนับถือกันและกันในความสนใจที่แตกต่าง การยอมรับในตัวผู้นำ การมีข้อผูกมัดที่ชัดเจน การพัฒนาวิสัยทัศน์ร่วมกัน ที่จะทำให้บรรลุได้ เวลาในการสร้างการเป็นหุ้นส่วน การมีเจตนารมณ์ร่วม พัฒนาการทำงานที่เข้ากันได้และยืดหยุ่นได้ การ สื่อสารที่ดี อาจมีผู้ช่วยกระบวนการกลุ่มในการดำเนินการ การตัดสินใจ ร่วมกัน และมีข้อผูกมัดที่จะทำให้บรรลุร่วมกัน การจัดการองค์กรที่มีประสิทธิภาพ การเป็นหุน้ ส่วนจะลม้ เหลวถ้า มีความขัดแย้งกันมาก่อน มีฝ่ายหนึ่งที่ครอบงำฝ่ายอื่น 42 สถาบนั พระปกเกลา้

การเป็นหุน้ สว่ นระหวา่ งรัฐ ภาคเอกชนและประชาชน (Partnership) ไม่มีเป้าหมายชัดเจน เป้าหมายเป็นไปไม่ได้ ความแตกต่างกัน ในหลักการ และวิธีทำงาน ขาดการติดต่อสื่อสาร ­™µœ´ ¡¦³ž„Á„¨oµ „µ¦Ä®o ¦·„µ ¦­µ› µ¦–³Ãอ—¥ำ„นµา¦จ¤ไ­¸ มªn ่เœท¦่าªnเท¤…ีย°มŠž ¦³µœ x …µ —‡ª µ¤­œÄข‹าดความสนใจ ¤Å¤‡¸ ‡nªo»¤µ¤Á ª˜¨°o µŠÂ„¨µม³¦Áีค°Šว·œºÉœา°ม¥ต¼nÁ้อ°ÊºงกŠ®าร¨อ´Šื่นอยู่เบื้องหลัง x ไม่คุ้มเวลาและเงิน x ž‹{ ‹¥´ ­Îµ‡´…°Š„µ¦Ážœ} ®»oœ­ªn œ еœÁ°„­µ¦ ÁŠ·œ ǦŠ„µ¦ ›»¦„‹· ¨„´ ¬–³…°ŠÂ˜¨n ³‡œ ‡ªµ¤Åªªo µŠÄ‹Â¨³ ›¦¦¤œ¼ ‡œ ‡ªµ¤­´¤¡œ´ ›r ǦŠ­¦oµŠ ‡ªµ¤ÁºÉ°¤´Éœ š„´ ¬³ „µ¦ž¦³»¤ …°o ˜„¨Š¦nª¤ „¦³ªœ„µ¦ Á°„­µ¦°µo аз สถาบันพระปกเกล้า 43 Agere, Sam. 2000. Promoting Good Governance: Principles, Practices and Perspectives. London:

การให้บริการสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) เอกสารอ้างอิง Agere, Sam. 2000. Promoting Good Governance: Principles, Practices and Perspectives. London: Commonwealth Secretariat. 44 สถาบนั พระปกเกล้า

เรอื่ งที่ 17 ธรรมนูญพลเมอื ง ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ทศพล สมพงษ์ 1. บทนำ รรมนูญพลเมือง แปลมาจากภาษาอังกฤษจากคำว่า Citizen’s Charter คำว่า Citizen หมายถึง พลเมือง ส่วนคำว่า Charter มีใช้ในภาษาไทย ธหลายคำ เช่นคำว่า กฎหมาย กฎบัตร ธรรมนูญ เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นของ บทความนี้ ขอใช้คำว่า ธรรมนูญพลเมืองไปพลางก่อน จนกว่าจะมีความเห็นพ้องต้อง กันในหมู่นักวิชาการไทยว่าควรใช้คำใด

การให้บริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ธรรมนูญพลเมือง เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดมาตรฐานการ ให้บริการสาธารณะของรัฐ เป็นการสร้างกฎ กติกา ข้อตกลง หรือพันธสัญญาต่อกัน ระหว่างฝ่ายผู้ให้กับฝ่ายผู้รับ ฝ่ายผู้ให้ ได้แก่ หน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ในการ จัดหาและส่งมอบบริการสาธารณะ ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงร่วมกันว่าฝ่ายผู้ให้มีบริการ อะไรบ้าง ที่จะต้องจัดหาให้แก่ผู้รับ ขณะเดียวกันผู้รับก็จะต้องรู้ว่าตัวเองมีสิทธิจะได้ รับบริการอะไรบ้างในการสร้างธรรมนูญพลเมืองฝ่ายพลเมืองจะเข้ามามีส่วนร่วมใน การกำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมระหว่างอุปสงค์และอุปทานของการให้บริการ ธรรมนูญพลเมือง เป็นนวัตกรรมทางการบริหารจัดการในยุคใหม่ที่เพิ่งเริ่มมีใช้ ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก ในประเทศที่ประสบผลสำเร็จ ธรรมนูญพลเมืองเหมาะ กับการให้บริการสาธารณะที่มีบริการแน่นอนตามกำหนดเวลาและมีลูกค้าที่ชัดเจน 2. พฒั นาการและแนวคิด ในการใชธ้ รรมนญู พลเมือง ลูกค้า คือ แขกที่สำคัญที่สุดในสถานที่ของเรา เขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่เราต่างหากที่ขึ้นอยู่กับเขา เขาไม่ได้มารบกวนเวลาของเรา แต่เขาคือจุด มุ่งหมายการทำงานของเรา เขาไม่ใช่คนภายนอกที่มายุ่งในภารกิจของเรา แต่ เขาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของเรา เราไม่เพียงแต่ทำให้เขายินดี โดยการให้ บริการเขา แต่เขาก็ทำให้เรายินดีด้วยเช่นกัน โดยการเปิดโอกาสให้เราได้ บริการเขา (มหาตมะ คานที) 46 สถาบนั พระปกเกลา้

ธรรมนญู พลเมือง ธรรมนูญพลเมือง เป็นนวัตกรรมที่นำมาใช้ใน การบริหารจัดการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า หรือผู้มารับบริการด้วยการปรับปรุงคุณภาพบริการ สาธารณะ และเป็นการกระตุ้นกระบวนการทำงานให้มี การใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศที่มี การใช้ธรรมนูญพลเมืองกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ประสบการณ์การใช้ธรรมนูญพลเมือง ในประเทศอังกฤษ เป็นความพยายามที่จะดูดซับเอา ธรรมนูญพลเมืองให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการให้ บริการสาธารณะ สาเหตุของการปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐ ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ ประชาชนเรียกร้องให้ภาครับปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ ได้แก่ 1. เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งในระดับบุคคลและ องค์กรเปิดเผยความต้องการของตนให้สังคมได้รับรู้ง่ายขึ้น 2. การที่ประชาชนระดับการศึกษาและค่านิยมประชาธิปไตยที่สูงขึ้น ทำให้ต้องการเห็นภาครัฐที่มีความโปร่งใส รับผิดชอบ มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าเงินของประชาชน 3. การที่ภาครัฐได้ตระหนักว่า หากไม่ได้รับความร่วมมือ หรือความเห็น จากประชาชนแล้ว นโยบายของรัฐก็ไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่มี ประสิทธิภาพ สถาบันพระปกเกล้า 47

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) การปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐที่โดดเด่นประการหนึ่ง ได้แก่ Citizen’s Charter ซึ่งมีกำเนิดที่สหราชอาณาจักรในปี 1991 วัตถุประสงค์หลักของ Citizen’s Charter ก็เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการของภาครัฐ โดยกำหนดและหรือ ปรับปรุงกลไกในการสร้างทางเลือกในการรับบริการ การปรับปรุงคุณภาพและคุณค่า ของบริการและการสร้างระบบความรับผิดชอบต่อการให้บริการประชาชน Citizen’s Charter ครอบคลุมทั้งหน่วยงานของส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตลอดทั้ง Privatized Utility Companies ในปัจจุบันเริ่มจะมีการยอมรับถึงแนวคิดเรื่องผู้บริโภคบริการสาธารณะ (consumer of public service) ในหลายประเทศแต่ก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายสากลนัก แม้แต่ประเทศที่มีการใช้ธรรมนูญพลเมือง เป็นสิ่งที่สวนทางกับวัฒนธรรมการบริหาร เดิม การนำธรรมนูญพลเมืองมาใช้ในการบริหารจัดการ จึงเป็นสิ่งที่ท้าท้ายต่อ สมมติฐานวัฒนธรรมการบริหารที่เชื่อว่าพลเมืองที่เป็นลูกค้าควรจะยอมรับในการให้ บริการสาธารณะที่รัฐจัดให้แต่โดยดี และควรที่จะยินดีในสิ่งที่ได้รับ ซึ่งวัฒนธรรม ดังกล่าวนี้ ไม่ได้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองในการบริหารจัดการภาครัฐ จึงอาจถูกนำมาใช้ในลักษณะที่บิดเบือนไป การนำแนวคิดเรื่องธรรมนูญพลเมืองเข้ามาสู่กรอบแนวคิดการบริหารงานภาค รัฐแนวใหม่ เริ่มจากวาทกรรมของนักวิชาการในช่วงตอนปลายทศวรรษ 1970 และ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคำประกาศปฏิรูประบบราชการในกลุ่มประเทศ OECD แต่ใน ช่วงนั้นมีการนำเสนอธรรมนูญพลเมืองในหลายรูปแบบ ที่ยังไม่มีความเห็นพ้องต้อง กันนัก อย่างไรก็ตาม จากจุดนี้ก็ได้ขยายสู่การกระตุ้นการสร้างนวัตกรรมการบริหาร จนนำไปสู่การจัดทำแผนธรรมนูญแห่งชาติ (National Charter Pregramme) และมี นักวิชาการพยายามที่จะสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ของการบริหารรัฐกิจโดยกำหนดให้ ธรรมนูญพลเมืองเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารภาครัฐแนวใหม่ (New Public 48 สถาบันพระปกเกล้า

ธรรมนญู พลเมือง Management) อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญพลเมืองในกรอบแนวคิดการบริหารภาครัฐ แนวใหม่นี้ ยังมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ มีนักวิชาการกลุ่ม “วิพากษ์นิยม” (Scepticism) วิจารณ์ว่าการจัดการภาครัฐแนวใหม่นี้พยายามที่จะรวมเอา “กระบวน ทัศน์โลกใหม่” (New Grobal Paradigm) เข้ามาไว้ในวิชาการด้านบริหารรัฐกิจ ข้อ เสนอทางวิชาการที่มีความเห็นในทำนองเดียวกันนี้มาจากนักวิชาการเด่นๆ หลายคน ได้แก่ Osborne และ Gaebler (1992) Perter Aucoinc (1990) รวมทั้งจากองค์กร ช่วยเหลือระหว่างประเทศอย่าง OECD ซึ่งทุ่มเทความสนใจอย่างมากต่อการส่งเสริม และเผยแพร่วาทกรรมเกี่ยวกับ “ธรรมาภิบาล” และ “สุดยอดปฏิบัติการ” (best practice) ในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดความ กดดันทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับการเติบโต ของการเมืองแบบพหุนิยม จนนำไปสู่ความเห็น พ้องต้องกันในนานาประเทศว่า องค์กรภาครัฐ จำเป็นที่จะต้องมีการความรับผิดชอบมากขึ้น ต่อผู้ใช้ และผู้บริโภคบริการสาธารณะ โดยการปรับปรุงมาตรฐานการให้บริการการ ดำเนินงานที่โปร่งใส มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นต่อความต้องการและความคาดหวังของ ผู้บริโภค รวมไปถึงการปรับปรุงขั้นตอนในการร้องเรียนหรือร้องทุกข์ในการให้บริการ ให้สามารถแก้ไขปัญหาจนผู้บริโภคบริการสาธารณะเกิดความพึงพอใจ ในบาง ประเทศมีการเน้นในเรื่องการส่งเสริมการสร้างพลังอำนาจของพลเมืองโดยการให้ พลเมืองตระหนักและเข้ามามีส่วนกำหนดคุณภาพการให้บริการ รวมทั้งการแสดงออก ถึงพลังอำนาจโดยการหาทางเลือกต่างๆ จากผู้ให้บริการหน่วยอื่นๆ และที่สำคัญที่สุด เป็นความพยายามที่จะให้เกิดความเห็นพ้องต้องกันของผู้บริโภคว่าควรได้รับบริการ ที่มีคุณภาพอย่างไร เป็นการกระตุ้นความต้องการให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ มีคุณค่าต่อการ ที่ได้เสียภาษีไป สถาบนั พระปกเกล้า 49

การให้บริการสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าการใช้ธรรมนูญในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเป็น ปรากฏการณ์นำมาปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นเรื่องสามัญไปแล้ว ใน ประเทศเหล่านี้ได้แก่ อังกฤษ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส และ เนเธอร์แลนด์ สำหรับประเทศสวีเดน ได้เริ่มใช้เมื่อเดือนมกราคม 2001 รัฐบาลได้จัด ทำโครงการนำร่อง “เสวนาว่าด้วยการบริหาร” (Service dialoque) ซึ่งในโครงการ นี้รวมกระบวนการที่จะนำเอาธรรมนูญพลเมืองมาใช้ในหน่วยราชการทุกแห่ง ใน ปัจจุบันพบว่ามีการริเริ่มใช้ธรรมนูญในทุกทวีป ในบันทึกช่วยจำของคณะกรรมาธิการ ด้านการให้บริการสาธารณะของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ปี 1996 มีบันทึกของหน่วย งานธรรมนูญพลเมืองของสำนักคณะรัฐมนตรี (Cabinet Office’s Charter) ระบุเอา ไว้ว่าอย่างน้อยมี 15 ประเทศที่ได้นำโครงการในลักษณะเดียวกันกับอังกฤษไปปฏิบัติ ในประเทศของตน เช่น อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา อเมริกา เบลเยี่ยม และ สิงคโปร์ ส่วนในฮ่องกงก็จัดทำปฏิญญาการทำงาน (Performance Pledge) ใน มาเลเซียได้จัดทำโครงการธรรมนูญผู้รับบริการ (Client Charters Programme) ขึ้น ในปี 1993 ส่วนในอาฟริกาใต้ได้เข้าไปร่วมจัดกิจกรรมในธรรมนูญครอบครัว (The Charter Family) เมื่อปี 1997 โดยพิมพ์หนังสือปกขาวเรื่อง “ประชาชนต้องมา ก่อน” (People First) นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆ อีกที่เริ่มใช้ธรรมนูญพลเมืองใน ปี 2002 ได้แก่ จาไมกา นามิเบีย คอสตาริกา และซามัว ในประเทศอินเดีย ริเริ่มแนวคิดธรรมนูญพลเมือง เมื่อปี 1997 จากการประชุม ผู้นำมุขรัฐทั่วประเทศ ต่อมามีองค์กรภาครัฐ 180 องค์กรประกาศใช้ธรรมนูญพลเมือง แต่จากการศึกษาของ Ghuman (2002) พบว่า ธรรมนูญพลเมืองที่ประกาศใช้ส่วน ใหญ่เตรียมการกันอย่างรีบเร่งให้ทันกับกรอบของเวลามีหลายกรณีที่โครงการ ธรรมนูญพลเมืองเป็นเพียงการรวบรวมเอากิจกรรมการดำเนินงานของแต่ละกอง โครงการธรรมนูญถูกกำหนดขึ้นอย่างคร่าวๆ ขาดความชัดเจน ไม่ระบุชัดว่าพลเมือง จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในบริการสาธารณะเรื่องใด หน่วยงานของรัฐไม่ได้ใช้ความ 50 สถาบนั พระปกเกล้า

ธรรมนญู พลเมอื ง พยายามที่จะทำการยกระดับมาตรฐานการให้บริการสูงขึ้นตามที่ระบุไว้ในโครงการ นอกจากนี้พลเมืองและพนักงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานส่วนหน้าไม่ค่อยตระหนัก ในโครงการนี้ โครงการธรรมนูญพลเมืองในประเทศต่างๆ ที่กล่าวมานี้ มีความแตกต่างกันทั้ง ในด้านสาระและจุดมุ่งหมาย แต่โดยส่วนใหญ่เป็นการริเริ่มที่จะปรับปรุงในเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้ 1) ความโปร่งใสและการเข้าถึงบริการ 2) มีกระบวนการบริหารจัดการที่ง่ายเข้า 3) ตัดทอนความล่าช้า (Red Tape) 4) พัฒนาตัวชี้วัดการทำงานและจัดทำผลลัพธ์ของการทำงาน 5) ปรับปรุงกลไกการแก้ไขข้อขัดข้องในการใช้บริการรวมทั้งการร้องทุกข์ของ พลเมือง ซึ่งในบางประเทศมีการออกเป็นกฎหมายให้ข้าราชการปฏิบัติ สำหรับในประเทศฝรั่งเศส ประกาศใช้ธรรมนูญพลเมืองว่าด้วยบริการ สาธารณะ (Charter Us Services Publics) ในปี 1992 เป็นการประกาศเจตนารมณ์ ว่าด้วยหลักการให้บริการสาธารณะ ซึ่งประกอบด้วยหลัก 1) ความเสมอภาค (equality) 2) หลักความเป็นกลาง (neutrality) 3) หลักความต่อเนื่อง (continuity) สถาบันพระปกเกล้า 51

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) นอกจากนี้ยังได้ประกาศหลักการใหม่ว่าด้วยความโปร่งใส การมีส่วนร่วมและ การทำให้ง่ายขึ้น (simplification) วัตถุประสงค์ของธรรมนูญพลเมืองของฝรั่งเศส มีดังนี้ 1) ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการและอธิบายหรือช่วยเหลือใน กระบวนการบริการ 2) กระตุ้นการมีส่วนร่วมของพลเมือง 3) ตัดขั้นตอนความล่าช้าและมีกระบวนการบริการที่ง่ายขึ้น 4) เพิ่มความรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เป็นไปตามตัวชี้วัดคุณภาพ 5) เพิ่มการใช้วิธีการผูกมิตรไมตรีและอนุญาโตตุลาการกรณีมีข้อพิพาท ขัดแย้งเกิดขึ้น การใช้ธรรมนูญพลเมืองอย่างเป็นทางการในประเทศอังกฤษ เริ่มในสมัยจอห์น เมเจอร์ ปี 1991 เพื่อเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาความไม่เชื่อถือไว้วางใจ การทำงานของรัฐ โดยจัดทำเป็นสมุดปกขาว โดยเนื้อหาสาระเริ่มจากเป็นวิสัยทัศน์ ส่วนตัวของ จอห์น เมเจอร์ ที่นำมาปราศรัยในที่สาธารณะจนกลายเป็นวิสัยทัศน์ร่วม ของสาธารณะ ในสมุดปกขาวว่าด้วยธรรมนูญพลเมือง ได้กล่าวถึงประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้ 1. การเพ่ิมมาตรฐานให้สูงขึ้น ให้มีการจัดพิมพ์มาตรฐานการให้ บริการด้วยภาษามาตรฐานชัดเจน กระชับ สอดคล้องกับความรู้สึกของผู้ตรวจสอบ 52 สถาบนั พระปกเกล้า

ธรรมนญู พลเมอื ง 2. การเปิดกว้าง กำจัดสิ่งที่เป็นความลับเกี่ยวกับการจัดการในองค์การ ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ให้บริการต้องมีป้ายชื่อระบุ 3. การแจ้งข้อมูลข่าวสาร ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่าง สม่ำเสมอในเรื่องเกี่ยวกับเป้าหมายการทำงานและวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมาย 4. กำหนดทางเลือก องค์กรภาครัฐควรจะจัดให้มีทางเลือกอื่นๆ สำหรับ ผู้มารับบริการในกรณีที่หน่วยงานของตนเองไม่สามารถให้บริการได้ 5. ไม่เลือกปฏิบัติ การให้บริการจะต้องไม่ลำเอียงในเชื้อชาติ เพศ ข้อแนะนำ ในระเบียบปฏิบัติที่พิมพ์ออกมาเป็นแผ่นพับ ให้พิมพ์เป็นภาษาที่คนกลุ่ม น้อยต้องการ 6. ความสามารถเข้าถึง บริการต่างๆ ควรจะดำเนินการให้เกิดความ สะดวกสบายต่อผู้บริโภคไม่ใช่เกิดความสะดวกสบายสำหรับพนักงาน 7. พร้อมท่ีจะดำเนินการใหม่ เมื่อกระทำการบางอย่างผิดพลาดอย่าง น้อยๆ พลเมืองจะต้องได้รับการอธิบายด้วยไมตรีที่ดี หรือได้รับคำขอโทษ พร้อมที่จะ แก้ไขปัญหา รวมทั้งได้รับการจ่ายชดเชยที่เหมาะสม ในสมุดปกขาวยังได้กล่าวย้ำถึงประเด็นว่าด้วยเรื่องคุณค่าของเงิน (value for money) โดยระบุเอาไว้ว่าในแผนการธรรมนูญนี้ เป็นการค้นหาวิถีทางที่ดีกว่าที่ผ่านมา ที่จะนำเงินภาษีมาใช้ด้วยความพยายามที่จะทำให้เกิดการบริการที่ดีกว่า ธรรมนูญพลเมืองที่เขียนไว้ในสมุดปกขาวนี้ เริ่มแรกได้นำมาใช้ในหน่วย ราชการส่วนกลาง ต่อมาได้นำมาใช้ในหน่วยองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์บริการ สุขภาพแห่งชาติ ศาลยุติธรรม และสถานีตำรวจ สถาบนั พระปกเกล้า 53

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) การพัฒนาของ Citizen’s Charter Programme มีข้อควรที่ปรับปรุงอยู่หลาย ประการ ดังนี้ 1. มาตรฐานการให้บริการของ Charter ยังขาดความชัดเจนหรือไม่ใช้สิ่ง ที่ผู้บริการต้องการ 2. หน่วยงานมักละเลยการปรึกษากับผู้รับบริการ 3. การกำหนดมาตรฐานการให้บริการมักจะขาดการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ ระดับปฏิบัติ นอกจากนี้ Citizen’s Charter ยังได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น The service first โดย Charter Programme ใหม่นี้มีนโยบายที่จะเน้นใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การปรับปรุงมาตรการทางด้านความสามารถในการตรวจสอบต่อความ ต้องการของ ประชาชน 2. การปรับปรุงมาตรการในด้านคุณภาพ 3. การปรับปรุงมาตรการในด้านประสิทธิภาพ 4. การพัฒนาด้านการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ 54 สถาบันพระปกเกลา้

ธรรมนญู พลเมอื ง ข้อสังเกตเก่ียวกับแนวโน้มของเร่ืองการให้บริการของภาครัฐและ Citizen’s Charter Programme ของสหราชอาณาจกั ร การปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐต่อประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งของ สหราชอาณาจักร ข้อสังเกตดังกล่าวประกอบด้วย 1. นโยบายประเภทนี้ เป็นเครื่องมือที่เอื้อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม ของภาครัฐ ให้หันมาเน้นที่ผลการดำเนินงานมากกว่าการควบคุมทรัพยากร อีกด้วย 2. Citizen’s Charter มิได้เกิดขึ้นโดยตัวของมันเอง แนวคิดนี้เกิดขึ้นภายใต้ รูปแบบการจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) 3. Citizen’s Charter มิได้เน้นเพียงแค่การปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ ของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น 4. การปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐ ยังยึดโยงกับเรื่องของเทคโนโลยี อย่างแนบแน่น เป็นต้น การปรับปรุงการให้บริการกับการบริหารจัดการภาครัฐโดยรวม นโยบายเกี่ยว กับการปรับปรุงงการให้บริการของภาครัฐ จึงควรเชื่อมโยงกับภารกิจของรัฐในด้านอื่น อย่างสอดคล้อง ดังนี้ 1. รัฐไม่ควรมองว่า Citizen’s Charter ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างความ พอใจให้แก่ประชาชนเท่านั้น รัฐควรมองเลยไปถึงการทำให้ประชาชนเกิด ความเชื่อถือศรัทธาต่อรัฐด้วย สถาบันพระปกเกลา้ 55

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) 2. การปรับปรุงการให้บริการจะต้องหมายถึง การปรับกระบวนทัศน์ใหม่เกี่ยว กับบทบาทของรัฐในสังคม 3. การปรับปรุงการให้บริการของรัฐ ควรมีนัยยะสำหรับการปรับโครงสร้าง กระบวนการ วิธีการบริหาร ทรัพยากรบุคคลและวัฒนธรรมของภาครัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ 3. การนำธรรมนญู พลเมือง มาใช้ในประเทศไทย ในสังคมไทยมีการสร้างธรรมนูญพลเมืองที่อยู่ในลักษณะเป็นธรรมนูญชุมชนที่ กำหนดโดย ชุมชนเองในลักษณะเป็นจารีตของชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นข้อห้ามและ แนวปฏิบัติที่ยึดถือกันมาด้วยความเชื่อ เช่น ในเรื่องของการดูแลรักษาป่าผีปู่ตา มีการ กำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าใช้ประโยชน์จากป่าในเชิงวัฒนธรรม และที่พัฒนาขึ้นมา จากนั้นก็คือ การจัดทำระเบียบการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนที่ชุมชนช่วยกันทำระเบียบ ออกมาประกาศใช้ธรรมนูญชุมชนในลักษณะนี้ เป็นการกำหนดกฎ ระเบียบ กติกา โดยชุมชนเอง โดยภาครัฐไม่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวกับการให้บริการของรัฐ แต่เป็นการใช้ประโยชน์และการบริการกันเองภายในชุมชน ในส่วนที่เป็นการสร้างข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐกับ ชุมชน พบว่าสังคมไทย ได้เริ่มเกิดความร่วมมือระหว่าง ชุมชนกับองค์การบริหารส่วนตำบล ร่วมกันจัดทำข้อ บังคับการใช้ประโยชน์จากป่าบุ่งป่าทาม และการจับสัตว์น้ำ อย่างกรณีชุมชนต่างๆ ในลุ่มน้ำสงคราม ในจังหวัด 56 สถาบันพระปกเกล้า

ธรรมนูญพลเมอื ง สกลนครเป็นการผลักดันในเชิงรุกโดยชุมชนที่ต้องการมีกฎ กติการ่วมในชุมชนโดย พัฒนาขึ้นไปถึงระดับให้มีความเป็นสถาบัน มีกฎหมายรับรองอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ยกตัวอย่างมานี้ พบว่าเป็นการริเริ่มสร้างธรรมนูญขึ้น โดยชุมชนเอง และเป็นการสร้างธรรมนูญนั้นเพื่อการรักษาผลประโยชน์ของชุมชนเอง ยังไม่พบว่า ได้เกิดความร่วมมือระหว่างพลเมืองหรือชุมชนกับภาครัฐในการสร้างกฎ กติกา หรือข้อสัญญาใดๆ ในการให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชน การใช้ธรรมนูญพลเมืองในประเทศอังกฤษ ในยุคของนายกรัฐมนตรี จอห์น เมเจอร์ เป็นความพยายามที่จะใช้ธรรมนูญพลเมืองเป็นเครื่องมือใน การคลี่คลายปัญหาความไม่เชื่อถือของประชาชนที่มีต่อการให้บริการของรัฐ ซึ่งมีคุณภาพการให้บริการต่ำ และขาดความโปร่งใสทัศนคติของประชาชนที่ มีต่อรัฐในแง่มุมดังกล่าวนี้ ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในสังคมไทย แต่ในสังคม ไทยอาจพบกับปัญหาและอุปสรรคมากมายกว่าของอังกฤษและอาจนำไปสู่ ความล้มเหลวได้ เพราะในอังกฤษก่อนที่จะมีการใช้ธรรมนูญอย่างเป็น ทางการนั้น ได้มีการใช้ธรรมนูญในชุมชนโดยเป็นธรรมนูญร่วมกับองค์การ ปกครองท้องถิ่นมาแล้ว นอกจากนี้เงื่อนไขทางสังคมและวัฒนธรรมของไทย และอังกฤษมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสำนึก พลเมืองซึ่งอังกฤษมีพัฒนาการมายาวนาน ขณะที่สังคมไทยยังมีความรู้สึก เป็นแค่ประชาชนทั่วๆ ไป และที่สำคัญ คือ วัฒนธรรมการให้บริการของภาค รัฐ ยังมีสมมติฐานหรือความเชื่อว่า สิ่งที่รัฐจัดให้หรือทำให้นั้นดีแล้ว ประชาชนควรยอมรับโดยดี และพอใจยินดีกับสิ่งที่รัฐให้บริการ ดังนั้น การนำธรรมนูญชุมชนมาใช้ในสังคมไทย จำเป็นต้องปรับกระบวนทัศน์และ ค่านิยมของทั้งฝ่ายข้าราชการผู้ให้บริการและฝ่ายประชาชนต้องมีสำนึกความ เป็นพลเมือง สถาบนั พระปกเกล้า 57

การให้บริการสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) การนำธรรมนูญพลเมืองมาใช้ในสังคมไทย จะประสบความสำเร็จได้ ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยและเงื่อนไข ต่อไปนี้ 1. พื้นที่หรือชุมชนมีความเป็นประชาสังคมที่เข้มแข็งสามารถสื่อออกทาง สังคมอย่างมีพลัง และเสียงที่สื่อออกไปนั้นเป็นสิทธิที่ชอบธรรมและมี ความหมาย 2. ผู้นำองค์กรภาครัฐทั้งส่วนราชการและองค์กรปกครองท้องถิ่นต้องมีวิสัย ทัศน์เปิดกว้างยอมรับการมีส่วนร่วมของประชาชน 3. ทั้งภาคราชการและภาคพลเมืองต้องมีค่านิยมร่วมกันและเป้าหมายร่วมกัน ที่จะปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ 4. การใช้ธรรมนูญพลเมือง ที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎ กติกา ทำเป็น พันธสัญญาร่วมกัน ควรจะเริ่มจากการให้บริการที่มี กิจกรรม ขอบเขตชัดเจนมีการใช้บริการเป็นประจำ เช่น การรักษาพยาบาล การทำบัตรประชาชน การเสียภาษี 5. การใช้ธรรมนูญพลเมืองมิใช่เป็นกิจกรรมการบริหารจัดการ ภายใจองค์กร ที่ปกปิดหรือรับรู้กันเฉพาะข้าราชการตามแนวคิดระบบราชการแบบเก่า แต่ ควรทำให้เป็นประเด็นสาธารณะเปิดเผย และเปิดโอกาสให้สังคมได้ ประเมินผล ธรรมนูญพลเมือง เป็นเครื่องมือหนึ่งในการให้บริการภาครัฐแบบมีส่วนร่วม ซึ่ง เป็นสิ่งที่ดีในการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและกระตุ้นการมีส่วนร่วม ของชุมชนให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจองค์กรบริการของภาครัฐ อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่ นำสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้น ระหว่างภาครัฐและประชาชนในลักษณะความ สัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ 58 สถาบนั พระปกเกล้า

ธรรมนูญพลเมือง ตวั อย่าง ธรรมนญู พลเมือง ฉบบั ท่ี 1 ว่าด้วยเรือ่ งการใหบ้ ริการจดั เก็บขยะ เขียนที่ เทศบาลเมืองนครธน วันที่ 4 เมษายน 2551 ธรรมนูญพลเมืองฉบับที่ 1 เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างเทศบาลเมืองนครธน กับชุมชนบ้าน ท่าวัด ว่าด้วยเรื่องการให้บริการจัดเก็บขยะของเทศบาลนครธน โดยทางเทศบาลได้ทำข้อตกลงเป็น พันธสัญญาร่วมกับชุมชนบ้านท่าวัด อย่างเป็นที่เห็นพ้องต้องกันและยินดีปฏิบัติการให้บริการและ ให้ความร่วมมือกับทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ การให้บริการของเทศบาล การปฏิบัติของชุมชน 1. รถจัดเก็บขยะของเทศบาลจะมารับขยะ ณ 1. ทุกครัวเรือนในชุมชนยินดีที่จะนำขยะมาให้ หน้าบ้านของครัวเรือนในชุมชนบ้านท่าวัด เจ้าหน้าที่เก็บขยะตามวัน เวลาที่กำหนด ในทุกวันอาทิตย์ พุธ และศุกร์ เวลา 06.00- 2. ทุกครัวเรือนจะต้องจัดภาชนะจัดเก็บขยะ 07.00 น. เป็น สามประเภทคือ ขยะเปียก ขยะแห้ง 2. เทศบาลจะรับซื้อขยะประเภทเศษขวด ประเภทขวด เศษแก้วและโลหะ เศษแก้ว และโลหะ ในราคาที่ซื้อขายตาม 3. ขยะที่ครัวเรือนต้องการจะขายให้แก่ ท้องตลาดและกระดาษ โดยทุกครั้งที่รับซื้อ เทศบาลให้แยกไว้ต่างหาก จะชำระเป็นตั๋วสัญญาจ่ายเงินตามราคาที่รับ 4. ผู้ที่ขายขยะให้กับทางเทศบาลยินดีที่จะ ซื้อ ปฏิบัติตามเงื่อนไขของทางเทศบาล 3. เทศบาลจะจ่ายเงินสดค่าขยะที่รับซื้อในทุก 5. หากมีครัวเรือนใดละเมิดตามหรือไม่ทิ้ง วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนโดยมีเจ้าหน้าที่ ขยะตามวัน เวลาที่ตกลงกัน ยินดีที่จะต้อง มาจ่ายเงินบ้านประธานชุมชน ชำระค่าจัดเก็บเพิ่มเติมหรือหักจากค่าขาย สถาบนั พระปกเกลา้ 59

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) การให้บริการของเทศบาล การปฏิบัติของชุมชน 4. ทางเทศบาลจะจัดเก็บขยะตามวันเวลาที่ ขยะในทุกสิ้นเดือน กำหนดเท่านั้น 6. หากครัวเรือนใดละเมิดข้อตกลงหรือไม่ 5. หากครัวเรือนใดนำขยะมาวางหรือทิ้งไว้ ปฏิบัติตามพันธสัญญาให้ประธานชุมชน หน้าครัวเรือนผู้ใดนอกเหนือจากวัน เวลาที่ และคณะกรรมการชุมชนรับผิดชอบในการ กำหนดจะต้องจ่ายค่าเก็บขยะเพิ่มเติม ปรับปรุงพฤติกรรมการททิ้งขยะของครัว วันละ 5 บาท เรือนนั้นเพื่อให้ชุมชนอยู่ร่วมกันด้วยความ 6. เจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะ เก็บเงินค่าขยะจะ สุขและความมีระเบียบของชุมชน ปฏิบัติต่อผู้ใช้บริการด้วยความสุภาพและ 7. หากมีปัญหาหรือข้อขัดแย้งใดๆ ในการให้ เป็นมิตร บริการชุมชนจะต้องช่วยกันหาทางแก้ไข ปัญหาด้วยกันด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ ปฏิบัติต่อกัน ทั้งกับชุมชนและกับเจ้าหน้าที่ ของทางเทศบาลด้วยความสุภาพ มิตรภาพ และปรารถนาดีต่อกัน ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ลงชื่อ.................................... ลงชื่อ................................... ประธานชุมชน นายกเทศมนตรีเมือง ลงชื่อ.................................. กรรมการชุมชน ลงชื่อ................................... ลงชื่อ..................................พยาน กรรมการชุมชน รองนายกเทศมนตรี ลงชื่อ...................................พยาน สมาชิกสภาสภาเทศบาล 60 สถาบนั พระปกเกลา้

ธรรมนูญพลเมอื ง ธรรมนูญพลเมอื ง ฉบับท่ี 2 วา่ ดว้ ยเรอ่ื งการให้บรกิ ารของเทศบาลโดยท่วั ไป เขียนที่ เทศบาลตำบลท่าบ่อ วันที่ 5 เมษายน 2551 ธรรมนูญพลเมืองฉบับที่ 2 เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างเทศบาลตำบลท่าบ่อ กับชุมชนบ้าน ท่าไทร ชุมชนร่มเย็น ชุมชนวัดธาตุ ด้วยเรื่องการให้บริการทั่วไปของเทศบาลตำบลท่าบ่อ โดยทาง เทศบาลได้ทำข้อตกลงเป็นพันธสัญญาร่วมกับชุมชนดังกล่าว อย่างเป็นที่เห็นพ้องต้องกันและยินดี ปฏิบัติการให้บริการและให้ความร่วมมือกับทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ การให้บริการของเทศบาล การปฏิบัติของชุมชน 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. 6. 6. สถาบนั พระปกเกลา้ 61

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ลงชื่อ.................................... ลงชื่อ................................... ประธานชุมชน นายกเทศบาลตำบล ลงชื่อ.................................. กรรมการชุมชน ลงชื่อ................................... ลงชื่อ..................................พยาน กรรมการชุมชน รองนายกเทศบาลตำบล ลงชื่อ...................................พยาน สมาชิกสภาสภาเทศบาล 62 สถาบันพระปกเกลา้

ธรรมนญู พลเมือง ธรรมนูญพลเมือง ฉบับท่ี 3 ว่าด้วยเร่ืองการใหบ้ รกิ ารขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลโดยท่ัวไป เขียนที่ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อ วันที่ 5 เมษายน 2551 ธรรมนูญพลเมืองฉบับที่ 3 เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อ กับ ชุมชนบ้านท่าไทร ชุมชนร่มเย็น ชุมชนวัดธาตุ ด้วยเรื่องการให้บริการทั่วไปขององค์การบริหาร ส่วนตำบลท่าบ่อ โดยทางองค์การบริหารส่วน-ตำบลได้ทำข้อตกลงเป็นพันธสัญญาร่วมกับชุมชนดัง กล่าว อย่างเป็นที่เห็นพ้องต้องกันและยินดีปฏิบัติการให้บริการและให้ความร่วมมือกับทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ การให้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบล การปฏิบัติของชุมชน 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. 6. 6. สถาบันพระปกเกลา้ 63

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ลงชื่อ.................................... ลงชื่อ................................... ประธานชุมชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ลงชื่อ.................................. กรรมการชุมชน ลงชื่อ................................... ลงชื่อ..................................พยาน กรรมการชุมชน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ลงชื่อ...................................พยาน สมาชิกสภาสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 64 สถาบนั พระปกเกลา้

ธรรมนญู พลเมือง ธรรมนูญพลเมือง ฉบับที่ 4 ว่าดว้ ยเร่อื งการใหบ้ ริการงานทะเบียนราษฎร ์ เขียนที่ เทศบาลตำบลท่าบ่อ วันที่ 5 เมษายน 2551 ธรรมนูญพลเมืองฉบับที่ 4 เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างเทศบาลตำบลท่าบ่อ กับชุมชนบ้าน ท่าไทร ชุมชนร่มเย็น ชุมชนวัดธาตุ ด้วยเรื่องการให้บริการงานทะเบียนราษฎร์ของเทศบาลตำบล ท่าบ่อ โดยทางเทศบาลได้ทำข้อตกลงเป็นพันธสัญญาร่วมกับชุมชนดังกล่าว อย่างเป็นที่เห็นพ้อง ต้องกันและยินดีปฏิบัติการให้บริการและให้ความร่วมมือกับทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ การให้บริการของเทศบาล การปฏิบัติของชุมชน 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. 6. 6. สถาบนั พระปกเกลา้ 65

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ลงชื่อ................................... ลงชื่อ.................................... ประธานชุมชน นายกเทศบาลตำบล ลงชื่อ.................................. ลงชื่อ................................... กรรมการชุมชน รองนายกเทศบาลตำบล ลงชื่อ..................................พยาน ลงชื่อ...................................พยาน กรรมการชุมชน สมาชิกสภาสภาเทศบาล 66 สถาบนั พระปกเกล้า

ธรรมนญู พลเมอื ง ธรรมนูญพลเมอื ง ฉบบั ท่ี 5 ว่าด้วยเร่ืองการใหบ้ ริการสาธารณสุข เขียนที่ เทศบาลตำบลท่าบ่อ วันที่ 5 เมษายน 2551 ธรรมนูญพลเมืองฉบับที่ 5 เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างเทศบาลตำบลท่าบ่อ กับชุมชนบ้าน ท่าไทร ชุมชนร่มเย็น ชุมชนวัดธาตุ ด้วยเรื่องการให้บริการสาธารณสุขของเทศบาลตำบลท่าบ่อ โดยทางเทศบาลได้ทำข้อตกลงเป็นพันธสัญญาร่วมกับชุมชนดังกล่าว อย่างเป็นที่เห็นพ้องต้องกัน และยินดีปฏิบัติการให้บริการและให้ความร่วมมือกับทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ การให้บริการของเทศบาล การปฏิบัติของชุมชน 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. 6. 6. สถาบนั พระปกเกล้า 67

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ลงชื่อ................................... ลงชื่อ.................................... ประธานชุมชน นายกเทศบาลตำบล ลงชื่อ.................................. ลงชื่อ................................... กรรมการชุมชน รองนายกเทศบาลตำบล ลงชื่อ..................................พยาน ลงชื่อ...................................พยาน กรรมการชุมชน สมาชิกสภาสภาเทศบาล 68 สถาบนั พระปกเกล้า

ธรรมนญู พลเมอื ง ธรรมนูญพลเมอื ง ฉบับที่ 6 ว่าด้วยเรอ่ื งการใหบ้ ริการดา้ นพัสดอุ ุปกรณ์เพอ่ื งานสาธารณะของครัวเรือน และชมุ ชน เขียนที่ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อ วันที่ ธรรมนูญพลเมืองฉบับที่ 6 เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อ กับ ชุมชนบ้านท่าไทร ชุมชนร่มเย็น ชุมชนวัดธาตุ ด้วยเรื่องการให้บริการด้านพัสดุอุปกรณ์เพื่องาน สาธารณะของครัวเรือนและชุมชนขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อ โดยทางองค์การบริหารส่วน ตำบลได้ทำข้อตกลงเป็นพันธสัญญาร่วมกับชุมชน ดังกล่าว อย่างเป็นที่เห็นพ้องต้องกันและยินดี ปฏิบัติการให้บริการและให้ความร่วมมือกับทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ การให้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบล การปฏิบัติของชุมชน 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. 6. 6. สถาบันพระปกเกลา้ 69

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ลงชื่อ................................... ลงชื่อ.................................... ประธานชุมชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ลงชื่อ.................................. ลงชื่อ................................... กรรมการชุมชน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ลงชื่อ..................................พยาน ลงชื่อ...................................พยาน กรรมการชุมชน สมาชิกสภาสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 70 สถาบนั พระปกเกลา้

เรื่องท่ี 18 เทคโนโลยีเพ่อื การมีสว่ นร่วม วิธีการเออื้ อำนวยการใช้กระบวนการกลมุ่ ขนั้ พ้ืนฐาน ปิยสรุ างค์ ทิมกาญจนะ มนวดี จนั ทิมา ผจงจติ ต์ พิทกั ษ์ภากร อรสา เนียมสริ ิ ผนู้ ำยุคใหม่คอื อะไร มื่อเอ่ยถึงคำว่า “ผู้นำ” ในอดีต เรามักจะนึกถึงภาพของ ผู้นำที่นั่งอยู่บนยอด ปิรามิด มีอำนาจเบ็ดเสร็จ มีลำดับชั้นบังคับบัญชา ซึ่งผู้นำในรูปแบบนี้มักจะ เทราบว่าตนจะต้องทำอะไร และจะตัดสินใจว่าอย่างไร ซึ่งลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่า

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) เป็นการทำงานโดยเน้นที่ตัวบุคคล ซึ่งเป็นต้นเหตุให้การปกครองในท้องถิ่นหลายแห่ง ประสบกับปัญหาในการประสานงานล่าช้า ขาดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และไม่มีการ ตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนที่ดี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทางการเมืองการปกครอง ทำให้ บทบาทของผู้นำเปลี่ยนไป และทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นในสภาวะปัจจุบัน จาก เดิมที่เน้นการใช้อำนาจตัดสินใจ เปลี่ยนเป็นมามุ่งเน้นที่การมีส่วนร่วมของ ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องจากฝ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน ได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจ หรือโครงการที่ภาครัฐจะดำเนินการ ซึ่งม ี ผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยปกติของประชาชน การทำความเข้าใจถึง ผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาที่ภาครัฐจะดำเนินการ และการปรึกษา หารือร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยให้ประชาชนได้แสดงความ คิดเห็นและรัฐต้องรับฟังและแก้ไขปัญหาจนประชาชนเกิดความพึงพอใจ และมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ภารกิจหรือโครงการนั้นเกิดผลสำเร็จ 72 สถาบันพระปกเกล้า

„µ¦Ä®o„µ¦¦·„ĵ®¦o­µ¦›„· µ¦–­µ³›Ãµ—¦¥–„³µ¦Ã¤—¥¸­„nªµœ¦¦¤ªn ¸­¤ªn …œ°¦Šnªž¤¦…³°Šµžœ¦³µœ ­™µœ´ ­¡™¦µ³žœ´ „¡Á„¦¨³žµo „Á„¨oµ ¦ž¼ ¦¼ž£Âµª³£Ÿµœo¼ ªµÎ ³Ÿoœ¼ µÎ เทคโนโลยีเพือ่ การมีสว่ นร่วม —´ŠÊ Á—·¤—Š´Ê Á—¤· Á°º°Ê °ÎµÁ°œºÊ°ª°¥Îµœª¥ „µ¦Ä„o µ¦Äo ¥¹—™°º ¥—¹ ™°º ¤»¤¤°¤Š¤» ¤°Š °µÎ œµ°‹µÎ œµ‹ ®¨µ„®®¨¨µµ„¥®¨µ¥ ‹³šÎµ‹°³šÅ¦Îµ°³Å¦ ¦ª¼o µn ¦¼ªo µn ‹³Åž‹™³¹ŠÅž—™°o ¹Š¥Ånµ—ŠÅ°o ¦¥nµŠÅ¦ (ª›· ¸„µ(ª¦)›· „¸ µ¦) ¤˜·š¸É ¤˜·šÉ¸™„¼ ˜°o ™Š„¼ ˜°o Š ­ªŠÂ®­µªŠ®µ ¤˜¦· ªn ¤¤˜„·¦´œªn ¤„œ´ …°Šš…„» °‡Šœš„» ‡œ ‡ªµ¤‡Á„ªnе¤Á„Šn ¡Éй ¡µ¡Éй ¡µ ‡ªµ¤‡Á„ªŠn µ¤Á„nŠ …°ŠÂ…˜°n¨Š³Â‡˜œn¨³‡œ …°Š„…¨°¤n» Š„¨¤»n šµŠÁ¨šº°µ„—ŠšoªÁ¨¥É¸—º°Á¸®Ã„—ด˜—šoª»œ¥้ว¥¸É—ĸÊÁย¸®Ãšเ˜oÁ—šห»œ¥‡ตµÄʸ šœุนš…o·Á‡šี้°Âบ‡Šµ¨Ÿšœท³o¼œ…·‡„บ°ÎµÂ¦‹าЍ³¹ŠทŸ³˜¼oœข„ªo°Îµ¦œอŠ‹³Á„¹Šงž˜ผµ¨ªo¦°É¸¥ู้นœšŠœÁɸำ„ÁžÅ®จµž¨¤¦ึง¸É¥Ášžµตœ³É¸}œÁÅ®้อ­Âž¤งÁžเµ„ป³}´œÁ­°ล­¤ºÊ°ี่ย™°„µนε´œÁœ°ไ­„ªºÊ°ป™µ¥°เ¦µÎµปÁœ–œ็น„orœª¤µ¥แ¤¸ª¦»¤Áบ·–›œ¤¸„บorœ°¤µ¤เЦ¸ªอš»¤š·›ื้อ¤¸É®¸É„‹°อ¨³µŠ¦µœำš„šนε®¸Éɸ„‹ว¨³¨ยµœn»¤¥„εŮเÁ„žน¡¨¨™ºÉ°้นµn»¤¹ŠÁ¥žมŋÁ}œž»—¡ุม™Éº°ม¹ŠÁž‹อ}œ»—งที่ ¤Šn» ®¤¤หµ¥»Šn ล¦®nªา¤¤กµ„¥หœ´¦nªÅล¤—า„o ¡ยœ´ ¦Å°o เ—¤พo ¡šื่อ¦ŠÊ´ °oÂเ­ป¤šª็นŠÊ´ ®Âทµ­า¤ªง˜Šเ®¦· ลnªµ¤ือ…˜ก°·¦Šทªn š¤ี่ด»„…‡°ี œŠโšด°»„´œย‡‹ใœ³ชÁ°žœ´้เœ} ท‹„³คµÁž¦นž}œิค°j„еแ„¦œ´ลž‡°jะªŠก„µ¤ร´œ…ะ‡´—ªบµว¤¥oŠ…น—´ กÂ¥าŠoรที่เหมาะสมกับ สร่วถมาขนอกงาท„Äร®·‹ุกณ„oÂค¦์˜¦น„Äมn¨¤®‹·อี³วš„oÂั‡นิธɸ¦1˜œ¦จี:กn¨¤Âะา³š­เร‡É¸ป1—ทœ:็นŠÂี่จ‡ก­ะªา—µนร¤Šำป‡ก้อª·—ลµงÁ¤®ุ่กม‡Èœันไ·—Áปค„Á®É¸ถ¥วȪœึาง„มÁจ„´ุขด¸É¥‡ัดªมnµ„แœุ่ง´·ย¥ห‡¤้งมnµ¡œาʺœ·ย¥“¤รµ¡่วœÊºœม…“°ก µŠันœŸ…ไo¼œด°ÎµŠÂ้ Ÿพo¼œรεÁ้อ°มºÊ°°ทεÁั้ง°œแʺ°ª°ส¥Îµªวœnµงªห¥าªมnµ ติ ž¦³„°ž¦³—„ªo °¥°³—Åoª¦¥°oµ³ŠÅ¦oµŠ ......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 18-2 18-2 สถาบนั พระปกเกล้า 73

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) กจิ กรรมที่ 1: ให้แต่ละคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค่านิยมพื้นฐานของผู้นำแบบเอื้ออำนวย ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ............................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................ ค่านยิ มพ้นื ฐานของผ้นู ำแบบเอือ้ อำนวย ภาวะผู้นำแบบเอื้ออำนวยตั้งอยู่บนค่านิยมพื้นฐาน 6 ประการที่เด่นชัด แต่ ประสานสัมพันธ์กัน ได้แก่ การมสี ่วนรว่ ม (PARTICIPATION) ผู้นำแบบเอื้ออำนวยจะยอมรับว่าสมาชิกแต่ละคนต่างมีความสำคัญ และมีส่วน ช่วยให้การทำงานของกลุ่มสำเร็จได้ เปรียบเสมือนกับว่าสมาชิกแต่ละคนเป็นชิ้นส่วน ตัวต่อจิ๊กซอว์ หากขาดตัวใดตัวหนึ่งไป การต่อตัวปริศนาก็จะทำไม่สำเร็จ ผู้นำแบบ เอื้ออำนวยควรสนับสนุนและผลักดันให้สมาชิกได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ ตัดสินใจของกลุ่ม การทำงานเป็นทมี (TEAMWORK) ผู้นำแบบเอื้ออำนวยเชื่อว่าการทำงานเป็นทีมมีความสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้น ของความรู้สึกสมัครสมานสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติ 74 สถาบนั พระปกเกล้า

เทคโนโลยเี พอ่ื การมสี ่วนร่วม ภารกิจที่ได้รับมอบหมายลุล่วงไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด การสรา้ งสรรค์ (CREATIVITY) ผู้นำแบบเอื้ออำนวยสามารถกระตุ้น และผลักดันให้สมาชิกในกลุ่มคิดแบบ สร้างสรรค์ รวมทั้งสามารถวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น และเลือกแนวทางที่เหมาะสมใน การแก้ไขปัญหา และปรับปรุงสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ การเห็นพ้องรว่ มกนั (CONSENSUS) ผู้นำแบบเอื้ออำนวยควรมีความสามารถในการโน้มน้าวให้สมาชิกทุกคนในกลุ่ม มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และมีความเห็นพ้องร่วมกัน (หรือฉันทามติ) อันจะนำไปสู่ การรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวในการลงมือปฏิบัติตามมตินั้น การไตรต่ รอง (REFLECTION) แม้ว่าผู้นำแบบเอื้ออำนวยจะมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ความสำเร็จของกลุ่ม แต่กระนั้น ควรมีการไตร่ตรองทบทวนมติที่เห็นพ้องร่วมกัน เพื่อยืนยันในความแน่วแน่ ตลอดจน สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มเห็นความสำคัญของการนำไปปฏิบัติร่วมกัน การนำไปปฏิบัติ (ACTION) ค่านิยมพื้นฐานที่สำคัญอีกประการหนึ่งของผู้นำแบบเอื้ออำนวยคือ การนำ ฉันทามติไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสามารถกระตุ้นให้สมาชิกในกลุ่มลงมือ ปฏิบัติและบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ดังนั้น ผู้นำแบบเอื้ออำนวยควรใช้ทักษะและศิลปะในการช่วยกระบวนการกลุ่ม (FACILITATION) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและจุดประสงค์ตามที่กลุ่มต้องการ สถาบนั พระปกเกลา้ 75

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) กิจกรรมที่ 2: ให้แต่ละกลุ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้นำแบบเอื้ออำนวยหรือผู้ช่วย กระบวนการกลุ่ม (FACILITATOR) ที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร ................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................ 76 สถาบันพระปกเกลา้

เทคโนโลยเี พือ่ การมสี ่วนรว่ ม คณุ สมบัตแิ ละลกั ษณะของ ผชู้ ว่ ยกระบวนการกลมุ่ (FACILITATOR) ทด่ี ี การเป็นผู้ช่วยกระบวนการกลุ่มที่ดี เป็นการนำเอาทักษะหลายด้านมา ผสมผสานกัน ทั้งทัศนคติ ความเชื่อ และอุปนิสัยส่วนตัว โดยสรุปทักษะที่จำเป็นใน การเป็นผู้ช่วยกระบวนการกลุ่มที่ดีประกอบด้วย 1. ทักษะในการกระตุ้นให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง 2. ทักษะในการฟังอย่างเข้าใจ 3. ทักษะในการซักถาม ป้อนคำถามและสรุปประเด็น 4. ทักษะในการประสานความคิด และประสานงานระหว่างสมาชิก 5. ทักษะในการลด และแก้ไขข้อขัดแย้ง 6. ทักษะในการควบคุมการอภิปราย ให้อยู่ในประเด็น และเวลาที่ กำหนด 7. ทักษะในการสร้างบรรยากาศที่ ผ่อนคลาย และการสร้างอารมณ์ ขัน สถาบันพระปกเกล้า 77

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) วิธกี ารเออื้ อำนวยการใช้ กระบวนการกลุ่มขัน้ พื้นฐาน วิธกี ารถกปัญหา การสนทนาเข้าประเด็นว่าด้วยหัวข้อหรือประสบการณ์ร่วมกัน แลกเปลี่ยนมุมมองหลากหลายอย่างไม่เผชิญหน้ากัน ทำความเข้าใจ/ความมุ่งมั่นของกลุ่มให้ลึกซึ้งแนบแน่น “เป็นการช่วยกระบวนการกลุ่มให้เกิดบทสนทนาและถกปัญหาอัน จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและ กันทำให้ได้มุมมองและ แนวคิดที่หลากหลาย” วธิ กี ารประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ ปรับความเข้าใจ/การถกปัญหาของกลุ่มให้เป็นจุดเดียว (“จุดยืนร่วมกัน”) สร้างความเห็นพ้องร่วมกันของกลุ่ม เดินหน้าสู่ปฏิบัติการร่วมกัน “เป็นการช่วยกระบวนการกลุ่มโดยคำนึงถึงหัวข้อหรือ ประเด็น ที่ชัดเจนสามารถพัฒนาให้เป็นมติ และ นำไปปฏิบัติได้ วิธีการนี ้ เหมาะสำหรับการสร้าง ความเห็นพ้องร่วมกัน และทำให้เกิดความมุ่งมั่น และร่วมกันดำเนินการ” 78 สถาบนั พระปกเกลา้

เทคโนโลยีเพื่อการมสี ว่ นรว่ ม วิธกี ารวางแผนปฏิบัติการ สร้างแผนงานที่เป็นรูปธรรม (โดยถือว่ามีมติที่เป็นฉันทานุมัติแล้ว) วางรูปแบบความรับผิดชอบที่ชัดเจน ริเริ่มปฏิบัติการของกลุ่ม “เป็นการช่วยกระบวนการกลุ่มที่ผสานวิธีการถก ปัญหาและวิธีการ ประชุมเชิงปฏิบัติการเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นการช่วยผลักดันให้กลุ่มเกิดความ คิดที่ดีนำไปสู่แผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมภายในกรอบเวลาที่แน่นอน พร้อมกับมีการกำหนดภารกิจและความรับผิดชอบไว้อย่างชัดเจน” วิธกี ารถกปญั หา (DISCUSSION–ORID-METHOD) คุณเคยเข้าร่วมวงสนทนาที่ไม่รู้ว่าการถกปัญหาจะ จบลงอย่างไรหรือไม่ หรือมีใครบางคนครอบงำบทสนทนา เพียงผู้เดียว หรือแม้แต่การที่ผู้คนต่างพูดโต้กันไปมาไม่รู้ จบจนขาดการสื่อสารกันอย่างแท้จริงหรือเปล่า เราทุกคน คงเคยมีประสบการณ์ในการเข้าร่วมประชุมที่เราไม่สามารถ บอกด้วยความมั่นใจได้ว่าได้มีการลงมติอะไรไปบ้างหรือ ได้มีการลงมติกันได้อย่างไร และทำไมจึงมีมติออกมาเป็น เช่นนั้น ในสถานการณ์ทั้งหมดเหล่านี้สิ่งที่ขาดหายไปคือ การมีโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับการถกเถียงกัน สถาบันพระปกเกล้า 79

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) วิธีการถกปัญหาประกอบด้วยชุดคำถาม 4 ระดับ ได้แก่ วัตถุประสงค์ (OBJECTIVE) ไตร่ตรอง (REFLECTIVE) ตีความ (INTERPRETATIVE) และ ตัดสินใจ (DECISIONAL) รวมเรียกสั้นๆ ว่า ORID โครงสร้างนี้ช่วยให้กลุ่มเคลื่อน ผ่านจากการถกปัญหาระดับต้นไปสู่การเข้าใจในประเด็นของการสนทนาและสามารถ สรุปมติของที่ประชุมได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ขน้ั ตอนของวธิ ีการถกปญั หา ก่อนเริ่มการถกปัญหา กลุ่มควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ร่วมกัน เพื่อกำหนด ว่าการถกปัญหาครั้งนี้มีจุดหมายที่ จะทำอะไรให้สำเร็จ ซึ่งควรระบุออกมาเป็น วัตถุประสงค์เชิงเหตุผล และวัตถุประสงค์เชิงประสบการณ์ วตั ถปุ ระสงค์เชิงเหตุผล ครอบคลุมถึงสิ่งที่กลุ่มจะต้องรู้ เข้าใจ หรือตัดสินประสบการณ์/ประเด็น ร่วมกัน วตั ถุประสงคเ์ ชงิ ประสบการณ์ ครอบคลุมถึงสิ่งที่กลุ่มจะต้องประสบร่วมกัน อาจเป็นความตื่นเต้น การรับ ทราบทัศนะที่หลากหลาย ความเห็นที่แตกต่างกัน ปฏิบัติการร่วมกันที่ทุกคนยอมรับ แม้จะมีความเห็นหลากหลายเป็นต้น ข้อควรจำ: การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ท่านเตรียมคำถาม นำและช่วยเอื้ออำนวยการสนทนาให้ดำเนินไปได้ด้วยดี 80 สถาบันพระปกเกล้า

เทคโนโลยเี พื่อการมสี ่วนร่วม Objective Level (ระดบั วัตถปุ ระสงค์) การให้ข้อเท็จจริงและข้อมูล ตั้งคำถามที่ปลุกเร้าประสาทการรับรู้ มองเห็น ได้ยิน รู้สึก ลิ้มรส สัมผัส ระดับวัตถุประสงค์ อาจเริ่มจากการถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น ได้ยินหรือจำได้ ว่าได้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือควรจะให้ทุกคนได้พูดในระดับ วัตถุประสงค์ เนื่องจากคำตอบในระดับวัตถุประสงค์เป็นผลจาก ความทรงจำในข้อมูลสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัส จึงเป็นคำตอบ ค่อนข้างตรงแม้ว่าจะมาจากหลายแหล่ง Reflective Level (ระดบั ไตรต่ รอง) สำรวจปฏิกิริยาต่อข้อมูลในเบื้องต้น ตั้งคำถามที่ปลุกเร้าหัวใจ : อารมณ์ ความจำ การเกี่ยวโยง ระดับไตร่ตรอง คำถามระดับไตร่ตรองควรจะจัดลำดับโดยเริ่มจากเรื่องง่ายแล้ว ค่อยยากมากขึ้น ใช้คำถามหลายคำถามโดยเริ่มจากคำถามที่ ตอบด้วยอารมณ์และปฏิกิริยาเชิงบวกแล้วจึงตามด้วยคำถามที่ ต้องตอบไปในทางลบ ดังนั้น “สิ่งที่กลุ่มชอบมากที่สุด” ควรจะ ถูกถามก่อนถึง “สิ่งที่พวกเขาเห็นว่าน่าเบื่อและไม่น่าตื่นเต้น” คำถามพวกนี้จะถามตอบได้ง่ายกว่าคำถามที่สำรวจความเกี่ยว โยงในอดีตที่สมาชิกกลุ่มอาจมีต่อสถานการณ์หรือประเด็นที่ กำลังพิจารณากันอยู่ สถาบันพระปกเกลา้ 81

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) Interpretative Level (ระดบั การตคี วาม) สำรวจปฏิกิริยาต่อข้อมูลในเบื้องต้น ตั้งคำถามที่ปลุกเร้าความรู้สึกนึกคิด : ความหมาย ค่านิยม และนัยสำคัญ ระดับตีความ การตั้งคำถามในระดับตีความก็ควรจะเรียงลำดับจากคำถามที่ ตอบง่ายที่สุดไปสู่คำถามที่ตอบยาก กลุ่มควรคำนึงถึงความหมาย และผลกระทบของหัวข้อที่กำลังพิจารณา รวมทั้งความสำคัญและ ประโยชน์ที่จะมีต่อกลุ่ม สำหรับบางหัวข้อ การตั้งคำถามว่า “จะต้อง อุดช่องโหว่อะไรบ้าง” จะเป็นประโยชน์ต่อการชี้ให้กลุ่มเห็นว่ามีอะไร ขาดตกบกพร่องไป แทนการมองเพียงว่าตอนนี้กำลังมีอะไร คำถาม เหล่านี้จะช่วยให้กลุ่มรู้ว่ามีอะไรที่มีคุณค่าและความสำคัญต่อ พวกเขา สิ่งสำคัญที่ควรพึงระวังคือความเห็นไม่ตรงกันในหมู่สมาชิกที่มักจะ เกิดขึ้นเสมอ ความไม่ลงรอยบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องไกล่เกลี่ยจนลงตัว ไม่จำเป็นต้องหาทางชำระสะสางความเห็นที่แตกต่างกันเหล่านั้น ในฐานะ ผู้ช่วยกระบวนการกลุ่ม ท่านมีหน้าที่ในการชี้ให้เห็นความสำคัญของการมี ความคิดเห็นและทัศนคติที่หลากหลาย และหาทางให้กลุ่มยอมปล่อยวาง ความไม่ลงรอยกันไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าความเห็นไม่ลงรอยกัน นั้นไม่มีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ที่ท่านต้องการบรรลุ ในระดับตีความนี้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ท่านจะต้องทำให้กลุ่มทุ่มเทความสนใจไปที่หัวข้อหรือ ประเด็นที่ตั้งไว้อย่างหวังผลทางปฏิบัติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ หลงประเด็น 82 สถาบันพระปกเกล้า

เทคโนโลยเี พื่อการมสี ว่ นรว่ ม Decisional Level (ระดบั ตัดสินใจ) “เราจะดำเนินการในหมู่พวกเราอย่างไรเพื่อการแก้ไขแผน?” “เราจะทำร่าง แรกของแผนที่แก้ไขใหม่ของเราเพื่อส่งมอบให้สภาและพิจารณา ได้เมื่อไหร่” ระดับตัดสินใจ ทบทวนประเด็นสำคัญของการถกเถียงจนถึงขณะนี้ รวมทั้งเตือน กลุ่มให้ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการทำให้สำเร็จตั้งแต่แรก ซึ่งถือ เป็นการนำกลุ่มไปสู่จุดสิ้นสุดและท้าทายกลุ่มให้ทำการตัดสินใจ ออกมาให้เป็นมติของกลุ่ม คำถามของท่านในระดับนี้ควรช่วยให้กลุ่มระบุเจาะจงปฏิบัติการหรือ คำวินิจฉัยใดๆ ที่จำเป็นต้องมี อันเป็นผลจากการพิจารณาประเด็นต่างๆ ของการถกเถียงกัน ไตรต่ รอง/ปิดเวท ี ทบทวนประเด็นสำคัญกับกลุ่ม เริ่มจากสิ่งที่พวกเขาตั้งใจ ที่จะทำให้สำเร็จตั้ง แต่แรก พูดถึงหัวข้อเด่นๆ ของการถกเถียงที่กลุ่มใช้เป็นหลักในการตัดสินใจกระทำ การอะไรบางอย่าง โดยท่านอาจเคลื่อนไปรอบๆ กลุ่มอย่างรวดเร็วเพื่อสอบถามความ เห็นว่าผลที่ได้จากการถกเถียงครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ ในลำดับสุดท้าย ควรกล่าวขอบคุณกลุ่มที่ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ในการถกเถียงจนเกิดมติซึ่งเป็นประโยชน์แก่ทุกคน สถาบนั พระปกเกลา้ 83

การให้บริการสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) กจิ กรรมที่ 3: ให้แต่ละกลุ่มแสดงความคิดเห็นตามประเด็นหัวข้อการถกปัญหา โดยทำตาม ขั้นตอนของวิธีการถกปัญหา ................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ....................................................................................................................... 84 สถาบนั พระปกเกล้า

เทคโนโลยเี พอื่ การมสี ่วนรว่ ม วธิ ีการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (WORKSHOP METHOD) ท่านเคยเข้าร่วมอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะดูเหมือนว่าไม่มีความ กระตือรือร้น และความคิดสร้างสรรค์ก็แทบไม่มีหรือเปล่า หรือบางทีอาจจะตรงกัน ข้ามก็ได้ กล่าวคือ กลุ่มนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและอัดแน่นไปด้วยความคิด สร้างสรรค์ แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในรูปของมติชุดหนึ่งที่ได้จากการ ตัดสินใจร่วมกันของทั้งกลุ่มหรือเปล่า เราทุกคนได้เคยผ่านสถานการณ์ ที่อาจมีการถกเถียงที่ไม่สามารถลงมติ ใดๆ ที่นำมาใช้ปฏิบัติได้ หรือมีการ ถกเถียงที่จำกัดจำเขี่ยมาก จนกลุ่มไม่ สามารถคิดเชิงยุทธศาสตร์อย่างบูรณา การได้ ในสถานการณ์เหล่านี้ สิ่งที่น่าจะ ขาดหายไปได้แก่ วิธีการอันเหมาะสมที่ ช่วยให้สมาชิกกลุ่มทุกคนได้ร่วมกัน สรรค์สร้างเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของกระบวนการที่ชัดเจน จนกลุ่มสามารถ กลั่นกรองความคิดที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาเป็นประเด็นความเห็นพ้องร่วมกันที่นำไป ปฏิบัติได้ วิธีการประชุมเชิงปฏิบัติการประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 5 ขั้นตอนเพื่อการ บริหารกลุ่มในการเดินทางไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยนและการสร้างความเข้าใจของ กลุ่มที่ลึกซึ้ง จนสามารถตัดสินใจเป็นความเห็นพ้องร่วมกันสำหรับปฏิบัติการกลุ่มที่ เหมาะสม ขั้นตอนแรกได้แก่บริบท (CONTEXT) ที่กำหนดขอบเขตการถกเถียงของ สถาบันพระปกเกลา้ 85

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) กลุ่ม โดยปกติจะอยู่ในรูปคำถามรวมศูนย์ (FOCUS QUESTION) ที่ทางกลุ่ม ต้องการคำตอบ จากนั้นก็ตามด้วยการระดมสมอง (BRAINSTORM) ซึ่งเป็นการระดมข้อมูล และความคิดจาก 3 ระดับคือ ระดับตัวบุคคล กลุ่มขนาดเล็ก และที่ประชุมเต็มคณะ เมื่อได้ความคิดจากการระดมสมองแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะขอให้กลุ่มจัดหมวดหมู่ (CLUSTER) ความคิดเหล่านี้ เมื่อความคิดถูกจัดเป็นหมวดหมู่ตามความคล้ายคลึง กันแล้ว กลุ่มก็จะตั้งชื่อ (TITLE) กลุ่มความคิด แต่ละหมวดหมู่ที่ตอบสนองหรือ ขานรับโดยตรงต่อคำถามรวมศูนย์ที่พวกเขาต้องการหาคำตอบ ในท้ายที่สุดแล้ว เมื่อความเห็นพ้องร่วมกันของกลุ่มได้ถูกประกาศให้ ทราบ ก็จะทำการปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้วยการจัดช่วงไตร่ตรอง (REFLECT) ร่วมกัน สั้นๆ เพื่อทำการทบทวนและยืนยันผลพวงที่จะตาม มาของหัวข้อที่เห็นพ้องร่วมกัน เนื่องจากกระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการพากลุ่มออกเดินทางจากความคิดที่ ได้จากการระดมสมองเป็นรายบุคคลไปสู่ความเห็นพ้องร่วมกัน ที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ว่าด้วยคำถามรวมศูนย์ วิธีการ ประชุมเชิงปฏิบัติการจึงใช้ได้ผลดีที่สุดในสถานการณ์ที่ต้องการ คำตอบอย่างสร้างสรรค์ต่อสถานการณ์ ประเด็นหรือปัญหา หรือในสถานการณ์ที่ต้องการการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและการ วางแผนเชิงนวัตกรรม กระบวนวิธีการประชุมเชิงปฏิบัติการดึง เอาพลังงานสร้างสรรค์ของสมาชิกกลุ่มแต่ละคนออกมา แล้วจัด แถวให้พุ่งเป้าไปที่จุดรวมศูนย์เดียวกัน 86 สถาบันพระปกเกลา้

เทคโนโลยีเพ่ือการมีสว่ นร่วม ขัน้ ตอนของวธิ กี ารประชมุ เชิงปฏบิ ัติการ 1. สรา้ งบรบิ ท แนะนำคำถามรวมศูนย์ เชิญชวนสมาชิกกลุ่มให้เข้าร่วมด้วย กล่าวนำเริ่มการประชุม อธิบายและเน้นย้ำความสำคัญของคำถามนำการประชุม วางโครงร่างขั้นตอนที่จะทำ ระบุระยะเวลาที่จะใช้ เชื้อเชิญให้เข้าร่วม 2. ระดมสมอง ระดมความคิดจากรายบุคคล กลุ่มเล็กและที่ประชุมเต็มคณะ ขอให้สมาชิกทุกคนจดความคิดของแต่ละคนลงบนแผ่นกระดาษ จัดกลุ่มถกเถียงขนาดเล็กให้สมาชิกในกลุ่มได้แลกเปลี่ยนถกเถียงความ คิดของทุกคน ให้แต่ละกลุ่มคัดเลือกความคิดที่สำคัญที่สุด 5-7 ข้อแล้ว จดลงบนบัตรความคิด ขอบัตรความคิดจากกลุ่มต่างๆนำไปติดไว้บนกระดานบอกสมาชิกกลุ่ม ทุกคนให้ทำการศึกษาความคิดต่างๆ ที่กลุ่มย่อยต่างๆ เหล่านั้นได้ช่วยกัน ระดม ให้เข้าใจชัดเจน สถาบันพระปกเกล้า 87

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) 3. จัดหมวดหมู่ สร้างความสัมพันธ์ใหม่จัดความคิดที่คล้ายคลึงกันให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน ขอให้กลุ่มจัดความคิดที่เกี่ยวข้อง/คล้ายคลึงกันจำนวน 4-6 คู่ตามความ รู้สึก ติดป้ายหรือหางบัตรที่แต่ละหมวดหมู่อย่างเร็ว ใช้คำ 1-2 คำ จัดหมวดหมู่ต่างๆ เหล่านี้ให้ชัดเจนดูดีขึ้นโดยจัดเรียงบัตรความคิดทุกใบ ที่ติดบนกระดานให้ถูกต้องเหมาะสม 4. ตง้ั ชอ่ื ดึงความเข้าใจโดยองค์รวมออกมาให้เห็น สื่อสารความเห็นพ้องร่วมกันของกลุ่มออกมา ถกไปทีละหมวดหมู่ในที่ประชุมใหญ่ ที่ประชุมมีความเห็นว่าอย่างไร ที่ประชุมเกิดปัญญาความเข้าใจอะไรบ้าง ตั้งชื่อหมวดหมู่แต่ละกลุ่ม ด้วยชื่อที่ใช้คำ 3-5 คำตอบสนองโดยตรงต่อ คำถามรวมศูนย์ 88 สถาบนั พระปกเกล้า

เทคโนโลยีเพอ่ื การมสี ่วนรว่ ม 5. ไตรต่ รอง ยืนยันความมุ่งมั่นของกลุ่ม อภิปรายความสำคัญของผลิตผลที่ได้จากการทำกระบวนการกลุ่ม ช่วยกลุ่มสร้างรูปแบบสำหรับรองรับความเห็นพ้องร่วมกัน ถกขั้นตอนที่จะทำต่อไปสั้นๆ กิจกรรมท่ี 4: ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการตั้งชื่อหมวดหมู่ด้วยชื่อที่ใช้ คำ 2-3 คำ ที่ตอบสนองโยตรงต่อคำถาม ................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ......................................................................................................................... สถาบันพระปกเกล้า 89