inside_ cc.indd 1 14/12/2563 19:42:30
2 หนงั สือชดุ เครอื่ งมอื ของวิทยากรกระบวนการ (Tools for Facilitator) เร่ือง สนุ ทรยี ปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่อื การเปลี่ยนแปลง อยา่ งสนั ตวิ ธิ ี (Appreciative Inquiry) ผูเ้ ขยี น ดร.อภิญญา ดสิ สะมาน ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมดุ แห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data อภญิ ญา ดิสสะมาน. สุนทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสันติวิธี = Appreciative inquiry.-- กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกลา้ , 2563. 58 หน้า.-- (เครอื่ งมอื ของวทิ ยากรกระบวนการ (Tools for facilitator)). 1. ความขัดแย้งทางสังคม. 2. สุนทรยี สาธก. I. ชอื่ เรือ่ ง. 303.6 ISBN 978-616-476-164-3 รหัสสิ่งพมิ พ์สถาบนั สสธ.63-84-1000.0 ลขิ สทิ ธ์สิ ถาบนั พระปกเกลารวมกับมลู นิธิฟรดี ริช เนามัน พมิ พค์ รั้งที่ 1 ธนั วาคม 2563 จำ�นวน 1,000 เล่ม พิมพท์ ี่ บริษัท ศูนย์การพิมพ์แก่นจนั ทร์ จ�ำ กัด 88/5 วัฒนานิเวศน์ ซ.5 ถนนสทุ ธิสาร แขวงสามเสนนอก เขตหว้ ยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 02-276-6545, 02-276-5713 โทรสาร 02-277-8137 จดั พิมพโ์ ดย มูลนิธฟิ รดี ริช เนามัน ช้นั 25 อาคารบบี ซี ที าวเวอร์ 29 ซอย 63 ถนนสขุ ุมวทิ กรงุ เทพฯ 10110 ราคา 80 บาท inside_ cc.indd 2 14/12/2563 19:42:30
3สนุ ทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสันตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) คำ�นำ�สถาบนั พระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะสถาบันทางวิชาการภายใต้ การก�ำกบั ของประธานรฐั สภา ตระหนกั ถงึ ความส�ำคญั ของการปกครอง ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ โดยยดึ มนั่ ในสันติวิธีและธรรมาภิบาล เครื่องมือส�ำหรับวิทยากรกระบวนการ มีเปน็ จ�ำนวนมาก แตล่ ะเคร่อื งมอื จะมีเป้าหมายในการใช้ท่ีแตกตา่ งกัน และสามารถใชผ้ สมผสานเครอ่ื งมอื ไดต้ ามความเหมาะสม เครอื่ งมอื เลม่ นี้ เขยี นโดย ดร.อภญิ ญา ดสิ สะมาน นกั วชิ าการผชู้ �ำนาญการ ส�ำนกั สนั ตวิ ธิ ี และธรรมาภิบาล ซึ่งผู้อ่านจะได้ทราบถึง เคร่ืองมือสุนทรียปุจฉา (Appreciative Inquiry) เปน็ เครอ่ื งมอื ทจ่ี ะชว่ ยสนบั สนนุ ใหม้ กี ารรวบรวม ข้อมูลและข้อเท็จจริงในการเปิดรับฟังความคิดเห็นในเวทีต่างๆ โดย กระบวนการทสี่ บื เสาะและแสวงหาค�ำตอบในการแกไ้ ขปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ โดยมพี น้ื ฐานมาจากหลกั การส�ำคญั ทว่ี า่ สนุ ทรยี ปจุ ฉา เปน็ ศลิ ปะ ของการถามค�ำถามที่น�ำไปสู่การส่งเสริมให้ระบบมีศักยภาพเพียงพอ ทจ่ี ะพฒั นาไปสศู่ กั ยภาพสงู สดุ และเปน็ กระบวนการทขี่ บั เคลอื่ นใหเ้ กดิ การตงั้ ค�ำถามในเชงิ บวกแบบไมม่ เี งอื่ นไขใดๆ โดยอนั จะท�ำใหเ้ กดิ พนื้ ท่ี แห่งการเรียนรู้ร่วมกัน เข้าใจถึงมุมมองและความคิดเห็นท่ีแตกต่างกัน ในเหตุการณ์เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความเข้าใจเหตุการณ์ได้อย่าง หลากหลายแง่มุมมากยงิ่ ขนึ้ อันจะน�ำไปสู่การแกไ้ ขปญั หาและวางแผน ในอนาคตอยา่ งสรา้ งสรรค์ร่วมกันได้ inside_ cc.indd 3 14/12/2563 19:42:30
4 สถาบันพระปกเกล้าขอขอบคุณผู้เขียนท่ีได้ผลิตงานช้ินนี้ และผู้ท่ีมีส่วนร่วมทุกท่านที่ท�ำให้งานส�ำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ ที่ได้ก�ำหนดไว้ หวังเป็นอย่างย่ิงว่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการ ผสู้ นใจทว่ั ไป และเกดิ กระบวนการแลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ นั อยา่ งกวา้ งขวาง ต่อเน่ืองและสรา้ งสรรคส์ งั คมต่อไป ศาสตราจารย์ วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบนั พระปกเกลา้ inside_ cc.indd 4 14/12/2563 19:42:30
5สุนทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสันติวิธี (Appreciative Inquiry) Foreword There is no real democracy without a free and open dialogue. However, simply having freedom of speech is not enough. A public debate can be a bit like an argument in a family. Some members might be too shy to present their point of view, others are rather ignored as they are considered as inexperienced. One person might not have the skills to formulate his interests and emotions, another already gave up due to former insults. In societies, we witness the same. There are groups without any lobby or only little capacity. Some participants in a public discourse might even be informally or formally disadvantaged. The result of such a biased dialogue will not only be favourable to certain people. It will also create distrust of the political system, division and resentment. As liberals, we believe that those obstacles must be overcome - and that they can be overcome. Good facilitation enables the weak to participate and makes the strong aware of inside_ cc.indd 5 14/12/2563 19:42:30
6 their privileges and powers. A proper facilitated and successful discussion ends without a winner, but with the best outcome for the society or the group as the whole. However, good facilitation is a true art - you could fill libraries with all the available techniques and tools. Gen. Ekkachai Srivilas, Dr.Chalat Pratheuangrattana and Dr. Apinya Tissamana, three Almunis of FNF’s International Academy for Leadership in Gummersbach, spared no efforts to find best practice examples. With the advice of FNF’s Programme Manager Dr.Pimrapaat Dusadeeisariyakul, an experienced facilitator, they collected the most promising tools for the Thai context. The result is impressive and a bright example of the fruitful cooperation between KPI and FNF. FNF is determined to continue this great partnership and we truly believe that this book can be a cornerstone of our future cooperation. Mr. Frederic Spohr Head of Office Thailand and Myanmar Friedrich Naumann Foundation inside_ cc.indd 6 14/12/2563 19:42:30
7สุนทรียปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอย่างสันติวิธี (Appreciative Inquiry) คำ�นำ�มูลนธิ ิฟรีดริช เนามัน ประชาธปิ ไตยทแ่ี ทจ้ รงิ จะเกดิ ขนึ้ ไมไ่ ดห้ ากปราศจากการพดู คยุ ที่เปิดกว้างและเสรี แต่ถึงกระน้ันเสรีภาพในการพูดอย่างเดียวก็อาจจะ ยังไมเ่ พยี งพอทีจ่ ะน�ำไปสสู่ งั คมประชาธปิ ไตย การถกเถียงบนพ้ืนที่สาธารณะก็อาจคล้ายกับการโต้เถียงกัน ในครอบครัว สมาชิกบางคนเขินอายเกินกว่าท่ีจะบอกเล่ามุมมอง ของเขา และความคดิ เหน็ ของสมาชกิ กทถ่ี กู มองวา่ ยงั ไมม่ ปี ระสบการณ์ กอ็ าจจะไมไ่ ดถ้ กู รบั ฟงั บางคนอาจจะไมม่ ที กั ษะทจ่ี ะถา่ ยทอดความรสู้ กึ และสงิ่ ทเี่ ขาสนใจ ขณะทบ่ี างคนไมอ่ ยากจะรว่ มถกเถยี งอกี ตอ่ ไป เนอื่ งจาก การถกู กดี กันในอดีต เราต่างพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ในสังคม มีบางกลุ่มที่ไม่มี เครอื ขา่ ยและมพี ลงั เพยี งเลก็ นอ้ ย ในการแลกเปลย่ี นประเดน็ สาธารณะ คนบางกลมุ่ อาจจะเสยี เปรยี บ ผลลพั ธข์ องการแลกเปลยี่ นทมี่ อี คตอิ าจจะ เออื้ ประโยชนใ์ หก้ บั คนบางกลมุ่ ซงึ่ อาจน�ำมาซง่ึ ความไมเ่ ชอื่ ใจในระบบ การเมอื ง เกดิ ความไมเ่ ชอ่ื มน่ั ในการมสี ว่ นรว่ ม เกดิ การแบง่ แยกเปน็ กลมุ่ และเกิดความไม่พอใจในสังคม ท่มี าจากการมสี ่วนร่วมที่ไม่ครอบคลมุ inside_ cc.indd 7 14/12/2563 19:42:30
8 ในฐานะนกั เสรนี ยิ ม เราเชอื่ วา่ เราตอ้ งกา้ วผา่ นอปุ สรรคเหลา่ นนั้ การใชก้ ระบวนการจะท�ำใหเ้ กดิ การมสี ว่ นรว่ มอยา่ งครอบคลมุ บนกตกิ า ท่ีเท่าเทียม ในการแลกเปลี่ยนท่ีเหมาะสม และการอภิปรายท่ีประสบ ความส�ำเร็จผ่านการใช้กระบวนการจะไม่มีผู้ชนะหน่ึงเดียวในตอนจบ แต่จะท�ำให้วงอภิปรายได้ผลลัพธ์ที่ใช่ที่สุดส�ำหรับทุกคนในกลุ่มส�ำหรับ สงั คม อยา่ งไรกต็ าม การใชก้ ระบวนการนบั เปน็ ศลิ ปะทแี่ ทจ้ รงิ มหี นงั สอื เก่ียวกับเคร่ืองมือและเทคนิคกระบวนการมากมายให้เราศึกษาค้นคว้า หนงั สอื เครอื่ งมอื ของวทิ ยากรกระบวนการ (Tools for Facilitator) เกดิ จาก ความร่วมมือระหว่างสถาบันพระปกเกล้าและมูลนิธิฟรีดริช เนามัน โดย พลเอก เอกชยั ศรวี ลิ าศ ผอู้ �ำนวยการส�ำนกั สนั ตวิ ธิ แี ละธรรมาภบิ าล ดร. ชลัท ประเทืองรัตนา และ ดร. อภิญญา ดิสสะมาน นักวิชาการ ผู้ช�ำนาญการ ส�ำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เปน็ ผผู้ า่ นการอบรม ณ ศนู ยฝ์ กึ อบรมนานาชาติ (International Academy for Leadership - IAF) เมืองกุมเมอร์ชบัค ได้เฟ้นหาเครื่องมือ เทคนิค ที่เหมาะกับบริบทสังคมไทย พร้อมกับการยกตัวอย่างและกรณีศึกษา ในการใช้กระบวนการ โดยมี ดร. พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้จัดการ โครงการ มลู นธิ ฟิ รดี รชิ เนามนั ประเทศไทยรว่ มใหข้ อ้ คดิ เหน็ และค�ำปรกึ ษา จนออกมาเป็นหนงั สอื ทท่ี า่ นถืออยู่ในมือน้ี inside_ cc.indd 8 14/12/2563 19:42:30
9สุนทรียปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอยา่ งสนั ตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) ท้ายนี้ มูลนิธิฟรีดริช เนามัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถาบัน พระปกเกล้าและมูลนิธิฟรีดริช เนามัน จะยังเป็นภาคีขับเคลื่อนสังคม และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มน้ีจะเป็นหมุดหมายไปสู่ ความร่วมมอื อน่ื ๆ ในอนาคต เฟรดเดอริก ชปอร์ หวั หน้าส�ำนกั งานประเทศไทย มลู นธิ ฟิ รดี ริช เนามัน inside_ cc.indd 9 14/12/2563 19:42:30
10 สารบัญ ค�ำน�ำสถาบนั พระปกเกล้า หนา้ ค�ำน�ำมูลนิธฟิ รดี รชิ เนามนั 3 สารบัญ 5 สารบัญภาพ 10 1. บทน�ำ 11 2. หลกั การส�ำคัญของสนุ ทรยี ปุจฉา 12 3. เมือ่ ใดควรใชแ้ ละท�ำไมถงึ ใช้สนุ ทรียปุจฉา 19 4. วธิ กี ารในการจดั กระบวนการสนุ ทรียปจุ ฉา 24 5. ตัวอย่างในการจดั กระบวนการสุนทรยี ปุจฉา 34 42 6. จดุ แขง็ ขอ้ จ�ำกดั และสง่ิ ทพ่ี งึ ระวงั ในการใชก้ ระบวนการ 51 สุนทรยี ปจุ ฉา 7. บทสรุป 54 บรรณานุกรม 56 inside_ cc.indd 10 14/12/2563 19:42:30
11สุนทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสันติวธิ ี (Appreciative Inquiry) สารบัญภาพ หน้า ภาพท่ี 1 วงจร 4-D วงจรสนุ ทรยี ปุจฉาสมี่ ติ ิ 35 ภาพที่ 2 (The Al 4-D cycle) 44 Dr. Cynthia G Irmer ในการจัดการประชุม เชิงปฏิบัติการเร่อื งสุนทรยี ปรัศนี inside_ cc.indd 11 14/12/2563 19:42:30
12 สุนทรียปจุ ฉา: กระบวนการสอบถาม เพ่อื การเปลี่ยนแปลง อยา่ งสันติวิธี (Appreciative Inquiry หรือ AI) 1. บทนำ� การจะสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มในการแกไ้ ขปญั หาความขดั แยง้ ตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในสงั คมไดน้ นั้ ตอ้ งมเี ครอ่ื งมอื ทเ่ี หมาะสมทจ่ี ะใหผ้ มู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง หรอื ผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสยี เข้ามามีส่วนรว่ มในการแก้ไขปัญหา และรว่ มกนั สรา้ งใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงทมี่ งุ่ หวงั ไดอ้ ยา่ งสนั ตวิ ธิ ี โดยหนงึ่ ในเครอ่ื งมอื ส�ำคญั ทม่ี กั ใชใ้ นการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มกค็ อื “กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา” inside_ cc.indd 12 14/12/2563 19:42:31
13สนุ ทรยี ปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอยา่ งสนั ตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) เป็นกระบวนการท่ีสืบ เสาะ แสวงหาค�ำตอบในการแก้ไขปัญหาอย่าง เปน็ ระบบ โดยมพี น้ื ฐานมาจากหลกั การส�ำคญั ทว่ี า่ เราสามารถก�ำหนด ชะตากรรมของเราเอง และเราสามารถรว่ มสรา้ งหนทางใหมใ่ หต้ นเองได้ ดว้ ยการคน้ หาสง่ิ ดๆี ทซี่ อ่ นเรน้ ในตวั บคุ คลและในองคก์ ร โดยใชห้ ลกั การ ทถี่ กู ตอ้ งในการตงั้ ค�ำถามทชี่ ว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การคดิ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความคดิ ความรู้และทฤษฎีใหม่ๆ ท่ีจะเป็นแนวทางให้บรรลุในสิ่งที่คาดหวังให้ เกดิ ข้ึนในอนาคตรว่ มกัน Appreciative Inquiry หรือ AI ในภาษาไทยมีการเรียกใช้ หลายชอื่ เชน่ “สนุ ทรยี ปรศั น”ี หรอื “สนุ ทรยี สาธก” แตส่ �ำหรบั ในการเขยี น เพ่ือถอดบทเรียนและข้อสรุปการจัดกระบวนการในคร้ังน้ีผู้เขียนจะใช้ ค�ำว่า “สนุ ทรียปุจฉา” เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ในแนวทางเดยี วกนั และเขา้ ใจไดง้ ่าย แก่ผอู้ ่านตอ่ ไป ค�ำว่า “สุนทรียปุจฉา” คือกระบวนการศึกษาค้นหาร่วมกัน เพ่ือค้นหาส่ิงที่ดีท่ีสุดในตัวคน ในองค์กร หรือของโลกท่ีอยู่รอบตัวเรา เปน็ กระบวนการคน้ หาอยา่ งเปน็ ระบบวา่ อะไรเปน็ สาเหตสุ �ำคญั ทท่ี �ำให้ ระบบด�ำเนินไปอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อระบบน้ันสามารถบรรลุซ่ึง ประสิทธิผลสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุ ด้านจิตใจ ด้านความเป็นอยู่ ร่วมกัน ด้านความสัมพันธ์ ซึ่งรวมถึงทุกส่ิงที่เก่ียวกับระบบของมนุษย์ สุนทรียปุจฉาจึงเป็นศิลปะของการถามค�ำถามที่น�ำไปสู่การส่งเสริมให้ ระบบมีศักยภาพเพียงพอท่ีจะพัฒนาไปสู่ศักยภาพสูงสุด สุนทรียปุจฉา เป็นกระบวนการท่ีขับเคลื่อนให้เกิดการต้ังค�ำถามในเชิงบวกแบบไม่มี เงื่อนไขใดๆ ซ่ึงมักเกิดขึ้นกับคนต้ังแต่ไม่กี่คนจนถึงเป็นล้านคน ในกระบวนการการท�ำสุนทรียปุจฉาจะเปิดโอกาสให้มีการจินตนาการ inside_ cc.indd 13 14/12/2563 19:42:31
14 และสรา้ งภาพในฝนั รว่ มกนั แทนทจี่ ะเปน็ ความคดิ ดา้ นลบ หรอื การวพิ ากษ์ วจิ ารณ์ การต�ำหนิ โดยยนื อยบู่ นสมมตฐิ านทว่ี า่ ในทกุ ระบบลว้ นแลว้ แต่ มีเร่ืองราวด้านบวกที่สร้างแรงบันดาลใจที่ยังไม่มีใครน�ำมาขยายผล และมมี ากพอ (Cooperrider, Whitney and Stavros, 2008) นอกจากนี้ ในประเทศไทยมวี ทิ ยากรกระบวนการเปน็ จ�ำนวนมาก ทไ่ี ดใ้ หค้ �ำอธบิ ายเกย่ี วกบั กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา และไดน้ �ำกระบวนการ สนุ ทรยี ปจุ ฉามาใช้ เพอ่ื ตอ้ งการขบั เคลอื่ นประเดน็ ปญั หาในสงั คมประเทศ ในเชงิ บวก เชน่ ทนั ตแพทยอ์ ทุ ยั วรรณ กาญจนกามล และศาสตราจารย์ นายแพทยว์ นั ชยั วฒั นศพั ท์ เปน็ ตน้ โดยวทิ ยากรกระบวนการทงั้ สองทา่ นนี้ ได้น�ำกระบวนการสุนทรียปุจฉาไปใช้กับหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข เพอื่ ท�ำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงขน้ึ ในองคก์ ร ยกตวั อยา่ งเชน่ กระบวนการ สนุ ทรยี ปจุ ฉาในกรมอนามยั กระบวนการสทุ รยี ปจุ ฉาในเครอื ขา่ ยวทิ ยากร กระบวนการของสถาบนั พระปกเกลา้ เปน็ ต้น คำ� จำ� กัดความของสุนทรยี ปจุ ฉา สนุ ทรยี ปจุ ฉา เปน็ ค�ำทชี่ วนสงสยั ตงั้ แตช่ อ่ื แลว้ วา่ มคี วามหมาย ทแ่ี ทจ้ รงิ คอื อะไร มวี ทิ ยากรกระบวนการหลายทา่ น ทไ่ี ดใ้ ชก้ ระบวนการ สุนทรียปุจฉาในการท�ำงานการแก้ไขปัญหาชุมชนและสังคม เช่น ทันตแพทย์อุทัยวรรณ กาญจนกามล ผู้อ�ำนวยการสถาบันเสริมสร้าง พลังชุมชน ได้ให้ค�ำจ�ำกัดความของสุนทรียปุจฉาไว้ในเอกสารเรื่อง “สุนทรียปรัศนี ปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศของทีมงาน/องค์กร/ชุมชน” ไวว้ า่ “สนุ ทรยี ปรศั นี เปน็ กระบวนการคน้ พบสงิ่ ทด่ี ที สี่ ดุ ทเี่ คยคดิ เคยทำ� inside_ cc.indd 14 14/12/2563 19:42:31
15สนุ ทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอยา่ งสันตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) หรือเคยมีในระบบชีวิตของผู้คน องค์กร และชุมชน แล้วน�ำไปก�ำหนด วิสัยทัศน์ในการท�ำงาน ออกแบบวางแผนงาน ตลอดจนก�ำหนด ชะตากรรมร่วมกัน” ทันตแพทย์อุทัยวรรณ กาญจนกามล ให้แนวคิดจาก การสัมภาษณ์ของท่านไวว้ ่า “วิทยากรท่ีต้องจัดกระบวนการสุนทรียปุจฉา ตอ้ งเปลยี่ นกระบวนการทางความคดิ เดมิ ทเ่ี คยมองวา่ กระบวนการจัด AI เป็นการจัดกระบวนการเพ่ือแก้ ปัญหาหรือเป็นการจัดกระบวนการโดยใช้ฐานปัญหา เปน็ สำ� คญั (Problem-Based) แทจ้ รงิ แลว้ กระบวนการ จดั สนุ ทรยี ปจุ ฉาที่ถูกต้องคือ เป็นกระบวนการจัดเพื่อ มุ่งเป้าไปท่ีปัญญา (Wisdom-Based) มากกว่าปัญหา อย่างในอดีต ตัวอย่างการต้ังค�ำถามกับตนเอง เช่น ถา้ เราจะทำ� อะไรเชงิ บวกใหแ้ กช่ วี ติ ของเรา มบี อ่ เกดิ อะไร ในการให้พลังชีวิตเราขับเคล่ือนในเชิงบวกได้บ้าง” (อุทยั วรรณ กาญจนกามล, 2562) สนุ ทรยี ปจุ ฉา สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดก้ บั การสนทนาแบบเรว็ ๆ สน้ั ๆ กบั เพอื่ น หรอื น�ำมาใชเ้ ปน็ กระบวนการเปลยี่ นแปลงในระดบั องคก์ ร ก็ได้ วงจรสุนทรียปุจฉา จะเริ่มจากการค้นหาประสบการณ์ท่ีดีที่สุด (Discover) จากนั้นเอาประสบการณ์ท่ีได้ไปสานต่อเป็นความฝันหรือ วิสัยทัศน์ (Dream) วางแผนท�ำให้วิสัยทัศน์เป็นจริง (Design) และ เร่ิมตน้ ท�ำ (Destiny) inside_ cc.indd 15 14/12/2563 19:42:31
16 สุนทรียปุจฉาเป็นวิธีการเปล่ียนแปลงองค์กรและชุมชนใน แนวทางแบบโพสต์โมเดิร์น เป็นเหมือนตัวแทนของการละทิ้งแนวคิด แบบเดิมอย่างถอนรากถอนโคน จากเข้าไปเปลี่ยนแปลงองค์กร การสอบถามแบบเดิมๆ ที่น�ำไปใช้กับวงจรชีวิตขององค์กรเกิดข้ึนจาก กรอบของแหลง่ ความรทู้ เ่ี กดิ มาจากการใชเ้ หตผุ ลและจากประสบการณ์ เชิงประจักษ์ และจากประสบการณ์ท่ีตรวจสอบได้ วิธีการสอบถาม แบบเดิมนี้พยายามท่ีจะตรวจสอบหาเหตุและผลที่น�ำไปสู่ความรู้ที่มี การคาดการณ์เพ่ือใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพขององคก์ ร ซง่ึ ขนึ้ อยู่กบั รูปแบบ การวิจัยเชิงปฏิบัติการที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาผ่านความก้าวหน้าในการ ด�ำเนินการแต่ละข้ันตอน ดังต่อไปน้ี : ประการแรก การระบุปัญหา หรอื ขอ้ บกพร่องในระบบ ประการท่ี 2 การวเิ คราะหส์ าเหตุของปัญหา ประการที่ 3 การเสนอแนวทางการแกไ้ ขปญั หา ประการที่ 4 การพฒั นา แผนปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื “จดั การ” ปญั หา (French and Bell, 1984 แปลโดย ศ. นพ.วันชัย วัฒนศัพท์) รูปแบบนี้เหมือนกบั “รปู แบบทางการแพทย”์ ของการวินิจฉัยและการรักษาท่ีถือว่าองค์กรก�ำลังเจ็บป่วยอยู่ มีความ บกพร่องหรืออุปมาว่า “มีปัญหาท่ีต้องการแก้ไข” ด้วยการดูระบบของ มนุษย์ผ่านทางมุมมองน้ีสามารถมีขอบเขตภายใต้เงื่อนไขท่ีดีที่สุดแล้ว และอาจท�ำใหเ้ สอื่ มเสยี และท�ำใหป้ ญั หาก�ำเรบิ มากขน้ึ ทจ่ี ะตอ้ งถกู แกไ้ ข ซึ่งมันสามารถสร้างวัฒนธรรมของ “การต�ำหนิ ติฉิน” เกิดการท�ำลาย โครงสรา้ งของชมุ ชนทมี่ อี ยแู่ ตเ่ ดมิ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยประชาชนมแี นวโนม้ ทจี่ ะ กลายเป็นฝ่ายต้ังรับเพ่ือที่จะหลีกเล่ียงการถูกต�ำหนิโดยเป็นผลให้เกิด ความหา่ งเหนิ ระหวา่ งกนั และท�ำลายความไวใ้ จกนั ลกั ษณะการปอ้ งกนั ตัวเองนี้เป็นการสกัดกั้นการเรียนรู้และการคิดที่สามารถท�ำให้ระบบ เคลื่อนย้ายไปข้างหน้าต่อไปได้ (Barrett, 1995) ทั้งนี้ การที่ย่ิงไปเน้น ส่วนขาดและปัญหาส่วนขาดและปัญหาท่ีว่าจะยิ่งมองเห็นเด่นชัด และ inside_ cc.indd 16 14/12/2563 19:42:32
17สนุ ทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสนั ติวิธี (Appreciative Inquiry) ปัญหาที่ยิ่งคิดยิ่งปรุงแต่งมากขึ้นน้ีจะล้นท่วมและท�ำให้ระบบล่มสลาย เพราะว่าขวัญก�ำลังใจท่ีหดหาย อุดมคติในการท�ำงานก็จะจากคลาย รวมทง้ั คุณค่าในการท�ำงานกจ็ ะหมดส้ินไปดว้ ย (Mirvis 1997) สนุ ทรยี ปจุ ฉา จงึ เปน็ กระบวนการใหมท่ เ่ี ปดิ ทางของปญั หาตา่ งๆ ในสังคมซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงแค่ให้สังคมอยู่รอดจากปัญหาน้ันๆ แต่เป็น การสรา้ งแนวทางของการอยรู่ ว่ มและการอยอู่ ยา่ งมคี ณุ คา่ และอยอู่ ยา่ ง มีความหมายร่วมกันอย่างไรเพื่อร่วมกันหาทางออกร่วมกันในเชิงบวก โดยผา่ นกระบวนการใช้ค�ำถามอยา่ งสร้างสรรค์ หัวใจของกระบวนการสุนทรียปุจฉา คือ ศิลปะของการตั้งคำ�ถามที่มีพลังในการขับเคล่ือน และเป็นการต้ังคำ�ถามเชิงบวกโดยไม่มีเง่ือนไข โดยกระบวนการสุนทรียปุจฉานั้น มุ่งไปที่จุดแข็งท่ีมีประสิทธิภาพ มากกว่าการถามเพ่ือมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา แต่อย่างเดียว inside_ cc.indd 17 14/12/2563 19:42:32
18 ค�ำจำ� กัดความค�ำวา่ “สุนทรียปจุ ฉา” “ สุนทรียปุจฉา... เป็นการใช้อารยะของตัวเองในการก้าวไปข้างหน้า ด้วยการใช้คำ�ถามที่ก่อให้เกิดความซาบซ้ึง การให้กำ�ลังใจมาเป็นตัวตั้ง โดยค้นหาส่ิงดีๆ ที่แต่ละคนมีอยู่ออกมา เพื่อให้ได้ปฏิบัติการอันสุนทร และจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก” (ทันตแพทย์อุทัยวรรณ กาญจนกามล) inside_ cc.indd 18 14/12/2563 19:42:32
19สุนทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอยา่ งสนั ติวิธี (Appreciative Inquiry) 2. หลกั การส�ำคญั ของสุนทรยี ปจุ ฉา สนุ ทรยี ปจุ ฉา หรอื Appreciative Inquiry (AI) เปน็ กระบวนการ ท่ีถูกพัฒนาข้ึนมาโดยศาสตราจารย์เดวิด โคออพเพอไรเดอร์ (David Cooperrider) อาจารยผ์ สู้ อนวชิ าพฤตกิ รรมองคก์ าร และทมี งานของเขาท่ี Case Western Reserve University ในปี ค.ศ. 1980 สนุ ทรยี ปจุ ฉา เรม่ิ ขนึ้ จากการคน้ พบทแ่ี ตกตา่ งจากความส�ำเรจ็ อยา่ งยง่ิ ใหญถ่ งึ แกน่ แทข้ องคา่ นยิ ม (Core Values) และความทะยานอยาก (Aspiration) ทฝ่ี งั อยใู่ นระบบของมนษุ ยท์ ง้ั หมด มนั เปน็ วธิ กี ารทดี่ �ำเนนิ การ โดยการสานเสวนา (Dialogue) ระหว่างปัจเจกบุคคลแผ่ขยายออกไปสู่ กลุ่มคนในชุมชนและก่อให้เกิดวิธีการที่จะหลอมรวมเข้ามาเป็นอันหนึ่ง อนั เดยี วกนั และประกาศเจตนารมณค์ วามมงุ่ มน่ั ของชมุ ชนอยา่ งกวา้ งขวา้ ง สามารถน�ำไปสู่การปฏิบัติ จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติทางสังคมท่ีอธิบาย ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันของปัจเจกบุคคลน้ัน จะท�ำให้เกิด ความรว่ มมอื ทจ่ี ะสรรคส์ รา้ งอนาคตอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพเมอ่ื ใชก้ ระบวนการ inside_ cc.indd 19 14/12/2563 19:42:33
20 ตงั้ ค�ำถามเชงิ บวกใสล่ งไปในหวั ใจและจติ วญิ ญาณของระบบความส�ำเรจ็ อันย่ิงใหญ่ และคุณค่าที่ลึกซ้ึงจะก่อให้เกิดพลังและแรงบันดาลใจที่จะ กา้ วขา้ มไปสสู่ งิ่ ทค่ี าดหวงั และน�ำไปสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ที่ �ำใหเ้ กดิ การปรบั เปลยี่ น ทัศนคติเป็นเชิงบวก ซึ่งจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาแบบเดิมอีกต่อไป (Finegold, 2002) หลกั การพื้นฐานของสุนทรยี ปุจฉามี 5 ประการ ประกอบด้วย 1. หลกั ของการสรา้ งความรู้ (The constructionist principle) เปน็ หลกั การพนื้ ฐานของแนวคดิ สนุ ทรยี ปจุ ฉาโดยมหี ลกั การคอื เราก�ำหนด ชะตากรรมเราเองได้ เราสามารถร่วมสร้างหนทางใหม่ให้ตนเองได้ การต้ังค�ำถามของเรานนั้ เป็นสว่ นหนึง่ ในการก�ำหนดชะตากรรมของเรา โดยมแี นวคดิ ทเี่ ชอื่ วา่ ความรภู้ ายในของแตค่ น (รวมถงึ สงิ่ ทค่ี นในองคก์ ร นกึ คดิ ) และจดุ มงุ่ หมายปลายทางขององคก์ รเปน็ สงิ่ ทเี่ ชอ่ื มโยงเขา้ ดว้ ยกนั หรือกลา่ วได้อกี นัยหน่ึงว่า วธิ ีท่เี รารมู้ ผี ลโดยตรงกับสิง่ ที่เราท�ำ 2. หลักของการเกิดขึ้นพร้อมกัน (The principle of simultaneity) ทนั ทที เ่ี ราถามค�ำถาม ถอื วา่ เราไดเ้ รม่ิ สรา้ งการเปลยี่ นแปลง ใหเ้ กดิ ขน้ึ แลว้ และค�ำถามทเ่ี ราถามจะเปน็ ตวั ก�ำหนดสงิ่ ทเ่ี ราพบเรอ่ื งราว ต่างๆ ท่ีถูกดึงออกมาด้วยการต้ังค�ำถามของเราจะกลายเป็น “ฐาน” ส�ำหรับการท�ำความเข้าใจและการสร้างอนาคต การให้ความส�ำคัญกับ การต้ังค�ำถามอย่างถูกต้องเป็นส่วนหน่ึงของการสอบถาม และค�ำถาม ทเ่ี ราสรา้ งขน้ึ นน้ั มผี ลอยา่ งมากส�ำหรบั การเปลยี่ นแปลงวธิ กี ารปฏบิ ตั ใิ น สงั คม ทง้ั นี้ การตง้ั ค�ำถามในรปู แบบของสนุ ทรยี ปจุ ฉานน้ั ไมไ่ ดม้ งุ่ คน้ หา inside_ cc.indd 20 14/12/2563 19:42:33
21สนุ ทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอยา่ งสันติวิธี (Appreciative Inquiry) ค�ำตอบท่ี “ถูกต้อง” แต่เป็นกระบวนการท่ีสร้างการสนทนาที่แสวงหา “สว่ นทด่ี ที ส่ี ดุ ทเี่ ปน็ สง่ิ ส�ำคญั ” ของระบบเพอ่ื เปน็ ฐานในการสรา้ งใหเ้ กดิ ระบบท่ีดีข้นึ ตอ่ ไป 3. หลักของอารมณ์ที่สุนทรียภาพหรือหลักของกวี (The poetic principle) หลกั การนไ้ี ดก้ ลา่ วถงึ วา่ ระบบของมนษุ ยน์ น้ั มกี ารตคี วาม และเรียนรู้ได้อย่างไม่มีท่ีสิ้นสุดโดยยังคงถูกเขียนใหม่อย่างต่อเนื่อง ผ่านการตีความร่วมกันของเรา เราสามารถมองเข้าไปในระบบด้วย มุมมองใดก็ได้ท่ีเราเลือก เราสามารถมองหาว่าอะไรเป็นส่ิงที่ผิดพลาด หรอื อะไรท่ดี �ำเนินไปอย่างถกู ต้อง และผลประโยชน์ทม่ี ากขน้ึ จะเกดิ ข้ึน เมื่อวิธีการและเป้าหมายของการสอบถามอยู่ในแนวทางเดียวกัน ดังนน้ั ถา้ เราต้องการเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการรกั ษาพนักงานให้ท�ำงาน กบั องคก์ รไดน้ านๆ โดยการใชค้ �ำถามวา่ “อะไรทท่ี �ำใหพ้ นกั งานท�ำงานอยู่ กบั องคก์ รไดน้ าน” ซง่ึ เปน็ ค�ำถามทเ่ี สรมิ แรงทางบวกแทนการตง้ั ค�ำถาม ทมี่ งุ่ ไปประเด็นทวี่ ่า “ท�ำไมพนกั งานถงึ ลาออกจากงาน” 4. หลกั การเชงิ บวกหรอื เชงิ สรา้ งสรรค์ (The positive principle) ภาษาท่ีใช้ในการส่ือสารนั้นมีความส�ำคัญ หากมีการตั้งค�ำถามอย่าง สรา้ งสรรคแ์ ละมพี ลงั มากเทา่ ไรกย็ ง่ิ จะท�ำใหเ้ กดิ ความยง่ั ยนื ในองคก์ รหรอื ชุมชุนมากข้ึนเท่าน้ัน นอกจากนี้ การหันหน้าเข้ามาหากันจะเกิดข้ึนได้ เมื่อเราใช้ค�ำถามท่ีส่ือถึงหนทางที่จะมุ่งไปสู่ความส�ำเร็จและเกิดให้เป็น พลังในการร่วมมือกัน รวมถึงข้อมูลเชิงบวกท่ีได้รับจะเกิดข้ึนได้จาก การใชค้ �ำถามทส่ี รา้ งแรงบนั ดาลใจ เกดิ ความหวงั ใหก้ บั ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี เชน่ กนั เกดิ เครอื ขา่ ยของความรว่ มมอื กนั ทเ่ี ขม้ แขง็ ของผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี น้ี จะสง่ ผลใหส้ ามารถไปถงึ อนาคตทฝี่ นั ไวห้ รอื ปรารถนาใหเ้ กดิ ขนึ้ รว่ มกนั ได้ inside_ cc.indd 21 14/12/2563 19:42:33
22 5. หลกั การคาดการณล์ ว่ งหนา้ (The anticipatory principle) สิ่งท่ีส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขององค์กรอย่างสร้างสรรค์ก็คือ การจินตนาการร่วมกันและการพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตร่วมกัน ระบบของมนุษย์เคลื่อนไหวไปในทิศทางของส่ิงที่เป็นภาพในอนาคต ของพวกเขา ยงิ่ การคาดการณถ์ งึ ภาพอนาคตขององคก์ รเปน็ ไปในเชงิ บวก และมีความหวังมากเท่าไร การกระท�ำในปัจจุบันหรือการแก้ไขปัญหา ขององคก์ รในปจั จบุ นั กจ็ ะยง่ิ เปน็ ไปในทางทดี่ ขี นึ้ มงี านวจิ ยั มากมายจาก สาขาวิชาหลายแหลง่ เช่น ด้านการแพทย์ จิตวทิ ยาการกฬี า การศกึ ษา และสังคมวิทยาสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างจินตนาการในเชิงบวก และกระท�ำในเชิงบวก (Cooperrider, 2000) การสร้างค�ำถามที่มีพลัง ลกั ษณะของการตง้ั คำ� ถามทม่ี พี ลงั คอื เปน็ ค�ำถามทก่ี ระตนุ้ ใหเ้ กดิ การคดิ และสะทอ้ นความหมายทลี่ กึ ซง้ึ ออกมา สามารถขยายความ ทะยานอยากและความเปน็ ไปไดส้ สู่ ง่ิ ทตี่ งั้ ใจ โดยเปน็ ค�ำถามทส่ี ามารถดงึ เอา สมมติฐานท่มี อี ยใู่ นความคิดเอาออกมาไดช้ ดั เจน เป็นค�ำถามท่ีกระตุ้น ความอยากรอู้ ยากเหน็ และการใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์ และเปน็ ค�ำถามทช่ี ว่ ย ให้กลุ่มไดแ้ นวทางในการวางแผนโครงการส�ำหรับการก้าวเดินตอ่ ไป ตัวอย่างของการตั้งค�ำถามท่ีมีพลังท่ีใช้ในระหว่างการจัด กระบวนการสุนทรยี ปจุ ฉา เช่น inside_ cc.indd 22 14/12/2563 19:42:33
23สุนทรียปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอย่างสนั ติวธิ ี (Appreciative Inquiry) • อะไรคอื จดุ แขง็ ส�ำคญั ของตวั ทา่ นเองทส่ี ง่ ผลตอ่ การพฒั นา ขององค์กร? • อะไรคือส่ิงที่เป็นจุดแข็งขององค์กรในการพัฒนาสังคม ประเทศร่วมกัน ? • อะไรคอื กญุ แจส�ำคญั ในการพฒั นาจดุ แขง็ ขององคก์ รชมุ ชน ในอนาคต? กระบวนการที่เกีย่ วข้องในการสร้างคำ� ถามที่มีพลัง ประกอบดว้ ย 1) การสรา้ งคำ� ถามทมี่ พี ลงั (Construction) การสรา้ งค�ำถาม ในแตล่ ะค�ำถามทแี่ ตกตา่ งกนั อาจจะสรา้ งความแตกตา่ งสกู่ ารเปดิ ใจของ พวกเราหรือตรงข้าม อาจจะจ�ำกัดความเป็นไปได้ในเรื่องที่เราจะต้อง พิจารณาให้ทบทวนค�ำต่างๆ ท่ีใช้ในการสร้างค�ำถามอย่างต่อเน่ือง จากค�ำถามที่มีพลงั นอ้ ยกวา่ จนถงึ ค�ำถามทีม่ พี ลังมากกวา่ (คำ�ถามพลังนอ้ ย) ใช่ / ไม่ใช่ อย่างไหน ใคร เมอ่ื ใด ทไ่ี หน อะไร อยา่ งไร ทำ�ไม และถา้ (คำ�ถามพลังมาก) inside_ cc.indd 23 14/12/2563 19:42:33
24 ให้ลองพจิ ารณาการสร้างค�ำถามตา่ งๆ ดังต่อไปน้ี • ผู้ที่เข้ามารับบริการในเขตชุมชนของเรา พวกเขาได้รับ การตอบสนองตรงตามความตอ้ งการของพวกเขาหรอื ไม่ ? • ในชมุ ชนของพวกเรามอี ะไรไหมทสี่ นบั สนนุ หรอื เออื้ ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธ์ที่ดีกบั ประชาชนในพืน้ ที่บ้าง ? • เราจะมวี ธิ กี ารอยา่ งไรในการปอ้ งกนั ความรนุ แรงทางเพศ และความรนุ แรงอน่ื ๆ ในชมุ ชนไมใ่ หเ้ กดิ ขน้ึ ตงั้ แตแ่ รกเลย ? • ท�ำไมถงึ เกดิ ปญั หารนุ แรงกบั หลายครอบครวั ในพนื้ ทข่ี อง ชมุ ชนแหง่ นนั้ ได้ ? • และถ้าเราจะท�ำให้มันดีข้ึน เราควรจะมีวิธีอย่างไร ? (การสรา้ งใหเ้ กดิ ชมุ ชนทสี่ ง่ เสรมิ หรอื ชว่ ยใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธ์ ที่เอ้อื อาทรไร้ความรุนแรง) ในขณะท่ีเราลองปรบั เปลยี่ นจากค�ำถาม ใช/่ ไม่ใช่ ทีเ่ ราเคยใช้ ไปเป็นการต้ังค�ำถามดว้ ย ท�ำไม (Why) และ ถ้าหาก (What if) ค�ำถามนี้ เหลา่ นก้ี ระตนุ้ ใหเ้ กดิ การกสะทอ้ นความคดิ และการตอบสนองทสี่ รา้ งสรรค์ ยิ่งขึ้น ข้อสังเกตเกี่ยวกับค�ำถามที่มีความต่อเนื่องและเป็นตัวอย่าง ขา้ งตน้ ถา้ ค�ำถามวา่ ท�ำไม ไมไ่ ดร้ บั การสรา้ งใหร้ อบคอบ มนั อาจจะน�ำ ไปสู่การต่อต้าน inside_ cc.indd 24 14/12/2563 19:42:33
25สุนทรยี ปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอยา่ งสนั ตวิ ธิ ี (Appreciative Inquiry) 2) ขอบเขตความครอบคลมุ คำ� ถามทมี่ พี ลงั (Scope) ขอบเขต ของค�ำถามตอ้ งการตรงกบั ความจ�ำเปน็ (Need & Interest) ทเี่ ราก�ำลงั ให้ ความสนใจ หรือตรงกับส่ิงที่เราก�ำลังพยายามท่ีจะค้นหาอยู่ ข้อสังเกต ในผลกระทบของขอบเขตข้างลา่ งนี้ • เราจะท�ำอยา่ งไรเพอ่ื น�ำเอาขอ้ มลู ทตี่ า่ งมที ม่ี ามาแบง่ ปนั กนั อยา่ งดีทสี่ ดุ ในความเปน็ ทมี งานร่วมกัน ? • เราจะสามารถท�ำอย่างไรให้ดีที่สุดที่จะแบ่งปันข้อมูล ท่ตี ่างมีอยู่ในลักษณะของการรว่ มกนั เปน็ หนงึ่ เดียว ? • เราจะสามารถท�ำอย่างไรให้ดีท่ีสุดท่ีจะแบ่งปันข้อมูล ทต่ี า่ งมอี ยกู่ บั ชุมชนของเรา ? ค�ำถามทงั้ สามขา้ งบนจะเหน็ วา่ จะคอ่ ยๆ ขยายความครอบคลมุ ขอบเขตกว้างข้ึนเรื่อยๆ บางทีค�ำถามทั้งหลายเหล่าน้ีมีความสนใจ แต่อยู่นอกความสามารถของเรา (ตัวอย่างเช่น เราจะสามารถเปล่ียน มาตรฐานในสงั คมของเราทใ่ี หก้ ารสนบั สนนุ ความเหนอื กวา่ ของเพศชาย และการให้สทิ ธิพเิ ศษกบั เพศชาย) inside_ cc.indd 25 14/12/2563 19:42:33
26 3) การตั้งสมมติฐานของค�ำถามที่มีพลัง (Assumptions) ค�ำถามเกือบจะทุกค�ำถามได้แสดงออกมาโดยชัดเจน หรือบ่งบอก ถึงนัยยะของสมมติฐานที่เป็นพื้นฐานของค�ำถามไม่มากก็น้อย การให้ความสนใจในการสร้างขอบเขตและสมมติฐานของค�ำถามท่ีได้ ตั้งถามไว้ เม่ือเราก�ำลังท�ำงานอยู่ในกลุ่ม ให้ใช้เวลาในการสรรค์สร้าง ค�ำถามท่พี วกเขาจะน�ำไปใช้ 1. เรม่ิ ตน้ โดยการอภปิ รายถงึ เปา้ หมายสดุ ทา้ ยในใจ เพอื่ ใชใ้ น การอภปิ รายหรอื วางกระบวนการ 2. ใหท้ �ำงานรว่ มกบั ผรู้ ว่ มงานในการวางแผน เพอื่ เขยี นค�ำถาม ต่างๆ ลงไปใหส้ ัมพนั ธก์ ับหัวข้อ 3. ใหอ้ ภปิ รายและให้นำ้� หนักค�ำถามตา่ งๆ • ค�ำถามไหนที่มีการวางโครงสร้างดีที่สุด เพ่ือก่อให้เกิด การสะทอ้ นปญั หาและเกิดความคดิ ใหม่ ๆ • ค�ำถามไหน จะมีความครอบคลุมขอบเขตที่น�ำไปสู่ เป้าหมายสุดทา้ ยในใจ อะไรท่ีเป็นสมมติฐานที่อยู่ลึกลงไปเบ้ืองหลังแต่ละค�ำถาม เปา้ หมายไมใ่ ชก่ ารท�ำใหส้ มมตฐิ านของค�ำถามนนั้ หลดุ ออกมาใหช้ ดั เจน เสมอไป ให้ร่วมกันวางรูปแบบค�ำถาม เพื่อให้แน่ใจว่าค�ำถามน้ันมี สมมติฐานท่ถี กู ต้องเพื่อขบั เคลอื่ นกลมุ่ ให้ก้าวเดนิ ไปข้างหน้า inside_ cc.indd 26 14/12/2563 19:42:33
27สุนทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอย่างสันติวิธี (Appreciative Inquiry) กล่าวโดยสรุป ค�ำถามที่มีพลังในกระบวนการสุนทรียปุจฉา เน้นการถามไปในทางสร้างสรรค์ (Creative Question) และการสร้าง ค�ำถามที่กลุ่มได้น�ำไปใช้ได้มาก โดยวิทยากรกระบวนการมีแนวทาง ในการตง้ั ค�ำถามดังนี้ • เร่ิมต้นจากการอภิปรายถึงเป้าหมายสุดท้ายก่อน เพื่ออธิบายกระบวนการทีจ่ ะท�ำในกล่มุ • กระบวนการทีส่ องคอื ให้ผ้ทู ี่เขา้ รว่ มได้ใช้การถามค�ำถาม ซงึ่ กนั และกนั โดยอาจจะเขยี นใส่ กระดาษการด์ โดยค�ำถาม ต้องสัมพนั ธ์กบั หัวข้อใหญแ่ ละเป้าหมายใหญ่ • กระบวนการให้น้�ำหนักในแต่ละค�ำถาม ดูว่าค�ำถามไหน มโี ครงสรา้ งค�ำถามทที่ รงพลงั ทสี่ ามารถตอบโจทยใ์ หญไ่ ด้ และพจิ ารณาโครงสรา้ งค�ำถามนน้ั ๆ โดยดวู า่ ค�ำตอบของ ค�ำถามน้ันๆ ไม่ได้มีค�ำตอบปกั หมดุ เอาไว้แตต่ น้ • ทดสอบค�ำถามที่ทรงพลังน้ันกับผู้เข้าร่วมกลุ่มและ คนภายนอก ค�ำถามทรงพลังมีอ�ำนาจในการพิจารณาถึง สิ่งต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างลึกซ้ึง เพราะค�ำถามที่ทรงพลังจะเปี่ยมไปด้วยการค้นหา ความคดิ เหน็ รว่ มและความเขา้ ใจรว่ ม กอ่ ใหเ้ กดิ การท�ำงาน รว่ มกนั ไปข้างหน้า inside_ cc.indd 27 14/12/2563 19:42:33
28 เทคนคิ การหาจดุ รว่ มดว้ ยกระบวนการสุนทรียปจุ ฉา ส�ำหรับเทคนิคการหาจุดร่วมโดยผู้เขียนได้อ้างอิงจากสิ่งที่ อาจารย์และผู้น�ำกระบวนการที่มีประสบการณ์เช่ียวชาญ คือ อาจารย์ สุรพล ธรรมร่มดี 1 ได้เสนอแนวทางในการสอนหลักสูตร 4ส (หลักสูตร การเสริมสร้างสังคมสันติสุข) ไว้ว่า การจัดกระบวนการโดยเฉพาะ ในการหาจุดร่วมกันท่ียากๆ ในความขัดแย้ง ต้องมีเทคนิคและวิธี เพ่อื ท�ำให้เกิดการบรรลุวัตถุประสงค์อย่างยง่ั ยนื ดังน้ี • กระบวนการเกร่ินน�ำต้องอธิบายกระบวนการเข้าใจ ความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าเป็นเร่ืองปกติ แต่ต้องมี วตั ถปุ ระสงคร์ ว่ มกนั • วิทยากรกระบวนการต้องชื่นชมกับการน�ำเสนอของ แต่ละฝ่ายหรือแต่ละคน และเปิดโอกาสให้ซักถามและ ตอบค�ำถาม เพอ่ื ท�ำความเขา้ ใจการน�ำเสนอของทง้ั สองฝา่ ย • ระหวา่ งด�ำเนนิ การกระบวนการวทิ ยากรควรตงั้ ค�ำถามวา่ อะไรคอื จดุ ดหี รอื จดุ ทเี่ ราเหน็ ดว้ ยกบั ความเหน็ ทเี่ สนอมา หรอื ตงั้ ค�ำถามในเชิงบวก • วิทยากรกระบวนการต้องช่ืนชมในการหาจุดร่วมกันใน วงเสวนา 1 อาจารยบ์ รรยายหลกั สตู รการเสรมิ สรา้ งสงั คมสนั ตสิ ขุ (4ส) และหลกั สตู รทกั ษะ วิทยากรกระบวนการ ของสถาบนั พระปกเกลา้ inside_ cc.indd 28 14/12/2563 19:42:33
29สนุ ทรยี ปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอยา่ งสันติวธิ ี (Appreciative Inquiry) • การน�ำไปสู่การหาทางออกร่วมกันวิทยากรกระบวนการ ตอ้ งตง้ั ค�ำถามวา่ บนจดุ รว่ มน้ี เราจะท�ำอะไรรว่ มกนั ไดบ้ า้ ง • การสรปุ ตอ้ งกลา่ วชนื่ ชมกนั เพอื่ สรา้ งแนวทางการท�ำงาน รว่ มกนั ตอ่ ไปในอนาคต จากการสรปุ บทเรยี นทที่ า่ นอาจารยส์ รุ พล ธรรมรม่ ดี ไดเ้ สนอไว้ ในหลกั สตู รการเรยี นการสอนของสถาบนั พระปกเกลา้ พบวา่ การจะเขา้ ใจ ถึงจุดร่วมกันอย่างชัดเจนในกระบวนการสนทนา เพ่ือหาทางออก อยา่ งสนั ติ สง่ิ สำ� คญั คอื “กระบวนการถามคำ� ถามแบบชนื่ ชม” ตามท ี่ อาจารย์สุรพลได้อธิบายไว้ในหลักสูตรฯ สอดคล้องกับหลักการ ของกระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา หมายความวา่ วทิ ยากรกระบวนการ ต้องกระตุ้นหาจุดดี มิใช่หาจุดอับ หรือจุดปัญหา ของผู้ท่ีเข้าร่วม วงกระบวนการสุนทรียปุจฉา แต่กระบวนการถามต้องไปทีละขั้นตอน และต้องสะท้อนแนวคิดหลักได้อย่างชัดเจนถูกต้อง เป็นกระบวนการ ทม่ี องในมมุ บวกรว่ มกนั อยา่ งสนั ตวิ ธิ ี วธิ นี เี้ ปน็ ตวั อยา่ งหนงึ่ ในการคน้ หา จุดร่วมเพื่อปิดจดุ อ่อนของกระบวนการสุนทรียปจุ ฉา inside_ cc.indd 29 14/12/2563 19:42:33
30 3. เม่อื ใดควรใช้และท�ำไมถึงใช้สุนทรียปุจฉา กระบวนการสุนทรียปุจฉา เป็นกระบวนการที่สามารถเกิดได้ ตลอดเวลาและสามารถน�ำมาใช้ได้กับองค์กรหรือชุมชนทุกประเภท ทุกระดับ แม้แต่น�ำมาใช้ในการตั้งค�ำถามเชิงบวกกับตนเองเพ่ือให้มี การขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า การจัดเวทีค้นหาทางออกที่หน่วยงาน ราชการจัดหรือองค์กรภาคเอกชนจัดขึ้น ก็สามารถน�ำกระบวนการ สุนทรียปุจฉาไปใช้เป็นเคร่ืองมือส่วนหนึ่งได้ เนื่องจากกระบวนการ สุนทรียปุจฉาเป็นการขับเคลื่อนโดยไม่สืบหาจุดอ่อนจุดด้อยของ ชมุ ชนนนั้ ๆ หากแตม่ งุ่ ทก่ี ารหาศกั ยภาพทม่ี อี ยขู่ ององคก์ รหรอื ชมุ ชนใน การขบั เคลอื่ นสกู่ ารเปลยี่ นแปลงในอนาคตรว่ มกนั และเปน็ การขบั เคลอ่ื น เวทีแบบไม่ลดอ�ำนาจ ไม่ลดศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ลดค่านิยมเดิม ของสังคมชุมชนนั้นๆ โดยวิทยากรกระบวนการต้องมีความสามารถให้ ผเู้ ขา้ รว่ มวงเสวนาไดป้ ลดปลอ่ ยตนเองและสะทอ้ นศกั ยภาพของตนเอง ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีๆ ในเชิงบวกของบุคคลเหล่าน้ัน inside_ cc.indd 30 14/12/2563 19:42:33
31สุนทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอยา่ งสนั ติวิธี (Appreciative Inquiry) อาจจะเปรียบเสมือนว่าเป็นกระบวนการย่อยของสุนทรียปุจฉา คือ การเป็นโค้ชชีวิต (Life Coach) เน่ืองจากการให้ค�ำแนะน�ำปรึกษา (Coaching) เปน็ การปลกุ พลงั เชงิ บวกของคนหรอื กล่มุ คนน้ันๆ ออกมา ทผ่ี า่ นมาวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาแบบเดมิ ๆ เชน่ การใชว้ ทิ ยาศาสตร์ ในการหาค�ำตอบผา่ นการท�ำวจิ ยั ในรปู แบบตา่ งๆ หรอื การตงั้ ค�ำถามเพอื่ จะ เสาะแสวงหาค�ำตอบบนสมมติฐานท่ีมีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เรายังไม่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าวิธีการแบบเดิมๆ น้ันสามารถเข้าใจถึงระบบต่างๆ ของประเดน็ ปญั หาของมนษุ ยไ์ ดเ้ พยี งพอเสมอไป กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา จึงเป็นอีกเคร่ืองมือในการเสนอหนทางท่ีจะขยายแนวทางในการแก้ไข ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบ ที่เก่ียวข้องกับมนุษย์นั้นให้กว้างข้ึน กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาเปน็ แบบแผนบนพน้ื ฐานของการถามค�ำถาม (an inquiry–based model) ร่วมกับทฤษฎีและการปฏิบัติ จากรากฐาน ในความคดิ ทส่ี รา้ งขนึ้ ของสงั คม โดยทา้ ทายมมุ มองทย่ี ดึ ถอื กนั มานานวา่ ความรู้เพิ่มพูนขึ้นจากการสังเกตท่ีเป็นกลางจับต้องได้ของสิ่งท่ีอยู่คงที่ คงทนอยกู่ บั โลกภายนอก (Gergen, 2000) อกี ทง้ั ความรใู้ นการแกไ้ ขปญั หา สามารถเกดิ ขนึ้ ไดจ้ ากการแลกเปลยี่ นผา่ นการสนทนาและการมปี ฏสิ มั พนั ธ์ ทางสังคมของเราด้วยเช่นกนั กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา สามารถใชก้ บั การหาแนวทางในการ เปลี่ยนแปลงองค์กรได้ โดยเฉพาะองค์กรท่ีก�ำลังอ่อนแอและต้องการ เสรมิ พลงั ในการขบั เคลอ่ื นใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงและน�ำพาองคก์ รไปสู่ อนาคตที่ต้องการร่วมกัน หรือการหาสิ่งที่ต้องการของการท�ำงานใน อนาคตและหาจุดแข็งขององค์กรร่วมกัน ผ่านการต้ังค�ำถามท่ีมีพลัง inside_ cc.indd 31 14/12/2563 19:42:33
32 เปน็ เครอื่ งมอื ทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ ราหาขอ้ สรปุ รว่ มกนั สามารถคลคี่ ลายปญั หา ทม่ี อี ยู่ ดว้ ยการสรา้ งความหวงั สรา้ งแรงบนั ดาลใจ โนม้ นา้ วใหเ้ ปา้ หมาย ทวี่ าดฝนั ไวร้ ว่ มกนั นเี้ กดิ ขนึ้ ไดใ้ นอนาคต และน�ำเราไปสหู่ ลกั 5 ประการ ของสุนทรียปุจฉา ดงั ท่ีกล่าวไว้ในข้างต้น การตั้งค�ำถามท่ีมีพลังเป็นเคร่ืองมือที่น�ำมาใช้สร้างความ เปลยี่ นแปลง ซงึ่ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยค�ำถามแรกทเี่ ราถามและค�ำถามทง้ั หลายทเี่ รา สามารถจะเปน็ ตวั ก�ำหนดสง่ิ ทเ่ี ราคน้ พบ เรอื่ งราวทเี่ ราตอ้ งการดงึ ออกมา โดยผา่ นการตงั้ ค�ำถามเปน็ เหมอื นแนวทาง โครงรา่ งทจี่ ะน�ำใหค้ ดิ ตอ่ และ วางกรอบของอนาคต การต้ังค�ำถามท่ีถูกต้องเป็นส่วนหน่ึงของการใช้ กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาอยา่ งถกู ตอ้ ง การตง้ั การค�ำถามทเี่ ราสรา้ งขนึ้ มีผลอย่างมากต่อการน�ำไปใช้ในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติทางสังคม ค�ำถามในรูปแบบของสุนทรียปุจฉาไม่ได้ต้องการค�ำตอบท่ี “ถูกต้อง” แต่เป็นตัวสร้างให้เกิดการสนทนาที่แสวงหาส่ิงดีๆ ท่ีจ�ำเป็นของระบบ เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานกอ่ ใหเ้ กดิ ระบบทดี่ ขี น้ึ โดยวทิ ยากรกระบวนการจะไมเ่ รม่ิ ค้นหาจากปัญหาหรือความอ่อนแอของสังคม แต่เริ่มจากกระบวนการ ในเชิงบวกมากกวา่ ในขณะที่สุนทรียปุจฉาเป็นการผนวกปรัชญา หลักการและ วิธีการจากทฤษฎีต่างๆ ในการออกแบบหลอมรวมกัน เพ่ือให้เกิด ความพยายามในการเปลย่ี นแปลงองคก์ รและชมุ ชน ทงั้ นไ้ี มม่ สี ตู รส�ำหรบั การน�ำไปปฏบิ ตั ใิ ช้ การน�ำกระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาไปใชใ้ นแตล่ ะองคก์ ร ชมุ ชนจะตอ้ งไดร้ บั การออกแบบกระบวนการใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการ จ�ำเพาะของระบบขององคก์ รหรอื ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ในวงปญั หานน้ั ๆ โดยใช้ inside_ cc.indd 32 14/12/2563 19:42:33
33สุนทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอยา่ งสนั ตวิ ธิ ี (Appreciative Inquiry) ตัวแบบท่ีเป็นแนวทางท่ีดีในการจัดกระบวนการสุนทรียปุจฉาประกอบ เพอ่ื เปน็ แนวทางทเี่ หมาะสมมากทสี่ ดุ เพอ่ื การพฒั นามงุ่ สอู่ นาคตทดี่ กี วา่ และเพอ่ื พลงั ใจของผมู้ สี ว่ นรว่ มทจ่ี ะขบั เคลอื่ นไปสคู่ วามตอ้ งการทแี่ ทจ้ รงิ ตามแนวทางของสุนทรียปจุ ฉา อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่เราได้เห็นผ่านการเมืองท่ีเกิดข้ึน ในยคุ ปจั จบุ นั ซงึ่ อาจจะท�ำใหเ้ ราตดิ กบั อยกู่ บั การพดู คยุ แบบแบง่ ฝกั แบง่ ฝา่ ย ซ่ึงไม่ได้เกิดเฉพาะในการเสวนาระดับชาติอย่างเดียวเท่าน้ัน บ่อยครั้ง เกิดขึ้นในการเสวนาในเวทีต่างๆ โดยสิ่งที่เกิดข้ึนเม่ือกลุ่มคนมาอยู่ ร่วมกันเพื่อจะตอบสนองต่อปัญหาและต้องการมีส่วนร่วมในปัญหา ท่ีเกิดข้ึน โดยท่ีแต่ละฝ่ายต่างมีความห่วงกังวลต่อชุมชนและสังคม ของตนเอง ประกอบกับมีเร่ืองของจุดสนใจหรือผลประโยชน์ท่ีต่างกัน โดยตา่ งตอ้ งการการมสี ว่ นรว่ ม เพอื่ ใหค้ วามคดิ เหน็ และความตอ้ งการของ ตนใหผ้ มู้ อี �ำนาจหรอื มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งไดร้ บั ฟงั และน�ำไปวางแผนเพอ่ื ใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงในชุมชนและสังคมนั้น ท้ังน้ี หากภาครัฐสามารถ ดงึ ศกั ยภาพความสามารถของคนในชมุ ชนนน้ั ๆ เพอ่ื สรา้ งอนาคตทช่ี มุ ชน พงึ ปรารถนาอยา่ งแทจ้ รงิ เราจ�ำเปน็ ตอ้ งเชญิ ชวนใหเ้ กดิ การสานเสวนาทมี่ ี ชวี ติ ชวี าและการตง้ั ค�ำถามในเชงิ สรา้ งสรรคร์ ว่ มในกระบวนการสานเสวนา โดยการน�ำกระบวนการสุนทรียปุจฉามาใช้ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทง้ั หลาย ในการสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การขบั เคลอ่ื นทเี่ สรมิ สรา้ งความสมั พนั ธ์ ที่ดีในเครือข่าย เสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างในชุมชนและ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื กนั เพอ่ื สามารถใหม้ กี ารแกไ้ ขปญั หาไดส้ �ำเรจ็ อยา่ งยงั่ ยนื inside_ cc.indd 33 14/12/2563 19:42:33
34 4. วธิ กี ารในการจัดกระบวนการสุนทรยี ปจุ ฉา กระบวนการสุนทรียปุจฉา มีหลักการ 4 ข้ันตอน ตามแบบจ�ำลองทเี่ รยี กวา่ วงจร 4D (The 4-D Cycle) เปน็ หลกั มขี นั้ ตอน ดังต่อไปน้ี inside_ cc.indd 34 14/12/2563 19:42:33
35สุนทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอย่างสนั ติวธิ ี (Appreciative Inquiry) ภาพที่ 1 : วงจร 4-D วงจรสนุ ทรยี ปุจฉาส่ีมติ ิ (The Al 4-D cycle) การค้นหา (Discovery) ชื่นชมในสง่ิ ทด่ี ีทส่ี ุด ของอะไรทมี อี ยู่ ทำ�ให้เปน็ จริง การวาดฝนั / (Destiny) การสร้างฝนั (Dream) อะไรท่จี ะเปน็ ผลสดุ ทา้ ย จนิ ตนาการอะไร ทจ่ี ะเกิดได้ การออกแบบ (Design) การสร้างสรรค์ร่วมกัน อะไรท่ีควรจะเป็น inside_ cc.indd 35 14/12/2563 19:42:33
36 1) การคน้ หา (Discovery) เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการตงั้ ค�ำถามเพอ่ื น�ำไปสกู่ ารคน้ หาสงิ่ ทเี่ ปน็ จดุ แขง็ ขององคก์ รหรอื ชมุ ชน โดยผา่ นการออกแบบค�ำถามทม่ี พี ลงั เพอื่ กระตนุ้ ให้ผู้มีส่วนร่วมได้บอกเล่าถึงเรื่องราวในแง่บวกและประสบการณ์ท่ีดีๆ ทเ่ี ปน็ ความส�ำเรจ็ ทง้ั หลายจากการท�ำงานซง่ึ เปน็ ประสบการณท์ จ่ี ะชว่ ยให้ เกดิ พลงั เกดิ แรงบนั ดาลใจระหวา่ งกนั และกนั ทงั้ นี้ เปน็ ค�ำถามทน่ี �ำไปสู่ การชนื่ ชมใน “สิง่ ทด่ี ีทส่ี ุดในส่ิงที่มีอย่”ู (Best of what is) (Elliott, 2000) 2) การวาดฝนั /การสร้างฝัน (Dream) เป็นการจินตนาการ ส�ำรวจ ค้นหาภาพในอนาคตท่ีต้องการ จะให้องค์กรเดินไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังนั้นได้ เมื่อน�ำข้อมูลจากการ สัมภาษณใ์ นข้นั ตอนของการค้นหา (Discovery) มาคดั กรองและคดั สรร ในสว่ นทเ่ี ปน็ ประสบการณท์ ดี่ ที ส่ี ดุ ในเชงิ บวก ซง่ึ จะน�ำประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั มาพัฒนาให้ตรงความต้องการและพึงพอใจของกลุ่มผู้มีส่วนร่วมมาใช้ เปน็ แนวทางในการก�ำหนดแผนในการแกไ้ ขปญั หาหรอื ก�ำหนดวสิ ยั ทศั น์ และพันธกิจ โดยการสร้างความฝันขององค์กรท่ีเป็นอุดมคติร่วมกัน ท่ีปรารถนาให้เกิดขึ้นในอนาคต เช่น ความฝันขององค์กรท่ีจะท�ำให้ พนักงานมีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้นจะท�ำอย่างไร ซึ่งอาจจะเริ่มจากค้นหา ความฝันของพนักงานแต่ละคนก่อน โดยเร่ิมต้ังค�ำถาม “ส่ิงท่ีพนักงาน แต่ละคนต้องการจากองค์กรมากท่ีสุดคืออะไร” และ “คุณภาพชีวิต ในการท�ำงานแบบใดที่มีผลต่อความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร” โดยค�ำตอบทไ่ี ดร้ บั ในสงิ่ ทพี่ นกั งานตอ้ งการอาจจะไมใ่ ชร่ ปู ตวั เงนิ เสมอไป แตเ่ ปน็ รปู แบบหรอื สวสั ดกิ ารและกระบวนการยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ จาก inside_ cc.indd 36 14/12/2563 19:42:33
37สนุ ทรยี ปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอย่างสันตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) ผู้บริหารเช่นน้ีเป็นต้น โดยวิทยากรกระบวนการกระตุ้นผู้เข้าร่วมเสวนา โดยการตงั้ ค�ำถามในรปู แบบทเี่ ปลยี่ นไป เพอ่ื ใหไ้ ดใ้ ชก้ ารจนิ ตนาการหรอื สร้างความฝันร่วมกัน อีกตัวอย่างในการตั้งค�ำถาม เช่น “อะไรคือสิ่งที่ เป็นความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ในโลกทุกวันนี้ เพ่ือให้เราก้าวเดินไปสู่ ส่ิงทก่ี �ำลังฝนั ร่วมกันได้” เปน็ ต้น 3) การออกแบบ (Design) เป็นขั้นตอนท่ีน�ำข้อมูลจากผลการสัมภาษณ์ประสบการณ์ท่ีดี ในเชงิ บวกมาวเิ คราะหแ์ ละพฒั นาเปน็ แผนการด�ำเนนิ งานทง้ั ระยะสนั้ และ ระยะยาว หรอื ก�ำหนดเปน็ กลยทุ ธต์ า่ งๆ เพอื่ น�ำไปปรบั ปรงุ ใหต้ อบสนอง ความต้องการท่ีแท้จริงของผู้ที่เกี่ยวข้อง ท�ำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ ไดก้ �ำหนดไวแ้ ละน�ำไปสเู่ ปา้ หมายทว่ี าดฝนั ไวแ้ ละเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ แก่ องค์กรหรอื ชุมชนุ ตอ่ ไปในอนาคต 4) ท�ำใหเ้ ปน็ จริงหรือการมอบหมาย (Destiny) ก�ำหนดนโยบายทจ่ี ะสนบั สนนุ โครงการหรอื แผนการด�ำเนนิ งาน เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายท่ีวาดฝันไว้ เช่น การจัดสรรคน โดยมอบหมาย ความรับผิดชอบให้บุคคลที่เกี่ยวข้องและจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่มี ความเกี่ยวข้องภายในองค์กรหรือชุมชนให้เป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน มากยงิ่ ขน้ึ รวมทง้ั การน�ำแผนการด�ำเนนิ งานไปปฏบิ ตั ิ โดยเรมิ่ ขยายผล ให้เป็นแรงขับเคลื่อนน�ำไปสู่ความส�ำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคตตามท่ี ตงั้ เปา้ หมายเอาไวไ้ ด้ inside_ cc.indd 37 14/12/2563 19:42:33
38 ส�ำหรับวิธีการจัดกระบวนการสุนทรียปุจฉามีวิธีการจัด กระบวนการ 3 ข้นั ตอนใหญๆ่ ดังตอ่ ไปน้ี 1) ข้ันตอนการเตรยี มการก่อนใชก้ ระบวนการสุนทรียปจุ ฉา 2) ขั้นตอนระหว่างการจัดกิจกรรมโดยการใช้กระบวนการ สุนทรยี ปจุ ฉา 3) ขั้นตอนหลงั จากที่ท�ำกระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา 1) ขน้ั ตอนการเตรยี มการกอ่ นใชก้ ระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา 1.1) คณะกรรมการขับเคลื่อนหรือคณะผู้จัดการอภิปราย พจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมของกระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา ว่าตรงกับวตั ถุประสงคข์ องจัดการอภิปรายหรอื ไม่ 1.2) คัดเลือกวิทยากรกระบวนการที่เหมาะสมกับประเด็น ท่ีต้องการขับเคล่ือนในองค์กรชุมชนน้ันๆ ซ่ึงจะเป็น ผู้ท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการวางแผนกระบวนการและ การด�ำเนินกระบวนการให้บรรลุผลส�ำเร็จตาม วตั ถุประสงคข์ องการจดั การอภิปราย 1.3) ก�ำหนดขอบเขตของการสอบถามและร่างค�ำถามที่มี พลงั ตามหลกั ของสนุ ทรยี ปจุ ฉาส�ำหรบั ใชถ้ ามผเู้ ขา้ รว่ ม การอภิปราย โดยคณะผู้จัดการอภิปรายจะต้องมี ความเขา้ ใจในองคก์ รและชมุ ชนนนั้ ๆ ดว้ ย เพอื่ สามารถ ตงั้ ค�ำถามทม่ี พี ลงั ใหแ้ กอ่ งคก์ รนนั้ ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม inside_ cc.indd 38 14/12/2563 19:42:33
39สุนทรียปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอยา่ งสันติวิธี (Appreciative Inquiry) 1.4) การจัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ท่ีใช้ในการอภิปราย โดยสถานที่ท่ีใช้จัดกิจกรรมควรมีขนาดใหญ่เพียงพอ ในการแบ่งกลุ่มการสนทนาออกเป็นหลายๆ กลุ่ม ตามที่วางแผนไว้ได้อุปกรณ์ต่างๆ ท่ีจ�ำเป็นต้องใช้ ในระหว่างการท�ำกิจกรรม เช่น กระดาษและปากกา ส�ำหรับให้ผู้เข้าร่วมเขียนสรุปส่ิงท่ีต้องการแลกเปล่ียน อภิปรายในกลุ่ม เป็นต้น 1.5) เชญิ ผเู้ ขา้ รว่ มทม่ี คี วามเกยี่ วขอ้ งหรอื คนทสี่ นใจในประเดน็ ทตี่ อ้ งการอภปิ ราย เพอ่ื หาจดุ แขง็ รว่ มกนั และแลกเปลยี่ น ประสบการณ์หรือให้ข้อคิดเห็นในเชิงบวกเพื่อน�ำไปสู่ การวางแผนและเป้าหมายรว่ มกนั ในอนาคตได้ 2. ขนั้ ตอนระหวา่ งการจดั กจิ กรรมโดยการใชก้ ระบวนการ สุนทรยี ปจุ ฉา 2.1) วทิ ยากรกระบวนการเรม่ิ ตน้ การประชมุ โดยการอธบิ าย หลักการและการปฏิบัติของเครื่องมือสุนทรียปุจฉา พรอ้ มทง้ั ชแ้ี จงถงึ วตั ถปุ ระสงคข์ องการอภปิ รายเพอื่ ให้ ผู้เข้าร่วมอภิปรายมองเห็นภาพรวมและมีความเข้าใจ ตรงกัน 2.2) แบ่งการสนทนาออกเป็นหลายๆ กลุ่ม และวิทยากร กระบวนการอ�ำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าร่วมอภิปราย และแบ่งปนั เรอื่ งราวในแง่มุมบวกท่ตี วั เองจะเสริมพลัง inside_ cc.indd 39 14/12/2563 19:42:33
40 ขององคก์ รชมุ ชนได้ โดยใหส้ ะทอ้ นลงบนกระดาษการด์ และคนในกลุ่มเขา้ มามสี ่วนร่วมในการอภิปรายด้วย 2.3) วทิ ยากรกระบวนการเรม่ิ ตน้ อภปิ รายดว้ ยการตง้ั ค�ำถาม 2 - 3 ประเดน็ ซง่ึ เปน็ ค�ำถามทจี่ ะชว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ ม ได้แบ่งปันเร่ืองราวที่เป็นประสบการณ์ของตัวเองใน เชงิ บวกทเี่ ขาเหน็ วา่ เปน็ ปจั จยั แหง่ ความส�ำเรจ็ ทผ่ี า่ นมา ขององคก์ ร เพอ่ื น�ำขอ้ มลู ทไ่ี ดเ้ หลา่ นนั้ มาวเิ คราะหแ์ ละ ท�ำการคน้ หาจดุ แขง็ และโอกาสจากการใชค้ �ำถามเชงิ บวก เพอื่ คน้ หาสง่ิ ทอ่ี งคก์ รหรอื ชมุ ชนตอ้ งการ โดยมองขา้ ม เรอ่ื งของปญั หาในอดตี และมงุ่ ความสนใจไปในเรอ่ื งการใช้ พลงั เชงิ บวกเพอ่ื ขบั เคลอื่ นการเดนิ หนา้ ขององคก์ รชมุ ชน 2.4) วทิ ยากรกระบวนการใชก้ ระบวนการหลกั 4 - D (Discover - Dream – Design – Destiny) ในการคน้ หาศกั ยภาพเชงิ บวก เพอื่ ขบั เคลอ่ื นองคก์ รชมุ ชนนนั้ เปน็ การกระตนุ้ ผเู้ ขา้ รว่ ม ในวงสุนทรียปุจฉา ให้ต้ังค�ำถามที่มองไปในอนาคต ร่วมกนั ในเชิงบวก เพอ่ื คน้ หาความต้องการที่แทจ้ รงิ 2.5) ในล�ำดับสุดท้ายหลังจากท่ีให้ผู้เข้าร่วมได้ระดมสมอง ในการขับเคล่ือนองค์กรชุมชนในเชิงบวกร่วมกัน ในแตล่ ะกลมุ่ แลว้ วทิ ยากรกระบวนการเรยี กใหผ้ เู้ ขา้ รว่ ม ท้ังหมดรวมกลุ่มเป็นวงสนทนาขนาดใหญ่ เพ่ือสรุป ประเดน็ วา่ มปี ระเดน็ อะไรทเี่ ปน็ จดุ รว่ มทแี่ ขง็ แกรง่ หรอื สงิ่ ทเี่ ปน็ เปา้ หมายรว่ มอยา่ งแทจ้ รงิ ในการกา้ วเดนิ ตอ่ ไป inside_ cc.indd 40 14/12/2563 19:42:33
41สนุ ทรยี ปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสนั ติวธิ ี (Appreciative Inquiry) 3. ข้ันตอนหลงั จากทีท่ ำ� กระบวนการสุนทรียปุจฉา 3.1) คณะกรรมการขับเคลื่อนหรือคณะผู้จัดการอภิปราย พิจารณาจัดหมวดหมู่ของประสบการณ์เชิงบวกหรือ ความคดิ เหน็ ทผ่ี เู้ ขา้ รว่ มไดส้ ะทอ้ นในเชงิ บวกเพอื่ น�ำไปใช้ ในการอภปิ รายตอ่ เนอื่ งตอ่ ไป และเพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มเหน็ ภาพร่วมกันไดอ้ ยา่ งชดั เจนและเป็นระบบมากยิ่งข้ึน 3.2) วทิ ยากรกระบวนการสรปุ สงิ่ ทไี่ ดม้ าทงั้ หมดโดยเชอื่ มโยง กบั วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั อภปิ รายและแสดงเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นที่ต้องการทุกฝ่ายร่วมมือกันเพ่ือบรรลุ ไปสู่เป้าหมายท่ีองค์กรชุมชนต้องการให้เกิดข้ึนต่อไป ในอนาคต inside_ cc.indd 41 14/12/2563 19:42:33
42 5. ตวั อยา่ งในการจดั กระบวนการสุนทรยี ปจุ ฉา แรกเริ่มการน�ำกระบวนการสุนทรียปุจฉาไปใช้ในกลุ่มท่ี หลากหลาย โดยเฉพาะกรณศี กึ ษาทเี่ ปน็ ตวั แทนของการน�ำกระบวนการ สนุ ทรยี ปจุ ฉามาใชเ้ ปน็ มหาวทิ ยาลยั แรกๆ เพอื่ การเปลยี่ นแปลงครอบคลมุ ท้ังระบบภายในมหาวิทยาลัยมิดเวสเทิน (Midwestern University) 2 ในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยรองอธกิ ารบดฝี า่ ยบรหิ ารและการเงนิ ของ มหาวิทยาลัยแห่งหน่ึงในภาคตะวันตกตอนกลางของสหรัฐอเมริกาใต้ ได้ติดต่อเดวิด คูปเปอร์ริดเดอร์ (David Cooperrider) ผู้น�ำแนวคิด กระบวนการถามแบบชน่ื ชมมาใชใ้ นการพฒั นาองคก์ ร โดยใหช้ ว่ ยเกย่ี วกบั การริเร่ิมความพยายามเพ่ือให้เกิดการเปล่ียนแปลงในประสิทธิภาพ ของภาควิชาในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ เพ่ือช่วยให้มีเครื่องมือในการสร้าง 2 ตัวอย่างการจัดกระบวนการสุนทรียปุจฉาของ ดร.ซินเทีย เออร์เมอร์ (Dr.Cynthia Irmer) ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันความขัดแย้งโดยกระบวนการ เจรจาไกลเ่ กลย่ี คนกลางและสรา้ งฉันทมติ จากสหรฐั อเมริกา inside_ cc.indd 42 14/12/2563 19:42:33
43สุนทรียปจุ ฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสนั ตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) ความแขง็ แกรง่ ใหก้ บั ภาควชิ าตา่ งๆ ในการวางเปา้ หมายใหมๆ่ และเพอื่ พฒั นาสมรรถนะของการวางแผนยทุ ธศาสตร์ โดยมกี ารน�ำเอากระบวนการ สนุ ทรยี ปจุ ฉามาใชก้ บั บคุ ลากรทกุ ระดบั และทกุ หนว่ ยงานของมหาวทิ ยาลยั มดิ เวสเทนิ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า จากตัวอย่างการใช้กระบวนการสุนทรียปุจฉาท่ีเกิดข้ึนท่ี มหาวิทยาลัยมิดเวสเทิน เป็นตัวอย่างจากที่ผู้เขียนได้รับเข้าร่วมอบรม ในหลักสูตร “การสร้างการมีส่วนร่วมด้วยกระบวนการสุนทรียปรัศนี” ซง่ึ จดั การอบรมโดยสถาบนั พระปกเกลา้ โดยไดเ้ ชญิ ดร.ซนิ เทยี เออรเ์ มอร ์ (Dr.Cynthia G Irmer) ซง่ึ เปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการปอ้ งกนั ความขดั แยง้ โดย กระบวนการเจรจาไกลเ่ กลยี่ คนกลางและสรา้ งฉนั ทมตจิ ากสหรฐั อเมรกิ า มาเปน็ วทิ ยากรในการจดั ฝกึ อบรม พรอ้ มกบั อา้ งองิ จากเอกสารประกอบ การสอนของ Irmerจากการจัดอบรมกระบวนการเรียนการสอนเร่ือง “สนุ ทรยี ปจุ ฉากบั วทิ ยากรกระบวนการของประเทศไทย” ซงึ่ ไดแ้ ปลเปน็ ภาษาไทยโดยสถาบนั พระปกเกล้า inside_ cc.indd 43 14/12/2563 19:42:33
44 ภาพท่ี 2 : Dr.Cynthia G Irmer ในการจัดประชุมเชิงปฏิบตั ิการเรือ่ งสนุ ทรียปรัศนี ท่ีมา : สถาบนั พระปกเกลา้ inside_ cc.indd 44 14/12/2563 19:42:33
45สุนทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ยี นแปลงอย่างสนั ติวิธี (Appreciative Inquiry) จากการจดั ฝกึ อบรม “การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มดว้ ยกระบวนการ สนุ ทรยี ปรศั น”ี ในครงั้ น้ี ทไี่ ดห้ ยบิ ยกกรณตี วั อยา่ งทม่ี หาวทิ ยาลยั มดิ เวสเทนิ โดยใชก้ ระบวนการสนุ ทรียปุจฉา โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี กระบวนการในการจดั กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาในมหาวทิ ยาลยั มดิ เวสเทนิ ไดม้ กี ารจดั ฝกึ อบรมเปน็ ระยะเวลา 3 วนั โดยมกี ารจดั กระบวนการ ทงั้ หมด 3 ครง้ั โดยจดั ใหก้ บั ผบู้ รหิ ารและสมาชกิ ของทกุ แผนก สนุ ทรยี ปจุ ฉา ไดถ้ กู น�ำเสนอใหก้ บั บคุ ลากรไดเ้ รยี นรู้ เพอื่ พจิ ารณาการน�ำกระบวนการ ไปใช้ โดยท่ีเป็นเหมอื นตวั แทนของการใช้วธิ ีคดิ ใหม่ของบุคลากรท่มี ีผล ต่อการเปล่ียนแปลงขององค์กร การน�ำเอากระบวนการสุนทรียปุจฉา มาทดลองใช้ร่วมกันเพื่อท่ีจะได้รู้จักกระบวนการสุนทรียปุจฉาน้ี โดยบุคลากรได้ตระหนักถึงการปลดปล่อยพลังงานด้านบวกและ ความมชี วี ติ ชวี าใหก้ บั องคก์ ร และเสนอแนะความเปน็ ไปไดข้ องอนาคต ซง่ึ เรม่ิ ตน้ โดยการใชก้ ระบวนการตง้ั ค�ำถาม และเปน็ การถามค�ำถามแบบ ตัวตอ่ ตวั ด้วยการสานเสวนาระหวา่ งกนั กบั ค่สู นทนา โดยเปน็ การถาม เพอ่ื ใหส้ ะทอ้ นถงึ ระบบทง้ั หมดทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การท�ำงานในมหาวทิ ยาลยั และไดใ้ หผ้ เู้ ขา้ รว่ มกระบวนการไดเ้ ลา่ เรอื่ งทเี่ กยี่ วกบั ชว่ งทเ่ี ปน็ ประสบการณ์ ที่ดีที่สุดท่ีท�ำให้เขารู้สึกมีพลังมีชีวิตชีวาและมีคุณค่า ผู้ที่เข้าร่วม กระบวนการนน้ั ไดม้ องเหน็ คณุ คา่ ดา้ นใดในตวั เอง และมองไปถงึ คณุ คา่ ในงานและต่อมหาวิทยาลัยอย่างไร และสะท้อนความคิดเห็นเก่ียวกับ คุณภาพชีวิตของการท�ำงานในมหาวิทยาลัยต้องการให้เป็นอย่างไร ในอนาคต inside_ cc.indd 45 14/12/2563 19:42:33
46 การท่ีผู้เข้าร่วมกระบวนการได้มีโอกาสแบ่งปันความส�ำเร็จ รว่ มกนั และสอื่ สารถงึ คณุ คา่ ของตนเองกบั เพอ่ื นรว่ มงาน อกี ทงั้ ไดช้ นื่ ชม รว่ มกนั ในประสบการณท์ ส่ี รา้ งสรรค์ ซงึ่ เปน็ การไดเ้ พมิ่ ความหวงั ในสงิ่ ที่ เปน็ ความฝนั ทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ ในอนาคต และมองรว่ มกนั วา่ การท�ำงาน ในภาควชิ า แผนก หรอื กองของมหาวทิ ยาลยั จะพฒั นาใหด้ ขี น้ึ ไดอ้ กี อยา่ งไร โดยใชก้ ระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาเปน็ เครอื่ งมอื เมอ่ื ผเู้ ขา้ รว่ มกระบวนการ ได้รับค�ำถามเกี่ยวกับความคาดหวังเก่ียวกับอนาคตของการท�ำงานใน มหาวิทยาลัยอย่างไร และเราจะร่วมกันสร้างความฝันน้ันให้เกิดข้ึน ได้อย่างไร เป็นค�ำถามที่ได้ปลุกพลัง รู้สึกถึงความต่ืนเต้น และสร้าง แรงบันดาลใจที่ดีเมื่อได้พูดถึงอนาคตร่วมกัน จากการถ่ายทอด ประสบการณก์ ารเขา้ รว่ มการจดั ฝกึ อบรมในครง้ั น้ี มผี เู้ ขา้ รว่ มกระบวนการ หลายท่านท่ีรู้สึกเหมือนเป็นประสบการณ์คร้ังแรกที่ได้มีโอกาส พดู สะทอ้ นออกมาถงึ ความคาดหวงั และวสิ ยั ทศั นห์ ลายๆ อยา่ งผทู้ เ่ี ขา้ รว่ ม กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉารสู้ กึ ไดว้ า่ สง่ิ ทไี่ ดส้ อ่ื สารออกไปนน้ั มคี นไดย้ นิ โดยเฉพาะจากฝา่ ยบรหิ ารทอ่ี าวโุ ส หลงั จากทผ่ี เู้ ขา้ รว่ มกระบวนการทงั้ หมด ไดร้ ว่ มกนั ก�ำหนดแผนส�ำหรบั การจดั ฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ทแ่ี ละพฒั นาเรอ่ื ง การสอ่ื สารระหวา่ งแผนกในมหาวทิ ยาลยั ใหด้ ขี นึ้ สง่ ผลท�ำใหไ้ ดม้ องเหน็ ภาพรวมและในรายละเอยี ดของกระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาวา่ จะสามารถ น�ำไปใชจ้ นประสบความส�ำเสรจ็ ไดอ้ ยา่ งไรในองคก์ รตา่ งๆ เปน็ เครอ่ื งมอื ท่ีจะช่วยผลักดันให้องค์กรต่างๆ ขับเคลื่อน และได้มองเห็นถึงปรัชญา และหลักการของกระบวนการสุนทรียปุจฉาท่ีสามารถน�ำมาประยุกต์ใช้ ในชีวติ ประจ�ำวันและในการสรา้ งความสัมพันธส์ ว่ นตัวได้ inside_ cc.indd 46 14/12/2563 19:42:33
47สนุ ทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอยา่ งสนั ตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) ในทา้ ยทส่ี ดุ กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาไดก้ ลายเปน็ สว่ นหนง่ึ ของ วธิ กี ารส�ำหรบั การวางแผนยทุ ธศาสตรป์ ระจ�ำปขี องส�ำนกั งานดา้ นการเงนิ และใชใ้ นการบรหิ ารการท�ำงานรว่ มกนั ของทป่ี รกึ ษาของมหาวทิ ยาลยั อกี ทงั้ มบี างแผนกไดพ้ ฒั นาแบบแผนการใชง้ านของกระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา โดยการด�ำเนนิ การสมั ภาษณก์ บั ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ภายนอกมหาวทิ ยาลยั ซึ่งขอ้ มูลทัง้ หมดทีไ่ ดร้ วบรวมจากการสมั ภาษณเ์ หล่าน้ี ทางแผนกไดน้ �ำ มาใช้ประกอบการตัดสินใจในกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์และใช้ ประกอบกับงานที่ท�ำอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ซ่ึงการประชุมเชิงปฏิบัติ การในระยะแรกๆ เป็นตัวเร่งให้เกิดกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ เกิดความรู้สึกความมีส่วนร่วมและเกิดการมีเป้าหมายร่วมกัน รวมถึง สมาชิกมีส่วนร่วมในการท�ำให้บรรลุวัตถุประสงค์และเกิดพลังในการ ร่วมแรงร่วมใจกันท่ีจะวาดฝันและพัฒนาถึงกิจกรรมที่เป็นไปได้ ที่ถูกควบรวมเข้ามาเป็นแผนยุทธศาสตร์ของแต่ละแผนกในระยะเวลา 1 ปี และแผนยุทธศาสตร์ส�ำหรับระยะเวลา 5 ปี เพ่ือสร้างให้เกิด การน�ำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยมิดเวสเทิน ท้ังหมด 17 ประการ ภายในระยะเวลา 1 ปี นอกจากน้ี พนักงานมหาวิทยาลัย รสู้ กึ ภาคภมู ใิ จในตวั เองสามารถน�ำไปปฏบิ ตั ใิ น 4 วนั ของสปั ดาหใ์ นแผนก อีกแผนกหนึ่งของมหาวิทยาลัยสามารถท่ีจะทบทวนนโยบายทั้งหมด ใน 1 ปี ท�ำการทบทวนท่ีจะใชก้ ระบวนการสุนทรียปุจฉา ในการท�ำงาน ของพวกเขาและสร้างให้เกิดมโนทศั น์ของภาวะผนู้ �ำทม่ี สี นุ ทรียภาพ inside_ cc.indd 47 14/12/2563 19:42:34
48 นอกจากน้ี ยังได้มีการน�ำกระบวนการสุนทรียปุจฉาไปใช้ เป็นเครื่องมือในการขับเคล่ือนการมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงของ มหาวิทยาลัยจากผู้มีส่วนเก่ียวข้องซึ่งประกอบด้วยผู้บริหาร อาจารย์ พนกั งาน และนกั ศกึ ษาของทงั้ มหาวทิ ยาลยั มดิ เวสเทนิ จ�ำนวน 140 คน ไดเ้ ขา้ มามีส่วนรว่ มในกระบวนการ โดยใชร้ ะยะเวลา 2 วันครง่ึ ส�ำหรบั การวางแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสู่อนาคตได้เป็นอย่างดี ภายใต้หัวข้อการสัมมนา “การค้นหาพลังอ�ำนาจของการมีส่วนร่วม อยา่ งพนั ธมติ ร ในการสรา้ งชมุ ชนทคี่ รอบคลมุ สว่ นตา่ งๆ ของมหาวทิ ยาลยั เพื่อขับเคลื่อนยกระดับของมหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยท่ีดีเลิศ ของสหรัฐอเมริกา” โดยพนักงานและผู้บริหารของมหาวิทยาลัย ร่วมกันขับเคลื่อนผ่านกระบวนการ 4-D โดยการแลกเปลี่ยนกันเล่า เรอื่ งราวดๆี และความส�ำเรจ็ ตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในการท�ำงานในมหาวทิ ยาลยั ผ่านประสบการณ์ของบุคลากร ความส�ำเร็จของในระดับบุคคล ระดบั มหาวทิ ยาลยั และในระดบั โลก ทง้ั นี้ เปน็ ประสบการณค์ วามส�ำเรจ็ ทมี่ มี าตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1950 จนถงึ ปจั จบุ นั ทเ่ี กดิ จากการมเี ขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ในการสานเสวนาและผ่านการต้ังค�ำถามเชิงบวกหรือสุนทรียปุจฉา ซึ่งเปน็ ฐานในของการมองสอู่ นาคตของมหาวิทยาลยั ร่วมกนั ในระยะแห่งการวาดฝัน/จินตนาการ (Dream) ภายใต้ กระบวนการ 4-D ได้ก่อให้เกิดบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคิดริเร่ิม ต่างๆ ท่ีมุ่งสู่การเปล่ียนแปลงจากผู้มีส่วนเก่ียวข้องในการนึกภาพ มหาวิทยาลัยมิดเวสเทินในอนาคตทต่ี ้องการใหเ้ กดิ ข้ึนในปี ค.ศ. 2027 inside_ cc.indd 48 14/12/2563 19:42:34
49สุนทรยี ปุจฉา: กระบวนการสอบถามเพ่ือการเปล่ียนแปลงอย่างสนั ตวิ ิธี (Appreciative Inquiry) • ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเป็นมหาวิทยาลัย อันดับต้นๆ ที่สนับสนุนให้ทุนวิจัยแก่บุคลากรท่ีมีผลงาน ดเี ดน่ ในสาขาวชิ าตา่ งๆ มกี ารใชเ้ ทคโนโลยที ท่ี นั สมยั และ มีคุณภาพในการให้บริการทางวิชาการจากบุคลากรท่ีมี ความสามารถรอบดา้ น • ก�ำแพงทางความคดิ ในสงั คมจะหายไปเกดิ เปน็ ความรว่ มมอื ทางวชิ าการระหวา่ งภาควชิ าและสถาบนั การแลกเปลยี่ น ความรรู้ ะหว่างอาจารย์ บคุ ลากร และนักศกึ ษา • มหาวิทยาลัยจะเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับ ทั้งในระดบั ประเทศและในระดบั นานาชาติ ส�ำหรบั ตวั อยา่ งการจดั กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาในประเทศไทย ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วในเบอ้ื งตน้ ไวว้ า่ กระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉา ส�ำหรบั ประเทศไทย ได้ใช้ในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดกระบวนการ สนุ ทรยี ปจุ ฉาในประเทศไทย โดยทนั ตแพทยอ์ ทุ ยั วรรณ กาญจนกามล3 ไดย้ กตวั อยา่ งกรณที ใ่ี ชก้ ระบวนการของสนุ ทรยี ปจุ ฉาเพอ่ื การเปลย่ี นแปลง ในกระทรวงสาธารณสขุ เชน่ การใชก้ ระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาเพอ่ื คน้ หา วิธีเลี่ยงการกินหวานของเด็กในจังหวัดเชียงราย เพ่ือสุขภาพอนามัย ในช่องปากและการป้องกันโรคต่างๆ ท่ีอาจจะเกิดข้ึนในเด็กได้ เช่น เบาหวาน พบวา่ หลงั การใชก้ ระบวนการสนุ ทรยี ปจุ ฉาแลว้ ท�ำใหเ้ กดิ การ เปลยี่ นแปลงอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั จากปรมิ าณของการรบั ประทานขนม นำ้� อดั ลม 3 สมั ภาษณท์ ันตแพทย์อุทยั วรรณ กาญจนกามล เม่อื วันที่ 3 สิงหาคม 2562 inside_ cc.indd 49 14/12/2563 19:42:34
50 และของหวานต่างๆ ในเด็กลดลง พบว่าเด็กอนุบาลท่ีเข้าร่วมโครงการ ของทุกอ�ำเภอมคี า่ เฉลีย่ คราบจลุ นิ ทรยี ์ลดลง ซึง่ แสดงให้เหน็ ว่ารปู แบบ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพชอ่ งปากมกี ารพฒั นาเปลย่ี นแปลงไปในทางทดี่ ขี น้ึ นอกจากน้ี ทันตแพทย์อุทัยวรรณ กาญจนกามล ยังได้ใช้ กระบวนการสุนทรียปุจฉาในองค์กรภาครัฐ เช่น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และกรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพ่ือค้นหาภารกิจหลักขององค์กร ในอีก 10 ปี ขา้ งหน้า วา่ จะท�ำภารกิจอย่างไรรว่ มกัน เป็นตน้ inside_ cc.indd 50 14/12/2563 19:42:34
Search