2 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา เรอื่ ง การศกึ ษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลือกตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา Political Activities and Electoral Behavior in the 2019 Thailand General Election in Songkla Province ผู้เขียน บฆู อรี ยีหมะ เลขมาตรฐานสากลประจ�ำ หนังสอื (e-book) 978-616-476-098-1 รหัสส่ิงพิมพส์ ถาบัน สวพ.63-20-00.0 (ebook) พิมพ์ครั้งท่ี 1 มิถุนายน 2563 ประสานงาน วลัยพร ล้ออศั จรรย์ สงวนลิขสิทธ์ิ © 2563 ลขิ สทิ ธิข์ องสถาบันพระปกเกลา้ จัดพิมพโ์ ดย ส�ำ นักวิจยั และพฒั นา สถาบนั พระปกเกลา้ ศูนยร์ าชการเฉลมิ พระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ช้ัน 5 (โซนทศิ ใต)้ เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจง้ วฒั นะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลกั ส่ี กรุงเทพฯ 10210 โทรศพั ท์ 0-2141-9596 โทรสาร 0-2143-8177 http://www.kpi.ac.th
3 ค�ำน�ำสถาบันพระปกเกล้า การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเมอ่ื วนั ที่ 24 มนี าคม พ.ศ.2562 เปน็ การเลอื กตง้ั ครง้ั แรก ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งได้มีการเปล่ียนแปลง กตกิ าทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การเลอื กตง้ั หลายประการ ไดแ้ ก่ การน�ำระบบการเลอื กตง้ั ทเี่ รยี กวา่ “การเลอื กตงั้ แบบ จัดสรรปันส่วนผสม” มาใช้ โดยก�ำหนดให้แต่ละเขตเลือกต้ังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละหนึ่งคน และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งได้คนละหนึ่งคะแนน ส่วนสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอ่ื นน้ั เปน็ การจดั สรรโดยค�ำนวณจากคะแนนรวมทพี่ รรคการเมอื งไดจ้ าก การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตทวั่ ประเทศ การก�ำหนดใหพ้ รรคการเมอื งสามารถเสนอ รายชอื่ บคุ คลซงึ่ สมควรไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ นายกรฐั มนตรไี มเ่ กนิ สามรายชอื่ การก�ำหนดในเรอ่ื งคณุ สมบตั แิ ละ ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง รูปแบบและวิธีการรณรงค์หาเสียงเลือกต้ัง ตลอดจนบทลงโทษ กรณกี ระท�ำความผดิ เกย่ี วกบั การเลอื กตงั้ ทเี่ ขม้ ขน้ กวา่ การเลอื กตง้ั ครง้ั กอ่ นๆ นอกจากนี้ การเลอื กตงั้ เมอ่ื วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 ยงั เกดิ ขนึ้ ทา่ มกลางบรบิ ทและสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื ง ท่ีเปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหลังสุดเม่ือปี 2554 เป็นอย่างมาก อาทิ การว่างเว้นจาก การเลือกตั้งเกือบแปดปีท�ำให้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก (First Time Voter) มากกว่า 7 ล้านคน การ เปล่ียนแปลงอย่างฉับพลันของเทคโนโลยีการส่ือสาร (Digital Disruption) ท�ำให้ส่ือใหม่ (new media) เข้ามามีอิทธิพลในการเลือกต้ังอย่างเด่นชัดเป็นครั้งแรก การเปล่ียนแปลงในกติกาและสภาพแวดล้อม ดังกล่าวท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการจัดการเลือกตั้ง ยุทธวิธีการหาเสียงของผู้สมัครและ พรรคการเมอื ง รวมถงึ พฤตกิ รรมการตดั สนิ ใจลงคะแนนของประชาชนอยา่ งมนี ยั ยะส�ำคญั และนา่ สนใจยง่ิ หนงั สอื ขดุ “การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562” นเี้ ปน็ ผลการศกึ ษาจากชดุ โครงการวจิ ยั ท่ีสถาบันพระปกเกล้าได้จัดท�ำข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือส�ำรวจและบันทึกปรากฏการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะในมติ ขิ องความเคลอื่ นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเมอื่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาฬสินธุ์ ก�ำแพงเพชร กาญจนบุรี ขอนแกน่ ชลบรุ ี เชยี งใหม่ นครศรีธรรมราช แพร่ ร้อยเอด็ สงขลา สพุ รรณบุรี สุรินทร์ พะเยา พษิ ณุโลก ปัตตานี สรุ าษฎรธ์ านี เลย สระแกว้ และอบุ ลราชธานี ขอ้ มูลทน่ี �ำเสนอในหนังสือชดุ นีไ้ ด้ฉายให้เห็นภาพ
4 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา ในระดบั พนื้ ทข่ี องบรรยากาศและความเคลอ่ื นไหวของพรรคการเมอื ง องคก์ รและกลมุ่ ทางการเมอื งตา่ ง ๆ ความเคลอ่ื นไหวและพฤตกิ รรมทางการเมอื งของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั บทบาทของหนว่ ยงานทเี่ ขา้ มาเกย่ี วขอ้ ง ในการเลอื กตงั้ พฤตกิ รรมทางการเมอื งของประชาชนและกลมุ่ การเมอื ง การใชท้ รพั ยากรตา่ ง ๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเรื่องค่าใช้จ่าย การเปลี่ยนแปลงของข้ัวอ�ำนาจทางการเมือง การย้ายพรรคการเมือง ปัจจัย ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมือง รวมทั้งการวิเคราะห์ผลการเลือกต้ังที่เกิดข้ึน การเคลื่อนไหวและ การรณรงค์ในการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัดท่ีปรากฏในสื่อออนไลน์ ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงระหว่างการมีพระราชกฤษฎีกาก�ำหนดให้มีการเลือกตั้ง วันเลือกต้ัง และหลัง การเลือกตงั้ สถาบันพระปกเกล้าขอขอบคุณ รองศาสตราจารย์ ฐปนรรต พรหมอินทร์ รองศาสตราจารย์ พรชัย เทพปัญญา รองศาสตราจารย์ ดร.สามารถ ทองเฝือ รองศาสตราจารย์ ดร.กตัญญู แก้วหานาม รองศาสตราจารย์ ดร.ศิวัช ศรีโภคางกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพลิน ภู่จีนาพันธุ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บูฆอรี ยีหมะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสด์ิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กฤษฎา พรรณราย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั พงศ์ บญุ เหลอื ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย ์ ศทุ ธกิ านต์ มจี น่ั ดร.พมิ พล์ ขิ ติ แกว้ หานาม ดร.พสิ มยั ศรเี นตร ดร.จนั ทรา ธนะวฒั นาวงศ ์ ดร.ภคพร วฒั นด�ำรง ดร.ประเทือง ม่วงอ่อน ดร.ณรินทร์ เจริญทรัพยานนท์ ดร.เสริมสิทธ์ิ สร้อยสอดศรี อาจารย์ ชนันทิพย์ จันทรโสภา อาจารย์ อุบลวรรณ สุภาแสน อาจารย์ ดารารัตน์ ค�ำเป็ง ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกท่านท่ี ให้ความอนุเคราะห์ร่วมด�ำเนินงานวิจัย ขอขอบพระคุณทรงคุณวุฒิทุกท่านท่ีกรุณาเป็นผู้พิจารณาให ้ ข้อเสนอแนะเพื่อให้งานวิจัยมีคุณภาพ สถาบันพระปกเกล้าคาดหวังว่าผลจากการศึกษาของชุด โครงการวจิ ัยน้ี จะเป็นฐานขอ้ มลู ส�ำคัญท่จี ะน�ำไปส่กู ารพฒั นาประชาธปิ ไตยของประเทศไทยตอ่ ไป สถาบนั พระปกเกล้า 2563
5 กิตติกรรมประกาศ โครงการวิจัยเร่ือง การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา ส�ำเร็จลงได้จากความช่วยเหลือของบุคคลหลายฝ่าย ผวู้ จิ ยั ขอขอบคณุ เปน็ อยา่ งสงู ทง้ั ตอ่ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั และคณะท�ำงานของผสู้ มคั รและพรรคการเมอื งตา่ งๆ ที่สละเวลาอนั มีค่าเพ่อื ให้สัมภาษณ์ผวู้ ิจยั แทนท่จี ะใชเ้ วลาเพื่อการวางแผนและรณรงคห์ าเสยี ง ขอบคณุ ผอู้ �ำนวยการการเลอื กตง้ั ประจ�ำจงั หวดั สงขลา และเจา้ หนา้ ทที่ เ่ี กยี่ วขอ้ งในการอ�ำนวย ความสะดวกด้านข้อมูล ตลอดจนผู้มีสิทธิเลือกต้ังในพื้นท่ีต่างๆ ท่ีให้ข้อมูลความเคล่ือนไหวต่างๆ ของ ผู้สมคั รรบั เลือกตง้ั ตลอดจนแสดงทัศนะด้านตา่ งๆ ที่เกีย่ วขอ้ ง กบั การเลอื กตั้งทัง้ ในเขตเลือกต้ังของตน และในภาพรวม ผู้วิจัยขอขอบคุณเป็นอย่างสูงต่อบรรดาเจ้าหน้าท่ี หรือคณะท�ำงานของสถาบันพระปกเกล้า ทชี่ ว่ ยอ�ำนวยความสะดวกในดา้ นตา่ งๆ ในการด�ำเนนิ การวจิ ยั ในครงั้ น้ี และทสี่ �ำคญั ขอขอบคณุ เปน็ อยา่ งสงู ต่อสถาบันพระปกเกล้าทใี่ ห้ทุนสนบั สนนุ การวจิ ัยน้ี ทา้ ยทสี่ ดุ ความผดิ พลาด ขอ้ บกพรอ่ ง หากพงึ มใี นงานวจิ ยั นี้ ยอ่ มเปน็ ของผวู้ จิ ยั แตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว บูฆอรี ยีหมะ กันยายน 2562
6 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา บทสรุปผู้บริหาร ความเป็นมาและความส�ำคัญของการศึกษา การเลอื กตัง้ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 เป็นการเลอื กต้งั ครัง้ แรกภายใต้รฐั ธรรมนญู 2560 ซง่ึ เปน็ รฐั ธรรมนญู ทรี่ า่ งขนึ้ ภายใตบ้ รรยากาศหลงั การรฐั ประหาร โดยคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) ทนี่ �ำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและขึ้นด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ฉบับน้ีมีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเม่ือเทียบกับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ในด้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เม่ือมีการใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment system หรือ MMA) เป็นคร้งั แรก ระบบเลือกต้ังใหมน่ ีผ้ ูม้ สี ิทธิเลอื กตั้ง ลงคะแนนในบัตรเลือกตั้งเพยี งใบเดียว เปน็ การเลือกผ้สู มัครในระบบเขตเลอื กต้งั เขตละ 1 คน สว่ นส.ส. ในระบบบัญชีรายช่ือพรรค (party list) มาจากการน�ำคะแนนจากการเลือกต้ังส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มาค�ำนวณหาจ�ำนวนส.ส.แบบบญั ชรี ายชอื่ ของแตล่ ะพรรคการเมอื ง แตกตา่ งจากการเลอื กตงั้ ครง้ั กอ่ นๆ ทร่ี ฐั ธรรมนญู ปี 2540 และ 2550 ทใี่ ชร้ ะบบคขู่ นานระหวา่ งเขตและสดั สว่ น (parallel system) มบี ตั รเลอื กตง้ั 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกส.ส.ในระบบเขต เขตละ 1 คน อีกใบหน่ึงเลือกส.ส.ระบบบัญชีรายช่ือโดยใช้ประเทศ เปน็ เขตเลอื กตั้ง การคิดคะแนนหาผูช้ นะเลือกตัง้ กแ็ ยกออกจากกันด้วย นอกจากน้ี การเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นการเลือกต้ังท่ีห่างจากการเลือกต้ังครั้งล่าสุดเมื่อปี 2554 ยาวนานถงึ 8 ปี บรบิ ททางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมเกดิ การเปลยี่ นแปลงในหลายดา้ น ดา้ นการเมอื ง เชน่ บรรยากาศทางการเมอื งภายใตก้ ารบรหิ ารประเทศของรฐั บาลทม่ี าจากการรฐั ประหาร การมรี ฐั ธรรมนญู ใหมซ่ งึ่ ก�ำหนดระบบการเลอื กตงั้ แบบใหม่ ทแ่ี ตกตา่ งจากการเลอื กตงั้ ครงั้ กอ่ นๆ ความตนื่ ตวั ของประชาชน ทต่ี อ้ งการใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั รวมถงึ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ครง้ั แรก (first voter) ซงึ่ เปน็ เยาวชนคนหนมุ่ สาวทม่ี วี ถิ ชี วี ติ หรอื ไลฟส์ ไตลท์ แี่ ตกตา่ งจากคนรนุ่ กอ่ น ดา้ นเศรษฐกจิ เกดิ ภาวะความเสอ่ื มถอยทางเศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม เช่น การใช้ส่ือสังคมออนไลน์ (social media) อย่างแพร่หลายในชีวิตประจ�ำวัน รวมถึงการแลกเปลี่ยน ขอ้ มลู ขา่ วสารทางการเมอื ง ดงั นนั้ การเลอื กตง้ั ในครงั้ นจ้ี งึ มคี วามนา่ สนใจในการศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื ใหเ้ หน็ ถงึ พฒั นาการของการเมอื งไทยในด้านการเลือกตงั้ ซึ่งจะส่งผลกระทบตอ่ ภาพรวมของการเมอื งไทย
7 ในส่วนของจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นหน่ึงในจังหวัดที่มีความส�ำคัญของภาคใต้ นับตั้งแต่ การเลือกต้ังเมื่อวันท่ี 13 กันยายน 2535 หรือที่นิยมเรียกกันส้ันๆ ว่าการเลือกต้ังปี 2535/2 เนื่องจาก ในปีน้ันมีการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง จนกระท่ังล่าสุดในการเลือกต้ังเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรค ประชาธิปัตย์ครองความนิยมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทุกเขตเลือกตั้ง แต่ในการเลือกต้ังวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ภายใตร้ ะบบการเลอื กตง้ั ใหมน่ ี้ ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ พรรคการเมอื งทเี่ สนอตวั สง่ ผสู้ มคั รในพนื้ ทจี่ งั หวดั สงขลา มากกวา่ 30 พรรค จ�ำนวนผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกต้ังมากกว่า 30 คน สูงสุดเป็นประวตั กิ ารณ์มากกว่า การเลือกตั้งคร้ังใด พรรคการเมืองเหล่านี้หลายพรรคด�ำเนินงานทางการเมืองอย่างแข็งขัน โดยหวังท ่ี จะเอาชนะเหนอื พรรคประชาธปิ ตั ยใ์ หไ้ ด้ ซงึ่ มคี วามแตกตา่ งจากการเลอื กตงั้ ครงั้ กอ่ นๆ ทพี่ รรคการเมอื ง ตา่ งๆ ไมไ่ ดท้ �ำกจิ กรรมทางการเมอื งอยา่ งจรงิ จงั เพราะไมเ่ ชอ่ื มน่ั วา่ พรรคของตนเองจะสามารถเอาชนะ พรรคประชาธปิ ัตยไ์ ด้ อีกท้ัง จากการสังเกตและส�ำรวจจากสื่อมวลชนทั้งระดับชาติและท้องถ่ินพบว่า ประชาชน มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ต้องการการเลือกต้ังเพราะว่างเว้นมาอย่างยาวนานถึง 8 ปี โพลล์ส�ำรวจ ความคิดเห็นทางการเมืองจากสื่อมวลชนในพื้นท่ี พบว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือกโดยพิจารณาจาก นโยบายของพรรค ต้องการเลือกผู้สมัครใหม่ พรรคการเมืองใหม่ในสัดส่วนที่สูงกว่าพรรคการเมืองเดิม ในอดตี ยอ่ มเปน็ เครอ่ื งบง่ ชว้ี า่ การเลอื กตงั้ ในครง้ั น้ี จะเกดิ การเปลยี่ นแปลงทางการเมอื งในจงั หวดั สงขลา วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมทางการเมืองของผู้สมัคร รับเลือกตั้งสมาชิกผแู้ ทนราษฎรในจงั หวัดสงขลา 2. เพื่อศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง การเปล่ียนแปลงของพฤติกรรมทางการเมือง แบบแผนพฤตกิ รรมทางการเมอื งของประชาชน และกลมุ่ การเมอื งในสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเลอื กต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรในจังหวดั สงขลา 3. เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในส่วนที่เก่ียวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในจงั หวัดสงขลา 4. เพื่อศึกษาการเปล่ียนแปลงของขั้วอ�ำนาจทางการเมือง การย้ายพรรคการเมือง ปัจจัย ท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมือง รวมทั้งการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรในจงั หวัดสงขลา
8 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา ระเบียบวิธีวิจัย งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) โดยผู้วิจัยเข้าถึงข้อมูลและเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็น 2 ส่วนคือ การเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านเอกสาร และการเก็บรวบรวมข้อมูลภาค สนาม ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร เช่น หนังสือพิมพ์ บทความ วิทยานิพนธ์ งานวิจัย ข้อมลู ข่าวสารทางอนิ เตอรเ์ นต็ สอ่ื สังคมออนไลน์ เปน็ ต้น 2. การรวบรวมข้อมูลภาคสนาม ผู้วิจัยจะเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง (non -structured interview) จากผสู้ มคั รและคณะท�ำงาน ส่อื มวลชนและผสู้ งั เกตการณ์ ทางการเมอื ง 3. การสงั เกตการณแ์ บบไมม่ สี ว่ นรว่ ม (non-participation observation) เชน่ การลงพนื้ ทหี่ า เสียงของผู้สมคั รและคณะท�ำงาน การเปิดเวทีปราศรยั การลงคะแนนเสียงเลอื กตงั้ แนวคิด ทฤษฎีในการวิจัย ผ้วู จิ ัยใชแ้ นวคดิ ทฤษฎกี ารตัดสนิ ใจเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory) ในการ ศกึ ษาวจิ ยั ในครงั้ นซ้ี งึ่ ทฤษฎนี ้ี มฐี านคดิ วา่ การตดั สนิ ใจในกจิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ของมนษุ ยร์ วมทงั้ การตดั สนิ ใจ เลอื กต้งั มาจากการคิดไตร่ตรองอย่างเป็นเหตุเปน็ ผลแล้วจากขอ้ มลู ข่าวสารต่างๆ ท่ตี นไดร้ บั อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของผูส้ มัคร ความคิด ความเช่ือหรืออุดมการณ์ของผสู้ มัคร ตลอดจนนโยบายของ พรรคทผี่ สู้ มคั รสงั กดั เหตผุ ลทเ่ี ลอื กแนวคดิ ทฤษฎนี เี้ นอ่ื งจากบรบิ ททางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมของ การเลอื กตง้ั ในครงั้ นแี้ ตกตา่ งจากการเลอื กตง้ั ครงั้ กอ่ นๆ ซง่ึ ใชแ้ นวคดิ ทฤษฎอี ตั ลกั ษณต์ อ่ พรรคการเมอื ง (party identification) หรือความผูกพันท่ีมีต่อพรรคการเมืองท�ำให้พรรคประชาธิปัตย์ผูกขาดความนิยม ทุกของเขตเลอื กตัง้ ของจังหวดั สงขลามาอย่างยาวนาน ผลการศึกษา ความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด สงขลาในการเลอื กตงั้ วนั ที่ 24 มนี าคม 2562 มคี วามแตกตา่ งจากการเลอื กตงั้ ครงั้ กอ่ นๆ จนสง่ ผลท�ำใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงทางการเมอื งครง้ั ใหญ่ เมอื่ พรรคประชาธปิ ตั ยส์ ญู เสยี ทนี่ งั่ จาก 8 ทนี่ ง่ั เหลอื เพยี ง 3 ทนี่ ง่ั เท่าน้นั โดยพรรคพลังประชารัฐได้ 4 ทนี่ ่งั ทีเ่ หลืออกี 1 ท่ีนงั่ เป็นของพรรคภมู ใิ จไทย รายละเอยี ดมีดงั น้ี
9 บริบททางการเมือง การเลือกต้ังคร้ังนี้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ให้ใช้ระบบเลือกตั้ง แบบจัดสรรปันส่วนผสม ท�ำให้มีผู้สมัครรับเลือกต้ังในแต่ละเขตมากกว่า 30 คน รวมท้ังส้ิน 269 คน สงู สดุ เปน็ ประวตั กิ ารณ์ ในขณะทกี่ ารเลอื กตง้ั ปี 2554 มผี สู้ มคั รรวมทกุ เขตเพยี ง 31 คนเทา่ นน้ั เนอ่ื งจาก พรรคการเมืองต่างๆ ล้วนต้องการคะแนนเพื่อน�ำไปค�ำนวณเป็นคะแนนในระบบบัญชีรายช่ือ การมี ผู้สมัครลงเลือกต้ังเป็นจ�ำนวนมากน้ี สอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในประเด็นท่ผี ู้เลอื กมที างเลอื กเป็นจ�ำนวนมากในการตัดสนิ ใจเลอื กตวั แทนของตน อกี ท้ังพรรคการเมอื ง หลายพรรคต่อสู้แข่งขันกันอย่างจริงจัง โดยหวังที่จะชนะเลือกตั้งแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ เนื่องจากประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะไม่สามารถครองความนิยมอย่างแนบแน่นเหมือนในอดีต เพราะมหี ลายปัจจยั ท่ีส่งผลกระทบตอ่ พรรค ท�ำให้เกิดกระแสความเบอื่ หนา่ ยตอ่ พรรคประชาธิปัตย์ เช่น การไม่แสดงบทบาทเป็นตัวแทนประชาชนของผู้สมัครท่ีเป็นอดีตส.ส. ในการเป็นกระบอกเสียงน�ำเสนอ ปญั หาตอ่ รฐั บาลคสช. โดยเฉพาะปญั หาเศรษฐกจิ ทร่ี าคาสนิ คา้ เกษตรตกตำ่� อาทิ ยางพารา ปาลม์ นำ้� มนั การขาดความเปน็ เอกภาพในพรรคประชาธปิ ตั ยท์ ง้ั ในระดบั ชาติ หลงั จากการแขง่ ขนั เลอื กตง้ั หวั หนา้ พรรค และในระดบั ทอ้ งถนิ่ ทเ่ี กดิ ปญั หาการจดั ตวั ผสู้ มคั รลงเลอื กตง้ั ในระบบเขตหลายเขต ความรสู้ กึ เบอื่ หนา่ ย ตอ่ การส่งทายาทนักการเมอื งเปน็ ผ้ลู งสมคั ร นอกจากน้ี ประเด็นจุดยืนทางการเมืองก็มีผลในทางการเมืองเช่นเดียวกัน เมื่ออภิสิทธ ิ เวชชาชวี ะ หวั หนา้ พรรคประชาธปิ ตั ยป์ ระกาศไมส่ นบั สนนุ พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา ผไู้ ดร้ บั การเสนอชอ่ื ให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ความนิยมท่ีมีต่อ พรรคประชาธปิ ตั ยก์ ล็ ดนอ้ ยลง ในชว่ งสปั ดาหส์ ดุ ทา้ ยกอ่ นการเลอื กตง้ั โดยพรรคพลงั ประชารฐั ไดร้ บั อานสิ งส์ จากประเด็นน้ี ท�ำให้ชนะเลือกตั้งถึง 4 เขต ท้ังๆ ที่ผู้สมัครไม่ได้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นแต่อย่างใด ดังนั้น เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั คะแนนในการเลอื กตงั้ ครงั้ กอ่ นจงึ พบวา่ ผสู้ มคั รของพรรคประชาธปิ ตั ยท์ ชี่ นะเลอื กตง้ั 3 เขต มาจากคะแนนนิยมส่วนตัวในขณะท่ีคะแนนความนิยมที่เคยมีต่อพรรค ได้เปลี่ยนแปลงไปยัง พรรคอืน่ ๆ โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ บริบททางเศรษฐกิจ การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในบรรยากาศท่ีเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต�่ำ ส่งผลกระทบต่อการด�ำเนินชีวิตของประชาชนในวงกว้าง ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ มีผู้ซื้อลดน้อยลง บางแห่งต้องประกาศปิดกิจการหรือขายกิจการ ผู้ประกอบอาชีพการเกษตรเช่น ยางพารา ปาล์มน้�ำมัน มีราคาตกต�่ำ บริบททางเศรษฐกิจน้ีมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับข้อที่ 1 ในแง่ท่ีท�ำให้การเลือกต้ังครั้งน ้ี มีผู้สมัครรับเลือกต้ังจ�ำนวนมาก เพ่ือน�ำเสนอนโยบายของพรรคตนเองเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจหากชนะเลอื กตง้ั ไดจ้ ัดตง้ั รัฐบาล บริบททางสังคม การเลือกตั้งครั้งน้ีมีความแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ในด้านบริบท ทางสังคมน้ัน เกิดผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรกจ�ำนวนมาก เน่ืองจากห่างเหินจากการเลือกต้ังยาวนาน ถึง 8 ปี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคร้ังแรกน้ีท่ีมีอายุ 18 ปี ยังคงไม่มีความผูกพันกับพรรคการเมืองใด โดยเฉพาะ พรรคประชาธิปัตย์ที่ผูกขาดความนิยมในพ้ืนท่ีสงขลา เน่ืองจากเม่ือ 8 ปีท่ีแล้วเพ่ิงมีอายุเพียง 10 ขวบ
10 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา หรือเมอื่ คสช. ยดึ อ�ำนาจกม็ ีอายเุ พยี ง 13 ปีเทา่ นัน้ การรบั รู้ทางการเมอื งจึงเพ่ิงจะมีความชดั เจนในช่วง 1-2 ปที ผี่ า่ นมา ในขณะทก่ี ารเลอื กตง้ั ครงั้ นม้ี พี รรคการเมอื งจ�ำนวนมาก เสนอตวั เพอื่ เปน็ ทางเลอื กใหก้ บั ประชาชน รวมถงึ พรรคอนาคตใหม่ ซึง่ เปน็ พรรคทไ่ี ดร้ ับความนยิ มสงู ในหมู่เยาวชนคนหนุ่มสาว จนเกิด กระแส “ฟ้ารักพอ่ ” มองหวั หน้าพรรคเปรียบเสมอื นตน้ แบบ (Idol) ไมต่ า่ งจากนกั ร้อง นกั แสดง เพยี งแต่ ในดา้ นการเมอื งนก้ี ลายเปน็ ตน้ แบบทางความคดิ ทางเมอื ง ตอ้ งการใหต้ น้ แบบนไี้ ดม้ บี ทบาทในทางการเมอื ง นอกจากนี้ บริบททางสังคมที่เกิดข้ึนในการเลือกต้ังครั้งนี้คือ การใช้ส่ือสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย ในการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร ไมเ่ พยี งในหมเู่ ยาวชนคนหนมุ่ สาวหรอื คนรนุ่ ใหมเ่ ทา่ นน้ั แตค่ นในกลมุ่ อน่ื ๆ กเ็ ขา้ ถงึ และใชส้ อ่ื สงั คมออนไลน์ เชน่ ไลน์ เฟสบกุ๊ กนั อยา่ งกวา้ งขวาง การใชส้ อื่ สงั คมออนไลนอ์ ยา่ งแพร่ หลายนี้สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผลในประเด็นของการตัดสินใจ เลอื กทา่ มกลางการมขี ้อมลู ข่าวสารอย่างเพียงพอ
11 Executive Summary “Political Activities and Electoral Behaviors in the 2019 General Election in Songkhla Province Background and Significance of the research The General Election of 24 March 2019 was the first election under the Constitution of the Kingdom of Thailand B.E. 2560 (2017), which was drafted under the political situation after the coup by the National Council for Peace and Order (NCPO) led by General Prayut Chan-o-cha and after that became prime minister. The provisions of this constitution are very different from the previous constitutions, especially when compared to the Constitution of the Kingdom of Thailand B.E. 2540 (1997) in case of election of members of the House of Representatives (MPs). The new constitution proceed the Mixed Member Apportionment (MMA) system for the first time. This new electoral system voters vote on a single ballot not only vote for constituency candidate but also for party-list candidates. Different from previous elections under the Constitution of the King- dom of Thailand B.E. 2540 (1997) and B.E. 2550 (2007) which used a Parallel System, there are 2 ballots, one for MP in the district and the other for party-list system. Moreover, the party-list system carried on under the whole country as a constituency and vote-counting is separated.
12 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา In addition, this election is 8 years away from the last election in 2011, political contexts, economical contexts and societal contexts have changed in many aspects. On the political contexts such as the political climate under the administration of the Prayut government, the new constitution which sets out a new electoral system which is different from previous elections, awakening of citizens who want to exercise their voting rights including the first voter - a young person with a lifestyle that is different from the previous generation. On the economical contexts, there has been a deterioration in the economy. On the societal contexts such as the widespread use of social media in everyday life, including the exchange of political information. Therefore, this election is interesting in research for the development of Thai politics in terms of elections which will affect the overall picture of Thai politics. In the part of Songkhla Province which is one of the important provinces of the southern region. Since the election on 13 September 1992, popularly known as the 1992/2 election, because there were two elections that year, until the last election on July 3, 2011, the Democrat Party dominated the popularity absolutely every constituencies. But the March 24, 2019 election, under the new electoral system, created more than 30 political parties proposing to send candidates in the Songkhla province.The number of candidates in each constituency was more than 30, the highest record ever more than any election. Several parties are actively engaged in political activities hoping to win over the Democratic Party which is different from previous elections as various political parties not seriously engaged in political activities because they were not convinced that their own party would be able to beat the Democrat Party. In addition, from the observation and survey from both national and local media, it was found that people have high political consciousness. Demanding an election because of 8 years of abstention. Political polls from local media found that citizens would like to vote based on the party’s policies. Wanting to vote a new candidate and new political party in a higher proportion than the former political party is an indicator that this election will lead to political changes in Songkhla province.
13 Objectives 1. To study the political activities and political behavior of the candidates in the Songkhla province. 2. To study the political situation, political activities, changes in political behavior, patterns of political behavior of people and political groups in relation to the election in Songkhla Province. 3. To study the behavior of using various resources in relation to the election in Songkhla Province. 4. To study the change of political power, party membership realignment, factors affected to political decisions and analysis of the election results in Songkhla Province. Research methodology This research applied a qualitative research methodology in which the researcher accesses data and collects data into 2 parts, namely document data collection and field data collection. As follows 1. Collecting data from documents such as newspapers, articles, theses, research works, online data, social media data, etc. 2. Gathering field data. Researcher will collect the data using non-structured interview from candidates and the working group. Media and political observers 3. Non-participation observation, such as the campaign of the candidates and campaign assistant, campaign speech and voting.
14 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา Concepts and Theories This study used the rational choice theory which is based on the idea that decision making in various activities in human life, including the decision to vote, comes from logical reflection and information that they received thoroughly whether the qualifications of candidates, the beliefs or ideology of candidates as well as the policies of the party of candidates. Reason for choosing this theory is due to political context, economical context and societal context of this election are different from previous elections. Past elections we can use the party identification concept for explaining why Democrat Party have long been monopolized by all constituencies of Songkhla province. Result The political activities and voting behavior in general election March 24, 2019 in Song- khla province were different from previous elections. Resulting in a major political change when the Democrat Party lost its seat from 8 seats to only 3 seats. Palangpracharath Party (PPRP), the new party which supporting General Prayut Chan-o-cha to be Prime Minister after election, won 4 seats and the last seat belong to Bhumjaithai Party (BJT). The details are as follows. 1. Political context, this election used the MMA electoral system for the first time has attracted more than 30 candidates in each constituency, a total of 269 candidates that were highest record ever more than any elections before because political parties need points to be counted for party-list MPs. Meanwhile the 2011 election, there were only 31 candidates in all constituencies. The large number of candidates is consistence with explaining of rational choice theory in the issue of the choice that voter have large number of choices for decision making. In addition, several political parties fought vigorously competing in hopes of winning the election, different from previous elections. Because assessed that The Democrat Party should not be able to dominate the popularity as closely as in the past because there are many factors that affect the party, causing the boredom to the Democrat Party, such as former MPs not showing the role to represent the people or presenting problems to the Prayut government especially the economic problems with agricultural product prices fall such as rubber, palm oil; lack of unity in the Democrat Party both at the national level after the party leader election competition and at the local level that there
15 are problems in selection of candidates in many constituencies; feeling bored of sending heirs as candidates. In addition, the political standpoint has effect to the Democrat Party when Abhisit Vejjajiva, leader of the Party, announced that he would not support General Prayut Chan-o-cha, who was nominated as Prime Minister from the PPRP to be prime minister after the election. The popularity of the Democrat Party was diminished during the last week before the election, meanwhile PPRP has received benefits from this issue, resulting in winning the election in 4 constituencies even though the candidates did not have any outstanding qualifications. Therefore, when compared to the votes in the previous elections, it was found that the candidates of the Democratic Party that won the three constituencies were based on personal vote, while the popularity of the party has changed to other parties especially PPRP. 2. Economical context, this election took place in an atmosphere of economic downturn resulting in affecting the lives of people at large. Various store operators there are fewer buyers. Some places must be closed or sold. Agricultural laborers, such as in rubber and palm oil have fallen in price. This economical context is linked to political context in the sense that this election has many candidates to present their party platform as an alternative to solving economic problems if winning elections and become government. 3. Societal context, this election is different from previous elections. There are many first-time voters. Due to no election for 8 years, this 18-year-old first-time voters still has no connection with any political parties, especially the Democrat Party, which has monopolized the popularity of the Songkhla area because 8 years ago, the first-time voters just 10 years old. Or when the NCPO seizing power, the first-time voters were only 13 years old. Therefore political awareness of the young generation became clear in the last 1-2 years, while this election has many political parties offering themselves as alternatives to the people. Including the Future Forward Party (FFP) which is a party that has been very popular among young people until the trend of “Fah Rak Pa” looks at the leader of the party like an idol-singers, actors. In addition, the societal context that occurred in this election was widespread using of social media- facebook, twitter and youtube, in exchanging news and information not only among the youth or young people but also people in other groups. The widespread using of social media is consistent with the rational choice theory in political decision making in the midst of sufficient information.
16 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา
17 บทคัดย่อ “การศกึ ษาความเคลอื่ นไหวทางการเมือง และพฤตกิ รรมการเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จงั หวดั สงขลา” เมอื่ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 ซงึ่ เปน็ การเลอื กตงั้ ครง้ั แรกภายใตร้ ฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2560 หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ท�ำรัฐประหารเม่ือปี 2557 แล้วหัวหน้าคสช. คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ คือ 1. เพ่ือศึกษาความเคล่ือนไหว และพฤติกรรมทางการเมืองของผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิกผู้แทนราษฎร ในจงั หวดั สงขลา 2. เพอ่ื ศกึ ษาการเปลยี่ นแปลงของพฤตกิ รรมทางการเมอื ง แบบแผนพฤตกิ รรมทางการเมอื ง ของประชาชน และกลุ่มการเมืองในส่วนที่เก่ียวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัด สงขลา 3. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั สงขลา และ 4. เพอ่ื ศกึ ษาการเปลยี่ นแปลงของขวั้ อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ย พรรคการเมือง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมือง รวมทั้งการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดสงขลา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) ได้แก ่ 1. การสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก (in-depth interview) ผ้สู มัครรบั เลอื กตั้งและคณะท�ำงาน สอ่ื มวลชน โดยใชแ้ บบ สัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง 2. การสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม (non-participation observation) เมอ่ื ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ลงพนื้ ทหี่ าเสยี ง เปดิ เวทปี ราศรยั 3. การสงั เคราะหข์ อ้ มลู จากหนงั สอื พมิ พท์ งั้ ระดบั ชาติและทอ้ งถนิ่ โทรทศั น์ สือ่ ออนไลนห์ รอื อินเตอรเ์ น็ต สอื่ สังคมออนไลน์ (social media) งานวิจัยนี้ใช้แนวคิดทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory) แทนการใชแ้ นวคดิ อตั ลกั ษณข์ องพรรคการเมอื ง (party identification) ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื ง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ของจังหวัดสงขลานับตั้งแต่การเลือกต้ัง 13 กนั ยายน 2535 จนถงึ 3 กรกฎาคม 2554 ซงึ่ พรรคประชาธปิ ตั ยค์ รองความนยิ มผกู ขาดทกุ เขตเลอื กตง้ั มาโดยตลอด แต่การเลือกต้ัง 24 มีนาคม 2562 นี้ ไม่สามารถอธิบายได้อีกต่อไปเน่ืองจากเกิดการ
18 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจังหวัดสงขลาอย่างขนานใหญ่ จนส่งผลท�ำให้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยมี ส.ส. ครบทุกเขตทง้ั 8 เขต ต้องสูญเสียทีน่ ่งั ไดร้ บั เลอื กต้งั เพยี ง 3 เขตเท่านั้น ผลการศึกษาได้ตอบวัตถุประสงค์ที่ผู้วิจัยได้วางไว้ท้ังหมดว่า บริบททางการเมือง เศรษฐกิจ และสงั คมในการเลอื กตงั้ ครง้ั น้ี ซงึ่ หา่ งจากการเลอื กตง้ั ครงั้ สดุ ทา้ ยถงึ 8 ปี มกี ารเปลยี่ นแปลงไปจากอดตี ที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก จนส่งผลท�ำให้เกิดความเคล่ือนไหวทางการเมือง และน�ำมาสู่การเปล่ียนแปลง ทางด้านพฤติกรรมการเลือกต้ังของผู้มีสิทธิเลือกต้ังจังหวัดสงขลา แทนที่จะมีความผูกพันกับพรรค ประชาธปิ ตั ยเ์ หมอื นอยา่ งในอดตี ตามการอธบิ ายของแนวคดิ อตั ลกั ษณข์ องพรรคการเมอื ง หรอื ความผกู พนั พรรคการเมืองแต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เปล่ียนแปลงพฤติกรรมการเลือกต้ังเป็นไปตามการอธิบายของ แนวคิด ทฤษฎีการตดั สนิ ใจเลอื กอย่างเปน็ เหตุเป็นผล กลา่ วคือ ในดา้ นบรบิ ททางการเมือง ไดแ้ ก่ ระบบ เลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วน ท�ำให้มีผู้สมัครในทุกเขตเลือกต้ังมากท่ีสุดเป็นประวัติการณ์ ท�ำให้ผู้มีสิทธิ เลือกต้ังมีทางเลือกในการเลือกตัวแทนของตนเองมากกว่าในอดีต ในขณะเดียวกันเกิดปัญหาความเป็น เอกภาพภายในพรรคประชาธิปัตย์ ท้ังในระดับชาติและในระดับพ้ืนท่ีเลือกตั้ง ส่งผลต่อความร่วมมือ ในการหาเสียงเลือกต้ัง ในด้านบริบททางเศรษฐกิจ ได้แก่ ภาวะความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจมีความ สัมพนั ธ์กบั ความรู้สึกเบือ่ หน่ายตอ่ อดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปตั ย์ ทผ่ี ู้มสี ิทธิเลือกตง้ั เหน็ ว่าไมท่ �ำหน้าท่ี เป็นตัวแทนน�ำปัญหาของประชาชนไปน�ำเสนอต่อรัฐบาลจึงต้องการเปล่ียนส.ส.และพรรคการเมือง ในขณะทใ่ี นดา้ นนโยบาย ผมู้ สี ิทธิเลือกตั้งท่ใี ชบ้ ตั รสวสั ดิการแหง่ รัฐหวัน่ เกรงว่า หากพรรคพลงั ประชารัฐ และพลเอกประยุทธ์ไม่ได้จัดต้ังรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีจะท�ำให้เกิดการยกเลิกบัตรดังกล่าว ดงั นนั้ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ จงึ สนบั สนนุ พรรคพลงั ประชารฐั ทม่ี นี โยบายบตั รประชารฐั ซงึ่ เปน็ นโยบายเดยี วกบั บตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั ในดา้ นบรบิ ททางสงั คม การเลอื กตง้ั ครงั้ นเี้ ปน็ ครง้ั แรกทมี่ กี ารใชส้ อื่ สงั คมออนไลนใ์ น การหาเสยี งของผสู้ มคั รและพรรคการเมอื ง ซงึ่ มปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลสงู โดยเฉพาะในหมเู่ ยาวชน คนหนุ่มสาวท่ีเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังคร้ังแรก (first voter) ซึ่งส่วนใหญ่ช่ืนชอบพรรคอนาคตใหม่ ท�ำให้ ผสู้ มคั รของพรรคทกุ เขตเลอื กตง้ั ไดร้ บั คะแนนเสยี งในระดบั มาก ทส่ี ง่ ผลตอ่ คะแนนของพรรคประชาธปิ ตั ย์ โดยปรยิ ายเช่นเดยี วกบั บรบิ ทดา้ นอน่ื ๆ ท่ีกลา่ วมา จากบรบิ ทดา้ นตา่ งๆ ทกี่ ลา่ วมาในการเลอื กตง้ั ครงั้ นี้ ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ความเคลอื่ นไหวทางการเมอื ง ทแี่ ตกตา่ งจากการเลอื กตง้ั ครง้ั กอ่ นและพฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั ของคนสงขลาไดเ้ ปลยี่ นแปลงไปดว้ ย ท�ำให ้ ผู้สมัครรับเลือกต้ังที่ชนะเลือกตั้งสังกัดพรรคพลังประชารัฐ 4 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน และ พรรคภูมิใจไทย 1 คน ในขณะท่ีในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ชนะในทุกเขตเลือกตั้งนับตั้งแต่การเลือกตั้ง 13 กันยายน 2535 เป็นต้นมา ค�ำส�ำคัญ: การเลือกตั้งส.ส. สงขลา 2562, ทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล, อตั ลักษณข์ องพรรคการเมอื ง
19 Abstract “The Study of Political Activities and Electoral Behaviors in the 2019 General Election in Songkhla Province” on March 24, 2019, which is the first election under the Constitution of the Kingdom of Thailand B.E. 2560 (2017) after the coup by the National Council for Peace and Order (NCPO) led by General Prayut Chan-o-cha and after that became prime minister. The objectives of this research are 4 : 1) studying the political activities and behaviors of political candidates in Songkhla Province, 2) studying the political situation, political activities, changes in political behavior, patterns of political behavior of people and political groups in relation to the election in Songkhla Province, 3) studying the behavior of using various resources in relation to the election in Songkhla Province, 4) studying the change of political power, party membership realignment, factors affected to political decisions and analysis of the election results in Songkhla Province. This research applied a qualitative research methodology in which the researcher accesses data and collects data into 2 parts, namely document data collection and field data collection, the details are : 1) Collecting data from documents such as newspapers, articles, theses, research works, online data, social media data, etc., 2) Gathering field data. Researcher will collect the data using non-structured interview from candidates and the working group. Media and political observers, 3) Non-participation observation, such as the campaign of the candidates and campaign assistant, campaign speech and voting. This research used rational choice theory instead of party identification concept which has described political activities and electoral behaviors in Songkhla since the election of
20 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 13 September 1992 until 3 July 2011. These elections the Democrat Party has always held a monopoly popularity in all constituencies but the 24 March 2019 election could no longer be explained by party identification concept due to the enormous political changes in Songkhla that caused the Democrat Party, which had previously been MPs in all 8 constituencies won the election only 3 seats. The results of the studies answered the objectives of the research. Political, economical and societal contexts in this election, which is 8 years away from the last election, has many changes from the past. Resulting in political activities and leading to changes in the voting behavior in Songkhla. Instead of having ties with the Democrat Party like in the past, as explained by the party identification concept but voters changed voting behavior according to the explanation of rational choice theory. The political context, such as MMA electoral systems has made the most candidates in all constituencies so that voters more options to choose their representatives than in the past. At the same time, there is a problem of unity within the Democratic Party both at the national level and constituency level, resulting in rarely cooperation in the election campaign. In the economical context, economic deterioration relates to the boredom of the former Democrat MPs, who voters has believed are not acting as a representative for bringing the problems of the people to the government. Therefore voters want to change MPs and political parties. While voters who received state welfare card fear that if the Palangpracharath Party (PPRP) and General Prayut unable to form government and become prime minister, it will cause the termination of the card. Therefore, many voters support PPRP that has party platform on state welfare card which is the same policy of government. In the societal context, this election is the first time that social media is used to campaign for candidates and political parties. The social media is highly efficient and effective, especially among young people who are first voters, almost of them deeply impress in Future Forward Party (FFP) so that the candidates in every constituency receive a high level of votes that affect to Democrat Party. From various contexts as mentioned above causing a development that is different from previous elections and also the behaviors of Songkhla’s people have changed. Electoral results are the PPRP won 4 seats, Democrat Party won 3 seats and Bhumjaithai Party (BJT) won 1 seat while in the past the Democrat Party won every constituencies since the 13 September 1992 election. Keywords: Songkhla’s election 2019, rational choice theory, party identification.
21 สารบัญ หน้า ค�ำน�ำสถาบันพระปกเกล้า 3 กิตตกิ รรมประกาศ 5 บทสรปุ ผบู้ รหิ าร 6 Executive Summary 11 บทคดั ย่อภาษาไทย 17 บทคัดยอ่ ภาษาอังกฤษ 19 สารบัญ 21 สารบญั ภาพ 24 สารบัญตาราง 25 บทท่ี 1 บทน�ำ 27 ความเป็นมาและความส�ำคญั ของการศกึ ษา 27 วัตถปุ ระสงค ์ 28 ขอบเขตของการศกึ ษา 29 ประโยชน์ของการศึกษา 30
22 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฎที ่ีเกี่ยวข้อง 23 แนวคดิ เร่อื งการเลือกตัง้ 23 ระบบการเลอื กตง้ั 36 1. ระบบพหนุ ิยมหรือระบบเสียงข้างมากธรรมดา 38 2. ระบบเสยี งข้างมากเด็ดขาด 42 3. ระบบสัดส่วน 44 4. ระบบผสม 48 5. ระบบอ่ืนๆ 50 ระบบการเลอื กตั้งของไทยตามรฐั ธรรมนูญ พทุ ธศักราช 2560 : ระบบจัดสรรปันสว่ นผสม 52 แนวคดิ ทฤษฎอี ัตลักษณ์ต่อพรรคการเมอื ง 56 แนวคดิ ทฤษฎกี ารตัดสินใจเลอื กอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล 57 แนวคิดว่าด้วยความสมั พันธร์ ะหวา่ งบริบทหรอื โครงสรา้ งกบั ผู้กระท�ำ 58 บริบททางการเมอื ง เศรษฐกิจและสังคมของการเลือกตง้ั 24 มีนาคม 2562 59 กรอบแนวคิดในการศกึ ษาวจิ ยั 60 บทท่ี 3 ระเบียบวธิ วี จิ ัย 63 การเกบ็ รวบรวมข้อมูลเชงิ คณุ ภาพ 64 เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั 65 การตรวจสอบข้อมูล 66 การวิเคราะหข์ อ้ มลู 65 บทที่ 4 ผลการวิจัย 67 บริบทของการเลือกตงั้ 24 มนี าคม 2562 68 บรบิ ททางการเมอื ง 68 - ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม 68 - คนวยั หนุ่มสาวผูม้ สี ิทธเิ ลือกตั้งครัง้ แรก 72
23 บริบททางเศรษฐกิจ : ภาวะเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ 74 บรบิ ททางสังคม : สื่อสังคมออนไลน์ (social media) 76 ปจั จยั ภายในพรรคประชาธปิ ตั ย์ 78 ทศั นคติของประชาชนท่ีมตี ่ออดตี ส.ส 85 นโยบายพรรค 86 ผ้สู มัครและกลยทุ ธก์ ารหาเสยี ง 87 การปราศรยั ใหญ่ 114 ความสมั พนั ธ์ของผูส้ มคั รในระบบเขตเลือกต้ังกบั ผสู้ มคั รในระบบบัญชรี ายชอ่ื 119 ส่ือมวลชน 121 ผลการเลอื กตั้ง 122 สรปุ 125 บทท่ี 5 สรปุ อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ : บริบททางการเมือง เศรษฐกิจ 127 และสงั คมทีเ่ ปลย่ี นแปลง คนสงขลาจงึ เปลยี่ นไป 127 สรปุ ผลการวจิ ัย 134 การอภปิ รายผลการวจิ ัย 149 ข้อเสนอแนะ 151 บรรณานกุ รม 157 ประวัตนิ กั วิจยั
24 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา สารบัญภาพ หน้า ภาพท่ี 2.1 กรอบแนวคดิ การวิจัย 25 ภาพที่ 4.1 บรรยากาศวนั รบั สมัครเลอื กตงั้ 4 กมุ ภาพันธ์ 2562 30 ณ อาคารศูนยเ์ กียรติพฒั น์ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดสงขลา 31 ภาพที่ 4.2 การเปดิ ศนู ยป์ ระสานงานเขตเลือกตั้งท่ี 1 ของพรรคเสรีรวมไทย 33 ภาพท่ี 4.3 ผลการส�ำรวจความคดิ เห็นทางการเมอื งของหนงั สอื พิมพ์โฟกัส ภาคใต้ 36 ท่ีสะทอ้ นความคดิ เห็นของผู้มีสทิ ธเิ ลือกตั้งครั้งแรก 41 ภาพท่ี 4.4 ผลส�ำรวจความคดิ เห็นของประชาชนภาคใต้ต่อปญั หาเร่งด่วน ทต่ี ้องการใหร้ ฐั บาลใหมแ่ ก้ไข ภาพที่ 4.5 ผลการหย่งั เสียง(primary vote) เพื่อหาผูส้ มคั รรบั เลือกตง้ั ของพรรคประชาธิปัตย์ สงขลา เขต 1 ภาพที่ 5.1 ความนยิ มของผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ครง้ั แรกต่อ ธนาธร จึงรงุ่ เรอื งกิจ หัวหนา้ พรรคอนาคตใหม่ในการปราศรยั ใหญท่ ่ี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมอ่ื วันท่ี 2 มนี าคม 2562
25 สารบัญตาราง หน้า ตารางท่ี 5.1 เปรยี บเทยี บคะแนนของผูส้ มคั รในการเลอื กต้งั ปี 2554 กบั ปี 2562 86
26 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา
27 บทที่ 1 ความเป็นมาและความส�ำคัญของการศึกษา การเลือกตั้งเม่ือวันท่ี 24 มีนาคม 2562 เป็นการเลือกต้ังคร้ังแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ซ่ึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกร่างขึ้นภายใต้บรรยากาศหลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทน่ี �ำโดยพลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา และขนึ้ ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกรฐั มนตรอี กี ดว้ ย บทบญั ญตั ขิ อง รัฐธรรมนูญฉบับน้ีมีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 โดยในส่วนของระบบเลือกตั้งน้ัน เป็นคร้ังแรกท่ีมีการใช้ระบบจัดสรรปันส่วน ผสม (Mixed Member Apportionment system หรือ MMA) อีกท้ังยังเป็นการเลือกตั้งคร้ังแรกหลังจาก ห่างเหินจากการเลือกต้ังคร้ังล่าสุดเม่ือปี 2554 ยาวนานถึง 8 ปี ดังนั้น การเลือกตั้งในครั้งน้ีจึงมีความ นา่ สนใจในการศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื ใหเ้ หน็ ถงึ พฒั นาการของการเมอื งไทยในดา้ นการเลอื กตงั้ ซงึ่ จะสง่ ผลกระทบ ต่อภาพรวมของการเมอื งไทย ในสว่ นของจงั หวดั สงขลา ซงึ่ เปน็ หนง่ึ ในจงั หวดั ทมี่ คี วามส�ำคญั ของภาคใต้ การเลอื กตงั้ ครงั้ น ้ี มคี วามเคลื่อนไหวทนี่ า่ สนใจหลายประเดน็ อยา่ งทท่ี ราบกนั โดยท่ัวไปว่า พรรคประชาธปิ ัตยเ์ ป็นพรรคท่ี ครองความนยิ มและผกู ขาดในพน้ื ทภ่ี าคใตม้ าอยา่ งยาวนาน นบั ตง้ั แตก่ ารเลอื กตง้ั เมอื่ วนั ที่ 13 กนั ยายน 2535 หรือท่ีนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า การเลือกต้ังปี 2535/2 เน่ืองจากในปีน้ันมีการเลือกต้ังถึง 2 คร้ัง จนกระทง่ั ลา่ สดุ ในการเลอื กตงั้ เมอื่ วนั ที่ 3 กรกฎาคม 2554 แตใ่ นการเลอื กตงั้ เมอื่ วนั ท่ี 24 มนี าคม 2562 ภายใตร้ ะบบการเลอื กตงั้ ใหมน่ ี้ ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ พรรคการเมอื งทเ่ี สนอตวั สง่ ผสู้ มคั รในพน้ื ทภ่ี าคใต้ และจงั หวดั สงขลามากกว่า 30 พรรค ในขณะท่ีพรรคประชาธิปัตย์เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในในบางเขตเลือกตั้ง เชน่ เขตเลอื กตั้งที่ 1 อ�ำเภอเมืองสงขลา กรรมการบรหิ ารพรรคลงมติไมส่ ง่ อดตี ส.ส. 4 สมัย วัย 60 คอื เจอื ราชสหี ์ ลงสมคั ร หลงั จากด�ำเนนิ การหยงั่ เสยี งเพอื่ หาตวั ผสู้ มคั รหรอื ท�ำไพรมารี่ โหวต (primary vote) แลว้ โยกใหไ้ ปลงสมคั รในระบบบญั ชรี ายชอ่ื แทน โดยคนทไ่ี ดล้ งสมคั รแทนคอื สรรเพชญ บญุ ญามณี วยั 28
28 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา บตุ รชายของนพิ นธ์ บญุ ญามณี นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั สงขลาและรองหวั หนา้ พรรคประชาธปิ ตั ย์ หรอื ในเขตเลอื กตงั้ ที่ 3 ซง่ึ เปน็ เขตเดมิ ของอดตี ส.ส.วริ ตั น์ กลั ยาศริ ิ แตก่ วา่ ทกี่ รรมการบรหิ ารพรรคจะตดั สนิ ใจ ให้วิรัตน์ ลงสมัครได้ก็เป็นวันสุดท้ายของการปิดรับสมัคร เนื่องจากเกิดปัญหาในการคัดสรรตัวผู้สมัคร มกี ารเปลี่ยนแปลงไปมาหลายคร้ัง ไม่วา่ จะเปน็ การตดั สนิ ใจให้พล.ต.ท. สาคร ทองมณุ ี อดีตผู้บัญชาการ ต�ำรวจทอ่ งเทยี่ ว ไพร พฒั โน นายกเทศมนตรนี ครหาดใหญท่ ปี่ ระกาศลาออก เพอื่ ลงสมคั รตามมตพิ รรค แต่ในท่สี ุดพรรคกลบั เปล่ยี นแปลงให้วิรตั น์ ลงสมคั รเหมือนเดมิ นอกจากน้ี การเลอื กตงั้ ครงั้ น้ี ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั สงขลามพี รรคการเมอื งหลายพรรค ทด่ี �ำเนนิ งาน ทางการเมืองอย่างแข็งขัน โดยหวังท่ีจะเอาชนะเหนือพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ ซึ่งมีความแตกต่างจาก การเลอื กตงั้ ครง้ั กอ่ นๆ ทพี่ รรคการเมอื งตา่ งๆ ไมไ่ ดท้ �ำกจิ กรรมทางการเมอื งอยา่ งจรงิ จงั เพราะไมเ่ ชอ่ื มน่ั วา่ พรรคของตนเองจะสามารถเอาชนะพรรคประชาธปิ ตั ย์ได้ อีกท้ัง จากการสังเกตและส�ำรวจจากสื่อมวลชนทั้งระดับชาติและท้องถ่ิน พบว่าประชาชน มีความต่ืนตัวทางการเมืองสูง ต้องการการเลือกต้ังเพราะว่างเว้นมาอย่างยาวนานถึง 8 ปี โพลล์ส�ำรวจ ความคิดเห็นทางการเมืองจากส่ือมวลชนในพ้ืนท่ี พบว่าการเลือกตั้งคร้ังนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชน จะตดั สนิ ใจเลอื กโดยพจิ ารณาจากนโยบายของพรรค ตอ้ งการเลอื กผสู้ มคั รใหม่ พรรคการเมอื งใหมใ่ นสดั สว่ น ที่สูงกว่าพรรคการเมืองเดิมในอดีต ย่อมเป็นเคร่ืองบ่งชี้ว่า การเลือกต้ังในคร้ังนี้จะเกิดการเปล่ียนแปลง ทางการเมืองในจงั หวัดสงขลา วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ศกึ ษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื ง และพฤตกิ รรมทางการเมอื งของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชิกผู้แทนราษฎรในจังหวัดสงขลา 2. เพ่ือศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงของ พฤติกรรมทางการเมือง แบบแผนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชน และกลุ่มการเมืองในส่วน ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรในจังหวัดสงขลา 3. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในส่วนที่เก่ียวข้องกับการเลือกต้ังสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในจงั หวดั สงขลา 4. เพอื่ ศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงของขว้ั อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ยพรรคการเมอื ง ปจั จยั ทสี่ ง่ ผล ตอ่ การตดั สนิ ใจทางการเมอื ง รวมทงั้ การวเิ คราะหผ์ ลการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั สงขลา
29 ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตดา้ นเวลา ขอบเขตด้านเวลาของการศึกษาประกอบไปด้วย การศึกษาต้ังแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ชว่ งระหวา่ งการมพี ระราชกฤษฎกี าก�ำหนดใหม้ กี ารเลอื กตง้ั วนั เลอื กตง้ั จนถงึ ประมาณ 1 เดอื น ภายหลงั จากคณะกรรมการเลอื กต้งั ประกาศรบั รองผลการเลือกตง้ั อยา่ งเป็นทางการในจังหวดั สงขลา 2. ขอบเขตประชากร ประชากรที่ท�ำการศกึ ษาไดแ้ ก่ ผลู้ งสมคั รรบั เลอื กตงั้ ส่อื มวลชน คณะกรรมการการเลอื กตั้ง และองค์กรอ่ืนๆ ท่ีมีอิทธิพลในการเลือกต้ัง ตลอดจนความตื่นตัวทางการเมือง การเข้ามีส่วนร่วม และพฤติกรรมการเลอื กตง้ั ของประชาชนในจังหวดั สงขลา 3. ขอบเขตพืน้ ที่ เขตเลือกตั้งทุกเขตในจังหวดั สงขลา 4. ขอบเขตเน้ือหา 1. พฤติกรรมการเลอื กต้ัง ศึกษาวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ในทุกประเด็น เช่น การเลือกตั้งในครั้งนี้มีความเหมือน หรอื แตกตา่ งจากการเลอื กตงั้ ทเี่ คยผา่ นมาในพน้ื ทจ่ี งั หวดั สงขลาหรอื ไม่ มปี ระเดน็ ใดบา้ ง มกี ารเปลย่ี นแปลง ที่ส�ำคัญในเร่ืองใด และส่งผลกระทบส�ำคัญในเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างไร นอกจากน้ียังศึกษา ความแตกต่างหลากหลาย (diversity) ของผู้สมัคร ในมิติความหลากหลายทางเพศ ชาติพันธุ์ ลักษณะ ทางกายภาพ (พกิ าร) และการท�ำงานในพ้ืนที่ รวมถงึ การแข่งขันทางการเมอื งทั้งในส่วนทีส่ ามารถเห็นได้ ชดั เจน เชน่ การรณรงคห์ าเสยี ง กลยทุ ธ์ วธิ กี าร การน�ำเสนอนโยบาย ตลอดจนการแขง่ ขนั ในสว่ นทป่ี ดิ บงั เชน่ การซื้อเสยี ง การใชอ้ ทิ ธิพลของหนว่ ยงาน การแทรกแซงดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ เปน็ ต้น 2. การตงั้ ม่นั ของความเป็นพรรคการเมือง 1) โดยศึกษาการแข่งขันทางการเมือง โครงสร้างของตระกูลการเมือง หรือเครือข่าย ทางการเมอื งในเขตพน้ื ทจ่ี งั หวดั วา่ มกี ารเปลยี่ นแปลงสงั กดั พรรคการเมอื งจากการ เลอื กต้ัง 3 ครงั้ ท่ผี ่านมาหรือไม่ และหากมีการเปล่ยี นแปลง อะไรคอื ปัจจัยทีท่ �ำให้ เกิดการเปลยี่ นแปลง แต่ถ้าหากไม่มกี ารเปลยี่ นแปลง โปรดระบุสาเหตุที่ผู้สมคั รรบั เลอื กตงั้ หรอื เครอื ขา่ ยการเมอื งเดมิ ยงั คงอยใู่ นพรรคการเมอื งเดมิ โดยไมเ่ ปลย่ี นแปลง
30 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 2) การเปล่ียนแปลงพรรคการเมืองของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือเครือข่ายทางการเมือง มีผลต่อรูปแบบการแพ้ชนะ ของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไร หากไม่มี อะไรคือ ปัจจัยทีท่ �ำให้ผลของการเลอื กตง้ั ออกมาในรูปแบบน้ัน 3) การทแี่ ตล่ ะพรรคตอ้ งด�ำเนนิ นโยบายตามยทุ ธศาสตรช์ าติ มผี ลท�ำใหน้ โยบายของแตล่ ะ พรรคในเขตพื้นที่มีความแตกต่างกันหรือไม่ ในส่วนของนโยบายพรรคท่ีแตกต่างกัน มีอิทธิพลต่อการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังของผู้ลงคะแนนเสียงหรือไม่ หากเปรียบเทียบ กับปัจจัยด้านตัวบุคคลของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง นโยบายพรรคหรือตัวบุคคลมีอิทธิพล ต่อการตัดสนิ ใจของผู้ลงคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ มากกวา่ กัน 4) สภาพการณ์ท่ีเปลี่ยนไปของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ซ่ึงส่ิงต่างๆ เหล่านี้ท�ำให้ ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มีความนิยม หรือมีความผูกพันกับพรรคการเมืองต่างไปจาก การเลือกต้ังครั้งที่แล้วหรือไม่ ท้ังนี้เพื่อค�ำถามว่า 8 ปีท่ีไร้การเลือกต้ังนั้น ความเป็น พรรคการเมือง หรือความนิยมในพรรคการเมือง ยังสามารถฝังรากลึกในสังคมไทยได้ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ประโยชน์ของการศึกษา 1. เพอื่ ทราบถงึ ความเคลอื่ นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมทางการเมอื งของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชิกผูแ้ ทนราษฎรในจงั หวัดสงขลา 2. เพอื่ ทราบถงึ ความเคลอื่ นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ การเปลยี่ นของพฤตกิ รรม ทางการเมือง แบบแผนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชน และกลุ่มการเมืองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การเลือกตงั้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวัดสงขลา 3. เพ่ือทราบถึงพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในจงั หวดั สงขลา 4. เพอ่ื ทราบถงึ การเปลย่ี นแปลงของขว้ั อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ยพรรคการเมอื ง ปจั จยั ทส่ี ง่ ผล ตอ่ การตดั สนิ ใจทางการเมอื ง รวมทงั้ การวเิ คราะหผ์ ลการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั สงขลา 5. เพ่ือน�ำความรู้ท่ีได้มาใช้ในการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย เช่น ด้านพรรคการเมือง ด้าน การหาเสยี งเลอื กตงั้ ดา้ นความตระหนกั รขู้ องประชาชน ดา้ นการจดั การเลอื กตง้ั ของหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
31
32 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา
33 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้อง งานวิจัยเร่ืองการศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. 2562 จงั หวดั สงขลา ผวู้ จิ ยั ไดใ้ ชแ้ นวคดิ ทฤษฎมี าใชเ้ ปน็ แนวทางในการศกึ ษา ดงั นี้ 1. แนวคิดเร่ืองการเลือกต้ัง ในระบอบประชาธิปไตยรูปแบบตัวแทน (representative democracy) น้ันนับว่าการเลือกตั้ง เปน็ หนง่ึ ในองคป์ ระกอบทส่ี �ำคญั ถงึ ขนาดทกี่ ลา่ วไดว้ า่ หากปราศจากการเลอื กตง้ั กไ็ มน่ บั วา่ เปน็ ประชาธปิ ไตย ในรปู แบบนี้ หรอื กลา่ วอกี นยั หนง่ึ ไดว้ า่ การเลอื กตงั้ เปน็ องคป์ ระกอบทสี่ �ำคญั หรอื ปจั จยั ทข่ี าดไมไ่ ด้ (decisive factor) ในขณะทอ่ี งคป์ ระกอบหรอื ปจั จยั อนื่ ๆ เปน็ เพยี งปจั จยั หรอื องคป์ ระกอบทเ่ี พยี งพอ (sufficiency factor) เทา่ นนั้ หากขาดซงึ่ องคป์ ระกอบหรอื ปจั จยั นคี้ วามเปน็ ประชาธปิ ไตยรปู แบบตวั แทนกข็ าดความสมบรู ณ์ อย่างยง่ิ เน่อื งจากการเลือกตัง้ มบี ทบาทหนา้ ทหี่ ลายประการดงั นี้ (Heywood, 2002: 230-231) 1. การเลือกสรรนักการเมือง (recruiting politicians) การเลือกตั้งเป็นช่องทางส�ำคัญในการเลือกสรรตัวแทนทางการเมืองเพื่อไปท�ำหน้าท่ี ในด้านนิติบัญญัติและหรือในด้านการบริหาร โดยกระบวนการเร่ิมต้นตั้งแต่การเข้าเป็นสมาชิกพรรค ท่ีตนเองสนใจและชื่นชอบในนโยบาย อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคแล้วเสนอตัวต่อพรรคเพ่ือให้ พรรคพิจารณาคุณสมบัติ ประสบการณ์ในด้านต่างๆ จนกระท่ังพรรคตัดสินใจส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง เพอ่ื ให้ประชาชนเปน็ ผ้ตู ดั สินใจเลอื กในทา้ ยทีส่ ุด
34 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 2. การสรา้ งรฐั บาล (making government) ในระบอบประชาธิปไตยระบบประธานาธิบดี ซ่ึงประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังเลือกผู้บริหาร โดยตรง การเลือกต้ังมีความชัดเจนในแง่ของการเลือกผู้ท่ีจะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ส่วนในระบอบ ประชาธิปไตยระบบรัฐสภา ประเทศที่ใช้รูปแบบการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากธรรมดา แบบแบ่งเขต เขตละ 1 คน และการเมืองมีแนวโน้มเป็นระบบ 2 พรรค กม็ ีความชดั เจนพอสมควรว่า พรรคทีไ่ ด้รบั การ ยอมรบั จากประชาชนจนชนะการเลอื กตง้ั ไดเ้ สยี งขา้ งมากจะไดเ้ ปน็ รฐั บาล แตป่ ระเทศทใ่ี ชร้ ะบบการเลอื กตง้ั แบบสัดส่วน รัฐบาลมักจะเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งตกลงกันหลังเลือกต้ังว่าจะจัดสรรต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ อย่างไร ความชัดเจนของการเลือกต้ังในแง่ของการสร้างรัฐบาลจึงต่างจาก ระบบประธานาธิบดี 3. การมีอิทธิพลตอ่ นโยบาย (influencing policy) การเลือกต้ังเป็นโอกาสในการสะท้อนความคิด ความเห็นของประชาชนที่มีต่อนโยบาย และ การด�ำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และนโยบายของพรรคอื่นๆ ท่ีเสนอตัวแข่งกับพรรครัฐบาล ซงึ่ กค็ อื การมอี ทิ ธพิ ลตอ่ นโยบายนนั่ เอง เนอ่ื งจากในการหาเสยี งเลอื กตงั้ ตวั แทนของพรรคการเมอื งตา่ งๆ จะน�ำเสนอนโยบายของตนให้ผู้มีสิทธิเลือกต้ังได้รับทราบผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสื่อมวลชนกระแสหลัก เชน่ วทิ ยุ โทรทศั น์ หนงั สอื พมิ พร์ ายวนั และสอื่ กระแสรองซงึ่ ก�ำลงั มบี ทบาทและอทิ ธพิ ลสงู ยงิ่ ในปจั จบุ นั เพราะสามารถเข้าถึงคนกลุ่มต่างๆ อีกท้ังยังสามารถเลือกรับชม ฟัง อ่าน เม่ือใดก็ได้ท่ีสะดวกผ่าน ช่องทางสือ่ สงั คมออนไลน์ (social media) เช่น เฟสบคุ๊ ไลน์ ทวิตเตอร์ ยูทูบ เปน็ ต้น 4. การให้การศกึ ษา เรยี นรแู้ กผ่ มู้ สี ทิ ธิเลอื กต้ัง (educating voters) กระบวนการของการหาเสียงเลือกตั้งเป็นชอ่ งทางในการน�ำเสนอข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับพรรค นโยบายพรรค ตัวผู้สมัคร ผลงานของรัฐบาลท่ีผ่านมา ตลอดจนประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อท่าที ของพรรครัฐบาลและพรรคการเมืองอ่ืนๆ ช่วยให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ทางการเมืองเพ่ิมมากข้ึนจาก สภาวะปกตทิ ไี่ มม่ กี ารเลอื กตง้ั เนอ่ื งจากในบรรยากาศของการหาเสยี งเลอื กตงั้ ผสู้ มคั รและพรรคการเมอื ง จะใช้ช่องทางต่างๆ ในการสื่อสารทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการปิดโปสเตอร์ แผ่นป้ายหาเสียง การเดิน หรือข้ึนรถแห่เพื่อแนะน�ำตัว การน�ำเสนอผ่านช่องทางส่ือสังคมออนไลน์ในรูปของข้อความ ภาพนิ่ง หรือคลปิ วดิ ีโอ ตลอดจนการแสดงความคดิ เห็น แลกเปลย่ี นทศั นะและนโยบายของพรรคในเวทถี กเถียง แสดงความคดิ เหน็ (debate) ของสถานโี ทรทศั นช์ อ่ งตา่ งๆ เหลา่ นยี้ อ่ มสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรใู้ หเ้ กดิ ขนึ้ ในหม่ปู ระชาชนผู้มสี ทิ ธิเลอื กตง้ั 5. การสรา้ งความชอบธรรม (building legitimacy) เหตุผลหน่ึงท่ีท�ำให้ประเทศที่เป็นเผด็จการท้ังหลายยังต้องจัดให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทั้งๆ ท ี่ ไมเ่ ปน็ ไปตามหลกั การประชาธปิ ไตย ดงั เชน่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในประเทศทปี่ กครองในระบอบคอมมวิ นสิ ตท์ ง้ั หลาย
35 หรอื ประเทศทป่ี กครองในระบอบประชาธปิ ไตยแตเ่ กดิ การรฐั ประหาร ท�ำใหร้ ฐั บาลทขี่ น้ึ มาบรหิ ารประเทศ และสมาชกิ รฐั สภาไมไ่ ดม้ าจากการเลอื กตงั้ แตใ่ นทา้ ยทส่ี ดุ กเ็ ขา้ สกู่ ระบวนการเลอื กตงั้ กเ็ พอื่ ตอ้ งการสรา้ ง ความชอบธรรมทางการเมอื ง ใหป้ ระชาชนทงั้ ในและตา่ งประเทศยอมรบั การมอี �ำนาจบรหิ ารประเทศของ รัฐบาล ขณะท่ีประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสามารถอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าเป็นรัฐบาลท่ีได้รับอาณัติ (mandate) จากประชาชนใหบ้ รหิ ารประเทศได้เพราะผา่ นกระบวนการส�ำคัญคือ การเลอื กต้ังมาแล้ว การเลือกต้ังซึ่งเป็นหน่ึงในองค์ประกอบที่ส�ำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รปู แบบตวั แทน ตอ้ งมวี ธิ กี ารไดม้ าของตวั แทนทบี่ รสิ ทุ ธ์ิ ยตุ ธิ รรม โปรง่ ใส ไมเ่ ชน่ นนั้ แลว้ ยอ่ มจะท�ำใหเ้ กดิ ข้อกังขาที่มีต่อประชาธิปไตยรูปแบบน้ี อีกทั้งการเลือกต้ังเพื่อให้ได้ตัวแทนไปท�ำหน้าท่ีบัญญัติกฎหมาย หรือการบริหารประเทศนั้นไม่ได้ มีเฉพาะในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ดังท่ีได้ กล่าวมาแล้วในข้อที่ 5 ข้างต้นว่า ประเทศที่ปกครองในรูปแบบอ่ืนๆ ก็มีการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน เช่น จนี หรอื สหภาพโซเวยี ตในอดตี ซง่ึ ปกครองในระบอบคอมมวิ นสิ ตต์ า่ งกม็ กี ารเลอื กตง้ั ดงั นนั้ การเลอื กตง้ั ในระบอบประชาธปิ ไตยมคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะตอ้ งมคี วามแตกตา่ งจากการเลอื กตง้ั ในระบอบการเมอื ง แบบอน่ื โดยมหี ลกั การทส่ี �ำคัญดังน้ี 1. หลักความอิสระแห่งการเลือกตง้ั (freedom of election) การออกเสียงเลือกต้ังจะต้องเป็นไปโดยอิสระปราศจากการบังคับหรือการกระท�ำใดๆ ที่เป็น เหตุให้การเลือกต้ังถูกบิดเบือนไปจากเจตจ�ำนงที่แท้จริงของผู้ออกเสียงเลือกต้ัง เพ่ือให้การออกเสียง เลอื กตงั้ นนั้ เปน็ ไปตามความตอ้ งการของประชาชนอยา่ งแทจ้ รงิ วา่ เขาตอ้ งการเลอื กใคร จากพรรคการเมอื งใด เปน็ ตัวแทนของเขาอยา่ งแทจ้ รงิ 2. หลกั การเลอื กตง้ั ตามกำ�หนดระยะเวลา (periodic election) การเลอื กตงั้ จะตอ้ งมกี �ำหนดเวลาทแ่ี นน่ อน เชน่ ก�ำหนดใหม้ กี ารเลอื กตงั้ โดยปกตทิ กุ 4 ปี หรอื 5 ปี เป็นตน้ เวน้ แต่เกดิ กรณีการยุบสภา ซึง่ จะน�ำไปสกู่ ารเลือกตัง้ ก่อนระยะเวลาท่ีก�ำหนดไว้ 3. หลกั การเลอื กตง้ั อยา่ งแทจ้ รงิ หรอื การเลอื กตงั้ ทยี่ ตุ ธิ รรม (genuine election) รฐั บาลมหี นา้ ทส่ี �ำคญั ทจ่ี ะตอ้ งด�ำเนนิ การเลอื กตง้ั เปน็ ไปโดยบรสิ ทุ ธย์ิ ตุ ธิ รรมตามตวั บทกฎหมาย และจดั ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการด�ำเนนิ การเลอื กตงั้ ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ รวมทงั้ เปดิ โอกาสใหม้ กี ารคดั คา้ น การเลอื กตง้ั ได้ หากการเลอื กตั้งน้ันไมเ่ ป็นไปโดยบรสิ ทุ ธิย์ ุติธรรมอย่างแทจ้ รงิ 4. หลักการออกเสียงเลือกตงั้ เปน็ การทว่ั ไป (universal suffrage) การเปิดโอกาสให้มีการออกเสียงเลือกต้ังอย่างทั่วถึงแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยไม่น�ำปัจจัย ตา่ งๆ มาจ�ำกดั สทิ ธิ เชน่ สผี วิ เพศ สถานภาพทางเศรษฐกจิ ศาสนา เวน้ แตท่ มี่ ขี อ้ จ�ำกดั อนั เปน็ ทย่ี อมรบั ทัว่ ไป เช่น ไมใ่ หส้ ิทธเิ ลือกตัง้ แกเ่ ด็กและบุคคลท่วี กิ ลจริต มีจิตบกพรอ่ ง เป็นต้น
36 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 5. หลักการเลอื กตงั้ อย่างเสมอภาค (equal suffrage) บุคคลทุกคนต่างล้วนมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งคนละหนึ่งเสียง และคะแนนเสียงทุกคะแนนม ี นำ้� หนกั เทา่ กัน ไมม่ บี ุคคลใดมีอภิสทิ ธิ์เหนอื บคุ คลอน่ื ๆ ทที่ �ำใหเ้ ขามสี ทิ ธอิ อกเสยี งเลือกตั้งมากกว่าและ คะแนนเสียงมนี ำ�้ หนกั มากกว่าบคุ คลอ่นื ๆ สรุป การเลือกต้ังในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นบรรทัดฐานท่ัวโลก จ�ำเป็นต้องค�ำนึงหรือให ้ ความส�ำคัญในแง่ของการท�ำให้การเลือกต้ังน้ันต้องเสรี มีความบริสุทธ์ิ ยุติธรรม หรือ Free and Fair ซ่ึงปรากฏใหเ้ ห็นในการรณรงค์การเลอื กตั้งท่วั โลกในชว่ งท่ผี ่านมา โดยเฉพาะในประเทศโลกท่ี 3 รวมถึง ประเทศไทยในการเลือกต้ังหลายๆ ครงั้ จนกระทั่งถึงการเลอื กตงั้ คร้ังลา่ สดุ ในปี 2562 นี้ 2. ระบบการเลือกต้ัง ระบบการเลือกต้ัง (electoral system) คือ รูปแบบของการลงคะแนนและการนับคะแนนหรือ การแปลงคะแนนของผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั เพอ่ื หาผชู้ นะในการเลอื กตง้ั (บฆู อรี ยหี มะ 2559) ระบบการเลอื ก ตง้ั จงึ เปน็ หนงึ่ ในปจั จยั ทส่ี �ำคญั ทม่ี ผี ลตอ่ การไดม้ าซงึ่ ตวั แทนของพรรคการเมอื งตา่ งๆ บางระบบเลอื กตง้ั เออ้ื อ�ำนวยตอ่ พรรคการเมอื งขนาดใหญ่ ซงึ่ มสี มาชกิ พรรคจ�ำนวนมากและยอ่ มมคี วามสมั พนั ธก์ บั จ�ำนวน เงินทุนในการหาเสียงเลือกต้ัง เพราะหากมีสมาชิกจ�ำนวนมาก ย่อมมีเงินทุนในการหาเสียงเลือกต้ังสูง โดยพรรคมรี ายไดใ้ นรปู แบบต่างๆ เชน่ ค่าบ�ำรุงสมาชกิ พรรค เงินบรจิ าค รายไดจ้ ากการขายของท่รี ะลกึ เปน็ ตน้ ในขณะทบ่ี างระบบเลอื กตงั้ ถกู ออกแบบมาเพอื่ ใหม้ ตี วั แทนจากคนกลมุ่ ตา่ งๆ ทวั่ ทงั้ สงั คมเพอื่ ให้ ไดเ้ ปน็ ปากเสยี งของประชาชนอยา่ งทวั่ ถงึ ระบบเลอื กตง้ั ทแี่ ตกตา่ งกนั ยงั เชอื่ มโยงกบั การจดั ตงั้ รฐั บาลวา่ จะเปน็ รฐั บาลพรรคเดยี ว รัฐบาลผสมน้อยพรรค หรอื รฐั บาลผสมหลายพรรค ดงั นน้ั การทแ่ี ตล่ ะประเทศจะตดั สนิ ใจเลือกใช้ระบบการเลอื กตั้งแบบใด มปี ระเดน็ ทีจ่ ะตอ้ ง พิจารณาหลายประเดน็ ดงั น้ี 1. ความเปน็ ตัวแทน ในทางทฤษฎีคนที่ได้รับการเลือกตั้งถือว่าได้รับอาณัติจากผู้ใช้สิทธิเลือกต้ัง ให้เป็นผู้เข้าไป ท�ำหนา้ ทแ่ี ทนตนเอง แตม่ ปี ระเดน็ ถกเถยี งวา่ เมอื่ พจิ ารณาสดั สว่ นคะแนนเสยี งทไ่ี ดร้ บั ผชู้ นะเลอื กตงั้ มคี วาม เปน็ ตวั แทนของคนทงั้ หมดหรอื ไม่ ซง่ึ ระบบเลอื กตงั้ ทแี่ ตกตา่ งกนั สะทอ้ นถงึ ความเปน็ ตวั แทนทแี่ ตกตา่ งกนั 2. ความรับผดิ ชอบและการถกู ตรวจสอบได้ ผู้ท่ีเป็นตัวแทนของประชาชนต้องรับผิดชอบและถูกตรวจสอบได้จากประชาชน จึงเกิด ข้อถกเถียงว่า ผู้แทนในเขตเลือกตั้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประชาชนย่อมต้องมีความรับผิดชอบ
37 และสามารถถูกตรวจสอบได้ง่ายกว่าระบบการเลือกตั้ง ที่ผู้แทนไม่ได้สัมพันธ์กับประชาชนโดยตรง เชน่ ระบบสดั สว่ น ระบบบญั ชรี ายชอื่ พรรค ขอ้ สรปุ คอื ระบบเลอื กตงั้ จ�ำเปน็ ตอ้ งเชอื่ มโยงระหวา่ งผเู้ ลอื ก กับผถู้ ูกเลือก 3. เสถียรภาพของรฐั บาล ระบบการเมอื งทม่ี เี สถยี รภาพเปน็ หนงึ่ ในความปรารถนาของประเทศทง้ั หลาย ซงึ่ ปจั จยั ประการ หนึ่งก็คือ การมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เป็นท่ีเช่ือกันว่า ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และมรี ฐั บาลพรรคเดยี ว ซงึ่ มกั จะเกดิ ขนึ้ ในประเทศทร่ี ะบบพรรคการเมอื งเปน็ ระบบ 2 พรรค (two party system) เปน็ รฐั บาลทมี่ เี สถยี รภาพมากกวา่ รฐั บาลผสมหลายพรรค (multiparty system) ซงึ่ การไดร้ ฐั บาล พรรคเดยี วหรือรฐั บาลผสมหลายพรรค ปจั จยั ส�ำคญั ประการหนง่ึ มาจากระบบการเลือกตง้ั 4. ความเท่าเทียมในโอกาสของการแข่งขนั ระหว่างพรรคการเมือง ในแงน่ ี้ ไมว่ า่ จะเปน็ พรรคการเมอื งขนาดใหญท่ มี่ ที รพั ยากรตา่ งๆ ในการแขง่ ขนั การเลอื กตงั้ สงู เหนือกว่าพรรคการเมืองขนาดเล็ก เช่น บุคลากร งบประมาณ แต่พรรคการเมืองขนาดเล็ก โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ พรรคทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะกลมุ่ เชน่ พรรคการเมอื งของชนกลมุ่ นอ้ ย พรรคการเมอื งของกลมุ่ อาชพี ต่างก็คาดหวังท่ีจะมีตัวแทนของตนเข้าไปท�ำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ระบบการเลือกตั้งที่แตกต่างกัน มผี ลตอ่ ความเทา่ เทยี มในโอกาสทจี่ ะไดร้ ับการเลือกตง้ั มีตวั แทนของพรรคในสภา 5. ความเหมาะสมกบั ศกั ยภาพของผ้ใู ชส้ ทิ ธิเลือกตง้ั ในแตล่ ะประเทศระดบั การศึกษาของประชาชนมคี วามแตกตา่ งกัน บางประเทศยงั มปี ระชาชน จ�ำนวนไม่น้อยท่ียังมีข้อจ�ำกัดในการอ่านออกเขียนได้ ระบบการเลือกตั้งบางระบบท่ีมีความซับซ้อน อาจสง่ ผลท�ำใหเ้ กดิ ปญั หาบตั รเสยี หรอื เปน็ โมฆะไมอ่ าจนบั เปน็ คะแนนได้ การเลอื กใชร้ ะบบการเลอื กตงั้ ว่าจะเปน็ แบบใดจงึ จ�ำเปน็ ต้องค�ำนึงถงึ ประเด็นนีด้ ว้ ย 6. ความสามารถในการจดั การเลอื กตง้ั ของหน่วยงานท่ีรบั ผิดชอบ ระบบการเลือกต้ังซ่ึงไม่เพียงเป็นการลงคะแนนเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนับคะแนนเพ่ือ หาผชู้ นะการเลอื กตง้ั การจดั การเลอื กตงั้ จงึ เปน็ เรอ่ื งทตี่ อ้ งอาศยั ความรคู้ วามช�ำนาญ ระบบการเลอื กตงั้ ย่ิงมีความซับซ้อนยิ่งต้องอาศัยความรู้ความช�ำนาญในการจัดการเลือกต้ังของเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้อง หากเลอื กระบบการเลอื กตง้ั ทมี่ คี วามซบั ซอ้ นมากกม็ คี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจี่ ะตอ้ งเตรยี มการใหห้ นว่ ยงาน ท่ีรับผิดชอบจัดฝึกอบรม ให้ความรู้แก่บุคลากรที่จะจัดการเลือกต้ังได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิเช่นนั้นแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการจดั การเลือกตง้ั อยา่ งมาก ระบบการเลือกต้ังท่ีใช้กันทั่วโลกในขณะนี้มี 4 ระบบหลัก และภายในระบบหลักยังแยก ออกเป็นระบบย่อยอีกเป็นจ�ำนวนมาก รวมทั้งยังมีระบบอื่นๆ ที่ไม่อาจจัดให้เข้ากับ 4 ระบบหลักได ้
38 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา ซงึ่ เมอ่ื พจิ ารณาในแตล่ ะระบบมรี ายละเอยี ดตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วโยงสมั พนั ธก์ บั ประเดน็ ตา่ งๆ ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ พอสังเขปดังน้ี (Reynolds, Reilly and Allis .2005. Pp.28-117., Carter and Farrell. “Electoral System and Election Management”. Cited In LeDuc, Niemi and Norris (Eds.) 2010. Pp. 25-44., Shugart and Wattenberg 2001) 2.1 ระบบพหนุ ิยมหรือระบบเสียงข้างมากธรรมดา ระบบพหุนิยม (plurality system) หรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า ระบบเสียงข้างมากธรรมดา (simple majority) เปน็ ระบบการเลือกตั้งทนี่ ับวา่ มีความเก่าแก่มากที่สุดกวา่ ระบบอืน่ ใด เกดิ ขึ้นและใชใ้ น การนับคะแนนก่อนจะเกิดพรรคการเมือง และเป็นระบบการเลือกตั้งเพียงระบบเดียวที่ใช้มาเป็นระยะ เวลายาวนานก่อนเกิดระบบการเลือกต้ังอ่ืนๆ ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงเน่ืองจากเข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก ซบั ซอ้ น เพราะผชู้ นะการเลอื กตง้ั คอื ผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนนสงู สดุ โดยไมค่ �ำนงึ วา่ จะไดค้ ะแนนเกนิ ครง่ึ ของผใู้ ชส้ ทิ ธิ เลือกตั้งท้ังหมดหรือไม่ ต้นแบบของระบบนี้คือ อังกฤษ และแพร่ไปยังยุโรปอีกหลายประเทศ โดยท่ัวไป แล้วระบบเสียงข้างมากธรรมดามักจะใช้กับการเลือกตั้งแบบเขตละ 1 คน จึงเรียกช่ือว่าระบบพหุนิยม ท่ีมีผู้แทน 1 คนต่อ 1 เขต (single member plurality system : SMP) แต่ในระยะต่อมาหลายประเทศ น�ำระบบน้ีไปใช้กับการเลือกตั้งที่แบ่งเป็นเขตเลือกต้ังท่ีมีผู้แทนมากกว่า 1 คน ท�ำให้ระบบนี้ถูกแบ่งออก เปน็ ระบบยอ่ ยได้ 3 ระบบคือ 2.1.1 ระบบผู้ได้ท่ี 1 ชนะเลือกตงั้ ระบบผู้ได้ที่ 1 ชนะเลือกต้ัง (First-Past-the-Post: FPTP) นี้เป็นระบบแรกสุด เก่าแก่ที่สุด ที่คิดค้นขึ้นใช้ในการเลือกตั้งตามท่ีได้กล่าวข้างต้น เป็นระบบที่ใช้ในการเลือกตั้งเขตละ 1 คน (single- member district) ระบบน้ีง่ายต่อการท�ำความเข้าใจแก่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ช่วยลดอัตราบัตรเสีย ทจี่ ะเกดิ จากการลงคะแนนผดิ เพราะสามารถลงคะแนนเลอื กไดเ้ พยี งหมายเลขหรอื ผสู้ มคั รเพยี งคนเดยี ว และไมย่ งุ่ ยากซบั ซอ้ นตอ่ คณะผจู้ ดั การเลอื กตง้ั ในการนบั คะแนนเสยี ง และแปลงคะแนนเสยี งไปเปน็ ทนี่ ง่ั เพราะผู้ชนะเลือกตั้งคือ ผู้ที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดในเขตเลือกต้ังนั้น โดยไม่ค�ำนึงว่าผู้ชนะเลือกตั้งจะ ได้รับคะแนนเสียงเท่าไหร่ เกิน 50% หรือไม่ ในกรณีมีผู้สมัครเพียง 2 คน แน่นอนว่าผู้ชนะเลือกตั้งคือ ผไู้ ดค้ ะแนนเสยี งเกนิ ครงึ่ แตห่ ากมผี สู้ มคั รจ�ำนวนมากกวา่ ผชู้ นะเลอื กตง้ั อาจไดร้ บั คะแนนเสยี งเพยี งเลก็ นอ้ ย เมื่อเทียบกับคะแนนเสียงที่รวมกันของผู้สมัครท้ังหมดท่ีแพ้เลือกต้ัง อย่างไรก็ตาม ระบบการเลือกตั้งน ้ี มที ง้ั ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี การตดั สนิ ใจวา่ จะเลอื กระบบการเลอื กตง้ั นไี้ ปใชห้ รอื ไม่ มปี ระเดน็ ตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง เพ่อื พิจารณาตามท่ผี เู้ ขยี นไดน้ �ำเสนอในเบ้อื งต้นแล้วดังน้ี
39 ข้อดีของระบบนี้ 1. ความรับผิดชอบและถูกตรวจสอบได้ (accountability) ระบบนี้ผู้ชนะเลือกตั้งถือว่าได้รับ อาณัติ (mandate) จากประชาชนในเขตเลือกต้ังจึงมีความชัดเจนในการต้องรับผิดชอบ ในการด�ำเนนิ งานเปน็ ตวั แทนของคนในพน้ื ทเี่ ขตเลอื กตง้ั และเกดิ ความชดั เจนตอ่ ประชาชน ในเขตเลอื กตง้ั ท่จี ะสอดส่อง ตรวจสอบการท�ำงานของผ้ทู ่ที �ำหน้าท่แี ทนตน 2. การเกดิ รฐั บาลทม่ี เี สถยี รภาพ ระบบการเลอื กตง้ั นมี้ ใี จโนม้ เอยี งน�ำไปสรู่ ะบบพรรคการเมอื ง (party system) แบบ 2 พรรค ซง่ึ มพี รรคการเมอื งขนาดใหญเ่ พยี ง 2 พรรค ทมี่ ผี แู้ ทนเขา้ สสู่ ภา หรอื หากมพี รรคท่ี 3 หรอื 4 ดว้ ย กม็ เี พยี งเลก็ นอ้ ย ดว้ ยเหตนุ จี้ ะมพี รรคทคี่ รองทน่ี ง่ั เกนิ ครงึ่ ในสภาได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว (single party government) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มากกว่ารฐั บาลหลายพรรค (multi party government) เชน่ องั กฤษ อินเดีย 3. การสรา้ งความเขม้ แขง็ และความเปน็ ปกึ แผน่ ตอ่ พรรคการเมอื งฝา่ ยคา้ น สบื เนอื่ งจากขอ้ ที่ 2 การเกิดระบบ 2 พรรค ท�ำใหพ้ รรคฝ่ายคา้ นเกดิ ประสทิ ธิภาพในการตรวจสอบ และถว่ งดุล รัฐบาล โดยเฉพาะการจัดต้ังรัฐบาลเงา เพ่ือติดตามการท�ำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด พร้อมทจี่ ะเปน็ รฐั บาลในการเลอื กตั้งครง้ั ตอ่ ไป 4. ความเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนส�ำหรับประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ระบบนี้ใช้ในการเลือกตั้ง เขตละ 1 คน ลงคะแนนเพยี ง 1 เลขหมาย จงึ ไมย่ ากหรอื ซบั ซอ้ นในการใชส้ ทิ ธิ ชว่ ยปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ บตั รเสยี ไดม้ าก ในขณะเดยี วกนั ผชู้ นะเลอื กตง้ั คอื ผไู้ ดค้ ะแนนสงู สดุ ในเขตเลอื กตง้ั ก็สรา้ งความเขา้ ใจได้ดแี ก่ประชาชนในเขตเลือกตัง้ วา่ ในที่สุดผแู้ ทนของตนคอื ใคร 5. ความสะดวก รวดเรว็ ในการจดั การเลอื กตงั้ ระบบนท้ี �ำใหค้ ณะผจู้ ดั การเลอื กตงั้ ทงั้ ในระดบั ชาติ และในระดบั เขตเลอื กตง้ั เกดิ ความสะดวก ไมย่ งุ่ ยากในการรณรงคท์ �ำความเขา้ ใจและเชญิ ชวน ประชาชนไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั และเกดิ ความรวดเรว็ ในการรวมคะแนนทผี่ สู้ มคั รเลอื กตง้ั ไดร้ บั จนสามารถประกาศผลการเลอื กตั้งวา่ ผู้สมคั รรายไดช้ นะเลือกต้งั ไดใ้ นเวลาอนั สั้น ข้อเสียของระบบน้ี 1. ปญั หาความเปน็ ตวั แทนของผไู้ ดร้ บั การเลอื กตง้ั เนอื่ งจากระบบการเลอื กตง้ั นผ้ี ชู้ นะเลอื กตงั้ คือผู้ได้คะแนนสูงสุด โดยไม่ค�ำนึงว่าจะได้คะแนนเสียงเกินคร่ึงของผู้มาใช้สิทธิเลือกต้ัง ดังนั้น ในกรณีท่ีมีผู้สมัครมากกว่า 2 คนเมื่อรวมคะแนนเสียงของผู้สมัครทุกคนท่ีแพ้ การเลือกต้ังจะมีคะแนนมากกว่าผู้ชนะการเลือกตั้ง จึงเกิดปัญหาการอ้างเร่ืองความเป็น ตวั แทนว่าผ้ชู นะการเลอื กตัง้ ไมใ่ ชต่ ัวแทนของประชาชนในเขตเลอื กต้งั อย่างแท้จริง
40 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 2. ปัญหาการไม่ได้สัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงรวมทุกเขตเลือกตั้ง ท่ีพรรคการเมืองได้รับ กับจ�ำนวนที่นั่งในรัฐสภา (disproportionality) พรรคท่ีชนะเลือกตั้งมีจ�ำนวนสมาชิกรัฐสภา เกนิ ครง่ึ จนไดจ้ ดั ตง้ั รฐั บาล กลบั มคี ะแนนรวมกนั ทงั้ ประเทศตำ�่ กวา่ พรรคการเมอื งทไ่ี ดจ้ �ำนวน ทนี่ งั่ รองลงมาหรอื พรรคฝา่ ยคา้ น ซง่ึ นกั วจิ ารณฝ์ า่ ยทไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยกบั ระบบนมี้ องวา่ สะทอ้ น ให้เห็นถงึ ความไมไ่ ด้สดั สว่ นระหวา่ งคะแนนเสียงกบั การจดั สรรท่ีนง่ั 3. การสรา้ งความเสยี เปรยี บใหก้ บั พรรคการเมอื งขนาดเลก็ ทม่ี จี �ำนวนสมาชกิ พรรคนอ้ ย มสี าขา พรรคทไ่ี มก่ ระจายทวั่ ประเทศ มงี บประมาณในการหาเสยี งไมม่ าก เชน่ พรรคการเมอื งทเ่ี ปน็ ตวั แทนชนกลมุ่ นอ้ ย หรอื พรรคการเมอื งในระดบั ทอ้ งถนิ่ โอกาสทพ่ี รรคการเมอื งขนาดเลก็ จะชนะเลือกต้ังในระบบเลือกต้ังที่มีผู้ชนะเพียงแค่ 1 คน ซ่ึงเป็นผู้ได้คะแนนสูงสุดนี้เป็น ไปได้ยากมาก ระบบการเลือกตั้งน้ีจึงถูกวิจารณ์ว่า ไม่สร้างความเท่าเทียมในโอกาสของ การแขง่ ขันทางการเมอื งระหว่างพรรคการเมอื งตา่ งๆ 4. การเกิดความรู้สึกว่าคะแนนเสียงของตนไร้ความหมายจนน�ำไปสู่การตัดสินใจไม่ไปใช้สิทธิ เลือกต้ัง ข้อนี้สัมพันธ์เก่ียวโยงกับข้อ (2) เมื่อผู้มีสิทธิเลือกต้ังเห็นว่า ผู้สมัครท่ีตนต้องการ จะเลือกเป็นผู้สมัครสังกัดพรรคการเมืองขนาดเล็ก การใช้สิทธิเลือกตั้งของตนจะสูญเปล่า ไร้ความหมายในทางการเมืองเพราะผู้สมัครไม่มีโอกาสท่ีจะชนะเลือกตั้งได้จึงน�ำไปสู ่ “การนอนหลบั ทบั สทิ ธิ” 2.1.2 ระบบเสียงขา้ งมากธรรมดา มตี ัวแทนมากกว่า 1 คน ระบบเสยี งขา้ งมากธรรมดา มตี วั แทนมากกวา่ 1 คน (block vote: BV) ระบบนย้ี งั คงยดึ หลกั ของ FPTP แต่ปรับจากการแบ่งเขตเลือกต้ังเขตละ 1 คน เป็นเขตละหลายคน (multi member district) ผูไ้ ด้คะแนนสูงสดุ เรยี งตามล�ำดบั ของจ�ำนวนผแู้ ทนทพ่ี ึงมใี นเขตเลือกตั้งนัน้ เป็นผ้ชู นะการเลือกต้งั ดังนน้ั ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ สามารถลงคะแนนไดเ้ ทา่ กบั จ�ำนวนของผแู้ ทนทพี่ งึ มใี นเขตเลอื กตงั้ ซงึ่ อาจตดั สนิ ใจเลอื ก ผสู้ มัครจากพรรคการเมืองหน่งึ พรรคการเมืองใดทั้งหมดหรอื ท่ีเรยี กว่าเลอื ก “ยกทมี ” หรอื ตดั สนิ ใจเลอื ก ไม่ครบตามจ�ำนวนทีพ่ งึ มีผู้แทนกไ็ ด้ หรือเลอื กผ้สู มคั รคละพรรคกันไดต้ ามท่ีต้องการ ขอ้ ดขี องระบบนี้ 1. การเพิ่มจ�ำนวนผู้แทนในเขตเลือกตั้งให้กับประชาชน แทนท่ีประชาชนจะมีผู้แทนเพียงแค่ 1 คนเทา่ นนั้ ท�ำใหเ้ พมิ่ โอกาสในการทป่ี ระชาชนจะน�ำเสนอปญั หา ขอ้ รอ้ งเรยี นตา่ งๆ ทต่ี นม ี และหากในเขตเลือกตั้งนั้นมีผู้แทนมาจากต่างพรรคการเมืองก็จะเป็นโอกาสในการแข่งขัน การท�ำงานเพอ่ื รักษาคะแนนนยิ มทางการเมอื งเพอื่ การเลอื กต้ังคร้งั ตอ่ ไป 2. ความรับผิดชอบและการถูกตรวจสอบทางการเมือง ความเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนยุ่งยากแก ่ ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและความสะดวก รวดเร็วในการจัดการเลือกต้ังของคณะผู้จัดการเลือกต้ัง ไม่แตกตา่ งจากระบบผู้ไดท้ ี่ 1 ชนะเลือกต้ัง
41 ขอ้ เสยี ของระบบนี้ 1. ผลกระทบตอ่ ระบบพรรคการเมอื งและเสถยี รภาพของรฐั บาล ระบบนมี้ แี นวโนม้ ทจี่ ะท�ำให้ เกิดระบบหลายพรรค มากกว่าระบบ 2 พรรค เน่ืองจากผใู้ ชส้ ิทธิอาจตัดสนิ ใจเลือกผสู้ มัคร จากต่างพรรคจนครบจ�ำนวนผู้แทนที่พึงมีในเขตเลือกต้ัง แทนการเลือกผู้สมัครจากพรรค เดยี วกนั ทง้ั หมดหรอื ทเ่ี รยี กวา่ เลอื กแบบ “ยกทมี ” ท�ำใหพ้ รรคทมี่ ที นี่ งั่ ในสภามจี �ำนวนมากกวา่ 2 พรรค และไม่มีพรรคการเมืองใดครองท่ีน่ังในสภาเกินคร่ึง น�ำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลผสม ซ่งึ มปี ญั หาเสถยี รภาพเมือ่ เทยี บกบั รัฐบาลพรรคเดยี ว 2. เลอื กคนแทนเลอื กพรรค ดว้ ยเหตทุ ร่ี ะบบนก้ี �ำหนดใหเ้ ขตเลอื กตง้ั มผี แู้ ทนไดห้ ลายคน และ ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งเลอื กผสู้ มคั รจากพรรคเดยี วกนั ทง้ั หมด ระบบนจี้ งึ ไมส่ ง่ เสรมิ ตอ่ การสรา้ งความ เขม้ แขง็ ใหก้ บั พรรคการเมอื ง เพราะผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั อาจตดั สนิ ใจเลอื กผสู้ มคั รจากคณุ สมบตั ิ ส่วนตวั แทนทจ่ี ะเป็นพรรคการเมือง 3. การขาดความเปน็ เอกภาพภายในทมี ผสู้ มคั รของพรรค ระบบนอี้ าจสง่ ผลใหผ้ สู้ มคั รหาคะแนน เสยี งเพยี งล�ำพงั หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “ยงิ ลกู โดด” แทนการหาเสยี งเปน็ พรรคเพอื่ เปน็ หลกั ประกนั วา่ ตนเองจะชนะเลอื กตง้ั อยา่ งแนน่ อนเมอ่ื เทยี บกบั การหาเสยี งเปน็ ทมี ทอี่ าจมบี างคนแพใ้ หก้ บั พรรคคู่แข่งได้ ในบางกรณีอาจหาเสียงแข่งกันเองภายในพรรคโดยร่วมมือหรือ “ฮ้ัว” กับ ผสู้ มคั รพรรคคแู่ ขง่ เพอื่ หวงั ชนะรว่ มกนั เมอ่ื เหน็ วา่ พรรคคแู่ ขง่ มผี สู้ มคั รทไี่ ดร้ บั ความนยิ มสงู หากหาเสยี งเปน็ ทีมก็ยากที่จะชนะเลอื กต้ังได้ 2.1.3 ระบบเสยี งข้างมากธรรมดา เลอื กเปน็ พรรค ระบบเสียงข้างมากธรรมดา เลือกเป็นพรรค (party block vote: PBV) ระบบนี้ ในแต่ละ เขตเลือกต้ังมีผู้แทนมากกว่า 1 คน เช่นเดียวกับระบบเสียงข้างมากธรรมดา มีตัวแทนมากกว่า 1 คน แตค่ วามแตกตา่ งอยทู่ ผ่ี ใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั สามารถลงคะแนนไดเ้ พยี ง 1 เลขหมายเทา่ นน้ั โดยเปน็ การเลอื กผสู้ มคั ร เปน็ พรรค ซงึ่ สง่ ผสู้ มคั รเปน็ บญั ชรี ายชอื่ ครบตามจ�ำนวนผแู้ ทนทพี่ งึ มใี นเขตเลอื กตงั้ นนั้ พรรคการเมอื งใด ไดค้ ะแนนสงู สดุ ในเขตเลอื กตงั้ ผสู้ มคั รตามบญั ชรี ายชอื่ ทง้ั หมดในเขตเลอื กตง้ั กไ็ ดร้ บั การเลอื กตงั้ ทงั้ หมด ข้อดขี องระบบน้ี 1. เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนส�ำหรับประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกต้ัง และสะดวก รวดเร็วในการ จดั การเลอื กตัง้ แกค่ ณะผจู้ ัดการเลอื กตง้ั 2. การสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง เพราะประชาชนต้องมุ่งให้ความสนใจต่อ ตวั พรรคการเมอื งมากกวา่ ตวั ผสู้ มคั ร ในขณะเดยี วกนั พรรคการเมอื งสามารถเลอื กตวั บคุ คล
42 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา ที่หลากหลายเข้ามาในบัญชีรายช่ือ เช่น สตรี รวมถึงชนกลุ่มน้อยประเภทต่างๆ ที่ยากจะ ชนะเลือกตั้งหากสมัครในระบบผู้ได้ท่ี 1 ชนะเลือกตั้ง หรือระบบเสียงข้างมากธรรมดา มตี วั แทนมากกวา่ 1 คน ขอ้ เสียของระบบนี้ 1. ปัญหาความเป็นตัวแทนท่ีไม่ได้สัดส่วนกับประชากรในเขตเลือกตั้ง ไม่แตกต่างจากระบบ ผู้ได้ที่ 1 ชนะเลือกตั้ง เพราะพรรคที่ชนะเลือกต้ังได้คะแนนไม่เกินครึ่งหนึ่งของพรรค ท่แี พเ้ ลอื กตั้งหลายพรรครวมกนั (ในกรณีที่ลงสมคั รมากกวา่ 2 พรรค) 2. ระบบเสียงขา้ งมากเด็ดขาด ระบบเสียงขา้ งมากเด็ดขาด (majority system) จัดท�ำขึน้ ภายหลังใชร้ ะบบพหุนิยมมาระยะหน่งึ แล้วถูกวิจารณ์ว่ามีข้อเสียหลายประการดังท่ีได้กล่าวมา ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษท่ี 20 มีหลายประเทศ เปล่ียนแปลงจากระบบผู้ได้ที่ 1 ชนะเลือกตั้งแล้วหันมาใช้ระบบน้ีแทน ระบบน้ีจึงมีเป้าหมายเพ่ือแก้ไข จดุ ออ่ นของระบบพหนุ ยิ มโดยเฉพาะในแงข่ องความเปน็ ตวั แทนทแ่ี ทจ้ รงิ ของคนในเขตเลอื กตง้ั กลา่ วคอื ภายใตร้ ะบบเสยี งขา้ งมากเดด็ ขาดผชู้ นะเลอื กตงั้ คอื ผไู้ ดค้ ะแนนเสยี งเกนิ ครงึ่ ของผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ทง้ั หมด เพ่ือสะท้อนความเป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ในเขตเลือกต้ังอย่างแท้จริง ระบบเสียงข้างมาก เดด็ ขาดแบง่ ออกเปน็ 2 ระบบยอ่ ยดงั น้ี 2.2.1 ระบบเลือกตัง้ 2 รอบ ระบบเลือกตั้ง 2 รอบ (the two-round system: TRS) ระบบนี้ก�ำหนดให้มีการเลือกต้ัง 2 รอบแทนทจ่ี ะเปน็ รอบเดยี วอยา่ งทรี่ ะบบพหนุ ยิ มใช้ ทง้ั น้ี ในการเลอื กตง้ั รอบแรกหากไมม่ ผี สู้ มคั รรายใด ได้คะแนนเกินครึ่งของผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังท้ังหมด จะน�ำไปสู่การเลือกตั้งรอบที่ 2 แข่งขันกันเฉพาะผู้สมัคร ท่ีไดค้ ะแนนสูงสุด 2 อันดับแรกจากการเลือกตงั้ ในรอบแรก โดยทัว่ ไปมักจะจดั การเลือกต้งั รอบท่ี 2 หา่ ง จากรอบแรกประมาณ 1-2 สัปดาห์ อยา่ งไรก็ตาม มบี างประเทศในการเลอื กต้งั รอบที่ 2 ไม่ไดค้ ัดเฉพาะ ผู้ได้คะแนนเสียงสูงสุด 2 อันดับแรกเท่านั้น โดยอาจตั้งเกณฑ์คะแนนไว้ว่าหากผู้สมัครรายใดคะแนน ถงึ เกณฑท์ ก่ี �ำหนดกจ็ ะน�ำไปสกู่ ารเลอื กตง้ั รอบท่ี 2 ได้ ระบบการเลอื กตง้ั 2 รอบมกั ใชก้ บั ประเทศทเี่ ลอื กตง้ั ประธานาธิบดีโดยตรง นอกเหนือจากฝรั่งเศสแล้วก็ได้แก่ประเทศท่ีเคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ทัง้ หลาย รวมถึงประเทศทไี่ ดร้ บั อทิ ธิพลทางประวตั ศิ าสตรจ์ ากฝรง่ั เศส
43 ขอ้ ดขี องระบบเลอื กตง้ั 2 รอบ 1. การเปน็ ตวั แทนของผแู้ ทนในเขตเลอื กตง้ั อยา่ งแทจ้ รงิ เพราะผชู้ นะเลอื กตงั้ คอื ผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนน เสยี งเกนิ ครงึ่ ของผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ทง้ั หมด เนอื่ งจากน�ำผไู้ ดค้ ะแนนเสยี งสงู สดุ 2 อนั ดบั แรก จากการเลอื กตงั้ ครง้ั แรกมาแขง่ ในรอบท่ี 2 แตกตา่ งจากระบบผไู้ ดท้ ี่ 1 ชนะเลอื กตง้ั ซง่ึ อาจจะ ไดค้ ะแนนไม่เกินครง่ึ 2. การรบั ผดิ ชอบและถกู ตรวจสอบจากประชาชนในเขตเลอื กตง้ั ไดโ้ ดยงา่ ย เพราะความชดั เจน ในแงข่ องความเปน็ ตัวแทนของประชาชนในเขตเลอื กตง้ั ขอ้ เสยี ของระบบเลือกตัง้ 2 รอบ 1. ความถี่ในการเลือกต้ังที่จัดให้มีข้ึนถึง 2 คร้ังในเวลาห่างกันเพียง 1-2 สัปดาห์อาจท�ำให้ ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังเบ่ือหน่ายในการไปใช้สิทธิเป็นครั้งท่ี 2 โดยเฉพาะผู้ให้การ สนบั สนนุ ผสู้ มคั รทแ่ี พก้ ารเลอื กตงั้ รอบแรก อาจตดั สนิ ใจไมไ่ ปใชส้ ทิ ธใิ นการเลอื กตงั้ รอบ 2 2. ความยุ่งยากล�ำบากแก่คณะผู้จัดการเลือกตั้งที่ต้องจัดการเลือกตั้งถึง 2 รอบ โดยเฉพาะ ภายในระยะเวลารวดเร็วกระช้ันชดิ เพียง 1 - 2 สัปดาห์ภายหลงั จากการเลอื กตง้ั รอบแรก 2.2.2 ระบบทางเลอื กหรือการลงคะแนนตามลำ� ดบั ความชอบ ระบบทางเลือกหรือการลงคะแนนตามล�ำดับความชอบ (the alternative vote: AV or preferential voting) ระบบนผ้ี ชู้ นะคอื ผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนนเสยี งขา้ งมากหรอื เกนิ ครงึ่ ของผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ทงั้ หมด เช่นเดียวกับระบบเลือกตั้ง 2 รอบ แต่ต่างกันตรงท่ีระบบน้ีจัดการเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องจัด การเลือกตั้งในรอบท่ี 2 โดยในการลงคะแนนเสียง ผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังจะเลือกผู้สมัครที่ตนเองชื่นชอบ เรยี งตามล�ำดบั ความชอบมากทส่ี ดุ จนถงึ นอ้ ยทสี่ ดุ ดว้ ยการเขยี นหมายเลข 1 ส�ำหรบั ผทู้ ต่ี นชอบมากทส่ี ดุ และหมายเลขต่อๆ มาเรียงตามล�ำดับจนถึงล�ำดับสุดท้าย ตามจ�ำนวนของผู้สมัครในเขตเลือกต้ังน้ัน ในการนบั คะแนนหาผชู้ นะเลอื กตงั้ หากมผี สู้ มคั รคนใดไดค้ ะแนนในล�ำดบั ที่ 1 เกนิ ครงึ่ ของผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ทั้งหมด ก็จะเป็นผู้ชนะเลือกตั้งทันที แต่หากยังไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสียงข้างมาก ในการนับ คะแนนคร้ังแรกน้ีผู้สมัครที่ประชาชนเลือกเป็นล�ำดับที่ 1 ที่ได้คะแนนน้อยที่สุด จะถูกตัดออกไปจาก การแข่งขัน แตบ่ ัตรเลอื กต้งั ของผสู้ มัครรายนท้ี ี่ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลือกตั้งเลอื กในล�ำดับความชอบที่ 2 นนั้ คะแนน ก็จะถูกโอนไปยังผู้สมัครที่เหลืออยู่ที่ถูกระบุไว้ เพ่ือการพิจารณาหาผู้สมัครที่ได้รับการเลือกในล�ำดับ ความชอบท่ี 2 ท่ีได้คะแนนเสียงเกินคร่ึงหรือเสียงข้างมาก หากยังไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนเสียงเกิน ครง่ึ อกี กจ็ ะใชก้ ระบวนการดงั กลา่ วน้ี จนกวา่ จะไดต้ วั แทนในเขตเลอื กตงั้ นน้ั ประเทศทใ่ี ชร้ ะบบเลอื กตง้ั นี้ เชน่ ออสเตรเลีย สาธารณรฐั ไอรแ์ ลนด์ ฟจิ ิ
44 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา ข้อดขี องระบบน้ี 1. การเป็นตัวแทนของประชาชนในเขตเลือกตั้งอย่างแท้จริง เพราะผู้ชนะเลือกตั้งคือ ผู้ท่ีได้ คะแนนเสยี งเกินครงึ่ เชน่ เดียวกบั ระบบเลอื กตง้ั 2 รอบ 2. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง เม่ือเปรียบเทียบกับระบบการเลือกต้ัง 2 รอบ แต่ได้ผลลัพธท์ ี่ไมแ่ ตกตา่ งกันคอื ได้ผู้ชนะเลอื กตง้ั ที่มาจากเสียงขา้ งมาก ข้อเสยี ของระบบนี้ 1. สร้างความยากล�ำบากแก่ผู้ใช้สิทธิเลือกต้ัง เพราะต้องเขียนตัวเลขล�ำดับความชอบลงใน บัตรเลือกตั้ง บางประเทศท่ีประชาชนบางส่วนยังมีปัญหาเร่ืองการรู้หนังสืออาจก่อให้เกิด ปญั หาบัตรเสียจ�ำนวนมาก 2. สรา้ งความยากล�ำบากแกค่ ณะผจู้ ดั การเลอื กตงั้ ในการนบั คะแนน หรอื การรวบรวมคะแนน เพอื่ หาผชู้ นะเลอื กตง้ั ระบบจดั การเลอื กตง้ั ตอ้ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู เพอื่ ปอ้ งกนั ความผดิ พลาด หรอื การทุจรติ ในการนบั คะแนนทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ ได้ 2.3 ระบบสัดส่วน การวพิ ากษว์ จิ ารณท์ ม่ี ตี อ่ ระบบพหนุ ยิ ม และระบบเสยี งขา้ งมากในประเดน็ เรอื่ งความเปน็ สดั สว่ น ของตวั แทนกบั คะแนนเสยี งทป่ี ระชาชนลงใหก้ บั ผสู้ มคั รในแตล่ ะพรรคทไี่ มส่ มั พนั ธก์ นั ท�ำใหเ้ กดิ การคดิ คน้ ระบบสัดส่วน (proportional representation system: PR) ข้ึน ดังน้ันระบบน้ีจึงมีลักษณะที่ส�ำคัญคือ การแปรคะแนนเสยี งทผ่ี ใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ลงคะแนนใหก้ บั พรรค ใหส้ มั พนั ธก์ บั สดั สว่ นทน่ี ง่ั ของตวั แทนทพี่ งึ ม ี ในเขตเลือกตั้งนั้น เพื่อให้คะแนนเสียงทุกคะแนนมีความหมาย ไม่สูญเปล่าหรือที่เรียกกันว่าไม่ “ตกนำ้� ” ระบบสดั สว่ นแบง่ ออกเป็น 2 ระบบย่อยคอื ระบบสดั สว่ นแบบบัญชีรายช่ือ (list PR) และระบบถ่ายโอน คะแนนเสียงได้ (single transferable vote: STV) รายละเอยี ดมดี งั นี้ 2.3.1 ระบบสัดสว่ นแบบบญั ชรี ายชอ่ื ระบบนี้ก�ำหนดให้เขตเลือกตั้งมีผู้แทนได้มากกว่า 1 คนหรือเขตละหลายคน (multi member district) เพอื่ ให้ผลการเลือกตงั้ ไดต้ วั แทนที่สะท้อนความเปน็ สัดส่วนของคะแนนเสยี งกบั ผู้ชนะ เลือกต้ัง โดยพรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครเรียงตามล�ำดับในบัญชีรายช่ือไม่เกินจ�ำนวนของผู้แทนท่ีพึงมี
45 ในเขตเลือกต้ัง ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนเลือกเป็นพรรค ไม่ใช่เลือกเป็นรายบุคคล การคิดคะแนน หาผชู้ นะเลอื กตงั้ จะน�ำคะแนนทแี่ ตล่ ะพรรคไดร้ บั มาค�ำนวณ เพอื่ หาสดั สว่ นวา่ แตล่ ะพรรคจะไดท้ น่ี งั่ กที่ น่ี ง่ั และใครบา้ งทไี่ ดร้ บั การเลอื กตั้งเรียงตามล�ำดบั ทร่ี ะบไุ วใ้ นบญั ชรี ายชอื่ ข้อดีของระบบนี้ 1. ความเป็นตัวแทนครอบคลุมคนทุกกลุ่ม เพราะเปิดโอกาสให้กับพรรคการเมืองขนาดเล็ก ท่ีเป็นตัวแทนของคนเฉพาะกลุ่ม มีฐานเสียงสนับสนุนไม่มากนัก เช่น ชนกลุ่มน้อยได้มี โอกาสชนะเลอื กต้งั แขง่ ขนั กับพรรคการเมอื งขนาดใหญ่ได้ 2. การท�ำใหท้ ุกคะแนนเสยี งมีความหมาย ไม่สญู เปลา่ เพราะถกู น�ำไปค�ำนวณหาสัดสว่ นทน่ี งั่ ส่งผลในทางจิตวิทยา ท�ำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งท่ีให้การสนับสนุนพรรคการเมืองขนาดเล็ก อยากไปใช้สิทธิเลือกต้ัง อัตราการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือ “นอนหลับทับสิทธิ์” น้อยลง เพราะเชื่อวา่ คะแนนเสยี งของตนเองก็มีความหมายตอ่ อนาคตทางการเมืองของประเทศ 3. ความเขา้ ใจทง่ี า่ ย ไมย่ งุ่ ยากซบั ซอ้ นส�ำหรบั ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั เพราะลงคะแนนเลอื กเปน็ พรรค ในขณะเดยี วกนั กเ็ ปน็ การสง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ของพรรคการเมอื ง และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง พรรคการเมอื งกับประชาชน ข้อเสยี ของระบบนี้ 1. ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างผู้แทนกับประชาชนในเขตเลือกต้ังขาดหายไป เน่ืองจาก ประชาชนตัดสินใจเลือกด้วยการพิจารณาพรรคแทนการพิจารณาตัวบุคคล ซึ่งพรรคเป็น ผู้สรรหามาให้ในบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังมีอ�ำนาจน้อยในการก�ำหนดคุณสมบัติของ บุคคลท่ีจะมาเป็นตัวแทนในเขตเลือกต้ัง อีกทั้งหากใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ผู้สมัคร จ�ำนวนมากในบัญชรี ายช่อื อาจไมเ่ ป็นท่รี ูจ้ กั ของผู้ใชส้ ิทธเิ ลือกตัง้ ในแตล่ ะพืน้ ท่ี 2. การเกดิ ระบบพรรคการเมอื งแบบหลายพรรค (multiparty system) สบื เนอื่ งจากพรรคการเมอื ง ตา่ งๆ รวมถงึ พรรคการเมอื งขนาดเลก็ มโี อกาสจะไดร้ บั การเลอื กตงั้ สง่ ผลใหพ้ รรคการเมอื ง ทม่ี ตี วั แทนเขา้ สสู่ ภามจี �ำนวนมาก มคี วามแตกตา่ งทางอดุ มการณแ์ ละความคดิ ทางการเมอื ง สูง และน�ำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค ซึ่งมีปัญหาท�ำให้ขาดความเป็นเอกภาพ ดา้ นนโยบายและปญั หาเสถยี รภาพของรฐั บาล ในขณะเดยี วกนั กท็ �ำใหป้ ระชาชนไมส่ ามารถ ตรวจสอบการท�ำงานของรฐั บาลไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ ตา่ งจากระบบพหนุ ยิ มและระบบเสยี งขา้ งมาก ทรี่ ฐั บาลมกั เปน็ รฐั บาลพรรคเดยี ว ซง่ึ งา่ ยตอ่ การตรวจสอบและการตดั สนิ ใจในการเลอื กตงั้ คร้ังต่อไป
46 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 3. การสร้างอ�ำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคเหนือตัวผู้สมัคร แม้ว่าระบบนี้เป็นผลดี ในการสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง เพราะประชาชนตัดสินใจเลือกจากตัวพรรค มากกวา่ ตวั ผสู้ มคั ร แตค่ ณะกรรมการบรหิ ารของพรรคมอี �ำนาจในการตดั สนิ ใจ วา่ ใครจะได้ เป็นผู้สมัครและอยู่ในบัญชีรายช่ือล�ำดับใด เปิดโอกาสให้คณะกรรมการบริหารพรรคสร้าง อ�ำนาจ อิทธิพลทางการเมืองต่อตัวผู้สมัคร ท�ำให้ผู้สมัครให้ความส�ำคัญต่อผู้บริหารพรรค มากกว่าประชาชนในเขตเลือกต้งั 2.3.2 ระบบถ่ายโอนคะแนนเสยี ง ด้วยเหตุท่ีระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายช่ือมีจุดอ่อน หรือข้อเสียในด้านการมีอ�ำนาจของ พรรคการเมอื งเหนอื ผสู้ มคั รในการจดั ล�ำดบั ในบญั ชรี ายชอื่ ซง่ึ ผมู้ รี ายชอ่ื ในล�ำดบั ตน้ ๆ ยอ่ มมโี อกาสไดร้ บั การเลอื กตงั้ มากกวา่ ผอู้ ยใู่ นล�ำดบั ทา้ ยๆ ระบบถา่ ยโอนคะแนนเสยี งจงึ ถกู คดิ คน้ เพอื่ อดุ ชอ่ งโหวน่ ี้ โดยใน เขตเลอื กตงั้ ซง่ึ มผี แู้ ทนไดห้ ลายคน เชน่ เดยี วกบั ระบบสดั สว่ นแบบบญั ชรี ายชอ่ื ไดก้ �ำหนดใหผ้ ใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ เลือกผู้สมัครด้วยการเรียงล�ำดับตามความชอบ และจากต่างพรรคการเมืองก็ได้ อีกท้ังไม่จ�ำเป็นต้อง จัดล�ำดับความชอบผูส้ มัครทกุ คน อาจเลอื กผู้สมคั รเพียงคนเดยี วก็ได้ การนับคะแนนหาผู้ชนะเลือกต้ังจะเร่ิมต้นด้วยการก�ำหนดโควตาของคะแนนเสียง ทีเ่ ปน็ เกณฑ์ส�ำหรบั ที่น่ัง 1 ทน่ี ัง่ โดยปกตใิ ช้โควตาแบบดรปู้ (Droop Quota) คอื คะแนนเสียงเลือกตัง้ ทัง้ หมดรวมกัน โควตา = ------------------------------------------- + 1 จ�ำนวนทน่ี ง่ั ทง้ั หมด + 1 รายละเอียดมีดังนี้คือ สมมติในเขตเลือกตั้งหนึ่งมีจ�ำนวนผู้แทนที่พึงมีได้ 5 คน มีผลู้ งคะแนนเสยี งท้งั หมด 300,000 คน การค�ำนวณหาโควตากจ็ ะเป็น 300,000 หารด้วย 5+1 เทา่ กับ 50,000 จากนน้ั น�ำมา +1 กจ็ ะไดผ้ ลลพั ธเ์ ปน็ 50,001 คะแนน ผชู้ นะการเลอื กตง้ั คนแรกคอื ผทู้ ไี่ ดค้ ะแนน ความชอบล�ำดบั ท่ี 1 ทคี่ ะแนนถงึ 50,001 คะแนนตามโควตา ตอ่ มาหาผชู้ นะเลอื กตงั้ คนท่ี 2 ซง่ึ ในรอบน้ี จะมีการตดั สิทธผิ สู้ มคั รท่ไี ดค้ ะแนนนยิ มในล�ำดับแรกน้อยทส่ี ดุ ออกจากการแขง่ ขัน แลว้ ถ่ายโอนคะแนน ของผสู้ มคั รรายนไี้ ปใหแ้ กผ่ สู้ มคั รทไ่ี ดค้ ะแนนนยิ มเปน็ คนทส่ี อง รองลงมาจากคนแรกทไี่ ดร้ บั เลอื กไปแลว้ รวมถงึ คะแนนสว่ นเกนิ โควตาของผทู้ ไี่ ดร้ บั เลอื กเปน็ คนแรก กจ็ ะถกู ถา่ ยโอนไปใหผ้ ไู้ ดร้ บั ความนยิ มเปน็ ล�ำดบั
47 ทสี่ องดว้ ยและเรมิ่ นบั คะแนนจนกระทงั่ คนทสี่ องไดค้ ะแนนครบตามโควตา 50,001 คะแนน กระบวนการ น้ีจะด�ำเนินการตอ่ ไปเรื่อยๆ จนกระท่ังไดผ้ สู้ มคั รครบตามจ�ำนวน 5 ท่ีนั่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ระบบน้ียุ่งยาก ซับซ้อน จึงเป็นระบบที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด มีเพยี ง 2-3 ประเทศเทา่ น้ันท่ีใช้ เชน่ การเลอื กตง้ั วฒุ สิ ภาของออสเตรเลยี ขอ้ ดขี องระบบถ่ายโอนคะแนนเสยี ง 1. ความเป็นตัวแทนของผู้แทนที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่มตามสัดส่วนของคะแนน แม้กระทั่ง ชนกลมุ่ นอ้ ยกม็ โี อกาสชนะเลอื กตงั้ ในเขตเลอื กตงั้ ซงึ่ มตี วั แทนไดห้ ลายคน หรอื ผสู้ มคั รอสิ ระ กม็ โี อกาสชนะเลือกตัง้ ไดเ้ ช่นเดียวกัน 2. ผู้มีสิทธิเลือกต้ังมีอิสระในการเลือกผู้สมัครแต่ละคนตามล�ำดับความชอบ แตกต่างจาก ระบบสดั สว่ นแบบบญั ชรี ายชอื่ ทพี่ รรคการเมอื งเปน็ ผจู้ ดั ล�ำดบั ผสู้ มคั ร โดยผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ไมม่ ีอสิ ระในการเลือกผ้สู มคั รเพราะตอ้ งเลือกเป็นพรรค 3. ลดบทบาทของพรรคเพิ่มอ�ำนาจของผู้สมัคร ในการได้มาซึ่งโอกาสและคะแนนเสียงให้ได ้ ชัยชนะในการเลือกต้ัง เม่ือเทียบกับระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายช่ือ ซึ่งพรรคการเมือง มีอ�ำนาจเหนือผู้สมคั รในการจดั ล�ำดับรายชอ่ื แต่ระบบถ่ายโอนคะแนนเสียงได้โอนอ�ำนาจ ไปให้แก่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งแทนพรรค ซ่ึงหมายถึงโอกาสที่ผู้สมัครจะชนะเลือกต้ัง ได้เป็น ตวั แทนมมี ากกวา่ ในระบบสัดสว่ นแบบบญั ชีรายชื่อที่ถกู ก�ำหนดโดยพรรค ข้อเสียของระบบน้ี 1. ความยงุ่ ยาก ซบั ซอ้ นในการลงคะแนน เนอื่ งจากตอ้ งระบคุ วามนยิ มเรยี งตามล�ำดบั ในสงั คม ทป่ี ระชาชนยังมอี ตั ราการรู้หนงั สือต่ำ� มแี นวโนม้ ท่ีจะเกดิ ปัญหาบตั รเสยี สูง 2. ปญั หาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แทนกบั ประชาชน เนอื่ งจากเขตเลอื กตง้ั มขี นาดใหญ่ พน้ื ที่ รับผิดชอบของตัวแทนจึงกว้างใหญ่ ตัวแทนกับประชาชนในพ้ืนที่ย่อมยากล�ำบากในการ สร้างความใกล้ชดิ เพอ่ื รับรู้ปญั หาต่างๆ 3. ความยากล�ำบากต่อคณะผู้จัดการเลือกต้ัง โดยเฉพาะในด้านการนับคะแนนเพื่อหาผู้ชนะ เลือกต้ัง เนื่องจากมีความซับซ้อน หากขาดเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ช่วย ในการนบั และค�ำนวณคะแนนกจ็ ะท�ำให้การนับคะแนนและการประกาศผลล่าชา้
48 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา 2.4 ระบบผสม ระบบผสม (mixed member system: MMS) เป็นระบบการเลือกต้ังท่ีพยายามผสมผสาน ข้อดีของระบบพหุนิยม ระบบเสียงข้างมากและระบบสัดส่วนเข้าด้วยกันเพื่อลดจุดด้อยที่ระบบต่างๆ ถกู วพิ ากษ์วิจารณ์ ระบบนีจ้ งึ ใช้ระบบการเลอื กต้งั 2 ระบบพร้อมกันในการเลอื กตงั้ คร้ังเดียวกนั สามารถ ใชร้ ะบบสดั สว่ นผสมกบั ระบบพหนุ ยิ มหรอื เสยี งขา้ งมากธรรมดา หรอื ระบบสดั สว่ นผสมกบั ระบบเสยี งขา้ ง มากเดด็ ขาดก็ได ้ การเลอื กตง้ั ระบบนจี้ ึงแบง่ ย่อยออกเป็น 2 ระบบคอื ระบบผสมการแบง่ เขตกับสดั สว่ น หรือระบบสดั สว่ นที่มสี มาชิกแบบผสม (mixed member proportional: MMP) และระบบค่ขู นานระหวา่ ง การแบ่งเขตและสัดส่วน (parallel system) หรือระบบผสมท่ีเน้นเสียงข้างมากเด็ดขาด (mixed member majoritarian: MMM) รายละเอียดมีดังน้ี 2.4.1 ระบบผสมการแบง่ เขตกบั สดั ส่วน หรือระบบสัดส่วนที่มสี มาชิกแบบผสม ระบบนี้จัดการเลือกต้ังด้วยการน�ำระบบพหุนิยมหรือเสียงข้างมากธรรมดา ซึ่งมักจะแบ่ง เขตเลือกต้ังเป็นแบบเขตละ 1 คน ผสมกับระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายช่ือ ผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังจึงต้องม ี การเลอื กใน 2 ลกั ษณะคอื ในบตั รเลอื กตงั้ ใบเดยี วจะมที งั้ สว่ นของการเลอื กผสู้ มคั รในระบบเขต และสว่ นของ การเลอื กพรรคในระบบบญั ชรี ายชอื่ บางประเทศแยกบตั รเลอื กตง้ั ออกเปน็ 2 ใบ คอื บตั รเลอื กตงั้ ผสู้ มคั ร ในระบบเขตและบัตรเลือกต้ังพรรคในระบบบัญชีรายชื่อ ระบบน้ีมีลักษณะท่ีส�ำคัญคือ การใช้คะแนน จากบัตรเลือกต้ังในระบบบัญชีรายช่ือพรรคมาจัดสรรที่นั่ง เพ่ือเป็นการชดเชยท่ีนั่งในระบบเขตเลือกต้ัง เพื่อแกป้ ัญหาการไม่ได้สัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกบั จ�ำนวนทนี่ ่ังในสภา ซึ่งเปน็ จดุ ออ่ นหลักของระบบ พหนุ ิยม การค�ำนวณหาท่นี ั่งในระบบน้มี ีรายละเอียดดงั น้ี 1. ให้น�ำคะแนนเสียงจากระบบบัญชีรายช่ือท้ังหมดของทุกพรรคการเมือง มารวมกัน เพ่อื ค�ำนวณหาจ�ำนวนท่นี ัง่ ตามสัดส่วนท่แี ตล่ ะพรรคการเมอื งนั้นจะพงึ มีได้ทั้งประเทศ 2. ให้น�ำจ�ำนวนที่น่ังทั้งหมดที่พรรคการเมืองน้ันจะพึงมีได้ มาเทียบกับจ�ำนวนท่ีนั่งแบบแบ่ง เขตเลือกต้ัง ที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้ง เพื่อค�ำนวณหาจ�ำนวนที่นั่งแบบบัญชี รายชอื่ เม่ือทราบแล้วว่าแต่ละพรรคจะไดท้ นี่ ่งั เท่าไร ตอ้ งเอาจ�ำนวนท่นี งั่ ทพ่ี รรคการเมอื ง พึงจะมีได้มาลบกับจ�ำนวนที่นั่งที่ได้รับจากระบบแบ่งเขตเลือกต้ัง ผลลัพธ์ที่ได้คือ จ�ำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายช่ือที่พรรคน้ันจะได้รับ เช่น พรรค ก.จะต้องได้ ส.ส.ท้ังสภา 50 คน แตไ่ ด้ ส.ส.จากระบบแบง่ เขตแลว้ 30 คน ดงั นน้ั พรรค ก.จะตอ้ งได้ ส.ส.จากระบบบญั ชรี ายชอื่ เพิม่ อีกจ�ำนวน 20 คน เพอื่ ให้เท่ากบั จ�ำนวนทน่ี งั่ ท้ังหมดทีพ่ รรคนั้นพึงมีได้
49 3. ในกรณที พ่ี รรคการเมอื งใดมจี �ำนวน ส.ส. แบบแบง่ เขตรวมกนั แลว้ เทา่ กบั หรอื มากกวา่ จ�ำนวน ส.ส.ทพ่ี งึ มไี ด้ ใหพ้ รรคการเมอื งนนั้ มี ส.ส.เฉพาะทไ่ี ดร้ บั เลอื กตงั้ จากระบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ เท่าน้นั ไม่มีส.ส.ทีม่ าจากระบบบัญชีรายชื่อเลย ประเทศทีใ่ ชร้ ะบบเลือกตงั้ น้ี ซ่ึงเป็นที่รู้จกั กนั อยา่ งแพรห่ ลายคือ เยอรมนี จนท�ำให้ถูกเรยี ก ในอกี ชอื่ หน่ึงวา่ ระบบเลอื กตัง้ แบบเยอรมนี ข้อดีของระบบนี้ 1. การแกไ้ ขปญั หาชอ่ งโหวท่ ม่ี าจากระบบพหนุ ยิ ม หรอื ระบบเสยี งขา้ งมากธรรมดาทไี่ มส่ ะทอ้ น ความเปน็ ตวั แทนทแี่ ท้จริงเนื่องจากจ�ำนวนคะแนนเสยี งไม่ได้สัดสว่ นกบั ตวั แทน 2. เปิดโอกาสให้กับพรรคการเมืองขนาดเล็ก พรรคการเมืองของคนเฉพาะกลุ่มได้มีตัวแทน ของตนในสภา เช่น พรรคของชาติพนั ธ์หรอื ชนกลุ่มนอ้ ย ข้อเสยี ของระบบนี้ 1. ความยงุ่ ยาก ซับซ้อนในการท�ำความเข้าใจให้กบั ผ้ใู ชส้ ิทธเิ ลือกตั้ง และฝา่ ยจดั การเลอื กตั้ง ในการคิดคะแนนหาผ้ชู นะเลอื กตงั้ 2. อาจเกดิ การแบง่ แยกในหมสู่ มาชกิ สภาระหวา่ งสมาชกิ ทม่ี าจากระบบเขตเลอื กตง้ั กบั สมาชกิ ทมี่ าจากระบบบัญชีรายช่อื 3. เนอ่ื งจากเปน็ ระบบทเี่ ปดิ โอกาสใหก้ บั พรรคการเมอื งขนาดเลก็ อาจน�ำไปสรู่ ะบบพรรคการเมอื ง แบบหลายพรรค ไมม่ พี รรคการเมอื งใดไดเ้ สยี งขา้ งเดด็ ขาดหรอื เกนิ ครง่ึ ท�ำใหเ้ กดิ รฐั บาลผสม ซง่ึ อาจส่งผลตอ่ ปญั หาเสถยี รภาพ 2.4.2 ระบบคขู่ นานระหวา่ งการแบง่ เขตและสดั สว่ นหรอื ระบบผสมทเ่ี นน้ เสยี งขา้ งมาก เด็ดขาด ระบบน้ีไม่ต่างจากระบบผสมการแบ่งเขต กับสัดส่วนในด้านการใช้สิทธิเลือกตั้งที่ต้อง เลือกท้ังผู้สมัครในระบบเขตเลือกต้ัง และระบบบัญชีรายช่ือพรรค บางประเทศใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แล้วแยกส่วนให้เลือกระหว่างผู้สมัครในระบบเขต กับผู้สมัครในระบบบัญชีรายช่ือพรรค เช่น เกาหลีใต้ บางประเทศใชบ้ ตั รเลอื กตงั้ 2 ใบแยกจากกนั เชน่ ญป่ี นุ่ และไทยในการเลอื กตง้ั ตามรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แต่ความแตกต่างอยู่ที่การคิดคะแนนเพ่ือหาผู้ชนะเลือกต้ัง โดยระบบน้ี จะแยกการคิดคะแนนระหว่างผู้สมัครท้ัง 2 ประเภทออกจากกัน หรือแยกเป็นอิสระจากกัน ไม่มีการน�ำ
50 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา คะแนนของทงั้ 2 ระบบมาคดิ คะแนนรว่ มกนั และไมม่ กี ารชดเชยคะแนนจากระบบบญั ชรี ายชอ่ื เพอ่ื น�ำมา จดั สรรทน่ี ง่ั ทขี่ าดหายไปจากระบบเขตเลอื กตงั้ ซงึ่ บง่ ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ระบบนไ้ี มส่ นใจในประเดน็ การไมส่ ะทอ้ น สัดส่วนของคะแนนท่ีแทจ้ ริง ของพรรคการเมอื งกบั จ�ำนวนท่นี ั่งในสภา เนือ่ งจากระบบน้ถี ูกออกแบบมา เพ่ือให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภา ดังน้ัน ในประเทศต่างๆ จึงให้ความ ส�ำคญั กบั ส.ส. ในระบบเขตเลือกตั้งดว้ ยการก�ำหนดให้ส.ส.ในระบบเขตเลือกตงั้ ซึง่ ใชร้ ะบบเลอื กตง้ั แบบ พหนุ ยิ มหรอื เสยี งขา้ งมากธรรมดาเขตละ 1 คน มจี �ำนวนมากกวา่ ส.ส. ทม่ี าจากระบบบญั ชรี ายชอ่ื แทนที่ จะมีสัดส่วนเท่าเทียมกัน เช่น ญี่ปุ่น จ�ำนวนส.ส. แบบแบ่งเขต 60% ส่วนส.ส. แบบบัญชีรายช่ือ 40% บางประเทศขาดความสมดุลเปน็ อยา่ งมาก เช่น เกาหลีใต้ 80% เปน็ ส.ส. ในระบบเขตเลอื กตัง้ สว่ นส.ส. จากระบบบญั ชรี ายชอ่ื มเี พยี ง 20% เทา่ นน้ั อยา่ งไรกต็ าม ปจั จบุ นั ระบบนม้ี ใี ชใ้ น 21 ประเทศ และไดร้ บั ความนิยมอย่างสูงในการออกแบบระบบเลอื กตัง้ นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นตน้ มา ขอ้ ดขี องระบบนี้ 1. พรรคขนาดใหญ่มีโอกาสชนะเลือกตั้งได้จ�ำนวนท่ีน่ังเกินครึ่ง น�ำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล พรรคเดยี ว ก่อใหเ้ กดิ รัฐบาลทม่ี ีเสถยี รภาพสูง 2. ท�ำให้ผมู้ สี ิทธเิ ลอื กต้ังสามารถแยกการเลอื ก ระหวา่ งผูส้ มคั รทช่ี ่นื ชอบในระบบเขตเลอื กต้ัง กับพรรคการเมืองที่ตนพึงพอใจในระบบบัญชีรายช่ือได้อย่างชัดเจน หรือท่ีเรียกว่า “เลอื กคนท่รี ัก เลอื กพรรคทชี่ อบ” ขอ้ เสียของระบบนี้ 1. ระบบนไี้ มช่ ว่ ยแกไ้ ขปญั หาการไมส่ ะทอ้ นความเปน็ ตวั แทนทแ่ี ทจ้ รงิ ทมี่ าจากจ�ำนวนคะแนน เสียงไม่ได้สัดส่วนกับตัวแทนที่ได้รับการเลือกต้ัง เพราะการคิดคะแนนแยกอิสระจากกัน แตกตา่ งจากระบบผสมการแบ่งเขตกับสดั สว่ น 2. อาจเกดิ การแบง่ แยกในหมสู่ มาชกิ สภาระหวา่ งสมาชกิ ทมี่ าจากระบบเขตเลอื กตงั้ กบั สมาชกิ ทมี่ าจากระบบบัญชีรายช่ือไม่ต่างจากระบบผสมการแบ่งเขตกบั สดั สว่ น ระบบอ่นื ๆ ระบบการเลอื กตงั้ ตา่ งๆ ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ เปน็ ระบบหลกั ซง่ึ สามารถจดั กลมุ่ หรอื จดั ประเภทได้ แตย่ ังมีอีกหลายระบบทีไ่ มอ่ าจจัดกลุม่ หรอื ประเภทได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161