นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม ของประชาชนได้ถึงระดับรากหญ้า โดยคำนึงถึงความเดือดร้อน ของประชาชนเป็นอันดับแรก และคำนึงถึงประชาชนได้ ประโยชน์มากที่สุด ทำให้ความนิยมของประชาชนเกิดจาก สิ่งที่ ประชาชนได้รับ ผลสะท้อนให้เห็นถึงผลงานคือ ประชาชนเป็น ฐานเสียงคะแนนในการเลือกตั้งสมัยหน้าต่อไป การจัดตั้งชุมชน ย่อยมีความจำเป็นต่อการพัฒนาเทศบาล ซึ่งนำไปสู่การได้ ประโยชน์ร่วมกัน ผู้นำชุมชนสามารถเข้ามาพบผู้บริหารแล้วได้ รับการตอบสนองความต้องการ มีความร่วมมือในการทำงาน เป็นทีม ประสานงานกัน เพราะนโยบายผู้บริหารเทศบาลได้ มอบหมายให้ผู้นำชุมชนกับสมาชิกสภาเทศบาล ร่วมกันแก้ไข ปัญหาระหว่างผู้นำชุมชนกับนักการเมืองโดยการรับฟังความ คิดเห็นซึ่งกันและกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของคน ในยางเนิ้ง อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำชุมชนกับ นักการเมืองท้องถิ่นจะราบรื่นอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่ใน ความเข้าใจในเรื่องบทบาทหน้าที่ของผู้นำชุมชน ในปัจจุบัน ยังมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองที่ยังไม่ชัดเจน และ ในความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ที่ยังไม่ชัดเจนนี้เองหากไม่ได้รับ การแก้ไขตรงนี้ก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นและอาจ จะไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำชุมชนกับนักการเมือง ท้องถิ่นได้ 2. จากความไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของผู้นำชุมชน จึงทำให้เกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำชุมชนกับ นักการเมืองท้องถิ่นซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทำให้เกิดความ แตกแยกในชุมชนได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงาน ร่วมกันอยู่บ้างในบางสถานการณ์กับกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน 34
ข้อมูลบริบทพื้นที่ศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ผู้วิจัยมีข้อเสนอให้เทศบาลควรจะมีการประชาสัมพันธ์ถึงหน้าที่ ของผู้นำชุมชนกับหน้าที่ของกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้ประชาชน ไม่เกิดความสับสนในการขอรับความช่วยเหลือ หรือมีการสลาย กลุ่มการเมืองที่แยกเป็นฝักฝ่ายมากเกินไปโดยมีการกำหนด วัตถุประสงค์ เป้าหมายและมีการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง และมีการเชิญผู้ที่มีอาวุโส หรือผู้ที่มีความรู้ ที่ทั้งสองฝ่ายให้ ความเคารพหรือไว้เนื้อเชื่อใจมาเป็นผู้ประสานความคิดในการ ทำงานร่วมกัน และอีกหนทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยให้การ ทำงานระหว่างผู้นำชุมชนกับกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นไปด้วย ความราบรื่นก็คือ การที่เจ้าหน้าที่ของเทศบาลจะต้องวางตัว เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เลือกปฏิบัติ และที่สำคัญ ที่สุดก็คือในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เทศบาลไม่ควร ให้การเมืองเข้ามาครอบงำในการปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนใด กฤตภพ จันทวงศ์ (2551: 91-100) ได้ศึกษางานวิจัย บุคลิกภาพเชิงจริยธรรมของนักการเมืองท้องถิ่น ตามแนวคิด ของแมคเคียเวลลี: กรณีศึกษา อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี พบว่า 1) นักการเมืองท้องถิ่น อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี มีบุคลิกภาพเชิงจริยธรรมตามแนวคิดบุคลิกภาพแบบแมคเคียว เวลลี ทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วยการครอบงำด้วยการหลอกลวง การรับรู้ว่าผู้อื่นเป็นคนอ่อนแอไม่น่าเชื่อถือ การไม่สนใจต่อ แบบแผนจริยธรรมของสังคมและเจ้าเล่ห์เพทุบายอยู่ในระดับ ปานกลาง 2) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ อายุการทำงาน ระดับการศึกษา สถานภาพสมรส ศาสนา รายได้ต่อเดือน อาชีพ ไม่มีผลต่อบุคลิกภาพเชิงจริยธรรมตามแนวคิดบุคลิก 35
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม ภาพแบบแมคเคียวเวลลี ยกเว้น ปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล ที่เกี่ยวกับลักษณะงาน และการรวมกลุ่ม มีผลต่อบุคลิกภาพ เชิงจริยธรรมตามแนวคิดแมคเคียวเวลีบางส่วน โดยบุคลิกภาพ ด้วยการรับรู้ว่าคนอื่นเป็นคนอ่อนแอไม่น่าเชื่อถือ นักการเมือง ท้องถิ่นที่มีลักษณะงานต่างกันจะมีบุคลิกภาพด้านนี้แตกต่าง กัน พิชญ์ สมพอง (2551: 56-61) ได้ศึกษางานวิจัย นักการเมืองถิ่นจังหวัดยโสธร พบว่านักการเมืองถิ่นจังหวัด ยโสธร จำแนกได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มนักสื่อสารมวลชน กลุ่มครู อาจารย์ ข้าราชการเก่า และนักกฎหมาย กลุ่ม นักการเมืองท้องถิ่นและนักธุรกิจ เครือข่ายสายสัมพันธ์ที่พบจะ เป็นบิดา–บุตร 1 คู่ นอกนั้นจะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกับ กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองในระดับท้องถิ่น กลุ่ม ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และกลุ่มผลประโยชน์ทางสังคม และวัฒนธรรม พรรคการเมืองคือกลุ่มผลประโยชน์ทาง การเมอื ง มบี ทบาทสงู ตอ่ นกั การเมอื งถน่ิ ยโสธร นักการเมอื งถน่ิ ย โ ส ธ ร ม ี ก า ร เ ป ล ี ่ ย น ส ั ง ก ั ด พ ร ร ค ต า ม ว า ร ะ ข อ ง ร ั ฐ บ า ล โดย พรรคใดเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นักการเมืองถิ่นยโสธร ก็สังกัดพรรคนั้น ส่วนกลวิธีสำคัญในการหาเสียงได้แก่ การลงพื้นที่พบประชาชนโดยสม่ำเสมอ การให้ความอุปถัมภ์ ช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ไชยวุฒิ มนตรีรักษ์ (2551: 119-124) ได้ศึกษางานวิจัย นักการเมืองถิ่นจังหวัดเลย พบว่า ธุรกิจและจัดสรรอำนาจ ทางการเมืองอย่างลงตัว ทำให้ยังคงมีบทบาท มีอิทธิพล 36
ข้อมูลบริบทพื้นที่ศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ศ.2548 ทำให้ไม่เกิดสภาพ การแข่งขันในตลาดการเมืองอย่างแท้จริงรูปแบบการหาเสียง และวิธีการสร้างคะแนนนิยมของนักการเมืองถิ่น ในช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ.2500 ใช้การเดินหาเสียงกับประชาชน ในหมู่บ้าน มีใบปลิว โปสเตอร์หาเสียง ฉายภาพยนตร์ มี จัดเลี้ยงสุราอาหาร แจกสิ่งของหลายประเภท เช่น น้ำปลา ปลาทูเค็ม ปลาร้า ไม้ขีดไฟ น้ำตาล รองเท้า บางคนมีการ ปราศรัยโดยชูนโยบายการพัฒนาพื้นที่ให้เจริญ และ ชูภาพลักษณ์หัวหน้าพรรคหรือหัวหน้า กลุ่มการเมือง มีการ ปล่อยข่าวลือ โจมตีว่าร้ายคู่แข่งขันทางการเมือง การเลือกตั้ง จากปี พ.ศ.2518 เริ่มมีการใช้เงินซื้อเสียง การจัดเลี้ยง และ การจัดตั้งระบบเครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่เป็น นักธุรกิจปราศรัยหาเสียงน้อย การสร้างคะแนนนิยม จะอาศัยการจ่ายเงิน และอุปถัมภ์หัวคะแนนการเลือกตั้ง นับจากปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมามีการนำรูปแบบการบริหาร จัดการเชิงธุรกิจมาใช้ในการสร้างฐาน คะแนนเสียงทาง การเมือง ควบคู่กับการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเลย เพื่อควบคุม และใช้ ประโยชน์จากกลไกราชการ ในขณะเดียวกันนักการเมือง จะอยู่ในการควบคุมการช่วยเหลือของหัวหน้ากลุ่ม (มุ้ง) การเมืองเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางอำนาจการเมือง และ รองรับการกระจาย ผลประโยชน์บทบาทของกลุ่มผลประโยชน์ กับการเมืองก่อนปี พ.ศ.2500 ไม่ปรากฏเด่นชัด เริ่มมีบทบาท และมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองถิ่นอย่างเด่นชัดนับจากการ เลือกตั้งในปี พ.ศ.2512 คือ กลุ่มสัมปทานป่าไม้ และกลุ่มค้าส่ง 37
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม ค้าปลีก ต่อจากนั้นเป็นกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเริ่มเข้าสู่ การเมืองในปีพ.ศ.2529 ในบางเขตเลือกตั้ง และกลุ่มธุรกิจ สัมปทานแร่ และรับเหมาก่อสร้าง เข้ายึดพื้นที่ทางการเมือง จังหวัดเลย ทุกเขตเลือกตั้งมาตั้งแต่การเลือกตั้งในปี พ.ศ.2539 ถึง พ.ศ. 2548 และมีเครือข่ายธุรกิจรับเหมาระหว่างจังหวัด ส่วนกลุ่มที่ไม่เป็นทางการที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ นักการเมืองถิ่นได้แก่ กลุ่ม อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน) กลุ่มสตรี เครือข่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้เงินค่าตอบแทน และระบบอุปถัมภ์ทางการเงินเป็นเครื่องมือหลักปัจจัยที่นำไปสู่ ความสำเร็จทางการเมืองแตกต่างกันตามช่วงเวลาก่อน การเลือกตั้ง พ.ศ.2476 ถึง พ.ศ. 2522 ปัจจัยสถานภาพบุคคล เป็นสิ่งสำคัญที่สุด รองลงมาเป็นวิธีการหาเสียงจากปี พ.ศ.2522 ถึง พ.ศ. 2535 เป็นปัจจัยสถานภาพบุคคล และการจัดตั้ง เครือข่ายหัวคะแนนโดยใช้เงินตอบแทน นับจากปี พ.ศ. 2535 ถึง พ.ศ.2548 ระบบอุปถัมภ์และเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่นำ ไปสู่ความสำเร็จทางการเมือง ส่วนปัจจัยที่นำไปสู่ความ ไม่สำเร็จทางการเมืองของนักการเมืองถิ่นจังหวัดเลย จะเกิด จากข้อจำกัดด้านความสามารถเชิงเศรษฐกิจ วิธีการบริหาร จัดการหัวคะแนน ข่าวลือและพฤติกรรมของนักการเมือง ทั้งใน ระหว่างการดำรงตำแหน่ง และไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนักการเมือง นั้น พบว่า นักการเมืองถือได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีบทบาท สำคัญในการวางแผนอนาคตของประเทศและเป็นกลุ่มบุคคล ที่ทำงานเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชน เป็นปาก เสียงแทน 38
ข้อมูลบริบทพื้นท่ีศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ประชาชนในแต่ละพื้นที่ ดังนั้น นักการเมืองจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีคุณลักษณะของความเป็นผู้นำที่ดีอยู่ในตัวเอง มีบุคลิกภาพที่เหมาะสมในหน้าที่ ตลอดจนปัจจัยเกื้อหนุนจาก ภายนอกทั้งในส่วนตนเองและเครือญาติ เพื่อสนับสนุนในการ ทำงานทางการเมือง ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายนี้นักการเมือง จึงเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาประเทศ ให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป 39
บ3ทท ี่ ผลการศึกษา นับตั้งแต่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พศจิกายน 2476 เป็นต้นมา จนถึงการ เลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 รวมมีการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งสิ้น จำนวน 23 ครั้ง ทั้งนี้ไม่นับการเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่ง ที่ว่าง จังหวัดมหาสารคามได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือ เป็นตัวแทนของประชาชนในการเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทน ราษฎรและรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ตั้งไว้อย่าง ชัดเจน ซึ่งการศึกษาวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับนักการเมืองถิ่นจังหวัด มหาสารคามในครั้งนี้ได้จำกัดจำนวนนักการเมืองถิ่นจังหวัด มหาสารคาม โดยเริ่มศึกษานักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2518 – 2550 รวมจำนวน ทั้งสิ้น 17 คน (รายละเอียดภาคผนวก ข) ด้วยเหตุผลข้อจำกัด ทางด้านสุขภาพและบางคนได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นการศึกษา ในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นนักการเมืองที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นหลัก โดยการใช้ข้อมูลจากเอกสารและการหาข้อมูลจาก
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม การสัมภาษณ์แบบมีส่วนร่วมแล้วนำข้อมูลที่ได้มาสรุปวิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำเสนอในลักษณะการวิจัยเชิงคุณภาพและ นำเสนอโดยการพรรณนาวิเคราะห์ ทั้งในด้านข้อมูลสถานภาพ ทั่วไป สถานภาพครอบครัว การดำเนินงาน บทบาทหน้าที่ ทางการเมือง บุคลิกภาพส่วนตัว รวมทั้งการวางแผนในการ ดำเนินงานทางการเมือง ของนักการเมืองถิ่นมหาสารคาม ให้มี ความชัดเจนมากที่สุด แม้ว่าจะอยู่ในข้อจำกัดของเวลา และหลักฐานข้อมูล ซึ่งอาจจะทำให้ได้รับทราบบทบาทของ นักการเมืองถิ่นมหาสารคามในปริมาณมากน้อยไม่เท่าเทียม กันบ้าง ซึ่งจากการศึกษาและเก็บข้อมูลสามารถนำเสนอข้อมูล ของนักการเมืองถิ่นมหาสารคามได้ จำนวน 11 คน ดังนี้ นายกริช กงเพชร 1. ข้อมูลส่วนตัว นายกริช กงเพชร มีอายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 284 ถนน ศรีสวัสดิ์ดำเนิน ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม การศึกษาปริญญาโท สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ อาชีพ ปัจจุบันทนายความ สมรสกับ นางเพ็ญลักษณ์ กงเพชร มีบุตร ทั้งหมด 4 คน ผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 2 คร 2. สมรรถนะและความสามารถเบื้องต้น นายกริช กงเพชร เป็นผู้นำนักการเมืองที่มีสมรรถนะ และความสามารถของนักการเมือง จากการประเมินตนเองตาม ตัวชี้วัด ปรากฏผลดังนี้ 42
ผลการศึกษา 1. ด้านศักยภาพ เป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพสามารถ สร้างและเผยแพร่ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงเป็นที่ยอมรับ ของคนทั้งภายในและภายนอกชุมชน 2. ด้านศีลธรรมและจริยธรรม มีความกล้าหาญที่จะต่อ ต้านการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนา 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว มีความสามารถในการ เป็นผู้นำในการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มองค์กร เครือข่ายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม 4. ความสามารถในการวางแผนและแก้ไขปัญหา มีความสามารถให้ข้อเสนอแนะและแก้ไขปัญหาได้รอบด้าน 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา มีความ สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้ และระบุสาเหตุ ของปัญหาได้อย่างรอบด้าน 6. การใช้หลักประชาธิปไตยในการทำงาน สามารถใช้ หลักประชาธิปไตยในการทำงานร่วมกับผู้อื่น คือ ยอมรับฟัง ความคิดเห็นและเหตุผลของผู้อื่น และใช้ความคิดเห็นของผู้อื่น มาแก้ไขปัญหา 7. ความรับผิดชอบ คือ สามารถแสดงออกถึงการ ยอมรับข้อผิดพลาดในหน้าที่ก่อนโดยไม่ต้องรอให้ผู้อื่น ตำหนิ หรือจำนนต่อหลักฐาน 43
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม 3. บทสรุปนักการเมือง นายกริช กงเพชร อดีตข้าราชการครู ในอำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคามจากการสัมภาษณ์ทราบว่า ได้ลงสมัครรับ เลือกตั้งครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ในปี พ.ศ 2518 และ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ.2519 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เหตุผลในการตัดสินใจ ลงสมัครรับเลือกตั้งเกิดจากต้องการแก้ไขความไม่เป็นธรรม ในสังคมโดยอาศัยเวทีทางการเมืองซึ่งเป็นเวทีระดับชาติในการ ช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชน ต้องการปกป้องผลประโยชน์ ของประเทศชาติ ต้องการพัฒนาประเทศและทำให้เกิดความ สามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ได้รับการ เลือกตั้งเข้ามาทำงานหลายสมัยนั้นเป็นเพราะเป็นคนที่มีความ จริงใจกับประชาชน ซื่อสัตย์สุจริต รับใช้ประชาชนโดยไม่เลือก ชั้นวรรณะ รักษาผลประโยชน์ของสังคมและปกป้องความเป็น ธรรมในสังคมตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ส่วนความประทับใจ ในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สำคัญ คือ การได้ร่วมกับ พรรคในการพัฒนาประเทศและท้องถิ่น โดยดำรงตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมาธิการร่างกฎหมายมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเป็นผู้เลือกสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัย สามารถเป็นผู้นำ ฝ่ายนิติบัญญัติในสภา เป็นตัวอย่างที่ดีแก่พี่น้องประชาชน นักการเมืองรุ่นหลัง และดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้าน การเกษตร เช่น ยางพารา สินค้าทางการเกษตรตกต่ำ เป็นต้น การดำเนินงานในช่วงที่ยังไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายกริช กงเพชร ได้มีการพบปะและทำประโยชน์ให้กับ 44
ผลการศึกษา ประชาชนอย่างต่อเนื่องก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้ง มีการ สำรวจจุดเด่นจุดด้อยของตนเอง พื้นฐานการศึกษาว่าจะ สามารถรับใช้ประชาชนได้หรือไม่หรือแม้กระทั่งการศึกษา ปัญหาของประชาชน จึงทำให้นายกริช กงเพชร ได้รับเลือกให้ เป็นตัวแทนของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง บทบาทสำคัญในขณะที่ดำรงตำแหน่งสามารถสร้าง ความเชื่อมั่นให้สมาชิกให้การยอมรับในความสามารถจนได้รับ การแต่งตั้งเป็นประธานกรรมาธิการการปกครองและมีส่วนร่วม ในการร่างกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเลขานุการ สภาการประมง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรในการตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาล การดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มี บทบาทในรัฐสภา นายกริช กงเพชร มีความเห็นว่าการที่จะมี ส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ให้เกิดกับประเทศอย่างแท้จริง ต้องมีตำแหน่งในทางการบริหารในรัฐบาล ซึ่งมีส่วนสำคัญใน การพิจารณากฎหมายต่างๆ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ประสบการณ์ที่ประทับใจในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ การได้เสริมสร้างศักยภาพการบริหารงาน การพัฒนาบุคลากร ในการพัฒนาประเทศ แต่จากความคิดเห็น สิ่งที่ไม่ประทับใจ บ้างในบางประเด็น คือ การที่ประชาชนยังมองไม่เห็นความ สำคัญในการเลือกตั้งตามตัวบุคคลแต่เลือกตามกระแสนิยมใน ช่วงนั้น จึงเกิดความแตกแยกในสังคมตามมาเพราะประชาชน ไม่เล็งที่ตัวบุคคลเพียงแต่เลือกตามกระแสนิยมเท่านั้น 45
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม 4. ด้านรูปแบบวิธีการดำเนินงานในฐานะท่ีเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ด้านอำนาจหน้าท่ี คือ การกลั่นกรองกฎหมาย เสนอกฎหมาย พิจารณากฎหมาย หน้าที่ในฐานะที่เป็นตัวแทน ประชาชน มีการวางแผนในการพัฒนาประเทศและท้องถิ่นตาม ที่ตนเองรับผิดชอบ ส่งเสริมและประสานงานระหว่างหน่วยงาน ราชการเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อประชาชน รับปรึกษาปัญหาของ ประชาชนในเรื่องที่เดือดร้อนและร่วมกับประชาชนในการ พัฒนาท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง 4.2 ด้านบทบาทหน้าที่ในครอบครัว ซึ่งเห็นได้จาก การให้การศึกษาบุตรให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ การอบรม ศีลธรรมให้บุตรอยู่ในกรอบที่ดีของสังคม เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับ ครอบครัวในฐานะผู้นำครอบครัว จนได้รับรางวัลพ่อดีเด่น แห่งชาติ ในปี พ.ศ.2539 5. วิธีการหาเสียง ในด้านวิธีการหาเสียงนั้นนายกริช กงเพชรได้มีการใช้ วิธีการในการหาเสียงที่หลากหลายตามยุคสมัย เช่น ในช่วงแรก ใช้การปราศรัย พบปะประชาชน การพูดจูงใจ ซึ่งต่อมาก็มีการ หาเสียงโดยการใช้หัวคะแนนที่เชื่อถือได้ตามหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ แต่ในปัจจุบันกฏระเบียบในการหาเสียงนั้นมีมากขึ้น นายกริช กงเพชรก็ได้มีการหาเสียงในกรอบของคณะกรรมการ การเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด 46
ผลการศึกษา 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง ด้านการประเมินผลการดำเนินงาน มีการประเมินผล การหาเสียงร่วมกับผู้สนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อวัดระดับความ นิยมของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการประเมินตนเองทั้ง ร่างกาย จิตใจ ประเมินคู่ต่อสู้ วิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยเพื่อนำ มาพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และส่วนด้านการวางแผนต่อ เนื่องในการลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น นายกริช กงเพชร ยังมี ความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป ด้วยการ ประเมินตนเองอยู่ตลอดเวลา ตลอดทั้งยังมีการวางแผนในการ สืบทอดตำแหน่งให้กับลูกชายในการลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย (นายกานต์ กงเพชร บุตรชายคนที่ 3) ซึ่งเคยเป็นสมาชิกสภา เทศบาลเมืองมหาสารคามด้วย เป็นการวางแผนอนาคต ทางการเมืองที่ถ่ายทอดสู่บุตรหลานซึ่งเป็นวิธีการที่นายกริช กงเพชร ได้มีการดำเนินงานเพื่อรักษาอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชนให้กับบุตรชายได้มีการ สืบทอดอุดมการณ์ต่อไป นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ 1. ข้อมูลส่วนตัว นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 253 หมู่ที่ 24 ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม การศึกษา ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง สมรสกับนางพัฒนวดี ศิริพานิชย์ มีบุตร 3 คน ผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน 47
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม 2. สมรรถนะและความสามารถเบ้ืองต้น นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ เป็นผู้นำนักการเมืองที่มี สมรรถนะและความสามารถของนักการเมือง จากการประเมิน ตนเองตามตัวชี้วัด ดังนี้ 1. ศักยภาพ มีความใฝ่รู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยการเข้ารับการอบรม ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและสามารถ ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองในการแก้ไขปัญหาตาม สถานการณ์ 2. ด้านศีลธรรมจริยธรรม มีการเข้าร่วมกิจกรรมทาง ศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีอย่างสม่ำเสมอและแสดงตน เป็นแบบอย่างที่ดีตามหลักวัฒนธรรม ประเพณี 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว มีการวางตัวเป็นกลาง และสามารถเข้ากับบุคคลได้ทุกประเภทและกลั่นกรองคำพูด การกระทำโดยคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น 4. การวางแผนและการแก้ไขปัญหา สามารถให้ ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาได้รอบด้าน 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้ และระบุสาเหตุ ของปัญหาได้อย่างรอบด้านและสามารถเลือกแนวทางการ แก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงสาเหตุอย่างรอบด้านและสามารถ ประเมินถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ 6. การใช้หลักประชาธิปไตย ยอมรับฟังความคิดเห็น และเหตุผลของผู้อื่น และใช้ความคิดเห็นของผู้อื่นมาแก้ไข ปัญหา 48
ผลการศึกษา 7. ความรบั ผดิ ชอบ แสดงออกถงึ การยอมรับขอ้ ผดิ พลาด ในหน้าที่ก่อนโดยไม่ต้องรอให้ผู้อื่น ตำหนิหรือจำนนต่อ หลักฐาน 3. บทสรุปนักการเมือง นายประยทุ ธ ์ ศริ พิ านชิ ย ์ ปจั จบุ นั ดำรงตำแหนง่ ประธาน กรรมการยกร่างและพิจารณากฎหมายพรรคเพื่อไทย เหตุผล ในการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งที่สำคัญ คือ 1) การพบเห็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านและ อยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยแก้ไขปัญหา จึงได้อาศัย เวทีทางการเมืองในการลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ตัวแทนของประชาชน 2) ผ่านเวทีในการเล่นการเมืองในระดับท้องถิ่นมาก่อน เช่น เป็นกรรมการสุขาภิบาลหัวขวาง สมาชิกสภาจังหวัด เขตเลือกตั้งโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม จึงได้มีความสนใจ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งในเวทีระดับประเทศที่จะสามารถช่วย ในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องได้มากกว่า 3) มองเห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมและจากการเป็นคน ที่เป็นนักต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเป็นพื้นฐานเดิมอยู่แล้วจึงคิด ที่จะลงเล่นการเมืองเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ชาวบ้าน เหตุผลสำคัญที่ทำให้ได้รับการเลือกตั้งเกิดจากการที่ ตนเองมีความคุ้นเคยกับชาวบ้านและบุคลิกส่วนตัวเป็นคนที่มี ความจริงใจกับชาวบ้าน มีความเอื้ออาทรกับชาวบ้านมาอย่าง 49
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม ต่อเนื่องอยู่แล้วและเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถซึ่งชาวบ้าน มั่นใจว่าจะสามารถเป็นตัวแทนที่ดีให้กับชาวบ้านได้ ซึ่งในสมัย ก่อนการเลือกตั้งมักมองดูที่ตัวบุคคลและนโยบายเป็นหลักต่าง จากปัจจุบันที่ประชาชนมองตามกระแสความนิยมในพรรค มากกว่าตัวบุคคล ส่วนความประทับใจอะไรและภาคภูมิใจ อะไรมากที่สุดในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ การทำหน้าที่นิติบัญญัติได้ออกกฎหมายเพื่อสร้างความ เป็นธรรมให้กับประชาชนส่วนรวมและการมีส่วนร่วมในการ เสนอร่างกฎหมายเพื่อความปรองดองแห่งชาติต่อรัฐสภาเพื่อ สร้างความสงบสุขให้กับประเทศ การดำเนินงานของท่านในช่วง ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีการดำเนินงาน ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับท้องถิ่นรวมถึงการ มีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อกำหนดนโยบาย ในการทำงานเพื่อประชาชน เช่น การร่างกฎหมายต่างๆ บทบาทที่สำคัญในการดำเนินงานในขณะที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรมีบทบาทในการเป็นกรรมาธิการวิสามัญในการ ดำเนินงานตรวจสอบและพัฒนาการทำงานของหน่วยงานของ รัฐ เช่น กรรมาธิการงบประมาณ กฏหมาย หรือการมีส่วนร่วม เป็นกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2540 เป็นต้น ตำแหน่งทางการเมืองที่มีบทบาทในรัฐสภา - พ.ศ.2526-2529 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 50
ผลการศึกษา - พ.ศ.2529-2531 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - พ.ศ.2533 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - พ.ศ.2535 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม - พ.ศ.2543-2544 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประสบการณ์ที่ท่านประทับใจที่ต้องการเผยแพร่ คือ การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและลดช่องว่างระหว่างคนรวย กับคนจนและช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 4. ด้านรูปแบบวิธีการดำเนินงานในฐานะท่ีเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ดา้ นอำนาจหน้าท่ี การเสนอกฎหมาย ร่างกฎหมายและการพิจารณา กฎหมาย 4.2 ดา้ นบทบาทหน้าที่ตัวแทนของประชาชน 1) เป็นคนที่ทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่าง หน่วยงานของรัฐในการช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชน อย่างทั่วถึง 2) การลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่องทั้งใน ช่วงที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งก็ตาม 51
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม 3) การให้บริการชาวบ้านให้ความช่วยเหลือในด้าน การบริการต่างๆ ปัจจัย 4 การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งในและ นอกพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน 4.3 ด้านบทบาทหน้าที่ในครอบครัว ให้ความเข้าใจกับครอบครัวในการทำหน้าที่ตัวแทน ของประชาชนเพื่อสร้างความเข้าใจในอาชีพของตนเอง การให้ เวลาและความอบอุ่นกับครอบครัว 5. วิธีการหาเสียง กลยุทธ์/วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อทำให้ได้รับการ เลือกตั้ง ปัจจัยสำคัญที่สุดในการได้รับเลือกตั้ง คือ การเป็น คนเป็นกันเองและมีความเสมอต้นเสมอปลายและความจริงใจ กับประชาชน การทำงานให้มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด การสร้าง ประโยชน์ให้กับชาวบ้านให้มากที่สุดตามอำนาจหน้าที่ โดยการ หาเสียงส่วนใหญ่ใช้วิธีการสร้างความเข้าใจในตัวตนและ แนวทางในการทำงานให้กับชาวบ้านได้เข้าใจและพิจารณาโดย เน้นการปราศรัยหาเสียงเป็นวิธีการสำคัญ 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง การประเมินผลการดำเนินงาน หรือสะท้อนผล การดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน มีการ ดำเนินงานการประเมินผลทั้งในรูปแบบการประเมินการทำงาน รายวัน เดือน รายปี หรือเป็นวาระ มีการวิเคราะห์และแก้ไข ปัญหาของตนเองอยู่ตลอดเวลาโดยผ่านการสะท้อนจาก ชาวบ้าน เพื่อนร่วมงานทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ การวางแผนตอ่ เนอ่ื งในการลงสมคั รเลอื กตง้ั ครง้ั ตอ่ ไป มกี ารมอง 52
ผลการศึกษา พัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่องและพยายามหาแนวทาง ในการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของประชาชน โดยการมอง หาคนที่มีความรู้ความสามารถในการมาสืบทอดอุดมการณ์ ทางการเมืองเพื่อมาทำงานในการช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข แก่ประชาชน ซึ่งในปัจจุบันนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ได้หันมา ทำงานในด้านเบื้องหลังทางการเมืองเป็นหลักและทำงาน อยู่ในพรรคอย่างต่อเนื่องและได้ส่งบุตรชาย คือ นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ได้เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ทางการเมืองและการ เป้นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในการทำงานการเมือง นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร 1. ข้อมูลส่วนตัว นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 986/1 ตำบลปะหลาน อำเภอพยคั ฆภมู พิ สิ ยั จงั หวดั มหาสารคาม 44110 การศึกษาปริญญาตรี อาชีพปัจจุบัน นักการเมือง สมรส กับนางนงลักษณ์ โชคชัยวัฒนากร มีบุตร 3 คน ผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน 2. สมรรถนะและความสามารถเบ้ืองต้น นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร เป็นผู้นำนักการเมืองที่มี สมรรถนะและความสามารถของนักการเมือง จากการประเมิน ตนเองตามตัวชี้วัด ดังนี้ 1. ด้านศักยภาพ สามารถสร้างและเผยแพร่ความรู ้ ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงเป็นที่ยอมรับของคนทั้งในและนอก ชุมชน 53
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม 2. ด้านศีลธรรมจริยธรรม มีการเข้าร่วมกิจกรรมทาง ศาสนาและวัฒนธรรม ประเพณีอย่างสม่ำเสมอ 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว เป็นผู้นำในการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มองค์กร เครือข่ายเพื่อประโยชน์ของ ส่วนรวม 4. การวางแผนและการแก้ไขปัญหา สามารถให้ข้อ เสนอแนะในการแก้ไขปัญหาได้รอบด้าน 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้ และระบุสาเหตุ ของปัญหาได้อย่างรอบด้าน 6. การใช้หลักประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดง ความคิดเห็น ยอมรับในความแตกต่างของความเห็นโดยนำไป พิจารณาปฏิบัติตามความเหมาะสม 7. ด้านความรับผิดชอบ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการ ทำงานของหมู่คณะ หรือทีม แสดงออกถึงความรับผิดชอบ ออกรับแทน 3. บทสรุปนักการเมือง นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร เหตุผลในการตัดสินใจ ลงสมัครรับเลือกตั้ง คือการมองเห็นความเดือดร้อน ความเป็น อยู่ของพี่น้องประชาชน จึงมีความสนใจที่จะเป็นตัวแทนในการ เข้าไปช่วยมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ประชาชน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ท่านได้รับเลือกตั้ง คือ 54
ผลการศึกษา 1. มีความพร้อมในการลงสมัครทั้งในด้านตัวบุคคล พรรคการเมืองและปัจจัยภายนอกในการเอื้อประโยชน์ในการลง สมัครรับเลือกตั้ง 2. การเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปและได้รับการ ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ เป็นคนที่มีความจริงใจกับ ประชาชน และประชาชนมองเห็นความตั้งใจจริงในการที่จะ พัฒนาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ความประทับใจและภาคภูมิใจในการดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ การได้เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถ ช่วยเหลือและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านและ สามารถเป็นตัวแทนที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนได้พึ่งพาอาศัยได้ ในทุกโอกาสที่มีความเดือดร้อน การดำเนินงานในช่วงที่ยังไม่ได้ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนใหญ่เป็นการประกอบธุรกิจ ส่วนตัว คือ การค้าขาย มีการคลุกคลีและเป็นที่รู้จักของ พี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี จึงทำให้ประชาชนมีความคุ้นเคย สนิทสนมเป็นกันเอง และมีการลงพื้นที่พบปะกับประชาชน อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน บทบาทที่ สำคัญในการดำเนินงานในขณะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนที่คอยดูแลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยการมีทีมงานที่มีคุณภาพในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชนเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในการช่วย แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ตำแหน่งทางการเมืองที่มีบทบาทในรัฐสภา คือ เป็น กรรมาธิการการท่องเที่ยว กรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น และ 55
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม ประสบการณ์ที่ต้องการเผยแพร่ คือ การได้รวมตัวกับเพื่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งในการร่วมในการจัดตั้ง รัฐบาล ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม ทำใหส้ ามารถบรหิ ารประเทศตามระบอบประชาธปิ ไตย ต่อไปได้ เพื่อเอื้อประโยชน์ในการช่วยแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชน 4. รูปแบบหรือวิธีการดำเนินงานในฐานะที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ดา้ นอำนาจหน้าที่ การปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายรัฐธรรมนูญได้ บัญญัติไว้ เช่น การเสนอกฎหมาย การร่างกฎหมายและการ พิจารณากฎหมาย เป็นต้น 4.2 ด้านบทบาทหนา้ ท่ีตวั แทนของประชาชน การนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเสนอ ต่อสภาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของประชาชน ในพื้นที่ และการทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนในการตรวจสอบ การดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ พี่น้องประชาชน การทำหน้าที่เป็นคนประสานงานให้ภาครัฐในการ เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน 4.3 ด้านบทบาทหนา้ ท่ีในครอบครัว การเป็นผู้นำที่ดี เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี มีความรับ ผิดชอบ และการสร้างความเข้าใจให้กับครอบครัวในบทบาท 56
ผลการศึกษา หน้าที่การทำงานเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและเป้าหมาย ที่ชัดเจนในครอบครัวร่วมกัน 5. วิธีการหาเสียง กลยุทธ์ / วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อทำให้ได้รับการ เลือกตั้ง วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงโดยเน้นการเข้าถึงประชาชน ในพื้นที่เป็นสำคัญ มีความจริงใจกับประชาชนในการแก้ไข ปัญหาร่วมกัน โดยยึดหลักประชาธิปไตยในการทำงาน รวมทั้ง การสร้างทีมงานในพื้นที่ที่มีคุณภาพทำหน้าที่คอยประสาน และคอยช่วยเหลือปัญหาของชาวบ้านในเบื้องต้นในพื้นที่ ซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและปฏิบัติได้จริง การประเมินผลการดำเนินงาน หรือสะท้อนผลการ ดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน มีการมอง ความต้องการของประชาชนอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา ของประชาชน และมีการรับฟังความคิดเห็น เสียงสะท้อนใน การทำงานจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำมาแก้ไข 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง ส่วนการวางแผนในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป เน้นการลงพื้นที่พบปะกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็น แนวทางในการดำเนินงานในด้านการวางแผนที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะสามารถสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี ส่วนการวางแผนสืบทอดอุดมการณ์ทางการเมือง มีการแนะนำ บทบาทหน้าที่และสนับสนุนให้บุตรชายในการลงพื้นที่ดำเนิน งานทางการเมือง สร้างความคุ้นเคยกับประชาชนในพื้นที่อย่าง ต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์ในการดำเนินงานทางการเมือง ในการเข้ามาช่วยเหลือ พัฒนางานในอนาคตต่อไป 57
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม นายสุชาติ ศรีสังข์ 1. ข้อมูลส่วนตัว นายสุชาติ ศรีสังข์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ที่ 16 ตำบลหนองไฮ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม 44120 การศึกษาปริญญาตรี อาชีพปัจจุบัน ประกอบธุรกิจส่วนตัว สมรสกับ นางสุภาภรณ์ ศรีสังข์ มีบุตร 3 คน ผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน 2. สมรรถนะและความสามารถเบื้องต้น นายสุชาติ ศรีสังข์ เป็นผู้นำนักการเมืองที่มีสมรรถนะ และความสามารถของนักการเมือง จากการประเมินตนเองตาม ตัวชี้วัด ดังนี้ 1. ด้านศักยภาพ สามารถสร้างและเผยแพร่ความรู ้ ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงเป็นที่ยอมรับของคนทั้งในและนอก ชุมชนและสามารถใช้ความรู้ความสามารถของตนเองในการ แก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ 2. ด้านศีลธรรมจริยธรรม แสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดี ตามหลักวัฒนธรรม ประเพณีและมีความกล้าหาญที่จะต่อต้าน การกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนา 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว มีความเป็นกันเอง โอบอ้อมอารีช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้นำในการส่งเสริมสนับสนุนให้ เกิดการรวมกลุ่มองค์กร เครือข่ายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม 58
ผลการศึกษา 4. การวางแผนและการแก้ไขปัญหา สามารถให้ ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาได้รอบด้าน 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้ และระบุสาเหตุ ของปัญหาได้อย่างรอบด้าน สามารถเลือกแนวทางการแก้ไข ปัญหาโดยคำนึงถึงสาเหตุอย่างรอบด้านและสามารถประเมิน ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ 6. การใช้หลักประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดง ความคิดเห็น ยอมรับในความแตกต่างของความเห็นโดยนำไป พิจารณาปฏิบัติตามความเหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับ ผู้อื่นโดยสามารถอธิบายเหตุผลในสิ่งที่ตนเองคิด พดู และทำได้ 7. ด้านความรับผิดชอบ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการ ทำงานของหมู่คณะ หรือทีม แสดงออกถึงความรับผิดชอบ ออกรับแทน 3. บทสรุปนักการเมือง นายสุชาติ ศรีสังข์ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จังหวัดมหาสารคาม ครั้งแรกในปี พ.ศ.2535 ในนามพรรคเอกภาพ และได้รับเลือกตั้งในปี พ.ศ.2538 สังกัด พรรคเอกภาพ โดยมีนายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นหัวหน้าพรรค และได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องกันมารวมอีก 5 สมัย เหตุผลในการ ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง นายสุชาติ ศรีสังข์ เริ่มเล่น การเมืองโดยพื้นฐานจากการเมืองท้องถิ่นโดยการเป็นผู้ทรง คุณวุฒิองค์การบริหารส่วนตำบล และเป็นสมาชิกสภาจังหวัด 59
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม มหาสารคาม (สจ.) โดยบุคลิกภาพส่วนตัวเป็นนักต่อสู้เพื่อ ความยุติธรรมและความถูกต้องเพื่อประชาชนเป็นทุนเดิม อยู่แล้ว เช่น การเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของ ชาวอำเภอวาปีปทุมและจากการมองเห็นภาพที่ประชาชน ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนักการเมืองและต้องการต่อสู้เพื่อแก้ไข ปัญหาของชาวอีสาน จึงได้มีความสนใจได้เข้ามาดำเนินงาน ทางการเมืองเพื่อทำหน้าที่แทนชาวบ้าน ที่ยังขาดการเข้าถึง ข้อมูลที่ถูกต้องถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ตลอดโดยเฉพาะพี่น้อง ประชาชนในภาคอีสานเป็นหลัก ส่วนเหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่าน ได้รับเลือกตั้ง คือ การที่ประชาชนได้มองเห็นและเข้าใจในการ ดำเนินงานในสิ่งที่กระทำชัดเจนในพื้นที่ว่าต้องการทำเพื่อ ประโยชน์ของชาวบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งในสมัยนั้นสังคมกำลัง ต้องการคนที่กล้าต่อสู้และมีความสามารถในการทำงานที่ถูก ต้องมีความชัดเจน ดังนั้นเหตุที่ส่งให้ได้รับการเลือกตั้งก็เป็นที่ ตัวบุคคลมากกว่าพรรคการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญควบคู่ กันแต่ประชาชนจะมองที่ตัวบุคคลมากกว่าว่าสามารถที่จะทำ หน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่ดีได้ ความประทับใจและภาคภูมิใจในการดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ การดำเนินงานในช่วงที่ดำรง ตำแหน่งเป็นการดำเนินงานที่มีความประทับใจในทุกเรื่องเพราะ ได้พูดได้ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องเพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง และที่สำคัญ คือ การมี ส่วนร่วมในการแก้ไขกฏหมายการกระทำที่เป็นคอมมิวนิสต์ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมระบอบประชาธิไตยให้มีความเข้มแข็ง มากขึ้น 60
ผลการศึกษา การดำเนินงานในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร มีการดำเนินในพื้นที่ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่อง ปัจจัย 4 การเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีการ บริการประชาชนในการอำนวยความสะดวก และมีการจัด รายการวิทยุท้องถิ่นเพื่อให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้กับ ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ตลอดเวลา และบทบาทที่สำคัญในการดำเนินงานในขณะที่เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ในกระทรวงต่างๆเพื่อให้ความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชน ตำแหน่งทางการเมืองที่มีบทบาทในรัฐสภาเป็น กรรมาธิการแรงงาน กรรมาธิการการเกษตร วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม โดยหลักดำรงตำแหน่งเป็นโฆษกในคณะ กรรมาธิการต่างๆ เป็นหลัก ประสบการณ์ที่ประทับใจที่ต้องการเผยแพร่ คือ ความ เป็นนักการเมืองที่มีความรักในท้องถิ่นที่แท้จริง มีความรู้ในการ พัฒนาท้องถิ่นและกล้าที่จะนำเสนอความภูมิใจในท้องถิ่นของ ตนเองโดยไม่มีการปิดบังทั้งภาษา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งการทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างตรงไป ตรงมาและซื่อสัตย์สุจริต 61
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม 4. รูปแบบหรือวิธีการดำเนินงานในฐานะท่ีเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ด้านอำนาจหน้าท่ี การร่างกฎหมาย การเสนอกฎหมาย การพิจารณา กฏหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม 4.2 ดา้ นบทบาทหนา้ ทต่ี วั แทนของประชาชน ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มในการช่วยแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งการประสานงานให้ หน่วยงานรัฐในการเข้ามาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ในการ พัฒนาท้องถิ่น 4.3 ด้านบทบาทหน้าท่ใี นครอบครัว สร้างความเข้าใจให้กับครอบครัวในการดำเนินงาน ในอาชีพนักการเมืองที่มีความไม่แน่นอน ครอบครัวต้องมีความ เขา้ ใจกนั ทง้ั นต้ี อ้ งมกี ารสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ทง้ั ในดา้ นกำลงั ใจ ในการทำงาน ตลอดทั้งครอบครัวยังต้องสามารถทำงาน ร่วมกับชาวบ้านแทนตนเองได้ในขณะที่ติดภารกิจตามหน้าที่ ซึ่งครอบครัวต้องเป้นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานด้วย 5. วิธีหาเสียง กลยุทธ์ / วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อทำให้ได้รับ การเลือกตั้ง นั้นนายสุชาติเน้นการดำเนินในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นหลัก ความเสมอต้นเสมอปลาย ซื่อสัตย์สุจริตจริงใจกับ ประชาชนทำงานโดยยึดอุดมการณ์ของตนเอง คือ การต่อสู้เพื่อ ความถูกต้องเป็นหลัก ส่วนด้านการประเมินผลการดำเนินงาน 62
ผลการศึกษา หรือสะท้อนผลการดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ ดำเนินงาน มีการประเมินผลโดยผ่านการประชุมทีมงาน วิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของตนเองและให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการสะท้อนผลการทำงานโดยผ่านทั้งทางวิทยุและผ่าน ตัวแทนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง ด้านการวางแผนต่อเนื่องในการลงสมัครเลือกตั้ง ซึ่ง นายสุชาติอยู่ในช่วงกำลังมองและติดตามความเคลื่อนไหว ทางการเมืองเพื่อหาแนวทางในการดำเนินงานทางการเมือง ในระยะต่อไป ส่วนในการวางแผนสืบทอดอุดมการณ์ทาง การเมือง ในด้านการสืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นขึ้นอยู่ กับความสนใจของสมาชิกในครอบครัวก่อนโดยไม่มีการบังคับ ที่จะให้สนใจทางการเมืองขึ้นอยู่กับความสนใจของสมาชิก ในครอบครัวเอง นายประวัติ ทองสมบูรณ์ 1. ข้อมูลส่วนตัว นายประวัติ ทองสมบูรณ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 744 ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 44000 อาชีพปัจจุบัน สมาชิกวุฒิสภา/นักธุรกิจ สมรสกับนางจินตนา ทองสมบูรณ์ มีบุตรสาว 1 คน 2. สมรรถนะและความสามารถเบื้องต้น นายประวัติ ทองสมบูรณ์ เป็นผู้นำนักการเมืองที่มี สมรรถนะและความสามารถของนักการเมือง จากการประเมิน 63
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม ตนเองตามตัวชี้วัด ดังนี้ 1. ด้านศักยภาพ มีความใฝ่รู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยการเข้ารับการอบรม ติดตามข่าวสารบ้านเมือง สามารถใช้ ความรู้ความสามารถของตนเองในการแก้ไขปัญหาตาม สถานการณ์ 2. ด้านศีลธรรมจริยธรรม แสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดี ตามหลักวัฒนธรรม ประเพณีและเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และวัฒนธรรมประเพณีอย่างสม่ำเสมอ 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว มีความเป็นกันเอง โอบอ้อมอารีช่วยเหลือผู้อื่น 4. การวางแผนและการแก้ไขปัญหา สามารถหาวิธีการ ที่ดีที่สุดในการดำเนินการตามแผนเพื่อให้กลุ่มและองค์กรได้รับ ประโยชน์สูงสุด 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา สามารถเลือกแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงสาเหตุอย่าง รอบด้านและสามารถประเมินถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ 6. การใช้หลักประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดง ความคิดเห็น ยอมรับในความแตกต่างของความเห็นโดยนำไป พิจารณาปฏิบัติตามความเหมาะสม 7. ด้านความรับผิดชอบ แสดงออกถึงการยอมรับข้อผิด พลาดในหน้าที่ก่อนโดยไม่ต้องรอให้ผู้อื่น ตำหนิหรือจำนนต่อ หลักฐาน 64
ผลการศึกษา 3. บทสรุปนักการเมือง นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก ในนามพรรคกิจสังคม ในยุคของ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา เป็น หัวหน้าพรรคแทน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ที่มีปัญหาด้าน สุขภาพ และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2529 ซึ่งเป็นครั้งแรกในการลงสมัครทันที เหตุผลในการ ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นในระยะแรกนายประวัติ ทองสมบูรณ์ ไม่มีความสนใจเกี่ยวกับด้านการเมืองเลย เพราะ เป็นคนหนุ่มที่เพิ่งสำเร็จการศึกษากำลังหาประสบการณ์ในการ ทำงาน แต่จากพื้นฐานเดิมของบิดา ที่ประกอบธุรกิจและเป็น คนกว้างขวางในพื้นที่และสนับสนุนการทำงานของนักการเมือง มาตลอด จึงได้รับความสนใจจากพรรคการเมืองได้มาชักชวน และส่งเสริมให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคนที่ชักชวนแนะนำ คือ นายประยุทธ ศิริพานิชย์ แต่บิดาได้เกิดเสียชีวิตลง นายประวัติ ทองสมบูรณ์ จึงต้องมาดูแลธุรกิจแทนบิดา ซึ่งนายประวัติ ทองสมบูรณ์ ก็ได้รับการชักชวนอีกหลายครั้ง จึงได้ตัดสินใจ ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จากนั้นจึงได้ยุติบทบาททางการเมืองเพื่อมาดูแล ธุรกิจในครอบครัวเป็นหลัก ส่วนเหตุผลสำคัญที่ทำให้ได้รับ เลือกตั้งนั้น คือ 1. ชื่อเสียงของพรรค ซึ่งในสมัยนั้นพรรคกิจสังคมกำลัง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมี หัวหน้าพรรค คือ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ที่มีนโยบายที่สร้าง ชื่อเสียงและได้รับความนิยมมาก คือ เงินผัน สร้างงานในชนบท 65
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม 2. ด้านตัวบุคคล คือ เป็นคนรุ่นใหม่มีความรู้ มีความ นอบน้อม มีมนุษย์สัมพันธ์ ซึ่งตรงกับความต้องการของ ประชาชนในช่วงนั้น ต้องการหาคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานให้กับ ประชาชน ความประทับใจและภาคภูมิใจในการดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ 1. ทำหน้าที่เป็น สส. ของปวงชนและพรรคได้เป็น รัฐบาลมาตลอดจึงทำให้มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาของ ประชาชนได้อย่างเต็มที่ 2. ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง สาธารณสุข ในปี 2535 ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ สาธารณสุขของประเทศ เช่น การสร้างศูนย์สาธารณสุข ในชุมชน สถานีอนามัย เป็นต้น 3. ดำรงตำแหน่งเลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภัยแหล่ง การพัฒนาแหล่งน้ำ และที่สำคัญ คือ การมีส่วนร่วมในการ พัฒนาโครงการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นโครงการใน พระราชดำริ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจมากที่ได้มีส่วนร่วมใน โครงการฯครั้งนั้น การดำเนินงานในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร เน้นการลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่องและ คอยให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ประชาชนในพื้นที่ บทบาทที่สำคัญในการดำเนินงานในขณะที่ 66
ผลการศึกษา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ การมีส่วนร่วมในการ ดำเนินงาน เสนอโครงการที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากมาย เช่น เป็นคณะกรรมาธิการด้านการเกษตร ด้านพลัง ด้าน วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ตำแหน่งทางการเมืองที่มีบทบาทในรัฐสภา คือ เป็น กรรมาธิการด้านการเกษตร ด้านพลังงาน ด้านวิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของประชาชน ในด้านต่างๆ ประสบการณ์ที่ประทับใจที่ต้องการเผยแพร่ คือ การได้ เป็นตัวแทนของประชาชน ทำงานเพื่อส่วนรวมเพื่อคน ทั้งประเทศ ได้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนใน ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร แหล่งน้ำ และได้เรียนรู้ ถึงแนวทางต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชนโดยรวม 4. รูปแบบหรือวิธีการดำเนินงานในฐานะท่ีเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ดา้ นอำนาจหน้าท่ี ร่างกฎหมาย เสนอกฎหมาย พิจารณากฎหมาย เป็นหน้าที่หลัก 4.2 ด้านบทบาทหนา้ ทีต่ วั แทนของประชาชน ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เสนอ แนวทางในการช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ของ คณะรัฐมนตรี 67
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม 4.3 ด้านบทบาทหน้าที่ในครอบครัว มีการสร้างความเข้าใจกับครอบครัวในบทบาทหน้าที่ ของตนเองให้มีความเข้าใจกันและจัดสรรเวลาให้กับครอบครัว ในเวลาว่าง หรือแม้กระทั่งการส่งเสริมครอบครัวให้เป็น ส่วนหนึ่งในการทำงานการเมือง เช่น การพาครอบครัวลงพื้นที่ พบประชาชน เป็นต้น 5. วิธีหาเสียง กลยุทธ์ / วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อทำให้ได้รับการ เลือกตั้ง 1) ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ ต้องมีความจริงใจกับ ประชาชน มีความชัดเจนและซื่อสัตย์สุจริต มีการลงพื้นที่พบ ประชาชนอย่างต่อเนื่อง 2) ใช้ระบบหัวคะแนนเข้ามาช่วยในการหาเสียงและ การลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงโดยตรงกับประชาชน การประเมินผลการดำเนินงาน หรือสะท้อนผล การดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน มีการ ประเมินผลดำเนินงานโดยเน้นให้ประชาชนได้เล็งเห็นที่ผลงาน ที่เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ประชาชนได้มองเห็นชัดเจนในผลงาน ที่ดำเนินงาน เพราะในสมัยนั้น สส. สามารถจัดสรรงบประมาณ เองได้ดังนั้นการดำเนินงานจึงสามารถลงสู่ประชาชนได้อย่าง ชัดเจน 68
ผลการศึกษา 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง การวางแผนต่อเนื่องในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป ได้มีการร่วมดำเนินงานภายในพรรคอย่างต่อเนื่องมีส่วนร่วม ในการกำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศและดำรงตำแหน่ง เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ และเป็นคนคอย ประสานงานระหว่างรัฐกับประชาชนในพื้นที่ในการช่วยแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อน ส่วนการวางแผนสืบทอดอุดมการณ์ ทางการเมืองนั้นในปัจจุบันนายประวัติ ทองสมบูรณ์ ได้ยุติ บทบาททางการเมืองของตนเองตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา โดยหันมาดูแลธุรกิจในครอบครัวเป็นอาชีพหลักและดำรง ตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในปัจจุบัน นายทองหล่อ พลโคตร 1. ข้อมูลส่วนตัว นายทองหล่อ พลโคตร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 44000 การศึกษาระดับปริญญาโท อาชีพปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว สมรสกับ นางนภาพร พลโคตร มีบุตร 2 คน คือ ผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 1 คน 2. สมรรถนะและความสามารถเบ้ืองต้น นายทองหล่อ พลโคตร เป็นผู้นำนักการเมืองที่มี สมรรถนะและความสามารถของนักการเมือง จากการประเมิน ตนเองตามตัวชี้วัดดังนี้ 69
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม 1. ด้านศักยภาพ สามารถใช้ความรู้ความสามารถของ ตนเองในการแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ 2. ด้านศีลธรรมจริยธรรม แสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดี ตามหลักวัฒนธรรม ประเพณี 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว มีความเป็นกันเอง โอบอ้อมอารีช่วยเหลือผู้อื่น 4. การวางแผนและการแก้ไขปัญหา สามารถหาวิธีการ ที่ดีที่สุดในการดำเนินการตามแผนเพื่อให้กลุ่มและองค์กรได้รับ ประโยชน์สงู สุด 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา สามารถคาดการณ์ถึงปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้นและเลือกแนวทาง การป้องกันไว้ล่วงหน้าโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให ้ คุ้มค่าที่สุด 6. การใช้หลักประชาธิปไตยในการทำงาน เมื่อมีข้อ ขัดแย้งหรือถูกตำหนิสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี 7. ด้านความรับผิดชอบ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการ ทำงานของหมู่คณะ หรือทีมแสดงออกถึงความรับผิดชอบ ออกรับแทน 3. บทสรุปนักการเมือง นายทองหล่อ พลโคตร ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก ในนามพรรคไทยรักไทย ในปี พ.ศ.2544 และได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ในปี พ.ศ.2544 ซึ่งเป็นครั้งที่ 70
ผลการศึกษา ลงสมัครรับเลือกตั้ง เหตุผลสำคัญในการตัดสินใจลงสมัคร รับเลือกตั้ง คือ การมองเห็นถึงภาพของการอยู่ร่วมกันในสังคม ซึ่งภาคการเมืองมีส่วนสำคัญในการกำหนดบทบาทของ ประชาชนในสังคม ซึ่งนักการเมืองมีส่วนสำคัญในการช่วยแก้ไข ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้มาก กว่า และการมองเห็นว่าตนเองมีศักยภาพ ความสามารถที่จะ เข้ามาทำงานเป็นตัวแทนของประชาชน สามารถทำงานเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนได้ ส่วนเหตุผลสำคัญที่ทำให้ได้รับ เลือกตั้ง นั้นนายทองหล่อให้ความเห็นว่า การเมืองไทยในยุคปี 2544 ซึ่งถือเป็นช่วงรอยต่อทางการเมือง คือ ระบบการเมืองเก่า ที่เน้นการมองที่คนและพรรคการเมือง และการเมืองแบบใหม่ ทเ่ี นน้ การมอง พรรคการเมอื ง ตวั บคุ คลและเงนิ ทท่ี ำใหป้ ระชาชน ได้มองเห็นภาพของการเมืองที่ต้องมองภาพการบริหารและ นโยบายที่สำคัญของพรรค ประกอบกับปัจจัยต่างๆ ในการ ตัดสินใจ ซึ่งในขณะนั้นพรรคไทยรักไทยก็มีนโยบายที่สามารถ ตอบสนองในสิ่งที่ประชาชนส่วนรวมเรียกร้องได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในการเมืองและการเมือง ที่เน้นการบริหารและการจัดการที่เข้าถึงประชาชนที่ชัดเจน ประกอบกับปัจจัยในด้านตัวบุคคล คือ นายทองหล่อ พลโคตร เองก็ได้มีการปูพื้นฐานทางการเมืองมาเป็นเวลานาน มีความ สนิทสนมคุ้นเคยกับชาวบ้านเป็นอย่างดี โดยพื้นฐานจาก การเป็นปลัดอำเภอมาก่อน แต่ก็ต้องรอโอกาสที่เหมาะสมจึง ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงทำให้ปัจจัยด้านตัวบุคคลก็มี ส่วนสำคัญมากที่ส่งผลให้ได้รับเลือกตั้งในครั้งแรกที่ลงสมัคร ทันทีและได้คะแนนเป็นลำดับที่ 1 และคะแนนสูงที่สุดของ 71
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม ภาคอีสานด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกำลังใจในการทำงานและเป็น เสียงสวรรค์ของประชาชนอย่างแท้จริง ความประทับใจและภาคภูมิใจในการดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ การได้มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ ในสภาทั้งหน้าที่ในการเป็นฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร และการได้มีส่วนร่วมในการช่วยแก้ไข บรรเทาปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชนทั้งในพื้นที่และส่วนร่วมของประเทศ เช่น การเสนอกฎหมายในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การ รักษาบทบาทหน้าที่ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ทำ หน้าที่แทนพี่น้องประชาชน การดำเนินงานของในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร - ดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่ตามพื้นฐานเดิมของ ตนเอง คือ การรับราชการเป็นปลัดอำเภอ มาก่อน และพื้นฐานที่มีความเข้าใจประชาชนในท้องถิ่น ทราบความต้องการของชาวบ้าน เพราะเป็นคนที่เกิด จากสังคมเกษตรกร จึงมีความเข้าใจความต้องการ ของประชาชนเป็นอย่างดี - ช่วงที่ทำงานรับราชการได้มีการดำเนินงานเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องมีการ ประชาสัมพันธ์ตนเองในภาพของนักการเมือง และ มีความคุ้นเคยกับผู้นำในชุมชน มีการพบปะกันอย่าง ต่อเนื่อง 72
ผลการศึกษา - มีการมองความต้องการของประชาชนในการเรียก ร้องให้ตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งเพราะประชาชน มองเห็นถึงความรู้ความสามารถว่าจะสามารถ ทำงานเพื่อประชาชนได้ บทบาทที่สำคัญในการดำเนินงานในขณะที่เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร คือ มีส่วนร่วมในการเสนอกฎหมายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตำแหน่งทางการเมอื งที่มีบทบาทในรฐั สภา - เป็นรองประธานกรรมาธิการคมนาคม รองประธาน กรรมาธิการการปกครอง - เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ดำรงตำแหน่ง เป็นรัฐมนตรี ประสบการณ์ที่ประทับใจที่ต้องการเผยแพร่ คือ การเป็น ตัวแทนของประชาชนที่สามารถทำงานได้ทั้งตามบทบาทหน้าที่ และการเป็นตัวแทนที่ดีของประชาชน การให้ความรักกับ ประชาชนทุกคนอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ 4. รูปแบบหรือวิธีการดำเนินงานในฐานะที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ด้านอำนาจหน้าท่ี การเสนอกฎหมาย การกลั่นกรองกฎหมาย การ พิจารณากฎหมาย และการทำงานตามหน้าที่ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร 73
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม 4.2 ดา้ นบทบาทหน้าที่ตัวแทนของประชาชน 1) ยึดธรรมเนียมการเข้าหาประชาชนและการทำงาน ตามบทบาทหน้าที่ควบคู่กันไปทั้งในพื้นที่และการทำงานเพื่อ ส่วนรวม 2) การทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมประสานงานระหว่าง หน่วยงานรัฐในการเข้ามาช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ 4.3 ด้านบทบาทหนา้ ทใ่ี นครอบครวั ส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวในครอบครัว เครือญาติ ให้มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และการดำเนินชีวิต ซึ่ง ครอบครัวต้องมีความเข้าใจกัน มีเป้าหมายร่วมกันที่ชัดเจน และสร้างความเป็นเอกภาพในครอบครัว 5. วิธีหาเสียง กลยุทธ์ / วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อทำให้ได้รับ การเลือกตั้ง 1) การที่จะได้รับเลือกตั้ง ได้ความไว้วางใจจาก ประชาชนนั้นสิ่งที่นักการเมืองจำเป็นที่ต้องมีในตัวเองอยู่ 3 น้ำ ที่สำคัญ ได้แก่ (1) น้ำคำ คือ การพูดให้ถูกใจคนอื่น โดย ยึดหลักความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย (2) น้ำเงิน คือ การมีความ เสียสละในสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้องของประชาชนที่มี ความเหมาะสมตามสมควร (3) น้ำใจ คือ การมีความเห็นอก เห็นใจเข้าใจชีวิตของประชาชน การเข้าถึงประชาชนโดยไม่ เลือกชั้นวรรณะ 74
ผลการศึกษา 2) มีการคลุกคลี จริงใจกับประชาชน รวมถึงการมองหา ตัวแทนในพื้นที่เพื่อทำงานประสานในการทำงาน โดยยึดการ มองคนที่มีบารมีในชุมชน เครือข่ายในพื้นที่ที่เข้มแข็งโดยเน้น คนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดในการพัฒนาและคนในชุมชนให้การ ยอมรับเป็นหลัก การประเมินผลการดำเนินงาน หรือสะท้อนผล การดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน การดำเนินงานเน้นการทำงานให้ประชาชนได้มองเห็นเป็น รูปธรรมที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นการประเมินผลที่มีทีประสิทธิภาพ มากที่สุดแล้ว ซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจให้กับตนเองได้ใน การดำเนินงานเพื่อพี่น้องประชาชนและได้รับการยอมรับจาก ประชาชนในพื้นที่ที่ดี 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง การวางแผนต่อเนื่องในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป มีการมองความเป็นไปทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนิน งานในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอซึ่งในปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงการ เว้นวรรคทางการเมือง ที่เหลือระยะเวลาอีก 3 ปี ซึ่งในอนาคต แนวโน้มน่าจะมีการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งเพื่อเข้าไปทำ หน้าที่ตัวแทนของประชาชนในอนาคต ส่วนการวางแผน สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นก็ได้มีการวางอนาคต และ วิเคราะห์พัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง มีการแนะนำ บุตร เครือญาติ แต่ไม่เป็นการบีบคั้น โดยยึดความสนใจและ ความรักในอาชีพของแต่ละบุคคลเป็นหลัก 75
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม ดร.สุทิน คลังแสง 1. ข้อมูลส่วนตัว ดร.สุทิน คลังแสง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 8 ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม การศึกษา ระดับปริญญาเอก อาชีพปัจจุบัน นักการเมือง/ธุรกิจส่วนตัว สมรสกับนางฉวีวรรณ คลังแสง มีบัตร 2 คน ผู้ชาย 1 คน และ ผู้หญิง 1 คน 2. สมรรถนะและความสามารถเบื้องต้น ดร.สุทิน คลังแสง เป็นผู้นำนักการเมืองที่มีสมรรถนะ และความสามารถของนักการเมือง จากการประเมินตนเองตาม ตัวชี้วัดดังนี้ 1. ด้านศักยภาพ สามารถสร้างและเผยแพร่ความรู ้ ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงเป็นที่ยอมรับของคนทั้งในและนอก ชุมชน 2. ด้านศีลธรรมจริยธรรม แสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดี ตามหลักวัฒนธรรม ประเพณี 3. ด้านความสามารถเฉพาะตัว เป็นผู้นำในการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มองค์กร เครือข่ายเพื่อประโยชน์ของ ส่วนรวม 4. การวางแผนและการแก้ไขปัญหา สามารถหาวิธีการ ที่ดีที่สุดในการดำเนินการตามแผนเพื่อให้กลุ่มและองค์กรได้รับ ประโยชน์สงู สุด 76
ผลการศึกษา 5. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนา สามารถคาดการณ์ถึงปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้นและเลือกแนวทาง การป้องกันไว้ล่วงหน้าโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให ้ คุ้มค่าที่สุด 6. การใช้หลักประชาธิปไตยในการทำงาน ยอมรับฟัง ความคิดเห็นและเหตุผลของผู้อื่น และใช้ความคิดเห็นของผู้อื่น มาแก้ไขปัญหา 7. ด้านความรับผิดชอบ แสดงออกถึงการยอมรับข้อผิด พลาดในหน้าที่ก่อนโดยไม่ต้องรอให้ผู้อื่น ตำหนิหรือจำนนต่อ หลักฐาน 3. บทสรุปนักการเมือง ดร.สุทิน คลังแสง เริ่มดำเนินงานเข้าสู่เส้นทางการเมือง ครั้งแรกในปี พ.ศ.2544 ซึ่งเป็นการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก และได้รับการเลือกตั้งในสมัยแรกเลยในสังกัดพรรคไทยรักไทย โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแบบบัญชีรายชื่อ ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค และดำรงตำแหน่ง เป็นนายกรัฐมนตรี เหตุผลที่สำคัญในการตัดสินใจลงสมัคร รับเลือกตั้ง คือ อยากใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ของตนเอง ใช้ในการมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติในบริบท ที่สามารถดำเนินงานได้กว้างกว่าการเมืองท้องถิ่นเพื่อแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ส่วนเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ท่านได้รับเลือกตั้ง มี 2 ปัจจัย คือ 1) ตัวผู้สมัครเป็น คนที่มีบุคลิกที่แปลกใหม่แตกต่างจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คนเดิมหรือคนที่ผ่านมา มีรูปแบบการดำเนินงานที่เข้าถึง 77
นักการเมืองถ่ินจังหวัดมหาสารคาม ประชาชน เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมในสังคมโดยผ่านการจัด รายการที่เป็นที่นิยมทางวิทยุอย่างต่อเนื่องและเป็นคนที่มีความ รู้ความสามารถ 2) กระแสของพรรคการเมืองและตัวผู้นำที่เป็น ที่นิยมในขณะนั้น คือ พรรคไทยรักไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นที่รัก เป็นที่นิยมของประชาชนส่วนใหญ่ของภาค และสภาพแวดล้อมทางการเมืองของประเทศในขณะนั้นส่งผล ให้ได้รับการเลือกตั้งซึ่งอยู่ในช่วงที่ประชาชนค้นหาแนวทาง การเมืองในรูปแบบใหม่ ซึ่งนโยบายและการดำเนินงานพรรค ไทยรักไทยได้ตอบความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ได้เป็น อย่างดี ความประทับใจและภาคภูมิใจในการดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ 1. ได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นนโยบายใหม่ๆ เพื่อสร้าง ความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงานทางการเมืองของคนใน สังคมไทย สังคมเกิดกระบวนทัศน์ในการทำงานในรูปแบบใหม่ มากขึ้นจนส่งผลให้ประชาชนมองเห็นถึงการดำเนินงาน การเมืองแบบใหม่ ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการมีส่วนร่วม ในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เช่น การใช้ระบบการ บริหารเป็นสำคัญแทนการเล่นการเมืองแบบเก่า การกำหนด นโยบายที่ส่งถึงประชาชนที่ชัดเจน เป็นต้น 2. การมีส่วนร่วมผลักดันให้เกิดนโยบายการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ในปี 2540- ปัจจุบันและมีส่วนร่วมปฏิรูปการศึกษา จนเกิดพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ โดยการเป็น กรรมาธิการออกกฎหมายและพระราชบัญญัติการศึกษา 78
ผลการศึกษา ทุกฉบับ เช่น การยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับวิทยฐานะครูและ บุคลากรทางการศึกษา การเสนอแก้ไขสูตรการคำนวณ เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญของข้าราชการ เป็นต้น 3. การดำเนินงานในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร นั้นจากการที่พื้นฐานเดิมของ ดร.สุทิน คลังแสง ซึ่งเดิมเป็นข้าราชการและทำงานในองค์กรอิสระการดำเนินงาน ก็มีความผูกพัน สนิทสนมกับชาวบ้านอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงการ ทำงานก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ตัวเองในฐานะภาพนักการเมือง ควบคู่ไปด้วย จึงส่งผลให้เป็นที่รู้จักมักคุ้นของชาวบ้านใน ท้องถิ่นเป็นอย่างดี รวมทั้งการจัดรายการวิทยุ รายการ มหาวิทยาลัยชาวบ้านนั้นก็ทำให้เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงให้ ตนเองออกไปอย่างกว้างขวางในพื้นที่ ซึ่งเป็นการดำเนินงาน ที่ส่งผลให้สามารถเกิดภาพที่ดีในฐานะเป็นคนของสังคมไปด้วย 4. บทบาทที่สำคัญในการดำเนินงานในขณะที่เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ การได้มีส่วนร่วมในการกำหนด นโยบายที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้อง ประชาชน โดยเฉพาะด้านการศึกษา และการตรวจสอบ การดำเนินงานของหน่วยงานรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อประชาชน ในพื้นที่ 5. ตำแหน่งทางการเมืองที่มีบทบาทในรัฐสภา ในตำแหน่งใดหรือไม่ อย่างไร - ประธานกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทน ราษฎร 79
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม - ประธานกรรมาธิการรัฐวิสาหกิจและกองทุน - รองประธานกรรมาธิการสามัญด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ และกรรมาธิการวิสามัญใน หลายกระทรวงอย่างต่อเนื่องและเคยได้รับ ร า ง ว ั ล พ ร ะ ส ย า ม เ ท ว า ธ ิ ร า ช ใ น ฐ า น ะ เ ป ็ น นักการเมืองที่อภิปรายดีที่สุดในสภาผู้แทน ราษฎร 6. ประสบการณ์ที่ประทับใจที่ต้องการเผยแพร่ - ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ จาก ฯพณฯ นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา ในฐานะเป็น สส. ที่ไม่เคยขาดและลา ในการประชุมสภาผู้แทน ราษฎร 2 สมัย - เคยเป็นนักการเมืองในวิปรัฐบาล 2 สมัยและ ที่ปรึกษารัฐมนตรีในหลายกระทรวงและปราน การทำงานโคล้านครอบครัว เป็นรองโฆษก พรรคไทยรกั ไทยและโฆษกกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 4. รูปแบบหรือวิธีการดำเนินงานในฐานะท่ีเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4.1 ด้านอำนาจหน้าที่ การออกกฎหมาย การเสนอกฎหมาย แก้ไขกฎหมาย และการพิจารณากฏหมายเพื่อความเป็นธรรมของประชาชน 80
ผลการศึกษา 4.2 ดา้ นบทบาทหน้าท่ีตัวแทนของประชาชน มีการดำเนินงานทั้งในบทบาทหน้าที่ของ สส. เชื่อมโยงกับการพบปะกับประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยยึดคติที่ว่า ความทุกข์ของประชาชนคือหน้าที่ของ สส. ทำหน้าที่ในการเป็นตัวแทนของประชาชนในบทบาท ในสภาที่ชัดเจนเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง 4.3 ดา้ นบทบาทหน้าทใี่ นครอบครวั มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวให้ชัดเจน ปลูกฝังให้ครอบครัวมีทัศนคติที่ดีในทางการเมืองและไปในทาง เดียวกันเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีให้ครอบครัว ทำให้ครอบครัว สามารถที่มีความสุขได้จากบทบาทหน้าที่ในฐานะนักการเมือง 5. วิธีหาเสียง กลยุทธ์ / วิธีการที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อทำให้ได้รับการ เลือกตั้ง ด้านกลยุทธ์ วิธีการหาเสียงนั้นยึดหลักสังฆหวัตถุ 4 เป็น แนวทางในการหาเสียงเลือกตั้งเป็นหลัก คือ 1) ทาน คือ การเป็นผู้ให้ทั้งโอกาส ความรู้ ทรัพย์สินอัน สมควร ความเป็นกันเอง 2) ปิยวาจา คือ การพูดให้เป็นบวกให้เกิดประโยชน์ มีเหตุผล 3) สมานัตตัตตา คือ การทำตัวให้เป็นประโยชน์กับ คนอื่น สามารถช่วยประชาชนได้ในยามที่มีความ เดือดร้อน 81
นักการเมืองถิ่นจังหวัดมหาสารคาม 4) อัตถจริยา คือ มีความเสมอต้นเสมอปลายกับ ประชาชน โดยการไม่เน้นปัจจัยทางการเงินเป็นหลัก ในการหาเสียง ส่วนในด้านการหาเสียงในแต่ละ ช ่ ว ง เ ว ล า ก ็ เ ป ็ น ไ ป ต า ม ร ะ เ บ ี ย บ ข ้ อ บ ั ง ค ั บ ข อ ง คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นเกณฑ์ ทั้งในด้าน งบประมาณ รปู แบบวิธีการต่างๆ เป็นต้น การประเมินผลการดำเนินงาน หรือสะท้อนผล การดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานนั้น ดร.สุทิน คลังแสง มองว่าการทำงานทุกเรื่องปัจจัยที่สำคัญมาก คือ การประเมินผล โดยผ่านกลไกการสะท้อนโดยหัวคะแนน ในทุกหมู่บ้านในการสะท้อนปัญหารวมทั้งผลการดำเนินงาน ที่ผ่านมา มีการติดตามเสียงสะท้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็น การจัดรายการวิทยุให้ ประชาชนสะท้อนผลการทำงานและรับฟังปัญหาของประชาชน คือ รายการมหาวิทยาลัยชาวบ้าน การประเมินผลการดำเนินงาน หรือสะท้อนผลการ ดำเนินงานให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานนั้น ดร.สุทิน คลังแสง มองว่าการทำงานทุกเรื่องปัจจัยที่สำคัญมาก คือ การประเมินผล โดยผ่านกลไกการสะท้อนโดยหัวคะแนน ในทุกหมู่บ้านในการสะท้อนปัญหารวมทั้งผลการดำเนินงาน ที่ผ่านมา มีการติดตามเสียงสะท้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดทำโพลล์สำรวจความคิดเห็น การจัดรายการวิทยุให้ ประชาชนสะท้อนผลการทำงานและรับฟังปัญหาของประชาชน คือ รายการมหาวิทยาลัยชาวบ้าน 82
ผลการศึกษา 6. การสร้างเครือข่ายและผู้สืบทอดทางการเมือง การวางแผนต่อเนื่องในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป เน้นการทำงานที่เสมอต้นเสมอปลายถือว่าเป็นการวางแผน ทางการเมืองที่ดีที่สุด อีกประเด็นที่สำคัญ คือ การวางแผน เกี่ยวกับพรรคการเมืองที่สังกัดมีความสำคัญมากเพราะ การเมืองในปัจจุบันประชาชนมักมองที่กระแสความนิยมเป็น หลักมาก่อน ต้องมีการปรับทิศทางทางการเมืองอย่างไร มีการ ศึกษาและรับฟังปัญหาของชาวบ้านตลอดเวลาตามยุคสมัย อย่างต่อเนื่อง ส่วนการวางแผนสืบทอดอุดมการณ์ทางการเมือง นั้น การสืบทอดโดยผ่านบุคคล เช่น ญาติ บุตร มีการมองไว้ใน อนาคตบ้างแต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักแล้วแต่ความสนใจ ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ และการสืบทอดโดยอุดมการณ์ เช่น อาจมีการตั้งองค์กร มูลนิธิของตนเอง เพื่อให้อุดมการณ์ ทางการเมืองยังคงอยู่ เช่น การตั้งสมาคมมหาวิทยาลัยชาวบ้าน ซึ่งมีการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว และในอนาคตอาจมีการ จัดตั้งโรงเรียนการเมือง การสอนพูดสื่อสารทางการเมือง โรงเรียนหมอลำ เป็นต้น โดยยึดคติในการทำงานที่สำคัญ คือ “ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน ผู้มีอำนาจพึงเป็นอยู่เพื่อ มหาชน” นางมยุรา อุรเคนทร์ 1. ข้อมูลส่วนตัว นางมยรุ า อรุ เคนทร์ อายุ 53 ปี อยบู่ า้ นเลขท ่ี 35 หมทู่ ่ี 8 ตำบลวังยาว อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม 83
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182