Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เลือกตั้ง62สุรินทร์

เลือกตั้ง62สุรินทร์

Description: การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์
พิสมัย ศรีเนตร และ จันทรา ธนะวัฒนาวงศ์

Keywords: เลือกตั้ง,2562,สุรินทร์

Search

Read the Text Version

50 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ 2 คนน้ี ต่างช่วยเหลือเก้ือกูลซ่ึงกันและกัน โดยบุคคลแต่ละคนในสังคมมีอิสระท่ีจะเลือกลูกน้องและ ยงั มอี สิ ระในการก�ำหนดจ�ำนวนบคุ คลทเี่ ขาจะมคี วามสมั พนั ธด์ ว้ ย มอี สิ ระในการเลอื กวา่ เมอื่ ใดจะสนิ้ สดุ ความสมั พนั ธ์ ซ่ึงเรียกวา่ ความสัมพนั ธ์แบบผูอ้ ปุ ถมั ภก์ ับลูกนอ้ ง และมีลักษณะพิเศษ ดังน้ี 1) มกี ารใชป้ ระโยชน์ในทรัพย์สินรว่ มกนั โดยแตล่ ะคนตา่ งช่วยเหลือซงึ่ กันและกนั 2) เนอื่ งจากลกั ษณะของการมปี ฏสิ มั พนั ธข์ องแตล่ ะคสู่ มั พนั ธแ์ ตกตา่ งกนั จงึ มกี ารใหป้ ระโยชน์ เป็นพิเศษตอ่ บางคนมากกว่าคนอนื่ ๆ 3) ความสมั พันธเ์ ช่นน้ี มลี กั ษณะเปราะบาง เพราะข้ึนอยู่กบั ตวั บคุ คลมากกวา่ หลักการ ดังน้ัน การจะรกั ษาเสถยี รภาพของความสมั พนั ธไ์ วไ้ ด้ จะตอ้ งมกี ารแลกเปลยี่ นผลประโยชนต์ อ่ กนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง บคุ คลแต่ละคนต่างมีของท่ีอีกฝ่ายหนึง่ ไมม่ ีและของทที่ ง้ั สองฝา่ ยต่างมนี ้ันเปน็ สิ่งท่อี กี ฝ่ายหน่งึ ตอ้ งการ 4) ความสัมพันธ์นี้ ประกอบด้วยบุคคลเพียงสองคน ดังน้ันผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนกัน จึงเป็นผลประโยชน์ที่เฉพาะเจาะจงเป็นการส่วนตัว เช่น การเอ้ือผลประโยชน์ต่อกันระหว่างเจ้าหน้าท่ี ของรฐั ซ่งึ มีอ�ำนาจท่ีจะให้ผลประโยชนเ์ ฉพาะอยา่ งแกพ่ ่อค้าได้ และพอ่ ค้ากจ็ ะให้ส่ิงของหรือเงนิ เปน็ การ แลกเปลยี่ นตอ่ การไดร้ บั สทิ ธบิ างอยา่ งจากเจา้ หนา้ ทน่ี น้ั ในสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเมอื งนน้ั ความสมั พนั ธ์ แบบอุปถัมภ์ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางการเมือง ซ่ึงมีลักษณะพิเศษท่ีแตกต่างไปจากโครงสร้างทาง การเมอื งแบบกลมุ่ กล่าวคอื 4.1) ระบบนีข้ น้ึ อย่กู ับผ้นู �ำแตเ่ พยี งฝ่ายเดียว (ผู้อุปถมั ภ์) 4.2) การก่อตัวและโครงสร้างของระบบ จะมีผู้น�ำเป็นจุดศูนย์กลาง ไม่ใช่กลุ่มผู้น�ำเป็น คนที่ท�ำใหเ้ กดิ ความสัมพนั ธ์ 4.3) ความสัมพันธ์ในระบบนี้ เป็นความสัมพันธ์ในแนวด่ิง และเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง คนสองคน ในความสัมพันธ์แบบผู้อุปถัมภ์และลูกน้องนี้ ถ้าจะมีความรู้สึกร่วมกัน ระหวา่ งลกู น้อง ก็เปน็ เพราะวา่ เขาตา่ งถอื วา่ มีนายคนเดียวกัน 4.4) ผลประโยชน์ท่ีท�ำให้ผู้อุปถัมภ์และลูกน้องมีความสัมพันธ์ต่อกัน เป็นความสัมพันธ์ เฉพาะเจาะจงมากกวา่ ผลประโยชนร์ ว่ มแบบกลมุ่ วตั ถปุ ระสงคท์ ผ่ี อู้ ปุ ถมั ภแ์ ละลกู นอ้ ง คงความสัมพนั ธ์ต่อกันไว้ ไดแ้ ก่ การแสวงหาผลประโยชน์ของแต่ละคน 4.5) ผลประโยชนท์ แ่ี ตล่ ะคนแสวงหา ผนั แปรไปตามความแตกตา่ งทางฐานะและอ�ำนาจ เชน่ ผู้อุปถัมภ์ต้องการอ�ำนาจ และช่ือเสียงเกียรติยศ ส่วนลูกน้องต้องการความคุ้มครอง และเงิน เปน็ ตน้

51 4.6) สายใยแหง่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผอู้ ปุ ถมั ภก์ บั ลกู นอ้ งแตล่ ะคน ขนึ้ อยกู่ บั การตอบแทน ซ่ึงกันและกัน โดยแต่ละฝ่ายต้องพยายามท�ำให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า เขายังมีค่าแก ่ การท่ีเปน็ ผ้อู ุปถมั ภห์ รือลกู นอ้ ง 4.7) ความสัมพนั ธ์แบบน้ี มคี วามเคล่ือนไหวเปล่ียนแปลงค่อนข้างสูง และไม่ม่ันคง 4.8) ความสัมพันธ์แบบนี้ มักประกอบไปด้วย การมีลูกน้องมากมายหลายชั้น ต้ังแต่ช้ันท่ี ใกล้ชิดผู้อุปถัมภ์มากที่สุดไปจนถึงผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกันเพียงเล็กน้อย ลูกน้องท่ีใกล้ชิด เจา้ นายมากกม็ กั จะมลี กู นอ้ งของตนเองดว้ ย ดงั นนั้ เขาจงึ เปน็ ผอู้ ปุ ถมั ภย์ อ่ ยๆ เชน่ กนั ประเภทของระบบอุปถมั ภ์ อาจแยกความแตกตา่ งระหวา่ งความสมั พนั ธท์ เ่ี ปน็ ไปตามค�ำนยิ ามของสงั คมในการทผ่ี รู้ บั อปุ ถมั ภ์ จะยอมรบั ฐานะทดี่ อ้ ยกวา่ ของตนภายใตร้ ะบบบดิ าอปุ ถมั ภ(์ patrimonial) และความสมั พนั ธอ์ กี แบบหนง่ึ ที่ มลี กั ษณะของการใชอ้ �ำนาจกดขโี่ ดยผทู้ มี่ อี �ำนาจอนั เนอ่ื งมาจากการเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ การเมอื งที่ ท�ำใหก้ ารยอมรบั สทิ ธขิ องการใชอ้ �ำนาจอยา่ งชอบธรรมตามประเพณลี ดลง (แอนโทนี่ ฮอลล,์ 2543,30-33) 1) ระบบบิดาอุปถัมภ์ ผู้อุปถัมภ์จะท�ำหน้าท่ีคล้ายๆ ครอบครัวขยาย ที่หัวหน้าครอบครัว จะเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบในสวสั ดกิ ารของผทู้ อ่ี ยใู่ ตอ้ �ำนาจตน ซง่ึ รวมทงั้ ครอบครวั ของขา้ ทาสและแรงงานอสิ ระ ในสถานการณน์ ี้ รฐั บาลกลางไมเ่ ขม้ แขง็ และชมุ ชนอยคู่ อ่ นขา้ งจะโดดเดย่ี ว ความสมั พนั ธแ์ บบอปุ ถมั ภใ์ น ลกั ษณะนจี้ งึ เปน็ ทางเลอื กของชาวไรช่ าวนาทต่ี อ้ งการการคมุ้ ครองจากผอู้ ปุ ถมั ภท์ ม่ี อี �ำนาจ ซง่ึ ในท�ำนอง เดียวกัน ผู้ท่ีสามารถปกป้องคุ้มครองชาวไร่ชาวนาย่อมจะได้รับการยอมรับและสนับสนุนทางการเมือง จากผรู้ บั อปุ ถมั ภน์ น่ั เอง ในสงั คมปจั จบุ นั ประชากรอาจยงั ตอ้ งพง่ึ พาผอู้ ปุ ถมั ภโ์ ดยมคี า่ นยิ มบางอยา่ งเปน็ ตัวสนับสนุน โอกาสท่ีผู้มีอ�ำนาจจะกดข่ีเบียดบังย่อมเป็นไปได้ ตราบเท่าท่ีระบบอุปถัมภ์ยังคงช่วยให้ ชาวไร่ชาวนาด�ำรงชวี ติ อยู่ได้ ชาวไรช่ าวนาจะหนั เขา้ หาผู้อปุ ถัมภ์ (แอนโทน่ี ฮอลล์, 2543,31) 2) ระบบการใชอ้ �ำนาจกดข่ ี เปน็ ลกั ษณะทผี่ ู้อปุ ถัมภ์ หรอื เจา้ ของท่ีนาได้หนั มาใช้วิธีการกดขี่ ควบคมุ ผรู้ บั อปุ ถมั ภม์ ากขนึ้ การขม่ ข ู่ และความรนุ แรง และแมก้ ระทงั่ การฆาตกรรม เปน็ เรอื่ งปกตธิ รรมดา การยอมรับในสิทธิและการเช่ือฟังเจ้าของท่ีนาในช่วงบิดาอุปถัมภ์ได้รับการท้าทายในรูปของการต่อต้าน ไม่พอใจ และนี่เป็นจุดเร่ิมต้นของการเปล่ียนแปลงทางสังคม นอกจากน้ี การผูกขาดท่ีดินของชนช้ัน นายทุนใหม่ และการที่ชาวไร่ชาวนาได้เข้าไปเก่ียวข้องกับการตลาดสมัยใหม่มีผลในทางท�ำลาย ความชอบธรรมของผู้อุปถัมภ์แบบประเพณีท่ีเคยมีและได้สร้างความรู้สึกในหมู่ชาวไร่ชาวนาว่าถูกกดขี่ อันน�ำไปสกู่ ารลกุ ฮอื กอ่ ความไมส่ งบขน้ึ (แอนโทน่ี ฮอลล,์ 2543,31-32)

52 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ ระบบอปุ ถัมภใ์ นวงกวา้ ง อิทธิพลของความสัมพันธ์ระหว่างผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์ขยายขอบเขตกว้างไกลกว่าที่จะ จ�ำกดั อยเู่ ฉพาะในชมุ ชนหรอื ในชนบทเทา่ นนั้ ระบบอปุ ถมั ภย์ งั มคี วามส�ำคญั ในการชว่ ยเชอื่ มโยงโครงสรา้ ง อ�ำนาจระหวา่ งชนบทและเมอื ง และเปน็ ลทู่ างของการแสวงหาผลประโยชน์ (แอนโทน่ี ฮอลล,์ 2543, 33) ใน “สงั คมทกี่ ำ� ลงั พฒั นา” เสน้ สายของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผอู้ ปุ ถมั ภแ์ ละผรู้ บั อปุ ถมั ภส์ ามารถ เชอ่ื มโยงบุคคลท่ีมสี ถานภาพตำ่� ไปจนถงึ บุคคลระดบั ชาติ โดยไมจ่ �ำเปน็ ต้องผูกตดิ อยู่กับระบบราชการท่ี คอ่ นขา้ งเขม้ งวดเกนิ ไป ในขนั้ ตน้ ของการพฒั นาอตุ สาหกรรม ผอู้ ปุ ถมั ภต์ ามประเพณอี าจสามารถชว่ ยเหลอื ผู้รับอุปถัมภ์ของตนในการติดต่อกับระบบราชการ ท้ังนี้ โดยเหตุที่เจ้าที่ดิน (ผู้อุปถัมภ์) มีความสามารถ ทจ่ี ะตดิ ตอ่ กบั เจา้ หนา้ ทซี่ งึ่ มฐี านะเทา่ เทยี มกนั หรอื อาจเปน็ เพราะตนเองเปน็ ผรู้ บั อปุ ถมั ภข์ องผอู้ ปุ ถมั ภท์ ม่ี ี อ�ำนาจมากกวา่ ตอ่ ๆ กนั ไปจนถงึ ระดบั ชาติ อยา่ งไรกต็ าม ในทสี่ ดุ แลว้ ผอู้ ปุ ถมั ภต์ ามประเพณที มี่ บี ทบาท ในหลายๆ ด้าน (เช่นทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง) จะถูกแทนที่โดยผู้อุปถัมภ์ท่ีมีอ�ำนาจเฉพาะด้าน และจ�ำกัดอยู่เฉพาะในระบบราชการ หรือองค์การต่างๆ เช่นเจ้าหน้าท่ีของรัฐบาล และครู เป็นต้น (แอนโทน่ี ฮอลล์, 2543,33) เครือข่ายของระบบอุปถัมภ์ได้กลายมาเป็นวิธีการที่พรรคการเมืองใช้ในการหาคะแนนเสียงใน ชนบท ผรู้ ับอุปถมั ภใ์ นทางการเมืองมักจะถกู พรรคการเมอื งใชใ้ หเ้ ป็นหวั คะแนน โดยอาจใหผ้ ลตอบแทน แกผ่ รู้ บั อปุ ถมั ภ์ เชน่ การใหส้ ญั ญาในการปฏริ ปู ทดี่ นิ เพอ่ื แลกเปลย่ี นกบั คะแนนเสยี ง ซงึ่ เกยี่ วขอ้ งโดยตรง กับการศกึ ษาวจิ ัยในคร้ังนี้ ระบบอปุ ถัมภ์กบั “เจ้าพ่อ” ค�ำว่า “เจา้ พอ่ ” กเ็ ปน็ การแสดงถึงความสัมพันธ์แบบอุปถัมภแ์ ละผ้รู ับอปุ ถัมภเ์ ชน่ กัน ซึ่งมักจะ ใช้อ�ำนาจไปในทางท่ีไม่ถูกต้องต่อสาธารณชน พวกนี้จะมีลูกน้องที่อาจเป็นนักเลงหรือมือปืนท่ีเป็น ผู้รับอุปถัมภ์ซ่ึงพร้อมท่ีจะรับใช้นายคือ “เจ้าพ่อ” ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือก่อให้เกิด ความเดือดร้อนตอ่ ประชาชนท่ีอยู่ในทอ้ งทไ่ี ด้ ความสัมพันธแ์ บบ “เจ้าพอ่ ” นั้น ถงึ แมจ้ ะเป็นความสมั พนั ธแ์ บบอปุ ถมั ภ์ แตก่ ็เปน็ การอุปถัมภ์ กับคนท่ีเป็นลูกน้องตนเท่านั้น โดยทั่วไปชาวบ้านมักจะถูกเอาเปรียบ โดยเฉพาะในกรณีของอิทธิพล ของบ่อนการพนันและสถานเริงรมย์ต่างๆ ท่ีมีการเรียกค่าคุ้มครอง “เจ้าพ่อ” จะได้รับการคุ้มครองจาก เจ้าหน้าท่ีบ้านเมืองด้วย ท�ำให้การเอารัดเอาเปรียบประชาชนเป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น (อมรา พงศาพชิ ญ์ และ ปรชี า คุวินทรพ์ นั ธุ์.2543, 6)

53 งานศึกษาของสมบัติ จันทรวงศ์ (2535, 119-120) อธิบายค�ำว่า “เจ้าพ่อ” ด้วยค�ำ 2 ค�ำ คือ ค�ำว่า “นักเลง” และค�ำว่า “ผู้มีอิทธิพล” ซึ่งค�ำว่านักเลงเป็นค�ำที่มีคู่อยู่กับสังคมไทยมาช้านานแล้ว ในความหมายที่ดีความเป็นนักเลง จะหมายถึงลักษณะประจ�ำตัว หรือคุณสมบัติความเป็นลูกผู้ชายของ บุคคลดังกล่าวที่ท�ำให้ผู้อ่ืนให้ความเคารพย�ำเกรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือบุคคลเช่นว่ามีบทบาทเป็น ผู้ดูแลสมัครพรรคพวกเพ่ือนฝูง คุณสมบัติของความเป็นลูกผู้ชาย หรือความเป็นนักเลงน้ีรวมถึง ความกล้าหาญเด็ดเด่ียว เสียสละ กล้าได้กล้าเสีย หรืออย่างท่ีเรียกกันว่าเป็นคนใจถึง ส�ำหรับค�ำว่า “อทิ ธพิ ล” ในทน่ี หี้ มายถงึ “อ�ำนาจ” ทบ่ี คุ คลซง่ึ เปน็ เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั มหี รอื ใชไ้ ดน้ อกเหนอื ขอบเขตอ�ำนาจหนา้ ท่ี ตามกฎหมายของตนหรือเปน็ “อ�ำนาจ” ที่บคุ คลซ่ึงมไิ ด้มตี �ำแหน่งหน้าทีท่ างราชการมีหรอื สามารถใชไ้ ด้ กลา่ วคอื “อทิ ธพิ ล” คอื “อ�ำนาจ” ทไ่ี มเ่ ปน็ ทางการ เพราะฉะนน้ั การกลา่ ววา่ “นกั เลง” เปน็ ผมู้ ี “อทิ ธพิ ล” ในทอ้ งถนิ่ จงึ หมายถงึ บคุ คลบางคนทม่ี อี ปุ นสิ ยั ประจ�ำตวั บางอยา่ งทที่ �ำใหบ้ คุ คลดงั กลา่ วสามารถมอี �ำนาจ ท่ีไม่เป็นทางการเหนือผู้อ่ืนในชุมชนน้ันๆ โดยสืบเน่ืองมาจากเหตุผลทางวัฒนธรรมมากกว่าเหตุผลทาง เศรษฐกิจ กล่าวคือบทบาทในทางเศรษฐกิจของนักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น อาจจะไม่แตกต่างอะไรกัน มากนกั จากสมาชกิ คนอน่ื ๆ ของชมุ ชน แตเ่ งอ่ื นไขส�ำคญั ทจี่ �ำกดั ขอบขา่ ยของนกั เลงคอื การทนี่ กั เลงยงั ม ี อิทธิพลจ�ำกัดอยู่เฉพาะภายในกลุ่มสมัครพรรคพวกของตนเอง หาได้มีอิทธิพลเหนือผู้ถือกฎหมายไม่ แต่เมื่อใดก็ตามที่อิทธิพลของนักเลงในระดับท้องถ่ินแผ่ขยายไปครอบง�ำเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้รักษากฎหมาย หรือกลไกแห่งอ�ำนาจรัฐในระดับสูงของท้องถ่ินด้วยแล้ว เม่ือนั้นอาจกล่าวได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้เลื่อน ฐานะจากนักเลงผ้มู ีอทิ ธิพลของท้องถน่ิ กลายเปน็ “เจา้ พ่อ” ของทอ้ งถิ่นนนั้ ๆ ไปเสียแล้ว ในยคุ ปจั จบุ นั กรอบแนวคดิ เรอื่ งอปุ ถมั ภอ์ าจมคี วามเกย่ี วขอ้ งเชอ่ื มโยงโดยตรงกบั ความสมั พนั ธ์ ในเชงิ “เจา้ พอ่ ” โดยเฉพาะในหลายๆ พน้ื ทขี่ องประเทศไทยท่ี “เจา้ พอ่ ” มกั จะกลายเปน็ นกั การเมอื งถน่ิ ดว้ ย อาทิ จงั หวดั ในภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื หลายจงั หวดั เปน็ ตน้ ดงั ทสี่ มบตั ิ จนั ทรวงศ์ (2535,121-122) กลา่ ววา่ “บรรดาเจา้ พอ่ ทงั้ หลาย สามารถมอี ทิ ธพิ ลเหนอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั หรอื กลไกแหง่ อ�ำนาจรฐั มอี ยหู่ ลายวธิ ดี ว้ ยกนั ในจ�ำนวนวธิ นี ว้ี ธิ กี ารทใ่ี ชไ้ ดผ้ ลหรอื อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ กด็ เู ปน็ วธิ กี ารทด่ี เู หมอื นวา่ จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากท่ีสุดก็โดยการอาศัยอ�ำนาจเงินเกื้อหนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสูงสุด เทา่ ทจ่ี ะท�ำได้ โดยวธิ กี ารนจี้ ะชว่ ยใหเ้ จา้ พอ่ มอี ทิ ธพิ ลเหนอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในระดบั ลา่ งไดอ้ ยา่ งไมย่ ากนกั แต่เจ้าพ่อปรารถนาท่ีจะมีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าท่ีของรัฐในระดับสูงด้วย เพราะยังมีข้อแตกต่างประการ ส�ำคัญอีกประการหน่ึงระหว่างบุคคลผู้มีอิทธิพลระดับเจ้าพ่อและนักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นน้ันก็คือ เจ้าพ่อมีบทบาทและฐานะทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่าและแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดจากชาวบ้าน ธรรมดาและธรุ กจิ ประเภทดังกล่าวจ�ำเป็นตอ้ งไดร้ บั การค�ำ้ จุนจากอ�ำนาจรฐั เพอื่ คุ้มครองตนเองหรอื เพือ่ การขยายฐานออกไป รวมทั้งความแตกต่างระหว่างบุคคลระดับเจ้าพ่อกับนักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถ่ิน ธรรมดาๆ ท�ำให้อิทธิพลท่ีนักเลงและเจ้าพ่อมีเหนือชาวบ้านมีลักษณะแตกต่างออกไปด้วย กล่าวคือ ในขณะทน่ี กั เลงผมู้ อี ทิ ธพิ ลในทอ้ งถน่ิ อาจแสดงบทบาทการเปน็ ผนู้ �ำดว้ ยการอปุ ถมั ภป์ ระชาชนดว้ ยเรอ่ื ง ตา่ งๆ ตามเหตผุ ลทางวฒั นธรรมของแตล่ ะทอ้ งถน่ิ เทา่ นน้ั แตผ่ มู้ อี ทิ ธพิ ลระดบั เจา้ พอ่ จะแสดงบทบาทของ ผ้อู ุปถมั ภป์ ระชาชนของตนในลักษณะที่กวา้ งขวางกวา่ มาก

54 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ เวยี งรฐั เนตโิ พธิ์ (2546) นกั วชิ าการจากคณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผเู้ ชย่ี วชาญ เร่ือง “เจ้าพ่อ” ในสังคมการเมืองไทย สรุปว่า ความหมายของคนท่ีเป็นเจ้าพ่อท่ีเรานึกถึงในสังคมไทย ครอบคลมุ อยสู่ องประเด็น นนั่ คอื ประเดน็ แรก พวกเขาคอื ผมู้ อี �ำนาจนอกภาครฐั มพี รรคพวกมากสามารถรวบรวมความจงรกั ภกั ดี ความนับถอื จากคนจ�ำนวนมาก โดยท่อี �ำนาจและบารมีทีเ่ ขามีเกิดข้นึ จากสทิ ธิพิเศษท่เี ขาสามารถเขา้ ถงึ ผมู้ อี �ำนาจในรฐั และใชป้ ระโยชนจ์ ากความสามารถเหลา่ นไ้ี ด ้ (ซง่ึ จะเรยี กวา่ เสน้ สายหรอื คอนเนคชนั่ กไ็ ด)้ พวกเขาสามารถทจ่ี ะปะทะ แขง่ ขนั ต่อรอง ประนปี ระนอมกับอ�ำนาจรัฐไดอ้ ยา่ งเท่าเทยี ม มากกว่า หรอื บางครัง้ อาจจะน้อยกว่า ในขณะทปี่ ระชาชนที่เปน็ ปจั เจกบุคคลทั่วไปท�ำเชน่ น้ันไมไ่ ด ้ ซ่งึ สอดคล้องกบั ท่ี Joel Migdal เรียกว่าเปน็ strong men (ผู้มีอทิ ธิพล) ที่นับเปน็ อ�ำนาจทางสังคมแบบหน่งึ ประเด็นท่ีสอง มีลักษณะเหมือน godfather หรือหัวหน้าแก๊งมาเฟียหรือองค์กรอาชญากรรม คือ ท�ำธุรกิจผิดกฎหมาย มีลูกน้องภายใต้การบังคับบัญชามาก ใช้ความรุนแรงเพ่ือแสดงอ�ำนาจของตน ซ่งึ ท�ำได้โดยใช้ชอ่ งทางที่ระบบราชการอ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพเขา้ มาแสวงหาประโยชน์ เวียงรัฐ เนติโพธ์ิ อธิบายว่า ความหมายของเจ้าพ่อที่ส�ำคัญท่ีสุดที่ท�ำให้เจ้าพ่อด�ำรงอยู่ได้ ในสังคมไทยคือความหมายประการแรก ซ่ึงก็คืออ�ำนาจบารมีที่มีเหนือคนจ�ำนวนมากจนสามารถปะทะ สังสรรค์กับอ�ำนาจรัฐได้ ภาวการณ์เช่นนี้เกิดข้ึนได้ภายใต้รัฐท่ีอ่อนแอ (weak state) ท่ีท�ำให้อ�ำนาจของ ผมู้ อี ิทธพิ ล (strong men) ทอี่ ยใู่ นภาคสังคมเด่นชดั และเทียบเคียงได้กับอ�ำนาจรฐั รัฐอ่อนแอ ไมไ่ ด้แปลว่าอ�ำนาจรัฐไม่รวมศนู ย์ หรอื อุดมการณก์ ารรฐั ไม่เขม้ แข็ง (เพราะเวยี งรัฐ เช่ือว่า รัฐไทยทั้งรวมศูนย์และเข้มแข็งทางอุดมการณ์อย่างยิ่ง) แต่หมายถึงกลไกรัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขา้ ราชการตอ้ งฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง (เพราะเงนิ ไมพ่ อใช้ หรอื เพราะมชี อ่ งทางกต็ าม) รวมถงึ การบรหิ ารงาน ที่ไม่เป็นระบบ เปิดโอกาสให้ผู้มีอิทธิพลนอกภาครัฐเข้ามาแทรกแซงได้ (เช่นการต�ำรวจ กระบวนการ ยตุ ธิ รรม) ในแงน่ รี้ ฐั ไทยจงึ เปน็ รฐั ทอี่ อ่ นแออยา่ งยงิ่ ซงึ่ เปน็ ภาวะทต่ี อ่ เนอื่ งนบั จากการสรา้ งรฐั สมยั ใหมใ่ น สมยั รชั กาลที่ 5 เปน็ ตน้ มา เชน่ นายอ�ำเภอในยคุ แรกๆ เมอื่ ถกู สง่ ไปเปน็ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านแทนรฐั เพอ่ื ควบคมุ ทอ้ งถิ่นที่หา่ งไกลจากศูนย์กลาง แต่เมือ่ ไปถงึ ท้องถิ่นนน้ั ก็ต้องเขา้ หานักเลงประจ�ำถิ่นเพ่ือหาขอ้ มลู หรอื เพ่ือประนปี ระนอมกบั นกั เลง ไม่เช่นนั้นกท็ �ำงานไม่ได้ ถา้ เราจะมองตอ่ เนอ่ื งมาถงึ ปจั จบุ นั เราคงเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั วา่ อยา่ วา่ แตน่ ายอ�ำเภอสมยั โนน้ เลย ท่านผู้ว่าฯ สมัยน้ีก็ท�ำงานล�ำบากหากไปถ่ินไหนท่ีเจ้าพ่อเข้มแข็งแล้วไม่อาจประนีประนอมกับเจ้าพ่อได้ ดังนั้น สิ่งท่ีไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน น่ันคือสายสัมพันธ์ที่พิงกันอย่างแน่นแฟ้น ระหวา่ งผอู้ ยใู่ นอ�ำนาจรัฐกับเจา้ พอ่

55 อีกมติ หิ น่ึงของความออ่ นแอของรฐั ไทยท่สี �ำคัญยงิ่ ไมใ่ ชเ่ รือ่ งประสิทธภิ าพแตเ่ ปน็ เรือ่ งของการ ให้บริการแก่ประชาชน เวียงรัฐยกตัวอย่าง “นับต้ังแต่เสือฝ้ายตั้งตัวเป็นผู้พิพากษาไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง จวบจนถงึ วันท่ที ่านกำ� นนั ผู้ย่งิ ใหญเ่ ปิดบา้ นของตัวเป็นศนู ย์บริการแบบ One Stop Service คอื มีต้งั แต่ ฝากลูกเข้าโรงเรียน ขอยืมเงิน รับรายงานเรื่องนักเลงหัวไม้ ขอให้ไปซ่อมถนน ขอให้บริจาคสร้างวัด เร่ือยไปจนผู้หลักผู้ใหญ่มาขอให้สนับสนุนการเลือกตั้ง นั่นคือ การที่เจ้าพ่อผู้ให้บริการประชาชน คือ ผทู้ เ่ี อาผลประโยชนจ์ ากเสน้ สายของตวั เองมาแจกจา่ ยใหช้ าวบา้ น (ซงึ่ อาจจะบวกลบกบั ผลประโยชนส์ ว่ น ตวั แลว้ กต็ าม)” สิง่ เหล่าน้ีเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไมข่ าดตอน เวียงรัฐ เช่ือว่า เจ้าพ่อด�ำรงอยู่ในสังคมไทยได้อย่างส�ำคัญเพราะมีหน้าที่ (function) ที่ชัดเจน นั่นคือเป็นตัวกลางระหว่างรัฐท่ีอ่อนแอกับชาวบ้านท่ีไม่มีช่องทางอ่ืนที่จะเข้าถึงทรัพยากรในสังคมได ้ แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างย่ิงในระบอบประชาธิปไตยกับระบอบที่ผ่านมาคือ ชาวบ้านมีความส�ำคัญขึ้นมา ในฐานะเป็นฐานเสียงในการเลือกตั้ง ท่ามกลางการแข่งขันทางอ�ำนาจของกลุ่มต่างๆ เจ้าพ่อก็ยิ่งม ี ความหมายมากยิ่งข้ึนเพราะคือผู้เช่ือมต่อกับชาวบ้าน ในฐานะฐานเสียงอันเป็นตัวช้ีขาดการขึ้นมา มอี �ำนาจในระบอบประชาธิปไตยไดก้ ต็ ้องยึดกมุ อ�ำนาจเชน่ ทเี่ จา้ พอ่ เคยมีมานใี้ หม้ าเป็นของตนให้ได้

56 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์

57 บทที่ 3 บริบทของการเลือกต้ังในสังคมไทย การเลือกต้ังเป็นเง่ือนไขส�ำคัญประการหน่ึงของการวัดระดับความเป็นประชาธิปไตย โดย หลักสากลทั่วไป การเลือกต้ังเป็นส่วนท่ีสะท้อนถึงกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองท่ีครอบคลุมถึง สทิ ธทิ างการเมอื งและเสรภี าพทางการเมอื ง การเปน็ ตวั แทนทไี่ ดร้ บั ความชอบธรรมจากเสยี งของประชาชน และยงั เปน็ การสะทอ้ นถงึ ความมีเสถียรภาพทางการเมอื งไดอ้ ีกทางดว้ ย ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กล่าวได้ว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่กระบวนการ ประชาธิปไตย ตลอดระยะเวลา 80 กว่าปีที่ผ่านมา การเมืองของประเทศไทยล้มลุกคลุกคลานไม่มี เสถียรภาพ ซ่ึงเก่ียวข้องกับโครงสร้างอ�ำนาจในสังคมไทย ที่ยังไม่สามารถท�ำให้อ�ำนาจในการตัดสินใจ ทางการเมอื งอยใู่ นมอื ประชาชนสว่ นใหญไ่ ด้ ในบทนจี้ ะกลา่ วถงึ บริบทของการเลอื กต้ังในสงั คมไทย โดย ย้อนกลับถึงการเลือกต้ังที่น�ำไปสู่การมีนายกรัฐมนตรีพลเรือนคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง เพ่ือสะท้อน ให้เหน็ การเปลยี่ นแปลงท่สี �ำคัญอันน�ำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกตกิ าการเลือกตัง้ ในแต่ละคร้ัง การเลือกตั้งในปี 2531 การเลอื กต้ังในปี 2531 เปน็ เครือ่ งบง่ ชีถ้ ึงการเข้าสกู่ ระบวนการประชาธิปไตย เนอ่ื งจากในการ เลือกต้งั ครง้ั น้นั ประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรที ่ีมาจากการเลือกตงั้ คนแรก คอื พลตรีชาตชิ าย ชณุ หะวัณ (ยศในขณะนั้น) ประกอบกับบริบทของการเมืองโลกท่ีเปล่ียนแปลงไปเข้าสู่ยุคของการแข่งขันทางการค้า ส่งผลให้นโยบายของรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ ท่ีส�ำคัญคือการเปล่ียนสนามรบให้เป็นสนามการค้ากับ บรรดาประเทศเพ่ือนบา้ น และเป็นยคุ ทม่ี คี วามเจรญิ ทางเศรษฐกิจเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลัก

58 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ อยา่ งไรกต็ าม โครงสรา้ งระบบการเลอื กตงั้ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ วมคี ณุ ลกั ษณะท่ี เกษยี ร เตชะพรี ะ (2550) เรียกว่า “นักเลือกต้ัง” ก็คือนักการเมืองผู้ลงสมัครแข่งขันและได้รับเลือกต้ังเข้าด�ำรงต�ำแหน่งใน สภาผแู้ ทนราษฎรและสถาบนั ตวั แทนทางการเมอื งอน่ื ๆ ทง้ั ในระดบั ชาตแิ ละทอ้ งถน่ิ พวกเขามกั มภี มู หิ ลงั เปน็ นกั ธรุ กจิ หวั เมอื งตา่ งจงั หวดั บวกเจา้ พอ่ ผมู้ อี ทิ ธพิ ลทอ้ งถนิ่ และฉะนนั้ สว่ นใหญจ่ งึ ไมส่ นั ทดั เชย่ี วชาญ การบรหิ ารรฐั กจิ และเศรษฐกจิ มหภาค หากพะวงสนใจแสวงหาประโยชนเ์ ฉพาะหนา้ เขา้ ตวั หรอื พวกพอ้ งเปน็ ส�ำคญั ” ลกั ษณะของนกั เลอื กตง้ั ทเ่ี ขา้ มาบรหิ ารประเทศผา่ นการเลอื กตงั้ สง่ ผลใหร้ ฐั บาลชาตชิ าย ชณุ หะวณั เผชญิ กบั ปญั หาทถี่ กู สงั คมตงั้ ค�ำถามในเรอ่ื งการหมนุ เวยี นกนั เขา้ มารบั ประโยชนแ์ ละความรำ่� รวยผดิ ปกติ ของนกั การเมอื งหลายราย จนได้ฉายาวา่ “รัฐบาลบฟุ เฟต่ ์คาบิเน็ท” บรรดา “นักเลือกตั้ง” ต่างเล็งเห็นโอกาสในโครงสร้างอ�ำนาจท่ีสามารถเอ้ือให้กับธุรกิจท่ีอยู่ใน พ้ืนที่ของตนเอง ลักษณะเช่นน้ีเป็นผลสืบเน่ืองจากการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีได้รับอานิสงส์จากสงคราม เย็น ท�ำให้บรรดานักธุรกิจในระดับท้องถ่ินเติบโตและวิ่งเข้าสู่การแข่งขันทางการเมืองท่ีเป็นทางการผ่าน การเลือกต้ังไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนพรรคการเมืองหรือการเข้ามาเล่นการเมืองโดยตรงเอง ซ่ึงเป็น ปรากฏการณท์ ่ีเกิดขน้ึ ต้ังแต่ทศวรรษที่ 2520 เป็นตน้ มา ซึง่ บรรดานักธุรกจิ ทอ้ งถ่นิ เหลา่ นีอ้ าศัยกลไกหัว คะแนนในการใหก้ ารอปุ ถัมภแ์ กผ่ ้ลู งคะแนนเสยี ง เพอื่ เปน็ ฐานเสยี งในการเลอื กนกั ธรุ กจิ เหลา่ นใ้ี หเ้ ข้ามา นง่ั ในสภาผู้แทนราษฎร ดงั นนั้ ภายใต้ “ระบอบประชาธปิ ไตย” ทเี่ พงิ่ สรา้ งขนึ้ ใหมห่ ลงั เหตกุ ารณ์ 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 เครือข่ายของพวกพ้องบริวารและชาวบ้านใต้การอุปถัมภ์ในท้องถิ่นที่เกี่ยวกับกิจการเหล่าน้ีสามารถน�ำ มาฟอกล้างเพื่อปรับใช้ในการเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันตัวพวกนักเลือกต้ังเองก็จ�ำแลงแปลง กายจากเจ้าพ่อบ้านนอกต�่ำต้อยผู้ต้องคอยโค้งค�ำนับประจบเอาใจหัวหน้าส่วนราชการในท้องถ่ินไปเป็น ฯพณฯ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและรฐั มนตรผี ทู้ รงเกยี รติ ณ ศนู ยอ์ �ำนาจทก่ี รงุ เทพมหานครซง่ึ กมุ อ�ำนาจ บงั คบั บญั ชาตามกฎหมายเหนอื การแตง่ ตง้ั โยกยา้ ยและเลอื่ นลดปลดขน้ั /ต�ำแหนง่ บรรดาขา้ ราชการอดตี “เจา้ นาย” ของตน (เกษียร เตชะพีระ, 2550) บรรดานกั เลอื กตง้ั เหลา่ นอ้ี าศยั กลไก “หวั คะแนน” ในการรวบรวมบรรดาผลู้ งคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ โดยอาศยั การอปุ ถมั ภใ์ นรปู แบบตา่ งๆ แกผ่ ลู้ งคะแนนเสยี งเหลา่ นน้ั ลกั ษณะของระบบการเลอื กตง้ั ในชว่ งน้ี สง่ ผลใหก้ ลมุ่ มงุ้ นกั เลอื กตงั้ ทสี่ งั กดั พรรคการเมอื งใชค้ ะแนนเสยี งของกลมุ่ มงุ้ ตนเองท�ำหนา้ ทตี่ อ่ รองเกา้ อ้ี รฐั มนตรเี มอื่ ไดร้ บั เลอื กตงั้ เขา้ ไป ความตอ่ เนอ่ื งของระบบมงุ้ การเมอื ง สง่ ผลใหผ้ ลประโยชนท์ เ่ี คยอยใู่ นมอื ชนชนั้ น�ำโดยเฉพาะบรรดากลมุ่ ทหารทคี่ รองอ�ำนาจทางการเมอื งมาอยา่ งตอ่ เนอื่ งสนั่ คลอน ขณะเดยี วกนั บทบาทของข้าราชการท่ีเคยมีส่วนส�ำคัญในการก�ำหนดนโยบายสาธารณะเปล่ียนมือมาสู่การก�ำหนด นโยบายสาธารณะโดย ส่งผลให้ท้ายที่สุดรัฐบาลพลเรือนท่ีมาจากการเลือกตั้งถูกปฏิวัติรัฐประหารโดย รสช. โดยการจบั ตวั นายกรฐั มนตรแี ละยดึ อ�ำนาจรฐั โดยอาศยั ขอ้ อา้ งการเปน็ รฐั บาลทมี่ ปี ญั หาคอรร์ ปั ชนั่

59 ต�ำแหน่งรัฐมนตรี หัวหน้ากลุ่ม / มงุ้ ทางการเมือง สมาชกิ สภา ผู้แทนราษฎร หัวคะแนน หวั คะแนนยอ่ ย หัวคะแนนย่อย ผ้มู ีสิทธิ ผมู้ ีสิทธิ ผู้มสี ิทธิ ผมู้ ีสิทธิ ออกเสยี ง ออกเสยี ง ออกเสียง ออกเสียง เลือกตง้ั เลอื กต้งั เลือกต้ัง เลือกตงั้ ภาพที่ 3.1 โครงสร้างระบบการเลือกต้ังตงั้ แตท่ ศวรรษที่ 2520 การเลอื กตั้งในปี 2544-2551 หลงั จากการรฐั ประหารโดย รสช. ในปี พ.ศ.2534 สถานการณก์ ารเมอื งกลบั วนุ่ วายอกี ครงั้ เมอื่ มี ความพยายามของหวั หนา้ รสช. ทจ่ี ะหวนกลบั สตู่ �ำแหนง่ นายกรฐั มนตรี ทง้ั ทก่ี อ่ นหนา้ นใ้ี หค้ �ำมน่ั สญั ญา ว่าจะไม่รับต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 มิได้ก�ำหนดให้รัฐมนตรีต้องมาจาก สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ซงึ่ หลงั การเลอื กตง้ั พรรคสามคั คธี รรมไดค้ ะแนนสงู สดุ กลบั ไมใ่ ชห่ วั หนา้ พรรค ที่ได้รับการเสนอช่ือเป็นนายกรัฐมนตรี กลายเป็นพลเอกสุจินดา คราประยูร ได้รับการเสนอชื่อเป็น

60 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ นายกรฐั มนตรี จนน�ำไปสกู่ ารเคลอื่ นไหวของมวลชนเพอื่ ขบั ไลพ่ ลเอกสจุ นิ ดา คราประยรู และเหตกุ ารณ์ การนองเลือดในเดือนพฤษภาคม 2535 แม้ว่าหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 สถานการณ์การเมืองจะผ่านการเลือกตั้งท่ัวไป พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งกลับไม่มีความม่ันคงและมีอายุในการบริหารกิจการบ้านเมือง ไมย่ าวนานนกั ดว้ ยระบบการเมอื งยงั คงยดึ เกาะกบั ระบบมงุ้ การเมอื งทสี่ งั กดั พรรคตา่ งๆ เปน็ ตวั แปรส�ำคญั ในการมเี สถยี รภาพของรฐั บาล สง่ ผลใหเ้ กดิ กระแสเรยี กรอ้ งปฏริ ปู ระบบการเมอื งเพอื่ สรา้ งระบบทปี่ ระกนั เสถยี รภาพของรฐั บาล ประกอบกบั ความลม้ เหลวในการเปดิ เสรกี ารเงนิ ทนี่ �ำมาสวู่ กิ ฤตเิ ศรษฐกจิ ในปี 2540 จงึ มีการร่างรัฐธรรมนญู ฉบับใหมท่ ่ีประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเมอื่ วนั ที่ 11 ตลุ าคม 2540 การเลือกต้ังในปี พ.ศ.2544 โดยกลไกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่มีฐานคติ ของผยู้ กรา่ งทตี่ อ้ งการสรา้ งพรรคการเมอื งระบบทวพิ รรค ทเี่ ออื้ ประโยชนใ์ หพ้ รรคใหญม่ ากกวา่ พรรคเลก็ โดยผ่านระบบเลือกต้ัง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อท�ำให้การเมืองระดับชาติหลุดพ้นอ�ำนาจครอบง�ำของ ผู้แทนท้องถ่ินต่างจังหวัด รวมท้ังรัฐธรรมนูญ 2540 ยังถูกออกแบบมาให้เกิดฝ่ายบริหารท่ีเข้มแข็งและ นายกรัฐมนตรีท่ีเข้มแข็ง (strong Executive, Strong Prime Minister) ด้วยการมีบทบัญญัติท่ีส�ำคัญใน มาตรา 217 ซงึ่ บญั ญตั ไิ วว้ า่ “พระมหากษตั รยิ ท์ รงไวซ้ ง่ึ พระราชอ�ำนาจในการใหร้ ฐั มนตรพี น้ จากการเปน็ รฐั มนตรตี ามทนี่ ายกรฐั มนตรถี วายค�ำแนะน�ำ” ท�ำใหน้ ายกรฐั มนตรมี อี �ำนาจเบด็ เสรจ็ สมบรู ณใ์ นการปลด รัฐมนตรีอยา่ งที่ไม่เคยมีในรฐั ธรรมนญู ฉบับก่อนๆ (เกษยี ร เตชะพรี ะ, 2547, 38-39) นโยบายการหาเสียงที่ด�ำเนินการโดยพรรคไทยรักไทย เกิดจากการรวบรวมความต้องการของ ภาคส่วนตา่ งๆ ทั้งกล่มุ นักธรุ กิจ กลมุ่ นักกจิ กรรมเพ่ือสังคม รวมถงึ ประชาชนในระดบั รากหญ้า ส่งผลให้ เกิดชุดนโยบาย dual track ท่ีตอบสนองความต้องการทั้งธุรกิจและประชาชน ท�ำให้การเลือกต้ังเดือน มกราคม 2544 สามารถกวาดทน่ี งั่ ทงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตและสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร แบบบัญชรี ายชื่อไดถ้ งึ 248 ทีน่ ่ังโดยไม่ตอ้ งแสวงหาพรรคร่วมรัฐบาลแตป่ ระการใด กตกิ าภายใตร้ ฐั ธรรมนญู ปี 2540 สง่ ผลใหพ้ รรคไทยรกั ไทยกลายเปน็ พรรคการเมอื งแรกทห่ี วั หนา้ พรรค ในฐานะนายกรัฐมนตรีด�ำรงต�ำแหน่งจนครบวาระ 4 ปี โดยท่ีในการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 พรรคไทยรักไทยยังคงเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมโดยได้รับการเลือกตั้งท้ัง ส.ส.แบบแบ่งเขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายช่ือถึง 377 ที่น่ัง ความนิยมจากคะแนนเสียงของผู้เลือกต้ัง ส่งผลให้รัฐบาล ไทยรกั ไทยทม่ี าจากการเลอื กตง้ั ด�ำเนนิ การที่ เกษยี ร เตชะพรี ะ (2553, 37) “ระบอบประชาธปิ ไตยอ�ำนาจ นิยมภายใต้อ�ำนาจน�ำทางการเมืองของกลุ่มทุนใหญ่โลกาภิวัตน์” โดยมีลักษณะการใช้อ�ำนาจการเมือง รวมศนู ยอ์ �ำนาจเดด็ ขาดทห่ี วั หนา้ ฝา่ ยบรหิ าร ใชอ้ �ำนาจในการแกป้ ญั หา ความโนม้ เอยี งและความพรอ้ ม ที่จะละเมิดสิทธิเสรีภาพในร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สินของพลเมือง ก้าวล่วงรัฐธรรมนูญ ผูกขาดการเมือง และอุปถัมภ์ชาวบ้าน ก�ำราบและปฏิรูปกลไกรัฐราชการที่อืดอาด พร้อมใช้อ�ำนาจรัฐ “ท�ำสงคราม” แกป้ ญั หาวกิ ฤตของชาตอิ ยา่ งเบด็ เสรจ็ ในดา้ นของการบรหิ ารประเทศมลี กั ษณะของการบรหิ ารแบบธรุ กจิ

61 กล่าวคือ หัวหน้าฝ่ายบริหารทางการเมืองของชนช้ันนายทุน (Capitalist Political CEO) รวมศูนย์ในแง ่ นโยบายเศรษฐกิจ โดยเล่นบทบาทเป็นผู้ตัดสินค�ำถามหลักทางการเมือง “ใครจะได้อะไร เมื่อไร และ อย่างไร” (Who get what, when and how) กลุ่มทุนใหม่ในพรรคไทยรักไทย คือ กลุ่มทุนระดับชาต ิ การประกอบการมกั เปน็ แบบสญั ญาสมั ปทานผกู ขาดกจิ การของรฐั กลมุ่ ทนุ ใหมเ่ หลา่ นไี้ ดเ้ ขา้ ยดึ กมุ อ�ำนาจ รฐั เอง บรหิ ารเองโดยตรง แทนทจี่ ะเปน็ การบรหิ ารเพอ่ื ทนุ นยิ มผา่ นตวั แทน เชน่ ทหาร เทคโนแครต หรอื นกั เลอื กตั้งดงั แต่ก่อน ลกั ษณะการบรหิ ารประเทศในแนวทางทเ่ี ออ้ื ใหก้ บั กลมุ่ ทนุ สงั กดั พรรคไทยรกั ไทย ลดความส�ำคญั ของบรรดาขา้ ราชการประจ�ำ การผกู ขาดอ�ำนาจทางการเมอื งผา่ นการชนะการเลอื กตงั้ กลายเปน็ ความเสย่ี ง ตอ่ ภยั คกุ คามอน่ื ทง้ั ทหาร-ตลุ าการ-เครอื ขา่ ยขา้ ราชบรพิ าร กบั ประชาสงั คม เขา้ ใจดวี า่ จะเขยา่ ทนี่ งั่ ทกั ษณิ จะตอ้ งท�ำผา่ นการไมเ่ ลอื กตงั้ (non-election) การควำ�่ บาตรไมล่ งสมคั รรบั เลอื กตงั้ ของพรรคการเมอื งในปี 2549 และในเดอื นกันยายน 2549 กองทพั เข้ายึดอ�ำนาจจากรฐั บาลทกั ษณิ การเลือกต้ังหลังรัฐประหาร 2549 ไม่สามารถน�ำมาซ่ึงการจัดต้ังรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ พรรคการเมืองท่ีชนะการเลือกต้ังไม่สามารถบริหารประเทศได้ การเมืองไทยตกอยู่ภายใต้อ�ำนาจของ เครือข่ายท่ีเป็นศัตรูกัน 2 พลังอย่างชัดเจน เครือข่ายแรก ให้ความส�ำคัญกับสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ระบบราชการ และพรรคประชาธปิ ตั ย์ และเครอื ขา่ ยทส่ี อง ทกั ษณิ และพรรคการเมอื ง รวมถงึ การสนบั สนนุ อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการจากต�ำรวจ สงั คมไทยอยใู่ นสภาพการเคลอื่ นไหวของพลงั ทเี่ ปน็ ปฏปิ กั ษม์ กี ารแบง่ ฝกั แบ่งฝ่าย (polarization) ในสงั คมอย่างชัดเจน จนน�ำไปสกู่ ารรัฐประหารในปี 2557 คณะรัฐประหาร คสช. ได้รวบอ�ำนาจและจ�ำกัดสทิ ธิทางการเมอื งของพลเมอื ง พรรคการเมือง เจ้าพ่อท้องถิน่ / หวั คะแนน ประชาชน ภาพท่ี 3.2 ความเปลีย่ นแปลงระบบอปุ ถัมภ์ผา่ นการใช้รฐั ธรรมนูญ พ.ศ.2540

62 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ การเลือกตัง้ ในปี 2562 หลงั การรัฐประหารปี 2557 ระบบเลอื กตงั้ แบบใหม่ แบบจดั สรรปนั ส่วนผสม (MMA) ซง่ึ ถูกน�ำ มาใช้เป็นคร้ังแรกในการเลือกตั้งปี 2562 ก�ำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ�ำนวน 500 คน แบง่ เปน็ ส.ส.แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั จ�ำนวน 350 คน และ ส.ส.แบบบญั ชรี ายชอ่ื 150 คน การเลอื กตงั้ ครงั้ นี้ จะใช้บัตรเลือกต้ังใบเดียวเพื่อเลือกบุคคลที่ชื่นชอบเป็น ส.ส.เขต ขณะเดียวกันคะแนนที่เราเลือกบุคคล ท่ีช่ืนชอบในเขตเลือกตั้งไม่ว่าผู้สมัครเหล่านั้นจะชนะหรือแพ้ คะแนนจะถูกน�ำไปให้พรรคการเมืองที่ม ี คนเลอื กทกุ คะแนน เพ่ือน�ำไปค�ำนวณจ�ำนวนท่นี ่ัง ส.ส. แบบบญั ชีรายชอ่ื ของพรรคน้ันๆ คณะกรรมการรา่ งรฐั ธรรมนญู ตอ้ งการแกไ้ ขปญั หาการเมอื งไทยทเี่ กดิ ขน้ึ ในอดตี โดยหามาตรการ ปอ้ งกนั มใิ หบ้ คุ คลซงึ่ เคยกระท�ำการทจุ รติ ตอ่ หนา้ ทห่ี รอื ทจุ รติ ในการเลอื กตง้ั เขา้ สอู่ �ำนาจทางการเมอื งและ ก�ำหนดโครงสรา้ งฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ทิ ม่ี คี วามเหมาะสมกบั ประเทศไทยในอนาคต จงึ ไดก้ �ำหนดหลกั การใหม่ ของระบบการเลือกต้งั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสรปุ ได้ดังน้ี หลักคิดระบบเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เหมาะสมกับประเทศไทย เนื่องจากในอดีต คะแนนของประชาชนที่เลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ังใดๆ ซึ่งไม่ได้คะแนน เปน็ อนั ดบั หนงึ่ ของเขตเลอื กตง้ั นน้ั ๆ กลา่ วคอื ไมช่ นะการเลอื กตงั้ คะแนนดงั กลา่ วแทบจะถกู ทง้ิ สญู เปลา่ ดงั นนั้ หลกั คดิ ของระบบเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทเ่ี หมาะสมกบั ประเทศไทยจะตอ้ งประกอบดว้ ย 1) สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรควรมาจากการเลอื กตงั้ ของประชาชนโดยตรง 2) ระบบเลอื กตง้ั ไมค่ วรซบั ซอ้ น ประชาชนเขา้ ใจงา่ ย 3) เพอื่ เปน็ การเคารพประชาชนทล่ี งคะแนนเสยี งจงึ จะพยายามท�ำใหค้ ะแนนเลอื กตงั้ ท่ี ประชาชนลงใหท้ กุ คะแนนมคี วามหมายไมว่ า่ จะลงคะแนนใหบ้ คุ คลใด คะแนนนน้ั สว่ นใหญไ่ มค่ วรสญู เปลา่ 4) เปน็ ระบบการเลือกต้ังทสี่ ่งเสรมิ ให้ประชาชนสนใจออกมาใช้สิทธ์เิ ลอื กต้งั 5) เขา้ กบั บรบิ ทหรือวถิ ีชีวิต ของคนไทยโดยไมข่ ดั กบั หลกั สากล เพอื่ เปน็ การท�ำใหห้ ลกั คดิ ขา้ งตน้ มคี วามเปน็ ไปได้ จงึ ก�ำหนดใหม้ กี าร เลอื กตง้ั แบบแบง่ เขตโดยใชร้ ะบบคะแนนเสยี งข้างมากและน�ำระบบสดั ส่วนมาใชใ้ นการค�ำนวณแบบแบง่ สดั สว่ นการไดม้ าซง่ึ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอ่ื โดยใชบ้ ตั รเลอื กตง้ั แบบแบง่ เขตใบเดยี ว และ ให้ผู้มีสทิ ธิเลือกตง้ั เลือกผสู้ มคั รรับเลือกต้ังแบบแบ่งเขตไดเ้ ขตละ 1 คนโดยน�ำคะแนนของผสู้ มัครสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตของทกุ คนมารวมเปน็ คะแนนของพรรค และน�ำคะแนนของทกุ พรรคการเมอื ง มารวมเปน็ คะแนนทงั้ ประเทศ จากน้ันให้หาค่าเฉลี่ยคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทีพ่ รรคควรจะ ไดต้ อ่ 1 คนคอื น�ำคะแนนของทกุ พรรคทไ่ี ดร้ บั การเลอื กตงั้ ทงั้ ประเทศหารดว้ ยจ�ำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎรทง้ั หมดคอื 500 คน จากน้ันใหน้ �ำค่าเฉล่ยี ท่ีได้ไปหารจ�ำนวนคะแนนทแี่ ตล่ ะพรรคไดเ้ พอื่ ใหไ้ ด้มา ซึง่ จ�ำนวนทแ่ี ตล่ ะพรรคจะพึงมสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรได้ (แดนชัย ไชวิเศษ, 2559, 3-4)

63 ระบบเลือกตั้งแบบใหม่น้ีอาจน�ำไปสู่แนวโน้มการเพิ่มปัญหาเดิมและสร้างปัญหาใหม่เพิ่มข้ึน อีกหลายประการดงั น้ี (แดนชัย ไชวเิ ศษ, 2559, 13-44) 1. การซ้ือเสียงจะมากข้ึนซ่ึงเกิดการแข่งขันช่วงชิงคะแนนมีความแหลมคมมากข้ึน ท้ังน ้ี กเ็ พราะวา่ ทกุ คะแนนถกู น�ำมาใชใ้ นการแปลงเปน็ จ�ำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรนนั่ เอง แต่ละพรรคต่างก็อยากได้คะแนนมากที่สุดเพื่อให้ตนเองมีโอกาสมากที่สุด ซึ่งต่างจาก การเลอื กตง้ั แบบเดมิ ทห่ี ากผสู้ มคั รคนใดรวู้ า่ ตนเองแพห้ รอื ชนะแนน่ อน การซอ้ื เสยี งจะลดลง แตร่ ะบบใหมแ่ มว้ า่ ผสู้ มคั รจะรวู้ า่ ตนเองแพห้ รอื ชนะแนน่ อน กจ็ ะไมท่ �ำใหก้ ารซอ้ื ขายเสยี งลดลง แต่ยังคงต้องซื้อเพื่อให้ได้คะแนนมากที่สุดเท่าท่ีจะมากได้ และยิ่งมีเฉพาะการเลือกต้ัง ระดบั เขตทเ่ี ปน็ เขตเล็กแล้วการซือ้ ขายเสียงกจ็ ะรุนแรงยงิ่ ขนึ้ 2. จะเกิดการซื้อตัวนักการเมืองหรือผู้มีช่ือเสียงท้องถิ่นให้ลงสมัครในนามพรรคมากข้ึน พรรคใดที่มีทุนมากก็จะส่งผู้สมัครให้ครบทุกเขต แม้ว่าเขตนั้นส่งไปก็แพ้อย่างแน่นอน แตถ่ งึ แพก้ ย็ งั ไดค้ ะแนน ซง่ึ จะท�ำใหพ้ รรคการเมอื งไมน่ อ้ ยทมุ่ เงนิ ซอ้ื ตวั ผมู้ ชี อื่ เสยี งในต�ำบล อ�ำเภอ หรือจังหวัด เพื่อให้ลงสมัครรับเลือกต้ังในนามพรรค คงจะได้เห็นการประมูล ตวั นกั การเมอื งทอ้ งถนิ่ หรอื ผมู้ ชี อื่ เสยี งระดบั จงั หวดั เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ผสู้ มคั รของพรรคการเมอื ง กันอยา่ งแพรห่ ลาย 3. พรรคเล็กๆ มีโอกาสต่�ำมากในการได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะว่าขาดเงินทุนใน การส่งสมัครในระดับเขต ซึ่งต่างจากระบบบัญชีรายช่ือในอดีตท่ีพรรคเล็กๆ ยังมีโอกาส ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพราะว่าเป็นการเลือกพรรคจากผู้มีสิทธิเลือกต้ังท่ัวประเทศ โดยไม่จ�ำเป็นต้องส่งผู้สมัครในระดับเขต แต่ระบบใหม่นี้จะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่เวที การเมอื งของพรรคการเมืองเลก็ ๆ ท่ีไมม่ ที ุนทรัพยเ์ พียงพอ 4. ระบบเลือกต้ังแบบนี้จะท�ำให้พรรคนายทุนยิ่งได้เปรียบ เพราะพรรคนายทุนสามารถส่ง ผู้สมัครได้ครบทุกเขตซึ่งจะท�ำให้เขามีโอกาสมากขึ้นในการได้คะแนนและจ�ำนวนสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร 5. ระบบน้ีจะท�ำให้มีโอกาสได้รัฐบาลผสมท่ีไร้เสถียรภาพ รัฐบาลอ่อนแอ บรรยากาศทาง การเมืองจะเป็นการต่อรองผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองเป็นหลัก โอกาสของ การผลักดันนโยบายปฏิรูปเพ่ือแก้ปัญหาของประเทศและวางรากฐานในการสร้างชาติ จะอยู่ในระดับทตี่ �่ำถงึ ต่ำ� มาก อาจกล่าวได้ว่าผลการเลือกต้ังในวันท่ี 24 มีนาคม 2562 มีความเป็นไปได้สูงว่า การเมือง จะยอ้ นกลบั ไปสรู่ ะบบหวั คะแนนและมงุ้ การเมอื งทกี่ ลบั มามบี ทบาทในการเมอื งดงั ทเี่ คยเกดิ ขน้ึ ในบรรยากาศ ทางการเมอื งกอ่ น พ.ศ. 2544 และจะพบกระบวนการทบี่ รรดามงุ้ การเมอื งรวบรวมผลประโยชนท์ ท่ี �ำให้ เครอื ข่ายอปุ ถัมภ์ของกลมุ่ ก้อนตนเองถกู ผลักเขา้ สู่กระบวนการก�ำหนดนโยบาย

64 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์

65 บทท่ี 4 สุรินทร์: บริบทการเมืองและสังคม บริบททางการเมือง สังคมของจังหวัดสุรินทร์ เป็นพ้ืนฐานส�ำคัญในการท�ำความเข้าใจต่อ การตัดสินใจของผู้คนในจังหวัดสุรินทร์ และเป็นส่วนส�ำคัญในการขยายภาพความเข้าใจอดีตที่สะท้อน มุมมองต่อปัจจุบันได้อย่างชัดเจนข้ึน ในส่วนน้ีจะเป็นการอธิบายภาพประวัติศาสตร์และการเมืองของ จงั หวดั สุรินทร์ ประวัตศิ าสตรค์ วามเปน็ มาของจังหวดั สุรินทร์ บริเวณที่เรียกว่าเขตวัฒนธรรมไทยเขมร ครอบคลุมแถบเทือกเขาพนมดงรักลุ่มแม่น�้ำมูล ตอนลา่ ง ซง่ึ ประกอบไปดว้ ยเมอื งสรุ นิ ทร์ เมอื งสงั ขะ เมอื งศขี รภมู ิ เมอื งล�ำดวน เมอื งจอมพระ เมอื งทา่ ตมู ท่ีเรียกว่าจังหวัดสุรินทร์ในปัจจุบัน ต�ำนานเมืองสุรินทร์เก่าที่มีการส�ำรวจและค้นพบ อยู่ในรูปของการ บอกเล่าเกี่ยวข้องกับการสร้างประสาทและการเกิดเมืองอันมีความสัมพันธ์กับกษัตริย์เขมร เช่นต�ำนาน การสร้างปราสาทภูมิโปน ต�ำนานการสร้างปราสาทบ้านพลวง การเกิดเมืองสังขะ แต่หลักฐานที่ปรากฏ รอ่ งรอยกอ่ นการเกดิ ต�ำนานกค็ อื คดู นิ บรเิ วณชมุ ชนโบราณทป่ี รากฏจากภาพถา่ ยทางอากาศ จะเหน็ ไดว้ า่ มีอยู่ชุกชุมในอีสานประมาณ 115 แห่งมีความหนาแน่นบริเวณอีสานใต้แถบลุ่มแม่น�้ำชี ลุ่มแม่น�้ำมูล ตอนลา่ ง หรือกลางทงุ่ กุลารอ้ งไห้ ลุ่มแม่นำ้� มลู ตอนบนหรือกลมุ่ พิมาย (บญุ ยงั หมน่ั ด,ี 2540, 6) ชุมชนต่างๆ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในภาคอีสานได้ขยายตัวและพัฒนาจนเกิดเป็นเมือง ดงั ปรากฏรอ่ งรอยสง่ิ กอ่ สรา้ งบนผวิ ดนิ อยเู่ ปน็ จ�ำนวนมาก เมอื งโบราณมกี ารตงั้ ถนิ่ ฐานขนึ้ ราวพทุ ธศตวรรษที่

66 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ 5-15 งานของศรศี กั ดิ์ วลิ ลโิ ภดม ไดก้ ลา่ ววา่ การเกดิ บา้ นเมอื งทพี่ ฒั นาขน้ึ เปน็ รฐั ในระยะแรกๆ อาจเกดิ ขนึ้ ทางบริเวณลุ่มแม่น้�ำชีต้ังแต่จังหวัดร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธรลงมาจนถึงอุบลก็เป็นได้ เพราะบริเวณ ดงั กลา่ วนนั้ เปน็ แหลง่ ทพี่ บโบราณสถานโบราณวตั ถทุ ต่ี อ่ เนอ่ื งดว้ ยอารยธรรมอนิ เดยี เกา่ แกก่ วา่ บรเิ วณอนื่ นบั แตเ่ สมาหนิ ทมี่ กี ารสลกั ภาพสญั ลกั ษณศ์ กั ดส์ิ ทิ ธทิ์ างพทุ ธศาสนา ศลิ าจารกึ ภาษาสนั สกฤต ทบั หลงั และ ช้นิ สว่ นของประสาทสมัยก่อนเกิดเมืองพระนคร (บุญยัง หม่นั ดี, 2540, 6) ชมุ ชนโบราณทสี่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ พฒั นาการตง้ั แตก่ ารเปน็ ชมุ ชนสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรท์ ส่ี มั พนั ธ์ กบั การถลงุ แรเ่ หลก็ และการฝงั ศพทส่ี บื ทอดจนเปน็ บา้ นเมอื งและรฐั ทม่ี กี ารสรา้ งวตั ถสุ ถานทางพทุ ธศาสนา และฮนิ ดใู นสมยั พทุ ธศตวรรษท่ี 6-7 ขน้ึ ไปไดแ้ กบ่ า้ นเมอื งเตย บา้ นตาดทอง บา้ นบงึ แก บา้ นเปลอื ยหวั คง บา้ นโนนเมอื ง จงั หวดั อบุ ลราชธานเี ปน็ ตน้ ซงึ่ หลกั ฐานโบราณคดเี หลา่ นี้ ลว้ นชใ้ี หเ้ หน็ วา่ บา้ นเมอื งในยคุ ตน้ ประวตั ศิ าสตรเ์ กดิ ขนึ้ ในบรเิ วณจงั หวดั ยโสธรและอบุ ลราชธานกี อ่ นทอ่ี นื่ ๆ (บญุ ยงั หมนั่ ด,ี 2540, 6-7) อิทธิพลของวัฒนธรรมเขมรได้แพร่ขยายในบริเวณภาคอีสาน พบการสร้างเมืองเป็นรูปทรง สเี่ หลย่ี มจตั รุ สั ผนื ผา้ ซง่ึ นา่ จะมคี วามสมั พนั ธก์ บั ระบบความเชอื่ ศาสนาเกย่ี วกบั ทศั นคตจิ กั รวาล ซงึ่ เรยี กวา่ อารยธรรมเขมรทนี่ ยิ มสรา้ งสระนำ�้ ทเ่ี รยี กวา่ “บาราย” ควบคไู่ ปกบั การสรา้ งเมอื งหรอื ใกลก้ บั แหลง่ ชมุ ชน เชน่ ทร่ี าชธานีเขมรบางแหง่ พบรว่ มกบั บรเิ วณทีม่ ีคคู นั ดินล้อมรอบ เชน่ ที่บ้านธาตุ อ�ำเภอรตั นบุรี ที่บ้าน ปราสาทภูมิโปนอ�ำเภอสังขะ เป็นต้น ส่วนชุมชนโบราณท่ีอ�ำเภอศีขรภูมิมีบารายขนาดใหญ่ หรือชุมชน โบราณปราสาทบา้ นพลวงอ�ำเภอปราสาทกเ็ ชน่ เดยี วกนั จงึ เหน็ วา่ สรุ นิ ทรเ์ ปน็ พน้ื ทห่ี นง่ึ ของแอง่ อารยธรรม เขมรทสี่ �ำคญั ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของประชากรในจงั หวดั ปจั จบุ นั ทมี่ คี วามหลากหลายทางชาตพิ นั ธ์ุ ไมว่ า่ จะเปน็ ส่วย กวยหรือกยู ต่อมาเม่ือ พ.ศ 2302 ตรงกับสมัยสมเด็จพระท่ีนั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) แห่ง กรุงศรีอยุธยามีหลักฐานกล่าวไว้ในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน เรียบเรียงโดยหม่อมอมรวงศ์วิจิตร เลขานกุ ารในพระเจา้ วรวงศเ์ ธอกรมหลวงสรรพสทิ ธปิ ระสงค์ ขา้ หลวงตา่ งพระองคผ์ สู้ �ำเรจ็ ราชการมณฑล อีสานในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ 5 ไดก้ ล่าวไว้ตอนหน่ึงวา่ ...เวลานัน้ พญาชา้ งเผอื กแตกออกจากกรงุ ไปอยใู่ นปา่ ดงทางตะวนั ตกแขวงเมอื งจ�ำปาสกั โปรดใหพ้ น่ี อ้ งคมุ ไพรแ่ ละ กรมช้างออกเทีย่ วติดตามพญาชา้ งเผือกมาทางแขวงเมืองพมิ าย และเลยไปถึงดงฟากฝ่งั ล�ำน�ำ้ มลู ข้างใต ้ จึงได้ข่าวพญาช้างเผือกจากพวกเขมรป่าดง พวกหัวหน้าหมู่บ้านชาวกวยที่อาสาน�ำทางให้สองพ่ีน้อง และบริพารออกติดตามจับช้างเผือกจนได้คือเชียงปุม หัวหน้าเมืองบ้านที เชียงสี หัวหน้าบ้านกุดหวาย ตากะจะ (ผอู้ าวโุ ส) และเชยี งขนั หวั หนา้ บา้ นล�ำดวน และเชยี งฆะ หวั หนา้ บา้ นโคกอจั ปงึ หวั หนา้ หมบู่ า้ น เหล่านี้ได้น�ำพญาช้างเผือกไปยังกรุงศรีอยุธยาพร้อมคณะท่ีติดตามพญาช้างเผือกด้วย สมเด็จพระที่นั่ง สรุ ยิ าศนอ์ มรนิ ทรจ์ งึ โปรดใหห้ วั หนา้ ชาวกวยเขา้ เฝา้ พรอ้ มสงิ่ ของทน่ี �ำไปถวายคอื เตา่ และตะกวดอยา่ งละ 5 ตวั เนอ้ื ทรายอยา่ งละ 4 ตวั ไดห้ ลายอยา่ งละ 3 มดั ใหแ้ ตง่ ตง้ั หวั หนา้ หมบู่ า้ นชาวกรวยมบี รรดาศกั ดท์ิ กุ คน ดงั น้ี ตากะจะเปน็ หลวงแกว้ สวุ รรณ เชยี งขนั เปน็ หลวงปราบ เชยี งฆะเปน็ หลวงเพชร เชยี งตงุ เปน็ หลวงสรุ นิ ทรภกั ดี และเชียงสีเป็นหลวงศรีนครเตา นายกองส่วยท้ัง 5 คนได้เป็นผู้คุมชาวกวยและชาวเขมรในละแวกบ้าน

67 ใกล้เคียง ขึ้นตรงต่อเมืองพิมายซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในขณะน้ัน ต่อมาเจ้าเมืองพิมายเห็นว่าบ้านเมืองท่ีซ่ึง หลวงสุรินทรภักดีเป็นนายกองรักษาอยู่ เป็นหมู่บ้านเล็กและขาดแคลนน�้ำในฤดูแล้งจึงให้ย้ายไปอยู่ บา้ นคปู ะทายสมนั และไดเ้ ปลยี่ นชอ่ื เปน็ เมอื งสรุ นิ ทรต์ ามชอื่ ของหลวงสรุ นิ ทรภกั ดใี นเวลาตอ่ มา (ไพฑรู ย์ มกี ศุ ล, 2552,18-19) ต่อมาใน พ.ศ. 2319 เจ้าเมืองนครจ�ำปาศักดิเ์ กิดวิวาทกบั พระเจ้าอย่หู วั ซง่ึ หนีภัยการเมอื งจาก กรุงศรีสัตนาคนหุตเวียงจันทน์และได้มาขอพึ่งเจ้านครจ�ำปาศักดิ์อยู่ท่ีดอนมดแดง (ปัจจุบันคืออ�ำเภอ ดอนมดแดง จังหวดั อบุ ลราชธาน)ี พระเจา้ กรุงศรสี ัตนาคนหุตเวียงจันทนจ์ ึงโปรดใหพ้ ญาสุโพคุมกองทัพ มาตีพระวอ พระวอสู้ไม่ได้จึงขอก�ำลังเจ้านครจําปาศักด์ิให้มาช่วยแต่ไม่ส�ำเร็จ กองทัพพญาสุโพ จึงยกก�ำลงั ตามตแี ละจับพระวอฆา่ เสีย ฝ่ายท้าวก่ำ� ท้าวฝา่ ยหนา้ ทา้ วค�ำผงและท้าวทิดพรมนัน้ หนมี าได้ จงึ แตง่ ใหค้ นถอื หนงั สอื ไปขอก�ำลงั ชว่ ย จากเจา้ เมอื งนครราชสมี า เจา้ เมอื งนครราชสมี าไดม้ ใี บบอกกราบทลู สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระองค์จึงโปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพยกก�ำลังไปสมทบกับ ก�ำลังเกณฑ์เมืองสุรินทร์ เมืองขุขันธ์ และเมืองสังขละ เพ่ือตามตีกองทัพพญาสุโพ ผลของสงครามคร้ัง นั้นปรากฏว่ากองทัพพระเจ้ากรุงธนสามารถตีเมืองต่างๆ แถบลุ่มแม่น�้ำโขงได้ท้ังหมด ดังน้ันดินแดนท่ี เคยขึ้นอยู่กับอาณาจักรจ�ำปาศักดิ์ อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง ไดย้ อมออ่ นนอ้ มเปน็ ประเทศราชของไทยตงั้ แต่ พ.ศ. 2321 เปน็ ตน้ มา ในปเี ดยี วกนั นน้ั สมเดจ็ พระเจา้ ชน้ั “เจา้ พระยา” ซง่ึ ขณะนนั้ ทางหวั เมอื งภาคอสี านมเี พยี งเจา้ เมอื งนครราชสมี าทม่ี บี รรดาศกั ดท์ิ ชี่ น้ั เจา้ พระยา นอกจากการสงครามในเขตอสี านแลว้ กองทพั กรงุ ธนบรุ ยี งั ไดย้ กทพั ไปตเี มอื งเสยี มราฐ เมอื งก�ำปงสวาย เมอื งบนั ทา้ ยเพชร เมอื งบนั ทายมาศและเมอื งรงู ต�ำแรย็ ในดนิ แดนเขมรดว้ ย เจา้ เมอื งเหลา่ นต้ี อ้ งยอมแพ้ แก่กองทัพไทย ผลของสงครามน้ันท�ำให้ชาวเขมรและชาวบราย ซ่ึงเป็นเผ่ากวยสาขาหน่ึงอพยพมาอยู่ ในเขตแดนเมืองสุรินทร์และเมืองสังขะโดยมีหัวหน้าคนส�ำคัญๆ เป็นผู้น�ำ เช่นออกญานรินทร์เสน่ห์หา จางวาง ออกญาไกรแปน้ ออกญาตมู และนางดามมาตไว บตุ รเี จา้ เมอื งบนั ทายเพชร หลวงสรุ นิ ทรเ์ สนห่ า (ต)ี ไดใ้ หบ้ ตุ รชายชอื่ สนุ แตง่ งานกบั นางดามมาตไว จงึ สง่ ผลใหช้ าวเขมรอพยพเขา้ มาอาศยั อยใู่ นเขตเมอื ง สุรินทร์และเมืองสังขะเพ่ิมมากขึ้น เน่ืองจากชาวเขมรมีความเจริญทางประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็น ชาวเมอื งมากกวา่ ชาวกวย ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวบา้ นทอ่ี ยอู่ าศยั ตามปา่ ดง ในสว่ นของวฒั นธรรมเมอื งของ ชาวกวยก็ค่อยๆ กลืนกลายเปน็ วัฒนธรรมเขมรในที่สดุ (ไพฑูรย์ มกี ศุ ล, 2552,19-20) กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพไดบ้ นั ทกึ ไวว้ า่ เจา้ เมอื งกรมการเมอื งสรุ นิ ทร์ เมอื งสงั ขะ เมอื งขขุ นั ธ ์ และเมืองอื่นๆ ในยุคนั้นได้ปกครองตนเองสืบเช้ือสายเจ้าเมืองกรมการมาจนถึงรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 5 ทรงมีพระราชปรารภว่า….ฝร่ังเศสได้จัดท�ำการท�ำนุบ�ำรุง เขตแดนใกล้ชิดติดกับชายพระราชอาณาเขต…ควรจะจัดส่งข้าหลวงที่ทรงคุณวุฒิปรีชาสามารถออกไป ประจ�ำการรักษาพระราชอาณาเขตจึงโปรดเกล้าให้จัดส่งข้าหลวงมาก�ำกับราชการเมืองสุรินทร์และเมือง อ่ืนๆ ตั้งแต่พ.ศ 2434 ท�ำให้เจ้าเมืองสุรินทร์และหัวเมืองชั้นนอกท้ังหลายไม่ค่อยมีอ�ำนาจการปกครอง เมืองอยา่ งเตม็ ทเี่ หมือนแตก่ อ่ น ตอ่ มา พ.ศ. 2437 สมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยทรงจัดการปกครองแบบเทศาภิบาลพร้อมกันท้ังราชอาณาจักร ข้าหลวง

68 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ เทศาภิบาลขึ้นตรงต่อเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ท�ำให้แบ่งเบาภาระรัฐบาลกลางในหน้าที่ราชการ ส่วนภูมิภาคได้อย่างมาก การก�ำกับราชการเมืองสุรินทร์น้ัน ทางราชการส่วนกลางได้แต่งต้ังให ้ หลวงธนสารสทุ ธารกั ษ์ (หวา่ ง) กับขุนก�ำพุชภาจา (ลา่ มภาษากวยและเขมร) อยู่ประจ�ำการรักษาราชการ มีหน้าท่ีควบคุมดูแลปราบปรามโจรผู้ร้ายและจัดราชการภายในเมืองสุรินทร์ตามระบบเทศาภิบาล หลวงธนสารสุทธารักษ์เป็นข้าหลวงคนแรกท่ีทางราชการส่งมาก�ำกับราชการเมืองสุรินทร์ แต่ต�ำแหน่ง เจ้าเมืองและกรมการในห้วงน้ันยังมีเจ้าเมืองกรมการในท้องถิ่นปกครองสืบเช้ือสายกันต่อมา แต่อ�ำนาจ เฉียบขาดตกอยู่กับหลวงประจ�ำเมือง “บางคร้ังหลวงสุทธิสารสุทธารักษ์ใช้อ�ำนาจลงทัณฑ์ผู้กระท�ำผิด รนุ แรงถงึ ขน้ั เสยี ชวี ติ กม็ ”ี ขา้ หลวงก�ำกบั ราชการเมอื งสรุ นิ ทรต์ อ่ จากหลวงธนสารสทุ ธารกั ษม์ อี กี หลายทา่ น แตล่ ะทา่ นรบั ราชการอยเู่ พยี งปเี ดยี วกย็ า้ ยไปรบั ราชการทอ่ี น่ื ยกเวน้ หลวงสาธรสรรพกจิ (อดู๊ ) ทร่ี บั ราชการ อยทู่ เ่ี มอื งสรุ นิ ทรถ์ งึ 12 ปี ตง้ั แต่ พ.ศ. 2438 ถงึ 2450 ในปตี อ่ มาทางราชการไดแ้ ตง่ ตงั้ พระกรงุ ศรบี รริ กั ษ์ มาด�ำรงต�ำแหน่งข้าหลวงประจ�ำเมืองสุรินทร์คนแรก ส่วนต�ำแหน่งเจ้าเมือง ได้เปล่ียนเป็นต�ำแหน่ง ผวู้ า่ ราชการสบื ตอ่ มาจนถงึ ปี พ.ศ. 2459 จงึ ไดเ้ ปลยี่ นมาเปน็ ต�ำแหนง่ ผวู้ า่ ราชการเมอ่ื เกดิ การเปลยี่ นแปลง การปกครอง 2475 ทางราชการได้เปลี่ยนมาเป็นต�ำแหน่งข้าหลวงประจ�ำจังหวัดอีกจนถึง พ.ศ 2495 ทางราชการได้จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินให้แบ่งส่วนราชการส่วนภูมิภาค เป็นภาค จังหวัด และ อ�ำเภอ จงึ เปลีย่ นต�ำแหนง่ ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดกลบั มาเปน็ ต�ำแหนง่ ผวู้ า่ ราชการจนถึงปจั จบุ นั (ไพฑูรย์ มีกุศล, 2552, 20-21) ท่ีตั้งและอาณาเขต จงั หวดั สรุ นิ ทร์ ตงั้ อยภู่ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย ระหวา่ งเสน้ แวงที่ 103 องศา และ 105 องศาตะวนั ออก และระหวา่ งเสน้ รงุ้ ที่ 15 และ 16 องศาเหนอื หา่ งจากกรงุ เทพมหานครประมาณ 450 กิโลเมตร มีอาณาเขตตดิ ตอ่ กับจังหวดั ใกล้เคียง ดังน้ี (กรมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถน่ิ , 2553) ทิศเหนือ ตดิ ต่อกบั จงั หวัดรอ้ ยเอ็ดและจังหวดั มหาสารคาม ทิศตะวนั ออก ติดตอ่ กบั จังหวดั ศรสี ะเกษ ทิศใต้ ตดิ ตอ่ กบั ราชอาณาจกั รกมั พชู า ในพนื้ ที่ 4 อ�ำเภอ คอื บวั เชด สงั ขะ กาบเชงิ และพนมดงรกั ความยาวตลอดแนวชายแดนประมาณ 125 กโิ ลเมตร ทศิ ตะวันตก ติดตอ่ กบั จงั หวดั บรุ รี ัมย์

69 การปกครอง จงั หวดั สรุ นิ ทรแ์ บง่ การปกครองออกเปน็ 17 อ�ำเภอ 158 ต�ำบล 2,122 หมบู่ า้ น องคก์ ารบรหิ าร สว่ นจงั หวดั (อบจ.) 1 แหง่ เทศบาลเมอื ง 1 แหง่ เทศบาลต�ำบล 27 แห่ง และองค์การบริหารสว่ นต�ำบล (อบต.)144 แหง่ ชมุ ชน 41 ชุมชน แยกเปน็ รายอ�ำเภอไดด้ ังน้ี ตารางที่ 4.1 แสดงเขตการปกครองจงั หวัดสรุ ินทร์ จ�ำแนกเป็นรายอ�ำเภอ อ�ำเภอ พ้นื ที่ รอ้ ยละ ระยะทางจาก จ�ำนวน จ�ำนวน จ�ำนวน จ�ำนวน จ�ำนวน (ตร.กม.) (ต่อพนื้ ท่ี ทวี่ า่ การอ�ำเภอ ต�ำบล หมู่บ้าน เทศบาล อบต. ชมุ ชน จงั หวัด) ถึงศาลากลาง (แห่ง) (แหง่ ) (แหง่ ) (แห่ง) (แห่ง) จังหวดั (กม.) เมอื ง 903.84 11.13 - 20 290 2 20 32 ปราสาท 908.84 11.19 28 18 241 3 17 - สังขะ 1,009.00 12.42 47 12 186 1 12 9 ศีขรภูมิ 561.61 6.91 34 15 228 2 14 - รัตนบรุ ี 202.83 2.50 70 12 162 1 12 - ท่าตมู 643.26 7.92 52 10 165 2 9 - ส�ำโรงทาบ 375.25 4.62 54 10 100 2 9 - ชุมพลบรุ ี 520.26 6.40 91 9 122 5 5 - จอมพระ 314.00 3.87 26 9 105 3 7 - สนม 203.00 2.50 51 7 78 2 6 - บวั เชด 479.00 5.90 70 6 68 1 6 - ล�ำดวน 301.00 3.71 26 5 51 1 5 - กาบเชงิ 574.00 7.07 58 6 86 2 4 - ศรณี รงค์ 410.00 5.05 64 5 62 - 5 - พนมดงรกั 318.00 3.91 78 4 55 - 4 - เขวาสนิ รนิ ทร์ 201.00 2.47 14 5 55 1 4 - โนนนารายณ์ 199.17 2.45 72 5 68 - 5 - รวม 8,124.06 100.00 158 2,122 28 144 41 ที่มา: แผนพัฒนาจังหวดั สุรนิ ทร์ พ.ศ. 2561-2565 (ฉบบั ทบทวน พ.ศ. 2563)

70 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ ในสว่ นของการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ มสี ว่ นราชการ หนว่ ยงานรฐั วสิ าหกจิ และ หนว่ ยงานต่างๆ ท่ีตงั้ อยใู่ นพ้นื ท่ขี องจังหวดั จ�ำนวน 328 หน่วยงาน แยกเป็น • ส่วนราชการทข่ี ้นึ ตรงตอ่ ส่วนกลาง จ�ำนวน 88 หน่วยงาน • ส่วนราชการส่วนภูมิภาคประจ�ำจงั หวดั จ�ำนวน 34 หนว่ ยงาน • สว่ นราชการส่วนทอ้ งถ่นิ จ�ำนวน 173 หน่วยงาน • รัฐวิสาหกจิ จ�ำนวน 14 หน่วยงาน • หนว่ ยงานพิเศษ จ�ำนวน 15 หนว่ ยงาน • หน่วยงานในก�ำกบั ของกระทรวงการคลัง จ�ำนวน 1 หนว่ ยงาน • หนว่ ยงานในก�ำกบั ดแู ลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ จ�ำนวน 3 หน่วยงาน สถานการณ์ดา้ นเศรษฐกจิ ของจงั หวัดสรุ ินทร์ จงั หวดั สรุ นิ ทรเ์ ปน็ เมอื งเกษตร หากพจิ ารณาสดั สว่ นของมลู คา่ ผลติ ภณั ฑจ์ งั หวดั ในภาคการเกษตร แล้ว จะพบวา่ ภาคการเกษตรมีสว่ นส�ำคญั อยา่ งย่งิ ต่ออตั ราการเติบโตทางเศรษฐกจิ เน่อื งจากมสี ัดส่วน ถึงร้อยละ 23-33 ของมลู ค่าผลติ ภณั ฑ์จังหวดั สังเกตไดว้ า่ ในปีทีม่ สี ัดสว่ นของมูลคา่ ในภาคการเกษตรสูง มลู คา่ ผลติ ภณั ฑจ์ งั หวดั จะสงู ขนึ้ ตามไปดว้ ย จากตวั อยา่ งในปี พ.ศ. 2556 ทผ่ี ลติ ภณั ฑจ์ งั หวดั สรุ นิ ทรม์ มี ลู คา่ สูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 70,916 ล้านบาท และมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดในภาคการเกษตรก็มีสัดส่วนสูง ทส่ี ดุ ในรอบ 10 ปี เชน่ กนั คอื รอ้ ยละ 32.7 ซงึ่ ในชว่ งเวลาปกตมิ ลู คา่ ผลติ ภณั ฑจ์ งั หวดั ในภาคการเกษตร จะมีสัดสว่ นอยทู่ ป่ี ระมาณร้อยละ 22–28 เทา่ นน้ั ขอ้ มลู การใชท้ ด่ี นิ ในปี พ.ศ.2558 ของส�ำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร จงั หวดั สรุ นิ ทร์ มเี นอื้ ท่ี 5,077,534 ไร่ เปน็ พน้ื ทท่ี �ำการเกษตรถงึ รอ้ ยละ 82.86 หรอื 4,207,389 ไร่ (เป็นที่นา 4,207,389 ไร่ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 84.04 เปน็ พนื้ ทปี่ ลกู พชื ไร่ 375,470 ไร่ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 8.92) ลกั ษณะการถอื ครองทดี่ นิ ทางการเกษตร รอ้ ยละ 57.42 เปน็ เนอื้ ทข่ี องตนเอง สว่ นอกี รอ้ ยละ 42.58 เปน็ การท�ำการเกษตรบนเนอื้ ทขี่ องผอู้ นื่ เชน่ เช่าผู้อื่น หรือ ได้ท�ำฟรี พ้ืนท่ีท�ำการเกษตรส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทาน ท�ำให้การด�ำเนินกิจกรรม ทางการเกษตรสว่ นใหญต่ อ้ งพง่ึ พานำ�้ ฝนเปน็ หลกั ผลผลติ ทางการเกษตรทสี่ �ำคญั คอื ขา้ ว มนั ส�ำปะหลงั อ้อย ยางพารา เปน็ ต้น ส่วนดา้ นปศสุ ัตว์ ผลผลิตท่สี �ำคญั คือ ไก่ เป็ด และโค ขอ้ มลู จากส�ำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตใิ นปี พ.ศ.2559 พบวา่ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์ เม่ือพิจารณาจากผลิตภัณฑ์จังหวัด ณ ราคาประจ�ำป ี มีมูลค่า 70,473 ล้านบาท อยู่ล�ำดับที่ 70 ของประเทศ จากจ�ำนวน 77 จังหวัด (รวมกรุงเทพมหานคร) อยู่ล�ำดับที่ 15 จากจ�ำนวน 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคนต่อปี (GPP per capita) อยู่ที่ 60,462 บาท สูงขนึ้ จากเดิมเล็กนอ้ ย โดยในปี พ.ศ.2558 มมี ูลคา่ 62,498 บาท หรอื มอี ตั ราการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ คดิ เปน็ ร้อยละ 1.9 (แผนยทุ ธศาสตร์จังหวดั สุรินทร์, 2563, 10)

71 สัดส่วนมูลค่าของผลิตภัณฑ์จังหวัดสุรินทร์ ส่วนใหญ่มาจากการผลิตนอกภาคการเกษตร (รอ้ ยละ 74.4) มจี �ำนวน 18 สาขา ซง่ึ สาขาทม่ี สี ดั สว่ นมลู คา่ ของผลติ ภณั ฑม์ ากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่ สาขาการศกึ ษา (ร้อยละ 16.3) สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ (ร้อยละ 12.4) สาขาการผลิตอุตสาหกรรม (ร้อยละ 9.5) สาขาการเงินและการประกันภัย (ร้อยละ 9.3) การบริหาร ราชการ การป้องกันประเทศฯ (ร้อยละ 6.5) สาขากิจกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ (ร้อยละ 5.2) สาขาการก่อสร้าง (ร้อยละ 4.3) และสาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ (ร้อยละ 3.9) สาขาการขนส่ง และสถานท่ีเก็บสินค้า (ร้อยละ 1.9) ที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาต่างๆ ซ่ึงไม่แตกต่างกัน มากนกั (แผนยทุ ธศาสตร์จังหวดั สุรนิ ทร,์ 2563, 10) สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีอัตราการเติบโต ไม่คงท่ี เห็นได้จากตัวเลขของมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต้ังแต่ปี พ.ศ.2550 - 2556 มีอัตราการเติบโตท ี่ ค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 4.8 - 7.9 และราบรื่นดีมาโดยตลอด กระท่ังในปี พ.ศ.2557 ตัวเลขลดลงอย่าง เห็นได้ชัด มีอัตราการเติบโตติดลบท่ีร้อยละ 1.4 ซ่ึงในช่วงนี้จังหวัดในกลุ่มนครชัยบุรินทร์มีสภาวการณ์ ทางเศรษฐกิจที่ถดถอยเช่นเดียวกัน จากน้ันในปี พ.ศ.2558-2559 จังหวัดสุรินทร์เริ่มมีอัตราการเติบโต ทด่ี ขี นึ้ แตโ่ ดยภาพรวมแลว้ ในระยะ 10 ปที ผ่ี า่ นมา เศรษฐกจิ ยงั คงเปน็ ไปในทศิ ทางทด่ี เี ตบิ โตอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แตแ่ นวโนม้ ของการเตบิ โตมลี กั ษณะแบบคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป ชว่ งสามปที ผี่ า่ นมามอี ตั ราการเตบิ โตอยทู่ รี่ อ้ ยละ 2.85 ซึ่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉล่ียอยู่ที่ร้อยละ 4.6 ส่วนของ ประเทศเฉล่ียอยู่ท่ีร้อยละ 5.4 ส่งผลต่อการเรียงล�ำดับผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อคนต่อปีของจังหวัด สุรินทร์ท่ีตกลงมาอย่างต่อเน่ืองตลอดระยะเวลา 5-6 ปีท่ีผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจของจังหวัดในกลุ่ม ทา้ ยๆ มอี ตั ราการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ทสี่ งู กวา่ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ (แผนยทุ ธศาสตรจ์ งั หวดั สรุ นิ ทร,์ 2563, 10) การเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจังหวดั สรุ นิ ทร์ การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ เกิดขึ้นคร้ังแรกนับตั้งแต่การเปล่ียนแปลง การปกครอง 2475 ซง่ึ คณะราษฎรไดร้ า่ งรฐั ธรรมนญู ฉบบั ชว่ั คราว เรยี กวา่ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั ร สยามพทุ ธศกั ราช 2475 โดยก�ำหนดใหม้ สี ภาผแู้ ทนราษฎรทป่ี ระกอบดว้ ยสมาชกิ 2 ประเภทคอื ประเภท ที่มาจากการแต่งต้ังและประเภทที่มาจากการเลือกตั้ง ส�ำหรับส่วนที่มาจากการเลือกต้ังเป็นการเลือกต้ัง ทางอ้อม โดยเลอื กผแู้ ทนต�ำบลก่อน จากนั้นผแู้ ทนต�ำบลเป็นผู้เลอื กผู้แทนราษฎรอกี ครั้งหนึง่ งานศกึ ษาของไพฑรู ย์ มกี ศุ ล (2552, 28-37) ไดท้ �ำการศกึ ษาการเลอื กตง้ั ทว่ั ไปทเี่ กดิ ขน้ึ ในจงั หวดั สุรินทร์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2476-2550 พบว่ามีเพียงการเลือกตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ.2476 ท่ีเป็นการเลือกตั้ง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทางออ้ ม นอกนนั้ การเลอื กตงั้ ทเี่ กดิ ในประเทศไทยเปน็ การเลอื กตง้ั ทางตรงโดย ให้ประชาชนเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกผู้แทนของตนเอง โดยจะหยิบยกรายละเอียดของการเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรทีน่ า่ สนใจมาอธิบายให้เหน็ ดงั นี้

72 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ การเลอื กตง้ั ทว่ั ไปครง้ั ที่ 1 เมอื่ วนั ท่ี 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2476 รฐั บาลไดก้ �ำหนดใหม้ กี ารเลอื กตงั้ สมาชิกประเภทท่ี 1 เป็นคร้ังแรกและการเลือกตั้งทางอ้อมโดยวิธีแบ่งเขต ในแต่ละเขตได้ก�ำหนดจ�ำนวน ราษฎรไว้ 2 แสนคนต่อผู้แทน 1 คนโดยให้ราษฎรในหมู่บ้านเลือกตัวแทนของหมู่บ้าน ขั้นตอนต่อไป ผู้แทนของหมู่บ้านเลือกผู้แทนในระดับต�ำบล ผู้แทนระดับต�ำบลเป็นผู้เลือกผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง จงึ เปน็ การเลอื กตงั้ ทางออ้ ม ประชาชนยงั ไมม่ สี ทิ ธเิ ลอื กตวั แทนของตนโดยตรง โดยคณะราษฎรอ์ า้ งเหตผุ ล วา่ เปน็ ระยะหวั เลย้ี วหวั ตอ่ ทเี่ พง่ิ เรมิ่ การเปลยี่ นแปลงการปกครองเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย รฐั บาลยงั ขาด ความเชื่อมั่นในความพร้อมของประชาชนท่ีจะปกครองตนเอง การเลือกต้ังทั่วไปครั้งแรกน้ีมีสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรจ�ำนวน 78 คนจงั หวดั สรุ นิ ทรม์ สี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรได้ 1 คน สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จังหวัดสุรินทร์คนแรกคือ รองอ�ำมาตย์ตรีขุนรักษ์รัษฎากร (จวบ ไมยรัตน์) ส่วนสมาชิกประเภทท่ี 2 พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั เมอ่ื วนั ที่ 9 ธนั วาคม พ.ศ 2476 มจี �ำนวนเทา่ กบั สมาชกิ ประเภทท่ี 1 คอื จ�ำนวน 78 คน โดยมพี นั เอกพระยาพหลพลพยหุ เสนาเปน็ นายกรฐั มนตรี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรชดุ แรกนดี้ �ำรง ต�ำแหน่งอยู่จนครบวาระ 4 ปี เม่ือวันท่ี 9 ธันวาคม 2480 ซ่ึงถือว่าเป็นการออกตามวาระท่ีรัฐธรรมนูญ ก�ำหนด (ไพฑูรย์ มีกศุ ล, 2552, 28) การเลอื กตงั้ ทวั่ ไปครง้ั ท่ี 2-4 ระหวา่ งปี พ.ศ.2480-2489 เปน็ การเลอื กตงั้ ทางตรงโดยวธิ แี บง่ เขต การเลอื กตงั้ ครงั้ ท่ี 2 เมอื่ วนั ท่ี 7 พฤศจกิ ายน 2480 เปน็ การเลอื กตง้ั ทางตรงโดยวธิ แี บง่ เขต แตล่ ะเขตใหม้ ี ผแู้ ทนราษฎรได้ 1 คนตอ่ จ�ำนวนราษฎร 2 แสนคน การเลอื กตง้ั มผี แู้ ทนราษฎรในครง้ั ที่ 2 จ�ำนวน 91 คน จงั หวดั สรุ นิ ทรม์ สี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2 คนคอื นายปรกึ ษ์ แกว้ ปลง่ั (เขต 1) และนายบรรณ์ สวนั ตรจั ฉ์ (เขต 2) สว่ นการเลอื กตง้ั ครงั้ ที่ 3 ยงั เปน็ การเลอื กตงั้ ทางตรงโดยวธิ แี บง่ เขตเมอื่ วนั ท่ี 12 พฤศจกิ ายน 2481 แต่ละเขตมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คนและถือเอาจ�ำนวนราษฎร 2 แสนคนต่อผู้แทน 1 คน จังหวัด สรุ นิ ทร์มีสมาชิกสภาผแู้ ทน 2 คนคอื นายปรกึ ษ์ แกว้ ปลัง่ (เขต 1) และและนายบรรณ์ สวนั ตรจั ฉ์ (เขต 2) เน่ืองจากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติขยายก�ำหนดเวลาอยู่ในต�ำแหน่งของสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรออกไปอีกโดยอ้างเหตุผลว่าในช่วงเวลาน้ันประเทศไทยอยู่ในภาวะสงครามระหว่าง ไทยกับอินโดจีนฝร่ังเศสและสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนการเลือกต้ังคร้ังที่ 4 เมื่อวันท่ี 6 มกราคม 2489 เปน็ การเลอื กตงั้ ทางตรงโดยวธิ แี บง่ เขตแตล่ ะเขตมสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 1 คนและถอื เอาจ�ำนวนราษฎร 200,000 คนตอ่ ผแู้ ทน 1 คนจงั หวดั สรุ นิ ทรม์ สี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2 คนคอื นายขาว ธรรมสชุ าติ (เขต 1) และนายยืน สืบนุการณ์ (เขต 2) ต่อมาไดม้ กี ารเลือกต้งั เพิม่ เตมิ วนั ท่ี 5 สงิ หาคม 2489 ผทู้ ี่ได้รบั เลอื กต้งั คอื นายสิงหท์ อง กองทรพั ย์ และนายสุพรรณ สืบสทิ ธิ์(ไพฑรู ย์ มกี ุศล, 2552, 28-29) ส�ำหรบั การเลอื กตงั้ ทว่ั ไปครง้ั ที่ 5-9 ระหวา่ งปี พ.ศ.2491-2512 เปน็ การเลอื กตงั้ ทางตรงโดยวธิ ี รวมเขตและถอื เอาจงั หวัดเป็นเขตเลอื กตั้งโดยมกี ารก�ำหนดจ�ำนวนราษฎร 200,000 คนตอ่ ผ้แู ทน 1 คน ในการเลือกตั้งคร้ังท่ี 5 ส่วนการเลือกต้ังครั้งที่ 6-9 ถือเอาจ�ำนวนราษฎร 150,000 คนต่อผู้แทน 1 คน ดังน้ันในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งท่ี 5 จังหวัดสุรินทร์มีสมาชิกผู้แทน 2 ท่านคือนายญาติ ไหวดี และ นายนิล ประจันทร์ ในการเลือกต้ังคร้ังที่ 6 เม่ือวันท่ี 26 กุมภาพันธ์ 2495 จังหวัดสุรินทร์มีสมาชิก

73 สภาผแู้ ทนราษฎรจ�ำนวน 3 คน คอื นายญาติ ไหวดี นายยนื สบื นกุ ารณ์ และนายเหลอ่ื ม พนั ธฤ์ุ กษ์ ส�ำหรบั การเลือกต้ังทัว่ ไปครั้งที่ 7 เมื่อวนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ 2500 สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรของจงั หวดั สุรินทรม์ ี 3 ทา่ น คอื นายญาติ ไหวดี นายเหลอ่ื ม พนั ธุ์ฤกษ์ และนายยืน สบื นุการณ์ ในการเลือกตัง้ ครง้ั ที่ 8 เมอ่ื วนั ที่ 15 ธนั วาคม 2513 จงั หวดั สรุ นิ ทรม์ สี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 3 คน คอื นายญาติ ไหวดี พรรคสหภมู ิ นายเปล้ือง วรรณศรี พรรคแนวร่วมสังคมนิยม และนายสุธี ภูวพันธ์ ไม่สังกัดพรรค สมาชิกภาพของ สภาผู้แทนส้ินสุดลงโดยคณะปฏิวัติซึ่งมีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติได้ประกาศ ยึดอ�ำนาจการปกครองประเทศเม่ือวันท่ี 20 ตุลาคม 2501 ยังผลให้รัฐธรรมนูญการปกครองประเทศ และพระราชบญั ญตั พิ รรคการเมอื งสนิ้ สดุ ลงดว้ ย บรรดานกั การเมอื งฝา่ ยคา้ นในยคุ นน้ั ถกู จบั กมุ ในขอ้ หา กระท�ำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ หลังการเดินทางเยือนสหภาพโซเวียตและสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามค�ำเชญิ ของรฐั บาลทงั้ สองประเทศ นายเปลอื้ ง วรรณศรี ถกู จบั กมุ โดยค�ำสง่ั ของรฐั บาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ตซ์ งึ่ เปน็ นายกรฐั มนตรี พรอ้ มกบั พลเรอื ตรขี �ำ หริ ญั นายเทพ โชตนิ ชุ ติ นายพรชยั แสงชจั จ์ และ นายแคล้ว นรปติ โดยถกู จ�ำคกุ อยู่ในเรือนจ�ำลาดยาวเป็นเวลา 8 ปี (ไพฑูรย์ มกี ุศล, 2552, 29-30) การเลือกตง้ั ท่ัวไปครงั้ ที่ 10-17 ระหวา่ งปี พ.ศ.2518-2535 การเลอื กตั้งทวั่ ไปครั้งท่ี 10 ถึง 17 เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสมระหว่างการแบ่งเขตกับการรวมเขตเลือกต้ังโดยถือเอาจ�ำนวนราษฎร 150,000 คนต่อผู้แทนราษฎร 1 คน โดยในการเลือกต้ังทั่วไปคร้ังที่ 10 เม่ือวันที่ 26 มกราคม 2518 และการเลอื กตง้ั ท่ัวไปครง้ั ที่ 11 เมอื่ วันท่ี 4 เมษายน 2519 จังหวดั สรุ ินทรแ์ บ่งเขตการเลือกต้ังออกเป็น 2 เขต โดยมสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 6 คน สว่ นการเลอื กตงั้ ทวั่ ไปครงั้ ที่ 12 เมอื่ วนั ที่ 22 เมษายน 2522 และครั้งท่ี 13 เม่ือวันที่ 18 เมษายน 2526 จังหวัดสุรินทร์แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต โดยมีผู้แทน ราษฎร 7 คน ในการเลือกต้ังทั่วไปครั้งท่ี 14 เม่ือวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 การเลือกต้ังทั่วไปคร้ังท่ี 15 เมอ่ื วันท่ี 24 กรกฎาคม 2531 การเลอื กต้ังทว่ั ไปคร้งั ท่ี 16 เมอ่ื วนั ท่ี 22 มนี าคม 2535 และการเลอื กตั้ง ทว่ั ไปครงั้ ท่ี 17 เม่อื วนั ท่ี 13 กันยายน 2535 จงั หวดั สุรินทรแ์ บ่งเขตเลือกตง้ั ออกเปน็ 3 เขต โดยมผี แู้ ทน ราษฎร 8 คน (ไพฑูรย์ มีกศุ ล, 2552, 30-34) การเลือกต้ังทั่วไปครั้งที่ 18 และ 19 เม่ือวันท่ี 2 กรกฎาคม 2538 และวันท่ี 17 พฤศจิกายน 2539 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 โดยการ เปลี่ยนแปลงจ�ำนวน ส.ส. จากเดิมท่ีก�ำหนดไว้ตายตัว 360 คน เป็นจ�ำนวน ส.ส. 1 คน ต่อประชากร 150,000 คน ท�ำให้การเลอื กต้ังคร้งั นัน้ มี ส.ส. จ�ำนวน 391 คน และ 393 คนตามล�ำดบั ส่งผลให้จังหวัด สรุ นิ ทร์ยงั คงเขตเลอื กตั้ง 3 เขต แตม่ ีสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 9 คน (ไพฑรู ย์ มีกุศล, 2552, 34-35) ส�ำหรบั การเลอื กตงั้ ครง้ั ท่ี 20 เมอื่ วนั ท่ี 6 มกราคม 2544 เปน็ การเลอื กตงั้ ครงั้ แรกตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ด้วยวิธีการเลือกต้ังแบบผสม โดยเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกต้ัง (one man one vote) จ�ำนวน 400 คน และ ส.ส. จากบัญชีรายชื่อ (party lists) 100 คน ซ่ึงมีเขตเลือก ตั้งคือเขตประเทศ เสมือนว่าการเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายช่ือคือการเลือกพรรคที่ชอบ โดยพรรคการเมือง นน้ั ๆ จะจดั ท�ำบญั ชรี ายชอื่ ผสู้ มคั ร ส.ส.ปารต์ ล้ี สิ ต์ โดยจดั เรยี งตามล�ำดบั ความส�ำคญั การเลอื กตง้ั ปี 2544

74 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีผู้สมัครถึง 3,722 คน แบ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 2,782 คน ผสู้ มคั ร ส.ส.บญั ชรี ายชอื่ 940 คน จากทง้ั หมด 43 พรรคการเมอื ง โดยพรรคไทยรกั ไทย น�ำโดย นายทกั ษิณ ชินวตั ร เปน็ พรรคท่ีได้ทีน่ ่งั มากท่ีสดุ 247 ทนี่ ่ัง เป็นแกนน�ำจดั ต้ังรฐั บาลรว่ มกับอีก 3 พรรค มีเสียงในสภารวม 367 เสียง ขณะท่ีพรรคฝ่ายค้านมีเสียงเพียง 163 เสียง ด้วยเสียงในสภาจ�ำนวนมาก ท�ำใหร้ ฐั บาลชดุ นมี้ เี สถยี รภาพและมคี วามเขม้ แขง็ ทา่ มกลางการถกู วพิ ากษว์ จิ ารณว์ า่ สามารถบรหิ ารงาน ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนเป็นรัฐบาลชุดแรกท่ีสามารถอยู่จนครบวาระ 4 ปี (www.thaipublica.org, 2561) ในการเลือกต้ังครั้งนี้จังหวัดสุรินทร์มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 9 คน โดยการแบ่งเขตเลือกต้ัง แบบเขตเดียวเบอร์เดียว ซึ่งผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปรากฏว่าได้ผู้แทนท่ีมาจากพรรค ไทยรกั ไทยถึง 7 คน จากจ�ำนวนสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรทงั้ ส้ิน 9 คน การเลอื กตงั้ ทว่ั ไปครง้ั ท่ี 21 เมื่อวนั ที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2548 ยงั คงเปน็ การเลอื กตั้งทใ่ี ชห้ ลกั เกณฑ์ และกตกิ าการเลอื กตง้ั เชน่ เดยี วกบั การเลอื กตงั้ ครงั้ ที่ 20 โดยผลจากการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เมอื่ วนั ท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2548 พรรคไทยรกั ไทยยงั ท�ำใหเ้ กดิ ปรากฏการณท์ างการเมอื งครง้ั ใหมอ่ กี ครงั้ โดยเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ภายใต้กฎกติกาการเลือกตั้งในระบอบ ประชาธปิ ไตย จนอาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ ชว่ งทกี่ ารเมอื งไทยถกู บรหิ ารงานโดย “รฐั บาลพรรคเดยี วแบบพรรค เดน่ พรรคเดยี ว (single party government)” โดยพรรคไทยรกั ไทย ไดร้ บั ชยั ชนะในการเลอื กตง้ั ดว้ ยจ�ำนวน ทนี่ งั่ ในสภาผแู้ ทนราษฎรถงึ 377 ทนี่ งั่ ทงิ้ หา่ งพรรคการเมอื งอน่ื ๆ อนั ไดแ้ ก่ พรรคประชาธปิ ตั ย์ ทมี่ จี �ำนวน 96 ท่ีนั่ง พรรคชาติไทย 25 ที่น่ัง และพรรคมหาชน 2 ที่นั่ง และส่งผลให้เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านไป โดยทนั ที (นพรตั น์ วงศว์ ทิ ยาพาณชิ ย์ และ นครนิ ทร์ เมฆไตรรตั น,์ 2552) ส�ำหรบั จงั หวดั สรุ นิ ทรม์ สี มาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 9 คน ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปรากฏว่า ได้ผู้แทนที่มาจาก พรรคไทยรักไทยถึง 8 คน จากจ�ำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท้ังสิ้น 9 คน โดยแบ่งท่ีน่ัง 1 ท่ีน่ังให้กับ พรรคชาติไทย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพรรคไทยรักไทยจะสามารถก้าวเข้ามาบริหารประเทศได้โดยสามารถ จัดต้ังรัฐบาลได้เพียงพรรคการเมืองเดียว แต่กลับปรากฏว่าการด�ำรงอยู่ของรัฐบาลพรรคเดียวภายใต้ พรรคไทยรกั ไทยสามารถบรหิ ารประเทศไดเ้ พยี ง 11 เดอื น เทา่ นนั้ กม็ อี นั ตอ้ งยตุ บิ ทบาทไป นนั่ คอื เรม่ิ เขา้ มา บริหารประเทศตั้งแต่เวันท่ี 9 มีนาคม พ.ศ. 2548 และไปส้ินสุดเม่ือวันท่ี 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 อันเน่ืองมาจากปัญหาด้านการคอรัปช่ันเชิงนโยบาย ผนวกกับผลประโยชน์ทับซ้อนของรัฐบาลท่ีสั่งสม มานานตง้ั แต่เมอ่ื พ.ต.ท.ทักษณิ ชินวตั ร ไดเ้ ข้ามาบรหิ ารประเทศในสมัยแรก (9 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2544 - 8 มนี าคม พ.ศ.2548) จนน�ำมาสกู่ ารอภปิ รายไมไ่ วว้ างใจรฐั มนตรเี ปน็ รายบคุ คล เมอื่ วนั ที่ 27-28 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2549 ต่อจากนั้นความไม่พอใจถึงได้พัฒนามาเป็นความไม่ไว้วางใจของประชาชนคนช้ันกลางถึง จุดระเบิด เม่ือพบว่า บริษัท ชิน คอเปอร์เรช่ัน จ�ำกัด (มหาชน) ขายหุ้นให้กองทุนเทมาเส็กของรัฐบาล สิงคโปร์เป็นเงิน 73,300 ล้านบาทในเดือนมกราคม พ.ศ. 2529 โดยเสียภาษีและมีเง่ือนง�ำอันฉ้อฉล

75 หลายอยา่ ง เปน็ เชอื้ เพลงิ แหง่ ความโกรธแคน้ จนเกดิ มกี ารเคลอ่ื นไหวชมุ นมุ ประทว้ งเพอื่ ขบั ไล่ พ.ต.ท.ทกั ษณิ ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2549 น�ำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นพรตั น์ วงศว์ ิทยาพาณิชย์ และ นครนิ ทร์ เมฆไตรรตั น)์ การเลือกตั้งในวันท่ี 2 เมษายน ปี 2549 ซ่ึงเป็นการเลือกต้ังท่ีทุกพรรคการเมืองยกเว้น พรรคไทยรกั ไทยประกาศควำ่� บาตรการเลอื กตง้ั โดยไมส่ ง่ ผสู้ มคั รลงรบั เลอื กตง้ั นอกจากนย้ี งั มปี ญั หาเกดิ ขนึ้ หลายประเดน็ เชน่ ผสู้ มคั รหลายเขตไดค้ ะแนนนอ้ ยกวา่ คะแนนโนโหวต กกต.เขตในบางจงั หวดั ประกาศ ลาออก ท�ำให้บางเขตเลือกตั้งไม่สามารถเปิดท�ำการหน่วยเลือกต้ังได้ รวมทั้งมีผู้ฉีกบัตรเพ่ือประท้วง การเลอื กตง้ั ครงั้ น้ี ท�ำใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ของรฐั สภายน่ื ค�ำรอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ใหว้ นิ จิ ฉยั วา่ การเลอื กตง้ั ไมช่ อบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ซง่ึ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดว้ นิ จิ ฉยั ใหเ้ พกิ ถอนการเลอื กตง้ั และใหจ้ ดั การเลอื กตงั้ ใหม่ ในวนั ที่ 15 ตลุ าคม 2549 แตใ่ นทสี่ ดุ เสน้ ทางการเลอื กตงั้ ทถ่ี กู ก�ำหนดไวไ้ ดส้ ะดดุ ลงหลงั จากเกดิ รฐั ประหาร ในวันท่ี 19 กันยายน 2549 www.thaipublica.org การเลือกต้ังคร้ังท่ี 22 ในวันท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 รฐั ธรรมนญู ฉบบั นอ้ี อกแบบการเลอื กตง้ั มาเพอ่ื แกป้ ญั หาทเ่ี คยเกดิ ขน้ึ คอื ความไดเ้ ปรยี บของพรรคการเมอื งขนาดใหญ่ เชน่ การก�ำหนดใหพ้ รรคการเมอื งทไี่ ดค้ ะแนนบญั ชรี ายชอื่ ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว เพื่อไม่ให้พรรครัฐบาลเข้มแข็งเกินกว่าที่ ควรจะเป็น ขณะเดียวกนั กลบั มีฝ่ายค้านออ่ นแอ ไมอ่ าจส้เู สียงในสภาไดจ้ นกระทบต่อการถ่วงดุลในการ ตรวจสอบรฐั บาล วธิ กี ารเลอื กตงั้ ครง้ั นจ้ี งึ ก�ำหนดใหจ้ ดั การเลอื กตง้ั แบบเขตเดยี วหลายคน จ�ำนวน 400 คน และเลือกตั้งแบบสัดส่วน โดยก�ำหนดกลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกต้ังจ�ำนวน 8 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มมี ส.ส. 10 คน รวม ส.ส.สดั สว่ นทงั้ หมด 80 คน www.thaipublica.org โดยจังหวัดสรุ ินทร์มีจ�ำนวนสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 9 คน จาก 3 เขตเลือกต้ัง โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคพลังประชาชน 7 คน และสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคมชั ฌิมาธิปไตย 2 คน

76 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ ภาพที่ 4.1 วธิ กี ารเลือกตัง้ และระบบการเลือกตงั้

77

78 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์

79 บทท่ี 5 การใช้จ่ายเงินในการเลือกต้งั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุรินทร์ การท�ำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในการเลือกต้ัง โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงิน ในกจิ กรรมการรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตงั้ ซงึ่ อาจเปน็ ปจั จยั ทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ โอกาสของการไดร้ บั เลอื กตงั้ ของบรรดาผู้สมคั รของแต่ละพรรคการเมอื ง การศกึ ษาพฤตกิ รรมการใชจ้ า่ ยเงนิ ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั จงั หวดั สรุ นิ ทร์ ในการเลอื กตง้ั ทวั่ ไปเมอื่ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 เพอื่ ศกึ ษาผลของการบงั คบั ใชก้ ฎหมายการเลอื กตง้ั ในสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั มาตรการ การควบคมุ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั เปน็ ไปเพอ่ื ท�ำความเขา้ ใจบทบาทและวธิ กี ารปฏบิ ตั งิ านของผจู้ ดั การ เลอื กตงั้ วา่ มวี ธิ คี วบคมุ ตรวจสอบคา่ ใชจ้ า่ ยของผสู้ มคั รและพรรคการเมอื งในพน้ื ทอ่ี ยา่ งไร และพฤตกิ รรม ของผสู้ มคั รไดด้ �ำเนนิ การตามมาตรการทางกฎหมายหรอื ไม่ รวมทง้ั ในการบงั คบั ใชก้ ฎหมายมปี ญั หาและ อปุ สรรคในการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายหรอื ไม่ นอกจากนนั้ ในการใชท้ รพั ยากรในการเลอื กตงั้ มแี นวโนม้ ของ การซอื้ เสยี งหรอื ไม่ หรอื มกี ารรบั ผลประโยชนใ์ นรปู แบบอน่ื ๆ อยา่ งไรบา้ ง โดยบทนจี้ ะอธบิ ายกฎหมายที่ เกยี่ วขอ้ งกบั การใชจ้ า่ ยเงนิ ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ การวเิ คราะหร์ ายละเอยี ดการใชจ้ า่ ยเงนิ ของผสู้ มคั รใน พรรคการเมอื งทมี่ โี อกาสไดร้ บั การเลอื กตง้ั 4 พรรคการเมอื งอนั ประกอบดว้ ย พรรคเพอ่ื ไทย พรรคภมู ใิ จไทย พรรคพลงั ประชารฐั และพรรคอนาคตใหม่ และสว่ นสดุ ทา้ ยจะเปน็ การวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมการใชท้ รพั ยากร ตา่ งๆ และแนวโน้มของการซ้ือเสียงในการเลือกตง้ั เมอ่ื วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562

80 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ การกำ� หนดคา่ ใช้จ่ายในการเลือกตั้งและวธิ ีหาเสียง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซงึ่ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเมอ่ื วนั ท่ี 12 กนั ยายน 2561 โดยใหม้ ผี ลบงั คบั ใชเ้ มอ่ื พน้ ก�ำหนดเกา้ สบิ วนั นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยในส่วนที่ 4 แห่งพระราชบัญญัติฯ ได้ก�ำหนด หลกั เกณฑ์เกี่ยวกับค่าใช้จา่ ยในการเลือกต้ังและวธิ กี ารหาเสียงดังน้ี มาตรา 62 ให้คณะกรรมการประกาศก�ำหนดจ�ำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครแบบแบ่งเขต เลือกตั้งแต่ละคน และของพรรคการเมืองที่จะใช้จ่ายในการเลือกต้ังโดยหารือกับหัวหน้าพรรคการเมือง และใหม้ กี ารทบทวนการกำ� หนดจำ� นวนเงนิ ดงั กลา่ วใหส้ อดคลอ้ งกบั ความจำ� เปน็ และสภาวะทางเศรษฐกจิ อยา่ งนอ้ ยทกุ สป่ี ี คา่ ใชจ้ า่ ยของพรรคการเมอื งตามวรรคหนงึ่ ตอ้ งเปน็ การหาเสยี งของพรรคการเมอื งตาม หลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการกำ� หนด โดยจะกำ� หนดใหใ้ ชจ้ ำ� นวนสมาชกิ ของพรรคการเมอื งทสี่ ง่ สมคั รรบั เลอื กตง้ั เปน็ รายบคุ คลมาเป็นฐานในการค�ำนวณมไิ ด้ มาตรา 63 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใช้จ่ายในการเลือกต้ังเกินจ�ำนวนค่าใช้จ่าย ที่ก�ำหนดตามมาตรา 62 ท้ังน้ี ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้รวมถึงบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอ่ืนใดที่บุคคลใดๆ จ่ายหรือรับว่าจะจ่ายแทน หรือน�ำมาให้ใช้โดยไม่คิดค่าตอบแทนเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกต้ัง โดยผสู้ มัครหรือพรรคการเมืองนั้นยินยอมหรอื ไม่คดั คา้ น ในกรณีท่นี �ำทรพั ย์สนิ มาให้ใช้ ให้ค�ำนวณ ตาม อัตราค่าเช่าหรือค่าตอบแทนตามปกติในท้องที่น้ันๆ ทั้งน้ี ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่คณะกรรมการจัดให้แก่ ผู้สมัครทุกคนและพรรคการเมืองทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกนั มาตรา 64 ในการค�ำนวณค่าใช้จ่ายของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองส�ำหรับการเลือกต้ัง แตล่ ะครง้ั ใหค้ �ำนวณตามคา่ ใช้จา่ ยทีใ่ ช้จ่ายจริงในการเลือกตั้งในระหวา่ งระยะเวลาดังตอ่ ไปนี้ (1) ในกรณีที่เป็นการเลือกต้ังทั่วไปอันเน่ืองมาจากการครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ให้ค�ำนวณ ค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปตั้งแต่หน่ึงร้อยแปดสิบวันก่อนวันท่ีคณะกรรมการ ประกาศใหม้ ีการเลือกตั้ง จนถึงวนั เลอื กตง้ั (2) ในกรณีท่ีเป็นการเลือกต้ังทั่วไปอันเน่ืองมาจากการยุบสภา หรือการเลือกต้ังแทน ต�ำแหน่งท่ีว่าง ให้ค�ำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปต้ังแต่วันท่ียุบสภาหรือวันที่ต�ำแหน่ง ว่างลง แล้วแต่กรณีจนถึงวันเลือกต้ัง ในกรณีท่ีมีเหตุอันสมควรเพื่อประโยชน์ในการ ดำ� เนนิ การหรอื การจดั การเลอื กตง้ั ใหเ้ ปน็ ไปโดยสจุ รติ และเทย่ี งธรรม คณะกรรมการ จะขยายระยะเวลาตามวรรคหน่ึงออกไปก็ได้ ให้คณะกรรมการประกาศประเภทของ ค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังไว้เป็นตัวอย่างให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง และประชาชน ทราบเป็นการท่ัวไป ประกาศดงั กล่าวใหม้ กี ารปรบั ปรงุ ใหเ้ ป็นปัจจบุ ัน

81 จากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซงึ่ บญั ญตั ใิ หค้ ณะกรรมการการเลอื กตงั้ ก�ำหนดจ�ำนวนเงนิ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ ในเวลาตอ่ มา คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ก�ำหนดจ�ำนวนเงินค่าใช้จ่าย ในการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. 2561 โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเมอื่ วนั ท่ี 11 มกราคม 2562 โดยมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งในประกาศฉบับ ดงั กลา่ วก�ำหนดคา่ ใช้จ่ายดังน้ี (ข้อ 4) ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ังแต่ละคนต้องใช้จ่าย ในการเลอื กต้งั ไมเ่ กิน 1,500,000 บาท (หน่งึ ลา้ นห้าแสนบาทถว้ น) (ขอ้ 5) พรรคการเมอื งตอ้ งใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรไมเ่ กนิ 35,000,000 บาท (สามสบิ หา้ ลา้ นบาทถว้ น) คา่ ใชจ้ า่ ยของพรรคการเมอื งตามวรรคหนงึ่ ตอ้ งเปน็ การหาเสยี งของพรรคการเมอื ง ตามระเบยี บ คณะกรรมการการเลอื กตงั้ วา่ ดว้ ยวธิ กี ารหาเสยี งและลกั ษณะตอ้ งหา้ มในการหาเสยี งเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 6) ในกรณีที่มีการเลือกต้ังใหม่ในเขตเลือกต้ังใด ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัคร รบั เลือกตั้งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลือกตั้งแตล่ ะคนต้องใช้จา่ ยในการเลอื กตง้ั ใหม่ ดังน้ี (1) ในเขตเลอื กตง้ั ใดทตี่ อ้ งด�ำเนนิ การรบั สมคั รผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ใหม่ ใหผ้ สู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขต เลือกต้งั แตล่ ะคนต้องใชจ้ ่ายไมเ่ กนิ 750,000 บาท (เจด็ แสนห้าหม่ืนบาทถ้วน) (2) ในเขตเลือกตั้งใดท่ีไม่ต้องด�ำเนินการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ใหม่ ใหผ้ สู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบ แบง่ เขตเลือกตง้ั แต่ละคนต้องใชจ้ ่ายไม่เกนิ 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถว้ น) (ข้อ 7) ในกรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขตเลือกตั้งใด ท่ีไม่มีผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ังรายใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่า คะแนนเสียงท่ีไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งน้ัน และต้องรับสมัครผู้สมัคร รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ตามมาตรา 126 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ผู้สมัครรับเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกต้ังไม่เกิน 750,000 บาท (เจด็ แสนหา้ หม่ืนบาทถ้วน) (ขอ้ 8) ในกรณที ม่ี กี ารประกาศผลการเลอื กตง้ั แลว้ และมเี หตใุ หต้ อ้ งมกี ารเลอื กตง้ั แทนต�ำแหนง่ ทว่ี า่ ง ผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั แตล่ ะคนตอ้ งใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั ไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนงึ่ ลา้ นหา้ แสนบาทถว้ น)

82 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ หลังจากได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศให้มีการเลือกต้ัง เมื่อวันอาทิตย์ท่ี 24 มีนาคม 2562 ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ จะตอ้ งด�ำเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรา 67 ของพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ.2561 น�ำส่งบัญชรี ายรบั และรายจา่ ยในการเลอื กตง้ั ดงั กล่าวประกอบด้วย พรรคการเมืองจดั สรรให้ เงนิ สว่ นตวั ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ เงนิ ของพรรคการเมอื ง การบริจาคตามมาตรา 68 แห่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และเงนิ ทพ่ี รรคการเมอื งไดร้ บั การจดั สรรตามมาตรา 83 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 การใช้จ่ายในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ แบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดสุรินทร์ เม่ือวันอาทิตย์ท่ี 24 มีนาคม 2562 ของพรรคการเมืองที่ส�ำคัญและ มีโอกาสชนะการเลือกต้งั สว่ นใหญป่ ระกอบด้วย (1) คา่ ใชจ้ ่ายในการสมัครรับเลอื กตัง้ (2) ค่าจ้างแรงงาน (3) คา่ จา้ งท�ำของ (4) คา่ โฆษณาในสอื่ ตา่ งๆ (5) คา่ จดั ท�ำปา้ ยและสง่ิ พมิ พ์ (6) คา่ ใชจ้ า่ ยทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (7) คา่ จดั ซอ้ื หรอื เชา่ วสั ดอุ ปุ กรณ์ (8) คา่ เชา่ สถานที่ และคา่ ตกแตง่ สถานท่ี (9) คา่ เชา่ ยานพาหนะ คา่ นำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ และคา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทาง (10) คา่ สาธารณปู โภค (11) คา่ อาหารและเครอื่ งดม่ื (12) คา่ อบรม ผู้สมคั รหรอื ผชู้ ว่ ยหาเสียง (13) คา่ ใชจ้ ่ายอ่นื ๆ เปน็ ต้น ในการเลือกตั้งคร้ังนี้ นอกเหนือจากการก�ำหนดจ�ำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้งยังได้ออกประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการจัดท�ำ สถานที่ปิดประกาศ เกยี่ วกบั การเลอื กตง้ั และสถานทตี่ ดิ แผน่ ปา้ ยเกยี่ วกบั การเลอื กตงั้ ส.ส. พ.ศ.2561 โดยใหผ้ สู้ มคั รทปี่ ระสงค์ ปดิ ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กตง้ั ด�ำเนนิ การ ดงั น้ี จดั ท�ำประกาศเกย่ี วกบั การเลอื กตง้ั มจี �ำนวนรวมกนั แลว้ ไม่เกิน 10 เท่าของจ�ำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งน้ัน โดยก�ำหนดเป็นแนวต้ังมีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 30 เซนติเมตร และมีขนาดความสูงไม่เกิน 42 เซนติเมตร (กระดาษขนาด A3) พร้อมระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของ ผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จ�ำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณท่ีเห็นได้ชัดเจนของประกาศ เก่ียวกับการเลือกต้งั ในสว่ นของการปดิ ประกาศ ใหผ้ สู้ มคั รปดิ ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กต้งั ตามสถานทท่ี ก่ี �ำหนดได้ สถานท่ีละ 1 แผ่น วิธีการปิดประกาศเก่ียวกับการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่หัวหน้าหน่วยงานนั้นก�ำหนด ท้ังนี้ จะต้องไม่ปิดทับซ้อนกับประกาศเก่ียวกับการเลือกตั้งของผู้สมัครอื่นหรือปิดประกาศเก่ียวกับ การเลือกต้ัง นอกบริเวณทกี่ �ำหนด ประกาศฉบับน้ียังก�ำหนดสถานท่ีและจัดสถานที่ปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยให ้ ด�ำเนนิ การดงั นี้ ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั ก�ำหนดสถานทแี่ ละจดั สถานทป่ี ดิ ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กตงั้ ใหแ้ ก่ ผสู้ มคั รทป่ี ระสงคจ์ ะปดิ ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กตง้ั ในเขตจงั หวดั นนั้ ณ ศาลากลางจงั หวดั ใหน้ ายอ�ำเภอ ก�ำหนดสถานที่และจัดสถานที่ปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครทุกคน ในเขตเลือกตั้งน้ัน

83 ณ ที่ว่าการอ�ำเภอ ให้ผู้บริหารท้องถ่ินก�ำหนดสถานที่และจัดสถานท่ีปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ให้แก่ผู้สมัครทุกคนในเขตเลือกต้ังนั้น ณ ที่ท�ำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส�ำนักงานเขต แขวง หมู่บ้าน หรือชุมชน รวมทั้งให้หัวหน้าหน่วยงานอาจก�ำหนดสถานท่ีและจัดสถานท่ีปิดประกาศเกี่ยวกับ การเลือกตงั้ ใหแ้ ก่ผู้สมัครทุกคนในเขตเลอื กต้ังนนั้ ณ ท่ตี ้ังของหนว่ ยงานตามความเหมาะสม ผลการตรวจสอบคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตัง้ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เร่ือง ก�ำหนดจ�ำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. 2561 มเี จตนารมณท์ จ่ี ะลดความเหลอื่ มลำ้� ระหวา่ งพรรคการเมอื งท่มี ขี นาดใหญ ่ กับขนาดเล็ก ให้เกิดความสามารถในการแข่งขันในเชิงนโยบาย จึงพยายามสร้างกฎระเบียบว่าด้วย การหาเสยี งเพอื่ ไมใ่ หพ้ รรคขนาดใหญท่ ม่ี ที รพั ยากรมากไดเ้ ปรยี บพรรคขนาดกลางและขนาดเลก็ มากเกนิ ไป ผลการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในการเลือกต้ังของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากส�ำนักงาน คณะกรรมการการเลือกต้ังประจ�ำจังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีพรรคการเมือง 4 พรรคการเมืองที่ผู้สมัคร มโี อกาสในการได้รับการเลือกเป็นสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจังหวดั ดงั น้ี 1. ผลการตรวจสอบรายการค่าใชจ้ ่ายในการเลือกตงั้ ของผสู้ มคั ร ส.ส.พรรคเพอื่ ไทย 2. ผลการตรวจสอบรายการคา่ ใช้จ่ายในการเลอื กตง้ั ของผสู้ มคั ร ส.ส.พรรคภมู ิใจไทย 3. ผลการตรวจสอบรายการค่าใชจ้ ่ายในการเลือกตัง้ ของผ้สู มัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 4. ผลการตรวจสอบรายการคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลือกตงั้ ของผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โดยมีรายละเอียดผลการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส.แบบ แบ่งเขตเลอื กต้ัง จงั หวดั สรุ นิ ทร์ เมือ่ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 ดังนี้

84 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ 1. พรรคเพ่อื ไทย ผลการตรวจสอบรายการคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ ของผสู้ มคั ร ส.ส. พรรคเพอ่ื ไทย จากประกาศ ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์ เรอื่ งผลการตรวจสอบรายการคา่ ใชจ้ า่ ยในการ เลอื กตงั้ ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ) ครงั้ ท่ี 1 ถงึ ครง้ั ที่ 4 ระหวา่ ง วันท่ี 19 มถิ นุ ายน - 18 กรกฎาคม 2562 พบวา่ จ�ำนวนค่าใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ ของผสู้ มัคร ส.ส. พรรค เพ่อื ไทย รวมทงั้ ส้ิน 7,424,226.75 บาท (ไมน่ ับรวมคา่ ใช้จ่ายอ่นื ๆ ที่ไมถ่ ูกกฎหมาย ท่ไี ม่มีหลักฐานหรอื เอกสารยนื ยนั จากส�ำนกั งาน คณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร)์ เฉลยี่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั ของผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ต่อ 1 คน คิดเป็น 1,060,603.82 บาท ผู้สมัครที่มีค่าใช้จ่ายมากที่สุด ของพรรคเพอื่ ไทย ในจงั หวดั สรุ นิ ทร์ คอื นายตใี๋ หญ่ พนู ศรธี นากลู ผสู้ มคั รเขตเลอื กตงั้ ท่ี 4 โดยใชจ้ า่ ยเงนิ ไปทั้งสิ้น 1,273,360.86 บาท และได้รับการเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (รายละเอียดดังตาราง) ตารางท่ี 5.1 ผลการตรวจสอบรายการค่าใชจ้ ่าย (ท่ีถกู กฎหมาย) ในการเลือกต้ังของผสู้ มคั ร ส.ส. พรรคเพอื่ ไทย จังหวัดสรุ ินทร์ เขตเลอื กตัง้ ช่อื ผูส้ มัคร จ�ำนวนเงนิ ทีใ่ ช้ 1,268,072.20 เขตเลือกตั้งท่ี 1 อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้นต�ำบล นายพันธ์เทพ ฐานพุ งษ์ชรัส ในเมอื ง ต�ำบลสลกั ได ต�ำบลราม ต�ำบลเมอื งที ต�ำบล บฤุ ๅษี ต�ำบลแสลงพนั ธ์ ต�ำบลแกใหญ่ ต�ำบลทา่ สวา่ ง ต�ำบลนาดี ต�ำบลเพยี้ ราม ต�ำบลกาเกาะ และต�ำบล ต้ังใจอ�ำเภอล�ำดวน ยกเว้นต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอ ปราสาท เฉพาะต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบล ไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเชื้อเพลิง ต�ำบลทุ่งมน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทัดบุ เขตเลือกตัง้ ท่ี 2 อ�ำเภอเขวาสนิ รินทร์ อ�ำเภอเมือง นายชูชยั มุ่งเจริญพร 1,068,109.00 สรุ นิ ทร์ ยกเวน้ ต�ำบลเทนมยี ์ ต�ำบลตระแสง ต�ำบล ออ็ ง ต�ำบลสวาย ต�ำบลนาบัว ต�ำบลเฉนียง ต�ำบล คอโค ต�ำบลนอกเมือง และต�ำบลส�ำโรง อ�ำเภอ ศีขรภมู ิ เฉพาะต�ำบลชา่ งป่ี และต�ำบลจารพตั ร

85 เขตเลือกต้งั ช่อื ผสู้ มัคร จ�ำนวนเงนิ ที่ใช้ 1,012,612.79 เขตเลอื กตง้ั ท่ี 3 อ�ำเภอจอมพระ อ�ำเภอสนม เฉพาะ นายคณุ ากร ปรชี าชนะชยั ต�ำบลสนม ต�ำบลหนองระฆงั ต�ำบลนานวน ต�ำบล 1,273,360.86 แคน และต�ำบลหนองอียอ อ�ำเภอโนนนารายณ์ อ�ำเภอทา่ ตมู เฉพาะต�ำบล เมอื งแก ต�ำบลบะ ต�ำบล หนองเมธี ต�ำบลบัวโคก และ ต�ำบลกระโพ อ�ำเภอ รตั นบรุ ี เฉพาะต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และ ต�ำบลยางสว่าง เขตเลือกตั้งท่ี 4 อ�ำเภอชุมพลบุรี อ�ำเภอท่าตูม นายตใี๋ หญ่ พนู ศรีธนากูล ยกเว้น ต�ำบลเมืองแก ต�ำบลบะ ต�ำบลหนองเมธี ต�ำบลบวั โคก และต�ำบลกระโพ อ�ำเภอรตั นบรุ ี ยกเวน้ ต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และต�ำบลยางสวา่ ง อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลโพนโก เขตเลือกต้ังท่ี 5 อ�ำเภอส�ำโรงทาบ อ�ำเภอศีขรภูมิ นายครมู านิตย์ สังข์พมุ่ 821,917.00 ยกเว้นต�ำบลช่างปี่ และ ต�ำบลจารพัตร อ�ำเภอ ศรีณรงค์ เฉพาะต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน อ�ำเภอล�ำดวน เฉพาะต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลหวั งวั เขตเลอื กตงั้ ที่ 6 อ�ำเภอบวั เชด อ�ำเภอสงั ขะ อ�ำเภอ นายสมบัติ ศรสี รุ นิ ทร์ 1,077,951.00 ศรณี รงค์ ยกเวน้ ต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน เขตเลือกตั้งท่ี 7 อ�ำเภอกาบเชิง อ�ำเภอพนมดงรัก นายชูศกั ดิ์ แอกทอง 902,203.90 อ�ำเภอปราสาท ยกเว้นต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบลไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเชื้อเพลิง ต�ำบล ทุง่ มน ต�ำบลสมุด และต�ำบลปะทัดบุ รวมจ�ำนวนคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย 7,424,226.75 เฉลย่ี คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตัง้ ของผู้สมคั ร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ต่อ 1 คน 1,060,603.82 ทม่ี า : ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์ (2562), ขา่ ว/ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กตงั้ , สืบคน้ เมือ่ 30 สงิ หาคม 2562, จาก https://www.ect.go.th/surin/more_news.php?cid=32&filename= index

86 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ 2. พรรคภมู ใิ จไทย ผลการตรวจสอบรายการคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั ของผสู้ มคั ร ส.ส. พรรคภมู ใิ จไทย จากประกาศ ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังประจ�ำจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ผลการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่าย ในการเลือกตงั้ ของผู้สมัครรับเลือกต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร (แบบแบง่ เขตเลือกตัง้ ) คร้งั ท่ี 1 ถึงคร้ังที่ 4 ระหว่างวันท่ี 19 มิถุนายน - 18 กรกฎาคม 2562 พบว่า จ�ำนวนค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย รวมท้ังส้ิน 7,382,448.01 บาท (ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอ่ืนๆ ที่ไม่ถูกกฎหมาย ที่ไม่มี หลกั ฐานหรอื เอกสารยนื ยนั จากส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร)์ เฉลยี่ คา่ ใชจ้ า่ ย ในการเลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ต่อ 1 คน คิดเป็น 1,054,635.43 บาท ผู้สมัครท่ีมี คา่ ใช้จ่ายมากท่ีสดุ ของพรรคภูมใิ จไทยในจังหวัดสุรนิ ทร์ คือ นายปกรณ์ มุ่งเจรญิ พร ผู้สมคั รเขตเลอื กตงั้ ท่ี 1 โดยใช้จ่ายเงินไปท้ังสิ้น 1,182,431.64 บาท และได้รับการเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (รายละเอยี ดดงั ตาราง) ตารางที่ 5.2 ผลการตรวจสอบรายการคา่ ใชจ้ า่ ย (ท่ถี ูกกฎหมาย) ในการเลอื กตงั้ ของผูส้ มคั ร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย จงั หวดั สรุ ินทร์ เขตเลือกตง้ั ชือ่ ผู้สมัคร จ�ำนวนเงินที่ใช้ เขตเลือกตั้งท่ี 1 อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้นต�ำบล นายปกรณ์ ม่งุ เจรญิ พร 1,182,431.64 ในเมอื ง ต�ำบลสลกั ได ต�ำบลราม ต�ำบลเมอื งที ต�ำบล บฤุ าษี ต�ำบลแสลงพนั ธ์ ต�ำบลแกใหญ่ ต�ำบลทา่ สวา่ ง ต�ำบลนาดี ต�ำบลเพย้ี ราม ต�ำบลกาเกาะ และต�ำบล ต้ังใจอ�ำเภอล�ำดวน ยกเว้นต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอ ปราสาท เฉพาะต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบล ไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเชื้อเพลิง ต�ำบลทุ่งมน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทดั บุ เขตเลอื กตงั้ ที่ 2 ประกอบดว้ ย อ�ำเภอเขวาสนิ รนิ ทร์ นายกิตตศิ กั ด์ิ ร่งุ ธนเกียรติ 989,908.65 อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้น ต�ำบลเทนมีย์ ต�ำบล ตระแสง ต�ำบลออ็ ง ต�ำบลสวาย ต�ำบลนาบวั ต�ำบล เฉนยี ง ต�ำบลคอโค ต�ำบลนอกเมอื ง และต�ำบลส�ำโรง อ�ำเภอศขี รภมู ิ เฉพาะต�ำบลชา่ งป่ี และต�ำบลจารพตั ร

87 เขตเลอื กตัง้ ช่ือผู้สมคั ร จ�ำนวนเงนิ ที่ใช้ 933,767.64 เขตเลอื กตง้ั ที่ 3 อ�ำเภอจอมพระ อ�ำเภอสนม เฉพาะ นายศิริศกั ดิ์ ร่วมพัฒนา ต�ำบลสนม ต�ำบลหนองระฆงั ต�ำบลนานวน ต�ำบล แคน และต�ำบลหนองอียอ อ�ำเภอโนนนารายณ์ อ�ำเภอทา่ ตมู เฉพาะต�ำบล เมอื งแก ต�ำบลบะ ต�ำบล หนองเมธี ต�ำบลบัวโคก และ ต�ำบลกระโพ อ�ำเภอ รตั นบรุ ี เฉพาะต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และ ต�ำบลยางสวา่ ง เขตเลือกตั้งที่ 4 อ�ำเภอชุมพลบุรี อ�ำเภอท่าตูม นายสาธิต เทพวงศ์ศิรริ ัตน์ 1,126,650.94 ยกเว้น ต�ำบลเมืองแก ต�ำบลบะ ต�ำบลหนองเมธี ต�ำบลบวั โคก และต�ำบลกระโพ อ�ำเภอรตั นบรุ ี ยกเวน้ ต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และต�ำบลยางสวา่ ง อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลโพนโก เขตเลือกต้ังท่ี 5 อ�ำเภอส�ำโรงทาบ อ�ำเภอศีขรภูมิ นายสมศกั ดิ์ ประธาน 1,164,147.64 ยกเว้นต�ำบลช่างปี่ และ ต�ำบลจารพัตร อ�ำเภอ ศรีณรงค์ เฉพาะต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน อ�ำเภอล�ำดวน เฉพาะต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลหวั งวั เขตเลอื กตงั้ ท่ี 6 อ�ำเภอบวั เชด อ�ำเภอสงั ขะ อ�ำเภอ นายล�ำ้ เลศิ พวั พฒั นโชติ 989,864.00 ศรณี รงค์ ยกเวน้ ต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน เขตเลือกตั้งท่ี 7 อ�ำเภอกาบเชิง อ�ำเภอพนมดงรัก นายพรชัย มงุ่ เจรญิ พร 995,677.50 อ�ำเภอปราสาท ยกเว้นต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบลไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเช้ือเพลิง ต�ำบล ทงุ่ มน ต�ำบลสมุด และต�ำบลปะทัดบุ รวมจ�ำนวนคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั ของผ้สู มัคร ส.ส. พรรคภูมใิ จไทย 7,382,448.01 เฉล่ียค่าใช้จา่ ยในการเลอื กตัง้ ของผู้สมคั ร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ต่อ 1 คน 1,054,635.43 ทม่ี า : ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์ (2562), ขา่ ว/ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กตง้ั , สืบคน้ เมอื่ 30 สงิ หาคม 2562, จาก https://www.ect.go.th/surin/more_news.php?cid=32&filename= index

88 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ 3. พรรคพลงั ประชารัฐ ผลการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ จากประกาศส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจ�ำจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ผลการตรวจสอบรายการ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ ของ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (แบบแบง่ เขต เลอื กตง้ั ) ครง้ั ที่ 1 ถึงครัง้ ที่ 4 ระหวา่ งวนั ท่ี 19 มถิ นุ ายน - 18 กรกฎาคม 2562 พบวา่ จ�ำนวนคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตั้งของ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ รวมท้ังสิ้น 7,315,109.19 บาท (ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอ่ืนๆ ท่ีไม่ถูก กฎหมาย ทไ่ี มม่ หี ลกั ฐานหรอื เอกสารยนื ยนั จากส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร)์ เฉลย่ี คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั ของผสู้ มคั ร ส.ส. พรรคพลงั ประชารฐั ตอ่ 1 คน คดิ เปน็ 1,045,015.60 บาท ผู้สมัครที่มีค่าใช้จ่ายมากท่ีสุดของพรรคพลังประชารัฐ ในจังหวัดสุรินทร์ คือ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ผสู้ มคั รเขตเลอื กตง้ั ที่ 2 โดยใชจ้ า่ ยเงนิ ไปทง้ั สนิ้ 1,156,779.00 บาท และการเลอื กเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎร (รายละเอยี ดดงั ตาราง) ตารางที่ 5.3 ผลการตรวจสอบรายการค่าใชจ้ ่าย (ทีถ่ กู กฎหมาย) ในการเลอื กต้ังของผูส้ มัคร ส.ส. พรรคพลงั ประชารฐั จังหวดั สรุ ินทร์ เขตเลือกต้งั ชอ่ื ผสู้ มัคร จ�ำนวนเงินท่ีใช้ 1,045,384.43 เขตเลือกต้ังท่ี 1 อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้นต�ำบล นายอนันต์ ปาลคี ุปต์ ในเมอื ง ต�ำบลสลกั ได ต�ำบลราม ต�ำบลเมอื งที ต�ำบล 1,156,779.00 บฤุ าษี ต�ำบลแสลงพนั ธ์ ต�ำบลแกใหญ่ ต�ำบลทา่ สวา่ ง ต�ำบลนาดี ต�ำบลเพยี้ ราม ต�ำบลกาเกาะ และต�ำบล ตั้งใจอ�ำเภอล�ำดวน ยกเว้นต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอ ปราสาท เฉพาะต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบล ไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเช้ือเพลิง ต�ำบลทุ่งมน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทัดบุ เขตเลอื กตงั้ ที่ 2 ประกอบดว้ ย อ�ำเภอเขวาสนิ รนิ ทร์ นายณฏั ฐพล จรสั รพพี งษ์ อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้น ต�ำบลเทนมีย์ ต�ำบล ตระแสง ต�ำบลออ็ ง ต�ำบลสวาย ต�ำบลนาบวั ต�ำบล เฉนยี ง ต�ำบลคอโค ต�ำบลนอกเมอื ง และต�ำบลส�ำโรง อ�ำเภอศขี รภมู ิ เฉพาะต�ำบลชา่ งป่ี และต�ำบลจารพตั ร

89 เขตเลือกต้งั ชอื่ ผสู้ มคั ร จ�ำนวนเงนิ ท่ีใช้ เขตเลอื กตง้ั ที่ 3 อ�ำเภอจอมพระ อ�ำเภอสนม เฉพาะ นางสาวผกามาศ เจรญิ พนั ธ์ 1,049,738.00 ต�ำบลสนม ต�ำบลหนองระฆงั ต�ำบลนานวน ต�ำบล 971,025.00 แคน และต�ำบลหนองอียอ อ�ำเภอโนนนารายณ์ อ�ำเภอทา่ ตมู เฉพาะต�ำบล เมอื งแก ต�ำบลบะ ต�ำบล หนองเมธี ต�ำบลบวั โคก และ ต�ำบลกระโพ อ�ำเภอ รตั นบรุ ี เฉพาะต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และ ต�ำบลยางสวา่ ง เขตเลือกต้ังที่ 4 อ�ำเภอชุมพลบุรี อ�ำเภอท่าตูม นายปณุ ยวัฒน์ สนใจ ยกเว้น ต�ำบลเมืองแก ต�ำบลบะ ต�ำบลหนองเมธี ต�ำบลบวั โคก และต�ำบลกระโพ อ�ำเภอรตั นบรุ ี ยกเวน้ ต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และต�ำบลยางสวา่ ง อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลโพนโก เขตเลือกต้ังท่ี 5 อ�ำเภอส�ำโรงทาบ อ�ำเภอศีขรภูมิ นายสวุ ิทย์ เกษอินทร์ 1,078,007.00 ยกเว้นต�ำบลช่างปี่ และ ต�ำบลจารพัตร อ�ำเภอ 1,081,061.56 ศรีณรงค์ เฉพาะต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน อ�ำเภอล�ำดวน เฉพาะต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลหวั งัว เขตเลอื กตงั้ ท่ี 6 อ�ำเภอบวั เชด อ�ำเภอสงั ขะ อ�ำเภอ นายธีระทศั น์ เตียวเจริญโสภา ศรณี รงค์ ยกเว้น ต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน เขตเลือกต้ังท่ี 7 อ�ำเภอกาบเชิง อ�ำเภอพนมดงรัก นายพิเชษฐ์ สทุ ธศิ ริ วิ ฒั นะ 933,114.20 อ�ำเภอปราสาท ยกเว้นต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบลไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเชื้อเพลิง ต�ำบล ทงุ่ มน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทดั บุ รวมจ�ำนวนค่าใช้จา่ ยในการเลอื กตงั้ ของผสู้ มัคร ส.ส. พรรคพลงั ประชารฐั 7,315,109.19 เฉล่ยี ค่าใชจ้ า่ ยในการเลือกต้งั ของผสู้ มคั ร ส.ส. พรรคพลังประชารฐั ต่อ 1 คน 1,045,015.60 ทมี่ า : ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ (2562), ขา่ ว/ประกาศเกยี่ วกบั การเลอื กตงั้ , สบื คน้ เม่ือ 30 สงิ หาคม 2562, จาก https://www.ect.go.th/surin/more_news.php?cid=32&filename= index

90 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ 4. พรรคอนาคตใหม่ ผลการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จาก ประกาศส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์ เรอื่ ง ผลการตรวจสอบรายการคา่ ใชจ้ า่ ย ในการเลอื กตง้ั ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ) ครงั้ ท่ี 1 ถงึ ครง้ั ท่ี 4 ระหวา่ งวนั ท่ี 19 มถิ นุ ายน - 18 กรกฎาคม 2562 พบวา่ จ�ำนวนคา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ ของผสู้ มคั ร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ รวมทง้ั สน้ิ 3,533,546.60 บาท (ไมน่ บั รวมคา่ ใชจ้ า่ ยอนื่ ๆ ทไี่ มถ่ กู กฎหมาย ทไี่ มม่ หี ลกั ฐาน หรอื เอกสารยืนยันจากส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กต้งั ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์) เฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการ เลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ต่อ 1 คน คิดเป็น 588,924.43 บาท ผู้สมัครท่ีมีค่าใช้จ่าย มากท่ีสุดของพรรคอนาคตใหม่ ในจังหวัดสุรินทร์ คือ นายภานุโรจน์ กมลรัมย์บวร ผู้สมัครเขตเลือกต้ัง ที่ 7 โดยใช้จา่ ยเงนิ ไปทั้งส้ิน 766,714.60 บาท แต่ไมช่ นะการเลอื กตง้ั (รายละเอียดดังตาราง) ตารางท่ี 5.4 ผลการตรวจสอบรายการค่าใชจ้ ่าย (ที่ถกู กฎหมาย) ในการเลอื กตงั้ ของผู้สมคั ร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จงั หวดั สุรนิ ทร์ เขตเลอื กตั้ง ช่ือผู้สมัคร จ�ำนวนเงนิ ที่ใช้ 639,262.60 เขตเลือกต้ังท่ี 1 อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้นต�ำบล นายวาทะการ เกษอินทร์ ในเมอื ง ต�ำบลสลกั ได ต�ำบลราม ต�ำบลเมอื งที ต�ำบล 651,645.60 บฤุ าษี ต�ำบลแสลงพนั ธ์ ต�ำบลแกใหญ่ ต�ำบลทา่ สวา่ ง ต�ำบลนาดี ต�ำบลเพยี้ ราม ต�ำบลกาเกาะ และต�ำบล ตั้งใจอ�ำเภอล�ำดวน ยกเว้นต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอ ปราสาท เฉพาะต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบล ไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเช้ือเพลิง ต�ำบลทุ่งมน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทดั บุ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 2 ประกอบดว้ ย อ�ำเภอเขวาสนิ รนิ ทร์ นายนิรนั ดร์ ลวดเงิน อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้น ต�ำบลเทนมีย์ ต�ำบล ตระแสง ต�ำบลออ็ ง ต�ำบลสวาย ต�ำบลนาบวั ต�ำบล เฉนยี ง ต�ำบลคอโค ต�ำบลนอกเมอื ง และต�ำบลส�ำโรง อ�ำเภอศขี รภมู ิ เฉพาะต�ำบลชา่ งป่ี และต�ำบลจารพตั ร

91 เขตเลอื กต้ัง ชอื่ ผู้สมคั ร จ�ำนวนเงนิ ทใ่ี ช้ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 3 อ�ำเภอจอมพระ อ�ำเภอสนม เฉพาะ นายวไิ ล ดวงศรี 367,362.60 ต�ำบลสนม ต�ำบลหนองระฆงั ต�ำบลนานวน ต�ำบล นายอนุกลู ทรายเพชร แคน และต�ำบลหนองอียอ อ�ำเภอโนนนารายณ์ 503,627.60 อ�ำเภอทา่ ตมู เฉพาะต�ำบล เมอื งแก ต�ำบลบะ ต�ำบล 604,933.60 หนองเมธี ต�ำบลบัวโคก และ ต�ำบลกระโพ อ�ำเภอ ไม่รบั สมคั ร รตั นบรุ ี เฉพาะต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และ 766,714.60 ต�ำบลยางสวา่ ง 3,533,546.60 เขตเลือกตั้งที่ 4 อ�ำเภอชุมพลบุรี อ�ำเภอท่าตูม ยกเว้น ต�ำบลเมืองแก ต�ำบลบะ ต�ำบลหนองเมธี ต�ำบลบวั โคก และต�ำบลกระโพ อ�ำเภอรตั นบรุ ี ยกเวน้ ต�ำบลหนองบวั บาน ต�ำบลเบดิ และต�ำบลยางสวา่ ง อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลโพนโก เขตเลือกต้ังที่ 5 อ�ำเภอส�ำโรงทาบ อ�ำเภอศีขรภูมิ นายสุวรรณ์ หาญเสมอดารา ยกเว้นต�ำบลช่างปี่ และ ต�ำบลจารพัตร อ�ำเภอ กุล ศรีณรงค์ เฉพาะต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน อ�ำเภอล�ำดวน เฉพาะต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลหัวงัว เขตเลอื กตงั้ ที่ 6 อ�ำเภอบวั เชด อ�ำเภอสงั ขะ อ�ำเภอ นายธรี ะศักดิ์ กันนดิ า ศรีณรงค์ ยกเว้น ต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน เขตเลือกตั้งท่ี 7 อ�ำเภอกาบเชิง อ�ำเภอพนมดงรัก นายภานโุ รจน์ กมลรัมย์บวร อ�ำเภอปราสาท ยกเว้นต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบลไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเช้ือเพลิง ต�ำบล ทุ่งมน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทัดบุ รวมจ�ำนวนคา่ ใช้จา่ ยในการเลอื กต้ังของผ้สู มคั ร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ เฉลีย่ ค่าใช้จ่ายในการเลือกตง้ั ของผ้สู มคั ร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ตอ่ 1 คน 588,924.43 ทมี่ า : ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์ (2562), ขา่ ว/ประกาศเกย่ี วกบั การเลอื กตง้ั , สืบค้นเมือ่ 30 สิงหาคม 2562, จาก https://www.ect.go.th/surin/more_news.php?cid=32&filename= index

92 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ การวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่างๆ และแนวโน้ม ของการซอ้ื เสยี ง การวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ทรัพยากรในการเลือกต้ังวันที่ 24 มีนาคม 2562 จังหวัดสุรินทร์ เรม่ิ ตน้ จากการพจิ ารณาการแบง่ เขตเลอื กตงั้ ในจงั หวดั สรุ นิ ทร์ ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ในสบิ จงั หวดั ทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลง เขตเลอื กต้ังจากการเลือกตั้งในปี 2554 เดมิ มเี ขตเลือกต้ัง 8 เขต แตใ่ นการเลือกตั้งเมอื่ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 ลดเหลือเพียง 7 เขตเลือกต้ัง โดยมี 8 อ�ำเภอท่ีถูกแบ่งออกเป็นสองเขต คือ อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ศีขรภมู ิ สนม ทา่ ตมู รตั นบรุ ี ศรีณรงค์ ล�ำดวน และปราสาท เขตการเลอื กต้งั ทง้ั 7 เขต ประกอบดว้ ย เขตเลอื กตงั้ ที่ 1 อ�ำเภอเมอื งสรุ นิ ทร์ ยกเวน้ ต�ำบลในเมอื ง ต�ำบลสลกั ได ต�ำบลราม ต�ำบลเมอื งท ี ต�ำบลบุฤาษี ต�ำบลแสลงพันธ์ ต�ำบลแกใหญ่ ต�ำบลท่าสว่าง ต�ำบลนาดี ต�ำบลเพี้ยราม ต�ำบลกาเกาะ และต�ำบลต้ังใจอ�ำเภอล�ำดวน ยกเว้นต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอปราสาท เฉพาะต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบลไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเชื้อเพลิง ต�ำบลท่งุ มน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทดั บุ เขตเลือกตงั้ ที่ 2 ประกอบด้วย อ�ำเภอเขวาสินรินทร์ อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ ยกเว้น ต�ำบลเทนมยี ์ ต�ำบลตระแสง ต�ำบลอ็อง ต�ำบลสวาย ต�ำบลนาบัว ต�ำบลเฉนียง ต�ำบลคอโค ต�ำบลนอกเมือง และ ต�ำบลส�ำโรง อ�ำเภอศีขรภูมิ เฉพาะต�ำบลชา่ งป่ี และต�ำบลจารพตั ร เขตเลือกตั้งที่ 3 อ�ำเภอจอมพระ อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลสนม ต�ำบลหนองระฆัง ต�ำบล นานวน ต�ำบลแคน และต�ำบลหนองอียอ อ�ำเภอโนนนารายณ์ อ�ำเภอท่าตูม เฉพาะต�ำบล เมืองแก ต�ำบลบะ ต�ำบลหนองเมธี ต�ำบลบัวโคก และ ต�ำบลกระโพ อ�ำเภอรัตนบุรี เฉพาะต�ำบลหนองบัวบาน ต�ำบลเบิด และ ต�ำบลยางสว่าง เขตเลือกต้ังท่ี 4 อ�ำเภอชุมพลบุรี อ�ำเภอท่าตูม ยกเว้น ต�ำบลเมืองแก ต�ำบลบะ ต�ำบล หนองเมธี ต�ำบลบัวโคก และต�ำบลกระโพ อ�ำเภอรัตนบุรี ยกเว้น ต�ำบลหนองบัวบาน ต�ำบลเบิด และ ต�ำบลยางสวา่ ง อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลโพนโก เขตเลือกต้ังที่ 5 อ�ำเภอส�ำโรงทาบ อ�ำเภอศีขรภูมิ ยกเว้นต�ำบลช่างปี่ และ ต�ำบลจารพัตร อ�ำเภอศรณี รงค์ เฉพาะต�ำบลตรวจ และต�ำบลแจนแวน อ�ำเภอล�ำดวน เฉพาะต�ำบลตร�ำดม อ�ำเภอสนม เฉพาะต�ำบลหวั งัว เขตเลือกต้ังท่ี 6 อ�ำเภอบัวเชด อ�ำเภอสังขะ อ�ำเภอศรีณรงค์ ยกเว้น ต�ำบลตรวจ และต�ำบล แจนแวน เขตเลือกต้ังท่ี 7 อ�ำเภอกาบเชิง อ�ำเภอพนมดงรัก อ�ำเภอปราสาท ยกเว้นต�ำบลบ้านไทร ต�ำบลทมอ ต�ำบลไพล ต�ำบลโคกยาง ต�ำบลเช้อื เพลงิ ต�ำบลท่งุ มน ต�ำบลสมดุ และต�ำบลปะทดั บุ

93 ภาพท่ี 5.1 แสดงการแบ่งเขตเลอื กต้งั จังหวดั สุรินทร์ พ.ศ.2562

94 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ การลดเขตเลือกต้งั จาก 8 เขตเหลือ 7 เขตในการเลอื กตง้ั ปี 2562 ส่งผลใหเ้ กิดความเสยี เปรียบ แกบ่ รรดาผสู้ มคั รทเี่ คยเปน็ ส.ส. เกา่ ในพน้ื ที่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเขตเลอื กตงั้ ที่ 1 ซง่ึ จากการสมั ภาษณ์ ผสู้ มคั รจากพรรคภมู ใิ จไทยเขต 1 ซง่ึ มหี นว่ ยเลอื กตงั้ 21 หนว่ ย โดยในการเลอื กตงั้ ครง้ั นมี้ ี 10 หนว่ ยทเี่ ปน็ พน้ื ทใ่ี หม่ ซงึ่ ท�ำใหต้ อ้ งลงพนื้ ทใี่ หมอ่ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งเพอื่ ใหป้ ระชาชนไดร้ จู้ กั ผสู้ มคั ร หากพจิ ารณาจากขอ้ มลู คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั ทไี่ ดร้ บั การรบั รองจากส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทร์ จะเห็นได้ว่าจ�ำนวนเงินท่ีท้ัง 4 พรรคการเมืองอันประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรค พลงั ประชารฐั และพรรคอนาคตใหม่ ตา่ งทมุ่ งบประมาณในเขตเลอื กตงั้ ที่ 1 อยใู่ นล�ำดบั ตน้ ๆ ของคา่ ใชจ้ า่ ย ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในเขตเลอื กตงั้ อนื่ ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ส.ส.เกา่ เจา้ ของพนื้ ทอ่ี ยา่ งนายปกรณ์ มงุ่ เจรญิ พร ซงึ่ เปน็ ผสู้ มคั รทใ่ี ชจ้ า่ ยเพอ่ื การรณรงคห์ าเสยี งมากทสี่ ดุ ของพรรคภมู ใิ จไทยและสามารถรกั ษาฐานเสยี งของตนเอง ไว้ได้ ค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนจึงสอดคล้องกับข้อมูลการสัมภาษณ์นายปกรณ์ ที่ระบุว่าตนเองและทีมงานต้อง ลงพน้ื ทอี่ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพราะในเขตเลือกตัง้ ใหมม่ ีหน่วยเลอื กต้ัง 10 หนว่ ยทีเ่ ปน็ พ้นื ทีใ่ หม่ หรือในกรณี ต�ำบลโพนโก อ�ำเภอสนม ซึ่งในการเลอื กต้ังเม่ือปี 2554 อยใู่ นเขต 3 แต่ในการเลอื กตง้ั วันที่ 24 มนี าคม 2562 ขยับมาเป็นเขต 4 กับอ�ำเภอท่าตูม ซ่ึงผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในต�ำบลโพนโก กล่าวว่าการเปลี่ยน เขตเลอื กตงั้ ท�ำใหป้ ระชาชนไมร่ ู้วา่ จะเลอื กใคร เพราะไม่คุน้ เคยกับการอยู่ในเขตเลือกตงั้ ใหม่ ในสว่ นของการลงพน้ื ทป่ี ราศรยั หาเสยี งจากสมั ภาษณป์ ระชาชนทงั้ ในเขตเลอื กตงั้ ท ่ี 2 4 และ 5 พบวา่ มพี รรคการเมืองทค่ี รองทีน่ ่ังมากท่สี ดุ ในการเลือกต้งั ครั้งทีแ่ ลว้ คือ พรรคเพอ่ื ไทย มคี ณะกรรมการ ยุทธศาสตร์พรรคคือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงอ�ำเภอเมือง ท่าตูม และ จอมพระ เพอ่ื ชว่ ยผสู้ มคั รในการหาเสยี งเลอื กตง้ั ครง้ั น้ี สว่ นพรรคการเมอื งอน่ื ไมว่ า่ พรรคภมู ใิ จไทย พรรค พลงั ประชารฐั และพรรคอนาคตใหม่ ตอ้ งอาศยั กลยทุ ธก์ ารใหผ้ สู้ มคั รไปลงพน้ื ทเ่ี ปดิ ปราศรยั ในพนื้ ทที่ เ่ี ปน็ ฐานเสียงของตนเองอย่างต่อเน่ือง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งท่ี 2 อาศัยการลงพื้นท่ีไปร่วมงาน ตา่ งๆ กบั ประชาชนอยา่ งสมำ่� เสมอ ผสู้ มคั รพรรคภมู ใิ จไทยเขต 1 อาศยั กจิ กรรมลงพน้ื ทด่ี ว้ ยการเปดิ เวที ปราศรัยโดยมตี ารางนัดตั้งแต่เชา้ จนค่ำ� เพื่อแถลงนโยบายพรรคและผลงานท่ดี �ำเนนิ การอย่างสม�ำ่ เสมอ ในชว่ งระยะเวลาทวี่ า่ งเวน้ จากการเลอื กตงั้ สว่ นผสู้ มคั รพรรคอนาคตใหม่ เขตเลอื กตงั้ ที่ 4 ใชก้ ารเดนิ ตรง เข้าไปทุกบ้านเพ่ือหาเสียงในลักษณะแบบ direct sale ประเด็นท่ีน่าสนใจจากการสัมภาษณ์และลงพ้ืนท่ี ติดตามการปราศรัยของผูส้ มัครรบั เลอื กตง้ั พบวา่ มกี ารใช้ยทุ ธวธิ ีในการสรา้ งความรูส้ ึกเปน็ พวกเดยี วกัน ด้วยการปราศรัยเป็นภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์เขมร และชาติพันธุ์กวย ซึ่งท�ำให้เกิดบรรยากาศของความ เปน็ พวกเดยี วกนั แมว้ า่ ผสู้ มคั รในเขตเมอื งหลายคนจะมเี ชอ้ื สายคนจนี กต็ าม ความไดเ้ ปรยี บในเชงิ ภาษา จงึ เป็นปัจจัยที่ส�ำคญั ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตง้ั

95 ภาพท่ี 5.2 บรรยากาศการลงพนื้ ทีป่ ราศรัยหาเสยี งของนายปกรณ์ มุง่ เจรญิ พร จากการลงพ้ืนท่ีสัมภาษณ์ประชาชน ผู้สมัครรับเลือกต้ังและทีมงานของพรรคการเมือง เพ่อื ตดิ ตามความเคลือ่ นไหวทางการเมืองและพฤตกิ รรมทางการเมือง พบว่า 1) การใชเ้ งนิ ซอื้ เสยี ง กรณกี ารหาเสยี งกอ่ นการเลอื กตงั้ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 จงั หวดั สรุ นิ ทร์ ยงั ไมพ่ บรปู ธรรมการใชเ้ งนิ ซอ้ื เสยี งอยา่ งชดั เจน จะปรากฏเพยี งการสมั ภาษณท์ มี งานผสู้ มคั รพรรคเพอ่ื ไทย และพรรคภมู ใิ จไทยทรี่ ะบวุ า่ พรรคพลงั ประชารฐั ซงึ่ เปน็ พรรคการเมอื งทร่ี ฐั บาลพลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา สนับสนุนมีการจ่ายเงินแต่ไม่สามารถระบุหลักฐานได้ชัดเจน ส่วนการซื้อเสียงโดยการให้สิ่งของหรือ แลกเปล่ียนผลประโยชน์อื่น พบได้น้อย ท่ีน่าสนใจส�ำหรับการเลือกต้ังคร้ังนี้ในจังหวัดสุรินทร์ จากการ สมั ภาษณห์ มู่บา้ นหนึ่งในต�ำบลนาดี พบวา่ เกิดปรากฏการณก์ ารซ้ือเสยี งเชงิ นโยบาย กล่าวคือประชาชน ทัว่ ไปลังเลในการตัดสินใจเลือกผ้สู มัครท่เี ปน็ ส.ส.เกา่ กับ ผสู้ มคั รทมี่ าจากพรรคพลงั ประชารฐั เนือ่ งจาก เกรงว่าหากไม่เลือกพรรคการเมืองท่ีสืบทอดอ�ำนาจจะท�ำให้บรรดานโยบาย “ประชารัฐ” ไม่ว่าจะเป็น บัตรสวัสดิการคนจน การจ่ายชดเชยให้แก่เกษตรกรทั้งค่าไถ่ ค่าเก็บเก่ียว จะไม่ได้ด�ำเนินการนโยบาย เหลา่ นอ้ี ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จงึ เปน็ สว่ นทท่ี �ำใหห้ ลายคนหนั มาเลอื กพรรคการเมอื งทคี่ าดวา่ จะสานตอ่ นโยบาย “ประชารฐั ” นอกจากนนั้ เมอ่ื พรรคการเมอื งปราศรยั หาเสยี ง จะมกี ารระดมประชาชนไปฟงั โดยมกี ารจา่ ย ค่าน�้ำมันใหค้ นละ 100 บาท เปน็ ต้น 2) ความต่ืนตัวในการเลือกตั้ง จากการสัมภาษณ์ประชาชนบางหมู่บ้านในเขตเลือกตั้ง 2 4 และ 5 มีความต่ืนตัวในการเลือกต้ังคร้ังนี้ มีการติดตามข่าวสารอย่างกว้างขวางทั้งจากสื่อมวลชน และ สอื่ ออนไลน ์ พบแนวโนม้ ทน่ี า่ ใจ ส�ำหรบั ประชาชนทอ่ี ยใู่ นวยั กลางคนคอ่ นไปในอายุ 50 ปขี น้ึ ไป มที ศั นะ ทางการเมอื งคอ่ นขา้ งอนรุ กั ษน์ ยิ ม กลา่ วคอื เกรงวา่ จะมกี ารเปลยี่ นแปลงในนโยบายทกี่ �ำลงั ด�ำเนนิ การโดย รฐั บาลพลเอกประยทุ ธ์ จงึ ท�ำใหก้ ารตอบค�ำถามจงึ วางอยบู่ นฐานความลงั เล เชน่ เมอ่ื ถามวา่ จะเลอื กใคร ในการเลือกตั้งครงั้ นี้ ค�ำตอบที่พบคอื “เลอื กคนทีแ่ ก้ปัญหาปากท้องประชาชน” “ไมส่ ร้างความขัดแย้ง”

96 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์ “เน้นท�ำไม่เน้นพูด” “คนอ่ืนเป็นรัฐบาล ทหารก็ยังมีเหมือนเดิม” เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้ กลบั ไมป่ รากฏเมอื่ ประชาชนมคี นทตี่ นเองตอ้ งการเลอื กในใจอยแู่ ลว้ ส�ำหรบั ประชาชนเหลา่ นเี้ มอ่ื สอบถามวา่ จะเลอื กพรรคการเมอื งใด กจ็ ะมคี �ำตอบวา่ จะ “เลอื กพรรคฝา่ ยประชาธปิ ไตย” และเหน็ วา่ บรรดานโยบาย แจกทดี่ �ำเนนิ การโดยรฐั บาลพลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา เปน็ นโยบายทเี่ ออื้ ใหก้ บั บรรดารา้ นคา้ ทเี่ ขา้ รว่ ม โครงการร้านธงฟา้ ประชารัฐ ซึง่ ส่งผลตอ่ ร้านคา้ ปลีกรายอน่ื ๆ ในส่วนของคนรุ่นใหม่ ในจังหวัดสุรินทร์ แม้ว่าการเลือกตั้งคร้ังน้ี จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ของคนรุ่นใหม่หลายคน แต่จากการสัมภาษณ์คนรุ่นใหม่กลับพบว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น สิ่งท่ีปรารถนาของ บรรดาคนรุ่นใหม่คือ ต้องการให้การเลือกตั้งคร้ังนี้น�ำไปสู่การเปล่ียนแปลงใหม่ๆ ได้ผู้น�ำท่ีมีความคิด มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ “จะเลือกผู้น�ำคนใหม่ๆ เนื่องจากเราเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่อยากฝากชีวิต และอนาคตไวก้ บั คนแก”่ รัฐบาลปจั จุบนั พวกเราเหน็ ผลงานแลว้ อยากเปลีย่ นดูบา้ ง ให้โอกาสคนร่นุ ใหม่ ถ้าไม่ส�ำเร็จกค็ อ่ ยว่ากนั เลือกใหม่อกี กไ็ ด้ 3) ระบบการเลอื กตง้ั แบบจดั สรรปนั สว่ น ระบบการเลอื กตงั้ ในปี พ.ศ.2562 มี ส.ส.จาก 2 ระบบ คอื ระบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั และระบบบญั ชรี ายชอ่ื แตจ่ ะใชบ้ ตั รเลอื กตง้ั ใบเดยี วใหป้ ระชาชนกากบาทเลอื ก บุคคลที่ช่ืนชอบเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตโดยผู้ท่ีได้คะแนนสูงสุดในเขตเลือกต้ังน้ันๆ จะเป็น ส.ส.เขตนั้น คะแนนจากการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตของแต่ละพรรคการเมืองมารวมกันทั้งประเทศ และใช้สูตร การค�ำนวณทปี่ รากฏในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 91 และ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วย การเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 128 มาค�ำนวณสัดสว่ นของ ส.ส.บัญชีรายชื่อท่ี แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับการจัดสรรปันส่วนให้ครบ 150 คน จากการลงพื้นท่ีสัมภาษณ์ท้ังผู้สมัคร รบั เลอื กตงั้ และประชาชนในจงั หวดั สรุ นิ ทร์ พบวา่ บตั รเลอื กตง้ั 1 ใบทใี่ ชเ้ ลอื กทงั้ ส.ส.เขต และ ส.ส.บญั ชี รายช่ือ ประชาชนเข้าใจว่าจะต้องลงคะแนนเสียงอย่างไร ซ่ึงการตัดสินใจลงคะแนนเสียงจะเลือกท ี่ ตวั ผูส้ มัครเปน็ หลัก อยา่ งไรกต็ ามมขี ้อคดิ เหน็ ว่าบตั รเลอื กตง้ั 1 ใบ ท�ำใหต้ ัดตัวเลอื กให้การตัดสินใจทจ่ี ะ “เลือกคนท่ีชอบ เลือกพรรคที่ใช่” เพราะประชาชนอาจมีคนท่ีชอบแต่อยู่คนละพรรคกับพรรคการเมือง ทต่ี นเองเหน็ วา่ ควรไดร้ บั การจดั ตง้ั รฐั บาล นอกจากนน้ั จากการสมั ภาษณย์ งั พบวา่ บทบาทของส�ำนกั งาน คณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำจงั หวดั สรุ นิ ทรใ์ นการใหค้ วามรรู้ ะบบการเลอื กตง้ั ใหมแ่ กป่ ระชาชนยงั มี คอ่ นข้างน้อย

97

98 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุรินทร์

99 บทท่ี 6 การวิเคราะห์ผลการเลือกต้ัง จังหวัดสุรินทร์ การเลือกตั้งที่เกิดข้ึนเมื่อวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ภายใต้กติกาทางการเมืองใหม่ บรรยากาศท่ี ประเทศปราศจากการเลือกตั้งมาถึง 8 ปี บรรดาผู้สมัครที่เคยสังกัดพรรคการเมืองเมื่อครั้งการเลือกตั้ง ปี 2554 มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร การเปลี่ยนแปลงสังกัดพรรคการเมืองของผู้สมัครมีผลต่อ การตัดสนิ ใจเลอื กของประชนหรอื ไม่ โดยมีข้อค้นพบดังนี้ การเลือกตั้ง ปี 2562 จังหวัดสุรินทร์ ถือได้ว่าเป็นการเลือกตั้งท่ีประชาชนมีความตื่นตัว ในการเลือกตั้งหากพจิ ารณาจากจ�ำนวนผ้มู าใชส้ ทิ ธิในการเลอื กต้งั ปี 2554 จากผมู้ ีสิทธเิ ลือกตัง้ ทัง้ หมด 994,114 คน มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 664,284 คน คิดเป็นร้อยละ 66.82 ขณะท่ีในการเลือกตั้งเม่ือวันท่ี 24 มนี าคม 2562 ผู้มีสิทธเิ ลอื กตัง้ ท้งั สน้ิ 1,082,977 คน มาใช้สิทธเิ ลอื กตงั้ 738,676 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 68.21 ซึ่งเป็นข้อมูลท่ีสะท้อนให้เห็นการตื่นตัวของประชาชน จากการอยู่ภายใต้คณะรักษาความสงบ แหง่ ชาติ (คสช.) ทท่ี �ำรฐั ประหารเมอ่ื วนั ที่ 22 พฤษภาคม 2557 กลา่ วไดว้ า่ บรรยากาศของการเลอื กตงั้ ครง้ั น้ี ด�ำเนนิ ไปบนแนวทางการตอ่ สชู้ ว่ งชงิ พนื้ ทที่ างการเมอื งระหวา่ งพรรคการเมอื งทช่ี ธู งน�ำ “ประชาธปิ ไตย” กบั พรรคการเมอื งทเี่ ปน็ สญั ลกั ษณข์ อง “การสบื ทอดอ�ำนาจเผดจ็ การ” ส�ำหรบั การเลอื กตงั้ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 จังหวดั สุรินทรม์ เี ขตการเลือกตงั้ แบง่ ออกเป็น 7 เขตผู้มีสิทธิเลอื กตั้ง และผู้ออกมาใช้สิทธเิ ลือกตง้ั ในแต่ละเขตเลือกต้งั ดังนี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook